ดาวเรือง ตอนที่ 12
กำพลเดินกลับมาที่ซากรถที่มีไฟลุกท่วม ควันไฟลอยขมุกขมัว กำพลเห็นจินตวัฒน์นอนคว่ำหน้าทับร่างของดาวเรืองไว้โดยมีเลือดไหลอาบไปทั้งแผ่นหลัง ทั้งคู่นอนแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก
กำพลหัวเราะสะใจก่อนจะยกปืนเล็งไปที่ร่างจินตวัฒน์ “เด็กน้อยเอ๊ย...แส่ไม่เข้าเรื่อง”
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นเสียก่อน กำพลหันหลังแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“พวกมึงเอาฮอมารับกูเดี๋ยวนี้!...กูจะหนีข้ามไปฝั่งโน้น”
กำพลกดวางโทรศัพท์แล้วก็ต้องชะงักยืนตัวแข็ง เพราะปืนที่มือตัวเองโดนใครบางคนเตะจนกระเด็นพร้อมกับมีปืนอีกกระบอกจ่อที่ท้ายทอยของเขา
“ไปด้วยคนสิเสี่ย”
กำพลค่อยๆยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนจะยอมจำนน
ดาวเรืองตะคอก “คุกเข่า!”
กำพลทำตามคำสั่งโดยดี แต่กลับหยิบปืนที่ซ่อนไว้ที่รองเท้าบู๊ตออกมา ดาวเรืองไหวตัวทันจึงยันกำพลจนหน้าคว่ำ ปืนของกำพลกระเด็นออกไป ดาวเรืองเล็งปืนไปที่กำพลแล้วลั่นไกยิงแต่กระสุนปืนดันหมด
กำพลยิ้มกริ่มแล้วหยิบปืนขึ้นมาก่อนจะเล็งไปที่ดาวเรือง
“กลับตัวเป็นคนดีปั๊บ ก็ตายปุ๊บเลยนะไอ้เรือง” กำพลว่า
ดาวเรืองสูดหายใจพร้อมกับจ้องกำพลเขม็งพลางคิดในใจว่าเอาวะ ตายเป็นตาย กำพลเหนี่ยวไกทันที จินตวัฒน์กระโดดมาบังดาวเรืองไว้ทำให้กระสุนโดนไหล่จินตวัฒน์
“ปลัด!” ดาวเรืองตกใจ
รถตำรวจตะบึงเข้ามาด้วยความเร็ว จ่าแม่นพูดผ่านโทรโข่งให้กำพลวางปืน
“วางอาวุธลง เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว”
กำพลได้จังหวะที่ดาวเรืองประคองกอดร่างจินตวัฒน์หนีเข้าป่าไปด้วยความเร็ว จ่าแม่น หมู่จ้อย และกำจรนำกำลังเข้ามาล้อมจับทันที แต่กลับเจอแต่ดาวเรืองและจินตวัฒน์ที่ร่างเต็มไปด้วยเลือด กำจรตกใจจึงรีบเข้าประคองจินตวัฒน์
กำจรร้องไห้โฮ “คุณปลัด!! โธ่ ไม่น่าเลย”
“หมู่จ้อย พาปลัดไปโรงพยาบาล...ที่เหลือ ตามมา” จ่าแม่นจะวิ่งเข้าป่า
ดาวเรืองร้องเรียก “เดี๋ยว”
สุดาวดีทั้งประคองทั้งลากทั้งดึงพฤกษ์ขึ้นจากบึงน้ำมานั่งบนฝั่งอย่างทุลักทุเล สุดาวดีเห็นไม้แหลมที่ปักเท้าพฤกษ์ยังคาอยู่ก็หน้าเสียเพราะรู้สึกเจ็บแทน
“นาย...ไม้ยังปักคาอยู่เลย...โอ๊ยจะทำยังไงดี”
“ผมเดินไม่ไหว” พฤกษ์เพลียจึงนั่งหลับตา “ผมไม่ไหวแล้ว”
สุดาวดีตกใจ “นายกำลังจะตายเหรอ ห้ามตายนะ ห้ามตายเด็ดขาด” สุดาวดีเขย่าแรงๆ “ได้ยินมั้ย”
พฤกษ์จับมือสุดาวดีไว้แน่น “ไม่อยากให้ผมตาย...ก็ช่วยดึงไม้ออกให้ที”
สุดาวดีผงะ “ไม่”
“เร็วเข้า”
“ฉันไม่กล้า”
“คุณเคยเล่นละครเป็นพยาบาลมั้ย”
“เคย”
“คิดซะว่า นี่เป็นฉากในละคร”
สุดาวดีกล้ำกลืนฝืนใจสุดๆ “แต่...”
“ก่อนที่ผมจะตายแล้วเสือจะมาคาบเราไปกิน”
สุดาวดีตกใจกลัวเสือจะคาบไปกินเลยดึงผลั๊วะ พฤกษ์ร้องจ๊าก
สุดาวดีไหว้ปะหลกๆ “ขอโทษๆ”
พฤกษ์จับเท้าไว้แล้วข่มกลั้นความเจ็บอย่างเต็มที่
กำพลเดินกุมแขนที่เลือดไหลอาบ เขาเดินโซซัดโซเซไปยังลำธาร
“ไอ้พวกตำรวจหน้าโง่ นึกว่าจะจับกูได้ง่ายๆเหรอ”
กำพลหยุดตรงริมลำธารที่ลึกและเชี่ยวกราก
“กูข้ามฝั่งไปได้ กูจะบินหายเข้ากลีบเมฆ พวกมึงไม่มีวันตามกูเจอ”
กำพลก้าวเท้าลงไปในลำธารแล้วลอยคอไปยังอีกฝั่งอย่างทุลักทุเล
กำพลคลานเหมือนหมาตกน้ำแล้วตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งมานั่งหอบ สักครู่ หางตาของเขาก็เห็นขาของใครคนหนึ่งก้าวมายืนตรงหน้า กำพลเงยหน้าขึ้นมองแล้วรู้สึกเอือมเมื่อพบว่าคนๆนั้นคือ ดาวเรือง
“ใครจะคิดว่าผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของดอนพัฒนาจะมีสภาพไม่ต่างกับหมายังงี้” ดาวเรืองว่า
กำพลสบถ “เวรเอ๊ย...เอ็งอยากได้เท่าไหร่...ว่ามา”
ดาวเรืองยิ้มกริ่ม “จะปิดปากเหรอ แพงนะ ไหนจะเรื่องค้ายา ค้าไม้ ค้าคน แล้วก็ยังฆ่าคนอย่างเลือดเย็นอีก...” ดาวเรืองพูดลอยๆ “ไม่น่าเชื่อว่าแม่น้ำที่เสี่ยเคยใช้เป็นที่ฝังกำนันเทิ้มจะเป็นแม่น้ำสายเดียวกับที่พาเสี่ยมาจนมุมตำรวจ”
“มึงเป็นสายให้ตำรวจใช่มั้ย”
“ดีนะที่เป็นแค่สาย ถ้าฉันเป็นตำรวจ ฉันแอบวิสามัญเสี่ยไปนานแล้ว”
“ไอ้เรือง!”
“ถึงเวลาที่เสี่ยจะต้องรับกรรมที่ทำไว้แล้ว”
ตำรวจล้อมวงเข้ามาใส่กุญแจมือแล้วพากำพลออกไป กำพลโวยวายไม่หยุด
“ปล่อยกู...กูไม่ได้ทำอะไรผิด!...ปล่อยกู!”
จ่าแม่นถอนใจเฮือกแล้วตบไหล่ดาวเรืองเบาๆ
“ไปโรงพยาบาลได้แล้วไอ้เรือง”
ดาวเรืองโล่งใจที่ในที่สุดก็สามารถจับกำพลได้
เวียงช็อกสุดขีด
“หนูวรรณถูกยิง!”
ทุกคนพูดตามเป็นโดมิโน่
“พ่อสุวรรณถูกยิง!” ไสวพูด
“ไอ้วรรณถูกยิง!” เสมอใจพูด
แหลมกับกรอดพูด “พี่วรรณถูกยิง!”
“หนูวรรณตายแล้วว...” เมียๆ ของผันประสานเสียง
ทุกคนร้องไห้ “ฮือๆ”
“โอ้ย หยุด!!!!...หยุดกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว...ให้แม่บานเล่าให้จบก่อนได้มั้ยวะ แล้วค่อยตกใจ ค่อยร้องไห้ ว่าไงแม่บาน” ผันว่า
“ไม่ต้องตกใจ ตอนนี้ไอ้วรรณมันอยู่โรงพยาบาล ทำแผลเรียบร้อยแล้ว งานนี้ ไม่ได้เจ็บแค่ไอ้วรรณนะ ปลัดก็โดนเหมือนกัน ไอ้เรืองยังได้แผลมาเลย” บานชื่นบอก
“แล้วน้าบานรู้ข่าวมาจากไหน” เสมอใจถาม
“จ่าแม่นมาบอกที่ร้าน ข้าเลยแวะมาส่งข่าวพวกเอ็งอีกที”
“เป็นอันว่าพลเมืองดีโดนยิงกันหมด...ถ้างั้นรีบไปดูใจพ่อสุวรรณกันดีกว่า” ไสวบอก
“ลูกข้ายังไม่ตาย ปากเสีย” เวียงว่า
ผันเอามือแตะแขนแบบแอบกระลิ้มกระเหลี่ย “ขอบใจนะแม่บานที่มาส่งข่าว”
เมียๆ กระแอม “ฮะแฮ่ม”
พยาบาลทำแผลให้ดาวเรืองเสร็จแล้วเดินออกจากห้อง บานชื่นกับเพี้ยนเดินสวนเข้ามา
“เป็นไงบ้างไอ้เรือง” บานชื่นถาม
เพี้ยนถามบ้าง “เย็บไปกี่เข็มพี่”
“โดนสะเก็ดระเบิดนิดหน่อย ล้างแผลเอาทิงเจอร์ทาเดี๋ยวก็หาย” ดาวเรืองบอก
“เฮ้อ โล่งอก เอ็งนะ ชอบทำให้แม่เป็นห่วง ไม่ใช่ตำรวจซะหน่อย กล้าดียังไงไปวิ่งไล่จับโจรแบบนั้น ดูซิ ต้องมาเลือดตกยางออก” บานชื่นว่า
“เลือดฉันไม่กี่หยดหรอกแม่ คนอื่นเจ็บหนักกว่าฉันเยอะ ตำรวจหลายคนตาย แต่พวกเขาไม่ตายฟรีหรอก อย่างน้อย ไอ้เสี่ยกำพลก็ถูกจับ แล้วมันก็ต้องรับกรรม อย่างสาสม”
บานชื่นลูบหัวดาวเรือง เพี้ยนจับมือดาวเรืองแน่น
“คราวหลัง อย่าลืมชวนฉันไปด้วยนะ ฉันอยากเป็นฮีโร่” เพี้ยนบอก
“เหมือนไอ้วรรณน่ะเหรอ” บานชื่นถาม
“อย่าเป็นเหมือนไอ้วรรณเลย” ดาวเรืองว่า
“ทำไมล่ะ” เพี้ยนสงสัย
ดาวเรืองนึกถึงสุวรรณแล้วอดขำไม่ได้
สุวรรณนอนคว่ำหน้าบนเตียง พยาบาลเช็ดทำความสะอาดแผลเย็บที่ตูดให้
“จ๊าก แม่จ๋าช่วยหนูด้วยย”
เสมอใจกดสองขาของสุวรรณไว้ แหลมกับกรอดจับแขนตรึงไว้คนละข้าง
“ปล่อยกู!! กูแสบบบ”
ผัน เวียง และเมียๆ ยืนมองสุวรรณด้วยความเวทนาสุดๆ
“โถลูกแม่ ต้องมาเจ็บตัวเพราะคนเลวๆ” เวียงพูดกับผัน “เพราะพี่ผันนั่นแหละ!!! ริไปคบคนชั่ว ครอบครัวถึงได้เจอแต่เรื่องซวยๆ” เวียงว่า ผันจ๋อย
“ทำให้เราต้องมีหนี้มีสิน ต้องเอาโฉนดไปจำนอง ต้องเอาทองไปขาย” บุญปลีกเสริม
“พระท่านเรียกว่าคบคนพาล พาลพาไปหาผิด” บุญปลอดบอก
“เป็นไงล่ะพ่อพระของพี่ผัน คราวนี้ยังอยากจะยกมือไหว้อีกมั้ย” ไสวว่า
ผันถูกรุมจึงทำหน้าแทบไม่ถูก
“คนมันพลาดไปแล้ว จะเหยียบย่ำซ้ำเติมไปถึงไหน”
สุวรรณฉุน “หนูเกือบตายเพราะลูกปืนของไอ้เสี่ยกำพล ดีนะที่ไอ้เรืองไปช่วยทัน”
“ที่ไอ้เรืองไปช่วย ก็เพราะข้าไปบอกมันเอง” เสมอใจบอก
พยาบาลทำแผลเสร็จก็เดินถืออุปกรณ์ออกไป
“อย่ามาเว่อร์ เอ็งไปรู้ข่าวมาจากไหน ใครบอกเอ็ง”
“ก็....กำนันผัน พ่อเอ็งไง!!!! ที่ให้ข้าไปบอกไอ้เรือง ให้ไปเตือนตำรวจ”
สุวรรณหันไปมองพ่อ ในขณะที่เมียๆ ของผันก็หันมามองผัว
เวียงน้ำตาซึมแล้วกลับคำทันที “ว่าแล้วปะไร ผัวฉันไม่โง่”
ไสวพลิกลิ้น “ไหวเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
“หล่อ ล่ำ ฉลาดและแสนดี ไม่มีใครเกินผัวฉัน” บุญปลีกชม
“ในที่สุด พี่ผันก็โผล่พ้นตม ขึ้นมาอยู่เหนือน้ำกับเขาสักทีนะพี่นะ” บุญปลอดบอก
“ข้าอาจจะไม่ใช่คนดี แต่ข้าก็ไม่ได้เลวถึงขั้นขายชาติหรอกเว้ย ข้าเคยหลงผิดมาแล้ว ต่อไปนี้ ข้า” ผันประกาศลั่น “กำนันผัน...จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของใครอีกเป็นอันขาด!”
