เสือสมิง ตอนที่ 18
จ่าชิตถูกนำตัวออกมาจากห้องขังแล้วพาตัวมาขึ้นรถ ศักดาเดินตามมาดูความเรียบร้อย
“หมวดสมรักษ์ล่ะ”
สันติหันมาบอก
“ออกตรวจพื้นที่ครับ”
ศักดารับรู้แล้วเดินขึ้นรถไป จ่าชิตถูกควบคุมตัวแววตานิ่ง รถเตลื่นตัวออกไป
สมรักษ์ หมู่และประเดิมซุ่มอยู่ข้างทางที่มุ่งหน้าเข้าจังหวัด ทั้งสามแต่งกายมิดชิดพร้อมที่จะเอาผ้าคลุมหน้า
หมู่ท่าทางกลัวๆ
“เอาจริงหรือหมวด...พลาดมาคุกแน่ๆนะ”
“ยังไงก็ต้องทำ ฉันไม่มีทางเลือก แต่ถ้ามันพลาดนายรีบหนีไปก่อนเลย”
หมู่ฮึด
“เอาก็เอา”
ประเดิมยิ้มให้
“นั่นหมู่ มันต้องอย่างนั้น เอาไงก็เอากัน ตายก็ตายด้วยกัน”
“อย่างหลังนี่ฉันสละให้ประเดิม แล้วฉันจะช่วยทำศพให้นะ”
ประเดิมคล้อยตาม
“ขอบใจ อย่าลืมโขนหน้าศพละกัน...ถุย...ไม่ต้องมาแช่ง”
สมรักษ์ใช้กล้องส่องทางไกลเห็นว่ารถที่นำตัวจ่าชิตไปฝากขังกำลังวิ่งมาตามทาง
“มากันแล้ว” สมรักษ์มั่นใจ
ตำรวจนายหนึ่งขับรถ อีกนายหนึ่งคอยคุ้มกันจ่าชิตที่มือถูกสวมกุญแจไว้ ขณะที่ศักดานั่งไปด้วย ไม่ห่างกันนัก สมรักษ์มองรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามา เมื่อรถมาถึงจุดที่สมรักษ์ติดตั้งระเบิดเอาไว้ เขาสั่งหมู่ทันที
“กด”
สิ้นเสียงสมรักษ์ระเบิดก็ระเบิตตูม! ตำรวจและศักดาที่อยู่ในรถตกใจ
“อะไรวะ”
สมรักษ์สั่งหมู่อีก
“กด”
หมู่กดระเบิดอีก ระเบิดที่ฝังเอาไว้ด้านหลังรถระเบิดขึ้นอีกตูม จ่าชิตก้มหลบ ประเดิมวิ่งจุดประทัดต่างๆตามที่ได้วางเอาไว้เสียงดังคล้ายมีการซุ่มยิง ศักดาและตำรวจหันหาที่มา
“ระวัง...ใครวะ...”
ทั้งหมดตื่นตระหนก...สมรักษ์คลุมศีรษะวิ่งยิงปืนใส่ที่รถแล้วเข้ามาช่วยจ่าชิต โดยที่พวกศักดาไม่ได้ตั้งตัว จ่าชิตรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาสยบตำรวจที่คุมเข้าด้วยมือเปล่าสลบไป สมรักษ์ถึงตัวจ่าชิต แล้วดึงตัวลงมา
“ไปจ่า”
แต่มันไม่ง่าย ตำรวจต่างกระหน่ำยิงเข้าใส่สมรักษ์และจ่าชิตจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ศักดาแสยะยิ้มอย่างพอใจ
“ดี ไม่ต้องเหนื่อยตามล่า มาให้จับถึงที่เลย”
แต่ศักดาดีใจได้ครู่เดียว ก็มีกระสุนปริศนายิงเข้ามาคุ้มกัน เสือใจนั่นเองที่ยิงปืนช่วย...อีกด้านแก้วแต่งชุดลึกลับยิงเข้าใส่ช่วยเหมือนกัน สมรักษ์กับจ่าชิตแปลกใจมองหาที่มาของกระสุน
“หมวดมีพวกมาอีกหรือ”
“เปล่า มีแค่ผมกับหมู่”
“แล้วใครล่ะ...”
“ช่างเถอะรีบเผ่นก่อนดีกว่า”
ทั้งคู่รีบวิ่งออกไป ศักดาเหลือบมาเห็นจึงบอกตำรวจ
“เฮ้ย...จ่าชิตหนีไปแล้ว”
ทุกคนยิงเข้าใส่สมรักษ์กับจ่าชิตแต่ไม่ถูก หมู่กับประเดิมฉากหลบไปอย่างรวดเร็ว เสียงประทัดสงบลง
“ไปเร็วประเดิม”
ศักดาลงมาจากรถแล้วมองสมรักษ์กับจ่าชิตหนีไปอย่างเจ็บใจ
“จ่าชิต...”
ปืนจากเสือใจสงบลง เสือใจฉากออกไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจวิ่งเข้ามารายงาน
“มันใช้ประทัดครับ นี่ครับ”
ตำรวจโชว์เศษประทัดให้ดู
“ไอ้ระยำเอ๊ย”
“จะตามจ่าไปไหมครับ”
ศักดามั่นใจแล้วสั่ง
“ไม่ต้อง...ฉันพอจะรู้ว่ามันจะไปที่ไหน”
กินรีทอผ้าที่โรงผ้าอย่างชำนาญ ภราดรยืนดูอยู่ใกล้ๆ เธอทอผ้าสักครู่แล้วเงยหน้ามอง เธอรู้สึกเขิน
“มองอะไรคะคุณหมอ ยังไม่ไปทำงานอีกหรือคะ”
“กินรีทั้งเก่งทั้งสวย ยิ่งมองยิ่งเพลิน”
“คุณหมอเนี่ย ปากหวานจัง”
กินรีลงมือทอผ้าต่อไป ภราดรมองลายผ้า
“ลายผ้าของกินรีนี่สวยจริงๆ”
“มันเป็นลาย ที่สืบทอดมาจากเมืองพุกามค่ะ ยายสอนกินรีมาอีกทีหนึ่ง”
ในอดีต...พุกาม 800 ปีที่แล้ว ชะเวมะรัตรับผ้าที่ทออย่างสวยงามจากนางกำนัล ผ้าผืนนี้ทอได้สวยงามชะเวมะรัตพอใจ
“สวยมาก”
“ทรงเป็นเพราะพระปรีชาสมารถของพระมเหสี ที่บรรจงออกแบบลายเพคะ”
“ข้าจะเอาไปตัดเสื้อถวายแก่พ่ออยู่หัวในวันคล้ายวันพระราชสมภพ”
ชะเวมะรัตนึกถึงผ้าที่จะกลายเป็นเสื้อที่สวยงาม อิระวดีเดินเข้ามาได้ยินประโยคสุดท้ายแล้วแดกดัน
“คงจะเป็นอาภรณ์ที่สวยงามทีเดียวแต่พ่ออยู่หัวจะได้สวมมันหรือ”
ชะเวมะรัตมองอิระวดีอย่างไม่พอใจ
“เหตุใดพระสนมจึงกล่าวเยี่ยงนี้ รู้หรือไม่ว่ามันมิบังควรกล่าวเป็นลาง”
อิระวดีไม่สะทกสะท้าน
“พระมเหสีอย่ามาเฉไฉเลย ทรงรู้อยู่แก่ใจว่าพระบิดาของพระเมหสีกำลังกระทำการสิ่งใดอยู่”
“บิดาข้ากำลังปฏิบัติราชการรับใช้ราชบัลลังก์อย่างซื่อสัตย์ ใครๆก็รู้”
“ขอให้เป็นเยี่ยงนั้นเถอะ”
อิระวดีหัวเราะเบาๆเดินจากไปพร้อมนางกำนัล ชะเวมะรัตมองตามนึกถึงความจริงที่รู้อยู่แก่ใจ
งะดินเดตั้งกองกำลังอยู่ในป่า เขากำลังบอกแผนการกับทหารที่เป็นเสือสมิงทั้ง 10 คน
“ถึงเวลาที่เราต้องปฏิบัติการยึดอำนาจแล้ว”
“เมื่อไหร่ขอรับท่านมหาราชครู”
งะดินเดมั่นใจ
“คืนเดือนเพ็ญ ในอีกสี่ราตรีข้างหน้า เราจะแบ่งกำลังเข้าไปบุกพระราชวังแล้วสังหารบาเยงโบ จากนั้นข้าจะทำการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ทันที”
งะดินเดยิ้มเบาๆแววตาเหี้ยม ห่างออกไปมีทหารราชองครักษ์ซุ่มมองอยู่
ชะเวมะรัตอยู่ในโรงเหล็กกับงะดินเด ทั้งคู่สนทนากันจนไปถึงด้านในแล้วนั่งพัก
“เจ้าพี่มีเหตุอันใดด่วนรึ ถึงได้เสด็จมาถึงที่นี่”
“ท่านพ่อกำลังทำการสิ่งใดกันแน่”
ชะเวโบสีหน้าเปลี่ยนนิดหนึ่งแล้วเก็บอาการ
“ท่านพ่อก็รับราชการสนองพระเดชพระคุณนี่เจ้าพี่”
“แต่ที่ข้าได้ยินมามันหาใช่เยี่ยงนี้ พระสนมอิระวดีพูดเป็นลางราวกับว่าท่านพ่อกำลังจะ...”
