อาญารัก ตอนที่ 18
เรียมร้อนใจมากแวะมาที่บ้านพักยายอ่อน เพื่อสอบถามเอากับโพล้งและแพร แต่สองคนก็ไม่ยอมบอกเช่นเดิม
“กระพ้มพูดไม่ได้ขอรับ”
“อิฉันก็มิอาจเอ่ยปากได้ดอกเจ้าค่ะ”
“หมายความว่าสองคนนี้อยากให้เนียนโดนลงโทษ เป็นเพื่อนเป็นญาติกันแบบไหน จึงได้ ไม่ดูแลกันเสียเลย” เรียมฉุน
เทิดศักดิ์เข้ามาพอดี
“คุณนายแม่ มาที่นี่ทำไมครับ ไม่เหมาะเลยนะครับ”
“เทิดศักดิ์ นั่นแหละมาวุ่นวายกับแม่ทำไม”
“โธ่ คุณนายแม่ครับ ผมเป็นห่วงจริงๆ นะครับ”
“ทีแรกที่คุณแม่ไม่พอใจเทิดศักดิ์ แม่ก็นึกว่าคุณแม่ท่านทำเกินไป แต่มาตอนนี้ แม่ชักเห็นด้วยกับคุณแม่เสียแล้ว เทิดศักดิ์อย่ามาควบคุมกีดกันแม่เรื่องการช่วยเหลือเนียน เสียแรงแม่อุตส่าห์ สนับสนุนเรื่องหมั้นหมายกับหนูติ๋ว”
“โธ่ คุณนายแม่ครับ ผมรีบมาเพราะเกรงว่า เอ้อ...” เทิดศักดิ์กระซิบบอก “ที่นี่มันเขตอันตราย”
เรียมร้อง “ฮ้า...”
เทิดศักดิ์กระซิบ “ครับ ..ยายอ่อนแกรู้อะไรดีๆ หลายเรื่อง ผมเกรงว่า ถ้ามีใครรู้แกว มันจะทำร้ายยายอ่อน”
“ตายจริง แม่ขอโทษ เทิดศักดิ์จะดูแลยายอ่อนอย่างไรรึ” เรียมตกใจมาก
“ผมส่งตำรวจมาคอยดูแกไว้ห่างๆตลอดเวลาครับ”
“แม่จะรีบกลับ นี่แม่จะโดนลอบทำร้ายไหม”
เอกพรวดมาอีกราย
“ท่านขุนให้มารับคุณเรียมกลับบ้านขอรับ”
“พี่เทพกลับมาแล้ว”
เรียมดีใจมาก เทิดศักดิ์บอก
“เชิญครับ คุณนายแม่”
เอกมองโพล้งกับแพรและยายอ่อน
“สบายดีอยู่รึ ยายอ่อน”
“สบายสิ พ่อเอกเล่า ยังเป็นมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกอยู่จนบัดนี้หรือเปล่าละพ่อ” ยายอ่อนถาม
เอกหัวเราะแล้วรีบพาเรียมกบและแมวกลับบ้าน
“นางกบ นางแมว แกสองคนพายเรือกลับ ส่วนชั้นจะขับเรือพาคุณนายเรียมกลับ เชิญขอรับคุณนาย”
“เกิดมีใครอยากทำร้ายชั้น”
“ชั้นยิ่งสวยๆ อยู่”
“อยากจะหัวร่อให้ฟันฟางทั้งปากหักหลุดลุ่ย ถ้าแกสองคนสวย ลองไปประกวดเทพีผีล้างป่าช้าปีนี้ดูสิ”
แล้วเอกก็วิ่งไปที่ท่าน้ำทันที สองคนค้อนขวับเอก
เรียมนั่งเรือมากับเอก ทั้งสองพูดคุยถามกันไปด้วย
“พี่เทพรู้เรื่องเนียนหรือยัง”
“ทราบแล้วขอรับ ท่านร้อนรนจะประกันตัวให้ได้ในคืนนี้ แต่มันหมดเวลาราชการแล้ว ท่านจึงดำริว่าจะไปวันพรุ่งนี้แต่เช้าขอรับ”
“แล้วท่านว่ากระไร เรื่องจะสามารถประกันตัวได้หรือไม่ได้”
“ท่านไม่ได้พูดว่ากระไรขอรับ แต่ท่านฟังหนูติ๋ว กับคุณท่านเล่าเรื่องเนียน ท่านทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างตามไปด้วย แปลกมากขอรับ ที่ท่านมั่นใจว่าเนียนไม่ผิด” เอกว่า
“ชั้นก็ว่าแปลก แต่แปลกไปในทางที่ดีมาก ขอให้วันพรุ่งนี้ เนียนยอมเปิดเผยกับพี่เทพด้วยเถิดว่าเนียนไปรอพบใครที่ท่าน้ำ”
เรียมมีความหวังว่าเนียนจะได้ประกันตัว
สองคนนั่งกินอาหารประเภทกับแกล้มโดยไม่มีกินเหล้าที่ห้องนั่งเล่นบ้านพักนายอำเภอ
“สรุปว่า เรื่องน้าเนียนยกที่นาให้ชั้นป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุด”
“น้าเนียนรู้จักแกมาตั้งนาน ไม่เคยปริปากหรือทำท่า แย้มพรายอะไรบ้างเลยรึ”
“ไม่มี กันน่ะบ่นเรื่องนี้ให้แกฟังหลายครั้ง แกก็ไม่ยอมบอกว่าแกยกที่ดินให้ใคร กันก็พาลนึกว่าแกยกให้ลูกชายของแกที่พลัดพรากจากกันเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ยังหาตัวกันไม่พบ”
“ยัยอ่อนน่าจะรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ความที่แกอยากได้ที่นานั่น แกไปสืบมาจนได้ ว่าที่แท้แกนั่นเองคือผู้รับมรดก น้าเนียนต้องรู้เรื่องแม่แก พ่อแกตัวแกแน่ๆ แต่ทำไมไม่พูด”
“หรือว่าเหมือนดังนิยาย พ่อแม่กันท่านฝากที่นานี้ไว้กับน้าเนียนก่อนตาย แล้วให้น้าเนียนปิดเป็นความลับ เทิดศักดิ์แกว่ากันควรทำอย่างไรดีกับน้าเนียน อยากจะถาม อยากจะพูด จะเอ่ยปาก แต่กันไม่รู้ว่าน้าเนียนคิดอย่างไร”
“แกก็เอาผ้าขาวม้าปูแล้วกราบขอบพระคุณน้าเนียนแกสิแล้วถามว่า ถ้าน้านียนไม่รู้จักพ่อแม่และผม น้าเนียนยกที่นาให้ทำไม”
“กันยังไม่กล้า รอเวลาให้เรื่องคดีผ่านไปก่อน กันจะถาม ที่อยากถามที่สุด คือน้าเนียนไปพบใคร”
“กันว่าคุณพ่อท่านเอาอยู่ น้าเนียนเปิดปากบอกคุณพ่อแน่ พรุ่งนี้เช้า เราไปฟังด้วยกัน”
“อืม เจอกันวันพรุ่งนี้ ขอให้เป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส น้าเนียนปลอดภัย”
“แต่กันหดหู่ลงทุกวัน ตอนนี้คุณย่าเกลียดน้ำหน้ากันมาก กันว่าสาเหตุมาจากคุณแม่ คุณย่าท่านสงสัยว่าคุณแม่ คือคนลงมือฆ่ายัยช้อยแน่ๆ”
“แกปรักปรำแม่ตัวเองหนที่สามแล้ว”
“อะไรหลายอย่างมันบ่งชี้” เทิดศักดิ์ถอนใจ “สุดท้ายคนที่ไม่สบายใจที่สุดอาจเป็นกัน เฮ้อ…”
แดงน้อยตบบ่าเพื่อน ปลอบใจ
ขุนภักดีนั่งมองหน้าสน กินข้าวไปหนึ่งคำ แล้วมองหน้าสนอีก สนดีใจแต่ก็ดูออกว่าท่าทีท่านขุนแปลกๆ ไป
“สนดีใจมากที่พี่ขุนกลับมาถึงปุ๊บ มากินข้าวเรือนสนทันที”
แต่ขุนภักดีกินไปคิดไป ไม่มองหน้าสน
“สน หน้าตาสน...”
“หน้าสนมีอะไรแปลกไปหรือคะ”
ขุนภักดี นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่สนทำท่าจะแทงเนียน แต่มีเสียงถมร้องตะโกนแสร้งทำเป็นเสือหนักมาขัดก่อน
“หน้าตาสนดูหวาดระแวง กลัวอะไรอยู่รึ”
“ไม่มี้ ไม่มีดอกค่ะ”
“น่าสงสารไอ้ถมเหลือเกิน เพราะพี่ทีเดียว มันจึงตาย”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ขุนดอกค่ะ มันก็คงไปกำความลับของใครเอาไว้”
“มันจะกำความลับของใครนอกจากเนียน เพราะพี่สั่งให้มันไปส่งเนียน ที่สามชุก รึสนรู้ว่ามันกำความลับใครไว้นอกจากเนียน”
“วุ๊ย สนไม่รู้ดอกคะพี่ขุน อย่ามาดักคอสนสิคะ”
“พี่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่ไม่ดีเอาเลย มีคนในบ้านและคนที่เกี่ยวข้องตายเป็นว่าเล่น ปกป้องคุ้มครองมันไม่ได้สักคน”
“เพราะว่าเนียนนี่มันร้ายลึกมากนะคะพี่ขุน เนียนน้ำนิ่งไหลลึกมากค่ะ”
“สนคิดเช่นนั้นรึ”
“ค่ะ”
“อืม พรุ่งนี้พี่จะไปประกันตัวเนียน”
“พี่ขุนจะไปประกันตัวมัน ก็ไหนเขาว่า ถ้ามันไม่ยอมเปิดปากบอกว่ามารอใคร มันไม่ได้ประกันตัวดอกค่ะ”
“แต่พี่จะไปประกัน เอ้อ สนคิดว่าเนียนมารอใครรึ”
“รอเสือหนักค่ะ” สนบอกทันที โดยไม่ต้องคิด
“อ้อ แต่พี่ฝันตอนที่อยู่บางกอก ว่า…”
“กระไรคะ”
“พี่ฝันถึงสน”
“ฝันถึงสน ตายจริง นี่พี่ขุน ถึงกับเอาสนไปฝันถึง แหมอายจังค่ะ” สนยิ้มเขิน
“พี่ฝันเห็นสนถือมีดคมกริบ”
สนตะลึง “พี่ขุน”
“สนกำลังไล่แทงคน”
“พี่ขุน”
ขุนภักดีหัวเราะเบาๆ “ก็แค่ความฝัน ที่พี่ขออย่าให้มันเป็นจริง”
พอพูดจบท่านขุนก็ลุกขึ้นหน้าตาเฉย
“พี่ขุน จะกลับแล้ว”
“กลับไปหาเรียม กลับมายังไม่ทันได้พูดจาเพราะเรียมไม่อยู่”
“คุณพี่เรียมไปไหนคะ”
ขุนภักดีส่ายหน้า สนสงสัยขึ้นมา
“พี่ขุนยังกินข้าวไม่เสร็จ”
“พี่จะไปกินกับเรียม ที่ผ่านมาพี่ทำเลวกับเรียมไว้มากมาย แต่เรียมไม่เคยเคืองพี่สักครั้ง เรียมอภัยให้พี่ สนับสนุนพี่ทุกอย่าง แม้แต่พี่อยากได้สน เรียมก็เอ่ยปากก่อนที่พี่จะขอด้วยซ้ำ พี่ต้องแก้ตัว พี่ต้องแก้ไขในสิ่งผิดพลาดแต่หนหลัง สนเล่ารักพี่มากไหม”
“มากสิคะ มากที่สุดกว่าใดๆ ในโลกนี้ค่ะ”
“ไฮ้ ...พี่ไม่ต้องการให้สนรักพี่มากที่สุด พี่อยากให้สนรักเทิดศักดิ์ให้มากที่สุด คนเราไม่ควรรักผัวรักเมียมากกว่ารักลูก และพ่อแม่”
“พี่ขุนกำลังจะบอกอะไรสนหรือคะ”
“สนทำสิ่งใดให้นึกถึงเทิดศักดิ์ให้มากๆ ชื่อเสียงของลูก ย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของพ่อแม่ด้วย”
“สนคิดถึงเทิดศักดิ์ตลอดเวลาค่ะ”
“ขอบใจมาก ที่ผ่านมาพี่ไม่รู้ดอกว่าสนเคยทำอะไรผิดหรือไม่ผิดมากน้อยประการใด แต่พี่ขอร้องให้สน ร่วมมือกันทำแต่สิ่งดีงามให้ตระกูลภักดีภูบาลของเรา เลิกเกลียดชังใครที่สนเกลียดชังเสีย ใจสนก็จะสงบ บ้านเราก็จะสงบ ลูกเราก็จะมีแต่ความสุข พี่รักสนไม่น้อย พี่ไม่อยากเห็นสนทุกข์ระทมยามแก่เฒ่า”
สนพูดไม่ออก ท่านขุนลูบหัวสนอย่างเวทนา แล้วหันตัวกลับ ลงเรือนไปทันที
“พี่ขุนพยายามจะบอกใบ้อะไรเรา สายเกินไปแล้วค่ะพี่ขุน สนกลับตัวกลับใจไม่ทันแล้วค่ะ”
สนบอกกับตัวเอง
ไม่นานต่อมา ขุนภักดีอยู่บนเรือนใหญ่ ดึงเรียมมาโอบกอดอย่างแสนรัก
“เรียมจ๊ะ พี่รักเรียมมาก ทั้งรักทั้งเทิดทูน”
“พี่เทพเป็นอะไรคะ จู่ๆ มาบอกรักกันตอนกำลังจะมีหลาน”
“พี่รู้สึกเช่นนั้นกับเรียมจริงๆ ไม่ใช่แค่พี่จะมาตอกย้ำความรักตอกย้ำความเทิดทูนเท่านั้น พี่จะขอโทษเรียมด้วย”
“ขอโทษ เรียมทำไมคะ ไม่เคยถือโทษโกรธพี่ขุนสักครั้ง”
“นั่นแหละยิ่งทำให้พี่ละอายแก่ใจ เรียมจ๋าพี่ขอโทษ ที่ไม่ประพฤติเป็นผัวเดียว เมียเดียว ถึงเรียมจะยินยอม แต่ลึกลงไปในหัวอกคนที่เป็นเมียคนแรก เรียมคงชอกช้ำมากมาย”
“เรื่องราวมันผ่านมานานแล้วค่ะ”
“ยังมีอีกเรื่อง พี่ทำให้เรียมไม่สบายใจเรื่องที่เรียมไม่มีลูก พี่หาเหตุมีเมียอีกเพื่อมีลูก ความจริง ไม่จำเป็นเลย พี่ข่มขู่เรียมว่าอย่าทำให้ลูกพี่ในท้องเรียม มีอันเป็นไปไม่เช่นนั้นเราขาดกัน พี่ผิดจริงๆ”
เรียมเสียวในใจวูบ
“เอ้อ...”
