ดาวเรือง ตอนที่ 13
ดาวเรืองหยิบกล่องใส่ปลาที่หั่นแล้วจากตู้เย็นเอาไปล้างน้ำที่ก๊อกอีกครั้ง จันทรามองตามอย่างชื่นชมมากขึ้น
“เห็นท่าทางลุยๆ เหมือนเด็กผู้ชาย แต่ดูหน่วยก้านแล้วน่าจะทำกับข้าวเก่งนะ” จันทราชม
“ไอ้เรืองมันช่วยอิฉันทำกับข้าวขายตั้งแต่หัวยังไม่พ้นเตานี่เลยค่ะ” บานชื่นบอก
“เก่งจัง แม่บานชื่นมีลูกสาวคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“2 คนค่ะ ไอ้เรืองมีพี่ชายอีกคน ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาได้อาทิตย์กว่าๆ นี่เองค่ะ”
เพี้ยนขี่มอเตอร์ไซค์พาพฤกษ์กลับเข้ามาในบ้าน
ดาวเรืองถือปลามาจากก๊อกน้ำแล้วหันมาเห็นพฤกษ์ “พี่พฤกษ์นะพี่พฤกษ์ บอกให้นอนพักยังจะออกไปข้างนอกอีก”
จันทราได้ยินคำพูดของดาวเรืองก็มองออกไปนอกร้าน
พฤกษ์ยังไม่ทันเห็นจันทรา “พี่หมักปุ๋ยคอกไว้ ได้ยินว่าผู้ใหญ่หาญจะแจกพันธุ์ผักวันนี้ ก็เลยให้เจ้าเพี้ยนพาไปเอา”
พฤกษ์ถือถุงเมล็ดพันธุ์ผักเดินเข้ามาในร้าน
จันทราตกใจ “พฤกษ์!”
พฤกษ์ยกมือไหว้เพราะทั้งแปลกใจทั้งคาดไม่ถึง “สวัสดีครับคุณจันทรา”
ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนแปลกใจที่ทั้งคู่รู้จักกัน
“รู้จักกันเหรอคะ” บานชื่นถาม
“ค่ะ พฤกษ์มาช่วยงานที่ร้านดอกไม้ของฉันอยู่เกือบปี ที่แท้ก็ลูกแม่บานชื่นเองเหรอเนี่ย โลกกลมจริงๆ” จันทราบอก
ทุกคนคิดแบบเดียวกับจันทราว่าโลกจะกลมอะไรขนาดนี้
สุดาวดีเดินมาทางหลังบ้าน ตาของเธอก็คอยชะเง้อมองขึ้นไปทางหน้าต่างโดยหวังฟลุ้คจะได้เห็นพฤกษ์ พฤกษ์เดินเข้ามาดูแปลงผักที่ลงปุ๋ยไว้ พฤกษ์แปลกใจที่เห็นสุดาวดีเดินด้อมๆ มองๆ ขึ้นไปบนบ้าน
พฤกษ์เอ่ยถาม “หาอะไร”
สุดาวดีตอบกลับโดยไม่ทันหันไปมองคนถาม
“มะกรูด”
“มะกรูดขึ้นบนดินครับ ไม่ใช่บนบ้าน” พฤกษ์บอก
สุดาวดีสะดุ้งแล้วหันขวับไปทางพฤกษ์ สุดาวดีใจเต้นตึ๊กตั๊กและหน้าร้อนผ่าว แต่เธอก็เก็บอาการแล้วเดินเลี่ยงไปที่ต้นมะกรูด สุดาวดียื่นมือไปที่ต้นมะกรูดแล้วทำท่าจะเด็ด
พฤกษ์เอ่ยขึ้น “เดี๋ยว!”
สุดาวดีสะดุ้งแล้วชะงักมือ “อะไรอีกล่ะ”
“ต้นมันมีหนาม ถ้าไม่ระวังจะตำมือเอาได้ มา...ผมเด็ดให้ดีกว่า คุณจะเอาไปทำอะไรบ้าง” พฤกษ์ลงมือเด็ดใบมะกรูด
“ต้มยำ”
สุดาวดีมองพฤกษ์เด็ดใบมะกรูดอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเธอชอบมองผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
พฤกษ์ก้มหน้าก้มตาเด็ดใบมะกรูดแต่ไม่วายแอบถาม “คุณคงอยากจะกลับกรุงเทพฯ แล้วสินะ คงเบื่อชีวิตบ้านนอกแบบนี้เต็มทน”
สุดาวดีรู้ว่าพฤกษ์เหน็บเลยตอกกลับ
“แน่นอน ฉันจะอยู่ป่าอยู่ดงแบบนี้ไปทำไมล่ะ ในเมื่อชีวิตกับงานฉันอยู่ที่โน่น ที่ต้องทนอยู่ก็เพราะฉันรอจิ๋นเคลียร์งานทางนี้เสร็จ จะได้กลับกรุงเทพฯ พร้อมกัน”
ดาวเรืองเดินมาตามโรส เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ชะงัก
พฤกษ์ก้มหน้าก้มตาเด็ดใบมะกรูดอย่างเศร้าๆ “ครับ คุณคงไม่กลับมาที่นี่อีก”
“แหงล่ะ เราจะกลับไปเตรียมงาน ถ้าหนังสือขอย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ ของจิ๋นอนุมัติเมื่อไหร่ เราตกลงกันแล้ว เราจะแต่งงานกันทันที”
พฤกษ์กลืนน้ำลายเอื้อกแต่ก็ยังหันมายิ้มอวยพร “ขอให้คุณมีความสุขในการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่คุณรักนะครับ”
สุดาวดีน้อยใจที่พฤกษ์ไม่ขัดขวางแถมยังอวยพรส่งอีกต่างหาก
ดาวเรืองไม่ได้ยินที่พฤกษ์พูดเพราะหูอื้อ ตาลายไปกับคำพูดของสุดาวดี เธอคิดในใจว่าฟังไม่ผิดใช่ไหมที่จินตวัฒน์กำลังจะแต่งงาน
บานชื่น จันทรา และเสมอใจช่วยกันหุง อุ่น ตุ๋น ต้ม และนึ่งกันอย่างขะมักเขม้น เพี้ยนเช็ดโต๊ะและจัดโต๊ะ รถของจินตวัฒน์แล่นเข้ามาจอดหน้าร้าน พวกสุวรรณขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาจอดไล่เลี่ยกันโดยที่สุวรรณยังยืนมาในท่าเดิม จินตวัฒน์ลงจากรถแล้วหยุดยืนทำใจอยู่หน้าร้าน ลูกน้องทั้งสองพาสุวรรณลงจากรถแล้วพากันเดินเข้ามาในร้าน
สุวรรณมองหาดาวเรือง “น้าบาน!! ไอ้เรืองล่ะ”
บานชื่นเงยหน้าจากการทำอาหาร “วันๆ เอ็งมีธุระอะไรกับมันนักหนาวะ”
สุวรรณทำกรุ้มกริ่ม “วันนี้ไม่ได้มาหามันคนเดียว มาหาน้าบานด้วย”
เสมอใจวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วเริ่มใจคอไม่ดี
“มาหาข้าทำไม ถึงเป็นหม้ายข้าก็เลือกนะเว้ย”
ดาวเรืองเดินจิตใจกระเจิดกระเจิงเพราะเรื่องจินตวัฒน์จะแต่งงานออกมาจากหลังบ้าน
“น้องเรืองมาพอดี ปลัดเขามีเรื่องจะคุยกับเอ็งแน่ะ” สุวรรณบอก
เพี้ยนงง “ตกลงพี่วรรณหรือปลัดกันแน่ที่มีธุระกับพี่เรือง”
ดาวเรืองตวัดสายตามองจินตวัฒน์ที่สูดหายใจลึกอย่างทำใจก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน
จินตวัฒน์เริ่มพูด “คือ...นั่งก่อนสิดาวเรือง”
จินตวัฒน์นั่ง ดาวเรืองนั่งตามอย่างงงๆ สุดาวดีถือใบมะกรูดมาจากหลังบ้าน พฤกษ์เดินตามสุดาวดีเข้ามา
“ฉันรู้ว่าเธอกับนายวรรณรู้จักและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วเธอสองคนก็สนิทสนมจนรู้ใจกันดี นายวรรณเขาก็เลยขอให้ฉัน...”
ทุกคนตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าจินตวัฒน์จะพูดอะไรด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน บานชื่น จันทรา พฤกษ์ สุดาวดี และเพี้ยนงง ส่วนสถวรรณและลูกน้องลุ้นอย่างมีความสุข เสมอใจใจคอไม่ดี ดาวเรืองรู้สึกสังหรณ์ใจ
จินตวัฒน์พูดอย่างลำบากใจสุดๆ “มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอเธอ เธอจะว่ายังไง...ดาวเรือง”
ดาวเรืองตกใจจนหน้าซีด
ดาวเรืองมองจินตวัฒน์อย่างเสียใจ น้อยใจ และผิดหวัง แต่เธอก็รีบแสดงออกเหมือนไม่แคร์
“ในเมื่อปลัดอุตส่าห์สละเวลามาขอด้วยตัวเอง ทำไมฉันจะไม่ตกลงล่ะ” ดาวเรืองบอก
สุวรรณ แหลม และกรอดกรี๊ด ทั้งสามไชโยโห่ฮิ้วและเต้นระบำเป็นการใหญ่ บานชื่น พฤกษ์ และเพี้ยนเหวอ
ดาวเรืองพูดต่อ “แต่มีข้อแม้ 3 ข้อ”
“10 ข้อ 100 ข้อ ข้าก็ให้ได้” สุวรรณรีบบอก
เสมอใจทนไม่ไหว “เดี๋ยวนะ! บางคนอาจจะคิดว่านี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน แต่ฉันว่าฉันมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เต็มๆ ฉันขอถามคุณปลัดตรงๆ ...ถ้าไอ้เรืองแต่งงานกับไอ้วรรณจริงๆ คุณปลัดจะมีความสุขมั้ย”
“ถามอะไรโง่ๆ ห๊า...นังเหมอ ถ้าปลัดไม่มีความสุข จะมาเป็นเถ้าแก่ขอไอ้เรืองให้ข้าทำไม” สุวรรณว่า
“ถามใจตัวเองดีๆ นะ ทั้งคุณปลัด พี่พฤกษ์ คุณโรส โดยเฉพาะเอ็ง...ไอ้เรือง...ถ้าไอ้วรรณแต่งงานกับเอ็ง คุณปลัดแต่งงานกับคุณโรส ทุกคนจะมีความสุข...แน่นะ” เสมอใจย้ำ
สุวรรณงง “อะไรของเอ็งวะ!!! คนเขากำลังจับคู่แต่งงานมีความสุขกัน เอ็งมาแส่ทำไมห๊า...นังเหมอ..นังคนไม่รู้จักความรัก”
เสมอใจสวนกลับ “ทำไมข้าจะไม่รู้จัก ข้าก็เหมือนเอ็งนั่นแหละ...ข้ารู้ใจตัวเองมาตั้งนานแล้วว่ารักใคร และข้าก็ไม่อายที่จะบอกใครด้วย คนอย่างข้ากล้ารักกล้าเสียใจเว้ย”
เสมอใจกวาดตามองทุกคนในที่นั้น โดยเฉพาะจินตวัฒน์ ดาวเรือง พฤกษ์ และสุดาวดี
เสมอใจพูดต่อ “ก่อนจะตัดสินใจอะไร ฉันก็แค่อยากถามทุกคนว่า ในเมื่อรักแล้วกล้าที่จะพูดในสิ่งที่หัวใจตัวเองรู้สึกกันรึเปล่า”
จินตวัฒน์ ดาวเรือง พฤกษ์ และสุดาวดีอึ้งเมื่อถูกเสมอใจตั้งคำถามที่จี้ใจดำ
จินตวัฒน์ประคองจันทราเข้ามา สุดาวดีเดินตามมา สีหน้าจินตวัฒน์และสุดาวดีเหมือนมีเรื่องให้คิดหนัก
“ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่ เย็นนี้ผมจะมารับไปกินอะไรอร่อยๆ ในจังหวัด” จินตวัฒน์พูดกับสุดาวดี “ฝากคุณแม่ด้วยนะ”
สุดาวดีรับคำ “ค่ะ”
จินตวัฒน์เดินออกไป จันทรานั่งที่โซฟารับแขก เธอมองตามลูกชาย สุดาวดีเดินไปที่ตู้เย็น จันทรามองตามสุดาวดีอีกคนเพราะรู้ว่าทั้งคู่ต่างมีเรื่องซ่อนอยู่ในใจ
สุดาวดีเทน้ำส้มมาให้จันทรา “น้ำส้มค่ะคุณแม่”
“ขอบใจจ้ะ”
สุดาวดีนั่ง คำถามทิ้งท้ายของเสมอใจวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ อนาคตของเธอกับจินตวัฒน์จะเป็นอย่างไร
จันทราวางแก้วลงแล้วมองสุดาวดีอย่างพิจารณา “มีอะไรรึเปล่าหนูโรส”
สุดาวดีตัดสินใจพูด “คุณแม่จะให้อภัยในความผิดพลาดที่ผ่านมาของโรสได้มั้ยคะ”
จันทรางง “ความผิดพลาด...เรื่องอะไรจ๊ะ”
“เรื่องคลิปที่เป็นข่าวอยู่น่ะค่ะ”
“หนูโรสเคยบอกแม่แล้วนี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
สุดาวดีอึ้งไป “แต่...ข่าวมันครึกโครมจนโรสอดคิดไม่ได้ว่า...คุณแม่อาจจะเชื่ออย่างที่เขาประโคมข่าวกัน”
“แม่เชื่อโรสจ้ะ และก็อยากให้โรสเชื่อใจตัวเองด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นจะจริงหรือไม่จริง ไม่สำคัญเท่ากับหนูเต็มใจให้มันเกิดขึ้นมั้ย ถ้าไม่เต็มใจ ก็ต้องลองถามตัวเองต่อว่าถ้าย้อนเหตุการณ์กลับไปได้ หนูอยากจะแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นรึเปล่า”
สุดาวดีตอบดังๆ ในใจในทันทีว่า “ไม่ เพราะเธอต้องการให้เรื่องระหว่างเธอกับพฤกษ์เป็นแบบนี้”
“คุณแม่คะ” สุดาวดีพูดไม่ออก “คือ...โรส...”
