เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 14
ม่านฟ้าเดินมาหน้ากระท่อมร้าง เห็นสมุนสองคนเฝ้ายามอยู่ก็เดินเข้าไปหา
“มาทำไม” สมุนคนหนึ่งถาม
ม่านฟ้ายิ้มให้
“มาเก็บจานข้าว”
สมุน เปิดประตูให้ ม่านฟ้าเดินเข้าไปข้างในกระท่อม...ยูกิ ชลดาและบัวชุม รีบเข้ามาหา
“ตอนนี้หมู่บ้านคนน้อย ถ้าจะหนีต้องหนีตอนนี้เลย” ม่านฟ้ากระซิบบอก
“ถ้าออกไป เราต้องเจอกี่คน” ยูกิถามเบาๆ
“เฝ้ายาม 2 คน แล้วถ้าวิ่งออกไปอาจเจออีกประมาณสี่ห้าคน”
ชลดาหันมาหายูกิ
“งั้นยาม 2 คน เราช่วยกันจัดการ”
ยูกิพยักหน้า
“ได้เลย”
“บัวชุมก็เป็นมวยนะคะ มีอะไรช่วยได้เหมือนกัน”
ทันใดนั้น เสียงสมุนคนหนึ่งดังเข้ามา
“มัวทำอะไรอยู่ เก็บจานแค่นี้”
“เสร็จแล้วจ๊ะ” ม่านฟ้าตะโกนบอก
สมุนเปิดประตู ม่านฟ้าเดินถือจานออกไปแล้ว แกล้งทำจานตกกระจายออกไปนอกกระท่อม
“ว้าย...ตกหมดเลย ช่วยเก็บหน่อยพี่”
สมุนสองคนช่วยกันเก็บจาน ยูกิ ชลดาและบัวชุมรีบออกมาจากระท่อม ชลดากับยูกิเข้าชาร์จ สมุนสองคนจนสลบ
“ตามมาทางนี้”
ม่านฟ้ารีบเดินนำคนอื่นๆออกไป ทั้ง 4 คน อยู่ในชุดของชาวบ้าน เมื่อเดินเป็นกลุ่มจึงไม่มีใครสงสัย สักครู่ก็ได้ยินเสียงคนโวยวาย
“เฮ้ย...นักโทษหนี พวกนักโทษหนี”
สี่สาวตกใจหันไปมองเห็นชาวบ้านกำลังชี้มา จึงวิ่งหนี
“เร็ว...หนีเร็ว”
สี่สาวพากันวิ่งหนี ขณะที่ผู้ชายประมาณสามคน วิ่งไล่ตาม ทันใดนั้นมีชายอีกสองคน มาขวางหน้าไว้ สี่สาว หันหลังชนกัน แล้วเริ่มต่อสู้กับกลุ่มผู้ชาย ยูกิอาศัยความเป็นนินจา เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เผลอแป็บเดียวไปอยู่ด้านหลังคู่ต่อสู้ แล้วบิดคอสลบไป
ชลดาตีลังกาไปมาจนคู่ต่อสู้งง พอเผลอก็ฟาดหางด้วยจรเข้อย่างสวยงาม ม่านฟ้าเป็นมวยจีน กระโดดเตะ ต่อยท้อง ต่อยหน้า จนคู่ต่อสู้รับไม่ทัน ทางด้านบัวชุมนั้น มวยไม่สวยแต่ใจสู้ ตบแล้วกัด กัดแล้วสะบัด คู่ต่อสู้ขยาด เมื่อพวกผู้ชายสู้ไม่ได้ ก็ปรากฏว่ามีใครบางคน หยิบปืนขึ้นมา แล้วยิงเปรี้ยง แต่โชดดีที่สี่สาวหลบทัน
ยูกิ หยิบมีดที่ม่านฟ้าเคยให้ไว้ ขว้างออกไปคล้ายขว้างชูริเคน มีดลอยไปปักชายที่ยิงปืนล้มลง ชาวบ้านฮือฮา ยูกิรีบบอก
“หนีเร็ว”
ชลดางงๆ
“ไปทางไหน”
“ทางนี้...ตามมา”
ม่านฟ้า วิ่งนำทุกคนหนีออกจากหมู่บ้านไป ชาวบ้าน ส่งเสียงโวยวาย ด่าทอสี่สาว ล้งเล้ง
+ + + + + + + + + + +
ดร.อภิชัย นั่งทำงานอยู่ในห้อง ผู้พันอาจณรงค์ เดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ว่าไงผู้พัน”
“ผมได้รับการติดต่อจากพวกเสาร์ห้าครับท่าน”
“พวกเขาว่าไง”
ผู้พันอาจณรงค์ส่งเอกสาร ซึ่งปริ้นท์ออกมาจากอีเมล์ ส่งให้
“ตอนนี้พวกเขาแฝงตัวอยู่ในแค้มป์ ของดร.ฟอร์ดกลางป่าแถบชายแดนด้านตะวันตก ตามพิกัดที่ระบุไว้ในแผนที่ และพวกเขาร้องขอกำลังเสริมด่วนครับท่าน”
“วันนี้เลยเหรอ”
“ครับท่าน”
“ทำไมด่วนยังงี้...แล้วมีหน่วยไหนพร้อมบ้าง”
“เรามีหน่วยปฏิบัติการพิเศษแถบจังหวัดกาญจน์ สามารถเข้าถึงพิกัดที่ระบุได้ภายในหนึ่งชั่วโมงครับ”
“งั้นก็จัดการได้เลย ผู้พันช่วยดูแลงานนี้แทนผมทีนะ”
“ครับผม”
ผู้พันอาจณรงค์ทำความเคารพแล้วออกไป
+ + + + + + + + + + + +
ดอน เดี่ยว เทอด หาทางปีนขึ้นไปข้างบนเจดีย์ ดอนชี้มือขึ้นไป
“ผมเชื่อว่าทับทิมสยามอยู่ที่ยอดของเจดีย์...ตรงนั้น”
เดี่ยวมองไปแล้วบอก
“งั้นผมปีนเอง คุณสองคนช่วยดูต้นทางให้ที”
“แต่ระวังนะครับ ข้างบนมีรังงู” ดอนเตือน
“รีบปีนเถอะครับ ตอนนี้กำลังปลอดคน” เทอดบอกอย่างร้อนใจ
เดี่ยวเริ่มปีนขึ้นไปด้านบน ขณะที่ ดอนและเทอด ช่วยกันดูต้นทาง
ทางด้านกระแต และบุษกร เดินมาที่ริมลำธาร โดยมีลูกน้อง 2 คนเดินตาม ทั้งคู่มองหน้าส่งสายตากันว่า ให้จัดการกับสองสาว ขณะที่กระแตและบุษกรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“แถวนี้ไม่มีคน พวกคุณอาบน้ำตรงนี้ดีกว่า” ลูกน้องคนหนึ่งบอก
กระแตหันไปส่งยิ้มหวานให้
“แล้วพวกพี่ไม่อาบด้วยกันเหรอ”
บุษกรส่งสายตายั่วยวน
“นั่นซิ...จะได้มาช่วยเราถูหลังให้หน่อย”
ลูกน้อง 2 คนยิ้มดีใจที่ทุกอย่างดูจะง่ายกว่าที่คิด
“ได้เลย”
กระแตส่งยิ้มให้อย่างเชิญชวน
“งั้นเดี๋ยวน้องช่วยถอดเสื้อผ้าให้นะ”
กระแตและบุษกร เดินเข้าหาลูกน้องทั้งสองแล้วเริ่มปลดอาวุธ แต่ลูกน้องคนหนึ่งชะงักระแวงเล็กน้อย
“กลัวอะไร...อยู่กันแค่นี้เอง เดี๋ยวเปี๊ยกน้ำ”
กระแต และบุษกรปลดอาวุธสำเร็จ ขณะที่ลูกน้องทั้งสองเริ่มหื่น เข้ามาลวนลาม บุษกรห้ามไว้
“อย่าใจร้อนซิคะ รอเดี๋ยวซิ”
“รออะไร”
“ก็รอฉันจัดการแกก่อนไง”
กระแต และบุษกร เข้าล็อคลูกน้องทั้งสองแล้วเริ่มต่อสู้กัน ยอดและกริ่งยืนมองอยู่มุมหนึ่งคอยสังเกตการ
“ท่าทาง เราคงไม่ต้องเข้าไปยุ่งนะคุณกริ่ง”
“ถือว่ามาดูมวยตอนเช้าๆ ไงคุณยอด...เชียร์มวยกันดีกว่า”
กริ่งและยอดเริ่มออกแอ็คชั่นเชียร์มวยกันสนุกสนาน ขณะที่กระแตและบุษกร ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่เหนือฉันเข้าต่อกรแล้วที่สุด สองสาวก็จัดการน็อคคู่ต่อสู้ลงได้ ยอดกับกริ่งตบมือให้
“เก่งจริงนะตัวแค่เนี๊ยะ” ยอดชม
“ส่งไปชกมวย เควัน เลยดีกว่า” กริ่งแซว
กระแตหันไปบอก
“รีบไปที่เจดีย์กันเถอะ”
ทุกคนพากันเดินกลับไปที่เจดีย์
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มของนายพลจางลี่ เปาชาง อาเตียว เดินผ่านป่าเขาวงกตเข้าไป
“ป่าแถวนี้มันแปลกๆนะครับลุง” เปาชางถามอย่างสงสัย
“ที่นี่คือป่าเขาวงกตเป็นป่าอันตราย ทุกคนอย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด” นายพลจางลี่กำชับทุกคน
อาเตียวหันไปสั่งพวกทหาร
“บอกทุกคนอย่าออกนอกเส้นทาง”
นายพลจางลี่นำทางทุกคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดเดินที่ชายป่ามองไปยังเจดีย์
“ดูที่เจดีย์”
ทุกคนชะงักมองไปที่เจดีย์ เห็นเดี่ยวกำลังพยายามปีนขึ้นไปด้านบน เปาชางมองตามนายพลจางลี่ก็จำได้
“พวกเสาร์ห้านี่ครับลุง”
“พวกมันปีนขึ้นไปทำไม” อาเตียวถามอย่างไม่เข้าใจ
“แสดงว่าที่ยอดเจดีย์ต้องมีของสำคัญแน่นอน...” นายพลจางลี่หันไปออกคำสั่ง “พวกเอ็งกระจายกำลังล้อมพวกมันเอาไว้ เปาชาง ไม่ว่าบนยอดเจดีย์จะมีอะไร แกต้องรอจังหวะแย่งเอามาให้ได้”
“ครับลุง”
ทุกคนทำตามคำสั่ง เริ่มกระจายกำลังกันออกไป
+ + + + + + + + + + + + +
มะโหนกซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงในเรือนพยาบาล จู่ๆก็สะดุ้งพรวด ลุกขึ้นมา ลูกน้องที่เฝ้าหันไปมอง
“เฮ้ย...อะไรวะ”
มะโหนกส่งเสียงคำรามรับรู้ ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ที่อยู่ในตัวว่า กำลังมีภัยมาคุกคามทับทิมสยาม มะโหนกพยายามจะออกไปข้างนอก แต่ติดเชือกที่มัดเขาไว้กับเตียง จึงได้แต่ส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัว ลูกน้องรีบวิทยุไปบอกราฮีม
“ฉุกเฉิน ๆ”
“มีอะไร”
“พี่มะโหนกจู่ๆ ก็มีท่าทางแปลก ๆ กำลังคุ้มคลั่งใหญ่แล้วครับ”
มะโหนกกระโดดเข้ามาหาคนงาน ที่กำลังวิทยุแล้วกัดสะบัดไปมา คนงานส่งเสียงร้องโหยหวน ขณะเดียวกัน ราฮีมเดินเข้ามาหาดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น และนาตาชา ซึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟกันอยู่
“มีอะไรราฮีม มาแต่เช้า” ดร.ฟอร์ดถามอย่างแปลกใจ
“ที่เรือนพยาบาล โทรมาบอกว่าไอ้มะโหนกกำลังคุ้มคลั่ง”
นาตาชาตกใจ
“อาการหนักขนาดนั้นเชียวเหรอ”
ราฮีมหน้าเครียด
“น่าจะหนัก”
สตีเฟ่นกังวลใจ
“งั้นรีบไปดูกันเถอะครับ”
ดร.ฟอร์ด นาตาช สตีเฟ่น และราฮีม รีบเดินไป
