บทในตอนนี้ มีการแก้ไขใหม่ ตัวหนังสือสีแดงคือที่แก้ใหม่
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 18
เช้าวันต่อมาพีทเข็นรถของกันตาเข้ามาในบ้านพัก สภาพกันตาทุรุดลงอย่างได้ชัด ใบหน้าดูซีดเซียวร่วงโรย อาการหนัก ร่างกายอ่อนแรงลงมาก
“หมออนุญาตให้แม่กลับบ้านมาได้ยังไงไม่รู้” พีทบ่น
กันตาพูดแบบอ่อนแรง ยิ้มเพลียๆ “แม่เป็นคนขอหมอเอง แม่อยากกลับบ้าน ถึงอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว หมอเค้าก็ได้แต่รักษาไปตามอาการ”
พีทเข้าไปกอดแม่ “แม่อย่าพูดแบบนี้ซิครับ ผมไม่ยอมให้แม่เป็นอะไรหรอก”
กันตากอดตอบ “อะไรกัน หมู่นี้ลูกชายแม่ขี้แย่จริงเชียว แบบนี้สาวๆ มาเห็นเสียฟอร์มแย่นะ”
“ผมไม่สนใจหรอกครับ ผมรักแม่อยากกอดแม่มันผิดตรงไหน”
กันตามองอย่างเอ็นดู “ไม่สนแน่นะ”
เสียงกดออด พยาบาลเดินไปเปิด กันตามองประตู
“ถึงจะเป็นคนนี้ก็ไม่สนงั้นเหรอ”
พีทเหลียวไปมอง เห็นแพทยืนอยู่ พร้อมตะกร้าใส่ของกิน
“หมออนุญาตให้แม่นายกลับมาบ้านแล้วเหรอคะ”
พีทมองหน้าแม่ กันตายิ้มให้เหมือนจะบอกว่าเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
“ขอบใจมานะหนูที่อุตส่าห์ มาตามคำเชิญ”
“แพททำซุปมันฝรั่งมาให้แม่นายด้วยค่ะ วันนี้อากาศเย็นกินซุปร้อนๆ น่าจะคล่องคอดี เดี๋ยวแพทไปเอาใส่ชามมาให้นะคะ”
“ชั้นไปช่วยค่ะ”
แพทกับพยาบาลเดินเข้าครัวไป พีทดูงงๆ กันตาจับมือพีท
“ชีวิตของเรามันสั้นเหลือเกินนะพีท...ถ้าลูกรักใครชอบใครก็ควรจะแสดงออกไปตรงๆ ให้เค้ารู้ให้เร็วที่สุด จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง”
พีทอึ้งคุกเข่าลงกอดกันตาไว้
“ขอบคุณครับแม่”
แม่ลูกกอดกันอย่างซาบซึ้ง รู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน
ขณะเดียวกันธาริศหน้าตาบึ้งตึงเดินออกมาหน้าบ้านพัก เอากระเป๋ายัดใส่ท้ายรถ ทักษอรวิ่งตามออกมาติดๆ
“พี่ธาริศ...นี่พี่จะพาอรกลับกรุงเทพฯทำไม”
“ก็อรเองไม่ใช่เหรอที่ร่ำร้องอยากจะไปจากที่นี่นัก....ขึ้นรถสิ”
“พาอรกลับอยู่กรุงเทพฯ เพราะพี่ริศจะได้กลับมาหานั่งนั่นสะดวก โดยไม่มีอรกีดขวางใช่มั้ย”
“อรเลิกหาเรื่องคนอื่นซะที จากการกระทำของอรเมื่อคืน มันก็ทำให้เห็นแล้วว่าความจริงอรไม่ได้รักลูกเลยสักนิด อรจะให้พี่รู้สึกยังไงกับผู้หญิงที่ไม่รักแม้แต่ลูกของตัวเอง แถมยังพร้อมจะทำร้ายเค้าได้อีก”
ธาริศขึ้นรถปิดประตู ทักษอรตกใจ
“พี่ริศ อรขอโทษ อรไม่ได้ตั้งใจ อรจะไม่ทำอีกแล้ว อรขอโทษ”
ทักษอรรีบวิ่งตามขึ้นรถไป ธาริศออกรถไปอย่างเร็วและแรง
ด้านพีทเข็นรถให้กันตาพาขึ้นมาบนเนินเขาสวย อันเป็นจุดชมวิว มีดอกหญ้าเล็กๆ ขึ้นเต็ม แลดูสวยงาม
“ที่บนนี้สวยจังเลยนะคะแม่นาย...”
