เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 2
นาตาชา เปิดเซฟนิรภัย พลางหยิบทับทิมสีชมพูออกมา ทับทิมโดนแสงกระทบ ส่องประกายแพรวพราว ขณะที่นาตาชาวางทับทิมลงบนแท่นวาง ซึ่งมีไฟส่องทับทิมจนมีประกายระยิบตา สักครู่ปรากฏการณ์ภาพลวงตาจากพลังของทับทิมสีชมพูก็เริ่มก่อตัว บรรยากาศของห้องเริ่มเปลี่ยนไป
สตีเฟ่นมองไปรอบๆ ก็พบว่าขณะนี้เขากำลังยืนอยู่กลางสวนดอกไม้ มีหญิงสาวสวยเดินส่งยิ้มหวาน หยอกล้อด้วย สตีเฟ่น ได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อเบาๆ
“สตีเฟ่น...สตีเฟ่น...”
ทันใดภาพเปลี่ยนจากบรรยกาศสวน กลับมาเป็นห้องพักในคอนโดมิเนียม สตีเฟ่นสะดุ้งได้สติ พบว่านาตาชากำลังตะโกนเรียกชื่อสตีเฟ่นเพื่อให้รู้สึกตัว
สตีเฟ่นได้สติหลุดออกมาจากภาพลวงตา ขณะที่นาตาชาหยิบทับทิมสีชมพูมาวางบน แท่นสีตะกั่วซึ่งทำจากเรเดี่ยม
“เมื่อกี้ มันคือปรากฏการณ์ภาพลวงตาใช่มั้ย”
“ใช่ มันเป็นพลังลึกลับที่ทิมสยามสร้างขึ้นมา วิธีที่จะควบคุมไม่ให้เกิดปรากฏการณ์นี้ เราต้องวางมันไว้บนแท่นเรเดี่ยม”
“ใช้เรเดี่ยมดูดซับพลังงานของมัน”
“ทับทิมสีชมพู จะสร้างแต่ภาพลวงตาด้านบวก อย่างที่พี่เห็นเมื่อกี้ แต่ทับทิมสีม่วง จะสร้างภาพลวงตาด้านลบ โดยมันจะอ่านจิตของเรา แล้วหยิบเอาสิ่งที่เรากลัวที่สุดขึ้นมาสร้างเป็นภาพลวงตา”
“แล้วทับทิมสีแดง”
“ทับทิมสีแดง เป็นพลังแห่งความสมดุล มันจะเป็นตัวกลาง ระหว่างพลังด้านบวกและด้านลบ ทับทิมสีแดง จึงไม่สามารถสร้างภาพลวงตาได้”
สตีเฟ่นพยักหน้าเข้าใจ...
“หน้าที่ของเธอก็คือ...ต้องสืบหาทับทิมสยามสีแดง ส่วนทับทิมสีม่วง พ่อกับฉันจะเข้าไปค้นหาในป่า
แล้วนี่ก็คือเบาะแส เกี่ยวกับทับทิมสีแดง”
สตีเฟ่น หยิบรูปถ่ายของ ครอบครัวๆหนึ่งมาวาง ในรูปประกอบไปด้วย จันทร์ทิพย์ แพรตอง และลูกสาวม่านฟ้า ขณะที่อยู่ในวัย 3 ขวบ
“คนสุดท้ายที่มีหลักฐานว่าครอบครองทับทิมสีแดง ก็คือครอบครัวนี้ คนพ่อชื่อ จันทร์ทิพย์ แม่ชื่อแพร
ตอง มีลูกสาว 1 คนชื่อม่านฟ้า”
“งั้นก็แค่ส่งคนไปที่บ้านมัน แล้วก็จัดการซะ”
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนาตาชา ครอบครัวนี้ เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เสียชีวิตไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน”
“แล้วทับทิมสีแดงล่ะ”
“หายไปพร้อมกับเด็กที่ชื่อ ม่านฟ้า”
“หาย...”
นาตาชาแปลกใจ สตีเฟ่นพยักหน้ารับ...
“ในที่เกิดเหตุ ไม่มีใครพบศพเด็กผู้หญิงคนนั้น”
“แสดงว่าม่านฟ้า ยังไม่ตายใช่มั๊ย”
“พี่เชื่ออย่างงั้น”
นาตาชาหยิบรูปขึ้นมาดู
“ชื่อม่านฟ้าเหรอ”
นาตาชามองไปที่รูปถ่ายของม่านฟ้าในวัยเด็ก
+ + + + + + + + + + + +
ในงานแสดงอัญญมณีซึ่งจัดขึ้นในชื่อ “อัญญมณีแห่งตำนาน” มีการจัดบอร์ดให้ข้อมูล วีดีโอแสดงภาพทับทิมทั้ง 3 สี พร้อมประวัติอย่างน่าสนใจ
แขกเริ่มทยอยเข้างาน ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่งตัวหรูหรา หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งใน และนอกเครื่องแบบ ถูกจัดวางรักษาความปลอดภัยทุกจุด กล้องวงจรปิดหลายมุมกำลังทำงาน ถ่ายทอดมุมต่างๆ
ส่งผ่านมาที่ห้องคอนโทรล
กริ่ง นั่งหน้าจอ มอนิเตอร์ โดยมีผู้ช่วยหลายคน คอยสังเกตุการณ์ และมีวิทยุสื่อสารติดต่อกัน กริ่งเห็นเดี่ยวเดินเข้ามาในงานในชุดหรู กริ่งกดไมค์แล้วพูดติดต่อ
“จะไปเดินแบบที่ไหนครับ คุณเดี่ยว หล่อซะ”
เดี่ยวเงยหน้ามองกล้อง แล้วยกพูดกับไมค์ตัวเล็กๆที่ซ่อนไว้ตรงนาฬิกา
“วันนี้แค่หล่อแบบเบาๆ นะครับคุณกริ่ง ยังไงผมจะขอเบอร์สาวๆ มาเผื่อคุณสักสองสามเบอร์ละกันนะครับ
“อิจฉาๆ”
ภาพจากกล้องอีกมุมหนึ่งมียอด ดอน และเทอด ในชุดสูทหรู กำลังเดินตรงไปยังห้องพักของนาตาชา
กริ่ง กดไมค์แล้วพูดติดต่อ
“น้องสามคนน่ะ วันนี้ทำหน้าที่แขกยาม หรือจับกังครับนั่น”
“มีปัญหาอะไรครับพี่”ดอนย้อนถาม
“พี่ว่าน้องสามคน แต่งตัวเกินฐานะไปนิสสส์นะน้อง”กริ่งแซว
“คนเรามันก็ต้องหล่อบ้างไรบ้าง”ยอดอวดตัว
“ขอโทษนะคุณโฆษกงานวัด หน้าที่พวกผมเขาเรียกซิเคียวริตี้ ไม่ใช่แขกยาม”เทอดแซวกลับ
ยอด เทอด ดอน เดินมาถึงหน้าห้องนาตาชา แล้วเคาะประตู สักครู่ได้ยินเสียงนาตาชาดังออกมา
“เชิญข้างในก่อนค่ะ ประตูไม่ได้ล็อค”
ทั้งสามหนุ่ม เดินเข้าไปข้างใน นาตาชาหันมามอง
“ขอโทษนะคะ”
นาตาชาหันหลังและโชว์ให้หนุ่มๆ เห็นว่า เธอรูดซิบไม่ถึงอยากให้ช่วย สามหนุ่ม มองหน้ากันไปมา
“ใครก็ได้ค่ะ”
ยอดรีบขยับเท้าเดินก่อนเพื่อน ดอนและเทอดเสียดาย
“ผมเองก็ได้ครับ ผมยังไม่เคยแนะนำตัวกับคุณอย่างเป็นทางการเลย ผมชื่อยอดครับ”
ยอดรูดซิบชุดด้านหลังให้ นาตาชาบิดตัวเซ็กซี่สบตายอดในกระจก แล้วจากนั้นก็ยื่นมือให้ยอดจูบทักทาย
“ยินดีที่รู้จักค่ะ คุณยอด นางพญา”
“ต่อไปคุณคงไม่รู้จักผมแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้วนะครับ ขอให้ผมได้รู้จักคุณบ้าง”
“ดิฉันยินดีที่จะทำความรู้จักกับพวกคุณทุกคนค่ะ”
นาตาชาเดินเข้าไปหาดอน และเทอด
“คุณสองคน จะไม่แนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกสักครั้งเหรอคะ”
“ผมดอน ท่ากระดาน ครับ”
นาตาชายื่นมือให้ดอนจูบทักทาย
“ผม เทอด ยอดธง ครับ”
นาตาชายื่นมือให้เทอดจูบทักทายด้วย
“ดิฉันนาตาชา ยินดีที่ได้ร่วมงานกับพวกคุณทั้งสามคนค่ะ”
“อีก 10 นาที จะถึงคิวของคุณแล้วครับนาตาชา”
นาตาชาหันไปรินไวน์
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ หาอะไรดื่มกันก่อน”
“ไม่ครับ พวกเราไม่ดื่ม”ยอดปฏิเสธ
“ไม่ดื่มระหว่างปฏิบัติหน้าที่เหรอคะ”
“เราถือศีลห้ากันครับ”เทอดบอก
นาตาชาหัวเราะ
“แหม...เป็นเด็กดีกันทุกคนเลยนะคะ”
นาตาชาหัวเราะยั่วยวน ส่งสายตาหวานซึ้งให้กับทุกคน หนุ่มๆทั้งสามได้แต่ยิ้ม เก็บความรู้สึก
+ + + + + + + + + + + +
ในห้องคอนโทรล...
