คู่กรรม ตอนที่ 18
ท้องฟ้ายามรุ่งสางยังดูขะมุกขมัว ดวงตะวันสีชมพูเพิ่งแย้มแสงแรกของวัน โกโบริและอังศุมาลินยังนอนเคียงคู่กันอยู่ที่เดิมท่าเดิม อังศุมาลินเริ่มขยับตัวตามความเคยชิน
อังศุมาลินพยามพลิกเหยียดตัว แต่ปรากฏว่าตัวไปติดโกโบริที่นอนงอตัวเหยียดแขนอยู่ข้างๆ เลยรู้สึกลืมตาตื่น พอได้สติจึงหันไปเห็นว่าโกโบรินอนหลับพริ้มอยู่ข้างๆ ตกใจรีบลุกขึ้นนั่ง รวบผมให้เข้าที่
อังศุมาลินค่อยๆ ชำเลืองมองโกโบริที่ยังนอนนิ่ง เห็นนอนหัวหมิ่นหมอน เลยค่อยๆ ขยับไปเอื้อมจับหมอนให้หนุนเข้าที่ โกโบริที่พลิกตัวพอดีรู้สึกตัว
“หือ” โกโบริลืมตาตื่นขึ้น ทันที “เช้าแล้วหรือ”
อังศุมาลินสะดุ้ง เงียบไม่ตอบ
โกโบริผงกหัวขึ้นมองหน้าต่าง “ยังมืดอยู่เลย..คุณจะรีบลุกไปไหน”
อังศุมาลินพูดเบา โดยไม่มองหน้า “ไปหุงข้าวค่ะ”
โกโบริงอแงไม่ให้ไป “หุงทำไมแต่เช้า”
“ก็ใส่บาตร แล้วก็...กิน” อังศุมาลินพูดแกมขันปนล้อ “ตอนเช้าคนก็ต้องกินข้าวสิคะ”
“ก็ผมยังไม่กินก็ได้”
โกโบริพยายามรั้งตัวอังศุมาลินไว้ แต่อังศุมาลินยันแขนกับฟูกไว้ได้ก่อน
“แต่คนอื่นเขาต้องกินนี่คะ”
“ก็ช่างคนอื่นเขาปะไร”
ว่าแล้วโกโบริก็รวบแขนตัวจนอังศุมาลินล้มลงมา
“คุยกันก่อนเถอะ ผมกับคุณยังไม่เคยคุยกัน...ดีๆ เลยสักที เผื่อวันข้างหน้าผมต้องไปรบ แล้วนอนเห็นฟ้ารุ่งสางแบบตอนนี้ ผมจะได้คิดถึงวันนี้ วันที่มีคุณนอนหนุนแขนอยู่ใกล้ๆ”
“ข้อนี้ไม่มีในสัญญานี่คะ”
“ไม่มีก็เพิ่มเข้าไป”
“คุณ..งั้นห้ามเพิ่มอย่างอื่นเข้าไปอีกเด็ดขาด ตกลงไหมคะ”
“หา...แต่มันก็อยู่ในใจความเดียวกันที่ว่า คุณจะให้ความสุขกับผมเหมือนกันนี่”
ว่าพลางโกโบริหลับตาพริ้มต่อ อังศุมาลินถอนใจยาวทอดสายตามองเหม่อไป
เวลาต่อมานกสองตัวบินมาเกาะริมหน้าต่าง แสงสลัวยามรุ่งสางที่นอกหน้าต่าง สาดผ่านม่านมุ้งที่กำลังพลิ้วลมโชยไปมา
อังศุมาลินท่องกวีเบาๆ
“อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี ประดุจมะโนภิรมระตี ณ แรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์ แฉล้มเฉลาและโศภินักนะฉันใด
หญิงและชายณ ยามระตีอุทัย สว่าง ณ กลางกมลละไมก็ฉันนั้น”
โกโบริถามทั้งที่ยังหลับตา “คุณว่าอะไรนะ ไพเราะดีจริง”
“คำกวีคะ พูดถึงความงามท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ เทียบกับ..ความรักของคนเรา”
“เหมือนที่ผมรักคุณใช่ไหม ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินไม่ตอบ ซุกหน้านอนนิ่งหลับตาลง
โกโบรินอนตระกองกอดอังศุมาลินหลับตายิ้มพรายสีหน้าเปี่ยมสุขเป็นที่สุด ยินเสียงนกร้องประสานแว่วดังขับกล่อมสองคน
เช้าตรู่ประตูเสื้อผ้าเปิดออก โกโบริเพิ่งล้างหน้าล้างตา มีผ้าเช็ดตัวคล้องคอ ยืนมองนิ่งคิด แล้วพลันคิดอะไรดีๆ ได้ขึ้นมา เสื้อผ้าถูกรื้อค้นไปมา จนได้เสื้อกางเกงมาชุดหนึ่ง โกโบริยิ้มพอใจ
ส่วนที่ท่าน้ำหน้าบ้าน แม่อร ยายศร และอังศุมาลิน ใส่บาตรกันอยู่ อังศุมาลินตักข้าวใส่บาตร หน้าตาอิ่มเอมเป็นสุขอย่างเห็นได้
ไม่นานนัก อังศุมาลินเปิดประตูเข้ามา ทันทีที่มองเห็นคนในห้อง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแปลกใจเล็กน้อย เพราะโกโบริอยู่ในชุดลำลองสากลดูแปลกตาไป กำลังหวีผมเรียบแปล้อยู่หน้ากระจก ก่อนจะหันมายิ้มแป้น
“วันนี้เป็นวันพักของผม คุณเข้ามาพอดี ผมกำลังว่าจะไปบอกคุณ”
“อะ อะไรคะ” อังศุมาลินงวยงง
โกโบริเดินรี่เข้าไปหาอังศุมาลินที่งงๆ อยู่ตรงหน้าประตูห้อง
“คุณช่วยออกไปกับผมหน่อย นะ เปลี่ยนชุดสวยๆ เลย”
“นี่คุณ…” อังศุมาลินฉุน เหมือนถูกมัดมือ
“ตามกติกาไง”
โกโบริว่า พลางดึงแขนอังศุมาลินเข้ามา แล้วดันไปที่ตู้เสื้อผ้า
“แต่…” อังศุมาลินท้วง
“เถอะน่าช่วยตามใจผมหน่อย”
โกโบริมองตามยิ้มจนเยิ้ม
สองคนพากันนั่งเรือมาไหว้พระปรางค์ทำบุญที่วัดอรุณราชวรารามแ โกโบริและอังศุมาลิน แหงนคอมองบันไดสูงชันขึ้นตัวพระปรางค์
โกโบริแหงนมองอยู่สักพัก แล้วใช้กล้องถ่ายรูปพระปรางค์ อังศุมาลินอยู่ในชุดกระโปรงลำลองสวยงาม มองๆ แล้วเดินนำขึ้นไปก่อน โกโบริมองตาม แล้วรีบตามไป
มุมกว้างแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นเรือแล่นไปมาเงียบสงบสวยงาม โดยมีพระบรมมหาราชวังอยู่ไม่ไกล นัก โกโบริ และอังศุมาลิน ยืนมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า ทั้งสนุกทั้งแปลกตา
โกโบริถ่ายภาพอังศุมาลินที่ยืนมองกล้องอยู่ ด้วยแววตาเปี่ยมสุข
