xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 18


“แกต้องควบคุมตัวเองให้ได้นะธงรบ เพราะตอนนี้เราเหลือกัน แค่นี้แล้ว อย่าให้อาต้องเสียกำลังคนไปอีก”

“ครับอา...ว่าแต่ว่า ก่อนที่หมวดณรงค์จะตาย เขารู้รึเปล่าครับว่าไอ้พวกพยัคฆ์เมฆา มันเป็นใคร”
ผู้การสมิงนิ่งไปคิดถึงช่วงสุดท้ายที่ณรงค์พยายามจะบอกเรื่องหัวหน้าพยัคฆ์เมฆาให้ตนเองรู้ ตอนนั้นณรงค์เสียงแผ่วเบามากใกล้ตายเต็มทน
“ผม...ผมยังทำงานให้ผู้การจนวินาทีสุดท้าย...ครับ พวก...พวก...พยัคฆ์เมฆา...ผม...ผมรู้ แล้วว่ามันเป็น...เป็นใคร”
“หมวด...คุณเก็บแรงเอาไว้สู้ต่อเถอะ”
ณรงค์ส่ายหน้า
“ผม...ผมไม่รอดแน่แล้วครับ...ผู้การ...ผมขอ...ขอฝากให้ผู้การจัดการกับมัน ต่อ...ด้วย...หัวหน้า...พยัคฆ์เมฆา...ก็...ก็คือ...คือ…”
ณรงค์หายใจรวยรินพูดออกมาเสียงเบามากจนผู้การสมิงแทบไม่ได้ยิน
“หมวด...ใคร...ใครคือหัวหน้าพยัคฆ์เมฆา”
ผู้การสมิงต้องก้มหน้าเอียงหูไปฟังใกล้ๆเพราะเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ...เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ผู้การสมิงหันหน้ามาตอบธงรบ
“เปล่า...ณรงค์ไม่ได้ทันได้เห็นว่าหัวหน้าของพวกพยัคฆ์เมฆาเป็นใคร”
ผู้การสมิงปฏิเสธธงรบแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าเก็บอารมณ์ และความลับไว้กับตัวไม่อยากให้ธงรบรู้

คมทวนรู้สึกตัวมาไม่นาน หมอเลยเข้ามาตรวจดูอาการทั่วไป
“ผมเป็นอะไรไปเหรอครับหมอ”
“คุณมีอาการของหัวใจวายเฉียบพลัน เพราะโรคความดันที่คุณเป็นอยู่ โชคดีที่ถึงโรงพยาบาลทันเวลา”
“แล้วใครพาผมมาที่นี่”
“เจ้าสัวเล้งครับ”
คมทวนชะงัก
“ไม่ต้องห่วงนะครับ...เจ้าสัวฝากให้ผมบอกคุณทันทีที่คุณรู้สึกตัวว่าเขาไม่ใช่ศัตรู ขอให้คุณไว้ใจเขา ตอนนี้คุณพักผ่อนให้สบาย อยู่ที่นี่คุณจะปลอดภัยแน่นอน”
หมอตบบ่าให้คมทวนไม่ต้องคิดมาก ก่อนจะพากันเดินออกไปกับพยาบาล แต่คมทวนแอบได้ยินหมอคุยกับพยาบาล
“เดี๋ยวคุณโทรบอกเจ้าสัวด้วยว่าเขาฟื้นแล้ว”
พยาบาลรับคำหมอแล้วพากันเดินออกไป คมทวนหันมาครุ่นคิดตัดสินใจ

เจ้าสัวเล้งกับมานพกำลังยืนให้ช่างมาปรับแก้สูทที่สั่งตัดไว้ สำหรับงานวันเปิดตัวมานพ ดวงแขเข้ามาดู
“แหม...พ่อลูกนี่แข่งกันหล่อใหญ่เลยนะคะเนี่ย”
“ผมคงแข่งกับพ่อเขาไม่ได้หรอกครับแม่ ต่อให้ผมพยายามสร้างบารมีมากแค่ไหน ก็ไล่ตาม พ่อไม่ทัน”
“แต่นี่เป็นงานเปิดตัวของแก ทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่ผู้นำของตระกูลมังกรวารีคน ต่อไป พ่อจะยอมน้อยให้แก...แต่ก็แค่วันเดียวนะ”
ดวงแขยิ้มพอใจ
“ขอบคุณพ่อเขาสิมานพ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
มานพยกมือไหว้ขอบคุณเลยทำให้ช่างตัดสูทที่กำลังแก้ชุด เผลอทำเข็มหมุดจิ้มแขนจนมานพสะดุ้ง ช่างหน้าเสีย
“ขอโทษด้วยครับคุณมานพ”
มานพชะงักชักสีหน้ามองช่างตัดสูทอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเห็นว่าเจ้าสัวมองมาที่ตนอยู่เลยยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่เป็นไร...นิดหน่อย”
ระหว่างนั้นนนท์เข้ามาหาเจ้าสัว แล้วกระซิบบอกเรื่องที่คมทวนรู้สึกตัวแล้ว
“ขอบใจนนท์...” เจ้าสัวบอกช่าง “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”
ดวงแขรีบถาม
“ธุระอะไรเหรอคะคุณ”
เจ้าสัวยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอก...กับพรรคพวกเก่าๆฉันน่ะ”
เจ้าสัวถอดชุดสูทที่กำลังปรับแก้ออกคืนให้ช่างแล้วตามนนท์ออกไป ดวงแขมองตามอย่างสังหรณ์ใจไม่ดี มานพยิ้มให้แม่
“คงไม่มีอะไรหรอกครับแม่...อย่าทำหน้าคิดมากไปเลย”
มานพพูดไปอย่างใจเย็นช่างแก้สูทก็ดันพลาดทำเข็มจิ้มอีก คราวนี้มานพหันมากระชากคอเสื้อจ้องเอาเรื่อง
“เฮ้ย...ผิดซ้ำผิดซากอยู่นั่น...แบบนี้มันน่า...”
มานพเงื้อมือจะตบสั่งสอนแต่มือถือมานพดังขึ้นก่อน จึงผลักช่างตัดเสื้อสูทออกไปแล้วถอดสูทโยนทิ้ง

มานพถือโทรศัพท์ออกมาคุยข้างนอกตัวบ้าน
“ฮัลโหล...ฮัลโหล...นั่นใคร”
ผู้การสมิงกำลังขับรถอยู่บนถนน พูดด้วยเสียงเรียบๆ
“นายมานพ มังกรวารี ทายาทคนเดียวของเจ้าสัวเล้ง”
“ฉันรู้จักตัวฉันเองดีว่าเป็นใคร แกนั่นแหละเป็นใครวะ โทรมาหาฉันเบอร์นี้ได้ยังไง”
“แน่ใจเหรอนายมานพว่ารู้จักตัวเองดี เพราะนายยังมีอีกสถานะหนึ่งที่ไม่ได้เป็นแค่ ลูกชายของเจ้าสัวเล้ง”
มานพเริ่มสงสัย
“แกพูดเรื่องบ้าอะไรวะ”
“อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะว่าภายใต้หน้ากากพยัคฆ์เมฆาที่แกใช้ไล่ฆ่าคนอย่างโหด เหี้ยม ซุกซ่อนใบหน้าของใครไว้...นายมานพ”
มานพอึ้งตกใจ เพราไม่คิดว่าจะมีคนรู้

หมอเดินนำเจ้าสัวเล้งมาหน้าห้องที่คมทวนพักอยู่

“อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว แต่ท่าทางยังดูระแวง ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบครับเจ้าสัว” หมออธิบาย

“ไม่เป็นไรหมอ…เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง ขอบคุณหมอมาก”
หมอรับคำแล้วพามาถึงหน้าประตูห้อง นนท์เข้าไปช่วยเปิดประตูพาเจ้าสัวเข้าไปในห้อง แต่พอทั้งคู่เข้าไปก็พบเตียงที่ว่างเปล่าไร้เงาของคมทวนและเจอพยาบาลถูกจับมัดมือและมีผ้าปิดปากเอาไว้ นนท์รีบเข้าไปช่วยแก้มัด
“มันหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่” เจ้าสัวถามร้อนใจ
“เมื่อกี้นี้เองค่ะ..ก่อนเจ้าสัวจะมา” พยาบาลบอก
เจ้าสัวรีบออกไปพร้อมกับนนท์ทันที