“ใช่จ้ะ...แม่ชอบที่นี่มาก...ขอบใจมากนะพีทที่ยอมตามใจพาแม่ขึ้นมาบนนี้”
แพทมองรอบตัว เหมือนจะซึมซับความงดงามของธรรมชาติโดย มองไปทางหนึ่งเห็นดอกหญ้าเล็กๆ เลยเลี่ยงไปเก็บอย่างตั้งใจ
กันตากับพีทเหม่อมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างรื่นรมย์ โดยเฉพาะกันตาทอดสายตามองอย่างลึกซึ้ง ราวกับจะกอบเก็บธรรมชาติแสนงามไว้ตลอดกาล
“คิดถึงพ่อของลูกจังเลย”
“ครับ...ผมยังจำได้แม่เล่าว่าพ่อแม่บอกว่าชอบที่ตรงนี้ พ่อก็ตัดสินใจซื้อทันทีแล้วก็สร้างรีสอร์ตขึ้นมา”
“แม่คิดถึงพ่อเหลือเกิน...เต้าไม่น่าอายุสั้นขนาดนี้” กันตาเหม่อมองไปที่ขอบฟ้าไกล ด้วยคิดถึงคนรัก
แพทเอาช่อดอกไม้เล็กๆ มาส่งให้
“ดอกไม้ค่ะนายแม่”
กันตารับไว้แล้วมองแพทอย่างเอ็นดู
“วันเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน วันเวลาที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารักมันก็ช่างสั้นจนน่าใจหาย...แล้วหนูสองคนจะไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ทำไม”
แพทอึ้ง “แม่นาย...แล้วพูดเรื่องอะไรคะ”
“แม่รู้ว่าตาพีทเค้าชอบหนูนะแพท ไม่ใช่หนูรัญ...แต่ความเข้าใจผิดแง่งอนกันมันก็เลยทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
“ไม่จริงหรอกค่ะ แม่นายเข้าใจผิด” แพทท้วง
“บอกสิพีทว่าแม่เข้าใจไม่ผิด” กันตามองจ้องหน้าลูกชาย
พีทอึ้ง แพทและกันตามองหน้า พีทไม่ยอมสบตาแพท
“ครับแม่...”
กันตาค่อยๆ ยิ้มออกมา แพทตะลึง
“ไม่จริงหรอก...”
“คุณแพทเป็นเด็กดี เข้มแข้ง เป็นคนรับผิดชอบ...ชั้นชอบหนูมาก...เพราะฉะนั้น...หนูจะรังเกียจมั้ยจ๊ะ...ถ้าจะ...แต่งงานกับตาพีทลูกชายชั้น...”
แพทตะลึงอีก พีทเขินจนพูดไม่ออก
“แม่ครับ...”
กันตายิ้มบางๆ “แม่อยากให้ลูกเป็นฝั่นเป็นฝากับคนที่ลูกรัก....ก่อนที่แม่จะอาการหนักไปมากกว่านี้”
“แต่...”
กันตาค่อยๆ ถอดแหวนออกจากมือช้าๆ ท่าทีอ่อนแรงลงทุกทีๆ
“แหวนวงนี้...พ่อของตาพีทใส่ให้แม่ที่ตรงนี้...แล้วก็ขอแม่แต่งงาน...พีทใส่ให้คุณแพทสิ”
พีทกับแพทสบตากันเต็มๆครั้งแรก แพทพูดอะไรไม่ออก พีทตัดสินใจคุกเข่าข้างแม่รับแหวนมา ก่อนจะเงยหน้ามองแพท
“คุณจะ...ให้เกียรติผมมั้ย คุณแพท...”
แพทอึ้งลังเล แล้วมองหน้ากันตาที่อ่อนโรย แต่มองอย่างขอร้อง แพทค่อยๆคุกเข่าลงอีกด้านของกันตา กันตาค่อยๆยิ้ม...พีทใส่แหวนให้แพทช้าๆ ...สบตากัน กันตาวางมือที่สั่นเพราะอ่อนแรงลงบนหัวของคนทั้งคู่
“รักกันให้มากๆ ...รักกันให้ยืดยาวนะ...แม่ดีใจ...ที่อยู่จนได้เห็น..วันนี้นะลูก...”
กันตามือตกลง พิงเบาะรถเข็น มองพีทกับแพทที่ยังอึ้งๆ สบตากันอยู่
กันตาพูดเสียงเบาๆ “จูบกันสักหน่อยสิลูก...เพื่อแม่....”