จากนั้นช่วงเวลาตอนกลางวัน ทั้งคู่ก็พากันมาอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งในยามนั้นเห็นผู้คนพลุกพล่าน รถราขวักไขว่วิ่งวุ่นที่ถนนด้านหน้า
โกโบริ อังศุมาลินนั่งกินไอศกรีมที่ร้านข้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง โกโบริดูกินอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้ายิ้มแย้ม เอาแต่มองอังศุมาลินซึ่งจังหวะหนึ่งสาวเจ้าเงยหน้ามายิ้มให้ แล้วเลิกกิน ดื่มน้ำ เช็ดปาก
โกโบริมองดู เห็นในถ้วยไอติมของอังศุมาลิน ไอศกรีมละลายเต็ม
ครู่ต่อมาอังศุมาลินเดินรี่นำไปที่ป้ายบอกการแสดงประจำวัน โกโบริรีบตาม ป้ายบอกวันนี้แสดง “ละครเรื่องมัทนะพาธา”
ไม่นานนักบนเวที เป็นการแสดงละครเพลงมัทนะพาธา เริ่มแสดง เป็นฉากยามค่ำคืนในสวน ดวงจันทร์ดวงโตกระจ่าง เป็นฉากลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน ซึ่งเป็นอาศรมเรือนไม้ มีระเบียงสูงชั้นบน อยู่ด้านขวาของเวที
ท้าวชัยเสนเดินออกมาจากทางด้านซ้าย เดินชมจันทร์อยู่ในสวน แล้วก็พลันคิดถึงนางมัทนาขึ้นมา
“โอ้โอ๋กระไรเลย บ มิเคย ณ ก่อนกาล
พอเห็นก็ซาบซ่าน ฤดิรัก บ หักหาย”
โกโบรินั่งดูอย่างสนใจ แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง พอหันไปมองหน้าอังศุมาลิน เห็นอังศุมาลินดูอย่างตั้งอกตั้งใจมาก
ท้าวชัยเสนร้องครวญคร่ำคนึงหวนถึงนางอันเป็นที่รักต่อ
“ยิ่งยลวะนิดา ละก็ยิ่งจะร้อนคล้าย เพลิงรุมประชุมกาย ณ อุรา บ ลาลด”
ทันใดนั้น ประตูอาศรมบนระเบียงเปิด ท้าวชัยเสนสะดุ้ง ทำท่าตกใจเล็กน้อย
“ช้าก่อน ดนูเห็น ณ ประตูสิรำไร ดังหนึ่งจะมีใคร จระจากพระอาศรม
ท้าวชัยเสนเลี่ยงเข้าไปแฝงหลังกอไม้ เห็นมัทนาเดินออกมาจากประตูอาศรมมายืนมองดูดวงเดือนบนระเบียงชั้นบน
โกโบริดูการแสดงจากภาษากายอย่างตื่นเต้น เหลียวไปมองอังศุมาลิน เห็นอังศุมาลินดูตื่นเต้น ลุ้นๆ
โกโบริมีความสุข หันไปมองละครต่อ
ที่บนเวที มัทนารำพึงกับพระจันทร์
“ครานี้สิพบชาย วรรูปวิเศษวิศาล
ใจวาบและหวามปาน ฤดินั้นจะโลดจะลอย
เธอนั้นฤเจียมตัว กิริยาก็เรียบร้อย
ไม่มีละสักน้อย จะแสดงณท่วงณที
ว่าเธอประสงค์จะ อภิรมย์ฤดีระตี
เป็นแต่ชำเลืองที่ ดนูบ้าง ณ ครั้ง ณ คราว”
อังศุมาลินดื่มด่ำ ลืมตัว พูดฉันท์ออกมาด้วยความชื่นชอบในบทกวี พร้อมๆ กับนักแสดงผู้แสดงเป็นมัทนาบนเวทีเบาๆ
“คราใดประสพเนตร ฤก็เราละร้อนและหนาว
เธอไกลก็ดูราว นภะไร้ตะวันและเดือน
โอ้ว่าณครานี้ แหละฤดีจะฟั่นจะเฟือน
ด้วยรักกระทำเชือน ละฉะนี้จะทำไฉน”
โกโบริแอบมองอังศุมาลิน อย่างทึ่ง แอบขำ และสนุก และดีใจ ที่เห็นอังศุมาลินในภาคนี้ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ดูละครเสร็จสองคนนั่งรถสามล้อที่กำลังขับพาโกโบริ และอังศุมาลินผ่านมาบริเวณถนนอู่ทองใน มี รถยนต์สี่ล้อวิ่งสวนไปมา
โกโบริมีความสุข มองดู อังศุมาลินยิ้มเป็นระยะ อังศุมาลินหันมาเห็นสายตาโกโบริ ก็เมินเลี่ยงหลบ หันหนีไปมองวิวสองฝั่งถนนต่อ
ไม่นานต่อมารถสามล้อขี่พาทั้งสองวิ่งผ่านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมไป โกโบริยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอังศุมาลินที่นั่งบนสามล้อ ครู่ต่อมาโกโบริสอนอังศุมาลินให้ถ่ายรูป
อังศุมาลินถ่ายรูปซึ่งแต่ละท่าโกโบริ หัวเราะ เริงร่า มีสุขล้น สองคนยิ้มให้กัน
ค่ำแล้ว แม่อรจุดตะเกียงเจ้าพายุแขวนไว้ที่หัวเสา ก่อนจะมานั่งนาบใบพลูอยู่มุมหนึ่งเงียบๆ
เสียงจากขิมที่ดังลอยลอดออกมาจากในห้องนอน กำลังถูกอังศุมาลินตีไล่เสียงไปมา โดยมีโกโบริล้มตัวนอนเหยียดยาวตะแคงมองอย่างตั้งใจ สองคนผัดแป้ง เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย
อังศุมาลินกำลังตีไล่เสียงให้ดู
“นี่ค่ะ ต้องลองไล่เสียงก่อนอย่างนี้”
“ออ..ไหนคุณลองเล่นเพลงเพราะๆ นั่นซิ ที่คุณชอบเล่นบ่อยๆ”
โกโบริพยายามนึกๆ ชื่อเพลง อังศุมาลินก้มนิ่งไล่เสียงขิมต่อ
“นั่นน่ะ ทำนองเย็นๆเศร้าๆ คุณชอบเล่นบ่อยๆ”
อังศุมาลินบอกเบา “นางครวญค่ะ”
“อา ใช่ๆ นางครวญ..ผมชอบฟัง แล้วแปลว่าอะไร”
“แปลว่า ผู้หญิงร้องไห้”
“ร้องไห้ถึงใคร”
โกโบริถามไปโดยลืมตัว อังศุมาลินเงียบก้มหน้านิ่ง ก่อนถอนใจยาว
จนโกโบรินึกได้ เพราะเคยทะเลาะกันเรื่องเพลงนี้
“ขอโทษด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจ”
โกโบริผงกศีรษะให้เล็กน้อย สีหน้าสลดลง พลางทิ้งตัวนอนราบลง เสียงขิมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขึ้นเพลงนางครวญที่คุ้นเคยนั้น
