ดาวเรือง ตอนที่ 9
พฤกษ์กระซิบเบาๆ ตอบ “คราวนี้ครั้งสุดท้ายจริงๆ”
สุดาวดีแอบยิ้มเพราะขำพฤกษ์ ต้อยติ่งกับลูกเป็ดแอบกรี๊ดพฤกษ์อยู่วงนอก
“ดูจริตจะก้านแล้ว ฉันว่ายังไงน้องพฤกษ์ก็ไม่ใช่” ต้อยติ่งบอก
“นั่นสิ เกย์ด้าร์ฉันไม่กระดิกสักนิด ปกติเจอพวกเดียวกันมันจะสั่นดิ๊ก” ลูกเป็ดเห็นด้วย
“เอ๊ะ หรือนังโรสมันหลอกเราเพราะนางจะเก็บไว้กินเอง”
พฤกษ์กับสุดาวดีถ่ายภาพกันอย่างแนบชิดสนิทสนม
หลวงตาคงเดินตามจินตวัฒน์กับดาวเรืองมาที่หน้ากระท่อมเล่นไพ่
“เอาล่ะ ตรงนี้แหละเหมาะสุด” ดาวเรืองบอก
“แค่จะถ่ายรูปทีทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ยังกับจะถ่ายทุกข์ด้วยวะไอ้เรือง” หลวงตาคงถาม
“เราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอด จะให้ผู้ใหญ่ผันไหวตัวไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ปล่อยให้มันฝันลมๆ แล้งๆ ไปก่อนว่าได้เป็นกำนันแหงๆ”
บานชื่นรีบเข้ามา ในมือของเธอมีหวีและตลับแป้ง
“รอเดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งถ่าย เอ็งก็เหลือเกินไอ้เรือง ไม่ดูแลผมเผ้าหน้าตาให้หลงตาเลย ปล่อยให้หน้าโทรมเหมือนหมาแบบนี้จะสมกับเป็นผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านได้ไงวะ หลวงพี่มานั่งตรงนี้มา”
หลวงตาคงนั่งลงหน้ากระท่อม บานชื่นตบแป้งให้จากนั้นก็หวีผมเป็นทรงโน้นทรงนี้
“อย่าเปลี่ยนแสกมากเลยแม่บาน เดี๋ยวผมไม่เหลือติดหัว” หลวงตาคงบอก
ดาวเรืองหันไปมองจินตวัฒน์ที่ขะมักเขม้นกับการปรับกล้องถ่ายรูป
“กล้องล่ะพร้อมรึยัง ไม่ใช่ถ่ายมั่วซั่วจนได้เรื่องแบบวันนั้นนะ”
“ก็อย่าให้งูโผล่มาจนต้องหนีกันตับแล่บอีกล่ะ” จินตวัฒน์หยอก “วันนั้นเธอวิ่งซะเสียลุ้ค
ทอมบอยดอนล้อมแรด”
ดาวเรืองกัดกลับ “นายก็วิ่งซะแต๋วแตกเหมือนกันล่ะ”
ทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น จนบานชื่นกับหลวงตาคงต้องหันมามอง
สุดาวดีพยายามจะถอดรองเท้าบู๊ตที่สูงเกือบถึงหัวเข่าออก พฤกษ์เดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อโดยที่เขาสวมเสื้อผ้าของตัวเองและถือเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายแบบออกมา พฤกษ์แขวนเสื้อผ้าไว้ที่ราวแล้วหยิบเป้ของตัวเองก่อนจะหันไปหาสุดาวดี สุดาวดียังถอดรองเท้าบู๊ตไม่ได้เพราะยังปวดข้อเท้าแปล๊บๆ ในบางครั้งทำให้ถอดไม่ถนัด
“กุญแจรถล่ะ ผมจะขนเสื้อผ้ากับรองเท้าที่คุณไม่ได้ใส่สักชิ้นไปเก็บไว้ที่รถให้ จะได้กลับบ้านสักที”
“อยู่ในกระเป๋านั่นน่ะ นายหยิบเอาละกัน วันนี้...ขอบคุณมากนะ”
สุดาวดีมุ่งมั่นกับการถอดรองเท้า พฤกษ์เห็นแล้วส่ายหน้า
“ลีลาอะไรอีกล่ะ”
“ไม่ได้ลีลา มันถอดยากจริงๆ”
พฤกษ์ก้าวมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าสุดาวดีด้วยความรำคาญๆ ที่ตัวเองต้องเดือดร้อนเพราะสุดาวดีไม่หยุดหย่อน เขาจัดแจงช่วยดึงรองเท้าบู๊ตออกให้ ทั้งสองคนยื้อกันไปยื้อกันมา จนในที่สุดพฤกษ์ออกแรงดึงมากไปหน่อยทำให้สุดาวดีพุ่งตามแรงดึงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของสุดาวดีถลาไปหาพฤกษ์ ในขณะที่พฤกษ์หงายลงไปนอนกับพื้นทำให้สุดาวดีคร่อมอยู่บนตัวพฤกษ์และปากมาชนปากพอดิบพอดี ทั้งสองคนตาเบิกกว้าง
ต้อยติ่ง ลูกเป็ด น้ำหวาน จัสมินเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาเห็นสุดาวดีกับพฤกษ์ก็ชะงักด้วยความช็อก!
“อ๊าย!!! กรี๊ด!!”
สุดาวดีรีบลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เดิม พฤกษ์ก็รีบลุกขึ้น ทั้งสองคนทำหน้าไม่ถูก
พฤกษ์พูดโดยหมายถึงรองเท้าอีกข้าง “ที่เหลือให้คนอื่นช่วยถอดก็แล้วกันนะ”
พฤกษ์คว้าเป้ได้ก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ประตู ทุกคนขยับแหวกทางให้พฤกษ์เดินออกไป
“ใครมันจะอยากถอด ที่เหลืออยู่นี่...ชะนีทั้งนั้น” ต้อยติ่งว่า
ต้อยติ่งกับลูกเป็ดมีอาการผิดหวังจนเสียจริต ขณะที่น้ำหวานยิ้มร้าย
“เตรียมเป็นข่าวฉาวได้เลยนะจ๊ะโรสจ๋า คลิปอะไรก็สู้แรงเมาท์จากปากพี่ๆ ไม่ได้หรอกจ้ะ 555”
สุดาวดีเจ็บใจที่พลาดท่าน้ำหวานจนได้
จินตวัฒน์ทำหน้าที่เป็นตากล้อง บานชื่นกับดาวเรืองยืนดูความเรียบร้อยและสั่งให้หลวงตาคงทำท่าโน้นท่านี้ แรกๆ ท่าทางของหลวงตาคงไปในทางจริงจังแบบที่นักการเมืองชอบถ่ายรูปหาเสียง มือชี้ฟ้าทำท่าเหมือนแกนนำเวลาขึ้นอภิปราย ต่อมาท่าของเขาก็เริ่มออกแนวอภินิหาร ท่าปางสมาธิแบบเกจิ ท่ายืนยกขาข้างหนึ่ง นิ้วจีบเป็นเทพอวตาร
“เป็นไง ดูขลังดีมั้ยวะ” หลวงตาคงถาม
“มันก็ขลัง แต่ไม่น่าเอ็นดู ถ้าจะให้ชาวบ้านเทคะแนนให้ล่ะก็ มันต้องท่าเมตตามหานิยมแบบนี้” บานชื่นทำท่านางงามให้ดู “ยืนขาชิด เอียง 45 องศาให้กล้อง แอ่นอก เชิดหน้านิดๆ จิกตาหน่อยๆ เอามือประสานไว้ตรงพุง เอาล่ะ ทีนี้โบกมือทักทาย”
ดาวเรืองมองหลวงตาคงทำท่าตามบานชื่นแล้วขำก๊าก จินตวัฒน์เห็นท่าหัวเราะของดาวเรืองก็รีบหันกล้องไปถ่ายภาพไว้ ดาวเรืองได้ยินเสียงแชะก็หันมามองจินตวัฒน์ พอเห็นเขาเพิ่งถ่ายรูปเธอไปก็หุบยิ้มทันที
“ใครใช้ให้ถ่าย!”
“ทำไมต้องมีใครใช้ อยากจะถ่ายก็ถ่าย หรือว่าเราเป็นเด็กดอย ถ่ายรูปแล้วต้องจ่ายตังค์”
ดาวเรืองแยกเขี้ยวใส่จินตวัฒน์ที่เดี๋ยวนี้รู้จักกวนกลับ จินตวัฒน์ไม่สนใจยังคงถ่ายรูปดาวเรืองต่อ
หลวงตาคงกับบานชื่นหันมามองทั้งคู่
“ตกลงจะส่งใครลงเลือกตั้งห๊า...คุณปลัด ข้าหรือไอ้เรือง”
จินตวัฒน์กับดาวเรืองชะงักแล้วก็หน้าแดงแจ๊ดด้วยกันทั้งคู่ แล้วต่างคนก็ต่างขมีขมันตีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ดาวเรืองเข้ามาจัดท่าให้หลวงตาคงเป็นงานเป็นการ ในขณะที่จินตวัฒน์กดชัตเตอร์อย่างมีสมาธิมากเป็นพิเศษ บานชื่นแอบมองทั้งคู่แล้วก็อดขำไม่ได้
เวลาผ่านไปหลายวัน สุวรรณ แหลม และกรอดขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าร้าน ทั้ง 3 คนเห็นแม่ค้าเอวบางร่างน้อยยืนหันหลังกำลังโก่งตูดบิดซ้ายบิดขวา เช็ดโต๊ะอยู่ก็สะกิดกันกระดี๊กระด๊า สุวรรณเดินนักเลงเข้าไปหาแม่ค้าคนนั้น
“หนมปังน้ำแดง 3 ส่ายนมมาเยอะๆ นะน้องสาว”
สุวรรณเอามือลูบตูดสาวเจ้าของร้านแล้วคลึงไป-มาอีกต่างหาก
แหลมกับกรอดขานรับ “ฮิ้ว...”
แม่ค้าที่นุ่งซิ่นหันมาทำให้เห็นว่าเป็นยายแก่หน้าตายับย่น นมยานเกือบถึงพื้น ยิ้มหวานโชว์เหงือกร่นเป็นรำมะนาดให้พวกสุวรรณ
“ได้จ้ะพี่” ยายแม่ค้าเดินไปจัดของหวานให้
สุวรรณเอามือที่จับตูดยายเช็ดกับเสื้อผ้าตัวเอง
“อี๊ย”
“หง่อมขนาดนี้ น้ำเหลืองจะติดมือมั้ยพี่” แหลมถาม
“มาช้าอีกนิด ได้เคาะโลงซื้อแหง” กรอดบอก
สุวรรณมองไปรอบๆ ร้านก็เห็นคนแก่นั่งจับกลุ่มอยู่ 2 โต๊ะ แต่ละคนอายุล้วนเฉียด 60
“ผู้ช่วยฯ อำนาจคนไหนวะ ไหนพวกเอ็งบอกอยู่นี่”
“ก็พวกที่วัดมันว่าอยู่นี่นี่พี่ แต่ไม่น่าใช่ 2 โต๊ะนั่น แก่ปานนั้นคงไม่ใช่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหรอก” กรอดบอก
สุวรรณเดินเข้าไปถามชายชราทั้ง 2 โต๊ะด้วยเสียงเหี้ยม
“ผู้ช่วยฯ อำนาจบ้านดอนล้อมช้างอยู่ไหน”
แหลมพูดเสียงเหี้ยมตามลูกพี่ “แสดงตัวหน่อยซิ พี่วรรณลูกผู้ใหญ่ผันบ้านดอนล้อมแรดอยากทำความรู้จัก”
เสียงอำนาจที่เหี้ยมไม่แพ้กันดังขึ้น “ข้าเอง ผู้ช่วยอำนาจ”
อำนาจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านวัย 60 กว่าๆ ซึ่งแก่สุดในก๊วนนั้นเดินถือไม้เท้ายักแย่ยักยันออกมาจากด้านในร้าน
อำนาจจิบชาร้อนแล้ววางลงบนโต๊ะ มือของเขาสั่นยังกับเป็นโรคพาร์กินสัน สุวรรณ แหลม และกรอดคุยกับอำนาจอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ทั้งสามตักขนมปังน้ำแดงเข้าปากไปลุ้นไปเพราะกลัวน้ำจะกระฉอกออกมาตามแรงสั่น
“ไม่มีใครอยากเป็นผู้ใหญ่บ้านกันหรอก เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานก็ไปอยู่กรุงเทพฯ กันหมดแล้ว” อำนาจว่า
“แน่ใจนะผู้ช่วย..ว่าไม่มี” สุวรรณถามย้ำ
“เออ ก็อย่างที่เอ็งเห็น..ลูกบ้านตอนนี้ก็เหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ ใครจะอยากทำงานงกๆ รับเงินเดือนผู้ใหญ่บ้านไม่กี่พันวะ เข้าวัดฟังธรรมรอลูกหลานส่งเงินมาให้ดีกว่า” อำนาจบอก
สุวรรณ แหลม และกรอดชำเลืองมองกันแล้วกระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม รถจินตวัฒน์ขยับเข้ามาจอดห่างจากหน้าร้านไปราว 100 เมตร จินตวัฒน์เลื่อนกระจกรถลง ดาวเรืองนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่สังเกตความเป็นไปในร้านขนม
จินตวัฒน์พูดขึ้น “อีก 2 วันจะปิดรับคนลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านดอนล้อมช้างแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาสมัครเลย เราให้หลวงตาคงสมัครวันนี้เลยดีมั้ย พรุ่งนี้เธอจะได้ช่วยหลวงตาหาเสียง”
“ยัง เราจะรอจนวินาทีสุดท้าย เอาให้ผู้ใหญ่ผันช็อก ทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ” ดาวเรืองบอก
ดาวเรืองมองไปนอกรถแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ กระจกหน้าต่างรถฝั่งที่ดาวเรืองนั่งเลื่อนปิด แล้วรถก็แล่นออกไป
ปฏิทินที่ข้างฝาถูกกากบาทตั้งแต่วันที่ 1 มาจนถึงวันที่ 20 มือยื่นมากากบาทฆ่าวันที่ 21แล้วก็มีมือยื่นมากากบาทฆ่าวันที่ 22 นาฬิกาปลุกเดินถึงเวลา 15.00 น. ปั๊บก็ส่งเสียงกริ๊งดังลั่น ผัน เวียง บุญปลีก บุญปลอด ไสว สุวรรณ เสมอใจ แหลม กรอด และเมีย 7-8-9 ที่จ้องนาฬิกาอยู่เฮลั่น
“หมดเวลารับสมัครผู้ใหญ่บ้านดอนล้อมช้างแล้ว ในเมื่อไม่มีใครมาสมัคร ผู้ช่วยอำนาจก็จะได้ขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่บ้านแทน” ผันบอก
“แล้วแกจะไม่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งพี่ผันเหรอจ๊ะ” บุญปลอดถาม
“โอ๊ย น้าปลอดก็มัวแต่เข้าวัด ผู้ช่วยอำนาจแกมีอำนาจเหมือนชื่อซะเมื่อไหร่ จะเดินยังต้องพึ่งไม้เขยก แค่หายใจยังเหนื่อยเล้ย” สุวรรณว่า
“แก่ขนาดนั้นแค่ซื้อซุปไก่หรือไม่ก็รังนกให้แกสักโหล ขี้คร้านจะรีบลงคะแนนให้พี่ผันวันนี้พรุ่งนี้เลยล่ะจ้า” ไสวบอก
“ยินดีกับพี่ผันที่จะได้เป็นกำนัน ยินดีกับตัวเองที่จะได้เป็นเมียกำนัน..คริ..คริ..คริ” เวียงหัวเราะร่วน
แหลมสอพลอ “ในตำบลนี้ไม่มีใครใหญ่เท่าตระกูลขยันสอยอีกแล้ว”
ผันหัวเราะที่แหลมพูดถูกใจ ทุกคนตีวงเข้ามาล้อมผันเพื่อแสดงความยินดี
เช้าวันใหม่ จินตวัฒน์อ่านประกาศที่อยู่ในมือ
“อำเภอดอนพัฒนาขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า นายคง ขยันสอย เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงคนเดียวของหมู่บ้านดอนล้อมช้าง และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามแบบ ผญ.๖ ดังนั้นจึงถือว่านายคง ขยันสอย ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านดอนล้อมช้างโดยชอบธรรม”
ดาวเรืองนำทีมชาวบ้านดอนล้อมช้างเฮลั่น
“เย้ๆๆๆๆๆ!!”