กริ่งนั่งดูภาพบรรยากาศงาน เห็นแขกกำลังจับกลุ่มยืนคุย และดูเพชรที่นำมาโชว์ตามจุดต่างๆ ที่มุมหนึ่งเปาชางในชุดสูทหรูเดินผ่านเข้ามากับลูกน้อง 2 คน สายตาของเปาชาง สอดส่องมองตามมุมต่างๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ กริ่งดูกล้องที่กำลังจับภาพเปาชาง จึงกดไมค์ไปหาเดี่ยวซึ่งกำลังเดินอยู่อีกมุม
“คุณเดี่ยว”
“ครับผม”เดี่ยวตอบรับ
“ที่โซน เอ 2 ด่วน”
เดี่ยวรีบเดินไปยังโซนเอ 2 เปาชาง และลูกน้อง เดินหลุดมุมกล้อง แล้วหลบหายเข้าไปในมุม มืด
เดี่ยวเดินเข้ามาแล้วหันมองหา แต่ไม่เจอจึงกดไมค์พูดกับกริ่ง
“มันไปทางไหน”
“มันหลุดกล้องไปทางซ้าย ตอนนี้หายไปจากงาน”
“ใครรู้มั๊ย”
“ไอ้เปาชาง”
เดี่ยวรีบเดินสำรวจไปตามทิศทางที่กริ่งบอก แต่แล้วก็เดินผ่านจุดซ่อนตัวของเปาชางและพวก
+ + + + + + + + + + + +
ในมุมซ่อนตัว...เปาชาง และลูกน้องปีนขึ้นไปบนฝาเพดาน เปาชางเอาแผนที่ออกมากาง แล้วชี้จุด ลากเส้นทางตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็นำลูกน้องค่อยๆลัดเลาะไปตามฝาเพดาน
กริ่งพยายามสวิชกล้องมุมต่างๆ เพื่อหาตัวเปาชาง กับพวก แต่ไม่เห็นแม้เงา ทางด้านเดี่ยวกดไมค์พูด
“ผมเดินทั่วงานแล้ว ไม่เห็นพวกมันเลย”
“ผมตาไม่ฝาดแน่นอน๐”กริ่งยืนยัน
“งั้นสั่งให้จุดที่ควบคุมระบบไฟฟ้าระวังตัว ผมว่ามันต้องโจมตีตรงนั้นแน่นอน”
“รับทราบ”
กริ่งกำลังจะสวิทช์ ภาพไปที่ห้องคุมระบบไฟฟ้า แต่แล้วพนักงานคนหนึ่ง ก็ถือเอกสารมาให้กริ่งเซ็นต์
“คุณกริ่งครับ”
กริ่งหันไปเซ็นต์เอกสาร โดยไม่รู้ว่า ภาพที่ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า เปาชางและลูกน้อง พากันโดดลงมา แล้วเข้าจัดการกับพนักงานที่ดูแลระบบ จากนั้นก็ลากพนักงานเข้าไปซ่อน
กริ่งเซ็นเอกสารเสร็จจึงสวิชท์ภาพมาที่ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า แล้วกดไมค์พูด”
เสียงของกริ่ง ดังมาทางอินเตอร์คอมซึ่งติดไว้ที่ผนังในห้อง ในจอเป็นภาพว่างเปล่าไม่มีคนอยู่
“พลังงาน...ติดต่อด่วน”
ลูกน้องเปาชางคนหนึ่ง สวมชุดพนักงานดูแลระบบ เดินออกมาที่อินเตอร์คอม แล้วสวมรอยเป็นพนักงานทันที
“มีอะไร”
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะ”
“ทุกอย่างเรียบร้อย”
“ตอนนี้มีคนร้ายแฝงตัวเข้ามาในงาน คาดว่าอาจมีการโจมตีระบบไฟฟ้า”
“ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง ประตูห้องล็อคไว้หมดทุกด้าน”
“เยี่ยม”
กริ่งละสายตาจากห้องระบบไฟฟ้าไปดูจุดอื่น
+ + + + + + + + + + +
ในห้องพัก...
นาตาชาเดินออกมาเปิดม่านที่ระเบียงห้อง หมุนตัวไปมาตามเพลงที่เปิดคลอ ยอด เทอด ดอน ยืนมองหน้ากัน เริ่มรู้สึกไม่สมควรที่จะอยู่ในห้อง
“คุณนาตาชาครับ เดี๋ยวพวกผมไปรอข้างนอกกันก่อนดีกว่านะครับ”
“ไม่นะ ฉันไม่อนุญาต”
“แต่ว่า...”
นาตาชาหัวเราะที่เห็นหนุ่มๆ กำลังรู้สึกเขิน
“ฮ่ะๆ พวกคุณเขินเป็นกันด้วย”
นาตาชาเดินเข้ามาหาหนุ่มๆ
“รังเกียจดิฉันเหรอคะ ดูซิ ไม่เห็นสบตาฉันเลยซักคน”
นาตาชาทำหน้าล้อ ทำให้หนุ่มๆยิ่งหน้าแดง
“รีแลกซ์กันหน่อยซิคะ TAKE IT EASY ฉันก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับพวกคุณ อย่าทำตัวเป็นทางการกับฉันซิคะ”
“เอาไว้วันหลังเรา ค่อยเป็นเพื่อนกันนะครับคุณนาตาชา วันนี้เราขอทำงานของเราก่อน”ดอนบอก
“ได้เวลาแล้วครับ ผมว่าเราไปกันได้แล้ว”ยอดรีบรวบรัด
“ได้ค่ะ บอร์ดี้การ์ดยอดรัก”
นาตาชา ล้วงลงไปในอกเสื้อ หยิบกุญแจตู้เซฟออกมาแล้วส่งให้ยอด
“ทับทิมสยามอยู่ในตู้เซฟค่ะ”
ยอดรับกุญแจจากนาตาชา แล้วหันไปไขเซฟ เปิดออกเห็นกล่องนิรภัย อีกใบวางอยู่ ยอดหยิบกล่องนิรภัยออกมาส่งให้นาตาชา
“นี่ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณถือให้ฉันน่าจะดีกว่า”
นาตาชาเดินนำหน้าออกไป โดยมียอด เทอด ดอน เดินตามประกบ
+ + + + + + + + + + + +
ภายในงานแสดงอัญญมณี
โฆษกบนเวทีการแสดง ประกาศเริ่มงาน พร้อมดนตรียิ่งใหญ่ดังขึ้น
“และขณะนี้ ได้เวลาแห่งความทรงจำที่โลกต้องจารึก ได้เดินทางมาถึงแล้ว ขอเชิญทุกท่านพบกับ อัญมณีแห่งตำนาน ทับทิมสยามสีชมพู”
สิ้นเสียงโฆษกดนตรีดังขึ้น แดนเซ่อร์ออกมาเต้นเปิดงานอย่างตระการตา
ขณะเดียวกันนั้น ม่านฟ้าเดินเข้ามาพร้อมบัวชุม หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นพี่เลี้ยง ลักษณะของทั้งสองคนโดดเด่น แต่ด้วยแสงไฟที่ถูกหรี่ลง ทำให้มองเห็นหน้าเธอไม่ค่อยชัดนัก นักข่าวพยายามจะเข้ามาขอถ่ายรูป แต่ทั้งสองปฏิเสธแล้วรีบเดินหนีหลบมุมไปหยุดที่มุมหนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังแขกในงาน เพื่อมองหาใครบางคน
“มันมางานนี้หรือเปล่าคะคุณหนู”บัวชุมถาม
“ยังไม่เห็นเลย”
“แต่พี่บัวชุมเชื่อว่า งานนี้ถ้ามันรู้ยังไงมันต้องมาแน่ๆ”
“พี่บัวชุมจำหน้ามันได้ใช่มั๊ย”
บัวชุมบอกแค้นๆ
“หน้าตาอย่างไอ้หนานคำ บัวชุมไม่มีวันลืมแน่นอน”
ม่านฟ้า และบัวชุมสอดสายตามองต่อไป โดยไม่รู้ว่าหนานคำอยู่ที่บ้านกลางป่า นั่งดูการถ่ายทอดงาน แสดงทับทิมสยามสีชมพูจากโทรทัศน์ด้วยความสนใจ!