ชะเวโบสวนขึ้นมาทันที
“เพียงแค่คำปากของพระสนมเจ้าเล่ห์ เจ้าพี่ก็เชื่อแล้วหรือ”
“ข้ารู้นิสัยท่านพ่อดี รวมทั้งความปากมากของพระสนมด้วย ช่วยเตือนท่านพ่อด้วยว่าอย่าได้คิดทำการสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อราชบัลลังก์เป็นอันขาด พ่ออยู่หัวไม่มีวันยอมแน่ เราอาจจะต้องอาญาหนักถึง 7 ชั่วโคตร”
ชะเวโบชะงักแล้วกลบเกลื่อน
“เจ้าพี่คิดมากไปแล้วล่ะ”
“ขอให้เป็นเยี่ยงนั้น แต่ถ้าคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะช่วยครอบครัวเราได้ก็คิดเสียใหม่”
ชะเวมะรัตเดินจากไป ชะเวโบมองตามครุ่นคิด
บาเยงโบซ้อมเพลงดาบกับเหล่าราชองครักษ์ ทหารหลายคนพ่ายแพ้ไป...สักครู่ หัวหน้าราชองครักษ์ก็เข้ามารายงาน ในมือมีกระดาษม้วนเล็กๆเป็นสารที่ส่งโดยนกพิราบ บาเยงโบหยุดแล้วสอบถามหัวหน้าราชองครักษ์อย่างร้อนรน
“ได้เรื่องหรือไม่”
“ทางสายของข้าพระพุทธเจ้าส่งข่าวมาแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
“เป็นเยี่ยงใดรึ”
หัวหน้าราชองครักษ์หน้าตาวิตกส่งจดหมายให้
“พ่ออยู่หัวทรงอ่านเองเถิด”
บาเยงโบคว้าไปอ่าน สักครู่สีหน้าเปลี่ยนไป แต่แสดงความมั่นใจ
“งะดินเด...เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆ”
งะดินเดกับชะเวโบนั่งคุยกันอยู่บนเก้าอี้ที่ลานชั้นบนของบ้าน
“นังอิระวดีเอ๊ย เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่” งะดินเดตบโต๊ะผาง
“คนอย่างนางจะคิดอะไรได้ ก็แค่ปากพล่อย”
งะดินเดครุ่นคิด
“ไม่...มันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่”
“คนอย่างพระสนมนี่นะ”
“ข้าสังเกตว่าตั้งแต่ที่บาเยงโบปราบเสือสมิงได้ นางเริ่มมีปฏิกิริยาแปรพักตร์”
“แล้วท่านพ่อจะจัดการเยี่ยงไร”
“ข้าคงไม่ปล่อยให้นางทำแผนข้าเสียหรอก”
งะดินเดบอกอย่างมีแผน
บาเยงโบยืนให้ช่างตัดเสื้อผ้าวัดตัวอยู่ ชะเวมะรัตนั่งอยู่ข้างๆ
“เสื้อผ้าของข้ายังอยู่มากมาย เหตุใดต้องตัดใหม่ด้วยล่ะ”
“หม่อมฉันตั้งใจจะให้พระองค์ ได้สวมในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาเพคะ”
บาเยงโบอารมณ์ดี
“เยี่ยงนั้นรึ แสดงว่าต้องเป็นอาภรณ์ ที่พิเศษสิ”
ช่างตัดเสื้อแทรกเข้ามา
“ตรัสด้วยชอบแล้วพ่ออยู่หัว ผ้าที่นำมาตัดอาภรณ์นั้น พระมเหสีทรงออกแบบลายอาภรณ์เองเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ...ข้าชักอยากเห็นมันไวๆแล้วสิ”
“พ่ออยู่หัวต้องได้เห็นแน่เพคะ”
บาเยงโบยิ้มอย่างพอใจ
กลางดึกคืนนั้น มือสังหารแต่งกายรัดกุมและคลุมหน้าลอบเข้ามาในห้องอิระวดี ตรงไปที่ที่นอน แล้วลงมือสังหารด้วยการใช้ดาบแทงลงไป ปลายดาบจมแทบมิดแต่ไม่มีเสียงร้องหรือการดิ้นแต่อย่างไร มือสังหารผิดสังเกตจึงเลิกผ้าห่มขึ้นจึงพบว่าไม่ใช่อิระวดีแต่เป็นหมอนข้าง เขาตื่นตระหนก
“พระสนม...”
ยังไม่ทันที่มือสังหารจะทำอะไรไฟก็สว่างขึ้น ทหารหลายนายเข้ามาล้อมมือสังหาร อิระวดีเดินเข้ามายิ้มกระหยิ่ม
“ผิดหวังสินะ...บอกมาว่าใครส่งเจ้ามา”
มือสังหารเงียบตัดสินใจสู้เพื่อหาทางหนี เกิดการปะดาบกับทหารแล้วมือสังหารก็หนีออกไปทางหน้าต่าง
“ตามไปจับให้ได้”
อิระวดีกระหยิ่มในใจรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ขณะเดียวกัน บาเยงโบและชะเวมะรัตพร้อมทหารราชองครักษ์มาถึง
“มีอะไรกันรึ เสียงเอะอะโวยวาย”
“มีคนเข้ามาหมายจะสังหารหม่อมฉันเพคะ”
อิระวดีแสร้งทำเป็นกลัว มองชะเวมะรัตแบบเป็นต่อ
เสือสมิง ตอนที่ 18 (ต่อ)
บาเยงโบ ชะเวมะรัต และอิระวดีนั่งอยู่ในห้องพระโรงส่วนพระองค์ ในที่นั่งลดหลั่นกันไป มีนางกำนัล และทหารอารักขาแน่นหนา
“เจ้าแน่ใจหรือว่า มือสังหารต้องการมาสังหารเจ้า” บาเยงโบซัก
“แน่ใจสิเพคะ หาเช่นนั้นมันจะเข้ามาทำร้ายกระหม่อมถึงในห้องเยี่ยงไร ดีนะที่กระหม่อมไหวตัวทัน”
บาเยงโบนิ่งคิด ชะเวมะรัตสงสัย
“แล้วพระสนมรู้ได้เยี่ยงไร จึงได้ป้องกันตัวทัน”
“นั่นสิ...เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร”
เข้าแผนพระสนมทันที
“เอ่อ...หม่อนฉันระวังตัวมานานแล้วเพคะ”
บาเยงโบสงสัย
“เจ้ารู้มาก่อนแล้วรึ...เป็นผู้ใดกัน...”
