เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 19
เคน กับพวกผู้หญิง ต่อสู้อยู่กับพวกปีศาจ แต่ปีศาจเป็นพวกที่ไม่ตายง่ายๆ แม้จะล้มลงไปแล้วแต่สักครู่ก็ฟื้นขึ้นมาได้อีก ม่านฟ้าชักปืนออกมายิงใส่ แต่ไม่ระคายผิวปีศาจแม้แต่น้อย ปีศาจเข้าโจมตีทำให้ม่านฟ้าเสียหลักล้มลง เคนรีบเข้ามาช่วยประคองขึ้นมา
“แม้แต่ปืนก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย”
“อยู่ใกล้ๆผมไว้ มีแต่มีดอินทรีย์เท่านั้นที่มันกลัว”
ม่านฟ้าและเคน ต่อสู้เคียงข้างกันและกัน
กลุ่มบุษกร หันหลังชนกันเป็นวงกลม ต่อสู้กับพวกปีศาจ และแล้วที่มุมมืด ก็ปรากฏเงาของงูปีศาจโผล่ขึ้นมา งูพุ่งฉกใส่จนทำให้กลุ่มของหญิงสาวแตกกระจาย
กระแต และเจนนี่เสียหลักล้มลง ขณะที่คนอื่นๆ หนีรอดออกไปได้ งูปีศาจเลื้อยเข้ามาหากระแต และเจนนี่ หมายจะทำร้าย กลุ่มเสาร์ห้าวิ่งเข้ามาพยายามจะเข้าไปช่วย แต่งูก็เหวี่ยงหัวเข้ามาฉก ทำให้ไม่มีใครเข้าไปช่วยได้ ทันใดนั้นประตูมิติเปิดออก ส่องแสงเรืองรอง
“ประตูเปิดแล้ว” เคนตะโกนขึ้น
“เราต้องออกจากที่นี่ ก่อนที่ประตูจะปิด” ม่านฟ้าบอก
ยอดมองกระแตอย่างเป็นห่วง
“พวกคุณไปเถอะ ผมจะอยู่กับกระแต”
ดอนหันไปบอกเคนกับม่านฟ้า
“ผมก็จะอยู่ช่วยเจนนี่ แล้วจะรีบตามไป”
“ไม่ได้ครับ ยังไงพวกเราก็จะต้องไปพร้อมๆกัน” เดี่ยวแย้ง
“ใช่ค่ะ...เราจะไม่ทิ้งกัน” บุษกรยืนยัน
“คุณเดี่ยว คุณเทอด เราสามคนมาช่วยกันหลอกงูด้านนี้ คุณยอด คุณดอน เข้าไปด้านหลังนะครับ ถ้าได้ตัวแล้วรีบหนีให้เร็วที่สุด” กริ่งสั่งการ
“พวกเราจะไปรอที่ประตู กันนะคะ พวกคุณไม่ต้องห่วง”
ขาดคำ ชลดาก็นำ บุษกร ยูกิ ม่านฟ้าและเคน แยกตัวไปรอใกล้ๆประตู กริ่ง เดี่ยว เทอด พากันหลอกล่องูให้หันไปทางอื่น ยอด และดอน อ้อมไปด้านหลัง
“คุณกริ่ง ระวังตัวนะคะ ฉันรอคุณอยู่” ยูกิตะโกนบอกอย่างเป็นห่วง
“ครับยูกิ ขอจัดหนักทางนี้ก่อน เดี๋ยวตามไป”
งูปีศาจถูกเบนความสนใจ จึงพุ่งตัวเข้าฉก กลุ่มของ เดี่ยว เทอด และกริ่ง เปิดโอกาสให้ยอดและดอนเข้าไปดึงร่างของ กระแตและเจนนี่ออกมา
“เร็วครับ...หนีเร็ว” ดอนบอกอย่างร้อนรน
ดอน ดึงเจนนี่ไป ส่วน ยอดก็เข้าไปคว้ากระแตรีบพากันวิ่งไปที่ประตู เช่นเดียวกับเดี่ยว กริ่ง เทอด ขณะที่งูเลื้อยตามมา พุ่งฉกตามมาติดๆ ทั้งหมดวิ่งผ่านประตูมิติออกไปได้ก่อนที่ประตูจะปิดลงทำให้ทุกคนหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด
+ + + + + + + + + + + +
ท้องฟ้าเริ่มสว่างในยามเช้า...
เสาร์ห้า และทุกคน พากันวิ่งออกมาจากปากถ้ำแล้วมาล้มลงหอบเหนื่อย ๆ
“คุณยอด...คุณบาดเจ็บหรือเปล่า” กระแตถามอย่างเป็นห่วง
ยอดยิ้ม
“ไหนบอกไม่ห่วงผมไง”
กระแตเขินๆ
“ก็ห่วงนิดหน่อย”
“ห่วงนิดห่วงหน่อย ห่วงน้อยๆ แต่ห่วงนานๆ นะกระแตนะ”
กระแตยิ้มขำ
“ย่ะ”
เจนนี่หันไปสบตาดอน
“ขอบคุณมากนะคะคุณดอน ถ้าคุณไม่ช่วยฉันคงอยู่ข้างในไม่ได้ออกมาแน่”
ดอนจ้องตาตอบเจนนี่อย่างจริงใจ
“ถ้าคุณอยู่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณเด็ดขาด”
ขณะเดียวกันนั้น ดร.วิทยากับฮวงและลูกน้อง จับ บัวชุม สัปเหร่อแต้ม และต่ำ เป็นตัวประกัน เดินออกมาจากป่า ดอนหันไปมอง
“งานเข้าแล้วครับ”
ม่านฟ้าตกใจที่เห็นบัวชุมถูกจับเป็นตัวประกัน
“พี่บัวชุม”
“องค์หญิงม่านฟ้า...พระธิดาองค์สุดท้ายแห่งเชียงรุ้ง” ดร.วิทยาพูดขึ้น
ม่านฟ้ามองอย่างไม่พอใจ
“แกต้องการอะไร”
ดร.วิทยายิ้มเยือกเย็น
“ทับทิมสยามสีแดง ที่เธอครอบครองอยู่ไง”
“ทับทิมสยามไม่ได้อยู่กับฉัน”
“อย่ามาลูกเล่น...ไม่งั้นนังบัวชุมตาย” ดร.วิทยาขู่
“คุณหนูไม่ต้องห่วง บัวชุมยอมตาย” บัวชุมตะโกนบอก
“ยอมตายเหรอ นี่...”