+ + + + + + + + + + + +
งานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากเพลงจบ แดนซ์เซ่อร์ก็โพสท่า หมอกควัน ไดร์ไอซ์ ถูกปล่อยออกมาสร้างบรรยากาศ ไฟค่อยๆหรี่ลง เสียงเพลงสง่างามดังขึ้น นาตาชา ยอด เทอด ดอน เดินเข้ามายืนในตำแหน่งสำคัญ กล่องนิรภัยถูกวางลงบนแท่นที่ดูโดดเด่น นาตาชายิ้มให้กับแขกทุกคนในงานแล้วเริ่มพูด
“สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไทยทุกคน ตำนานแห่งทับทิมสยาม ประกอบไปด้วยทับทิม 3 สีด้วยกัน คือ ทับทิมสีแดง ทับทิมสีม่วง และทับทิมสีชมพู ซึ่งทับทิมสีชมพู ดิฉันได้มีโอกาสได้ครอบครอง แต่ทับทิมสีแดง และสีม่วงไม่มีใครรู้ว่าขณะนี้อยู่ที่ไหน ดิฉันจึงอยากจะขอประกาศถึง ทายาทที่ครอบครองทับทิมสยามสีแดง และสีม่วง โปรดติดต่อมายังดิฉัน หากพิสูจน์ได้ว่าทับทิมที่ท่านครอบครองเป็นของจริงๆ ดิฉันยินดีที่จะให้ราคาอย่างที่ท่านคาดไม่ถึงแน่นอน และตอนนี้ทับทิมสีชมพูพร้อมแล้วค่ะ ที่จะเผยความงดงามให้ทุกท่านได้ชื่นชม”
เทอดส่งรีโมทให้ นาตาชากดระหัสที่รีโมท กล่องนิรภัยค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นมา แล้วเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ นักข่าวพากันถ่ายภาพถี่ยิบ
ม่านฟ้า และบัวชุม ยืนมองไปบนเวที แล้วทันทีที่ทับทิมเผยโฉมออกมา แสงสะท้อนสีชมพูก็สะท้อนฉาบบนใบหน้าของม่านฟ้าที่มองทับทิมอย่างตื่นเต้น
หนานคำและภรรยา จ้องมองมาที่ทับทิมสีชมพูที่กล้องกำลังจับภาพอย่างชัดเจน
“เอ็งได้ยินใช่มั๊ยเขาบอกจะให้ราคาอย่างที่คาดไม่”ภรรยาถาม
“ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว”
หนานคำและเมีย มองหน้ากันด้วยความดีใจ
+ + + + + + + + + + + +
ในงาน...
ที่ช่องบนฝ้าเพดาน เปาชาง กับลูกน้องอีกคน กำลังไต่ฝ้ามาแล้วมาหยุดบริเวณเวทีแสดง เปาชางค่อยๆ เปิดฝ้าเพดาลออกทำให้มองเห็น ด้านล่างเวที ประกายของทับทิมสีชมพู ส่องกระทบใบหน้าของเปาชางที่จ้องมองอย่างรอจังหวะลงมือ
นาตาชา หยิบทับทิมสีชมพูขึ้นมา แล้วโพสท่าให้ทุกคนได้ถ่ายรูป ขณะเดียวกันนั้น กริ่ง ตัดภาพมุมต่างๆ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย กริ่งตัดภาพไปยังห้องควบคุมระบบไฟฟ้า แล้วเห็นคนร้ายในชุดพนักงาน กำลังพยายามทำอะไรบ้างอย่าง กริ่งกดไมค์ลงไป
“นั่นกำลังทำอะไรครับ”
คนร้ายหันมาทางกล้อง แล้วชักปืนมายิงเปรี้ยง ทำให้จอดับทันที กริ่งรีบติดต่อเดี่ยว
“คุณเดี่ยว ไปที่ห้องควบคุมระบบด่วน”
“รับทราบ”
เดี่ยวและตำรวจนอกเครื่องแบบอีกสามคน พากันไปยังห้องควบคุมระบบ ขณะที่ภายในห้องนั้น
คนร้ายกำลังติดระเบิดเอาไว้ กับกล่องควบคุมไฟฟ้าที่หน้าห้อง เดี่ยวและตำรวจนอกเครื่องแบบวิ่งมา แล้วพยายามพังประตู
คนร้ายเร่งมือติดตั้งระเบิด จากนั้นก็ต่อสายชนวนเสร็จ ก็รีบปีนขึ้นฝ้าเพดาน เดี่ยวกำลังกระแทกประตู เป็นจังหวะเดียวกับระเบิดเริ่มทำงาน แรงระเบิดทำให้ประตูปลิวหลุดมา เดี่ยวและตำรวจโดดหลบ ระบบไฟฟ้าเริ่มดับไปเรื่อยๆ
ภายในห้องจัดงาน นาตาชากำลังวางทับทิมสีชมพูลงบนกล่องนิรภัย แล้วโพสท่าจบ แต่แล้วจู่ๆ ไฟก็ดับวูบ ลูกน้องเปาชางซึ่งซ่อนตัวจุดอื่นๆ ชักปืนออกมากราดยิงไปทั่วงาน ยอดดึงร่างของนาตาชาให้หลบกระสุน
เปาชาง และลูกน้อง ติดสลิง ทิ้งตัวลงจากฝาเพดา พุ่งไปยังทับทิมสีชมพู ดอน และเทอด รีบพุ่งเข้าไปสกัดเอาไว้ แล้วต่อสู้กัน เพื่อไม่ให้อีกฝ่าย คว้าทับทิมไปได้ นาตาชาหันไปมองเหตุการณ์ ยอดรีบพยุงนาตาชาขึ้นมา
“คุณหลบไปก่อน นาตาชา ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ ฉันไม่ไป”
นาตาชาปฏืเสธ ขณะที่แขกในงานหนีกันวุ่นวาย
+ + + + + + + + + + + +
ม่านฟ้า และบัวชุมพากันวิ่ง ท่ามกลางเสียงปืนที่คนร้ายพากันยิงกราดไปมา บัวชุมสะดุดล้ม ม่านฟ้ารีบเข้ามาประคอง คนร้ายคนหนึ่งโผล่เข้ามา เอาปืนจ่อม่านฟ้า
“อย่าเพิ่งไปน้องสาว”
ม่านฟ้าพลิกตัวเข้าล็อก บัวชุมแย่งปืน ทำให้คนร้ายเซล้มไป คนร้ายลุกขึ้นมามองม่านฟ้าด้วยความแปลกใจ
“เป็นมวยด้วย”
“มาซิ เข้ามา”
คนร้ายเข้าชาร์จ ม่านฟ้าโดดหลบ แล้วอาศัยจังหวะมวยกระแทกคนร้ายล้มลง บัวชุมเข้ามาเอาปืนฟาดไม่ยั้ง
“พอแล้วพี่บัวชุม ไปเร็ว”
ม่านฟ้าดึงบัวชุมให้วิ่ง แต่แล้วก็เจอกับเดี่ยวยืนขวาง เดี่ยวยกปืนเล็งมา ม่านฟ้าและบัวชุมชะงักคิดว่าเดี่ยวเป็นคนร้าย บัวชุมเข้ามาขวางทางปืนเพื่อปกป้องม่านฟ้า
“ถ้าจะยิง ยิงข้า อย่ายิงคุณหนูนะ”
เดี่ยวลั่นกระสุนออกไป บัวชุมสะดุ้ง แล้วจับหน้าอก บัวชุมดีใจ
“เฮ้ย หนังเหนียว ยิงไม่เข้า ข้าหนังเหนียว”
ม่านฟ้าสะกิดบัวชุมให้หันไปมองข้างหลัง จึงเห็นคนร้าย ถูกเดี่ยวยิง ล้มลงเนื่องจากคนร้ายกำลังจะยิงม่านฟ้า
“เดี่ยวเลยยิงป้องกัน”
ม่านฟ้ากับเดี่ยว
“ขอบใจนะพี่ชาย”
“อ้าว...นึกว่าบัวชุมหนังเหนียวซะอีก”
ม่านฟ้าดึงบัวชุมให้วิ่งหนีออกไป ส่วนเดี่ยวเข้าไปช่วยเพื่อนในงาน
+ + + + + + + + + + + +
ที่ห้องคอนโทรลซึ่ง แม้จะมีระบบไฟสำรอง แต่จอทุกจอก็มืดสนิท ลูกน้องเปาชางถือปืนเข้ามาแล้วยิงกราด ทุกคนพากันโดดหลบ กริ่งอาศัยจังหวะล็อกคอ แล้วแย่งปืนมาได้แล้วเอาท้ายปืนฟาดใส่
“เป็นคนดีแค่นี้ทำไม่ได้ ทำไมต้องเป็นโจรด้วย”
โจรทรุดตัวลงตัวงอ
“นั่นแหละ หัดรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนกะเขาบ้าง”
กริ่งเตะเสยทำให้คนร้ายทรุดลง กริ่งรีบออกจากห้องไป
ขณะเดียวกันที่แท่นนิรภัย เทอดกำลังเสียหลัก ทำให้เปาชางเข้ามาถึงแท่นนิรภัย เปาชางเอื้อมมือมาคว้าทับทิมแต่แล้วยอด ก็พุ่งเข้ามาดึงตัวเปาชาง ทำให้เปาชางเอื้อมไม่ถึงทับทิม ลูกน้องเปาชางอีกคนเข้ามาร่วมวง
นั่นทำให้ยอด เทอด ดอน ต่างก็มีภาระที่จะต้องจัดการกับเหล่าร้ายแบบ หนึ่งต่อหนึ่ง
อ่านต่อหน้า 2
เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 2 (ต่อ)
นาตาชาหลบมุมมองเหตุการณ์อยู่ แต่แล้วลูกน้องเปาชางคนหนึ่ง ก็โดนยอดต่อยเซถลามาล้มตรงหน้านาตาชาจากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วจับนาตาชาล็อคเอาไว้ ดอนและเทอดตรงเข้าไปที่ลูกน้องเปาชางที่จับนาตาชา ทว่ามันเอาปืนจี้นาตาชาเป็นตัวประกันพร้อมกับขู่ขึ้น
“หยุดนะ ไม่งั้นนังนี่ตาย”
“ใจเย็นนะครับพี่ อย่าทำอะไรผู้หญิงคือว่ามันไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“ถอยไป”