พระสนมเหลือบมองพระมเหสีชะเวมะรัต
“เอ่อ...คือ...กระหม่อมบังเอิญไปได้ยินท่านมหาราชครูพูดอะไรบางอย่าง...เกี่ยวกับ...เอ่อ...เหตุที่พ่ออยู่หัวถูกลอบสังหาร กับ...เอ่อ...เรื่องปราบดาภิเษกเพคะ”
บาเยงโบเกรงจะเสียแผน ที่ต้องการจะจับงะดินเด แสดงความไม่พอใจ
“บังอาจ...เจ้ากล่าวหาลอยๆเยี่ยงนี้ได้เช่นไร ท่านมหาราชครูเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เป็นถึง
ผู้สำเร็จราชการ...เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”
ชะเวมะรัตวิตก มองหน้าพระสนมอย่างรู้อยู่แก่ใจ หัวหน้าราชองครักษ์เข้ามา บาเยงโบหันไปถาม
“จับได้ไหม”
“พระอาญามิพ้นเกล้า มันหนีไปได้พระพุทธเจ้าข้า พ่ออยู่หัวทรงลงทัณฑ์ข้าพระพุทธเจ้าเถิด”
บาเยงโบเข้าใจ
“ช่างเถอะ...สั่งการลงไปให้เพิ่มกำลังอารักขา”
“พระพุทธเจ้าข้า”
อิระวดีลอบยิ้ม ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
มือสังหารรีบมาที่จุดนัดพบ งะดินเดเดินออกมากับชะเวโบ มือสังหารคุกเข่าทำความเคารพ งะดินเดมองหาอะไรบางอย่างจากมือสังหาร
“ไหน...ศีรษะของพระสนม”
“พระสนมไหวตัวทัน...”
“เลยพลาด...”
มือสังหารนิ่งยอมรับผิด
“ลุกขึ้นเถอะ”
น้ำเสียงงะดินเดราบเรียบ มือสังหารลุกขึ้น...งะดินเดแทงด้วยมีดสั้นจนมือสังหารขาดใจล้มลง
ชะเวโบแปลกใจ
“ท่านพ่อ”
งะดินเดหน้าเหี้ยมเกรียม
“สำหรับข้าไม่มีคำว่าพลาด”
“เหตุใดจึงไม่ส่งพวกเสือไป”
“ข้าประมาทนางเกินไป...”
“แล้วเราจะทำเยี่ยงไร”
“รอดูวันพรุ่ง”
งะดินเดบอกอย่างไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
วันใหม่...บาเยงโบนั่งว่าราชการอยู่ในท้องพระโรง มีชะเวมะรัต และอิระวดีอยู่ข้างซ้ายขวา เบื้องล่างงะดินเด และเหล่าอำมาตย์ต่างๆนั่งเข้าเฝ้าอยู่ ทั้งหมดสนทนามาได้สักครู่ บาเยงโบประกาศ
“อย่างที่พวกเจ้าได้รับรู้แล้วว่า บัดนี้มีศัตรูที่เรายังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด กำลังคืบคลานเข้ามาและข้าคิดว่า มันต้องการจะล้มราชบัลลังก์ของข้า”
บาเยงโบมองไปรอบๆเสนาบดี แล้วมาหยุดที่งะดินเด
“ดีที่มันเข้าใจผิดว่าข้าบรรทมอยู่ห้องพระสนม”
บาเยงโบกลบเกลื่อนไม่ให้งะดินเดไหวตัว งะดินเดยิ้มในใจคิดว่าบาเยงโบคงไม่เชื่ออิระวดีแล้วสวนออกไป
“ข้าพระพุทธเจ้า คิดว่ามันต้องการสังหารพระสนมเสียอีก”
“หาเป็นเช่นนั้นไม่ ท่านมหาราชครู พระสนมหาได้มีเรื่องมีราวกับใคร หรือว่าท่านมีเหตุสงสัยอันใดรึ”
“หามิได้พระพุทธเจ้าข้า”
“ดีแล้ว...พวกเจ้าทุกตัวคนจงฟัง ขอให้กรมวังและกรมราชองครักษ์ เพิ่มกำลังพลอารักขาบริเวณเขตสีมาอารามให้แน่นหนา มันผู้ใดรุกล่วงล้ำให้กุดหัวพวกมัน 7 ชั่วโคตร”
ระหว่างที่บาเยงโบพูด งะดินเดหน้ากระหยิ่ม เหล่าเสนาบดีต่างน้อมรับ
“พระพุทธเจ้าข้า”
งะดินเดเอ่ยขึ้น
“ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้าพ้นกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้ารับอาสาเป็นผู้นำพลในครั้งนี้ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดพระพุทธเจ้าข้า”
“ดีมาก ท่านมหาราชครู ท่านนี่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์จริงๆ”
บาเยงโยพอใจในกับดัก
งะดินเดกระหยิ่มใจอยู่ที่บ้าน ชะเวโบอยู่ข้างๆท่าทางพอใจ
“บาเยงโบมันหาได้สงสัยแม่แต่นิด”
“เช่นนั้นแผนการของเราก็...”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งพวกสมิงทราทัพของเราปนไปกับเหล่าองครักษ์ และเมื่อถึงวันนั้นเจ้าก็จะเป็นมหาอุปราชทันที”
ชะเวโบยิ้มพอใจฝันถึงอนาคต
ชะเวมะรัตมาดูความคืบหน้าในการตัดเสื้อให้บาเยงโบ แล้วสั่งเจ้าหน้าที่ภูษามาลา
“ข้าอยากจะให้มีการปักดิ้นทองตามชายอาภรณ์ และขอบพระกรเพื่อแสดงพระอิสริยศ”
“พระพุทธเจ้าข้า”
เจ้าหน้าที่รับราชโองการแล้วเขียนลาย ชะเวมะรัตดูอยู่อย่างใกล้ชิด อิระวดีกับนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาในห้องแล้วทำความเคารพ
“ถวายพระพรพระมเหสี”
ชะเวมะรัตรู้สึกแปลกใจที่อิระวดีมเข้ามาที่นี่
“ตามสบายเถอะพระสนม มีกิจธุระอันใดรึ”
“หาใช่กิจสำคัญไม่ เพียงแต่หม่อมฉันได้ยินมาว่าพระมเหสีออกแบบลายผ้าใหม่ได้งดงามนัก จึงใคร่มาชมให้ประจักษ์ตา”
อิระวดีมองลายผ้า
“และก็หาได้ผิดหวังไม่ ช่างงดงามสมคำอ้างจริงๆ”
ชะเวมะรัตไม่ค่อยจะเชื่อน้ำคำพระสนม
“พระสนมแน่ใจรึว่าต้องการมาชมลายผ้าจริงๆ”
“ข้าหาได้มีสิ่งใดซ่อนเร้น”
ชะเวมะรัตดักทาง
“เป็นเยี่ยงนั้นได้ก็ดี ข้านึกว่ายังติดใจที่ถูกลอบสังหาร”
“พระมเหสีคงไม่ตำหนิข้านะ ที่ปรักปรำพระบิดาของพระมเหสี”
ชะเวมะรัตใจเย็น
“ทุกคนมีสิทธิคิด แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน”
“ใช่แล้ว...วันหนึ่งความจริงต้องประจักษ์...มันผู้นั้นต้องรับโทษประหาร 7 ชั่วโคตร...”อิระวดีขู่ทันที
“ถึงวันนั้นคนผิดก็ต้องได้รับโทษ จะกี่ชั่วโคตรมันผู้นั้นก็ต้องรับโทษทุกตัวคน”
“ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่างดงาม ข้าขอทูลลา”
อิระวดีจากไป ชะเวมะรัตกังวล มองไปที่ผ้าที่ช่างกำลังเขียนลาย
ปัจจุบัน...กินรีทอผ้า โดยมีภราดรมองอยู่ เธอทอด้วยความชำนาญ เขามองเพลินอยู่พักใหญ่
“ฉันไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับ”
“ค่ะ”
กินรียิ้มให้ ภราดรจากไป กินรีทอผ้าไปอีกสองสามเส้นด้าย ทันใดนั้นด้ายขาดผึง หญิงสาวรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้าย!