“ไม่ต้องตอบแม่หรอก ตอบใจตัวเองก็พอแล้ว”
สุดาวดีนิ่งฟังแล้วก็อึ้ง
“ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะลูก มันไม่มีกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น บางคนสบตากันแค่ครั้งเดียวก็แต่งงานกันได้ ในขณะที่บางคนดูใจกันเป็นสิบปีก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
สุดาวดีนิ่งฟังแล้วคิดตาม
“หนูกับจิ๋นอาจจะไม่ได้คบกันนานมากก็จริง แต่แม่คิดว่ามันก็นานพอที่หนูจะถามใจตัวเองดูได้ว่า...จริงๆ แล้วหนูรู้สึกยังไงกับจิ๋นกันแน่” จันทราบอก
สุดาวดีมองหน้าจันทราแล้วใจหายวาบเพราะดูเหมือนจันทราจะรู้ใจเธอดียิ่งกว่าตัวเธอเองเสียอีก
ดาวเรืองเก็บถ้วยชามในงานเลี้ยงรับเทิ้มใส่กะละมังเตรียมเอาไปล้าง บานชื่นเดินเข้ามายืนข้างลูก ด้วยท่าทางกลุ้มใจและหนักใจกว่าลูกพันเท่า
“ตัดสินใจให้ดีนะไอ้เรือง เรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ”
“แม่เคยพูดไม่ใช่เหรอว่าไอ้วรรณมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” ดาวเรืองบอก
“ใช่ มันเป็นคนดีคนหนึ่งด้วยซ้ำ มันอาจจะล้นไปบ้าง แต่อย่างหนึ่งที่แม่มั่นใจคือมันรักเอ็ง”
ดาวเรืองทำเป็นพูดเล่น “อ้าว งั้นจะต้องคิดอะไรอีกล่ะแม่ ในเมื่อมันรักฉัน ที่สำคัญมันเป็นลูกคนเดียว...เรารวยเละ”
“เงินน่ะสำคัญ แต่ไม่ที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ...เอ็งรักมันด้วยรึเปล่า ผู้หญิงที่ไหนก็อยากแต่งงานหนเดียวทั้งนั้น...เพราะฉะนั้นเอ็งต้องคิดให้ดี”
ดาวเรืองฝืนทำสดใส “ฉันตัดสินใจไปแล้วนี่แม่ สักวันฉันคงจะรักมันได้”
บานชื่นจ้องลูกสาวที่ยังทำปากแข็งปฏิเสธหัวใจตัวเอง พฤกษ์ยืนฟังแม่กับน้องคุยกันแล้วก็เป็นห่วงน้องสาวจับใจว่าจะแต่งงานกับสุวรรณไปได้ยังไง
ดาวเรืองจะยกกะละมังใส่จานชามหนักๆ ไปล้าง พฤกษ์ปราดเข้ามาแย่ง
“เดี๋ยวพี่ล้างเอง”
“อย่าเพิ่งยกของหนักเลยพี่พฤกษ์ เดี๋ยวฉัน...”
พฤกษ์ไม่ฟัง เขาจัดแจงยกกะละมังไปที่ก๊อกน้ำ ดาวเรืองหันมามองบานชื่นพอเห็นสายตาของแม่ที่มองมาอย่างเหนื่อยใจแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็เดินเลี่ยงออกมา
“ฉันเอาเป็ดไปเล่นน้ำนะแม่” ดาวเรืองบอก
ดาวเรืองเดินไปทางเล้าเป็ด
บานชื่นตะโกนตามหลัง “หนีอะไรก็หนีได้นะไอ้เรือง แต่หนีหัวใจตัวเองน่ะยากนะเว้ย!” บานชื่นเปรยด้วยความสงสารลูก “สุดท้ายคนที่จะไม่มีความสุขก็คือตัวเอ็งเองนั่นแหละ”
พฤกษ์เริ่มสงสัยน้องสาวมากขึ้นทุกทีว่าดาวเรืองจะหนีหัวใจตัวเองทำไม
จินตวัฒน์ยื่นซองเอกสารหนาปึ้กให้สันติสุข
“หลักฐานทั้งหมดที่กำนันเทิ้มรวบรวมไว้ครับ”
สันติสุขเปิดซองแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในขึ้นมาดูมีทั้งรูปถ่ายการลักลอบตัดไม้หลายๆ จุด ต่างกรรมต่างวาระที่กำพลอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ภาพการขนแรงงานเถื่อนที่เห็นทั้งศักดิ์และชาติ ภาพการบรรจุยาบ้าใส่ฟักทองในแคมป์ของกำพล ภาพจากกล้องของเทิ้มวันที่ถูกไล่ยิง และแผ่นดีวีดี 1 แผ่น จ่าแม่นที่อยู่ในห้องชะเง้อมอง
จินตวัฒน์อธิบาย “ในแผ่นดีวีดีเป็นไฟล์ภาพและคลิปเสียงที่เสี่ยกำพลสั่งงานลูกน้องหลายต่อหลายครั้งที่กำนันแอบอัดมาได้ รวมถึงคลิปเสียงเสี่ยกำพลวันที่กำนันถูกยิงด้วยครับ”
“รูปกับคลิปวันที่กำนันถูกยิงเหรอ เอาหลักฐานพวกนี้มาได้ยังไง ในเมื่อกำนันถูกยิงตกน้ำ”
“กำนันแอบยัดกล้องกับโทรศัพท์มือถือไว้ในโพรงไม้ครับ ดาวเรืองตามไปหาจนเจอแล้วเอามาให้ผมไรท์ลงแผ่น”
“ต้องขอบใจไอ้เรืองอีกแล้วสินะ” สันติสุขเอาหลักฐานเก็บใส่ซอง “หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ เสี่ยกำพลดิ้นไม่หลุดแน่” สันติสุขยื่นซองให้จ่าแม่น
จ่าแม่นรับมา “อีกไม่กี่วันศาลก็จะตัดสินคดีแล้ว หวังว่าจะไม่มีอะไรพลิกล็อคนะครับ”
สันติสุขพยักหน้าแล้วยิ้มแต่แอบสังเกตเห็นจินตวัฒน์มีสีหน้าไม่สบายใจ
“ไม่สบายใจอะไรเหรอ..ปลัด ถ้าเป็นเรื่องเสี่ยกำพล...มันไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ”
จ่าแม่นที่กำลังจะออกไปวกกลับมาแซว
“คงไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ แม่กับแฟนมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตายังงี้ คุณปลัดน่าจะกำลังคิดว่าจะจัดงานแต่งที่นี่เลยดีมั้ยมากกว่า”
สันติสุขเออออ “ถ้าปลัดจะแต่งที่นี่ ผมกับนายอำเภอจะร่วมกันเป็นเจ้าภาพให้เอง เจ้าบ่าวเป็นปลัดคนดัง เจ้าสาวเป็นดาราที่คนรู้จักทั้งประเทศ รับรองว่าแขกมืดฟ้ามัวดินแน่ๆ”
สันติสุขและจ่าแม่นหัวเราะกันอย่างมีความสุข จินตวัฒน์ฝืนยิ้มให้ทั้งคู่ แต่ในใจไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรด้วยเลย
เป็ดของดาวเรืองกำลังว่ายน้ำในคลองอย่างมีความสุข เป็ดจี๊ดจ๊าดที่ว่ายน้ำอยู่ในคลองหันมาเห็นเจ้านายก็ตัดสินใจเลิกว่ายแล้วเดินเตาะแตะกลับมานั่งคอตกเป็นเพื่อนดาวเรืองอยู่ริมตลิ่ง
จินตวัฒน์ขับรถมาบนถนนเลียบคลองมุ่งหน้าไปหาดาวเรืองที่บ้านอีกครั้งด้วยสีหน้าที่บ่งว่ากลัดกลุ้ม เขาเหลือบเห็นดาวเรืองนั่งอยู่ริมคลองเลยรีบหักรถจอดเข้าข้างทางด้วยความดีใจ ในขณะที่พฤกษ์ขี่มอเตอร์ไซค์สวนมาจากอีกทาง
พฤกษ์เห็นจินตวัฒน์เดินมาหาดาวเรืองก็ยิ่งเอะใจ เขารีบจอดรถแล้วเดินมาแอบดูอยู่ไม่ไกล จินตวัฒน์เดินมาใกล้ดาวเรืองในใจของเจาคิดว่าเอาวะ! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เคลียร์ ดาวเรืองได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันไปมอง พอเห็นเป็นจินตวัฒน์เธอก็รีบลุกขึ้นจะเดินหนี
จินตวัฒน์เรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน..ดาวเรือง”
“จะมาทำไมอีก”
จินตวัฒน์อยากจะขอร้องให้ดาวเรืองปฏิเสธสุวรรณ แต่ก็พูดไม่ออก
“คือ... ฉันจะมาถามย้ำอีกครั้งว่าที่เธอรับปากนายวรรณน่ะ เธอจะทำตามนั้นจริงๆ เหรอ”
ดาวเรืองน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจเพราะจะห้ามกันสักคำก็ไม่มี
ดาวเรืองพูดออกมา “คนอย่างไอ้เรือง..พูดคำไหนคำนั้น”
จินตวัฒน์ห่อเหี่ยว “เธอ...ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”
ทั้งสองจ้องตากัน ดาวเรืองอยากจะบอกเหลือเกินว่าเธออยากเปลี่ยนใจจะแย่แล้ว แต่ทิฐิและความถูกต้องมีอำนาจเหนือกว่า
ดาวเรืองพูดหนักแน่น “ฉันจะแต่งงานกับไอ้วรรณ”
จินตวัฒน์สลดและพูดอะไรไม่ออก ดาวเรืองสูดหายใจฮึดสู้โดยพยายามเข้มแข็งและรวบรวมคำพูดแต่เสียงสั่นเครือ
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเสียหน้า ที่อุตส่าห์มาเป็นเถ้าแก่ให้ไอ้วรรณแน่นอน ขอบคุณ..สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำให้ฉัน ขอบคุณที่สอนให้ฉันเป็นคนดี ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้ง” ดาวเรืองจะร้องไห้แต่กลั้นไว้ “จากนี้ไปเราต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง นายสร้างครอบครัวของนาย ฉันดูแลครอบครัวของฉัน เราคงไม่ได้ทำงานด้วยกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเจอกันอีก”
จินตวัฒน์ใจสลายและหน้าหดเหลือสองนิ้ว
ดาวเรืองกลัวน้ำตาที่เอ่อออกมาจะไหลอาบแก้มจึงเดินผละออกมา
จินตวัฒน์คว้ามือดาวเรืองด้วยความโหยหาอาวรณ์ “ดาวเรือง”
ดาวเรืองน้ำตาหยดแหมะ เธอสะบัดมือจินตวัฒน์ออกโดยไม่ยอมให้ชายหนุ่มเห็นน้ำตาตัวเอง แต่คนที่เห็นน้ำตาของเธอเต็มๆ คือพฤกษ์
ดาวเรืองเอ่ยไล่ “ไปซะ!”
จินตวัฒน์ไม่ยอมไป เขาเว้าวอน “ดาวเรือง!”