ฮวงคว้าตัวบัวชุมมาจากพวกลูกน้องแล้วเค้นคอ ทรมานบัวชุม ยอดเดินออกมาต่อรอง
“ถ้าให้ทับทิมสยามไปแล้ว เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกแกไม่ฆ่าเราทีหลัง”
“ใช่...ปล่อยลุงแต้ม พี่ต่ำ ออกมาก่อน” ดอนเสริม
“ก็ได้”
ดร.วิทยาพยักหน้าให้ลูกน้อง ปล่อย สัปเหร่อแต้ม และต่ำออกมา ก่อนจะหันไปหาม่านฟ้า
“ทับทิมสยามสีแดงอยู่ไหน”
ม่านฟ้าหยิบทับทิมสยามสีแดงออกจากย่าม
“อยู่นี่”
ดร.วิทยาตาลุกโชน
“เอามาให้ข้า”
“พวกแกวางปืน แล้วส่งพี่บัวชุมเดินออกมา”
“อย่าเรื่องมาก” ฮวงตวาด
“งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ทับทิมสยามสีแดง”
ดร.วิทยาพยักหน้าให้ฮวง และคนอื่นๆ วางปืน
“เอาละ เธอค่อยๆเดินออกมาพร้อมทับทิมสยามสีแดง ข้าจะให้ฮวงจะเอาตัวนังบัวชุมไปส่ง”
ม่านฟ้า เดินออกไป ขณะที่ฮวง คุมตัวบัวชุมออกไปเจอกันกึ่งกลาง ฮวงและม่านฟ้า มายืนประจันหน้ากัน โดยมีบัวชุมเป็นตัวประกัน
“ส่งทับทิมสยามมา” ฮวงสั่งเสียงแข็ง
“แกต้องปล่อยพี่บัวชุมก่อน”
ม่านฟ้าชูทับทิมสยามสีแดงต้องกระทบแดดเป็นประกาย ฮวงปล่อยมือจากบัวชุม ขณะที่ม่านฟ้าโยนทับทิมสยามสีแดงขึ้นไปบนฟ้า ฮวงวิ่งตามทับทิมสยามแล้วกระโดดรับ ม่านฟ้ารีบพาบัวชุมวิ่งหนี ดร.วิทยา และพวกก้มคว้าปืน
“ฆ่ามัน...ฆ่าให้หมด”
ดร.วิทยากราดยิงไล่หลังทุกคนแต่ไม่ทันแล้ว ม่านฟ้า บัวชุมและกลุ่มเสาร์ห้าทุกคนพากันวิ่งหนีหายเข้าป่าไปแล้ว
กลุ่มลูกน้องดร.วิทยาพากันวิ่งไล่ตามมา เทอด กริ่ง เดี่ยวจะยิงสกัด แต่ชลดาห้ามไว้
“ขอแสดงฝีมือบ้างซิ”
“นี่ปืน”
เทอดส่งปืนให้แต่ชลดาไม่รับ
“ปืนเดี๋ยวหาเอาข้างหน้า ใช่มั๊ยยูกิ” บุษกรพูดยิ้มๆ
“ใช่...พวกคุณคอยดูอย่างเดียว...ห้ามช่วย” ยูกิบอกเสียงแข็งมั่นใจ
กริ่งอึ้งไป
“อู้ว...งานนี้เอาจริงแฮะ”
เดี่ยวยิ้มให้สาวๆ
“เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ”
สามสาวออกจากที่ซ่อน แล้วกระโดดโหนเถาวัลย์เข้าไปจู่โจมพวกลูกน้องดร.วิทยา ยูกิใช้วิชานินจา แยกร่างออกมาเป็นสองคน ทำให้คู่ต่อสู้งุนงง แล้วจากนั้นก็เตะเปรี้ยงจนคู่ต่อสู้ล้มลง บุษกรต่อสู้สักครู่แล้วกระโดดชิ่งจากต้นไม้ลอยตัวเข้าไปเตะเสยคาง จนคู่ต่อสู้หมอบไป
ชลดาเผชิญกับคู่ต่อสู้สองคน เธอต่อสู้โดยหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ซัดกันเอง แล้วจากนั้นก็กระโดดเหยียบคู่ต่อสู้คนหนึ่งแล้วเข่าลอยใส่คู่ต่อสู้อีกคน ในที่สุดเธอก็ปราบทั้งคู่ได้อย่างอยู่หมัด
ยูกิ ชลดา บุษกร ปลดอาวุธ ทั้งปืนและกระสุนคู่ต่อสู้แล้วนำมาพกติดตัว เทอด เดี่ยว กริ่ง ตบมือให้
“ลีลาไม่เบา เวทีราชดำเนินมาเองเลยนะเนี่ยะ” เทอดแซว
“ระวังเหอะคุณเทอด พูดไม่ถูกหูระวังจะโดนเข่าลอย” เดี่ยวเย้าแหย่
กริ่งเข้าไปออเซาะยูกิ
“ตัวเอง เบาๆกะเขาหน่อยน้า...เขากลัว”
ยูกิค้อน
“ย่ะ...อย่ามัวแต่เล่น รีบไปกันเถอะ”
ทุกคนพากันวิ่งมาหลบมุม โดยมีลูกน้องดร.วิทยาตามไล่ล่า ดอนกับเจนนี่ จับคู่กัน ส่วนยอดจับคู่กับกระแต ทั้งสองคู่ช่วยกันสู้กับคนร้าย กระแตโดนชกเซ ถลา ยอดหันมาเห็น รีบผละจากคู่ต่อสู้เข้ามาประคอง
“เจ็บมั๊ย”
“เห็นดาวเลย”
ยอดโมโหแทน เข้าไปตั้นหน้าคนร้ายเพื่อเอาคืนอย่างเมามัน
“ให้มันรู้ซะบ้างว่าแฟนเจ็บยอดก็เจ็บ”
ยอดชกจนคนร้ายหมอบไป
“จัดชุดใหญ่เลยเหรอ”
ยอดยิ้ม
“อันนี้แค่ชุดเล็กเอง”
“ย่ะ พ่อคนเก่ง”
ยอดหลิ่วตาให้กระแต หยอกล้อ ทางด้าน ดอนและเจนนี่ แท็คทีมกันเข้าไปสู้ ดอนเข้ามากอดตัวเจนนี่แล้วจับเหวี่ยงให้เท้าของเธอไปฟาดคนร้าย จนกระเด็นกระดอน
ดอนยืนเป็นฐานให้เจนนี่สปริงตัวไปเตะคนร้าย การต่อสู้ของทั้งคู่เป็นคู่รักที่ช่วยกันและกันในเชิงบู้ จนทำให้ลูกน้องดร.วิทยาถูกทั้งสองจัดการจนหมอบไป ดอนเข้าไปปลดอาวุธส่งให้เพื่อนๆ
“จุดหมายของพวกมันคือเจดีย์ เราต้องไปดักรอพวกมันที่นั่น” ดอนบอก
เจนนี่ยิ้มรับ
“อาวุธพร้อม คนพร้อมค่ะ”
“พร้อมแล้วก็ลุย” ยอดตะโกน
ทุกคนพากันวิ่งเข้าป่าไป
+ + + + + + + + + + + +
ฮวง ส่งทับทิมสยามสีแดงให้ดร.วิทยา
“ในที่สุด...ข้าก็คือคนที่ได้ครอบครองทับทิมสยามทั้งสามก้อน”
ดร. วิทยารับมามองอย่างมีความสุข ฮวงยิ้มดีใจไปกับเจ้านายด้วย
“ฟ้าลิขิตมาแล้วครับด็อกเตอร์”
“ใช่ฟ้าลิขิตมาให้ฉันคือนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ รีบไปที่เจดีย์กันเถอะฮวง”
“แล้วพวกเสือสนธิ์ กับเจ้าพ่ออินทร์ละครับ”
“สองคนนั่น ล่วงหน้าไปเคลียร์พื้นที่แล้ว อาวุธหนักและกองกำลังของพวกมัน จะคุ้มกันการทดลองผ่านลุล่วงไปด้วยดี”
“ไม่มีอะไรจะมาขัดขวาง การทดลองครั้งนี้ได้เด็ดขาดครับด็อกเตอร์”
ฮวงและลูกน้อง พากันคุ้มกัน ดร.วิทยาออกเดินทาง ขณะที่กลุ่มแอบซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ม่านฟ้าโกรธแค้น ลุกขึ้นเล็งปืนไปที่ร่างของดร.วิทยาแต่สัปเหร่อแต้มห้ามไว้
“อย่า...ม่านฟ้า”
“มันเอาทับทิมสยามของฉันไป...ฉันจะฆ่ามัน”
“กำลังมันเหนือกว่าเรา สู้ตอนนี้เราแพ้แน่ คอยหาจังหวะแล้วค่อยลงมือดีกว่า”
เคนเห็นด้วยกับสัปเหร่อแต้ม
“ผมเห็นพวกคุณเดี่ยว ไปทางโน้น รีบไปสมทบพวกนั้น ดีกว่าครับ”
ทุกคนรีบเดินออกไป
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณเจดีย์กลางป่า...