จินตวัฒน์ติดประกาศที่มีตราครุฑประทับด้านบน และลายเซ็นนายอำเภอไพศาลด้านล่าง ข้างๆ กันเป็นใบแนะนำตัวผู้สมัคร มีรูปหลวงตาคงหน้าตรงขนาดโปสการ์ด ข้อความบนใบแนะนำเขียนตัวโตว่า “นายคง ขยันสอย เบอร์ ๑” บนบอร์ด
“ปลัดช่วยประสานงานเลือกตั้งตามที่เราประชุมกันไว้เลยนะ” ไพศาลบอก
จินตวัฒน์รับคำ “ครับ”
ดาวเรืองนำโห่ “เอ้า..พวกเรา..โห่...ฮี้...โห่...โห”
ชาวบ้านรับพร้อมกัน “ฮิ้วว”
ผันกับเวียงเดินนำขบวนเมียๆ ทั้งหลายเข้ามา บุญปลอด บุญปลีก ไสว และเมียเล็กๆ ถือปิ่นโตใส่อาหารคาวหวานมาทำบุญ ดอกไม้ถวายพระ พร้อมชุดสังฆทานเต็มไม้เต็มมือ
“ขอบใจแม่เวียงมากนะจ๊ะที่เตือนพี่เรื่องทำบุญเสริมบารมี อย่างแม่เวียงนี่ถือเป็นนางแก้วของพี่จริงๆ” ผันชม
ไสวขัด “แก้วหน้าม้ารึเปล่า”
“ถ้าข้าเป็นนางแก้วหน้าม้า เอ็งก็นังไหวปากหมานั่นล่ะวะ” เวียงว่า
“อย่าทะเลาะกันในเขตธรณีสงฆ์เลยจ้ะ เดี๋ยววัดจะแปดเปื้อนซะเปล่าๆ” บุญปลอดบอก
เสียงโห่ฮิ้วของดาวเรืองนำทีมมาแต่ไกล
“นั่นมันงานบวชงานบุญใคร ทำไมคนเยอะแยะไปหมด” บุญปลีกสงสัย
จินตวัฒน์ ดาวเรือง ไพศาล และหลวงตาคงเดินมาจากทางศาลาการเปรียญ กองเชียร์หลวงตาคงเดินตามมา
“นายอำเภอนี่หว่า มาทำอะไรที่นี่วะ” ผันสงสัย
“ไอ้พวกดอนล้อมช้างมาทำไมเยอะแยะ” ไสวงง
ทั้งสองกลุ่มเดินมาเจอกัน
ผันยกมือไหว้ “สวัสดีครับนายอำเภอ คุณปลัด มาทำอะไรที่วัดกันแต่เช้าครับ”
“เอาประกาศจากอำเภอมาติดแจ้งให้ลูกบ้านดอนล้อมช้างทราบครับ” ไพศาลบอก
ผันงง “ประกาศอะไรครับ”
ไพศาลชำเลืองมองจินตวัฒน์เป็นนัยเพื่อให้จินตวัฒน์ตอบข้อสงสัยของผัน
จินตวัฒน์พูด “ประกาศว่าหลวงตาคงเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านดอนล้อมช้างเพียงคนเดียวและได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อยแล้วครับผู้ใหญ่”
ผันและครอบครัวตกใจ “ห๊า!!”
“หนทางไปสู่ตำแหน่งกำนันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแล้วนะจ๊ะผู้ใหญ่ผัน” ดาวเรืองบอก
“เอ็งกับข้าต้องเจอกันอีกหลายยก” หลวงตาคงหันไปบอกกองเชียร์จากดอนล้อมช้าง “ถึงไม่มีกำนันเทิ้ม แต่ผู้ใหญ่คงคนนี้จะพาดอนล้อมช้างของเราก้าวไปสู่เวทีโลก”
กองเชียร์ของหลวงตาคงเฮลั่น ผันจ๋อยสนิท
ดาวเรืองลงจากรถจินตวัฒน์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ขอบใจนะปลัดที่มาส่ง”
ดาวเรืองทำท่าจะเข้าบ้าน จินตวัฒน์รีบลงจากรถ
จินตวัฒน์เอ่ยชม “เธอนี่เก่งเหมือนกันนะ”
“ห๊า”
“เก่งที่หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับการเลือกตั้งกำนันใหม่ นอกจากจะได้คนดีมาทำงาน ยังเป็นการตัดโอกาสคนชั่วที่หนุนหลังผู้ใหญ่ผันไม่ให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ”
ดาวเรืองยิ้มปลื้ม “อุ๊ยตาย... ต้องกอดเสาไว้หน่อยแล้ว”
“อะไรอีกล่ะ”
“ก็...นานๆ ปลัดจะชมสักที กลัวลอยไปชนเมฆ”
จินตวัฒน์หัวเราะ “ว่าแต่บัญชีเป็ดไปถึงไหนแล้ว ไม่ส่งมาสามอาทิตย์แล้วนะ”
ดาวเรืองหัวเราะแหะๆ “โทษที มัวยุ่งอยู่กะหลงตาเลยลืมทำ”
“เรานี่นะ ดีก็ไม่ดีให้ถึงที่สุด คนเราเก่งและดีไม่พอนะ ต้องรู้จักจัดระเบียบชีวิต แล้วก็ทำงานไม่ให้คั่งค้างด้วย”
ดาวเรืองเซ็ง “เฮ้อ...จะมีมั้ยที่ชมอย่างเดียวโดยไม่ติเนี่ย ลูบหลังแล้วหลอกตบหัวตลอด เซ็งเป็ด”
ดาวเรืองเดินเข้าบ้าน จินตวัฒน์มองตามแล้วยิ้มขำปนเอ็นดู
ที่กระดานบนฝาบ้านของผัน มีตัวหนังสือเขียนด้วยชอล์กว่า “ไอ้คง” ขนาดบิ๊กบึ้มที่บ้านดอนล้อมช้าง ผันถือชอล์กจ้องชื่อบนกระดานที่ตนเองเพิ่งเขียนอย่างโกรธๆ ก่อนจะขว้างชอล์กทิ้ง สุวรรณแอ่นตัวหลบชอล์กแบบแมททริกซ์ แหลมโยกหลบขวาได้สำเร็จแล้วหันไปหัวเราะใส่หน้ากรอดที่อยู่ด้านหลังเพราะคิดว่ากรอดโดนแน่ๆ แต่กรอดที่นั่งหน้าซื่อบื้อกลับคว้าชอล์กแท่งนั้นไว้ได้ง่ายๆ แหลมงงปนทึ่ง
“ไอ้สามตัวนี้ก็เลี้ยงเสียข้าวสุก ไปสืบมายังไงวะ หรือว่านั่งเทียนเอา” ผันถาม
“หนูไปสืบมาจริงๆ นะจ๊ะพ่อ” สุวรรณบอก
“พี่วรรณไปเจรจากับผู้ช่วยอำนาจมาจริงๆ จ้ะพ่อผู้ใหญ่” แหลมยืนยัน
“ใครจะไปคิดว่าหลวงตาคงจะร้ายกาจขนาดนี้ เล่นไปสมัครเอานาทีสุดท้าย”
“ไอ้คงนะไอ้คง มันจะเป็นหนามยอกอกข้าไปถึงไหน สมัยหนุ่มๆ เห็นมันหนีไปบวชข้าอุตส่าห์ดีใจ ดู๊! มันบวชได้แค่ 15 พรรษาก็ดันสึกมาซะนี่”
“พ่อไม่เห็นต้องกลัวเลย ยังไงหลวงตาก็สู้พ่อไม่ได้อยู่แล้ว พ่อมีศักดิ์ศรีเป็นผู้ใหญ่บ้านตั้งกี่สมัย แถมรวยกว่าตั้งเยอะ”
“จะไม่รวยได้ไง ก็พ่อของพี่ผันไปแย่งสมบัติพ่อของหลวงตาคงมานี่” ไสวว่า
บุญปลอดเสริม “จะว่าไปแล้วสมัยหนุ่มๆ พี่ผันก็ถือว่าผิดศีลข้อยักยอกทรัพย์ แล้วยังเกือบจะผิดข้อกาเมอีกด้วยนะจ๊ะ”
“ทำไมเหรอน้าปลอด” เสมอใจถาม
“แล้วเอ็งจะมายุ่งเรื่องครอบครัวข้าทำไมเนี่ย จะไปไหนก็ไปไป๊” สุวรรณไล่
“ไม่เป็นไรหรอกหนูวรรณ แม่เล่าได้ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง” เวียงอธิบายด้วยความภาคภูมิใจ “ก็สมัยที่แม่ได้ตำแหน่งรองนางงาม 3 สมัยมาใหม่ๆ น่ะ มีหนุ่มๆ บ้านนี้บ้านนั้นมาติดพันแม่ไม่รู้กี่สิบ แต่ที่แม่คัดเข้ารอบสุดท้ายมีอยู่ 2 คน ก็พ่อของหนูวรรณกับพี่คง ตอนนั้นแม่ไม่รู้จะเลือกใครดี สับส๊น สับสน แต่ไปๆ มาๆ พี่คงดันหนีไปบวช”
“แม่เวียงก็เลยเลือกพ่อผู้ใหญ่เพราะไม่มีตัวเลือกแล้ว” กรอดบอก
“ก็ทำนองนั้น” เวียงว่า
ผันเดินมานั่งลงข้างเวียง
“นี่แหละที่ข้าหนักใจ ข้ากลัวมันจะอาศัยสายสัมพันธ์เก่าๆ มาเข้าทางแม่เอ็งจริงๆ”
“ไม่หรอกจ้ะพี่ผัน ใครจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าผัวตัวเองล่ะพี่” เวียงบอก
เวียงนวดไหล่ให้ผันอย่างเอาใจ ผันฝืนยิ้มแต่แววตามีแววกังวลอยู่ลึกๆ
กำพลยิ้มสบายๆ โดยมีชาติกับสมุนอีกคนยืนคุมเชิงด้านหลัง
“ความศรัทธามันจะสู้เงินได้ไงผู้ใหญ่ เดี๋ยวช่วงใกล้ๆ เลือกตั้งกำนันก็แจกผู้ใหญ่หมู่อื่นไปคนละแสนสองแสน ผู้ใหญ่แค่ 5-6 คน มันจะสักเท่าไหร่กัน แถมเหล้าอีกโหลสองโหล บุหรี่นอกสักลังสองลังยังได้”
“รวมๆ แล้วก็เฉียดล้านนะครับเสี่ย” ผันบอก
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะออกให้ก่อน ผู้ใหญ่มีมาคืนเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ฉันไม่คิดดอก ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่อยากเห็นคนดีๆ ที่ชอบๆ กันอย่างผู้ใหญ่เจริญก้าวหน้า”
ผันมีหน้าตาไม่สบายใจ “ขอบคุณครับเสี่ย”
“ผู้ใหญ่จะกังวลทำไม ได้ข่าวว่าเมียๆ ของผู้ใหญ่ก็เป็นญาติกับผู้ใหญ่หมู่อื่นไม่ใช่เหรอ”
“ก็...ครับ จริงๆ ผมหาเพิ่มอีกเสียงก็ชนะแล้ว”
“นั่นไง...ชาติ ไปเอาไวน์มาเปิดเลี้ยงว่าที่กำนันหน่อยซิ”
“ครับเสี่ย” ชาติเดินออกไป
ผันยิ้มสบายใจขึ้น
เวียงยื่นมือให้หลวงตาคงดูดวง หลวงตาคงพิจารณามือของเวียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อึดอัด และอ้ำอึ้งจะพูดก็ไม่พูดอยู่อย่างนั้น
เวียงรำคาญ “ว่าไงหลวงพี่ ดวงฉันช่วงนี้เป็นไงบ้าง จะได้เป็นคุณนายกำนันรึเปล่า อุ๊ย..ขอโทษนะที่ต้องถามยังงี้ เพราะพี่ผันคงได้เป็นกำนันชัวร์ป้าบ ไม่เคืองกันนะหลวงพี่”
หลวงตาคงยังจับมือเวียงอยู่ “ดวงคุณนายมันก็พอมีหรอกนะ เส้นวาสนาของแม่เวียงมันบอกชัด แต่สังเกตตรงเนินนี้สิ มันมีจุดดำๆ ขึ้น”
“แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ”
“คนใกล้ตัวของแม่เวียงกำลังมีเคราะห์ และอาจจะมาฉุดดวงของแม่เวียงจากคุณนายกลายเป็นไพร่กระฎุมพี”
เวียงตกใจ “ห๊า!!”
“พี่ถึงต้องให้ลูกศิษย์ไปตามแม่เวียงมานี่ไง”
“แล้วคนใกล้ตัวที่ว่าหมายถึงใครจ๊ะ”
“พ่อแม่ของแม่เวียงตายไปหมดแล้วนี่ งั้นคง...ไม่ลูกก็ผัวล่ะ”
เวียงตื่นตัว “แล้วจะมีเคราะห์ยังไง”
“ดวงใครดวงเขา ขืนบอกไปก็เท่ากับพี่ไปฝืนลิขิตฟ้า”
“โธ่...หลวงพี่ บอกเถอะนะ...นะๆ”
“มันจะไม่ดีนา”
“เห็นแก่ที่เราเคยเป็นแฟนกันมาก่อน บอกมาเถอะนะจ๊ะ”
“จะดีเหรอ...พี่ว่า...”
เวียงเข้าโหมดโหด “หลวงพี่! จะบอกไม่บอก!”
เวียงถลึงตาใส่หลวงตาคงอย่างเอาเรื่อง
สุวรรณและสมุนทั้งสองจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าร้านของดาวเรืองแล้วลงจากรถมายืนเรียงหน้ากระดานด้วยท่าทางประสงค์ร้าย
สุวรรณประกาศเสียงเหี้ยม “โทษฐานที่มันไปถือหางหลวงตาคงให้ขึ้นมาแข่งบารมีกับพ่อข้า ไอ้เรืองมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม!!”
สุวรรณมองเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าโฉดชั่วเหมือนจะเข้าไปฉุดดาวเรืองยังไงยังงั้น
หลวงตาคงเล่าด้วยสีหน้าตึงเครียด เวียงที่ฟังอยู่ก็เครียดไม่แพ้กัน
“เจ้าแม่ถึดทือมาเตือนพี่ว่าผีแม่ม่ายจะมาเอาผู้ชายตำบลเรา มันมาทุกปีเอ็งก็รู้ แต่ปีนี้เจ้าแม่ท่านว่าเขาจะมาเอาไป 2 คน คือคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วย ผ.ผึ้ง กับ ส.เสือ พี่ก็เลยเป็นห่วงเพราะละแวกบ้านเราไม่มีใครชื่อขึ้นต้นด้วย “ผ” นอกจากผัวแม่เวียง นี่ยังดีนะที่ไอ้วรรณมันรอดตัวไป”
เวียงตาหูเหลือก “รอดที่ไหนล่ะหลวงพี่! หนูวรรณมันชื่อจริงชื่อสุวรรณ ชื่อมันขึ้นต้นด้วย “ส”
“อะไรมันจะแจ๊กพ็อตยังงี้ละเว้ยเฮ้ย!! มิน่าลายมือแม่เวียงถึงบอกว่าคนใกล้ตัวกำลังมีเคราะห์”
“ตายแล้ววว!!! นี่ฉันจะทำยังไงดี ฉันมีผัวคนเดียวมีลูกคนเดียว ผีแม่ม่ายจะเอาของฉันไปหมดแล้วฉันจะอยู่กับใคร มันพอจะมีทางแก้มั้ยหลวงพี่”
หลวงตาคงกับเวียงสุมหัวปรึกษากันเคร่งเครียด
สุวรรณและสมุนทั้งสองก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว ตรงหน้าของทั้งสามมีชามก๋วยเตี๋ยวและซ้อนเป็นตั้งนับสิบชาม ดาวเรืองจับตามองพวกสุวรรณพลางยิ้มกริ่ม เพี้ยนถือการบ้านออกมาจากในบ้านเห็นพวกสุวรรณกินเอาๆ ก็เบรกเอี๊ยดแล้วจ้องมอง
สุวรรณทำท่าโหด “ไอ้เรือง เอาเล็กน้ำมาอีกชาม ห้ามด่า ห้ามโวยห้ามวายนะเว้ย เดี๊ยะ..มีเรื่อง”
สุวรรณลุกขึ้นยืนทำท่าเบ่ง แต่ก็แปลกใจที่ดาวเรืองหยิบเส้นก๋วยเตี๋ยวลวกให้แต่โดยดี
“จัดให้...สำหรับว่าที่ลูกกำนันเนี่ย ลวกสุดฝีมือเลย”
สุวรรณนั่งลงอย่างงงๆ
แหลมกระซิบ “วันนี้ไอ้เรืองมันใจดีกับเราจังนะพี่ ไม่ด่าเราสักคำ”
“สงสัยมันอยากเป็นสะใภ้กำนัน” กรอดว่า
“ไหนลองอีกทีซิว่ามันจะด่าข้ามั้ย” สุวรรณตะโกนเสียงหวาน “น้องเรือง... เอ้ย!” สุวรรณเปลี่ยนเป็นเสียงเข้ม “ไอ้เรือง เอาบะหมี่แห้งมาให้ไอ้แหลมไอ้กรอดอีกคนละชาม”
“ได้ รอเดี๋ยว”
สุวรรณหันไปยิ้มกับลูกน้อง
“สงสัยมันจะรู้ว่ายังไงพ่อข้าก็ได้เป็นกำนัน มันเลยอยากมาเป็นลูกสมุน”
เพี้ยนพุ่งไปหาดาวเรือง
“จะทำให้มันอีกเหรอพี่เรือง ลองอีหร็อบนี้ฉันว่ามันต้องกะชักดาบแหงๆ” เพี้ยนบอก
“เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกไอ้เพี้ยน เชื่อหัวพี่เรืองเหอะ”
ดาวเรืองแอบเทยานอนหลับที่บดละเอียดแล้วลงชามก๋วยเตี๋ยวโชว์เพี้ยน แล้วดาวเรืองกับเพี้ยนก็แอบหัวเราะคิกคักพร้อมกับมองพวกสุวรรณที่ตั้งหน้าตั้งตากินก๋วยเตี๋ยวที่โต๊ะ
หลวงตาคงกับเวียงนั่งหน้ายับย่นเพราะเครียดจนเส้นหน้าผากพับจีบ
“อย่าเพิ่งตกใจไปเลยแม่เวียง มันอาจจะไม่ใช่ทั้งไอ้ผันไอ้วรรณก็ได้ เพราะคราวนี้เจ้าแม่ท่านบอกว่าผีแม่ม่ายจะทำสัญลักษณ์บอกเหตุล่วงหน้า” หลวงตาคงบอก
“ยังไงหลวงพี่” เวียงถาม
“ท่านจะทำเครื่องหมายรูปหัวใจสีแดงแปร๊ดไว้กลางหลังเป็นการประกาศว่าคนนี้ท่านหมายหัวไว้ แม่เวียงไปสังเกตไอ้ 2 คนนั้นก่อน ถ้าเจอเครื่องหมายของผีแม่ม่ายอย่างที่พี่บอกก็อย่าเอ็ดไปเชียว ถ้าเอะอะไปล่ะก็ ผีท่านจะมาเอาคนคนนั้นไปทำผัว เอ๊ย..ไปอยู่ด้วยเร็วขึ้น ถึงเวลานั้นแล้วค่อยมาปรึกษากันอีกที”
เวียงพยักหน้าหงึกๆ อย่างอกสั่นขวัญแขวน
สุวรรณตักก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอีกคำอย่างเฮฮาก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับสนิท แหลมกับกรอดกำลังจะอ้าปากทักสุวรรณ แต่แล้วทั้งสองก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะตามลูกพี่ไป ดาวเรืองวิ่งปรู๊ดมาที่โต๊ะสุวรรณทันที
“ไอ้เพี้ยน! เร้วว!!”