ดาวเรืองพูดเสียงเข้ม “กลับไปหาคุณโรส!! ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
ดาวเรืองเดินหนีออกมา จินตวัฒน์ยืนคอตกอยู่สักครู่ก่อนจะยอมเดินไปที่รถและขับออกไป พฤกษ์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ปะติดปะต่อเรื่องราวจนทะลุปรุโปร่ง
ดาวเรืองหันไปมองรถจินตวัฒน์ที่เคลื่อนออกไป แล้วน้ำใสๆ ก็ไหลรินออกมาอีก ดาวเรืองรู้สึกเจ็บที่หัวใจ พฤกษ์เดินเข้ามาด้วยความสงสารน้องจับใจ
“รับปากจะแต่งงานกับคนหนึ่ง แต่หัวใจไปอยู่กับใครอีกคน...มันได้เหรอ” พฤกษ์ว่า
ดาวเรืองรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันมามองหน้าพฤกษ์อย่างอึ้งๆ ที่พี่ชายรู้เรื่องและเห็นเข้าไปถึงหัวใจของเธอ
พฤกษ์พูดต่อ “พี่ว่าปลัดเขาคงเสียใจไม่น้อยไปกว่าเรืองนะ ที่ต้องมาขอเรืองให้วรรณแบบนั้น”
“จะเสียใจหรือไม่เสียใจไม่สำคัญเท่ากับ คนที่พี่พฤกษ์พูดถึงเขามีคู่หมั้นแล้ว เราคิดอะไรต่อจากนั้นได้เหรอ ไอ้วรรณมันก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร สักวันฉันคงจะรักมันได้”
“วรรณมันไม่ได้มาสารภาพรักกับเรืองวันนี้วันแรกซะเมื่อไหร่ ถ้าเรืองพอจะมีใจให้มัน เรืองคงรักมันไปนานแล้ว”
“พี่พฤกษ์...”
“ถึงการแต่งงานกับความรักจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่ถ้าเราได้แต่งงานกับคนที่เรารัก มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” พฤกษ์แตะบ่าดาวเรือง “พี่อยากให้เรืองแน่ใจว่าได้เลือกคนที่ตัวเองรักและใช่ที่สุดเท่านั้น”
ดาวเรืองกัดฟันเผชิญความจริง “ความรักไม่สำคัญเท่าความถูกต้อง ฉันยอมเจ็บคนเดียวดีกว่าต้องไปทำให้ใครเจ็บ”
คำตอบของดาวเรืองทำให้พฤกษ์นึกไปถึง “ใครที่เจ็บ” คนนั้นทันที
สุดาวดีวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะให้จันทราซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง
“ผลไม้ค่ะคุณแม่ กินรองท้องก่อนนะคะ”
“ขอบใจจ้ะลูก”
พฤกษ์ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้าน สุดาวดีกับจันทรามองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่าพฤกษ์มาทำไม พฤกษ์รีบเดินขึ้นบันไดมา
“คุณจันทราครับ ผมขออนุญาตคุยกับคุณโรสสักครู่นะครับ”
จันทรากับสุดาวดีหันมาสบตากัน
สุดาวดีเดินมาตามทางริมแม่น้ำ พฤกษ์เดินตามมา
“นายมีอะไรก็ว่ามา”
“คุณรักปลัดรึเปล่า”
สุดาวดีเหวอที่พฤกษ์ถามคำถามนี้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
พฤกษ์พูดต่อ “ถ้าคุณไม่ได้รักเขาก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
สุดาวดีอึ้งแล้วย้อนกลับแบบกวนๆ “ปล่อยเขาแล้วฉันได้อะไร”
“ย้อนอย่างนี้ได้ แสดงว่าคุณไม่ได้รักปลัด”
เหมือนถูกจี้ใจดำ สุดาวดีชักสีหน้าแล้วจะเดินหนี แต่พฤกษ์ไวกว่าจึงคว้าข้อมือเธอไว้ได้ทัน
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย”
สุดาวดียัวะ “ทำไมฉันต้องเสียสละ”
“เพราะสิ่งที่คุณจะได้คืออิสระไง อิสระที่จะไม่ต้องมัดตัวเองไว้กับสัญญาอะไร ที่คุณเคยให้ไว้กับคนที่คุณรู้แล้วว่า คุณไม่ได้รักเขา”
สุดาวดีอึ้งแล้วคิด เธอสบตาพฤกษ์เพื่อค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
พฤกษ์เผยความนัยทางสายตา “อิสระที่จะรักใครก็ได้ที่คุณรัก...คุณโรส”
สุดาวดีจ้องพฤกษ์กลับ “แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่ฉันรัก...เขาจะรักฉันรึเปล่า”
พฤกษ์ถึงกับน็อคและเป็นฝ่ายหน้าแดงแปร๊ดเสียเอง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเรือง ตอนที่ 13 (ต่อ)
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ตำรวจศาลควบคุมตัวกำพลที่โดนล็อกกุญแจมือออกมาจากห้องควบคุม
จินตวัฒน์ ดาวเรือง เทิ้ม สันติสุข และจ่าแม่นเดินมาหยุดประจันหน้ากับกำพล
“เสี่ยชอบกินข้าวมันไก่หรือผัดซีอิ๊วล่ะ ว่างๆ ฉันจะหิ้วไปฝาก” ดาวเรืองแขวะ
กำพลกัดฟันกรอด “ศาลสั่งปล่อยตัวกูเมื่อไหร่ พวกมึงตาย”
จินตวัฒน์ปราม “ระวังจะโดนข้อหาข่มขู่อีกกระทงนะครับเสี่ย”
“ความยุติธรรมไม่มีจริง มีแต่เงินเท่านั้นที่มีจริง พวกมึงคอยดูก็แล้วกัน”
ตำรวจศาลคุมตัวกำพลเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี บุรินทร์เดินตาม จินตวัฒน์กับดาวเรืองมองหน้ากัน เทิ้ม สันติสุข จ่าแม่นชักไม่แน่ใจว่าความยุติธรรมมีจริงหรือไม่
จินตวัฒน์ ดาวเรือง เทิ้ม สันติสุข จ่าแม่นนั่งอยู่แถวหน้ารอฟังคำตัดสินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีอย่างเนืองแน่น บุรินทร์ อัยการ และเจ้าหน้าที่ศาลต่างประจำอยู่ในตำแหน่งของตน
ผู้พิพากษากล่าว “......ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๓ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง วรรคสาม อนุมาตรา ๒ มาตรา ๖๕ วรรคสอง มาตรา ๖๖ วรรคสาม และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ อนุมาตรา ๒ มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๔ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ริบไม้แปรรูปและเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) ของกลาง”
สีหน้าของกำพลเริ่มเครียดมากขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นเครียดจัดและแค้นใจสุดๆ เมื่อผลการตัดสินพลิกความคาดหมาย
จินตวัฒน์และดาวเรืองลืมความขุ่นมัวที่อยู่ในใจชั่วคราว ทั้งคู่จับมือแสดงความยินดีกับเทิ้มแน่น เพราะดีใจที่ความยุติธรรมในประเทศไทยมีอยู่จริง เช่นเดียวกับสันติสุขและจ่าแม่น
ผู้พิพากษาพูดต่อ “ทั้งหมดยืนขึ้นฟังรายงานกระบวนพิจารณา” ทุกคนยืนขึ้น “นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ พนักงานอัยการโจทก์ จำเลย และทนายจำเลยมาศาลได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังแล้วออกหมายตามผลคำพิพากษา”
ผู้พิพากษาเดินลงบัลลังก์ ทุกคนคำนับเพื่อทำความเคารพศาล
จินตวัฒน์ ดาวเรือง เทิ้ม สันติสุข และจ่าแม่นหันมายิ้มให้กันก่อนจะมองไปที่กำพล
ตำรวจศาลบอกกับกำพล “เชิญครับเสี่ย เราต้องย้ายเสี่ยไปที่เรือนจำ”
กำพลเครียดแค้นจัด “ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อย”
กำพลหันไปมองบุรินทร์แล้วส่งสัญญาณอะไรบางอย่างทางสายตาให้ บุรินทร์พยักหน้าแล้วรีบเดินไป
กำพลเดินเข้ามากับตำรวจผู้คุมทั้ง 2 นาย บุรินทร์เดินมาดักหน้าห้องน้ำ
“ผมยืนรอตรงนี้นะครับเสี่ย” บุรินทร์ขยิบตาให้กำพล “เรียบร้อยครับ”
ตำรวจผู้คุมบอกกำพล “เชิญครับ”
กำพลเปิดประตูเข้าไป ตำรวจกับบุรินทร์เฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ
กำพลกวาดตามองทุกซอกทุกมุมในห้องน้ำ เขารื้อม้วนทิชชู่ ยกฝาชักโครก ยกที่รองน้ำขึ้นดู สุดท้ายก็เหลือบเห็นถังขยะ กำพลเอา 2 มือที่โดนล็อกกุญแจตะกุยขยะในถังแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ใส่ถุงพลาสติกไว้ออกมา กำพลแกะถุงและกดหมายเลขในโทรศัพท์โทรออก
กำพลยัวะแต่พยายามกดเสียงต่ำไม่ให้คนข้างนอกได้ยิน “ศาลตัดสินประหารชีวิตผม ผมโอนเงินให้ท่านเอายัดปากพวกมันแล้ว ทำไมผลถึงออกมาเป็นแบบนี้ ผมจะไม่ยอมติดตะรางที่นี่ ผมจะยื่นอุทธรณ์แล้วขอย้ายเข้ากรุงเทพฯ ท่านต้องช่วยผมนะ ไม่อย่างนั้น ผมจะรับสารภาพทุกข้อหาแล้วแฉว่าท่านเป็นคนบงการทุกอย่าง อยากจะรอด หรือกอดคอกันตายทั้งคู่ เลือกเอา”
กำพลกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงชักโครกก่อนจะกดน้ำตาม
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับกู”
กำพลหัวเราะฮึ...ฮึอย่างกร่างและมั่นใจในอำนาจมืดของตัวเอง
จินตวัฒน์ ดาวเรือง เทิ้ม สันติสุข และจ่าแม่นยืนรออยู่ที่หน้าศาลพร้อมนักข่าวและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีกลุ่มเดิมที่บางส่วนยืนรออยู่ บางส่วนกำลังทยอยกลับ ตำรวจ 2 นายคุมตัวกำพลที่ใส่กุญแจมือเดินไปที่รถเรือนจำซึ่งจอดรออยู่หน้าศาล
กำพลเดินผ่านจินตวัฒน์กับดาวเรืองก็แสยะยิ้มใส่
“กูจะยอมติดคุกสักวัน 2 วัน แล้วพวกมึงอย่าผวาล่ะ ถ้าเห็นกูออกมาเดินนอกคุกอย่างผู้บริสุทธิ์ ถึงเวลานั้น กูจะทำให้พวกมึงจำชื่อเสี่ยกำพลไปตลอดชีวิต”
มือปืนชุดดำที่ยืนซุ่มหลังต้นไม้ใหญ่และมือปืนชุดดำอีกคนที่อยู่บนตึกใกล้เคียงโผล่ออกมาจากที่ซ่อนแล้วประทับปืนสไนเปอร์ มือปืนชุดดำคนที่สามนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาพร้อมปืนสั้นที่อยู่ในมือ
เสียงปืนจากมือปืนคนที่สามดังขึ้น 1 นัด ทุกคนตกใจ
จินตวัฒน์ร้องบอก “ดาวเรืองระวัง”
จินตวัฒน์กระโจนไปกอดดาวเรืองให้ล้มลงแล้วเอาร่างตัวเองบังเธอไว้ เทิ้ม ผู้กำกับ จ่าแม่น ชาวบ้าน และนักข่าวพากันก้มหลบกระสุน กระสุนเป็นสิบๆ นัดพุ่งเข้าใส่กำพลจากทุกสารทิศ เลือดพุ่งกระฉูด เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวผสานกับเสียงกรีดร้องของผู้คน
ร่างของกำพลที่ถูกยิงพรุนไปทั้งตัวล้มลงนอนจมกองเลือดตายคาที่ มือปืนทั้ง 3 คนสลายตัวในทันที ดาวเรืองที่อยู่ในอ้อมกอดจินตวัฒน์มองภาพกำพลด้วยความสยดสยอง
ตำรวจ 2 นายที่คุมตัวกำพลถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บคนนึง ส่วนอีกคนรีบยกวิทยุขึ้นรายงานอย่างอลหม่านวุ่นวาย เมื่อเสียงปืนสงบ พวกชาวบ้านก็พากันวิ่งกระเจิงกลับบ้าน นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูป จินตวัฒน์ประคองดาวเรืองให้ลุกขึ้นโดยยังโอบร่างของเธอไว้ สันติสุขเดินเข้ามาหาจินตวัฒน์กับดาวเรือง
“ไม่เป็นอะไรนะ”
จินตวัฒน์กับดาวเรืองส่ายหน้า พอสติกลับคืนมาทั้งคู่ก็ขยับออกจากกันทันที คนที่เหลือรุมล้อมดูสภาพศพอันน่าอนาถของกำพล
จันทราทราบเรื่องก็ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ
“โดนฆ่าปิดปากเหรอลูก”
“ครับ ถูกมือปืนซุ่มยิงระหว่างส่งตัวไปเรือนจำครับ”
สุดาวดียื่นแก้วน้ำให้ จินตวัฒน์รับมาดื่ม
จันทราถอนใจ “เวรกรรม”
“คนที่เก็บเสี่ยกำพลคือผู้มีอิทธิพลตัวจริง ที่เรายังควานไปไม่ถึงว่ามันเป็นใคร” จินตวัฒน์ถอนใจเฮือกเพราะเหนื่อยใจ “สรุปก็คือบ้านเรามีคนที่ทำชั่ว ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย และเลวร้ายยิ่งกว่าเสี่ยกำพลลอยนวลอยู่ในสังคมอีกเยอะ”
“แต่แม่เชื่อนะว่าไม่มีคนชั่วคนไหนที่จะหนีกรรมเวรที่ตัวเองก่อพ้นหรอก สักวันคนบงการจะต้องได้รับผลกรรมที่หนักยิ่งกว่าเสี่ยกำพล”
“ผมก็หวังอย่างนั้น แล้วก็หวังที่จะเห็นกฎหมายบ้านเรามีความศักดิ์สิทธิ์ และถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เห็นแก่เงิน ทุกอย่างต้องดีกว่านี้”
จันทราเห็นใจลูกชาย “จิ๋นกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำ พักผ่อนก่อนเถอะลูก”
“ครับ” จินตวัฒน์ทำท่าจะลุกขึ้น
“โรสรู้ว่าจิ๋นเหนื่อยมาก แต่...โรสขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้มั้ย”
“ถ้างั้นก็ตามสบายนะจ๊ะ” จันทราทำท่าจะลุก
สุดาวดีแตะแขนจันทราเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ โรสอยากให้คุณแม่อยู่ด้วย เราจะได้ทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันค่ะ”
จินตวัฒน์กับจันทราสบตากันว่าเรื่องอะไร
หลวงตาคงนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ฝั่งขวามือมี ผัน เวียง บุญปลีก บุญปลอดที่ใส่เสื้อผ้าแบบจัดเต็ม ทองหยองเต็มตัว และสุวรรณในชุดอินเทรนด์สุดๆ นั่งอยู่ท้ายแถว แหลมกับกรอดนั่งถัดไป ส่วนฝั่งซ้ายมีบานชื่นและพฤกษ์เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง
ผันพูดกับบานชื่น “ที่มานี่...ก็เพื่อมาขอน้องบานไปเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
ทุกคนตกใจ “เฮ้ย!!”