+ + + + + + + + + + + +
มะโหนกทำร้ายลูกน้องอยู่ด้านใน เลือดสาดกระจาย ดร.ฟอร์ด และคนอื่นๆ พากันเดินมา ราฮีมเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ มะโหนกกำลังกัดร่างของลูกน้องตาย อย่างน่าสยดสยองแล้วหันมาคำรามทำท่าจะเข้ามาทำร้าย ราฮีมรีบตะโกนสั่ง
“เฮ้ย...หยุด”
มะโหนกชะงักมีท่าทีสงบลง แต่ก็ยังดูกระวนกระวายเหมือนจะบอกอะไร ราฮีมมองอย่างสงสัย
“มีอะไร...แกต้องการอะไร”
มะโหนกคำราม แล้วมองออกไปที่ข้างนอกแต่ทุกคนไม่เข้าใจ
“ทำไมพิษงูถึง ได้เปลี่ยนคนปกติให้กลายเป็นแบบนี้ไปได้คะ พ่อ” นาตาชาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ยังมีงูอีกหลายพันธ์ที่มนุษย์ยังไม่รู้จัก บางทีงูที่กัดมะโหนก ก็น่าจะอยู่ในประเภทนั้น” ดร.ฟอร์ดออกความเห็น
สตีเฟ่นมองท่าทางของมะโหนกแล้วตีความ
“ผมว่า มันกำลังจะบอกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างนอกนะครับ”
ดร.ฟอร์ดคิดๆ
“งั้นก็ลองปล่อยมันออกไป”
ราฮีมเปิดประตู มะโหนกกระโจนพรวดออกไป ทุกคนรีบตาม
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยวปีนขึ้นไป ด้านบนแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นไป เพื่อจะควานหาทับทิมสยาม แต่แล้ว เดี่ยวก็ได้ยินเสียงบางอย่างจึงชะงักเงี่ยหูฟัง เสียงนั่นเป็นเสียงของงูที่เฝ้าทับทิมสยามอยู่นั่นเอง เทอดมองขึ้นไปอย่างสงสัย
“มีอะไรคุณเดี่ยว”
“ผมได้ยินเสียงมัน”
เดี่ยวจุ๊ปากให้ทุกคนเงียบ
“คุณดอน...ช่วยผมหน่อย”
“ได้ครับ”
ดอนเริ่มใช้ตาทิพย์มอง ทำให้เห็นเป็นภาพงู กำลังเลื้อยอยู่ในรังวนรอบทับทิมสยาม
“ตอนนี้มันหันหลังให้คุณ ค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปช้าๆ”
เดี่ยวค่อยๆทำตามที่ดอนสั่ง มือของเดี่ยวค่อยๆยื่นเข้าไปหาหางูช้าๆ โดยที่งูไม่รู้ตัว
“ผมเห็นทับทิมสยามอยู่ที่พื้น เลื่อนมือไปที่สิบสามนาฬิกาช้าๆค่อยๆ หยิบขึ้นมาเลยครับ”
เดี่ยวค่อยๆ หยิบทับทิมสยาม แล้วเลื่อนมือออกมา ช้าๆ แต่แล้ว งูหันมา
“คุณเดี่ยว...ดึงมือออกมาเร็ว”
เดี่ยวรีบดึงมือออกมา ทำให้งูฉกพลาดเป้าหมาย เดี่ยวรีบไต่เจดีย์ลงมา แต่แล้ว เปาชาง อาเตียว จางลี่ อาศัยจังหวะเผลอ เข้าล้อมเทอดและดอนเอาไว้ เปาชางเล็งปืนไปที่เดี่ยวซึ่งยังอยู่บนเจดีย์ แล้วยิงใส่ เดี่ยวเบี่ยงตัวหลบไปมา
“ทับทิมสยามอยู่กับมัน เปาชาง แกไปเอามาเร็ว” นายพลจางลี่ตะโกนสั่ง
“ครับลุง”
เปาชางรีบปีนขึ้นไปบนเจดีย์ ตรงไปยังเดี่ยว
+ + + + + + + + + + + +
ดร.ฟอร์ด นาตาชา สตีเฟ่น ราฮีม ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงปืน ขณะที่มะโหนกวิ่งนำออกไปแล้ว
“ใครยิงปืน” ดร.ฟอร์ดถามอย่างสงสัย
“ไม่น่าจะใช่คนของเรานะคะ” นาตาชาบอก
สตีเฟ่นหันไปสั่งราฮีม
“รีบวิทยุเรียกคนของเรามาเร็ว”
ราฮีม หยิบวิทยุขึ้นมา
“ฉุกเฉิน...พร้อมรบ ที่เจดีย์เดี๋ยวนี้”
“ครับนาย”
สตีเฟ่นหันมาบอกดร.ฟอร์ด
“พ่ออย่าเพิ่งเข้าไปนะครับ รอคนของเราก่อน”
ราฮีมรีบพาทุกคนเข้าหลบมุมไป
ขณะเดียวกัน เดี่ยวปีนลงมาจากเจดีย์ แต่แล้วเปาชาง ก็ปีนขึ้นไปประกบ เกิดการต่อสู้กันไปมาระหว่างที่ทั้งคู่กำลังห้อยโหนอยู่บนเจดีย์ แต่เดี่ยวเสียเปรียบเนื่องจากมือข้างหนึ่งของเดี่ยว มีทับทิมสยามสีม่วง ทำให้ต่อสู้ไม่ค่อยถนัดนัก ทั้งสองต่อสู้กันอย่างหวาดเสียว
ยอด กริ่ง กระแตและบุษกรกำลังซุ่มมองเหตุการณ์
“พวกมันเอาปืนจ่อหลังคุณดอน กับคุณเทอดไว้” ยอดกระซิบบอก
กริ่งกวาดมองไปรอบๆ
“ผมว่าเรากำลังตกอยู่ในวงล้อมพวกมันนะ ดูซิ มีทหารของพวกมันซุ่มอยู่ เต็มไปหมด”
ทุกคนพากันเพ่งมองหาทหารที่แอบซุ่มอยู่ กระแตหน้าตื่น
“แย่แล้ว นี่มันขนกันมาเป็นกองทัพเลยเหรอเนี่ยะ”
บุษกรชี้ไปที่มุมหนึ่ง เจนนี่กับเคนกำลังโผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“ดูนั่นซิ...ใช่คุณเจนนี่หรือเปล่า”
กระแตมองตาม
“ใช่ แต่ผู้ชายคนนั้น...ใครกัน”
ยอดหันไปมอง
“ชื่อเคน...เค้าเป็นฝาแฝดของคุณแคน”
“คุณรู้จักกันแล้วเหรอคะ” บุษกรถามอย่างแปลกใจ
“ครับ...เคนช่วยพวกเราเอาไว้”
“เดี๋ยวผมไปตามเจนนี่มาเองนะ”
ขาดคำกริ่งก็รีบวิ่งออกไป ราวกับสายลมทุกคนไม่ทันตั้งตัว
+ + + + + + + + + + + +
เจนนี่ และเคน กำลังมองไปที่เจดีย์ ซึ่งเดี่ยว และเปาชางกำลังต่อสู้กัน ขณะที่ดอน และเทอดถูกทหารของจางลี่ควบคุมตัวเอาไว้
“รีบออกจากตรงนี้เถอะ ผมว่าคงยิงกันแน่” เคนบอก
เจนนี่มองดอนกับเทอดอย่างเป็นห่วง
“แต่คุณดอน คุณเทอด กำลังอยู่ในอันตราย”
กริ่งวิ่งมาถึงพอดี
“เจนนี่...ทางนี้ครับ ตามมา”
เจนนี่ กับเคน ตกใจ
“คุณมาได้ไง” เคนถามอย่างสงสัย
“เหอะน่า มาก็แล้วกัน ตามมาเร็ว”
กริ่งทำท่าจะออกวิ่งแต่เจนนี่คว้าไว้
“เดี๋ยว...ฉันจะไปช่วยคุณดอน กับคุณเทอด”
“ใจเย็นครับ เราต้องรอจังหวะ ตามผมมา”
กริ่งเดินนำทั้งคู่ออกไป
การต่อสู้ระหว่างเดี่ยว และเปาชางเป็นไปอย่างเข้มข้น นายพลจางลี่และลูกน้องพากันส่งเสียงเชียร์อย่างเมามัน ดอนและเทอดถูกทหารนายพลจางลี่ควบคุมตัวเอาไว้ เปาชางได้จังหวะชักปืนออกมายิง แต่เดี่ยวเบี่ยงหลบแล้วเข้ามาล็อคมือเปาชางไว้ได้ ทั้งคู่พยายามแย่งปืนกัน แต่เปาชางก็แกร่งพอตัว เดี่ยวจับมือเปาชางกระแทกกับผนังเจดีย์สองสามครั้งแล้วที่สุดปืนก็หลุดร่วงลงไป เขารีบปีนหนี แต่โดนรั้งเอาไว้ เดี่ยวสะบัดออก
นายพลจางลี่ ยกปืนขึ้นมาเล็งแล้วยิงใส่ เดี่ยวหลบกระสุนปืนไปมาและกำลังเสียเปรียบจึงตัดสินใจเสี่ยงกระโดดจากยอดสูง ลงมาบนพื้นอย่างหวาดเสียว นายพลจางลี่กับอาเตียว รีบตามมาซ้ำ
เดี่ยวลุกขึ้น แต่ขาแพลงเล็กน้อยทำให้เดินลำบาก ทันใดนั้น ดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น นาตาชา ราฮีม กับพวกลูกน้องก็กรูกันเข้ามาเผชิญหน้า เดี่ยวอยู่ตรงกลางระหว่าง กลุ่มของนายพลจางลี่ และดร.ฟอร์ด นายพลจางลี่ชะงัก เมื่อเห็นศัตรู เปาชาง ลงมาจากเจดีย์รีบเข้าไปอยู่กับนายพลจางลี่
“ส่งทับทิมมาให้ข้า...เร็ว”
จางลี่ยิงปืนลงพื้นเพื่อขู่เดี่ยว เดี่ยวหันไปมองดร.ฟอร์ด
“ส่งมาให้ฉันเดี่ยว เอาทับทิมสยามมา” ดร.ฟอร์ดสั่งเสียงเข้ม
“ส่งมาให้ข้า ไม่งั้นเอ็งตาย” นายพลจางลี่ขู่
สตีเฟ่นยกปืนขึ้นเล็งมาที่เดี่ยวเช่นกัน
“แกอยากตายด้วยปืนกระบอกไหนก็เลือกเอา”
เทอดและดอน ถูกทหารคุมตัวเข้ามา นายพลจางลี่รีบหันไปคว้าตัวเทอด และดอนมา แล้วเอาปืนจ่อ
“เอาซิ...เพื่อนของเอ็งอยู่กับข้า อยากให้มันตายใช่มั๊ย”
เดี่ยวลังเล ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ขณะเดียวกัน ยอด กริ่ง กระแตบุษกรเจนนี่ และเคน ซุ่มดูเหตุการณ์ อยู่มุมหนึ่ง
“สามคนนั่นอยู่ในอันตราย” ยอดกระซิบ
“กระจายกำลังแล้วบุกเข้าไปช่วยพร้อมๆกันมั๊ย” กริ่งถาม
“งั้นคุณกระแต คุณบุษกรมากับผม”
ยอด กระแต่ บุษกรรีบแยกออกไป
“คุณสองคนตามผมมานะ”
กริ่งรีบนำ เจนนี่และเคนไปอีกด้าน
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยวถูกบีบคั้นจากทั้งฝ่ายจางลี่ และ ดร.ฟอร์ด ทับทิมสยามอยู่ในมือ และเขาต้องตัดสินใจส่งมอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“ส่งทับทิมสยามมาเดี๋ยวนี้...เดี่ยว” ดร.ฟอร์ดสั่งเสียงเข้ม
นายพลจางลี่ เล็งปืนไปที่ดอนกับเทอด
“ชีวิตเพื่อนแกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแก”
“แต่ชีวิตแก ขึ้นอยู่กับปืนกระบอกนี้”
สตีเฟ่น มองเดี่ยวนิ่ง สายตาของเขาไม่มีความลังเลหลงเหลืออยู่อีก เขาพร้อมจะยิงเดี่ยวได้ทุกเมื่อ นายพลจางลี่ไม่พอใจเริ่มนับ
“หนึ่ง...สอง...”