แม่หมอลอบมาที่บ้านเสี่ยรงค์ ระหว่างทางเจอคนรับใช้สองสามคนแต่แม่หมอหลบไปได้ เมื่อปลอดคนจึงเดินหาห้องระรินเมื่อพบห้องจึงเดินเข้าไป ตรงมาที่เตียงเพื่อหาตุ๊กตาที่อองไชยทำเสน่ห์เอาไว้ แต่ไม่พบ
“มันเอาไปไว้ไหน”
ทันใดนั้น เสียงอองไชยดังมาจากหน้าประตูห้อง
“ของแบบนั้นใครจะเก็บเอาไว้โล่งๆเล่า...ยายเฒ่า”
แม่หมอตกใจเงยหน้าขึ้นมอง
“เป็นฝีมือแกสินะ ไอ้กระจอก หากินทางทำเสน่ห์”
“เพื่อความยิ่งใหญ่ข้าทำได้ทุกอย่าง”
“แกฆ่าคนทั้งเป็น เพื่อเอาใจเสี่ยรงค์นี่นะ...อย่างนี้มันสุนัขรับใช้ชัดๆ”
อองไชยโกรธ
“พูดดีไปเถอะยายเฒ่า เงาหัวเจ้าจะไม่มีอยู่แล้ว”
“ก็ลองดู...”
แม่หมอกระโดดพุ่งออกมาทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว อองไชยพุ่งตัวตามไป
“จะไปไหน”
แม่หมอโดดลงมาข้างล่างแล้วกำลังจะวิ่งหนีไป แต่เจอระรินขวางเอาไว้ ระรินจะเข้าไปสกัด แต่แม่หมอรับมือได้...
ที่แท้แม่หมอมีวิชาการต่อสู้ไม่แพ้คนหนุ่มสาว ระรินเจอถีบกระเด็นไป แม่หมอกำลังจะหนีแต่เจออองไชย และเกิดการต่อสู้กัน
“ฝีมือไม่เลวนี่นังปอบ”
แม่หมอตัดสินใจสู้อองไชย ใช้ผ้าที่เคียนเอวเอามาตวัดสู้ส่วนอองไชยใช้มีดการต่อสู้ดำเนินไปจนกระทั่งอองไชยเพลี่ยงพล้ำเซห่างออกไป แม่หมอหันหลังจะหนีแต่ก็ต้องเจอระรินที่เอามีดเสียบเข้าที่ท้องจนเกือบมิดด้าม แม่หมอเจ็บปวดแต่ใช้แรงเฮือกสุดท้าย ซัดระรินกระเด็นไปแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป อองไชยตั้งสติได้จึงวิ่งตามไป
“ข้าตามไปเอง”
ระรินยืนมองอองไชยตามแม่หมอไปอย่างสะใจ
สมรักษ์พาจ่าชิตหนีมายังที่ปลอดภัยพวกของศักดาไม่ได้ตามมาแล้ว ทั้งคู่นั่งพัก
“ขอบใจนะหมวด”
“ไม่เป็นไร...ตอนนี้ผมเข้าไปอยู่ในคุกเต็มตัวแล้ว ที่จริงน่าจะขอบใจไอ้คนที่มาช่วยเราด้วย”
จ่าชิตสงสัย
“มันเป็นใครกันนะ”
“เอาเถอะรอดมาได้ก็บุญแล้ว”
จ่าชิตกับสมรักษ์หัวเราะบรรยากาศเป็นมิตร หมู่โผล่เข้ามา ประเดิมตามมาด้วย
“ผมด้วย...คุกเต็มตัวแล้ว” หมู่ถอนใจ
จ่าชิตแปลกใจ
“นี่นายเอากับเขาด้วยหรือ”
“ทำยังไงได้ล่ะ...ผมมันตำรวจน้ำดี สำนึกในภาษีของประชาชนนี่”
ประเดิมเสริม
“ผมเองก็เป็นผลเมืองดีคนหนึ่ง ที่รักความยุติธรรม”
ทั้งสี่คนดูสามัคคีกัน ทันใดนั้น เสือใจก็ส่งเสียงมาจากด้านหลัง
“แล้วโจรน้ำดีจะช่วยตำรวจบ้างได้ไหม”
ทุกคนหันไปเห็นเป็นเสือใจ กับแก้วเดินเข้ามา จ่าชิตตะลึง
“ไอ้ใจ เอ็งยังไม่ตาย...”
สมรักษ์อึ้ง
“เสือใจ”
เสือใจยิ้มให้ทุกคนอย่างทระนง
“ตายง่ายๆก็ไม่ใช่เสือใจสิวะ”
เสือใจเล่าถึงตอนที่เขากำลังต่อสู้อยู่ในกระท่อม ศักดาประทับปืนยิงระเบิดแล้วยิงทันที จรวดพุ่งเข้าไปในบ้าน เสือใจก้มหลบไป กระท่อมระเบิดเป็นจุล มีศพกระเด็นออกมา และมีไฟไหม้
เสี่ยรงค์ยิ้มอย่างพอใจ
“เสร็จล่ะ...”