“พี่เห็นแก่ตัวเหลือเกิน”
“ขอบคุณมากค่ะ พี่เทพ ที่พี่เทพแสดงน้ำใจกับเรียม”
“พี่ไปบางกอกครั้งนี้พี่ใช้เวลาไตร่ตรองตัวเอง และได้รับคำสั่งสอนเตือนสติจากท่านเจ้าพระยา พี่เปลี่ยนเป็นคนใหม่โดยแท้จริงแล้ว นะจ๊ะเรียม”
“เรียมดีใจมากค่ะ พี่เทพ พรุ่งนี้เรียมจะรอข่าวดีจากพี่เทพ เรื่องเนียน”
“พูดถึงเนียน พี่ก็มีเรื่องดีๆ จะบอกเขา แต่ไม่ทันได้บอก กลับมาจะบอกก็เกิดเรื่อง พรุ่งนี้เถิดพี่จะบอกเขาเสียที”
“คงเป็นเรื่องดีงามนะคะ พี่เทพ”
“ใช่จ้ะ เรื่องดีงาม แต่ในฐานะที่เรียมเป็นคนสะกิดเรื่องนี้กับพี่เสมอมาพี่บอกเรียมคนแรกก็ได้”
“พี่เทพจะบอกอะไรเรียมคะ”
“พี่เชื่อแล้ว ว่าหนูติ๋วเป็นลูกพี่”
เรียมตกใจระคนดีใจ “พี่เทพ”
“พี่ขอบใจที่เรียมคอยเตือนสติพี่ เอ้อ...แต่พี่ พี่ไม่กล้าจะเอ่ยปากบอกหนูติ๋ว พี่อาย พี่เคยทำไม่ดีกับแกเอาไว้ เรียมแนะนำพี่ได้ไหม ว่าพี่ควรทำอย่างไรกับแกดี”
“ก่อนอื่น พี่เทพไปประกันตัวเนียนมาให้ได้ก่อน พูดจากับเนียนเรื่องนี้แล้วค่อยๆ ไปพูดกับหนูติ๋ว”
“ตกลง ขอบใจเรียมมากจ้ะ”
สองคนดูสบายอกสบายใจ และมีความสุขมาก
ขณะเดียวกันทั้งสองต่างนอนไม่หลับเช่นเดียวกัน เนื้อทองนอนยิ้มน้อยๆ มั่นใจว่าท่านขุนช่วยประกันแม่ได้
นึกถึงใบหน้าเมตตาที่ท่านขุนยิ้มส่งมาให้
เนื้อมทองยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก
“เพราะเหตุใดหนอท่านขุนจึงดูเปลี่ยนไปกับเรา ยิ้มให้เราเหมือนยิ้มให้คุณหนูอี๊ด”
ส่วนทองจันทร์นอนไม่หลับ มองไปบนขื่อด้านบน เห็นแมงมุมอุ้มไข่ ไต่ตีอกชกหัว อยู่ไปมา
“แมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีอกชกหัว โบราณถือ”
ขาดคำแมงมุมก็ตกลงมาตาย ตรงหน้าทองจันทร์ร้องลั่น
“ว้าย”
เนื้อทองสะดุ้งรีบมาดู
“คุณย่า ตกใจอะไรหรือคะ”
ทองจันทร์ชี้แมงมุม อุ้มไข่ที่ตกลงมาตายตรงหน้า
“แมงมุมนั่น มันตกลงมาตายตรงหน้าย่า มันคือลางสังหรณ์ไม่ดี”
“ไม่จริงค่ะ คุณย่า แมงมุมนั่นมันตายตามธรรมชาติของมันค่ะ”
“มันตกลงมาตายตรงหน้าย่า ทำไมมันไม่ตกลงมาตายที่อื่น มันกำลังจะบอกอะไรย่า”
“คุณย่าขา ไข่มันหนัก มันก็เลยตกลงมา แค่บังเอิญเท่านั้นค่ะ ที่ตกลงมาตรงนี้ ถ้าคุณย่าไม่สบายใจ พรุ่งนี้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์กับท่านพระครูดีไหมคะ”
“ดี ๆๆ ขอบใจนะ ที่ปลอบใจย่า มีหลานสาวเขาก็ไม่เหลียวแลคนแก่ว่ากันว่า บางทีญาติกันก็สาวไส้กันไอ้กากิน แต่บางคนไม่ใช่ญาติก็ ยิ่งกว่าญาติ”
ทองจันทร์ดึงเนื้อทองมากอด
“เด็กดีของย่า หนูช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน แล้วจะไม่ให้ย่ารักของย่ามากกว่าหลานแท้ๆ สองคนนั่นได้อย่างไร วันนี้ขอย่ากอดให้เต็มที่สักทีนะหนูติ๋วนะ”
“ค่ะ”
เนื้อทองกอดตอบ สองคนกอดกันกลม ทองจันทร์น้ำตาคลอ
“ย่าอยากอยู่เห็นเหลน แต่ย่าไม่รู้ดอกว่า จะอยู่ทันได้เห็นไหม” หญิงชราครวญ
“หนูขอให้คุณย่าสมหวังค่ะ คุณย่าขา หนูรักคุณย่าค่ะ”
“ย่าก็รักหนู รักมากๆ รักจริงๆ”
สองคนกอดกันน้ำตาซึมไปทั้งคู่
เวลาเดียวกันเนียนนั่งนิ่งพยายามข่มใจอยู่ในห้องขัง ภาพลูกสามคน แดงน้อย เนื้อทอง และ ทานตะวันผุดขึ้นในความคิดเนียนสะท้อนใจ น้ำตาไหลริน
“ลูกรักทั้งสามของแม่ ชาตินี้แม่คงไม่ทันได้เห็นลูกทั้งสามรักใคร่ปรองดอง ยอมรับนับถือว่าเป็นพี่น้องกัน”
เนียนวิตกเรื่องลูกทั้งสาม นั่งน้ำตาซึมอยู่อย่างนั้น
สนนั่งหลับอยู่ฝันเห็นช้อยนำฝูงคนตายที่สนฆ่าทั้งหมดพากันเดินดาหกน้ามาหาสน ทุกคนถือมีดในมือ
“อีสนอีคนใจแคบใจดำ กูจะฆ่ามึง พวกเราฆ่าอีสนเชือดเฉือนเนื้อเอาเกลือทาโยนให้อีกากิน”
พร้อมกันนี้คนอื่นดาหน้าพากันทำท่าแทงสน นำโดยช้อย ทุกคนหัวเราะดีใจ มีความสุข
“อีสน มึงตาย”
สนตกใจตื่นกรี๊ดลั่นบ้าน “แอร๊ย”
เทิดศักดิ์เข้ามา “คุณแม่”
สนกำลังพยายามเอามือปัดป้อง
“อย่า อย่านะ พวกมึงอย่ามายุ่งกับกู…”
“คุณแม่พูดถึงใครครับ”
สนตื่นเต็มที่ “เทิดศักดิ์”
“คุณแม่ละเมออีกแล้ว บอกผมนะครับ คุณแม่กำลังกลัวอะไร พวกมึงที่ คุณแม่เอ่ยถึงคือใครครับ”
“แม่เอ่ยหรือ แม่ไม่ได้กลัวอะไร แม่แค่ คิดมากเรื่องเนียน เรื่องคนตาย”
“ถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำอะไร เกี่ยวข้องกับพวกเขา คุณแม่ก็อย่าไปกังวลนะครับ”
“แม่อยากอยู่คนเดียว ให้แม่อยู่คนเดียวนะเทิดศักดิ์”
เทิดศักดิ์คร้านจะพูดกับแม่ จึงพยักหน้าเดินออกจากห้อง สีหน้าไม่สบายใจเอาเลย
รุ่งเช้าเรียมกับขุนภักดีเดินตรงมาที่เรือนทองจันทร์ ขณะที่เนื้อทองซึ่งจะไปสอนหนังสือกำลังไหว้ลาทองจันทร์พอดี
“คุณย่าขา หนูไปสอนหนังสือนะคะ”
“ไปเถิดลูก ไปแล้วกลับมาพบข่าวดีของแม่หนูนะลูกนะ”
“ขอบพระคุณค่ะ คุณย่า”
เรียมกับท่านขุนเดินมาถึง สายตามองไปที่เนื้อทอง
“คุณแม่ครับ ผมจะไปประกันตัวเนียนแล้วครับ”
“ให้สำเร็จนะพ่อเทพ”
“ครับ คุณแม่ เอ้อ จะไปสอนหนังสือรึ” ตอนท้ายขุนภักดีถามเนื้อทอง
“เจ้าค่ะ”
ท่านขุนติดอ่างไปเลย “เอ้อ...”