“คือผมว่าแลกกันดีกว่าครับ พี่ปล่อยผู้หญิง แล้วเอาผมเป็นตัวประกันแทนดีไหมครับพี่”ดอนยื่นข้อเสนอ
ลูกน้องเปาชางตวาด
“พูดเป็นเล่นไป”
ดอนแกล้งสะดุ้งโหยง
“โหย...โตะจาย หมดเลย”
ระหว่างที่ดอน พยายามเรียกร้องเพื่อหันเหความสนใจจากผู้ร้าย เทอดใช้วิชาหายตัว ลูกน้องเปาชางตกใจที่เห็นเทอดหายตัวได้ ทันใด...เทอดปรากฏตัวด้านหลังแล้วบิดแขนมัน ลูกน้องร้องลั่น นาตาชารีบหมุนตัวหลบ ดอนเข้าไปช่วยนาตาชาที่หลุดมาได้
เทอดจัดการลูกน้องจนทรุด มันงัวเงียขึ้นมา
“พี่ครับ แมลงวันเกาะที่หน้า”
ดอนเข้าไปเตะเสย ลูกน้องล้มสลบไป
“อุ๊ย...เตะผิดครับพี่ พอดีจะช่วยปัดแมลงวันให้
ทางด้านเปาชางและยอด แย่งทับทิมที่กลิ้งไปตามพื้น ลูกน้องเปาชางเข้ามาช่วย ทำให้เปาชางแย่งทับทิมไปได้แล้ววิ่งออกจากงานที่กำลังชุลมุนกันอยู่ นาตาชาตกใจที่ทับทิมถูกขโมยไปจนได้
+ + + + + + + + + + + +
ภายในงาน เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ ซุ่มยิงต่อสู้กับพวกคนร้าย เดี่ยวจัดการกับมือปืนที่ยิงกราดคนในงานจนหมอบ เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น เดี่ยวรีบรับ ยอดรายงานเดี่ยวที่เปาชางเอาทับทิมไปได้
“เดี่ยว รีบมุ่งหน้าไปทาง b2 เปาชางมันได้ทับทิมไปแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจัดการให้”
เดี่ยวรีบวิ่งออกไป
ทางด้านเปาชางกำลังวิ่งมาตามทาง แล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นกริ่ง เดินยิ้มออกมาจากมุมหนึ่งขวางหน้าไว้
“จะรีบไปไหนเพื่อน”
เปาชางไม่ตอบชักปืนยิงใส่ทันที แต่กริ่งโดดหลบ ลูกน้องเปาชาง มาสมทบรุมยิงกริ่ง
“ดุตลอด...ดุตลอด...”
กริ่งหลบอยู่อีกมุม ถูกเปาชางและสมุนรุมยิง กริ่งไม่สามารถออกมาได้ แต่ยืดแขนออกมาจากมุมยิงใส่ ลูกน้องตาย เหลือแต่เปาชาง เดี่ยวโผล่ออกมาจากอีกมุม เตะปืนเปาชางร่วง กริ่งหันมาเห็น
“ขอบคุณครับพี่เดี่ยว”
เดี่ยวยิ้ม
“เล็กน้อย”
เปาชางเหวี่ยงหมัดหวังเผด็จศึก เดี่ยวหลบและสวนโดนเปาชางเต็มๆ จนเซถลาไป ลูกน้องเปาชาง 3 คน วิ่งเข้ามา เล็งปืนจะยิง แต่ช้ากว่ากริ่งที่ยิงเร็วกว่าจนล้มกลิ้งไปสองคน กริ่งเข้าไปสู้กับลูกน้องเปาชางอีกคน
เดี่ยวซัดเปาชางล้มลง ทับทิมหลุดออกจากตัวเปาชาง เดี่ยวจะเข้าไปหยิบ แต่เปาชางไวกว่ารีบชักมีดออกมา
“ฮั่นแน่...เล่นของมีคม”
เปาชางจ้วงแทง แต่แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่กริ่งเตะลูกน้องเปาชาง เซถลาเข้ามาตัดหน้าทำให้มีดจ้วงแทงลูกน้องตัวเอง เปาชางชักมีดออกมา รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ เดี่ยว และกริ่งยิ้มให้อย่างใจเย็น เปาชางหันไปมองทับทิม จะเข้าไปหยิบแต่แล้ว ยอดโผล่เข้ามาเหยียบมือเปาซาง ก่อนจะคว้าทับทิม ยอดเตะเสย เปาชางเซออกไป ยอดแย่งทับทิมจากเปาซางไปได้
“โทษครับพี่ พอดีแมลงวันเกาะ ที่คางพี่นะครับ”
ยอดก้มลงหยิบทับทิมขึ้นมา ลูกน้องเปาชางอีก 3 คน โผล่เข้ามาแล้วยิงใส่ ยอด เดี่ยว กริ่ง เผด็จศึกมันอีก 3 คน เปาชางได้โอกาสวิ่งหนีหลบออกไป หลังจากกริ่งออกไปจัดการผู้ชาย 2 คนหลัง
“ผีหรือคนวะเนี้ย”ลูกน้องงง
“ถ้าไม่อยากตาย พวกเอ็งรับปากข้าว่าจะเป็นคนดี”กริ่งย้อนถาม
“รับปากครับ รับปากครับ”ลูกน้องบอกอย่างกลัวๆ
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณเวที ยังมีการยิงปะทะกันอยู่ ระหว่างตำรวจและกลุ่มคนร้าย เทอด และ ดอน ประคองนาตาชา หลบกระสุน เพื่อหาที่ปลอดภัย โดยมุ่งตรงมาทางเดินแล้วพบกับ เดี่ยว กริ่ง และยอด ที่กำลังหลบกระสุนเข้ามาเช่นกัน
“คุณปลอดภัยดีนะ”ยอดถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“พวกมันยังซุ่มอยู่เต็มไปหมด”เดี่ยวมองไปรอบๆ
“แล้วทับทิม”นาตาชากังวล
“นี่ครับ”
ยอดล้วงกระเป๋า หยิบออกมาแล้วส่งให้ นาตาชารับทับทิมสีชมพูมาถือไว้ แล้วมองหน้าหนุ่มๆ
“ขอโทษนะคะ”
นาตาชายัดทับทิมลงไปในอกเสื้อ สามหนุ่มมองอึ้งๆ เดี่ยวรีบตัดบท
“ผมว่าเรารีบออกจากที่นี่เถอะ ตามผมมา”
เดี่ยวรีบออกจากมุม แล้ววิ่งนำทุกคนออกไป
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณลานจอดรถชั้นบน ใกล้ศูนย์แสดงอัญมณี นายพลจางลี่ กำลังยืนส่องกล้องทางไกล แล้วบัญชาการ ลูกน้องด้วยวิทยุสื่อสาร โดยมีอาเตยว และลูกน้องคนสนิทอีก 3 คนคอย
นายพลจางลี่พูดวิทยุ
“กลุ่ม A กลุ่ม B ฟังทางนี้...สั่งพวกเราให้คักประตูทางออกทุกด้านไว้ อย่าให้พวกมันออกไปได้ เดี๋ยวฉันจะส่งกำลังเสริมไปให้”
พวกสมุนรับคำสั่งแล้ว วิ่งแยกกันไปหลายกลุ่ม เพื่อไปดักประตูทางออกทุกด้าน เปาชางวิ่งเข้ามา เหงื่อโทรม นายพลจางลี่ละจากกล้องส่องทางไกล แล้วหันมามอง
“ไง”
“พวกมันแย่งทับทิมไปได้”
“เราเสียกำลังไปมาก”
“ผมขอแก้ตัว”
เปาชางเดินมาขอกล้องส่องทางไกลจากนายพลจางลี่ แล้วส่องดูบริเวณนอกงาน
“พวกเรายังล้อมทางเข้าออกไว้ได้ใช่มั๊ยครับลุง”
“ใช่ ทับทิมยังอยู่กับพวกมันแน่นอน”
“ถ้างั้นก็ได้เสีย”
เปาชางหันไปที่รถ แล้วเปิดกระโปรงหลัง หยิบปืนติดกล้องทางไกล สำหรับซุ่มยิงออกมา 2 กระบอก แล้วหันมาทางอาเตียว
“อาเตียว”
“ครับ”
“แกไปกับฉัน”
เปาชางโยนปืนให้ อาเตียวรับปืน นายพลจางลี่หันมากำชับ
“อีกครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างต้องจบ”
“ลุงสตาร์ทรถ รอรับทับทิมสยามจากผมได้เลย”
เปาชาง และอาเตียว วิ่งออกไปด้วยความมั่นใจ นายพลจางลี่มองอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก เพราะรู้ว่าหลานชายเป็นคนมุทะลุเกินไป
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยวนำทุกคนหลบกระสุนเข้ามาซ่อนในจุดอับ ดอนหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋า แล้วกางออก เดี่ยว และดอนช่วยกันดูแผนที่ เพื่อหาทางออกที่ใกล้ที่สุด
“ประตูทุกด้าน พวกมันปิดล้อมไว้หมด นอกจากทางด้านหลัง”
“แต่ตรงนั้นมีของรกมาก”ดอนประเมินสถานการณ์
“มีถนนทางด้านหลัง”เดี่ยวบอก
เทอดพยักหน้า
“ใช่ฉันมีทางออกทางเดียว”
“ฉันดีกว่าเทอดเสียพลังไปมาก พวกคุณคุ้มกันคุณนาตาชาไป ฉันจะเอารถมารับตรงจุดนี้ แล้วเจอกัน”
เดี่ยวชี้ไปยังแผนที่ ซึ่งเป็นทางออกด้านหลังของตึกแสดงทับทิมสยาม กริ่งสรุปทันที...