เสือสนธ์คุมลูกน้อง สร้างบังเกอร์ขุดสนามเพลาะ ติดตั้งยุทโธปกรณ์ตามจุดต่างๆ เพื่อคุ้มกันการเข้าออกเจดีย์ไม่ให้กระทำโดยง่าย
เจ้าพ่ออินทร์ ยกกล้องส่องทางไกลตรวจตราไปตามจุดต่างๆ เสือสนธิ์เดินเข้ามาถาม
“ในป่ามีความเคลื่อนไหวหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ ยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ”
“ใกล้วันขึ้น 15 ค่ำแล้ว ด็อกเตอร์วิทยาคงจะมาถึงในไม่ช้า”
"เราสองคนก็จะได้รู้กันสักทีนะครับว่า ความจริงมันคืออะไรกันแน่"
เจ้าพ่ออินทร์และเสือสนธ์หันไปสั่งงานลูกน้องทำงานต่อ ห่างออกไปเปาชางและอาเตียว กำลังซุ่มสังเกตความเคลื่อนไหว
“พวกมันกำลังทำอะไร” อาเตียวถามอย่างสงสัย
“พวกมันกำลังสร้างค่ายรบ มันขนอาวุธหนักมามากมาย ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ”
“เอาไงต่อเปาชาง”
“เอ็งรีบไปบอกลุงข้า ให้คุมกองกำลังพร้อมอาวุธเดินทางมาที่นี่ด่วน งานนี้สำคัญมาก”
“ครับเปาชาง”
อาเตียวรีบแยกออกไป ส่วนเปาชางซุ่มสังเกตการณ์อยู่กับทหารสองสามคน
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มดร.ฟอร์ด พากันเดินทางรอนแรมกันมากลางป่า นาตาชาไม่สบาย เธอพยายามแข็งใจเดินทาง แต่ในที่สุดก็เริ่มไม่ไหว
“หยุดก่อนค่ะ...ฉันเหนื่อย”
ดร.ฟอร์ดหันมามองด้วยสายตาไม่พอใจ
“แกเป็นอะไรไปนาตาชา”
“หนูไม่สบาย”
“งั้นก็กินยา”
“หนูกินแล้วแต่ว่า...”
นาตาชานิ่งไป ดร.ฟอร์ดสงสัย
“แต่ว่าอะไร”
“ขอพักก่อนนะคะพ่อ”
“งั้นก็พัก 5 นาที”
ทุกคนพากันนั่งพักเหนื่อย สตีเฟ่นเดินมาหานาตาชา แล้วส่งน้ำให้กิน
“กินซิ”
“ขอบใจ”
นาตาชารับน้ำมาดื่มอย่างหิวกระหาย สตีเฟ่นมองน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“เธอต้องรีบหายเร็วๆนะนาตาชา เธอก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ใครมาเป็นตัวถ่วง”
“แต่ฉันป่วยนะพี่”
“เธอคิดว่าพ่อจะเห็นใจเหรอ”
นาตาชาก้มหน้ารู้สึกว้าเหว่ที่ ดร.ฟอร์ดสนใจแต่งานและการทดลอง จนไม่เคยสนใจความเจ็บไข้ได้ป่วยของเธอผู้เป็นลูก
“พ่อไม่เคยรักเรา พ่อรักแต่การทดลองของพ่อ”
“อย่าลืมซิ ถ้าพ่อทำการทดลองสำเร็จ พวกเราก็จะสบาย เราจะมีเงินทองมากมายใช้ยังไงก็ไม่หมดแน่นอน”
“แต่กว่าจะถึงวันนั้น ฉันก็คงตายไปแล้ว พี่สตีเฟ่น พี่ไม่เบื่อหรือไงที่วันๆ อยู่แต่ในป่า สู้รบกับคนโน้นคนนี้ทำไมเราไม่อยู่แบบสงบๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง”
“อย่าพูดอีก ถ้าพ่อได้ยินคงไม่ชอบใจแน่”
สตีเฟ่นไม่พอใจกับความคิดของนาตาชา จึงเดินหนีไปหาดร.ฟอร์ด นาตาชา เริ่มเหนื่อยอ่อน และทรุดตัวลงนอน...
เวลาผ่านไป ดร.ฟอร์ด ลุกขึ้นแล้วเตรียมพร้อมออกเดินทาง คนอื่นๆลุกตาม ขณะที่นาตาชายังคงนอนจับไข้อยู่ใต้ต้นไม้
“เอาละ ไปกันได้แล้ว”
ราฮีมมองนาตาชาอย่างเป็นห่วง
“แต่ด็อกเตอร์ครับ คุณนาตาชา”
ดร.ฟอร์ด และสตีเฟ่นหันไปมองนาตาชา ราฮีมเข้าไปอังตัววัดไข้
“ปลุกมันเร็ว” ดร.ฟอร์ดสั่งเสียงเข้ม
“คุณนาตาชามีไข้” ราฮีมบอก
“งั้นก็ทิ้งมันไว้ที่นี่” ดร.ฟอร์ดพูดออกมาอย่างไม่แยแส
สตีเฟ่นอึ้งไป
“พ่อ...”
