ดาวเรือง ตอนที่ 4
เช้าวันใหม่ จินตวัฒน์นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข สักครู่เขาก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครเคาะหม้อเคาะกระทะดังลั่น จินตวัฒน์รีบลุกจากเตียงวิ่งไปทางหน้าบ้าน
จินตวัฒน์วิ่งหัวฟูออกมาที่ระเบียง เขาแหกปากลั่นเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า
“เฮ้ย!!”
จินตวัฒน์เห็นดาวเรืองกับเพี้ยนกำลังเอาทัพพีเคาะหม้อ เอาตะหลิวเคาะกระทะอยู่บนกระบะท้ายรถจินตวัฒน์ ขณะที่บนหลังคารถมีกระถางดินเผาปลูกอะไรสักอย่างวางอยู่เต็มพรืด โดยมีชาวบ้าน 6-7 คนยืนดูอยู่
ดาวเรืองเคาะกระทะตะโกนลั่น “เอ้า...เป็ดน้อย เป็ดใหญ่ ตื่นมากินข้าวกันเร้ว”
“ดาวเรือง!!” จินตวัฒน์วิ่งหูตาเหลือกไปหา
ดาวเรืองกับเพี้ยนเอาทัพพีตักอาหารเป็ดโปรยบนกระบะที่มีเป็ดนับสิบตัวอ้าปากรอพร้อมแล้ว ทั้งคู่ตักอาหารไปร้องเพลงไป
“ก้าบๆๆ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมองเพราะในคลองมีหอย ปู ปลา”
จินตวัฒน์วิ่งเข้ามาเห็นหลังคารถเต็มไปด้วยกระถางสะระแหน่และกระบะที่เต็มไปด้วยเป็ดและ
อาหารเป็ดก็ถึงกับชะงัก
“เธอทำอะไรของเธอห๊า...ดาวเรือง”
“อ้าว...ก็เป็นตัวแทนเยาวชนดีเด่นอย่างที่ปลัดต้องการไง ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ได้เข้าอบรมเมื่อวาน เขาอยากรู้ว่าอาหารเร่งไข่เป็ดทำยังไง ฉันก็สอนให้” ดาวเรืองพูดกับชาวบ้าน “ง่ายม๊าก หาข้าวสวยตากแห้ง 3 ก.ก. / ผักต่างๆ 3 ก.ก. / หยวกกล้วย 3 ก.ก. / มันสำปะหลังสับตากแห้ง 3 ก.ก. / รำหยาบ 2 ชาม แล้วก็น้ำหมักผลไม้”
เพี้ยนพูดต่อ “ได้ส่วนผสมทุกอย่างครบแล้วก็เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสร็จแล้วเอาไปต้มให้สุก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอามาผสมกับรำหยาบ ใส่น้ำหมักลงไป”
“เสร็จแล้วก็เอาให้เป็ดกินวันละมื้อ รับรองสุขภาพดี ผิวพรรณผ่องใสไร้สิวฝ้า ไข่ดก ไข่ใหญ่ และแดงชัวร์ คุณปลัดเอาหัวเป็นประกัน จริงป๊ะ”
ชาวบ้านหันมามองจินตวัฒน์ จินตวัฒน์ยิ้มเจื่อน
“ครับ แต่...สถานที่เลี้ยงก็ต้องจัดให้เหมาะสมด้วย จะมาเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้” จินตวัฒน์บอก
“อ๊ะ...ก็ปลัดบอกเองว่าให้ทำเป็นคอกปิด แล้วก็ให้ลองเอาของที่มีอยู่ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็นี่ไง รถจอดเฉยๆ ได้ประโยชน์อะไร เอามาปลูกสะระแหน่ เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไม่ได้ประโยชน์กว่าเหรอ”
“คอกปิด แต่พื้นที่ต้องเปิดให้เป็ดเดินออกกำลังได้ ไม่ใช่อัดอยู่ในคอกแบบนี้แบบนี้วิธีการมันผิด”
ดาวเรืองย้อน “แล้วที่ถูกทำไง คุณปลัดคนเก่งทำเป็นเปล่า หรือว่า...ดีแต่ปาก”
ดาวเรืองยักคิ้วหลิ่วตาท้าทายจินตวัฒน์ จินตวัฒน์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจแล้วท่องไม่โกรธๆ ในใจ
จินตวัฒน์ที่นุ่งกางเกงยีนส์คลุมเข่าปล่อยชายลุ่ยๆ กับเสื้อยืดคอกลมและกำจรกำลังช่วยกันเอาไม้ไผ่ผ่าซีกล้อมเป็นแนวรั้วแล้วเอาสแลนขึงล้อมรั้วไม้ไผ่อีกทีอยู่ข้างบ้านดาวเรือง ที่มุมด้านหนึ่งมีเพิงซึ่งมีหลังคามุงด้วยไม้ไผ่ขัดสานสำหรับใช้บังแดดบังฝนให้เป็ด
ดาวเรืองกับเพี้ยนยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกล
กำจรโวย “นี่....เอ็งสองคนไม่คิดจะช่วยกันเลยรึไงวะ”
“แน่ใจนะว่าจะให้ช่วย ช่วยแล้ววายป่วงไม่รู้ด้วยนะ มาเว้ยไอ้เพี้ยน เขาให้เราช่วย”
ดาวเรืองกับเพี้ยนขยับเข้าไปจะช่วยขึงสแลน
จินตวัฒน์รีบร้องห้าม “หยุด...เราสองคนยืนดูเฉยๆ ถือเป็นการช่วยแล้ว อย่าขยับให้ต้องหนักใจเลยนะ ขอร้อง”
บานชื่นถือโอเลี้ยงเข้ามา 2 แก้ว
“อ้าว...ไอ้เรือง ไอ้เพี้ยน มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปช่วยคุณปลัด”
“โอ๊ยยย...เราสองคนนี่เนื้อหอมจังเว้ยไอ้เพี้ยน เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เรียกให้ช่วย เอ้า...ช่วยก็ช่วย” ดาวเรืองบอก
จินตวัฒน์ทำหน้าเข้มใส่ดาวเรือง “ไม่ต้อง” จินตวัฒน์พูดกับบานชื่น “ไม่เป็นไรครับคุณน้า ขึงสแลนเสร็จก็เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบใจมากนะ อุตส่าห์มาทำเล้าเป็ดให้ นี่จ้ะ...โอเลี้ยงเย็นๆ จะได้ชื่นใจ” บานชื่นบอก
ดาวเรืองทำเจ้าเล่ห์ “ทำเล้าแต่ไม่มีเป็ดก็เหมือนสร้างบ้านให้ปลวกอยู่ เปล่าประโยชน์”
เพี้ยนรีบรับลูก “พี่เรืองพูดเหมือนอยากให้คุณปลัดหาเป็ดมาให้เลี้ยง”
“โอ๊ย...โอเลี้ยง 2 แก้วที่ดูดไปน่ะจ่ายมาก่อนเฮอะ อย่าไปฝันถึงเป็ดถึงไก่เล้ย” ดาวเรืองว่า
“พูดจาให้มันหอมหูมั่งได้มั้ยวะ คุณปลัดอย่าไปถือสามันเลยนะคะ ปากมันไวแต่ ใจมันไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ” บานชื่นบอก
“ใครบอกไม่คิด คิดในใจตลอดว่า 2 แก้ว 30 จ่ายมา”
ดาวเรืองยื่นมือออกไปกระดิกรับเงินจากจินตวัฒน์ บานชื่นยืนส่ายหน้าด้วยความระอา
สุดาวดีที่เพิ่งเสร็จงานกำลังถูกนักข่าว 7-8 คนรุมสัมภาษณ์อยู่ ขณะที่น้ำหวานก็ยืนอยู่ใกล้ๆ
“แล้วตอนนี้เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้มีอะไรใหม่” สุดาวดีตอบ
“แล้วที่มีข่าวว่าหนุ่มคนสนิทนอกวงการต้องไปประจำที่ต่างจังหวัดล่ะคะ”
สุดาวดียิ้ม “ต่างคนต่างทำงานนะคะ ช่วงนี้งานก็ยุ่งมากค่ะ” สุดาวดีเริ่มไม่พอใจนักข่าว
“อยู่ไกลกันอย่างนี้ ความรักไม่มีปัญหาเหรอคะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ” สุดาวดีตอบ
“กับมาร์คก็เพื่อนเหมือนกันหรือเปล่า”
“เพื่อนหมดล่ะค่ะ ตอนนี้โรสอยากโฟกัสเรื่องงานมากกว่า”
สุดาวดีหันไปส่งซิกให้น้ำหวานว่าขี้เกียจให้สัมภาษณ์แล้ว
น้ำหวานพูดกับนักข่าว “พอเท่านี้ก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวน้องโรสต้องรีบไปงานต่อค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ”
สุดาวดียกมือไหว้นักข่าวแล้วเดินออกไปกับน้ำหวาน
สุดาวดีและน้ำหวานเดินคู่กันมาที่ล็อบบี้โรงแรม
“พี่น้ำหวานส่งโรสแค่นี้ก็พอ” สุดาวดีบอก
“อ้าว ทำไมล่ะ”
สุดาวดีนิ่งไม่พูดอะไร
น้ำหวานรู้ทัน “มีหนุ่มมารับล่ะสิ”
“ก็นิดนึง...”
“คนไหนล่ะ ระวังเจอนักข่าวนะ”
“ระดับนี้แล้ว ถ้าเจอก็บอกเป็นเพื่อนกัน เพื่อนมารับเพื่อนมันแปลกตรงไหน”
“จ้ะ แต่พี่ว่าบางทีเพื่อนผู้ชายของน้องโรสก็เยอะไปนะคะ ลองนับดูเล่นๆ น่าจะตั้งเป็นทีมฟุตบอลได้แล้ว” น้ำหวานว่า สุดาวดีมองดุ “พี่ส่งแค่นี้นะ ไปก่อนค่ะ”
น้ำหวานเดินออกไปทันที ทันใดนั้นมือถือของสุดาวดีก็ดัง เธอมองมือถือยิ้มๆ ก่อนกดรับ
“ฮัลโหล มาร์ค...”
สุดาวดีเดินมาหยุดคุยโทรศัพท์แถวล็อบบี้
“โอเคค่ะ ตกลงโรสรอที่ล็อบบี้นะ รีบๆ ล่ะ โรสหิวจะแย่”
สุดาวดีกดวางโทรศัพท์ยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองหาที่นั่งแถวๆ นั้นแต่สายตาเหลือบไปเห็นพฤกษ์ที่นั่งอยู่กับผู้ชายวัยเลยห้าสิบคนหนึ่ง
สุดาวดีชะงักมองพฤกษ์กับชายวัยห้าสิบไม่วางตา เธอเห็นชายวัยห้าสิบคนนั้นยื่นเช็คให้พฤกษ์
“ขอบคุณมากครับอาจารย์” พฤกษ์ยกมือไหว้
“แล้วเจอกันที่ออฟฟิศ” ชายคนนั้นพูดแล้วแตะบ่าพฤกษ์ก่อนจะเดินออกไป พฤกษ์ก้มมองเช็คในมือแล้วยิ้มอย่างเห็นคุณค่า สุดาวดีมองด้วยความสงสัย
พฤกษ์เดินเก็บเช็คลงกระเป๋าด้วยความดีใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นสุดาวดียืนกอดอกมองอย่างจับผิด
สุดาวดียิ้มกัดๆ “ถึงตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้ว ว่าทำไมนายถึงไม่รู้จักฉัน”
พฤกษ์งง “ทำไมล่ะครับ”
“ก็ท่าทางนายไม่สนใจผู้หญิงเท่าไหร่”
พฤกษ์รู้ทันทีว่าสุดาวดีคิดอะไร
พฤกษ์ตอบ “ก็คงงั้นมั้งครับ”
“มีคุณลุงคุณป๋าคอยช่วยอย่างนี้ ไม่เห็นต้องไปเป็นเมสเซนเจอร์ให้เหนื่อย”
พฤกษ์ขี้เกียจแก้ตัว “ผมชอบใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์”
มาร์คเดินเข้ามามองหาสุดาวดี “โรส...”
สุดาวดีหันไปมองเห็นมาร์คที่เดินมาหยุดใกล้ๆ ตัวเองก็รีบจี๋จ๋าทันที “มาร์ค”
“ไปร้านไหนดีครับ” มาร์คถาม
สุดาวดียิ้มให้มาร์ค มาร์คมองพฤกษ์เหมือนจะถามสุดาวดีว่าใคร
พฤกษ์ยิ้มๆ และกัดกลับ “ผมขอตัวก่อนนะครับ เพราะดูเหมือนคุณเองก็ชอบใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เหมือนกัน”
พฤกษ์เดินออกไป
สุดาวดีฟึดฟัดเพราะรู้ว่าพฤกษ์ตอกกลับ แต่แล้วก็ทำไม่สนใจหันไปจิ๊จ๊ะกับมาร์คต่อ
“ไปกันเถอะ โรสหิวแล้ว”
สุดาวดีเดินออกไปกับมาร์ค
สุวรรณกำลังพยายามพิมพ์ข้อความหาดาวเรืองอยู่
“คิดถึงเธอจน...ละเมอ” สุวรรณชะงัก “เฮ้ยๆ...ละเมอเขียนยังไงวะ”
“ฉันรู้พี่...ร.เรือ สระอะ” กรอดบอก
สุวรรณจะพิมพ์
แหลมพูดแทรก “ล.ลิงหรือเปล่า”
สุวรรณชะงัก
“ร.เรือ ข้ามั่นใจ” กรอดบอก
สุวรรณจะพิมพ์
“แต่ฉันว่า ล.ลิงนะ” แหลมว่า
สุวรรณโมโห “เว้ยยย! เถียงอยู่ได้ เดี๋ยวก็เจอ ต.ตีนหรอก” สุวรรณง้างเท้า
แหลมกับกรอดสะดุ้งหลบทันที
“ตกลงตัวอะไร” สุวรรณถาม
แหลมกับกรอดพูดพร้อมกัน “ล.ลิง / ร.เรือ”
“โว้ว” สุวรรณฉุน
“เดี๋ยวนะพี่! รึว่าจะเป็น ฬ.จุฬา” กรอดว่า
“โว้ย” สุวรรณเซ็ง “พิมพ์ข้อความแต่ละที ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้วะ! พูดกันโต้งๆ ง่ายกว่าอีก”
“ก็แล้วพี่ไม่พูดล่ะ?” แหลมถาม
“พี่วรรณเจอไอ้เรืองทีไร ก็พูดทุกทีนะ” กรอดบอก
“ไม่ใช่พูดอย่างนั้นไอ้โง่! เดี๋ยวนี้จะทำอะไร มันต้องประกาศออกสื่อ ให้คนเค้ารับรู้” แหลมเสนอ
“แต่ไอ้เรืองมันส่งข้อความย้ำแล้วย้ำอีก ไม่ให้ข้าบอกใคร มันอาย” สุวรรณบอก
“โธ่พี่ ผู้หญิงน่ะปากกับใจไม่ตรงกัน เชื่อดิ” แหลมยุ
สุวรรณคิดตาม “บางทีไอ้เรืองอาจจะเป็นคนคิดอย่างทำอีกอย่าง” สุวรรณเพ้อ “มิน่า...อยู่ใกล้ข้าล่ะชอบไล่เตะ ลับหลังล่ะเขียนข้อความมาจีบใหญ่เลย” สุวรรณอาย “บ้าๆๆ”
แหลมมองอาการสุวรรณงงๆ “เยอะไปนะนั่น”
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในมือสุวรรณก็ส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า สุวรรณตื่นเต้นจนมือไม้สั่น
“เฮ้ย ส่งมาอีกแล้วๆ” สุวรรณกดอ่าน “เห็นเธอแล้วอยากยอมแพ้...แพ้รักทบ” สุวรรณงง “ไอ้เรืองมันหมายความว่าไงวะ...แพ้รักทบ?”
กรอดก็ไม่เข้าใจ “นั่นสิ แพ้รักทบ?”