แต่ก่อนที่นายพลจางลี่จะนับถึงสาม จู่ๆ ร่างของมะโหนกก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง ส่งเสียงคำราม แล้วกระโดดเข้าทำร้ายนายพลจางลี่ มะโหนกทำให้ทุกอย่างเสียงจังหวะและเป็นโอกาสให้นาตาชารีบเข้ามากระชากทับทิมสยาม ไปจากมือเดี่ยว แล้วโยนทับทิมสยามไปให้ ดร.ฟอร์ด
“นี่ค่ะ...พ่อ”
เดี่ยวรีบเข้าไปช่วย เทอด และดอน ยอด กระแต บุษกร เข้าชาร์จพวกทหาร จากด้านหนึ่ง กริ่ง เจนนี่ และเคน เข้าชาร์จจากอีกด้านและช่วยให้ดอน และเทอด หลุดจากการควบคุม แล้วเกิดต่อสู้กันกับอาเตียวและทหาร
นายพลจางลี่โดนมะโหนกทำร้าย เปาชางเข้ามาช่วยดึงนายพลจางลี่ออกมา มะโหนกกระโดดหนี เปาชางยิงเปรี้ยง มะโหนกล้มลงขาดใจตาย
ดร.ฟอร์ดรับทับทิมสยามมามองอย่างดีใจ นายพลจางลี่หันมาเห็นว่าทับทิมสยามอยู่กับดร.ฟอร์ด จึงยกปืนมายิง นาตาชาตกใจตะโกนบอก
“พ่อ...หนีเร็ว”
ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกยิงกันกระหน่ำ
กลุ่มเสาร์ห้า กระแต บุษกร เจนนี่ และเคน ช่วยกันต่อสู้กับพวกทหารและแย่งอาวุธมาแจกจ่ายกัน ทำให้บัดนี้กลุ่มเสาร์ห้า มีอาวุธครบมือ จากสถานณะการณ์ ที่ทุกฝ่ายกำลังยิงกัน ทำให้ทุกคนเริ่มหาที่กำบัง
“หนีเร็ว” ดอนตะโกนสั่ง
กลุ่มเสาร์ห้า กระแต บุษกรและเคน พากันวิ่งหนีตามกันไป โดยเจนนี่อยู่รั้งท้าย กระสุนปืนจากฝ่ายตรงข้าม โดนพวกทหารที่กำลังหนีล้มลงขวางทางเจนนี่ ทำให้เจนนี่สะดุดล้มลง อาเตียวรีบตามเข้ามาล็อคตัวเอาไว้ เคนหันมาเห็นจึงรีบกลับมาช่วย แต่โดนอาเตียวยิงใส่ ทำให้ต้องหลบเข้าที่กำบัง อาเตียวลากเจนนี่ออกไป เพื่อนๆ เสาร์ห้าพากันมองตาม
“เจนนี่ถูกจับไป” เคนตะโกนบอก
“ไม่ต้องห่วง เราต้องช่วยเจนนี่ได้แน่” ยอดบอก
พวกทหารของนาพลจางลี่ พากันดาหน้ามาแล้วยิงใส่กลุ่มเสาร์ห้า พวกเสาร์ห้าโต้ตอบไม่ถอย กลุ่มของนายพลจางลี่ใช้อาวุธหนัก ยิงถล่มใส่กลุ่มของ ดร.ฟอร์ด ทำให้ กลุ่มของดร.ฟอร์ดตอบโต้กลับไปด้วยอาวุธหนักเช่นกัน
+ + + + + + + + + + +
ขณะเดียวกันนั้น เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมาบนท้องฟ้าเหนือ กลุ่มเสาร์ห้าที่รวมตัวกันอยู่ เทอดมองไปที่เฮลิคอปเตอร์ก็จำได้
“หน่วยเหนือส่งกำลังมาช่วยแล้ว”
“คงลงจอดไม่ได้ง่ายๆ แน่” ยอดบอก
ดอนหันมาหาเพื่อนๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง
“แต่ภาระกิจของเราจะยังไม่จบ ตราบใดที่ทับทิมสยามยังอยู่กับพวกมัน”
เดี่ยวพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ...ต้องหาทางชิงเอาทับทิมสยามกลับคืนมาให้ได้”
ดอนบอกมองไปที่กลุ่มดร.ฟอร์ดแล้วบอกเพื่อน
“พวกคุณอยู่นี่ ผมจะตามดร.ฟอร์ด แล้วชิงเอาทับทิมสยามกลับมา”
“ผมไปด้วย”
ดอนและเดี่ยวรีบแยกออกไป ยอดหันไปหาเทอด
“คุณเทอด...คุณอยู่คอยประสานงานกับผู้พันอาจณรงค์นะครับ ผมกับคุณกริ่งจะไปช่วยเจนนี่”
“จะให้ฉันกับบุษกรช่วยอะไรคะ” กระแตถามเทอด
“คุณสองคนช่วยผมยิงสกัด เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์จากหน่วยเหนือลงได้อย่างสะดวก”
บุษกรพยักหน้ารับ
“รับทราบ ปฏิบัติค่ะ”
ยอดและกริ่งพากันแยกตัวไป ขณะที่เทอด กระแต บุษกร เคน เตรียมอาวุธให้พร้อม
อ่านต่อหน้า 2
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 14 (ต่อ)
สตีเฟ่น ยิงปะทะกับกลุ่มทหารของนายพลจางลี่ แล้วพานาตาชา และดร.ฟอร์ดหนีไปที่มุมหนึ่ง ดร.ฟอร์ดรู้สึกสงสัยที่เห็นเฮลิคอปเตอร์เมื่อครู่หาทางลงจอด
“เฮลิคอปเตอร์ของใคร”
“พวกทหาร” สตีเฟ่นบอก
ดร.ครุ่นคิดอย่างเจ็บแค้น
“แสดงว่าไอ้พวกเสาร์ห้ามันทรยศเรา”
สตีเฟ่นหันไปกำชับนาตาชา
“เธออยู่กับพ่อที่นี่ พี่จะไปช่วยทางโน้น”
“ไม่ต้องห่วง ทางนี้ฉันจัดการได้” นาตาชารับคำหนักแน่น
สตี่เฟ่น รีบออกไปสมทบ เพื่อยิงสกัดไม่ให้ นายพลจางลี่บุกเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นซัมดองปรากฏตัวขึ้น ดร.ฟอร์ด จึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“ซัมดอง”
“แกได้ทับทิมสยามสีม่วงมาแล้ว”
“ใช่ครับ...ผมได้มาแล้ว ทับทิมสยามสีชมพูก็อยู่กับผม”
“ขอข้าดูหน่อย”
ดร.ฟอร์ดลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของซัมดอง จึงหยิบทับทิมสยามสีม่วงส่งให้
“นี่รึ....ทับทิมสยามสีม่วง แล้วไหนล่ะ สีชมพู”
ดร.ฟอร์ดอึกอัก ไม่ค่อยอยากส่งให้ แต่ด้วยเกรงในพลังอำนาจของซัมดอง เขาจำต้องหยิบทับทิมสยามสีชมพูที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา
“ทับทิมสยามสีชมพู ผมเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”
ซัมดอง เอาทับทิมสยามสีม่วง และสีชมพู มาส่องดู
“พลังของมันแข็งกร้าว ข้ารับรู้ได้”
“ขาดอยู่แต่ทับทิมสยามสีแดง ผมคิดว่าไอ้ดร.วิทยามันต้องรู้แน่ๆ ว่าอยู่ที่ไหน”
“ด๊อกเตอร์ฟอร์ด...เอ็งจงระวัง มันอาจจะอยู่กับเอ็งไม่ได้นาน”
ดร.ฟอร์ดชะงัก สะดุดในคำพูดของซัมดอง จึงรีบแย่งทับทิมสยามทั้งสองสี จากซัมดองมาเก็บใส่กระเป๋าอย่างหวาดระแวง
“ผมไม่มีวันให้ทับทิมสยามกับใครเด็ดขาด”
“ข้าเตือนแล้ว”
ดร.ฟอร์ด ไม่พอใจซัมดองที่พูดไม่เข้าหู จึง หันไปหานาตาชา
“พาพ่อไปจากที่นี่เร็ว”
นาตาชาหันไปหาซัมดอง
“อาจารย์หนีไปด้วยกันนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงข้า...ข้าจะไปของข้าเอง”
นาตาชาหันไปชวนพ่อ
“งั้นตามมาค่ะ”
ซัมดอง มองดร.ฟอร์ดด้วนสายตาหยันๆ
“ข้าเตือนเอ็งแล้ว ดร.ฟอร์ด ข้าเตือนเอ็งแล้ว...หึๆ”
ขาดคำร่างของซัมดองก็เลือนหายไป ขณะที่นาตาชารีบพาดร.ฟอร์ดวิ่งไป
+ + + + + + + + + + + +
ดอนและเดี่ยว ซุ่มตัวลัดเลาะเข้ามาภายในบริเวณแค้มป์ โดยไม่ให้กลุ่มลูกน้องของ สตีเฟ่นกับราฮีมซึ่งกำลังตั้งฐานอยู่ใกล้ๆเห็น
“เมื่อกี้ผมเห็นนาตาชา กับดร.ฟอร์ดแยกไปทางด้านลำธาร” ดอนบอก
“งั้นแยกกัน ผมจะลัดทางป่าไปดักข้างหน้า ส่วนคุณตามหลังไป” เดี่ยวแนะ“ตามนั้น”
ดอน รีบตามนาตาชาและดร.ฟอร์ดไป ขณะที่เดียว แยกตัวไปอีกทางหนึ่ง ทันใดนั้นซัมดองปรากฏตัวขึ้น
“เดี่ยว สมเด็จ”
เสียงอันเย็นยะเยือกของซัมดอง ทำให้เดี่ยวชะงัก หันมา
“ซัมดอง”
“ตามข้ามา”
“ไม่...ไม่มีวันที่เวทย์มนต์ของซัมดองจะทำอะไรพวกเราได้อีก”
“ตามข้ามา”
ซัมดองร่ายเวทย์มนต์แล้วสักครู่ก็ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า พระอาทิตย์บนท้องฟ้า โดนบังคับให้เคลื่อนตัวเข้าไปสู่ปรากฏการณ์สุริยะคราสท้องฟ้าเริ่มมืดลง เดี่ยวรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาจับตัวเอาไว้ แล้วเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้ ลมเริ่มพัดแรง ใบไม้ร่วงปลิวตามกระแสลม
“ปล่อยๆ”
“ตามข้ามา”
ซัมดอง เปิดดวงตาสวรรค์ออกมา แสงจากดวงตาสวรรค์เริ่มดูดร่างของเดี่ยวให้เข้ามาหาแสงสว่าง จากนั้นร่างของเดี่ยวก็หายวับไปพร้อมกับร่างของซัมดอง ฉับพลัน สภาพแวดล้อมที่ผิดปกติเมื่อสักครู่ก็กลับกลายเป็นปกติ ท้องฟ้า และพระอาทิตย์สว่างใส ไม่มีร่องรอยของปรากฏการณ์สุริยะคราสแม้แต่น้อย
+ + + + + + + + + + + +
นายพลจางลี่ เปาชาง อาเตียว กับกองกำลัง ช่วยกันยิงปะทะกับกลุ่มของราฮีมและสตีเฟ่น จนสามารถบุกเข้าไปยึดพื้นที่ สถานะการณ์ดูเหมือนว่าสตีเฟ่นกับราฮีม และลูกน้องกำลังเสียเปรียบ นายพลจางลี่หันไปสั่งทหาร
“ยิงถล่มแค้มป์พวกมัน...ยิง”
แค้มป์ของดร.ฟอร์ด โดนระเบิดถล่มแค้มป์แล้วแค้มป์เล่า นายพลจางลี่ได้ใจ สั่งให้บุกต่อ
“บุกเข้าไป...บุก” นายพลจางลี่ หันไปสั่งเปาชาง “เปาชาง...แกไปชิงทับทิมสยามมาให้ลุง แบ่งพวกทหารไปกับแก”
“ได้ครับลุง”
เปาชางหันไปหา ทหารระดับหัวหน้าคนหนึ่ง
“พวกแกแบ่งกำลังมากับฉัน”
“ครับผม”
เปาชาง และพวกทหารพากันแยกตัวไป ส่วนนายพลจางลี่และอาเตียว ยิงถล่มแล้วพากันบุกต่อ
ทางด้านสตีเฟ่น พยายามยิงสะกัด แต่แล้ว ระเบิดก็ลอยมาหล่นที่ด้านหลัง สตีเฟ่นกระโดดหลบรอดได้หวุดหวิด ราฮีมรีบวิ่งเข้ามา
“คุณสตีเฟ่น...เป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร”
“เราต้านไม่ไหวแน่ รีบหนีเถอะครับ ยังไงทับทิมก็ยังอยู่กับเรา”
“ไม่...ฉันยังไม่หนีง่ายๆแน่”
ราฮีมมองเห็นเปาชาง และพวกกำลังลัดเลาะหาทางเข้าไปด้านในแค้มป์
“สตีเฟ่น...ดูนั่น”
“ไอ้พวกบ้านั่นมันจะไปไหน”
“เราต้องรีบไปคุ้มกัน ดร.ฟอร์ด กับทับทิมสยามนะครับ”
“งั้นก็ไป”
สตีเฟ่นคว้าปืนขึ้นมาแล้วยิงกราดออกไปแล้วจากนั้นก็พากันถอยไป
+ + + + + + + + + +
เฮลิคอปเตอร์ หาที่ร่อนลงจอดที่กลางลาน เทอด กระแต บุษกร เคน ช่วยกันยิงสะกัดไม่ให้กลุ่มของนายพลจางลี่ และดร.ฟอร์ด เข้ามาใกล้ เมื่อเรียบร้อย เทอดก็ให้สัญญาณกับเฮลิคอปเตอร์ ลงจอดได้ หลังจากนั้น ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ ของทีมเสาร์ห้า พากันกรูลงมาพร้อมอาวุธครบมือ หนึ่งในนั้นคือ ผู้พันอาจณรงค์
“พอได้ข่าวจากอีเมล์ที่คุณส่งมา ผมก็เตรียมพร้อมทันที”
“ขอบคุณมากครับผู้พัน มาได้จังหวะพอดี”
“กำลังสนับสนุนส่วนที่เหลือ กำลังตามมาสมทบ แผนที่ๆคุณส่งมา พิกัดชัดเจนดีมาก แต่ไอ้เรื่องการเข้ามาในเขตภาพลวงตานี่มันยังไง”
“ก็อย่างที่ผมบอกไว้ในเมล์นั่นแหละครับ กำชับพวกทหารให้รอจังหวะ เงาเจดีย์ทอดยาวเมื่อไหร่จึงค่อยเดินเข้ามาอย่าใจร้อน เพราะมันอันตราย”
“ผมจะวิทยุไปกำชับพวกที่เดินเท้าเข้ามาอีกที”
“ดีครับผู้พัน...ตามผมมาทางนี้ครับ”
ทั้งหมดพากันกระจายกำลังกันไปตามจุดต่างๆ
ขณะเดียวกัน นายพลจางลี่ และอาเตียวซุ่มมองเฮลิคอปเตอร์ อยู่ที่มุมหนึ่งกับทหาร อาเตียวยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องดู
“หน่วยจู่โจมพิเศษครับนาย”
“พวกของเสาร์ห้าใช่มั๊ย”
“ใช่ครับ...พวกเราถอยกันก่อนดีกว่ามั๊ยครับ”
“ถ้าไม่ได้ทับทิมสยาม ข้าไม่ถอย...ลุย”
นายพลจางลี่ตะโกนสั่งทหาร แล้วยิงระเบิดเข้าใส่ หน่วยจู่โจมพิเศษ ทั้งสองฝ่ายยิงโต้ตอบกัน เจนนี่ที่ถูกมัดไว้ ถูกทหารสองคนดึงตัวเข้ามา
“นังคนนี้จะให้ยิงทิ้งดีมั๊ยครับ”
นายพลจางลี่หันไปมอง
“เสียของ...อาเตียว ลื้อเอามันไปซ่อน เสร็จงาน ข้าจะเอามันกลับไปหมู่บ้าน มันจะได้เป็นเมียข้าอีกคนฮ่ะๆ”
อาเตียว เดินนำทหารสองคนลากตัวเจนนี่มามัดไว้ที่มุมหนึ่ง แต่เจนนี่ไม่ยอมง่ายๆ อาเตียวหงุดหงิดเงื้อมือจะตบ
“อย่าดีดดิ้นให้มันมากนัก เดี๋ยวปั๊ด...”