“คุณพ..เอ๊ย ท่านขุนกำลังจะออกไป หนูติ๋วออกไปพร้อมกันสิจ๊ะ” เรียมเกือบหลุดว่า...คุณพ่อ
“เอ้อ หนู ไปเองได้ค่ะ”
“ทำไมถึงไปด้วยกันไม่ได้ เห็นชั้นเป็นยักษ์เป็นมารรึ”
“เกรงว่าน่ะใช่นะพ่อเทพ ใจร้ายกับมันจนมันกลัวลนลาน จู่ๆ มาทำใจดี แต่ก็ดีไปสิหนูติ๋ว” ทองจันทร์บอก
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
ทานตะวันตามมาถึงเช่นกัน
“นั่นจะไปไหนกันไม่ทราบค่ะ”
“ไปประกันตัวเนียน ไปส่ง หนู เอ้อ ติ๋วไปสอนหนังสือ หนูอี๊ดจะไปร้านหรือยังไปกับพ่อ พ่อไปส่ง”
“หนูไม่ต้องการนั่งรถคันเดียวกับลูกชู้ลูกฆาตกร”
สามคนโมโห “ยัยอี๊ด”
ทานตะวันบ่นบ้าต่อ
“ร้านทำผมไม่ทำงานเช้านี่คะคุณพ่อ ว่าแต่คุณพ่อจะไปประกันตัวฆาตกรทำไมคะ ไม่อายหรือคะ”
“พ่อไม่มีอะไรต้องอับอาย พ่อมั่นใจว่าเนียนไม่ผิด แต่โดนใส่ร้ายถ้าลูกยังไม่ไปทำงาน พ่อไปก่อน”
“แหม ยัยติ๋วหน้าบานเหลือเกินนะยะ ได้นั่งชูคอในรถเก๋งท่านข้าหลวงไปสอนหนังสือ หอกข้างแคร่แท้ๆ”
“หนูอี๊ด พ่อขอนะ อย่ากระแนะกระแหนใครอีก”
“นี่คุณพ่อเป็นไปแล้วอีกคน คิดว่าจะมีแต่คุณแม่กับคุณย่าเท่านั้นซื้อรถให้หนูขับไปทำงานสักคันนะคะ คุณพ่อ หนูไม่อยากนั่งทับรอยคนบางคน เดี๋ยวฆาตกรก็ต้องนั่งรถคันนี้กลับมา”
“ถามคุณแม่ดูเถิดว่าตกลงไหม ถ้าคุณแม่ตกลง พ่อก็ตกลง”
ทานตะวันหันไปมองเรียมรอฟัง เรียมส่ายหน้า
“ยังไม่ตกลง จะตกลงต่อเมื่อหนูเปลี่ยนนิสัยได้ พี่เทพรีบไปสิคะเสียเวลามากแล้วนะคะ”
ขุนภักดีหันไป เนื้อทองเดินตามหลังต้อยๆ ทานตะวันเดินเบียดใส่เนื้อทองจนเซไปพร้อมกับด่า
“มารความสุข”
ทองจันทร์กับเรียมมองหน้ากัน แล้วส่ายหัวระอาใจเหลือแสน
อ่านต่อหน้า 2
อาญารัก ตอนที่ 18 (ต่อ)
ฟากเนื้อทองไม่กล้าขึ้นรถที่เอกเปิด ให้ไปนั่งข้างๆ ท่านขุน
“เอ้อ หนูนั่งข้างหน้ากับลุงเอกได้ค่ะ”
“นั่งข้างหลัง แล้วมันเสียหาย หรือไม่สนุกรึอย่างไร”
“เอ้อ เปล่าคะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็มานั่งสิ”
เนื้อทองก้าวขึ้นไปนั่ง เอกเดินมาที่นั่งคนขับ พึมพำเบาๆ
“นี่มันอะไรกันหนอ ถึงได้ยุบหนอพองหนอกันยกใหญ่”
รถเคลื่อนตัวมาตามทาง ขุนภักดีลอบมองลูกสาว ส่วนเนื้อทองเอาแต่นั่งก้มหน้า เอกมองกระจกส่องหลังงงๆ
“ถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพแล้วหนูติ๋ว”
เนื้อทองไหว้ขุนภักดี ท่านขุนทำท่าเหมือนจะมาลูบหัว
เอกร้อง “อะแฮ้ม” ขณะมาเปิดรถให้เนื้อทองลงไป
“ไอ้เอก อะไรติดคอเอ็งรึ”
“เปล่าขอรับ”
“รีบไปโรงพัก”
เอกกุลีกุจอ
ที่หน้าโรงพัก ผู้กำกับเอย ตำรวจน้อยใหญ่ แดงน้อย และเทิดศักดิ์ ต่างมารอรับขุนภักดีกันพร้อมเพรียง รถจอดท่านขุนก้าวลงมา ทุกคนทำความเคารพ แดงน้อยคนเดียวที่ไหว้
“ไม่ต้องมาต้อนรับกันขนาดนี้ดอก ผู้กำกับ ผมมาขอประกันตัวนางเนียน
“ครับท่านข้าหลวง เอ้อ... แต่กระผมขออนุญาตให้หมวดเทิดศักดิ์เจ้าของคดี กับนายอำเภอ แดงน้อยสอบถามอะไรท่านบางอย่าง”
“ได้สิ พร้อมเสมอ”
สามคนอยู่ในห้องตามลำพัง แดงน้อยกับ เทิดศักดิ์ตกตะลึง
“คนที่ เนียนมารอพบคือพ่อเอง”
“คุณพ่อ” สองหนุ่มอุทาน
“พ่อเป็นคนส่งเนียนขึ้นเรือกลับไปงานศพที่สามชุกกับไอ้ถมด้วยตัวเอง แล้วสั่งให้ไอ้ถมไปรับเขากลับมาหาพ่อ เขารอพ่อนั่นเอง”
“อะไรกันนี่” เทิดศักดิ์งง
“น้าเนียนไม่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้ เด็ดขาด” แดงน้อยว่า
“เพราะเขาเป็นเช่นนี้เสมอมา เขาจึงพบแต่ความทุกข์ไม่เสื่อมคลาย เขายอมติดตะรางเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เขารู้ว่าพ่ออาย พ่อต้องเสียเหลี่ยมลูกผู้ชายที่มานั่งรอเขา”
“แล้วเรื่องรองเท้าเล่าครับ” เทิดศักดิ์ซัก
“เนียนถอดวางไว้ พอพ่อได้ยินเสียงเทิดศักดิ์มา เนียนหารองเท้าไม่เจอพ่อก็เลย รีบให้เนียนขึ้นเรือ กลัวเทิดศักดิ์มาเจอแล้วพ่อเสียหน้า”
“คุณพ่อพบคุณแม่สนหรือเปล่าครับ” แดงน้อยถามบ้าง
“ไม่ได้พบ หมายถึงว่า เขาไม่เห็นพ่อ แต่พ่อเห็นเขาพบเนียนจริง”
“แล้วเรื่องเสียงตะโกนบอกเสือหนักมาเล่าครับ” เทิดศักดิ์ถามต่อ
“เสียงไอ้ถม พ่อให้ไอ้ถม ไปตะโกนหลอกแม่แก มิฉะนั้นแม่แกจะติดพันกับเนียน แถม แม่แก...”
“ทำไมหรือครับ” เทิดศักดิ์สนใจ
ขุนภักดีตัดบท “ไม่มีอะไร พ่อพูดจนหมดเปลือกขยายขี้เท่อจนหมดพุง พาพ่อไปประกันตัวเนียนได้แล้ว”
สองคนพยักหน้า ท่านขุนลุก
ไม่นานต่อมา เทิดศักดิ์มาไขประตูห้องขังให้เนียนด้วยตัวเอง
“น้าเนียนครับ เชิญครับ”
เนียนงงใหญ่ “นี่ นี่”
“คุณพ่อมาครับ” แดงน้อยบอก
“พี่มาประกันตัวเนียนจ้ะ” ขุนภักดีเอ่ยขึ้น
เนียนตะลึงในคำพูดของท่านขุนที่ไม่อายใคร เรียกตัวเองว่าพี่กับเนียน แดงน้อยกับเทิดศักดิ์งงอีกครั้ง
“เอ้อ เนียน เนียนกราบ ขอบพระคุณมากค่ะ”
เนียนทำท่าจะทรุดตัวลงไปกราบ ขุนภักดีประคองไว้
“กลับบ้านเรานะเนียน”
เนียน “เอ้อ...” อีก
“ไปสิ”
เนียนเดินไปขุนภักดีมาเดินเคียงข้าง แตะข้อศอกเนียนไว้
“เอ้อ...”
ท่านขุนกระซิบดุ “มีแต่คนรับใช้ต่างหากที่เดินตามหลัง นี่เมียทั้งคน”
เนียนอึ้ง อายแทบม้วนลงไปกองกับพื้น แดงน้อยกับเทิดศักดิ์มองตามยิ้มๆ ในอาการพิศวงงงงวยไปด้วย
ขุนภักดีเดินแทบจะจูงมือเนียนพามาที่ท่าน้ำอันเงียบสงบ บรรยากาศงดงามสบายตา
“เอ้อ...จะพาเนียนไปไหนหรือคะ”
“พาไปนั่งกินลมชมธรรมชาติจ้ะ”
“เอ้อ...”
