xs
xsm
sm
md
lg

ในรอยรัก ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอยรัก
ตอนที่ 19

ศิธานั่งก้มหน้านิ่งขณะถูกศักดาสวดยับ ศักดาเดินไปเดินมาปากก็ด่าศิธาไม่หยุด

“ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับยัยแม็กกี้” ศิธาเงยหน้าขึ้นทำท่าจะอ้าปากเถียงแต่ไม่ทันผู้เป็นพ่อ ศักดาชี้หน้าศิธา
“ยังจะอ้าปากเถียงอะไรอีก ถ้าฉันเป็นแกตอนนี้จะไม่มีทางมายืนอยู่ตรงนี้รอยัยแม็กกี้มาแหกอกที่นี่แน่ๆ นู่นออกนอกประเทศไปแล้ว นี่แกมันดีแต่โง่”
ศักดาพูดจบก็มองเลยไปที่ประตูที่เปิดออกพลัวะ เกวลินก้าวฉับเข้ามาจ้องศิธาอย่างเอาเรื่อง
“ลูกคุณไม่ได้โง่คนเดียวหรอกค่ะ”
ศิธาหันขวับไปที่เกวลิน หน้าเหวอ
“เก๋ มาทำอะไรที่นี่ กลับไปเดี๋ยวนี้ไป”

เกวลินย่างสามขุมเข้าไปยืนจ้องหน้าศิธา
“ถามว่ามาทำไมน่ะเหรอ ฉันก็มาเพื่อจะบอกให้พ่อเธอรู้ไงว่าไอ้เงินที่พ่อส่งมาน่ะ เธอเอาไปลงทุนที่ไหน”
ศิธาเบิกตาโพลงลุกขึ้นจะผลักเกวลินออกไป
“เธอพูดอะไรของเธอ เงินพ่อฉันก็เอาไปลงทุนทำสตูฯ น่ะสิ ไปกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องบุกมาง้อฉันถึงที่นี่ ยังไงฉันก็ไม่เอาเธอ ไป”
ศักดาตวาดศิธาแล้วหันไปทางเกวลิน
“ไอ้ศิธาหยุด... พูดเรื่องของเธอให้จบ ไม่ต้องไปสนไอ้ลูกทรพีชั้น”

ศิธาเสียฟอร์มสุดๆ เกวลินเหยียดปากเยาะ จ้องหน้าศิธาอย่างโกรธแค้น
“เงินที่คุณส่งมาให้น่ะ เขาเอาไปลงทุนในบ่อนโน่น ส่วนไอ้สตูดิโอที่เห็นทุกวันนี้มันเป็นเงินของฉันทั้งนั้นแหละค่ะ”
ศิธาโกรธเกวลินจนตัวสั่นทำท่าจะพุ่งใส่เกวลิน ศักดาปราดเข้าไปตบหน้าศิธาก่อน ศิธาชะงักงัน มองหน้าศักดา
“ป๊า... แกนังตัวดี”
ศิธาเข้าไปกระชากเกวลิน ดุสิตพรวดพราดเข้ามา
“เฮ้ย หยุดนะ!” ดุสิตปราดเข้าต่อยหน้าศิธาแล้วกระชากเกวลินมา
“ไอ้หน้าด้าน เอาเงินเขาไปยังจะมีหน้าไปทำร้ายเขาอีกเหรอวะ เก๋ก็เหมือนกัน ทำไมดื้ออย่างนี้ บอกไม่ให้มาๆ”
ศักดาเซเกาะขอบโต๊ะชี้หน้าดุสิต ขณะที่มือหนึ่งก็กุมขมับด้วยอาการความดันขึ้นเฉียบพลัน
“ป๊า!” ศิธาตกใจ
ดุสิตโอบร่างเกวลินพาออกไป เกวลินหันกลับมาที่ศิธา
“ฉันไม่ได้คิดจะมาทวงเงินคืนหรอกนะ ก็แค่จะมาบอกให้พ่อเธอตาสว่างซะทีหลังจากที่โดนลูกชั่ว ๆ อย่างเธอหลอกมานาน ..เหมือนฉัน”
เกวลินพูดจบก็ออกไปพร้อมดุสิต ศิธาร้อนรน พูดกับศักดา
“ป๊า ป๊าอย่าไปฟังพวกมัน มันแค้นที่ผมทิ้งมัน มันถึงต้องสร้างเรื่องแบบนี้ ที่เห็นน่ะก็ผัวใหม่มัน มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้วนะ ป๊าเชื่อผมนะ ...ป๊า”