สุวรรณยิ้มภูมิใจในตัวพ่อ ในขณะที่บรรดาเมียปรบมือด้วยความปลื้มปริ่มกันเกลียว
ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนเดินออกจากห้องทำแผลมาด้วยกัน หมอเปิดประตูออกมาจากห้องผ่าตัด ดาวเรืองพุ่งไปหา
“ปลัดเป็นไงบ้างจ๊ะคุณหมอ”
“แผลจากสะเก็ดระเบิดไม่มีปัญหาครับ ส่วนแผลที่โดนยิง หมอผ่าเอากระสุนออก ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว” หมอบอก
“เข้าไปเยี่ยมได้มั้ยจ๊ะ”
“อย่าเพิ่งดีกว่าครับ เราเพิ่งย้ายคนไข้ไปอยู่ที่ห้องพักฟื้น รอให้คนไข้ฟื้นซะก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยม หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณนะจ๊ะคุณหมอ”
หมอเดินจากไป
ดาวเรืองพูดกับบานชื่น “เดี๋ยวมานะแม่” ดาวเรืองเดินไปอีกทาง
บานชื่นกับเพี้ยนมองตามก่อนจะหันมามองหน้าแบบรู้กันว่าดาวเรืองจะไปไหน
ดาวเรืองชะโงกหน้ามองผ่านช่องกระจกเข้ามาในห้องฉุกเฉิน เธอเห็นจินตวัฒน์นอนบนเตียง โดยมีผ้าพันแผลพันไหล่และลำตัวหลายแห่ง มีขวดน้ำเกลือและขวดเลือดห้อยระโยงระยาง ดาวเรืองรู้สึกสงสารจินตวัฒน์จับใจ สักครู่เธอพลิกตัวหันกลับมาทำตาละห้อยก่อนจะเดินคอตกออกไป
บานชื่นกับเพี้ยนหันมาเห็นดาวเรืองก็รีบเดินมาหา
“เป็นไงไอ้เรือง ปลัดฟื้นรึยัง” บานชื่นถาม
“ที่เขาเจ็บก็เพราะฉัน ที่เขาโดนยิงก็เพราะเอาตัวมารับกระสุนแทนฉัน” ดาวเรืองบอก
เพี้ยนพูดแบบไม่ทันคิด “ปลัดคงรักพี่เรืองมากจริงๆ แหละ เป็นฉัน ฉันคงไม่เสี่ยงตายขนาดนั้นหรอก”
“ไอ้เพี้ยน!!!! นี่ใช่เวลาพูดเล่นเหรอห๊า!!” บานชื่นพูดกับดาวเรือง “อย่าห่วงไปเลยไอ้เรือง คนดีๆอย่างคุณปลัดไม่ตายง่ายๆหรอก เรากลับกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่ เดี๋ยวพี่พฤกษ์กลับบ้านไม่เห็นใคร...จะเป็นห่วง”
บุรุษพยาบาลเข็นรถที่พฤกษ์นอนหลับตาหน้าซีดผ่านหน้าดาวเรือง บานชื่นและเพี้ยนไป ในขณะที่สุดาวดีวิ่งตามรถเข็นไปไม่ห่าง
“นายพฤกษ์! นายต้องไม่เป็นอะไรนะ”
สุดาวดีวิ่งตามไปถึงหน้าห้องฉุกเฉิน
“หน้าคุ้นๆนะ” เพี้ยนว่า
ดาวเรืองกับบานชื่นพูดพร้อมกัน “พี่พฤกษ์/เจ้าพฤกษ์”
ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนถลาเข้ามาด้วยหน้าตาร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าพฤกษ์ไปโดนอะไรมาคะ!”
สุดาวดีที่สวมร้องเท้าแตะของพฤกษ์ สวมเสื้อผ้าเปื้อนเลือด และสกปรกเลอะเทอะไปทั้งตัวกำลังจะอ้าปากตอบแต่ถูกถามแทรกต่อเป็นชุด
“ใครทำพี่พฤกษ์!”
“ไปมีเรื่องอะไรกัน!”
สุดาวดีอ้าปากจะตอบ
บานชื่นถามแทรก “โดนอะไรตรงไหนบ้าง ทำไมเลือดออกขนาดนั้น!”
“โดนรถชน โดนยิง” เพี้ยนถาม
ดาวเรืองถามอีก “โดนอะไรกันแน่”
สุดาวดีเหลืออด “อร๊าย! หยุด”
ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนเงียบกริบ
สุดาวดีถอนใจเฮือก “...แล้วฟัง!”
ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนตั้งใจฟัง
ดาวเรือง บานชื่น สุดาวดี และเพี้ยนนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องรับยา
“เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันตั้งตัวไม่ติด...ถ้าไม่ได้นายพฤกษ์ช่วยไว้ ฉันคง....”
เพี้ยนพูดแทรก “ไปเฝ้ายมบาล”
บานชื่นเขกหัวเพี้ยน “ถ้ายังไม่หยุดพูด แม่จะเย็บปากให้” เพี้ยนลูบหัวป้อยๆ
“แล้วคุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ดาวเรืองมองดูสุดาวดีทั่วๆ “ให้หมอตรวจหน่อยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก มีแค่แผลฟกช้ำนิดๆหน่อยๆ” สุดาวดีเผลอชื่นชม “ถ้าพี่ชายเธอไม่เอาตัวมาบังกระสุนให้ฉัน ฉันคงตายไปแล้ว”
เพี้ยนตาโต “เฮ้ย! เหมือนคุณปลัดที่เอาตัวบังกระสุนให้พี่เรืองเป๊ะ พี่พฤกษ์ชอบคุณโรสเหมือนคุณปลัดชอบพี่เรืองแหง!”
บานชื่นเขกหัวเพี้ยนอีกโป๊ก “ไอ้เพี้ยน!”
สุดาวดีตกใจปนอึ้ง ดาวเรืองเองก็รู้สึกวูบวาบไม่ต่างจากสุดาวดี เพี้ยนจ๋อย
ดาวเรืองพยายามกลบเกลื่อน “อย่าถือสาไอ้เพี้ยนเลยนะ มันดูละครมากไปหน่อย เลยเพ้อไปเรื่อย”
สุดาวดีส่งยิ้มให้ดาวเรืองแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“คุณยังไม่ได้กินอะไรสินะ เอางี้ ไปกินข้าวที่ร้าน เดี๋ยวน้าทำให้สุดฝีมือเลย” บานชื่นบอก
สุดาวดีซึ้งจนน้ำตาคลอ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกินไม่ลง ไม่รู้นายพฤกษ์เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“พี่พฤกษ์อยู่กับหมอแล้ว คุณสบายใจได้ ยังมีอีกคนที่คุณน่าจะเป็นห่วงมากกว่า”
สุดาวดีมองดาวเรืองงงๆ
สุดาวดีผละออกจากช่องกระจกหน้าประตูแล้วก็หน้าซีด ตัวสั่น เพราะใจเสีย
“ให้เลือดให้น้ำเกลือยังงี้...แสดงว่าจิ๋นอาการหนักมากเลยใช่มั้ย” สุดาวดีถาม
ดาวเรืองพยักหน้า “แต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“ฉันจะอยู่เฝ้าเขาที่นี่”
“ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาเฝ้านะ”
“ฉันไม่กล้ากลับไปที่บ้านนั่น ฉันกลัวพวกมือปืนมันจะกลับมาไล่ยิงอีก”
“คุณไม่ต้องกลัว ฉันจะไปนอนเป็นเพื่อนคุณเอง” ดาวเรืองบอก
“จริงนะ” สุดาวดีถาม ดาวเรืองพยักหน้า “ขอบใจจ้ะ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ สุดาวดีเริ่มสำนึกในน้ำใสใจจริงของคนบ้านนอกแล้ว
สุดาวดีที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินกระเผลกออกมาจากห้องนอน ดาวเรืองที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกำลังนั่งอ่านวิธีใช้ยาที่โซฟา ดาวเรืองเงยหน้ามองสุดาวดีแล้วยิ้ม สุดาวดีเดินมานั่งข้างๆ ดาวเรือง
ดาวเรืองพูด “มีแต่เบตาดีนกับยาหม่อง คุณใช้ทาแผลไปก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปขอเจียดยาสมุนไพรจากน้าไหวมาให้ รับรอง หายเป็นปลิดทิ้ง”
สุดาวดีลูบคลำเท้าตัวเองที่เป็นแผลแตกและบวมเป่งทั้ง 2 ข้างแล้วนึกถึงพฤกษ์
“คุณคงเจ็บเท้ามากสินะ” ดาวเรืองถาม
“มันคงเจ็บ...และเป็นแผลเหวอะมากกว่านี้ ถ้าพี่ชายเธอไม่เสียสละรองเท้าให้ฉัน”
ดาวเรืองยิ้ม “พี่พฤกษ์คงไม่อยากให้เท้าสวยๆของคุณเป็นอะไรไป...คุณเป็นนางแบบ ต้องใช้เท้าทำงาน”
สุดาวดียิ้มแล้วนึกขึ้นได้ “จริงสิ เธอหากล่องยาเจอได้ไง มันวางอยู่ตรงไหนเหรอ ฉันหาทั่วบ้านไม่ยักเจอ”
“ในตู้เก็บหนังสือนั่นไง ปลัดเคยให้ฉันไปหยิบหนังสือการเลี้ยงเป็ดในนั้น ฉันเลยเห็น...ยังเคยบ่นเลยว่า...ปลัดวางของปนกันมั่วซั่ว”
สุดาวดียิ้มแล้วอดเปรยไม่ได้ “ท่าทางเธอจะสนิทกับจิ๋นมาก”
ดาวเรืองเริ่มเอ๋อ “ใครว่า ฉันกับปลัดออกแนวศัตรูคู่แค้นกันมากกว่า ตอนปลัดมาประจำที่นี่ใหม่ๆ ฉันเล่นงานจนอ่วมไปตั้งหลายหน แต่เขาทั้งอึด ทั้งทน ทำยังไงก็ไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ”
“ถ้างั้นอุปสรรคเรื่องคนที่เขาเคยพูดให้ฉันฟัง คงหมายถึงเธอสินะดาวเรือง”
ดาวเรืองจ๋อย “ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะ เพราะฉันพาเขาไปรับรู้เรื่องเลวๆพวกนั้น เขาถึงอาสาไปทำงาน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“ฉันเองก็ต้องขอโทษเธอกับครอบครัวด้วยเหมือนกัน ที่ทำให้พฤกษ์ต้องมารับเคราะห์แทนฉัน..” สุดาวดีนึกถึงพฤกษ์ “เป็นคนอื่น เขาคงหนีเอาตัวรอดไปแล้ว..” สุดาวดีพูดกับดาวเรือง “เธอโชคดีมากนะดาวเรือง ที่มีพี่ชายเจ๋งขนาดนี้”
“คุณก็โชคดี ที่มีคู่หมั้นดีๆอย่างปลัด”
สองสาวยิ้มให้กันซึ่งเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความจริงใจ
ดาวเรืองกับสุดาวดีเดินตามกันมาอย่างเร่งรีบจนถึงเคาน์เตอร์พร้อมๆ กัน
ดาวเรืองกับสุดาวดีพูดพร้อมกัน “คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ / จ๊ะ”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์เงยหน้ามองสองสาว
“คนไหนคะ”
ดาวเรืองกับสุดาวดีรีบตอบพร้อมกันอีก “คุณพฤกษ์!”
ดาวเรืองเหล่มองสุดาวดีแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าเอ๊ะ ยังไงกัน
สุดาวดีรีบแก้คำ “เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ คุณจินตวัฒน์ค่ะ”
“แล้วก็ไอ้..เอ่อ..คุณวรรณด้วย” ดาวเรืองบอก
พยาบาลคลิกเมาส์เพื่อเลื่อนดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ “คุณจินตวัฒน์ วิโสภาออกจากห้องไอซียูแล้ว ตอนนี้พักอยู่ห้อง 213 คุณพฤกษ์ สำราญดีอยู่ที่ห้อง 214 ขึ้นบันไดทางด้านนี้ค่ะ” พยาบาลผายมือไปทางขวา “ส่วนคุณวรรณ...อยู่อีกตึกนึงค่ะ แต่เยี่ยมตอนนี้ไม่ได้”
ดาวเรืองแปลกใจ “ทำไมคะ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเรือง ตอนที่ 12 (ต่อ)
“หมอให้คุณวรรณเข้าผ่าตัดด่วนเมื่อครู่นี้เองค่ะ”
ดาวเรืองตกใจจนหน้าซีด “โธ่...ไอ้วรรณ เจ็บซ้ำเจ็บซาก”
สุดาวดีที่กำลังจะผละจากเคาน์เตอร์ชะงักแล้วหันมาหาดาวเรืองก่อนจะจับไม้จับมือเพื่อให้กำลังใจ
“ไม่เจ็บมากหรอกค่ะ แค่ผ่าคลอด เขาผ่ากันเยอะแยะ” พยาบาลบอก
“ห๊า... เอ่อ... คุณวรรรณที่ให้หามันเป็นผู้ชายจ้ะ ชื่อจริงชื่อคุณสุวรรณ”
“อ้าว เหรอคะ” พยาบาลคลิกคอมพิวเตอร์ดูอีกที “นายสุวรรณ ขยันสอย ใช่มั้ยคะ” ดาวเรืองพยักหน้า “อยู่ห้อง 215 ค่ะ”
ดาวเรืองกับสุดาวดีโล่งอก “ขอบคุณค่ะ”
ดาวเรืองกับสุดาวดีรีบผละจากเคาน์เตอร์ไปตามทางที่พยาบาลผายมือบอกทันที
ห้อง 213 และ 214 อยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี ดาวเรืองกับสุดาวดีเดินจ้ำมาตามทางโดยมองหาเลขห้องไปด้วย ทั้งสองคนเห็นป้ายชื่อหน้าห้อง ห้อง 213 มีป้ายชื่อนายจินตวัฒน์ วิโสภา ส่วนห้อง 214 มีป้ายชื่อนายพฤกษ์ สำราญดี
ทั้งคู่เดินไขว้กัน ดาวเรืองเผลอจะเข้าไปดูจินตวัฒน์ในห้อง 213 ในขณะที่สุดาวดีพุ่งไปที่ห้อง 214 ที่พฤกษ์อยู่ ทั้งคู่จับลูกบิดประตูแล้วชะงัก ต่างฝ่ายต่างนึกได้จึงเหลียวมามองกันแล้วยิ้มเฉไฉใส่กันทั้งคู่
“ขอโทษ จำผิด ปลัดอยู่ห้องนี้” ดาวเรืองบอก
“ใช่... ฉันก็ลืมไปว่าห้องนี้ห้องพี่ชายเธอ”
ดาวเรืองกับสุดาวดีเดินไขว้กันอีกรอบ แล้วแอบปรายตามองกัน เมื่อเจอสายตาของอีกฝ่าย ทั้งคู่ก็รีบผลุบเข้าห้องไปทันที
เสมอใจถอดปิ่นโตออกจากเถา เธอหยิบช้อนแล้วหันมาหาสุวรรณที่นอนคว่ำตูดโด่งอยู่บนเตียงคนไข้
“มา เดี๋ยวข้าจะป้อนเอ็งเอง เอ็งต้องกินเยอะๆ นะ”
“จะบ้าเหรอนังเหมอ ข้าเพิ่งจะกินข้าวที่พยาบาลเอามาให้แหม็บๆ แหกตาดูซะบ้าง จานชามยังไม่ได้เก็บเลยเห็นมั้ย ใครมันจะกระเดือกของเอ็งลงได้อีก”
เสมอใจเดินไปเปิดฝาชามที่วางอยู่บนโต๊ะล้อเลื่อนปลายเตียงของสุวรรณดูก็เห็นว่าเหลือข้าวต้มขอดชาม
“ข้าวต้มใสจ๋องแบบนี้ ฉี่หนเดียวเกลือแร่ วิตามินก็ไหลออกหมดแล้ว นี่...น้าเวียงสั่งให้ข้าทำแต่ของบำรุงมาให้เอ็งทั้งนั้นเลยนะ แผลจะได้หายเร็วๆ” เสมอใจเดินเข้าไปใกล้สุวรรณ “เอ็งพอจะลุกนั่งไหวมั้ยวะ ข้าป้อนไม่ถนัด”
สุวรรณหงุดหงิด “ไม่ไหว!!! ข้าโดนยิงตูดมานะเว้ย โง่หรือแกล้งโง่วะ!”