“โอเค...อีก 2 นาทีเจอกัน”
เทอดเหล่
“เร็วไปพี่กริ่ง”
“2 นาทีครึ่ง”
ทุกคนมองหน้ากันยิ้มๆ ยอดกระเซ้า
“พี่กริ่งวิ่งยังกะลมพัด ใครจะไปตามทันล่ะ”
“ฉันว่าไปก่อนดีกว่า”
เดี่ยวรีบแยกตัวออกไป เพื่อเอารถมารับ”
ดอนหันบอกทุกคน...
“ตามผมมาทางนี้”
ดอนนำทุกคนแยกไปอีกทาง
+ + + + + + + + + + + +
อาเตียวซึ่งอยู่ที่มุมสูง เล็งปืนลงมาข้างล่าง ภาพในกล้องของอาเตียว เห็นดอน กำลังวิ่งนำทุกคนหลบกระสุนมาตามทางเดินเล็กๆ
“มันซุ่มยิงที่ไหน”กริ่งถาม
ดอนใช้ตาทิพย์มองแล้วบอก
“ชั้นสอง”
ดอนโบกมือให้คนที่ตามมา ไปยังจุดกำบังโดยที่ตัวเองคอยคุ้มกันให้ ยอดและเทอด พานาตาชาวิ่งไปก่อน กริ่งตามมาทีหลัง
ดอนรู้สึกบางอย่าง ใช้ตาทิพย์มองตรงไปยังจุดซ่อนตัวของอาเตียว เห็นอาเตียวกำลังเล็งปืนมาที่นาตาชา กริ่งมองตามสายตาดอนขึ้นไป จากนั้นก็แปลงร่างเป็นลมหมุนพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
อาเตียวกำลังเล็งเป้าหมายมาที่นาตาชา แต่ขณะกำลังจะลั่นไก ก็โดนกระแทกด้วยลมหมุนที่มองไม่เห็น กระสุนปืนลั่นออกไป ในขณะที่อาเตียวล้มลง ตามแรงลมหมุน
นาตาชาล้มลง เธอถูกยิงที่ไหล่ซ้ายเลือดไหล ยอด และเทอดรีบคุ้มกันแล้วพาหลบมุม ดอนใช้ตาทิพย์มองไปทั่วบริเวณ เห็นเปาชางซึ่งซุ่มอยู่อีกมุมกำลังเล็งปืนมาที่ตน ดอนพลิกตัวหลบ แล้วยิงโต้ตอบ
ดอน ใช้ตาทิพย์มองไปยังจุดที่อาเตียวซุ่มอยู่ พบว่ากริ่ง กำลังเหนื่อยอ่อน ขณะที่อาเตียว ค่อยๆลุกขึ้นมามองงงๆ และคาดว่ากริ่งคงกำลังเสียที ดอนรีบหันมาทางเทอด และยอด
“กริ่งท่าจะพลังอ่อนลงเยอะ เทอด ยอด รีบไปช่วยกริ่งเร็ว”
“ฝากนาตาชาด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ไปเร็ว เดี๋ยวผมยิงคุ้มกันให้”
ดอนยิงโต้ตอบกับเปาชาง ขณะที่เทอด และยอด วิ่งขึ้นชั้นบน
“ฉันไปก่อนนะยอด”
เทอดวิ่งนำยอดและหายตัวไป
+ + + + + + + + + + + +
กริ่งเหนื่อยอยู่ที่มุมหนึ่ง อาเตียวซึ่งล้มลงไปนอนกับพื้นจากการโดนกระแทก พยุงตัวขึ้นมามองไปรอบๆ งงๆ แล้วเห็นกริ่งกำลังค่อยๆฟื้นขึ้นมา
อาเตียวรีบหันไปมองปืน แล้วรีบพุ่งเข้าไปหยิบ แต่กริ่งรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเข้าไปยื้อเอาไว้ ทั้งคู่แย่งปืนกันทำให้ปืนลั่น
เปาชาง ได้ยินเสียงปืนลั่นจึงละจากการยิงโต้ตอบกับดอน แล้วรีบวิ่งมาทางด้านอาเตียว
กริ่งใช้พลังไปมาก ทำให้อ่อนเพลีย เสียท่าให้อาเตียวแย่งปืนไปได้แล้วยิง กริ่งพยายามพลิกตัวหนีด้วยความเหนื่อยอ่อน
ยอด และเทอดวิ่งเข้ามาแล้วยิงใส่ อาเตียวหลบกระสุน ไปทางด้านเดียวกับเปาชาง ซึ่งวิ่งมาสมทบ เปาชางโยนปืนสั้นอีกกระบอกให้อาเตียว ทำให้ ยอด และเทอด ต่างยิงโต้ตอบกับ อาเตียว และเปาชาง
กริ่งหลบมุมอยู่ตรงกลางด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่สามารถออกมาได้ เปาชางให้สัญญาณกับอาเตียว แล้วหลบมุมไป ปล่อยอาเตียวยิงโต้อยู่คนเดียว เปาชางอาศัยจังหวะวิ่งอ้อมมาอีกด้าน เพื่อหาทางจัดการกับกริ่งซึ่งหลบอยู่ ยอดเห็นเปาชางจึงหันมาหาเทอด
“เทอด มันกำลังไปเล่นงานกริ่ง”
“ผมเอง”
เทอดหายตัวเพื่อไปช่วยกริ่ง ยอดยิงต่อสู้กับอาเตียว
+ + + + + + + + + + +
กริ่งที่หลบซ่อนตัว พยายามรวบรวมกำลังเพื่อให้ฟื้นตัว เปาชางเข้ามาด้านหลัง แต่เงาพาดมาที่พื้น ทำให้กริ่งสังเกตุเห็น กริ่งรีบถอยตัวหลบมุมเพื่อเตรียมพร้อม เปาชางย่องเข้ามา แล้วเงาหายไปในความมืด กริ่งโผล่หน้าไปมอง แต่ไม่เห็นความเคลื่อนไหว ทำให้กริ่งเริ่มระแวง
ในเงามืด...เปาชางยกปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมเล็งไปยังเป้าหมาย ที่กริ่งหลบอยู่ เปาชางพุ่งตัวไปออกไปเล็งปืน แต่แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่เห็นแม้เงาของกริ่ง เปาชางแปลกใจ
“มันหายไปไหน”
เปาชางหันไปมองรอบๆ เพื่อหาร่องรอย แต่ก็ไม่พบจึงค่อยๆ เดินส่องปืนไปตามจุดต่างๆ แล้วห่างออกไป
ในจุดเดิมที่กริ่งหลบมุมอยู่ จากความโล่งว่างเปล่า ค่อยๆปรากฏร่างของ เทอด และกริ่งโดยเทอดหายตัวบังร่างของกริ่งไว้นั่นเอง
“ขอบใจ...ที่กำบังกายให้ฉัน”
“มีวิชากับตัวจะกลัวอะไร”
เทอดโผล่ไปมองเปาชาง แล้วให้สัญณาณกริ่งให้ตามมา แต่กริ่งเหนื่อยอ่อน ทำให้เคลื่อนตัวไม่คล่องนัก เทอดหันไปมองกริ่ง
“ขอโทษ...ฉันลืมไปว่าตอนนี้พลังนายหมด”
เทอดเข้าพยุงกริ่งให้ลุกขึ้น แล้วพาหลบไป แต่แล้วกริ่งเซไปชนกับถังขยะ ทำให้ถังล้ม
เปาชางชะงักหันมาแล้วยิงใส่ทันที เทอดหันไปยิงสกัด ทำให้เปาชางติดตามมาไม่ถนัด ยอดวิ่งเข้ามาหาเทอด
“เทอดพากริ่งไปก่อน ฉันระวังหลังให้”
“ขอบใจเพื่อน”
เทอดรีบพากริ่งวิ่งไป แต่แล้วอาเตียวโผล่ออกมาอีกด้านหนึ่ง โดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว อาเตียวเล็งปืนแล้วยิงออกไป กระสุนปืนลั่นออกไปเข้าร่างของกริ่งจนสะดุ้งทรุดตัวลง ยอดรีบยิงสกัดไม่ยั้ง
“รีบพากริ่งไปเร็ว”ยอดสั่ง
เทอดรีบพยุงกริ่งหลบออกไป ขณะที่ยอดยิงคุ้มกันให้
+ + + + + + + + +
เดี่ยวขับรถเข้ามารอที่จุดนัดหมาย เห็นดอนพยุงนาตาชาเข้ามา เดี่ยวรีบลงมาเปิดประตูให้ดอนพานาตาชาเข้าไปข้างในรถ
“ไหวนะนาตาชา”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรมาก”
“อ้าวแล้วคนอื่นล่ะ”เดี่ยวถาม
“มาโน่นแล้ว”
เทอดพยุงร่างของกริ่งเข้ามา เดี่ยวหันไปมอง
“กริ่งถูกยิง! คงใช้พลังมากเกินไป”
ดอนและเดี่ยว ช่วยกันพาเทอดและกริ่งเข้าไปในรถ เดี่ยววิ่งไปประจำที่คนขับ เสียงปืนดังไล่หลังมา ดอนรีบหลบ แล้วมองหายอด
“แล้วยอดล่ะ”
“เดี๋ยวก็มา”
ดอนรีบขึ้นนั่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนปืนรัวใกล้เข้ามา ดอนดึงประตูรถปิดทันที
รถของนายพลจางลี่ ขับใกล้เข้ามา โดยมีกลุ่มลูกน้องระดมยิงใส่รถเดี่ยว ขณะเดียวกัน เปาชาง และ อาเตียว วิ่งเข้ามาแล้วยิงกระหน่ำที่รถเดี่ยว
“ยอดหายไปไหน”เทอดยอก
ดอนมองทางหน้าต่างรถ
“โน่น อยู่ข้างหน้า”
ยอดกำลังวิ่งอยู่กลางถนนเล็กๆ ห่างออกไป เทอดสั่ง...