ทุกคนยืนมองกระท่อมไฟไหม้จนมอด...พอไฟมอดก็เห็นมีแต่เศษไม่เศษจาก กองเอาไว้มีศพไหม้ไฟหลายศพไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะแขนขาขาดหมด ศักดายิ้มอย่างพอใจแล้วตะโกน
“ปิดคดี”
กระท่อมเก็บอาวุธที่เหลือแต่ซาก ยังมีไฟครุกรุ่นอยู่บ้าง ประตูเหล็กที่เก็บอาวุธ ถูกเปิดออก เสือใจลุกออกมาท่าทางโทรมและเซ เขาหายใจหอบมองไปรอบๆด้วยความเสียใจ
ทุกคนรู้ที่มาว่าทำไมเสือใจไม่ตาย จ่าชิตถามถึงคนอื่นและแวว
“แล้วแววล่ะ”
เสือใจกล้ำกลืนแววตาแค้น
“ตายแล้ว”
แก้วน้ำตาคลอคิดถึงแม่ ก่อนจะเล่าให้ทุกคนฟัง
เสือสมิง ตอนที่ 18 (ต่อ)
แก้วยังคงทรุดนั่งอย่างหมดอาลัย เสือใจเดินมาข้างหลังช้าๆแล้วมาหยุดเอามือแตะไหล่แก้วปลอบใจเบาๆ
“ลุงเสือ...แม่ตายแล้ว”
เสือใจน้ำตาเอ่อ...ด้วยความแค้น แล้วพยักหน้ารับ ไม่มีคำพูดใดๆออกมา...เสือใจยืนอย่างตระหง่านในใจเศร้าและแค้น แก้วคุกเข่าอยู่ข้างๆหมดความหวัง
เสือใจกับแก้วยืนอยู่หน้าหลุมศพ แก้วยืนน้ำตานอง เสือใจน้ำตาเอ่อ
“แวว...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ารู้ว่าเอ็งคิดยังไงกับข้า ถึงแม่ว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เอ็งคิด แต่ข้าก็มีความสุขที่มีเอ็งคอยดูแล ทุกวันที่ผ่านมาเอ็งเป็นเสมือนแม่ของชุมเสือเป็นแม่พวกเราทุกคน วันนี้เอ็งจากไปแล้ว ชุมเสือแห่งนี้ก็ไม่มีอีกต่อไป ข้าจะเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ในใจข้าตลอดไป ขอให้เอ็งไปสู่สุขคตินะแวว”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ฉันจะดูแลน้องให้ดีที่สุด...ลาก่อนนะแม่”
เสือใจเดินหันหลังกลับกับแก้วแววตาแค้นและกล้ำกลืน
เสือใจบอกกับทุกคน
“รีบไปช่วยลูกข้ากันเถอะ”
จ่าชิตขัดขึ้น
“จะดีหรือวะไอ้ใจ ป่านนี้ไอ้ผู้กองศักดามันคงเตรียมต้อนรับเราอยู่แล้ว”
สมรักษ์ครุ่นคิด
“ยังไงเราก็ต้องไปช่วยจงใจ ไม่มีทางเลือก”
เสือใจยิ้มบางๆ
“ตั้งแต่เห็นเอ็งมาเพิ่งจะพูดเข้าหูข้าวันนี้แหละไอ้หมวด”
จ่าชิตเข้าใจพยักหน้ารับแล้วบอกหมู่
“งั้นรีบไป...หมู่ ประเดิมนายกลับไปได้แล้ว”
หมู่หน้าเหวอ
“อ้าว...ไหงว่างั้นล่ะ...มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ”
ประเดิมหน้าตามุ่งมั่น
“อย่ามาหมิ่นน้ำใจกันอย่างนี้นะจ่า คนอย่างประเดิมไม่มีเกียร์ว่างกับเกียร์ถอย”
สมรักษ์ยิ้มให้
“ขอบใจทุกคนมาก”
ทั้งหมดยิ้มให้กันอย่างมีกำลังใจ
จงใจกับหินถูกคุมขังอยู่ ทั้งคู่พยายามหาทางหนีแต่มันยากเกินไป
“ที่นี่ดูมันไม่แข็งแรงแต่หนียากพี่...มีคนเฝ้าเต็มไปหมดเลย” หินหนักใจ
“มันต้องมีโอกาสบ้างสิ...เฮ้อ...พวกมันจับเรามาทำไมก็ไม่รู้”
“ฉันว่าไอ้เสี่ยนั่นมันคงอยากได้พี่เป็นเมียมันน่ะสิ”
“พี่ยอมตาย พี่ไม่มีทางยอมเป็นเมียมันหรอก”
หินเห็นความใจเด็ดของจงใจแล้วรู้สึกดี เบิ้มกับหัวหน้าคนงานเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูเอาตัวจงใจออกไป
“เอาตัวนังนี่ออกมา”
จงใจโวย
“แกจะพาฉันไปไหน”
หินเข้ามาขวางหัวหน้าคนงาน
“มาสิวะ กูสู้ตาย”
หัวหน้าคนงานจัดให้ไปหนึ่งฉาด หินกระเด็นไป แล้วหันไปหาจงใจ
“ออกมานี่”
“ไม่...ฉันไม่ไป...”
จงใจพยายามยื้อแต่สู้แรงหัวหน้าคนงานไม่ไหว เบิ้มปิดประตูแล้วจากไป หินมองตามอย่างเจ็บใจเอากำปั้นทุบดิน
“โธ่เว้ย...”
แม่หมอโซเซมาตามทางในป่า เลือดไหลออกมาก ทำให้เริ่มอ่อนแรงแล้วล้มลงตรงทางนั่นเอง อองไชยตามมาจนเกือบจะถึงที่แม่หมอล้ม เป็นในระยะที่เขาสามารถมองเห็น แต่มีอำนาจบางอย่างมาบังตาเอาไว้ทำให้เขาไม่เห็นร่างแม่หมอที่นอนลมหายใจรวยรินอยู่
“หายไปไหนแล้ว...เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”
อองไชยตัดสินใจเดินตามต่อไปทิ้งร่างแม่หมอไว้อย่างนั้น แม่หมอรับรู้เรื่องราวทุกอย่างเธอแปลกใจที่อองไชยมองไม่เห็น พลันสายตาไปพบใครคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่
“ท่าน...”
แม่หมอวูบไปทุกอย่างมืดลง
เสี่ยรงค์นั่งจิบบรั่นดีอยู่ที่บ้านในปางไม้อย่างสบายใจ เบิ้มกับหัวหน้าคนงาน พาตัวจงใจเข้ามาหา
“เบาๆหน่อยเบิ้ม เดี๋ยวช้ำหมด” เสี่ยรงค์หัวเราะชอบใจ
“แกจะทำอะไรฉัน ไอ้เสี่ยบ้ากาม” จงใจตวาด
“ก็จะแต่งงานกับเธอไงหนู...แหม...น่ารักจริงๆ”
เสี่ยรงค์เดินเข้าไปหาจงใจแล้วเชยคาง จงใจถุยน้ำลายใส่หน้า เบิ้มทำท่าเข้ามาจะตบแต่เสี่ยรงค์ห้ามเอาไว้
“อย่าเบิ้ม...เรื่องแค่นี้ฉันทนได้ เดี๋ยวฉันจะตบด้วยปากให้หนำใจ เอาเข้าไปในห้อง”
เบิ้มลากจงใจเข้าไปในห้องแล้วผลักลงบนเตียง
“เข้าไป...”
“อย่าทำอะไรฉัน...ไอ้บ้า...ปล่อยฉันไปนะ”
เสี่ยรงค์เดินเข้ามาแล้วสั่งเบิ้ม
“ออกไปได้แล้วเบิ้ม”
เบิ้มออกไป เสี่ยรงค์เดินเข้าไปหาจงใจที่ถอยหนีจนติดฝาบ้าน
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
“เสี่ยไม่ทำร้ายหรอก แต่เสี่ยจะให้ความสุขกับหนู หนูก็ให้ความสุขกับเสี่ย เจ๊ากันไงจ๊ะ”
เสี่ยรงค์เดินเข้าไปใกล้ ยังไม่ทันที่จะถึงตัว เบิ้มก็เคาะประตู
“เสี่ยครับ...เสี่ย...”