“แล้วเมื่อกี้เอ็งกินข้าวต้มยังไงล่ะ”
“นอนตะแคง!”
“งั้นเอ็งก็นอนตะแคงสิ”
“ข้าไม่กิน!!! เอ็งจะไปไหนก็ไปปะ เห็นแล้วอารมณ์เสีย” สุวรรณไล่
“เออ... ข้าทำอะไรก็ผิดทั้งนั้น งั้นเอ็งก็บอกมาสิว่าทำยังไงเอ็งถึงจะอารมณ์ดี”
สุวรรณยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไปตามไอ้เรืองมา แค่นี้ข้าก็อารมณ์ดีแล้ว”
เสมอใจข่มความน้อยใจเอาไว้ “เอ็งให้ข้าป้อนข้าวหมด ข้าไปตามไอ้เรือง ตกลงปะ”
สุวรรณไม่ตอบแต่อ้าปากรอด้วยตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เสมอใจแอบยิ้มเพราะอย่างน้อยก็หลอกล่อให้สุวรรณกินข้าวฝีมือตัวเองจนได้
ดาวเรืองป้อนยากับน้ำให้พฤกษ์ซึ่งนอนพิงหมอนอยู่บนเตียงในสภาพไม่สวมเสื้อ มีผ้าพันแผลพันทแยงไหล่ข้างที่ถูกยิงกับลำตัว และเท้าทั้งสองข้างก็พันผ้าก๊อซเรียบร้อย
“หมอบอกรึยังว่าจะให้พี่พฤกษ์ออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่” ดาวเรืองถาม
“หมอให้รอดูอาการอีกวัน 2 วัน ถ้าแผลไม่อักเสบ ไม่มีไข้ ก็กลับไปพักที่บ้านได้” พฤกษ์บอก
ดาวเรืองนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงด้วยสีหน้าเศร้า
“ขอโทษนะพี่พฤกษ์ ที่พี่ต้องมารับเคราะห์แทนฉัน”
พฤกษ์ยื่นมือมาขยี้หัวดาวเรือง “พูดอะไรยังงั้น พี่ดีใจมากกว่าที่อยู่ตรงนั้นแทนเรือง เพราะถ้าเรืองอยู่กับคุณโรส...พี่นึกไม่ออกเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คนจะเป็นยังไง ลำพังเรืองน่ะ พี่รู้ว่าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องพ่วงคุณโรสไปด้วย ลำบากกันแน่”
ดาวเรืองคิดตามแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับพฤกษ์
“คุณโรสเป็นไงบ้าง แต่...” พฤกษ์เปรย “คุณปลัดคงดูแลเขาดีอยู่แล้ว”
“เมื่อวานปลัดไปช่วยตำรวจจับไม้เถื่อน โดนสะเก็ดระเบิดกับโดนยิง นอนเจ็บอยู่ห้องตรงข้ามเนี่ย ฉันเลยไปนอนเป็นเพื่อนคุณโรสเมื่อคืนแล้วก็ช่วยทำแผลให้แล้ว”
พฤกษ์มีสีหน้าสดชื่นขึ้นทันตาที่รู้ว่าสุดาวดีสบายดี และไม่ได้มีจินตวัฒน์คอยประคบประหงม
“ขอบใจมากนะเรืองที่ช่วยดูแลคุณโรส”
ดาวเรืองเหล่มองพฤกษ์เพราะรู้สึกทะแม่งๆ ว่าทำไมพี่ชายต้องขอบใจ เธอเริ่มสงสัยว่าระหว่างพฤกษ์กับสุดาวดีน่าจะมีตื้นลึกหนาบางเหมือนรู้จักกันมาก่อน
สุดาวดีป้อนข้าวต้มของโรงพยาบาลให้จินตวัฒน์ที่นอนบนเตียงซึ่งปรับเอนขึ้น 45 องศา จินตวัฒน์ไม่ได้สวมเสื้อคนไข้แต่มีผ้าพันแผลพันรอบลำตัวและทแยงจากไหล่ข้างที่บาดเจ็บ
“รับปากนะโรส...ว่าจะไม่บอกคุณแม่เรื่องที่ผมบาดเจ็บ”
สุดาวดีถอนใจหนักหน่วง “ก็ได้ค่ะ แต่จิ๋นก็ต้องรับปากโรสว่าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ จิ๋นจะรีบทำหนังสือขอย้ายกลับกรุงเทพฯ โรสไม่อยากให้จิ๋นต้องใช้ชีวิตเสี่ยงๆ ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
“ผมอยู่นี่ยังไม่ครบปีเลย”
“แต่มันเกิน 6 เดือนที่เราสัญญากันไว้แล้วนะคะ”
“งานของผมยังไปไม่ถึงไหน”
“คนร้ายก็ถูกจับแล้วนี่ จิ๋นจะอยู่อีกทำไม”
“งานปราบปรามทำยังไงก็ไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่ยังมีคนเห็นแก่ตัวอยู่ในบ้านเมืองเรา อีกอย่าง...งานพัฒนาท้องถิ่นของผมก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ผมยังไปจากที่นี่ตอนนี้ไม่ได้”
“ไม่ใช่ว่าจิ๋นแอบมีใครที่นี่นะ”
จินตวัฒน์อึ้งเมื่อสุดาวดีพูดจี้ใจดำเต็มๆ
สุดาวดีหัวเราะ “โรสล้อเล่นน่ะค่ะ จิ๋นงานยุ่งจะตาย จะมีเวลาไปเหล่สาวที่ไหน จริงมั้ย”
จินตวัฒน์กินข้าวต้มจนหมด สุดาวดีวางชามพลางมองหากระดาษทิชชู เธอเห็นกล่องทิชชูวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงอีกด้านก็ลุกเดินอ้อมเตียงไปหยิบ จินตวัฒน์มองขาและเท้าโรสที่ติดพลาสเตอร์และมีรอยแต้มยา
“นอกจากที่เท้าแล้วคุณยังเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”
“แผลนี่เรื่องเล็กค่ะ ถ้าไม่ได้นายพฤกษ์ช่วยไว้ โรสคงถูกยิงตายคาบ้านหรือไม่ก็ช็อกตายไปแล้ว” สุดาวดีเผลอมองผ่านกระจกที่ประตูออกไปห้องตรงข้าม “เขาเจ็บหนักก็เพราะโรส...”
จินตวัฒน์สะอึกเมื่อสัมผัสได้ว่ามีความห่วงหาอาทรในน้ำเสียงของสุดาวดี
สุดาวดีรู้สึกตัวก็รีบดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง เธอเอากระดาษทิชชูเช็ดปากให้จินตวัฒน์
“ต้องขอบคุณดาวเรืองอีกคน ขนาดตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ ยังมานอนเป็นเพื่อน มา ช่วยทำแผล แถมหายาแก้อักเสบให้กิน ไม่งั้นแผลโรสคงระบมกว่านี้” สุดาวดีบอก
จินตวัฒน์พูดอย่างภูมิใจ “ดาวเรืองเป็นคนแบบนี้แหละ คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ เป็นเด็กผู้หญิงที่มีหัวใจกล้า แกร่ง น่านับถือมากกว่าผู้ชายอกสามศอกหลายๆ คน คดีนี้ถ้าไม่ได้ดาวเรือง ตำรวจคงไม่ได้หลักฐานมัดตัวคนบงการได้ไวขนาดนี้”
สุดาวดีมองหน้าจินตวัฒน์ แล้วก็เห็นแววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อพูดถึงดาวเรือง สุดาวดีมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ
จ่าแม่นคุมตัวกำพลที่ออกจากโรงพยาบาลและทำแผลที่แขนจนเสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นโรงพัก กำพลขัดขืนโวยวายมาตามทาง บุรินทร์ ทนายความเดินตามอย่างกลัดกลุ้ม
“จะให้พูดกี่ครั้งวะ...ฉันไม่รู้ไม่เห็นว่าไอ้พวกลูกน้องมันทำอะไรกัน ฉันจะขนไม้เถื่อนทำไม ในเมื่อฉันมีป่าปลูกถูกกฎหมาย ไม้ฉันมีทะเบียนทั้งนั้น ใครมันจะอยากหาเรื่องติดคุกวะ!” กำพลโวยวาย
จ่าแม่นเอือม “แต่หลักฐานทุกอย่างมันชัดเจนครับเสี่ย และเราก็สรุปสำนวนคดีไปแล้ว”
“นายจะสรุปเอาเองได้ยังไง ในเมื่อฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำ พวกนายมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันประกันตัว ไอ้บุรินทร์ แกเป็นทนายประสาอะไรห๊า...พาฉันออกไปจากที่นี่...เดี๋ยวนี้!!”
บุรินทร์คอตก “ขอโทษครับเสี่ย”
สันติสุขเดินเข้ามาดักหน้า
“ถ้าตอนทำแผลที่โรงพยาบาล ผมกับทนายบุรินทร์คุยกันแล้วเสี่ยไม่เข้าใจ ผมจะย้ำอีกครั้งตรงนี้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายก็คือ... ตำรวจมีหลักฐานว่าเสี่ยเป็นผู้บงการค้าไม้เถื่อน ค้ายาเสพติด แล้วก็ค้าแรงงานผิดกฎหมาย เราจึงอนุญาตให้เสี่ยประกันตัวไม่ได้เพราะมันเสี่ยงต่อการที่เสี่ยจะหลบหนี ไปข่มขู่ หรือฆ่าปิดปากพยานบุคคล”
กำพลโกรธจนเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานทันที “มึง!!”
“ยังไงเสี่ยก็ต้องถูกฝากขังที่นี่ ส่วนเรื่องที่เสี่ยยืนกรานว่าไม่ได้ทำ ศาลจะเป็นผู้พิจารณาให้ความยุติธรรมกับเสี่ยเอง” สันติสุขบอก
“เชิญครับเสี่ย” หมู่จ้อยผายมือ
กำพลจ้องตำรวจทั้ง 3 นายที่มีท่าทีขึงขังเอาจริงแล้วยอมเดินเข้าไปในห้องขัง
“ผมจะพยายามช่วยเสี่ยให้ออกมาเร็วที่สุดครับ” บุรินทร์บอก
หมู่จ้อยปิดประตูแล้วใส่กุญแจห้อง
กำพลประกาศลั่น “ถ้าบทสรุปจบที่กูไม่ผิด กูจะเอาเรื่องพวกมึงทั้งโรงพัก”
กำพลตะโกนลั่นผ่านลูกกรงด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย
พฤกษ์นอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา ดาวเรืองขยับผ้าห่มมาห่มให้พฤกษ์ เสมอใจเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
“พี่พฤกษ์ยังไม่ฟื้นอีกเหรอเรือง” เสมอใจถาม
“รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังเพลียเลยหลับไปอีก มีอะไรรึเปล่า” ดาวเรืองถาม
“ไอ้วรรณมันเอาแต่แหกปากร้องว่าอยากเจอเอ็ง ไม่เกรงใจใครเลย ข้ากล่อมยังไงมันก็ไม่ฟัง เอ็งไปดูมันหน่อยเหอะ นึกว่าเอาบุญ”
ดาวเรืองนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปเยี่ยมสุวรรณจึงพยักหน้ารับคำด้วยความเต็มใจ
ดาวเรืองเดินจากหน้าห้องพฤกษ์ไปที่ห้องสุวรรณ เสมอใจเดินตามดาวเรืองมาห่างๆ ดาวเรืองกำลังจะเปิดประตูห้องสุวรรณ แต่แล้วก็ชะงักที่เห็นสุดาวดีออกมาจากห้องจินตวัฒน์ เสมอใจจ้องสุดาวดีเพราะจำได้ว่าเป็นดาราดัง
เสมอใจตื่นเต้นจนพูดไม่ออก “ระ...โร...”