เจนนี่ยื่นหน้าท้าทาย
“เอาซิ...ตบเลย”
อาเตียวลดมือลง
“ไม่...หน้าสวยๆ อย่างเธอ เก็บเอาไว้ดูเล่นดีกว่า”
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย” เจนนี่โวยวาย
อาเตียวยิ้มหยัน
“ปล่อยก็โง่ซิ”
เจนนี่ หันไปเห็นยอด และกริ่งซุ่มมองอยู่ที่มุมหนึ่ง จึงเริ่มเบี่ยงเบนให้อาเตียวเผลอ
“เกาหลังให้ฉันหน่อย”
“อะไรนะ”
“ฉันคันหลัง...เธอมัดฉันไว้อย่างนี้ ฉันเกาไม่ได้”
อาเตียวมองอย่างไม่เชื่อ
“อย่ามาลูกไม้”
“เร็วๆซิ ไม่ไหวแล้วนะ คันจะตายอยู่แล้ว”
อาเตียวเซ็ง หันไปดูที่หลังเจนนี่ เปิดโอกาสให้ยอด และกริ่งเข้ามา ยอด เอาไม้ฟ้าดโครมที่หัวอาเตียว ล้มลง กริ่งเข้าจัดการกับทหารสองคน ยอดเข้ามาแก้มัดเจนนี่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทหารคนหนึ่งโดนกริ่งชก เซถลามา ยอดเลยซ้ำไปหนึ่งดอก
“โทษที...จะรีบไป”
กริ่งจัดการกับทหารอีกคนเสร็จพอดี
“ขอบคุณที่ช่วย...คุณยอด”
“มันหน้าที่ของพระเอกอยู่แล้วครับ”
ยอด กริ่ง เจนนี่พากันวิ่งหลบไป อาเตียวฟื้นขึ้นมา หันไปคว้าปืนแล้วยิงตามหลังไป
+ + + + + + + + + + + +
นายพลจางลี่ยิงเอ็ม 79 ถล่ม กลุ่มของ เทอด กระแต บุษกร อาจณรงค์ และหน่วยจู่โจม อย่างหนัก ขณะเดียวกันนั้นอาเตียววิ่งเข้ามาในสภาพบอบช้ำ
“มันหนีไปแล้วครับนาย พวกเสาร์ห้ามาช่วยไว้”
อาเตียวชี้ไปยังมุมที่ ยอด กริ่ง และเจนนี่ กำลังวิ่งหนี นายพลจางลี่โมโห
“ไอ้บ้าเอ้ย...ทำงานยังไงวะ ปล่อยให้มันหนีไปได้”
จางลี่คว้าเอ็ม 79 หันปากกระบอกไป แล้วยิงไล่หลัง ยอด กริ่ง และเจนนี่ ติดๆกัน สามคนวิ่งหนีระเบิดที่ยิงมาตกข้างหลัง หลายลูกติดๆ กัน อย่างหวาดเสียว
ทางด้านเปาชาง และพวก พากันวิ่งลัดเลาะไปตามแค้มป์ แล้วเปิดตามห้องพักเพื่อค้นหา ดร.ฟอร์ดขณะที่สตีเฟ่น ราฮีม และพวก ซุ่มมองจากมุมหนึ่ง สตีเฟ่นหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปยังเปาชางเมื่อได้จังหวะก็ยิงออกไป เปาชางหันไปเห็นกระโดดหลบได้ทัน แล้วจากนั้นก็ยิงสวนกลับไป พร้อมกับหันไปสั่งทหาร
“แกยิงสกัดไว้ ข้าจะหลบไปก่อน”
เปาชาง ขว้างระเบิดมือใส่สตีเฟ่น แล้วจากนั้นก็อาศัยช่วงชุลมุนหลบออกไป สตีเฟ่น และราฮีม ยังไม่รู้ว่าเปาชางหลบไปก่อน จึงยังคงยิงโต้กับพวกฝ่ายทหาร หลังจากปะทะกันสักครู่ สตีเฟ่น ราฮีม และลูกน้อง ก็รู้ว่ากำลังเป็นรอง
“คุณสตีเฟ่น รีบหนีเถอะครับ”
“งั้นแกนำไปเลย”
ราฮีม วิ่งนำสตีเฟ่นออกไป ปล่อยให้ลูกน้อง ปะทะกันต่อไป ราฮีมวิ่งนำสตีเฟ่นลัดเลาะมายังจุดซึ่งเป็นที่จอด เฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีทหารหน่วยจู่โจม เฝ้าอยู่สามนาย ราฮีมและสตีเฟ่นซุ่มแอบดู
“แกคงรู้นะว่าฉันคิดอะไร”
“เดี๋ยวผมจัดการให้”
ราฮีมหยิบมีดขึ้นมาแล้วปาออกไป มีดไปปักทหารหน่วยจู่โจมคนหนึ่งล้มลง ทหารอีกสองคนที่เหลือหันไปมอง สตีเฟ่นชักปืนยิงใส่ ทำให้ทหารทั้งคู่ล้มลงตาย ราฮีมรีบไปที่นักบิน แล้วใช้ปืนจี้บังคับเอาไว้
“รอฉันก่อน...ฉันจะไปตามพ่อ กับนาตาชา”
“ได้ครับ
สตีเฟ่นรีบวิ่งไป ทางด้านนาตาชา นำทางดร.ฟอร์ด มาที่มุมหนึ่ง ได้ยินเสียงปืนใกล้เข้ามา
“เสียงปืนใกล้เข้ามาแล้ว”
“ที่ลำธาร มีที่ซ่อนตัว พาฉันไปที่นั่น” ดร.ฟอร์ดสั่ง
นาตาชา รีบพา ดร.ฟอร์ด ไปยังลำธารแต่แล้วเปาชางก็ปรากฏตัวขึ้นมา นาตาชา และ ดร.ฟอร์ดชะงัก นาตาชาชักปืนออกมา แต่เปาชางยิงที่ปืนของนาตาชาจนปืนกระเด็นหลุดมือไป ดร.ฟอร์ดตกใจหน้าตื่น
“แก...ต้องการอะไร”
“ส่งทับทิมสยามมา” เปาชางสั่งเสียงแข็ง
“ข้ามศพฉันไปก่อนเหอะ”
ขาดคำนาตาชา กระโดดเข้าต่อสู้ เปาชางอาศัยความแข็งแรง สามารถจับนาตาชาล็อคไว้ได้แล้วหันมาหาดร.ฟอร์ด
“ส่งทับทิมสยามมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นลูกสาวแกตายแน่”
ดร.ฟอร์ดมองหน้าลูกสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“นาตาชา...หวังว่าแกคงเข้าใจพ่อนะ”
นาตาชารู้ได้ทันทีว่าพ่อกำลังจะทิ้งเธอไปก็ถึงกับช็อค
“พ่อ...”
ดร.ฟอร์ด รีบวิ่งหนีไป ทิ้งนาตาชาเอาไว้โดยไม่สนใจ เปาชางยิงปืนไล่หลัง ดร.ฟอร์ด นาตาชากระแทกตัวทำให้วิถีกระสุนของเปาชางผิดเป้าหมาย เปาชางผลักนาตาชาล้มลงไป แล้วเหนี่ยวไกจะยิงทิ้ง ทันใดนั้นดอนก็เข้ามาเตะปืนเปาชางหลุดมือไป
“นาตาชา...หนีไป”
ดอนเข้าสู้กับเปาชาง ขณะที่นาตาชารีบลุกขึ้น แต่ยังลังเลไม่ยอมไป ดอนหันมาเห็น
“เร็วซิ...หนีไป”
“แต่ว่า...”