คมทวนเดินหนีออกมาที่บริเวณลานจอดรถ ทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดคนไข้ เจ้าสัวเล้งกับนนท์เดินตามหา ไม่นานนักนนท์เห็นคมทวนกำลังจะออกไป
“อยู่นั่นครับเจ้าสัว”
นนท์ชี้ให้เจ้าสัวเห็นว่าคมทวนกำลังขึ้นรถแท็กซี่ที่เพิ่งเข้ามาจอด
“ผมจะไปลากคอมันมาให้ครับ”
เจ้าสัวรีบยกมือห้าม
“ไม่ต้องนนท์..ปล่อยให้มันไปเถอะ”
“อ้าว...จะให้มันหนีไปแบบนี้เหรอครับ”
“ใครว่าฉันจะให้มันหนีล่ะ เราจะตามมันไปไม่ให้มันรู้ตัวต่างหาก”
เจ้าสัวบอกอย่างมั่นใจว่า จะต้องได้รู้เบื้องหลังเกี่ยวกับพราวแสง

โหงวถึงกับตกใจเมื่อรู้จากมานพ
“ว่าไงนะ...ความลับของแกมันจะรั่วออกไปได้ยังไง”
มานพไม่พอใจ
“ถ้าฉันรู้ว่ามันรู้เรื่องฉันได้ยังไง ฉันจะมาถามแกเหรอไอ้เป๋”
ดวงแขที่นั่งคุยอยู่ด้วยกังวล
“พวกลูกน้องเรารึเปล่าที่ปากโป้ง เอาเรื่องมานพไปบอกคนอื่น”
“คนของเรามันไม่กล้าพูดหรอก พวกมันกลัวมานพยิ่งกว่าอะไร ยกเว้นแต่มันนั่นแหละที่ ทำพลาดเอง”
“ไอ้เป๋ !! อย่ามาว่าฉันนะเว้ย”
มานพเข้าไปชี้หน้าจะเอาเรื่อง แต่โดนโหงวจับมือมาบิดไพล่หลังจนมานพร้องเจ็บ
“อย่าห้าวให้มันมากนักนะมานพ กี่ครั้งแล้วที่แกทำเรี่ยราดเละเทอะแล้วต้องให้ฉันไป เก็บกวาดให้”
“แกเป็นลูกน้องฉัน..แกต้องทำตามที่ฉันสั่งสิวะ”
โหงวออกแรงบิด
“พูดออกมาอีกทีสิว่าฉันเป็นแค่ลูกน้องแก”
“โอ๊ย !!”
ดวงแขปราม
“ปล่อยลูกนะไอ้โหงว...แกจะหักแขนเขาเหรอไง”
“เธอไม่ต้องมายุ่ง...พูดมาสิมานพว่าฉันเป็นอะไรกับแก”
มานพร้องลั่น
“โอ๊ย...โอ๊ย...”
“พูด !!”
“แกเป็นเตี่ยฉัน !!”
“ดังๆ”
“แก…แกเป็นเตี่ยฉัน !!”
โหงวได้ฟังคำตอบที่ตัวเองพอใจ ก็ปล่อยมือให้ดวงแขเข้าไปประคองมานพ
“ครั้งสุดท้ายที่แกอวดเก่งให้คนอื่นเห็นว่าแกคือหัวหน้าพยัคฆ์เมฆา...เมื่อไหร่”
โหงวจ้องหน้าถามานพที่ยังเจ็บแขนอยู่ มานพคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองฆ่าณรงค์แล้วถอดหน้ากาก

โหงวรีบเดินออกจากโรงสี ดวงแขเดินตาม
“ดวงแข เดี๋ยว..แกจะไปไหน..แกต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้มานพนะไอ้โหงว”
โหงวหยุดแล้วหันมาชี้หน้าดวงแข
“อย่ามาออกคำสั่งว่าฉันต้องทำอะไร”
ดวงแขชะงัก
“เอ่อ..ฉัน..ฉันขอโทษ แต่ครั้งนี้แกต้องช่วยลูกนะ”
“ฉันเป็นเตี่ยมัน ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วใครจะช่วย”
“หมายความว่าแกจะสืบได้ใช่มั้ยว่าไอ้คนที่โทรมาหามานพมันเป็นใคร”
“มันต้องเป็นพวกเดียวกับไอ้คนที่เพิ่งโดนมานพเชือดคอไป ฉันคิดว่าคงสืบได้ไม่ยาก”
“งั้นก็ต้องรีบหน่อยนะ...เพราะถ้าเกิด...”
โหงวสวนทันที
“ฉันรู้น่า..ต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนที่เล้งจะเปิดตัวมานพ จะไม่ปล่อย ให้มันคาบเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้เล้งแน่”
โหงวย้ำกับดวงแขแล้วรีบเดินเป๋ออกไป ดวงแขมองตามอย่างหนักใจ

กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าคลำทางเข้ามา แล้วค่อยๆใช้มือคลำไปที่เตียงนอนเพื่อให้แน่ใจว่าหยกยังนอนหลับอยู่ที่เตียงไม่รู้สึกตัวตื่น เธอยิ้มมีความสุขแล้วค่อยๆแนบหูไปที่หน้าอกด้านซ้ายเพื่อฟังเสียงเต้นของหัวใจหยก
“มาแอบฟังเสียงหัวใจฉันเต้นเหรอกิ่งเหมย”
“หยก !!”
กิ่งเหมยรีบลุกเพราะอาย แต่โดนหยกรวบตัวมากอดแน่น
“ปล่อยฉันนะหยก”
“จะยอมปล่อยก็ได้ แต่ต้องบอกมาก่อนว่ามาแอบฟังเสียงหัวใจฉันทำไม”
“ก็แล้วฟังไม่ได้เหรอ”
“ฟังได้ไม่ว่าหรอก..แต่ถ้ากลัวว่าอยู่ๆฉันจะนอนไม่หายใจขึ้นมาแล้วทิ้งเธอไว้คนเดียว ล่ะก็ฉันรับรองว่าไม่มีวันนั้นแน่นอน” หยกกอดแน่น แล้วแนบแก้มชนแก้มกับกิ่งเหมย
“จริงนะหยก”
“จริงสิ...ฉันสัญญา”
“เธอน่ะสัญญาเยอะแยะไม่รู้กี่เรื่องแล้ว”
“นี่ว่าฉันเหรอ”
“หรือไม่จริง”
“ก็จริงอยู่หรอก..แต่ฉันจำได้ทุกเรื่องนะ โดยเฉพาะเรื่องที่...หลังจากส่งตัวเราเข้าห้องหอแล้ว เธอจะให้ความร่วมมือยอมมีลูกให้ฉันทันทีเลย”
พูดแล้วหอมฟอดทันที กิ่งเหมยตกใจ
“ไอ้บ้าหยก..ทะลึ่ง..เรื่องนั้นฉันยังไม่ได้รับปากเลย”

กิ่งเหมยหันไปผลักหยก แล้วรีบเดินออกไปอย่างอายๆ

กิ่งเหมยเดินหนีออกมาที่บริเวณดาดฟ้า
“ไอ้หยกบ้า..ทะลึ่ง ทะเล้นที่สุด รู้งี้ไม่น่าหลงกลรับปากแต่งงานด้วยเลย”
กิ่งเหมยเดินบ่นออกมาโดยมองไม่เห็นหมวดธงรบที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และได้ยินคำพูดของกิ่งเหมย
“อยากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ เธอต้องเป็นเจ้าสาวของฉันเท่านั้น”
หยกตามกิ่งเหมยออกมา แล้วต้องชะงักเพราะเจอหมวดธงรบยืนอยู่ ธงรบชูนิ้วขึ้นมาปิดปาก..ชู่ว์เพื่อไม่ให้ กิ่งเหมยรู้ว่าตนเองอยู่ตรงนั้น
“เธอน่ะชอบขี้ตู่พูดเองเออเอง..แล้วก็ชอบมาลวนลามฉัน..ต่อไปนี้นะไม่ต้องมาเข้าใกล้ ฉันเลย จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน”
“กิ่งเหมย”
“ไม่ต้องมาต่อรองแล้วก็ไม่ต้องมาปากหวานกับฉันด้วย เพราะฉันจะไม่ใจอ่อนให้เธออีก”
“โอเค..ฉันยอมทำตามที่เธอบอกแล้ว แต่เธอกลับเข้าไปข้างในก่อนนะ ฉันมีธุระต้องไป จัดการ แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมา”
หยกบอกกิ่งเหมย แล้วหันไปพยักหน้ากับธงรบก่อนจะเดินตามกันไป
“หยก...หยก...”
กิ่งเหมยฟังเสียงเดินออกไปของหยกอย่างแปลกใจว่าทำไมรีบไป