เพี้ยนวิ่งมาที่โต๊ะ
ดาวเรืองกับเพี้ยนช่วยกันถอดเสื้อสุวรรณออก ดาวเรืองเอาปากกาเมจิกสีแดงออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับทำหน้าตาเจ้าเล่ห์สุดฤทธิ์
เวียงชะเง้อคอรอลูกและสามีที่หัวบันไดแต่ก็ยังไม่เห็นใครมา เธอจึงเดินไปเดินมาเป็นเสือติดจั่น บุญปลีกนอนหงายให้บุญปลอดเรียงแตงกวาฝานบนหน้าอยู่ที่ระเบียง บุญปลอดจับตามองเวียง
“พี่เวียงเป็นอะไรน่ะ เห็นนั่งไม่ติดตั้งกะบ่ายแล้ว” บุญปลอดถาม
บุญปลีกเปิดแตงกวาที่แปะตาออกแล้วยกหัวขึ้นดูเวียง “หรือว่าตอนที่เราไปหาลุงไฝที่ดอนล้อมหมี จะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเรือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
บุญปลอดตกใจไปด้วย “เรื่องร้ายอะไร”
“ก็..อย่างเช่นใครบุกมาทำมิดีมิร้ายพี่เวียง มาข่มขืนรุมโทรมอะไรเทือกนั้น” บุญปลีกบอก
“ปั่ดโธ่!!! กินส้มตำบ้านลุงไฝมากไปรึเปล่าเนี่ย ถ้าจะมีใครบุกขึ้นมาทำมิดีมิร้าย มันไปทำกะนังเบอร์ 7-8-9 ไม่ดีกว่าเหรอ”
“เออจริงว่ะ เอ...หรือจะมีใครมาพูดให้ไม่สบายใจ เช่นมาบอกว่าพี่ผันจะไม่ได้เป็นกำนันอะไรยังเงี้ย”
“ไม่หรอกมั้ง ยังไงพี่ผันก็ต้องได้เป็น ลุงไฝรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่ายังไงก็จะเลือกพี่ผัน”
ผันหน้าแดงก่ำเและดินตุปัดตุเป๋ขึ้นมาบนเรือน
เวียงพุ่งมาหาทันที “พี่ผัน!!! มานี่ซิ”
ผันยกมือปัดป้องเพราะนึกว่าเวียงจะเข้ามาทุบตี “อย่านะแม่เวียง พี่ไปคุยเรื่องการบ้านการเมืองกับเสี่ยมา ไม่ได้แวะไปหาอีหนูที่ไหนจริงๆ สาบานได้”
เวียงไม่สนใจ เธอเข้าไปถลกเสื้อด้านหลังขึ้นดูก็เห็นแผ่นหลังของผันว่างเปล่า เวียงรีบสำรวจดูซ้ายขวาหน้าหลังของผันจนทั่วแล้วถอนใจโล่งอก
“ไม่มีรอยลุดรอยลิปอะไรหรอกน่า พี่ไปคุยกับเสี่ยมาจริงๆ” ผันบอก
“ไปอาบน้ำได้แล้วไป นัง 7-8-9 พาพี่ผันไปอาบน้ำ ถูให้สะอาด อย่าให้มีอะไรขึ้นกลางหลังเด็ดขาด” เวียงสั่ง
เมีย 7-8-9 วิ่งเข้ามาต้อนหน้าต้อนหลังผันเดินไปทางห้องน้ำ
สุวรรณ แหลม และกรอดเดินขึ้นบันไดมาด้วยท่าทางมึนๆ ไม่ต่างจากผัน
“ไม่รู้ข้าไปอดหลับอดนอนที่ไหน ถึงได้ไปฟุบคาร้านไอ้เรืองแบบนั้น” สุวรรณพูดกับลูกน้อง
“ยังดีที่มันไม่เอาตังค์เราสักบาท” กรอดบอก
“สงสัยมันอยากเป็นเมียพี่จริงๆ” แหลมว่า
เวียงเห็นลูกชายโผล่ขึ้นมาบนบ้านก็เรียกเหมือนไม่ได้เจอกันมาสิบปี “หนูวรรณ!!”
เวียงรีบวิ่งมาลูบหลังลูบไหล่แล้วถลกเสื้อสุวรรณขึ้น
“อะไรกันจ๊ะแม่จ๋า”
เวียงผงะเหมือนเห็นผี “กรี๊ด...”
ทุกคนตกใจ บุญปลอดผุดลุกขึ้นนั่งจนแตงกวาร่วง สุวรรณ แหลมและกรอดอึ้งกับเสียงของเวียง เวียงจ้องหลังสุวรรณเพราะตกใจที่เห็นรูปหัวใจแดงแปร๊ดดวงเบ้อเริ่มที่กลางหลัง เวียงนึกย้อนถึงคำพูดของหลวงตาคง
“ท่านจะทำเครื่องหมายรูปหัวใจสีแดงแปร๊ดไว้กลางหลังเป็นการประกาศว่าคนนี้ท่านหมายหัวไว้ ถ้าเจอเครื่องหมายของผีแม่ม่ายอย่างที่พี่บอกก็อย่าเอ็ดไปเชียว ถ้าเอะอะไปล่ะก็ ผีท่านจะมาเอาคนคนนั้นไปทำผัว เอ๊ย..ไปอยู่ด้วยเร็วขึ้น”
เวียงรีบดึงเสื้อสุวรรณลงแล้วก็อยากจะปล่อยโฮ
เวียงพยายามสงบจิตใจ “ไม่มีอะไรๆ” เวียงอดโศกไม่ได้ “โถ...หนูวรรณลูกแม่ วันนี้เอ็งไปไหนมาบ้างลูก ไปเดินผ่านต้นไทร ต้นตะเคียน ป่าช้า หรือทางสามแพร่งที่ไหนมาบ้างรึเปล่า”
“เปล่าแม่ หนูไปนั่งกินนอนกินที่ร้านไอ้เรืองที่เดียวเลย มีอะไรเหรอแม่” สุวรรณงง
“มะ..มะ..ไม่มีอะไรลูก” เวียงเบะแล้วซับน้ำตา “ไอ้แหลมไอ้กรอด พวกเอ็งจะไปไหนก็ไป หนูวรรณ..อาบน้ำแล้วอย่าออกไปไหนนะ แม่จะนำสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน”
แหลมกับกรอดตกใจ “สวดมนต์!”
“พี่เวียงเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” บุญปลอดถาม
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
บุญปลีกถามย้ำ “แน่นะ”
เวียงระเบิดอารมณ์ “เออ...ข้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่ได้เป็นอะไรสิวะ!”
ทุกคนมองเวียงพร้อมกับอ้าปากหวอ เวียงกลัดกลุ้มสุดๆ
จินตวัฒน์ขับรถเข้ามาจอดริมถนนแล้วเดินลงจากรถ ดาวเรือง บานชื่น และเพี้ยนขำก๊ากอยู่ในร้าน โดยมีหลวงตาคงนั่งท่าทางไม่สบายใจอยู่อีกมุม
“แบบนี้มันเท่ากับข้ามุสาแม่เวียงเขานะ” หลวงตาคงบอก
“เขาเรียกความผิดสีขาวใช่มั้ยพี่เรือง” เพี้ยนว่า
“เออ เอ็งนี่ฉลาดสมกับเป็นน้องข้า” ดาวเรืองพูดกับหลวงตาคง “เอาน่า...หลงตา ถึงหลงตาจะตกนรก แต่คนทั้งตำบลได้ขึ้นสวรรค์นะ เหอะน่า...เพื่อคนดอนพัฒนา ฉันยอมตกนรกเป็นเพื่อนหลงตาก็ได้”
จินตวัฒน์หยุดยืนที่หน้าร้านพอ ได้ยินดาวเรืองพูดเขาก็ยิ้มชื่นชม บานชื่นหันมาเห็นจินตวัฒน์
“อ้าว คุณปลัด!”
ดาวเรือง เพี้ยน และหลวงตาคงหันไปมองจินตวัฒน์
ดาวเรืองยื่นสมุดบัญชีให้จินตวัฒน์
“เอ้า! ขี้เกียจให้ทวง เดี๋ยวจะบ่นอีก”
จินตวัฒน์พลิกสมุดบัญชีดูแล้วก็ยิ้มพอใจ ก่อนจะปิดสมุด
“นายอำเภอประกาศวันเลือกตั้งกำนันแล้วนะ ช่วงนี้ฉันคงมาช่วยอะไรมากไม่ได้”
“รู้น่า...ปลัดตรงยังกะไม้บรรทัด ใครจะกล้าชวนให้ช่วย ว่าแต่ปลัดพอจะรู้มั้ยว่าหลงตามีโอกาสสักกี่เปอร์เซ็นต์”
“จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ฟันธงไม่ได้ ที่แน่ๆ หลวงตามี 2 เสียงแล้ว คือตัวหลวงตาเอง แล้วก็ผู้ใหญ่ลีบ้านดอนล้อมวัว คนนั้นเขาใจซื่อมือสะอาด..คงไม่เลือกผู้ใหญ่ผันที่มีเสี่ยกำพลหนุนหลัง”
ดาวเรืองครุ่นคิด “ผู้ใหญ่ผันเลือกตัวเอง ผู้ใหญ่ไฝลุงน้าปลีกน้าปลอดต้องเลือกผู้ใหญ่ผันแหงๆ ส่วนผู้ใหญ่วงศ์พี่แม่เวียงไม่แน่”
“ไม่แน่อะไร เขาเป็นญาติกัน ยังไงก็ต้องลงคะแนนให้กันอยู่แล้ว”
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”
“เธอจะดึงคะแนนจากผู้ใหญ่วงศ์มายังงั้นเหรอ ทำยังไง” จินตวัฒน์ถาม
ดาวเรืองยิ้มเจ้าเล่ห์ “ความลับ เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะน่า”
ดาวเรืองดึงสมุดบัญชีคืนจากมือจินตวัฒน์แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ จินตวัฒน์มองดาวเรืองด้วยความสงสัยสุดๆ ว่าเธอมีแผนอะไร
ณ งานฉลอง 5 ปีนิตยสาร Idol มีป้าย 5th Anniversary ติดไว้ มีปกนิตยสารฉบับล่าสุดที่พฤกษ์กับสุดาวดีขึ้นปกเรียงโชว์หลายสิบเล่ม แขกผู้มีเกียรติเริ่มทยอยมาที่งานพร้อมกระเช้าดอกไม้
พฤกษ์สวมหมวกแก๊ปปิดมาครึ่งหน้ากับเสื้อแจ็กเกตโลโก้ร้านดอกไม้ของจันทราถือช่อดอกไม้เดินเข้ามามองซ้ายขวาแล้วจึงเดินไปที่โต๊ะที่มีช่อดอกไม้แสดงความยินดีวางเรียงรายอยู่
บิ๋ม บก.สาวเปรี้ยววัยปลาย 30 ยืนรับช่อดอกไม้อยู่ตรงหน้างาน พฤกษ์ยื่นช่อดอกไม้ให้บิ๋ม
“จากนิตยสาร Popular ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เก๋เดินมากระซิบบิ๋ม
“พี่บิ๋มคะ นักข่าวขอถ่ายรูปค่ะ”
บิ๋มพูดกับนักข่าวที่ยืนคุยด้วย “ขอตัวก่อนนะจ๊ะ”
บิ๋มเดินไปให้ช่างภาพถ่ายรูปที่แบ็กดร็อปซึ่งเป็นลายโลโก้ชื่อนิตยสาร นักข่าวสาวคนหนึ่งเดินมาหาเก๋ โดยสวนกับพฤกษ์ที่กำลังจะเดินออกไป
“พี่เก๋ โรสมายังคะ”
พฤกษ์ได้ยินชื่อสุดาวดีก็หยุดฟัง
“มาแล้ว แต่งตัวอยู่บนห้องแน่ะ” เก๋บอก
“อยากสัมภาษณ์นางมากๆ”
“จะถามเรื่องผู้จัดการล่ะซี้ ซอร์รี่นะจ๊ะ นางบอกว่าวันนี้ผู้จัดการไม่ว่าง”
“พี่น้ำหวานเม้าท์ว่านายหน้าหล่อนั่นเป็นทนาย เพราะมีคนสนิทเป็นทนายนี่เอง ยัยโรสถึงไม่ต้องขึ้นศาล ไม่รู้ว่านางไปล่อมายังไง...ว่าความไปด้วยเป็นผู้จัดการไปด้วย ไม่รู้ทำอย่างอื่นให้ด้วยรึเปล่า” นักข่าวหัวเราะคิกคัก
“คงไม่ถึงขั้นเอาตัวเข้าแลกมั้ง เห็นพี่ต้อยบอกว่านายนั่นแอ๊บแมนอีกต่างหาก แล้วเป็นผู้จัดการจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเป็นแล้วทำไมไม่มาล่ะงานใหญ่ขนาดนี้ สงสัยจะอย่างที่เม้าท์กัน”
“ยังไงพี่”
“เขาว่านางอุปโลกน์ทนายมาเป็นผู้จัดการ เพราะต้องการแย่งยัยน้ำหวานกับน้องจัสมินขึ้นปกน่ะสิ”
“ต๊ายยย! แรงอะ ร้ายขนาดนี้เดี๋ยวตอนสัมภาษณ์ หนูจะเอาไมค์จ่อปากถามเรื่องผู้จัดการซะเลย ดูซิ..นางจะแถยังไง”
“เมื่อกี้พี่เป็ดลงมาเม้าท์ว่าตอนนี้นางแทบจะเอาบาทากุมขมับอยู่ในห้องแต่งตัว”
“เรื่องนี้ต้องแฉ”
พฤกษ์ก้มหน้าแล้วก้าวเดินผ่านไปเร็วๆ เหมือนไม่สนใจ
สุดาวดีเดินออกจากลิฟต์เข้ามาในงานด้วยสีหน้าเครียดแต่พอเห็นผู้คนก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม บรรดานักข่าวกรูเข้าไปห้อมล้อม ทีมงานพาตัวสุดาวดีมายืนที่แบ็กดร็อป
“เมื่อไหร่โฆษณาน้ำแร่ตัวที่เป็นประเด็นกับพี่น้ำหวานจะออกคะ”
“พรุ่งนี้มีงานแถลงข่าว คิดว่าอีกวันสองวันก็คงออนแอร์ค่ะ” สุดาวดีตอบ
“ผู้จัดการที่ขึ้นปกใช่คนเดียวกับที่ไปรับโรสออกจากโรงพยาบาลใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ...ค่ะ”
“แล้วที่มีคนลือว่าเขาเป็นแค่ผู้จัดการเงาที่โรสสร้างขึ้นมาเพื่อจะได้ตัดหน้าพี่น้ำหวานกับจัสมินขึ้นปก Idol จริงรึเปล่าคะ”
“เขาเป็นผู้จัดการโรสจริงๆ ค่ะ”
“ถ้าเป็นผู้จัดการจริง ทำไมวันนี้ไม่มาล่ะคะ”
พวกนักข่าวพากันมองสุดาวดีอย่างจับผิด สุดาวดีหน้าเสีย เธอคิดหาคำอธิบาย พฤกษ์ซึ่งถอดเสื้อแจ็กเกตร้านดอกไม้ออกแล้วเดินแทรกนักข่าวเข้ามาหาสุดาวดี
“ใครบอกว่าผมไม่มาล่ะครับ พอดีผมติดธุระเลยมาช้าไปนิด ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ทุกคนรอ มีใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมก็ถามผมได้เลย เชิญครับ”
พฤกษ์หว่านยิ้มเป็นกันเองกับทุกคน
“งั้นพรุ่งนี้ที่งานแถลงข่าวน้ำแร่ ผู้จัดการคนใหม่ก็ต้องไปด้วยใช่มั้ยคะ”
พฤกษ์หยอด “แน่นอนครับ ถ้าพรุ่งนี้พวกคุณไปทำข่าว คุณได้เห็นผมแน่ครับ”
นักข่าวระดมถ่ายรูปพฤกษ์กับสุดาวดี สุดาวดีแอบมองพฤกษ์ด้วยความซึ้งใจ
หลวงตาคงชี้แจงอย่างเป็นการเป็นงานอยู่ที่สำนัก
“3 วันนี้ให้ไอ้วรรณอยู่แต่ในบ้าน กินเจ นุ่งขาวห่มขาว ข้าจะสวดคาถาเกราะเพชรเจ็ดชั้นคุ้มครองมันให้ แล้วจะนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้ผีแม่ม่ายด้วย”
เวียงฟังแล้วก็จดใส่สมุดโน้ตยิกๆ
“แล้วพี่ผันล่ะจ๊ะ ตอนนี้รูปหัวใจสีแดงยังไม่ขึ้น แต่จะทำยังไงให้มั่นใจว่าพี่ผันจะปลอดภัย”
“อย่างไอ้ผันนี่ลำบากหน่อย” หลวงตาคงบอก “ปกติดวงมันแรงอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีดวงผู้ใหญ่วงศ์ไปเสริมให้ไอ้ผันโดดเด่นจนผีแม่ม่ายสังเกตเห็นง่ายเข้าไปอีก”
“โอ๊ย!! แล้วจะทำยังไงดีล่ะหลวงพี่”
หลวงตาคงคิด “เราต้องวางอุบายหลอกผีแม่ม่าย ให้เขาลดความสนใจในตัวไอ้ผันลง ทำยังไงก็ได้ให้เขาคิดว่าผู้ใหญ่วงศ์กับไอ้ผันเป็นศัตรูกัน”
“ทำอะไรล่ะหลวงพี่”
“ก็แบบว่า...ช่วงนี้ไอ้ผันทำอะไร ผู้ใหญ่วงศ์ต้องไม่สนับสนุน”
เวียงคิดตามว่าจะไม่ให้ผู้ใหญ่วงศ์สนับสนุนเรื่องอะไรก่อนจะพูดออกมา
“เช่น...ไม่ให้พี่วงศ์เลือกพี่ผันเป็นกำนันงั้นเหรอ”
“ก็...ประมาณนั้น ถ้าแม่เวียงไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน ของแบบนี้มันมองไม่เห็น ว่าแต่...หลังไอ้วรรณยังมีรูปหัวใจอยู่ใช่ไหม ถ้ารูปหัวใจไปขึ้นที่หลังไอ้ผันเมื่อไหร่จะถอนยากนะ ยิ่งแก่หนังเหี่ยวยิ่งถอนยาก”
หลวงตาคงหันไปหยิบยันต์มายื่นให้เวียง
“เอายันต์ไปติดที่หน้าห้องด้วยแล้วกัน เผื่อว่ามันจะช่วยบรรเทาเบาบางอะไรได้บ้าง บางทีผีแม่ม่ายอาจจะเอาไปแค่คนเดียว พี่ก็ช่วยได้เท่านี้”
เวียงใจเสียแต่ก็รีบรับยันต์จากหลวงตาคงมาด้วยมือไม้สั่นเทิม
จินตวัฒน์ช่วยดาวเรืองให้อาหารเป็ด
“พรุ่งนี้นายอำเภอจะเรียกผู้ใหญ่บ้าน 7 หมู่มาเลือกกำนันแล้วนะ” จินตวัฒน์บอก
“อื้อ หลงตาบอกฉันแล้ว”
ดาวเรืองตอบจินตวัฒน์โดยไม่หันมามองเพราะมัวแต่เพ่งมองอะไรบางอย่างตรงหน้า
“แล้วทางหลวงตาเป็นไงบ้าง แผนลับของเธอไปถึงไหนแล้ว”
ดาวเรืองไม่ตอบ
จินตวัฒน์พูดต่อ “ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้โดยไม่ขัดต่อหน้าที่ ก็บอกแล้วกัน”
ดาวเรืองเงียบ
“ดาวเรือง”
จินตวัฒน์หันไปมองดาวเรืองด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงเงียบไป เขาเห็นดาวเรืองก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างเล้าเป็ดอีกมุม จินตวัฒน์เพ่งมองด้วยความสงสัยว่าดาวเรืองทำอะไร
“ทำอะไรดาวเรือง”
ดาวเรืองประคองอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดๆ “ขะๆๆ”
“อะไร”
ดาวเรืองประคองไข่เป็ดขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนจะวิ่งมาหาจินตวัฒน์
“ขะๆ ไข่...ไข่!!! จีจ้ามันออกไข่แล้ว!”