สุดาวดียืนมองผ่านกระจกประตูห้องพฤกษ์อย่างละล้าละลังว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ เสมอใจที่กำลังจะแหกปากกรี๊ดเปลี่ยนเป็นจับตามองอย่างไม่เข้าใจว่าสุดาวดีแอบมองพฤกษ์ทำไม
สุดาวดีฮึด เธอคิดว่าเป็นไงเป็นกันก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องพฤกษ์ เสมอใจเดินตามมายืนมองผ่านกระจกประตูห้องพฤกษ์เข้าไปจนเห็นสุดาวดีเดินมายืนข้างเตียงพฤกษ์แล้วจ้องมองพฤกษ์ที่หลับอยู่ด้วยสายตาที่บ่งว่าห่วงใย เสมอใจแปลกใจกับภาพที่เห็น
ดาวเรืองมองหาสุวรรณรอบห้องแต่เห็นเพียงเตียงคนไข้ที่ว่างเปล่าและผ้าห่มยับยู่ยี่กองที่ปลายเตียง สักครู่เสียงชักโครกในห้องน้ำก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงกุกกักๆ ในห้อง ดาวเรืองหันขวับไปที่ห้องน้ำซึ่งปิดประตูอยู่
เสียงสุวรรณดังออกมา “โว้ยยยย... กระดาษเช็ดตูดหมดดด!!! ทำไมเอ็งไม่รู้จักเข้ามาสำรวจให้ข้าก่อนห๊า เรื่องควรทำก็ไม่รู้จักทำ ดูเด๊ะ ยังเช็ดไม่สะอาดเลย นังเหมอ!! นี่เอ็งยังอยู่รึเปล่าวะ”
ดาวเรืองหัวเราะขำสุวรรณ
สุดาวดีค่อยๆ เลิกผ้าห่มเพื่อดูขาพฤกษ์ พอเห็นขาและเท้าที่ทำแผลไว้สุดาวดีก็รู้สึกเจ็บแทน พฤกษ์ยังหลับไม่รู้เรื่อง เขานอนคอพับจนเกือบตกหมอน สุดาวดีจึงพลิกหัวพฤกษ์กลับแล้วขยับหมอนให้เข้าที่เข้าทางอย่างเบามือ จากนั้นเธอก็นั่งมองหน้าพฤกษ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณและห่วงใย
เสมอใจที่ยืนมองอยู่ที่กระจกหน้าห้องพฤกษ์เริ่มสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของสุดาวดีที่มีต่อพฤกษ์ซึ่งดูจะไม่ธรรมดา
ประตูห้องน้ำแง้มแคบๆ สุวรรณยื่นเฉพาะมือออกมาฉกม้วนกระดาษทิชชูจากมือดาวเรือง
“คลานเข่าไปหารึไง ถึงเอามาช้าขนาดนี้!” สุวรรณว่า
สุวรรณปิดประตูปังแล้วทำอะไรกุกกักข้างในอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกดชักโครกแล้วเปิดประตูโครม สุวรรณเดินเขยกๆ แล้วขยับกางเกงให้เข้าที่โดยยังไม่ทันเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องคือดาวเรือง
“สบายตูดแล้ว เอ็งพยุงข้าไปหาไอ้เรืองเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ข้ามาให้เอ็งกราบถึงที่แล้ว” ดาวเรืองบอก
สุวรรณเงยหน้ามาเห็นดาวเรืองยืนกอดอกกวนๆ อยู่ตรงหน้า
สุวรรณพูดเสียงอ่อนเสียงหวานทันที “ไอ้เรือง...ข้านอนคิดถึงเอ็งทั้งคืนเลย โอ๊ะ...โอ๊ย... ระบมไปหมดทั้งตัวเลยอะ เอ็งช่วยพาข้าไปที่เตียงที”
ดาวเรืองรีบเข้ามาประคองสุวรรณด้วยความสงสาร
“ข้าฝันจะมีเอ็งอยู่เคียงข้างแบบนี้ไปตลอดชีวิต” สุวรรณบอก
“พูดมากเดี๋ยวกระเทือนถึงตูด” ดาวเรืองว่า
ดาวเรืองค่อยๆ ประคองสุวรรณเดินไปที่เตียง
“นั่นสิ โดนยิงตูดแบบนี้ข้าขี้เยี่ยวลำบากมากเลย นั่งชักโครกก็ลำบาก ต้องตะแคงเอา”
ดาวเรืองประคองสุวรรณเดินไปจะถึงเตียง สุวรรณแกล้งทิ้งน้ำหนักมาทางดาวเรืองจนหน้า จมูก และปากเกือบจะทิ่มแก้มดาวเรือง ดาวเรืองรู้ทันจึงเอามือผลักอกสุวรรณจนกระเด็น สุวรรณเสียหลักเซไปนั่งที่เตียงโดยตูดกระแทกขอบเตียงเต็มๆ
สุวรรณเจ็บแผลสุดๆ “อ๊าก!”
ดาวเรืองตกใจเพราะเพิ่งนึกได้ว่าสุวรรณเป็นแผลที่ตูด
ดาวเรืองทั้งรู้สึกผิดทั้งขำ “ขอโทษๆ ก็เอ็งอยากหาเรื่องเจ็บตัวทำไมล่ะ”
ดาวเรืองประคองสุวรรณนอนตะแคงลงบนเตียง สุวรรณหมดเรี่ยวแรงจะเจ้าเล่ห์ได้อีก
สุวรรณออดอ้อน “ไอ้เรือง แกะส้มให้ข้ากินหน่อย”
สุวรรณพยักพเยิดไปที่โต๊ะหัวเตียงซึ่งข้างปิ่นโตของเสมอใจมีถุงส้มเขียวหวานที่เสมอใจเอามาวางไว้ เสมอใจเปิดประตูเข้ามาพอดี สุวรรณเซ็ง
“กลับมาทำไมวะนังเหมอ ผิดคิวอยู่เรื่อยเลยนะเอ็ง”
“ข้าก็ไม่ได้อยากจะมาขัดจังหวะเอ็งหรอกนะ แต่ว่าคุณพยาบาล...”
พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมอ่างพลาสติกใบเล็กกับผ้าขนหนู
“ขออนุญาตเช็ดตัวคนไข้ค่ะ ญาติช่วยออกไปรอข้างนอกนะคะ” พยาบาลบอก
สุวรรณบ่นอุบ “นี่ก็ผิดคิวอีกคน”
“ถ้างั้นวันหลังข้ามาเยี่ยมใหม่ หายไวๆ นะเว้ย” ดาวเรืองบอก
ดาวเรืองเดินตัวปลิวออกไปจากห้อง สุวรรณได้แต่เหวอ พยาบาลดึงม่านปิด
เสียงโทรศัพท์มือถือของเสมอใจดังขึ้น
เสมอใจรับสาย “จ้ะน้าเวียง พยาบาลกำลังเช็ดตัวให้จ้ะ ข้าวกินได้จ้ะ ไม่ต้องห่วง”
ดาวเรืองปิดประตูห้องสุวรรณแล้วเดินมาตามทางเดินเพื่อจะกลับไปที่ห้องพฤกษ์ แต่แล้วเธอกลับมองผ่านกระจกที่ประตูห้องจินตวัฒน์ ดาวเรืองเห็นจินตวัฒน์หลับอยู่ก็ชะงัก ดาวเรืองตัดใจผละออกมา แต่ยังไม่ทันเดินถึง 2 ก้าว ดาวเรืองก็ชะงักหันกลับเข้ามา ดาวเรืองมองซ้ายมองขวาพอเห็นทางเดินหน้าห้องไม่มีใครเธอก็ตัดสินใจเปิดประตูห้องจินตวัฒน์แล้วเข้าไป
ดาวเรืองเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบแล้วกวาดตาสำรวจรอบห้องว่าสุดาวดีอยู่หรือเปล่า จากนั้นเธอก็เดินไปชะโงกดูในห้องน้ำ เมื่อไม่เห็นใครดาวเรืองก็โล่งอก ดาวเรืองเดินตรงไปที่เตียง จินตวัฒน์ที่นอนหลับอยู่ขยับตัวแต่ยังไม่ลืมตาเพราะเพลีย
“โรส ผมหิวน้ำ”
ดาวเรืองหยิบขวดน้ำเทใส่แก้วพร้อมหลอดจากโต๊ะหัวเตียงแล้วค่อยๆ ประคองจินตวัฒน์ขึ้นนั่ง ก่อนจะเอาหลอดไปจ่อที่ริมฝีปากของเขา
จินตวัฒน์ลืมตาช้าๆ
จินตวัฒน์เห็นดาวเรืองก็ดีใจ “ดาวเรือง!!! เธอเป็นยังไงบ้าง ทำไมไม่นอนพัก แผลล่ะ..”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอปลอดภัย แล้วก็ดีใจมากที่เธออุตส่าห์มาเยี่ยม”
“เห็นนอนอยู่คนเดียวก็เลยแวะมาดู ตื่นก็ดีแล้ว ฉันจะได้กลับไปเฝ้าพี่พฤกษ์ อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปช่วยแม่ที่ร้าน”
จินตวัฒน์ส่งแววตาเว้าวอน “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ”
ดาวเรืองกัดฟันแล้วฝืนยิ้ม “เดี๋ยวคุณโรสก็มา หน้าที่เฝ้าไข้เป็นหน้าที่ของคู่หมั้น เอ้า...ไหนว่าหิวน้ำ รีบดื่มซะสิ แต่น้ำที่ไอ้เรืองเทให้คงดื่มแล้วไม่ชื่นใจเท่ากับของคุณโรส”
จินตวัฒน์แอบครึ้มใจที่ได้ยินคำพูดกึ่งประชดประชันของดาวเรือง เขาจึงดื่มน้ำโชว์จนหมดแก้ว
“อึ้ม..ชื่นใจจัง ขอบใจมากนะ”
ดาวเรืองรับแก้วมาวาง ทั้งสองคนสบตากัน ต่างฝ่ายต่างมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดคุย ปรับความเข้าใจกันแต่ก็พูดไม่ออกจึงได้แต่นิ่งอยู่ในความเงียบ แล้วในที่สุดดาวเรืองก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“ไปละนะปลัด”
ดาวเรืองหันหลังเดินไปที่ประตู จินตวัฒน์มองตามหลัง ใจเขาอยากจะเรียกเธอไว้แต่ในที่สุดก็ต้องหักใจเพราะไม่รู้จะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้
เสมอใจเปิดประตูออกมาจากห้องสุวรรณโดยพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“จ้ะป้า”
ดาวเรืองเดินใจลอยออกมาจากห้องจินตวัฒน์เพราะน้อยใจที่เขาไม่คิดจะรั้งเธอไว้สักนิด เสมอใจซึ่งกำลังเก็บมือถือชะงักที่เห็นดาวเรืองออกมาจากห้องจินตวัฒน์ ดาวเรืองหันมาเห็นเสมอใจจ้องอยู่ก็รีบแก้ตัวกลบเกลื่อน
“ปลัดดีขึ้นเยอะเลยพี่เหมอ เห็นสภาพเมื่อวานคิดว่าจะนอนหยอดข้าวต้มอีกนาน” ดาวเรืองฝืนยิ้มเบิกบาน “สงสัยมีคู่หมั้นมาเฝ้าเลยหายวันหายคืน”
สุดาวดีออกมาจากห้องพฤกษ์
ดาวเรืองกับเสมอใจหันมาจ้องสุดาวดีแทน สุดาวดีอึกอัก
สุดาวดีกลบเกลื่อนโอเว่อร์ “คือ...ฉันกำลังจะไปเอาของที่รถ เดินผ่านมาเห็นพี่ชายเธออยู่คนเดียวก็สงสัยว่าเธอหายไปไหน เลยเข้าไปดูว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เขาหลับอยู่ ก็เลยรีบออกมาเลยเนี่ย ไม่ได้คุยกันสักคำ...จริงๆ นะ”
เสมอใจจ้องสุดาวดีอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นดาราตัวเป็นๆ ในระยะประชิด ยิ่งสุดาวดีคุยกับดาวเรืองอย่างสนิทสนมเสมอใจก็เดินเข้ามากระแซะดาวเรืองประมาณว่าอยากให้ช่วยแนะนำ
“พี่พฤกษ์ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ... อ้อ คุณโรส นี่พี่เสมอใจ ญาติไอ้วรรณจ้ะ” ดาวเรืองแนะนำ
“เหมอปลื้มคุณโรสมาตั้งนานแล้ว ตัวจริงสวยกว่าในทีวี...สวยม๊ากเลยค่ะ” เสมอใจบอก
สุดาวดียิ้มให้เสมอใจ “ขอบใจจ้ะ”
ดาวเรืองบอกเสมอใจ “คุณโรสเป็นคู่หมั้นปลัดจินตวัฒน์”
เสมอใจยิ่งตื่นเต้น “อ๊าย!!! จริงเหรอคะ ที่แท้ก็คนกันเอง ขอเหมอถ่ายรูปคู่กับคุณโรสได้มั้ยคะ”
“เอาไว้ค่อยถ่ายที่บ้านปลัดเถอะ ขืนถ่ายตรงนี้เดี๋ยวคนได้แตกตื่น คุณโรสอยากมาดูแลปลัดเงียบๆ...เรารีบไปกันเถอะ” ดาวเรืองบอก
“จะไปไหนเหรอ” สุดาวดีถาม
“นัดทำข้าวกลางวันให้พี่พฤกษ์กับไอ้วรรณกันน่ะจ้ะ”
“ฉันไปด้วยคนสิ อยากไปซื้อของอร่อยๆ มาทำให้จิ๋นกินบ้าง รอเดี๋ยวนะ ฉันไปเอากระเป๋าก่อน”
สุดาวดีเปิดประตูห้องจินตวัฒน์แล้วเดินเข้าไป
ดาวเรืองกับเสมอใจมองตามไป ดาวเรืองหน้าหมองลงตามเดิม ส่วนเสมอใจตื่นเต้นกิ๊วก๊าวที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ชิดกับดารา
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเรือง ตอนที่ 12 (ต่อ)
จินตวัฒน์นอนหันหลังให้ประตูเพราะคิดไม่ตกเรื่องดาวเรืองกับสุดาวดีว่าจะทำยังไงดี สุดาวดีงับประตูปิด จินตวัฒน์ได้ยินเสียงประตูก็คิดว่าดาวเรืองกลับมา
จินตวัฒน์พลิกตัวกลับมาแล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ดาวเรือง!”