หยกกับธงรบออกมาคุยกันตามลำพังที่ใต้ทางด่วน
“ฉันยินดีกับแกด้วยนะไอ้หยก ในที่สุดแกก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกิ่งเหมยได้ซะที” ธงรบบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“หมวด..คือว่า...”
“ถ้าจะขอโทษเรื่องที่เคยขอให้ฉันดูแลกิ่งเหมยล่ะก็ ไม่จำเป็นหรอก เพราะถ้าฉันเป็นแก ฉันก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าคนรักจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย”
“ใช่ครับ..ผมยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่ผมรัก แต่ถ้าภารกิจครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ ผมก็ยัง วางใจไม่ได้”
“ที่ฉันต้องมาหาแกก็เพราะเรื่องนี้แหละหยก หมวดณรงค์ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อภารกิจ ไปคนนึงแล้ว กว่าจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากก็ไม่รู้ว่าแก ฉัน หรือว่าผู้การ ใครจะ เหลือรอดเป็นคนสุดท้าย”
หยกอึ้ง
“ว่าไงนะ..เกิดอะไรขึ้นกับหมวดณรงค์ !!”
ธงรบมองหน้าหยกแล้วขบกรามกำหมัดแน่น เพราะนึกถึงแล้วก็ให้ยิ่งเจ็บใจตัวเอง

หยกหน้าเครียดจริงจัง รีบเดินมาที่มอเตอร์ไซค์ เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
“หยก..หยก !! แกทำอะไรไม่ได้หรอก ฉันอยากจะไปตามล่าพวกมัน แทบใจจะขาด แต่ก็จริงอย่างที่อาสมิงเตือน ยิ่งอยากใช้ความแค้นตอบโต้ ก็ยิ่งทำให้ เราตกเป็นเป้าของพวกมันมากขึ้น”
“แต่ผู้การสั่งห้ามหมวด ไม่ได้ห้ามผม”
หยกปัดมือแล้วจะออกไป แต่ก็ถูกธงรบกระชากกลับมาแรงๆแล้วกระชากคอเสื้อตะคอกใส่หน้า
“แกกับกิ่งเหมยกำลังจะมีอนาคตร่วมกัน ถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมา ฉันทำหน้าที่ดูแลกิ่งเหมย แทนแกไม่ได้หรอกนะเว้ย”
หยกนิ่งไป
“หมวด”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กิ่งเหมยจะต้องมีความสำคัญสำหรับแกเป็นอันดับแรก ส่วนไอ้ พวกเลวชาติพวกนั้น มันต้องเจอกับฉัน”
“ผมขอบคุณที่หมวดคิดช่วยผมกับกิ่งเหมย แต่ถ้าผมไม่ได้จัดการกับพวกมันด้วยหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายมา แล้วคนที่ผมรักจะภาคภูมิใจในเกียรติยศของผมได้ยังไง”
“มันก็จริงของแก..เป็นตำรวจถ้าอยู่อย่างไร้เกียรติก็อย่าเป็นมันซะเลยดีกว่า”
ธงรบยกมือขึ้นแล้วมองหน้าหยกจริงจัง หยกยกมือแล้วจีบมือกับธงรบบีบมือแน่นอย่างลูกผู้ชาย
“การตายของหมวดณรงค์จะต้องไม่สูญเปล่า ผมจะต้องหาทางกระชากหน้ากากไอ้พวก พยัคฆ์เมฆาออกมาให้ได้”
“ไม่ใช่แกคนเดียวแน่นอนหยก..ฉันเองก็อยากรู้ว่ามันเป็นใคร และฉันก็สงสัยด้วยว่า ตอนนี้มีคนที่รู้แล้ว แต่ยังไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่ง”
หยกปล่อยมือด้วยความสงสัย
“หมวดหมายถึงใคร”
“อาสมิง”
ธงรบบอกอย่างมั่นใจ

คมทวนเดินกลับมาที่ตรอกศาลเจ้าอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะมีใครตามมาเลยพยายามหันกลับไปดูจนชนเข้ากับอ่างและสลึงที่เดินมาตรงหัวมุมพอดี
“อ้าวเฮ้ย..พี่คมทวนนี่หว่า”
“ไอ้อ่าง..ไอ้สลึง”
“นี่..นี่...พี่..พี่หายไปไหนมาเนี่ย..พวก..พวกฉันตามหาพี่ให้..ให้ควั่กเลย”
“นั่นสิ..อยู่ๆก็หายหน้าไปติดต่อก็ไม่ได้...แล้วนี่..ทำไมพี่ แต่งตัวแบบนี้ล่ะ” อ่างสงสัย
“พวกเอ็งอย่าเพิ่งมาถามอะไรข้าตอนนี้ ไว้ข้าจะกลับไปเล่าให้ฟัง”
คมทวนบอกแล้วก็รีบเดินออกไป อ่างกับสลึงมองตามงงๆ
“อะ..อะไรของแกวะ..วะเนี่ย..ตาม..ตามไม่ทันเลย”
“อยากรู้ก็ต้องตามไปดูสิวะ”
อ่างกับสลึงรีบตามคมทวนไปตามทาง โดยไม่รู้ว่าเจ้าสัวกับนนท์สะกดรอยตามมา
“ที่นี่คงจะเป็นบ้านมันครับเจ้าสัว” นนท์บอก
“ระวังอย่าให้มันรู้ตัว ฉันไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้รู้เรื่องของพราวแสงจากมันอีก”
“ครับ..ผมจะลองสืบเรื่องของมันจากคนแถวนี้”
นนท์เดินตามคมทวนไป เจ้าสัวมองตามลูกน้องอย่างมีความหวัง


เมื่อกลับมาถึงบ้าน คมทวนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานั่งเอามือกุมหัวใจแล้วพักอย่างเหนื่อยอ่อน พลางเล่าเรื่องให้อ่างและสลึงฟัง
“หา !! นี่พี่ไม่ได้ล้อพวกฉันเล่นนะ” สลึงร้องเสียงดัง
“อยู่ๆหัวใจวายกลางทางเกือบตายโหงอยู่คนเดียวนะเว้ย ใครจะเอามาล้อเล่นวะ”
“งั้นก็ถือ..ถือว่าโชคดีนะ..นะเนี่ย ไม่งั้น..ไอ้..ไอ้หยกได้กำพร้า..พ่อ..พ่อด้วยอีกคน” อ่างออกความเห็น
“ข้ามันอึดต่างหากเว้ย ยังไม่ตายง่ายๆหรอกจนกว่า...”
“จนกว่าอะไรเหรอพี่”
“จนกว่าจะได้เห็นไอ้หยกมีชีวิตที่สุขสงบ ได้แต่งงานแต่งการมีครอบครัวของมันเอง”
“งั้นพี่ก็สบายใจได้แล้วล่ะ เพราะไอ้หยกมันขอสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว”
คมทวนตกใจ
“เฮ้ย..ไอ้หยกไปขอใครแต่งงานวะ”
อ่างกับสลึงพูดพร้อมกัน
“กิ่งเหมย !!”

กิ่งเหมยกับส้มเช้งเดินมาที่ศาลเจ้าด้วยกัน

“ฉันล่ะอดหมั่นไส้แกไม่ได้จริงๆนะกิ่งเหมย” ส้มเช้งประชด
“แกจะหมั่นไส้อะไรฉันอีก”
“ก็ดูหน้าแกดิ..พอรู้ตัวว่าจะได้เป็นเจ้าสาวเข้าหน่อย แก้มงี้ชมพู ผิวพรรณงี้เปล่งปลั่ง สวยผิดหูผิดตาแค่ข้ามคืนเลยจริงๆ”
กิ่งเหมยเขินๆ
“เว่อร์แล้วแก..อย่ามาหาเรื่องแซวให้ฉันเขินหน่อยเลย”
“แหมๆๆ..บอกไม่เขินแต่หน้าแดงเป็นลูกแอบเปิ้ลเลย เออ..ฉันนึกอะไรได้แล้ว ถ้าแกจะ แต่งงานกับไอ้หยก แกก็ควรจะต้องเตรียมตัวเอาไว้บ้างนะ พอถึงเวลาแล้วจะได้ไม่ ขลุกขลัก”
“ฉันกับหยกแค่ตกลงกัน แต่ยังไม่ได้คิดจะแต่งกันเร็วๆนี้สักหน่อย”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องงานแต่งแก..แต่ฉันหมายถึง...” สมเช้งกระซิบข้างหู
กิ่งเหมยเหวอหน้าแดง
“ไอ้ส้มเช้ง..ไอ้ทะลึ่ง”
“ทะลึ่งที่ไหน..เขาเรียกบทเรียนก่อนวิวาห์ต่างหาก..ฮ่าๆๆๆ”
ส้มเช้งแหย่เพื่อนแล้วรีบวิ่งหนี กิ่งเหมยถือไม้เท้าไล่ตามเป็นจังหวะที่เจ้าสัวเล้งเดินมาจากอีกทางพอดีเลยชนกัน
“เป็นอะไรรึเปล่าหนู”
เจ้าสัวรีบช่วยประครองกิ่งเหมยที่ล้มลงไปขึ้นมา เห็นว่ามือเลอะก็ช่วยเอาผ้าเช็ดหน้ามาปัดให้
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ทันระวัง”
เจ้าสัวสงสัยท่าทางของกิ่งเหมย เลยยกมือขึ้นปัดไปมาที่บริเวณดวงตาเลยรู้ว่าตาบอด
“นี่หนูตาบอดเหรอ”
“ค่ะ”
ขณะเดียวกันส้มเช้งกลับมาดูกิ่งเหมยด้วยความเป็นห่วง