ดาวเรืองวิ่งมาหาจินตวัฒน์แล้วลื่นขี้เลนจนเสียหลักสะดุดล้มทำให้ไข่เป็ดลอยหลุดจากมือ ดาวเรืองตาเหลือกก่อนจะรีบสไลด์ตัวเข้าไปรับไข่ที่กำลังจะตกพื้น
จินตวัฒน์ก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาล้มตัวนอนราบกับพื้นพร้อมชูมือเพื่อรับไข่ จินตวัฒน์รับไข่ไว้ได้พอดี หน้าของทั้งคู่แทบพุ่งมาชนกัน มีเพียงไข่ในมือจินตวัฒน์ที่คั่นกลางทั้งคู่เอาไว้ ทั้งสองแก้เก้อด้วยการยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จินตวัฒน์จะส่งไข่เป็ดในมือให้ดาวเรือง
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” จินตวัฒน์บอก
ดาวเรืองรับไข่มาอย่างทะนุถนอม
จินตวัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
ดาวเรืองส่ายหน้าที่แดงซ่านแล้วพูดกลบเกลื่อน “ไปหาหลงตากัน”
หลวงตาคงเขียนบนกระดานสำหรับตรวจดวงชะตาด้วยชอล์ก ดาวเรืองกับจินตวัฒน์นั่งมองด้วยความสนใจ
“ทิศประจิม โภคทรัพย์ ผู้ใหญ่ลี เป็นมิตร เคยบวชเรียนมาด้วยกัน ส่วนทิศบูรพาก็โชคทวี ผู้ใหญ่วงศ์ นี่เพื่อนเก่า เป่ากบทอยกอง กันมาตั้งแต่เด็ก มันรู้จักนิสัยข้าดี ที่แน่ๆ มันไม่ถูกกับไอ้ผัน ถึงจะดองกันก็เหอะ”
“เป็นอันว่า หลงตาน่าจะได้ 3 เสียง ส่วนผู้ใหญ่ผัน ก็น่าจะมี 3 เสียงจากตัวเอง ผู้ใหญ่ไฝ แล้วก็ผู้ใหญ่เดชที่สนิทกับเสี่ยกำพล เหลือแต่ผู้ใหญ่หาญที่พอจะลุ้นขึ้น” ดาวเรืองว่า
“ไอ้หาญมันวางตัวเป็นกลาง แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นกำนัน มันคงไม่เลือกตัวเอง แต่น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ไปขอเสียงจากมันไม่ได้”
“อ้าว ทำไมล่ะหลงตา เราน่าจะลองไปคุยกับผู้ใหญ่หาญดูนะ”
“ก็มันไม่ได้อยู่ดอนล้อมเก้ง มันไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯเป็นเดือนแล้ว เห็นหลานมันว่าจะกลับมาเลือกกำนันพรุ่งนี้เลย”
“งั้นจะทำไงดีล่ะ”
“ก็คงต้องวัดดวงกันล่ะวะไอ้เรือง ของยังงี้มันอยู่ที่วาสนาด้วย ถ้าข้ามีบุญจะได้รับใช้หลวง ไอ้หาญมันก็คงเลือกข้า”
จินตวัฒน์เห็นด้วย “ถูกต้องดาวเรือง ผลจะออกมาเป็นยังไง ไม่สำคัญเท่ากับเราได้พยายามทำอย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ได้หรือไม่ได้มันอีกเรื่องหนึ่ง”
ดาวเรืองถอนใจเฮือกเพราะก็ไม่อยากได้คนไม่ดีมาเป็นกำนันคนใหม่
เช้าวันใหม่ สุวรรณเปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยชุดขาวทั้งตัว มีผ้าพันคอสีสันฉูดฉาดและหมวกแก๊ปเท่ๆ สีสดเสริมความเก๋
สุวรรณเต๊ะท่า “พอใจรึยังแม่ หนูจะได้ไปเชียร์พ่อซะที”
เวียงเดินมาหาสุวรรณ เธอถลึงตามองลูกชายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะดึงหมวกและผ้าพันคอเขวี้ยงทิ้ง
“นุ่งขาวห่มขาว ห้ามมีสีอื่นเจือปนเด็ดขาด ไหนเสื้อกล้ามสีขาวรึเปล่า” เวียงแหวกคอเสื้อสุวรรณดู
“ขาวแม่...ขาว”
“กางเกงในล่ะ”
เวียงดึงขอบกางเกงสุวรรณลงจนเห็นกางเกงในลายการ์ตูนเบนเท็นสีเขียวแป๊ด
เวียงเสียงแข็ง “ไปถอดออกเดี๋ยวนี้!! แล้วหาสีขาวมาใส่เลยนะ!”
“กางเกงในสีขาวใส่ซ้ำมาหลายวันแล้วนะแม่ ใส่จนเหลืองแล้ว เหลือตัวนี้ตัวเดียว!”
เสมอใจเดินถือถาดอาหารเข้ามาพอเห็นกางเกงในสุวรรณเธอก็ปากคอสั่นแต่ตาลุกวาว
“ถ้าไม่มีสีขาว ก็ไม่ต้องใส่ !!” เวียงว่า
“เดี๋ยวเป็นไส้เลื่อนนะแม่”
“ก็ยังดีกว่าโดนผีกินไส้ล่ะวะ” เวียงรีบเอามือปิดปากที่เผลอหลุดพูดถึงผีแม่ม่ายออกไป
“อะไรกินไส้นะ”
เวียงคิดหาทางออก เธอหันไปมองเสมอใจ สุวรรณเลยเข้าใจผิด
“อ๋อ...นังเหมอนี่เอง มองข้าตาเป็นมันยังกะจะเข้ามากินไส้กินตับเลยนะ ไม่ได้แอ้มหรอกโว้ย”
สุวรรณดึงกางเกงกลับเข้าที่
เสมอใจพูดกลบเกลื่อน “ทำบุญกลับได้บาป ข้าอุตส่าห์ทำอาหารเจมาให้กิน”
สุวรรณงอแงเหมือนเด็ก “อะไร...เต้าหู้ทอด เต้าหู้ผัด แกงจืดเต้าหู้...โอ๊ย กินแต่เต้าหู้ๆๆ มาสามวันแล้วนะ กินจนเหยี่ยวเป็นเต้าหู้ ขี้เป็นกากถั่วเหลืองหมดแล้ว เมื่อไหร่จะพอซะที”
“ไม่พอ ต่อให้เอ็งกลายเป็นถั่วเหลือง เอ็งก็ต้องกิน เข้าใจมั้ย!”
เวียงเสียงดังใส่จนสุวรรณจ๋อย สุวรรณต้องนั่งลงตักข้าวกินกับเมนูเต้าหู้อย่างเซ็งๆ
จินตวัฒน์และนายอำเภอไพศาลยืนรับไหว้ผู้ใหญ่บ้านที่ทยอยเข้ามาทักทายหน้าห้องประชุมของอำเภอฯ
“สวัสดีครับ...เชิญครับเชิญ”
ผู้ใหญ่บ้านไฝ ผู้ใหญ่บ้านเดช ผู้ใหญ่บ้านวงศ์ และผู้ใหญ่บ้านลีทักทายนายอำเภอและจินตวัฒน์ แล้วเดินเข้าห้องประชุม หลวงตาคงเดินเข้ามาและกำลังจะยกมือไหว้นายอำเภอ แต่ผู้ใหญ่ผันเดินแซงขึ้นมายกมือไหว้ราวกับสส.
“สวัสดีครับท่าน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน แหม...ราศีจับจนรัศมีแผ่ออกมาเลยครับ สงสัยจะได้เลื่อนเป็นผู้ว่าเร็วๆนี้”
หลวงตาคงแซว “ตำแหน่งกำนันมารำไรแล้วเน้อ”
ผู้ใหญ่หาญเดินดมยาพ่นขยายปอดเข้ามาแบบเซนิดๆ จินตวัฒน์หันไปเห็นก็เดินเข้าไปช่วย แต่ผันไวกว่ารีบเบียดเข้าไปช่วยพยุงทันที หลวงตาคงแบะปาก
“เอ็งนี่มันดื้อ ข้าบอกจะไปรับก็ไม่ยอม สุขภาพยิ่งไม่ดีอยู่” ผันว่า
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องห่วง เดินเองได้” หาญบอก
“ให้มันประคองซะหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ อุตส่าห์เสนอตัวมาเป็นขาที่สามที่สี่ให้แล้ว” หลวงตาคงกัด
ผันหันมาตีหน้ายักษ์ใส่หลวงตาคงที่พูดเสียดสี หาญเดินมาไหว้ทักทายนายอำเภอและปลัดจินตวัฒน์
“ขนาดไม่สบายยังอุตส่าห์มา สปิริตแรงสมกับเป็นคนดอนล้อมเก้งจริงๆ” ไพศาลชม
“ยังไงก็ต้องมาครับ เพื่ออนาคตของคนดอนพัฒนา” หาญบอก
“เรียนเชิญผู้ใหญ่ทุกท่านในห้องประชุมเลยครับ เราจะได้เริ่มเลือกกำนันกันเลย” จินตวัฒน์พูด
ผันช่วยประคองหาญเข้าห้อง ส่วนหลวงตาคงที่เดินตามหลังได้แต่หมั่นไส้ จินตวัฒน์มองตามรู้สึกขำ
ทุกคนนั่งประจำที่ซึ่งแบ่งเป็นสองฟาก โดยมีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ 3 คนเป็นกรรมการ หนึ่งในนั้นมีจินตวัฒน์รวมอยู่ด้วย
ด้านขวามือนายอำเภอ คือผัน ถัดจากผันคือไฝ เดช และหาญ ทางด้านซ้ายเป็นหลวงตาคง ถัดจากหลวงตาคงก็มีลี และวงศ์
นายอำเภอกล่าว “ครบองค์ประชุมแล้ว ก็มาเลือกกำนันตำบลดอนพัฒนาคนใหม่กันเลยนะครับ”
กำจรนำบัตรเลือกตั้งมาแจกผู้ใหญ่บ้านจนครบทุกคน
“ขอให้ผู้ใหญ่ทุกท่านเขียนชื่อบุคคลที่ท่านต้องการให้ดำรงตำแหน่งกำนันลงในบัตรที่เจ้าหน้าที่แจกให้ และเพื่อความโปร่งใส ขอให้ทุกท่านลงชื่อของท่านเองกำกับไว้ด้วย เวลาที่ผมประกาศ ทุกคนจะได้ทราบว่า ท่านใด เลือกใคร” จินตวัฒน์บอก
ผันกระหยิ่มยิ้มย่องใส่หลวงตาคง หลวงตาคงยิ้มกวนๆให้ผัน ทุกคนก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อคนที่ตัวเองเลือกลงกระดาษ วงศ์หันมามองหน้าผัน ผันยิ้มสบายใจแล้วพยักหน้าให้วงศ์เพราะมั่นใจว่าวงศ์เขียนชื่อตัวเองแน่ๆ
เหตุการณ์ในอดีต เวียงโผเข้ามาหาวงศ์ด้วยสีหน้าเครียด คิ้วขมวด และมุมปากย่น
“ดวงพี่วงศ์กับพี่ผัน ลัคนาสถิตอยู่ธาตุไฟทั้งคู่ อาทิตย์โคจรทับกัน อยู่ใกล้กัน เมื่อไหร่ จะตกเลขมรณะ รัศมีเผากันวอดวาย”
“แล้วเอ็งจะให้ข้าทำยังไง” วงศ์ถาม
“ต้องทำเป็นปฏิปักษ์กัน เป็นศัตรูกัน ถึงจะรอดทั้งคู่”
“หมายความว่า...ตอนเลือก...กำนัน...”
เวียงขานตอบ “จ้ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน...เฮ้อ...ข้าล่ะโล่งอก”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต วงศ์ก็มองคงแล้วตัดสินใจแน่วแน่ก่อนจะก้มหน้าเขียนชื่อลงกระดาษ หาญนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะเขียนชื่อลงไปด้วยมือสั่นๆ
หาญเขียนข้อความ “ผู้ใหญ่หาญ เลือก ผู้ใหญ่...”
สุวรรณ แหลม และกรอดตีตะโพน ฉิ่ง ฉาบ ร่วมกับพวกแตรวงที่จ้างมาเป็นที่สนุกสนาน ชาวบ้านที่ถูกจ้างมาประมาณ 20 คนพากันร่ายรำและเต้นอย่างเมามัน เวียง บุญปลีก บุญปลอด ไสวและบรรดาเมียๆใส่เสื้อผ้ามาแบบจัดเต็ม ทุกคนตีกระบัง มวยผมติดช่อดอกไม้ ถือพวงมาลัยดอกดาวเรือง เตรียมเป็นคุณนายกำนันกันอย่างเต็มที่
เสมอใจยืนถือป้ายเชียร์ “ผู้ใหญ่ผันสู้ๆ” ชาวบ้านถือป้าย “กำนันผันจงเจริญ” “ขอแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่ผันที่ได้รับตำแหน่งกำนันคนใหม่ของดอนพัฒนา”
จินตวัฒน์ยกกล่องกระดาษที่อยู่ในมือขึ้นมาแล้วประกาศ
“เมื่อลงคะแนนกันเรียบร้อยแล้ว ผมขออนุญาตประกาศคะแนนของทุกท่านเลยนะครับ”
จินตวัฒน์หยิบบัตรเลือกตั้งแผ่นแรกในกล่องขึ้นมาประกาศ
“ผู้ใหญ่ผัน เลือก ผู้ใหญ่ผัน”
กำจรเขียนบนกระดานว่าผู้ใหญ่ผัน 1 คะแนน
ผันกระหยิ่มยิ้มแล้วหันไปเลิกคิ้วกวนๆใส่หลวงตาคง
จินตวัฒน์หยิบบัตรแผ่นที่2 “ผู้ใหญ่คง เลือก ผู้ใหญ่คง”
กำจรเขียนบนกระดานว่าผู้ใหญ่คง 1 คะแนน
จินตวัฒน์หยิบบัตรแผ่นที่3 “ผู้ใหญ่ไฝ เลือก ผู้ใหญ่ผัน”
กำจรเพิ่มคะแนนให้ผู้ใหญ่ผันเป็น 2 คะแนน
จินตวัฒน์หยิบบัตรแผ่นที่4 “ผู้ใหญ่ลี เลือก ผู้ใหญ่คง”
กำจรเพิ่มคะแนนผู้ใหญ่คง 2 คะแนน
หาญยกยาพ่นขึ้นมาพ่นตลอดเวลาที่มีการนับคะแนน
จินตวัฒน์หยิบบัตรแผ่นที่5 “ผู้ใหญ่เดช เลือก ผู้ใหญ่ผัน”
ผันเผลอดีใจกระโดดจนตัวลอย
“เย้!!! ชนะแล้วเว้ย!”