“เอ้อ เอ่ออ่านี่ไม่เลิกเสียทีนะเนียน พี่จะพาเนียนไปทำอะไรเดี๋ยวก็รู้ เรือจอดอยู่นั่นไปขึ้นเรือสิ”
“ค่ะ”
ท่านขุนดึงมือเนียนเดินไปต่อ เห็นเรือมีหลังคาจอดรออยู่
ส่วนที่โรงพักสองหนุ่มคุยกันเรื่องความเปลี่ยนแปลงของขุนภักดี
“อยากรู้จริงๆ ว่าคุณพ่อท่านให้นายถมไปรับน้าเนียนมาทำไม” เทิดศักดิ์คาใจ
“ทำไมก็ช่างเถิด กันดีใจที่ตอนนี้ คุณพ่อของแกไม่รังเกียจน้าเนียน”
“ไม่ใช่แค่ไม่รังเกียจ ดูรักใคร่มากมายเอาเสียด้วย เพราะอะไรหนอ”
“เพราะอะไรก็ตาม น้าเนียนคงพ้นทุกข์พ้นโศกเสียที” แดงน้อยว่า
“ทำไมคุณพ่อต้องให้นายถมตะโกนคำว่าเสือหนักมาเพื่อขู่คุณแม่นะ”
“นายถมกำความลับของน้าเนียน แล้วใครฆ่านายถม จะมาโทษน้าเนียนไม่ได้ เพราะนายถมโดนฆ่าตายตอนที่น้าเนียนแกติดตะรางอยู่”
พูดจบภาพที่สน โวยวายไล่แล้วอ้างว่าละเมอผุดขึ้นในหัวเทิดศักดิ์
“มันอาจไม่ได้ตายเพราะกำความลับของน้าเนียน แต่ตายเพราะไม่ยอมคายความลับว่าน้าเนียนมาหาใคร หรือไม่ก็กลัวว่านายถมจะมาเป็นพยานที่เห็นน้าเนียนตลอดเวลาตอนมาที่ท่าน้ำ นายถมยังเป็นคนไปส่งน้าเนียนไปสามชุก แล้วจะเอาเวลามาฆ่ายัยช้อยตอนไหน”
“เรื่องรองเท้าที่หายไปมาอยู่ในที่เกิดเหตุง่ายๆ เพราะว่า มีคนจงใจเอาไปวางไว้เพื่อใส่ร้ายน้าเนียน อัยการคงไม่ส่งฟ้องศาล แต่ตำรวจคือแกนั่นแหละต้องสืบหาว่าใครเอารองเท้าไปไว้เพื่อกลั่นแกล้งน้าเนียน”
“กันไม่สบายใจ กันกลัวเหลือเกินว่ากันจะจับแม่ตัวเองเข้าคุก กันกลัวว่าเรื่องที่กันกลัวจะเป็นความจริง”
แดงน้อยหนักใจแทนเพื่อนไปด้วย ชักเริ่มเห็นด้วยตามเทิดศักดิ์ เรื่องที่ว่าสงสัยสนเป็นผู้ต้องหาตัวจริง
เรือลำหนึ่งล่องไปตามลำน้ำในแม่น้ำท่าจีน ขุนภักดีกับเนียนนั่งเคียงกันในเรือลำนั้น เนียนดูมีความสุขมาก ท่านขุนก็เช่นเดียวกันเฝ้าแต่มองหน้าเนียนตลอดเวลา พูดไปพูดมาก็กุมมือเนียนอย่างรักใคร่
“พี่รู้นะว่ามีใครกำลังใส่ร้ายเนียน คนคนนั้นเกลียดเนียนมานานมากแล้ว พี่มันโง่เอง โง่ที่สุดในบ้าน ใช้ความหูเบาตัดสินเนียน พี่ไม่ยอมใช้เหตุผลไม่ฟังเรียมกับคุณแม่ แต่ไปฟังเอ้อ...” ขุนภักดีค้างคำไว้แค่นั้นไม่พูดต่อ
“ตอนนี้พี่ขุนเข้าใจเนียนดีแล้ว ก็พอแล้วค่ะ อย่าไปเอ่ยถึงคนอื่นเลยนะคะ”
“นี่แหละ นี่คือเนียน ไม่อยากเอ่ยถึงใครในด้านเสียหาย จนทำตนเอง เสียหายมาตลอดเวลา แต่ต่อไปนี้ พี่สัญญา ไม่มีอีกแล้วจ้ะเนียน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ พี่ขุน”
“วันนี้พี่จะขอพูดทุกอย่างให้หมดเปลือก เราจะไม่สงสัยกันและกันอีกต่อไป พี่อยากจะบอกเนียนว่า พี่ไม่ติดใจเรื่องที่เนียนมีลูกมีสามีมาแล้ว พี่เข้าใจดีว่าเนียนต้องทำเพื่อพ่อของเนียน เนียนจึงต้องมาขัดดอกอยู่ที่บ้านของพี่ เนียนมิได้หลอกลวงพี่ เนียนบ่ายเบี่ยงพี่แล้ว แต่พี่ไม่ฟังเองคนที่เนียนมาพบที่ศาลาคืนนั้นคือพี่ชายไม่ใช่ชู้ของเนียน”
“เอ้อ เขาเป็นพี่ชายของเนียนค่ะ เขามาเอาทองไปขายเพื่อรักษาตัวลูกชายที่ป่วยหนักของเนียนค่ะ เนียนกราบขอโทษที่เอาของที่พี่ขุนให้ไปใช้โดยไม่ขออนุญาตค่ะ”
“มันเป็นของเนียนแล้ว เนียนจะเอาไปทำอะไร เอาไปโยนทิ้งมันก็สิทธิ์ของเนียน พี่อาละวาดเฆี่ยนตีเนียนเพราะหึงหวงเป็นสำคัญ”
“พี่ขุนจะไม่ถามดอกหรือคะ ว่าพี่ชายเนียนคือใคร”
“พี่ไม่ต้องการรู้ดอก เนียนจ้ะพี่อยากรู้จักลูกของเนียน พี่ไม่รังเกียจเขา พี่ยินดีต้อนรับเขา บอกพี่สิว่าเขาอยู่ที่ไหน”
เนียนยิ้มทั้งน้ำตา
“เนียนขอเวลา ให้คดีของเนียนสิ้นสุดลงก่อน แล้วเนียนจะพาเขามากราบพี่ขุน เพราะถึงตอนนี้ เขาเองยังไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่าเขาคือลูกของเนียน”
“ตกลงจ้ะ”
ขุนภักดีเยื้อนยิ้มจับมือเนียนมากอบกุมไว้อย่างแสนรัก
ฟากสนนั่งทอดสายตามองเหม่อไปในสายน้ำ ท่าทีว้าวุ่นและหวาดผวา หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง
ภาพเหตุการณ์ที่ตนกำลังจะแทงเนียน แล้วเสียงถมตะโกนว่าเสือหนักมาๆ ผุดมาหลอกหลอน ผสมกับเสียงท่านขุนที่แวะมาหา และบอกสนเรื่องฝันว่าเห็นสนถือมีดคมกริบไล่แทงคน
“พี่ขุนฝันจริงรึว่าดักคอเรา นี่เราเป็นอะไรไป นรกมันกำลังเกาะกินใจเราอยู่หรือนี่ กินข้าวก็ไม่ได้ นอนก็หลับไม่ลง อีวายร้ายช้อยมันพาพวกนั้นมาไล่ฆ่าเอา โอ๊ย อยากจะกระโดดน้ำตายเหลือเกิน”
สนลุกเดินไปยืนที่ท่าน้ำ หมิ่นเหม่มาก ครั้นพอมองลงไปที่พื้นน้ำด้านล่าง ก็ต้องตกใจ
“อีช้อย”
สนแลเห็นใบหน้าโชกเลือดของช้อยที่มองมาที่สนจากใต้ผืนน้ำที่กั้นอยู่ ช้อยกวักมือเรียกสนหยอยๆ
“มาสิ อีสน มาสิมาหากู”
สนตกใจผงะกรีดร้อง
“อีช้อย ไปให้พ้น”
สนหันหลังกลับวิ่งหนีไป เจอเอากับกบและแมวสวนมาพอดี
“คุณสน”
สองคนมองหา
“คุณสนเจอผีอีช้อย”
“ผีอีช้อยมันอยู่ไหนหรือคะ”
“อีบ้า มึงอย่ามาซักไซ้กูนะ อีขี้ข้า”
สนตวาดแล้วเดินพรวดออกไป แต่ไม่วายหันไปมองด้านหลัง สองคนสงสัยว่าสนมองอะไรในน้ำ จึงเดินมาดูบ้างชะโงกลงไป
“มาจับผีอีช้อยใส่หม้อถ่วงน้ำกัน” กบบอก
“เฮ้ย นั่น ผีปลา ไม่ใช่ผีอีช้อย ปลาชะโดตัวใหญ่โตหยั่งกะควาย” แมวร้องอย่างตื่นเต้น
สองคน เห็นปลาชะโดตัวใหญ่ว่ายน้ำไปมา
ฟากสองคนยังคงเพลิดเพลินอยู่ในเรือ อิ่มเอิบใจกับการพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
“เนียนจ๋า”
“ขา”
“เนียนมีอะไรจะถามพี่บ้างไหม”
“ค่ะ วันก่อนที่ท่าน้ำ พี่ขุนกำลังจะพูดเรื่องหนูติ๋ว แต่คุณเทิดศักดิ์มาเสียก่อน พี่ขุนจะว่ากระไรเรื่องหนูติ๋วหรือคะ”
ขุนภักดียิ้มกุมมือเนียนมาไว้ที่อกตัวเองขณะบอก “พี่จะบอกว่า หนูติ๋วคือแก้วตาดวงใจของพี่”
เนียนตื่นเต้นตกใจมาก
“พี่ขุน พูดว่ากระไรคะ”
“หนูติ๋วคือแก้วตาดวงใจของพี่ แกคือลูกสาวของพี่”
“พี่ขุนขา ทำไม ทำไม เอ้อ...”
“ไม่..ไม่ทำไมดอก พี่มั่นใจว่าแกคือลูกของพี่ที่เกิดจากเนียน ไม่ใช่ลูกของผู้ชายที่มาหาเนียน พี่หลงผิดมาเสียนานไปทุบตีแก พี่อยากจะเอาขวานฟันมือตัวเองให้ขาดสองท่อน”
“นี่เนียนฝันไปหรือว่าเนียนฟังผิด”
ท่านขุนดึงเนียนมาแอบอิงกับอก
“ยอดรักของพี่ เนียนไม่ได้ฟังผิด เนียนไม่ได้ฝันไป แต่ความจริงที่ถูกซ่อนเร้นมานานเผยออกมาแล้ว พี่น่าจะมองออกแต่แรก หนูติ๋ว มีเค้าหน้าบางอย่างเหมือนพี่ เหมือนเทิดศักดิ์ เหมือนหนูอี๊ดราวกับฝาแฝด”
เนียนเต็มตื้น เริ่มผ่อนคลายลง และกล้าพูดกล้าถามขึ้นมาบ้าง
“แก..แกไม่เหมือนเนียนบ้างดอกหรือคะ”
“นั่นแน่ะ กลัวลูกหน้าไม่เหมือนตัวเองรึนั่น จะยอมรับไหมว่าแกคือลูกของพี่” ขุนภักดีสัพยอก
“เนียนกราบขอบพระคุณที่พี่ขุน ยอมรับว่าแกคือลูกของพี่ขุนค่ะ”
“พี่จะบอกแกให้รู้ตัว ค่ำนี้” ขุนภักดีว่า
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ ทุกคนในบ้านกำลังเคร่งเครียด เรื่องต่างๆ มากมายรอให้ทุกอย่างคลี่คลายก่อนเถิดค่ะ”
ขุนภักดียิ้มเผล่ “ตกลงจ้ะ เมียว่าอย่างไร ผัวก็ว่าอย่างนั้นจ้ะ”
“แหม เอ้อ…”
“รักเนียนเหลือเกิน รักแม้ในยามที่เข้าใจผิดเนียน พี่ทนทรมานมานานเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเนียนไม่รักพี่ แต่ตอนนี้พี่ไม่ทรมานแล้ว”
“เอ้อ ทำไมจู่ๆ พี่ขุนถึงเลิกเข้าใจเนียนผิดคะ”
“เอาไว้ให้เรื่องวุ่นวายมันผ่านไปก่อนพี่จะบอกจ้ะ”
ท่านขุนประทับจูบหน้าผากเนียนอย่างละมุนละไม สองคนอิงแอบกันต่ออย่างเป็นสุข
สำรับอาหารมื้อนี้บนเรือนทองจันทร์ล้วนเป็นเมนูปลาทั้งนั้น ต้มยำปลา ปลาย่าง ปลายำ น้ำพริกปลา วางตรงหน้าทองจันทร์กับเรียม มีกบกับแมวยืนยิ้ม
“นางกบนางแมว นี่เอ็งสองคน เอาปลาอะไรมาให้ข้ากินมากมาย”
“นั่นน่ะสิ ทำไมทุกอย่างเป็นปลาทั้งนั้น กบ แมว” เรียมงงด้วย
“ปลาผีอีช้อยเจ้าค่ะ” กบบอก
สองคนร้อง “ไฮ้”
แมวยืนยัน “ใช่เจ้าค่ะ ปลาผีอีช้อยจริงๆ เจ้าค่ะ”
“แกสองคนอย่าล้น” ทองจันทร์เอ็ด
เรียมถามทันที “เล่ามา นี่มันอะไรกัน”
กบกะแมวทำท่าแย่งกันเล่า
ครู่ต่อมาทองจันทร์กับเรียม สบตากันหลังฟังจบ
“แม่สนมันกลัวขนาดวิ่งหนีผีอีช้อยเลยรึ”
“เจ้าค่ะ” สองสาวประสานเสียง
“สนกลัวผีช้อยขนาดนั้นรึ นี่มันกลางวันแสกๆ” ทองจันทร์ประหลาดใจ
“เวรกรรมมันย้อนนี่มันไม่เลือกเวลาดอกเจ้าค่ะ” เรียมว่า
“มันถึงเวลา ชดใช้กรรมเจ้าค่ะ” แมวบอก
“แกสองคนคิดอะไร แกสองคนเข้าใจว่ากระไร” ทองจันทร์ซัก
“คิดว่า คุณนายสน เอ่อ...” สองคนพูดพร้อมเพรียง แล้วเอาแต่ส่ายหน้าก่อนบอกต่อ “มิบังควรเอ่ยเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์มองหน้าเรียม
“มันสองคนคิดว่า แม่สนฆ่านังช้อยปิดปาก”
สองคนร้อง “ว้าย”
“คุณแม่แน่ใจหรือคะ”
“แน่ใจ มันโยนบาปให้เนียน นี่แม่ก็มีความหวังอยู่ที่พ่อเทพ จะหาคนที่เนียนมันมารอพบเจอ แล้วให้เขาเป็นพยาน”
สีหน้าทองจันทร์ขณะพูด ดูมีความหวังเต็มเปี่ยม
สนมาแอบฟังอยู่ใต้ถุนเรือน ได้ยินเต็มสองหู รู้สึกตกใจมาก
“อีแก่ทองจันทร์มันจงใจจะให้กูเข้าตะราง อีแก่นี่ มันวอนกะกูถึงที่สุดแล้ว มึงไม่เคยไว้หน้ากู มึงจ้องจะเหยียบกูให้จมนรก ให้ได้”
แดงน้อยเดินมาเห็นสนพอดี
“สวัสดีครับ คุณแม่สน”
“อุ๊ยตาย แดงน้อย เอ้อ เอ้อ แม่ เอ้อ...”