ส้มเช้งพากิ่งเหมยเข้ามาในศาลเจ้า เจ้าสัวเล้งเดินตามหลัง มองศาลเจ้าอย่างสนใจ
“หนูกับเพื่อนเป็นคนดูแลศาลเจ้านี้เหรอ”
กิ่งเหมยยิ้ม
“ค่ะ..เมื่อก่อนเป็นอาม่าที่รับจ้างดูแลศาลเจ้านี้ให้สมาคม แต่หลังอาม่าเสียหนูกับเพื่อน ก็เลยดูแลต่อ”
“ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของศาลเจ้านี้มานานแล้ว พรรคพวกฉันหลายคนก็เคยมาไหว้เจ้า ที่นี่ แต่ฉันเองยังไม่เคยมีโอกาสแวะมาสักที”
ส้มเช้งสงสัยอยากรู้
“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณแถวนี้มาก่อน”
เจ้าสัวนิ่งมองส้มเช้งที่สีหน้าอยากรู้อยากเห็นและสงสัย ทำเอาส้มเช้งสะดุ้งเพราะสายตาของเขาดูน่าเกรงขาม กิ่งเหมยดึงแขนกระตุกเพื่อนไม่ให้เสียมารยาท
“ส้มเช้ง..แกนี่ก็”
“ไม่เป็นไรหรอกหนู..ฉันมีคนรู้จักอยู่แถวนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยมเยียนน่ะ”
“คนรู้จักที่นี่..ใครเหรอคะ”
เจ้าสัวไม่ทันจะตอบกิ่งเหมย ระหว่างนั้นนนท์ก็ตามเข้ามา เจ้าสัวหันไปเห็น
“ฉันต้องขอตัวก่อนนะ..มีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาไหว้เจ้าที่นี่”
เจ้าสัวบอกกิ่งเหมยแล้วเดินออกไปหานนท์
“ส้มเช้ง” กิ่งเหมยเรียก
“อะไรอีกแก”
“แกไม่ควรเสียมารยาท กับคนที่เพิ่งช่วยฉันเอาไว้นะ”
“แหมแกก็...ถ้าแกมองเห็นว่าท่าทางเขาเป็นใครแล้ว แกต้องอยากรู้เหมือนฉันแน่ๆ”
“ทำไม..เขาเป็นยังไงเหรอ”
“ก็ท่าทางเขาเหมือนพวกไอ้เสี่ยตงเลยน่ะสิ”
“เหมือนยังไง”
“ก็พวกเจ้าพ่อไงแก”
“เจ้าพ่อ !!”
กิ่งเหมยนิ่งไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าในมือยังกำผ้าเช็ดหน้าของเจ้าสัวเอาไว้

เจ้าเล้งเดินออกมาคุยกับนนท์ที่สืบรู้เรื่องคมทวนมาแล้ว
“ไอ้หมอนั่นมันมาอยู่ที่ตรอกศาลเจ้านี่มาหลายสิบปีแล้วครับ เมื่อก่อนมันเคยเป็นครูมวย สอนมวยให้เด็กๆแถวนี้ แต่ต้องเลิกสอนไปเพราะลูกชายติดคุกแล้วออกมาเป็นนักเลง”
“ลูกชาย..ไอ้หมอนั่นมันมีลูกชายด้วยเหรอ”
“ครับเจ้าสัว..แล้วลูกชายมันเจ้าสัวก็รู้จักด้วย”
“ใคร”
“นายหยก ลูกน้องของเสี่ยตงไงครับ”
“นายหยกน่ะเหรอ !!”
เจ้าสัวแปลกใจ เมื่อรู้ว่าหยกเป็นลูกชายของคนที่เกี่ยวของกับพราวแสง ขณะเดียวกันกิ่งเหมยที่จะตามมาคืนผ้าเช็ดหน้าให้กับเจ้าสัว ได้ยินเจ้าสัวพูดถึงหยกเข้าซะก่อน เธอรู้สึกใจคอไม่ดีเลยหยุดอยู่กับที่ นนท์หันไปเห็นพอดีเลยทำให้เจ้าสัวหันไปดู
“มีอะไรเหรอหนู”
“เอ่อ...คือ..คุณลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ค่ะ..นี่ค่ะ”
กิ่งเหมยยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้ เจ้าสัวรับไป
“ขอบใจนะ..หนูเป็นคนมีน้ำใจจริงๆ” เจ้าสัวหันไปบอกนนท์ “เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์เดินออกไปเตรียมรถ เจ้าสัวหันมาลากิ่งเหมยอีกที
“ไว้ฉันจะกลับมาที่นี่อีก..ขอบใจนะ”
เล้งเดินออกไป กิ่งเหมยเงี่ยหูฟังเสียงเดินออกไปของเจ้าพ่อคนนี้แล้ว เริ่มใจคอไม่ดีเป็นห่วงหยก

มานพเดินเข้ามาหาดวงแขในโรงสี ใจคอไม่ดี
“ไอ้เป๋นั่นหายหัวไปนานแบบนี้ มันจะช่วยเราได้จริงรึเปล่าครับแม่”
ดวงแขพยักหน้าอย่างมั่นใจ

“มันมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ถ้าเล้งรู้ความจริงเรื่องแกก่อนที่จะยกสมบัติให้ มันก็ต้อง ชวดอดไปด้วย แถมยังโดนไอ้เล้งตามเก็บอีก ยังไงมันก็ต้องหาทางจัดการให้แกแน่ ว่าแต่แกเถอะ...ติดต่อเล้งได้รึเปล่า”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 18 (ต่อ)


“ไม่ได้เลยครับ”

“โธ่เอ้ย..เดี๋ยวนี้เล้งก็ชอบทำตัวแปลกๆ มีลับลมคมนัยพิกล หรือว่าไอ้หมอนั่นมันจะเอา เรื่องแกไปบอกเล้งแล้ว”
ขณะเดียวกันโหงวเข้ามา
“เรื่องของแกยังไม่รู้ถึงหูของไอ้เล้งหรอก”
“ไอ้โหงว..หายหัวไปตั้งนาน..ตกลงได้เรื่องรึเปล่า”
โหงวหางตามองดวงแขแล้วยิ้มเยาะ มานพหงุดหงิดอารมณ์เสีย
“ตกลงว่ายังไง..ไอ้คนที่โทรมาหาฉันมันเป็นใคร”
โหงวชูซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้น
“ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นใคร แต่ก่อนที่แกจะได้รู้ฉันอยากจะ เตือนอะไรแกสักอย่าง”
“เตือนอะไรอีก”
โหงวเดินเข้าไปใกล้มานพแล้วซัดหมัดหนักๆเปรี้ยง เข้าหน้ามานพจนล้มเลือดซิบมุมปาก
“นี่แกชกฉันทำไม”
โหงวโยนซองเอกสารใส่หน้า
“เตือนให้รู้ว่าแกมันโง่น่ะสิ พลาดอย่างโง่ๆถึงทำให้ตำรวจรู้ว่า แกเป็นใคร”
“ตำรวจ !! แกหมายความว่าไง” ดวงแขตกใจ
โหงวไม่ตอบมองหน้าทั้งสองแม่ลูกแล้วเดินหัวเสียออกไป ดวงแขรีบหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่โหงวโยนใส่ มานพมาเปิดออก ในนั้นมีภาพถ่ายของหมวดณรงค์กับผู้การสมิงในชุดตำรวจเต็มยศ สองแม่ลูกอึ้งไปทันที