“แกไม่ต้องกลัวสตีเฟ่น เราจะทิ้งยา ทิ้งอาหารเอาไว้ด้วย ถ้ามันฟื้นมันก็ตามไปเอง”
ราฮีมหน้าเสียเป็นห่วงนาตาชา
“แต่คุณนาตาชาเป็นผู้หญิงนะครับ ด็อกเตอร์”
“ถ้าเป็นลูกของฉัน...มันก็ต้องเข้มแข็งกว่านี้ ใกล้วัน 15 ค่ำแล้ว เราต้องรีบเดินทาง อย่าให้นาตาชามาเป็นตัวถ่วง” ดร.ฟอร์ดพูดออกมาอย่างไม่มีเยื่อใย
สตีเฟ่น ถอนใจในความบ้างานของพ่อ
“งั้นทิ้งคนงานไว้คอยดูแลคนนึงนะพ่อ ไม่งั้นเดี๋ยวเสือคาบไปกิน”
“ได้...แกรีบจัดการ แล้วออกเดินทางได้แล้ว”
สตีเฟ่นแบ่งของจำเป็น ยา อาหาร และน้ำ ไปวางข้างๆนาตาชา ราฮีมจัดคนงานมานั่งเฝ้าแล้วจากนั้นทั้งหมดก็ออกเดินทางไป
+ + + + + + + + + + + +
นาตาชา ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมามองหาคนอื่นๆ แต่กลับเห็นเพียงคนงาน คนหนึ่งซึ่งราฮีมทิ้งไว้คอยดูแล
“พ่อฉันกับคนอื่นๆ ไปไหน”
“ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ”
“ทำไมไม่รอกันเลย”
นาตาชาอารมณ์เสียที่โดนทุกคนทิ้งไว้กลางป่า
“พวกเขาทิ้งอาหารกับยาไว้ คุณรีบกินเถอะครับจะได้ตามทัน”
นาตาชาหยิบอาหารมากิน อย่างหิวโหย แล้วสักครู่เธอก็ได้ยินเหมือนมีกลุ่มคนกำลังเดินมา
“แกได้ยินอะไรมั๊ย”
คนงานก้มลงฟังที่พื้น
“เสียงคนเดิน รีบซ่อนเถอะครับ”
นาตาชา และคนงานรีบหาที่ซ่อนตัว สักครู่ ดร.วิทยา ฮวง และลูกน้องพากันเดินเข้ามา ฮวงมองเห็นร่องรอยอาหาร และข้าวของซึ่งนาตาชากับคนงานทิ้งเอาไว้
“มีคนอยู่แถวนี้”
“พวกไหน”
“อาจเป็นพวกดร.ฟอร์ด”
“งั้นก็หาให้เจอแล้วฆ่ามัน”
ฮวง และพวกพากันเดินค้นหาร่องรอยมาใกล้ๆ พุ่มไม้ที่นาตาชาซ่อนตัวอยู่ ฮวงมองหาไปที่พุ่มไม้แล้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังซุกซ่อนอยู่ ฮวงยกปืนขึ้นมาเล็งเตรียมจะยิง แต่แล้วคนงานของนาตาชา ซึ่งซ่อนตัวอยู่พุ่มไม้ห่างออกไปลุกขึ้นวิ่งหนี ฮวงจึงหันไปมองแล้วกระหน่ำยิงใส่ แต่คนงานวิ่งหนีรอดไปได้ ฮวงและลูกน้องวิ่งตามไป นาตาชาซึ่งนอนขดตัวอยู่ในพุ่มไม้ รอดตายอย่างหวุดหวิด เธอรีบวิ่งหนีเตลิดไปอีกทาง
คนงานของนาตาชาวิ่งหนีกลางป่า แล้วถูกฮวงตามไล่ล่าจากนั้นก็ยิงเปรี้ยง คนงานล้มลง ดร.วิทยา และคนอื่นๆ พากันตามมาสมทบ
“มันเป็นใคร” ดรวิทยาถามอย่างสงสัย
“น่าจะเป็นพวกคนงานของพวกด็อกเตอร์ฟอร์ด”
“มีคนอื่นอีกมั๊ย”
“ไม่มีครับ”
“เราต้องรีบไปที่เจดีย์ก่อนที่พวกมันจะไปถึง”
“ครับ ด็อกเตอร์”
ทุกคนพากันเร่งฝีเท้าเดินทางไป ขณะเดียวกันนั้น ดอน ยอด กระแต เจนนี่ แอบมองอยู่มุมหนึ่ง ทันใดนั้น นาตาชาที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ทรงตัวไม่อยู่โงนเงนด้วยพิษไข้แล้วล้มลงมา เจนนี่รีบชักปืนแล้วพุ่งตัวออกไปเตรียมยิง คนอื่นๆตามเข้ามา เจนนี่เห็นนาตาชา นอนคว่ำหน้านิ่งจึงพลิกดู
“นาตาชา”
กระแตเข้าไปแตะตัวก็รู้ว่านาตาชากำลังเป็นไข้
“มีไข้ค่ะ”
“แล้วพวกด็อกเตอร์ฟอร์ดกับสตีเฟ่นไปไหน” ดอนถามอย่างแปลกใจ
“ผมว่ารีบพาไปหลบก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกมันย้อนกลับมาจะเดือดร้อน” ยอดแนะ
ทุกคนเห็นด้วย ยอดและดอนรีบประคองนาตาชาหลบไป โดยมีกระแตและเจนนี่คอยระวังหลังให้
+ + + + + + + + + +
เจนนี่เอาผ้าเช็ดหน้า เช็ดตัวให้นาตาชา คนอื่นๆกำลังช่วยกันทำอาหารและอยู่ยามกัน นาตาชาลืมตาขึ้นมาเห็นเจนนี่ก็ตกใจ
“เจนนี่”
“ไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ทำอะไรเธอหรอก”
นาตาชาหันไปมองยอด ดอน และกระแต
“เธอสลบไปน่ะ” ดอนบอก
“คนอื่นๆไปไหน ทำไมทิ้งเธอไว้กลางป่า” กระแตถามอย่างสงสัย
นาตาชาหน้าสลดลง
“ฉันไม่สบาย...คนอื่นๆ ไปที่เจดีย์”
ยอดถอนใจ
“ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกคุณได้เลยนะ”
“มีซิ ความตายไง”
“เราจำเป็นต้องควบคุมตัวเธอไว้ ในฐานะคนร้ายที่ก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง” ดอนแจ้งข้อหากับนาตาชา
“จะทำยังไงก็เชิญ”
นาตาชาล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย เจนนี่หยิบยาส่งให้
“กินยาก่อน เธอเป็นไข้ป่า”
“ฉันจะรู้ได้ไงว่านี่ไม่ใช่ยาพิษ”
เจนนี่จ้องหน้า
“ถ้าจะฆ่าเธอ เราก็คงไม่ช่วยเธอหรอกนาตาชา”
นาตาชารับยามากินแล้วนอนลงไป เจนนี่เอาผ้ามาห่มให้ นาตาชารู้สึกแปลกใจที่เจนนี่มาดูแลเธอ แต่เธอก็ยังคงแสร้งเป็นเย่อหยิ่งไม่สนใจ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
กระแต และยอด ผูกเปลนอนอยู่ที่มุมหนึ่ง ขณะที่บริเวณกองไฟ ดอนและเจนนี่ กำลังนั่งคุยกันโดยที่นาตาชานอนหันหลังให้
“นาตาชาเป็นไงบ้าง”
“ไข้ลดลงแล้วค่ะ แต่คงต้องกินยาต่อไปอีกสักวันไม่งั้นไข้จะตีกลับ”
“ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยนะเจนนี่”
“ค่ะ...ฉันว่าภายนอกนาตาชาอาจจะดูแข็งกร้าว แต่ภายในนาตาชาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“ภารกิจข้างหน้าอันตรายมาก ผมก็มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาที่จะคุยกับคุณเลย”
“เราเกิดมาเพื่อต่อสู้กับพวกทำลายชาติค่ะดอน”
“ใช่...ผมดีใจนะที่ผมได้เจอกับคุณ แม้ภารกิจของเราจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่การที่ได้ต่อสู้เคียงข้างกับคุณ มันทำให้ผมมีความสุข”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ คุณอยู่ที่ไหน ฉันก็จะอยู่กับคุณตลอดไป”