ศักดามองหน้าศิธาอย่างผิดหวัง
“ไอ้ลูกไม่รักดี แกออกไป ออกไป๊!”
ศิธาอึ้งไปแต่ก็ย้อนกลับศักดาทันควัน
“ป๊าจะมาด่าแต่ผมไม่ได้หรอก ป๊าเองน่ะแหละที่วันๆ ก็ทิ้งผมขลุกอยู่แต่ในบ่อน ผมเห็นยังไงผมก็ทำอย่างนั้นแหละ มันแปลกตรงไหน”
ศักดาเงื้อมือขึ้นจะตบศิธา ศิธาไม่หลบแต่มองหน้าศักดาน้ำตาไหลศักดากัดฟันกรอดมือร่วงลงข้างตัว
“แกมัน...ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้”
ศิธามองหน้าศักดาแววตาแข็งกร้าว
“เอะอะป๊าก็จะตีผม ต่อไปนี้ผมจะเป็นตัวผมเองไม่สนใจใครอีกต่อไป ป๊าเกลียดกะเทยนักใช่มั้ย ผมจะบอกให้โลกทั้งโลกรู้ว่าผมเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย! ผมเป็นเกย์!”
ศักดาฟาดมือลงที่หน้าศิธาทันทีที่พูดจบ ศิธามองหน้าศักดาอย่างเจ็บปวดน้ำตาไหลพราก

ดิสิตพาเกวลินกลับมาที่ออฟฟิศ เกวลินร้องไห้ลั่นอย่างอัดอั้น ดุสิตยื่นกระดาษทิชชูให้เกวลินเช็ดน้ำตา แล้วโอบไหล่เกวลินพยายามจะปลอบใจ
“แกจะไปร้องไห้เสียน้ำตาให้ไอ้ผู้ชายประเภทนั้นทำไมว้า ตัดใจซะเถอะ”
เกวลินเช็ดน้ำตาไปพูดไป
“ตัดใจน่ะมันชัวร์อยู่แล้ว ไอ้ที่ร้องไห้เนี่ยมันแค้นด้วย ฉันหมดตังค์ไปตั้งเยอะนะแก ไหนจะสตูฯ ไหนจะไม่รวมไอ้ที่ไปเซ็นค้ำให้อีกน่ะ ฮือ...”
เกวลินยิ่งพูดยิ่งร้องไห้
“แกก็รู้ เงินน่ะไม่ตายก็หาเอาใหม่ ถ้าฉันเป็นแกตอนนี้ฉันจะไม่เสียเวลามานั่งร้องไห้เลย เอาเวลาไปคิดหาเงินใหม่ยังดูฉลาดกว่านะ”

เกวลินสั่งน้ำมูกพรืดแล้วปาใส่ดุสิต
“ไอ้สิต แกมีหน้าที่ปลอบใจฉันไม่ใช่ซ้ำเติม เงินตั้งเป็นสิบล้านแกจะไม่ให้เวลาฉันร้องไห้บ้างเลยเหรอ ฮือ ๆ”
ดุสิตเบิกตาโพลง
“ตั้งสิบล้าน... งั้นเปลี่ยนใหม่ ถ้าฉันเป็นแกฉันเอาปืนไปจ่อขมับมันตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
มัสลินกำลังเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ ได้ยินดุสิตพูดก็หยุดกึก
“สิบล้าน อะไรกันคะ นี่นายศิธาสร้างหนี้ให้พี่เก๋เยอะขนาดนั้นเชียวเหรอคะ”

เกวลินพอเห็นมัสลินก็สงบลงได้บ้าง
“ไม่มีอะไรหรอกมัส พี่ก็บ่นไปอย่างนั้นเอง คนอย่างศิธาไม่คุ้มที่เราจะไปตามราวีหรอก”
“แต่มันกี่ครั้งกันแล้วล่ะคะที่พี่เก๋ถูกไอ้มนุษย์ชั่วคนนี้กระทำ ทำไมเราต้องยอมมันไปตลอดด้วย”
เกวลินค้อนดุสิต บ่นหมุบหมิบ
“ไอ้บ้าสิต เห็นมั้ยเล่า บอกว่าอย่าเสียงดังๆ”
มัสลินครุ่นคิดหาทางช่วยเกวลินด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