โกโบริค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมาฟัง พลิกตัวนอนตะแคง ทอดสายตามองนิ่ง จดจ้องมองดูอังศุมาลินที่กำลังตีขิมไปมา
สีหน้าโกโบริในแสงตะเกียงเปี่ยมสุข มองเห็นแววตาอ่อนโยน รักใคร่อย่างสุดซึ้ง
แม่อรที่เดินผ่านหน้าห้อง แอบหยุดลอบมอง พลางทอดถอนใจ แสนสงสาร
คู่กรรม ตอนที่ 18 (ต่อ)
เปลวไฟตะเกียงพลิ้วปลิวตามแรงลม พลันเสียงหวอสัญญาณเตือนภัยดังยาวขึ้น แม่อรโผล่มาจากห้องท่าทีตื่นตกใจ
“หวออีกแล้ว”
อังศุมาลินวางมือจากขิมทันทีเช่นกัน โกโบริรีบผุดตัวขึ้นนั่ง
“คุณจะไปอู่หรือคะ”
“ไม่ต้อง มีคนแทนผมอยู่แล้ว ใจเย็นๆ ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงยายตื่นไอโขลกๆ ออกมาจากห้อง
“อร อร...ยายอัง”
แม่อรรีบเข้าไปรับ “เดี๋ยวคะแม่ เดี๋ยว”
โกโบริลุก ช่วยอังศุมาลินเก็บขิม
“ยังมีเวลาใจเย็นๆ” โกโบริเดินไปที่ห้องยาย “ก่อนออกจากห้องอย่าลืมดับตะเกียง ปิดประตูหน้าต่างนะครับ คุณแม่”
ครู่ต่อมาอังศุมาลิน แม่อร และยาย พร้อมกระเป๋า เสื่อ และผ้าห่มก้าวลงบันไดมา มีโกโบริตามดูแล พยุงยาย เสียงครางกระหึ่มของฝูงบินแว่วมาแต่ไกล
“ค่อยๆ ระวังตกบันได ระลอกนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไร จะอันตรายก็รอบขากลับ” โกโบริบอก
อังศุมาลิน แม่อร ก้าวนำลงไปก่อน เหลือโกโบริคอยพยุงยายก้าวลง ก่อนหันมาปิดประตูเป็นคนสุดท้าย
ทั้ง 4 คน อยู่ที่ท้องร่องในสวนแล้ว แม่อรนั่งเบียดยายศร คลุมโปงอยู่ด้วยกัน มีอังศุมาลินนั่งถัด มาและมีโกโบรินั่งเหยียดยาวยันคูอีกด้านหนึ่งอย่างสบาย เสียงเครื่องบินระลอกถัดมาเพิ่งบินผ่านไปอีก ขณะที่เสียงระเบิดสะเทือนอยู่ไกลๆ ยังดังต่อเนื่อง
โกโบริเอ่ยขึ้น “คงอีกนาน หลับก่อนก็ได้”
“โอย ใครเขาจะหลับลงละพ่อ”
แม่อร กะยายศร คลุมโปงกันไป โกโบริสอดมือมาดึงตัวอังศุมาลินให้เอนไปหา อังศุมาลินค่อยๆ โน้มตัวตาม พิงศีรษะกับต้นแขนอย่างวางใจ
โกโบริกระซิบบอกเบาๆ “หลับเสีย ผมอยู่นี่ไม่ต้องกลัว”
อังศุมาลินถอนใจยาว เสียงระเบิดยังดังน่ากลัวต่อเนื่อง
โกโบริก้มมองอังศุมาลินเป็นระยะ มองบนท้องฟ้าบ้าง อังศุมาลินค่อยๆ หลับตาลง รู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย
เวลาผ่านไปเสียงหวอดังยาวปลอดภัย แม่อรกับยายที่คลุมโปงอยู่เปิดพรวดออกมา ยายถอนใจดังสูดอากาศปลอดโปร่งโล่งใจ แม่อรหันมามองข้างๆ
“ตื่นเถอะ ฮิเดโกะ..ฮิเดโกะ”
โกโบริเรียกสะกิดอังศุมาลิน อังศุมาลินงัวเงียผงกศีรษะขึ้นมา
“เฮ้อ ลูกคนนี้ระเบิดลงโครมๆก็หลับอยู่ได้” แม่อรบ่น
อังศุมาลินอยู่ในอาการงัวเงีย “หนูตื่นแล้ว”
“แล้วเมื่อกี้ใครหลับให้พ่อดอกมะลินั่งปัดยุง” ยายว่า
“แหม ก็…”
อังศุมาลินขยับลุกแก้เก้อ เพราะเถียงไม่ออก โกโบริลุกตามเดินอ้อมไปหายาย คอยพยุง
“ขึ้นเรือนเถอะ ผมจะพยุงคุณยายเอง”
“ขอบใจละพ่อคุณ หูตาคนแก่มันไม่ค่อยเห็น” ยายบอก
อังศุมาลินขยับเก็บม้วนเสื่อ แม่อรก้าวนำขึ้นไปบนคูเพื่อช่วยรับยาย
อังศุมาลินก้าวตามรั้งท้ายขึ้นมาจากคู โกโบริที่พยุงยายนำไปหันมามองห่วง อังศุมาลินปัดตัว ปัดมือไปมา มองไปที่คนทั้งสามที่เดินนำไป
พลันรู้สึกประหลาด แต่ดีมากๆ ที่มีโกโบริมานำแทนเธออยู่ตรงหน้า ก่อนออกเดินตาม
ไม่นานหลังจากนั้น โกโบริจุดตะเกียงตรงหัวเสาจนติดสว่าง อังศุมาลิน แม่อร และยายทิ้งตัวนั่งอยู่ที่ยกชาน
“ผมไปดูที่ครัวก่อน เผื่อหาอะไรร้อนๆ มากินกันก่อนเข้านอน”
“ฉันไปดูเองคะ”
“ไม่เป็นไร คุณนั่งพักไปเถอะ”
โกโบริหันเดินหายเข้าครัวไป
เวลาต่อมาโกโบริยืนคว้างหมุนอยู่ในครัว ตะเกียงในครัวสว่างขึ้น โกโบริหันไป อังศุมาลินมายืนอยู่ข้างตะเกียงหน้าประตูครัว โกโบริไปยืนมองเครื่องกระป๋องที่วางอยู่หลังตู้กับข้าว
“มีนมผง กาแฟ”
“ฉันทำเอง ออกไปเถอะค่ะ”
“ผมช่วย”
อังศุมาลินเดินไปจุดไฟอย่างคล่องแคล่ว ก่อนหันมายกกาน้ำไปวาง แล้วเดินไปหยิบแก้วกาแฟมาให้สามใบ
“ทำไมแค่สามใบ”
“ของคุณ ของคุณแม่กับคุณยาย” อังศุมาลินว่า
“แล้วของคุณ”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่หิว”
โกโบริมอง ท่าทีฉงนอาการงวยงง
ทุกคนอยู่ตรงชานเรือน แก้วนมถูกยื่นมาตรงหน้า อังศุมาลินเงยหน้ามอง มีแม่อร และยายนั่งยกจิบอยู่ข้างๆ โกโบริเป็นคนยื่นให้ สีหน้าภูมิใจกึ่งคะยั้นคะยอ
“ของคุณ ผมทำมาให้”
“ขอบคุณ แต่บอกแล้วว่าไม่หิว”
“นิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก คุณยังผอมอยู่นะ ควรกินอะไรมากๆ”
“ไม่ไหวจริงๆ นี่คะ” อังศุมาลินว่า