ผันแก้คำ “เอ๊ยย...มาขอลูกสาวน้องบานไปเป็นทองแผ่นเดียวกันอย่างเป็นทางการ”
บานชื่นหันไปมองดาวเรืองที่ยืนพิงเสาเต๊ะท่าเป็นนักเลง ใกล้โต๊ะที่เสมอใจและไสวนั่งอยู่
ผันพูดต่อ “ไอ้วรรณมันบอกว่าปลัดได้เจรจาทาบทามไอ้...เอ๊ย หนูเรืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหนูเรืองก็ตกปากรับคำที่จะแต่งงานกับไอ้วรรณเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน”
หลวงตาคงยิ้มกริ่ม “คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอกเว้ย”
สุวรรณ แหลม และกรอดขานรับ “ฮิ้วว”
เสมอใจร้องไห้โฮ ไสวกอดเพื่อปลอบประโลม
“เบาๆ นังเหมอ เก็บน้ำตาไว้ร้องวันแต่ง” ไสวปลอบ เสมอใจร้องหนักกว่าเดิม
เวียงไม่สนเสมอใจ “เรื่องสินสอดทองหมั้นแล้วแต่แม่บานเลยนะ อยากได้ขันหมากกี่ขันจะจัดให้ จะเชิญคนมาทั้งจังหวัดก็ยังได้ งานนี้ฉันทุ่มไม่อั้น”
“ชุดบ่าวสาวจะสั่งตัดที่นี่หรือไปซื้อที่ประตูน้ำยิ่งดี จะได้สมกับฐานะชาติตระกูลทั้งสองฝ่าย”
“เรื่องปูที่นอนหมอนมุ้งในห้องหอ จะเชิญผัวเมียดีเด่นประจำจังหวัดมาปูให้ หนูวรรณกับหนูเรืองจะได้ครองคู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”
เสมอใจร้องไห้โฮดังกว่าเดิม
บานชื่นไม่แน่ใจ “ว่ายังไงไอ้เรือง”
ดาวเรืองมองเสมอใจด้วยความเวทนา
พฤกษ์ยื่นโอกาสให้น้องสาว “อยากขอเวลาตัดสินใจอีกนิดรึเปล่า”
ดาวเรืองเงียบไปสามวินาที “ไม่!”
สุวรรณกรี๊ดสนั่น เสมอใจโฮลั่น
“เอ็งไม่ได้รักไอ้วรรณนะไอ้เรือง เอ็งไม่ได้รักมัน!” เสมอใจบอก
สุวรรณโมโห “นังเหมอ”
ผันพูดกับดาวเรือง “ถ้าเอ็งไม่ขัดข้อง ข้าจะให้หลวงตาดูฤกษ์แต่งให้ตอนนี้เลย”
ทุกคนลุ้นสุดๆ
ดาวเรืองพูดหน้าเฉย “ได้!”
สุวรรณเฮลั่นราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 เสมอใจกรีดร้องงอแงเหมือนเด็ก
แหลมกับกรอดขานรับ “ฮิ้วว”
ดาวเรืองพูดต่อ “แต่ข้ามีข้อแม้ 3 ข้อ เอ็งคงไม่ลืมนะ”
“ไม่ลืม แต่จะบอกว่า...เป็น 100 ข้อ ไอ้วรรณก็ให้ได้”
“เอาแค่ 3 ข้อ ถ้าทำได้ครบ ข้าจะแต่งงานกับเอ็ง”
“เอ่ยวจีมา”
“ทุกคนเป็นพยานด้วยก็แล้วกัน ข้อ 1.....เอ็งต้องแต่งงานกับพี่เหมอ...หรือนางสาวเสมอใจก่อน”
ทุกคนตกใจ “ห๊า!!”
เสมอใจเงยหน้าขวับเพราะทั้งอึ้งทั้งตกใจ แต่ก็แอบดีใจ
สุวรรณงง “อะไรวะ!!!! ให้ข้าแต่งงานกับนังเหมอเนี่ยนะ”
“แต่งได้ก็เลิกได้พี่” แหลมบอก
“เออ...จริงว่ะ...ก็ได้โว้ย แต่งปุ๊บ เลิกปั๊บ” สุวรรณบอก
เสมอใจแบะปากแล้วร้องไห้ต่อ
ดาวเรืองพูดต่อ “ข้อ 2 เอ็งต้องจดทะเบียนสมรสกับนางสาวเสมอใจ”
ทุกคนตกใจ “เฮ้ยย”
เสมอใจหน้าเหวอ ก่อนจะดีใจสุดๆ
“จดได้ก็หย่าได้พี่ จะกลัวอะไร” กรอดบอก
“เออเว้ย... ด๊ายยย ข้าจะบรรจงเซ็นให้สวย เซ็นปุ๊บ หย่าปั๊บ ฮ่าๆ” สุวรรณหัวเราะ
เสมอใจร้องไห้โฮ
“ข้อสุดท้าย ...สำคัญสุด...เอ็งต้องอยู่กินฉันผัวเมียกับพี่เหมอเป็นเวลา 3 ปี” ดาวเรืองบอก
ทุกคตกใจ “3 ปี!”
เสมอใจหยุดร้องไห้แล้วอึ้ง
“ไม่ใช่แค่นั้น ในแต่ละปีเอ็งต้องมีลูกกับนางเสมอใจ ขยันสอยปีละคน ปีแรกผู้หญิง ปีที่สองผู้หญิง ส่วนปีที่สาม..”
แหลมกับกรอดตอบแทน “ผู้ชาย”
ดาวเรืองพูดต่อ “ผู้หญิง!!! และต้องเป็นฝาแฝดด้วย ถ้าเอ็งทำได้ตามนี้ ข้าจะแต่งงานกับเอ็ง”
เสมอใจกรี๊ดด้วยความดีใจสุดๆ สุวรรณร้องไห้โฮแล้วตีอกชกตัว
“เอ็งทำอย่างงี้กับข้าทำไม ฆ่าข้าให้ตายซะยังจะดีกว่า ทำไมเอ็งไม่บอกซะตั้งแต่วันที่ปลัดมาขอ ว่าเอ็งไม่เอาข้า ทำไม ไอ้เรือง!”
เสมอใจกระโดดกอดแล้วหอมแก้มดาวเรือง “ขอบใจนะเรือง” เสมอใจพูดกับสุวรรณ “อย่าเสียใจไปเลยไอ้วรรณ คิดซะว่าเอ็งกับไอ้เรืองไม่ใช่เนื้อคู่กัน”
“มึงไม่ต้องมายุ่งกับกู...ฮือๆ” สุวรรณพาลใส่หลวงตาคง “ไหนหลวงตาบอกว่าคู่แล้วไม่แคล้วกันไง”
“ข้าพูดรึยังว่าคู่เอ็งกะไอ้เรือง”
บานชื่นหน้าเสียเพราะเกรงใจผันและเวียงที่อึ้งไม่แพ้สุวรรณ
“อีก 3 ปี ค่อยมาอีกทีนะกำนัน...ป้าเวียง...หมดธุระแล้ว ไปกวาดขี้เป็ดก่อนนะ” พูดจบดาวเรืองก็เดินเข้าหลังบ้านไป
พฤกษ์แอบยิ้มเพราะนึกแล้วว่าดาวเรืองตัวจริงต้องลื่นยิ่งกว่าปลาไหล!!!!
ดาวเรืองนั่งตะโกนร้องเพลงสบายใจบนรถซาเล้งที่พฤกษ์เป็นคนขี่
“สบายใจจังนะ...ไม่ต้องหมั้นกับไอ้วรรณเนี่ย”
“แหงล่ะ หรือพี่พฤกษ์อยากได้มันเป็นน้องเขย”
พฤกษ์ขบแบบเอ็นดู “เจ้าเล่ห์”
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจมันหรอกนะ แต่มันทำตามข้อแม้ฉันไม่ได้เองนี่นา จบอย่างนี้ ถือว่ายุติธรรมกับทุกฝ่าย”
“ฝ่ายไหนบ้างล่ะ”
“ก็...ฉัน...ไอ้วรรณ...แล้วก็พี่เหมอไง”
“ลืมใครไปคนรึเปล่า...คนนั้นน่าจะเฮสุดนะ” พฤกษ์แซว “จะผ่านหน้าอำเภอล่ะ แวะไปบอกข่าวดีเขาหน่อยมั้ย”
ดาวเรืองโคตรเขินแต่แล้วก็โวยกลับ
“เขาไหนก็ไม่ไปทั้งนั้น...จะรีบไปซื้อผัก เดี๋ยวตลาดวาย!”
พฤกษ์หัวเราะขำดาวเรืองแล้วเหลือบเห็นกำจรกำลังจะข้ามถนนที่หน้าอำเภอ พฤกษ์จึงชะลอรถ
พฤกษ์เอ่ยถาม “ไปไหนน้าจร”
กำจรตอบ “กินข้าว”
พฤกษ์แกล้งดาวเรือง “แล้วปลัดล่ะ...แหม...น่าจะมาด้วยกัน เรืองมันมีเรื่องสำคัญจะบอกปลัดพอดี”
ดาวเรืองเขิน “พี่พฤกษ์!”