“ก็ พบ-รัก-แท้ ไงวะ ฮิ้วว” แหลมบอก
สุวรรณดีใจเนื้อเต้นเร่าๆ ตามองมือถือหวานเยิ้มเหมือนเป็นหน้าดาวเรืองก่อนจะระดมจูบมือถือเป็นการใหญ่
“ไม่ได้การแล้วพี่วรรณ ไอ้เรืองมันเปิดตัวขนาดนี้ ฉันว่าพี่ต้องรีบแล้วล่ะ ไม่งั้นโดนมือดีปาดหน้าเค้กไปไม่รู้ด้วย” แหลมว่า
สุวรรณอารมณ์สะดุด “มือดี? เอ็งหมายความถึงใครวะไอ้แหลม”
จินตวัฒน์เดินคุยกับกำจรมาที่รถที่จอดอยู่
“คุณปลัดชวนผมไปตลาดทำไมครับ” กำจรสงสัย
“เถอะน่า”
“อย่าบอกนะครับ ว่าที่ชวนผมไป ก็เพราะจะไปซื้อเป็ดให้ไอ้เรือง”
จินตวัฒน์ตัดรำคาญ “เอาน่า”
สุวรรณประกาศลั่นด้วยสีหน้าเครียด
“นั่นไง ข้าว่าแล้วว่าพวกเอ็งต้องรู้สึกเหมือนกับข้า ว่าไอ้ปลัดนั่นมันชักจะทำตัวหนิดหนมกลมกลืนไอ้เรืองมากไปแล้ว”
“ถูก แล้วดูน้าบานชื่นจะเห็นดีเห็นงามซะด้วยสิ ฉันว่าไอ้ปลัดนี่แหละคู่แข่งสำคัญของพี่เลยนา” แหลมบอก
สุวรรณหมั่นไส้ “ฮิโธ่ ก็แค่เรียนมากกว่านิดหน่อย แล้วก็มีงานทำก็แค่นั้น อย่างมันจะมีอะไรเหนือกว่าข้า”
กรอดกับแหลมพูดพร้อมกัน “ทุกอย่าง”
สุวรรณถลึงตาชี้หน้าลูกน้องเขม็ง ทั้งสองคนรีบเอาใจ
กรอดพลิกลิ้นประจบ “ที่บอกว่าทุกอย่างน่ะ ฉันหมายถึงทุกอย่างไม่มีอะไรเทียบพี่วรรณได้เลย”
“ใช่ๆ ที่พี่วรรณไม่เรียนต่อก็เพราะระบบการศึกษามันไม่ดี เรียนไป จบมาก็เป็นลูกจ้างเขา แล้วที่พี่วรรณไม่ทำงานก็เพราะมันไม่จำเป็นไง ก็บ้านรวยน่ะ อันนี้ใครก็เข้าใจ” แหลมว่า
สุวรรณฟังแล้วก็พยักหน้าพึงพอใจ
“แต่เรื่องไอ้ปลัดมันตีซี้ทางน้าบานนี่ยังไงข้าก็ปล่อยไว้ไม่ได้ว่ะ ถึงไอ้เรืองมันจะมีใจให้ข้าก็เหอะ แต่ถ้าเกิดถูกแม่จับแต่งขึ้นมา ลูกกตัญญูอย่างมันคงขัดไม่ได้ ถึงตอนนั้นข้าไม่อยากเหนื่อยล่มงานวิวาห์พาเจ้าสาวหนีว่ะ”
“เพราะฉะนั้นพี่วรรณต้องตัดไฟแต่ต้นลม” แหลมบอก
สุวรรณหรี่ตามองแหลม “ว่ามา”
“ก็ที่ฉันเสนอไง...ประกาศออกสื่อให้โลกรู้ว่าไอ้เรืองมันเป็นของพี่”
“ประกาศขอแต่งงานกับมันเลยดีมั้ย” กรอดเสนอ
สุวรรณตบเข่าฉาด “บ๊ะ ความคิดพวกเอ็งนี่ฉับไวโดนใจวัยมันอย่างข้าจริงๆ ดี! ชาวบ้านร้านตลาด รวมถึงไอ้ปลัดหน้าจืดนั่นจะได้รู้กันไปเลยว่าไอ้เรืองเป็นของไอ้วรรณ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งดอนล้อมแรด วะฮ่าๆๆ”
รถกระบะผู้ใหญ่ผันที่ติดฟิล์มดำมืดแล่นมาตามทาง หน้ากระโปรงรถมีดอกไม้ผ้าสีชมพูคาดแบบรถแต่งงานค่อยๆ แล่นเอื่อยๆ ตรงมายังร้านของดาวเรือง เสียงเพลงจากลำโพงดังอึกทึกจนหนวกหู ลูกค้าในร้านทยอยออกมายืนออดูที่หน้าร้าน
“เฮ้ย นั่นมันรถผู้ใหญ่ผันนี่”
“แกแต่งเมียคนที่ 10 เข้าบ้านหรือวะ”
ทุกคนเห็นท้ายกระบะตกแต่งฟูฟ่าด้วยดอกไม้และลูกโป่งอย่างกับงานวาเลนไทน์เคลื่อนที่ สุวรรณแต่งตัวปกติแต่ตรงคอผูกหูกระต่ายสีชมพูแปร๋นอันใหญ่พอๆ กับดอกไม้หน้ากระโปรงรถกำลังยืนถือไมค์อยู่ กรอดยกป้ายไฟ “เรือง & วรรณ” ส่วนแหลมคอยคุมเครื่องเสียง หรี่เพลงเร่งเพลงสลับกับที่สุวรรณพูด
รถจอดหน้าร้าน สุวรรณให้สัญญาณแหลมหรี่เพลงแล้วเริ่มพูด
สุวรรณใช้ลีลาเหมือนเจ้าบ่าวในงานแต่ง “สวัสดีท่านแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย...ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานให้ความรักของกระผม นายสุวรรณ ขยันสอย กับนางสาวดาวเรือง ดอนสำราญ ในวันนี้...”
พอสุวรรณหยุดพูดเพื่อเรียกร้องความสนใจ แหลมก็เร่งเพลงทันที ชาวบ้านหันไปซุบซิบและฮือฮากัน สุวรรณยกมือให้สัญญาณแหลมหรี่เสียงเพลงลงแล้วพูดต่อ
“ทุกชีวิตในดอนล้อมแรด แม้แต่หมู หมา กา ไก่ คงไม่มีใครที่ไม่ทราบว่ากระผมและดาวเรืองผูกสมัครรักใคร่กันมานานแล้ว ตอนนี้ความรักของเราสองคนสุกงอมเต็มที่ กระผมจึงอยากประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน” สุวรรณนึกได้ก็หันไปหากรอด “เฮ้ย ไอ้กรอด แจกเครื่องดื่ม”
กรอดวางป้ายไฟแล้วกระโดดลงจากรถพร้อมขวดเหล้าที่ห่อกระดาษไว้พร้อมแก้วกรวยกระดาษ กรอดแจกแก้วให้ชาวบ้านบริเวณนั้นคนละใบ ชาวบ้านรับไปอย่างงงๆ
กรอดบอกชาวบ้าน “เดี๋ยวมาดื่มอวยพรให้พี่วรรณกัน”
“อันดับต่อไป ขอเชิญน้องเรือง...” สุวรรณประกาศ
ลูกค้าหน้าร้านแหวกออก บานชื่นโผล่มายืนเท้าสะเอวจังก้าหน้าร้านแทนที่จะเป็นดาวเรือง
“น้าบานเรียกน้องเรืองออกมาหน่อยสิจ๊ะ ใจเราตรงกันแล้ว ไม่ต้องเขินหรอก” สุวรรณบอก
“ไอ้เรืองไม่อยู่ เอ็งจะประกาศอะไรก็ประกาศมา ข้าจะได้ด่าให้ถูกเรื่อง” บานชื่นว่า
“อ้าว! น้องเรืองไม่อยู่ แล้วไปไหนจ๊ะ”
“มันไปซื้อเป็ดที่ตลาด”
สุวรรณหน้าเสีย เขาหันไปมองลูกน้องเลิ่กลั่กอย่างถามความเห็น
แหลมพูดกับสุวรรณและกรอด “งั้นเราก็ตามไปที่ตลาดสิพี่ ที่นั่นสักขีพยานเยอะดี”
สุวรรณยิ้มเห็นด้วย “งั้นไปเว้ย ภารกิจเดิม เปลี่ยนสถานที่!”
กรอดรีบเก็บแก้วกรวยคืนจากชาวบ้านที่ยังถือค้างไว้ ชาวบ้านงงอีกรอบ
“อยากกิน ตามไปกินที่ตลาดละกัน” กรอดบอก
กรอดกระโดดขึ้นท้ายรถ รถแล่นออกไปโดยมีชาวบ้านและบานชื่นยืนมองตามอย่างงงๆ
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินออกมาจากตลาด ดาวเรืองมีท่าทางเซ็งๆ
“กี่ร้านก็หมด มีแต่ไข่แต่ไม่มีตัว จู่ๆ เป็ดมันจะมาขายดิบขายดีอะไรกันตอนนี้วะ” ดาวเรืองบ่น
“ก็คงเพราะปลัดอบรมวันนั้นนั่นแหละพี่เรือง แสดงว่าชาวบ้านต้องเห็นดีเห็นงามกับปลัดแล้วแหงๆ ถ้าต่อไปคนเกิดศรัทธาปลัดมากขึ้น เราก็แย่น่ะสิ”
ดาวเรืองเซ็ง แหลมยืนแอบมองทั้งคู่อยู่ที่มุมหนึ่ง
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินผ่านมาเห็นพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านกำลังมุงดูอะไรบางอย่างกันเป็นกลุ่ม มีเสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหว แหลมวิ่งมาที่รถกระบะแล้วกระซิบบอกสุวรรณ
“มันมาแล้วพี่ มันมาแล้ว!”
สุวรรณหูผึ่งแล้วลุกขึ้นยืนเบ่งบนท้ายรถกระบะ กรอดชูป้ายไฟอีกครั้ง
“เฮ้ย พี่เรือง ป้ายไฟนั่น...”
ดาวเรืองเงยหน้ามองแล้วก็ตาเบิกกว้าง
ดาวเรืองฉุน “ไอ้วรรณ! วอนซะแล้ว”
ดาวเรืองกับเพี้ยนฝ่าผู้คนมายืนดูอยู่ห่างๆ
จินตวัฒน์กับกำจรเดินมาจากอีกทางและกำลังจะผ่านสามแยกนั้นพอดี สุวรรณยกไมโครโฟนขึ้น กรอดหรี่เพลงลง
“ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ในที่นี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกระผม นายสุวรรณ ลูกผู้ใหญ่ผัน แห่งดอนล้อมแรด หลานผู้ใหญ่วงศ์ แห่งดอนล้อมควาย ญาติห่างๆ ผู้ใหญ่ไฝแห่งดอนล้อมหมี...”
ดาวเรืองกับเพี้ยน และจินตวัฒน์กับกำจรมีท่าทางสนใจจึงเดินเข้ามาฟังจากคนละด้าน แต่ทั้งสองกลุ่มต่างไม่เห็นกัน
สุวรรณพูด “ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่ากระผมคบหาดูใจกับดาวเรืองมาหลายปีแล้ว”
ดาวเรืองได้ยินก็ช็อก
“เฮ้ย! หยุด! ใครคบหาดูใจกับเอ็งวะไอ้วรรณ” ดาวเรืองดิ่งเข้าไปหาสุวรรณ
สุวรรณเห็นดาวเรืองกระโดดขึ้นมายืนก็ยิ่งดีใจ
“ขอเสียงปรบมือให้กับว่าที่เจ้าสาวของกระผมด้วยครับ”
แหลมกับกรอดเป็นหน้าม้าตบมือเกรียวกราวให้ พวกชาวบ้านยิ่งสนใจรอดูอะไรดีๆ จินตวัฒน์ส่ายหน้าให้กับความไร้สาระของสุวรรณ
“ไปเถอะกำจร” จินตวัฒน์ชวน
“คุณปลัดไม่อยากดูอะไรสนุกๆ เหรอครับ” กำจรถาม
“ไม่ล่ะ มีอะไรน่าทำมากกว่ามายืนดูคนวางมวยกัน ไอ้ร้านที่ว่ามันอยู่ตรงไหน”
“ทางโน้นครับ”
จินตวัฒน์เดินนำกำจรไป
“ข้ารู้ว่าเอ็งอาย แต่ยอมรับหัวใจตัวเองเหอะว่าเอ็งรักข้า” สุวรรณบอก
ดาวเรืองโกรธจึงรีบแย่งไมโครโฟนมาจากสุวรรณ “ทุกคนฟังให้ดี ฉันขอประกาศตรงนี้เลยว่า สิ่งที่ไอ้วรรณพูดมาทั้งหมดมันไม่จริง ฉันไม่เคยคบหาดูใจอะไรกับมัน และไม่เคยคิดจะแต่งงานกับมันด้วย”
“ไอ้เรือง เอ็งนี่มันปากกับใจไม่ตรงกันจริงๆ แนะๆๆ แน้...เอ็งกลัวเสียฟอร์มใช่มั้ยที่ต้องยอมรับต่อหน้าทุกคนว่ารักข้า”
“เฮ้อ! สีซอให้ควายฟัง มันก็ฟังไม่รู้เรื่องยังงี้แหละ”
ดาวเรืองมองสุวรรณอย่างสมเพชก่อนจะยัดไมโครโฟนใส่มือสุวรรณแล้วกระโดดลงจากรถ
สุวรรณตะโกนตามหลัง “ไอ้เรือง เอ็งจะแต่งกับข้าหรือไม่แต่ง”
ดาวเรืองตะโกนโดยไม่เหลียวกลับไปมอง “ฝันไปเหอะ”
สุวรรณพูดอย่างเหี้ยมเกรียม “ไม่แต่งข้าฉุด!”
ดาวเรืองชะงักกึกแล้วหันไปมองอย่างท้าทาย “ข้าท้าให้เอ็งมาฉุด ไม่มาเป็นหมา!”
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินจากไป สุวรรณโกรธจัดจึงกระโดดลงจากรถ แหลมกับกรอดรีบตาม โดยมีชาวบ้านบางส่วนเดินตามไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินมาตามทาง
“ร้านเจ๊กิมจะมีรึเปล่าพี่ เหลือร้านเดียวแล้ว” เพี้ยนว่า
ดาวเรืองเซ็ง “ถึงขั้นต้องซื้อไข่ไปฟักเป็ดกันรึเปล่าวะเนี่ย”
สุวรรณกับพวกเดินตามมา
“ไอ้เรือง อย่าปากแข็งน่า”
ดาวเรืองเซ็งสุดๆ “ไม่ได้แข็งแค่ปากอย่างเดียวนะเว้ย หน้าแข้งกับบาทาก็แข็งเหมือนกัน อยากลองมั้ยล่ะ”
สุวรรณเดินมายืดอกขวางหน้าดาวเรือง
“เอาซี้... เอ็งจะส่งหน้าแข้งหรือหน้าผากมา ข้าก็จะจูบให้คนทั้งตลาดรู้ว่าข้ารักเอ็งแค่ไหน แต่งงานกับข้านะไอ้เรือง”
ดาวเรืองถอนใจเฮือกเพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด
“ไม่ว่าง ไม่แต่ง ถอยไป”
ดาวเรืองผลักสุวรรณอย่างแรงแล้วเดินหนี
สุวรรณตะโกนไล่หลัง “เอ็งรักข้าแล้วไม่แต่งกับข้า เอ็งจะไปแต่งกับใครวะ”
ดาวเรืองรำคาญ “กับใครก็ได้เว้ยที่เอาเป็ดมาให้ข้าตอนนี้”
กำจรเดินเข้ามาโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พอเห็นดาวเรืองเขาก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊กวักมือพร้อมตะโกนเรียก
“อ้าว ไอ้เรือง พอดีเลย” กำจรชี้ไปด้านหลัง
จินตวัฒน์อุ้มกล่องกระดาษใบโตที่เปิดฝาด้านบนเดินเข้ามา
กำจรพยักพเยิดกับดาวเรือง “นี่ไง เป็ด”
จินตวัฒน์ยื่นกล่องที่มีเป็ดไปตรงหน้าดาวเรือง “ที่เธออยากได้”
สุวรรณ แหลมและกรอดตกใจ “เป็ด!”