โกโบริเป็นห่วงไม่หาย “หมู่นี้ผมสังเกตดูคุณไม่ค่อยกินอะไรเลย ข้าวก็กินนิดเดียว บางทีก็ไม่กิน”
อังศุมาลินไม่ตอบ
“ดูคุณไม่สบายนะ ไปหาหมอมั้ย หรือจะให้ผมพาหมอมานี่”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
แม่อร ยายศรจิบ มองสองคนไปมา
“นอกจาก เอ่อ..แค่เหนื่อยๆ นิดหน่อย” อังศุมาลินว่า
“งั้นคุณก็อย่าทำอะไรมากไปนักซิ เข้าใจนะ” โกโบริห่วง พูดไปยิ้มไป “ฮิเดโกะ...เอาน่านี่ดื่มเสียหน่อย กำลังอุ่นๆ”
อังศุมาลินรับแก้วมาเขินๆ ยกขึ้นดมๆ ก่อนเงยหน้ามายิ้มแหย
“เหม็นคาวออก”
โกโบริบอกเสียงห้วน ท่าทีขึงขัง “กลั้นใจ แล้วดื่มให้หมด นี่เป็นคำสั่ง”
อังศุมาลินทำตาม แต่ดื่มไปได้หน่อยทำท่าจะขย้อนออกมา
โกโบริคะยั้นคะยอ “อีกหน่อย เอาให้หมด”
อังศุมาลินดื่มต่อจนหมด ทำหน้าแหย ผะอืดผะอม
“นี่ละดีมาก เดี๋ยวจะเลื่อนยศให้…”
โกโบริหัวเราะชอบใจ
ทันใดนั้น อังศุมาลินก็วิ่งพรวดไปที่หน้าต่าง พลางอาเจียนออกมาหมด
“ฮิเดโกะ...เป็นอะไรน่ะ”
แม่อร และยายศร สบตากัน นัยน์ตาแวววาวเจิดจ้า
คู่กรรม ตอนที่ 18 (ต่อ)
แม่อรกะยายศร ต่างเหลียวมองตามอังศุมาลินอย่างตกอกตกใจ
“ยัยอัง..เป็นอะไรลูก”
โกโบริตกใจรีบรุดไปหาอังศุมาลินที่ก้มอาเจียนอยู่ที่หน้าต่าง พลางใช้มือลูบหลังไปมา ก่อนใช้มือทาบที่ซอกคอ หน้าผาก ของอังศุมาลิน ตรวจอาการอย่างห่วงใย
“คุณไม่สบายใช่ไหม นี่เหงื่ออกเหนียวเชียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
อังศุมาลินอาเจียนออกอีกพรวด ก่อนถอนใจยาว โกโบริประคองมั่น
อังศุมาลินร้องขอ “น้ำ”
“คุณยืนไหวไหม รอเดี๋ยวนะ ระวังจะล้ม”
“ได้ค่ะ”
อังศุมาลินเกาะขอบหน้าต่างไว้ เห็นภาพข้างตัวไหวแกว่งไปมา อังศุมาลินค่อยๆ หลับตาลง พยายามตั้งสติ
โกโบริรีบกลับมา ท่าทีห่วงใยมากมาย “ฮิเดโกะ น้ำ”
พออังศุมาลินลืมตาขึ้นมา เห็นขันน้ำมาแตะอยู่ตรงริมฝีปาก
“ค่อยๆ เดี๋ยวสำลัก”
อังศุมาลินบ้วนน้ำล้างปากทิ้งก่อน เอาน้ำลูบหน้าบางส่วน แล้วเอนตัวมาพิงโกโบริ
“มา...ผมจะพาไปนอน”
โกโบริวางขันลง แล้วช้อนตัวอังศุมาลินอุ้มเดินไป
แม่อร ยายศร ลุกมามอง ห่วงตามไป
ร่างอังศุมาลินถูกวางลงบนที่นอน แล้วจับหมอนมารองให้อย่างบรรจง โกโบริคลี่ผ้าห่มให้
“สงสัยวันนี้ผมพาคุณเดินเที่ยวมากไปกระมัง แดดอาจจะร้อน หรือเมื่อคืนคุณนอนน้อย เอาเถอะ...พรุ่งนี้ผมจะให้หมอมาตรวจ”
อังศุมาลินปฏิเสธ “อย่าเลยค่ะ คงเป็นลมน่ะ”
โกโบริไม่เถียง เดินหายไป อังศุมาลินหลับตา หายใจรวยรินเหมือนจะขาดใจ ได้ยินโกริทำอะไรกุกๆ กักๆ อยู่หลังฉากกั้น
สักพัก โกโบริถือผ้าขนหนูที่ชุบน้ำมา ทรุดนั่งลงข้างๆ
“ผมจะเช็ดหน้าให้ เหงื่อเต็มเชียว”
โกโบริลูบไล้ด้วยผ้าขนหนูทั่วหน้า แต่อังศุมาลินกลับหน้าเหย เบี่ยงหลบไปมา เอามือมาปัด
“อย่าค่ะ เหม็น” อังศุมาลินบอก
“อ้าว”
โกโบริยกผ้าขึ้นมาดม
“นี่ผมก็ใช้น้ำหอมขวดเดียวกับที่คุณใช้ประจำนะ”
“ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ มันเหม็นเวียนหัว”
“งั้นผมจะเอาไปจุ่มน้ำมาให้ใหม่”
โกโบริเดินหายออกไป อังศุมาลินสีหน้าผะอืดผะอม หลับตาลง
แม่อรจุดตะเกียงสว่างจ้าขึ้น ส่วนยายศรยืนรีรอ ห่วงใย มองไปที่ห้องอังศุมาลิน เห็นโกโบริเปิดประตูห้องออกมา ถืออ่างเล็ก ที่มีผ้าจนหนูลอยอยู่มาด้วย หน้าตากลัดกลุ้มมากๆ
“เป็นยังไงบ้างพ่อโกโบริ” แม่อรรีบถาม
“หลับไปแล้วครับ”
“อาการเป็นยังไง” ยายซัก
“ไม่มีไข้นะครับ ได้นอนพักคงจะดีขึ้น แต่เมื่อกี้บ่นเหม็นกลิ่นน้ำหอมผ้านี่ด้วยครับ”
แม่อร กับยายศร เหลียวมาสบตากัน ความกังวลคลายไป กลับกลายเป็นแน่ใจมากขึ้น
เช้ามืดวันนั้น ที่บ้านชายทุ่ง บริเวณท้องทุ่งแห่งหนึ่ง ของจังหวัดนครสวรรค์
ขวดเหล้าขาวกำลังถูกรินลงแก้ว ในวงเหล้า ที่มีชาวบ้าน 3-4 คน กำลังกระดกเหล้าในอาการกึ่มกันได้ที่ ชายสองคนเดินลุกออกจากวง เดินเซเป๋ไปมาแยกมาตรงดงกล้วยหลังบ้าน ต่างคนต่างหามุมยืนแอ่นฉี่
ชายคนแรกส่งเสียงอ้อแอ้ เมาปลิ้นแทบยืนไม่อยู่ “คืนนี้บ้านผู้ใหญ่ทำไมร้อนจริง”
ร้อนเอ็งก็ขอฝนบอกเทวดานู้น” ผู้ใหญ่บ้านว่า
“ได้เลยผู้ใหญ่” ชายคนดังกล่าวแหงนหน้า “ฝนจ๋าฝน มะมาหาพี่แก้วหน่อย”
จู่ๆ เสียงเครื่องบินแว่วดังมาครางฮือ วงเหล้าที่เหลืออยู่ที่แคร่ต่างสะดุ้ง หายเมา มองหน้ากันเลิกลัก
ชายคนที่ยืนฉี่สีหน้าเริ่มเปลี่ยน หายเมา รีบดึงกางเกงเข้าที่ แล้วหันตัววิ่งแจ้นกลับไป ผู้ใหญ่ยืนแหงนมองฟ้า ปล่อยของต่ออยู่ที่เดิม พลางตะโกนดังลั่น
“ดับไฟให้หมดโว้ย เร้ว...”