พีทกับแพทตกใจมองหน้า กันตายิ้มอ่อนๆ
ทั้งคู่หันไปมองหน้ากันแล้วตัดสินใจ พีทก้มหน้าเข้าไปหาแพทช้าๆ ที่ละนิด...จนปากชิดกัน กันตายิ้มอย่างเปี่ยมสุข แล้วหลับตา...ลมหายใจขาดหายไป
แพทกับพีทจูบกัน แล้วค่อยๆ แยกออกมา ตายังสบกันอยู่ อย่างมหัศจรรย์ งุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้น พีทยิ้มให้แพทอย่างจริงใจ เต็มไปด้วยความรักที่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจนกันครั้งแรก อ่อนหวานจนแพทหลบตาเขินๆ มองมาทางกันตา แล้วชะงัก
“แม่นาย...แม่นายคะ”
พีทหันขวับมาเห็นกันตาหลับตาพริ้ม ปากยังมีรอยยิ้มนิดๆ พีทถลามาหากันตาร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ
แพทอึ้ง ซึม...นึกถึงความเมตตาที่กันตาเคยมอบให้ตนก็ยิ่งทำให้เสียใจมาก แพทซบลงที่เข่ากันตาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น
ทั้งสองร้องไห้กับร่างไร้วิญญาณของกันตา ท่ามกลางบรรยกาศรอบตัวที่แสนเศร้าสลด
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทางด้านทักษอรนอนอยู่ในห้องที่บ้าน โดยมีธาริศนั่งเฝ้าจับมืออยู่ข้างเตียงอย่างเป็นห่วง
“หิวมั้ย พี่ให้เด็กทำข้าวต้มไว้ให้”
ทักษอรแอบยิ้มนิดๆ ที่รู้ว่าแผนได้ผล แต่ยังอดเหน็บสามีไม่ได้
“พี่ธาริศเอาใจอรเพราะเป็นห่วงลูกเท่านั้นเองใช่มั้ย”
“พี่ห่วงทั้งอร และลูกนั้นแหละ”
ทักษอรสำทับด้วยการบีบน้ำตา “อร คิดว่า พี่จะไม่สนใจอรกับลูกเสียแล้ว”
ธาริศตัดใจ “อร...ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นยังไง แต่พี่ขอได้มั้ย นับจากนี้ไป ขอให้เราเริ่มต้นกันใหม่ พี่อยากให้ลูกรับรู้แต่สิ่งดีๆ อรรู้มั้ย เค้าบอกว่า เด็กสามารถรับรู้อารมณ์ของพ่อและแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้องนะ”
ทักษอรร้อง “โอ๊ย”
ธาริศตกใจ “เป็นอะไรหรืออร เจ็บต้องไหน”
“อรอาจจะอุปาทานไปเองนะคะ เพราะนี้ยังไม่กี่เดือนเลย แต่อรรู้สึกเหมือน.. เหมือนลูกดิ้น”
ทักษอรเอามือธาริศมาทาบกับท้องลมของตัวเอง
“ตรงนี้ค่ะ พี่รู้สึกมั้ยคะ”
ธาริศเริ่มซาบซึ้งไปด้วยจนน้ำตาคลอ ทักษอรยิ้มอย่างพอใจที่ดึงธาริศกลับมาได้ จังหวะนี้เสียงโทรศัทพ์มือถือดังธาริศกดรับ
“ว่าไงประทินมีอะไรเหรอ...ฮ้า! ได้ ฉันจะรีบไปขอบใจนะที่โทร.มาบอก”
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ” ทักษอรสงสัย
ธาริศบอกเสียงเศร้า “ป้ากันเสียแล้ว”
เย็นนั้น พีทยืนดูรูปแม่ที่ตั้งวางเด่นอยู่ในโถงของศาลาสวดศพของวัดแห่งหนึ่งอย่างเศร้าสร้อย ฝนถือถาดข้าวเล็กๆ เป็นสำรับไหว้ศพมา อึ้งไปนิด แอบเช็ดน้ำตา ด้วยความสะเทือนใจ
“คุณพีทขาเอาข้าวให้แม่นายเถอะค่ะ พี่ให้เค้าจัดให้แล้ว” ฝนบอก