“จะมาหาคุณย่าทองจันทร์หรือครับ”
“ใช่จ้ะ จะมาคุยกับคุณแม่”
“เชิญครับ ผมก็จะมาคุยครับ”
“แม่เปลี่ยนใจแล้ว แม่คุยกับพ่อแดงน้อยก็ได้ อยากรู้เรื่องเนียน”
“คุณพ่อขุนประกันตัวน้าเนียนออกไปได้เรียบร้อยแล้วครับ”
สนใจหายวับ
“มีพยานรู้เห็นว่ามันมาหาใครที่ท่าน้ำคืนนั้นแล้วรึ”
“ครับ มีพยานครับ”
“น่าเชื่อถือหรือเปล่า” สนซัก
“ทั้งเมืองสุพรรณไม่มีใครน่าเชื่อถือไปกว่าท่านนี้อีกแล้วครับ” แดงน้อยพูดยิ้มๆ
“ใคร” สนฉงนหนัก
แดงน้อยส่ายหน้า
“ผมบอกไม่ได้ครับ เกรงว่าจะทำให้เสียรูปคดีในการติดตามหาคนร้ายตัวจริง”
“นี่หมายความว่า ไม่เชื่อกันว่าเนียนฆ่านางช้อยรึ”
“คล้ายๆ เช่นนั้นครับ”
สนใจคอไม่ดี จิตใจหวั่นไหวมากขึ้นไปอีก
อ่านต่อหน้า 3
อาญารัก ตอนที่ 18 (ต่อ)
สองคนสนทนากันต่ออยู่บนเรือนขณะทานข้าวไปด้วย
“พี่เทพหายไปเลย เรียมก็ตั้งตารอฟังข่าวเนียนอยู่นะคะ”
แดงน้อยปรากฏตัว ก้าวเข้ามาไหว้สองคน
“พ่อแดงน้อย” ทองจันทร์ตื่นเต้น
“แม่กำลังรอฟังข่าวเนียน รู้เรื่องบ้างไหม”
“ทราบครับ คุณพ่อขุนท่านประกันตัวน้าเนียนไปได้แล้วครับ”
“อ้าว แล้วหายไปไหน” ทองจันทร์ปลกใจ
“ไม่ทราบครับ แต่ไปกันนานแล้วครับ ผมมานี่ก็จะมาเรียนว่าจากปากคำของคุณพ่อขุน อัยการอาจไม่ส่งฟ้องศาลครับ”
สองคนประสานเสียง “โล่งอก”
“มามา มากินข้าวกับย่า”
“มีต้มยำพุงปลาชะโดผีนางช้อย ยำเนื้อปลาชะโดผีนางช้อย” กบบอก
“ผีปลาชะโดย่างนางช้อย น้ำพริกปลาผีนางช้อยเจ้าค่ะ” แมวเสริม
“หุบปากไปเลยเอ็งสองคน รีบไปเอาจานชามมาเพิ่มให้นายอำเภอ”
เรียมอธิบายเห็นแดงน้อยทำหน้างงเรื่องปลา “สองคนนี้เขาไปพบ สนตกใจกลัวปลาหาว่าเป็นผียัยช้อยน่ะจ้ะ”
“มันก็เลยจับผีปลานางช้อยมาต้มยำทำแกงให้ย่ากิน”
“อ๋อ เอ้อ เมื่อสักครู่ ผมพบคุณแม่สน ที่บันไดเรือน นัยว่าจะมาคุยกับคุณย่า” แดงน้อยบอก
“มาแอบฟังน่ะไม่ว่า ตุ๊กแกกินปูนร้อนทอง วิ่งพล่านแหกปากร้องไม่หยุด..เฮ้อ”
ทองจันทร์รู้ทันสน พูดจาเย้ยหยันเพราะเกลียดน้ำหน้าสนมากขึ้นทุกที
ทางด้านขุนภักดีกับเนียน พูดกันจบเข้าใจกันดีแล้ว ท่านขุนอ้อนต่อ
“พี่มีความสุขเหลือเกิน ที่เนียนเข้าใจพี่ พี่เป็นผู้ชายที่โชคดีมาก เรียมก็เข้าใจพี่ ไม่เคยปริปากว่าพี่ นอกจากเตือนสติพี่ ในเรื่องหนูติ๋วเสมอมา แต่พี่หาฟังไม่ ทำไมทั้งเรียมทั้งเนียนถึงดีกับพี่ถึงเพียงนี้”
“ชีวิตเนียน ตัวของเนียน ฝากไว้กับพี่ขุน คุณท่าน คุณเรียม ตั้งแต่วันที่พ่อของเนียนเอ่ยปากยกเนียนให้ไว้แล้วนี่คะ”
“เนียนฝากพี่ไว้แค่ตัวกับชีวิตเท่านั้นเองรึ แล้ว...อย่างอื่น...”
“อะไรหรือคะ”
“หัวใจจ้ะ หัวใจของเนียน ไม่ได้ฝากพี่ไว้ดอกรึ”
“เอ้อ...แหม เนียน กระดากปากที่จะเอ่ยเรื่องฝากหัวใจไว้กับผู้ชาย”
“พี่ผู้ชายอื่นที่ไหน ผัวของเนียนแท้ๆ และยามนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้น ผัวเมียกันปิดบังกันเรื่องหัวใจ มันไม่ถูกต้องนะเนียน ว่าอย่างไร เนียนเอาหัวใจฝากพี่ไว้หรือเปล่า”
“พี่ขุนเต็มใจรับไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ยอมตอบกันตรงๆ นี่จะให้พี่คุกเข่าลงไปขอให้ได้รึ พี่จะได้เรียกคนขับเรือมันมาเป็นพยาน ขอให้เนียนมอบหัวใจให้พี่”
“อย่านะคะ คือ เอ้อ เนียนมอบหัวใจให้พี่ขุน ตั้งแต่วันแรกที่พี่ขุนเอ้อ..เข้าใจผิดคิดว่าเนียนเป็นคุณเรียมแล้วค่ะ”
ท่านขุนยิ้มร่า ภาพที่ตนเข้าไปกอดเนียนด้านหลังยังติดตาจนวันนี้ ขุนภักดีหัวเราะชอบใจ
“ชื่นใจแท้ๆ ใจเราตรงกัน วันนั้นพอพี่ปะหน้าเนียน รู้ไหมเนียนกระชากหัวใจพี่ปลิวออกไปจากตัว พี่ตกลงไปในหลุมรักของเนียนทันที”
ไม้พูดเปล่าท่านขุนขโมยหอมแก้มเนียนอีก
“พี่ขุนขา เนียนอายุมากแล้วนะคะ”
“นั่นสิ ผู้หญิงอะไรยิ่งอายุมาก ยิ่งงดงามทั้งหน้าตากายและจิตใจ”
“กลับกันได้หรือยังคะ ยังมีปัญหารอพี่ขุนให้แก้อีกหลายเรื่องนะคะ”
“จ้ะ เย็นนี้พี่ขอกินต้มยำพุงปลาช่อนฝีมือเนียนนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
“กลับไปถึงบ้าน พี่จะเรียกบ่าวไพร่มาประกาศให้รับรู้กันทั่ว ว่านี่คือคุณนายเนียน ที่พวกมันต้องยกย่องให้เกียรติ”
“อย่าเพิ่งสิคะ ให้พวกเขารับรู้กันเองดีกว่า จะไปป่าวประกาศ เพียงท่าทีที่พี่ขุนแสดงต่อเนียน นายถม ยังเปลี่ยนท่าทีกับเนียน จนเนียนต้องห้ามปราม น่าสงสารเขานะคะ”
“มันตายเพราะพี่ พี่จะไม่ให้มันตายฟรี แม้แต่นางช้อย ไอ้สาย ไอ้เสริม คนต้มเหล้าก็เหมือนกัน ทุกคนไม่ตายฟรี คนที่ฆ่าพวกมันคือคนเดียวกัน พี่กำลังจับสังเกตคนผู้นั้นอยู่”
เนียนไม่กล้าต่อปากต่อคำเรื่องคนฆ่าคนเหล่านั้น
ขณะเดียวกันทานตะวันหงุดหงิดหน้าบูดบึ้งงอง้ำ หน้าไม่รับแขก คุณนายปลัดจังหวัดเข้ามาทำผม พิศมัยมารายงาน
“อีติ๋ว ยัยเนียน” ทานตะวันบ่นเบาๆ “แกสองคนแม่ลูก กำลังทำลายชั้น”
“คุณทานตะวันขา คุณนายปลัดจังหวัดมาค่ะ”
“เห็นแล้ว ไม่ได้ตาบอด” ทานตะวันตวัดเสียงใส่
คุณนายที่กำลังยิ้ม หุบไปทันที หน้าเสีย
“คือคุณนายอยากให้คุณทานตะวันเซทผมให้ค่ะ”
“อยากได้ทรงปารีเซียงค่ะ”
“เอาไว้วันหลังเถิด วันนี้ มีเรื่องกำลังคิดหลายเรื่อง”
พิศมัยอึ้ง คุณนายก็พูดไม่ออก เพราะนี่ลูกสาวข้าหลวง นายของสามี พิศมัยรู้สึกไม่ถูกต้อง
“แต่คุณทานตะวันขา คุณนายเธออุตส่าห์เสียเวลามา และนัดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนะคะ”
“เธอนัดเอง ชั้นนัดที่ไหนกัน ขอเสียทีหยุดกวนใจได้ไหม รำคาญจะแย่”
“คุณทานตะวันมอบให้พิสมัยเป็นคนนัดลูกค้าเองนะคะ” พิศมัยเถียง
ทานตะวันขึ้นเสียงใส่ “เอ๊ะ แม่พิศมัย พูดจาภาษาคนไม่รู้เรื่องรึ เซ้าซี้อยู่ได้”
พิศมัยจนปัญญา คุณนายจึงลากลับ
“ไม่เป็นไรดอกค่ะ คุณทานตะวัน ดิชั้นกลับไปก่อนก็ได้ค่ะ”
“เชิญ”
“พิศมัยต้องขอประทานโทษนะคะ คุณนาย”
คุณนายแอบถอนใจเดินออกไปบ่นเบาๆ กับพิสมัย “คงจะไม่มาอีกแล้วจ้ะ”
พิศมัยแอบค้อน ทานตะวันได้ยินผลักเก้าอี้โครมคราม
“แล้วใครง้อให้มา”
ลูกค้าบางคนที่นั่งรออยู่แล้ว ต่างตกใจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เวลาเดียวกันขุนภักดีพาเนียนมากราบแทบเท้าทองจันทร์
“เนียนกราบคุณท่านเจ้าค่ะ”
“ชั้นดีใจที่แกได้ประกันตัวกลับมาแล้ว ดีใจมากๆ ดีใจจริงๆ ขอบใจมากนะยะพ่อเทพ ที่รู้จักคำว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมคืออะไร”
“พุทโธ่ คุณแม่ครับ ผมเป็นเจ้าเมืองสุพรรณนะครับ ดูแลผู้คนทั้งเมือง แล้วเนียนนี่ก็เมียผมทั้งคน กระไรผมจะปล่อยปละละเลย”
ยินลูกชายว่า แถมเรียกเนียนว่า เมีย ทองจันทร์ตกใจบ้วนน้ำหมากปรี๊ดลงกระโถน
“พ่อเทพว่ากระไรนะ แม่ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อว่ามันมาจากปากของพ่อเทพ ว่าไงเนียน นี่ผู้ชายคนนี้เขายอมรับว่าแกเป็นเมียเขาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เนียนอึกอัก “เอ้อ...”