มานพกับดวงแขรีบเดินตามมาที่โหงว ซึ่งกำลังเตรียมอาวุธจัดหนักอย่างเอาจริงเอาจัง
“เป็นไปได้ยังไง ที่ฉันปาดคอมันไปก็แค่ไอ้พวกค้ายากระจอกๆ ไม่ใช่ตำรวจหรอกเว้ย” มานพโวยวาย
“เอามาให้ดูทนโท่แบบนี้แล้ว แกยังอวดดีอวดฉลาดกับฉันอีกเหรอมานพ”
ดวงแขรีบเตือน
“มานพ...ฟังเขาก่อนเถอะ แม่ก็อยากรู้ว่าทำไมตำรวจถึงต้องพยายามสืบเรื่องแก”
โหงวหันมามองหน้าดวงแข แล้วดึงภาพถ่ายตำรวจในมือดวงแขขึ้นมาชี้ให้ดูรูปผู้การสมิง
“ไอ้หมอนี่มันคือผู้การสมิง มันคือหัวหอกคนสำคัญของกรมตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ การกวาดล้างพวกมาเฟีย ตอนที่ฉันติดคุกอยู่เคยได้ยินพวกในนั้นพูดถึงมันอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องลุยกับมันเร็วขนาดนี้”
“หมายความว่า..มันจ้องจะเล่นงานฉัน ถึงได้ส่งคนมาสืบ” มานพสงสัย
“ไม่ใช่แกคนเดียวหรอกมานพ ทั้งไอ้เล้ง ไอ้ตง ทุกคนล้วนอยู่ในสายตามันหมด ยิ่งแก ไปฆ่าคนของมัน มันก็เลยคิดจะเล่นงานแกเป็นคนแรกไง”
“ไม่ต้องห่วงนะมานพ แม่จัดการเรื่องนี้ให้เอง เงินเรามีเยอะแยะแบ่งไปใต้โต๊ะให้มัน หน่อย ขี้คร้านจะถอยยอมให้เรา” ดวงแขบอก
โหงวไม่พอใจ
“เงินไม่ได้ซื้อตำรวจได้ทุกคนหรอกนะดวงแข โดยเฉพาะไอ้ผู้การสมิงคนนี้ ให้เท่าไหร่มัน ก็ไม่รับแน่”
มานพกังวล
“งั้นจะทำยังไง..จะรอให้มันมาลากคอฉันเหรอไง”
โหงวยิ้มร้ายแล้วหันไปหยิบปืนมาขึ้นลำ
“ตำรวจกับมาเฟีย ถ้าร่วมมือเป็นพวกเดียวกันไม่ได้ ก็มีทางให้เลือกทางเดียวเท่านั้น”
โหงวเหน็บปืนเข้าที่เอว แล้วเดินหน้าร้ายกาจออกไป

ค่ำคืนนั้น...เจ้าสัวเล้งอยู่ในห้องทำงานโดยกำหยกเลือดมังกรครึ่งชิ้นเอาไว้และนิ่งมอง เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา....
เจ้าสัวกับคมทวนแลกหมัดกระแทกเข้าที่หน้าอก จนต่างฝ่ายต่างกระเด็นและเจ็บเอาเรื่อง
“แกน่าจะพอได้ แล้วก่อนที่จะหมดสภาพแล้วฉันจะไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพราวแสง”
คมทวนหอบเหนื่อย
“พราวแสงต้องมีชีวิตอยู่กับเจ็บปวดและเสียใจ แม้กระทั่งลมหายใจสุด ท้าย สำหรับฉันแล้ว...แค่นี้มันน้อยยังไป”
เจ้าสัวเล้งชะงักสงสัยกับคำพูดนั้น คมทวนเลยง้างหมัดรุกใส่เล้งต่อ แต่ก็โดนเจ้าสัวรับได้ทุกหมัดแล้วสวนกลับด้วยศอก กลับจนคมทวนซวนเซเกือบจะหมดแรงเข่าทรุด เจ้าสัวรีบเดินไปหยิบปืนที่พื้นขึ้นมาแล้วจ่อไปที่คมทวน
“หยุดสร้างปัญหาให้ฉันแล้วพูดความจริงมา ฉันเห็นพราวแสงตายต่อหน้าต่อตัวเอง แล้ว แกเอาเรื่องบ้าอะไรมาพูด”
“พราวแสงไม่ได้ตายต่อหน้าแกไง..แต่เธอตายในอ้อมกอดของฉัน !!”
เจ้าสัวอึ้ง
“โกหก !!..ฉันเห็นพราวแสงถูกยิง ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ตายเธอต้องกลับมาหาฉัน”
“คนอย่างแกไม่คู่ควรที่พราวแสงจะกลับไปหาไง..ไอ้เล้ง” คมทวนตวาด

เจ้าสัวเล้งกำหยกแน่นจนมือแดง พูดกับนนท์ที่อยู่ในห้องด้วยกัน
“ถ้าพราวแสงรอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แล้วเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับไอ้หมอนั่น อยู่กินกับมันจนมีลูกด้วยกัน นั่นก็แสดงว่า..ฉันไม่มีค่าพอสำหรับเธอ เธอถึงไม่กลับมา หาฉันอีก”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ..สู้ไม่รู้ความจริงเรื่องนี้ซะยังดีกว่า เจ้าสัวจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
“ฉันยอมรับ ว่ามารู้เอาตอนนี้ มันยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวด แต่คนที่ต้องเจ็บกว่าก็คือพราวแสง เพราะฉันฉุดชีวิตเธอให้ต้องอยู่ในอันตราย...ฉันยังจำได้ว่า ก่อนที่เธอจะถูกยิง เธอพยายามจะบอกอะไรกับฉันบางอย่าง”
เจ้าสัวเล้ง นิ่งไปแล้วนึกถึงเหตุการณ์วันที่พราวแสงถูกยิงที่เรือนแพริมน้ำ
“ฉันทำให้เธอตกใจเหรอ” เล้งถาม
“จ้ะ ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่” พราวแสงหันมายิ้มให้
“คิดอะไร...เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
พราวแสงนิ่งไป สีหน้ากังวลจนเล้งรู้สึก
“พราวแสง..ถ้าเธอกลัวเรื่องอนาคตของเรา ฉันสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนั้น ทันทีที่เรา ล่องไปถึงนครสวรรค์ ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเตี่ยฉัน อิทธิพลของ เขาจะช่วยปกป้องเรา และช่วยให้ฉันกอบกู้สมบัติของตระกูลกลับมาได้”
“ถ้านั่นจะทำให้คุณสบายใจขึ้น ฉันก็ดีใจด้วย...แต่ฉันอยากรู้ว่า การล้างแค้นจะจบลง รึเปล่า..เพราะถ้า...”
“ทำไมเหรอพราวแสง”
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตราบใดที่เธอเป็นหนึ่งในคนของตระกูลฉัน ฉันจะปกป้องเธอ ด้วยชีวิต”
เล้งพูดไปก็ถอดสร้อยที่มีหยกรูปมังกรสีแดง สมบัติประจำตระกูลมาสวมให้พราวแสง
“หยกมังกรวารีสมบัติประจำตระกูลฉัน จะพิสูจน์ให้เห็นว่าชีวิตเธอมีค่าที่สุดสำหรับฉัน”
พราวแสงกำหยกมังกรวารีที่สวมคอแล้วมองเล้ง แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังลั่งไปทั่วคุ้งน้ำ...เปรี้ยง!!
พราวแสงสะดุ้งเฮือกเลือดค่อยซึมออกมาจากหน้าอก
“พราวแสง !!” เล้งร้องอย่างตกใจ

เจ้าสัวเล้งนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วถอนใจอย่างอย่างเสียใจ
“ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอพยายามจะบอกฉันในวันนั้นคืออะไร...เธอคงอยากขอชีวิตอิสระ ของเธอคืน เธอไม่อยากอยู่กับฉันอีก แต่ฉันมันเห็นแก่ตัวเลยทำให้เธอถูกยิง”
“เพราะนายหยกเป็นลูกของพราวแสง มิน่าล่ะครับเจ้าสัวถึงรู้สึกถูกชะตากับนายหยก” นนท์ออกความเห็น
“ใช่..แววตาคู่นั้นช่างเหมือนกับแม่ของเขาไม่มีผิด”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเจ้าสัวเล้งดังขึ้นขัดจังหวะ เล้งมองดูเบอร์แล้วแปลกใจว่าใครโทรมา