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินมาชะโงกดูเป็ดอย่างตื่นเต้น ลูกเป็ด 20 ตัวในกล่องส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
ดาวเรืองยิ้มดีใจแล้วหยิบเป็ดขึ้นมาชื่นชม แต่สุวรรณกับลูกน้องทั้งสองถึงกับผงะ
“ไอ้เรืองมันบอกจะแต่งกับคนที่เอาเป็ดมาให้มัน ที่แท้ก็ไอ้ปลัดนี่เอง” แหลมบอก
“แบบนี้มันหยามกันชัดๆ พี่วรรณอย่าไปยอม” กรอดว่า
“ใช่พี่ ทำแบบนี้มันดูถูกความเป็นชาย เหยียบย่ำศักดิ์ศรียิ่งกว่าขากเสลดใส่หน้ากันนะพี่” แหลมเสริม
สุวรรณเคี้ยวฟัน ยิ่งเห็นดาวเรืองชื่นชมเป็ดของจินตวัฒน์ก็ยิ่งร้อนปานน้ำเดือด
“มันจะมากเกินไปแล้วนะไอ้ปลัด”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเรือง ตอนที่ 4 (ต่อ)
กรอดยิ่งใส่อีก “ทำงี้...ด่ากันว่าไอ้หมาขี้เรื้อนยังจะดีซะกว่า”
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” สุวรรณโกรธจัด
สุวรรณกระโจนเข้าใส่จินตวัฒน์แล้วพุ่งหมัดใส่หน้าทันที ท่ามกลางความแตกตื่นของทุกคน
“เฮ้ย! อะไรวะ” กำจรรีบเข้าไปคว้าตัวสุวรรณไว้
“เอ็งเป็นบ้าอะไรวะไอ้วรรณ” ดาวเรืองว่า
“ก็ใครใช้ให้มันมายุ่งกับเอ็งล่ะ” สุวรรณประกาศกับจินตวัฒน์ “ไอ้เรืองเป็นผู้หญิงของข้า เอ็งมาทีหลัง จะมาปาดหน้าเค้กกันง่ายๆ ยังงี้ได้ไง แล้วมันหน้าที่ของปลัดเหรอ ที่มาเดินตามผู้หญิงคนเดียวต้อยๆ แบบนี้”
จินตวัฒน์ขยับมาเผชิญหน้ากับสุวรรณแล้วจ้องสุวรรณเขม็ง
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเดินตามใคร หรือทำอะไรเพื่อใครคนเดียว หน้าที่ของฉันคือดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นดาวเรือง นายวรรณ หรือว่าใครก็ตาม ถ้านายวรรณเข้าใจอะไรผิดก็เข้าใจซะใหม่นะ ฉันเป็นข้าราชการ และข้าราชการมีหน้าที่รับใช้ประชาชนทุกคน”
จินตวัฒน์พูดจบ ทุกคนก็ยืนอึ้งไป 2 วินาทีก่อนที่ใครคนหนึ่งจะปรบมือ แล้วจากนั้นทุกคนก็ปรบมือตาม จินตวัฒน์ยกมือไหว้ขอบคุณชาวบ้าน กำจรก็พลอยปรบมือไปกับชาวบ้านด้วย
สุวรรณ แหลม และกรอดมองซ้ายมองขวาเพราะงงกับปฏิกิริยาของชาวบ้าน
แหลมกระซิบบอกสุวรรณ “เอ่อ...แบบนี้แถวบ้านฉันเรียกว่าโดนขโมยซีนนะพี่”
ดาวเรืองขมึงตาใส่สุวรรณอย่างไม่สบอารมณ์ สุวรรณยิ่งจ๋อยสนิท
เสมอใจหิ้วถุงนมเย็นเดินดูดออกมาจากร้านผ่านท้ายรถสองแถวส่งของ แล้วเธอก็ต้องเบรกเอี๊ยด ถอยกลับมาดูสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความแปะอยู่ที่ท้ายรถ “ถ้าขนมปังต้องฟาร์มเฮ้าส์ แต่ระหว่างเราต้องฟามรัก”
เสมอใจหัวเราะและยิ้มร่าถูกใจก่อนจะรีบล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพิมพ์ข้อความ
สุวรรณเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาตามทาง แหลมกับกรอดเดินตาม เสียงมือถือของสุวรรณดัง สุวรรณล้วงขึ้นมาดูก็เห็นข้อความ “ถ้าขนมปังต้องฟาร์มเฮ้าส์ แต่ระหว่างเราต้องฟามรัก”
“ไอ้เรือง? มันจะเอายังไงกับข้ากันแน่วะ เมื่อกี้ไล่เหมือนหมู มองเหมือนหมา พอคล้อยหลังมา กลับส่งข้อความแบบนี้?”
แหลมกับกรอดอยากรู้อยากเห็นสุดๆ “ส่งมาว่าไงพี่”
สุวรรณไม่ยอมให้ดู เขาเก็บมือถือแล้วเดินครุ่นคิดด้วยความสับสน
เสมอใจเดินลั้นลาพ้นหัวมุมมา โดยนัยตาจ้องมือถือ อารมณ์ยังค้างเพราะชื่นชมข้อความที่ส่งไป โดยไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างทำให้ชนเข้ากับสุวรรณเต็มๆ จนมือถือลอยหลุดจากมือ
“ว้าย”
สุวรรณพาล “เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ” พอเห็นเป็นเสมอใจสุวรรณก็โกรธ “นังเหมอ”
โทรศัพท์มือถือของเสมอใจตกอยู่ในมือกรอด
“แหม...ใช้มือถือมินนี่เมาส์ รุ่นเดียวกับไอ้เรืองเลยนะ” กรอดว่า
เสมอใจตกใจจนลนลาน “เอาคืนมานะ”
“อุตส่าห์เก็บให้ ขอดูแค่นี้ทำหวง” กรอดบอก
แหลมแย่งมาดูบ้าง “ไหนดูหน่อยดิ มีรูปแฟนรึไง ถึงได้หวงขนาดนี้” แหลมอ่าน “ถ้าขนมปังต้องฟาร์มเฮ้าส์ แต่ระหว่างเราต้องฟามรัก”
แหลมกับกรอดแซว “ฮิ้วว”
สุวรรณได้ยินปุ๊บก็ชะงัก เขาหันกลับมาพร้อมกับกระชากมือถือไปจากแหลมแล้วเพ่งดู
สุวรรณโกรธสุดๆ เขายื่นมือถือไปจนแทบจะทิ่มหน้าเสมอใจ “นี่มันมือถือของข้าที่ซื้อให้ไอ้เรืองนี่ มาอยู่ที่เอ็งได้ไงนังเหมอ”
เสมอใจใช้ความไวปานสายฟ้าแลบแย่งมือถือจากสุวรรณไปซ่อนไว้ข้างหลัง
สุวรรณถามอย่างดุดัน “เอ็งขโมยไอ้เรืองมาใช่ไหม!”
“ข้าเปล่าขโมยนะ ของมันทิ้งแล้ว” เสมอใจบอก
“อย่ามาโกหก ของดีๆ อย่างนี้ใครมันจะทิ้ง” กรอดว่า
“ก็ไอ้เรืองไง ไอ้เรืองไม่เอาแล้วจริงๆ”
“แสดงว่าข้อความทั้งหมดที่ส่งมา ฝีมือเอ็งทั้งนั้นสิ?” สุวรรณถาม
“เอ่อ...อ่า...ใช่ ข้า...ข้า...คือข้าอยากให้เอ็งมีความสุข” เสมอใจแก้ตัว
“เอ็งนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
เสมอใจถอยไปสี่ห้าก้าว “ไม่!”
“เอ็งจะไม่คืนก็ได้! แต่ข้าจะเปลี่ยนซิมเครื่องของข้า แล้วเราก็ไม่ต้องคุย ไม่ต้องมองหน้ากันอีก อยากจะนอนกอดโทรศัพท์เปล่าๆ ก็ตามใจ”
สุวรรณกับพวกเดินหนีอย่างอารมณ์เสียสุดๆ เสมอใจจ๋อยสนิท สักครูเธอจึงวิ่งตามสุวรรณ
เสมอใจเรียกเสียงอ่อย “ไอ้วรรณ...”
สุวรรณหันมา เสมอใจก้มหน้าก้มตายื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้ สุวรรณกระชากไปอย่างไม่ไยดี แล้วทั้งสามก็เดินจากไป เสมอใจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นโดยทำหน้าเบ้เหมือนคนจะร้องไห้ แล้วน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าตาของเธอ
ดาวเรืองค่อยๆ ปล่อยเป็ดน้อย 20 ตัวในกล่องลงไปวิ่งแข่งกันในเล้าที่จินตวัฒน์ทำให้ ดาวเรืองยิ้มเบิกบานอย่างมีความสุข จินตวัฒน์แอบมองหน้าดาวเรือง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเธอ เพียงครู่เดียว ใบหน้าและแววตาที่อ่อนโยนนั้นก็กลับแข็งกระด้าง พูดจากระโชกโฮกฮากขึ้นมาอีก
“เท่าไหร่”
“ฉันให้” จินตวัฒน์บอก
ดาวเรืองงง “อยู่ดีๆ มาให้ทำไม”
“อ้าว ก็เธอพูดเองไม่ใช่เหรอ ทำเล้าแต่ไม่มีเป็ดก็เหมือนสร้างบ้านให้ปลวกอยู่ เปล่าประโยชน์”
“อย่ามาดีเวอร์ ของถูกไม่เคยดี ของฟรีไม่มีในโลก คนเราทำอะไรก็หวังผลตอบแทนทั้งนั้นแหละ”
“ฉันไม่ได้ให้เธอฟรีๆ”
“นั่นไง”
“ฉันให้เธอเลี้ยงไว้เปิดอบรมให้คนจากหมู่บ้านอื่นมาดูงาน ใครอยากรู้วิธีเลี้ยง วิธีเร่งไข่เป็ด เธอต้องเป็นคนสอน”
ดาวเรืองถามต่อ “เลี้ยงให้แล้วได้อะไร”
“เธอก็เก็บไข่ไปขาย รายได้ส่วนนี้เป็นของเธอ ถ้าเลี้ยงดี ฉันจะซื้อมาให้เลี้ยงเพิ่ม แต่เธอต้องทำบัญชีรับจ่ายอย่างละเอียดให้ฉันดูทุกอาทิตย์”
ดาวเรืองโวย “โอ๊ยย!! เรื่องเยอะ วุ่นวาย เสียเวลา เอาไปให้คนอื่นเลี้ยงเถอะไป๊” ดาวเรืองเดินหนี
จินตวัฒน์ตะโกนตามหลัง “นึกแล้ว ว่าเรื่องดีๆ แบบนี้เธอคงทำไม่เป็น เป็นแค่เล่นไพ่ ต้มเหล้า ขายหวย แค่นั้น”
ดาวเรืองหันมาถลึงตาใส่จินตวัฒน์เพราะโกรธที่เขามาดูถูก
จินตวัฒน์กับกำจรช่วยกันทำความสะอาดรถหลังจากที่ดาวเรืองมาให้อาหารเป็ดบนหลังรถ
กำจรทำไปบ่นไป “ไอ้เรืองนะไอ้เรือง หาเรื่องให้เหนื่อยไม่เว้นแต่ละวัน คุณปลัดไม่น่าไปให้เป็ดมันเล้ยยย! อย่างไอ้เรืองน่ะเหรอจะยอมเสียเวลาเลี้ยง ป่านนี้กำลังต้มเหล้าอยู่ละสิไม่ว่า”
จินตวัฒน์นิ่งคิดแต่ไม่พูดอะไร
ดาวเรืองกำลังกรอกเหล้าใส่ขวดอยู่กับเพี้ยน บานชื่นเดินเข้ามาแอบมองดาวเรืองกับเพี้ยนที่ต้มเหล้ากันอยู่
“เอ็งไม่กลัวจ่าแม่นมันจะดมกลิ่นเจอเหรอ เล่นมาต้มในบ้านแบบนี้” บานชื่นถาม
“พี่เรืองบอกว่า จุดที่อันตรายที่สุดคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด” เพี้ยนบอก
“แน่เหรอวะ ต้มๆ อยู่ไอ้จ่าแม่นโผล่มากลางบ้านทำไง”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะแม่ เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ”
จินตวัฒน์ยืนส่งกำจรที่ตีนบันได โดยรถของจินตวัฒน์ที่จอดอยู่สะอาดเอี่ยมอ่อง
“ขอบใจมากนะกำจร”
“ด้วยความยินดีครับ ยังไงคุณปลัดก็อย่าไปปัดแข้งปัดขาไอ้เรืองมันนักเลยครับ เราจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้ เรื่องเป็ดก็เหมือนกัน...อย่าตั้งความหวังกับคนอย่างมันเลย”
จินตวัฒน์ยืนนิ่ง กำจรเดินไปที่รถ
“ทางที่ดีไปเอาคืน แล้วให้พวกเกษตรอำเภอเอาไปแจกชาวบ้านที่เขาต้องการจริงๆ ดีกว่าครับ อยู่กับไอ้เรือง เป็ดมันจะตายซะเปล่าๆ ป่านนี้ถ้าไม่ต้มเหล้าก็นอนอ่านการ์ตูนเพลินไปแล้ว” กำจรว่า
ดาวเรืองนอนคว่ำอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ สักพักเธอก็พลิกตัวนอนหงายเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ ดาวเรืองยกหนังสือที่อยู่ในมือขึ้นที่หน้าปกหนังสือมีรูปลูกเป็ดและชื่อหนังสือว่า “ไม่ยากถ้าอยากเลี้ยงเป็ด”
สักพักดาวเรืองก็ลุกขึ้นนั่ง เธอคว้าไฟฉายบนหลังตู้ก่อนจะวิ่งออกไป บานชื่นซึ่งกำลังเอาดอกดาวเรืองถวายพระมองตามลูกสาวไปด้วยความสงสัย
ดาวเรืองเดินลิ่วมาที่เล้าเป็ดแล้วเอาไฟฉายส่องดูเป็ดทีละตัว
“หลับปุ๋ยเชียวนะ ยุงกัดรึเปล่าว้า... ถ้าคืนนี้ฝนตกจะอยู่กันยังไง จะหนาวรึเปล่าวะ”
ดาวเรืองวิตกกังวลไปเรื่อย บานชื่นมายืนมองลูกสาวแล้วยิ้มเอ็นดู
เช้าวันใหม่ ดาวเรืองซุกลังที่ใส่เหล้าพร้อมส่งวางเรียงไว้ที่มุมหนึ่งก่อนจะเอาถุงถ่านวางซ้อนทับอีกที จินตวัฒน์ในชุดจ๊อกกิ้งเข้ามาในร้าน เขาเห็นดาวเรืองก้มๆ เงยๆ กลบหลักฐานเลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“ทำอะไรน่ะ”
ดาวเรืองสะดุ้งเฮือกแล้วสงบลงอย่างรวดเร็ว
“เก็บถ่าน ไม่เห็นรึไง ปลัดจะจับผิดอะไรมิทราบ”
“ก็ถ้าแค่เก็บถ่าน ฉันจะต้องสงสัยอะไร”
“ไม่ต้องสงสัย แล้วมาทำไม หรือแค่แวะมาป่วนชาวบ้าน งานการไม่ทำรึไง”
“ขอบใจนะที่เตือน”
จินตวัฒน์เดินไปทางเล้าเป็ด ดาวเรืองชะเง้อมองตามแล้วเดาได้ว่าจะไปไหนเธอก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา
จินตวัฒน์เดินมาที่เล้าเป็ด ดาวเรืองเดินตาม
ดาวเรืองบ่นตามหลัง “งานอะไรของมันวะ”
จินตวัฒน์ถาม “ให้อาหารรึยัง”
ดาวเรืองตอบกวนๆ “ยัง”
“น้ำล่ะ”
“ยัง”
จินตวัฒน์เดินไปเปิดเล้าแล้วเรียกเป็ดออกมา ลูกเป็ดพากันเดินพาเหรดออกมาแต่ดาวเรืองตาเหลือก
“เฮ้ย!! จะทำอะไร”
“ทำงาน ในเมื่อเธอขี้เกียจเลี้ยง ฉันก็จะเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง มันจะได้เป็นความรู้ เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น”
“ไม่ต้อง!! ฉันเลี้ยงเอง”
จินตวัฒน์ถามทันที “ไม่ขี้เกียจ?”