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” หลวงตาคงบอก
“อีกแค่คะแนนเดียวเท่านั้นละเว้ย ใช่มั้ยผู้ใหญ่วงศ์” ผันหันไปถาม
วงศ์ยิ้ม
จินตวัฒน์หยิบบัตรแผ่นที่6 “ผู้ใหญ่วงศ์ เลือก ผู้ใหญ่...”
ผันตะโกนเชียร์ตัวเองดังลั่น “ผันๆๆๆ”
“ผู้ใหญ่คงครับ” จินตวัฒน์แอบใจชื้น
ผันตาลุกแล้วหันไปทางวงศ์อย่างไม่เชื่อหูและตาตัวเอง หลวงตาคงหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ
ทุกคนฮือฮา “สามต่อสาม”
หาญสูดยาพ่นแล้วสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว จินตวัฒน์เหลือบมองหาญเล็กน้อยในขณะที่ทุกคนกำลังลุ้นกับคะแนนสุดท้ายเต็มที่
อีกฟากของตึก ดาวเรืองนำทัพ โดยมีบานชื่น เพี้ยน และชาวบ้านดอนล้อมช้างประมาณ 20 คน ชูป้ายผ้าที่เขียนเอง “ขอแสดงความยินดีกับกำนันคง คนดีศรีดอนพัฒนา ที่ได้เป็นกำนันคนใหม่ในวันนี้” ทีมของดาวเรืองใช้หม้อ กระทะ ตะหลิว จาน ชามตีเป็นจังหวะสนุกสนานและเป็นต้นเสียงนำพวกชาวบ้านรำเซิ้งเข้ามาเจอกับกองเชียร์ของสุวรรณที่หน้าอำเภอ
“ผู้ใหญ่คงสู้ๆ ผู้ใหญ่คงสู้ตาย ผู้ใหญ่คงไว้ลาย สู้ตายผู้ใหญ่คง!!”
“ผู้ใหญ่ผันสู้ๆ ผู้ใหญ่ผันสู้ตาย ผู้ใหญ่ผันไว้ลาย สู้ตายผู้ใหญ่ผัน!!”
สุวรรณขยับเข้ามาหาดาวเรือง
“เผื่อใจไว้ร้องไห้กลับบ้านบ้างนะเว้ยไอ้เรือง !!” สุวรรณว่า
“เอ็งก็เหมือนกัน นุ่งขาวห่มขาวมาซะขนาดนี้ ไม่ยกธงขาวมาด้วยเลยล่ะ 555” ดาวเรืองสวนสุวรรณฮึดฮัดใส่เวียง “เห็นมั้ยล่ะแม่ หนูบอกแล้วว่าไม่อยากใส่สีนี้ๆ แม่ก็บังคับหนูอยู่นั่นล่ะ!!”
จินตวัฒน์หยิบบัตรใบสุดท้ายขึ้นมาชูเหนือศีรษะ
“บัตรใบสุดท้ายซึ่งเป็นของผู้ใหญ่หาญจะเป็นคะแนนตัดสินนะครับ ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นกำนันคนต่อไปของตำบลดอนพัฒนา” จินตวัฒน์อ่าน “ผู้ใหญ่หาญเลือกผู้ใหญ่...”
ทุกคนลุ้น โดยเฉพาะผันกับคง จินตวัฒน์มองชื่อในบัตรแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากถามหาญ
“ผู้ใหญ่หาญครับ...”
หาญมองจินตวัฒน์แล้วสูดยาดมฟืดใหญ่ก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
จินตวัฒน์ตกใจ “ผู้ใหญ่หาญ!!”
ทุกคนกรูไปหาหาญ
“พาผู้ใหญ่หาญไปโรงพยาบาล” ไพศาลบอก
ผันวิ่งมาหาจินตวัฒน์ที่ยังกำบัตรใบนั้นอยู่แล้วจะคว้ามาดูซะให้ได้ แต่จินตวัฒน์ใจจดจ่ออยู่กับหาญและช่วยกำจรนำหาญออกจากห้องประชุม
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเรือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
“ปลัดครับปลัด” ผันเรียก
“เหมือนปลัดจะพูดว่า คง ว่ามั้ยไอ้ลี ไอ้วงศ์” หลวงตาคงถาม
ลีกับวงศ์พยักหน้าเออออ “อืม”
“อย่ามามั่ว หลักฐานมันอยู่ในมือปลัดโว้ย ไปดูให้เห็นกับตา” ผันว่า
ผู้ใหญ่ทั้งหกวิ่งกรูตามออกไป
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายเงียบลงทันทีเมื่อทุกคนเห็นกำจรและเจ้าหน้าที่ช่วยกันหิ้วปีกหาญออกมาจากอำเภอ จินตวัฒน์ ไพศาล และผู้ใหญ่บ้านทั้งหกเดินตามผ่านหน้ากองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายไป
กำจรและเจ้าหน้าที่พาหาญขึ้นรถกระบะแล้วขับออกไป ดาวเรืองกับทีมเชียร์วิ่งมาที่กลุ่มของจินตวัฒน์ที่ยืนส่งรถกระบะอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอปลัด” ดาวเรืองถาม
สุวรรณและทีมเชียร์รวมทั้งแม่ๆวิ่งถือพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาหาผันและถามกันอย่างแตกตื่น
“ใครตายพ่อ ใครตาย!!” สุวรรณถาม
“ไอ้วรรณ ปากเสีย” ผันว่า
“ผู้ใหญ่หาญไม่สบายน่ะ” ไพศาลบอก
ไสวพูดเสียงดัง “ผู้ใหญ่หาญไปสบาย!!”
ทุกคนพูดแก้ “ไม่สบาย!!”
จินตวัฒน์พูดต่อ “แล้วก็ไม่มีใครตายครับ”
“แล้วใครได้เป็นกำนัน” เวียงถาม
“ก็ใครล่ะที่รัศมีจับที่สุดในนี้ ถ้าไม่ใช่...” บุญปลีกมองผันด้วยแววตาวิบวับ
บานชื่นพูดแทรก “ผู้ใหญ่คง!”
เมียๆ ของผันสวน “ผู้ใหญ่ผัน!”
กองเชียร์สองฝ่ายต่างขานชื่อคนที่ตัวเองสนับสนุน
“ผู้ใหญ่คงๆๆๆๆ / ผู้ใหญ่ผันๆๆๆๆ”
ดาวเรืองตีหม้อเสียงดัง “กรุณาอยู่ในความสงบ แล้วฟังนายอำเภอพูด”
“ขอบใจมากดาวเรือง ประกาศเลยปลัด” ไพศาลกล่าว
“ยังประกาศไม่ได้ครับ คือ...มันเป็นอย่างนี้ครับ ผู้ใหญ่หาญเขียนยังไม่เสร็จ มันมีแต่หัว แล้วก็มีหางลากลงมาแค่นี้ครับ” จินตวัฒน์โชว์บัตรคะแนนให้ทุกคนดู
ทุกคนร้องพร้อมกัน “อ้าว !!!”
ผันกับหลวงตาคงร้องเสียงหลง “เฮ้ย !!!”
“ผ ผึ้ง...ผู้ใหญ่หาญกำลังจะเขียน ผ ผึ้ง...นี่ไง...ชัดเลย” สุวรรณบอก
“ค ควาย เว้ย...ไอ้พวกเรียนตกซ้ำชั้น เขียนอ่านภาษาไทยไม่แตกก็งี้แหละ” ดาวเรืองว่า
ฝ่ายผันพูด “ผ ผึ้ง!”
ฝ่ายหลวงตาคงค้าน “ค ควาย!”
“ผ ผึ้ง!”
“ค ควาย!”
“ผ ผึ้ง!”
“ค ควาย!”
ไพศาลเบรค “พอ พอ พอ!!”
ทุกคนหยุดพูดแต่ยังชักสีหน้าและเข่นเขี้ยวใส่กัน
“เอาเป็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้ถือเป็นโมฆะ เพราะเสียงเท่ากัน เสียงสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วผู้ใหญ่หาญไม่สบายแบบนี้ แกอาจจะไม่มีสติสัมปชัญญะก็ได้ สรุปก็คือ เราจะมาเลือกกำนันกันใหม่อาทิตย์หน้า ตกลงตามนี้นะครับ”
เสียงอื้ออึงแตกหือขึ้นมา ดาวเรืองกับจินตวัฒน์สบตากันเล็กน้อยก่อนที่จินตวัฒน์จะเดินตามไพศาลไป
“ไอ้หาญมันเลือกข้าชัวร์!!” ผันว่า
“ไอ้หาญเลือกใครข้าไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ไอ้วงศ์ญาติเอ็งเลือกข้า 555” หลวงตาคงเย้ย
สุวรรณ แหลม และกรอดขานรับ “ฮิ้ว”
“ฮิ้วหาพ่อมึงเหรอ!” ผันว่า
สุวรรณ แหลม และกรอดหัวหด ในขณะที่เวียงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผันเดินฟึดฟัดออกไป บรรดาเมียๆเดินตามเป็นแถว โดยที่เสมอใจ สุวรรณ แหลม และกรอดเดินทิ้งท้ายขบวน
ชาวบ้านคนหนึ่งร้องทัก “เฮ้ย!!! พ่อสุวรรณ จะรีบไปไหนล่ะ อุตส่าห์แหกปากตะโกน เอาเงินมาจ่ายก่อนสิเว้ย!”
พวกชาวบ้านวิ่งกรูไปขอเงินสุวรรณ ดาวเรือง บานชื่น เพี้ยน และหลวงตาคงหัวเราะสุวรรณ แหลม และกรอดที่ต้องช่วยกันแจกเงินค่าจ้างให้ชาวบ้านที่มาเป็นกองเชียร์
ผันตบหน้าขาตัวเองด้วยอารมณ์ที่บูดสุดๆ
“บอกพี่มา แม่เวียงไปคุยกับไอ้วงศ์มันยังไง มันถึงไปถือข้างไอ้คง”
เวียงอึกอัก “คือ...ฉัน...”
“เสียชื่อมันไม่เท่าไหร่ แต่มันขายหน้า พี่เขยตัวเองแท้ๆ แต่กลับไปลงคะแนนให้ศัตรู” ผันบอก
“เอ่อ...คือ...พี่วงศ์เขาคง....มีเหตุผลน่ะพี่ผัน” เวียงแก้ตัว
บุญปลอดถาม “เหตุผลอะไรจ๊ะ”
“ฉัน...ฉันพูดไม่ได้” เวียงบอก
“ใครมารูดซิปปากพี่เวียงรึไง ทำไมถึงพูดไม่ได้” บุญปลีกสงสัย
“ฉันพูดได้คำเดียวว่าฉันรักพี่” เวียงบอก
“รัก แต่ปล่อยให้ผู้ใหญ่วงศ์เลือกหลวงตาคง มันยังไงกันแน่นังเวียง” ไสวถาม
“ฉัน...ฉันบอกไม่ได้”
สุวรรณงง “มันเรื่องอะไรกันล่ะแม่ ทำไมถึงพูดไม่ได้ นี่ถ้าลุงวงศ์เลือกพ่อ ก็จบเรื่องไปแล้ว”
เวียงตวาด “บอกไม่ได้ก็บอกไม่ได้สิวะ!” เวียงหันมาทางสุวรรณ “ถอดเสื้อออก!”
สุวรรณตกใจจนผงะ เวียงเดินย่างสามขุมเข้ามาหา
“หนูพูดแค่นี้ อย่าถึงขนาดจับเฆี่ยนจับโบยกันเลยนะแม่”
“ไอ้แหลม ไอ้กรอด ถอดเสื้อไอ้หนูวรรณซิ” เวียงสั่ง
ทั้งสองคนเข้ามาถอดเสื้อสุวรรณ เวียงเดินมาสำรวจที่แผ่นหลังก็เห็นหัวใจสีแดงจางลงไปเยอะ เวียงตาโต ทุกคนก็ตาโตด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเวียงถูกผีเข้า
เวียงนึกถึงตอนที่หลวงตาคงพูดกับเธอ
“ถ้าหัวใจที่หลังไอ้วรรณจาง ให้ระวังให้ดี ผีแม่ม่ายจะเปลี่ยนตัว จากลูกกลายเป็นผัว อย่าแหกปากไป”
เวียงสติแตก “กรี๊ด”
“เป็นอะไรน้าเวียง” เสมอใจถาม
“ฉันบอกไม่ได้ ๆๆๆ” เวียงยืนยัน
เวียงวิ่งแบบสติแตกเข้าห้องไปแล้วขังตัวเอง
ไสวได้ทีก็รีบเสี้ยม “สงสัยจะเห็นใจกิ๊กเก่า มันน่าคิดนะพี่ผัน”
“โอ๊ย กูอยากจะบ้า!” ผันว่า
“อย่าเพิ่งบ้าพ่อ เขาห้ามคนบ้าเป็นกำนัน ใจเย็นๆ เชื่อลูก แล้วดีเอง”
พูดจบ สุวรรณก็มีสายตาแน่วแน่
ดาวเรืองเดินไปเดินมาผ่านหน้าบานชื่น หลวงตาคง และเพี้ยน
“ตัวแปรสำคัญก็คือผู้ใหญ่หาญ” ดาวเรืองบอก
หลวงตาคงเห็นด้วย “ถูก”
“ถ้าเราอยากชนะ เราต้องซื้อใจผู้ใหญ่หาญให้ได้” ดาวเรืองว่า
“พูดอีกก็ถูกอีก แต่มันจะยากก็ตรงที่ข้าไม่ได้มั่งมีเหมือนไอ้ผัน จะเอาที่ไหนไปให้มัน”
“เครื่องรางของขลังล่ะหลวงตา มีเป็นหีบๆ แบ่งไปสักองค์สององค์สิ”
รถของจินตวัฒน์แล่นเข้ามาจอด จินตวัฒน์ลงจากรถแล้วเดินเข้ามา
“กำลังปรึกษางานกันอยู่เหรอครับ มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
ดาวเรืองประชด “ข้าราชการที่วางตัวเป็นกลาง ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“แต่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายได้นะ” จินตวัฒน์บอก
บานชื่นยิ้มต้อนรับ “ไปไหนมาคะคุณปลัด”
“ไปเยี่ยมผู้ใหญ่หาญมาครับ แกความดันขึ้น แถมโรคหืดหอบยังกำเริบอีก โชคไม่ดี มาป่วยเอาช่วงใกล้วันเกิดแบบนี้”
ดาวเรืองตาวาวเพราะเริ่มเห็นทางสว่าง “แหม...คนที่วางตัวเป็นกลางนี่ช่วยได้เยอะเหมือนกันแฮะ”
จินตวัฒน์เอ๋อ “ช่วยอะไร”
ดาวเรืองเลิกคิ้วกวนๆ แล้วทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง
ผันยืนนอบน้อมต่อหน้ากำพล
“ไอ้ไฝมันมากระซิบบอกผมว่าวันพุธที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดผู้ใหญ่หาญครับ” ผันบอก
กำพลหัวเราะ “แล้วจะรออะไรล่ะผู้ใหญ่ รีบไปเตรียมจัดงานวันเกิดให้เขาสิ จ้างวงดนตรีมาเลย”
“แต่จัดงานใหญ่ขนาดนั้น ต้องใช้ทุนมากเหมือนกันนะครับ”
“โธ่!!! จะกี่หมื่นกี่แสนกันเชียว บอกแล้วไงฉันออกให้ก่อน ไม่คิดดอก เดี๋ยวพอผู้ใหญ่ได้ตำแหน่งค่อยว่ากัน”
ผันยิ้มสบายใจ “ครับเสี่ย”
เพี้ยนเดินออกมาจากโรงเรียนแล้ววิ่งมาหาดาวเรืองที่จอดมอเตอร์ไซค์รออยู่หน้าโรงเรียน
เพี้ยนพูดโดยยังไม่ทันขึ้นรถ “พี่เรือง ไอ้แกละหลานผู้ใหญ่หาญที่เรียนห้องเดียวกับฉัน มันมาคุยฟุ้งให้ฟังว่าไอ้พี่วรรณจะเอาวงจ้ำบ๊ะมาแสดงในงานวันเกิดลุงมัน”
“จริงหรือวะ”
“จริงสิพี่...แล้วพี่เรืองจะเอายังล่ะ เราคงไม่มีปัญญาไปจ้างวงดนตรีอีกวงมาประชันกับมันหรอกใช่มะ”
“แล้วเอ็งรู้มั้ยว่ามันไปจ้างวงอะไรมา” ดาวเรืองถาม
“ก็วงไอ้ม่วงไงพี่”
“ไอ้ม่วงไหน”
“ก็ไอ้ม่วงที่มันตกซ้ำชั้น...ที่พี่ให้มันลอกข้อสอบไง ไอ้คนที่มันมอเตอร์ไซค์คว่ำ แล้วไม่มีใครช่วย จนพี่ขี่รถผ่านไปเจอ เลยพามันส่งโรงพยาบาล แล้วพี่ว่าไส้มันหลุดออกมาจากท้องเลือดท่วมตัว กลิ่นคาวงี้หึ่ง”
“เออ จำได้แล้ว พอๆๆๆ”
กำจรโผล่มาตรงหน้า
“พออะไรไอ้เรือง!!!”