มัสลินหอบดอกไม้สดช่อใหม่เข้ามาในห้องพักคิม
พยาบาลกำลังเก็บอุปกรณ์วัดความดันลงกล่องหันมายิ้มให้มัสลิน
“คุณมัสลินเพิ่งมาถึงเหรอคะ เมื่อสักครู่มีคนมาเยี่ยมคุณคิมด้วยค่ะ เพิ่งกลับออกไปไม่ถึง 5 นาทีนี่เอง”
มัสลินทำหน้าตกใจคิดว่าเป็นพวกศักดาก็ละล่ำละลักถามพยาบาล
“คนมาเยี่ยม ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ หน้าตาเป็นยังไง คุณพยาบาลมองดูแล้วไว้ใจได้หรือเปล่า”
พยาบาลยิ้มขำในท่าทีมัสลิน
“ผู้หญิงค่ะ น่าไว้ใจสิคะ ดูดีเชียว พยาบาลขอตัวนะคะเดี๋ยวเย็นๆ จะมาเช็ดตัวให้อีกทีค่ะ”
พยาบาลเดินออกไปแล้วมัสลินก็ยืนนิ่งคิด
“ใครกัน...”

มัสลินคิดไม่ออกถอนหายใจแล้วเดินถือดอกไม้ไปที่แจกันข้างเตียง
แม็กกี้ แม่ของคิมดันประตูเข้ามายืนเงียบๆ แอบดูมัสลินง่วนกับการเปลี่ยนดอกไม้อยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าพอใจ...
มัสลินดึงดอกไม้เหี่ยวออกมาจากแจกันแล้วเปลี่ยนใส่ช่อใหม่ลงไปแทน พอจับแต่งดอกไม้เข้าที่เข้าทางเล็กน้อยแล้วก็หยุด ถอยหลังออกมายืนยิ้มชื่นชมกับผลงานของตัวเอง
“มัสเปลี่ยนดอกไม้ให้แล้วนะคะ ไม่รู้คุณคิมจะชอบหรือเปล่า เอาเป็นว่าตอนนี้ตามใจมัสไปก่อน ถ้าคุณคิมฟื้นขึ้นมาคราวนี้มัสจะตามใจคุณคิมทุกอย่างเลยค่ะ”

มัสลินหยิบดอกไม้เดิมที่เปลี่ยนแล้วจะเดินไปทิ้งที่ถังขยะแต่ต้องผงะเมื่อเห็นแม็กกี้ ยืนยิ้มสง่าอยู่ตรงหน้า
“คุณ....”
“ฉันชื่อแม็กกี้ เป็นแม่ของนายคิม”
แม็กกี้พูดจบก็ยื่นมือให้มัสลินจับ มัสลินจับมือแม็กกี้งง ๆ แล้วยกมือไหว้
“มัสลินค่ะ”
แม็กกี้พยักหน้ายิ้มให้มัสลินอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้แล้ว ลูกชายฉันพูดถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อยๆ”
มัสลินยิ้มหน้าเขินๆ แล้วก็ทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“มัสเสียใจด้วยจริงๆ ด้วยค่ะ มัสเองที่เป็นตัวต้นเหตุ”
แม็กกี้ส่ายหน้าน้อยๆ แววตาดูเศร้าหมองแต่เข้มแข็ง
“ฉันรู้เรื่องจากดุสิตหมดแล้ว ศิธาเป็นเด็กเกเรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วฉันรู้ดี เอาเป็นว่าฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอสักหน่อย”
แม็กกี้มองหน้ามัสลินเป็นเชิงถาม แต่ไม่รอคำตอบ
“ฉันอยากให้เธอเก็บเรื่องที่เราเจอกันวันนี้ไว้เป็นความลับก่อน เพราะฉันมีแผนบางอย่าง...รับรองว่าพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม”

แม็กกี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาดุดันเป็นประกาย

อ่านต่อหน้า 2







ในรอยรัก
ตอนที่ 19 (ต่อ)