“มีอะไรเบิ้ม”
เสี่ยรงค์เปิดประตูออก เบิ้มรายงาน
“ผู้กองศักดา มาหาครับ บอกมีเรื่องด่วน”
เสี่ยรงค์พยักหน้ารับ
“ขังไว้ที่นี่ก่อน จัดคนเฝ้าไว้ให้ดีล่ะ”
“ครับ”
เบิ้มทำตาม เสี่ยรงค์เดินออกไป จงใจโล่งใจมองหาทางหนี
เสือทศ กับเสือเรืองมาที่ห้องขัง พบหินอยู่คนเดียว
“จงใจล่ะ”
หินแสยะยิ้มอย่างอาฆาต
“ไม่ทันแล้ว พวกมันเอาพี่จงใจไปใส่พานประเคนให้ไอ้เสี่ยนั่นแล้ว”
เสือทศสะอึกนิดหนึ่ง ในใจเสียดายจงใจ
“สะใจแล้วล่ะสิ...คนรักกำลังจะตกเป็นของคนอื่น”
หินหัวเราะ เสือทศตวาด
“เงียบเถอะ จงใจจะเป็นของใครข้าไม่สน ขออย่างเดียวให้ข้าเป็นใหญ่แค่นี้ข้าก็พอใจ”
“น้ำหน้าอย่างเอ็งจะเป็นใหญ่ได้หรือ ข้าว่าเอ็งน่ะ กำลังเป็นควายให้เขาหลอกใช้ไถนาอยู่น่ะสิ”
เสือทศเลือดขึ้นหน้า
“ไอ้หิน...ปากมึงดีนักนะ มากูจะเอาเลือดปากมึงออกเสียหน่อย เปิดประตู”
เสือทศสั่ง เสือเรืองกำลังจะเปิดประตู เสือชินเข้ามาหา
“เสี่ยรงค์เรียกพี่”
เสือทศหยุดทันที
เสี่ยรงค์ยืนครุ่นคิดอยู่ในเต็นท์บัญชาการ ศักดา ลูกน้อง และเสือทศ เสือเรือง เสือชินนั่งอยู่
“มีคนมาช่วยไอ้จ่าชิตมันหรือ ใครกันมันช่างกล้าอย่างนี้”
ศักดามั่นใจ
“ผมว่ามันต้องเป็นหมวดสมรักษ์แน่ เพราะคนทั่วไปไม่รู้ยุทธวิธีรบแบบนี้ นอกจากจะได้ฝึกฝนมา”
เสือทศออกความเห็นอย่างห้าวเต็มที่
“แค่ไอ้จ่าแก่คนเดียวกับไอ้หมวดหนุ่มหน้าจืด จะต้องไปกังวลอะไรมาก มันจะมีปัญญาอะไรมางัดกับพวกเรา”
ศักดามองเสือทศอย่างไม่ชอบหน้า
“อย่าไปดูถูกจ่าชิต ผมเคยรบในเกาหลีกับเขามาแล้ว สิบต่อหนึ่งจ่าชิตเก็บพวกมันเรียบ”
ทุกคนรู้สึกสะท้านที่ศักดาพูดถึงจ่าชิต
“งั้นคงต้องจัดกำลังตามล่ามัน ”เสี่ยรงค์สั่ง
ศักดาขัดขึ้น
“ไม่ต้อง...มันจะมาหาเราเอง แต่ที่ต้องห่วงก็คือมันยังมีไอ้ตัวลึกลับอีกตัวหนึ่งน่ะสิ”
ศักดาหนักใจเรื่องคนลึกลับที่มาช่วยจ่าชิต เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร
สมรักษ์ จ่าชิต และประเดิม เดินทางมาตามป่ามุ่งหน้าปางไม้เสี่ยรงค์
“ทางไปปางไม้เสี่ยรงค์ ไปทางนี้แน่นะ” จ่าชิตสอบถามถึงเส้นทาง
ประเดิมชี้ไป
“ทางนี้แหละจ่า ผ่านเขาลูกโน้นไปก็น่าจะถึงแล้ว”
ทุกคนมองไปทางภูเขาที่ประเดิมชี้เห็นว่าอยู่อีกไม่ไกลเท่าไหร่
“ไม่ไกลเท่าไหร่...” จ่าชิตหันมาหาสมรักษ์ “หมวดมีแผนยังไง”
“ผมยังไม่รู้เลย พวกมันมีเท่าไหร่ก็ไม่รู้”
ประเดิมให้ข่าวเพิ่มเติม
“เยอะครับ คนงานของเสี่ยรงค์ส่วนใหญ่เป็นมอญ กับกระเหรี่ยง”
จ่าชิตหน้าเครียด
“เรื่องนั้นฉันรู้แต่ ฉันหมายถึงพวกเสือทศ บางทีอาจจะมีผู้กองศักดาด้วย”
หมู่ฉุนกึก
“คนแบบนี้กรมตำรวจจะเลี้ยงไว้ทำไมก็ไม่รู้”
จ่าชิตหนักใจ
“มันไม่มีหลักฐานชัดๆน่ะสิ”
“แต่คราวนี้แหละ ผมจะจับผู้กองศักดาเอง”
สมรักษ์บอกอย่างมุ่งมั่น ทุกคนเร่งเดินทางกันต่อ
ระรินคอยฟังข่าวจากอองไชยที่ตามแม่หมอไป ไม่นานนักก็เห็นเขาเดินกลับมา
“นังแม่หมอเป็นยังไงบ้าง” ระรินถามอย่างร้อนรน
“ไม่น่ารอด”
ระรินย้ำเพื่อความแน่ใจ
“แล้วศพมันล่ะ”
“ไม่เจอ”
“ไม่เจอศพแล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันยังไม่ตาย”
อองไชยไม่มั่นใจแต่ก็เชื่อว่าแม่หมอต้องไม่รอด
“เจ้าไม่เชื่อมือข้าหรือ”
ระรินไม่อยากเซ้าซี้ต่อในใจไม่เชื่อ และคิดแผนอะไรไว้บางอย่าง แล้วเดินจากไป พร้อมบอกกับตัวเอง
“เชื่อ...แต่ข้าเชื่อมือข้ามากกว่า”
ระรินคิดหาคนไปฆ่ากินรี
เสือใจกับแก้วเดินทางมาอีกด้านหนึ่งของทางที่จะไปปางไม้เสี่ยรงค์ ทั้งคู่มานั่งพักในทำเลที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง
“พักตรงนี้ก่อนเถอะแก้ว ปางไม้มันอยู่ไม่ไกลแล้ว”
“ป่านนี้พวกหมวดสมรักษ์ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” แก้วกังวล
“มันก็คงไม่หนีเราหรอก”
แก้วสงสัยมานานแล้วจึงถาม
“ทำไมเราไม่ไปรวมกับพวกหมวดสมรักษ์ล่ะลุงเสือ”