ดาวเรืองยิ้มกริ่ม “แหม...นึกถึงไก่ ไก่ก็มาเลยนะ”
ดาวเรืองยิ้มอย่างมีเลศนัย
หาญกางแขนกอดกับผันหน้าทางเข้างานเลี้ยง
“ขอบใจมากนะ ที่อุตส่าห์จ้างวงดนตรีมาให้ สมกับที่เขาร่ำลือจริงๆว่าผันใจนักเลง” หาญพูด
“วันเกิดเพื่อนทั้งที จัดให้น้อยกว่านี้ได้ยังไง” ผันบอก
สุวรรณกระซิบกระซาบ “วงนี้เด็ดสุดแล้วลุงหาญ สาวๆแต่ละคน เอวเป็นเอว อกเป็นอก”
จินตวัฒน์เดินถือกระเช้าผลไม้เข้ามาในงาน
จินตวัฒน์ยื่นกระเช้าให้ “ผมเป็นตัวแทนของอำเภอครับ ขอให้ผู้ใหญ่สุขภาพดีและหายป่วยไวๆนะครับ”
“ขอบคุณมากครับคุณปลัด เชิญตามสบายนะครับ”
บุญปลีกเดินเข้ามาสะกิดผัน
“พี่ผัน ผู้จัดการวงขอเงินมัดจำน่ะ”
“ไปเอาที่ไอ้วรรณโน่น ข้าไม่เกี่ยว ข้าไม่ยุ่งเรื่องเงิน” ผันปัด
ผันขยิบตาส่งซิกให้สุวรรณ สุวรรณรีบเดินออกไปกับบุญปลีก
ผันพูดกับจินตวัฒน์ “ช่วงนี้ ผมเคร่งครัดเรื่องเงินแล้วก็เรื่องของฝากของกำนัลที่จะให้พวกผู้ใหญ่ด้วยกันเป็นพิเศษ ไม่ใช่อะไร อยากจะให้ทุกอย่างโปร่งใส ไม่ผิดกฎหมายน่ะครับ”
เสียงดาวเรืองดังเข้ามา “เลยให้ไอ้วรรณออกหน้าแทนทุกอย่าง”
“คร้าบ...อุ๊ย!!!...ไม่ใช่ครับคุณปลัด”
ดาวเรือง หลวงตาคง และเพี้ยนเดินเข้ามา
“แล้วมันยังไงล่ะผู้ใหญ่ผัน ได้ข่าวว่าลงทุนจ้างวงดนตรีมา” หลวงตาคงถาม
“ความคิดของไอ้วรรณล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับผมครับคุณปลัด” ผันว่า
“ความคิดของไอ้วรรณคนเดียว ไม่เกี่ยวกับคนเป็นพ่อ” ดาวเรืองทวนคำ
“ไม่เกี่ยวกับคนเป็นพ่อ งั้นเงินใคร” เพี้ยนถาม
ผันหลุด “เงินสะ... สะ..” ผันคิด “สุวรรณ ไอ้หนูสุวรรณลูกข้าไงวะ...พวกเอ็งอย่าพยายามดิสเครดิตข้าให้ยาก คิดจะล้มคนดี มันไม่ง่ายหรอกโว้ย”
“กล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนดีไม่มีเคอะเขิน ถ้าเอ็งเป็นคนดีนะไอ้ผัน ประเทศนี้ก็ไม่มีใครเลวแล้วล่ะว่ะ” หลวงตาคงว่า
“หน็อย เอ็งมันก็พวกมือถือสาก ปากถือศีลล่ะวะ ในกระเป๋าพกอะไรมากำนัลผู้ใหญ่หาญมั่ง กล้าให้คุณปลัดค้นมั้ยล่ะ”
หลวงตาคงกับผันชักสีหน้าใส่กันเหมือนจะวางมวย
จินตวัฒน์เข้ามาเบรก “เอาล่ะครับ เอาเป็นว่าผมเชื่อว่าทุกคนบริสุทธิ์ใจก็แล้วกันนะครับ”
ผันกับหลวงตาคงยุติการวางมวยชั่วคราว จินตวัฒน์ลอบมองดาวเรืองที่สีหน้ามีเลศนัยด้วยความสงสัยว่าดาวเรืองคิดทำอะไรบางอย่าง
สุวรรณยืนอยู่กลางเวที โดยมีแหลมและกรอดประกบซ้ายขวาเป็นรักยม
์กรอดลองเทสต์เสียงใส่ไมโครโฟน “โหล...โหล..โหล...ห้าโหลเท่ากับหกสิบ ห้าโหลหกสิบ” กรอดยื่นไมโครโฟนให้สุวรรณ “เสียงแจ๋วพี่”
“กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้อง” สุวรรณพูด “กระผมนายสุวรรณ ขยันสอย ขอเป็นตัวแทนพี่น้อง กล่าวคำอวยพรแด่ผู้ใหญ่หาญ เพื่อนรักของผู้ใหญ่ผัน ผู้ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมมาตลอดชีวิต ผู้ใหญ่ผันนั้นไม่เคยคิดคด คิดโกง คิดกิน คะ...” สุวรรณคิด
ดาวเรืองตะโกนสวน “คิดดี ทำดี”
ชาวบ้านหัวเราะ “555”
“คิดมิชอบโว้ย...ลูกบ้านถึงได้อยู่กันอย่างมีฟามสุข” สุวรณบอก
ดาวเรืองตะโกนขึ้นมา “เมื่อไหร่จะอวยกันเสร็จวะ อยากดูดนตรีแล้วเว้ย”
ชาวบ้านเออออกับดาวเรืองจึงพากันร้องโห่ใส่สุวรรณ
สุวรรณหน้าเสีย “กระผมในฐานะตัวแทนชาวดอนล้อมแรด ขอผูกสายสัมพันธ์กับชาวดอนล้อมเก้ง ร่วมมือร่วมใจกันทำให้ตำบลดอนพัฒนาของเราเจริญรุ่งเรืองเทียบเท่ากรุงเทพฯ ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก และมิลานสืบไป”
แหลมกับกรอดขานรับ “ฮิ้วว” แล้วทั้งสองก็ปรบมือนำพวกหน้าม้าที่จ้างมาจนเสียงดังเกรียวกราว
วงดนตรีบนเวทีเล่นเพลงจังหวะสนุกๆ สาวๆ ทยอยออกมาเต้นจ้ำบ๊ะหน้าเวที สุวรรณ แหลม และกรอดเริ่มเต้นอย่างเมามัน เพี้ยนซึ่งยืนอยู่กับดาวเรืองและกำจรพูดขึ้น
“ดอนพัฒนาจะดังขนาดนั้นเลยหรือพี่เรือง”
ดาวเรืองยิ้มมุมปาก “ดังหรือดับเดี๋ยวก็รู้...ไป น้าจร”
ดาวเรืองเดินออกไปกับกำจรทิ้งเพี้ยนที่ยืนดิ้นสะแด่วไว้ตรงนั้น
ผันและเมียๆ ที่นั่งอยู่หน้าเวทีลุกขึ้นเต้นบ้าง รำบ้าง
“มายืดกระดูกกันหน่อยผู้ใหญ่หาญ อะไรมันจะได้เด้งดึ๋งๆ” ผันชวน
“ไม่ล่ะ ไม่อยากสู้กับผันเมียสิบ เชิญเตะปี๊บตามสบาย” หาญบอก
หลวงตาคงด่าผัน “ชักดิ้นชักงอยังกะอยู่ในกระทะทองแดง นี่มันที่อโคจรชัดๆ”
หลวงตาคงถอนใจเฮือก ส่วนจินตวัฒน์ที่นั่งข้างๆ เหลียวซ้ายเหลียวขวาหาดาวเรืองไปทั่วก่อนจะค่อยๆปลีกตัวออกมา สุวรรณ แหลม และกรอดเต้นกระจาย
เพี้ยนหันมาขยิบตาให้หลวงตาคง หลวงตาคงกระแอมก่อนกระซิบหาญ
“ถ้าจะยุ่งแล้ว เมื่อกี้กุมารมากระซิบ ว่าเจ้าที่ท่านกริ้วที่เอาวงดนตรีจ้ำบ๊ะมาแสดง ผู้ใหญ่ได้จุดธูปขอขมารึยัง”
หาญมีสีหน้าไม่ดี “ยังเลย”
หาญพูดจบเครื่องเสียงบนเวทีก็ติดๆดับๆ ก่อนจะส่งเสียงดังหวีดหวิวเหมือนหมาหอนไปทั่ว ทุกคนตระหนกตกตื่นและหยุดการเคลื่อนไหว ผันและเมียๆก็หยุดเต้น
ผันได้โอกาสก็ประกาศเสียงดัง “ไฟตกน่ะพี่น้อง ถ้าข้าได้เป็นกำนันเมื่อไหร่ ปัญหานี้จะหมดไปอย่างแน่นอน”
เสียงเพี้ยนดังแทรกมา “โกหก!!”
ผู้ชมแตกฮือแล้วแหวกเป็นวง เพี้ยนนั่งตัวสั่นกึกๆๆๆเป็นเจ้าเข้าอยู่กลางวง
เพี้ยนพูดเสียงห้าวเหมือนคนแก่ “ไอ้ผัน!!! ไอ้ลูกอกตัญญู!!”
“ไอ้เพี้ยน!!! ไอ้เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!!” ผันว่า
“เอ็งคิดจะก่อกวนเหรอไอ้เพี้ยน แผนสูงจริงนะ ไปเรียกลูกพี่เอ็งมา” สุวรรณบอก
กรอดสังเกต “ตัวสั่นอย่างกับผีเข้า”
“เสียงก็ไม่เหมือนไอ้เพี้ยน” แหลมบอก
เพี้ยนเสียงดังลั่น “ข้าไม่ได้ชื่อเพี้ยน!!”
ทุกคนพูดพร้อมกัน “เฮ้ย!!! ผีเข้าไอ้เพี้ยน!!”
หลวงตาคงเดินเข้ามาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาแกล้งทำเป็นนั่งลงแล้วยกมือไหว้ท่วมหัว
“นึกว่าใคร ที่แท้ ก็บรรพบุรุษไอ้ผัน หวัดดีจ้ะ”
“ใครน่ะหลวงพี่” เวียงถาม
“ตาผูก” หลวงตาคงบอก
“ข้ามาจัดการไอ้ลูกไม่รักดี ที่ชอบสร้างความเสียหายให้วงศ์ตระกูล” เพี้ยนว่า
“หน็อยไอ้เพี้ยน อย่ามาหลอกด่าข้าฟรีๆ นะเว้ย...เดี๋ยวพ่อเพ่นกะบาลแหก” ผันฉุน
บุญปลอดยกมือไหว้ “พุทโธ...พุทธัง...จนป่านนี้ ยังไม่ได้ไปเกิดอีกนะจ๊ะ”
“ไม่เชื่อโว้ย ไอ้เด็กผี ไหนวะ ลูกพี่เอ็ง มัวมุดหัวอยู่ที่ไหน ออกมาเจรจากันซะดีๆ ไม่งั้นมีเรื่อง...ไอ้เรือง ไอ้เรืองโว้ย” สุวรรณตะโกนเรียก
เพี้ยนหัวเราะคล้ายเสียงคนแก่แล้วตวาด “เอ็งจะลองดีกะข้าใช่มั้ยไอ้หลานชั่ว แล้วเอ็งจะได้เห็นฤทธิ์เดชของข้า...ไอ้สีนิลล!!”
เสียงซาวด์แอฟเฟ็คแมวครางดังกระหึ่มขึ้น ทันใดนั้นแมวดำก็วิ่งทะยานมาจากไหนไม่มีใครรู้แต่มาหยุดกึกอยู่ตรงหน้าเพี้ยน ผันสะดุ้งโหยง ทุกคนพากันฮือฮา จากนั้นเจ้าแมวดำก็เข้าไปเลียมือเพี้ยน เหมือนสนิทสนมกันมานาน
เวียงกอดผันกลม “ไอ้สีนิลอะไรพี่ผัน”
ผันตัวสั่น “แมวพ่อพี่ มันชื่อไอ้สีนิล พี่เป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง แล้ว...แล้วมันก็ชอบเลียมือพ่อพี่ บะ...แบบนี้ไม่มีผิด!”
จินตวัฒน์มองดาวเรืองจากทางด้านหลังก็เห็นดาวเรืองกำลังหัวเราะอยู่
“แม่ไอ้สีนิลอยู่นี่เอง”
ดาวเรืองสะดุ้ง “ปัดโธ่!!! ตกใจหมด นี่ถ้าหันมาโดดถีบ จะมาเอาความกันไม่ได้นะ”
“ซ้อมนานมั้ย คิวปล่อยแมวเนี่ยะ” จินตวัฒน์ถาม
ดาวเรืองเผลอหลุด “ก็ 2-3 วัน...เอ๊ย!!!...จะไปรู้ได้ไง แมวใครก็ไม่รู้”
“เอ...ทำไมมันถึงเลียมือเจ้าเพี้ยนเพลินขนาดนั้น”
ดาวเรืองหลุดอีก “ไม่เพลินได้ไง...ไอ้เพี้ยนเอาปลาทูทอดถูมือร่วมชั่วโมง เดี๋ยวพอหมดกลิ่น มันก็เลิกเลียเองแหละ 555”
จินตวัฒน์ยิ้ม “งั้นเหรอ”
ดาวเรืองสบตาจินตวัฒน์แล้วยิ้มแหะๆ เพราะรู้ตัวว่าเผลอพูดความลับออกไปเยอะเลย
สุวรรณคลางแคลงใจ เขากลัวแต่ไม่อยากเสียหน้า
“แค่แมวดำตัวเดียว “ข้าต้องเรียกเอ็งว่าปู่” มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอไอ้เพี้ยน”
เพี้ยนหัวเราะในลำคอ “หึๆ เอ็งท้าทายข้าเหรอไอ้หลานเนรคุณ !”
กำจรสับคัทเอ๊าท์ ไฟทั่วบริเวณดับพรึบ ชาวบ้านฮือฮาและหวาดกลัวจนขนลุก สุวรรณ แหลม และกรอดผวากอดกันกลมดิก เมียๆผู้ใหญ่ผันกรี๊ดกร๊าด
“เอ็งจำไอ้ผูกพ่อไอ้ผันได้รึยังไอ้วรรณ!!! ข้าจะได้กลายร่างให้สูงเท่าต้นตาล แล้วหักคอพวกเอ็งพร้อมกันซะเดี๋ยวนี้!”
เสียงหมาหอน เสียงลมพัดหวีดหวิวดังกังวานชวนให้ขนลุกขนพอง
ผันและเมียๆ นั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ตัวสั่นแล้วตะโกนลั่น
“เชื่อแล้วจ้ะพ่อจ๋า พอเถอะจ้ะ แค่นี้หนูก็กลัวขี้หดแล้ว” ผันบอก
เพี้ยนถาม “เชื่อแล้วเรอะ”
ผันกับเมียๆ ตอบพร้อมกัน “จ้า!”
เพี้ยนเรียกเสียงดัง “ไอ้วรรณ!!”
“ขอรับปู่” สุวรรณตอบรับ
วินาทีนั้น ไฟก็สว่างพรึ่บเหมือนเดิม ลมหยุดพัดหวีดหวิว เสียงหมาหอนเงียบหายเป็นปลิดทิ้ง ชาวบ้านต่างพากันเชื่อกันสนิทว่าผีตาผูกมาแสดงอภินิหารจริงๆ
เพี้ยนพูดต่อ “ที่ข้ามาเพราะมีเรื่องอยากเตือนเอ็ง...ไอ้ผัน ที่เอ็งกับลูกเมียอยู่สุขสบายทุกวันนี้ ก็เพราะสมบัติของไอ้คงกับพ่อมันทั้งนั้น แล้วเอ็งไปลบหลู่ดูถูกมันทำไมห๊า!”