“อ้ายยะ เรียกปุ๊บมาปั๊บ...เห็นมั้ยผู้ใหญ่ ฝีมือไอ้แก้ว” ชายคนนั้นหันไปดู เพื่อนพ้องหายเกลี้ยง “อ้าว..ไปไหนละ”
ขณะเดียวกันเครื่องบิน B24 ดำทะมึน อยู่เหนือท้องฟ้า พลร่มสามนายถูกปล่อยลงมา
วงเหล้าต่างมุดไปอยู่ใต้แคร่บ้าง ลงโอ่งบ้าง ต่างคนต่างหลับตาปี๋ บ้างยกมืดสวดมนตร์
เงาตะคุ่มๆ ของพลร่มสามนายบนท้องฟ้าค่อยๆ ลอยลงมาปรากฏชัดขึ้น
ชายคนแรกยืนแหงนมองสีหน้าประหลาดใจ พยายามเพ่งมองขยี้ตาไปมา
“หะเหย ไรวะ” ชายคนนั้นถอยๆ มอง แล้วหันตัววิ่งกลับไป “ผะ...” ตะโกนลั่น “ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่...”
พร้อมกับวิ่งเผ่นตะโกนลั่นกลับไป
เงาตะคุ่มของพลร่มสองนายร่อนลงมาถึงพื้นดินกลางทุ่งนา ห่างกันคนละจุด จุดหนึ่งเป็นคุณชายวิชญาซึ่งกำลังเก็บพับร่มอย่างรีบเร่ง
อีกจุดที่ห่างไปไม่ไกลเป็นอรุณเพิ่งลงมาถึงพื้น คุณชายวิชญาเป่าปากสัญญาณวี้ดหนึ่งที อรุณที่กำลังรีบเก็บร่ม หันไปทางเสียงสัญญาณ เป่าปากวี้ดสองที คุณชายวิชญาหันไปทางเสียงแล้วรีบวิ่งต่ำมุ่งไป
ขณะที่อรุณพยายามรวบเก็บร่มอย่างรวดเร็ว
“กัลกัตตา” คุณชายตะโกนถามรหัส
อรุณรีบหันตอบ “โคลัมโบ”
คุณชายวิชญาโผล่เข้ามาถาม
“ลำพูละ” หมายถึงวนัส
“ลงหลังผมมาติดๆ นะ” อรุณว่า
คุณชายวิชญาครุ่นคิด เหลียวมองหาวนัสไปมา
ขณะเดียวกันมือของวนัสกำลังเอื้อมขึ้นไปที่ขาใช้มีดสนาม เพื่อพยายามตัดเชือกร่มที่พันเกี่ยวขาอยู่ วนัสอยู่ในสภาพหัวห้อย ขาถูกเชือกร่มพันเกี่ยวข้างอยู่กับต้นไม้ใหญ่
และวนัสกำลังพยายามโน้มตัวขึ้นไปใช้มีดตัดเชือกอย่างยากลำบาก
คุณชายวิชญากำลังเดินดุ่มตรงมาหา เป่าปากเป็นสัญญาณหนึ่งที อรุณที่อีกด้านหนึ่งก็เป่าปากสัญญาณหนึ่งที เดินหาไปมา
วนัสหันไปทางเสียงสัญญาณ ทิ้งตัวลงจากความพยายามเอื้อมขึ้นไปตัดเชือก ยกมือเป่าปากวี้ดรับสองที คุณชายวิชญาหันขวับ เหลียวหา ส่วนอรุณรีบรุดหันกลับมาอีกทาง แล้วรีบรุดไปทันที
วนัสยกมือเป่าปากวี้ดสองที อีกครั้ง อรุณ พรวดเข้ามาตรงใกล้ต้นไม้ใหญ่หันตัวมองหาไปมา แต่ไม่เจอ อรุณจึงทักเป็นรหัสลับ
“กัลกัตตา”
คุณชายวิชญา โผล่เข้ามาถึงพอดี อรุณหันไปเห็น คุณชายเดินมาสมทบ
จู่ๆ ยินเสียงวนัสทักตอบมา “โคลอมโบ”
คุณชายวิชญา และอรุณ รีบมองหาไปรอบต้นไม้ ก่อนจะหันมามองกัน แล้วแหงนหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
สองคนเห็นวนัสยิ้มแฉ่งลงมา
ไม่นานต่อมา ร่างวนัสถูกปล่อยลงพื้น โดยมีคุณชายวิชญาประคองรับไว้ พลางถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าลำพู”
“ไม่เป็นไรครับแซม ผมห่วงแต่วิทยุในเป้นี่ละ” วนัสว่า
“เอาน่า ไว้ค่อยดูทีหลัง”
อรุณดึงแล้วสาวร่มของวนัสรวบๆ เข้าไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“เราไปไหนกันต่อดี”
“ผมว่าเราน่าจะอยู่ห่างจากพระนครมาทางตอนเหนือพอสมควร เพราะผมเห็นมีภูเขา กับป่าครึ้มๆตอนโดดลงมา” วนัสบอก
“งั้นเรา…”
ท่านชายพูดไม่ทันจบคำ พลันมีแสงไฟฉายกราด,k 2-3 ลำ ส่องพุ่งมาที่หน้าของทั้งสาม
“เฮ้ย..พวกเอ็งเป็นใครวะ” เสียงผู้ใหญ่บ้านตะโกนถาม
จากนั้นผู้ใหญ่พร้อมด้วยชายฉกรรจ์รวมกว่า 7-8 คน ส่องไฟ พร้อมมีด ไม้ และปืนยาว ทุกคนยืนจังก้าอยู่ วนัส อรุณ และคุณชายวิชญา หันขวับไป 3 คน ผงะ
ในตอนรุ่งสาง มือโกโบริวางพาดกุมมืออังศุมาลินที่นอนอยู่ ค่อยๆ เลื่อนไหลหลุดลง อังศุมาลินนอนหลับเหงื่อแตกสีหน้าไม่ดี เหมือนฝันร้าย กระสับกระส่ายไปมา โกโบรินอนพับนิ่งอยู่ข้างๆ
อังศุมาลินฝันไปว่า ตัวเองยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งกว้างขวางบรรยากาศทะมึน และเห็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดินไปมา บ้างหันมาโบกมือทักทาย แล้วเดินผ่านไป
เสียงวนัสเรียกดังขึ้น “อัง”
อังศุมาลินหันมองหาไปมา จู่ๆ มีมือมาสะกิดข้างหลัง อังศุมาลินหันไป เห็นหน้าวนัสยืนหัวเราะ ก่อนจะยิ้มหวานทักทาย
พลันมีเสียงระเบิดดังตูมใหญ่
อังศุมาลินหันขวับไปดู เห็นเพื่อนมหาวิทยาลัยวิ่งหนีกันวุ่นวาย จนหายไปหมด เหลือแต่เปลวเพลิงลุกโชนตรงหน้า อังศุมาลินร้องวี้ด