“เออ”
“ตกลงให้ข้าวให้น้ำรึยัง”
“ข้าว น้ำ อึ ฉี่ ทำให้ / พาไปเรียบร้อยแล้วโว้ย ขืนรอนาย เป็ดก็ตายหมดสิวะ เอ้า! กลับเข้าเล้าไปลูก อย่าออกมาเพ่นพ่าน เดี๋ยวหมามันงาบเอานะลูกนะ เอ้า...ก๊าบ...ก๊าบ...กิ๊บ...กิ๊บ...ตามแม่มา”
ดาวเรืองต้อนเป็ดกลับเล้าอย่างหวงแหน จินตวัฒน์ยิ้มพอใจ
บานชื่นหอบผักและของสดที่ซื้อจากตลาดลงจากซาเล้ง ดาวเรืองเดินจ้ำมาจากทางเล้าเป็ดพอเห็นแม่ก็ปรี่มาช่วยถือของ
“ไปดูเป็ดมาอีกล่ะสิ จะดูให้มันไข่วันนี้พรุ่งนี้เลยรึไงห๊าไอ้เรือง”
จินตวัฒน์เดินเข้ามาจากทางเล้าเป็ด
“อ้าว คุณปลัด วันนี้มาแต่เช้าเลย มาดูเป็ดเหรอคะ โอ๊ยไม่ต้องห่วงค่ะ ไอ้เรืองมันเทียวไปดูทุก 10 นาที”
ดาวเรืองปราม “แม่...” ดาวเรืองพูดกับจินตวัฒน์ “พอใจแล้วก็กลับไปสิ จะโอ้เอ้อยู่ทำไม มิน่าชาวบ้านเขาถึงว่าข้าราชการเช้าชามเย็นชาม”
“ไอ้เรือง นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าเองนะ” บานชื่นพูดกับจินตวัฒน์ “อยู่รับประทานอาหารเช้าที่นี่ก่อนสิคะคุณปลัด เบรกฟาสต์พวกไข่ดาว ขนมปังปิ้ง น้าก็ทำเป็นนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณคุณน้ามาก ผมกลับไปอาบน้ำไปทำงานเลยดีกว่า วันนี้ว่าจะไปเยี่ยมบ้านดอนล้อมเก้งซะหน่อย ลาล่ะครับ” จินตวัฒน์ยกมือไหว้บานชื่น
ดาวเรืองโบกมือไล่ชิ่วๆ ใส่จินตวัฒน์ที่เดินออกไป บานชื่นขึงตาดุลูกสาว เพี้ยนวิ่งเข้ามาจากทางหลังบ้าน
เพี้ยนซุบซิบ “พี่เรือง ช่วงบ่าย ทางสะดวก”
ดาวเรืองยิ้มกริ่ม
กำจรขับรถออกมาจากหมู่บ้าน โดยมีจินตวัฒน์นั่งข้างๆ ทั้งคู่เพ่งมองไปที่ทางข้างหน้าก็เห็นจ่าแม่นกำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์เหยงๆ
กำจรจอดถาม “รถเป็นอะไรจ่าแม่น”
“ไม่รู้สิ ขับมาดีๆ จู่ๆ เครื่องก็มาดับซะนี่ ยิ่งรีบอยู่ด้วย”
จินตวัฒน์ถาม “จะไปไหนล่ะจ่า”
“สายผมรายงานว่าไอ้เรืองมันจะขนเหล้าคืนนี้ ผมก็เลยมาสะกดรอยตามมัน ตอนนี้ทุกคนพร้อมแล้วที่โรงพัก รอผมส่งสัญญาณแค่นั้น”
“เมื่อกี้ผมก็เจอ ไม่มีทีท่าลุกลี้ลุกลนจะทำอะไรเลยนี่” จินตวัฒน์บอก
“ไอ้เรืองมันทำจนเคยชิน มันไม่ลุกลี้ลุกลนหรอกครับ คนที่ลุกลี้ลุกลนแถมยังไม่ชินสักทีคือ...ไอ้จ่าแม่นนี่ต่างหาก” กำจรว่า
“ตกลงที่จอดนี่ มาแวะประณามหรือให้ความช่วยเหลือ” จ่าแม่นถาม
“ตอนแรกผมก็ว่าจะกลับบ้าน แต่ได้ยินอย่างนี้ก็กลับไม่ลงเหมือนกัน ขึ้นมาเลยครับจ่า” จินตวัฒน์ชวน
จ่าแม่นตะเบ๊ะพร้อมตบเท้าแข็งขัน “ขอบคุณ ครับพ้ม”
จ่าแม่นล็อคเกียร์มอเตอร์ไซค์แล้วกระโดดขึ้นมาบนรถกำจร
ดาวเรืองขี่ซาเล้งออกมาจากซอยย่อยแล่นมาตามถนนลูกรังที่ยาวสุดสายตา โดยมีเพี้ยนนั่งที่ซาเล้งข้างๆ ในมือของเพี้ยนถือขวดสีชาคล้ายขวดเหล้าขาว ที่ปากขวดมีจุกก๊อกปิดอยู่
“เชื่อหัวไอ้เพี้ยนรึยัง ที่จริงไม่ต้องเตี๊ยมแผน 2 แผน 3 ก็ได้ เห็นปะ ไม่มีแม้เงาหมาสักตัว”
ดาวเรืองหัวเราะขำเพี้ยนแล้วหันไปมองทางข้างหน้า รอยยิ้มของดาวเรืองเลือนหายไปก่อนจะเบรกรถ
“ไม่มีเงาหมา แต่มีเงาคน” ดาวเรืองบอก
รถของกำจรแล่นมาจากถนนย่อยอีกด้านตรงดิ่งมาที่รถซาเล้งของดาวเรือง ดาวเรืองตัดสินใจเลี้ยวรถลงซอยย่อยข้างทางที่ใกล้ที่สุด
จ่าแม่นอ้าปากกว้างแหกปากลั่น “ตามมันเลย ตาม...ไอ้จร!!”
กำจรเอามือปิดจมูกหมับ “ข้ารู้แล้ว ตะโกนมาได้ ฮือ...จะอ้วก”
กำจรเลี้ยวรถตามรถซาเล้งของดาวเรืองไป
ดาวเรืองเร่งเครื่องบิดหนีเต็มที่ ตาก็คอยหันไปมองรถกำจรที่แล่นตามอย่างไม่ลดละ
“เครื่องเราสู้มันไม่ไหวว่ะ เตรียมแผน 2 แผน 3 เลย เอ็งไปไร่ยายแม้น จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“เราจะรอดมั้ยพี่” เพี้ยนถาม
ดาวเรืองมุ่งมั่น “เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะน่า”
ดาวเรืองชะลอแล้วหยุดรถเมื่อถึงสามแยก ทั้งคู่กระโดดลงจากรถ
“อะพี่” เพี้ยนโยนขวดสีชาให้ดาวเรือง
ดาวเรืองคว้าขวดแล้วชูอวดคนที่อยู่ในรถกำจรก่อนจะวิ่งแยกไปทางซ้าย ในขณะที่เพี้ยนวิ่งออกไปทางขวา กำจรจอดรถต่อท้ายรถซาเล้งดาวเรืองแล้วทุกคนก็กระโดดลงจากรถ
จ่าแม่นกับกำจรวิ่งไปทางดาวเรือง ในขณะที่จินตวัฒน์จะวิ่งฉีกไปทางเพี้ยน
“อย่าหลงกลมันครับคุณปลัด ที่ฝังเหล้ามันอยู่ทางนี้ครับ ไอ้เรืองมันไม่ปล่อยให้ไอ้เพี้ยนขนเหล้าออกมาคนเดียวหรอกครับ” จ่าแม่นบอก
“ถูก มันก็เหมือนกับขี้ที่มันบอกว่าขี้แล้วเราไม่เชื่อนั่นล่ะครับ แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นเหล้า ผมเชื่อว่าที่มันถือในมือคือเหล้าจริงๆ” กำจรสนับสนุน
จินตวัฒน์ลังเล “แต่...”
“เราต้องฉลาด อย่าเป็นเหยื่อมันครับ มันต้องการล่อให้พวกเราคิดเยอะๆ ทั้งที่มันไม่ได้วางแผนอะไรซับซ้อนเลย รีบไปกันเถอะครับ จะได้ช่วยกันขนของกลางออกมา” จ่าแม่นบอก
จ่าแม่นกระชับปืนในมือด้วยลีลาเกินร้อยก่อนจะวิ่งนำกำจรกับจินตวัฒน์ตามดาวเรืองไป
ดาวเรืองที่หอบขวดวิ่งเต็มเหยียดลัดเลาะมาตามป่าพยุง จ่าแม่น จินตวัฒน์ และกำจรวิ่งตาม
ดาวเรืองวิ่งใส่เกียร์ห้ามาเรื่อยๆ จ่าแม่นวิ่งนำจินตวัฒน์กับกำจรตามมา
จ่าแม่นวิ่งไปตะโกนไป “หยุดนะไอ้เรือง ข้าบอกให้หยุด”
ดาวเรืองไม่สนเสียงนกเสียงกา เธอโกยแน่บต่อไป จ่าแม่นกับพวกยังคงวิ่งตาม
ดาวเรืองวิ่งปาดเหงื่อกอดขวดหน้าตั้ง โดยมีจ่าแม่นวิ่งหืดขึ้นคอ ตามมากับจินตวัฒน์และกำจร สักครู่จ่าแม่นก็มาหยุดหอบแฮก ทำให้จินตวัฒน์และกำจรที่วิ่งตามมาหยุดหอบตามไปด้วย
จ่าแม่นพูดกับกำจร “เอ็งวิ่ง...โอบไปทางไร่ไอ้...ไอ้ผิน ข้าจะลัดไปทาง...ไร่ยายสาย ส่วนคุณปลัดจี้...คอยจี้ตามหลังมัน...อย่า...ให้คลาดสายตานะครับ” จ่าแม่นเหนื่อยสุดๆ
จินตวัฒน์พยักหน้า จ่าแม่นสูดหายใจลึกรับอ๊อกซิเจนเข้าไปสุดปอดแล้ววิ่งออกไปทางขวา ส่วนกำจรออกไปทางซ้าย จินตวัฒน์วิ่งตรงตามดาวเรืองไป
ดาวเรืองวิ่งนำโด่งแต่แล้วก็เบรกหน้าทิ่มเมื่อเห็นกำจรและจ่าแม่นวิ่งโอบมาดักหน้าจากทางซ้ายและขวา ดาวเรืองจะหันหลังกลับก็เจอจินตวัฒน์วิ่งตามมาปิดทางหนีเข้าให้อีก
ดาวเรืองหอบเหนื่อย “วิ่งไล่ทำไมวะไอ้จ่าแม่น”
จ่าแม่นลิ้นห้อยเข่าทรุด “แล้วเอ็งหนีทำไม”
“กลัวโดนสาดโคลน” ดาวเรืองตอบ
“กลัวข้าลากเข้าคุกน่ะสิไม่ว่า ไหน...ขวดที่เอ็งถือมันอะไร เอามาดูซิ”
“เยี่ยวแม่บาน” ดาวเรืองตอบ
กำจรเหนื่อยรากแทบแตก “ไอ้เรือง อย่าโกหกให้มันมากความได้มั้ยวะ”
“ไม่ได้โกหกเว้ย เยี่ยวแม่บานจะเอาไปตรวจเบาหวาน”
“ข้าไม่เชื่อ ถ้าเป็นเยี่ยวจริง เอ็งจะหนีข้าทำไม ส่งมา” จ่าแม่นสั่ง
“เกิดจ่ายัดเหล้าเถื่อน หรือสอดยาบ้าให้ฉัน ฉันก็ซวยดิ”
“เอ็งจะกลัวอะไร พยานมีตั้ง 2 คน ส่งมาให้ข้าพิสูจน์หลักฐานเดี๋ยวนี้”
ดาวเรืองพูดกับจินตวัฒน์และกำจร “เป็นพยานให้ด้วยนะเว้ย” ดาวเรืองยกมือไหว้ท่วมหัว “ใครกลับคำ ใครป้ายความผิดให้ฉัน ขอให้ตรงนั้นมันหัก งอ บิด กุด พิการใช้งานไม่ได้ สาธุ”
กำจรเซ็ง “ถึงกับแช่งไม่ให้เหลือทำพันธุ์กันเลยทีเดียว”
“เหล้าเถื่อนกลิ่นมันแรง ดมทีเดียวก็รู้ เอามา” จ่าแม่นบอก
ดาวเรืองทำเป็นยื่นขวดเหล้าส่งให้จ่าแม่นด้วยท่าทีแข็งขืน
จินตวัฒน์รู้ทันดาวเรือง “ผมว่าอย่าดีกว่าครับ”
ดาวเรืองตีหน้าตาย “ตามใจ” ดาวเรืองดึงขวดกลับมา
จ่าแม่นดึงคืน “เอามานี่ เดี๋ยวเถอะ ข้าจะตามไปขุดให้เจอต้นตอเลย”
จ่าแม่นดึงจุกที่ปากขวดออก
จินตวัฒน์ร้องห้าม “เดี๋ยว จ่า!”
จ่าแม่นยกขวดต้องสงสัยขึ้นสูดเข้าไปเต็มปอดแล้วก็ชะงักไปแวบนึง
“ไม่ใช่เหล้าแต่มัน...อะไรวะคุ้นๆ” จ่าแม่นต่อว่าดาวเรือง “ทำไมเอ็งไม่กรอกมาให้เต็ม”
“ไม่เต็มก็ตะแคงเอาสิ แบบนี้ไง”
ดาวเรืองดันก้นขวดที่จ่าแม่นยกขึ้นมาพิสูจน์กลิ่นอีกครั้งขึ้นมาตั้งฉากส่งผลให้น้ำสีเหลืองจัดที่อยู่ในขวดทะลักออกมาราดหน้าและตัวจ่าแม่นกลิ่นฉุนขจรขจายไปทั่วป่า
จ่าแม่นขยับจมูกสูดกลิ่นฟึดฟัด “ รู้แล้วกลิ่นอะไร เยี่ยว”
พูดจบจ่าแม่นก็เป็นลมหน้ามืดขาอ่อนคอพับลงไปกองกับพื้นทันที กำจรวิ่งเข้าไปดู
ดาวเรืองหัวเราะร่วน “ชื่นใจมั้ยจ่า เที่ยวที่แล้วดมกาก เที่ยวนี้ดมเยี่ยว”
จินตวัฒน์ต่อว่า “หยุดหัวเราะเยาะคนอื่นได้แล้วนะดาวเรือง ทำอย่างนี้มันเกินไปนะ”
“เกินยังไง ก็ตะโกนบอกปาวๆ ว่าเยี่ยว...เยี่ยว ยังจะเปิดดม”
“เธอล่อให้พวกเราตามมาที่นี่ เพื่อจะให้เพี้ยนไปขนเหล้าที่เก็บไว้ฝั่งโน้นใช่มั้ย” จินตวัฒน์รู้ทัน
“ฝั่งโน้นไม่รู้ รู้แต่ฝั่งนี้มีแค่ขวดกับเยี่ยว เยี่ยวใส่ขวดผิดกฎหมายรึเปล่าล่ะ”
กำจรพะอืดพะอมจะเป็นลมตามจ่าแม่น “เยี่ยวใส่ขวดไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ากลิ่นมันเป็นอันตราย ทำให้คนวิงเวียนเจียนตาย เอ็งเข้าปิ้งแน่ไอ้เรือง โอ๊ย...กูจะอ้วก”
กำจรเบือนหน้าหนีเมื่อจ่าแม่นพลิกหน้ามาซบอกตนเอง ดาวเรืองหัวเราะลั่นในขณะที่จินตวัฒน์ถอนใจเฮือก
กำจรและจินตวัฒน์ช่วยกันแบกจ่าแม่นซึ่งยังคงหน้ามืดวิงเวียนขึ้นมานอนท้ายรถ เพี้ยนโผล่ออกมาจากแนวต้นไม้แล้วจับตาดูทุกคน
กำจรเอาหลังพิงรถแล้วหอบแฮก “โอ๊ยย...เหนื่อยแทบขาดใจ หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะถูกไอ้เรืองมันหลอกนะครับ”
จินตวัฒน์ยืนหน้ามืดอยู่อีกฝั่ง “รีบพาจ่าแม่นไปหาหมอก่อนเถอะ”
กำจรพยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถ ในขณะที่เพี้ยนวิ่งหลบไป จินตวัฒน์ก้าวขึ้นรถแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อนึกได้ว่าดาวเรืองจอดซาเล้งไว้ตรงนี้แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเรือง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ดาวเรืองกับเพี้ยนช่วยกันดึงขวดเหล้าขึ้นมาจากก้นหลุม
“ฉันขนใส่ซาเล้งออกไปรอบแล้ว นี่เหลืออยู่ไม่ถึงยี่สิบขวดมั้งพี่” เพี้ยนบอก
ดาวเรืองชม “เจ๋ง”
“ดีนะที่พี่ให้ฉันเยี่ยวใส่ขวดนั่นไว้ก่อน ไม่งั้นคงถ่วงเวลาพวกมันไม่ได้นานขนาดนี้”
“ตอนไอ้จ่าแม่นมันโดนเยี่ยวเอ็งรดหน้านะไอ้เพี้ยน หน้ามันเหมือนตอนตกลงไปในถังขี้ ข้าขำจนเยี่ยวจะเล็ด ฮ่าๆ ๆ ว่าแต่...เอ็งแน่ใจนะว่าเห็นไอ้ปลัดกับน้าจรแบกจ่าแม่นขึ้นรถไปแล้วจริงๆ”
“ชัวร์ป๊าบ ไอ้จ่าแม่นสลบคารถ ส่วนน้าจรกับไอ้คุณปลัดก็เผ่นไปแล้ว รับรองไม่ต้องใช้แผน 3” เพี้ยนหยิบลำไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือขึ้นมาแล้วโยนลงพื้น
“เที่ยวนี้มันคงเลิกยุ่งกับข้าไปนาน ฮ่าๆ ๆ”
จินตวัฒน์ขยับเข้ามา
จินตวัฒน์พูดหน้าตาย “เลิกยุ่งนานๆ ไม่ได้หรอก คิดถึง”
ดาวเรืองกับเพี้ยนเงยหน้าขึ้นมามองจินตวัฒน์แล้วก็อ้าปากหวอ
“เหล้าใช่มั้ย” จินตวัฒน์ถาม
ดาวเรืองแถ “ไม่ใช่ น้ำปลา”
“น้ำปลาอะไรเอามาฝังดิน”
ดาวเรืองกวนใส่ “อ้าว เอาน้ำปลาฝังดินมันผิดกฎหมายเหรอ”
“ไม่ผิด ถ้ามันเป็นน้ำปลาจริงๆ ไหน...เปิดดูซิ”
“บอกว่าน้ำปลาก็น้ำปลาสิ”
“ฉันไม่ใช่จ่าแม่นนะ จะได้มาหลอกกันง่ายๆ จะน้ำปลาหรือเหล้า ก็ต้องเปิดดู”
“อยากเปิดก็เปิดเองสิ อยากอาบน้ำปลาก็เอา”
จินตวัฒน์เดินไปที่ขวดเหล้าแล้วนั่งยองๆ เตรียมจะเปิดปากขวดที่มีจุกก๊อกปิดอยู่
จินตวัฒน์หันมามองดาวเรือง “เดี๋ยวก็รู้”
จินตวัฒน์เปิดจุกไม้ก๊อก ดาวเรืองกับเพี้ยนหันมาสบตากันแล้วเหลือบมองลำไผ่ที่เตรียมไว้เป็นแผน 3 ที่ตกอยู่ที่พื้น จินตวัฒน์ยกขวดเหล้าขึ้นมาดม
จินตวัฒน์หันมามองดาวเรืองยิ้มร่า “นี่ไง”
แล้วจินตวัฒน์ก็ต้องสลบเหมือดหงายหลังไป เมื่อเจอลำไผ่ที่ดาวเรืองฟาดใส่ที่เหนือคิ้วอย่างเต็มแรง
เพี้ยนตกใจ “พี่เรือง!”