ผันสะดุ้งโหยง “ลบหลู่อะไร ไม่เค๊ยไม่เคยจ้ะพ่อ”
“ยังจะเถียงอีก เอ็งนี่มันทรพี แทนที่จะตอบแทนบุญคุณ กลับระรานเขา คิดจะไปชนะคะคานคนดีมีศีลธรรมอย่างมัน เอ็งหยุดเลยนะ”
ผันถาม “หยุด แล้วจะได้เป็นกำนันเหรอจ๊ะ”
“ช่วยอย่างอื่นเถอะปู่” สุวรรณบอก
“อุวะ ชักโมโหแล้วนะเว้ย ข้าจะบอกให้นะไอ้ผัน คนจะเป็นผู้นำ ไม่ใช่จะมีแต่สมบัติพัสถานอย่างเดียว ต้องมีศีลธรรมจรรยาด้วย”
“หนูก็มี” ผันบอก
“แต่มันน้อย ถ้าเอ็งสำนึก ข้าจะได้ไปเกิดสักที ไม่ต้องมานั่งตามคันนา คอยชดใช้กรรมให้ไอ้คงมัน สาบานมาว่าพวกเอ็งจะช่วยไอ้คง”
เวียงกับบรรดาเมียๆ เร่งเร้า “สาบานสิพี่”
“จะดีหรือพ่อ” สุวรรณถาม
“รึเอ็งไม่อยากให้ข้าไปเกิด” เพี้ยนถาม
ผันยอม “ก็ได้จ้ะพ่อ หนูสาบาน”
“ถ้าไม่ทำตามคำพูด ขอให้เอ็งเกิดเป็นหอย ตายไปจะได้ไม่ต้องได้เงยหน้ารับส่วนบุญ ตามนั้นนะ...ข้าไปล่ะ”
พูดจบเพี้ยนก็ทำสะเทิ้นสั่นพรึ่บๆ คล้ายผีจะออกจากร่างแล้วหรี่ตาขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“อย่าลืมอุปการะไอ้เพี้ยนมันมั่งนะ ข้าจะเอามันเป็นร่างทรง ร้อยสองร้อยก็ยังดี”
แล้วเพี้ยนก็หงายหลังตึง หลวงตาคงจับตัวเพี้ยนแล้วบีบนวด
“ไอ้เพี้ยน ไอ้เพี้ยนโว้ย ลืมตาสิวะ”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเรือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เพี้ยนลืมตาแล้วทำหน้างง “อะไรเหรอหลวงตา งานเลิกแล้วเหรอ”
ชาวบ้านเชื่อเต็มที่จึงพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา
ผันมีสีหน้าไม่ดี “พ่อนะพ่อ ทำไมมาเอาตอนนี้”
“ทำไมต้องเข้าข้างหลวงตาคงด้วย” สุวรรณไม่เข้าใจ
ชาวบ้านจะทยอยกลับ หาญตั้งใจจะเข้าบ้าน
สุวรณรีบเบรก “เฮ้ย งานยังไม่เลิก อย่าเพิ่งไปกันจ้ะ มาสนุกกันต่อนะ วงดนตรี เล่นต่อเลย”
“ผู้ใหญ่หาญ มาดูสาวๆเต้นกันต่อเถอะ อยากฟังเพลงอะไรก็รีเควสต์มา” ผันบอก
“ข้าไม่ไหวแล้ว น้ำใจน่ะข้าเห็น แต่...” หาญแกล้งทำเป็นหน้ามืด “ข้าเพิ่งจะหายป่วย นั่งตากน้ำค้างนานๆไม่ไหว ขอตัวเข้าไปพักก่อนนะ ถ้าอยากสนุกกันต่อ ก็ตามสบาย ไม่ว่ากัน”
หาญเดินจากไป
“พับผ่าสิวะ สงสัยมันจะไม่ชอบวงนี้ รู้งี้จ้างโรส สุดาวดีมาโชว์ตัวก็ดี” ผันบอก
สุวรรณรู้สึกคลุมเครือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะยังไม่เชื่อเสียทีเดียว
หาญรู้สึกแน่นหน้าอกเพราะโรคหืดหอบกำเริบจึงรีบล้วงยาพ่นในกระเป๋าเสื้อ แต่เพราะมือสั่นจึงทำให้ยาหลุดมือ หาญมองหาที่พื้นก็เห็นยาพ่นกลิ้งไปใกล้เท้าดาวเรืองที่ก้าวเข้ามา ดาวเรืองก้มลงหยิบยาพ่นยื่นให้หาญ หาญรับยามาพ่นทันที สักครู่เขาจึงหายใจได้ดีขึ้น
หาญพูดแบบหอบนิดๆ “ขอบใจนะไอ้เรือง”
“อากาศบ้านเรามีแต่ฝุ่น เพราะรถขนซุงมันวิ่งทั้งวันทั้งคืน อย่าว่าแต่คนเป็นโรคหอบหืดอย่างผู้ใหญ่เลย เด็กอย่างฉันอย่างไอ้เพี้ยนก็คงเป็นโรคปอดเข้าสักวัน” ดาวเรืองเหล่ “นึกภาพคนดอนพัฒนาไอโขลกทั้งตำบลแล้วหดหู่ยังไงก็ไม่รู้” ดาวเรืองแกล้งไอโขลก
“เฮ้อ ปัญหารถขนซุง ข้าก็เคยคิด แต่จะทำยังไงได้ คนป่วยกระเสาะกระแสะเป็นไม้ซีกอย่างข้า จะไปงัดไม้ซุงอย่างไอ้พวกนายทุนได้ยังไง”
ดาวเรืองรู้สึกเข้าทาง “แหม..ฉันก็แอบเชียร์ผู้ใหญ่ให้ขึ้นเป็นกำนันอยู่ในใจ แต่ก็เข้าใจนะ..ถ้าใจสู้แต่ร่างกายไม่ไหว มันก็ทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ..แล้วจะมีใครกล้าชนกับไอ้พวกนั้นมั้ยล่ะเนี่ย”
หาญนิ่งคิด “นอกจากกำนันเทิ้มแล้วข้ามองไม่เห็นใคร นอกจาก...”
ดาวเรืองรีบพูดแทรกเพราะถ้าหาญหลุดคำว่า “ผัน” ออกมาก็จบข่าว
“แต่ก็คงพอมีล่ะนะ เพราะแม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่านอกจากผู้ใหญ่หาญที่ใจซื่อมือสะอาดแล้ว ก็ยังมีผู้ใหญ่อีกคนที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้ แม่เล่าด้วยว่าตอนหนุ่มๆ เขาเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาก่อน แต่เป็นได้ไม่กี่ปีก็ลาออกมาบวช ตอนนั้นฉันเด็กมากจำไม่ได้ว่าใคร” ดาวเรืองเหล่ “ผู้ใหญ่พอจะรู้มั้ยว่าคนที่แม่ฉันพูดถึงน่ะ..ใคร”
หาญรู้ทัน “ใบ้ซะขนาดนี้ ทำไมเอ็งไม่พูดซะเลยล่ะว่า “ไอ้คง”
ดาวเรืองหน้าแตกแต่กลบเกลื่อนว่องไว “แหะๆ ฉันไม่แน่ใจนี่นา แต่ก็เดาว่าน่าจะเป็นหลงตา”
“ปู่ย่าตายายข้าเกิดที่นี่..ตายที่นี่ ข้าเองก็เหมือนกัน ข้าไม่มีวันยอมให้ดอนพัฒนาเป็นฐานอำนาจให้คนชั่วหน้าไหนหรอก เอ็งไม่ต้องห่วง..ไอ้เรือง”
“ถ้างั้นผู้ใหญ่ก็รู้ใช่มั้ยว่าใครน่าจะปกป้องตำบลเราได้”
“เออ..ข้ารู้ตั้งนานแล้ว”
“หมายความว่า..ตัวอักษรที่ผู้ใหญ่เขียนไม่เสร็จวันนั้น มันคือตัว..” ดาวเรืองถามเองลุ้นเอง
หาญตอบ “ค ควาย”
ดาวเรืองกระโดดตัวลอย “เย้ๆๆๆ..ฉันล่ะดีใจแทนคนดอนล้อมเก้งจริงๆที่มีผู้ใหญ่บ้านสายตากว้างไกลอย่างนี้ ถึงสุขภาพจะไม่ดี แต่หัวใจของผู้ใหญ่น่ะเจ๋งที่สุดเลยจ้ะ”
ดาวเรืองไหว้ขอบคุณหาญ หาญตบไหล่ดาวเรืองอย่างเอ็นดู
ม่วงกับนักดนตรีกำลังเก็บเครื่องดนตรี ดาวเรืองเดินเข้ามาหาแล้วพูดกับม่วง
“ขอบใจนะที่ช่วย”
“ไม่เป็นไร ช่วยคนดี ได้บุญ อีกอย่าง เอ็งก็เคยช่วยข้ามาตั้งเยอะ ตั้งกะให้ลอกข้อสอบ เก็บไส้ เช็ดเลือด พาส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นหมาสักตัวยังไม่มอง” ม่วงเปรย
“คนจะตาย ไม่ช่วยได้ไงวะ” ดาวเรืองบอก
“ถ้าข้าไม่ช่วยเอ็ง คนดอนพัฒนาก็ตายเหมือนกัน”
ทั้งคู่ยิ้มเป็นมิตรให้กัน
“ไอ้เสียงหมาหอน ลมพัดหึ่ง เสียงโหยหวนเหมือนผีหลอก...ไปอัดมาจากไหนวะ” ดาวเรืองถาม
“รายการช็อคเรดิโอไง มีโหยหวนทุกรูปแบบ”
ทั้งคู่หัวเราะให้กัน
จินตวัฒน์ ดาวเรือง บ้านชื่น หลวงตาคง กำจร เพี้ยนชนแก้วโอเลี้ยงแล้วเฮลั่นร้าน
“ขอบใจนะน้าจร ที่เปิดปิดไฟตามคิวเป๊ะ” ดาวเรืองกล่าว
“พอข้าได้ยินไอ้เพี้ยนตะโกน “ไอ้หลานเนรคุณณณ” ข้าก็สับคัทเอ๊าท์ทันที แต่..อย่าขอบใจอย่างเดียวนะหลวงตา..พระขุนแผนรุ่นปะ ฉะ ดะ น่ะอย่าลืม” กำจรละลักละล่ำ
“ไปหาข้าที่สำนัก...พรุ่งนี้” หลวงตาคงบอก
“เอ็งก็เหมือนกันไอ้เพี้ยน แสดงเก่งขนาดนี้ เดี๋ยวข้าส่งไปอยู่กับเอ ศุภชัย” ดาวเรืองหยอก
“ขอเพี้ยนเรียนก่อนนะ เรื่องเข้าวงการค่อยคิดทีหลัง 555”
ดาวเรืองพูดกับจินตวัฒน์ “ขอบคุณนะปลัด”
“ขอบคุณอะไร ฉันไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย”
“ก็ที่คุณปลัดยอมปิดหูปิดตา ไม่โวยวายเรื่องไอ้แมวสีนิลนั่นก็ถือว่าช่วยแล้ว”
ทุกคนพากันหัวเราะ จินตวัฒน์ยิ้มเจื่อนๆ
“นี่ถ้าผู้ใหญ่ผันมันรู้ว่าที่ลงทุนไปสูญเปล่า มันจะทำหน้ายังไง 555” บานชื่นหัวเราะ
“แต่ฉันอยากเห็นหน้ามันตอนที่หลงตาได้เป็นกำนันมากกว่า จากหน้าบานเท่ากระด้งคงเหลือสองนิ้ว คิดแล้วมันสะใจ 555”
“อีก 3 วัน ใครได้เป็นกำนัน เดี๋ยวก็รู้” จินตวัฒน์บอก
ดาวเรืองมั่นใจ
ผันและเมียๆ รวมทั้งสุวรรณ แหลม กรอด และเสมอใจนั่งรวมหัวกันเพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แผนการไม่เวิร์ค
“ดูไอ้หาญไม่หือไม่อือ ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย เราพลาดตรงไหนวะ” ผันสงสัย
“ตรงที่พี่ให้ฉันกับนังเหมอเฝ้าบ้านน่ะสิ” ไสวบอก
“ปัดโธ่!!! นังไหว คนยิ่งกลุ้มๆอยู่ ก็เอ็งอยากขี้แตกขี้แตนเองนี่” ผันว่า
บุญปลีกได้ทีจึงใส่ใหญ่ “ใช่...ไร้สาระมาก” บุญปลีกประจบผันต่อ “นั่นสินะพี่...ความจริง จ้ำบ๊ะวงนี้ก็ดังนะ”
“แถมยังแพงหูฉี่ จ่ายค่าตัวพวกมันที ข้าจะเป็นลม” เวียงบอก
“เงินเสี่ยไม่ใช่เหรอพี่เวียง” บุญปลอดถาม
เวียงว่าแดก “จะเงินใคร ข้าก็เสียดายทั้งนั้น จริงๆพวกเราก็มีตั้ง 7-8 คน ทำไมไม่เต้นกันเองวะ ไปจ้างคนอื่นให้เสียเงินทำไม”
สุวรรณขัด “แต่เต้นไปดมยาไป มันจะไม่งามนะแม่”
แหลมกับกรอดเห็นด้วย “จริงจ้ะ”
“หรือผู้ใหญ่หาญจะชอบหมอลำซิ่ง” เสมอใจคิด
ไสวออกความเห็นต่อ “หรือลำตัด”
สุวรรณบ่น “ปู่นะปู่ ไม่น่ามาองค์ลงตอนนี้เลย พ่อก็ดันพลั้งปากไปสาบาน คราวนี้จะทำยังไงล่ะ เราจะเป็นฝ่ายแพ้เหรอพ่อ แพ้หลวงตาคงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่แพ้ไอ้เรืองนี่สิ” สุวรรณเจ็บใจ
“ข้าจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด” ผันมุ่งมั่น
“แต่จะชนะมันยังไง ฉลาดอย่างหนู ยังคิดไม่ออกเลย”
“ข้าจะหาวิธีให้ได้”
เช้าวันใหม่ สุวรรณเดินไปเดินมา ในขณะที่แหลมกับกรอดนั่งเอกเขนกอยู่ไม่ไกล ผันขับรถกระบะเข้ามาจอด สุวรรณพุ่งมาหาพ่อกับแม่ที่ลงจากรถ
“เป็นไงพ่อ สำเร็จมั้ย”
“ไอ้หาญมันไม่สบาย มันห้ามใครเยี่ยม” ผันบอก
“จะเล่นตัวไปถึงไหนวะ ทำอย่างกับเป็นซุป’ตาร์” สุวรรณว่า
“หรือจะลองไปขอคะแนนไอ้..เอ่อ...พี่วงศ์อีกสักครั้ง” ผันเสนอ
“ไม่ด๊าย หัวเด็ดตีนขาดยังไง ก็ไม่ได้” เวียงยืนกราน
“ดูแม่เอ็งสิไอ้วรรณ เห็นคนอื่นดีกว่าผัว”
“พี่ไม่เป็นฉัน พี่ไม่รู้หรอก ว่ามันอัดอั้นขนาดไหน ...หันหลังมาเดี๋ยวนี้!” เวียงสั่ง
“แม่จะตีพ่อ!!” สุวรรณตกใจ
เวียงจับไหล่ผันแล้วหมุนด้านหลังมาหาตัวก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นก็เห็น....”ขี้กรากขาวรูปคล้ายๆหัวใจ”
เวียงช็อก “นี่มะๆๆๆ...มัน”
สุวรรณเดินมาดู “ขี้กลาก โอ๊ย...ขี้กลากขึ้นหลังพ่อเป็นรูปหัวใจว่ะ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า”
แหลมกับกรอดวิ่งมาดู “จริงด้วย 555”
เวียงสติแตก “ตอนนี้สีขาว อีกเดี๋ยวคงเป็นสีแดง อ๊าย!!! ฉันจะทำยังไงดี ๆๆๆ”
ทุกคนหันมามองเวียงที่วิ่งสติแตกเป็นวงกลมวนไปวนมาแล้วก็ยิ่งงง
รถจินตวัฒน์แล่นมาจอดหน้าร้านดาวเรือง จินตวัฒน์และเพื่อนอีก 3 คนลงจากรถ ดาวเรืองผัดก๋วยเตี๋ยวในกระทะเสียงดังโป๊กเป๊ก ในขณะที่เพี้ยนวิ่งเอาไปเสิร์ฟ
“ใครสั่งราดหน้าวะ หมูหมด เหลือแต่ ไก่ โว้ย” ดาวเรืองเสียงดัง
จินตวัฒน์กับคณะเดินเข้ามาในร้านถึงกับสะดุ้ง ก่อนลงนั่งโต๊ะใกล้ๆกับพวกรถขนซุง
“งั้นข้าเปลี่ยนเป็นเล็กน้ำลูกชิ้น” คนงานบอก
“ของข้าเพิ่มใหญ่น้ำ แห้งอีกหนึ่ง”
ดาวเรืองพูดทันที “เฮ้ยๆ รอบสองต้องคอย ให้คนที่ยังไม่ได้กิน กินบ้าง”
จินตวัฒน์ถาม “ก๋วยเตี๋ยวยังมีเหลือมั้ยเรือง”
“ก๋วยเตี๋ยวเหลือ แต่ชามไม่ค่อยเหลือ เพราะฉะนั้น...รอ!!” ดาวเรืองบอก
จินตวัฒน์สั่ง “งั้นขอกาแฟเย็น 4 แก้ว”
“ด๊าย....แต่ต้อง...รอ!!”
คนงานรถขนซุงเหล่กลุ่มจินตวัฒน์ “เมื่อไหร่จะได้วะไอ้เรือง ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว”
แทนที่จะตะโกนบอกคนงานรถขนซุง3 ดาวเรืองกลับพูดใส่หน้าจินตวัฒน์เหมือนส่งซิก “วะ !!! ก็บอกให้...รอไง!!”
เวลาผ่านไป ดาวเรืองหิ้วพวงกาแฟมาเสิร์ฟโต๊ะจินตวัฒน์ พอถึงแก้วของจินตวัฒน์ ดาวเรืองก็ตั้งใจทำแก้วหลุดมือตกแตก ดาวเรืองก้มลงหยิบเศษแก้วที่แตก จินตวัฒน์ก้มลงมาช่วยเก็บเศษแก้วด้วย
ดาวเรืองกระซิบ “ถ้าคิดจะเข้าป่า อย่าเพิ่งไป...อันตราย!!”