ผู้การสมิงเป็นคนโทรศัพท์หาเจ้าสัวเล้ง
“สวัสดีเจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารี มังกรที่ได้ชื่อว่ามีคุณธรรมที่สุดในกลุ่มของพวกมาเฟีย”
เจ้าสัวแปลกใจ เมื่อมีคนโทรมาพูดแปลกๆกับเขา
“แกเป็นใคร..รู้จักเบอร์ส่วนตัวของฉันได้ยังไง”
“ฉันจะได้เบอร์ของแกมาได้ยังไงมันไม่ใช่ประเด็นที่แกควรจะต้องรู้หรอก เรื่องของพวก พยัคฆ์เมฆาต่างหากที่ฉันอยากจะบอกให้แกรู้”
เจ้าสัวชะงัก
“หมายความว่ายังไง..แกเป็นใคร”
“พูดกันทางโทรศัพท์มันคงไม่สะดวก เอาเป็นว่าเราออกมาเจอกันดีกว่าเจ้าสัว รับรองว่า ความลับของพยัคฆ์เมฆาที่เจ้าสัวอยากรู้ จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป”

เจ้าสัวนิ่งฟังเสียงนัดหมายของผู้การสมิงอย่างสงสัย และอยากรู้มาก

ผู้การสมิงคุยโทรศัพท์กับเจ้าสัวเล้งเสร็จ เดินมาที่รถแต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูขึ้นรถ หยกก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาธงรบ เข้ามาจอดขวางหน้ารถ ทั้งคู่รีบลงจากรถแล้วตรงดิ่งมาหา

“ผู้การครับ..ผมรู้เรื่องหมวดณรงค์แล้ว” หยกบอก
“รู้แล้วก็ดี จะได้เป็นบทเรียนให้รู้จักระวังตัวกัน”
ผู้หารสมิงบอกแล้วจะขึ้นรถ แต่ธงรบรีบเอามือดันประตูขวางไม่ให้ไป
“เดี๋ยวสิครับอา..ที่ผมกับไอ้หยกมาตามหาอา ก็เพราะอยากจะบอกให้อาทราบว่า ไม่ว่า อาคิดจะทำอะไรอยู่ ผมกับไอ้หยกพร้อมร่วมมือกับอาทุกอย่าง ขอแค่อาสั่งมาเท่านั้น”
“พวกแกคิดว่าฉันกำลังทำอะไร”
“ถ้าผู้การมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกให้พวกเรารู้ว่าหัวหน้าพยัคฆ์เมฆาคือใคร พวกเราก็จะ ไม่ถามเพราะคิดว่าผู้การคงมีแผนการจัดการกับเรื่องนี้”
หยกบอก ธงรบรีบเสริม
“แต่การที่อาคิดจะลงมือจัดการกับแผนการนี้คนเดียว พวกเราไม่เห็นด้วย”
“แกสองคนนี่มัน..หึ !!...ใช่ฉันรู้แล้วว่าหัวหน้าพยัคฆ์เมฆาคือใคร และฉันก็มีวิธีที่จะจัด การกับพวกมันโดยที่ไม่ต้องเอาชีวิตของพวกแกไปเสี่ยงเหมือนหมวดณรงค์อีก”
“แผนการคืออะไรครับ”
ผู้การสมิงตัดสินใจบอก
“ตัวตนที่แท้จริงของพยัคฆ์เมฆา ก็คือนายมานพลูกชายของเจ้าสัวเล้ง”
ธงรบแปลกใจ
“ไอ้มานพ ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเล้งน่ะเหรอครับอา..งั้นก็แสดงว่ามันคิดจะล้มพ่อ มันเองแล้วขึ้นมาเป็นใหญ่แทน”
“ใช่..ถ้าเจ้าสัวเล้งรู้เรื่องนี้ มันจะต้องจัดการกับลูกชายตัวเอง ฉันจะให้พวกมันเปิดศึกกัน เอง ให้มันซัดกันให้เหลือน้อยที่สุด แล้วค่อยรวบพวกมันทีเดียว”
ธงรบเห็นด้วย
“ก็ดีครับอา..จะได้ไม่ต้องเอากำลังคนของเราไปเสี่ยง”
หยกแย้ง
“แต่ผมห่วงว่าจะไม่เป็นอย่างที่ผู้การคิดน่ะสิครับ เพราะเท่าที่ผมรู้จักเจ้าสัวเล้ง เขารักลูก ชายเขามาก ยังไงเลือดมันก็ต้องข้นกว่าน้ำ”
“เรื่องนั้นฉันก็คิดอยู่ แต่ถ้านี่คือทางเดียวที่จะทำให้ฉันไม่ต้องเอาชีวิตพวกแกไปเสี่ยง ฉันก็ต้องวัดดวงกับเจ้าสัวเล้ง”
“งั้นผมขอไปด้วยครับ” หยกรีบบอก
“ได้..ฉันนัดกับเจ้าสัวเล้งเอาไว้แล้ว แกกับธงรบไปเจอกันที่นั่นแล้วกัน”
หยกกับธงรบพยักหน้ารับจริงจัง

โหงวกับพวกลูกน้องพร้อมอาวุธครบมือกำลังจะพากันขึ้นรถออกไป มานพรีบตามออกมา
“ฉันจะไปด้วย”
โหงวเดินผละจากพวกลูกน้องมาคุยกับมานพตามลำพัง
“ฉันจะไปจัดการเก็บกวาดเรื่องเละเทอะที่แก่ก่อเอาไว้ แล้วแกจะไปด้วยทำไม”
“แต่ฉันคือพยัคฆ์เมฆา ฉันเป็นหัวหน้าพวกมัน”
โหงวยิ้มเยาะ
“หึ..อ๋อ..ทีอย่างนี้ล่ะก็กลัวเสียหน้าลูกน้อง”
มานพเจ็บใจแต่เก็บเอาไว้
“เตี่ย..ฉันขอร้องล่ะ ที่ผ่านมาฉันมันโง่เอง”
“นี่ลื้อยอมเรียกอั้วว่าเตี่ยแล้วเหรอ”
“ก็ถ้าไม่ได้เตี่ยคอยช่วยฉันมาตลอด ฉันจะมีวันนี้ได้ยังไง”
โหงวหัวเราะชอบใจ
“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิวะ..ลูกชายอั้ว ฮ่าๆๆๆ ไปเว้ย.. เราไปสนุกกัน”
โหงวยื่นปืนในมือให้มานพ แล้วเดินหัวเราะไปสมทบกับพวกลูกน้องที่รออยู่ มานพมองตามจิกหน้าร้ายกาจ

ค่ำคืนนั้น... นนท์ขับรถพาเจ้าสัวเล้งมาที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมลูกน้อง
“บอกทุกคนให้ระวังตัวเองไว้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าไอ้คนที่อยากเจอฉันมันเป็นพวกไหน แต่ถ้า การเสี่ยงออกมาคืนนี้ทำให้ฉันได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของพยัคฆ์เมฆาจริงๆล่ะก็ ฉันว่ามัน คุ้มที่จะเสี่ยง” เจ้าสัวบอก
“ครับเจ้าสัว”
นนท์พยักหน้าย้ำกับลูกน้อง ทุกคนกระชับปืนแล้วตีวงล้อมเจ้าสัวก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างใน

หยกกับธงรบมารอผู้การสมิงอยู่ในบริเวณตึกร้าง ทั้งคู่มารอได้ครู่ใหญ่แล้ว
“เรามาถึงตั้งนานแล้ว ทำไมอาสมิงยังมาไม่ถึงอีก” ธงรบแปลกใจ
หยกครุ่นคิดอยู่ครู่ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“หมวด..ที่ผู้การบอกว่าเขาไม่อยากเอาชีวิตพวก เราเข้าไปเสี่ยงด้วย ผมว่ามันคงต้องมีอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”
“แกอย่าบอกนะว่า...”
หยกพยักหน้ารับแล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ผู้การสมิง ขณะที่ผู้การสมิงกำลังขับรถมุ่งหน้าไปตามถนนใช้บลูทูทคุยกับหยก
“รู้ตัวกันแล้วสินะหยก”
“ผู้การ..พวกเราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ..แล้วทำไมผู้การทำแบบนี้”
“เธอเตือนฉันถูกต้องแล้วไงหยก ว่าการไปพบเจ้าสัวเล้งอาจจะไม่เป็นไปตามแผนที่ฉันวางเอาไว้ ฉันถึงไม่อยากให้เอาชีวิตมาเสี่ยงด้วย”
“แต่ว่า...”
“หยก..เป้าหมายของพวกเราคือการกำจัดพวกมาเฟีย ขจัดอิทธิพลของพวกมันเพื่อให้คน ข้างหลังเราได้มีชีวิตอย่างสงบสุข ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเราพร้อมกันหมด พวกมันก็คงได้ใจ และคงไม่มีใครหยุดพวกมันได้อีก”
ผู้การสมิงบอกหยกแล้วตัดสายไปทันที
“ผู้การครับ..ผู้การ”
หยกอึ้งและพยายามต่อสายกลับไปแต่ก็ติดต่อไม่ได้
“ว่าไงหยก” ธงรบถาม
หยกส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผู้การไม่อยากให้เราไปเสี่ยงด้วย”
ธงรบหงุดหงิดเจ็บใจ
“อานะอา ทำแบบนี้จะเรียกว่าทีมได้ไง..โธ่เว้ย !!”