ดาวเรืองเองก็ตกใจจนยืนมือสั่นเพราะไม่คิดจะทำร้ายใคร แต่เธอก็ยอมให้ใครมาจับเข้าคุกไม่ได้ เพราะถ้าติดคุกแม่กับพี่ชายจะทำยังไง
ดาวเรืองกับเพี้ยนเดินหน้าซีดปากสั่นเข้ามาหาบานชื่น
“ไปทำอะไรมา อย่างกับไปฆ่าใครตายมางั้นแหละ” บานชื่นว่า
ดาวเรืองหน้าซีดเผือด เพี้ยนตกใจจนอุทานลั่น
“ก็ฆ่าปลัดตายน่ะสิ”
บานชื่นตกใจ “ห๊า!”
“ยังไม่ตาย แค่...เกือบตายจ้ะแม่”
ดาวเรืองยิ้มแหย ๆ
บานชื่นขยับไปดึงใบตองที่คลุมปิดร่างจินตวัฒน์บนซาเล้งออกดูแล้วก็ตกใจจนหน้าซีดปากสั่นยิ่งกว่าดาวเรืองกับเพี้ยน
“โอ๊ย ไอ้เรือง!!! เอ็งไปตีหัวคุณปลัดอีท่าไหน ทำไมคุณปลัดถึงได้สลบเหมือดเป็นห่อหมกใบตองแบบนี้ เอ็งรีบเลยนะ เอาคุณปลัดไปส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
เพี้ยนจะร้องไห้ “แล้วพี่เรืองจะติดคุกรึเปล่า...ถ้า...ถ้าเราเอาไปทิ้งข้างทาง เราก็รอดนะพี่ ไม่มีใครเห็นว่าพี่ตีหัวปลัด นอกจากฉัน”
ดาวเรืองกับบานชื่นเงียบไป
ดาวเรืองพูดขึ้น “เรารอด แต่เขาอาจตาย”
“แต่ถ้าเขาไม่ตาย พี่เรืองก็ติดคุก” เพี้ยนบอก
“ไม่ติด เพราะข้าจะบอกจ่าแม่นว่าข้าเป็นคนทำ ข้าติดเอง” บานชื่นว่า
“ป้าบานแก่แล้ว อยู่กินหมากข้างนอกเถอะ ให้หนูไปเองดีกว่า หนูเป็นเด็ก อย่างเก่งก็แค่ส่ง ร ร. ดัดสันดาน” เพี้ยนบอก
บานชื่นรีบบอก “ข้าเองโว้ย อีกไม่กี่ปีข้าก็ตายแล้ว”
เพี้ยนอึกอัก “แต่...”
“ไม่...ฉันเป็นคนทำ ฉันจัดการเอง ไอ้เพี้ยน! ไปหยิบขวดน้ำปลามา” ดาวเรืองสั่ง
บานชื่นกับเพี้ยนงงว่าดาวเรืองจะเอาขวดน้ำปลามาทำอะไร ดาวเรืองมีแววตามั่นใจ
ดาวเรืองกับเพี้ยนช่วยบุรุษพยาบาลวางร่างจินตวัฒน์ที่กลิ่นหึ่งไปด้วยน้ำปลาลงบนรถเข็น
ทุกคนพากันอุดจมูกเพราะแทบทนไม่ไหว
“ฝากด้วยนะพี่ชาย” ดาวเรืองกำชับ
กำจรเดินกดโทรศัพท์ตั้งท่าเท่ๆเหมือนเจ้านายจะโทรสั่งงานลูกน้อง
กำจรบ่น “หายไปไหนนะคุณปลัด ไม่มีกำจรอยู่ข้างๆ เดี๋ยวก็ยุ่งอีกร็อก”
กำจรเห็นเตียงเข็นผ่านหน้าตัวเองไป
“หน้าคุ้นๆนะ” กำจรตาเหลือก “ปา----ลัด !!”
กำจรตัวสั่นเพราะทำอะไรไม่ถูก เขาหันไปเห็นดาวเรืองกับเพี้ยนเดินตามรถเข็นมา
“ตายชัวร์ เหม็นหึ่งขนาดนี้” ชาวบ้านคนหนึ่งว่า
ชาวบ้านอีกคนเห็นด้วย “คงตายมาหลายชั่วโมงแล้ว”
กำจรทรุดลงนั่งกองกับพื้นแล้วคร่ำครวญฟูมฟาย
“ปลัดตายแล้ว!!! โธ่ ไม่น่าเลย!!! มาทำงานไม่ทันครบร้อยวันก็ถูกเผาซะแล้ว ยังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ”
ดาวเรืองกับเพี้ยนอาศัยช่วงที่กำจรฟูมฟายวิ่งตามรถเข็นออกไป จ่าแม่นเดินเข้ามาพร้อมถุงยา
“อ้าวไอ้จร เป็นอะไรวะ ร้องไห้ยังกะมีใครตาย”
“ก็ปลัดน่ะสิ ถูกหามเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อกี้ สงสัยจะตาย” กำจรบอก
จ่าแม่นหน้าเหวอ “เฮ้ย! เอ็งล้อข้าเล่นรึเปล่า อยู่ดีๆปลัดจะตายได้ยังไง เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกัน”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือไอ้เรืองมันเป็นคนทำปลัด ไอ้เรือง” กำจรชี้ไปที่ทางเดิมที่ไอ้เรืองเคยยืนอยู่ “มันเป็นคนพาปลัดมา ไปจับมันเลยจ่า”
จ่าแม่นหันไปตามนิ้วชี้ของกำจรแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของดาวเรือง
“ไหนวะ มันอยู่ไหน”
กำจรลุกขึ้นยืน “มันอยู่นั่น...ชะอ้าว!...มันหนีไปแล้ว ไอ้เรืองหนีไปแล้ว”
จ่าแม่นคำรามลั่น “ฮึ่ม...เอ็งคิดว่าจะหนีข้าพ้นรึ คราวนี้ ข้าจะเป็นคนสวมกุญแจมือเอ็ง ด้วยตัวของข้าเอง ไอ้เรือง”
จ่าแม่นเดินไปด้วยท่วงท่าถมึงทึง
ดาวเรืองกับเพี้ยนกำลังฉุดกระชากลากถูกันอยู่ โดยเพี้ยนพยายามดึงดาวเรือง
“ไปกันเถอะพี่เรือง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะยุ่ง”
“ไม่ ข้ายังไม่ไปไหนทั้งนั้น ตราบใดที่ข้ายังไม่รู้ว่าไอ้ปลัดมันรอดหรือร่วง” ดาวเรืองบอก
“แล้วถ้าเกิดมันร่วง...แบบว่า...ตายขึ้นมาจริงๆล่ะ”
ดาวเรืองอึ้ง “ก็เผาสิวะ”
“แล้วถ้าเกิดไม่ตายแต่พิการ”
ดาวเรืองกลุ้มใจสุดๆ “ก็คง...เอาวะไอ้เพี้ยน ไปดูให้เห็นกับตาก่อน ว่าหมอนั่นปลอดภัย แล้วเราค่อยกลับบ้านไปตั้งหลักกัน”
เพี้ยนเซ็ง “วู้! พี่เรืองจะห่วงปลัดทำไม ห่วงตัวเองดีกว่า”
ดาวเรืองเขกหัวเพี้ยน เพี้ยนร้อง ‘โอ๊ย!’
ดาวเรืองเฉไฉ “ข้าไม่ได้ห่วงเว้ย แค่อยากรู้อาการ แม่ถามจะได้ตอบถูกไงวะ เดี๋ยวเหอะไอ้เพี้ยน เดี๋ยวโดนตื๊บ”
ดาวเรืองมีสีหน้าแววตากลัดกลุ้มไม่สบายใจ แล้วทั้งคู่ก็เดินไป
ดาวเรืองกับเพี้ยนปีนขึ้นทางหน้าต่างห้องฉุกเฉินแล้วแอบมองที่หน้าต่าง ดาวเรืองเห็นจินตวัฒน์นอนอยู่บนเตียง โดยมีหมอและพยาบาลคอยดูแล ส่วนกำจรยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง
“คุณปลัดครับ ได้ยินหมอไหมครับ ถ้าได้ยินให้พยักหน้านะ” หมอถาม
ดาวเรืองลุ้นสุดๆ “พยักหน้า พยักหน้าสิวะ”
ดาวเรืองกับเพี้ยนลุ้นแทบขาดใจ แต่จินตวัฒน์ก็นิ่งสนิท
หมอพูดกับกำจร “เท่าที่ตรวจดู ไม่มีบาดแผล”
“พี่เรืองตีเบาไปหรือปลัดหัวแข็งวะ” เพี้ยนสงสัย
ดาวเรืองหันมาถาม “เอ็งอยากลองไหมไอ้เพี้ยน”
“ไม่จ้ะ เพี้ยนขอบาย”
ดาวเรืองเป่าลมออกปากฟู่ๆ “ฟื้นซะทีสิวะ”
จินตวัฒน์ส่งเสียงร้องเจ็บเบาๆ “โอ๊ย!!!” แต่ตายังปิดอยู่
พยาบาลอุทาน “คุณปลัดรู้สึกตัวแล้วค่ะคุณหมอ”
ดาวเรืองโล่งใจถอนหายใจพรึ่ด!
เพี้ยนพูดทันที “รอด!”
ดาวเรืองบอกลูกน้อง “ไป!”
ดาวเรืองกับเพี้ยนผลุบหายไปจากหน้าต่าง
ดาวเรืองกับเพี้ยนขี่ซาเล้งกลับมาที่ร้าน ดาวเรืองกระโดดลงจากรถอย่างเริงร่าเข้ามาหาบานชื่นที่ยืนอมทุกข์คอยชะเง้อมองดาวเรืองที่หน้าร้าน
“แม่...มันรอดแล้วแม่”
บานชื่นทำหน้าเหมือนปวดท้องขี้และพยายามส่ายหน้าไม่ให้ดาวเรืองพูด แต่ดาวเรืองมัวแต่โล่งอกดีใจคิดว่าแม่ไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดถึงใครเลยพูดย้ำอีก
“ก็ไอ้ปลัดนั่นไงแม่ มันรอดแล้ว”
จ่าแม่นโผล่ออกมาจากหลังร้านแล้วแสยะยิ้ม
“ปลัดรอด แต่เอ็งไม่รอด ไปโรงพักกับข้าเดี๋ยวนี้”
“ไปทำไม ไม่ได้มีธุระอะไรกับตำรวจ” ดาวเรืองว่า
“แต่ตำรวจมีธุระกะเอ็งโว๊ย หยุดยียวน แล้วไปกะข้าดีๆ”
“ข่มขู่ตลอด เห็นว่ามีอำนาจก็ใช้เอาๆ ชอบนักรังแกประชาชนตาดำๆเนี่ย”
“แค่เป็นผู้ต้องสงสัยทำร้ายปลัดยังไม่พอใช่ไหม เดี๋ยวก็โดนอีกกระทงหรอก”
เพี้ยนเขย่าแขนดาวเรือง แต่ดาวเรืองยังทำใจเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
บานชื่นอกสั่นขวัญแขวน
“ไป ไปให้ปากคำที่โรงพัก”
บานชื่นพูดขึ้น “ไอ้แม่น ถ้าเอ็งจะจับไอ้เรือง จับข้าไปแทน”
“จับหนูไปด้วย เพราะหนู...” เพี้ยนพูดบ้าง
ดาวเรืองขัดขึ้น “ไม่ต้อง จ่าแม่นอุตส่าห์มาเชิญไอ้เรืองถึงหน้าบ้านแบบนี้ ไอ้เรืองจะขัดได้ไง ไปสักหน่อยเผื่อแกจะได้เลื่อนขั้น เอ็งกับแม่รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวมา”
ดาวเรืองเดินไปท่ามกลางความห่วงใยของบานชื่นและเพี้ยน
“เข้าใจพี่จ่าด้วยนะแม่บานชื่น” จ่าแม่นบอก
จ่าแม่นเดินตามดาวเรืองไป
บานชื่นพยายามตั้งสติ “ไอ้เพี้ยน เอ็งอยู่เฝ้าร้าน ข้าจะไปช่วยไอ้เรือง”
“ช่วยยังไง ตามไปฆ่าจ่าแม่นเหรอ” เพี้ยนถาม
“ไม่ใช่ ข้ามีวิธีก็แล้วกัน”
บานชื่นมีสีหน้ากังวลใจ
บานชื่นขี่ซาเล้งออกมาจากร้านสวนกับรถมอเตอร์ไซค์ของสุวรรณและสมุนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาอย่างเชื่องช้าผ่านหน้าร้านดาวเรือง
“พี่ จะผ่านร้านไอ้เรืองแล้วนะ” แหลมบอก
สุวรรณยังงอนอยู่ “เอ็งสองตัว ห้ามพูดชื่อไอ้เรืองให้ข้าได้ยินเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ข้าจะเอาเอ็งสองตัวไปปล่อยวัด”
กรอดย้ำ “จะผ่านจริง ๆ แล้วน้า”
สุวรรณสั่ง “จอดๆๆ”
“จอดทำไม” กรอดงง
“ข้าจะลงไปบอกมันว่า ต่อไปนี้ ข้าจะไม่มองไม่พูดไม่คุยกับมันอีกต่อไป”
สุวรรณเดินอย่างมุ่งมั่นเข้าไปในร้าน
“ตัดไม่ขาดแล้วยังจะทำปากแข็ง” แหลมว่า
เพี้ยนวิ่งหน้าเริ่ดมาจับไม้จับมือสุวรรณ
“พี่วรรณ พี่วรรณจ๋า! กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย พี่วรรณชอบพี่เรืองใช่มั๊ย”
กรอดกับแหลมหัวเราะลั่น สุวรรณทำหน้าเหี้ยม
“เอ็งอย่าเอาอดีตมาพูด เพราะปัจจุบันนี้ วินาทีนี้ ไอ้วรรณคนนี้มันตาสว่างแล้วโว้ย”
“อ้าว ถ้างั้นพี่วรรณคงไม่อยากรู้เรื่องพี่เรือง” เพี้ยนบอก
“ไม่!!! ข้าไม่อยากรู้เรื่องอะไรของมันทั้งนั้น”
“แม้แต่เรื่องที่พี่เรืองถูกจ่าแม่นจับไปแล้ว”
สุวรรณตกใจสุดๆ “ข้อหาอะไรวะ!”