ที่บ้านกานน อุษยาเดินมาหยุดที่ห้องโถงชะเง้อไปที่ประตูหน้าบ้าน

“ทำไมป่านนี้ยังไม่มา”
อุษยาเห็นหัวดำๆ ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หลังเก้าอี้โซฟาชะโงกไปดูจึงเห็นกุเทพเอนตัวอยู่บนโซฟา ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก อุษยาตกใจเรียกกุเทพเสียงดัง
“ตากุ แกมาทำหัวผลุบโผล่อะไรตรงนี้ ย่าตกใจหมด” กุเทพทำท่าเบื่อโลกไม่ตอบอุษยา
“แล้วนี่คุณก๋งเขาตามหาตัวแกอยู่รู้ไหมเนี่ย”
กุเทพเงยหน้าขึ้นมาหาอุษยา
“ตามเรื่องอะไรอีกล่ะครับคุณย่า บอกคุณก๋งไปเลยฮะ ผมไม่ว่าง”
อุษยาเดินเข้ามาตีที่แขนกุเทพ
“ไม่ว่างเหรอ นี่แน่ไม่ว่าง แล้วที่นอนอืดยาวเป็นงูอยู่นี่เรียกว่าอะไร”
กุเทพหลบมืออุษยา
“เจ็บนะครับคุณย่า ...บอกผมตายไปแล้วก็ได้”
“เอ๊ะตากุนี่เหลวไหลใหญ่แล้วนะ เป็นอะไรไปฮึเรา?”
กุเทพลุกขึ้นนั่งอย่างเสียไม่ได้
“เซ็งครับ โลกนี้มันช่างน่ากลัว”

กุเทพนอนลงบนตักอุษยา
“อยากจะนอนอยู่อย่างนี้ไม่ต้องลุกเลย”
อุษยายิ้มเอ็นดูกุเทพ
“ให้มันแน่เห๊อะ อย่าดีแต่พูดเลย เห็นวันๆ แท่ด ๆๆ ไปกับสาวคนโน้นที คนนี้ที”
กุเทพกระเด้งตัวลุกขึ้นพลัน
“พอเถอะครับผมไม่อยากได้ยินเรื่องผู้หญิง”

กุเทพทำท่าขย้อน อุษยาหัวเราะ
“มามุกไหนนะเรา เอ้อเกือบลืมไปเลย คุณก๋งเขาสั่งให้กุช่วยไปรับมัสลินเข้าไปที่ออฟฟิศใหญ่หน่อย”
“ไปออฟฟิศ ไปทำไมครับ อย่าบอกนะว่า..”
“ไม่ใช่ ไม่ได้จะให้มัสลินมาทำงานที่ออฟฟิศเราหรอก คุณก๋งแค่อยากให้แม่มัสลินเค้าได้ดูกิจการของเราทั้งหมดในฐานะหลานสาวเจ้าสัว”
“ไม่ไปอะครับ” กุเทพนอนลงอย่างเดิม
“ฮึ้ยตากุนี่ ลุก!”
“คุณย่าพาไปเองไม่ได้เหรอครับ หรือไม่ก็ให้คุณก๋งพาไปเท่ๆ พาหลานสาวคนเดียวเดินชมกิจการ ...ไรงี้”

อุษยามองกุเทพอย่างแปลกใจ
“อะไรของเรานะตากุ นี่กล้าขัดคำสั่งคุณก๋งเหรอ ทีก่อนหน้านี้ฉันเห็นแกหลงใหลได้ปลื้มเขานักคอยตามรับตามส่ง นี่ไม่ดีใจหรอกรึจะได้เห็นหน้ากันบ่อย ๆ แล้ว”
อุษยายิ้มเยาะ กุเทพขมวดคิ้วเซ็งหนักกว่าเดิม ค้อนอุษยา มธุรินเดินหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาไหว้อุษยา
“สวัสดีค่ะคุณอาหญิง ขอโทษนะคะเดียร์มาเลทไปนิดหนึ่ง”
กุเทพตาโตกระเด้งตัวขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงมธุริน
“คุณเดียร์”

มธุรินกับอุษยาหันมองที่กุเทพพร้อมกันตกใจที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมา กุเทพมองหน้ามธุรินแบบทำอะไรไม่ถูก มธุรินมีสีหน้าพิรุธ แต่เพียงแว่บหนึ่งก็ยิ้มแย้มเป็นปรกติ
“อ้าวคุณกุก็อยู่ แล้วกานนล่ะคะ”
กุเทพมองนิ่งที่มธุรินแบบมีบางสิ่งในใจ ไม่ตอบอะไร อุษยามองท่าทางของกุเทพอย่างแปลกใจ
“อะไรของเรากันนะตากุ หนูเดียร์เค้าถามก็เอาแต่เงียบ ไปลูก รีบไปรับมัสลินได้แล้ว ทำตัวแปลก ๆ นะวันนี้” อุษยาพูดจบก็หันไปโอบมธุริน
“ไปหนูเดียร์ อามีเรื่องจะปรึกษาหนูเยอะแยะ ทั้งเรื่องดอกไม้ ทั้งเรื่องอาหาร”
“งานถนัดของเดียร์เลยละค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”