“แล้วแกยอมรับว่าเขาเป็นผัวแกตอนไหน” หญิงชราคาดคั้นท่าทีน่าขัน
“คุณแม่ครับ ผมไปปรับปรุงตัวเองมาจากบางกอกแล้วขอรับ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แม่ก็ดีใจมาก บ้านนี้จะได้อยู่เย็นเป็นสุขกัน เลิกอยู่ร้อนนอนทุกข์กันเสียที ดีใจกับแกอีกครั้งนะเนียน” ทองจันทร์ยิ้มชื่น
“เจ้าค่ะ คุณท่าน”
“ตอนนี้แกกลับมาเป็นคุณนายเนียนแล้ว อย่ามาเจ้าคงเจ้าคะ อย่ามาคุณท่าน”
“คุณแม่พูดถูกแล้วจ้ะเนียน เปลี่ยนการเรียกเสียใหม่ว่าคุณแม่”
“เอ้อ แต่ว่าหนูติ๋วยังไม่ทราบความจริงนะคะ พี่ขุน” เนียนท้วง
“ก็รีบแล่นไปบอกให้มันทราบเสียสิ มันจะได้ดีใจ แค่พ่อเทพส่งสายตาเอ็นดูมัน พูดกับมันดีๆ เมื่อคืนวานเมื่อเช้านี้ มันก็ดีใจจนเนื้อเต้นกระฉอก”
“ผมก็อยากจะบอกลูกจนเนื้อเต้นกระฉอก แต่เนียนเขาขอร้องเอาไว้ ครับคุณแม่ รอให้อะไรมันคลี่คลาย แล้วให้ผมไปบอกกับลูกด้วยตัวเอง”
“ก็ตามแต่ใจของพ่อเทพกับแม่เนียนเถิดนะ แม่เองก็สบายใจจะได้ไม่ต้องฝืนใจไปพูดอะไรที่แม่ไม่อยากจะพูด”
ขุนภักดีข้องใจ “พูดอะไรหรือครับ คุณแม่”
ทองจันทร์ฉุกคิดถึงคำพูดที่ช้อยบอกว่าเทิดศักดิ์อาจไม่ใช่ลูกของท่านขุน แต่ในที่สุดก็ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรดอก แม่ก็แค่หญิงชราปากร้าย แต่ความจริง ทำร้ายใครไม่ลงดอก เอาเถิด รีบพาเนียนมันไปไหว้แม่เรียมซะ รายนั้นช่างดีงามไปหมดทั้งกายวาจาใจ พ่อเทพโชคดีนะมีเมียสามกายวาจาใจดีตั้งสอง แม้ว่าอีกหนึ่งจะเอาไม่อยู่ กรรมใครกรรมมัน ไปเถิด แม่เรียมรอดีใจอยู่”
เนียนกราบทองจันทร์อีกครั้ง ท่านขุนประคองเนียนลุกขึ้น
“ประเดี๋ยวก่อนพ่อเทพ นี่ของกำนัลของพ่อเทพทำตกเอาไว้เมื่อคืน จะเอาไปกำนัลผู้หญิงที่ไหนรึ”
ขุนภักดีรับมาสีหน้าเขินๆ สบตาเนียนส่งให้
“พี่เอามารับขวัญเนียนจ้ะ แต่ว่าตกใจเรื่องร้ายของเนียนจนลืมของกำนัล”
เนียนยิ้มยกมือไหว้ ทองจันทร์อมยิ้มตามไปด้วย แต่ทำโบกมือไล่
“ไปๆๆๆ อย่ามาทำส่งสายตาหวานกัน ชั้นกลัวตาเป็นกุ้งยิง”
ท่านขุนหัวเราะขำมารดา
ฟากเนื้อทองเดินออกมาจากโรงเรียน เจอเทิดศักดิ์มารอรับอยู่แล้ว
“พี่เทิดศักดิ์”
“พี่มาบอกข่าวดี”
“แม่เนียนได้ประกันตัวแล้ว” เนื้อทองโพล่งขึ้น
“ครับ”
เนื้อทองดีใจมากจนเผลอมาจับมือเทิดศักดิ์เขย่า
“หนูดีใจที่สุด เพราะท่านขุนเมตตาแม่ใช่ไหมคะ”
“ครับ คุณพ่อท่านเมตตา น้าเนียนมาก ท่านให้การเป็นประโยชน์ซึ่งน่าจะทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง”
“นี่ช่างเป็นข่าวดีที่สุด ในชีวิตของหนู”
“ครับ เป็นข่าวดีที่สุด ของพี่กับแดงน้อยด้วย”
เทิดศักดิ์กุมมือเนื้อทองเอาไว้ เนื้อทองนึกได้อายมาก
“เอ้อ หนูดีใจมากเกินไปแล้วค่ะ หนูเอ้อ…”
“ขึ้นรถสิครับ พี่จะไปส่งน้องติ๋วที่บ้าน”
“หนูไปเองได้ค่ะ หนูเกรงใจ”
“เราอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ นะครับ แม้ว่าจะคนละเรือน อย่าเกรงใจไปเลย”
“ขอบคุณมากค่ะ หนูจะกลับไปกอดแม่ จะกลับไปกราบขอบพระคุณท่านขุน”
เทิดศักดิ์พยักหน้า ยิ้มเอ็นดูเนื้อทอง
ด้านท่านขุนเดินคลอเคลียเนียนมาท่าทีกระหนุงกระหนิง
“เนียนจ๋า”
“คะ พี่ขุน”
จังหวะนี้กบกับแมวเดินหอบกระจาดสวนมา ไม่เชื่อสายตาตกตะลึงทำกระจาดหล่น
“นางแมว ตาข้าฝาดหรือเปล่า”
“นางกบ ตาข้าพร่ามัวแน่ๆ”
“นางกบ นางแมว นางปากมาก พวกเอ็งทำกระจาดหล่น ยังไม่รีบเก็บ” ขุนภักดีเอ็ดเอา
“กบ แมว ขอบใจมากนะจ้ะ ที่เป็นห่วงชั้น เมื่อวันก่อน” เนียนบอก
“แต่วันนี้ดูทีท่าว่าจะต้องหมดห่วงแล้วนะจ้ะ” กบแซว
“มิใช่แค่หมดห่วงเท่านั้น คงต้องยินดีด้วยแล้วนะจ้ะเนียน” แมวตาม
“เรียกผิดแล้ว เอ็งสองคนเรียกเสียใหม่ นี่คุณนายเนียน” ขุนภักดีสั่ง
“พี่ขุนคะ”
กบกะแมวเต็มใจอยู่แล้ว “เจ้าค่ะ คุณนายเนียน”
“เอ็งสองคนรีบไป แล้วหุบปากเสียให้สนิท ถ้าเอ็งไม่หุบ ข้าจะหุบให้เองด้วยหางปลาชะโดผีอีช้อยที่พวกเอ็งจับมา”
สองคนรีบก้มฉวยกระจาดกระโจนออกไปโดยไว
ไม่นานต่อมา เนียนก้มลงกราบเรียม เรียมขยับมาประคองเนียนให้ลุก ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดรอดออกจากปากคนทั้งคู่ 20 กว่าปีที่เฝ้ารอวันนี้ สองคนกอดกันน้ำตาไหลริน
ขุนภักดีมองเมียทั้งสองคนอย่างเต็มตื้น พลอยซึ้งตามไปด้วย
“เนียนกราบขอบพระคุณ คุณเรียมมากค่ะ ที่พยายามช่วยเนียนจนสุดกำลัง”
“กำลังชั้นรึจะสู้แรงกำลังของพี่เทพ ดีใจมากจริงๆ เนียน ขอบคุณมากค่ะ พี่เทพที่อุตส่าห์จัดการเรื่องเนียนจนสำเร็จ”
“อุตส่าห์ที่ไหนกัน ตั้งใจจงใจเจตนาทำต่างหาก พี่ทำตามคำสั่งสอนอบรมของเรียมนะจ๊ะ เนียนรู้ไหมว่าใครที่พี่กลัวและเกรงที่สุดในชีวิต คุณพี่เรียมของเนียนไงจ๊ะ”
เรียมค้อนขวับ “พี่เทพแขวะเรียมอีกแล้ว นี่พากันหายไปนาน พูดจาพาทีกันรู้แจ้งหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ เนียน”
“ค่ะ คุณเรียม”
“คุณพี่เรียมอย่างที่พี่เทพบอกสิ”
“ค่ะ คุณพี่เรียม”
“เรียมจ๊ะ เนียนจ๋า ถึงแม้ว่าหมอกเมฆยังไม่ผ่านพ้นบ้านเรา แต่มันก็เจือจางมากแล้ว เย็นนี้ ขอพี่มีความสุขมากๆ สักวัน ในรอบหลายปีนะจ้ะ พี่อยากจะขอความเมตตาจากเรียม”
“พี่เทพจะมีเมียคนที่สี่” เรียมเย้า
ท่านขุนร้องลั่น “ฮ้าย เรียมแกล้งเย้าพี่ พี่จะขอ ขอ...”
“ขออะไรหรือคะ”
“เล่นจะเข้ให้พี่ฟัง ส่วนเนียน ต้มยำปลาช่อนของโปรดของพี่ อ้อ แต่งตัวกันให้สวยๆ ทั้งสองคน คิดแล้วปลื้มแท้ๆ จะมีใครในเมืองสุพรรณที่มีเมียสวยสดงดงามเหมือน...”