ผู้การสมิงขับรถไปตามถนน ผ่านรถของมานพกับโหงวและพวกลูกน้องที่มารอดักซุ่มอยู่ข้างทาง
“มันอยู่นั่นแล้ว...ตามไป”

โหงวตบบ่าคนขับรถให้ออกรถขับตามผู้การสมิงไปทันที รถของโหงวกับพวกมานพขับคู่ขึ้นมาประกบ ผู้หารสมิงรู้ตัวทันทีว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยพยายามเร่งเครื่องหนี แต่พวกมันก็เปิดกระจกออกมาแล้วถล่มยิงใส่ทันที

ผู้การสมิงจำเป็นต้องหักรถ หลบออกข้างทางแล้วรีบเอาปืนออกมายิงตอบโต้ โหงวกับมานพนำลูกน้องเปิดฉากยิงใส่จนผู้การสมิงต้องล่าถอยหนีเอาตัวรอด
“ลากคอมันมาให้ได้ อย่าให้มันรอด” มานพสั่ง
ลูกน้องพากันไล่ยิงและไล่ตาม สองพ่อลูกหันมามองหน้ากันอย่างเหี้ยมเกรียม
“ถ้าคืนนี้ลื้อจัดการเด็ดหัวตำรวจได้ แผ่นดินนี้ก็ไม่มีใครขวางลื้อได้อีกแล้ว ไอ้ลูกพยัคฆ์ ฮ่าๆๆ”
โหงวหัวเราะเสียงดังแล้วควงปืนตามไล่ล่าไปด้วย มานพยิ้มร้ายกาจชอบใจ

ผู้การสมิงวิ่งหนีห่าลูกปืนที่พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาไล่ตามยิงมา เขาต้องยิงตอบโต้กลับไปและด้วยฝีมือ ที่มีอยู่พอตัว ทำให้สอยพวกมันไปได้สองสามคน ก่อนจะเข้าไปหาที่หลบแล้วเอาโทรศัพท์มากดโทรออกอย่างรีบ
โทรศัพท์ของธงรบดัง เขารับสายทันที
“อา !!...นี่อาอยู่ที่ไหนครับ”
สมิงรีบร้อนบอกธงรบ
“ฉันกำลังโดนพวกพยัคฆ์เมฆามันเล่นงานอยู่”
“ว่าไงนะครับ..มันรู้ตัวแล้วเหรอครับ งั้นผมกับหยกจะรีบไปช่วยอาเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องหรอกธงรบ..ฉันจะพยายามรับมือพวกมันให้ได้ แกนั่นแหละที่ควรจะรีบไปพบ เจ้าสัวเล้ง แล้วบอกให้เขารู้ว่าพยัคฆ์เมฆาคือลูกชายเขา”
“แต่ว่าอาคนเดียวรับมือพวกมันไม่ได้หรอกครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉัน..รีบไปทำตามที่ฉันสั่ง”
เสียงปืนดังขึ้นจากกระสุนปืนของพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา ทำให้สมิงจำเป็นต้องทิ้งโทรศัพท์แล้วยิงสวนกลับไป เพื่อหนีไปตั้งหลักใหม่

ธงรบรีบเก็บมือถือแล้วหันมาบอกหยก
“อาสมิงกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกพยัคฆ์เมฆากำลังไล่ฆ่าเขาอยู่ แต่เขาสั่งให้ฉันไป พบเจ้าสัวเล้งแทน”
“งั้นหมวดทำตามที่ผู้การสั่งเถอะครับ ผมจะตามไปช่วยผู้การเอง” หยกตัดสินใจ
“ฉันฝากด้วยนะหยก”
“ครับหมวด”
หยกรีบออกไปทันที

กิ่งเหมยรออยู่หน้าบ้าน พยายามเงี่ยหูฟังเสียง ส้มเช้งเข้ามา
“รอไอ้หยกอยู่เหรอแก”
กิ่งเหมยพยักหน้าอย่างกังวล
“ป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
“แหมๆๆ...ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง หัวใจก็เรียกหากันแล้วเหรอยะ”
“แกนี่ก็แซวฉันเรื่อย..ฉันเป็นห่วงหยกต่างหาก เวลาหายไปนานๆทีไร กลับมาเป็นต้องมี เรื่องทุกที”
“เออใช่..มันก็จริงของแก..แต่ถ้ามันเคยรับปากฉันไว้นะกิ่งเหมยว่าถ้ามันตัดสินใจแต่ง งานกับแกแล้ว มันจะเลิกทุกอย่าง ไอ้งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับพวกนั้นมันไม่เอาเลย”
กิ่งเหมยนิ่งไปสีหน้าไม่ดี
“ทำไมเหรอแก...หรือว่ามันไม่รับปากแก”
กิ่งเหมยนิ่งไปคิดถึงเรื่องที่เคยขอกับหยก

ในอดีต...หยกกับกิ่งเหมยนั่งประครองกอดกันบนดาดฟ้า หลังจากคุยเรื่องแต่งงานกันไปแล้ว
“ดึกแล้วนะหยก..ฉันว่าฉันกลับดีกว่า” กิ่งเหมยบอก
“ขอต่อเวลาอีกหน่อยไม่ได้เหรอกิ่งเหมย..ฉันยังอยากกอดเธอเอาไว้อย่างนี้ทั้งคืนเลย”
“ก็ได้ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นหวัด เพราะต้องมานั่งตากน้ำค้างกับเธอทั้งคืน”
“งั้นฉันอุ้มเธอไปนั่งหลบน้ำค้างข้างในก็ได้”
หยกรีบช้อนตัวกิ่งเหมยอุ้มขึ้นมาทันที
“จะบ้าเหรอหยก..ปล่อยฉันนะ..ปล่อย..นี่แน๊ะ”
กิ่งเหมยกัดเข้าที่แขน หยกร้องลั่น
“โอ๊ยๆๆๆ ปล่อยแล้วๆ เธอนี่นะก็คืนนี้ฉันไม่ต้องไปไหนนี่ ฉันก็อยากใช้เวลาอยู่กับเธอ ให้มันคุ้มหน่อยสิ อู้ยยยย..จมเขี้ยวเลย”
กิ่งเหมยนิ่งไปครู่
“หยก...เรื่องงานของเธอ ฉันเป็นห่วงนะ ถ้าเราแต่งงานกันไปแล้ว แต่เราจะมี ความสุขอยู่ได้ยังไงถ้าเธอยัง...”
หยกแตะริมฝีปากกิ่งเหมยให้หยุด
“ฉันรู้..ที่ผ่านมาฉันทำให้เธอต้องเสียใจและผิดหวังในตัว ฉันมาตลอด แต่นั่นมันไม่ใช่ตัวฉันหรอกนะกิ่งเหมย”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่ายังฉันมีความจริงที่จะบอกให้เธอรู้ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้”
“ยังไม่ทันไรก็จะมีความลับกันแล้วเหรอ”
หยกจับมือมากุมอย่างอ่อนโยนและจริงจัง
“รับรองได้ว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดี ขอให้เธอเชื่อใจฉัน เสร็จงานนี้แล้ว รับรองว่าเธอจะไม่ต้องมาคอยห่วงฉันอีก เชื่อฉันนะกิ่งเหมย..นะ”
กิ่งเหมยสวมกอดหยก
“ถ้าฉันไม่เชื่อใจเธอ แล้วฉันจะยอมเป็นเจ้าสาวของเธอเหรอ”
หยกยิ้มรับแล้วกอดกิ่งเหมยตอบ

ส้มเช้งจูงมือพากิ่งเหมยเข้ามาในบ้าน พลางชวนคุย
“ถ้าไอ้หยกมันรับปากแกแบบนั้น แกจะต้องมานั่งห่วงทำไม แสดงว่ามันคิดจะเลิกยุ่งกับ ไอ้พวกนั้นเพื่อแกแน่นอน”
“แต่วงการพวกนี้เข้าไปแล้วมันออกมาง่ายที่ไหนล่ะ”
ส้มเช้งนึกขึ้นได้
“เออว่ะ...มันก็จริงของแก เห็นแต่ละคนก้าวเท้าเข้าไปยุ่งกับพวกมันแล้ว ถ้าไม่ ตายก็ติดคุกกันทั้งนั้น”
ส้มเช้งพูดไปก็นึกขึ้นได้ว่าปากเสีย รีบตบปากตัวเอง
“ฉันขอโทษนะแก..ปากฉันไวไปหน่อย มันไม่ใช่แบบนั้นไปหมดหรอก ถ้าไอ้หยกมันบอก ให้แกเชื่อใจมัน แกก็ต้องมั่นใจว่ามันจะเอาตัวออกมาจากพวกนั้นได้”