พีทก้มลงมอง “ของโปรดแม่ทั้งนั้น...พี่ฝน ว่าแม่จะได้ทานจริงๆ เหรอครับ”
“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่พี่ฝนก็จัดให้ดีที่สุดเหมือนที่ท่านมีชีวิตอยู่ และตอนที่ท่านจากไปแล้วพี่ฝนก็อยากทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน เพื่อระลึกถึงท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
“นั้นซินะครับ...” พีทเอาถาดข้าววางบอกกับรูปแม่ “แม่ครับ ทานข้าวครับ...แต่ยังไง ผมอยากให้แม่อยู่ทานข้าวกับเราจริงๆ เหมือนเมื่อก่อนมากกว่า”
พีทพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล หันหน้าหนี แล้วเดินหนีไปอีกทาง ฝนเข้าใจดี พูดอะไรไม่ออก
ขณะพีทเดินออกไป ทักษอรกับธาริศเดินสวนเข้ามา เห็นพอดี
“นั้นไงค่ะ พี่พีท พี่พีทคะ แน่ะเรียกก็ไม่หัน พิลึกจริงเชียว แขกมางานไม่ยักกะมาต้อนรับ”
ประทินเข้ามารับหน้าแทน ไหว้ทักษอรกับธาริศ แล้วก็แอบกระซิบธาริศให้รู้
“คุณพีทยังไม่ค่อย .. เต็มร้อยนะครับ”
ธาริศพยักหน้าเข้าใจดี หันไปบอกทักษอร “ช่างเถอะอร เราก็ไม่ใช่แขกที่ไหน ปล่อยพี่พีทไปสงบใจสักพักดีกว่า”
“โอเคค่ะ” แต่ก็อดไม่ได้ได้ “ก็เข้าใจนะคะว่าเสียใจ แต่ว่าเมื่อมีงานแบบนี้ ยังไงก็ต้องมีคนคอยรับแขก ผู้ใหญ่ จะมาให้พวกลิ่วล้อหางแถว คอยต้อนรับแบบนี้มันไม่ได้”
คำพูดกระแทกหน้าประทินจังๆ จนมีสะอึก
“งั้นเดียว อรช่วยพี่พีทดีกว่านะคะ”
ทักษอรเดินนำเข้าไปข้างในศาลา ก่อนจะทำตัวเป็นเจ้าภาพ ไหว้แขกผูใหญ่ที่นั่งอยู่
ขณะเดียวกันแพท รัญธิดา ทิพปภา และอะตอม ในชุดดำไว้ทุกข์ ทั้งหมดเดินเข้ามาอีกทาง แต่รัญธิดาพยายามรั้งพี่กับแม่ไว้ ไม่อยากเผชิญหน้าสองคน
“จะดีเหรอค่ะน้าแพท เอ่อ คือ...รัญ...รัญ รัญไม่อยากเจอคุณอรกับพี่ธาริศ”
แพทบอกเสียงจริงจัง “เรามาเคารพศพแม่นายนะรัญ เพื่อเป็นการให้เกียรติแม่นาย ไม่เกี่ยวกับพวกเค้าซักหน่อย”
ทิพปภาเสริม “นั่นซิลูก คนไทยเรา งานอื่นไม่ไปนะไม่มีใครว่าหรอกนะ แต่งานศพยังไงก็ต้องมา มาลากันเป็นครั้งสุดท้าย...ตอนมีชีวิต แม่นายท่านก็เอ็นดูหนูมากอยู่นะ รวมทั้งพวกเราทุกคน แม้กระทั่งอะตอม”
ว่าพลางทิพปภาจับหัวอะตอมโยกเบาๆ
“รัญไม่มีอะไรต้องกลัวเลย เราไม่ได้ทำผิดแล้วก็ไม่ได้มาหาเรื่องใคร จำไว้” แพทบอก
“ค่ะ...เพื่อแม่นาย” รัญธิดาปรับสีหน้า
ทั้งหมดเดินเข้าไปทางศาลา
รัญธิดา แพท อะตอม และทิพปภาเดินเข้ามา ชูกำลังเสิร์ฟน้ำอยู่สะกิดฝนให้ดูทันที แล้วต่างก็ตกใจว่าจะมีเรื่อง คู่รักต่างวัยรีบเดินไปหาประทิน
“แย่แล้วครับ ผู้จัดการ...” ชูจะบอกว่าทางโน้นครับ “มากันทั้งครอบครัวเลย...ถ้าคุณอรเห็น มีหวัง...”