สุดาวดีชะงัก ยิ่งเห็นสีหน้าดีใจของจินตวัฒน์แล้วเธอก็ยิ่งใจหายอย่างบอกไม่ถูก
สุดาวดีอึ้ง “ดาวเรืองอยู่ข้างนอกค่ะ จะให้เรียกเข้ามามั้ยคะ”
จินตวัฒน์รู้สึกผิด “ไม่เป็นไรครับ”
“โรสจะออกไปซื้อมื้อกลางวันให้จิ๋นนะ ไปไม่นานหรอกค่ะ”
ดาวเรืองกับเสมอใจเดินมารอสุดาวดีที่หน้าห้อง ทั้งสองมองผ่านกระจกที่ประตูห้องเข้าไปเห็นสุดาวดีหยิบกระเป๋าถือที่เตียงแล้วก้มลงจุ๊บแก้มจินตวัฒน์ซ้ายขวา ดาวเรืองอึ้ง ในขณะที่เสมอใจตาลุกวาว
ดาวเรืองหันหน้าหนีภาพบาดตาในห้องแล้วรีบเดินห่างออกมา เสมอใจตามมากระซิบกระซาบดาวเรือง
“ยังกะในละครแน่ะ นางเอกจูบพระเอก อู๊ยยย...ขนลุก”
เสมอใจสังเกตเห็นดาวเรืองหน้าถอดสี
“หน้าตาเหมือนจะเป็นลม เป็นอะไรไอ้เรือง”
สุดาวดีเดินออกมาจากห้องโดยได้ยินเสมอใจพูดพอดี
“ดาวเรืองเป็นอะไรเหรอ” สุดาวดีถาม
ดาวเรืองฝืนยิ้มกลบเกลื่อน “ปะ...เปล่าจ้ะ รีบไปกันเถอะ”
“เอารถฉันไปละกัน”
ดาวเรืองกับสุดาวดีเดินออกไป
เสมอใจมองตามสองสาวแล้วแอบแปลกใจกับปฏิกิริยาของดาวเรืองก่อนจะก้าวเร็วๆ ตามไป
ดาวเรืองตั้งหม้อบนเตาที่ร้าน สุดาวดีหยิบไข่ในตู้เย็น ส่วนเสมอใจนั่งเด็ดผักอยู่ที่โต๊ะ
“เหลือแค่ 2 ฟอง ไม่พอทำออมเล็ตแน่ๆ มีไข่อีกมั้ยดาวเรือง” สุดาวดีถาม
“คุณโรสจะทำแกงอ่อมอะไรนะคะ” เสมอใจถามกลับ
“ไม่ใช่แกงอ่อม...ออมเล็ตจ้ะ ไข่เจียวแบบฝรั่งน่ะ”
เสมอใจทำเหมือนเข้าใจ “อ๋อ”
ดาวเรืองเดินไปดูของที่วางขายหน้าร้าน
“สงสัยคนมาเหมาไปหมดแล้ว ถ้าเหลือแค่ 2 ฟองก็ทำไข่เจียวแบบไทยๆ ดีมั้ย” ดาวเรืองเสนอ
“มันก็เหมือนที่โรงพยาบาลทำให้น่ะสิ” สุดาวดีบอก
“ไม่เหมือนจ้ะ เพราะเราจะใส่ใบโหระพาลงไปในไข่เจียวด้วย” ดาวเรืองบอก
“แล้วจิ๋นจะชอบเหรอ”
ดาวเรืองตอบทันที “ของโปรดเลยล่ะจ้ะ ปลัดสั่งกินประจำ”
-โรสถือไข่จากตู้เย็นเดินมาหาดาวเรืองที่หน้าเตา
“แล้วเธอจะทำอะไรให้พฤกษ์กินล่ะ” สุดาวดีถาม
“ไข่ตุ๋นค่ะ แต่ใส่เห็ดด้วย พี่พฤกษ์ชอบไข่ตุ๋นเห็ดที่สุด”
“ต้องใส่นมสดแทนน้ำแล้วก็เพิ่มวุ้นเส้นลงไป สูตรนี้เขาเคยทำให้ฉันกิน..อร่อยมาก” สุดาวดีบอก
“เขาไหนคะ พี่พฤกษ์เหรอ” เสมอใจถาม
สุดาวดีรีบแก้ตัว “ปะ.เปล่า เขา..พ่อครัวที่ร้านอาหารน่ะ แต่ฉันว่านายพฤกษ์ต้องชอบสูตรนี้แน่ๆ”
“ใส่นมสดแทนน้ำ ตามด้วยวุ้นเส้นเหรอ”
พูดจบดาวเรืองก็เดินไปหยิบวุ้นเส้นกับนมสดที่ชั้นวางของ
เสมอใจหยิบหอมกับกระเทียมออกจากถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ แต่ตาก็คอยสังเกตสองสาวที่ต่างก็รู้รสนิยมของชายหนุ่มที่ไม่ใช่คู่รักตัวเอง
“ฉันไปเด็ดโหระพาให้ ที่ปลูกอยู่หลังบ้านใช่มั้ย” สุดาวดีถาม
“จ้ะ ที่เมื่อกี้พาไปดูน่ะจ้ะ”
สุดาวดีเดินไปทางหลังบ้าน เสมอใจจะขยำถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ลงถังขยะแต่หางตาเห็นข่าวคลิปหลุดของสุดาวดีก็คลี่ออกอ่าน เสมอใจจ้องรูปผู้ชายในข่าวตาไม่กะพริบ
เสมอใจพึมพำ “เฮ้ย!!! นี่มัน...พี่พฤกษ์นี่”
เสมอใจนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาและปะติดปะต่อความสัมพันธ์ระหว่างสุดาวดีกับพฤกษ์ เสมอใจรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่น่าจะไม่ใช่แค่คนรู้จัก ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่ต้องมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นแน่นอน
บานชื่นขี่มอเตอร์ไซค์หน้าตื่นเข้ามาจอดพร้อมเพี้ยน
“นี่...พวกที่ตลาดเขาลือกันให้แซ็ดว่าคุณโรสไม่ได้มาหาคุณปลัด แต่หนีนักข่าวมาว่ะ”
ดาวเรืองงง “หนีนักข่าว หนีทำไม”
บานชื่นหยิบนิตยสารกอสซิปดาราที่หนีบติดจั๊กกะแร้มาแบให้ดาวเรืองดู
“ก็หนีข่าวนี้ไง เอ็งดูหน่อยซิไอ้เรือง ว่านี่ใช่พี่พฤกษ์ของเอ็งรึเปล่า ใครดูกี่คนๆ ก็บอกว่าคล้ายไอ้พฤกษ์ทั้งนั้น”
ดาวเรืองดูรูปในนิตยสารแล้วอึ้งเพราะภาพมันฟ้องว่าผู้ชายในรูปคือพฤกษ์แน่นอน เพี้ยนชะโงกดูบ้าง
บานชื่นคว้าคอเสื้อเพี้ยนออกมา “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ไอ้เพี้ยน”
เพี้ยนโพล่งออกมา “ไม่คล้ายหรอกป้า นี่มันพี่พฤกษ์เลยล่ะ”
เสียงสุดาวดีดังขึ้น “ใช่ค่ะ ผู้ชายในรูปคือพฤกษ์จริงๆ”
ดาวเรือง บานชื่น และเสมอใจหันขวับไปมองสุดาวดี สุดาวดีกำโหระพาเดินเข้ามาจากหลังบ้าน
สุดาวดีพูดต่อ “เรารู้จักกันตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ พฤกษ์เคยช่วยงานโรสพักหนึ่ง แต่เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอนค่ะ”
เสมอใจไม่เชื่อ
ผัน เวียง บุญปลีก บุญปลอด ไสว และแหลมยืนออกันใจจดใจจ่ออยู่ที่ประตูหน้าห้องสุวรรณโดยมีหลวงตาคงหลับตาบริกรรมคาถาอยู่หน้าสุด กรอดถือขันน้ำมนต์ให้
แหลมยกข้อมือผันเพื่อดูนาฬิกา “9…8…7…6…5…4…3…2…1…เป๊ง! 11 โมง 55 แล้วจ้ะ”
หลวงตาคงผลักประตูเข้าไปในห้อง ผันกับเวียงเดินตาม จากนั้นคนที่เหลือก็กรูตามกันเข้าไป
สุวรรณที่นอนคว่ำตูดโด่งอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นเพราะโดนน้ำมนต์หลวงตาคงสาดใส่ตัว หลวงตาคงเดินพรมน้ำมนต์ไปทั่วห้องโดยที่ปากก็บริกรรมคาถาไม่หยุด
สุวรรณโวยวาย “มันอะไรกันห๊า..หลวงตา เพิ่งเช็ดตัวเมื่อสายๆ นี้เอง มาทำให้เปียกทำไมอี๊กก”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่าหนูวรรณ ไอ้คง เอ๊ย หลวงตากำลังปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายให้ออกไปจากตัวลูก แล้วอัญเชิญสิ่งมงคลเข้ามาในชีวิต” ผันบอก
“ถูกจ้ะหนูวรรณ ที่แม่ไม่ได้มาเยี่ยมลูกตั้งแต่เช้าก็เพราะทำพิธีเซ่นไหว้เทวดาฟ้าดิน แล้วก็ไปเชิญหลวงตามาทำพิธีสู่ขวัญลูกนี่ล่ะ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ” เวียงว่า
หลวงตาคงเดินมาหยุดที่ข้างเตียงสุวรรณ แหลมรีบยื่นสายสิญจน์ให้
หลวงตาคงพูด “ยื่นแขนมาไอ้วรรณ”
หลวงตาคงผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือสุวรรณและว่าคาถา จากนั้นเขาก็เป่าเพี้ยงจนน้ำลายกระจายเต็มหัวสุวรรณ
“นับตั้งแต่วินาทีนี้จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล เอ็งต้องทำทุกอย่างตามฤกษ์มงคลที่ข้าให้เท่านั้น จะฝ่าฝืนไม่ได้เด็ดขาด”
“ฤกษ์อยู่นี่แล้วจ้ะ” บุญปลอดคลี่กระดาษที่ยาวเป็นหางว่าว “มีฤกษ์กินข้าว ฤกษ์กินยา ฤกษ์ถ่ายหนัก ฤกษ์ถ่ายเบา ฤกษ์ก้าวลงจากเตียง แล้วก็ท่านอนมงคลด้วย วันคี่นอนตะแคงซ้าย วันคู่ตะแคงขวา”
“พอเถอะน้าปลอด เยอะขนาดนั้นใครจะไปจำได้” สุวรรณบอก
“งั้นฉันช่วยพี่จำเอง” กรอดบอก
“ถ้าให้ไอ้กรอดช่วยจำ มีหวังหนูวรรณไม่มีทางหมดเคราะห์หมดโศกแน่ เอาฤกษ์ที่นังปลอดจดไว้ติดที่หัวเตียงเลยดีกว่านะ” บุญปลีกเสนอ
“ถ้าหนูวรรณอยากหายไวๆ ก็ต้องทำตามฤกษ์ 108 ของหลวงตานะลูก แล้วหลวงตามาเองยังงี้ รับรองหายวันหายคืน” เวียงมั่นใจ
“ถึงไม่เชิญหลวงตามา หนูก็ต้องรีบหายไวๆ อยู่แล้ว”
“อย่าบอกนะว่าพ่อสุวรรณติดใจ อยากจะไปช่วยชาติอีก เที่ยวนี้ถูกส่งไปใต้แน่” ไสวว่า
แหลมปล่อยโฮ “ไม่ได้นะ คนอย่างพี่วรรณคงไม่โชคดีทุกครั้งหรอก เกิดพี่ตายในหน้าที่ขึ้นมาจริงๆ ฉันกับไอ้กรอดจะเกาะใครกินล่ะ”
“เรื่องช่วยชาติเอาไว้ก่อนเว้ย” สุวรรณหันมาหาผันกับเวียง “พ่อจ๋าแม่จ๋า ที่หนูรอดมาได้ หนูรู้แล้วว่าชีวิตคนเรามันสั้นแค่ไหน ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ หนูจะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ทันที”
เวียงจับมือลูกแล้วก็น้ำตาคลอ “โถ...หนูวรรณ อยากจะบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่”
สุวรรณปฏิเสธเสียงสูง “เปล๊า... หนูจะแต่งงาน พ่อกับแม่มีหลานเลี้ยงจะได้ไม่เหงาไง”
ทุกคนเซ็งกับคำตอบของสุวรรณ
พฤกษ์นั่งเอนหลังอยู่บนเตียงคนไข้ ดาวเรืองเฉาะฝรั่งใส่จาน เพี้ยนหยิบกินเอาๆ บานชื่นตักกับข้าวทุกอย่างจากปิ่นโตใส่ลงในชามข้าวแล้วป้อนพฤกษ์
“ผักบุ้งไฟแดงนี่น่ากินมากเลยลูก ลองสักหน่อย แกงจืดเต้าหู้หมูสับนี่ใส่สาหร่ายด้วยนะ แล้วนี่ก็ไข่ตุ๋นของโปรด”
เพี้ยนชะโงกมองชามข้าวพฤกษ์ที่มีทุกอย่างลงไปผสมกันแล้วก็ทำหน้าเบ้ “หือ... ให้พี่พฤกษ์กินทุกอย่างรวมกันยังกับใส่บาตรพระครูจ้อยแน่ะ”
พฤกษ์มองในชาม “นึกว่าลืมใส่วุ้นเส้นในไข่ตุ๋นซะแล้ว”
“ไม่ใช่ลืม ไม่รู้ต่างหากว่าพี่พฤกษ์ชอบกินแบบนี้ ที่ใส่มาเพราะคุณโรสบอกให้ใส่” ดาวเรืองบอก
พฤกษ์อึ้งไปแต่ปิดประกายตาวิบวับไม่มิด
“แอบเป็นผู้จัดการเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นเล่าให้แม่ให้น้องฟังบ้าง” ดาวเรืองว่า
พฤกษ์หน้าแดง
“มีอะไรเผ็ดเหรอพี่พฤกษ์ ทำไมหน้าแดง” เพี้ยนถาม
พฤกษ์เล่า “ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ พี่ขับรถไปเฉี่ยวคุณโรส ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล พี่เลยต้องไปช่วยงานเขา...ก็แค่นั้น”
“แล้วที่เป็นข่าวล่ะ จูบกันขนาดนั้น อุบัติเหตุรึเปล่า” บานชื่นถามต่อ