เสียงโกโบริเรียกดังเข้ามา “ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินหันมองหา ทว่ารอบตัวกลับไม่เห็นใคร มีแต่ความเวิ้งว้าง และเปลวไฟที่ลุกเต็มรอบตัว
พอหันไปดูอีกครั้งจึงเห็นภาพเลือนรางของโกโบริเดินใกล้เข้ามา ด้วยสีหน้าซีดเซียวอ่อนล้า สายตาหมองเศร้า
“ฮิเดโกะ” โกโบริยื่นมือเข้ามาหา
เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นโหมแรงหนักหน่วง และเข้ามาขวางร่างโกโบริจนหายไปต่อหน้าต่อตา
อังศุมาลินตกใจร้องเสียงหลง
“โกโบริ”
อังศุมาลินเหงื่อแตก นอนฝันร้าย ขยับดิ้นส่ายไปมา ร้องเรียกโกโบริออกมาอีก
“โกโบริ”
โกโบริสะดุ้ง ตื่น แล้วหันมามอง เห็นอังศุมาลินกระสับกระส่าย รีบเข้ามาใกล้ๆ จับมือเขย่าปลุก
“ฮิเดโกะ...ผมอยู่นี่ ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินลืมตาขึ้นมาเห็น รีบโผเข้าหาโกโบริซบหน้าแน่น ร้องไห้โฮๆ
โกโบริตกใจ “เป็นอะไร คุณฝันอะไร”
อังศุมาลินไม่พูดไม่จา เอาแต่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ ขวัญเสีย “ฮือๆๆๆๆ”
โกโบริยิ้มอ่อนโยน ลูบผม หลังไหล่ “ทำไมร้องไห้ใหญ่เลย”
โกโบริพยายามปลอบ อังศุมาลินค่อยลืมตาขึ้นมามองหน้าราวกับให้แน่ใจ ก่อนที่จะโผเข้าซบกอดแน่นอีกครั้ง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คุณดูซีดๆนะครับ นอนต่ออีกหน่อยดีไหม เดี๋ยวสายๆ ผมจะพาหมอมา”
“ไม่เป็นไรคะ หายแล้ว ท้องมันคงว่างเมื่อคืนเลยเป็นลม”
“เป็นลมบ่อยๆ ไม่ดี เพราะเดี๋ยวพัดหายไปหมด นี่คุณผอมไปจริงๆ นะ” โกโบริลูบไล้แขนอังศุมาลิน “ผมจะได้พักอีกสองสามวัน รอเครื่องจักรมาติดตั้งที่อู่แทนอันที่พังไป คุณอยากไปไหนอีกบอกผมนะ”
“อย่าดีกว่าคะ”
ว่าพลางอังศุมาลินขยับลุกขึ้นนั่ง ปาดเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง
“คุณจะลุกทำไม”
“จะไปหุงข้าว”
“หุงอีกแล้ว” โกโบริทำหน้าขัดใจเต็มทน “ไม่ต้องทำสักวันไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้ค่ะ ไม่งั้นแม่ก็ต้องลุกมาทำ”
“มา งั้นผมจัดการให้ เอ้า...คุณนอนเฉยๆ อยู่นี่”
โกโบริขมีขมันลุกพรวดขึ้น
“คุณทำไม่เป็นหรอก” อังศุมาลินว่า
“โธ่ ทำไมจะทำไม่เป็น ก็กินมาเป็นเดือนๆ แล้ว แล้วญี่ปุ่นก็ต้องหุงข้าว มันก็เหมือนกัน”
อังศุมาลินหมั่นไส้ “ค่ะ คนเก่ง งั้นเชิญแสดงฝีมือเลย”
“ดี งั้นคุณนอนอยู่นี่”
โกโบริขยับยืนจะเดินไป อังศุมาลินลุกตาม
“อ้าว คุณจะลุกทำไมอีก”
“ไปคุมเฉยๆ ค่ะ”
“นี่คุณไม่ไว้ใจลูกศิษย์อย่างผมเลยหรือ”
“ค่ะ ก็ลูกศิษย์ไม่เห็นได้เรื่องสักอย่างนี่คะ”
อังศุมาลินขยับตัวเดินนำ โกโบริรีบก้าวยาวๆ ตามออกไป
คู่กรรม ตอนที่ 18 (ต่อ)
โกโบริเดินนำอาดๆ ออกมาจากห้อง อังศุมาลินตามมาช้าๆ
“คุณไปล้างหน้าก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปจัดการให้”
โกโบริหันมากำชับก่อนผละเดินลิ่วไปที่ครัว อังศุมาลินหน้ามืด เวียนหัวอีก ชะงักหยุดอยู่ก่อนเล็กน้อย พลันพยักหน้ารับคำ ก่อนค่อยหลับตาประคองตัวให้ยืนปรกติ
อังศุมาลินพยายามเดินมาถึงที่โอ่งนอกชาน ใช้มือค้ำโอ่งเพื่อทรงตัว แล้วจ้วงน้ำขึ้นมาจะก้มล้างหน้า ทันใดใบหน้าที่เริ่มซีดเผือดกลับผะอืดผะอมเต็มกลั้น คะย้อนปล่อยอาเจียนออกมาดังอ้วก น้ำใสๆ พุ่งพรวดออกมาเต็มพื้น
แม่อร ที่เพิ่งเปิดประตูห้องออกมา ถึงกับหันขวับมาถามอย่างตกใจ
“ยายอัง เป็นอะไรลูก”
ฟากโกโบริอยู่ในครัว กำลังจะซาวข้าวล้างน้ำ ได้ยินเสียงจากด้านนอกรีบวางหม้อข้าวลง ลิ่วออกจากครัว ก้าวพรวดๆ มาที่อังศุมาลินโดยเร็ว
“ฮิเดโกะ...นี่คุณยังไม่หายเลยนี่นา”
โกโบริมีสีหน้าไม่สู้ดี รีบพยุงประคองอังศุมาลินไว้
แม่อรเดินมา โกโบริรีบฟ้อง “เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ”
“เป็นลมหรือลูก เดี๋ยวแม่ละลายยาลมให้ พ่อดอกมะลิลูบๆ หลังแกเข้า”
แม่อรผละไป โกโบริกุลีกุจอลูบหลังอังศุมาลินไปมา อังศุมาลินก็ปล่อยอาเจียนออกมาอีก
ยายศร เพิ่งตื่นรีบเปิดประตูห้องออกมา
“ใครเป็นอะไร โอ้กอ้ากกันแต่เช้า”
“ยายอังค่ะแม่” แม่อรหันไปหา
ยายศรส่ายหน้าดูไม่วิตกอะไร พูดเหมือนปลงๆ
“หือ...นึกแล้ว ข้าวปลากินไม่ค่อยได้ จนซูบๆ ไป”