จินตวัฒน์หันมามองดาวเรือง
จินตวัฒน์กำลังไล่เปิดอ่านรายงานการลำเลียงไม้เถื่อนที่โต๊ะ สักครู่เขาก็ได้ยินเสียงวัตถุกระทบหน้าต่าง จินตวัฒน์เดินไปที่หน้าต่างก็เห็นดาวเรืองโผล่หน้าขึ้นมายืนอยู่บนบันได
จินตวัฒน์ตกใจ “ดาวเรือง!”
“ทำหน้ายังกะเห็นผี ถอยไป” ดาวเรืองบอก
จินตวัฒน์ถอยเพื่อให้ดาวเรืองกระโดดเข้ามาบนพื้นห้อง
“ปีนหาผู้ชายค่ำๆมืดๆแบบนี้ไม่ดีนะ ใครเห็นจะเสียหาย” จินตวัฒน์เตือน
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นข่าว” ดาวเรืองบอก
“เป็นข่าวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพลาดตกบันไดแข้งขาหักไป จะเอาอะไรไปเตะนายวรรณ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ห่วงตัวเองเหอะ”
จินตวัฒน์ยิ้ม “เธอห่วงฉันเหรอ”
“จะมาดูว่ายังอยู่หรือตายไปแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดี แส่จะเข้าป่าตอนนี้”
“ทำไมล่ะ ก็มันหน้าที่ ประชาชนจ้างฉันมาทำงาน ฉันก็ต้องทำให้คุ้มกับเงินเดือนเธอจะห้ามฉันทำไม”
“ถ้าไม่ห้าม ป่านนี้เหม็นเน่าไปทั้งป่าแล้ว ช่วงนี้มันตัดล็อตใหญ่ ขนคนมาเป็นร้อย การคุ้มกันหนาแน่น อาวุธครบมือ ถ้าพวกนายจะเข้าไป ต้องวางแผนให้ดี ต้องมีคนนำทาง”
“คนนำทาง...ใคร???...เธอเหรอ ไม่ได้นะ...อันตราย”
“ฉันเสนอหน้าตอนนี้ไม่ได้หรอก ไอ้เสี่ยมันจับตามองฉันอยู่ มันส่งลูกน้องเวียนมาเฝ้าที่ร้านฉันทั้งวัน ไม่เห็นเหรอ เอาเป็นว่า อย่าเพิ่งขยับ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว หาคนนำทางได้เมื่อไหร่ แล้วจะปีนหาอีกที”
ดาวเรืองหันหลังจะปีนกลับ
จินตวัฒน์อ้อนออกมาโดยไม่รู้ตัว “ห่วงฉันใช่มั้ย”
ดาวเรืองชะงักก่อนหันหลับมา “ไม่ได้ห่วง แต่เวทนา เดี๋ยวจะหาว่าที่นี่บ้านป่าเมืองเถื่อน ตอนมายังหายใจ ตอนไปมีธงชาติคลุมจะไม่คุ้ม”
ดาวเรืองปีนลงทางหน้าต่าง จินตวัฒน์มองตามแล้วยิ้มแบบโลกสดใสอยู่คนเดียว
เช้าวันใหม่ ผัน สุวรรณ แหลม และกรอดนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้ากระดานโพลการเลือกตั้ง
“พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่ข้าจะต้องแพ้ไอ้คง” ผันกลุ้มใจ
“หนูก็แพ้ไอ้เรือง” สุวรรณบอก
“ถ้าหลวงตาคงได้เป็นกำนัน ก็เท่ากับมีอำนาจมากกว่าผู้ใหญ่สิ” แหลมว่า
“แถมเงินเดือนสูงกว่าด้วย” กรอดบอก
“ไม่ได้!! ข้าจะยอมแพ้ไอ้คงไม่ได้เด็ดขาด พ่อมันเคยแพ้พ่อข้ามาแล้ว ถึงรุ่นลูก ข้าจะแพ้มันได้ไง ยังไงข้าก็ต้องเอาชนะมันให้ได้!” ผันประกาศ
“ยังไงล่ะพ่อ หนูมองไม่เห็นทางเลย” สุวรรณบอก
“ทางมันมี เพียงแต่ต้องอาศัยปัญญาและความกล้าหาญ” ผันบอก
สุวรรณและลูกน้องถาม “ยังไง”
“ข้าจะยอมแพ้มันแบบลับๆ แต่จะชนะมันท่ามกลางฝูงชน” ผันบอก
สุวรรณ แหลม และกรอดมองหน้ากันงงๆ
ผันถือปืนลูกซองเดินนำสุวรรณที่ถือไม้หน้าสาม โดยมีเวียง บุญปลีก บุญปลอด ไสว เสมอใจ แหลม และกรอดเดินตามมาที่หน้าสำนักหลวงตาคงเหมือนจะบุกมาถล่มศัตรู
ผันยิงปืนขึ้นฟ้า “ไอ้คง! ถ้าเอ็งแน่จริงก็ออกมา”
“นักเลงเก่า ถ้าเก๋าจริง อย่าหดหัวสิโว้ย!” สุวรรณตะโกน
สุวรรณ แหลม และกรอดทำท่าวางมวยกะเล่นคนแก่เต็มที่ ทันใดนั้นประตูสำนักก็ถูกถีบออกด้วยเท้าของหลวงตาคง
หลวงตาคงจ่อปืนลงมาด้านล่าง “ปืนข้าขู่ไม่เป็นโว้ย เหนี่ยวไกทีเป็นเสียเลือด เอ็งอยากจะลองดีใช่มั้ยไอ้ผัน”
ทุกคนพูดพร้อมกัน “อย่า!”
“ลุงผู้ใหญ่จ๊ะ อย่ามีเรื่องกันเลย นี่เขตวัดนะจ๊ะ” เสมอใจบอก
บุญปลอดเจรจา “เกรงใจพระเจ้าบ้างเถอะนะหลวงพี่”
“ลูกเมียเอ็งไม่เกี่ยวถอยไป จะได้ไม่โดนลูกหลง” หลวงตาคงว่า
“ที่ข้ามา ไม่ได้จะมาเสียเลือด แต่จะมาคุยกันอย่างคนมีวัฒนธรรม” ผันบอก
“วัฒนธรรมบ้านเอ็งสิ มาพร้อมลูกซอง” หลวงตาคงว่า
“ข้ามาขอเจรจาสงบศึก” ผันเอาปืนลง “คุยกันดีๆนะ”
“อ้าว พ่อ นึกว่ามาเล่นหลวงตา อุตส่าห์ห้อยพระรอดมา” สุวรรณบอก
เวียงถอนหายใจ “โอ๊ย! ฉันล่ะใจหาย กะจะมาห้ามทัพ กลัวจะสู้กันเหมือนตอนหนุ่มๆ”
“เรื่องที่แย่งพี่เวียงกันน่ะรึ” บุญปลีกถาม
ไสวขัด “แย่งกันไม่เอาใช่ไหม”
หลวงตาคงเอ่ยถาม “เอ็งต้องการอะไร”
“พูดตรงๆไม่ต้องอ้อม...ข้าอยากเป็นกำนัน” ผันเปิดใจ
เมียๆ ของผันพูด “ฉันอยากเป็นเมียกำนัน”
“ฉันอยากเป็นลูกกำนัน” สุวรรณบอก
แหลมกับกรอดพูดบ้าง “พวกฉันก็อยากเป็นลูกน้องลูกกำนันจ้ะ”
“แล้วยังไง ทำไมข้าจะต้องเห็นใจพวกเอ็ง” หลวงตาคงถามกลับ
“คืออย่างงี้ ข้ามันดันปากพล่อย ไปสัญญิงสัญญารับปากกับพวกชาวบ้านไว้ว่าจะพัฒนาโน่นนี่นั่น แต่พอพ่อข้ามาเข้าไอ้เพี้ยน ข้าก็เลยต้องรับปากวิญญาณพ่อไปว่าจะยอมเอ็ง แต่เอ็งก็รู้ ว่าสัจจะของนักปกครองมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ...บอกมาเถอะว่าอยากได้อะไร ข้ายอมหมดทุกอย่าง ขอแค่เอ็งหลีกทางให้ข้าขึ้นเป็นกำนัน...แค่นั้น”
สุวรรณพูดกวน “หลวงตาจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา”
“ชะช้า เห็นข้าหน้าเงินตั้งแต่เมื่อไหร่”
“งั้นเอ็งต้องการอะไร” ผันถาม
เสียงดาวเรืองดังขึ้น “ต้องการคนดี ซื่อสัตย์ สุจริต มาเป็นกำนัน”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นดาวเรืองยืนเต๊ะท่ากวนๆ อยู่
พรรคพวกของผันก้มลงหมอบกราบพระประธานในโบสถ์ ขณะที่หลวงตาคง ดาวเรือง นั่งอยู่อีกมุม
หลวงตาคงกระซิบ “ในที่สุด พวกมันก็มาขอสงบศึกอย่างที่เอ็งกะไว้เป๊ะ”
ดาวเรืองกระซิบตอบ “ถ้าผู้ใหญ่ผันไร้คู่แข่ง ได้ตำแหน่งไปง่ายๆ แล้วจะรู้คุณค่าอะไร ให้สาบานซะ เหมือนคนโบราณที่เขาถือน้ำพิพัฒน์สัตยา”
หลวงตาคงหันไปทางผันที่พนมมือเตรียมพร้อมสาบาน เมียๆและลูกชายก็พนมมือไหว้เช่นกัน
“เอาล่ะ ถ้าเอ็งพร้อม ก็พูดตามข้า...ข้าพเจ้าขอสาบานว่า ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นกำนันตำบลดอนพัฒนา” หลวงตาคงว่า
ผันพูดตาม “ข้าพเจ้าขอสาบานว่า ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นกำนันตำบลดอนพัฒนา”
“ข้าพเจ้าจะรับใช้ชาวดอนพัฒนาด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ประพฤติผิดในกาม จะยึดมั่นในศีลห้า ไม่เห็นแก่คนเลวหน้าไหน ไม่รับเงินใต้โต๊ะจากใคร ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
ผันอึกอัก “ ....เอ่อ...”
“หมดกัน” สุวรรณเซ็ง
ผันยอมพูดตาม “ข้าพเจ้าจะรับใช้ชาวดอนพัฒนาด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ประพฤติผิดในกาม จะยึดมั่นในศีลห้า ไม่เห็นแก่คนเลวหน้าไหน ไม่รับเงินใต้โต๊ะจากใคร ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
หลวงตาคงพูดต่อ “ถ้าข้าพเจ้าทำผิดสัญญาแม้ข้อใดข้อหนึ่ง ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้าสูงขึ้นไปเจ็ดชั่วโคตรและต่ำลงไปอีก 14 ชั่วโคตร จงปราศจากความสุข ความเจริญ ทำมาค้าไม่ขึ้น ไปไหนมาไหนมีแต่คนจงเกลียดจงชัง ไม่มีลูกหลานสืบสกุลขยันสอยอีกต่อไป”
เมียๆและสุวรรณเริ่มร้อนตูด
“จะล้างเผ่าพันธุ์กันเลยรึหลวงพี่” เวียงถาม
หลวงตาคงถามกลับ “จะเป็นมั้ยเมียกำนัน”
เมียๆ ของผันตอบพร้อมกัน “เป็นจ้ะ”
“พูดดังๆไอ้ผัน เอาให้ถึงหูพระอินทร์” หลวงตาคงบอก
ผันยอมว่าตาม “ถ้าข้าพเจ้าทำผิดสัญญาแม้ข้อใดข้อหนึ่ง ขอให้ครอบครัวของข้าพเจ้าสูงขึ้นไปเจ็ดชั่วโคตรและต่ำลงไปอีก 14 ชั่วโคตร จงปราศจากความสุข ความเจริญ ทำมาค้าไม่ขึ้น ไปไหนมาไหนมีแต่คนจงเกลียดจงชัง ไม่มีลูกหลานสืบสกุลขยันสอยอีกต่อไป”
หลวงตาคงยิ้มกริ่ม “เอ้า กราบ”
ทุกคนซับเหงื่อที่แตกเหมือนไปวิ่งกันมาสักร้อยรอบ
“เอ็งจะรามือแล้วใช่มั้ยไอ้คง” ผันถาม
“ก็ถ้าเอ็งทำได้ตามนี้ ข้าก็จะอยู่ของข้ายังงี้แหละ”
“งั้นเอ็งช่วยเป็นธุระ ไปบอกไอ้หาญให้เลือกข้านะ” ผันบอก
“ไม่จำเป็น” หลวงตาคงบอก
ทุกคนร้องพร้อมกัน “อ้าว!”
“ของข้า 1 เสียง เอ็งเอาไป”
สุวรรณนับนิ้ว “พ่อมี 3 + ของหลงตาอีก 1 เป็น 4”
ผันตาโต “4 ต่อ 3..ชนะใสๆ” ผันดีใจจนเนื้อเต้น “ยังไงข้าก็ได้เป็นกำนัน!”
“เอ้า งั้นพวกเรากลับ” สุวรรณบอก
ดาวเรืองเสียงดัง “ยังไปไหนไม่ได้...โดยเฉพาะเอ็ง...ไอ้วรรณ!”
ทุกคนชะงัก
“ข้อตกลงของพ่อจบแล้ว เหลือแต่ลูกที่จะต้องตกลงกัน” ดาวเรืองว่า
ทุกคนงงว่าดาวเรืองหมายถึงอะไร
สุวรรณถลาเข้ามาในห้องของปลัด
“ข้าจะทำได้หรือวะไอ้เรือง”
“ถ้าทำไม่ได้ ข้าจะเลือกเอ็งทำไม ข้าก็เห็นแล้วสิว่าเอ็งน่ะเก่งที่สุด ฉลาดที่สุด รู้ทางหนีทีไล่ดีที่สุด ยิงปืนเก่งที่สุด รู้จักหมาดีที่สุด ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเอ็งแล้ว”
“เป็นผู้ช่วยปลัดเนี่ยนะ” สุวรรณคิด “ต้องนำทางเข้าป่าลึกขนาดนั้น มันอันตรายนะโว้ย”
“อย่าลืมว่าเอ็งติดหนี้แม่ข้าอยู่นะ ที่แม่ข้ายอมดินเนอร์กับจ่าแม่นก็เพราะไม่อยากให้เอ็งติดคุก เอาน่า..ช่วยชาติสักครั้งจะได้หักลบกลบหนี้กันไป”
“เราไม่ได้บังคับหรอกนะ...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายวรรณ” จินตวัฒน์บอก
“ถ้าข้าทำไม่สำเร็จล่ะ” สุวรรณถาม
“ข้าก็จะชื่นชมเอ็ง เพราะถือว่าเอ็งได้พยายามเต็มที่แล้ว” ดาวเรืองบอก
“แล้วถ้าข้าทำสำเร็จล่ะ” สุวรรณถามต่อ
“เอ็งก็ได้เป็นฮีโร่ไงวะ” ดาวเรืองตอบ
สุวรรณพูดเกี้ยว “ฮีโร่ในใจเอ็งเหรอ”
ดาวเรืองยิ้มเจื่อนๆ “ไม่เฉพาะข้า แต่เอ็งจะได้เป็นฮีโร่...เป็นวีรบุรุษของคนทั้งประเทศ!!!”
“วีรบุรุษ!!! อื้อหือ...เท่ว่ะ” สุวรรณบอก
สุวรรณยืดอกยังกับเพิ่งกลับจากรบมาหมาดๆ จินตวัฒน์แอบยิ้มชื่นชมดาวเรืองที่โน้มน้าวสุวรรณได้สำเร็จ
หลายวันต่อมา มีเสียงเลื่อยไม้ดังสนั่นไปทั่วทั้งเขา ดาวเรืองส่งถุงพลาสติกที่ใส่ห่อก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งให้คนงานตัดไม้คนหนึ่ง
“ก๋วยเตี๋ยวผัดยี่สิบห้าห่อรวมค่าบริการส่งถึงที่...ก็....650 บาทถ้วนจ้ะ”
คนตัดไม้รับถุงแล้วส่งเงินให้ “เอ้า 700 ไม่ต้องทอน ที่เหลือติ๊ป”
“จุ๊ๆๆๆ ท่าทางในป่านี่เงินสะพัด แหม...อยากมาของานเสี่ยทำบ้างจังว่ะ” ดาวเรืองแย็ป
“งานเยอะก็จริง แต่เขาไม่จ้างเอ็งหรอก เสี่ยเขาชอบแรงงานราคาถูก จ้างเอ็ง จ้างฝั่งโน้นได้สองสามคน”
ดาวเรืองประชด “ถึงว่า มาอยู่กันเต็มป่าแล้วมั้งเนี่ย”
“เดี๋ยวก็เข้ามาอีก ชุดเก่าล้าเต็มทีแล้ว ตัดกันไม่ได้หลับได้นอน รอชุดใหม่มาแตะมือ ไม่งั้นไม่ทันส่งจีน”
“ออเดอร์ตรึมรึไง”
“ยาวเป็นหางว่าวเลยล่ะเอ็งเอ๊ย...พวกข้าเป็นคนรถยังต้องมาช่วยตัด เสี่ยแกกะจะฟันไม้พะยูงทั้งป่านี่คนเดียว”
“รวยไม่รู้เรื่องเลยเนอะ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนล่ะ อยากเจอ ว่าจะแบ่งของหวานไปขายสักหน่อย”
“ไม่อยู่ ไปเมืองนอก อีกหลายวันกว่าจะกลับ”
ดาวเรืองยิ้มบางๆ แม้ในใจจะคับแค้นจวนระเบิด
จบตอนที่ 9