“จะบอกอะไรก็โทรไปแล้วกัน ปลัดกลับกรุงเทพฯ กับคุณแม่แล้วก็แม่คุณตั้งกะสายๆ แล้ว ลางานไปตั้งสิบวัน เห็นว่าจะกลับไปเตรียมงานแต่ง”
จากที่หน้าแดงดาวเรืองก็กลายเป็นหน้าดำเหมือนราหูเข้า พฤกษ์อึ้งแล้วเหล่ดาวเรืองเพราะแอบเห็นใจน้องสาวขึ้นมาทันที
จ่าแม่นนั่งยิ้มแฉ่งคนกาแฟโบราณในถ้วยไปด้วย มองหน้าบานชื่นที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่แถวนั้นไปด้วย เหมือนโลกนี้มีเราเพียง 2 คน
“แค่เห็นหน้าน้องบาน ไม่ต้องเติมน้ำตาล ก็หวานจ้ะ”
“อย่าหวานมากเลยว่ะ...หวานมากๆ แล้วจะอ้วก” บานชื่นว่า
พฤกษ์กับดาวเรืองช่วยกันหอบผักจากซาเล้งเข้ามาจัดวางที่แผงหน้าร้าน ส่วนเพี้ยนนั่งทำการบ้านอยู่อีกมุม
“เอาเวลาราชการมาเจ๊าะแจ๊ะแม่ค้า ระวังจะถูกร้องเรียนนะจ่า” ดาวเรืองว่า
“ข้ามาตรวจท้องที่เว้ย” จ่าแม่นบอก
บานชื่นเดินมาช่วยลูกๆ จัดผัก
บานชื่นพูดกับจ่าแม่น “แล้วไม่ชวนปลัดมาด้วยล่ะ ตั้งแต่เสี่ยกำพลโดนยิง ไม่เห็นแวะมานี่เลย หรืองานยุ่ง”
“ยุ่งกะงานล่ะสิไม่ว่า งานราษฎร์นะไม่ใช่งานหลวง ครอบครัวปลัดยกโขยงกลับกรุงเทพฯ กันหมดแล้ว”
เพี้ยนตะโกนลั่น “ห๊า...ทำไมรีบกลับนักล่ะ ฉันยังไม่ได้ถ่ายรูปคู่คุณโรสเลย ปลัดจะรีบพาแฟนกลับไปไหนเนี่ย”
“กลับไปเตรียมงานแต่งเขาสิวะ”
เพี้ยนตกใจ “เฮ้ย ปลัดกับคุณโรสจะแต่งงานกัน!!! โอ๊ยยย...ไอ้เพี้ยนอกหักอะ!”
“สูงยังไม่ถึงจั๊กกะแร้เขาเลย...ไอ้เพี้ยน” บานชื่นว่า
พฤกษ์แอบเศร้า “ปลัดกับคุณโรส เขาเหมาะสมกันดีนะครับ”
“ถูก บุญของปลัด ได้เมียส๊วยสวย ข้าล่ะลุ้นให้กลับมาแต่งกันที่นี่...ถ้ามาล่ะก็...งานนี้งานช้าง...แต่...อย่านะเว้ย...อย่าให้รู้นะเว้ยว่าใครแถวนี้แอบลักไก่ต้มเหล้าไปส่งในงาน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” จ่าแม่นว่า
พฤกษ์ลูบหัวน้องสาวที่ซึมอย่างรู้สึกเห็นใจและสงสาร ในขณะที่จ่าแม่นดูจะแฮปปี้ดี๊ด๊าที่ได้ข่มดาวเรือง
เช้าวันใหม่ หลวงตาคงเคาะกระดานชนวนในมือด้วยชอล์กแล้วตบเข่าฉาด
“พับผ่าสิวะ! นี่มันเนื้อคู่กระดูกคู่กันชัดๆ”
ดาวเรือง พฤกษ์ บานชื่น และเพี้ยนคลานเข่าเข้ามาพร้อมปิ่นโต 1 เถาและหม้อเล็กใส่กล้วยบวชชี
บานชื่นถามต่อ “คู่บุญหรือคู่กรรมล่ะหลวงตา”
หลวงตาคงตอบทันที “คู่บุญสิวะ”
“ดูให้ใครอ่ะหลงตา” เพี้ยนถาม
“ปลัดโว้ย ปลัดเอาดวงเขากับเจ้าสาวมาให้ข้าหาฤกษ์ให้...คนดีๆ อย่างปลัดมันต้องได้ผู้หญิงอย่างงี้แหละเว้ย ถึงจะเอาอยู่...ฮ่าๆ ๆ ... แต่งกันไปมีแต่จะรุ่ง ลูกหลานยั้วเยี้ย”
ดาวเรืองรู้สึกอกกลัดหนอง “ได้กินแกลบกันพอดี”
“เป็นพี่เรืองจะมีกี่คน” เพี้ยนถาม
“ถ้าซนเหมือนลิงแบบแม่ คนเดียวก็พอมั้ง” พฤกษ์บอก
“ฉันไม่มีวันมีลูกหรอก”
หลวงตาคงแซว “กลัวกรรมจะตามสนองล่ะสิ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า”
บานชื่น พฤกษ์ และเพี้ยนเหล่มองดาวเรืองด้วยความสงสาร
ดาวเรืองทำหน้าเซ็ง ไม่ใช่เพราะกลัวกรรมตามสนองแต่กลัวกรรรมจะไม่มีโอกาสตามสนองมากกว่า เพราะคนที่จะทำให้เธอมีลูกก็ต้องไปทำลูกให้คนอื่นแล้วนี่นา
ผันขับเข้ามาจอดหน้าร้านดาวเรือง แล้วผัน เวียง สุวรรณ แหลม และกรอดก็ลงจากรถ พฤกษ์กับดาวเรืองช่วยกันเช็ดโต๊ะในร้าน ส่วนบานชื่นจัดก๋วยเตี๋ยวในตู้
ดาวเรืองตะโกนถาม “ยังไม่ครบ 3 ปีเลยกำนัน จะรีบมาทำไม”
“ข้าไม่ได้มาขอเอ็ง ข้ามีธุระเว้ย” ผันบอก
“ข้าไม่มีธุระ แต่ข้าอยากเห็นหน้าเอ็ง มีไรปะ” สุวรรณบอก
แหลมกับกรอดขานรับ “ฮิ้ว”
ผันกับเวียงนั่งที่โต๊ะ สุวรรณ แหลม และกรอดนั่งอีกโต๊ะ
ผันพูด “คืองี้ ไอ้งานประกวดเทพีดอนล้อมแรดที่เราอั้นกันมาตั้งกะต้นปี ฉันว่าจะมาจัดปลายปีนี่เลย อากาศกำลังดี”
“แต่ปีนี้มันพิเศษกว่าปีอื่นเพราะทางจังหวัดจะขอนางงามที่ได้ตำแหน่งไปชิงมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ที่กรุงเทพฯ” เวียงบอก
“แล้วมาบอกข้าทำไมวะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่ประกาศเรียกกรรมการหมู่บ้านให้ประชุมกันเลย” บานชื่นงง
“ไม่ต้องพูดอ้อมหรอกแม่ บอกน้าบานไปเลยว่าเราอยากให้ไอ้เรืองลงสมัคร” สุวรรณบอก
ดาวเรืองตกใจ “เฮ้ย! ข้าเกี่ยวอะไรด้วย!”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเรือง ตอนที่ 13 (ต่อ)
“ทำไมเอ็งจะไม่เกี่ยว เอ็งไม่ใช่คนดอนล้อมแรดรึไง”
“คนอื่นมีตั้งเยอะ พี่เหมอไง ทำไมไม่ส่งพี่เหมอ”
“ปีนี้เขาให้อดีตนางงามเก่าหาตัวแทนส่งประกวด ข้าเลือกนังเหมอแล้ว เหลือแต่แม่บาน ถ้าเอ็งไม่ลง ก็ต้องเป็นเจ้าพฤกษ์” เวียงอธิบาย
พฤกษ์ตกใจ “ห๊า!! คงไม่ไหวหรอกครับ ให้ผมช่วยอย่างอื่นดีกว่า”
“หรือว่าเอ็งไม่กล้า” แหลมท้าทาย
กรอดเสริม “สงสัยกลัวแพ้”
“คนอย่างไอ้เรืองไม่กลัวแพ้ใครอยู่แล้วเว้ย”
“ถ้างั้นก็ลงประกวดสิวะ ข้าจะลงทุนตอกตะปูขึงผ้าบนเวทีเองเลย ขอให้ได้เห็นเอ็งแต่งหน้าสักครั้งก่อนตาย ไหว้ล่ะ” สุวรรณยกมือไหว้
ดาวเรืองเงียบไปหลายอึดใจ
บานชื่นพูดลองใจ “ถ้าเอ็งไม่ประกวด ข้าคงต้องลงเอง”
ดาวเรือง พฤกษ์ และเพี้ยนพูดพร้อมกัน “อย่าเลยแม่/ป้าบาน”
“ไขข้อยิ่งไม่ค่อยดี เกิดเดินไปหกล้มหัวคะมำผ้าถุงเปิดจะทำไง” เพี้ยนว่า
“เอ็งจะให้คนหัวเราะเยาะแม่เอ็งเหรอไอ้เรือง” เวียงถาม
“ได้ยินว่าคุณโรสจะมาเป็นกรรมการด้วย เอ็งอยากให้เขาดูถูกว่าสาวดอนล้อมแรดมีแต่หง่อมๆ เงอะงะ หน้าตาก็...บ๊านบ้านอย่างนั้นเหรอ” สุวรรณกัด
ดาวเรืองฮึด “ก็ได้ๆ ๆ ๆ ๆ ข้าจะประกวด แล้วทุกคนจะได้เห็นว่าผู้หญิงหน้าบ้านๆ ยังงี้ละเว้ย ที่จะสวมมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์...บอกมา...เมื่อไหร่”
ผัน เวียง สุวรรณ แหลมและกรอดตอบ “อาทิตย์หน้า”
“แจ๊ก” ดาวเรืองตกใจ
ดาวเรืองแทบล้มทั้งยืน
ไสว บุญปลีก และบุญปลอดช่วยกันเอาสมุนไพรขัดถูเนื้อตัวดาวเรืองที่ดีดดิ้นพร้อมจะวิ่งหนีตลอดเวลา
“นังเบอร์ 7 8 9 มาจับตัวไอ้เรืองไว้”
เมียเบอร์ 7 8 9 ตรงเข้ามาจับแขนขาดาวเรือง
“เอาขมิ้น ดินสอพอง มะขามเปียกลงให้ทั่ว” ไสวสั่ง
ดาวเรืองร้องลั่น “จ๊ากก”
“นี่มันลูกลิงหรือลูกคนเนี่ย” บุญปลอดว่า
บานชื่นตอบทันที “ลูกข้า”
ดาวเรืองร้องลั่น “แสบเว้ย!”
สุวรรณ แหลม และกรอดช่วยกันติดสเกิร์ตที่ขอบเวทีและจับจีบผ้าม่านที่เป็น back drop บนเวที
โดยมีผันยืนชี้นิ้วและตะโกนสั่ง
“เอ้า เร็วๆ เข้า จับจีบรีดให้โง้งเลยนะเว้ย งานนี้คนมาทั้งจังหวัด อย่าให้อายเขา”
บานชื่น เวียง และไสวช่วยกันสอนดาวเรืองเดินบนส้นสูงโดยทูนหนังสือเล่มหนาบนหัว ดาวเรืองเดินขาถ่างบ้าง เดินเหมือนขี้ติดตูดบ้าง ดาวเรืองเดินเท้าพลิก และหกล้มหัวคะมำ
ผัน สุวรรณ กำจร จ่าแม่น กรอด แหลม หมู่จ้อย และเพี้ยนช่วยกันปูผ้าบนโต๊ะจัดเลี้ยง ประมาณ 30-40 โต๊ะ บนเวทีมีม่านและซุ้มดอกไม้จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
ผันสั่งงาน “ปูให้เรียบขึงให้ตึง...เอาให้เหมือนโรงแรม 5 ดาวเลยนะโว้ย”
หลายวันผ่านไป ดาวเรืองเริ่มเดินดีขึ้น เริ่มทรงตัวได้ บรรดาเมียผันๆ ลุ้นตัวเกร็งจนหัวใจจะวาย
สุวรรณลองเสื้อผ้า ใส่สูท ติดหูกระต่ายอันเล็ก แหลมกับกรอดส่ายหน้าพร้อมชูหูกระต่ายอันใหญ่เท่าหน้าให้สุวรรณ
วันต่อมา ดาวเรืองเดินสวยสง่าเหมือนนางงาม เมียๆ ผันพากันปรบมือ
“บอกแล้ว...เชื่อหัวไอ้เรืองเห๊อะ!!”
ดาวเรืองยิ้มอย่างมั่นใจก่อนที่รองเท้าจะพลิกแล้วล้มหงายหลังไป
ไสวที่แต่งหน้าแต่งตัวพริ้งกำลังลงแป้งบนหน้าดาวเรืองจนเนียนไปทั้งหน้า
“เบาๆ สิน้าไหว กระดูกหน้าฉันเคลื่อนหมดแล้ว”
“เอ็งก็อยู่เฉยๆ สิวะ” ไสวว่า
เสมอใจแต่งชุดราตรีสั้นเดินเข้ามาแล้วหมุนโชว์หนึ่งรอบ
ดาวเรืองชม “โห...สวยนะพี่เหมอ”
“อยู่แล้ว” เสมอใจบอก
“ชุดนี้ ใส่แต่งงานได้เลยนะเนี่ย” ดาวเรืองบอก
เสมอใจเผลอ “อยู่แล้ว...เฮ้ย!” เสมอใจรู้ตัว “จะบ้าเหรอ นี่ชุดใส่ประกวดเทพีดอนล้อมแรดจ้ะ”
“แปลกว่ะ ทำไม เขาไม่ให้ใส่ชุดไทยประกวด” ดาวเรืองงง
“หยุดพล่ามได้แล้วไอ้เรือง เงยหน้าขึ้น คิ้วจะกลายเป็นนางยักษ์อยู่แล้ว” ไสวว่า
สุดาวดีเดินอย่างเก๋ไก๋เข้ามา
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะดาวเรือง”
“คุณโรส!”