มธุรินกับอุษยาก้าวพลางคุยกันไปด้วย กุเทพมองตาม สีหน้าครุ่นคิด
กุเทพมาหากานนที่ห้อง กานนเดินมาเปิดประตูให้กุเทพ
“ว่าไงวะเจ้ากุ”
“อากำลังจะไปไหนรึเปล่า”
“ถามทำไมวะ มีอะไรก็ว่ามา ดูหน้าแกสิ”
กานนบุ้ยหน้าให้กุเทพดูกระจก กุเทพหันมองตัวเองในกระจกเซ็ง ๆ
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาอาครับ”
กานนพยักหน้ารับ และรอฟัง แต่กุเทพเอาแต่จ้องหน้ากานน เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านพิณสุดาอย่างไรดี
“เฮ้ย เรื่องอะไรล่ะ ว่ามาสิ”
กุเทพมองกานนแบบลังเล
“เรื่อง....เอ่อ...ผมจะปรึกษาอาว่า...”
กานนหัวเราะออกมา
“เออ นานๆ ทีจะเห็นแกเป็นแบบนี้ เรื่องอะไร เร็วๆ”

กุเทพทำท่าสูดหายใจเข้าแล้วตัดสินใจ
“มันงงครับ แล้วผมก็ไม่รู้เรื่อง คือผม ...ยัยกิ๊บ เอ่อ... แล้วก็คุณเดียร์ ...เอ่อ...”
“เรื่องร้านของพวกแก?”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่เรื่องร้าน ...เอ่อ แต่มันเป็นเรื่อง... ทีนี้...แต่ว่า...เฮ้อ...”
กุเทพถอนหายใจออกมาแทนเพราะพูดไม่ออก กานนขำกุเทพ
“ฉันจะรู้เรื่องไหมวันนี้”
กุเทพส่ายหัวเปลี่ยนใจล้วงกุญแจรถออกมายื่นใส่มือกานนแทน
“อาปลิวช่วยผมหน่อยเถอะครับ ไปรับมัสลินให้ผมที!”
กานนทำหน้างง ๆ
“อ้าวเฮ้ยไอ้กุ อะไรของแกวะ ไอ้กุ”
กุเทพผลุนผลันออกไป

มัสลินยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาลลานจอดรถ รถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดตรงหน้า กานนเปิดประตูรถเดินลงมา
“ขึ้นรถสิ ผมมารับคุณ”
มัสลินทำหน้าสงสัย
“แล้วทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”
“คุณปู่ให้มารับ เคลียร์ยัง”
“คุณปู่”
“ด่วนครับ เรื่องงานเลี้ยงรับอาจิรดา”

มัสลินทอดถอนใจ ก้าวขึ้นรถกานนอย่างเสียไม่ได้
กานนขับรถไปชำเลืองมองมัสลินไป
“ใจคอคุณจะไม่คุยกับผมสักคำเลยเหรอ”
มัสลินแหงนหน้าขึ้นมองตัวตึก
“ก็แค่มาออฟฟิศคุณ ที่จริงฉันมาเองก็ได้”
“พูดจาห๊วนห้วนนะน้องสาวผมคนนี้” มัสลินทำหน้าไม่ถูก เสมองไปนอกกระจก กานนยิ้มเอ็นดูมัสลิน “อยากรู้เหมือนกัน ว่าคุณจะเป็นอย่างนี้ไปได้อีกนานเท่าไร ทั้งๆ ที่มีพี่ชายที่แสนดีอย่างผมอยู่ทั้งคน”
กานนจับหัวมัสลินมาหอมเอาดื้อๆ มัสลินตาค้าง
“คุณกานน!”
กานนหัวเราะรื่น เคลื่อนรถเข้าตึกไป มัสลินทำหน้าเจ็บใจกานน