“ผมบอกให้หนีไป”
นาตาชารีบวิ่งตามดร.ฟอร์ดไป ขณะที่ดอน สกัดเปาชางเอาไว้แล้วสู้กัน
+ + + + + + + + + + + +
นายพลจางลี่ บัญชาการสั่งทหารของตนให้ยิงถล่มฝ่ายตรงข้าม โดยมีอาเตียวคอยช่วย อาเตียวใช้กล้องทางไกลดูฝ่ายตรงข้าม ทหารหน่วยจู่โจมชุดใหม่ กำลังบุกป่าเข้ามาเสริมกำลัง ทำให้อาเตียวเริ่มลังเลที่จะสู้ต่อ
“ท่านนายพลครับพวกมันมีทหารชุดใหม่มาเสริมกำลัง”
นายพลจางลี่ตกใจ
“มันมาได้ยังไง”
จางลี่คว้ากล้องส่องทางไกลมาส่องดู แล้วรู้สึกหนักใจ
“นั่นไงครับ มันข้ามเขตภาพลวงตาเข้ามาได้”
“ถอนตัวด่วน รีบวิทยุไปบอกเปาชางเร็ว”
อาเตียว ไปที่วิทยุสื่อสาร แต่วิทยุติดต่อไม่ได้
“พวกมันตัดสัญญาณสื่อสารครับ”
“งั้นเอ็งเอาทหารไป แล้วไปเอาหลานข้ากลับมาให้ได้ จากนั้นก็ต่างคนต่างหนี”
“ครับนาย”
อาเตียวรีบเอากองกำลังสนับสนุนออกไปตามเปาชาง
ทางด้านดอน และเปาชาง กำลังต่อสู้กันด้วยมือเปล่า แล้วสักครู่ ก็อาเตียวก็นำกองกำลังบุกมาถึง อาเตียวพยายามจะเล็งยิงมาที่ดอน แต่ดอนยังคงต่อสู้กับเปาชางอยู่ ทำให้ยิงพลาดเป้าไป เปาชางเมื่อรู้ว่าอาเตียวมาช่วย ก็พยายามจับดอนเพื่อให้อาเตียวยิง
“ยิงเลย...อาเตียวยิง”
ยอด กริ่ง เจนนี่เข้ามาถึงเห็นดอนกำลังอยู่ในอันตราย กริ่งตัดสินใจ วิ่งเข้าไปที่อาเตียวแล้วปัดปืนอาเตียวหล่นลงไป โดยที่อาเตียวไม่ทันมองว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย...อะไรวะ”
ดอนสะบัดหลุด เปาชางเห็นกลุ่มเสาร์ห้า จึงรีบหลบไป ขณะที่กองกำลังลังขออาเตียวยิงสกัด ดอนเข้าสมทบกับเพื่อน ๆ แล้วเริ่มยิงโต้ตอบกับ อาเตียว เปาชาง และกองกำลังทหาร...อาเตียวหันไปหาเปาชาง
“เปาชาง ท่านนายพลสั่งให้ถอยด่วน”
“แกไปก่อน ฉันจะไปเอาทับทิมสยามมาให้ได้ ยิงสกัดให้ด้วย”
เปาชางหลบออกไป ขณะที่อาเตียวยิงสะกัดให้
+ + + + + + + + + + + +
ดอน ยอด กริ่ง เจนนี่ ขณะที่กำลังยิงโต้ตอบกับฝั่งอาเตียว ดอนสังเกตเห็นว่าเปาชาง กำลังหลบออกไป ยอดหันมาถาม
“มีอะไรคุณดอน”
“เปาชางมันกำลังหลบออกไป”
“ไปไหน”
“ทับทิมสยาม อยู่กับดร.ฟอร์ด มันกำลังไปที่นั่นผมจะตามมันไป”
“ทางนี้ผมเอาอยู่นะ เดี๋ยวยิงคุ้มกันให้”
ดอนรีบวิ่งไป ทางด้านดร.ฟอร์ด วิ่งหนีมาที่มุมหนึ่ง หอบเหนื่อย สตีเฟ่นรีบเข้ามาหา
“เร็วครับพ่อทางนี้”
“ฉันเหนื่อย”
“เราต้องรีบไปที่เฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว”
ดร.ฟอร์ดยิ้มพอใจ
“แกทำได้ดีมาก”
สตี่เฟ่นมองหานาตาชา
“นาตาชาล่ะครับ”
“ทับทิมสยามยังอยู่ แกไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”
สตีเฟ่นพาดร.ฟอร์ด มาที่เฮลิคอปเตอร์ ราฮีมรีบเข้ามาช่วยพยุงขึ้นไปนาตาชา กำลังวิ่งมา สตีเฟ่นหันไปเห็น
“รีบหนีเร็ว” ดร.ฟอร์ดบอกอย่างร้อนใจ
“เดี๋ยว...ผมจะไปรับนาตาชา”
สตีเฟ่นโดดลงจากเครื่องแล้ววิ่งไปหานาตาชา ดร.ฟอร์ด หงุดหงิด
+ + + + + + + + + + + +
เปาชาง วิ่งลัดเลาะไปตามทางหันไปเห็นดอนตามมา จึงยิงสะกัด ดอนหลบเข้ามุมแล้วโต้กลับ เปาชางวิ่งหนีหายไป ดอนรีบตามแต่แล้ว ร่างของซัมดองก็ปรากฏขึ้นมา
“ได้เวลาของแกแล้ว”
ดอนชะงัก ซัมดองร่ายเวทย์มนต์ ดอนรู้สึกเหมือนกำลังมีสิ่งที่มองไม่เห็นตัวจับร่างเอาไว้ แม้จะพยายามดิ้นรนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดจากการควบคุมได้ ซัมดองเป่ามนต์อีกครั้งร่างของดอนก็ค่อยๆเลือนหายไป ซัมดองยิ้มอย่างพอใจ
ทางด้านยอด กริ่ง เจนนี่ กำลังยิงปะทะอยู่กับอาเตียวและกองกำลัง สักครู่กลุ่มของเทอด กระแต บุษกร และเคน ก็มาถึง เข้าสมทบกับเพื่อนๆ
“นายพลจางลี่หนีไปแล้ว” เทอดบอก
กริ่งยิ้มพอใจ
“ถ้างั้นก็เหลือแต่ลูกน้องของมัน จัดการได้ไม่ยาก”
“งั้นก็ลุยเลย”
ยอดจะบุกแต่ เจนนี่ขัดขึ้น
“เดี๋ยว...ให้พวกผู้หญิงได้แสดงฝีมือบ้างซิ”
กระแตเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ...ปล่อยเป็นหน้าที่ของเราเถอะ”
“พวกคุณเหนื่อยกันมามากแล้ว ไม่ต้อห่วงค่ะ” บุษกรหันไปหาเจนนี่กับกระแต “ไปเร็ว...บุก”
เคนมองอย่างเป็นห่วง
“งั้นผมขอตามไปช่วยดูแลด้วยนะครับ”
เจนนี่ กระแต บุษกรและเคนพากันบุกเข้าลุย อาเตียวหันไปสั่งให้ทหารถอยหนี เคน กระแต และบุษกรจึงตามไล่ล่า
เทอด ยอด กริ่ง หันมายิ้มให้กัน
“ผู้หญิงหน่วยเราแต่ละคน ห้าวๆทั้งนั้น” เทอดชื่นชม
ยอดยิ้มพึงใจ
“ใครได้เป็นแฟนละก็...”
ยอกยังพูดไม่จบ กริ่งสวนขึ้น
“อ้ะๆ รู้นะ คิดไรอยู่”
“อะไรคุณกริ่ง คุณคิดคนเดียวหรือเปล่า”
กริ่งยิ้มๆหันไปหาเทอด
“ผมคิดเหมือนคุณเทอด”
เทอดหน้าเหวอ
“อ้าว...โดนซะงั้น”
ทันใดนั้น ซัมดองปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านหลังของสามหนุ่ม
“เทอด ยอดธง ยอด นางพญา กริ่ง คลองตะเคียน”
เทอด ยอด และกริ่งหันมา
“ซัมดอง”
ยอดตกใจ
“หนีเร็ว”
กริ่งพยายามจะวิ่งหนี แต่ร่างของเทอด กริ่งและยอด เหมือนโดนใครบางคน กำลังดึงรั้งเอาไว้ ทั้งสามพยายามดิ้นสะบัดให้หลุดแต่ไม่เป็นผล
“ตามข้ามา”
ซัมดอง ร่ายเวทย์มนต์ เทอด ยอด และกริ่ง ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
อ่านต่อหน้า 3
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 14 (ต่อ)
นาตาชาวิ่งหนีมาตามทาง แต่โดนเปาชาง ใช้ปืนยิงไล่หลังมาติดๆ นาตาชาสะดุดล้มลง กระสุนเฉี่ยวไปหวุดหวิด สตีเฟ่นวิ่งเข้ามาแล้วยิงใส่เปาชางแล้วฉุดนาตาชาลุกขึ้นแล้วพากันวิ่งหนีต่อ
เปาชาง โผล่ออกมาแล้วยิงปืนใส่อีกชุด สตีเฟ่น วิ่งมากับนาตาชา แล้วทั้งคู่ก็โดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นฟ้าออกไป
เปาชางวิ่งตามเฮลิคอปเตอร์มา แล้วแหงนยิงขึ้นฟ้าตามไป แต่กระสุนก็ทำอะไรเฮลิคอปเตอร์ไมได้ เปาชางหัวเสีย อาเตียว วิ่งเข้ามาหาเปาชางพร้อมกองกำลัง
“เปาชาง...หนีเร็ว”
กระแต บุษกร เจนนี่ เคน และ ทหารหน่วยจู่โจม โผล่เข้ามาจากมุมหนึ่ง เปาชางหันไปเห็นก็ยิงสกัดแล้วหนีไปกับอาเตียวและกองกำลัง
ผู้พันอาจณรงค์ และกองกำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ ตามมุมต่างๆ ซึ่งมีศพของพวกนายพลจางลี่นอนตาย กระแต บุษกร เจนนี่ เคน พากันเดินเข้ามาหาผู้พันอาจณรงค์
“มีใครเห็นพวกเสาร์ห้ามั๊ยคะ” บุษกรถามอย่างเป็นห่วง
ผู้พันอาจณรงค์แปลกใจ
“เอ๊ะ...ไม่ได้อยู่กับพวกคุณเหรอ”
กระแตชักกังวล
“ตอนแรก็อยู่ด้วยกันดีๆ แต่จู่ๆ ก็ไม่รู้หายไปไหนคะ”
เจนนี่คิดๆ
“ถ้างั้นก็คงอยู่แล้วนี้แหละค่ะ ลองช่วยกันตามหาดู”
ทุกคนพากันเดินตามหา เคนรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ในการหายตัวไปของเสาร์ห้าในครั้งนี้ เขามองไปรอบๆ พยายามรับความรู้สึกจากจิตสัมผัส เหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้น
เคนเดินไปยังทิศทางที่การรับรู้ จากสัมผัสพิเศษของเขานำทางไป จนกระทั่งมาหยุดยืนในป่าแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงสวดมนต์ของซัมดอง ดังแว่วมาจากอีกมิติหนึ่ง เคนค่อยๆหลับตาลง ค่อยๆเดินไปยังทิศที่มาของเสียงแล้วจู่ๆ เขาก็ทะลุมายังอีกมิติหนึ่ง
ภายในมิติ เสาร์ห้าแต่ละคน ถูกมัดตรึงไว้บนไม้กางเขน เรียงรายกัน อยู่ด้านหน้ากองไฟที่ลุกโชน ซัมดองนั่งอยู่หน้ากองไฟ กำลังสวดมนต์พึมพำ ลมพัด ใบไม้ปลิว สายฟ้าแล่บแปล่บๆ บรรยากาศน่ากลัว
เคนชะงักมอง ตกใจที่จู่ๆ ตัวเองทะลุเข้ามาในมิติของซัมดองได้ เคนมองไปที่ดวงตาสวรรค์ซึ่งอยู่ข้างหน้าของซัมดองเขาได้ยินเสียงวิญญาณที่ถูกขังส่งเสียงเรียกให้เขาช่วย
“ช่วยข้าด้วย ช่วยปลดปล่อยข้าด้วย”
“วิญญาณถูกขังไว้ที่นั่น” เคนพึมพำ
เสียงร้องของวิญญาณดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งซัมดองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เคนเดินเข้าไปที่ดวงตาสวรรค์ ซัมดองหันมามองเคน แล้วชี้นิ้วมาที่เขา ทำให้ร่างของเคนกระเด็นลอยฟาดลงพื้นสลบไป
ซัมดองร่ายเวทย์มนต์ ทำให้ดวงตาสวรรค์ส่องแสงเป็นประกาย สาดส่องไปทั่ว จากนั้นซัมดองก็ชูดวงตาสวรรค์ขึ้นเหนือหัว สายฟ้าฟาดลงมายังดวงตาสวรรค์ เสาร์ห้าทุกคนเริ่มรู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากบางอย่างในร่างกายของเขากำลังจะหลุดออกมา ทุกคนกัดฟันดิ้นรน แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากถูกตรึงไว้บนกางเขน ซัมดองจ้องไปยังเดี่ยว แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น
“เดี่ยว สมเด็จ ข้าขออัญเชิญพระสมเด็จในตัวเจ้ามาสถิตกับข้า”
เดี่ยวร้องอย่างเจ็บปวด พระสมเด็จซึ่งอยู่ในตัวของเดี่ยวหลุดลอยออกมาอยู่เหนือหัวเดี่ยว
ซัมดองหันไปจ้องดอน
“ดอน ท่ากระดาน ข้าขออัญเชิญพระท่ากระดานในตัวเจ้ามาสถิตกับข้า”
ดอนดิ้นรนร้องอย่างเจ็บปวด พระท่ากระดานซึ่งอยู่ในตัวหลุดลอยออกมาอยู่เหนือหัวดอน
ซัมดอง หันมาหาเทอด
“เทอด ยอดธง ข้าขออัญเชิญพระยอดธงในตัวเจ้ามาสถิตกับข้า”
เทอด ร้องลั่นอย่างเจ็บปวด พระยอดธงซึ่งอยู่ในตัวหลุดลอยออกมาอยู่เหนือหัวของเขา
ซัมดอง หันไปมองยอด
“ยอด นางพญา ข้าขออัญเชิญพระนางพญาในตัวเจ้ามาสถิตกับข้า”
ยอด ร้องอย่างเจ็บปวด พระนางพญาซึ่งอยู่ในตัวหลุดลอยออกมาอยู่เหนือหัว
ซัมดองหันไปที่กริ่ง
“กริ่ง คลองตะเคียน ข้าขออัญเชิญพระคลองตะเคียน ในตัวเจ้ามาสถิตกับข้า”
กริ่งดิ้นรนร้องเจ็บปวด พระคลองตะเคียนซึ่งอยู่ในตัว หลุดลอยออกมาอยู่เหนือหัว
ซัมดองสวดมนต์