“แม่อย่าไปเชื่อหนังสือพิมพ์มากเลย พวกนักข่าวเขาขยายเรื่องเล็กๆ ให้ใหญ่โต จะได้ขายข่าวได้” พฤกษ์พูดหนักแน่น “ความจริงคือ ผมกับคุณโรส เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอนครับ”
ดาวเรืองหัวเราะก๊าก “แอบไปตกลงกันก่อนปะเนี่ย ตอบแบบเดียวกันเป๊ะ”
พฤกษ์หน้าเหลอหลา
“เกือบลืม... ไอ้เรือง เอ็งเอาแกงจืดเต้าหู้ไปให้ปลัดที รีบไปเดี๋ยวมันจะชืดซะก่อน” บานชื่นบอก
ดาวเรืองหัวเราะค้างและขำไม่ออก
จินตวัฒน์นั่งเอนหลังอยู่บนเตียง สุดาวดีจัดอาหารบนโต๊ะล้อเลื่อนเสร็จก็เข็นมาที่เตียง
จินตวัฒน์รีบบอก “ยังไม่หิวเลย”
“ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ จิ๋นต้องกินยาหลังอาหาร อ้าปากเร้ว!! โรสป้อนแล้วจิ๋นต้องกิน ไม่งั้นโรสเสียใจนะคะ”
จินตวัฒน์มองไปที่โต๊ะเห็นข้าวเปล่า ผัดคะน้าหมูกรอบ และปิดท้ายด้วยไข่เจียวโหระพาก็ยิ้มออก
“มีไข่เจียวโหระพาด้วยเหรอ”
“ค่ะ ดาวเรืองเจียวให้ซะฟู โรสก็เพิ่งรู้จากดาวเรืองนี่ล่ะว่าจิ๋นชอบ”
จินตวัฒน์เห็นเป็นอาหารที่ดาวเรืองทำเลยกินเอาๆ แต่โดยดี สุดาวดียิ้มดีใจ ดาวเรืองเปิดประตูเข้ามาเห็นสุดาวดีป้อนข้าวจินตวัฒน์เอาอกเอาใจ ในขณะที่จินตวัฒน์ก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ด
“แม่ให้เอาแกงจืดมาให้” ดาวเรืองบอก
“ฝากขอบคุณน้าบานชื่นด้วยนะดาวเรือง” จินตวัฒน์บอก
“ยังอุ่นๆอยู่เลย มาค่ะ” สุดาวดีจะตักป้อน
จินตวัฒน์แอบมองดาวเรือง “ไม่เป็นไรครับโรส ผมกินเองก็ได้”
สุดาวดีสังเกตเห็นสายตาจินตวัฒน์แคร์ดาวเรืองมากก็แอบเจ็บเล็กๆ
“ตายแล้ว! เมื่อกี้โรสแวะซื้อขนมครกที่ตลาด ดันลืมไว้ที่ร้าน หน้าตาน่ากินด้วย” สุดาวดีโพล่งออกมา
“สงสัยขนมครกร้านแม่มะเฟือง ไม่รู้กินแล้วจะหลับเป็นตายเหมือนเที่ยวที่แล้วรึเปล่านะดาวเรือง” จินตวัฒน์หัวเราะ
สุดาวดีรู้สึกได้เลยว่าจินตวัฒน์สนิทสนมและเอ็นดูดาวเรืองสุดๆ จึงรู้สึกเจ็บจี๊ดเป็นครั้งที่ 2
ดาวเรืองแกล้งขำกลบความรู้สึกน้อยใจ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสร็จธุระแล้ว ฉันไปนะ”
จินตวัฒน์เว้าวอน “เย็นนี้จะแวะมาอีกรึเปล่า”
สุดาวดีหันมามองจินตวัฒน์กับดาวเรืองที่มีสายใยบางอย่างในแววตาของคนทั้งคู่ก็เจ็บจี๊ดเป็นครั้งที่ 3 ดาวเรืองเห็นสุดาวดีปรายตามองก็รู้สึกผิดจึงรีบแก้สถานการณ์
“เป็นห่วงคุณโรสล่ะสิ ฉันไม่มาแล้ว คืนนี้แม่อยู่เฝ้าพี่พฤกษ์ ปลัดไม่ต้องห่วงน่า ฉันจะไปนอนค้างเป็นเพื่อนคุณโรสเอง รับรองว่าจะดูแลคู่หมั้นปลัดอย่างดีที่สุด”
ดาวเรืองพูดจบก็ตัดใจเดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินสุดๆ
ดาวเรืองเดินออกมาจากห้องจินตวัฒน์แล้วแอบชำเลืองมองผ่านกระจกเข้าไปในห้อง เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่รู้จินตวัฒน์จะมาส่งสายตาเว้าวอนให้อีกทำไม ทั้งที่คู่หมั้นตัวเองก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น
ดาวเรืองทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง ฯลฯ เสมอใจถือปิ่นโตกำลังจะเดินไปห้องสุวรรณ เสมอใจชะงักเมื่อเห็นดาวเรืองมองเข้าไปในห้องจินตวัฒน์ เสมอใจหลบเข้าซอกตึก ในขณะที่ดาวเรืองหันหน้ามาด้วยแววตาหม่นหมอง เสมอใจพอจะเดาเหตุการณ์ออกและเริ่มเข้าใจดาวเรืองเพราะรู้ดีว่าการรักคนมีเจ้าของรสชาติมันเป็นยังไง
หลวงตาคงเจิมน้ำมันที่หน้าแข้งทั้งสองข้างให้สุวรรณ
“ข้าปลุกเสกน้ำมันมนต์ให้เอ็งทั้งคืน เอ็งลองเดินดู”
แหลมกับกรอดประคองสุวรรณที่นั่งตะแคงตูดห้อยขาอยู่ที่เตียงให้ลุกขึ้น เวียง ผัน และไสวยืนลุ้นตัวโก่งประดุจลุ้นลูกหัดเดินเป็นครั้งแรกในชีวิต
บุญปลีกและบุญปลอดที่กำลังปอกผลไม้ใส่จานหยุดมองสุวรรณอย่างลุ้นๆ เสมอใจที่เพิ่งถือปิ่นโตเดินเข้าห้องมาหยุดมองสุวรรณที่ประตู แหลมและกรอดปล่อยสุวรรณให้ค่อยๆ ก้าวเดินเอง สุวรรณเดินเหมือนขี้คาตูดไปหาพ่อแม่
บุญปลอดวิ่งถือมีดเข้ามาตะโกนลั่น “หนูวรรณเดินเองได้แล้ว”
“พี่วรรณเดินเองได้ แต่อาจตายเพราะมีดในมือน้าปลอดนี่แหละ เอาไปไกลๆ” แหลมว่า
หลวงตาคงยืด “เป็นไงล่ะน้ำมันข้า”
“ลูกกำนันผันเข้มแข็งที่สุด” ผันชม
“หนูวรรณมันใจสู้เหมือนแม่ต่างหาก” เวียงบอก
“แบบนี้อีก 2-3 วันเอ็งก็กลับบ้านได้แล้ว” เสมอใจพูด
“ไม่ต้องรอ 2-3 วัน ข้าจะออกพรุ่งนี้เลย” สุวรรณบอก
“จะรีบออกทำไมล่ะพี่” กรอดงง
“ข้าจะรีบไปหมั้นไอ้เรือง”
ไสวหัวเราะเยาะ “ประกาศจะหมั้นจะแต่งกับมันตั้งกะ ป.2 ไม่เคยเห็นพ่อสุวรรณทำสำเร็จ ขนาดวางแผนฉุดก็ยังพลาด เอาเหอะ..ยังไงก็ขอบใจนะ เพราะพ่อพลาด ป้าถึงมีผัว” ไสวชม้ายตามองผัน
“ขอร้องล่ะหนูวรรณ อย่าคิดฉุดไอ้เรืองอีกเลยนะ น้าไม่อยากให้พ่อเราได้เมียเพิ่ม” บุญปลีกบอก
“คราวนี้ไม่มีฉุดกระชากลากถู เพราะฉันจะส่งผู้ใหญ่ไปขอ รับรองว่าผู้ใหญ่คนนี้ไอ้เรืองมันปฏิเสธไม่ได้แน่”
สุวรรณนิ่ง และมีแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความมั่นใจเกินร้อย เสมอใจมองเห็นความมั่นใจของสุวรรณแล้วใจหายวาบ
พฤกษ์ใช้ไม้ค้ำยันพยุงตัวเองเดินในสวน โดยมีเสมอใจยืนดูอยู่ห่างๆ พฤกษ์เห็นสุดาวดีประคองจินตวัฒน์เข้ามาฝึกเดินก็รีบก้มหน้าเพราะแอบน้อยใจลึกๆ จินตวัฒน์หันมาเห็นพฤกษ์ก็เอ่ยทัก
“อ้าว! พฤกษ์เป็นยังไงบ้าง”
สุดาวดีเงยหน้ามาเห็นพฤกษ์ก็ชะงักเล็กน้อยแต่พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ แล้วประคองจินตวัฒน์มาหาพฤกษ์
“ดีขึ้นมากแล้วครับ” พฤกษ์ตอบ
“คิดว่าน้าบานชื่นอยู่กับนายซะอีก เห็นดาวเรืองบอกยังงั้น”
“พอดีมีคนมาสั่งทำอาหารน่ะครับ เสมอใจเลยอาสามาดูแลแทน” พฤกษ์มองสุดาวดีด้วยความห่วงใย “ไม่เจอคุณโรสเลยนะครับ หายดีรึยัง”
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ นายก็ดูแข็งแรงขึ้นแล้วนี่” สุดาวดีออกตัว “พอดีฉันมัวแต่เฝ้าจิ๋นก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยม”
เสมอใจเข้ามาแจ๋ “คุณโรสหมายถึงไม่ได้ไปเยี่ยมพี่พฤกษ์บ่อยๆ น่ะ ก็เข้าไปเยี่ยม 2 ครั้ง พี่พฤกษ์ก็หลับทั้ง 2 ครั้ง ขี้เซาอย่างนี้ ใครจะไปเยี่ยมได้บ่อยๆ ล่ะ จริงมั้ยคะ..คุณโรส”
พฤกษ์กับสุดาวดีอึ้ง ต่างคนต่างทำหน้าไม่ถูกเมื่อเสมอใจโพล่งเรื่องนี้ต่อหน้าจินตวัฒน์ เสมอใจทำหน้าระรื่นที่ได้พยายามจับคู่รักให้ถูกฝาถูกตัว
จินตวัฒน์เปลี่ยนเรื่อง “แล้ววรรณเป็นยังไงบ้างล่ะเสมอใจ”
เสมอใจประชด “โอ๊ย...ขานั้นฝึกเดินทั้งวัน บ่ายก็วิดพื้น ตอนนี้แทบจะลุกขึ้นมาวิ่ง” เสมอใจหมั่นไส้ “อยากออกจากโรงพยาบาลซะเหลือเกิ๊น”
“แล้วคุณปลัดจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ครับ” พฤกษ์ถาม
“คงอีกสองสามวัน ผมอยากกลับไปทำงาน”
สุดาวดีทำงอน “อ้าว... ไหนจิ๋นบอกว่าหายแล้วจะกลับกรุงเทพฯ กับโรสไงล่ะคะ ถ้าไม่กลับ โรสโกรธจริงๆ ด้วย”
สุดาวดีทำเป็นตัดพ้อจินตวัฒน์ให้พฤกษ์เห็น พฤกษ์จ๋อย
จินตวัฒน์มองสุดาวดีแล้วก็รู้สึกว่าเธอต้องการสื่อความนัยถึงพฤกษ์มากกว่าตัวเอง จินตวัฒน์กระอักกระอ่วนใจ เสมอใจมองทั้งสามคนแล้วถอนใจเฮือกเพราะนึกไม่ออกว่าเรื่องรัก 4 เส้า เรา 4 คนจะจบอย่างไร
ดาวเรืองนั่งห้อยขาที่ระเบียงบ้านพักปลัดท่ามกลางบรรยากาศค่ำคืนอันเงียบสงบ มีดาวพราวเต็มท้องฟ้า และเสียงแมลงกลางคืนร้องระงม สุดาวดีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธออยู่ในชุดนอนเดินออกจากห้องมานั่งข้างๆ ดาวเรือง สุดาวดีซึมซับบรรยากาศแสนสงบแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
“ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมจิ๋นถึงติดใจที่นี่”
ดาวเรืองสะดุ้งแล้วหันขวับมามองสุดาวดีเพราะไม่แน่ใจว่าสุดาวดีรู้สึกอะไรเรื่องเธอกับจินตวัฒน์หรือเปล่า
สุดาวดีชื่นชมบรรยากาศ “ฉันไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้า ไม่ได้ยินเสียงแมลงร้องอย่างนี้นานมากแล้ว ชีวิตในกรุงเทพฯ วุ่นวายตลอดเวลา ไม่เคยนิ่ง ไม่เคยเงียบ... แต่แปลกนะ ทำไมฉันถึงเหงาได้บ่อยๆ ก็ไม่รู้”
“ชีวิตบ้านนอกเป็นชีวิตที่สงบเงียบ บางครั้งอาจจะเงียบเกินไปจนน่าเบื่อ ถ้าไม่ได้เกิดที่นี่ก็คงไม่มีใครคิดจะปักหลักอยู่นี่ไปตลอดชีวิตหรอก อย่างมากที่นี่ก็เป็นแค่บ้านหลังที่ 2 ของคนเมืองเท่านั้น”
“แต่บางคนก็อยู่บ้านหลังแรกที่มีแต่ความวุ่นวายมานาน... นานจนอยากมาใช้ชีวิตที่เหลือในบ้านหลังที่ 2 นะ” สุดาวดีบอก
ดาวเรืองจ้องมองสุดาวดี เธอคิดว่าดาราสาวพราวเสน่ห์คิดอย่างที่พูดจริงๆ และจะทำได้จริงหรือ
ดาวเรืองพูด “แปลกดีนะ คนกรุงเทพฯ อยากมาอยู่บ้านนอก ส่วนคนบ้านนอกก็อยากไปใช้ชีวิตหรูหรา ทำงานดีๆ ในกรุงเทพฯ” ดาวเรืองยิ้ม “ไม่มีใครพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี”