แม่อรกำลังเทน้ำอุ่นละลายยาหอมในถ้วยยา เงยหน้ามามองยายศรแวบหนึ่งอย่างพอเข้าใจในบางสิ่งที่ยายหมายถึง ก่อนรีบเดินเอาถ้วยยาไปให้อังศุมาลิน
ซึ่งแม่อรตรงมายื่นถ้วยไปให้ที่หน้าอังศุมาลิน “เอ้า กินซะลูกจะได้หาย”
อังศุมาลินเบนหน้าหนีทันที “ไม่ไหวคะ เหม็น”
“กินซะหน่อย จะได้ช่วยให้ดีขึ้นนะลูก” แม่อรพูดเป็นเชิงบังคับ
อังศุมาลินพยายามฝืนใจรับมากระดกพรวด แต่ก็เกิดพะอืดพะอม ปล่อยอ้วกออกมาอีกรอบ
โกโบริที่ยืนประคองอยู่ถึงกับหน้าเสีย ออกอาการร้อนรน
“ท่าจะไม่ดีแน่ ผมควรจะรีบไปตามหมอมา”
อังศุมาลินเดินกลับมา นั่งที่ยกพื้น เอนตัวพิงเสา
“อย่าเลยค่ะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่มึนๆ นิดๆ นั่งพักสักเดี๋ยวก็คงหาย”
“งั้นหนูไปนอนเสียหน่อยดีกว่า ที่จริงก็ไม่ควรรีบลุกมานี่นา” แม่อรบอก
โกโบริตามมา โวยวาย “ผมบอกเขาแล้วไม่เชื่อ...หุงข้าวแค่นี้ผมมาทำได้ ง่ายจะตายไป”
“พ่อคุณ ไม่ต้องหรอกพ่อ...” ยายศรห้าม
แม่อรพูดบอกแกมสั่ง “ยัยอังไปนอนไปลูก เดี๋ยวแม่ทำเอง ไปไป”
“หนูไม่อยากนอนนี่คะ นอนก็ยิ่งเวียนหัว” อังศุมาลินบอกแม่
“แต่ตอนนี้หนูต้องไปพักเสียก่อน อาเจียนแบบนี้มันเสียแรง แล้วแม่จะต้มข้าวต้มให้”
“ไปนอนเถอะฮิเดโกะ”
โกโบริรั้งกึ่งประคองอังศุมาลินที่ต้องไปแต่โดยดี แม่อรและยายศรมองตาม ก่อนหันมาสบตากัน สีหน้าตื่นเต้น
ครู่ต่อมา ขันจ้วงตักน้ำขึ้นมาจากโอ่ง ลงไปราดที่พื้นนอกชาน แม่อรกำลังราดน้ำล้างทำความสะอาดรอยอ้วกอยู่ที่นอกชาน ยายเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ยกชาน
“น่ากลัวเสียแล้วละนะแม่อร”
แม่อรหันมามองยาย “คะ”
“ลงได้โอ้กๆ กันแต่เช้าอย่างนี้แม่น่ะเห็นเขาเดินบ้วนน้ำลายปรี๊ดมาหลายวันแล้ว สงสัยอยู่เหมือนกัน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกิน เจออะไรๆ หน่อยก็ว่าเหม็น วันก่อนก็ปอกสับปะรดที่บ่นว่าอยากกินเสียมือสั่นเทียว”
แม่อรหันไปล้างต่อ “ยังไม่แน่มังคะ”
“โถ อย่าเถียงตาคนแก่เลย นี่ถ้ามีลูกเต้ากันขึ้นมาคงยุ่ง พ่อดอกมะลิเค้าก็ดีหรอก แต่อะไรๆ มันก็ยังคาราคาซัง ไอ้พ่อก็ต้องไปทำสงคราม แล้วแม่กับลูกอยู่นี่จะทำยังไง ไหนจะมีพ่อวนัสมาอีกละ โห... เรื่องมันหนักอกไปเสียทั้งนั้น”
ยายศรระบายอย่างวิตก แม่อรกวาดล้างต่อไปเงียบๆ แต่แววตาครุ่นคิดตาม
“เสียดายเหลือเกิน ทำไมพ่อดอกมะลิไม่เกิดมาเป็นคนไทยไปเสียให้สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ลำบากใจกัน ไอ้คนของเราก็ดูมีใจชอบเขาอยู่บ้างหรอก แต่ข้างในใจคงรีๆ ขวางๆ อยู่ จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
“ช่างเถอะค่ะแม่ ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่กันถึงจะอยู่ห่างกันแค่ไหน ยังไงก็ต้องมาพบกันเข้าจนได้ ไอ้ข้างหน้าต่อไปจะเป็นยังไงก็ต้องสุดแล้วแต่เวรแต่กรรมที่เขาทำกันมา ผู้ชายอย่างพ่อดอกมะลิแกหายาก ลงว่ารักใครแล้วแกก็รักเสียจับอกจับใจ ของเราไปทำฤทธิ์ทำเดชกับเขาไว้แต่ละอย่างก็แสบนักไม่รู้จักเท่าไหร่ก็ยังเห็นรักของเขา คำน้อยไม่เคยว่า ถนอมยังกับแก้วตา ไม่รู้ว่าถ้าไม่ใช่พ่อดอกมะลิแล้วจะมีใครมาทนแม่คนของเราได้สักเท่าไหร่ ยายอังก็มีหัวจิตหัวใจ อยู่ที่จะทนเกลียดเขาไปได้สักกี่น้ำ”
แม่อรก้มหน้าก้มตาล้างต่อไป
ยายได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปคว้าถาดหมากพลูเข้ามาหาตัว
ตอนสายขึ้นมาอีกนิด มะม่วงในสวนออกลูกดกเต็มต้น ส่วนในห้อง มือโกโบริคอยบีบนวดอุ้งมือคลายกล้ามเนื้อให้อังศุมาลินอย่างนุ่มนวล จนต่อมาอังศุมาลินนอนหลับตาพริ้มอยู่บนหมอน มีโกโบริยันตัวอยู่ข้างๆ คอยพัดวีให้
“คุณอยู่คนเดียวก่อนได้ไหม ผมจะรีบไปอาบน้ำแล้วพาหมอมา”
“ได้ค่ะ ฉันอยู่ได้สิ แต่ไม่เห็นต้องไปพาหมอมาเลย”
“กลัวโดนฉีดยาละสิ” โกโบริยิ้มแซว
“ก็...” อังศุมาลินอึกอัก ยิ้มเจื่อน
“เอาละ ไม่ฉีดยา ผมจะบอกหมอ แต่คุณต้องตรวจให้รู้แน่ว่าเป็นอะไร” พูดพลางจับมืออังศุมาลินมานวดเบาๆ “ถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วผมจะทำยังไง ฮื้อ”
อังศุมาลินอึ้ง ใจหายวาบขึ้นมาทันที มือบีบจับมือโกโบริไว้ ประสานนิ้วกันแน่นไม่รู้ตัว
โกโบริฉงน “เป็นอะไรไป..?”