ดอนโน้มตัวเจนนี่เข้ามาจุมพิตที่หน้าผาก แล้วทั้งคู่ก็อิงแอบกันอย่างอบอุ่น
นาตาชาซึ่งนอนห่างออกไป หันมาแอบมองด้วยความสะเทือนใจ
อ่านต่อวันพรุ่งนี้
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 19 (ต่อ)
นาตาชาตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด เห็นดอนก็ตื่นแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ ยังคงหลับอยู่ นาตาชาพยุงตัวขึ้นมา ดอนหันมาเห็น
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ฉันจะไปที่ลำธาร”
“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่ค่ะ...ฉันต้องทำธุระส่วนตัว คุณช่วยพาฉันไปหน่อยได้มั๊ยคะ”
ดอนเข้ามาช่วยพยุงนาตาชา ให้ลุกเดินออกไปล้างหน้าที่ลำธาร แล้วเดินแยกไปห่างๆ
“ดอนคะ” นาตาชาหันมาคุยด้วย
“ครับ”
“คุณรู้มั๊ย ตอนแรกที่พ่อทิ้งฉันไว้ในป่า ฉันโกรธแล้วก็เสียใจมาก”
“พ่อคุณไม่ควรทำแบบนั้น”
“แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะขอบคุณพ่อ ที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสได้พบกับคุณ”
“คุณกำลังหว่านเสน่ห์”
“ไม่ค่ะ...ฉันไม่ได้หว่านเสน่ห์ แต่ฉันพูดสิ่งที่อยู่ในใจ”
ดอนชะงักไปนิดก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ไข้คุณลดหรือยัง”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องซิคะดอน ฉันแค่อยากจะบอกคุณบางอย่าง”
“ครับ...ผมฟังอยู่”
“ฉันอยากจะบอกคุณว่า ฉันดีใจที่โลกนี้มีผู้ชายอย่างคุณ เราไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดไม่จำเป็นต้องรักกัน ขอเพียงแค่ตาของฉันได้มองเห็นคุณ รับรู้เรื่องของคุณ มันก็สุขที่สุดแล้วสำหรับฉัน”
“กลับเถอะครับ คนอื่นๆคงตื่นแล้ว” ดอนตัดบท
นาตาชาขึ้นจากน้ำ แล้วยื่นมือให้เขาช่วยดึง ดอนยื่นมือเข้าไปช่วยดึงแต่นาตาชาเซมาอยู่ในอ้อมอกของเขา
“รู้มั๊ยคะว่า ผู้หญิงที่มาเป็นแฟนของคุณ เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก”
นาตาชาลูบไล้ดอนไปมา
“อย่าทำแบบนี้ครับ รีบกลับเถอะ”
“ได้ค่ะ”
ดอนผลักนาตาชาออกมจากอ้อมอก นาตาชาน้อยใจเล็กน้อยแล้วเดินนำไป ดอนเดินตามโดยไม่รู้ว่าเจนนี่ ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง
ดอน และนาตาชาเดินกลับมายังจุดที่พักค้างแรม ยอดกำลังเก็บของเตรียมเดินทาง
“เก็บของพร้อมเดินทางกันแล้วครับ”
กระแตหันไปยิ้มให้นาตาชา
“คุณนาตาชาไม่มีไข้แล้วนะ”
นาตาชายิ้มตอบ
“ค่ะ...ดีขึ้นเยอะแล้ว”
เจนนี่เดินเข้ามาทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ ออกเดินทางกันเถอะ”
“ครับ...ทุกคนตามผมมา”
ดอนเดินนำทุกคนออกไป โดยเจนนี่และกระแตคอยควบคุมนาตาชาเอาไว้ ยอดเดินรั้งท้ายปิดขบวน
กลุ่มเสาร์ห้า เดินทางไปกลางป่า ระหว่างทาง ดอนคอยช่วยดูแลเจนนี่ ยอดช่วยดูแลกระแต ขณะที่นาตาชาคอยแอบมองเจนนี่ และดอนด้วยความอิจฉา
ทุกคนเดินมาหยุดยืนมองขึ้นไปที่หน้าผาเบื้องหน้า
“ถ้าเราปีนหน้าผาขึ้นไปจะย่นระยะทางไปได้เป็น 10 กิโล” ดอนบอก
ยอดหันไปหากระแต
“กระแตไหวมั๊ย”
กระแตยิ้มมั่น
“สบายค่ะ”
ดอนหันไปบอกเจนนี่
“เดี๋ยวผมกับยอดจะขึ้นไปรั้งเชือกไว้ข้างบนก่อน พวกคุณจะได้ขึ้นง่ายๆ”
เจนนี่ยิ้มรับ
“ขอบคุณมากค่ะ”
ดอน และยอดพากันปีนขึ้นไปบนหน้าผาแล้วผูกเชือกรั้งไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็ทิ้งปลายเชือกลงมารับสาวๆ ด้านล่าง ยอดตะโกนบอกสาวๆ
“พร้อมแล้ว ปีนตามเชือกขึ้นมาเลย”
กระแตจับปลายเชือกแล้วหันมาบอก เจนนี่กับนาตาชา
“เดี๋ยวเราขึ้นไปก่อนนะ”
กระแตปีนหน้าผาขึ้นไป เมื่อปลอดคน นาตาชาก็หันมาหาเจนนี่
“ฉันต้องปีนขึ้นไปก่อนใช่มั๊ย”
“ใช่”
นาตาชาไต่เชือกขึ้นไป โดยมีเจนนี่ตามหลังมา เมื่อไต่ขึ้นไปสูงพอประมาณ นาตาชาก็หาจังหวะที่จะแกล้งเจนนี่ โดยเมื่อเห็นมือของเจนนี่ยืนมาจับที่หินก้อนใด นาตาชาก็จะแกล้งเอาเท้าไปเหยียบและเมื่อได้จังหวะนาตาชาก็ถีบเจนนี่ให้หล่นลงไป แต่เจนนี่หลบได้ทัน ทำให้นาตาชาเสียหลักลื่นไถลลงไปอยู่ต่ำกว่าเจนนี่ นาตาชาพยายามเหนี่ยวหินเอาไว้สุดแรง จวนเจียนจะตก เจนนี่หันมามอง
“เธอทำแบบนี้ทำไมนาตาชา”
“ฉันอิจฉาเธอ ฉันเกลียดเธอ”
“เธอทำตัวเองแท้ๆ”
“งั้นก็ฆ่าฉันเลยซิ จัดการเลย”
เจนนี่มองเห็นสายตาของนาตาชาที่มองมาอย่างชิงชังแต่ที่สุดเจนนี่ก็ตัดสินใจที่จะยื่นมือออกไป
“จับมือฉัน”
นาตาชากำลังจะหมดแรง แต่ก็เอื้อมมาคว้ามือเจนนี่เอาไว้ เจนนี่ค่อยๆดึงขึ้นมา กระแต ดอน ยอด ช่วยกันดึงขึ้นมาอีกแรง จนกระทั้งนาตาชา และเจนนี่ ขึ้นมาบนหน้าผาได้สำเร็จ
เมื่อขึ้นมาบนหน้าผาได้ นาตาชากับเจนนี่ นอนหมดแรง อย่างเหนื่อยอ่อน ดอน ยอดและกระแตช่วยกันเก็บอุปกรณ์ปีนเขา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนาตาชาถึงตกลงไป” กระแตถามอย่างสงสัย
“ร่างกายของนาตาชา คงจะยังไม่ฟื้นจากไข้น่ะ ก็เลยหมดแรง”
เจนนี่ปกปิด ไม่บอกเรื่องที่นาตาชาทำร้ายเธอ นาตาชา รู้สึกละอายใจ กระแตหันไปช่วย ดอน และยอด เก็บของ เจนนี่หยิบกระติกน้ำส่งให้นาตาชา
“กินซิ”
“ทำไมเธอไม่โกรธ...”