ขุนภักดีพูดยังไม่จบเรียมเย้าขึ้น “ขุนแผนค่ะ”
“ขุนภักดีภูบาลต่างหาก”
“เอ้อ แล้วคุณสนเล่าคะ” เนียนเอ่ยขึ้น
“นั่นสิคะ เราต้องบอกสนด้วยนะคะ อย่าลืมว่าพี่เทพมีเมียสามคนนะคะ”
“คือพี่เห็นคุณแม่ท่าน ไม่ค่อยจะถูกกับสน เจอกันทีไร ท่านอารมณ์เสียทุกที และตอนนี้พี่เองก็…”
ภาพที่สนกำลังจะแทงเนียนตำตาท่านขุนผุดขึ้นมาอีก แต่เรียมบอกย้ำ
“ก็ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ”
“เนียนช่วยให้กบหรือแมวก็ได้ไปบอกสนด้วย”
“ค่ะ”
ท่านขุนสีหน้าไม่สนุก แต่เรียมทำไม่เห็นเพราะไม่รู้ว่าท่านขุนกำลังสงสัยสนหลายเรื่องราว
“พี่ขอตัวไปศาลากลางก่อน ตอนเย็นพบกันนะจ้ะ เรียม เนียน”
ขุนภักดีแตะมือเนียนข้าง เรียมข้าง อย่างมีความสุข
สนดูออกจะโกรธๆ ทันทีที่ฟังสองสาวบอกจบ
“กูไม่ไป ใครจะมาด่าก็มาด่าถึงเรือนนี่เลย”
กบกะแมวสบตากันยิ้ม
“เจ้าคะ ดิชั้นจะไปเรียนคุณท่านว่า ถ้าไม่พอใจให้มาด่าคุณนายสนที่เรือนเจ้าค่ะ” กบว่า
“อีนังกบ มึงประชดกู อีแมวอีกคนกูรู้มึงส่งสายตาล้อเลียนกู”
“หามิได้นะเจ้าคะ ใครกล้าส่งสายตาล้อเลียนคุณนายสน คนนั้นมันก็กล้าจนบ้าบิ่นแล้วเจ้าค่ะ” แมวว่า
“มึงสองคนไปให้พ้นหน้ากูนะ ก่อนที่จานชามแก้วน้ำจะบินไปตบหน้ามึงสองคนแหก” สนตะเพิด
“เจ้าค่ะ” สองคนถอย
“เดี๋ยว นางเนียนมันกลับมาแล้วใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะ” สองคนบอก
“ท่านขุนไปประกันตัวเอง และรับกลับมาบ้านเองนะเจ้าคะ” กบบอกอีก
“ประกันตัวเสร็จได้ยินว่า พากันไปรับขวัญที่ไหนไม่ทราบกลับมาเอาซะบ่าย” แมวเสริม
“มาถึงท่านขุนก็พาไปกราบคุณท่าน จากนั้นไปกราบคุณนายเรียม”
“จะให้คุณนายเนียนมากราบคุณสนด้วยอีกไหมเจ้าคะ”
“นี่พวกมึงเรียกอีเนียนว่าคุณนายเนียนรึ ใครสั่งมึง”
“ท่านขุนท่านให้เรียกคุณนายเนียน นี่เจ้าค่ะ พวกเราก็ต้องเรียกคุณนายเนียนสิเจ้าคะ หาไม่จะกลายเป็น บ่าวไม่เคารพนาย” กบกะแมวประสานเสียงยายเหยียด
“ใครถามพวกมึง สาระแนดีนัก”
สนเงื้อ อะไรจะขว้าง กบ แมวรีบถอยลงเรือนแทบไม่ทัน
“สดชื่นรื่นเริงกันเหลือเกินนะ ทำกับกูราวกับหมาหัวเน่า เอากันเข้าไปสนุกกันเข้าไป ข้ามหัวกูเข้าไป กูจนท่าเมื่อไหร่ ได้ขายหน้ากันทั้งเมืองสุพรรณ”
สนขุ่นเคืองคับแค้นใจไปหมดจนน้ำตาคลอเบ้า
ทานตะวันยังคงนั่งหน้าบึ้งตึงไม่พอใจนั่งกินอาหารว่าง อยู่มุมหนึ่ง คุณนายจ่าศาลมาถึง
“วันนี้ อารมณ์ไม่ดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะยอมซอยผมให้คุณนายหรือเปล่า” พิศมัยบอก
“แหม ..ทำไมทำอะไรตามอารมณ์เล่า เรามาทำนี่จ่ายเงินนะ ไม่ใช่มาขอทำฟรี”
ทานตะวันได้ยินแว่วๆ พูดลอยลมขึ้นมา
“ที่นี่ก็ไม่ง้อลูกค้าดอกนะ ไม่เปิดร้านเสริมสวย ก็รวยจนกินไม่หมดทั้งชาติ”
พิสมัยตกใจ “คุณทานตะวันขา”
“ทราบแล้วค่ะว่ารวย อยากจะมีร้านเสริมสวยแต่ไม่ต้อนรับแขก ก็กลับบ้านไปดัดไปซอยให้หมาที่บ้าน ก็แล้วกันนะคะ คุณหนูทานตะวัน ร้านทำผมมีแยะไปในเมือง พูดจาดีๆ รู้เด็กรู้ผู้ใหญ่ พิศมัยเธอก็ออกจะฝีมือดี ทำไมไม่หาที่เปิดร้านทำเองให้สิ้นเรื่อง” คุณนายว่า
ทานตะวันโกรธจนตัวสั่น
“ต๊าย ยัยคุณนายบ่างช่างยุ หน้าไม่อาย มาชวนคนของชั้นไปทำงานที่อื่น อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีกทีเดียวนะ”
“วุ้ย จ้างให้ก็ไม่มาดอกย่ะ แม่คุณหนูผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ออกไปนี่ จะกระทืบเศษฝุ่นละอองโง่ๆที่มันติดฝ่ารองเท้าออกไปให้หมดให้สิ้น ไม่ให้หลุดเข้าไปในบ้านให้เชื้อโง่มันติดเข้าไปด้วยดอกย่ะ แม่คู้นเชิญกินความรวยความหยิ่งยโสเข้าไปเถิดนะยะ แม่ผู้ดีไม่มีเพื่อน”
คุณนายกระทืบรองเท้าแล้วกระแทกเดินออกไป
“นังคุณนายปากปลาแดก อย่ามากระทืบเสนียดใส่ร้านชั้นนะ พิศมัยไปเอาน้ำร้อนมาราดเสนียดให้หลุดจากร้านชั้นสิ”
ทานตะวันไม่เคยเจอใครกล้าใส่ขนาดนี้โกรธมาก หันมาแว๊ดใส่พิศมัยและลูกจ้าง
“เพราะหล่อน แม่พิศมัย ไม่รู้จักเลือกลูกค้า ให้พวกกุ๊ยมาทำผมที่ร้านชั้นได้ยังไง”
“คุณทานตะวันขา ไอ้จะว่าใครเป็นกุ๊ยเป็นผู้ดี มันไม่ได้มีป้ายติดหน้าผากอยู่นะคะ แต่ดูกันที่นิสัยใจคอนะคะ” พิศมัยย้อน
“นี่หล่อนกล้าเถียงชั้นหรือ ชั้นเป็นนายจ้างหล่อนนะย”
“แต่ชั้นกำลังจะเลิกให้คุณมาเป็นนายจ้างของชั้นแล้ว ชั้นกับพวกนี้ปรึกษากันมาเป็นอาทิตย์ ว่าจะลาออกค่ะ จะไม่กลับมาเหยียบให้ฝุ่นผู้ดีติดเท้าอีกค่ะ มันแขยงเดินไม่สะดวก ผู้ดีอะไร ดีแต่โง่ ดีแต่ด่า” พิศมัยพูดใส่หน้า
“ไสหัวพวกแกออกไป ไม่ต้องลา ชั้นก็จะไล่ไปทั้งฝูงย่ะ ไป ไปออกจากร้านของชั้นไปเดี๋ยวนี้”
พวกพิศมัยพากันเดินขบวนออกไป จากร้าน ทานตะวันปาของไล่หลังไป ไม่โดนพิศมัยแต่กลับไปโดนเอาเอก
ที่กำลังสวนเข้ามาแบบงงๆ
“อะไรกันน่ะ”
“นายเอกแกมาสะเออะอะไรที่นี่”
“กระผมมิได้มาสะเออะ ขอรับ แต่ท่านขุน กับคุณนายเรียม สั่งให้ผมมาเรียนคุณทานตะวันว่า เย็นนี้ที่เรือนคุณท่านทองจันทร์ จะมีการรับประทานอาหาร เล่นดนตรีกันขอรับ ให้ผมมาเรียนว่า ให้คุณหนูกลับบ้านเร็วหน่อย" เอกสาธยาย
ทานตะวันฉงน “จะกินอาหารกันเนื่องด้วยอะไร”
“เอ อาจเป็นการรับขวัญคุณนายเนียนกระมังครับ” เอกบอก
“ไอ้เอก แกเรียกยัยเนียนว่าคุณนายเนียนทำไม”
“เรียกตามนางกบนางแมว เรียกตามท่านขุน คุณนายเรียม คุณท่านขอรับ” เอกว่า
“ไปนะ ไสหัวไปจากร้านชั้น ไปๆๆๆ ชั้นไม่ไปกินอาหารร่วมวงกับลูกชาวบ้านหลานชาวนา”
ทานตะวันโมโหปาของใส่ เอกวิ่งหนีหลบออกไปแทบไม่ทัน ทานตะวันเจ็บใจลงนั่งแปะบนเก้าอี้ น้ำตาซึม
“นี่เรากลายเป็นนางหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้วหรือ เพราะสองแม่ลูกนั่น”
ทานตะวันสะอื้นไห้ออกมาไม่สำนึกว่าตัวเองผิด ยังคงเคียดแค้นและโทษคนอื่นต่อไป
อ่านต่อหน้า 4
อาญารัก ตอนที่ 18 (ต่อ)
ขุนภักดีนั่งคุยกับแดงน้อยอยู่ในห้องทำงานที่ศาลากลาง
“แดงน้อย พ่อขอบใจมากที่มาบอกความจริงกับพ่อเรื่องหนูติ๋ว พ่อกำลังจะหาทางบอก หนูติ๋วเรื่องนี้ด้วยตัวเอง น้าเนียนเขาแนะนำว่า ให้เรื่องวุ่นๆ ผ่านไปก่อน พ่อก็เห็นด้วยกับเขา”
“ผมดีใจกับน้าเนียนและน้องติ๋วด้วยครับ เอ้อ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณพ่อเกี่ยวกับที่นาสิบไร่ที่เคยบอกไว้นั่น มันกลับกลายเป็นว่าน้าเนียนโอนให้ผมแท้ๆ แต่ผมไม่เคยทราบมาก่อน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้าเนียนจึงโอนให้ผม”
“หรือว่า...” ขุนภักดีชักเอะใจ
เสียงเคาะห้องดังขึ้น
“ผมเองครับ คุณพ่อ”
ทำให้เแดงน้อยกับท่านขุนเลิกพูดกัน เทิดศักดิ์พาเนื้อทองเข้ามาพร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียนแพ
“หนูเอ้อ หนูติ๋ว นี่นี่..เอ้อ…”
“น้องติ๋วจะมากราบขอบพระคุณคุณพ่อที่กรุณาไปประกันตัวน้าเนียนให้ครับ” เทิดศักดิ์บอก
เนื้อทองวางของลงแล้วก้มลงกราบแทบเท้าท่านขุน
“หนูกราบขอบพระคุณท่านที่เมตตาแม่เนียนเจ้าค่ะ”
ท่านขุน น้ำตาซึมเอื้อมมือไปโดยอัตโนมัติวางบนหัวติ๋ว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถิด”
เนื้อทองเงยหน้ามองหน้าท่านขุน สองคนสบตากัน ขุนภักดีเหมือนมีแววตาเสียใจ ทานตะวันมองอย่างซึ้งใจ
ไม่เท่านั้นท่านขุนยื่นมือไปประคองเนื้อทองให้ลุกขึ้น แดงน้อยกับเทิดศักดิ์มองหน้ากันแปลกใจ
“พ..เอ้อ ชั้นยินดีทำในสิ่งที่ถูกต้อง เนียนไม่ผิด ชั้นต้องรีบช่วยเหลือ ต้องขอโทษ ที่กลับมาจากบางกอกช้าจนเขาโดนขัง”
สองหนุ่มมองหน้ากันอีก เนื้อทองตื้นตันทำอะไรไม่ถูกน้ำตาซึม ท่านขุนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้
“อย่าร้องไห้ อีกไม่นานบ้านเราจะเหลือแต่เสียงหัวเราะ”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีอยากดึงลูกสาวมากอดใจแทบขาด แต่ยังไม่กล้าทำตอนนี้
ตกตอนค่ำสนนั่งซึมเซาอยู่คนเดียว ได้ยินเสียงจะเข้ฝีมือเรียมดังลอยตามลมมา สนยิ่งห่อเหี่ยว
“สนุกสนานกันเหลือเกิน ทำไมพี่ขุนไม่มาบอกเราด้วยตนเอง ทำไมพี่ขุนพูดจากับเราแปลกๆ ดูห่างเหิน หรือว่าพี่ขุนสิ้นรักเราแล้ว”
สนน้ำตาไหล เทิดศักดิ์ก้าวขึ้นเรือนมา
“คุณแม่ร้องไห้ มีอะไรหรือครับ”