อังศุมาลินอึ้ง ตอบไม่ได้ แต่ใจหายอยู่อย่างนั้น “เปล่าค่ะ”
โกโบริลูบเรือนผม เบาๆ “งั้นหลับตาพักเถอะ เดี๋ยวผมก็มา ไม่หนีหายไปไหนหรอก ต้องกลับมาหาคุณวันยังค่ำ...ยกเว้นว่าผมตายเสียก่อน”
อังศุมาลินขวับมอง หน้าซีด ปล่อยมือโกโบริเหมือนโกรธจนโยนมือทิ้ง
“ไม่ค่ะ..อย่าพูดอย่างนั้น”
“อะไร พูดอย่างไหน”
โกโบริขมวดคิ้วสงสัย ก่อนนึกขึ้นได้ว่าอังศุมาลินบอกคนไทยถือเรื่องนี้
“อ๋อ” โกโบริหัวเราะ “ไม่หรอก มีคุณอยู่ทั้งคนยังไงผมไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก”
“แต่..อย่าพูดอย่างนี้อีกนะคะ” อังศุมาลินงอนนิดๆ ลุกขึ้น ท่าทีจริงจัง
โกโบริยิ้มหน้าบาน ดีใจ ซาบซึ้ง “ฮิเดโกะ คุณไม่อยากให้ผมตายอีกแล้วใช่ไหม”
อังศุมาลินเมินหน้าหนี แล้วนอนลงตามเดิม ดึงผ้ามาคลุมอก
อังศุมาลินบ่นอุบอิบ “ก็คนไทยเขาถือ”
“ช่างเขา เขาจะถืออะไรกันยังไงก็ช่าง” โกโบริจับใบหน้าอังศุมาลินให้หันมามอง “บอกมาก่อน...ว่าคุณยังอยากให้ผมตายอยู่หรือเปล่า”
อังศุมาลินหลบตา “ใครเขาจะอยากอย่างนั้น”
“ก็คุณนั่นละ” โกโบริบอก
อังศุมาลินย้อนถาม “แล้วใครบอกคุณ”
โกโบริอึกอัก “ผม...”
“บอกว่าไงคะ” อังศุมาลินพลิกหันหลังให้ หลับตาลง เพราะมึนหัวมากขึ้นๆ
โกโบริมองข้างหลังอังศุมาลินอย่างอ่อนโยน แววตาตื้นตัน พร่ำบอก
“ผมรักคุณ...ผมรักคุณ”
อังศุมาลินแหงนหน้าขึ้นมามองขวับ “คะ”
“พูดไม่ยากเลยประโยคนี้ ไหนลองพูดซิ...ฉันก็รักคุณ” โกโบริบอก
อังศุมาลินหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที แต่เม้มปากสนิท
“อา...พูดซิ สั้นๆ จำง่ายด้วย”
โกโบริก้มลงไปหาเท้าแขนคร่อมตัวไว้ ก้มลงไปชิดใกล้ เห็นอังศุมาลินยอมอ้าปากขึ้นมา โกโบริอ้านำขึ้นประโยค
“อะนาตะ วา...”
อังศุมาลินไม่ยอมพูด หน้าง้ำ กิริยาค้อน งอนใส่ “จะไปตามหมอไม่ใช่หรือคะ ก็ไปสิ”
พลางอังศุมาลินดันหน้าโกโบริออก
โกโบริครวญน่าสงสาร “โถ คนใจร้าย อุตส่าห์สอนให้”
“รีบไปเถอะค่ะ”
อังศุมารีบหลับตาพลิกตัวหนีดื้อๆ
“นี่ฮิเดโกะ...” โกโบริเซ็ง “ก็ได้” ทำเป็นงอนๆ ใส่บ้าง “ผมไปละนะ”
จากนั้นโกโบริแกล้งลุกพรวดเดินไป
อังศุมาลินนอนหันตะแคงยิ้มๆ ยินเสียงขยับฉากดัง ปึงปัง เพราะโกโบริแกล้งกระแทกๆ ดังๆ ให้รู้ว่างอน
แต่แล้วโกโบริร้องดังลั่น “อ๊าก”
จากนั้นเสียงก็เงียบไป อังศุมาลินขยับตัวเหลียวขวับไปดูทันที มองหาไปแถวหลังฉากกั้น
“โกโบริ..โกโบริเป็นอะไร”
อังศุมาลินยันตัวลุกขึ้นมองหาไปมา
เสียงโกโบริดังขึ้น “เป็น...ห่วงคุณ”
อังศุมาลินหันขวับกลับมาข้างหลัง เจอดอกมะลิช่อหนึ่งตรงหน้า โกโบรินั่งยิ้มแฉ่งแก้มแทบแตกยื่นให้ อังศุมาลินอึ้งปนเขินจนหน้าแดง
“คนบ้า”
อังศุมาลินผลักโกโบริเต็มแรงจนโกโบริล้มหงายโครม แล้วรีบทรุดตัวนอนหันหนี
“โอ๊ย โอ๊ย..ฮิเดโกะ ผม..ผมรักคุณ”
อังศุมาลินหมั่นไส้คว้าหมอนขึ้นมาเหวี่ยงใส่
โกโบริรับหมอนแกล้งร้อง
“โอ๊ย โอ๊ย...” แล้วหัวเราะชอบอกชอบใจ
อังศุมาลินมองจ้อง หมั่นไส้โกโบริสุดๆ
ติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 19