“นี่...อยู่บนเวทีไม่ต้องตื่นเต้นล่ะ ทำตัวสบายๆ”
“ยังไม่ได้ประกวด อย่าเพิ่งแสดงความยินดีเลยจ้ะ เกิดตกรอบแรกขึ้นมา ฉันจะได้ไม่อายมาก”
สุดาวดีขำ “ฉันเป็นกรรมการ จิ๋นเป็นพิธีกร เราสองคนจะยอมให้เธอตกรอบแรกได้ยังไง แล้วเจอกันหน้าเวทีนะ” สุดาวดีพูดจบก็เดินออกไป
เสมอใจมองตาม “ปลัดมาเป็นพิธีกรด้วยเหรอ ข้านึกว่าปลัดย้ายไปแล้วซะอีก”
“งานสุดท้ายมั้ง แต่งแล้ว คงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ เลย” ไสวบอก
ดาวเรืองจ๋อย
ดาวเรืองที่แต่งหน้าเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเดินมาที่หลังเวที จ่าแม่นกับกำจรที่คุมหลังเวทีกำลังเม้าท์มอยกันอย่างเมามัน
“ข้าล่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง แต่งหน้า ทาปาก ใส่ส้นสูงขนาดนั้น” จ่าแม่นว่า
กำจรเม้าต่อ “นั่นดิ...แถมต้องลากกระโปรงยาวย้วยอีกต่างหาก จะเดินสะดุดกระโปรงตัวเองหน้าทิ่มซะก็ไม่รู้ ฮ่า..ฮ่า”
ทั้งคู่หัวเราะลั่น ดาวเรืองโผล่มายืนตรงกลาง จ่าแม่นกับกำจรตกใจจนผงะ
“หัวเราะอะไรกัน”
กำจรกับจ่าแม่นเสียงสูง “เปล๊า!”
จ่าแม่นตวาด “เอ็งออกมาทำไมวะ!!! ยังไม่ถึงเวลา”
กำจรเสียงเข้ม “กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย”
ดาวเรืองอ้อน “ขอซ้อมเดินบนเวทีสักสองสามเที่ยวสิ จ่ากับน้าจรก็รู้...ฉันเคยใส่ส้นสูงซะที่ไหน”
“ไม่ได้!!! ตราบใดที่ข้าคุมพื้นที่ตรงนี้ เอ็งจะมาใช้เส้นสายบนเวทีนี้ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น เข้าใจมั้ย”
“ไปเลยไอ้เรือง ไปเก็บตัวอยู่ในห้อง ถึงเวลาเมื่อไหร่ ค่อยออกมา ไป!”
ดาวเรืองชักสีหน้าใส่ทั้งคู่แล้วเดินฟึดฟัดออกไป จ่าแม่นกับกำจรโล่งใจ
“แต่งหน้าทาปากแล้วมันก็สวยหวานเหมือนแม่บานเหมือนกันนะ” จ่าแม่นชม
“นั่นดิ ใครจะคิดวะเนี่ย” กำจรบอก
จ่าแม่นกับกำจรมองตามหลังดาวเรืองแล้วหัวเราะกันคิกคัก
ดาวเรืองเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วยท่าทางเซ็งๆ ไสวถือชุดราตรีรออยู่
“หายไปไหนมาไอ้เรือง บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้อยู่แต่ในห้อง” ไสวว่า
“ขี้เยี่ยวตรงนี้เลยใช่ปะ”
“อย่ามาพูดมาก รีบมาใส่ชุดเร็วเข้า จวนได้ฤกษ์แล้ว”
ดาวเรืองงง “ฤกษ์อะไร”
“ก็ฤกษ์ประกวดน่ะสิ...หลวงตาให้มา...มาป้าไหว...ฉันช่วย” เสมอใจบอก
ดาวเรืองแปลกใจ “ชุดราตรีสีขาวเนี่ยนะ”
เสียงบานชื่นดังขึ้น “เออ...แบบนี้แหละสวยดี...ทันสมัยด้วย”
บานชื่นแต่งชุดผ้าไหม เกล้าผมจัดเต็มเดินเข้ามา ดาวเรืองหันไปเห็นแม่ก็ยิ่งแปลกใจหนักกว่าเดิม
“ดีกว่าใส่ชุดว่ายน้ำ หรือเอ็งจะใส่ล่ะ” บานชื่นย้อนถาม
“ไม่เอา...แต่แม่ แต่งตัวสวยไปรึเปล่า” ดาวเรืองงง
“ก็ต้องให้มันสมกับเป็นว่าที่แม่...เอ่อ...เทพีดอนล้อมแรด 2 สมัยหน่อยสิวะ อีกอย่าง วันนี้ข้าต้องเป็นคนมอบมงกุฎด้วย ข้าไม่ยอมสวยน้อยหน้าเทพีคนใหม่หรอกเว้ย”
หลวงตาคงเดินเข้ามา
“สวยกันเสร็จรึยัง จวนจะได้ฤกษ์แล้วนะ”
ดาวเรืองงง “ฤกษ์ของฉันหรือฤกษ์ของพี่เหมอ...เดี๋ยว...แล้วทำไมมีคนประกวดแค่ 2 คน”
“สองคนน่ะดีแล้ว” ไสวบอก
“คู่แข่งน้อย ไม่ดีเหรอ เอ็งเบอร์หนึ่ง นังเหมอเบอร์สอง” บานชื่นบอก
หลวงตาคงแนะนำ “ตอนเดินให้เดินเรียงเบอร์กันออกไปเลยนะ ส่วนแม่บาน แม่ไหว ออกไปหน้าเวทีได้แล้ว มีอะไรต้องทำอีกเยอะ ทางนี้ให้นังเหมอมันช่วยไอ้เรืองแล้วกัน”
หลวงตาคงเดินนำออกไป บานชื่นกับไสวเดินตามอย่างรู้หน้าที่ ดาวเรืองมองตามด้วยความงง
“มีกันอยู่ 2 คน แล้วจะประกวดทำไม...แปลก”
“แปลกตรงไหน ไม่เห็นแปลกเลย” เสมอใจบอก
“ทุกตรง เอ็งก็แปลก” ดาวเรืองว่า
“เอาน่า...รีบนุ่งกระโปรงเข้า...เดี๋ยวไปยืนบนเวทีก็หายแปลกเองแหละ”
ดาวเรืองมองชุดราตรีผ้าชีฟองสีขาวเบาพลิ้วที่ประดับด้วยดอกไม้ถักและระบายลูกไม้
กำจรที่ยืนกลางเวทีพูดใส่ไมโครโฟน
“กราบสวัสดีลุง ป้า น้า อา พ่อ แม่ พี่น้องทุกท่าน ที่กรุณามาร่วมงานอย่างมืดฟ้ามัวดินในวันนี้ ในวาระอันเป็นมงคลนี้ กระผมใคร่ขอเรียนเชิญปลัดจินตวัฒน์ วิโสภา พ่องาน คนสำคัญของวันนี้ ได้ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยครับ”
ทุกคนปรบมือเกรียวกราว จินตวัฒน์เดินเข้ามายืนแทนที่กำจรที่กระเถิบถอยออกไป
จินตวัฒน์พูด “ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ ขอบคุณที่เมตตาและเห็นผมเป็นลูกหลานคนหนึ่งของดอนพัฒนา ขอบคุณที่ทำให้ผมได้พบเจอประสบการณ์ดีๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุด ขอบคุณสาวงามดอนล้อมแรด ที่ทำให้ชีวิตการทำงานของผมมีความสุข จนไม่อยากจะย้ายไปที่ไหนอีกเลย”
ทุกคนฮากิ๊วก๊าว
จ่าแม่น สุวรรณ แหลม กรอด และหมู่จ้อยอออยู่ทางด้านซ้ายเวที
“ปลัดพูดอะไรวะ ไม่เห็นเข้าใจ” สุวรรณงง
จ่าแม่นว่า “ก็ฟังให้จบสิวะ”
“งานวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีทุกท่านให้การสนับสนุนและคอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี ขอบคุณคุณแม่ของผม น้าบานชื่น ผู้กำกับ นายอำเภอและน้าฤดี ครอบครัวกำนันผัน กำนันเทิ้ม หลวงตาคง คุณพฤกษ์ และนักแสดงที่ทุกท่านรู้จักดี..โรส สุดาวดี ขอเสียงปรบมือให้กับทุกท่านด้วยครับ”
ผู้ใหญ่อันประกอบด้วย สันติสุข ไพศาลและภริยา บานชื่น จันทรา พฤกษ์ สุดาวดี เทิ้ม ผันและเมียๆ ยิ้มโบกมือให้ชาวบ้าน
จินตวัฒน์พูดต่อ “ขอเชิญเพื่อนๆ ของผม...จ่าแม่น หมู่จ้อย กำจร นายวรรณ นายแหลม นาย
กรอด ที่ทำให้งานวันนี้เกิดขึ้นมาได้ เชิญทุกท่านที่หน้าเวทีด้วยครับ”
“เร็วสิวะ...ไอ้วรรณ ไอ้แหลม ไอ้กรอด...ปลัดเรียกให้ไปยืนหน้าเวทีแล้วเว้ย” จ่าแม่นเร่ง
จ่าแม่นดึงสุวรรณ แหลม กรอด มายืนหน้าเวทีข้างกำจรกับหมู่จ้อย ทุกคนยิ้มบานแฉ่งราวกับเป็นนางงามซะเอง
“และงานในวันนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้เลย ถ้าขาดคนสำคัญที่สุดของงาน ขอเสียงปรบมือต้อนรับดาวเรืองด้วยครับ”
ดาวเรืองในชุดราตรีสีขาวส่งมือเย็นเฉียบมาจับมือเสมอใจ
“ปลัดเรียกฉันแล้ว ทำไงดี...ทำไงดี”
“โอ๊ย จะตื่นเต้นมือเย็นอะไรขนาดนี้ รีบออกไปเร็วๆ เข้า” เสมอใจว่า
“พี่เหมอ...คือ...แน่ใจนะว่าฉัน...สวยแล้ว”
“เออ...สวยแล้วไอ้เรือง ออกไปได้แล้ว”
“แต่...คือ...”