“ออกรถเร็ว คุณเดี่ยว”
เปาชาง และอาเตียวยิงใส่รถ เดี่ยวรีบขับรถหลบกระสุน ขับตรงไปหายอดซึ่งกำลังวิ่งอยู่ด้านหน้ารถ รถของนายพลจางลี่ขับตามมา และระดมอาวุธหนักยิงไล่หลัง
ยอดโบกมือให้เดี่ยวจอด
“ทางนี้ คุณเดี่ยว”
เดี่ยวตะโกน
“ยอดโดดทะลุเข้ามาเลย รถจอดไม่ได้”
รถของนายพลจางลี่ยิงอาวุธหนักไล่หลังมา ยอดตัดสินใจพุ่งตัวทะลุรถเข้าไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ระเบิดลูกใหญ่ลงตูม! รถเอียงวูบวาบ
ยอดทะลุรถเข้าไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในรถ เดี่ยวเหยียบรถวิ่งห่างออกไป นาตาชาตื่นเต้นแปลกใจ กับเรื่องเหนือธรรมชาติของพวกเสาร์ห้าที่เห็นด้วยตา
เทอดหันไปมองยอด
“หวุดหวิดเลยนะยอด”
ยอดเหนื่อย แต่โอ่
“พอดี....ฉันเก่ง”
นาตาชามองแปลกใจ
“คุณยอด คุณเข้ามาได้ยังไง”
ยอดจุ๊ปาก
“นึกว่าฝันไปก็แล้วกันครับ”
ดอนมองนาตาชา
“ท่าทางคุณตื่นเต้นมาก”
“ไม่...ไม่ค่ะ ฉันโอเค คุณมีความสามารถพิเศษกันทุกคนจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างงี้มาก่อนเลย”
“คุณเสียเลือดมาก เดี๋ยวผมห้ามเลือดให้”
นาตาชาพยายามระงับอาการตื่นเต้นกับสิ่งที่ยอดทำ เดี่ยวส่งกระเป๋าพยาบาลจากหน้ารถมาให้ ดอนเริ่มทำแผลให้นาตาชา ขณะที่เทอดทำแผลให้กริ่ง
“พวกมันตามมาหรือเปล่า”กริ่งถาม
เทอดมอง
“คงไม่มีใครตามมาแล้ว”
เดี่ยวรีบบอก
“ผมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆนะ แต่พลังเริ่มจะหมดแล้ว ช่วยกันมองหน่อย”
เทอดหันไปถาม...
“ดอนนายเห็นหรือเปล่า”
ดอนพยายาม
“พลังผมก็เริ่มอ่อนแล้ว มันเห็นไม่ถนัด”
นาตาชารู้สึกทึ่งกับความสามารถพิเศษของพวกเสาร์ห้า
“คุณมีความสามารถพิเศษกันทุกคนจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างงี้มาก่อน”
ดอนใช้ตาทิพย์มองออกไป
“ว่าไง...เห็นอะไรไหม”
“เห็นแต่ไม่ชัดเจน”
“เสียงอะไร”
“ระเบิด”
พอขาดคำที่ดอนบอก ระเบิดก็ลงตูม เดี่ยวรีบขับรถหลบทันที
“ผมว่าแล้ว เสียงคุ้นๆ”เดี่ยวบ่น
ห่างออกไป รถของนายพลจางลี่ ระดมยิงอาวุธหนัก RPG ไล่หลัง
“เร็วพี่เดี่ยว เหยียบให้มิดเลย ไม่งั้นเราเสร็จแน่”ยอดร้องบอก
“จัดให้...”
เดี่ยวเหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวออกไป หลบระเบิดที่ไล่หลังมา
อ่านต่อหน้า3
เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 2 (ต่อ)
รถของนายพลจางลี่วิ่งมาถามถนนลูกรัง นายพลจางลี่ นั่งมองรถของเดี่ยวที่อยู่ข้างหน้าอย่างขัดใจที่ลูกน้องยิงไม่ถูกเป้าหมายซักที
“ไอ้พวกเสาร์ห้า มันต้องเล่นของหนักเอาหัวปืนมา”
“นี่ครับ”
ลูกน้องส่งปืนยิงระเบิดให้ จางลี่ลุกขึ้นเล็งไปยังเป้าหมายข้างหน้าอย่างใจเย็น สายตาเล็งเป้าหมายอย่างอำมหิต
รถของเดี่ยววิ่งถึงช่วงที่สะพานขาด กำลังปรับปรุงเส้นทาง
“เหยียบให้มิดพี่เดี่ยว มันมาแล้ว...เหยียบให้มิด” ยอดสั่ง
ทุกคน หันไปมองป้ายเก่าๆ ข้างทาง ที่เขียนไว้ว่า “ห้ามเข้าอันตราย” เทิดรีบบอกเดี่ยว
“ป้าย...ห้ามเข้า...พี่เดี่ยว”
“เข้ามาแล้ว...ช่วยไม่ได้” เดี่ยวพูดหน้าตาเฉย
“ระวัง...เอ๊ะ” เทอดร้องขึ้น
“ระวังอะไร” ยอดถามอย่างสงสัย
ดอนมองไปข้างหน้าตกใจ
“ระวังสะพานขาด”
“เหยียบให้มิดเลย...ตายเป็นตาย” ยอดสั่ง
ทุกคนหันไปมองเบื้อหน้า เห็นรถกำลังพุ่งขึ้นสะพาน ต่างพากันตกใจ ส่งเสียงดังลั่น จางลี่ยิงระเบิด ไล่หลังรถตรงเชิงสะพาน ขณะรถพุ่งตัวข้ามสะพาน ลอยออกไปกลางลำคลอง แล้วพุ่งข้ามไปอีกฝั่งอย่างหวาดเสียว โดยมีระเบิดลูกใหญ่ไล่หลัง เทิดกับเดี่ยวรีบหันไปมองข้างหลัง
“ข้างหลังเป็นไงบ้าง”
ยอดใจถอนหายใจโล่งอก
“โอ๊ย...พี่เดี่ยวเล่นขับอย่างนี้ หัวใจจะวาย”
เดี่ยวยิ้มๆ
“ทุกคน...ปลอดภัยก็ดีแล้ว”
รถจี๊บเบรคกระทันหันที่เชิงสพาน นายพลจางลี่ยืนบนรถมองเห็นรถของเดี่ยวกำลังวิ่งไป อยู่อีกฝั่งของคลองห่างออกไป นายพลจางลี่ลดปืนลงมาด้วยความหงุดหงิด
“ครั้งนี้ถือว่าพวกเอ็งโชคดี...ไป...กลับ”
นายพลจางลี่ และลูกน้องเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป
+ + + + + + + + + + + +
วันต่อมา...