“ข้าขออัญเชิญพระทั้งห้า มาสถิตย์กับข้า ณ.บัดนี้”
พระทั้งห้า ซึ่งลอยอยู่เหนือหัวของเสาร์ห้าแต่ละคนค่อยๆ เรืองแสงเจิดจ้า แล้วค่อยๆ รวมตัวกันเป็นองค์เดียวกัน ขณะที่ซัมดอง ยกดวงตาสวรรค์ขึ้นมาเพื่อดึงพระทั้งห้า เข้ามาหาตน
เสาร์ห้าเจ็บปวดและเหนื่อยอ่อน กำลังหาทางสู้กับเวทย์มนต์ของซัมดอง ท่ามกลางสายลม และสายฟ้าที่กำลังกระหน่ำ
“ซัมดองกำลังจะดึงพระของพวกเราไปแล้ว” เดี่ยวบอกเสียงแหบแห้ง
“รวบรวมสมาธิไว้” ดอนสั่ง
เทอดรีบบอกทุกคน
“สวดมนต์...พวกเราต้องสวดมนต์”
ยอดพยักหน้ารับ
“ใช่สวดมนต์พร้อมๆกัน”
กริ่งมองหน้าเพื่อนๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น
“รวมใจให้เป็นหนึ่ง”
กลุ่มเสาร์ห้าเริ่มหลับตาแล้วสวดมนต์ ขณะที่พระทั้งห้ากำลังค่อยๆ ถูกดวงตาสวรรค์ดูดลอยเข้าไปเรื่อยๆ พลังของการสวดมนต์ทำให้องค์พระเรืองแสงมากขึ้นกว่าเดิม แล้วจากนั้นองค์พระก็เริ่มต้านแรงดึงดูดของดวงตาสวรรค์
ซัมดองสะดุ้งลืมตา เมื่อรับรู้ว่ากำลังถูกต้านจากพวกเสาร์ห้า จึงเริ่มสวดมนต์อีกครั้ง
ทางด้านเคนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วลุกขึ้นมาเห็น องค์พระทั้งห้ากำลังถูก ดวงตาสวรรค์ดึงดูดเข้ามาอีกครั้ง เคนพยุงตัวแล้วตัดสินใจวิ่งพุ่งเข้าไปหาซัมดอง ปัดดวงตาสวรรค์หลุดจากมือซัมดอง
เคนล้มลงนอน อย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาสวรรค์หล่นกระเด็นลงพื้นไปแล้วดับแสง องค์พระทั้งห้า ลอยกลับเข้าไปอยู่ในตัวพวกเสาร์ห้าอีกครั้ง ซัมดองสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อน หมดแรงเนื่องจากถูกทำลายพิธี ซัมดองเต็มไปด้วยความโกรธ หันมาหาเล่นงานเคน
“ไอ้คนป่า...เอ็งมาทำลายพิธีของข้า”
ซัมดอง ตรงเข้าไปหาเคนแล้วบีบคอ ขณะที่เคนเองก็พยายามดิ้นรน แต่สู้แรงซัมดองไม่ได้ พวกเสาร์ห้า พยายามดิ้นแล้วหลุดพ้นจากเชือกที่พันธนาการ เมื่อเห็นเคนกำลังตกอยู่ในอันตรายทุกคนจึงรีบพากันวิ่งเข้ามา
“หยุดนะซัมดอง” เดี่ยวตะโกนลั่น
ซัมดอง ชะงัก เมื่อพบว่าเสาร์ห้าหลุดจากพันธนาการ ขณะที่ตนเองก็อ่อนล้าหมดแรง จึงปล่อยมือจากเคนแล้วค่อยๆ ถอยหลังหนี สักครู่ร่างของซัมดองก็ค่อยๆ เลือนหายไป มิติของซัมดอง ก็ค่อยๆ สว่างวาบอันตธานไปเช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
สถานที่เปลี่ยนจากมิติของซัมดอง กลายเป็นป่า ทุกคนมองสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยน ด้วยความพิศวง กริ่งและยอดเข้าไปช่วยพยุงเคนให้ลุกขึ้น
“คุณเคน บาดเจ็บหรือเปล่า” ยอดถามอย่างเป็นห่วง
เคนส่ายหน้า
“ผมไม่เป็นไร”
กริ่งมองเคนอย่างซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณมากที่เข้ามาช่วยเรา ถ้าไม่ได้คุณพวกเราคงแย่แน่”
เทอดโล่งใจ
“นั่นซิ...เกือบไปแล้วจริงๆ”
“ซัมดองมันต้องการพระ ในตัวพวกเรามานานแล้ว” ดอนบอกทุกคน
“ถ้ามันทำสำเร็จ ต่อไปก็คงไม่มีใครสู้มันได้” เดี่ยวบอกเสียงเครียด
กระแต บุษกร เจนนี่ ตามมาเจอจึงรีบเข้ามาหา
“พวกคุณหายไปไหนมา” บุษกรถามอย่างสงสัย
“ซัมดองใช้เวทย์มนต์จับตัวพวกเราเอาไว้” เดี่ยวบอก
“ถึงว่าซิ หายังไงก็หาไม่เจอ” เจนนี่โล่งใจ
“แล้วซัมดองอยู่ที่ไหนคะ” กระแตถามอย่างแปลกใจ
ทุกคนส่ายหน้า ไม่มีใครตอบได้ กระแตครุ่นคิดอย่างหวาดๆ
“แสดงว่าซัมดอง ยังคงแฝงตัวติดตามพวกเรางั้นเหรอคะ”
“พลังพุทธคุณจะคุ้มครองทุกคนไว้ อย่ากลัวเลยครับ” ยอดปลอบ
“เราไปสำรวจพื้นที่ ดูความเสียหายกันดีกว่าครับ” เทอดบอก
ทุกคนพากันเดินออกไป
+ + + + + + + + + +
สภาพแค้มป์ของดร.ฟอร์ดมีสภาพพังยับเยิน ควันไฟพวยพุ่งออกมาหลาย จุดเนื่องจากโดนระเบิดถล่มเสียหาย ผู้พันอาจณรงค์และหน่วยจู่โจมเดินสำรวจตามจุดต่างๆ ทหารกองกำลังของนายพลจางลี่บางคน และ ลูกน้องมะโหนกที่ซ่อนตัวอยู่ ถูกหน่วยจู่โจมจับกุมใส่กุญแจมือ แล้วนำตัวมารวมกัน
เสาร์ห้า กระแต บุษกร เจนนี่ และเคน เดินเข้ามาสำรวจความเสียหาย ดอนถอนใจอย่างผิดหวังนิดๆ
“น่าเสียดายที่พวกดร.ฟอร์ดหลบหนีไปได้”
“คุณดอนคิดว่าพวกมัน จะยังคงทำการทดลองต่อหรือเปล่า” กริ่งถามอย่างสงสัย
ดอนนิ่งคิด
“พวกเค้าคงไม่ล้มเลิกเรื่องนี้ง่ายๆแน่”
“บางทีพวกเค้าอาจจะย้ายไปทำการทดลองที่อื่น” ยอดออกความเห็น
“ไม่ค่ะ...การทดลองต้องเกิดขึ้นที่นี่เท่านั้น”บุษกรแย้งขึ้น
ทุกคนมองบุษกรอย่างสนใจ
“เพราะอะไร” เดี่ยวถามอย่างไม่เข้าใจ
บุษกรหยิบมือถือขึ้นมา แล้วเปิดภาพการสะท้อนแสงบนกำแพงให้ทุกคนดู
“ภาพนี้ เป็นภาพปริศนาที่คนโบราณสื่อสารเอาไว้ ถึงพลังงานที่เกิดจากทับทิมสยาม และด็อกเตอร์ฟอร์ด ต้องการจะนำมาเป็นแบบทดลองในครั้งนี้”
เทอดคิดตาม
“แสดงว่า...เจดีย์คือองค์ประกอบสำคัญ ที่จะทำให้การทดลองสำเร็จ”
“งั้นเราคงต้องจัดกำลังพลมาเฝ้าเจดีย์ไว้ตลอดเวลาซินะ” เดี่ยวแนะ
กระแตส่ายหน้า แล้วอธิบาย
“คงไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เพราะยังมีอีกองค์ประกอบหนึ่งในการทดลอง นอกจากเจดีย์แล้ว วันและเวลาที่แสงตกระทบ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน”
“แล้วรู้มั๊ยคะว่าเป็นวันไหน...เวลาไหน” เจนนี่ถาม
กระแตถอนใจ
“เรื่องนี้เป็นปริศนาที่เราจะต้องไขกันต่อไปค่ะ”
ทุกคนพากันดูภาพ การสะท้อนแสง และปรึกษากัน เคนค่อยๆแยกตัวเดินออกมาจากกลุ่ม
เคนเดินมาหยุดมองไปรอบๆ บริเวณแค้มป์ สักครู่เจนนี่เดินเข้ามาหา
“คุณเคนคะ”
“ครับ”
“ฉันอยากจะมาขอบคุณ ที่คุณช่วยนำทางให้ฉันมาที่นี่”
“ผมมาที่นี่ ก็เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ไม่ต้องขอบคุณผมก็ได้”
“หลังจากนี้...คุณจะไปไหน”
“งานของผมยังไม่เสร็จ ผมต้องตามหาตัวซัมดอง และทำลายดวงตาสวรรค์ให้ได้”
“ถ้างั้นคุณต้องไปกับพวกเรา ฉันเชื่อว่ายังไงซัมดองก็คงต้องกลับมาหาพวกเสาร์ห้า เพราะซัมดองก็ยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเหมือนกัน”
เคนครุ่นคิด ตัดสินใจ
+ + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
ดร.วิทยานั่งเขียนภาพการสะท้อนแสง ในความทรงจำแต่ก็ไม่อาจเขียนได้ถูกต้องนัก ขณะที่ฮวง รวบรวมเอากระดาษที่ ดร.วิทยาเขียน มานั่งมอง ด้วยความสงสัย
“มันคือภาพอะไรกันครับ ด็อกเตอร์”
“ฉันเห็นมันอยู่บนกำแพง ในเจดีย์ ใหญ่กลางป่า”
“แล้วมันสำคัญยังไงกันครับ”
“นี่คือสิ่งที่ฉันค้นหามาตั้งนานแล้ว มันคือสิ่งที่คนโบราณบันทึกเอาไว้ เกี่ยวกับพลังอำนาจของทับทิมสยาม”
ฮวงแปลกใจ
“พลังอำนาจ...”
“ใช่...ภาพวาดนี้เป็นเหมือนขั้นตอน ในการทำให้ทับทิมสยาม ส่งพลังอำนาจมาถึงพวกเราแต่...ทำไมฉัน...ฉันจำไม่ได้...มันเลือนราง”
“ถ้างั้นเราก็กลับไปที่เจดีย์ ไปดูอีกทีซิครับ”
ดร.วิทยารู้สึกหวาดๆ กับสิ่งที่ผ่านมา
“ไม่...ฉันยังไม่พร้อม ยังไม่ใช่ตอนนี้”
ดร.วิทยานั่งขีดเขียนภาพต่อไป นั้มเดินเข้ามาหา
“ด็อกเตอร์ครับ...เสือสนธิ์ เชิญพบ”
ดร.วิทยา วางมือจากเขียนภาพ ลุกขึ้นเดินตามนั้มไป ฮวงตามออกไป ขณะเดียวกันนั้น ต่ำแอบดูอย่างสนใจ
ดร.วิทยา ฮวงและนั้มเดินเข้ามาในห้องรับแขก ซึ่งเสือสนธิ์และเจ้าพ่ออินทร์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไรครับเสือสนธิ์”
“สายของเรารายงานมาว่า ตอนนี้ค่ายของดร.ฟอร์ด ถูก ถล่มยับไปแล้ว”
ดร.วิทยาอึ้งไปนิดก่อนจะถามอย่างแปลกใจ
“เป็นไปได้ยังไงกัน...ใครเป็นคนทำ”
“ท่านอธิบดีอภิชัย ส่งกองทหารเข้าไปจู่โจม ตอนนี้ดร.ฟอร์ดกับลูกๆ ซ่อนตัวเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน” เจ้าพ่ออินทร์บอก
เสือสนธิ์นิ่งคิด
“แบบนี้แสดงว่า ท่านอธิบดีอภิชัย ก็เป็นพวกเดียวกับเราที่ไม่เห็นด้วย กับการทดลองของดร.ฟอร์ด”
“นั่นซิ...เราควรเข้าไปพบท่าน และแสดงตัวว่า ดร.วิทยา กับพวกเราก็ต่อต้านพวกทำลายชาติเช่นเดียวกัน” เจ้าพ่ออินทร์เสนอแนะ
ดร.วิทยา เกรงความจริงกำลังจะโดนเปิดเผย จึงเริ่มคิดหาทางปกปิด
“ไม่...ทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมยังไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น พวกคุณอย่าเพิ่งใจร้อน งานของเราเป็นงานสำคัญระดับชาติ ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็อย่าเพิ่งเปิดเผยกับใคร แต่ตอนนี้ ผมอยากให้ทุกคนเชื่อใจผม ทำตามที่ผมบอก”
เสือสนธิ์หันไปมองหน้าเจ้าพ่ออินทร์เพื่อปรึกษา แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะเชื่อดร.วิทยาต่อไป เสือสนธิ์หันมายิ้ม
“ได้ครับ...พวกเราเชื่อ ด็อกเตอร์ เราจะเดินเกมส์ตามที่ด็อกเตอร์สั่ง”
“ขอบใจมาก”ดร.วิทยาพยักหน้าพอใจ
+ + + + + + + + + + + +
ดร.วิทยานั่งอยู่ในห้องพัก ครุ่นคิดบางอย่างเงียบ ๆ สักครู่ฮวง ก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร
“ด็อกเตอร์ครับ”
“ฉันยังไม่หิว”
“งั้นผมวางไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ”
“ขอบใจ”
ฮวงจะเดินออกไป แต่ดร.วิทยาเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวฮวง”
ฮวงหันกลับมา
“ครับ...ด็อกเตอร์”
“แกทำอะไรให้ฉันหน่อยได้มั๊ย”
“ได้ครับ ผมทำได้เพื่อด็อกเตอร์ทุกอย่าง”
“ฉันเชื่อว่า หน่วยของไอ้อภิชัย มันต้องได้ข้อมูลอะไรดีๆ จากแค้มป์ดร.ฟอร์ดกลับมาแน่นอน”
“ใช่ครับ ดร.ฟอร์ดคงทิ้งหลักฐาน แล้วก็ข้อมูลเอาไว้มากมายแน่ๆ” ฮวงคิดนิดนึงแล้วนึกออก “เอ๊ะ...นี่แสดงว่า ด็อกเตอร์กำลังจะให้ผม...”