มัสลินเดินเคียงคู่กานนอยู่ในออฟฟิศ ตลอดทางมีพนักงานยืนเป็นอุโมงค์ ยกมือไหว้มัสลินกับกานน
“ในฐานะหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวทศ รัตนรัช คุณจำเป็นต้องทราบธุรกิจของครอบครัวเราทั้งหมด”
มัสลินมีสีหน้าอึดอัดที่ต้องคอยรับไหว้ผู้คนตลอดทาง

กานนยืนกอดอก มองพนักงานนำมัสลินเข้าชมการประชุมที่กำลังดำเนินอยู่อย่างคร่ำเครียดและเอาจริงเอาจัง
“ธุรกิจเรามันมหาศาล จะทำกันเล่นๆ คงไม่ได้ ดูไว้ คุณจะได้ชิน”
มัสลินลอบถอนหายใจ สีหน้าอึดอัดสุดๆ
มัสลินก็ยังคงเดินเคียงคู่กานน กานนจับมือมัสลินมาคล้องแขน
“อีกนิดเดียว สู้ๆ นะครับ”
มัสลินมองมือกานนที่ตะปบมือเธอไว้ เม้มปากเจ็บใจที่ทำอะไรกานนไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าลูกน้องมากมาย

กานนพามัสลินมายังส่วนที่เป็นสำนักงาน พนักงานประจำโต๊ะต่างๆ พร้อมใจกันลุกขึ้น ยกมือไหว้มัสลิน ทุกคนมองมัสลินอย่างชื่นชม
มัสลินรับไหว้ ยิ้มเซียวอย่างเหนื่อยหัวใจ พูดรอดไรฟันกับกานนที่ยืนหน้ารื่นอยู่ข้างๆ
“ครบหมดหรือยังเนี่ย ฉันเมื่อยขามากเลย”
กานนมองมัสลินยิ้มๆ
“นี่เพิ่งชั้น5 อาคารรัตนรัชมี 22 ชั้นนะ” มัสลินหน้าม่อย กานนหัวเราะ
“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องดูทั้งหมดในวันนี้วันเดียวก็ได้ แต่อย่างน้อยคุณน่าจะตื่นเต้นมากกว่านี้นะ เพราะทั้งหมดนี้มันเป็นของคุณ แล้วก็แม่คุณด้วย”
มัสลินฉีกยิ้ม
“แบบนี้โอเคมั้ย ขอโทษทีนะคะ ฉันแสดงถ้าไม่ได้ถ้าฉันไม่อิน”
กานนหัวเราะขำแล้วชี้ให้มัสลินดูแผนกโน้นนี้
“อยู่กันที่นี่เอง” มธุรินเดินเข้ามากอดแขนกานน มัสลินมองแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
“เดียร์เดินหาตั้งนานค่ะ รู้จากพนักงานว่ามัสลินมาด้วย เลยตั้งใจว่าจะมาแสดงความยินดีด้วยซะหน่อย”

มธุรินส่งยิ้มแบบเป็นมิตรให้มัสลิน มัสลินมองมธุรินด้วยสายตาว่างเปล่า
“ยินดีต้อนรับนะคะ”
“ดิฉันต่างหากมังคะที่ต้องยินดีต้อนรับคุณ เพราะฉันคือเจ้าของที่นี่ ใช่มั้ยคะพี่ปลิว”
มธุรินชะงักงัน ไม่นึกว่ามัสลินจะมาไม้นี้
กานนทำหน้าไม่ถูก มัสลินมองหน้ามธุริน แววตาแข็งกร้าว
“ความจำฉันดี ตราบใดที่เพื่อนฉันยังนอนเจ็บไม่รู้อนาคตด้วยสาเหตุที่มาจากคุณ ...คุณอยู่ห่าง ๆ ฉันซะเถอะ”
มัสลินก้าวไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ กลับมาคว้าแขนกานน
“ไปค่ะพี่ปลิว”
มธุรินเม้มปากสั่นระริก เหลียวไปรอบห้องด้วยความอาย

เมื่อออกจากบริษัทมัสลินนั่งหลับอยู่บนรถกานนด้วยความเหนื่อยล้า กานนขับรถไปมองหน้ามัสลินไปแล้วตัดสินใจเลี้ยวรถไปอีกทาง...กานนจอดรถที่ริมแม่น้ำแล้วก้มมองหน้ามัสลินหลับไม่รู้เรื่อง
“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ แม่น้องสาวปากเก่งของพี่ปลิว”

กุเทพยังสับสนเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านพิณสุดา เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยเป็นใครกันแน่ คืนนั้นกุเทพจึงตัดสินใจมาหาพิณสุดาที่บ้าน...พิณสุดาเดินคล้องแขนกุเทพเข้ามาที่ห้องรับแขก
“กุน่าจะบอกกิ๊บล่วงหน้าว่าจะมา กิ๊บจะได้แต่งตัวให้สวยกว่านี้”
กุเทพหน้าเครียดแกะมือพิณสุดาออก
“ผมต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่อง”
พิณสุดายิ้มให้กุเทพอย่างอารมณ์ดี
“ใจเย็นๆ สิคะกุ กิ๊บมีเวลาให้กุทั้งคืนเลยค่ะ ไวน์สักแก้วไหมคะ”
พิณสุดาพูดจบก็หมุนตัวจะเดินไปหยิบไวน์ กุเทพคว้าแขนไว้ พิณสุดาหันมายิ้มหยาดเยิ้มให้แล้วกอดคอกุเทพ
“ใจร้อนจัง”
กุเทพแกะมือพินสุดาออกจากคอหน้าตาจริงจัง
“กิ๊บ เรื่องคืนนั้นผมขอโทษ ผมไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าทำอะไรลงไปบ้าง เอ่อ..ผม... เอ่อ..”
กุเทพนึกหาคำพูด สับสน พิณสุดาจ้องมองท่าทีกุเทพแล้วพอปะติดปะต่อเรื่องราวออก
“นี่คุณอย่าบอกนะ ว่าคุณ.... จำอะไรไม่ได้” กุเทพนิ่ง สีหน้าว้าวุ่น พินสุดามองกุเทพอย่างเป็นต่อ มีเลศนัย
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคะกุ คุณได้กิ๊บเป็นเมียแล้วคุณจะมาอ้างว่าคุณเมาคุณไม่รู้เรื่อง”
พิณสุดาพูดไปจ้องหน้ากุเทพไปอย่างหยั่งเชิงว่ากุเทพจะปฏิเสธหรือไม่ กุเทพหน้าเสีย หันสบตาพิณสุดา
“ผมขอโทษกิ๊บ”
พิณสุดาได้ทีบีบน้ำตาในทันที
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กิ๊บก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถูกกุทิ้งซะเมื่อไหร่ โดนอีกสักทีมันจะเป็นอะไรไป”
พิณสุดาแสร้งทำเดินหนี กุเทพคว้าแขนไว้
“กิ๊บ!”
“กิ๊บเข้าใจค่ะ กุไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรอก”
“คุณเข้าใจผมใช่มั้ย ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณจะให้ผมไถ่โทษยังไงก็ได้”
พิณสุดายิ้มออก หันกลับมาหากุเทพในทันที
“เว้นแต่จะให้ผมกลับมาคืนดีกับคุณ ผมทำไม่ได้”
พินสุดาตบหน้ากุเทพเพี้ยะ
“ทุเรศที่สุด คุณมันก็ไม่เคยเปลี่ยน คราวนี้นังคนไหนล่ะที่มันให้คุณมาพูดกับฉันแบบนี้ นังมัสลินมันก็กลายเป็นญาติคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ รึว่านังเดียร์ นังเพื่อนทรยศ ดีละ กิ๊บจะไม่ทนต่อไปอีกแล้ว กิ๊บจะ
จัดการมัน โทรไปด่ามันให้รู้เรื่อง!”

พิณสุดาคว้าโทรศัพท์มือถือมา กุเทพคว้าไปโยนทิ้งลงโซฟา
“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใครทั้งนั้น ผมเองนี่แหละที่รู้ตัวผมดีว่าผมไม่มีวันกลับมาคืนดีกับคุณได้”
พิณสุดากรีดร้องยาว “หยุดซะทีกิ๊บ” พิณสุดายังคงกรีดร้องต่อเนื่องยาว “กิ๊บ ผมบอกให้หยุด”
พิณสุดายังคงกรีดร้องอยู่อย่างนั้น กุเทพมองพินสุดางงงัน ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในที่สุดก็ผละออกไป กุเทพออกไป พิณสุดาหยุดเสียงฉับ เหลือบมองตามทางที่กุเทพออกไป แววตาอาฆาตแค้น

“คุณทำให้ฉันหมดความอดทนเองนะกุเทพ!”

อ่านต่อวันพรุ่งนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น