กรอดกับแหลมเซ็ง “อ้าว!”
สุวรรณอยากรู้มาก “ข้าไม่อยากรู้โว้ย ไม่ต้องบอก”
เพี้ยนแกล้งจ๋อย “สงสัยพี่เรืองติดคุกหัวโตแหงๆ”
“ขนาดนั้นเลยหรือวะ!” สุวรรณตกใจจนตาเหลือก “โวะ! แล้วเอ็งมาบอกข้าทำไมวะไอ้เพี้ยน”
เพี้ยนทำตาปริบๆ “ก็เพราะพี่วรรณเป็นคนที่รวยที่สุด เจ๋งที่สุด เท่ที่สุด แมนที่สุด พระเอกสุดๆ ในดอนล้อมแรดนี่ ไม่มีใครดีกว่าพี่วรรณอีกแล้ว”
สุวรรณเคลิ้มกับคำชมแต่ยังทำเป็นไม่สนใจ “ขนาดข้าดีเลิศประเสริฐศรี ไม่มีที่ติ ไอ้เรืองยังไม่ยอมสนใจข้า แล้วทำไมคนอย่างข้าจะต้องลดตัวลงไปสนใจมันด้วยล่ะ”
กรอดกับแหลมชื่นชม “เฮ้ย!!! เจ๋งว่ะ!!”
เพี้ยนหงอย สุวรรณเชิดหน้ามั่นใจ ลูกน้องสองคนของเขาภูมิใจในตัวลูกพี่
บานชื่นมาคุยกับผันที่หน้าบันไดบ้านของผัน
“พี่กำลังจะไปบ่อนไก่ นัดนี้ล้างตาซะด้วย” ผันว่า
“ขอเวลาเดี๋ยวเถอะผู้ใหญ่ มันเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ” บานชื่นบอก
“สำคัญยังไง”
“เกี่ยวกับความเป็นความตายของฉัน”
ผันอึ้ง เขาดึงมือบานชื่นไปทางเล้าไก่
บุญปลีกโผล่หน้ามาทางหน้าต่างเห็นทั้งคู่เดินไปด้วยกันก็มีสีหน้าแค้นเคือง เธอคิดว่างานนี้ไม่ปล่อยไว้แน่ๆ
ผันกับบานชื่นยืนเจรจาต่อรองกันชนิดหนึ่งมิตรชิดใกล้
“ฉันขอร้อง นะผู้ใหญ่ ช่วยหน่อยเถอะ ถือว่าคนบ้านเดียวกัน กับไอ้เรืองก็เห็นมันมาแต่เด็กๆ”
“พี่ไม่อยากยุ่งเลย เพราะเด็กอย่างไอ้เรืองนี่แหละที่ทำให้ผู้ใหญ่โดนถอนหงอกจนแทบจะหัวล้านกันทั้งหมู่บ้านแล้ว” ผันว่า
“ไอ้เรืองมันยังเด็ก ที่ทำไปก็เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์”
“นี่ขนาดไม่รู้นะ ถ้ามันรู้จะขนาดไหน”
“โธ่ผู้ใหญ่ จะเอาอะไรกะเด็กมันนักหนา ลืมๆไปบ้างเถอะ ถ้าไม่คิดว่าช่วยไอ้เรือง ก็คิดว่าช่วยฉันก็แล้วกัน นะ ผู้ใหญ่ช่วยเอาตำแหน่งไปประกันตัวไอ้เรืองหน่อยสิ”
บุญปลีกพ่นฉอดๆ ต่อหน้าเวียง บุญปลอดและบรรดาเมียๆ ของผัน
“จริงๆนะ ฉันเห็นกับตาเลย พี่ผู้ใหญ่กับนังบานชื่นจู๋จี๋อี๋อ๋อกันสุดๆทั้งจูบทั้งหอมทั้งดมทั้งดันทั้งคลำทั้งคลึง แล้วก็พากันเดินหายไปทางใต้ถุนบ้าน ป่านนี้...คงจะจุดๆๆ”
“พูดจริงหรือวะนังปลีก” เวียงถาม
“ฉันเคยโกหกพี่เวียงเหรอ”
“การพูดเกินจริงก็เป็นบาปนะพี่ปลีก” บุญปลอดว่า
“ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปดูให้เห็นกับตาเดี๋ยวนี้เลย ไปเลยสิ” บุญปลีกท้าทาย
เวียงลมออกหูแล้วนำทัพลงจากบ้าน บุญปลีกมีสีหน้าสะใจสุดๆ
บานชื่นร้องไห้กระซิก ๆ
“ถ้าผู้ใหญ่ไม่ช่วย ไอ้เรืองมันคงติดคุกหัวโต แล้วฉันจะอยู่กับใคร”
ผันเห็นใจจึงเอามือโอบบานชื่นเพื่อปลอบใจ
ผันใจอ่อนยวบ “ใจเย็นๆแม่บาน ไม่ต้องร้องไห้ไปนะ เอาเป็นว่าฉัน...”
เวียงและบรรดาเมีย ๆตามมาเป็นขบวน
เวียงแหกปากลั่น “มันหยามกันเกินไปแล้ว”
ทุกคนเห็นผันกับบานชื่นในมุมที่เหมือนกำลังกอดกันพอดี เวียงและบรรดาเมียๆก็พากันกรี๊ด
“ไอ้ผัน!!”
ผันตกใจ “แม่เวียง!”
บานชื่นเห็นอาการเวียงและบรรดาเมียๆแล้วก็น้ำตาหดอย่างหมดหวัง
เวียงต่อว่า “แกสองคนกล้ามาเล่นจ้ำจี้ถึงในบ้านฉันได้ยังไง แม่บานนะแม่บาน อยู่เป็นม่ายมาเป็นสิบปี แล้วนึกยังไงถึงได้อยากเป็นเมียเบอร์ 10 ของไอ้ผันมันหา”
บานชื่นของขึ้น “อ้าว...พูดยังงี้มันหมิ่นประมาทกันนี่หว่า ตอนที่ผัวเอ็งมาขอข้าเป็นเมียเบอร์ 1 ข้ายังไม่สน แล้วข้าจะสนอะไรกับไอ้ตำแหน่งเมียเบอร์ 10 นะห๊า...กะโหลกกะลาจริงๆเลย”
“มันว่าเราแก่กะโหลกกะลาอ่ะพี่เวียง” บุญปลีกว่า
“ได้ยินแค่กะโหลกกะลาอย่างเดียว ไม่มี แก่ นะ” บุญปลอดขัด
เวียงของขึ้น “แกจะว่ายังไงห๊าแม่บาน จะแก้ตัวยังไง”
“ไม่มีอะไรจะแก้เว้ย ไม่ได้ผิดผัวผิดเมียใคร จะแก้ตัวไปหาพระแสงอะไร จะคาดคั้นอะไรก็ไปทำกับผัวตัวเองโน่น” บานชื่นบอก
พอโวยเสร็จ บานชื่นก็สะบัดใส่ทุกคนก่อนจะเดินเร็วๆ จากไป
“เดี๋ยวสิแม่บานชื่น อย่าทิ้งข้าไว้ยังงี้” ผันเรียก
ผันจะย่องออกไปบ้างแต่เวียงและบรรดาเมียๆเข้าตะครุบแล้วรุมตีไม่หยุดมือ
“ไอ้ผัน ไอ้ผัวชั่ว ไอ้ผัวเฮงซวย พาแฟนเก่ามามั่วถึงบ้าน!” เวียงว่า
“ไม่จริงจ้ะ พี่ไม่ได้ทำ แม่เวียงเข้าใจผิดแล้ว”
บรรดาเมียตะลุมบอนผันจนไก่แตกกระเจิงขนฟุ้งกระจาย
ผันร้องตะโกน “ช่วยด้วย!!”
บุญปลอดยืนแผ่เมตตาอยู่นอกวง ‘สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย’ ผันลอดออกมาจากใต้หว่างขาเมียๆ อย่างทุลักทุเล
เมีย 7 8 9 ช่วยทำแผลช้ำและเขียวให้ผัน เวียงยืนเท้าสะเอวมอง
ผันร้องโอดโอย “โอ๊ย อูย”
“ผัวอย่างงี้ แค่ตอนอย่างเดียวไม่พอ ต้องตัดให้เหลือแต่ตอ”
“อุ๊ย!” ผันจับช้างน้อยของตัวเอง “แม่เวียง ของมันยังดีอยู่จะไปตัดทำไมจ๊ะ”
“ดีแต่หาเรื่องน่ะสิ ต่อไปนี้ห้ามไปวอแวกับนังบานเด็ดขาดนะ ไม่งั้นตาย”
สุวรรณเดินนำ กรอด และแหลมขึ้นมาบนเรือน
“ไม่วอแวน้าบาน แต่กับลูกน้าบาน วอแวได้ใช่มั๊ยจ๊ะ” สุวรรณทรุดตัวลงกอดขาแม่
“นี่ก็อีกคน หาเรื่องมาให้แม่ได้ทุกวัน คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ” เวียงถาม
สุวรรณพนมมือไหว้ “ไม่ต้องเกริ่นให้เสียเวลานะแม่ แม่ช่วยไปประกันตัวไอ้เรืองให้หน่อยสิ”
เวียงงง “ว่าไงนะ”
สุวรรณพยักหน้าหงึกๆ “หนูคงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าดอนล้อมแรดไม่มีไอ้เรือง ไอ้จ่าแม่นมันจับไอ้เรืองของหนูไปจ้ะ”
เวียงละเหี่ยใจ “เอ็งจะไปยุ่งไปสนใจมันทำไมห๊า มันเคยชายตาแลเอ็งซะที่ไหน ผู้หญิงในอำเภอนี้ถมถืดที่สวยๆดีๆก็ถมเถ เลิกคิดเอาลูกนังบานมาทำสะใภ้ข้าได้แล้ว”
“ไม่เอาคนอื่น หนูจะเอาไอ้เรืองคนเดียว”
บุญปลีกถามขึ้น “แล้วมันเอาหนูวรรณรึเปล่า”
แหลมกับกรอดตอบทันที “เปล่า!!”
สุวรรณดีดดิ้น “ไม่รู้ล่ะ ถ้าแม่ไม่ช่วยหนู หนูจะ...จะ..” สุวรรณคิดไม้เด็ด “จะตัดแม่ตัดลูกกับแม่ไปเลย เลือดก้อนเดียวหนูตัดทิ้งก็ได้”
เมียทุกคนของผันตกใจ “หนูวรรณ!!”
“ไอ้หนูวรรณ เอ็งนี่มันเหมือนพ่อไม่มีผิด รักหลงมันขนาดนั้นก็ไปอยู่กับมันเลยไป” เวียงว่า
“แม่ใจร้าย ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้ คอยดู หนูจะผูกคอตาย”
“ไปหาเชือกมาเดี๋ยวนี้เลยนังปลีก” เวียงบอก
“อ้าว “สุวรรณ แหลม และกรอดจ๋อยสนิท
จ่าแม่นเอามือกุมกบาลโดยมีหน้าตายับยู่ยี่ระหว่างพิมพ์คำให้การของดาวเรืองจนกระดาษกองพะเนิน
“โอ๊ย!!! อะไรของเอ็งวะไอ้เรือง พูดจาวกวนไปมาอยู่ได้ นี่เอ็งจะพาข้าหลงไปเขมรแล้วนะ”
“วกวนที่ไหน พูดตรงสุดๆแล้วเนี่ย” ดาวเรืองว่า
“ข้าบอกให้เอ็งเล่าตอนที่เอ็งตีหัวปลัด”
ดาวเรืองตอบทันที “ไม่ได้ตี”
“แต่เอ็งเอาปลัดมาส่งที่โรงพยาบาล”
“เอาไปส่ง แต่ไม่ได้ตี”
“เอ็งไปเจอคุณปลัดที่ไหน”
“โวะ!! เอาไว้ให้ปลัดฟื้นก็ไปถามกันเอาเองสิ อยากรู้เรื่องปลัด มาถามไอ้เรือง แล้วมันจะได้เรื่องเรอะ คนทำมาหากินนะจ่า ไม่มีเวลาว่างมากหรอกนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอลา”
“ชะช้า เอ็งอย่ามาตีรวน เอ็งก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าข้าจะปล่อยเอ็งง่ายๆเรอะ”
“ไหนล่ะหลักฐาน จะจับก็เอาหลักฐานมาดูหน่อยสิ มีไหม ไม่มี เจ้าทุกข์ก็ไม่มี นี่ถ้าอีตาปลัดมันฟื้นขึ้นมาแล้วบอกว่าเอาหัวไปใส่ขวดน้ำปลาเอง ฉันจะฟ้องกลับทั้งโรงพัก”
“หน็อยแน่ เลิกหัวหมอได้แล้วไอ้เรือง เอ็งจะฟ้องข้อหาอะไรมิทราบ”
“ก็ข้อหาที่ทำให้ฉันเสียเวลาทำมาหากินไงล่ะ จ่าจะโดนเป็นคนแรกเลยคอยดู” ดาวเรืองเลิกคิ้วกวนๆ
จ่าแม่นชักจะเริ่มหวั่นๆเหมือนกันจึงเริ่มกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
จินตวัฒน์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขามองเห็นทุกอย่างพร่าเลือน กำจรชะโงกหน้ามายิ้มร่า
“คุณปลัดฟื้นแล้ว!!”
จินตวัฒน์นิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บ “นี่ฉัน...” จินตวัฒน์กวาดตามองไปทั่ว “อยู่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลครับ คุณปลัดถูกตีหัวมา โชคดีนะที่คุณปลัดหัวแข็ง”
จินตวัฒน์จับแผลอย่างมึน ๆ “อืม ใช่สินะ ฉันถูกตีหัว”
“ถูกตีหัว แถมอาบน้ำปลามาชุ่มตัวเลยครับ นี่ถ้าเหยาะผงชูรสหน่อย แล้วเอาคุณปลัดไปทอดนะ อร่อยเหาะ” กำจรหัวเราะชอบใจ
จินตวัฒน์งง “น้ำปลาอะไร”
“อ้าว! ก็น้ำปลา..” กำจรตกใจ “นี่คุณปลัดจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ! อย่าบอกนะว่า..” กำจรอ้าปากค้าง
กำจรจ้องหน้าจินตวัฒน์ใกล้ ๆ จินตวัฒน์มองตอบด้วยสายตาว่างเปล่า
กำจรผงะออกมาแล้วฟูมฟาย “คุณปลัดความจำเสื่อมซะแล้ว โธ่...คุณปลัด ไม่น่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้ที่ดอนล้อมแรดนี่เลย ฮื่อๆ”
จินตวัฒน์ส่ายหน้าด้วยความระอา “พอได้แล้วกำจร จริงจังบ้างได้ไหม ฉันจำทุกอย่างได้ เว้นแต่เรื่องน้ำปลา น้ำปลาอะไร”
กำจรหยุดคร่ำครวญ “อ้าว คุณปลัดถามผม แล้วผมจะถามใครล่ะครับ สงสัยต้องไปถามไอ้ตัวก่อเหตุ ว่าแต่ ไปไงมาไงถึงเอาหัวไปให้ไอ้เรืองมันตีได้ล่ะครับ”
จินตวัฒน์ครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์แต่ไม่ตอบเรื่องที่กำจรถาม
จินตวัฒน์ถามขึ้น “ใครพาฉันมาส่งโรงพยาบาล?”