“แกต้องไปขโมยหลักฐานทุกอย่างมาให้ฉัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”
“ได้ครับ...ผมจะไม่ทำให้ด็อกเตอร์ผิดหวังเด็ดขาด”
ฮวงรับคำ อย่างมั่นใจ
+ + + + + + + + + + +
วันต่อมา...
ในห้องประชุม กลุ่มเสาร์ห้า ดร.อภิชัย ผู้พันเชษฐ์ ผู้พันอาจณรงค์ กระแต บุษกร เจนนี่ กำลังนั่งฟังดอนแสดงแผนที่พิกัดที่พบสัญญาณจอดเฮลิคอปเตอร์ซึ่งถูกดร.ฟอร์ดจี้บังคับไปอย่างสนใจ
“สัญญาณที่รับได้พบว่า เฮลิคอปเตอร์ที่โดนจี้บังคับถูกนำไปจอดบริเวณทุ่งนาชานกรุงเทพ บริเวณนี้ครับ”
“มีใครส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจดูพื้นที่หรือยัง” ผู้พันเชษฐ์ถาม
“เมื่อกี้มีรายงานจากสายข่าวมา ว่าพบเฮลิคอปเตอร์ ใกล้เคียงกับพิกัดที่คุณดอนระบุเมื่อกี้ ส่วนนักบินถูกฆ่าตายครับ” เดี่ยวรายงาน
ดร.อภิชัยโมโห
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย...ทำไมต้องฆ่านักบินด้วย”
“สำหรับคอนโดที่ดร.ฟอร์ด เคยพัก ได้ข้อมูลว่าห้องยังล็อค ไม่มีร่องรอยของการกลับเข้าไปพักเลยครับ” ยอดรายงาน
“ผมเชื่อว่าพวกมันต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่แน่นอน ตอนนี้ผมส่งคนไปเช็คตามรีสอร์ทชานเมือง คาดว่ามันน่าจะหลบไปพักกันที่นั่น” เทอดบอกสิ่งที่เขาสั่งการไปแล้ว
“ส่วนเรื่องบัญชีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ข้อมูลการใช้บัตรเครดิตต่างๆ ผมให้เจ้าหน้าที่คอยเช็คและทำรายงานด่วนทุกชั่วโมง ถ้ามีความเคลื่อนไหวจุดไหน รับรองว่าพวกเรารู้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ครับ”
กริ่งรายงานอย่างมั่นใจ และการประชุมดำเนินต่อไป
อ่านต่อหน้า 4
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 14 (ต่อ)
ยูกิ ชลดา พาม่านฟ้าและบัวชุมเดินเข้ามาในสำนักงาน สองสาวทักทายกับเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากไม่ได้เห็นหน้ากันมานาน ขณะที่ม่านฟ้าและบัวชุม ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่นัก ชลดาและยูกิพาม่านฟ้าและ บัวชุมไปนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง
“คุณสองคนนั่งรอที่นี่ก่อนนะคะ ฉันกับยูกิขอเข้าไปรายงานตัวกันก่อน”
“ฉันอยากให้คุณสองคนวางใจ เพราะอย่างน้อยเรื่องที่เราเจอมาในการเดินป่าครั้งนี้ก็น่าจะพิสูจน์ได้ว่า พวกเราเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ” ยูกิบอกอย่างจริงใจ
ม่านฟ้ายิ้มรับ
“ค่ะ...ฉันเชื่อใจพวกคุณ”
“งั้นรอที่นี่นะคะ อย่าเพิ่งไปไหน...เดี๋ยวเรามา” ชลดากำชับ
ชลดา และยูกิ พากันเดินเข้าห้องไป ม่านฟ้าและบัวชุม นั่งรอ
ขณะเดียวกันในห้องประชุม กระแตรายงานว่า...
“ทับทิมสยาม สีชมพู และสีม่วง ยังอยู่ในความครอบครองของ ดร.ฟอร์ด ขาดก็แต่ทับทิมสยามสีแดง ค่ะที่เรายังสืบหาไม่พบว่าอยู่ที่ไหน”
ยูกิ และชลดา เดินเข้ามาในห้องประชุม
“แต่ดิฉัน กับยูกิรู้ค่ะ ว่าทับทิมสยามสีแดงอยู่ที่ไหน”
ทุกคนตื่นเต้น ที่จู่ๆ ยูกิกับชลดาก็ปรากฏตัวในห้องประชุม หลังจากห่างหายกันไปนาน ยูกิทักทายทุกคน
“สวัสดีค่ะ ท่านอธิบดี...สวัสดีค่ะพลเอกเชษฐ์ ผู้พันอาจณรงค์และเพื่อน ๆทุกคน”
“นี่พวกคุณมาจากไหนแล้ว หายไปไหนกันมา” ดร.อภิชัยถามอย่างสงสัย
“เรื่องมันยาวค่ะ เอาไว้เดี๋ยวดิฉันกับยูกิจะทำรายงานให้นะคะท่าน” ชลดาตอบ
ผู้พันเชษฐ์หันมามองหน้าชลดา
“เมื่อกี้คุณพูดใช่มั๊ยว่า พวกคุณรู้ว่าทับทิมสยามสีแดงอยู่ที่ไหน”
“ค่ะ...ตอนนี้เจ้าของทับทิมสยามสีแดงก็อยู่กับพวกเราแล้ว”
บุษกรดีใจ
“ถ้างั้น ทับทิมสยามสีแดง ก็จะนำเราไปพบกับทับทิมสยามสีชมพู แล้วก็สีม่วงที่อยู่กับดร.ฟอร์ดอย่างแน่นอน”
“หมายความว่า เราจะเอาทับทิมสีแดงมาเป็นเหยื่อยล่องั้นเหรอคะ” เจนนี่ถามอย่างสงสัย
ชลดา และยูกิ พยักหน้ายืนยัน เห็นด้วยกับบุษกร
+ + + + + + + + + + + +
บัวชุมรออย่างกระวนกระวายไม่ค่อยสบายใจนัก
“ทำไมเราต้องมาที่นี่กันด้วยคะ คุณหนู...บัวชุมไม่ชอบเลย”
“พวกเค้าเป็นคนดีและสิ่งที่เค้าขอร้องเราก็เป็นเรื่องดี” ม่านฟ้าแย้ง
“ขอให้เราเป็นเหยื่อล่อเนี่ยะนะคะ บัวชุมว่ามันอันตราย ทำไมเราไม่กลับไปที่ป่าแล้วก็ขุดเอาทับทิมสยามสีแดงแล้วก็หลบไปใช้ชีวิตเงียบๆละคะ”
“แผ่นดินนี้มีบุญคุณต่อเรา ฉันเกิดและเติบโตในเมืองไทย หากมีสิ่งที่ฉันพอจะทำได้เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ทำไมฉันจะต้องปฏิเสธ”
“แล้วถ้าคุณหนูของบัวชุมเป็นอะไรขึ้นมา มันคุ้มกันเหรอคะ”
“คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว หากฉันจะตายเพื่อชาติบ้านเมืองสักครั้ง มันก็เป็นเกียรติยศที่สูงสุด บัวชุมก็ควรคิดเช่นเดียวกับฉันนะ”
บัวชุมหน้าสลดลง
“ค่ะ บัวชุมน่ะไม่ได้กลัวตายหรอกค่ะ เพียงแต่บัวชุมเป็นห่วง เพราะหน้าที่ของบัวชุมก็คือต้องดูแลสายเลือดสุดท้ายแห่งเชียงรุ้งให้มีความสุข”
“ขอบใจจ๊ะ บัวชุม ฉันจะคอยระวังตัวไม่ทำให้บัวชุมเป็นกังวล ฉันรับรอง”
ม่านฟ้า กุมมือปลอบโยน เพื่อให้บัวชุมคลายความกังวล ขณะเดียวกันนั้น เคนเดินเข้ามาในสำนักงาน บัวชุมเห็นเคนก็รู้สึกโกรธ เธอจำได้ว่าเคนเคยลวนลามเจ้านายของเธอ ขณะที่เคนก็ประหลาดใจที่ได้พบม่านฟ้า และบัวชุมอีกครั้ง
“แก...ไอ้ผีทะเล ไอ้คนเลว ฉันเจอแกแล้ว แกต้องตาย”
บัวชุมชักมีดออกมาแล้ววิ่งเข้าไปแทง เคนหลบแล้วบิดข้อมือบัวชุมล็อคไว้
“หยุดนะ อย่าทำอะไรพี่บัวชุม” ม่านฟ้าห้ามเสียงเข้ม
“ฉันไม่ทำอะไร แต่พี่บัวชุมของเธอต่างหากที่ทำฉัน”
“คุณหนู เอาหน้าไม้ยิงมันเลย ไม่ต้องห่วง บัวชุมยอมตาย”
“นี่เราโกรธ เกลียดกันเรื่องอะไร” เคนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ยังจะมาทำไขสือ ไอ้คนเอาแต่ได้” บัวชุมด่า
“ถ้าเป็นเรื่องที่ลำธาร ฉัน...เอ้อ...ฉันไม่รู้...”
ม่านฟ้าโกรธและอาย ที่เคนเอาเรื่องที่ลวนลามมาพูดแล้วยังจะบอกว่าไม่รู้
“ไม่รู้ใช่มั๊ย งั้นก็ตายซะ”
ม่านฟ้าหยิบหน้าไม้ออกมาแล้วเล็ง ขณะที่บัวชุมพยายามดิ้นรน แต่เคนยืนนิ่ง ไม่กลัว ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มเสาร์ห้า กระแต บุษกร ชลดา ยูกิ เจนนี่ พากันออกมาจากห้องประชุม ยูกิรีบเข้าไปขวางไว้
“อย่าค่ะ...ม่านฟ้า อย่ายิง”
ชลดาเข้ามาหาม่านฟ้า
“ใจเย็นค่ะ ค่อยๆ พูด กัน คุณเคนเป็นพวกเดียวกับเรา”
“ยูกิขอร้องค่ะ อย่ายิงนะคะ”
ม่านฟ้าเริ่มเย็นลง ลดหน้าไม้ลงมา
+ + + + + + + + + +
เคน ม่านฟ้า บัวชุม ชลดาและยูกิ นั่งปรับความเข้าใจกัน ในห้องประชุม
“ตอนนั้นเราอยู่ในเขตภาพลวงตา ทำให้ผมสับสน พอเห็นคุณอยู่ที่ลำธาร ผมก็เลยคิดว่าคุณไม่ได้เป็นผู้หญิงจริงๆ ผมก็เลย...”