“คงเป็นอย่างที่เธอว่า คนส่วนใหญ่อาจจะพอใจชีวิตที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย เทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย แต่บางคนก็พอใจกับชีวิตที่เรียบง่าย...แค่ได้อยู่กับคนที่เรารัก...และเขาก็รักเราเท่านั้นพอ”
ดาวเรืองฟังสุดาวดีแล้วคิดตามเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่สุดาวดีพูด
สองสาวต่างเงยหน้ามองท้องฟ้า และต่างดื่มด่ำกับความฝันที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเราท่ามกลางบรรยากาศของค่ำคืนอันงดงาม
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเรือง ตอนที่ 12 (ต่อ)
เวลาผ่านไป 3 วัน จินตวัฒน์ซึ่งเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าลำลองพร้อมออกจากโรงพยาบาลกำลังคุยกับสันติสุขอย่างเคร่งเครียด กำจรเก็บของใช้ส่วนตัว ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ของจินตวัฒน์พับใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางอยู่บนเตียง
“ฟื้นตัวเร็วม๊ากปลัด นอนโรงพยาบาลไม่ถึง 5 วัน ออกแล้ว.. ของมีแค่นี้ใช่มั้ยครับ” กำจรถาม
จินตวัฒน์พยักหน้า “ขอบใจมากนายจร” จินตวัฒน์หันมาคุยกับผู้กำกับต่อ “เรื่องเสี่ยกำพลนี่มีสิทธิ์พลิกมั้ยครับ”
“พ้นขั้นตอนจากเราขึ้นไปแล้ว อาจเจอทางตัน” สันติสุขบอก
“ผมก็คิดอย่างนั้น เสี่ยกำพลมีอิทธิพลมาก อาจจะหลุดคดีได้ ผมเชื่อว่าน่าจะมีผู้มีอิทธิพลเหนือเสี่ยคอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง”
“มือที่มองไม่เห็นนั่นล่ะที่จะทำให้เสี่ยหลุดออกไปอยู่นอกคุกได้ ถ้าหลักฐานที่เรามีไม่แน่นหนาพอ”
“ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปิดหลักฐานชิ้นสำคัญ”
สันติสุขพยักหน้า
จินตวัฒน์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านพัก จินตวัฒน์ลงจากรถด้านข้างคนขับ กำจรวิ่งอ้อมมารับจินตวัฒน์
“คุณปลัดใจเย็นๆ ผมช่วยเองครับ ขี้เกียจพาส่งโรงพยาบาลอีกรอบ”
กำจรประคองจินตวัฒน์ลงจากรถ เสียงโทรศัพท์มือถือจินตวัฒน์ดังขึ้น จินตวัฒน์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเห็นหน้าจอเป็นชื่อ “คุณแม่”
จินตวัฒน์รีบกดรับสายเพราะคิดว่ามีเรื่องสำคัญต้องพูด
“คุณแม่”
จันทราเดินคุยโทรศัพท์จากทางเดินด้านในมาที่โถงกลาง
“ว่าไงจ๊ะลูก เมื่อกี้ตอนที่จิ๋นโทรมา แม่คุยกับคุณหมออยู่”
กำจรประคองจินตวัฒน์ลงนั่งที่โต๊ะพักผ่อนใต้ต้นไม้แล้วเดินไป
“คุณแม่อยู่ที่โรงพยาบาลหรือครับ”
จันทราตอบ “จ้ะ”
“คุณหมอว่ายังไงบ้าง”
“คุณหมอเช็กร่างกายละเอียดแล้ว ทุกอย่างปกติดีจ้ะ...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“ผมอยากให้คุณแม่ปิดร้านสัก 2-3 วัน มาที่ดอนพัฒนาได้มั้ยครับ”
“ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นแม่จะกลับไปคุยกับคุณหมออีกที จะได้จัดยาบำรุงเตรียมไปกินที่นั่นด้วย”
“พรุ่งนี้เลยนะครับ”
“จ้ะ” จันทรากดวางสาย
จินตวัฒน์วางสาย แล้วแววตาของเขาก็มีประกายแห่งความหวัง
หนึ่งวันผ่านไป จ่าศาลเปิดประตูห้องขัง กำพลเดินออกจากคุกแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้อง บุรินทร์ที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังยิ้มหน้าบานที่ทำงานสำเร็จ กำพลหยุดหัวเราะแล้วกวาดตามองสันติสุข จ่าแม่น หมู่จ้อยที่ขึ้นมาบนศาลด้วยแววตาอาฆาต
“บอกแล้วไงว่าพวกมึงขังกูได้ไม่นาน... แต่แค่ 3-4 วันกูก็จำหน้าพวกมึงได้ทุกคน เพราะฉะนั้น...มึงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี”
กำพลเดินไปหยุดตรงหน้าสันติสุขแล้วเอามือแตะดาวครอบมงกุฎบนบ่าของสันติสุขเล่นแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นก่อนจะเดินออกไป
บุรินทร์ยิ้มเย้ยตำรวจแล้วเดินตามกำพล จ่าแม่นกับหมู่จ้อยจิตตก ทั้งสองชำเลืองมองสันติสุข สันติสุขหน้านิ่งเพราะถึงจะเครียดแต่ก็ยังมั่นใจอะไรบางอย่าง
กำพลเดินหัวเราะอย่างต่อเนื่องลงบันไดศาลมาอย่างกร่างสุดๆ บุรินทร์ก้าวตาม รถจันทราแล่นเข้ามาจอดตีนบันไดเหมือนจะมารับกำพล กำพลจะเดินไปที่รถ
“ไม่ใช่ครับเสี่ย รถเราจอดทางด้านนั้นครับ” บุรินทร์บอก
จินตวัฒน์เปิดประตูลงจากรถมาเผชิญหน้ากำพล
จินตวัฒน์ยิ้มเย็น “สวัสดีครับเสี่ย”
กำพลจ้องจินตวัฒน์เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “มึง!”
จันทราลงจากรถที่ด้านข้างคนขับ เธอเห็นแววตากำพลที่มองลูกชายแล้วใจคอไม่ดี
“จิ๋น ระวังนะลูก” จันทราเตือน
“ชะตาขาดคนเดียวไม่พอ พ่วงแม่เข้ามาอีก รักแม่มากเลยนะมึง” กำพลขู่
“แม่ไม่มาไม่ได้หรอกเสี่ย เพราะแม่พาคนสำคัญมาด้วย”
ประตูรถจินตวัฒน์ด้านหลังฝั่งคนขับเปิดออก ดาวเรืองก้าวลงมายืนข้างรถ
“โผล่หัวออกมาสูดอากาศนอกคุกไม่ถึง 2 นาที ก็ต้องกลับเข้าไปดมอากาศในคุกเหมือนเดิม...น่าสงสาร” ดาวเรืองว่า
ประตูฝั่งซ้ายด้านหลังเปิดออกช้าๆ กำนันเทิ้มก้าวลงมายืนข้างรถเผชิญหน้ากับกำพล
“ยังจำกันได้ใช่มั้ยเสี่ย” เทิ้มถาม
กำพลช็อค เขาจ้องเทิ้มตาไม่กะพริบ
สันติสุข จ่าแม่น หมู่จ้อย เดินออกมาจากศาล สันติสุขยิ้มโล่งอกที่จินตวัฒน์พาเทิ้มมาได้ทันเวลา จ่าแม่นกับหมู่จ้อยสะดุ้งโหยงที่เห็นเทิ้ม กำพลยืนประสานสายตากับเทิ้ม จินตวัฒน์ และดาวเรืองที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง
เช้าวันต่อมา เทิ้มประเคนสังฆทานแด่พระครูจ้อย พระครูจ้อยสวดให้ศีลให้พรสั้นๆ เทิ้มกรวดน้ำแล้วพนมมือรับพร
พระครูจ้อยสวดจนจบแล้วพูด “หลอกคนทั้งอำเภอไม่พอ ยังต้มพระเสียจนสุก...ไม่บาปวันนี้ก็ไม่รู้จะบาปวันไหนนะโยม”
“มันจำเป็นจริงๆ ครับหลวงพ่อ” เทิ้มบอก
ผันและครอบครัว บานชื่น หลวงตาคง และพวกชาวบ้านต่างซุบซิบด้วยความตื่นเต้นที่เห็นเทิ้มฟื้นคืนชีพขึ้นมา
พระครูจ้อยถาม “จำเป็นยังไง ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ”
“นั่นสิกำนันเทิ้ม...ตายแล้วลงไปทัวร์นรก หรือขึ้นไปชมสวรรค์ สุดท้ายยมบาลท่านว่ามารับผิดตัวรึยังไง” ผันถาม
ทุกคนรอฟังเรื่องเล่าจากปากเทิ้มอย่างใจจดใจจ่อ
เทิ้มเอาน้ำที่กรวดแผ่ส่วนบุญเทลงดินใต้ต้นไม้ใหญ่ ทุกคนเดินตามมาห้อมล้อมเทิ้มด้วยความอยากรู้
จ่าแม่นสุดจะทน “อ้าว..เฮ้ย!! กำนันเทิ้ม จะให้เดินตามไปถึงไหน ตกลงที่ไม่ตายนี่เพราะใคร อะไร ยังไงกันวะ เล่าซะที”
เทิ้มยิ้มใจเย็น “ก่อนเล่าขอขอบคุณก่อนนะ เพราะที่ข้ารอดมาได้นี่ นอกจากผู้กำกับ ปลัดจินตวัฒน์ และไอ้เรืองที่มาช่วยแล้ว อีกคนที่ข้าต้องขอบคุณคือคุณนายจันทรา แม่ของคุณปลัดที่เป็นธุระมาช่วยดูแลตอนที่ข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ขอบคุณมากครับ” เทิ้มยกมือไหว้
ทุกคนหันไปมองจันทรา จันทรายิ้มแล้วรีบยกมือรับไหว้เทิ้ม
สุดาวดีที่นั่งข้างๆ จันทราพลอยโปรยยิ้มให้ทุกคนไปด้วย บานชื่นจ้องจันทราแล้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา สักครู่เธอก็ตบเข่าฉาด
“ข้าว่าแล้ว! นึกตั้งนานว่าทำไมหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็คุณนายจันทรา เมียนายอำเภอภิวัฒน์นี่เอง จำอิฉันได้มั้ยคะ เทพีที่คุณนายเคยสวมสายสะพายให้น่ะค่ะ”
จันทรานึกอยู่ 2-3 วินาที “อ๋อ... จำได้แล้ว คนที่เป็นเทพี 2 สมัยซ้อนใช่มั้ย”
บานชื่นยิ้มแก้มปริที่จันทราจำได้ “ค่า นี่ลูกสาวอิฉัน ชื่อไอ้..เอ๊ย..หนูดาวเรือง สวยเหมือนแม่ค่า”
“ส่วนอิฉันเป็นรองเทพี 2 สมัย คุณนายจำได้มั้ยคะ น.ส. เวียง โคตรชมพูน่ะค่ะ” เวียงแนะนำตัว
หลวงตาคงยกมือห้าม “เฮ้ย!! เรื่องความสวยความงามเอาไว้รื้อฟื้นกันทีหลังได้มั้ยวะ คนอื่นเขาอยากรู้จะแย่แล้วว่าไอ้เทิ้มรอดมาได้ยังไง”
“แล้วทำไมต้องจัดงานศพเอิกเกริกด้วยวะ” ผันถาม
สันติสุขยิ้มแล้วพยักพเยิดให้ดาวเรืองเป็นคนอธิบาย
ดาวเรืองอธิบาย “เราต้องเล่นละครเพื่อตบตาเสี่ยกำพลให้ตายใจ แล้วชาวบ้านทั้งหมดต้องร่วมแสดงด้วย ทีนี้ถ้าจะให้ทุกคนสวมบทบาทได้แนบเนียน เราต้องทำให้ทุกคนเชื่อว่ากำนันเทิ้มตายแล้วจริงๆ”
ทุกคนยกเว้นเทิ้ม สันติสุข และจันทราอ้าปากค้าง
บุญปลอดอึ้ง “คุณพระ! นี่เป็นแผนของตำรวจเหรอเนี่ย”
“เป็นแผนของปลัดจินตวัฒน์ ผม แล้วก็ดาวเรือง ส่วนคนที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเราที่กรุงเทพฯ ก็คือคุณจันทรา” สันติสุขบอก
“ไอ้เรือง นี่เอ็งรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้นเลยเหรอวะ โอ้โห ขนาดข้าเป็นแม่... มันยังไม่เปิดปากเลย” บานชื่นว่า
“อย่าว่าแต่น้องบานเลย ขนาดพี่จ่าเป็นตำรวจ พี่จ่ายังไม่รู้เรื่อง” จ่าแม่นพูดกับสันติสุข “ปิดกันเงียบจริงๆ นะครับ”
“เอาล่ะ.. เรื่องงานศพกำนัน ทุกคนเข้าใจแจ่มแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ เรื่องมันเป็นไงมาไง”
ทุกคนมองมาที่เทิ้มแล้วรอคอยใจจดใจจ่อให้เทิ้มเล่า
เทิ้มเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น...