“เราเป็นเสือ เราต้องมีทางเดินของเรา เขาเป็นตำรวจกลยุทธของเขามันก็เป็นแบบของเขา มันรวมกันไม่ติดหรอกแต่ ต่างคนต่างตีแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ข้ารู้ว่าเอ็งเป็นห่วงน้องเอ็ง ข้าก็เป็นห่วงลูกข้า...เชื่อข้าเถอะเราจะต้องช่วยพวกนั้นออกมาได้แน่...ไปกันเถอะ”
เสือใจกับแก้วออกเดินทางต่อไป
พระธุดงค์ช่วยชีวิตแม่หมอเอาไว้ พะอูทำแผลให้ แล้วพยายามจะปลุกให้ฟื้น
“ยายเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก เอาสมุนไพรนี่ไปต้มไป แล้วเอาให้ยายเจ้าดื่ม อาการก็จะดีขึ้น”
พระอูรีบรับไปแล้วก่อไฟทันที พระธุดงค์มองแม่หมออย่างสงสาร
“เฮ้อ...เมื่อไหร่จะหมดเวรกันเสียทีนะ”
เสือสมิง ตอนที่ 18 (ต่อ)
เสี่ยรงค์กับศักดา และเสือทศ ออกมาด้านหน้าปางไม้แล้วเริ่มวางกำลัง
“ผมจะดูด้านหน้าให้ พวกผู้กองอยู่ด้านหลังก็แล้วกัน” เสือทศเสนอ
ศักดาไม่ค่อยแน่ใจ
“ไหวแน่นะ”
“โธ่...แค่นี้เรื่องเล็ก ผู้กองอย่าห่วงเลย ผมอยากปิดบัญชีกับไอ้หมวดนั่นด้วย”
เสี่ยรงค์มองเสือทศ
“ตามใจ เอาตามนี้ก็แล้วกัน เสือทศเอาคนของฉันไปด้วยสิ...ใช้งานได้เต็มที่ ส่วนฉันขอไปเจรจาสินสอดกับเด็กจงใจหน่อย”
เสี่ยรงค์หัวเราะเดินจากไป ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ เสือทศหน้าเสียในใจเสียดายจงใจ แต่ก็พยายามตัดใจ สั่งลูกน้องให้เดินตามไป
“ไปเว้ย”
จ่าชิต สมรักษ์ ประเดิม และหมู่มุ่งตรงมาจนถึงปางไม้แล้วซุ่มมองอยู่แต่ไกลเห็นพวกเสือทศอยู่ด้านหน้า มีลูกน้องเดินระวังไปมา
“ไอ้เสือทศ...” สมรักษ์พึมพำ
จ่าชิตกวาดตามอง
“ท่าทางมันคงจะเตรียมต้อนรับเต็มที่”
สมรักษ์แสยะยิ้ม
“ดี...มันจะได้สมเกียรติหน่อย”
ประเดิมหงุดหงิด
“แล้วจะเข้าไปยังไงเนี่ย”
จ่าชิตหันมามองหน้าประเดิมท่าทางยียวนและมั่นใจ
“เดินเข้าไป อย่างเงียบที่สุด”
ประเดิมงง
เสือใจกับแก้วลอบเข้ามาที่ชายป่าใกล้ปางไม้อีกด้านหนึ่ง เขามองเห็นเวรยามเดินไปมา เสือใจหันมาสั่งแก้ว
“คลุมหน้าซะ”
แก้วกับเสือใจคลุมหน้าอย่างมิดชิด
“ข้าว่ามันต้องขังพวกนั้นไว้ข้างบนแน่ พยายามลอบเข้าไปให้เงียบที่สุด อย่าใช้ปืน”
แก้วพยักหน้ารับแววตาเข้ม ทั้งคู่เคลื่อนตัวเข้าไปอย่างระวัง
จงใจนั่งคิดหาทางออกอยู่ในห้อง เสี่ยรงค์เข้ามาในบ้านพบลูกน้องที่เฝ้าแล้วไล่ไป
“เรียบร้อยดีใช่ไหม”
“ครับเสี่ย”
“ไปได้แล้ว”
เสี่ยรงค์ยิ้มอย่างย่ามใจแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป จงใจตกใจเมื่อเสี่ยรงค์เข้ามาข้างใน
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ที่นี่เป็นที่ของฉัน ฉันจะอยู่ตรงไหนก็ได้...น่า...มาเป็นของฉันนะแล้วหนูจะได้สบาย”
“ไม่...เอาสิ...ถ้าแกเข้ามาฉันจะตายให้ดู”
เสี่ยรงค์ชะงักแล้วใช้ไม้อ่อน
“ไม่เอาน่าหนู ใจเย็นๆนะ เสี่ยจะทำให้หนูมีความสุขไปตลอดชาติ”
“แกฆ่าพ่อฉันแล้วยังมาทำแบบนี้อีกหรือ...เอาสิ...ถ้าฉันมีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะฆ่าแก”
เสี่ยรงค์ไม่กลัวคำขู่แล้วก้าวเข้าไปหาช้าๆ จงใจถอยร่นไปติดข้างฝา
เสือทศ เสือเรือง เสือชิน นั่งซุ่มรอพวกสมรักษ์อยู่ ห่างออกไปลูกน้องเดินลาดตะเวนไปรอบๆ
“มาเลยไอ้หมวด วันนี้เอ็งกับข้าต้องดับกันไปข้างนึง” เสือทศบอกเหี้ยมๆ
เสือเรืองประจบ
“ให้มันมาจริงๆเถอะพี่ มันไม่มีทางรอดหรอก”
“ระวังตัวกันหน่อยก็แล้วกัน มันต้องมาช่วยจงใจแน่”
พูดถึงจงใจแล้วเสือทศรู้สึกหดหู่นิดๆ ทั้งหมดรับรู้
ห่างออกไปบริเวณที่ลูกน้องเดินดูลาดเลาอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งเดินไม่รู้เรื่อง จ่าชิตลอบมาข้างหลังแล้วเอามีดปาดคอจนมันสิ้นใจทันที จ่าชิตซุ่มแล้วเคลื่อนที่ไปตามพุ่มไม้ อีกมุมหนึ่งสมรักษ์ก็ลอบเข้ามาเอามีดปาดคอลูกน้องอีกคนหนึ่งแต่ลูกน้องไหวตัวทัน
“เฮ้ย...เอ็ง...”