บัวชุมโกรธ
“ถึงจะเป็นภาพลวงตา ไม่ใช่คนจริงๆ แต่ก็เป็นผู้หญิง...คุณเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น คิดจะทำยังไงก็ได้งั้นเหรอ”
“ใจเย็นค่ะพี่บัวชุม” ยูกิปราม
เคนรู้สึกผิดเสียใจ
“ผมยอมรับว่า ผมพลาดไป ผมไม่ควรทำแบบนั้นกับคุณ...ม่านฟ้า ผมขอโทษนะครับ”
บัวชุมไม่ยอมโวยวายลั่น
“ขอโทษแล้วมันหายหรือไง ศักดิ์ศรีที่โดนเหยียบย่ำ มันเรียกคืนได้หรือเปล่า”
เคนหน้าสลด
“คุณจะให้ผมทำยังไง”
บัวชุมมองหน้าเคนอย่างอภัยไม่ได้
“โทษของแกคือความตายสถานเดียว”
“พี่บัวชุมคะ อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้นเลย” ชลดาปราม
ม่านฟ้าถอนใจ
“เอาละคะ...ที่ผ่านมาฉันจะคิดว่าฝันไป ต่อไปฉันกับพี่บัวชุมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
“แต่คุณหนูคะ”
บัวชุมจะแย้ง ม่านฟ้ารีบตัดบทน้ำเสียงจริงจัง
“พี่บัวชุม...ถ้าเราไม่ชอบใคร เราก็จะมองไม่เห็นเขาอีก เขาก็เหมือนอากาศธาตุที่ไม่ค่าอะไรกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยว พี่บัวชุมทำได้มั๊ย”
บัวชุมจ๋อยไป
“ถ้าคุณหนูสั่ง บัวชุมก็ทำได้ค่ะ”
“แต่มันไม่ยุติธรรมกับผม เราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลยหรือครับ” เคนแย้ง
“นี่คือสิ่งที่คุณสมควรจะได้รับ” ม่านฟ้าหันไปหายูกิกับชลดา “ฉันขอตัวค่ะ”
ม่านฟ้าและบัวชุมเดินออกไป เคนหน้าสลดที่ไม่ได้รับไมตรีจากม่านฟ้า ยูกิและชลดาต้องช่วยกันปลอบใจ
+ + + + + + + + + + +
บุษกร นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังโหลดเอาภาพการสะท้อนแสงเข้าไปอยู่ในเครื่อง โดยต่อโทรศัพท์กับ เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ววางไว้บนโต๊ะที่มุมหนึ่ง กระแตกับเจนนี่ กำลังตรวจหาสัญญาณบางอย่างจากกลุ่มดร.ฟอร์ด กระแตดูข้อมูลแล้วหันไปถามเจนนี่
“เจนนี่ ดูนี่ซิ นี่มันหมายเลขบัตรเครดิตของนาตาชาใช่มั๊ย”
เจนนี่ชะโงกไปมอง
“ใช่...ถูกรูปไปเมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมาแถวห้างสรรพสินค้าชานเมือง”
บุษกรรีบลุกมาดูหน้าจอของกระแต ทำให้เครื่องโทรศัพท์ของบุษกรหล่นลงไปในถังขยะ โดยบุษกรไม่ทันสังเกต
“รีบวิทยุบอกสายสืบของเราให้ ติดตามด่วน”
“ได้ค่ะ”
กระแตหยิบวิทยุขึ้นมา
“วิหกเรียกไก่ป่า วิหกเรียกไก่ป่า...เป้าหมายอยู่พิกัด 63 เพิ่งใช้บัตรเครดิต ไก่ป่ารีบตรวจสอบ ติดตามหาที่อยู่ของเป้าหมายให้ได้”
“รับทราบ” เสียงตอบรับดังกลับมา
กระแตวางวิทยุ แล้ว ตรวจดูรายละเอียดบนจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
+ + + + + + + + +
นาตาชา และราฮีม ช่วยกันเดินถือของเครื่องใช้มากมาย ตรงมาที่รถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า ราฮีมทำหน้าที่ขับรถ ให้นาตาชานั่งออกไป รถของสายสืบออกรถติดตามไปทันที
ราฮีมขับรถมาจอดที่บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่ง นาตาชา กับราฮีมช่วยกันถือของเดินลงมา รถสายสืบจอดอยู่ห่างๆ สายสืบยกกล้องมาถ่ายรูปทั้งสองไว้
นาตาชากับราฮีมเข้ามาในห้อง ขณะที่สตีเฟ่น และดร.ฟอร์ด กำลังนั่งเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค อยู่ที่มุมหนึ่ง
“แกหายไปไหนมา นาตาชา” ดร.ฟอร์ดถามเรียบๆ
“ก็ไปหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับ ทุกคนไงคะพ่อ”
สตีเฟ่น หันมามองน้องสาวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ทีหลังถ้าจะไปไหนก็ต้องบอกคนอื่นไว้ อย่าหายไปเฉยๆ”
“ผมผิดเองครับที่ไม่ทันได้บอก พอดีคิดว่าไปแป็บเดียว” ราฮิมรีบออกรับ
“แล้วนี่มีใครตามพวกแกหรือเปล่า” ดร.ฟอร์ดถามอย่างระแวง
“ไม่น่าจะมีนะครับ”
นาตาชาหงุดหงิด
“แล้วนี่ เราต้องซ่อนตัวอย่างนี้อีกนานแค่ไหนคะ”
“ก็จนกว่าทับทิมสีแดงจะมาเป็นของเรา แล้วจากนั้นเราก็จะกลับไปที่เจดีย์” ดร.ฟอร์ดบอกอย่างมุ่งมั่น
สตีเฟ่น มองข้อมูลในจอคอมพิวเตอร์
“นี่ครับพ่อ หมู่บ้านเสือหมอบ คาดว่าไอ้ด็อกเตอร์วิทยา ต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”
“พ่อแน่ใจได้ยังไงคะว่า ทับทิมสยามสีแดงจะอยู่กับ ด็อกเตอร์วิทยา” นาตาชาถามอย่างสงสัย
ดร.ฟอร์ดยิ้ม
“ถึงทับทิมสยามสีแดงจะไม่ได้อยู่กับมัน แต่อย่างน้อยถ้าได้กำจัดมันออกไป งานของฉันก็จะง่ายขึ้น คนอย่างไอ้ด็อกเตอร์วิทยา มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม”
ดร.ฟอร์ดสายตาเต็มไปด้วยความเครียดแค้น
+ + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
ฮวงใส่ชุดพรางตัวเปิดประตูสำนักงานเข้ามาด้านในได้สำเร็จ เขาหันมองไปรอบๆเพื่อดูตำแหน่งของกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ สักครู่ก็หยิบแว่นตรวจเลเซ่อร์ออกมาใส่ ทำให้มองเห็น เส้นแสงเลเซ่อร์ ซึ่งมีไว้สำหรับเป็นสัญญาณกันขโมย ฮวงคืบคลานไปตามมุมต่างๆ เพื่อหลบให้พ้นจากเส้นแสงเลเซ่อร์จนมาถึงคอมพิวเตอร์
ขณะเดียวกันนั้น เดี่ยวขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าสำนักงาน โดยมีบุษกรนั่งอยู่ข้างๆ
“คุณแน่ใจนะว่าลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่นี่”
“ค่ะ...ครั้งสุดท้าย ฉันโหลดภาพจากโทรศัพท์เข้าคอมพิวเตอร์ แล้วก็กลับบ้านเลย”
“งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องก็ได้ แป็บเดียวเอง”
บุษกรเดินลงจากรถ เข้าไปในสำนักงาน
+ + + + + + + + + +
ฮวงเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มปฏิบัติการณ์ล้วงข้อมูลต่างๆ แล้วค้นพบ ภาพการสะท้อนแสงซึ่งบุษกรเพิ่งเก็บเอาไว้ในเครื่อง
“คล้ายกับภาพที่ด็อกเตอร์วิทยาวาดเอาไว้เลย”
ฮวงรีบเก็บภาพใส่แฟลชไดรฟ์ ขณะเดียวกันนั้น บุษกร เปิดประตูเข้ามา เธอรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ขณะที่ฮวงรู้ว่ามีคนเข้ามาจึงรีบหลบซ่อนตัว
บุษกรชักปืนออกมา เตรียมพร้อมมองหาตามมุมต่างๆ ขณะที่ฮวงค่อยๆ เคลื่อนตัวไปที่ด้านหลังของบุษกรโดยที่บุษกรมองไม่เห็นเขา ฮวงค่อยๆโผล่ออกมาจากมุมด้านหลังแล้วค่อยๆ ยกปืนขึ้นมา บุษกรเห็นเงาที่ฝาผนัง เป็นเงาของปืนที่กำลังเล็งมาที่เธอ บุษกรหันไปมองที่เงาแล้วจระเข้ฟาดหางทำให้ปืนกระเด็นหลุดไป ฮวงตกใจไม่คาดคิดว่าบุษกร จะร้ายกาจเช่นนี้ บุษกรได้จังหวะเหวี่ยงขาเข้าก้านคอ แล้วถีบฮวงกระเด็นไป
“ร้ายจริงนะ นังบ้า”
“แกต้องการอะไร”
“ต้องการให้เอ็งตายซิวะ”
ฮวงพุ่งตัวไปที่ปืนแล้วหยิบขึ้นมายิง แต่บุษกรโดดหลบ ฮวงได้โอกาสรีบหนีออกไปข้างนอก บุษกรวิ่งตามไป
เดี่ยวได้ยินเสียงปืน จึงรีบออกมาจากรถแล้วเห็นฮวงกำลังวิ่งหนีออกมา เดี่ยวรีบตามไป ฮวงหันมาเห็นเดี่ยวจึงยิงสกัดไว้ เ ดี่ยวรีบหลบ แล้วยิงสวนไป รถของลูกน้องฮวงขับออกมา ฮวงรีบกระโดดขึ้นรถ เดี่ยวรีบกลับไปที่รถ ขณะที่บุษกรตามออกมาแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถขับติดตามรถของฮวงไป
รถของฮวง วิ่งออกมาตามถนน ขณะที่รถของเดี่ยวตามมาไม่ลดละ ฮวงกังวลใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ด็อกเตอร์ครับ ผมได้ข้อมูลมาแล้วแต่ตอนนี้กำลังถูกติดตาม”
ดร.วิทยาอยู่ในรถตู้กับเจ้าพ่ออินทร์ คอยบัญชาแผนการ เจ้าพ่ออินทร์รับโทรศัพท์จากดร.วิทยามาพูดแทน
“วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ฮวง เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“ครับนาย”
คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง รถวิ่งฉิวไป ขณะที่รถของเดี่ยววิ่งตามไม่เลิก ทันใดนั้นที่ด้านหลังของรถเดี่ยวก็ปรากฏว่ามีรถกระบะออกมาจากข้างทาง บนกระบะหลัง มีคนร้ายพร้อมปืนกล ยิงไล่ตามหลังรถของเดี่ยว
ปัง ปัง ปัง ปัง
เดี่ยวขับรถหลบกระสุนปืนกล ที่ยิงมาจากด้านหลัง กระจกด้านหลังแตกกระจาย ทำให้เดี่ยวและบุษกร ต้องคอยก้มหลบ
“ผมขอโทษนะ ที่พาคุณมาอยู่ในอันตรายแบบนี้”
“คุณทำดีแล้วค่ะเดี่ยว”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสี่ยง”
“คุณอยู่ไหน ฉันอยู่ด้วย”
เดี่ยวรู้สึกซาบซึ้ง ที่ในวินาทีวิกฤตอย่างนี้ บุษกรก็ยังเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของเขาอยู่เสมอ
“บุษกร...ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอันตรายเด็ดขาด”
ขาดคำ เดี่ยวก็หักรถหนีเข้าข้างทาง ปล่อยให้รถของฮวงรอดไปได้ รถกระบะปืนกลรีบหักตาม แล้วยิงไล่รถของเดี่ยวไม่เลิก
เดี่ยวขับรถหนีรถกระบะปืนกลมาตามทาง เขาชักปืนออกมา
“คุณขับแทนผมทีนะ”
“ได้ค่ะ”
เดี่ยวเอนเบาะลง แล้วรีบปล่อยมือจากพวงมาลัย ถอยตัวมายังเบาะหลัง ขณะที่บุษกรรีบเข้าไปนั่งแทนที่ เดี่ยวรีบดันเบาะให้บุษกรนั่งให้ถนัด ส่วนตัวของเขา หันไปเล็งปืนยิงใส่คนขับรถกระบะ ขณะที่คนบนรถที่กำลังกราดยิงมา เดี่ยวยิงออกไป ถูกคนขับรถกระบะตายคาที่ ทำให้รถเสียหลัก พลิกคว่ำ เดี่ยวยิงซ้ำไปอีกหลายครั้งรถระเบิดตูม
บุษกรหยุดรถ ริมถนนเปลี่ยว ทั้งสองเดินลงมา ท่านกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน จากการระเบิดของรถ เดี่ยวโอบกอดบุษกรเอาไว้ในอ้อมแขน
“ถ้าผมตายโดยมีคุณอยู่ข้างๆ ผมก็พร้อม”
“คนอย่างคุณไม่ตายง่ายๆ แน่”
“งานของเราสองคน ไม่มีเวลาใช้ชีวิตสงบสุขเหมือนคู่อื่นๆเลยนะ”
“แต่เราก็ไม่เสียชาติเกิด ที่ได้ทำงานเพื่อชาติของเรานะคะ”
อุดมการณ์ของเดี่ยวและบุษกร ต่างก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งหาได้ยากที่จะมีผู้หญิงที่คิดเช่นนี้
“ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาพบกับคุณ ผมรักคุณนะ”
“ค่ะ...ฉันก็รัก และภูมิใจในตัวคุณค่ะ”
เดี่ยวก้มลงจุมพิตบุษกร ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน
โปรดติดตามตอนต่อไป