“แม่ แม่ ไม่ได้มีอะไรดอกลูก แม่ แค่คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ แม่ก็เลยเศร้าน่ะลูก”
“ทำไมคุณแม่ไม่ไปเรือนคุณย่าเล่าครับ คืนนี้เขามีการกินอาหารกันนะครับ”
“กินอาหาร รับขวัญอีเนียนรึ แม่กินกับมันไม่ลงดอก”
“คุณพ่อฝากบอกผมมาว่าอย่าลืมเตือนคุณแม่ ให้ไปกินอาหารด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตานะครับ”
“คุณพ่อบอกเช่นนั้นรึ ทำไมไม่มาบอกกับแม่ด้วยตัวเอง”
“โธ่ คุณแม่ครับ คุณพ่อน่ะงานยุ่งมากนะครับ”
“ยุ่งประกันตัวอีเนียน”
“เอ้อ...คุณแม่ก้าวข้ามไม่พ้นน้าเนียนมายี่สิบกว่าปีแล้วนะครับ คุณแม่ใส่ใจน้าเนียนมากเกินไปแล้ว แกก็แค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีพิษสง”
“พิษสงของมันก็คือ ทำเป็นธรรมดานี่แหละ เทิดศักดิ์ไปเถิด ถ้าแม่อยากไปแม่จะไปเอง เห่อกันเข้าไป มันฆ่าคนก็ยังช่วยกันหาว่ามันไม่ผิด”
“คุณแม่ครับ ผม แดงน้อย และคุณพ่อรู้ดีว่าน้าเนียนไม่ผิด แต่มีคนใส่ความแก น้าเนียนไม่ได้ฆ่ายัยช้อย คนที่ฆ่ายัยช้อย ฆ่านายถม นายสายและนายเสริม คือคนๆ เดียวกัน เรายังมีพยานคือนายแช่มที่พร้อมจะเปิดปากอะไรที่มันรู้อีกหลายประการนะครับ”
สนสะดุ้งวาบ “นี่ สรุปกันแล้วรึ ว่าอีเนียนไม่ผิด”
“เกือบสรุปครับ”
“แม่อยากรู้ว่ามันมาพบใครที่ท่าน้ำ มันช่วยกันโกหกให้อีเนียนพ้นผิดหรือเปล่า”
“ไม่โกหกแน่ครับ”
“ใครรึที่มันมาพบ ขอร้องเถิด บอกแม่นะ”
“ผมบอกไม่ได้ เขาให้ปิดไว้เป็นความลับ”
“ไม่มีใครไว้เนื้อเชื่อใจแม่อีกแล้วใช่ไหม”
สนเดินหนีมีน้ำตาคลอๆ กลับเข้าห้องไป เทิดศักดิ์ได้แต่มองตามอย่างหนักใจ
“คุณแม่ต่างหาก ที่กำลังมีความทุกข์ ที่ไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจบอกความจริงใครได้”
เทิดศักดิ์ถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม
บนเรือนคุณนายทองจันทร์ยามนี้ บรรยากาศแสนชื่นมื่น เรียมยังคงเล่นจะเข้ขณะที่ขุนภักดีนั่งยิ้มนิ่งฟังอย่างมีความสุข มีเนียนนั่งใกล้ๆ อยู่ที่พื้น
ส่วนเนื้อทองนั่งที่พื้นติดกับทองจันทร์ กบ และแมวยิ้มราวกับว่ามีความสุขมาก
ขุนภักดีก้มลงไปหาเนียน “เนียนจ๊ะ มานั่งข้างๆ พี่ บนเก้าอี้นี่เถิด”
“มิบังควรอย่างยิ่งค่ะ เนียนนั่งตรงนี้ก็ดีแล้วค่ะ เราสัญญากันแล้วนะคะพี่ขุน”
ท่านขุนงอน “แปลกจริง คนเขาจะยกย่องก็ไม่ยอม”
เนียนยิ้มขำ จะเข้จบไปเพลงหนึ่ง ทุกคนปรบมือให้เรียม
“แม่เรียมจ๊ะ แม่ขอฟังเพลงเขมรไทรโยก สักเพลงก่อนกินข้าวนะลูก”
“ค่ะ.. คุณแม่”
เรียมเริ่มเล่นเพลงเขมรไทรโยก
“หนูติ๋ว รู้ไหมย่าน่ะร้องเพลงเขมรไทรโยคเก่งเป็นที่หนึ่ง เลยแหละ บรรยายความตามไท้ เอ๋อ เอ่อ เอย สเด้จ..ยาตร…”
จังหวะนี้เทิดศักดิ์กับแดงน้อยเข้ามาพร้อมกัน ไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน เรียมพยักหน้ารับ มือยังเล่นเพลงต่อ
“ทำไมคุณแม่สนไม่มา เทิดศักดิ์”
“กันเอาใจและเดาใจคุณแม่ไม่ถูก ว่าคุณแม่ต้องการอะไร คุณแม่เหมือนไม่สบายใจมากๆ กันกลุ้มจนนอนไม่หลับ แต่ทำฝืนยิ้มไปวันวัน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกัน ในวันข้างหน้า”
“กันเห็นใจแกนะ ฟังเพลงเถิด คุณนายแม่เล่นจะเข้เก่งจริงๆ”
สองคนตั้งสติฟังจะเข้ต่อไป
สนเดินไปทางเรือนทองจันทร์ ในใจก็คิดไปด้วย
“อีเนียนได้ประกันตัวมาแล้ว อีแก่ทองจันทร์ มันคงไม่เอาความลับของเทิดศักดิ์ไปเปิดเผย แต่ถึงยังไงมันก็กำความลับอยู่ดี”
สนเดินเรื่อยเปื่อยมีเสียงเพลงเขมรไทรโยกดังแว่วมา สนรีรอ จะไปต่อหรือจะหยุด
“เดินหน้ามาแล้ว จะถอยหลังกลับไปทำไม ขี่หลังเสือแล้ว ก็นั่งไปจนกว่าเสือหรือเราจะตาย ตายเป็นตาย อีสน ไม่เกรงหน้าอินหน้าพรหมแล้ว”
สนตัดสินใจหันกลับเดินมุ่งหน้าไปเรือนทองจันทร์ทันที
เรียมเล่นจะเข้เขมรไทรโยกจบเพลง ทุกคนปรบมือ
“ฟังเพลงกันแล้ว มากินข้าวกัน วันนี้มีความสุขจริงๆ นะพ่อเทพ แม่เรียม เนียน เด็กๆ ด้วย อ้าว เดี๋ยว ครบกันหรือยังล่ะนี่”
“ขาดคุณสนกับคุณหนูอี๊ดค่ะ” เนียนบอก
สนเดินเข้ามาขณะที่ทุกคนกำลังจะล้อมวงนั่งกิน เรียมหันไปเห็น
“สนมาแล้ว มาสิจ้ะสน”
“แหม ช่างมีความสุขกันแท้ๆนะคะ คุณแม่ คุณพี่เรียม ฉลองที่เนียนรอดคุกรอดตะรางกันยกใหญ่”
ทุกคนเงียบกริบ ท่านขุนชักสีหน้าไม่พอใจ
ทองจันทร์ให้นึกโมโหที่ถูกสนทำลายบรรยากาศ สวนออกไปทันทีทันควัน
“ย่ะ พ่อเทพเขาชวนให้ทุกคนมีความสุขฉลองการได้ประกันตัวของเนียน แม่สนรู้ไหมยะ ว่าคดีนี้มีทีท่าว่าจะโอละพ่อ โอละแม่โอละหนอเนียนเอย ตาเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยจับคนร้ายผิดตัวย่ะ ไอ้อีคนร้ายนั่น มันลอยนวลไปได้ไม่นานดอกนะยะ”
สนสะดุ้งในใจนิดหนึ่ง ถึงพูดไม่ออก
“กบ แมว จานชามน้ำช้อนมาให้คุณสนสิ”
เทิดศักดิ์กะแดงน้อยรีบลุกมาหา จะพาสนไปนั่ง
“นั่งนี่ครับคุณแม่”
“นั่งนี่ก็ได้ครับ คุณแม่”
แต่สนก็ไม่นั่ง
“นั่งเถิดสน กินกันพร้อมหน้าพร้อมตา กันสักที พ่อแม่ลูกหลาน”
ตลอดเวลา สนปรายตามองเนียนที่พยายามไม่มองตอบ สนแค้นทองจันทร์มากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ละค่ะ พี่ขุน สน มันก็แค่...” สนพูดไม่ทันจบคำ
ทองจันทร์สวนออกมาอีก “นกไร้ขน คนไร้เพื่อน เพราะดันมีคนร้ายมาฆ่านางช้อยคนสนิท มันน่ะเป็นได้ทั้งขนและเพื่อนของแม่สนแท้ๆ แม่สนจ๋า อย่าว่าคนแก่พล่ามนะยะ แม่สนยังพอมีเวลานะยะ หาเพื่อนใหม่เพื่อนแท้สักคน แม่สนมีอะไรปรึกษาปรับทุกข์กับเนียนได้นะยะ เขาเรียกว่า ปรึกษาปรับทุกข์หากัลยาณมิตรจ้ะ เนียนเขาไม่แล้งน้ำใจดอก จริงไหมเนียน”
เนียนยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าโต้ตอบ
“ขอบคุณมากค่ะ ที่หวังดีกับสน สนน่ะเจอมาเยอะแล้ว ไอ้อีพวกที่หวังดี ประสงค์ร้ายนี่ มันจ้องทำลายสนอยู่เสมอ”
“คุณแม่” เทิดศักดิ์ไม่พอใจ
“สน จะมากไปแล้ว”
“ค่ะ สนน่ะไม่เคยพอดีดอกค่ะ สนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่หน้าเนื้อใจเสือ ฉอเลาะ เอาหน้าไม่เป็น”
สนเดินออกจากห้องไป เทิดมองทุกคนหงอยมาก
“ผมขอโทษคุณย่าแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“กินข้าว กันเถิด เอ๊ะ นี่ใครยังไม่มาอีกล่ะ” ทองจันทร์ว่า
“คุณหนูอี๊ด เจ้าค่ะ” เนื้อทองบอก
“กินกันไปก่อน เดี๋ยวก็มาเอง ให้ไอ้เอกไปรับแล้ว”
พูดจบขุนภักดีก็ลงมือกิน
“ต้มยำพุงปลาช่อนอร่อยแท้ๆ เนียนจ๋า”
เนื้อทอง เทิดศักดิ์ และแดงน้อยไม่รู้หน อึ้งปนงงกับคำพูดและท่าทีของท่านขุน ส่วนกบกะ แมวปิดปากหัวเราะคิกคัก
จังหวะที่ทานตะวันเดินขึ้นเรือน เจอเอากับสนเดินสวนลงมา ทานตะวันปราดไปหาสน กะหาพวกเต็มที่
“แม่สนจ๋า หนูมีเรื่อง เดือดเนื้อร้อนใจ ใคร่จะขอคำปรึกษาค่ะ”
“นี่ อย่ามาปรึกษาชั้น ชั้นมันก็แค่นางนกไร้ขน คนไร้เพื่อน เหมือนหล่อนนั่นแหละย่ะ แม่คุณหนูอี๊ด หล่อนเรียนผูกเอง ก็เรียนแก้เองให้เป็นสิยะ ชั้นไม่ใช่ขี้ข้า หรือนางขัดดอกเอาไว้ใช้ แก้ปัญหาย่ะ หล่อนอยากหาคนปรึกษาก็ไปหาอีเด็กติ๋วหรืออีเนียนมันสิยะ เผื่อจะได้กัลยาณมิตร สักคนสองคน อย่าตอแยชั้น ยัยเด็กบ้า”
ทานตะวันกรี๊ดใส่ “ว้าย อีผู้ใหญ่บ้า”
“ปัญญาแค่หางอึ่ง สมองเท่าไข่มด ความอดทนเกิดมาไม่เคยมี คอยดูเถิด พ่อ แม่ ย่าหล่อนเขาก็เห่อไปรักอีเด็กติ๋วกันหมด แกก็แค่นังหมาหัวเน่า” สนด่าว่าไม่ไว้หน้า
“อี สน” ทานตะวันโกรธจนตัวสั่น
“อีทานตะวัน”
สนเค้นคำด่าแล้วเดินหนีไป ทานตะวันสั่นไปหมดทั้งตัว
“แอร๊ย”
ทุกคนในวงอาหาร ได้ยินเสียงกรี๊ดของทานตะวัน
“เสียงเปรต” ทองจันทร์ว่า
“เสียงน้องอี๊ด น่ะครับ คุณย่า”
“ไปดูน้องสิ เทิดศักดิ์” เรียมบอก
ขุนภักดีห้ามไว้ “ไม่ต้อง ต้องปล่อยวางกับเด็กคนนี้เสียบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่โตเสียที”
“คงมีใครขัดอกขัดใจเข้าให้นั่นแหละ ไม่ได้ดั่งใจทีไรกลายเป็นเปรตทุกที” ทองจันทร์บ่นว่า
“ในเมื่อทุกคนอยู่กันตรงนี้ แล้วจะมีใครไปขัดใจอีกคะ” เรียมแปลกใจ
ทุกคนต่างคิดไม่ออก กบกะแมวโพล่งขึ้นมา
“คุณนายสนเจ้าค่ะ”
ทุกคนมองหน้ากันอีก มีแต่เนียนกับเนื้อทองที่ก้มหน้างุด
อ่านต่อตอนที่ 19