กำพลและลูกน้องยืนมองร่างเทิ้มที่ตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นเหนือน้ำเพื่อยื้อลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“ศพมันลอยขึ้นมาเมื่อไหร่ ค่อยลากไปเผาในป่า” กำพลสั่ง
กำพลหันหลังแล้วเดินห่างออกไป พวกลูกน้องยืนมองร่างเทิ้มที่ดิ่งลงสู่ใต้น้ำจนแผ่นน้ำเรียบสนิทแล้วจึงหันหลังเดินตามเจ้านายไป
จินตวัฒน์หน้าซีดเพราะช็อกกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เห็นเต็มตา ในขณะที่ดาวเรืองหันมามองจุดที่เทิ้มจมดิ่งลงไปแล้วปล่อยโฮ
จินตวัฒน์ค่อยๆ ชะเง้อคอมองขึ้นไปที่ริมตลิ่ง แล้วหันมาหาดาวเรืองที่ร้องไห้อย่างขวัญเสีย
“เราต้องมีสตินะดาวเรือง ไม่ว่าตอนนี้กำนันเทิ้มจะยังมีลมหายใจอยู่รึเปล่า เราต้องเอาแกขึ้นจากน้ำให้ได้ก่อน”
ดาวเรืองพยักหน้าหงึกๆเพราะเข้าใจว่าต้องทำอะไร จินตวัฒน์และดาวเรืองดำลงไปใต้น้ำ
จินตวัฒน์วางร่างเทิ้มที่ไม่ได้สติลงบนพื้น ดาวเรืองทรุดลงข้างเทิ้ม เธอเห็นสภาพเทิ้มที่เต็มไปด้วยบาดแผลแล้วร้องไห้โฮ
“ฉันน่าจะมาเร็วกว่านี้ เราจะได้สู้ด้วยกัน ไม่ต้องมาเห็นกำนันตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้อย่างนี้”
จินตวัฒน์ก้มหน้านิ่งอย่างสุดเศร้า
ปลายนิ้วของเทิ้มกระดิกนิดๆ จินตวัฒน์เห็นนิ้วของเทิ้มขยับก็เบิกตากว้าง จึงรีบเอามือไปอังที่จมูกเทิ้ม
จินตวัฒน์ดีใจ “กำนันยังไม่ตาย!!”
จินตวัฒน์ยิ้มอย่างมีความหวัง เขารีบปั๊มหัวใจให้เทิ้ม ดาวเรืองทั้งช็อก ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจสุดๆ เธอจับมือเทิ้มแล้วบีบให้กำลังใจราวกับเทิ้มจะรับรู้ได้
“อย่าเพิ่งตายนะกำนัน ปลัดกับฉันจะช่วยกำนันเอง”
เทิ้มสำลักน้ำพรวด
จินตวัฒน์ ดาวเรือง และสันติสุขยืนมองท้ายรถตู้โรงพยาบาลที่แล่นออกไป ดาวเรืองสะอื้นฮักๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเทิ้มที่อยู่ในสภาพร่อแร่จะรอดชีวิต
“กำนันจะไปถึงกรุงเทพฯ มั้ย” ดาวเรืองถาม
จินตวัฒน์โอบไหล่ดาวเรือง “ไม่ต้องห่วงนะดาวเรือง ในรถมีเจ้าหน้าที่...มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อม อีกไม่กี่ชั่วโมงกำนันเทิ้มก็ถึงมือหมอที่เก่งที่สุดแล้ว”
“กำนันโดนทำร้ายขนาดนั้นแล้วยังมีลมหายใจอยู่ แสดงว่าแกไม่ยอมตายง่ายๆ นะไอ้เรือง ขอบคุณมากนะปลัดที่คุยกับคุณแม่ให้ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องโรงพยาบาลให้” สันติสุขบอก
“ไม่เป็นไรครับ คุณแม่ท่านเป็นภรรยาข้าราชการ ท่านเข้าใจหน้าที่ของข้าราชการดี ท่านพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่อยู่แล้วครับ”
“ทีนี้เราก็ไปลากตัวไอ้ฆาตกรเข้าคุกได้แล้วสินะ คนใจคอโหดเหี้ยมอย่างมันต้องโดนประหารชีวิตเท่านั้น” ดาวเรืองว่า
“ใจเย็นไอ้เรือง!! เราเข้าไปจัดการตอนนี้มีแต่ตายกับตาย จะเอาผิดเสี่ยกำพลไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องวางแผนให้ดี”
“มันจงใจฆ่าปิดปากกำนันเทิ้ม แล้วยังจะมาใจเย็นวางแผนอะไรอีก”
จินตวัฒน์ครุ่นคิด “ก็วางแผนให้มันตายใจไง...มันอยากให้กำนันเทิ้มตาย เราก็สวมรอยปล่อยข่าวว่ากำนันเทิ้มตาย แล้วก็จัดงานศพหลอกมันซะเลย”
ดาวเรืองอึดอัดคับแค้นใจสุดๆ เพราะอยากไปลากคอกำพลมาเข้าคุกมากกว่า
เมื่อเล่าเหตุการณ์จบ ทุกคนก็ปรบมือเสียงดังให้กับแผนการอันชาญฉลาดของทั้งสาม
“โอ้โห... คิดได้ยังไงเนี่ย ไม่ใช่แค่หลอกไอ้เสี่ยได้คนเดียวนะ หลอกคนตำบลนี้ได้ทุกคนเลยว่ะ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า” ผันว่า
“อาตมายินดีด้วยนะที่โยมกำนันรอดชีวิตมาได้ แถมยังกลับมาเปิดโปงคนชั่วให้ชาวบ้านหูตาสว่างอีกด้วย”
เทิ้มพูดกับชาวบ้าน “ถึงเสี่ยกำพลจะมีเงินทองมากมาย แต่มันก็เป็นเงินที่มาจากการทำชั่ว ทำผิดกฎหมาย ข้าก็ได้แต่หวังว่าต่อไปนี้พวกเราจะหูตาสว่างแล้วก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างความดี...ความถูกต้องมากกว่าเงินชั่วๆ ของใคร เงินอาจซื้อทุกอย่างได้ แต่ซื้อหัวใจ ซื้อความเป็นคนของพวกเราไม่ได้!!! จริงมั้ยวะ”
ทุกคนปรบมือชื่นชมและตะโกนเย้วๆ เห็นด้วยกับความคิดของเทิ้มเสียงดังเซ็งแซ่
“ให้มันได้ยังงี้สิวะ... ข้าล่ะอยากจะคืนตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านดอนล้อมช้างให้เอ็งจริงๆ ไอ้เทิ้ม ข้าคงไม่มีวันทำงานได้ดีเท่าเอ็ง” หลวงตาคงว่า
“หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นไปแล้วไอ้คง ตั้งแต่นี้ไปข้าขอใช้ชีวิตอย่างสงบ สร้างห้องสมุด สอนหนังสือให้เด็กๆ มันบ้าง รบกับผู้ใหญ่มาเยอะแล้ว เรื่องดูแลสารทุกข์สุขดิบของชาวบ้านก็ส่งต่อให้เป็นหน้าที่ของกำนันผันเขา” เทิ้มบอก
“ความคิดของกำนันมันน่ากราบจริงๆ กำนันคนปัจจุบันจะคิดได้ยังงี้รึเปล่าก็ไม่รู้” จ่าแม่นแขวะ
ทุกคนหันไปมองผัน ผันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
เสมอใจพูด “แต่กำนันผันก็เป็นคนให้ข้อมูลสำคัญกับตำรวจเรื่องที่เสี่ยกำพลขนมือปืนมาเป็นกระตั้กนะ”
“ใช่ ถ้าตำรวจไม่ได้รับรายงานจากกำนัน เราคงเสียหายมากกว่านี้” สันติสุขพูดกับผัน “ผมชื่นชมคนที่ปิดทองหลังพระแบบกำนันนะ ถ้าไม่มีคนอย่างกำนัน..พระจะงดงามทั่วทั้งองค์ได้ยังไง”
ชาวบ้านปรบมือ ส่งเสียงฮือฮาชื่นชมผันบ้าง ผันปลื้มตัวลอย บรรดาเมียพลอยได้หน้าไปด้วย
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างลงเอยด้วยดีแบบนี้ เราปิดร้านฉลองต้อนรับกำนันเทิ้มกลับบ้าน...ดีมั้ยแม่” ดาวเรืองเสนอ
“เอาสิวะ เชิญทุกคนไปกินข้าวที่บ้านข้า เอากับข้าวกับปลามาร่วมวงกินข้าวกัน” บานชื่นพูดกับจันทรา “เชิญคุณนายมาเป็นประธานด้วยนะคะ”
จันทรายิ้มอารมณ์ดี “ไม่เป็นได้มั้ยประธาน... ขอเป็นลูกมือแม่บานชื่นทำกับข้าวดีกว่า”
ทุกคนยิ้มและครื้นเครงในความเป็นกันเองของจันทรา
“งั้นโรสไปช่วยด้วยนะคะคุณแม่”
ชาวบ้านทุกคนฮือฮาตื่นเต้นที่จะได้ร่วมกินเลี้ยงกับดาราสาวสวยอย่างโรส สุดาวดี
จินตวัฒน์ถือซองเอกสารลงมาจากบ้าน โดยมีกำจรยืนรออยู่ที่ตีนบันได จินตวัฒน์ยื่นซองเอกสารให้กำจร
“รีบเอาไปให้ผู้ใหญ่ลีนะนายจร แล้วอย่าเผลอไปลืมวางที่ไหนอีกล่ะ”
แหลมขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา สุวรรณยืนอยู่ตรงกลางโดยมีกรอดนั่งปิดท้าย จินตวัฒน์กับกำจรมองท่วงท่าซ้อนมอเตอร์ไซค์แบบพิสดารของสุวรรณ กำจรเปรย
“กลัวไม่เท่รึไงไอ้วรรณ ยืนมาซะขนาดนี้”
แหลมจอดรถ จากนั้นสมุนทั้งสองก็ประคองสุวรรณให้ลงมายืนข้างรถ
“ไม่ได้กะเท่อะไรหรอกน้าจร ตูดพี่วรรณยังไม่หายดีน่ะ นั่งแล้วมันเจ็บแปล๊บ นี่ก็เพิ่งไปล้างแผลที่โรงพยาบาลมา” แหลมอธิบาย
“ใครใช้ให้ปลัดมาอยู่นี่เนี่ย ฉันอุตส่าห์แวะไปหาที่อำเภอก็ไม่เจอ” สุวรรณว่า
“ดีนะที่พี่วรรณฉลาด เลยมาดูที่บ้าน” กรอดบอก
“ฉันกลับมาเอาเอกสาร นายวรรณมีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
สุวรรณพูดอย่างมุ่งมั่น “ฉันมาทวงสัญญาลูกผู้ชาย”
จินตวัฒน์มองสุวรรณอย่างงงๆ
จินตวัฒน์คุยกับสุวรรณที่มุมหนึ่งของบ้าน
“นายวรรณมีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันเสี่ยงชีวิตช่วยปลัดจนตูดเป็นรู ปลัดจะช่วยฉันบ้างได้มั้ย” สุวรรณถาม
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นายยอมแลกชีวิตให้ฉัน ฉันถือว่านั่นเป็นบุญคุณที่จะต้องตอบแทน”
“แน่นะ”
“แน่สิ”
“ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น” สุวรรณย้ำ
จินตวัฒน์พยักหน้า “อื้อ จะให้ทำอะไร..ว่ามา”
“จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับปลัดหรอก ปลัดมีคู่หมั้นสวยยังกับนางฟ้า แสดงว่าคารมต้องดีพอๆ กับหน้าตา อีกอย่างไอ้เรืองมันก็ซี้กับปลัด ทำงานงี้ตัวติดกันยังกะปาท่องโก๋ ปลัดพูดอะไร มันก็ต้องฟังปลัดอยู่แล้ว ว่าปะ”
“แสดงว่าเกี่ยวกับดาวเรือง หวังว่าสิ่งที่นายขอ..คงไม่ยากเกินไปนะ”
“ไม่ย๊าก แค่...ปลัดช่วยไปเป็นเถ้าแก่ขอไอ้เรืองให้ฉันหน่อย...แค่นั้น”
จินตวัฒน์อึ้ง
ดาวเรือง เสมอใจ บานชื่น และจันทราสาละวนเตรียมของสดเพื่อทำอาหาร บานชื่นนั่งปอกหอมปอกกระเทียมอยู่กับจันทรา ในขณะที่ดาวเรืองนั่งล้างผักอยู่ที่ก๊อกน้ำ สุดาวดีนั่งเด็ดผักอยู่กับเสมอใจที่นั่งตำน้ำพริก สุดาวดีเด็ดผักไปตาก็คอยกวาดมองหาพฤกษ์ไปรอบบ้าน
“เจ้าเพี้ยนมันนอนเฝ้าพี่เราบนบ้านรึไง ไม่โผล่หัวออกมาช่วยกันบ้าง” บานชื่นว่า
“คงงั้นมั้งแม่” ดาวเรืองตอบ
เสมอใจแอบสังเกตเห็นสุดาวดีชะเง้อมองไปที่บ้านดาวเรืองซึ่งอยู่ด้านหลัง
“คุณโรสหาอะไรคะ” เสมอใจถาม
สุดาวดีปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด “เปล๊า! ไม่ได้มองหา ใคร นี่”
สุดาวดีก้มหน้าก้มตาเด็ดผัก แต่ก็ไม่วายแอบเหล่ขึ้นไปบนบ้านอีก
จันทราพูด “ทำต้มยำอีกสักอย่างดีมั้ย ตอนอยู่กรุงเทพฯ กำนันแกบ่นอยากจะกิน”
ดาวเรืองสำรวจของสดและเครื่องปรุงบนโต๊ะ
“เครื่องต้มยำมีครบล่ะ ขาดแต่ใบมะกรูด เดี๋ยวฉันไปเก็บให้” ดาวเรืองบอก
“มีสวนครัวด้วยเหรอคะ ดีจัง” จันทราชม
“ก็ไอ้เรืองล่ะค่ะปลูกไว้หลังบ้าน” บานชื่นบอก
จันทรามองดาวเรืองอย่างชื่นชม ดาวเรืองจะออกไปเก็บใบมะกรูด สุดาวดีคว้าแขนดาวเรืองไว้
“อยู่ช่วยที่นี่เถอะดาวเรือง ฉันไปเก็บให้”
ดาวเรืองพยักหน้าขอบคุณแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น
“ต้มยำปลาช่อนแล้วกันนะแม่ ทำเก็บไว้เรียบร้อยแล้วเนี่ย” ดาวเรืองบอก
จบตอนที่ 12