“ก็ไอ้ตัวดีนั่นแหละครับ”
จินตวัฒน์นึกถึงดาวเรืองแล้วถอนหายใจอย่างระอาว่าเขาจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี บานชื่นเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมขนมและน้ำ
“อ้าวน้าบาน มาผิดที่รึเปล่า ไอ้เรืองอยู่โรงพักโน่น” กำจรบอก
“ข้ามาเยี่ยมคุณปลัดโว้ย สวัสดีค่ะคุณปลัด”
กำจรกระซิบ “ระวังนะครับปลัด แม่ลูกคู่นี้แสบพอกัน อาจจะมาฆ่าปิดปากก็ได้”
“ขอบคุณที่เตือน นายจรออกไปก่อนเถอะ” จินตวัฒน์บอก
กำจรสะบัดหน้างอนๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป บานชื่นส่งยิ้มแหยๆให้จินตวัฒน์ที่ยิ้มตอบอย่างเหนื่อยอ่อน
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเรือง ตอนที่ 4 (ต่อ)
สุวรรณและสมุนทั้งสองรวมหัวกันที่ท่าน้ำหลังบ้าน
สุวรรณฟึดฟัด “ข้าจะช่วยน้องเรืองยังไงดีวะ ไม่น่าใจร้อนตัดแม่ตัดลูกกับแม่เวียงเลย คราวนี้จะเอาเงินที่ไหนไปประกันตัวไอ้เรืองออกจากคุกวะ”
“ไปขโมยเงินป้าเวียงหรือไม่ก็ขโมยไอ้โต้งไปขายดีไหมพี่” กรอดเสนอ
“ย๊ากส...ป้าเวียงเหน็บเงินติดตัวตลอดเวลา ส่วนผู้ใหญ่ก็รักไอ้โต้งมากกว่าพี่วรรณ ขืนขโมยไปขาย พี่วรรณได้โดนมีดฟันหัวแบะ ไหนๆเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พี่วรรณน่าจะเข้าคุกตามไอ้เรืองไปเลยจะดีกว่า” แหลมบอก
“ให้ข้าเข้าคุกตามไอ้เรืองไปเนี่ยนะ” สุวรรณถาม
“คิดอะไรโง่ๆ พี่วรรณเป็นคนดี จะติดคุกได้ไง เนอะพี่วรรณเนอะ” กรอดว่า
แหลมพูดขึ้นมา “เพื่อพิสูจน์รักแท้ไงพี่”
“รักแท้” สุวรรณพูดตาม
แหลมพูดจริงจังสุดๆ “ไอ้เรืองมันจะต้องซาบซึ้งใจที่ผู้ชายคนนี้” แหลมชี้ที่สุวรรณ “ไม่เคยทิ้งมันไปไหน ไอ้เรืองมันจะต้องเห็นความดีของพี่”
สุวรรณเห็นด้วย “จริงด้วย”
แหลมบิ้วต่อ “สองปีที่ติดคุกก็จะได้ใกล้ชิดกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ได้ตบยุง ปัดแมลงหวี่แมลงวันให้กัน น๊ารักอ๊ะ!”
สุวรรณตาวาว “จริงสิ ทำไมข้าคิดเรื่องนี้ไม่ออกวะ ขอบใจเอ็งมากไอ้แหลม ที่ชี้หนทางสว่างให้ข้า ไปโว้ย ไปสร้างตำนานรักในคุกกันเว้ย!”
สุวรรณเดินนำหน้าลูกน้องไป
“รักแท้ในคุกอันแสนหวาน...โรแมนติกสุดๆ...อู๊ย...พูดแล้วขนลุก” กรอดว่า
จินตวัฒน์นอนบนเตียงคนไข้ ส่วนบานชื่นนั่งจัดขนมใส่จานอยู่ข้างๆเตียง
“คุณปลัดเป็นไงบ้างคะ ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า” บานชื่นถาม
“ไม่เป็นไรแล้วครับ หมอบอกพักสักสองสามวันก็หายเป็นปกติ” จินตวัฒน์บอก
“ได้ยินอย่างนี้ น้าค่อยโล่งใจหน่อย นี่ค่ะ น้าซื้อขนมอร่อยๆมาฝาก”
จินตวัฒน์มองหน้าบานชื่นอย่างรู้ทัน “น้าบานชื่นมีอะไรก็ว่ามาเถอะ”
บานชื่นชะงักแล้วหันมามองจินตวัฒน์ด้วยสายตาเศร้าสลด
“คุณปลัดคะ น้าต้องขอโทษคุณปลัดแทนลูกด้วยนะคะ”
บานชื่นยกมือจะไหว้แต่จินตวัฒน์จับมือห้ามเอาไว้
“อย่าทำอย่างนี้สิครับ น้าบานชื่นไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แต่ความผิดของลูกก็คือความผิดของแม่ค่ะ”
จินตวัฒน์อึ้งไป บานชื่นเริ่มน้ำตาคลอ
บานชื่นจับมือจินตวัฒน์ไว้แน่น “คุณปลัดอย่าเอาไอ้เรืองเข้าคุกเลยนะคะ มันยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เรื่องที่มันทำร้ายคุณปลัด มันไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ”
จินตวัฒน์ยิ้มเจื่อนๆ “แต่เขาตีหัวผมจริงๆ”
“ที่มันทำไปทุกอย่าง ก็เพราะไม่มีทางเลือก มันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน อยากเรียนต่อก็ไม่ได้เรียน ต้องออกมาทำงานงก ๆ คุณปลัดเห็นใจมันเถอะนะคะ ให้อภัยมันสักครั้ง”
จินตวัฒน์หยุดเล็กน้อย “ได้ครับ ผมให้อภัย แต่ยังไง คนทำผิด ก็ต้องถูกลงโทษ ถ้าเราปล่อยไว้ ดาวเรืองอาจจะเสียคนได้นะครับ”
บานชื่นมีสีหน้าสลด ไหล่ตก เพราะหมดหนทางจะพูดต่อ จินตวัฒน์มีสีหน้ามุ่งมั่นเพราะเขามีวิธีลงโทษดาวเรืองแล้วแต่เป็นการลงโทษในแบบของเขาเอง
หลวงตาคงนั่งหลับตา สักครู่จึงลืมตาขึ้นมา
“ไม่ติดหรอก ดวงมันไม่ติด ฉันเช็คแล้ว รอดชัวร์” หลวงตาคงพูด
“แล้วถ้าไม่รอดล่ะ” บานชื่นถามต่อ
“รอดสิ ก็ถ้ามันจะติด มันติดตั้งแต่เผาสำนักฉันแล้ว”
“เด็กมันหยอกเอาฮา ไม่ได้เผาจริงสักหน่อย จะเก็บมาแค้นเคืองทำไม”
“เออๆ ฮาจนน้ำตาเล็ด”
“นะหลวงตา ไม่เห็นแก่ไอ้เรือง ก็ขอให้เห็นแก่ความรักครั้งเก่าของสองเราเถอะ นึกว่าช่วยลูกนกลูกกา นะ...นะ”
“ไอ้เรื่องรักครั้งเก่าของเราสอง ฉันไม่ลืมหรอก แต่เรื่องช่วยไอ้เรือง มันผิดศีลข้อ4...มุสาวาทา เวรมณีสิกขาปาทังสมาทิยามิ...ผู้รักษาศีลจะมาทำผิดซะเอง มันจะดีเหร๊อ!”
จ่าแม่น หมู่จ้อย บานชื่น ตำรวจ 2-3 นาย และชาวบ้าน 4-5 คนสุมหัวกันจ้องหลวงตาคงเขม็ง หลวงตาคงนั่งบนพื้นกลางห้องโถงของโรงพัก ดาวเรืองเหล่มองอยู่ห่างๆ
หลวงตาคงกรี๊ดแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้าก่อนจะลุกขึ้นร่ายรำ “อ้ายอีทั้งหลาย” หลวงตาคงเรียกความสนใจสุดฤทธิ์
“เจ้าแม่ประทับทรงแล้ว” บานชื่นบอก
ทุกคนพากันมองด้วยความสนใจและทึ่งในปาฏิหาริย์จึงพนมมือไหว้กันทุกคน
“ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” บานชื่นบิ้ว
“ที่ข้าลงมาจากสวรรค์ ณ บัดเดี๋ยวนี้ ก็เพราะข้ามีธุระสำมะคัญจะแจ้งให้ทราบ” หลวงตาคงพูด
“เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” บานชื่นถาม
“ก็ที่อ้ายปลัดถูกตีหัว”
บานชื่นรับลูก “ยังไงเจ้าคะ”
“มันลบหลู่พื้นที่ตรงนั้น เลยถูกสวรรค์ลงโทษ เจ้าป่าเจ้าเขาท่านเล่าให้ข้าฟังละเอียดยิบ ว่าท่านนั้นยืมร่างไอ้เรืองสั่งสอนมัน”
บานชื่นทำเป็นตกใจ “ตายจริง”
หลวงตาคงแอบส่งซิกให้ดาวเรืองรู้ว่ามาช่วย “นั่นไงล่ะ ท่านตามมาสมทบแล้ว ท่านคงมีเรื่องอยากจะบอกมนุษย์หน้าโง่ทั้งหลาย ว่าไงล่ะท่าน”
ดาวเรืองรับลูกเออออห่อหมกด้วยการลุกขึ้นมาทำท่าบ้าๆบอๆ เหมือนถูกผีเข้าสิง
“เอ็ง...ไอ้จ่าแม่น...เอ็งจับคนดีเข้าคุก ระวังโรงพักจะไฟลุก จนวอดวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์”
จ่าแม่นตกใจจนคล้อยตามเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แต่แล้วอยู่ๆเสียงเพลงจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นเพลง ‘เกียรติตำรวจของไทย’ จ่าแม่นจึงฟื้นคืนสติ
“ข้าไม่เชื่อโว้ย หยุดทำการแสดงได้แล้วไอ้คง ไอ้เรือง” จ่าแม่นว่า
หลวงตาคงกรี๊ดแล้วชี้หน้า “สามหาว ลบหลู่เจ้าแม่เยี่ยงนี้ เอ็งได้เห็นดีแน่”
“เดี๊ยะ เจ้าแม่จะโดนข้อหาต้มตุ๋น”
ผู้กำกับสันติสุขเดินเข้ามากอดอกมองยิ้มๆ อย่างรู้ทัน
“ปล่อยเจ้าแม่ไป แต่จับพวกคนทรงนี่แหละ ฐานหลอกลวงประชาชน”
หลวงตาคงตกใจจนเจ้าแม่ออกทันควัน
“เอ๊ะ มาอยู่ที่นี่ได้ไง ไปดีกว่า” หลวงตาคงลุกออกไปอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนหลวงตา” บานชื่นหันไปหาสันติสุข “อย่าจับไอ้เรืองเลยนะคะท่าน ปล่อยมันไปเถอะค่ะ”
“โธ่แม่ กลับบ้านไปก่อนเหอะน่า” ดาวเรืองบอก
“ข้าไม่กลับ นอกจากเอ็งจะกลับไปกับข้าด้วย นะคะท่าน”
“ใจเย็นๆ แม่บานชื่น ฉันขอคุยกับดาวเรืองเป็นการส่วนตัวก่อน เรื่องจะปล่อยหรือจะขัง เอาไว้คุยกันทีหลังนะ”
ดาวเรืองพยักหน้าให้บานชื่นแล้วเดินตามสันติสุขไป บานชื่นมองตามด้วยสายตาเศร้า
กำจรเอาชุดใหม่มาให้จินตวัฒน์เปลี่ยน
“คุณปลัดน่าจะพักต่ออีกสักหน่อยนะครับ อยู่ใกล้หมออุ่นใจกว่า”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนี่กำจร ให้คุณหมอดูแลคนไข้ที่หนักกว่าฉันดีกว่า”
“คุณปลัดนี่ก็ จะพระเอกไปไหน มาครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ฉันยังไม่กลับบ้านตอนนี้”
“อ้าว แล้วจะไปไหนครับ”
“ไปโรงพัก”
กำจรดีใจ “หา หมายความว่า คุณปลัดจะไปแจ้งความจับไอ้เรืองมันใช่ไหมครับ”
“อืม...ฉันคิดว่าต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ทิ้งไว้นานเดี๋ยวจะเสียรูปคดี”
“ดีเลยครับ คราวนี้ ดอนล้อมแรดจะได้สงบสุข...สักปีสองปีก็ยังดี”
จินตวัฒน์ยิ้มนิดๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรแก้ความเข้าใจผิดของกำจร
“มาครับ กำจรบริการเต็มที่ครับ”
กำจรแทบจะประคองจินตวัฒน์เดินออกไป
ดาวเรืองกับผู้กำกับสันติสุขยืนกันอยู่คนละมุม
“ทีหน้าทีหลังทำอะไรให้ระวังๆหน่อยสิ” สันติสุขบอก
“ไอ้ปลัดนั่นต่างหากที่ไม่ระวัง แส่ไม่เข้าเรื่อง ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรนักหนา ถึงได้ตามล่าไม่ปล่อยแบบนี้” ดาวเรืองว่า
“เขาก็ทำหน้าที่ของเขา”
“ไม่ใช่ตำรวจซะหน่อย แค่จ่าแม่นคนเดียวก็แทบจะกระดิกตัวไม่ได้แล้ว ทำไมไม่นั่งโต๊ะอยู่ในห้องแอร์ไปวะ”
“ถ้าเขาอยากนั่งห้องแอร์ เขาคงไม่ขอมาอยู่ที่นี่หรอก จินตวัฒน์เขาเป็นคนดีนะไอ้เรือง”
“ดีตายล่ะ อยากสร้างผลงานละไม่ว่า”
“เขาตั้งใจทำงาน เอ็งก็ไปว่าเขา”
“ผู้กำกับเป็นทนายให้ปลัดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ฉันเป็นทนายให้เราต่างหาก เรื่องนี้ฉันเป็นห่วงเราที่สุดนะ”
ดาวเรืองกระแนะกระแหน “กลัวไม่มีคนทำงานเสี่ยงๆให้ล่ะสิ ปีนี้ได้กลิ่นไม้เถื่อนมาเป็นระลอก ถ้าจับได้ผู้กำกับได้เลื่อนขั้นเป็นอธิบดีแหงๆ แล้วอย่าลืมรางวัลนำจับนะ”
“เอาเป็นว่า ตอนนี้จะทำยังไงให้ปลัดไม่เอาเรื่องเราก่อนเถอะ พ้นคุกพ้นตะรางแล้วค่อยฝันถึงรางวัล”
ดาวเรืองมีสีหน้ากังวลใจนิดๆ
จ่าแม่นที่แต่งตัวเต็มยศกับหมู่จ้อยที่ถือแฟ้มเอกสารเดินลงจากโรงพัก
“เอกสารพร้อม” จ่าแม่นถาม
หมู่จ้อยตอบ “ครับ”
“ปากกา”
“นี่ครับ”
“ดีมาก ทันทีที่คุณปลัดลงบันทึกแจ้งความ ข้าจะจับไอ้เรืองเข้าคุกทันที”
เสียงบานชื่นดังขึ้น “ไอ้จ่าแม่น !”
บานชื่นเดินหน้าถมึงทึงตามลงมา
“แกนี่มันเห็นแก่ยศศักดิ์จนกู่ไม่กลับจริงๆ วันๆ คิดแต่จะจับไอ้เรือง มันเคยไปทำอะไรให้เอ็งเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาฮะ” บานชื่นว่าเป็นชุด
“อย่าให้นับเลยจ้ะ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความแค้นส่วนตัวนะ พี่จ่าแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
“หน้าที่ๆๆ สักวันแกจะตายในหน้าที่”
“ไม่มีทางจ้ะแม่บาน หลวงตาคงมันจับยามสามตาให้พี่จ่าแล้ว พี่จ่าไม่มีดวงตายในหน้าที่ อย่างเก่งก็แค่สลบในหน้าที่เท่านั้น”
สุวรรณเดินเข้ามาพร้อมลูกสมุนทั้งสอง ในขณะที่กำจรขับรถเข้ามาจอด
“อ้าว ไอ้วรรณ” จ่าแม่นทัก
สุวรรณไม่พูดไม่จาเอาไม้หน้าสามที่ถือมาตีหัวจ่าแม่นเต็มแรง จ่าแม่นยืนช็อก จินตวัฒน์ กับกำจรเห็นเหตุการณ์พอดีก็ตกตะลึง ทุกคนตกใจจนตะลึงงัน บานชื่นอ้าปากค้าง จ่าแม่นตาเหลือกล้มหงาย จินตวัฒน์เข้ามารับไว้ได้ทัน
สุวรรณสะแหยะยิ้ม “ในที่สุด ข้าก็จะได้อยู่กับน้องเรืองแล้ว”
“นายวรรณ ทำบ้าอะไรน่ะ” จินตวัฒน์ว่า “จ่าแม่น ๆ”
สุวรรณตะโกนลั่น “ตำรวจ ข้าตีหัวจ่าแม่นนนนโว้ย มาจับข้าเข้าคุกเร๊ว”
ลูกน้องทั้งสองของสุวรรณช่วยกันตะโกนลั่น กำจรวิ่งมาสมทบ
“ช่วงนี้ทำไมมีแต่คนถูกตีหัววะ ลำบากไอ้จรอีกแล้ว” กำจรบ่น
สุวรรณร่าเริงสุดๆ “อ้าวหมูจ้อย ยืนบื้ออยู่ทำไม ทำไมไม่รีบมาจับข้าละเว้ย ชักช้าไม่ได้เรื่อง ไปโว้ย ขึ้นโรงพัก ไปแจ้งความกันพวกเรา”
หมู่จ้อยเกาหัวแกรกๆ “จะแจ้งความจับตัวเอง บ้ารึเปล่า”
สุวรรณพร้อมลูกสมุนวิ่งกรูขึ้นโรงพัก ท่ามกลางความงงงันของทุกคนว่ามันเป็นบ้าอะไร
“นายจร รีบพาจ่าแม่นไปโรงพยาบาลเถอะ” จินตวัฒน์บอก
“ครับคุณปลัด นี่ครับกุญแจรถ” กำจรยื่นกุญแจรถอีเฉื่อยให้จินตวัฒน์ “ไปไอ้หมู่จ้อย”
กำจรกับหมู่จ้อยช่วยกันแบกจ่าแม่นไปขึ้นรถตำรวจ
บานชื่นยิ้มแหย “คุณปลัดมาโรงพักทำไมคะ น่าจะกลับบ้านไปนอนพักผ่อน”
จินตวัฒน์แค่นยิ้มให้บานชื่น
สุวรรณยืนอย่างสง่างามต่อหน้าทุกคนบนโรงพัก
“ข้า...ไอ้วรรณ...ลูกผู้ใหญ่ผันแห่งดอนล้อมแรด ได้กระทำการอุกอาจ ด้วยการตีหัวจ่าแม่น เก่งหมุด ณ บัดนี้ ข้าจึงขอเข้าคุก เพื่อชดใช้ความผิด..ประตูคุกจงเปิดออก ณ บัดนี้!”
สุวรรณเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้าไปในคุก ทุกคนพากันงง กรอดกับแหลมปรบมือ
“เย้ๆ ในที่สุด พี่วรรณก็ทำสำเร็จ”
“อย่างงี้ต้องฉลอง”
สันติสุขกับดาวเรืองเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี สุวรรณหันมาเห็นดาวเรือง ขณะร้อยเวรกำลังล็อกกุญแจห้องขัง สุวรรณเอะอะโวยวาย
“ทำไมน้องเรืองอยู่ข้างนอกล่ะ ทำไมไม่อยู่ในคุก”
“แล้วเอ็งไปอยู่ในคุกได้ไง คุกเขาเอาไว้ขังคนนะเว้ย ไม่ใช่ขังหมา ฮ่าๆ” ดาวเรืองว่า
“เฮ้ย เปิดกรง เฮ้ย เปิดประตูให้ที ข้าจะออกไปหาน้องเรือง” สุวรรณโวย
“คุกนะไม่ใช่โรงแรม จะได้เข้าออกกันง่ายๆ” สันติสุขบอก
“ไอ้เรืองตีหัวปลัด พี่วรรณตีหัวจ่าแม่น แล้วทำไมไอ้เรืองไม่ติดคุกล่ะ” แหลมถาม
“ก็ไอ้เรืองมันแค่ผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ ส่วนไอ้วรรณแจ้งความเอง สารภาพเอง เดินเข้าคุกเองเสร็จสรรพ” จ่าแม่นอธิบาย
กรอดกับแหลมพากันเกาะลูกกรงร้องไห้
“โธ่พี่วรรณ ไม่น่าเลย!”
จินตวัฒน์เดินขึ้นโรงพักมาพร้อมกับบานชื่น ดาวเรืองหัวเราะชอบใจแต่เมื่อหันไปเห็นจินตวัฒน์ก็หุบปาก
“อ้าวคุณปลัด เป็นยังไง หายแล้วเหรอ” สันติสุขถาม
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ สติสตังค์ยังอยู่ครบ ความจำก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม” จินตวัฒน์บอก
สันติสุขโล่งใจ “ค่อยยังชั่ว”
“ถ้าไม่มีไรแล้ว เรากลับกันเถอะแม่” ดาวเรืองหันไปหาบานชื่นที่พยักหน้าบอกว่าไปๆ
จินตวัฒน์เรียก “เดี๋ยว ไปคุยกันก่อน”
“คุยไร ไม่มีไรจะคุย” ดาวเรืองบอก
“แต่ฉันมี...ขอตัวสักครู่นะครับ”
จินตวัฒน์กับดาวเรืองมองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง
จินตวัฒน์คุยกับดาวเรืองอย่างเคร่งเครียด
“ของที่เธอเตรียมจะขนคือเหล้าเถื่อน” จินตวัฒน์บอก
ดาวเรืองตอบทันที “น้ำปลา”
“เหล้าเถื่อน”
“น้ำปลา ๆๆ”
“ถ้าอย่างนั้น เธอต้องไปคุยกับแม่เธอใหม่แล้วล่ะ เพราะแม่เธอสารภาพกับฉันหมดแล้วว่าเธอเป็นคนตีหัวฉัน เพราะฉันจะจับเหล้าเถื่อนของเธอ”
ดาวเรืองอึ้งกิมกี่ด้วยความงงว่าไหงแม่เป็นอย่างนี้
“ตกลงจะให้ฉันจับเธอโทษฐานทำร้ายร่างกายและขายของผิดกฎหมายหรือว่าจะให้จับแม่เธอในข้อหาให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ จะติดคุกเองหรือให้แม่ติดคุก”
ดาวเรืองโมโห “หือ..ไอ้..ไอ้.. ไอ้คุณปลัด!!!! เออ..ฉันเองที่เป็นคนตีหัวนาย ฉันเองที่เป็นคนส่งเหล้าเถื่อน ถ้าจะจับก็มาจับฉัน แม่ฉันไม่เกี่ยว”
จินตวัฒน์ยิ้มกริ่ม “ขอบใจมากนะดาวเรืองที่กล้ายอมรับผิด”
“จะจับเข้าคุกก็มาจับ” ดาวเรืองท้า
“ไม่จับ” จินตวัฒน์บอก
“ดี ถ้าไม่เอาเรื่องก็ขอบใจ” ดาวเรืองจะเดินหนี
“ไม่เอาเรื่อง ไม่จับ แต่มีข้อแม้”
ดาวเรืองชะงักแล้วหันกลับมา “ อะไรวะ”
“เธอต้องมาเป็นผู้ช่วยฉัน พาฉันไปตามที่ต่างๆที่ฉันยังสำรวจไปไม่ถึง”
“แลกกับการที่ไม่ต้องติดคุกงั้นเหรอ 5 5 5 ฝันไปเหอะว่าไอ้เรืองจะยอมไอ้ที่พูดไปเมื่อกี้กลืนลงคอเป็นน้ำลายไปหมดแล้ว ถ้าจะจับเข้าคุกคงต้องไปหาหลักฐานมาใหม่นะ”
จินตวัฒน์หยิบโทรศัพท์ที่อัดเสียงดาวเรืองไว้ออกมาโชว์ “คิดว่าโทรศัพท์ที่อัดเสียงเธอไว้พอจะเป็นหลักฐานที่มัดตัวเธอได้มั้ย จะยอมติดคุกหรือจะยอมเป็นผู้ช่วยฉัน เลือกเอา”
จินตวัฒน์เปิดคลิปเสียงโชว์เพื่อยืนยันว่าอัดไว้จริงๆ ดาวเรืองครางฮึ่มๆอยู่ในใจ เธออยากจะกระโดดกัดหูปลัดเจ้าเล่ห์ให้ขาดกันไปข้าง
สุวรรณเกาะลูกกรงร้องไห้โวยวาย สันติสุขยืนมองอย่างเวทนา บานชื่นยืนอยู่ข้างๆ ด้วย
“หนูไม่ยอม ๆ ไปเอาไอ้เรืองกลับมาขังเดี๋ยวนี้”
“จะขังได้ยังไง ดาวเรืองเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย แล้วตอนนี้คู่กรณีก็ไกล่เกลี่ยกันอยู่” ผันบก
“งั้นก็ปล่อยหนู หนูจะไปหาน้องเรือง” สุวรรณคร่ำครวญ
“เวรกรรม ตีหัวคนเพื่อจะเข้าคุกไปอยู่กับอีกคน เอ็งคิดได้ไงห๊า...ไอ้วรรณ” บานชื่นว่า
“โธ่พี่วรรณ เห็นกันอยู่นอกคุกหลัดๆ” กรอดกับแหลมร้องไหฮือๆ “ไม่น่าเลย”
สุวรรณดีดดิ้นและเขย่าลูกกรงเหมือนลิงอุรังอุตัง
“ไปบอกไอ้ปลัดมาชี้ตัวไอ้เรืองสิ ไอ้เรืองมันตีหัวปลัดชัวร์” สุวรรณบอก
บานชื่นของขึ้น “อ้าว พูดอย่างงี้ก็สวยสิวะ มาปรักปรำลูกข้า”
“ใจเย็นๆ จะจับใครปล่อยใคร ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ กฎหมายมีข้อบังคับใช้อยู่แล้ว” สันติสุขบอก
“แต่หนูเข้ามาในนี้เพื่อจะได้อยู่กับน้องเรือง ถ้าไม่มีน้องเรืองแล้วจะมีความหมายอะไร”
“วรรณเอ๊ย ถึงไอ้เรืองมันถูกจับก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี เพราะคุกเขาขังหญิงชายแยกกัน” สันติสุขบอก
“ไอ้แหลม!!!! โห เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย มีลูกน้องโง่ๆอย่างพวกมึงเนี่ย” สุวรรณด่า
แหลมกับกรอดหลบหลังสันติสุขด้วยความกลัว
“แล้วหนูจะทำยังไงดี หนูไม่อยากอยู่ในนี้แล้ว ใครก็ได้ช่วยไอ้วรรณด้วย พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยหนูด้วย!!!”
สุวรรณฟูมฟายคร่ำครวญจนเป็นที่น่าเวทนา
บานชื่นนั่งดูดโอเลี้ยงอย่างสบายอกสบายใจอยู่ที่ร้าน ดาวเรืองกับเพี้ยนนั่งกันคนละมุม
“ข้านึกแล้วว่าข้ามองคนไม่ผิด คุณปลัดทั้งหล่อทั้งดี แถมยังมีเมตตา ไม่ถือสาเด็กแสบสก๊อยอย่างเอ็ง” บานชื่นว่า
“ไม่ถือสาอะไรล่ะ ไอ้หมอนั่นน่ะแสบสก๊อยยิ่งกว่าฉันอีก” ดาวเรืองบอก
“เขาไม่เอาเรื่องก็บุญแล้ว”
“แม่เคยพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าไม่มีใครให้อะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน”
“แล้วคุณปลัดเขาหวังผลอะไรกับเอ็ง”
“นั่นสิพี่เรือง เอ...หรือว่า...คุณปลัดเขาจะชอบพี่เรือง เขาขอจีบพี่เรืองชิมิ” เพี้ยนเดา
ดาวเรืองกับบานชื่นฉุน “ไอ้เพี้ยน!!”
บานชื่นตาโต “จีบจริงก็ดีสิ”
ดาวเรืองหน้าหงิก “แม่!”
“ข้าพูดเล่น คุณปลัดเขาคงไม่มองเอ็งเป็นผู้หญิงร็อก...ว่าแต่ เขาหวังผลอะไรวะ”
“ก็มันบังคับขู่เข็ญให้ฉันไปช่วยงานมันฟรีๆ ไง นี่ถ้ามันไม่อ้างว่าแม่สารภาพว่าฉันเป็นคนตีหัวมันซะก่อน ฉันไม่มีวันยอมเป็นผู้ช่วยมันเด็ดขาด” ดาวเรืองเล่า
“สารภาพอะไร ข้าไม่รู้เรื่อง” บานชื่นงง
“อ้าว พี่เรืองโดนปลัดเล่นซะแล้ว 5 5 5” เพี้ยนหัวเราะ
ดาวเรืองอึ้ง “ตกลงแม่ไม่ได้สารภาพอะไรกับมัน”
“เออ!...ฮู๊ยย...ข้าล่ะอยากจะหัวเราะให้ฟันโยก อยากเจ้าเล่ห์ดีนัก เจอคนเจ้าเล่ห์กว่าล่ะเป็นไง” บานชื่นว่า
“ยังงี้เขาเรียกเหนือฟ้ายังมีฟ้า 555” เพี้ยนหัวเราะ
ดาวเรืองกัดฟันกรอด “ไอ้ปลัดขี้หมา!”
สันติสุขเดินมาส่งจินตวัฒน์ที่รถ
“ทำไมคุณปลัดถึงไม่เอาเรื่องไอ้เรืองมันล่ะ” สันติสุขถาม
“ติดคุกไป ถ้าเขาคิดไม่ได้ ออกมาเขาก็ทำผิดอีก มันก็เปล่าประโยชน์ ครับ ผมเลยคิดว่าผมน่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสมากกว่า” จินตวัฒน์อธิบาย
“ยังไงครับ”
“ผมจะให้เขาช่วยทำงาน อย่างน้อยเขาก็จะได้ไม่เอาเวลาไปทำแต่เรื่องที่ผิดกฎหมาย”
“มันยากนะครับ”
“ครับ ผมทราบ ถ้าง่ายก็ไม่ใช่ดาวเรือง”
ดาวเรืองกระแทกจานข้าวผัดลงบนโต๊ะตรงหน้าจินตวัฒน์
จินตวัฒน์ยิ้มกวนๆ “พรุ่งนี้บ่ายสามโมง ฉันจะแวะมารับไปทำงานนะ”
ดาวเรืองโกรธสุดๆ “ไอ้ปลัดเจ้าเล่ห์ มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป”
“ไอ้เรือง! เอ็งมาไล่ลูกค้าข้าได้ยังไงวะ เดี๊ยะ!” บานชื่นพูดกับจินตวัฒน์ “อย่าไปถือสามันเลยนะคะ มันก็บ้าๆบอๆยังงี้ล่ะค่ะ เชิญรับประทานให้อร่อยนะคะ”
“ไปพูดดีกับเขาทำไมแม่ แม่ก็รู้นี่ว่าไอ้หมอนี่มันทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” ดาวเรืองว่า
“แล้วเธอล่ะ จำได้ไหมว่าทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” จินตวัฒน์ถามกลับ
ดาวเรืองถึงกับพูดไม่ออกเพราะแค้นใจสุดๆ จินตวัฒน์ยิ้มอย่างเป็นต่อ
“ข่มขู่ประชาชน!!” ดาวเรืองว่า
จินตวัฒน์ใจเย็น “ไม่ได้ข่มขู่ แค่เตือนความจำ ถ้าจำไม่ได้ ก็พอมีวิธีเตือนความจำให้นะ”
จินตวัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะเปิดเสียงที่อัดไว้ยั่วดาวเรือง
ดาวเรืองแค้นจนพูดไม่ออก “ไอ้...ไอ้...ไอ้”
“ไอ้เรือง!!! เอ็งลั่นวาจาอะไรไว้ก็ต้องทำตามนั้นสิวะ คุณปลัดแค่ให้ช่วยนำทาง ไม่ได้ให้ไปว่าราชการแทนซะหน่อย” บานชื่นบอก
ดาวเรืองประกาศลั่น “ไม่ทำโว้ย!”
เพี้ยนที่กำลังยกโอเลี้ยงมาเสิร์ฟจินตวัฒน์แกล้งไอออกมาเสียงดัง “คุกๆๆๆๆ”
“ปลัดเขามีคลิปเสียง ถ้าเขาแฉ เอ็งกับข้าได้ดังไปทั้งอำเภอแน่” บานชื่นบอก
“ที่สำคัญ ท่องไว้” เพี้ยนแกล้งไออีกชุด “คุกๆๆๆๆ”
ดาวเรืองกำหมัดแล้วครางฮึ่มเหมือนจะชกจินตวัฒน์ แต่แล้วก็ตัดใจหันหลังเดินออกมา
จินตวัฒน์พูดลอยๆตามหลัง “พรุ่งนี้ บ่ายสามโมง ตรงเวลาด้วย อย่าลืม”
ดาวเรืองโกรธจนตัวสั่น เธอหันมาขู่จินตวัฒน์ฟอดๆ ก่อนจะเดินฟึดฟัดเข้าบ้านไป จินตวัฒน์ยิ้มเอ็นดูดาวเรือง
จบตอนที่ 4