สมรักษ์ทำอะไรไม่ได้ ลูกน้องคนนั้นกำลังจะส่งเสียงเรียกพวกแต่มีมีดสั้นพุ่งเข้ามาปักที่ด้านหลังของมันขาดใจตายคาที่ เป็นฝีมือของจ่าชิตนั่นเอง
เสือใจกับแก้วอ้อมมาทางด้านหลัง พบลูกน้องเสี่ยรงค์ กำลังเฝ้าเวรยามอยู่ ทั้งคู่แยกกันลอบเข้าไป ลูกน้องคนหนึ่งโดนธนูปักเข้าที่กลางอกแล้วล้มลงขาดใจ ลูกน้องอีกคนเห็นแล้วตกใจหาที่มาของธนู...เสือใจเข้ามาจ้วงแทงมันด้านหลังขาดใจตาย ลูกน้องอีกคนหนึ่งยกปืนหมายจะยิงเสือใจ แก้วที่ซุ่มอยู่ยิงธนูเข้าใส่ลูกน้องล้มลงขาดใจโดยที่ยังไม่ทันยิงปืน เสือใจพอใจแล้วพยักหน้าเรียกแก้วเดินเข้าไปต่ออย่างระวัง
เสือทศ ยังคงนั่งซุ่มอยู่ แล้วได้ยินเสียงบริเวณที่ลูกน้องโดนเก็บ
“เสียงอะไรวะ”
เสือเรืองส่ายหน้า
“ไม่เห็นได้ยินเลยพี่”
“ไอ้หูตึงเอ๊ย...เอ็งไปดูซิ”
เสือเรืองจำใจลุกไปดู
คนงานส่วนในกำลังทำงานกันตามปกติ ประเดิมกับหมู่แต่งตัวแบบคนงานปะปนเข้ามา เขาช่วยคนงานบางคนขนไม้แล้วพยายามหาทางเข้าไปชั้นใน หมู่แยกไปอีกทาง เมื่อขนของเสร็จประเดิมก็เดินไปทางข้างใน...ทันใดนั้นเสียงหัวหน้าคนงานเรียกประเดิมดังมาจากข้างหลัง
“เฮ้ย...เอ็งน่ะมานี่ซิ”
ประเดิมสะดุ้งแล้วพยายามเก็บพิรุธ
“เฮ้ย...ไม่ได้ยินหรือไง”
“ครับ...ครับ”
ประเดิมพยายามเอาผ้าขาวม้าคลุมศีรษะ และปิดบังใบหน้าเดินเข้าไปหาหัวหน้าคนงาน
“มีอะไรหรือครับ”
หัวหน้าคนงานมองประเดิมแล้วถาม
“เอ็งมาจากไหนวะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“เอ่อ...ผมเพิ่งมาได้สองวัน ก็ยังไม่เคยเจอหัวหน้าเหมือนกัน”
หัวหน้ากระชากผ้าขาวม้าของประเดิมออก ประเดิมยิ้มแห้งๆ หัวหน้าไม่เคยเห็นประเดิมมาก่อนจึงไม่รู้จักแล้วไม่ใส่ใจ
“ยกเลื่อยนี่ไปทางโน้นซิ”
“ครับๆ”
ประเดิมทำตามคำสั่งเขารอดอย่างหวุดหวิด หมู่มาสมทบข้างหลัง
เสือเรืองเดินซุ่มมาตามป่าไปเรื่อยๆ
“ไม่เห็นมี อะไรนี่หว่า”
เสือเรืองเดินไปสักสองก้าว เท้าก็ไปเหยียบศพของลูกน้องที่โดนพวกสมรักษ์ฆ่า
“เฮ้ย...แย่แล้ว”
เสือเรืองลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินไป ทันใดนั้นมีเสียงเรียกของสมรักษ์ดังมาจากข้างหลัง
“หาอะไรอยู่หรือจ๊ะ...”
เสือเรืองหันไปเจอสมรักษ์กระทุ้งด้วยด้ามปืนร่วงสลบไป
เสือทศได้ยินเสือเรืองร้องเรียกมาแต่ไกล
“พี่ทศ...พี่ทศ...ทางนี้...มันอยู่ทางนี้...”
เสือทศหูผึ่งแล้วชวนเสือชินไป
“ไป...ไอ้ชิน”
ทั้งคู่รีบไปตามเสียงเรียก เสือทศและเสือชินวิ่งไปตามเสียงจนถึงต้นเสียง สิ่งที่เสือทศกับเสือชินเห็นก็คือเสือเรืองโดนจับมันแก้ผ้านุ่งกางเกงในตัวเดียวอยู่กับต้นไม้
“ฝีมือใคร...ไอ้เรือง” เสือทศตกใจ
“ไอ้หมวดนั่น กับไอ้จ่าพี่”
“มันไปไหนแล้ว”
เสือทศหันหลังกลับไปก็เจอสมรักษ์กับจ่าชิต เสือทศกับเสือชินยกอาวุธหมายจะจัดการแต่จ่าชิตสยบอาวุธของเสือชิน ส่วนสมรักษ์ก็สยบอาวุธของเสือทศ ทั้งหมดต่อสู้กันด้วยมือเปล่าเพื่อไม่ให้เกิดเสียง
ประเดิมกับหมู่ เดินเข้ามาข้างในเห็นว่ามีโรงเก็บของขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่คุมขังหิน เขาจึงลอบเดินไปที่นั่นเผื่อว่าจะเจออะไร แต่พบกับคนงานที่เดินผ่านมา
“เฮ้ย...จะไปไหน” คนงานถามเสียงเข้ม
ประเดิมยิ้มเกลื่อน
“เอ่อ...เปล่านี่”
คนงานสงสัย
“เห็นเอ็งกำลังจะเข้าไปในโรงเก็บของ...อย่าเข้าไปนะเว้ย นายสั่งเอาไว้”
ประเดิมทำฟอร์ม
“ข้ารู้น่า...นายขังคนเอาไว้ในนั้นใช่ไหม”
“เออ...อย่าเที่ยวพูดไปล่ะ ในนั้นมีแค่เด็กคนนึง”
ประเดิมแกล้งซักต่อ
“อ้าว...แล้วผู้หญิงสวยๆคนนั้นล่ะ”
“เขาเอาไปไว้ข้างบนโน่น...อย่ายุ่งเรื่องเจ้านายเลยน่า ไปทำงานดีกว่า นายมาเห็นจะเดือดร้อน”
“เออ...เออ...รู้แล้ว”
ประเดิมทั้งดีใจและหนักใจที่รู้ข่าว
เสือใจกับแก้วลอบเข้ามาใกล้โรงเก็บของ ลอบเข้ามาหักคอลูกน้องตายไปคนหนึ่ง แล้วต่อสู้กับคนอีกสองคน
แก้วต่อสู้กับลูกน้องอีกสองคน ทั้งคู่สยบลูกน้องลงได้ เสือใจหันไปสั่งแก้ว
“แยกกัน...เอ็งอ้อมไปทางโน้น ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปเจอกันที่จุดนัดพบ”
“จ้ะ...”
ทั้งคู่แยกกันไป
เสือทศจับคู่ชกกับสมรักษ์ท่าทางสูสี จ่าชิตสู้กับเสือชิน สักพัก จ่าชิตก็จัดการกับเสือชิตจนมันสลบไป จังหวะเดียวกับสมรักษ์ที่ซัดเสือทศกระเด็นไปตามพื้น แต่มันเป็นจังหวะที่เสือทศหยิบปืนได้แล้วจะยิงใส่สมรักษ์ จ่าชิตตรงเข้ามาเตะเข้าที่ปืนของเสือทศกระเด็นไป แต่มันยิงออกมาหนึ่งนัดเสียงดังก้อง...ศักดาได้ยินเสียงปืนแล้วงตื่นตัวสั่งลูกน้องไปตามเสียงปืน
“ไปเร็ว...”
ทุกคนรีบลุกออกไป
จ่าชิตเตะสกัดเสือทศกระเด็นไปแล้วสั่งสมรักษ์
“รีบไปช่วยจงใจก่อน ทางนี้ผมจัดการเอง”
สมรักษ์ลังเล
“ไปสิ...มันได้ยินเสียงปืนแล้วเดี๋ยวมันคงแห่กันมา...ไปสิหมวด”
สมรักษ์รีบไปช่วยจงใจ จ่าชิตตั้งรับเสือทศ ทั้งสองจ้องหน้ากันก่อนที่จะต่อสู้กัน
“เสือกนักนะมึงไอ้จ่า...มา...”
เสือทศวิ่งเข้าไปต่อสู้กับจ่าชิต
เสี่ยรงค์พยายามใช้ไม้อ่อนกับจงใจ
“ฉันรักหนูนะเห็นใจฉันเถอะ...เป็นของฉันซะ แล้วหนูจะสบาย”
“ไอ้บ้า ไอ้แก่ตัณหากลับ”
เสี่ยรงค์อดรนทนไม่ไหวจึงเริ่มใช้กำลัง
“พูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ก็ต้องใช้กำลังกันล่ะ”
เสี่ยรงค์ตรงเข้าปลุกปล้ำ จงใจปัดป้องแต่ล้มลงบนเตียงและกำลังจะเสียทีเสี่ยรงค์!
จบตอนที่ 18
โปรดติดตามตอนต่อไป