“เลิกพูด แล้วก็ลืมมันซะ ชีวิตเรายังอีกยาวไกลนาตาชา”
นาตาชารับน้ำจากเจนนี่ ไม่เข้าใจว่าทำไมเจนนี่ยังทำเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆน้อย ทั้งๆที่เธอคิดจะฆ่าเจนนี่
ดอน ยอด กระแต เก็บของเสร็จ เตรียมตัวเดินทาง
“เจดีย์อยู่ไม่ไกลแล้ว เดินไปอีกหน่อยก็ถึง” ดอนบอก
“ไม่รู้พวกคุณเดี่ยว คุณเทอด คุณกริ่ง ถึงไหนกันแล้ว” ยอดถาม
ดอนใช้ตาทิพย์มอง
“คุณเดี่ยว คุณเทอด คุณกริ่งอยู่แถวเจดีย์แล้วครับ”
กระแตแปลกใจ
“ทำไมมาเร็วกว่าเราอีก”
“เขาได้คุณเคนนำทางน่ะ”
ยอดหันไปหาเจนนี่กับนาตาชา
“หายเหนื่อยแล้วหรือยังสาวๆ ออกเดินทางไปทำในสิ่งที่เรารักกันดีกว่า”
ทุกคนพากันออกเดินทาง
เจ้าพ่ออินทร์เดินตรวจพื้นที่ ขณะที่เสือสนธิ์กำลังนั่งบัญชาการให้ลูกน้องแยกเสบียง และลังอาวุธไปไว้ตามจุดต่างๆ
“งานทางนี้เรียบร้อยดีนะครับ เสือสนธิ์” เจ้าพ่ออินทร์เดินมาถาม
“ตอนนี้กระจายอาวุธ ไปตามจุดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว บางจุดที่ค่อนข้างเสี่ยง ผมก็ให้คนวางระเบิดเอาไว้ ยังไงถ้าจะลาดตระเวนคงต้องระวังกันหน่อย”
“ครับ...ผมจะทำแผนที่จุดอันตรายแจกให้พวกเราทุกคน”
เสือสนธิ์หันไปหยิบกล่องใส่ทับทิมสยาม สีม่วง และสีชมพูขึ้นมา
“แต่ไอ้ทับทิมสยาม 2 ก้อนที่ดร.วิทยาฝากเอาไว้นี่ซิ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
“สังหรณ์ใจเรื่องอะไรครับ”
เสือสนธิ์เปิดกล่อง แล้วหยิบทับทิมสยามสีชมพูขึ้นมา
“ต้องมาดูแล ของล้ำค่าแบบนี้ ทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ เวลาจะไปไหนก็ต้องหอบหิ้วไปด้วย ละสายตาไม่ได้กลัวจะมีใครมาฉกเอาไป”
“นั่นซิครับ ของแบบนี้ไว้ใจใครไม่ได้เลย เหมือนได้ทุกขลาภนะครับ”
เจ้อพ่ออินทร์เอื้อมมือมาหยิบทับทิมสยามสีม่วง
“ระวังหน่อยนะ ไอ้เม็ดสีม่วงนี่มันร้าย” เสือสนธิ์เตือน
เจ้าพ่ออินทร์ชักหวาดๆ
“งั้นผมเก็บไว้อย่างเดิมดีกว่า พลาดไปเดี๋ยวเป็นเรื่อง”
เสือสนธิ์และเจ้าพ่ออินทร์ เก็บทับสยามทั้งสองก้อนใส่กล่องตามเดิม มุมหนึ่งห่างออกไปเปาชางส่องกล้องทางไกลมองอย่างสนใจ
ขณะที่เปาชางส่องกล้องทางไกลอยู่ ได้ยินเสียงเดินใกล้เข้ามา จึงละสายตาจากกล้องคว้าปืนแล้วรีบหลบมุม เตรียมเล่นงานหากสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวนั้นเป็นอันตราย อาเตียวเดินออกมาจากพุ่มไม้ เปาชางรีบยกปืนประทับเตรียมยิง ขณะที่ด้านหลังเปาชาง นายพลงจางลี่เอาปืนจ่อหยอกล้อ ทำให้เปาชางสะดุ้งหันเอาปืนไปส่องนายพลจางลี่เช่นกัน
“ฮ่ะๆ...ไวเหมือนกันนะ เปาชาง ฮ่ะๆ”
เปางชางยิ้มออกมา
“ลุงนี่เอง นึกว่าใคร”
กองกำลัง ของนายพลจางลี่พากันเดินเข้ามา อาเตียวหันไปสั่งการ
“พวกเอ็งพักกันแถวนี้ แต่อย่าให้พวกที่เจดีย์รู้ ทำตัวให้เงียบที่สุด”
ทุกคนพากันแยกย้าย นายพลจางลี่หันมาหาเปาชาง
“ไหน...ให้อาเตียวไปตาม มีอะไร”
“ทับทิมสยามครับลุง เจ้าพ่ออินทร์ กับเสือสนธิ์มันมีทับทิมสยาม 2 ก้อน สีชมพู กับสีม่วง”
“จริงเหรอ”
นายพลจางลี่ตื่นเต้น รีบคว้ากล้องส่องทางไกลของเปาชางขึ้นมาส่องดู
“ในกล่องนิรภัยข้างๆตัวเสือสนธิ์ครับ ทับทิมสยามอยู่ในนั้น” เปาชางแนะ
“สองก้อน...นี่มันบุญหล่นทับชัดๆ เรารวยมหาศาลแน่”
“แล้วขายได้กี่ล้านครับ” อาเตียวถามขึ้น
นายพลจางลี่หันไปด่า
“ไอ้โง่...นี่มันหลักพันล้าน ไม่ใช่แค่ล้าน เปาชาง เราต้องเอาทับทิมสยามสองก้อนนั่นมาเป็นของเราให้ได้”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
เปาชาง หยิบเอากระดาษมาเขียนแผนที่ แล้วเริ่มวางแผนกับนายพลจางลี่
เจ้าพ่ออินทร์ เสือสนธิ์ และลูกน้อง ลาดตระเวนอยู่ตามแนวป่า แล้วพบการเคลื่อนไหวบางอย่างห่างออกไป อาเตียวซึ่งปลอมเป็นชาวบ้าน วิ่งหนีเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่างเข้ามาแล้วล้มลง เจ้าพ่ออินทร์ เสือสนธิ์ และพวกรีบเข้าไปดู โดยไม่ไว้วางใจนัก
“เฮ้ย...เอ็งเป็นใคร” เจ้าพ่ออินทร์ถามเสียงเข้ม
อาเตียวตื่นกลัวรนราน
“นาย...ช่วยด้วยๆ”
เจ้าพ่ออินทร์แปลกใจ
“เอ็งหนีอะไรมา”
“โจรจ้ะนาย...พวกโจรฝั่งคะโน้น มันดักปล้นพวกที่อยู่ในป่า ฉันหนีมาได้”
“พวกที่อยู่ในป่า เอ็งหมายถึงใคร” เสือสนธิ์ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้จ้ะนาย ท่าทางเหมือนพวกกรุงเทพ ตอนนี้กำลังถูกพวกโจรมันดักปล้นอยู่จ้ะ”