ฝนมองในแง่ดี “เฮ้ย นี่มันงานศพนะ แล้วก็กลางวัดแบบนี้ คุณอรเธอไม่กล้าวีนกลางงาน
แบบนี้หรอก ไม่เกรงใจคุณพีท ก็ต้องให้เกียรติคนตายกันบ้างล่ะ”
“โอโห้ พูดยังกะไม่เคยเห็นฤทธิ์คุณอร ธรรมดาเสียที่ไหน” ชูโต้
ประทินตัดบท “เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดมาก เรื่องมันยังไม่เกิดขึ้น อย่างเพิ่งตีตนไปก่อนไข้กันหน่อยเลย...ว่าแต่ คุณอรกับคุณธาริศอยู่ไหน”
ฝนบุ้ยใบ้ไปอีกทาง สามคนเห็นทักษอรกำลังสาละวนกับการต้อนรับแขกผู้ใหญ่อยู่ข้างธาริศ
“เดี๋ยวฉันจะไปกันคุณอรไว้ก็แล้วกัน” ประทินบอกกับฝน “เธอรีบรับทางคุณแพท หนูรัญ ก็แล้วกัน”
ประทินรีบออกไปทางธาริศกับทักษอรทันที ขณะฝนเดินไปรับครอบครัวแพท ที่เดินตรงเข้ามา
“เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ฝนแอบหันไปเหลือบมองอีกฝั่งไม่ได้ เห็นประทินพยายามเอาตัวบังไว้ เพื่อไม่ให้ทักษอรหันมาเห็นรัญธิดากับแพทนั่นเอง
ครู่ต่อมาครอบครัวแพททั้งหมดไหว้เคารพศพอยู่ มีฝนคอยดูแลส่งธูปให้
“อะตอม ไหว้ลาคุณย่าแม่นาย เสียนะ”
“ครับ”
อะตอมทำตาม ทุกคนน้ำตาคลอเมื่อมองรูปกันตานึกถึงความเมตตาที่ผู้ล่วงลับมอบให้
“ป้าทิพ แม่แพท พี่รัญ อย่าเสียใจเลยครับ ย่าแม่นายไปสบายแล้ว” อะตอมปลอบ
“หนูอะตอมรู้เหรอลูกว่าตายคืออะไร” ทิพปภาทึ่ง
“รู้ครับ ก็แม่แพทเคยบอก ตายก็คือไม่หายใจ คุยกับเราไม่ได้อีก แต่ถ้าทำดี ใจดี ก็จะไปสวรรค์ อย่างย่าแม่นาย”
“โถ... ลูก”
ทิพปภาดึงหลานที่เพิ่งพ้นความตายเข้ามากอดอย่างตื้นตัน ทุกคนรวมทั้งฝนยิ้มทั้งน้ำตา เอ็นดูกับคำพูดบริสุทธิ์ของอะตอม
แพทแอบมองหาพีทไปทั่ว เมื่อไม่เห็น ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หันมาทางฝน
“เอ่อ...คุณพีทล่ะค่ะ พี่ฝน ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”
“นั้นซิคะ คุณพีทรักแม่นายมาก เป็นยังไงบ้างคะ” รัญธิดาเป็นห่วง
ฝนอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ “ดูแย่มากเลยค่ะ ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน พูดก็น้อยคำลงเรื่อยๆ เธอยังทำใจไม่ได้ โธ่ก็มีกันสองคนแม่ลูกเท่านั้น”
ฝนพูดแล้วก็ทำท่าจะร้องไห้อีก แพทพลอยเหลียวมองหาอย่างเป็นกังวลไปด้วย
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 18 (ต่อ)
แพทเดินออกมามองหาพีท จนพบว่าพีทยืนซึมอยู่มุมหนึ่งใต้ต้นไม้ ห่างศาลาออกมา แพทเดินเข้ามา พีทจำเสียงเดินได้ รีบร้องห้าม
“อย่าเข้ามา ผมอยากอยู่คนเดียวปล่อยผมไว้ที่นี่เถอะ”
“ฉันไม่ได้มาขอร้องให้คุณเข้มแข็งนะ แต่ฉันขอให้คุณลุกขึ้นแล้วดำเนินชีวิตต่อ ทำสิ่งที่ควรทำ” แพทเตือนสติ
พีทยังทำใจไม่ได้ “ไม่ต้องมาสอนผม คุณไม่เสียใจเพราะไม่ใช่แม่ของคุณนี่”
“แม่ตาย ตอนฉันยังเด็กมาก งานศพแม่ก็จัดอย่างรวดเร็วจนฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้หรือเปล่าหลังจากนั้นพ่อก็พาฉันมาให้พี่ทิพเลี้ยง แต่คุณรู้มั้ย ว่าฉันดีใจที่แม่ตาย เพราะแม่จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก โดนพ่อไถเงินอีก”
พีทอึ้งเจอเรื่องเศร้า ดราม่ากว่าหลายขุม แพทบอกต่อ
“คุณน่าจะดีใจนะ ที่ท่านไม่ต้องทรมานเจ็บปวดด้วยโรคร้ายแบบนี้”
แพทพูดเสร็จก็จะเดินออก พีทเอื้อมมือมาจับมือแพทดึงเอาไว้ไม่ให้ไป แพทเหลือบดูมือตัวเอง
“ผมก็อยากรู้สึกเหมือนคุณบอก...แต่ทำไม ทำไมมันถึงยากเหลือเกิน”
แพทหันมา เอาอีกมือมาบีบมือพีทไว้
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ... ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยออกไป..ส่งแม่นายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยกัน”