หนังสือพิมพ์ลงข่าวพาดหัว
“ทับทิมสยามถูกปล้น ตายบาดเจ็บนับสิบ”
เจนนี่ กระแต บุษกร ชลดา และยูกิสนใจอ่านรายละเอียด เจนนี่หงุดหงิดที่ไม่ได้ร่วมปฏิบัติการภารกิจนี้ด้วย
“ถ้างานเมื่อวาน พวกเราอยู่ด้วยก็คงจะสนุกน่าดู” ยูกิบ่น
เจนนี่เห็นด้วยด
“นั่นซิ...ทำไมพวกผู้ชายถึงไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปช่วย”
“มันคงจะอันตรายเกินไปสำหรับพวกเรา” บุษกรออกความเห็น
“อันตรายกว่านี้ พวกเราก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น แบบนี้มันกีดกันทางเพศนี่นา” เจนนี่พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
“อย่าคิดมากน่าเจนนี่” กระแตปลอบ
ผู้พันอาจณรงค์ เดินถือแฟ้มเข้ามา
“สวัสดีสาวๆ”
สาวๆ ทุกคนหันสวัสดีทักทาย ผู้พันอาจณรงค์พร้อมๆกัน
“สวัสดีค่ะผู้พัน”
“ผู้พันน่าจะมีข่าวดี” ชลดาถามอย่างยิ้มแย้ม
“แน่นอน...ข้อมูลทุกอย่างบันถึกอยู่ในแฟมนี้”
ผู้พันส่งแฟ้มให้ ชลดารับมาอ่าน
“สรุปยอดบัตรเครดิตของ มิสเตอร์สตีเฟ่น แม็คควีนเดือนที่ผ่านมาเจ็ดแสนห้าหมื่นกว่า...เอ๊ะ...รายการ
ที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือประเภทขุดเจาะ อุปกรณ์เดินป่า เครื่องมือทางธรณีวิทยา ยังกับจะไปเปิดเหมืองแร่ที่ไหน”
“สตีเฟ่น จบอะไรมา” กระแตถาม
บุษกรเปิดไฟล์คอมพิวเตอร์ โชว์รายละเอียดประวัติพร้อมรูปถ่ายของสตีเฟ่น
“วิชาไฟแนนซ์ แล้วก็หลักสูตรอบรมพวกบริหารเล็กๆน้อยๆ”
“เอกสารใบสุดท้ายข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อกับต่างประเทศ คุณบุษกรลองเช็คหมายเลขนี้ได้มั๊ย”
บุษกร รับแฟ้มจากผู้พันอาจณรงค์ ตรวจเช็คหมายเลข แล้วหันมาบอก...
“เป็นหมายเลขจากแถบตะวันออกกลาง...ลงทะเบียนชื่อ มิสเตอร์ มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค”
บุษกรเริ่มเซิร์จข้อมูล มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค จาก กูเกิ้ล โดยพิมพ์คำว่า Most Wanted Terrorists ภาพปรากฏหน้าจอ เป็นภาพจาก เว็บไซค์ของ FBI เห็นภาพของ มูฮัมหมัด อับดุล ลาซัค คือหนึ่งในวายร้ายระดับโลกที่พัวพันการค้าอาวุธ
“เป็นพวกผู้ก่อการร้ายที่ค้าอาวุธสงคราม” บุษกรบอกทุกคนน
“สตีเฟ่น ติดต่อกับพวกค้าอาวุธสงครามทำไม” กระแตอย่างสงสัย
“อันนี้เป็นภาพถ่ายที่ได้มาโดยบังเอิญ โดยที่ผมส่งสายไปติดตามความเคลื่อนไหวของ สตีเฟ่น...แล้วบังเอิญได้ภาพนี้มา”
ผู้พันอาจณรงค์อธิบายพร้อมกับวางภาพถ่ายให้ทุกคนดู เป็นภาพระยะไกล ของชายคนหนึ่ง หน้าตาคล้าย ดร.ฟอร์ด แต่ใส่หมวก ใส่แว่น พยายามอำพรางตัว เดินอยู่กับสตีเฟ่นที่คอนโด เจนนี่ที่นั่งใกล้ๆบุษกรหยิบรูปดู
“นี่มันรูป...ดร.ฟอร์ด ใช่มั๊ย”
เจนนี่ส่งรูปให้บุษกรและคนอื่นๆดู บุษกรเปิดคอมพิวเตอร์รูปใบหน้าของดร.ฟอร์ด ที่ชัดเจน เพื่อเทียบกับภาพถ่าย กระแตที่นั่งใกล้ ๆกับบุษกรมองภาพทั้งสอง
“คล้ายกันมาก”
ยูกิครุ่นคิด
“เป็นไปไม่ได้...ก็เครื่องบินของ ดร.ฟอร์ดเกิดอุบัติเหตุตกในป่า หนังสือพิมพ์ก็ลงกันทุกฉบับ”
“แต่ไม่มีใครพบศพ” ชลดาแย้ง
“ป่าแถวนั้นมันป่าดงดิบ ไม่น่าจะมีใครรอดออกมาได้” กระแตออกความเห็น
“สายผมรายงานมาว่า เห็นผู้ชายคนนี้เดินออกมาจากคอนโด กับสตีเฟ่นและมักไปไหนมาไหนด้วยกัน” ผู้พันอาจณรงค์บอก
เจนนี่นิ่งคิด
“ถ้าเป็นดร.ฟอร์ดจริง ทำไมสตีเฟ่นต้องปิดข่าว”
ชลดาคิดตาม
“ก็แล้วทำไมต้องหาซื้ออุปกรณ์เหมืองแร่ แล้วก็ติดต่อพวกค้าอาวุธสงคราม”
เจนนี่ชักเอะใจ
“มันเกี่ยวอะไรกับทับทิมสยาม ที่นาตาชานำออกมาแสดงหรือเปล่า”
ทุกคนมองหน้ากัน ครุ่นคิดหาความเกี่ยวโยง
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล เล็กๆ ชานเมืองกรุงเทพฯ นาตาชาซึ่งนอนหลับให้น้ำเกลือ บาดแผลที่ไหล่ของเธอได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สักครู่เธอก็ตื่นลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ เห็น ดอน นอนหลับอยู่บนโซฟา และเมื่อเธอขยับตัวจะลุกขึ้น ดอนก็สะดุ้งตื่นหันมา
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“ค่ะ...อรุณสวัสดิ์”
“หมอบอกว่า บาดแผลของคุณไม่มีอะไรต้องห่วง อีกสองวันคงจะกลับได้”
นาตาชาเริ่มมองหาทับทิมสยาม ที่เธอซ่อนไว้ในอกแต่บัดนี้เธออยู่ในชุดคนไข้ ดอน เดินมาที่ลิ้นชักข้างเตียงแล้วไขกุญแจ หยิบทับทิมสยามส่งให้
“อยู่นี่ครับ...ผมเฝ้ามันไว้ทั้งคืน”
“ขอบคุณมากค่ะดอน เอ้อ...แล้วที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลเล็กๆแถว ๆ ชานเมือง...รับรองว่า คุณปลอดภัยแน่นอน”
“พวกคนร้ายเมื่อคืน เป็นใครคะ”
“เป็นพวกกองกำลังชนกลุ่มน้อย พวกมันต้องการเงินอย่าเดียวเพื่อไปซื้ออาวุธ หัวหน้าคือนายพลจางลี่ หลานชายของมันชื่อเปาชาง”
“เท่าที่ทราบ พวกนี้หาเงินด้วยการค้ายาเสพติดไม่ใช่เหรอคะ”
“พวกมันขัดแย้งกันเอง พวกนายพลจางลี่ถูกกีดกันไม่ให้ค้ายา มันเลยหาเงินด้วยวิธีการปล้น” ดอนมองนาตาชาอย่างสงสัย “เดี๋ยว...ทำไมคุณรู้เรื่องเมืองไทยมากขนาดนี้”
นาตาชายยิ้มบางๆ
“อย่าลืมซิคะว่า แม่ของดิฉันเป็นคนไทย ถึงแม้ท่านจะเสียไปนานแล้ว แต่ท่านก็สอนฉันหลายอย่างเกี่ยวกับเมืองไทยให้กับฉัน”
“คุณหิวหรือยังครับ”
“ยังค่ะ...แต่ว่าดิฉัน เอ้อ...อยากจะเข้าห้องอาบน้ำหน่อย”
“เชิญครับ...งั้นผมออกไปรอข้างนอก”
นาตาชายิ้มให้ ดอนเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
ดอนเดินออกมาหน้าห้อง เห็นเทอดเดินออกมาจากห้องที่กริ่งพัก
“นาตาชาเป็นไงบ้าง” เทอดถาม
“รู้สึกเธอ ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำ”
“นายก็ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวสาวๆจะเหม็นสาบ”
“กริ่งล่ะ” ดอนถามห่วงๆ
“หลับยังไม่ตื่นเลย”
ดอนเดินไปยังห้องคนไข้พิเศษอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องที่กริ่งรักษาตัวอยู่