เจ้าพ่ออินทร์หันไปหาเสือสนธิ์
“หรือว่าจะเป็นดร.วิทยา”
เสือสนธิ์หันไปจ้องหน้าอาเตียว
“เอ็งพาไปได้มั๊ย”
อาเตียวส่ายหน้าตื่นกลัว
“ไม่จ้ะ...ฉันกลัว ไม่เอา”
“ไม่ต้องกลัว พาข้าไป ข้ารับรองความปลอดภัย”
อาเตียวทำท่าอิดออด เสือสนธิ์หยิบเงินส่งให้
“จ้ะๆไปก็ได้จ้ะ แต่ฉันไม่อยู่นานนะ”
เจ้าพ่ออินทร์ กระซิบบอกเสือสนธิ์อย่างไม่ไว้ใจ
“แต่ผมว่า...มันน่าสงสัย”
“ไม่เป็นไรอินทร์ ถ้ามัวแต่ลังเลสงสัย หากเป็นเรื่องจริงขึ้นมา พวกเราอาจโดนทำร้ายได้ รีบไปกันเถอะ”
อาเตียวรีบพาทุกคนเข้าป่าไป เปาชาง และนายพลจางลี่ แอบซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง เปาชางยิ้มพอใจ
“เป็นไปตามแผน พวกมันติดกับแล้ว”
นายพลจางลี่หันมามองหลานชายอย่างชื่นชม
“แกมันยอดจริงๆ เปาชาง แยกพวกมันออกมาแล้วค่อยซุ่มโจมตีแบบนี้ ยังไงมันก็สู้เราไม่ได้แน่”
เปาชางและนายพลจางลี่ หันไปสั่งลูกน้องให้เคลื่อนกำลัง
อาเตียว เดินนำทุกคน ไปตามทางเจ้าพ่ออินทร์ ยกวิทยุติดต่อพูดกับลูกน้องที่ฐาน
“พยัคฆ์เรียกเจดีย์”
“เจดีย์รับทราบ เปลี่ยน”
“พยัคฆ์กำลังเดินทางไปทางทิศตะวันตก มีข่าวพบกองโจร คาดว่าดร.วิทยากำลังอยู่ในอันตราย”
“ต้องการกำลังสนับสนุนหรือไม่”
“จัดเตรียมกำลังสนับสนุนพร้อม หากมีคำสั่งให้รีบตามมา”
“รับทราบ ปฏิบัติ”
อาเตียวเดินนำมาหยุดที่จุดหนึ่งกลางป่า เสือสนธิ์กับเจ้าพ่ออินทร์เข้ามาหา
“ไหน...พวกโจรที่เอ็งว่าน่ะ มันอยู่ไหน” เจ้าพ่ออินทร์ถามเสียงเข้ม
“ใกล้ถึงแล้วจ้ะ เดินข้ามน้ำไปทางโน้นก็ถึงแล้ว”
เสือสนธิ์มองอาเตียวอย่างสงสัย
“แล้วเอ็งหยุดทำไม”
“ขอพักเหนื่อยก่อน ฉันเหนื่อย”
“อีกนิดเดียว เดินต่อดีกว่า ถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือจะได้ช่วยทัน” เจ้าพ่ออินทร์บอกอย่างร้อนใจ
อาเตียวอึกอัก
“แต่ว่า...”
“ไป...เดินต่อ”
เจ้าพ่ออินทร์ ส่งสายตาดุ เพื่อให้อาเตียวเดินต่อไป อาเตียวมองไปรอบๆหากลุ่มของนายพลจางลี่เพื่อหลบหนี แล้วที่สุด อาเตียวก็ตัดสินใจวิ่งหนีเตลิดไป
“เฮ้ย...วิ่งทำไม”
เจ้าพ่ออินทร์ยกปืนยิงไล่หลัง แต่อาเตียวหนีเข้าป่าไป เสือสนธิ์หันไปมองรอบๆรู้ว่ากำลังโดนปิดล้อม
“พวกเราระวัง”
ขาดคำ เสียงปืนก็ดังมาจากทุกทิศทุกทาง เสือสนธิ์และเจ้าพ่ออินทร์พากันหลบ เข้าที่กำบังแล้วยิงต่อสู้กลับไป
อาเตียว วิ่งเข้ามาสมทบ กับเปาชาง และนายพลจางลี่ซึ่งหลบอยู่มุมหนึ่ง ทุกคนกำลังยิงต่อสู้กัน
“แกทำได้ดีมากอาเตียว” นายพลจางลี่เอ่ยชม
“กองกำลังส่วนใหญ่ของพวกมันอยู่ที่เจดีย์ ฉันได้ยินพวกมันวิทยุติดต่อให้ส่งกำลังมาสนับสนุน” อาเตียวบอก
นายพลจางลี่หันไปหาเปาชาง
“ถ้างั้นเปาชาง แกคุมกำลังไปสกัดพวกมันเอาไว้ ทางนี้ลุงจัดการเอง”
“ได้ครับลุง”
เปาชางหันไปให้สัญญาณลูกน้องแล้วพากันแยกออกไป จางลี่และอาเตียวช่วยกันระดมยิง
เจ้าพ่ออินทร์ ส่องกล้องดู เห็นความเคลื่อนไหวของเปาชาง และลูกน้อง จึงหันมาหาเสือสนธิ์ ซึ่งกำลังยิงต่อสู้อยู่
“ที่แท้เราก็โดนพวกนายพลจางลี่หลอก เคยเห็นข่าวพวกมันบ่อยๆ ผมจำหลานมันที่ชื่อเปาชางได้”
“แสดงว่ามันต้องการปล้น ทับทิมสยาม”
“เราอยูที่นี่ไม่ได้นะครับ ต้องถอยกลับฐานที่ตั้ง” เจ้าพ่ออินแนะ
“งั้นก็ตีฝ่าวงล้อม ล่อให้พวกมันไปที่ดงกับระเบิด”
“แต่เราจะต้องเสี่ยงด้วยนะครับ”
“ก็ยังดีกว่าโดนล้อมยิงตายที่นี่”
เจ้าพ่ออินทร์หันไปสั่งการแล้วจากนั้นทั้งเสือสนธิ์ เจ้าพ่ออินทร์ และลูกน้องก็ พากันบุกฝ่าวงล้อมหลอกล่อให้พวกนายพลจางลี่ และอาเตียวตามไป
ทุกคนพากันยิงฝ่าวงล้อมออกไป นายพลจางลี่หันไปให้สัญญาณอาเตียวให้ตาม ขณะที่เขารีบวิ่งไปดักไว้ข้างหน้า เมื่อเสือสนธิ์ และเจ้าพ่ออินทร์ กำลังพะวงอยู่กับอาเตียว และพวกที่ติดตาม ทำให้นายพลจางเลี่พาพวกมาดักรอไว้ข้างหน้า
“หยุด...วางอาวุธซะ ถ้าไม่อยากตาย”
“พวกแกต้องการอะไร” เสือสนธิ์ถามเสียงเข้ม
“แกน่าจะรู้นะว่า อะไรที่มีค่ามากที่สุด”
“เราไม่มีเงินติดตัว ไม่มีอะไรทั้งนั้น” เจ้าพ่ออินทร์บอก
นายพลจางลี่ยิ้มหยัน
“อย่ามาแกล้งโง่ ข้าต้องการทับทิมสยาม ในกล่องนั้น”
นายพลจางลี่ ยิงเปรี้ยงไปที่พื้นเฉียดตำแหน่งที่เสือสนธิ์ยืนอยู่
“ส่งมาเดี๋ยวนี้”
เสือสนธิ์ ชูกล่องนิรภัยขึ้นมา แต่ไม่ยอมขยับตัว เข้าไปหา นายพลจางลี่พยักหน้าให้อาเตียวซึ่งตามมาด้านหลังให้เข้ามารับกล่องนิรภัย