พีทพยักหน้า แพทอดไม่ได้ที่จะกอดพีทอย่างปลอบใจ
เห็นพระสงฆ์เข้านั่งประจำที่นั่งในศาลาเตรียมสวดแล้ว ฝนพารัญธิดากับทิพปภา และอะตอมอยู่นั่งอยู่อีกทาง อะตอมแอบกระซิบทิพปภา มีฝนคอยประกบ นั่งไม่ติด
“ป้าทิพตอมปวดฉี่”
“เดี๋ยวพระก็จะสวดแล้ว” ทิพปภาบอก
“งั้นเดี๋ยวรัญพาไปเองก็ได้ค่ะ”
พูดจบรัญธิดาก็จูงอะตอมไปทันที ฝนห้ามไม่ทัน แล้วสองคนก็เจอกับธาริศที่เดินเข้ามาตรงนั้นพอดี
ธาริศกับรัญมองหน้ากัน พยักหน้าทักทายกันอย่างพยายามจะให้ห่างเหิน อะตอมกระตุกขาธาริศยิกๆ
“อาธาริศ ตอมนึกแล้วว่า อาต้องมาไหว้ย่าแม่นายเหมือนกัน ดีใจจังเลย ได้เจอกันอีกแล้ว”
ธาริศเลยต้องก้มลงนั่งคุยกับลูกชาย
“อาก็ดีใจเหมือนกันที่เจออะตอม อาคิดถึงอะตอมที่สุด ขออาหอมหน่อยได้มั้ย”
รัญธิดารีบดึงอะตอมออกห่าง
“อะตอม จะไปห้องน้ำไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ อย่ากวนอาเค้าเลย”
ธาริศอาสา “งั้นเดี๋ยวอาพาไปเอง” พลางหันมาทางรัญธิดาสายตาเว้าวอน “ให้พี่ดูแลอะตอมเล็ก ๆ น้อยๆ บ้างเถอะนะ”
รัญธิดาอึ้งนิ่งไปแต่ก็ตัดใจพยักหน้า
ธาริศส่งมือให้อะตอม แต่อะตอมเอื้อมมือมาจับธาริศไว้แทน แต่ทันใดนั้น ทักษอรก็ถลันเข้ามาปัดมือธาริศกับอะตอมออกอย่างแรง
“แกจะทำอะไรอีก”
อะตอมตกใจถึงกับร้องไห้จ้าทันที
เสียงร้องของอะตอม ทำให้ทุกคนหันมามอง ทิพปภาเองที่อยู่อีกฝั่งมองมาอย่างตกใจ รีบลุกขึ้น
ฝ่ายประทินซึ่งรับแขกอยู่หันมาเห็นก็ตกใจ
“ในที่สุด ก็เจอกันจนได้...แย่แล้ว” ประทินรีบออกไป ตามแพทกับพีท
ทิพปภากับฝนรีบวิ่งเข้ามา ทิพปภาอุ้มอะตอมที่ยังร้องไห้อยู่ทันที
“ช่วยดูเมียคุณ อย่าให้บ้าไปมากนักเลย หลานฉันไปทำอะไรให้”
ทักษอรแผดเสียงด่ากราดทันที “แกนะซินังขี้คุก ขี้ยา แกมีอะไรมาเทียบฉันได้ถึงมาว่าฉันแบบนี้”
ทิพปภาสุดทน “อย่างน้อย ฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เอาผัวไม่อยู่ จนต้องใช้ลูกเป็นข้ออ้างดึงผัวไว้หรอก”
ทักษอรร้องกรี๊ดด “แอร๊ย... แก”
พร้อมกันนั้นทักษอรถลาจะเข้าไปตีทิพปภา ธาริศไวกว่าดึงเอาไว้ทัน ทางรัญธิดาก็ดึงทิพปภาเอาไว้ทั้งตัว
ทิพปภาท้าเหย็งๆ “มาซิโว้ย กูไม่ยอมให้แกมารังแกลูกกู หลานกู เหมือนกัน”
“แม่คะพอเถอะค่ะ อย่าไปต่อความยาวเลย เราไปกันเถอะ นะคะอย่าให้อะตอมเห็นภาพแบบนี้เลยนะ”
ทิพปภาชะงักคิดได้
“ก็ได้ ไป อะตอมไปกับยาย อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงสติไม่ดีแบบนี้เลย”
ทิพปภาพาอะตอมออกไป
ธาริศต่อว่าแกมขอร้อง “อรนี่มันวัดนะ พอแล้วสงบสติอารมณ์หน่อยซิ”
“ก็พี่นั่นแหละ ทำไมไปยุ่งกับไอ้เด็กนั้นอีก ลูกพี่อยู่นี่ อยู่ในท้องอรนี่” ทักษอรด่า แล้วชี้ท้องลมตัวเอง
ธาริศชักฉุนเหมือนกัน “พี่รู้ ว่าลูกอยู่ที่นี่ แต่อะตอมก็ลูกพี่เหมือนกัน ที่อรทำมันมากเกินไปแล้ว”
ทักษอรจี๊ดที่โดนด่าจังๆ ธาริศหันไปบอกรัญธิดา “พี่..... พี่ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่าขอโทษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
รัญธิดาสบตาธาริศก่อนเดินออกไป ทักษอรมองธาริศที่มองตามรัญธิดาไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก็จี๊ดขึ้นอีกรอบ
“มากไปเหรอ แค่นั้นมันไม่มากไปหรอก ต้องอย่างนี้ซิ”
ทักษอรขาดสติวิ่งไปหารัญธิดาทันที กระชากผมให้หันกลับมาแล้วก็เอากระเป๋าถือกระหน่ำตีๆๆ รัญธิดา จนกระเป๋าหล่นข้าวของในกระเป๋าใบหรูหล่นกระจาย ยังไม่พอตามไปตบๆๆๆ รัญธิดาไม่ยั้งธาริศพยายามห้าม แต่ก็ห้ามไม่เต็มที่เพราะจะกระชากออกมาก็กลัวลูกกระเทือนลูกในท้อง
“อรอย่า อรพอแล้ว ระวังลูกในท้อง อย่า...”