“ไม่แต่...ไม่คือแล้ว...ออกไปเดี๋ยวนี้”
เสมอใจตัดสินใจดันหลังดาวเรืองออกไปที่หน้าเวทีทันที
ดาวเรืองโผล่ออกมาที่ข้างเวทีแล้วสูดลมหายใจก่อนจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน ด้วยการเดินเป็นนางงามสง่าออกมาพร้อมกับเสมอใจ จินตวัฒน์ตะลึงงันเพราะไม่คิดว่าดาวเรืองจะสวยขนาดนี้
สุวรรณตาค้าง ทุกคนตกตะลึง ดาวเรืองยืนยิ้มหวานโบกมืออยู่กลางเวที สักครู่เธอก็รู้สึกทะแม่งๆ เสมอใจดันหลังดาวเรืองให้เข้าไปใกล้จินตวัฒน์อีกนิด
ดาวเรืองงง “อะไรกันล่ะพี่เหมอ”
“ได้เวลาแล้ว” เสมอใจบอก
จินตวัฒน์ส่งยิ้มให้ดาวเรือง ดาวเรืองงง
จินตวัฒน์พูดใส่ไมโครโฟน “ผู้หญิงคนนี้...เจ้าสาวของผมครับ...ดาวเรือง”
ดาวเรืองยิ้มค้างแล้วเปลี่ยนเป็นช็อกจนตาเหลือก
กำจรกับหมู่จ้อยวิ่งกลับไปช่วยกันดึงผ้าม่านแบ็กดร็อปที่ขึงทิ้งไว้ตรงๆ ออกตามคิว เผยให้เห็นผ้าม่านที่ซ่อนอยู่ด้านในอีกผืนซึ่งมีตัวหนังสือเป็นโฟมแกะเป็นชื่อ ดาวเรือง จินตวัฒน์ เหนือชื่อเป็นตัวหนังสือ “พิธีมงคลสมรส” และใต้ชื่อเป็น วันที่ 17 ธันวาคม 2555
ทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือกันระงม สุวรรณมองไปที่แบ็กดร็อปด้านหลังแล้วหันกลับมามองดาวเรืองกับจินตวัฒน์ด้วยความรู้สึกช็อกยิ่งกว่าใครทั้งหมด
สุวรรณร้องไห้โฮ “ทุกคนหลอกวรรณ... ทุกคนหลอกวรรณ”
ดาวเรืองหันขวับไปสบตาจินตวัฒน์ที่ยืนยิ้มระรื่น
ทุกคนด้านล่างหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ไม่เว้นแม้แต่บานชื่น
“เป็นไงล่ะไอ้เรือง แกล้งคนอื่นไว้เยอะ โดนเอาคืนซะบ้าง เป็นไง” ผันชอบใจ
บุญปลีกแซว “ไอ้เรืองแตกเนื้อสาวแล้วโว้ย 555 หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียว”
“ไม่รู้ว่าเขินหรือแค้น” บุญปลอดตะโกนหาดาวเรือง “ท่องไว้นะลูก...พุทโธ...พุทโธ”
“โถ หนูวรรณ ครางเป็นลูกหมาเลย...ลูกแม่” เวียงรำพึง
เวียงยกยาดมขึ้นสูดฟืดๆ
“แค่หยิกแกมหยอกนะลูกนะ...ยังไงปลัดก็รักเอ็ง” บานชื่นบอก
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ผันเข้ามายืนต่อหน้าทุกคนในที่ประชุมด้วยท่าทางซีเรียสเหมือนกำลังจะถกปัญหาการเมืองระดับชาติ
“ที่ข้าเรียกทุกคนมาประชุมในวันนี้เพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องลงมติและขอความร่วมมือจากทุกคน แม้ว่าเวลานี้ ผู้มีอิทธิพลอย่างเสี่ยกำพลจะได้ไปชดใช้กรรมในนรกแล้ว แต่ก็ยังมีผู้มีอิทธิพลที่น่ากลัวกว่าเสี่ยกำพลลอยนวลอยู่”
ทุกคนพากันตะลึงเมื่อได้ยินคำว่าน่ากลัวกว่ากำพล
ผันพูดต่อ “และผู้มีอิทธิพลรายนี้ทำให้ปลัดใจแกร่งเป็นเพชรอย่างปลัดจินตวัฒน์...ถึงกับจะขอย้ายออกจากที่นี่ ถ้าไม่สามารถรวบตัวผู้มีอิทธิพลรายนี้ได้”
บุญปลีกพูดจริงจังมาก “มันเป็นใครคะปลัด”
จินตวัฒน์ที่นั่งปลีกวิเวกอยู่มุมหนึ่งพูดออกมา
“ดาวเรืองครับ”
ทุกคนตกใจ “ไอ้เรือง!”
จ่าแม่นหัวเราะชอบใจ “เรื่องปราบไอ้เรือง ต้องวานผม”
“จะปราบลูกข้าข้อหาอะไรมิทราบ” บานชื่นถาม
เพี้ยนงง “ใช่ ข้อหาอะไร เหล้าเถื่อน บ่อนเถื่อน หวยเถื่อน พี่เรืองเลิกหมดแล้ว เหลือข้อหาอะไรไม่ทราบ”
จินตวัฒน์ตอบทันที “ขโมย”
ทุกคนตกใจ “ขโมย!”
“ไอ้เรืองมันขโมยอะไร ของใคร ที่ไหนปลัด” บานชื่นถาม
“เอ่อ...” จินตวัฒน์เขินแต่ต้องทำหน้าด้าน “ขโมยหัวใจผมไปครับ”
ทุกคนตกใจ “ขโมยหัวใจ!”
“ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าผมไม่ได้อยู่กับดาวเรือง ผู้มีอิทธิพลที่สุดในชีวิตผม ผมรักดาวเรืองครับน้าบานชื่น”
เสมอใจเปรย “โอ๊ย...ซึ้งอะ”
“ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับไอ้วรรณ ข้าล่ะไม่เข้าใจ ไอ้เรืองมันมีอะไรดีนักหนา” เวียงว่า
บานชื่นสวนทันที “ก็แม่มันดีไง”
“ตกลงเราจะช่วยกันปราบอิทธิพลไอ้เรืองเพื่อปลัดจินตวัฒน์กันมั้ยวะ” ผันถาม
“ก็น่าอยู่นะ... ไอ้เรืองมันแสบ ต้องร่วมแรงร่วมใจปราบมันให้อยู่หมัด” กำจรว่า
จ่าแม่นพูดเสียงดังแข็งขัน “ถูก ข้าเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์”
“ต้องรวบหัวรวบหาง รวบกลางตลอดตัวเหมือนอย่างข้า” ไสวบอก
บุญปลอดถาม “จะผิดศีลมั้ย”
“ไม่เว้ย คนมันเป็นเนื้อคู่กันอยู่แล้ว” หลวงตาคงบอก
“เพื่อความเป็นประชาธิปไตย...ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้น” เทิ้มขอความเห็น
ทุกคนยกมือพร้อมกับพรึ่บ ยกเว้นบานชื่น ทุกคนมองมาที่บานชื่น บานชื่นลุกขึ้นยืนทำหน้าขึงขัง ทุกคนอึ้งและวงแตกเพราะนึกว่าบานชื่นจะแหกกลางวง
พฤกษ์ถาม “ไม่เห็นด้วยเหรอแม่”
“เปล่า... แม่กำลังคิดว่าจะวางแผนยังไงดีต่างหาก”
ทุกคนเฮลั่น จับมือประสานกันเป็นหนึ่งเดียว บานชื่นหันมายักคิ้วยียวนใส่ทุกคน
“เชื่อหัวนังบานเห๊อะ!”
ดาวเรืองหันรีหันขวางอยู่บนเวที ในขณะที่สุวรรณฟูมฟายไม่เลิก
“ไม่จริง! นี่ไม่ใช่งานแต่งไอ้เรืองกับปลัดใช่มั้ย”
แหลมกับกรอดพูดพร้อมกัน “ใช่!”
หลวงตาคงเดินขึ้นมาพร้อมตลับแป้งในมือ
“มาๆ ได้เวลาเจิมแล้ว ไอ้จร ไอ้จ่าแม่น ไปขนโต๊ะขึ้นมา ข้าจะเจิมหน้าผากให้คู่บ่าว-สาวก่อน แล้วจะได้รดน้ำสังข์กันเลย” หลวงตาคงกำลังจะแตะที่หน้าผากดาวเรือง
ดาวเรืองเสียงดัง “หยุด! ใครบอกว่าฉันจะแต่ง ฉันไม่แต่ง” ดาวเรืองวิ่งลงจากเวที
จินตวัฒน์เรียก “ดาวเรือง!”
“หนีไปเลยไอ้เรือง หนีไปให้ไกลจากไอ้คนหลอกลวง...ฮือๆ หลอกกันดีนัก โกหกกันทั้งหมู่บ้านเลย” สุวรรณว่า
ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วฮือฮาไปทั้งงาน
“อยากแต่ง ก็เชิญแต่งไปคนเดียวเถอะ” ดาวเรืองวิ่งออกจากงาน
จินตวัฒน์ร้องเรียก “ดาวเรือง!”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเรือง ตอนที่ 13 (ต่อ)
จินตวัฒน์วิ่งตามดาวเรืองออกไป
“ข้าว่าแล้ว ถ้าเรื่องมันจบง่ายๆ ก็ไม่ใช่ไอ้เรืองสิ” เทิ้มว่า
“จะเล่นตัวทำไมวะ จะมีปลัดสักกี่คนหลงผิดแบบปลัดจินตวัฒน์” ผันบอก
“ดาวเรืองอาจจะไม่สบายใจเรื่องจิ๋นกับโรส เดี๋ยวโรสไปเคลียร์ให้ค่ะ” สุดาวดีเดินตามออกไป
บานชื่นสั่งลูกชาย “เจ้าพฤกษ์ ตามไปดูน้องเร็ว”
“ครับแม่” พฤกษ์เดินตามสุดาวดีออกไป
หลวงตาคงตะโกนตามหลังทุกคน
“รีบๆ กันหน่อยนะเว้ย มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง!” สุดาวดียิ้มกับตัวเอง “ดีนะที่ข้าฉลาด รู้ทันไอ้เรือง เลยเผื่อเวลาไว้”
สุวรรณหน้าเด้งขึ้นมา “อีกครึ่งชั่วโมง ดีล่ะ ข้าจะตามไปอาละวาดให้เสียฤกษ์เลย”
สุวรรณกระโดดลงจากเวทีแล้ววิ่งไป
เสมอใจตะโกนตามหลัง “นึกว่าข้าจะยอมเหรอ...ไอ้วรรณ”
เสมอใจวิ่งตามสุวรรณไป ทุกคนในงานถกกันอื้ออึงจนเสียงดังไปทั้งงาน
หลวงตาคงประกาศออกไมค์ “เอาล่ะ...ทุกท่าน ขอให้อยู่ในความสงบ แล้วก็รอสักครู่ เดี๋ยวไอ้พวกที่วิ่งไปมันก็วิ่งกลับมาเองล่ะ...คู่แล้ว ไม่แคล้วกัน”
เสียงอื้ออึงค่อยๆ สงบบางเบาลง
จินตวัฒน์วิ่งจี้ตามดาวเรืองมาจนถึงสวนดอกไม้ เขาดึงมือหญิงสาวไว้
“ขอโทษ ดาวเรือง ฉันขอโทษ”
ดาวเรืองยัวะ “คำว่าขอโทษนี่พูดง่ายจังนะ คิดว่าพูดแค่นี้แล้วทุกอย่างจะจบเหรอ”
“ที่ฉันต้องทำอย่างนี้ เพราะกลัวเธอจะปฏิเสธ”
“ก็เลยหลอกคนทั้งหมู่บ้านให้มาช่วย หลอกคนทั้งอำเภอให้มางานอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้หลอก ทุกคนเต็มใจช่วย เต็มใจมาร่วมงาน เพราะพวกเขารู้ว่าเรารักกัน”
ดาวเรืองอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะอ้ำอึ้งเถียงออกมา “ใครรักนาย”
“ทำไมล่ะดาวเรือง เธอออกจะแกร่งกล้าจะตาย กับเรื่องเล็กแค่นี้...แค่ยอมรับความจริง เธอทำไม่ได้เหรอ”
“เรื่องเล็กของนาย แต่มันเรื่องใหญ่สำหรับฉัน นายจะให้ฉันพูดว่า ฉันรักนาย ทั้งๆ ที่นายมีเจ้าของ มีคู่หมั้นแล้วน่ะเหรอ...ให้ฉันตายซะดีกว่า”
“ฉันไม่เคยหมั้นใคร เพิ่งจะมีวันนี้แหละ ที่คิดจะหมั้นและแต่งงาน แล้วเจ้าสาวของฉันคือเธอคนเดียวเท่านั้น”
“แล้วคุณโรสล่ะ นายเอาคุณโรสไปไว้ที่ไหน!”