กริ่งนอนให้น้ำเกลือหลับอยู่บนเตียง ดอนเดินเข้ามา เสียงเปิดประตูทำให้สัญชาติญาณของสายลับทำงาน กริ่งสะดุ้งคว้าปืนใต้หมอนขึ้นมาเล็ง ดอนยกมือร้องห้าม
“ผมเองคุณกริ่ง...ผมเอง”
“โทษที”
“คุณยอด กับคุณเดี่ยวล่ะ”
“เข้ากรุงเทพตั้งแต่เช้าแล้ว บ่ายๆคงมา”
ดอนพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
+ + + + + + + + + + + +
นาตาชาเดินสำรวจห้องตามจุดต่างๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเครื่องดักฟังในห้องเธอจึงกดโทรศัทพ์ถึง ดร.ฟอร์ด
“มอร์นิ่ง” ดร.ฟอร์ดรับสาย
“มอร์นิ่งค่ะพ่อ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ”
“ค่ะ...ทับทิมสยามยังอยู่กับหนู”
“แล้วพวกเสาร์ห้าล่ะ”
“พวกเค้ามีความสามารถพิเศษกันจริงๆ ข้อมูลที่ได้มาไม่ผิดแน่ หนูยืนยันได้ค่ะ”
“ถ้างั้นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับงานของเราก็คือ คนที่ชื่อดอนและเดี่ยว”
“ทำไมคะ”
“ดอนมีตาทิพย์ ขณะที่เดี่ยว มีหูทิพย์ ความสามารถของพวกเขา จะเป็นประโยชน์ในการค้นหาทับทิมสยามสีม่วงที่หายไป...หนูต้องใช้ความสามารถ ทำให้ดอนและเดี่ยวมาเป็นพวกเราให้ได้”
“ค่ะ หนูจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังเด็ดขาด”
นาตาชากดวางสายอย่างมุ่งมั่น
+ + + + + + + + + + + +
ดร.ฟอร์ดวางสาย แล้วหันมาทาง ซัมดอง สตีเฟ่น และอัมราฮิม ซึ่งนั่งฟังอยู่
“อีกไม่นานครับอาจารย์ เราจะได้ตัวคนชื่อดอน และเดี่ยวมาเป็นพวกแน่นอน”
ซัมดองยิ้มมุมปาก
“มันต้องเป็นเช่นนั้น คำทำนายของข้าไม่เคยผิด”
“ทำไมเราต้องเอาพวกเสาร์ห้า มายุ่งกับงานของเราด้วยครับอาจารย์ ใช้ดวงตาสวรรค์หาทับทิมสยามก็ได้นี่ครับ” สตีเฟ่นถามอย่างไม่เข้าใจ
ซัมดองหันไปหาสตีเฟ่น
“เอ็งคงไม่รู้ซิว่า...ทับทิมสยามมีพลังบางอย่าง บดบังดวงตาสวรรค์มองไม่เห็น แต่สำหรับพวกเสาร์ห้า มันมีพลังพุทธคุณ ซึ่งเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ข้า...เชื่อว่ามันจะทำให้งาน ของเราสำเร็จแน่นอน”
“แต่พวกมันจะยอมทำงานให้เรา เหรอครับ” ราฮิมบอกอย่างหนักใจ
“ข้ามีวิธีของข้า เอาตัวมันมาให้ข้าก็แล้วกัน...”
ซัมดองยิ้มอย่างมีเลศนัย
+ + + + + + + + + + + +
นาตาชาเห็นโทรศัพท์มือถือของดอนซึ่งวางทิ้งไว้ในห้อง เธอหยิบขึ้นมาพลิกดู เห็นเครื่องปิดอยู่ เธอเริ่มคิดถึงแผนการณ์บางอย่าง จึงเปิดโทรศัพท์ของดอน แล้วกดหมายเลขเบอร์ของเครื่องเธอ ยิงเข้าเครื่องเธอ ทำให้เธอได้หมายเลขโทรศัพท์ของดอนเก็บเอาไว้ในเครื่อง
“ขอโทษนะค่ะดอน คุณคือ เป้าหมาย แรกของฉัน”
ขณะที่นาตาชากำลังเมมชื่อดอนลงในเครื่องเธอ โทรศัพท์ของดอน ก็ดังขึ้น เจนนี่โทรเข้ามานั่นเอง นาตาชายิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วหยิบโทรศัพท์ดอนขึ้นมากดรับสาย แกล้งทำเสียงงัวเงีย
“สวัสดี”
เจนนี่ กำลังโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่ง ในสำนักงานที่ทำงานของเสาร์ห้า
“นั่นใคร”
“แล้วคุณละคะ...ใคร”
“ฉันเจนนี่...ขอสายดอนหน่อย”
นาตาชาแกล้งพูดกับดอน
“ดอนค่ะ ตื่นเถอะ โทรศัพท์เข้ามาค่ะ ดอน...ไม่เอาค่ะ อย่าซิค่ะ ดอน...เดี่ยวก็ได้ อย่าใจร้อน”
นาตาชาแกล้งกดโทรศัพท์ทิ้ง กระแตเห็นเจนนี่ยืนฟังโทรศัพท์นิ่งอึ้งก็เข้าไปถาม
“มีอะไร”
เจนนี่ส่ายหน้า แต่ก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอจึงพยายามโทรกลับอีก แต่ก็ไม่ติด ขณะเดียวกันนั้น ยอดกับเดี่ยวเดินเข้ามา ยอดยิ้มแย้มทักทาย
“วอท ซั่พ แมน....สวัสดีตอนเช้าครับสาวๆ”
“เมื่อคืนหายไปไหนกันมา ไม่มีใครกลับเซฟเฮ้าส์ซักคน” ชลดาถามเสียงเข้ม
บุษกรมองเดี่ยวงอน ๆ
“โทรศัพท์ก็ปิดหมดทุกคน ติดต่อไม่ได้เลย”
เดี๋ยวยิ้มแหยๆ
“โทษที มันเป็นงานราชการลับ”
“ลับระดับสุดยอดซะด้วย”ยอดเสริม
กระแตงอนยอด
“แล้วเกี่ยวอะไรกับการปิดโทรศัพท์ล่ะ”
“ถ้าเปิดไว้ พวกเราอาจโดนแกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์” ยอดนึกอะไรบางอย่างได้ “เอ๊ะ...นี่แสดงว่า…”
“แสดงว่าอะไร”กระแตถามเสียงเข้ม
“ตัวเองโทรเข้ามาไม่ติดใช่ปะ แสดงว่าคิดถึงเค้าอ้ะดิ...ใช่ปะ”
ยอดเย้าแหย่ กระแตค้อน
“จะติดต่อเรื่องงานย่ะ... อย่าหลงตัวเอง”
“กริ่งเป็นไงบ้างคะ” ยูกิถามอย่างห่วงๆ
“รายนั้น ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ แค่แผลถลอกเล็กๆ ไม่ซีเรียส” เดี่ยวบอก
ยูกิแปลกใจ
“แต่เขาถูกยิงไม่ใช่เหรอคะ”
ยอดยิ้ม
“กระสุนแค่ถากๆ น่ะ คุณเดี่ยวเขาไม่อยากให้คุณยูกิคิดมาก อย่าห่วงเลย”
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ” ชลดาถาม
“อ๋อ...ผมก็อยู่นี่ไงครับ” ยอดกระเซ้าขำๆ
“ค่ะ แล้วคนอื่น....”
ชลดา ถามถึงคนอื่น ซึ่งความจริงต้องการถามถึง เทอด เพียงแต่เธอไม่กล้าพูด ยอดรู้ดีว่าเธอจะถามถึงใครเลยแกล้งอำ ชี้ไปที่เดี่ยว
“คนอื่น...อ๋อ...นี่ไงคุณเดี่ยว อยู่นี่ไง”
เดี่ยวยิ้มรับมุข
“ครับผมอยู่นี่ครับ”
กระแตชักรำคาญ ก็โพล่งออกมา
“นี่ชลดา...เค้าหมายถึงคุณเทอดค่ะ ไม่ได้หมายถึงพวกคุณ”
ยอดทำหน้าเซ็งๆ
“โฮ่...แล้วก็ไม่บอก...”
เจนนี่ซึ่งนั่งฟังมานาน หันมาถาม
“นี่แสดงว่าคุณดอน กำลังดูแลผู้หญิงที่ชื่อนาตาชาอยู่ใช่ไหมค่ะ”
ยอดยิ้มรับ
“ใช่ครับ คุณ ดอน เป็นคนรับอาสาดูแลคุณนาตาชามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ”
เจนนี่นิ่ง พยายามเก็บความรู้สึก ไม่อยากแสดงให้ใครเห็นว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร
+ + + + + + + + + + + +
บ่ายวันนั้น...
เดี่ยวขับรถมาจอดหน้าโรงพยาบาล ยอด กระแต บุษกรและเจนนี่นั่งมาด้วย ทุกคนลงจากรถ กระแตมองบรรยากาศรอบๆ
“ที่นี่บรรยากาศดี ยังกับมาพักผ่อนตากอากาศเลย”
ยอดชี้นิ้วไป
“ตรงโน้นนะ มีดอกไม้สวยๆ ผมว่ากระแตต้องชอบแน่ๆ”
กระแตตื่นเต้น
“ไหนๆ พาไปดูเร็ว”
ยอดหันไปบอกทุกคน
“พวกคุณเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวผมกับกระแตตามไป”
เดี่ยวเดินนำบุษกรและเจนนี่เข้าไปด้านใน
โปรดติดตามอ่านต่อวันพรุ่งนี้