จังหวะนี้แพทกะพีทวิ่งเข้ามาอีกทาง ประทินตามมา ชี้ให้สองคนดู ทักษอรที่กำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง กลางวัด
“อยู่นั่นครับ”
พีทเข้ามากระชากตัวทักษอรออก บอกเสียงเข้ม
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ นี้มันงานศพแม่ฉันนะ ให้เกียรติกันบ้างซิ”
ธาริศรีบบอก “ผมขอโทษครับ”
พีทส่งตัวทักษอรกลับไปให้ “พาภรรยานายกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้”
แพทรีบเข้าไปดูรัญธิดาที่นั่งกองอยู่ให้ลุกขึ้น
“ขอโทษค่ะ รัญไม่ได้ตั้งใจทำลายงาน…”
แพทส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดของหลานแน่ “น้ารู้ไม่ใช่ความผิดของรัญ”
ธาริศเสียงแข็ง “อร กลับบ้านเถอะ”
ทักษอรชี้หน้ารัญธิดาคาดโทษทิ้งทวน อย่างเอาเรื่อง
“เดี๋ยวค่ะ คุณ กระเป๋า”
ฝนรีบจะเข้าไปรวบข้าวของที่ตกรวมๆ อยู่ แต่ถูกทักษอรผลักไปเต็มแรง
“อย่ามายุ่งกับของในกระเป๋าของฉัน”
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทักษอรหยิบข้าวของใส่กระเป๋าตัวเอง ธาริศต้องเข้าไปช่วย ทักษอรรีบเช็คของ แต่ต้องตกใจพบว่ายาบางอย่างไม่อยู่ รีบมองหา
“อรหาอะไร” ธาริศแปลกใจ
“ยาของอร เอ่อ...เปล่าๆ ค่ะ ช่างมันเถอะ”
“นั่นหรือเปล่าคะ”
ฝนชี้ไปยังยาที่อยู่ข้างเท้าแพทไม่ไกลนัก
ทักษอรตกใจจนผิดสังเกต รีบพุ่งเข้าไปหยิบยา แต่ปรากฏว่า แพทอยู่ใกล้กว่าเลยหยิบได้ก่อน
“เอายาของฉันมา”
แพทจะยื่นให้ แต่ชะงักเมื่อเห็นซองยาติดป้ายตัวเล็กๆ แต่เห็นชัดเจนว่า “หญิงมีครรภ์ห้ามรับประทาน”
“เอ๊ะ คุณทานยานี้ได้ด้วยเหรอ ก็เค้าติดไว้ว่าห้ามหญิงมีครรภ์รับประทาน” แพทแปลกใจ
ทักษอรแหวใส่ “อย่ามายุ่งกับของๆ ฉัน”
ทักษอรจะคว้าเอายา แต่แพทไม่ให้ ทักษอรชักร้อนรนเมื่อธาริศเริ่มมองมาอย่างจับสังเกต ฝนเข้ามาดูตัวยาใกล้ๆ พบว่าเป็นยาแก้สิวโรเอคคิวเทน
“อุ๋ย นี่มันยาแก้สิวนี่ค่ะ พี่ฝนรู้จักดี หมอจ่ายให้พี่ฝนประจำ แถมยังกำชับแล้วกำชับอีก ว่าทานยาตัวนี้ ห้ามท้องเด็กขาดเพราะจะมีผลต่อเด็กทำให้พิการได้”
ธาริศชักสนใจมากขึ้นๆ “แล้วอรทานได้ยังไง อรไม่รู้เหรอว่ามันมีผลต่อลูกเรา”
“เอ่อ..อร......เอ่อ..” ทักษอรไปไม่เป็น
“ตกลงคุณท้องจริงหรือเปล่า” แพทถามขึ้น
ทักษอรถึงกับสะดุ้ง
“แกอย่ามาใส่ความฉันนะ พวกแกมันเลวทั้งนั้น แกต้องการจะแย่งพี่ธาริศไปให้นังหลานหน้าด้านของแก”
ทักษอรพาลจะเข้าไปตีแพท แต่พีทดึงตัวแพทไปไว้ข้างหลัง เอาตัวเองมายืนกันเอาไว้
“อย่านะอร อย่าทำอะไรคุณแพทเด็ดขาด”
“ฉันแค่ถามเท่านั้นเอง คนเป็นแม่ที่ไหนกันจะกล้ากินยาพวกนี้ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงคุณก็ตอบมาซิ” แพทว่า
ธาริศเห็นสีหน้าทักษอรซีดขาว ก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ
“พี่ธาริศอย่าไปฟังมันนะคะ ก็เราไปตรวจกันแล้วไง หมอก็ยืนยันแล้ว ว่าอรท้อง พี่ก็ได้ยินกับหู”
“ถ้าอรยืนยันแบบนี้ งั้นก็ไปตรวจกันอีกรอบ ดีมั้ยอร ไปซิไปตอนนี้แหละ เอายานี้ไปรึกษาหมอด้วย”
ธาริศจับมือทักษอรจะลากไป ทักษอรส่ายหน้าหนี น้ำตาคลอ พยายามแกะมือออก
“ไม่ๆ อรไม่ไป...อรไม่ไป”
ธาริศรู้ในทันที ถึงกับมือตกลง ปล่อยมือทักษอรเสียใจถึงขีดสุด
“อรกล้าทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ...”
ทักษอรจนตรอก หันมาโวยสู้
“ใช่ ก็เพราะอรรักพี่ยังไง อรสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้พี่อยู่กับอร”
“แม้กระทั่งได้แค่ตัว แต่ไม่มีหัวใจอรก็ยอมงั้นเหรอ”
“ใช่”
“งั้นอรไม่ได้รักพี่หรอก อรแค่เห็นพี่เป็นสมบัติอย่างหนึ่งของอรเท่านั้นเอง”
ธาริศเดินหนีออกไปทันที
“พี่ธาริศ อย่าไป อย่าทิ้งอรไป…”
ทักษอรแทบคลั่ง ยิ่งหันมาเห็นสายตาทุกคู่ที่มองมาอย่างตำหนิ จึงถอยห่างออกไป พีท แพท พารัญ ธิดาเดินไปในศาลา คนอื่นๆ ทยอยตามเข้าไป ทักษอรทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้โฮออกมาอย่างหมดสภาพ เคว้งคว้างอยู่คนเดียว ก่อนจะเงยหน้านองน้ำตา หันไปมองตามหลังแพทกับรัญธิดาด้วยสายตาโกรธแค้น
“เพราะพวกแก พี่ธาริศถึงทิ้งฉันไป”
ทักษอรกำมือแน่นอย่างเอาเรื่อง
ค่ำคืนนั้นทักษอรคลุมหัวปิดหน้าใส่แว่นดำ เหลียวซ้ายเหลียวขวา ดูว่าไม่มีใครตามมา หยุด แล้วเดินเข้าใปในบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง
เวลาเดียวกันทักษอรคลุมหัวปิดหน้า ใส่แว่นดำ เดินเข้ามาในบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง ที่ห้องด้านใน ชายกลางคนท่าทางน่ากลัวนั่งอยู่ พูดทักทายยิ้มๆ
“ไม่น่าเชื่อว่า คุณอรโตเป็นสาวแล้วจะสวยขนาดนี้ ตั้งแต่คุณพ่อคุณตายก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”
“ไม่ต้องมาเสียเวลารำลึกความหลัง ตกลงว่าไง ที่ชั้นโทร.ถาม ได้เรื่องมั้ย”
“ผมล้างมือแล้ว ไม่อยากเปื้อนเลือดอีก”
“งั้นแกพอจะมีคนมั้ยล่ะ ฉันมีงานสำคัญให้ทำ”
“มันก็ต้องดูว่าเงินถึงหรือเปล่า”
ทักษอรควักเงินออกมาปึกหนึ่ง ชายคนนั้นหยิบขึ้นมากรีดดู ยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะผิวปากเหมือนให้สัญญาณ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
“งานอะไร สั่งไอ้นี่ได้เลย มันยินดีทุกอย่าง”
ทักษอรหันไปมอง เห็นเป็นเปลี่ยนซึ่งใบหน้ามีริ้วรอยแผลเป็นจากบาดแผลที่ถูกธาริศยิงคราวก่อน
ทักษอรชะงัก คลับคล้ายคลับคลา แต่เปลี่ยนจำได้
“สวัสดีครับคุณทักษอร” เปลี่ยนทักทาย
ทักษอรเริ่มจำได้ “นาย...เปลี่ยน นี่ แกยังไม่ตายเหรอ”
อ่านต่อตอนที่ 19