เสียงสุดาวดีดังขึ้น “ฉันก็อยู่ข้างๆ จิ๋นอย่างนี้แหละ”
สุดาวดีเดินเข้ามาหาทั้งคู่ พฤกษ์เดินตามหลังมาแอบดูอยู่ห่างๆ โดยที่สุดาวดีไม่รู้ตัว
“แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น” สุดาวดีพูดต่อ
ดาวเรืองอึ้ง “คุณโรส”
“ฉันกับจิ๋นคบกันมา 2 ปี เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน เรียนรู้กันน้อยมาก แต่มาถึงวันนี้ มันก็มากพอที่จะทำให้เรายอมรับความจริงว่า...จริงๆ แล้วเราเหมาะที่จะดูแลกันในฐานะเพื่อนมากกว่า หัวใจของจิ๋นมีแต่เธอเท่านั้นดาวเรือง”
จินตวัฒน์บอก “ไม่มีอะไรคาใจแล้วนะ”
ดาวเรืองตอบ “ยัง”
“อะไรอีกล่ะ”
“นายเคยบอกรักฉันสักครั้งรึยัง มาขอแต่งงานเนี่ย”
จินตวัฒน์ตอบหนักแน่นทันควันทันที “ฉันรักเธอ”
ดาวเรืองอึ้ง “พูดง่ายจริงนะ....ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่รู้เหมือนกัน รู้อีกทีก็รักไปแล้ว…และตอนนี้ ฉันก็อยากแต่งงานกับเธอจริงๆ นะดาวเรือง”
“ถ้าอยากให้ฉันเชื่อ นายต้องพิสูจน์ว่านายรักฉันจริง ด้วยการทำตามเงื่อนไข 3 ข้อให้ได้ก่อน”
สุวรรณวิ่งแน่บโผล่เข้ามาพร้อมกับเสมอใจ
“เป็นไงล่ะ เจอเงื่อนไข 3 ข้อเหมือนข้าเข้าให้แล้ว เอาให้ยากเลยนะไอ้เรือง เอาให้ยากสุดๆ ไปเลย”
“ว่ามา”
“ก่อนจะแต่ง ข้อที่ 1 นายต้องรอให้ฉันเรียนจบปริญญาตรี”
จินตวัฒน์ตอบทันที “ได้”
“โทด้วย”
“ได้”
สุวรรณโวย “อะไรวะไอ้เรือง เอ็งเรียนเก่งจะตาย มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”
“จบด๊อกเตอร์ด้วยนะ” ดาวเรืองบอก
“หุหุ จบด๊อกเลยเหรอวะ ยังงี้ก็แก่กันพอดี 555” สุวรรณเยาะเย้ย
“ได้อยู่แล้ว รวมๆ แล้วก็แค่ 8 ปี”
“ข้อที่ 2 ล่ะไอ้เรือง เอาไอ้ที่มันยากๆ หน่อยนะ” สุวรรณบอก
“ข้อ2 นายต้องมาอยู่ดอนล้อมแรดกับฉัน นายต้องช่วยพัฒนาหมู่บ้าน พัฒนาคนตามอุดมการณ์ที่นายตั้งใจไว้ จำได้มั้ย”
จินตวัฒน์ยิ้ม “ได้”
เฮ้ย! ข้อแม้อะไรวะ ก็ไอ้คุณปลัดมันเป็นปลัด มันก็ต้องทำตามหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ถ้างั้นข้อ 3 เอาให้หินๆไปเลยนะ เอาให้จุกไปเลย”
“ข้อ 3” ดาวเรืองเงียบไปนานก่อนทำหน้าทะเล้น “ตามจับฉันให้ได้ แล้วฉันจะยอมหมั้นกับนายวันนี้!”
พูดจบดาวเรืองก็วิ่งปรู๊ดหนีไปทันที จินตวัฒน์วิ่งตาม
สุดาวดียิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินกลับทางเดิม เธอเดินผ่านหน้าพฤกษ์ที่แอบยืนอยู่ด้านหลังไป สุวรรณกรี๊ดเป็นเปรตขอส่วนบุญ
“มันจบง่ายๆ ยังงี้ใช่มั้ย ตกลงกรูไม่ใช่พระเอกใช่มั้ย กรูไม่เชื่อ” สุวรรณตะโกนตามหลัง “ไอ้เรือง ได้ ข้าจะรอเอ็ง รอให้เอ็งเลิกกับปลัด ข้าจะรอ....แต่ถ้าเอ็งไม่เลิก ข้าก็จะรอลูกสาวเอ็ง...ไม่ได้แม่ ข้าก็จะรอลูก ได้ยินมั้ย”
“ข้าก็จะรอเอ็งเหมือนกันไอ้วรรณ” เสมอใจบอก
“ไม่ต้องรอ”
“จะรอ”
สุวรรณเอาเรื่อง “หน้าไม่อาย เอ็งอยากได้ข้าเป็นผัวนักใช่มั้ย” สุวรรณคันไม้คันมือ
“ใช่ อยากตบข้ามากล่ะสิ...เอาสิ...ตบสิ ตบเลย ข้าจะได้จูบกลับ...เอ็งตบ ข้าจูบ...ตบจูบตบจูบตบจูบ”
สุวรรณฉุน “นังเหมอ!”
สุวรรณเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจะบีบคอเสมอใจ เสมอใจลอยหน้าลอยตา สุวรรณทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายวิ่งหนีซะเอง
“ช่วยด้วย”
“นึกว่าจะหนีข้าพ้นเหรอ....ไอ้วรรณ!!”
เสมอใจวิ่งไล่ล่าสุวรรณและคิดว่าคงจะไล่ล่าแบบนี้ไปตลอดชีวิต
พฤกษ์ก้าวมายืนด้านหลังสุดาวดี
พฤกษ์ยิ้ม “ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้เรืองเข้าใจ”
สุดาวดีหันกลับมาเพราะแปลกใจที่พฤกษ์ตามมา “ฉันก็พูดไปตามบท”
“บทอะไร”
“นางเอกย่ะ”
พฤกษ์หัวเราะ
“หัวเราะอะไร”
“คุณเคยเล่นเป็นนางเอกด้วยเหรอ”
สุดาวดีชักสีหน้า “หรือจะให้ฉันสวมวิญญาณนางร้าย เอามั้ย ฉันจะได้กลับไปแหกอกดาวเรืองเดี๋ยวนี้”
“เป็นนางร้ายในสายตาใครๆ แต่เป็นนางเอกในใจ...ใครบางคนก็พอ”
สุดาวดีถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแต่ก็ทำเชิด
“ใครบางคนของนายหมายถึงใคร”
พฤกษ์เลี่ยงไม่ตอบ แต่เป็นฝ่ายถามกลับ “ตกลงคุณหาคนนั้นของคุณเจอรึยัง คนที่คุณคิดว่าคุณรักเขาน่ะ...พูดจริงๆ นะ ไม่เอาตามบท”
สุดาวดีเชิด “เขาฉลาดจะตาย...เขาคงรู้ตัวแล้วล่ะว่าฉันปิ๊งเขา รอแค่ว่าเมื่อไหร่เขาจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่กับฉันเท่านั้นเอง”
พฤกษ์หยั่งเชิง “แล้วถ้าคนนั้นของคุณ เขาไม่ชอบอยู่ในเมืองล่ะ ถ้าเขาชอบธรรมชาติ ชอบอยู่ชนบท เพราะต้องการช่วยเหลือคนบ้านเดียวกับเขา และไม่มีวันที่จะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯล่ะ”
“เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ ว้า....ทำไงดีล่ะ!!!!! ฉันดันติดชีวิตในเมืองซะด้วยสิ ถ้างั้นคงต้องโบกมือลา”
สุดาวดีเดินจากไปไม่ถึง 2 ก้าว พฤกษ์กร่อยสนิท แต่แล้วสุดาวดีก็ชะงักแล้วหันกลับมา
“ยังไงก็ฝากบอกเขาด้วยนะ ถ้าฉันเบื่อแสงสีหรือเป็นดาราตกกระป๋องเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาอยู่กับเขา”
พฤกษ์ยิ้มโปรยเสน่ห์ “ผมจะรอนะ!”
สุดาวดียิ้มเขิน เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกเขินจากก้นบึ้งของหัวใจ ในขณะที่พฤกษ์เพิ่งจะรู้ว่าอาการหัวใจพองโตมันเป็นยังไง
ดาวเรืองขี่มอเตอร์ไซด์หนีจินตวัฒน์ โดยมีจินตวัฒน์ซิ่งตามหลัง จินตวัฒน์ตะโกนโหวกเหวกเรียกดาวเรือง
ดาวเรืองวิ่งหนีขึ้นเนินแล้วหลบหลังต้นไม้
“คิดว่าจะจับกันได้ง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง”
จินตวัฒน์ตามมาถึงก็หันรีหันขวางหมุนรอบตัว 360 องศา
“ดาวเรือง อยู่ไหนน่ะ ออกมาเถอะ”
“แน่จริงก็จับให้ได้สิ 555”
ดาวเรืองวิ่งหนีต่อ จินตวัฒน์วิ่งตามทันที
“อย่าหนีนะดาวเรือง”
“ปลัดไม่มีวันจับฉันได้หรอก”
ดาวเรืองวิ่งไปไกลหลายช่วงตัว จินตวัฒน์วิ่งตาม แต่แล้วสักครู่เขาก็ล้มลงนั่งกับพื้น
“โอ๊ยย”
ดาวเรืองชะงักแล้วหันกลับมายิ้มอย่างรู้ทัน “คิดจะเล่นมุกสะดุดล้มกะไอ้เรือง ไม่เด็กไปหน่อยเหรอ”
จินตวัฒน์เอามือจับที่ข้อเท้าด้วยหน้าตาบ่งว่าปวดสุดๆ “งูกัดฉัน...ดาวเรือง”
“โกหก”
“โอ๊ย” จินตวัฒน์ทำหน้าตาเหยเก
“อย่าเล่นน่าปลัด”
จินตวัฒน์นั่งจับข้อเท้าตัวเอง สักครู่เขาก็ตาปรือเหมือนจะหลับ
ดาวเรืองคิดว่าจินตวัฒน์แกล้งแน่ๆ
“อยากจะนอนตรงนี้ก็ตามใจ”
ดาวเรืองเดินไปอย่างไม่สนใจ จินตวัฒน์ล้มตัวลงนอนที่พื้นแล้วก็ตัวบิดเกร็ง แต่มือยังจับที่ข้อเท้า
สักครู่ดาวเรืองเดินจ้ำกลับมา
“นี่ปลัด เลิกเล่นได้รึยัง”
จินตวัฒน์นิ่งเงียบ ดาวเรืองเริ่มใจคอไม่ดี
“ปลัด!”
ดาวเรืองวิ่งกลับมาประคองจินตวัฒน์ขึ้นมา
“ปลัด เฮ้ยยย...ลืมตาสิ บอกให้ลืมตาไง อย่าหลับ ได้ยินมั้ย!”
จินตวัฒน์กอดดาวเรืองไว้แน่น “จับได้แล้ว 555”
“หน็อยแน่!”
จินตวัฒน์จะขโมยหอมแก้มดาวเรือง ดาวเรืองรู้ทันจึงเอามือยันหน้าจินตวัฒน์ไว้
“อย่านะ เดี๋ยวต่อยกรามหัก”
“ฟังพูดเข้า ไม่โรแมนติกเลย”
“ไปหัดเจ้าเล่ห์มาจากไหน”
“เรียนรู้มาจากคนแถวนี้แหละ”
“เรื่องอะไรมาโทษคนอื่น”
จินตวัฒน์สบตาซึ้ง “ข้อที่ 3 ฉันทำได้แล้ว เหลืออีก 2 ข้อ ฉันจะอดทนรอจนกว่าจะถึงวันนั้นนะ”
ดาวเรืองหน้าแดง เธอหลบตาเพราะเขินจินตวัฒน์
จินตวัฒน์มองดาวเรืองด้วยความเอ็นดูสุดๆ “ขอหอมหน่อยได้มั้ย...แก้มแดงๆ เนี่ย”
ดาวเรืองอายจนแทบจะเอาหน้ามุดดินหนี “ดาวเรืองก็แค่ดอกไม้ข้างทาง ไม่ได้หอมเหมือนกุหลาบสักหน่อย เหม็นเขียวด้วยซ้ำ จะมาหอมทำไม”
“ถึงจะเป็นดอกไม้ข้างทาง แต่ก็เป็นดอกไม้ที่มีคุณค่าคนถึงได้เก็บมาไหว้พระบูชา มีคุณค่าเหมือนดาวเรืองคนนี้”
ดาวเรืองสบตาซึ้งกับคำพูดจินตวัฒน์ แต่ก็ไม่วายยียวน “แล้วปลัดจะบูชามั้ยล่ะ”
“ทั้งรักทั้งบูชาเลยจ้ะ...คุณค่าน่ะพิสูจน์แล้ว...เหลืออีกอย่างที่ยังไม่ได้พิสูจน์”
“อะไร”
จินตวัฒน์ไม่เสียเวลาขอ เขาก้มหน้าลงมาหอมแก้มดาวเรืองฟอดใหญ่ “อึ้ม...ใครว่าเหม็น
เขียว ดาวเรืองหอมชื่นใจจะตาย”
ดาวเรืองทั้งเขินทั้งอายที่เสียท่า “เขาส่งปลัดมาปกครองประชาชนนะ ไม่ใช่ให้มาครอบครองประชาชน”
“ก็ประชาชนบางคนร้ายชะมัด ปลัดเลยต้องจับมาไว้ใกล้ตัว จะได้ปกครองง่ายๆ หน่อย”
ดาวเรืองเขิน “งั้นปลัดคงต้องเหนื่อยตลอดชีวิต”
ดาวเรืองพูดจบก็วิ่งหนีออกมา
จินตวัฒน์ตะโกนตามหลัง “จะไปไหนอีก ใกล้ฤกษ์หมั้นเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
“ก็ตามมาสิ จับได้ก็จะไป จับไม่ได้ก็ไม่ไป”
“แสบจนหยดสุดท้ายเลย...ดาวเรือง”
ดาวเรืองหัวเราะใส่จินตวัฒน์ และหันมาขยิบตาแล้วพูด
“เชื่อหัวไอ้เรืองเห๊อะ!”
ปลัดหนุ่มวัยกลางคนกำลังวิ่งไล่ล่าสาวน้อยในดงดอกดาวเรืองอย่างเอาเป็นเอาตาย
-จบบริบูรณ์-