อาเตียวเดินเข้ามาหา เสือสนธิ์ยื่นกล่องให้ ขณะที่อาเตียวเอื้อมมือมารับกล่อง เสือสนธิ์ก็ฉวยจังหวะนั้นเอากล่องฟาดแล้วผลักอาเตียวไปใส่นายพลจางลี่ จากนั้นทั้งเสือสนธิ์และเจ้าพ่ออินทร์ต่างก็พากันยิงใส่
นายพลจางลี่เสียทีรีบหลบขณะที่เสือสนธิ์และเจ้าพ่ออินทร์ต่างก็รีบวิ่งหนีหายเข้าป่าไป
เปาชาง พากองกำลังมา พบกับกลุ่มลูกน้องเจ้าพ่ออินทร์ ที่กำลังยกพวกมาช่วย ทั้งสองฝ่ายต่างกระหน่ำยิงใส่กันไม่ยั้ง เปาชางหันไปเห็นนายพลจางลี่ อาเตียว และพวกกำลังติดตามพวกเจ้าพ่ออินทร์ไปอีกทาง ก็รู้ทันทีว่า นายพลจางลี่กำลังอยู่ในอันตราย เปาชางหันไปหาลูกน้อง
“พวกเอ็งตรึงกำลังเอาไว้ที่นี่ อย่าให้พวกมันรอดไปได้ เข้าใจนะ”
“ครับนาย”
เปาชางรีบแยกตัวออกจากกลุ่มไปทันที ขณะเดียวกัน เจ้าพ่ออินทร์นำเสือสนธิ์ และพวกมาแล้วหยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เข้าเขตดงระเบิดแล้ว ตามผมมา อย่าออกนอกเส้นทางเป็นอันขาด”
เสือสนธิ์หันไปสั่งลูกน้อง
“บอกต่อๆ กันไปทุกคน อย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด”
เจ้าพ่ออินทร์เดินนำทุกคนเข้าในเขตดงระเบิด เสือสนธิ์ และคนอื่นๆ พากันตามไปซุ่มหลบอยู่ที่ต้นไม้ก่อนจะค่อยๆ ทยอยวิ่งหายไป นายพลจางลี่ อาเตียว และพวก พากันวิ่งตามมา
“มันวิ่งไปทางนี้ครับ ดูนั่น...รอยเท้า”
นายพลงจางลี่หันไปสั่งลูกน้อง
“บุกเข้าไป เร็ว”
นายพลจางลี่ อาเตียว และลูกน้องพากันดาหน้าเข้าไป แต่แล้วลูกน้องคนหนึ่ง เดินไปเหยียบกับระเบิดแล้วชะงักมอง อาเตียวซึ่งตามมาด้านหลังตะโกนถาม
“หยุดทำไม ไปซิวะ”
ลูกน้องก้มมองแล้วขยับตัว แต่แล้วระเบิดตูม นายพลงจางลี่ และอาเตียวรีบพากันหลบหลังต้นไม้ จากนั้นลูกน้องก็โดนระเบิด ตรงโน้นที ตรงนั้นที ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็ดูเหมือนจะมีแต่ระเบิด นายพลจางลี่หน้าตื่นตกใจ
“นี่อะไรกันวะอาเตียว”
“เราโดนหลอกให้เข้ามาในดงกับระเบิด”
“งานเข้าแล้ว” นายพลจางลี่ตะโกนบอกลุกน้อง “ทุกคน อย่าขยับ อยู่นิ่งๆ”
กองกำลังของนายพลจางลี่พากันนิ่ง ไม่กล้าขยับ
เปาชาง วิ่งเข้ามาหยุดยืนมองที่นอกเขตระเบิด มองเห็นนายพลจางลี่กับอาเตียว กำลังพยายามหาทางเดินกลับออกมา ตามด้วยบรรดาลูกน้องที่เป็นกองกำลัง แต่แล้วมีบางคน ขณะกำลังเดินแล้วพลาดไปเหยียบระเบิด ตายคาที่ สถานการณ์ทำให้นายพลงจางลี่และอาเตียวเริ่มหวั่นไหว เปาชางหาทางช่วย
“ช้าๆ นะครับ เดินทีละก้าว”
อาเตียวและนายพลจางลี่พยายามเดินมาด้วยก้น แต่แล้ว นายพลจางลี่ต้องชะงักเมื่อเดินไปเหยียบกับระเบิดเข้าเขาหน้าซีดเผือด ไม่กล้าขยับตัว เปาชางรีบค่อยๆ ก้าวเข้าไปหา
“อยู่นิ่งๆนะครับ อย่าขยับ”
เปาชางเดินมาที่เท้าของนายพลจางลี่ข้างที่เหยียบกับระเบิด แล้วกดเอาไว้
“ลุง ค่อยๆ ถอดรองเท้า”
นายพลจางลี่ตื่นกลัว
“แต่ว่า...”
“ผมกดไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงครับ”
นายพลจางลี่ถอดรองเท้า แล้วชักเท้าออกมาจากรองเท้าขณะที่ เปาชางเอามือกดรองเท้าไว้กับระเบิด แล้วหันไปเรียก
“อาเตียว...เอามือมา”
อาเตียวยื่นมือมาหาเปาเชาง
“กดแทนเร็ว”
อาเตียวกดรองเท้าแทนที่มือของเปาชาง แล้วเปาชางก็ค่อยๆลุกขึ้นพยุงนายพลจางลี่ออกมา ทิ้งอาเตียวกดรองเท้าไว้กับกับระเบิด
“แล้วผมทำไงต่อ เปาชาง”
เปาชาง พานายพลจางลี่มาในที่ปลอดภัย จึงหันไปหาอาเตียว
“ก็วิ่งซิวะ”
อาเตียวอึ้ง
“แต่ระเบิด”
เปาชางยิ้มเยาะ
“มันระเบิดแหงๆ อยู่แล้ว ถ้าเอ็งไม่ตายก็พิการ”
อาเตียวหน้าเสียแทบจะร้องไห้
“ฉันยังไม่อยากตาย”
“ไม่เป็นไรอาเตียว แล้วข้าจะล้มวัวล้มควาย ทำบุญไปให้” นายพลจางลี่พูดขำๆ
“แหง...พ่อแก้ว แม่แก้วช่วยลูกด้วย”
อาเตียวตัดสินใจปล่อยมือแล้ววิ่งหนีออกมา ระเบิดตูม ไล่หลัง อาเตียวกระโดดหนีไม่คิดชีวิต แล้วมาล้มลงข้างหน้านายพลจางลี่ พอเงยหน้าขึ้นมาปรากฏว่าหน้าดำมะเมื่อม พอได้สติ อาเตียวก็ลูบคลำตามตัวเพื่อดูว่าอะไรขาดไปบ้างหรือเปล่าแต่ทุกอย่างปกติ
“นี่ฉันรอดจริงๆ เหรอ ไชโย รอดแล้วๆ”
นายพลจางลี่มองอาเตียวอย่างซึ้งในน้ำใจ
“เออ...ถ้างานสำเร็จ ข้าจะแบ่งให้เอ็งก้อนนึงอาเตียว อย่างน้อยเอ็งก็ช่วยข้าไว้”
“พวกมันหนีกลับไปได้หมดแล้วครับ” เปาชางบอก
“ไม่เป็นไร...วันพระไม่ได้มีหนเดียว ติดตามความเคลื่อนไหวของพวกมัน แล้วปล้นทับทิมสยามมาให้ได้”
นายพลจางลี่เจ็บใจที่ทำงานพลาด
อ่านต่อวันพรุ่งนี้