ส้มเช้งพยายามพูดให้กิ่งเหมยหมดกังวล แต่กิ่งเหมยก็ยังเป็นห่วงหยกอยู่ดี

หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงจุดที่รถของสมิงจอดทิ้งอยู่ข้างทาง เขารีบเข้าไปดูที่รถแต่ไม่พบผู้การสมิง ระหว่างนั้นเสียงปืนดังมาแต่ไกล เขารีบตามเสียงปืนไปทันที
 

ผู้การสมิงถูกไล่ยิงถล่มอยู่ในที่หลบซ่อนตัว เขายิงตอบโต้ไปหลายนัดจนกระสุนเหลือน้อยเต็มที ยิ่งเมื่อเหลือบ ไปดูพวกมันที่พากันเข้ามาก็ยิ่งเครียด
“โธ่เว้ย !!”
มานพกับโหงวตามลูกน้องเข้ามา ยิ้มเยาะอย่างชอบใจ
“ยอมรับว่าตัวเองกำลังจะเป็นเสือลำบากได้แล้วครับ..ท่านผู้การสมิง”
มานพเสริม
“เขาว่ากันว่าเสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่บางที..ถ้าผู้การยอมเปลี่ยนจากเสือ ดุๆมาเป็นลูกแมวเชื่องๆ ยอมทิ้งอุดมการณ์มาทำงานให้เรา ผมอาจจะไว้ชีวิตผู้การก็ได้”
โหงวร้องเรียก
“ออกมาเถอะผู้การ...อย่าเอาชีวิตมาทิ้งง่ายๆเลย..มันน่าเสียดาย”
ผู้การสมิงเจ็บใจ ดูกระสุนในแม๊กกาซีนแล้ว ยังไงก็คงสู้ไม่ได้แน่เลยจำยอมถือปืนเดินออกมา
“แกมีข้อเสนออะไรให้ฉัน”
“ฮ่าๆๆ..ผู้การเอาปืนลงก่อนดีกว่า แล้วเราจะได้คุยกันง่ายๆ” โหงวหัวเราะ
“กระสุนปืนของฉันอาจจะเหลือไม่พอจัดการกับพวกแกทั้งหมด แต่ทุกนัดที่เหลือก็ยังสู้ตายอยู่เว้ย”
ผู้การสมิงจะยิงใส่โหงว แต่ถูกโหงวชักปืนยิงสวนกลับไปอย่างเร็วกว่า กระสุนจากโหงวโดนมือผู้การสมิงทำให้ปืนกระเด็น และบาดเจ็บ พวกมันรีบกรูกันเข้าไปล็อคตัวเขาเอาไว้
“เตือนดีๆก็แล้ว ยื่นข้อเสนอให้ก็แล้วไม่รู้จักฟัง..แบบนี้มันน่า...”
มานพชักปืนออกมาจ่อหน้าจะยิงทิ้งแต่โหงวห้าม
“เดี๋ยวมานพ”
“ไม่ต้องห่วงน่า..ยังไม่ให้มันตายตอนนี้หรอก”
มานพหันปากกระบอกปืนมายิงที่หน้าขาสมิงแทน...เปรี้ยง !! สมิงร้องโอดโอยเสียงดังเพราะกระสุนเจาะขา
“จะบอกให้นะครับผู้การ..ถ้าพยัคฆ์เมฆาไม่โหดเหี้ยม ก็จะไม่มีวันขึ้นมายิ่งใหญ่ได้”
ผู้การสมิงมองอย่างไม่กลัว
“ไอ้ลูกทรพีอย่างแก..ถ้าเจ้าสัวเล้งมันรู้ว่าแกคิดจะหักหลังล่ะก็..แกเสร็จแน่”
“ถ้ามันรู้เรื่องของฉันเยอะขนาดนี้..ฉันว่าจัดการปิดปากมันเลยดีกว่า”
มานพหันปืนจะมายิงผู้การสมิงอีก แต่คราวนี้มีเสียงปืนดังขึ้นจากอีกทางหนึ่งด้วยฝีมือของหยกที่แอบเข้ามาซุ่มยิง
เปรี้ยงๆๆๆ กลุ่มของพวกมานพแตกฮือแล้วยิงตอบโต้ไปทางที่ยิงใส่ หยกรีบชิงหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว
“มีพวกมันมาอีก..ไปจัดการ”
พวกลูกน้องกับมานพพากันไล่ตามไป โหงวหันมาที่ผู้การสมิง แต่เขาฉวยโอกาสหนีออกไปแล้ว
“คิดว่าจะรอดเหรอไอ้ผู้การสมิง !!”

ผู้การสมิงลากขาที่ชุ่มไปด้วยเลือดหนีออกมาจากบริเวณโรงไม้ แต่ครู่หนึ่งก็เจอหยกที่อ้อมมาช่วยเหลือ
“ผู้การ..ทางนี้ครับ”
“หยก..มาที่นี่ทำไม”
“ผมต้องมาช่วยผู้การน่ะสิครับ”
“แต่พวกมันรู้จักเธอ ถ้าพวกมันเห็นเราอยู่ด้วยกัน มันจะรู้ว่าเธอเป็นสายตำรวจ”
“เรื่องนั้นค่อยแก้ปัญหาทีหลังเถอะครับ ยังไงผมก็ไม่ยอมให้ผู้การต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ รีบไปกันเถอะครับ”
หยกพยายามจะเข้าไปช่วยประคอง แต่ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงพวกมานพดังมาแต่ไกล
“หาพวกมันให้เจอ..อย่าให้รอดไปได้”
หยกกับสมิงมองหน้ากันแล้วเครียดเอาไงดี
“ไปทางนี้ดีกว่าครับผู้การ”
หยกประคองพาผู้การสมิงออกไปอีกทาง ที่คิดว่าน่าจะรอด

หยกประครองผู้การสมิงที่ขาเลือดโชกเข้ามาอีกด้านหนึ่ง แต่ก็ต้องหยุดเพราะเจอโหงวกับลูกน้องอีกชุด ป้วนเปี้ยนปิดทางไม่ให้ออกไปได้
“พวกมันปิดทางออกไว้แล้ว..ฉันจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง เธอหนีไปเถอะ” ผู้การสมิงตัดสินใจ
“ไม่ได้ครับผู้การ ท่านเป็นหัวหน้า..ผมต้องพาท่านออกไป”
“แต่สภาพฉันตอนนี้จะทำให้เธอไม่รอดด้วยนะหยก..ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน”
“แต่ว่า...”
“ฉันสั่งให้ไปไงหยก..เธอต้องห่วงคนที่เธอให้สัญญาว่าจะดูแลเขา ทั้งพ่อเธอ ทั้งกิ่งเหมย พวกเขายังรอเธออยู่”
“ผู้การ...”
หยกเผลอไม่ทันระวัง ผู้การสมิงเลยฉวยโอกาสแย่งปืนมาจากเอวหยกทันที
“ฉันนับถือหัวใจกล้าหาญของเธอมากนะหยก ทั้งๆที่ชีวิตเธอมีคนที่ต้องดูแลอีกมากมาย แต่เธอก็ยังยอมเสียสละอนาคตตัวเองเพื่อแลกกับความสุขของประชาชน เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่เอาชีวิตของเธอมาเสี่ยงอีกแล้ว..ไปซะ”
“ไม่ครับผู้การ..ผมทิ้งท่านไม่ได้”
“แต่นี่เป็นคำสั่ง...รับทราบและปฏิบัติ !!”
หยกชะงัก เสียงโหงวดังขึ้น
“เฮ้ย..ไปดูทางนั้นสิ”
ผู้การสมิงจ้องหน้าหยกเขม็ง แล้วยืดอกหลังตรงเหมือนต้องการยืนยันคำสั่งที่ให้ลูกน้อง
“ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผม..คุณก็ไม่ใช่ตำรวจอีกต่อไป”
หยกน้ำตาคลอ แล้วยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์
“สัญญานะครับผู้การ..ท่านจะต้องไม่ตาย”
“ฉันมันตำรวจเดนตาย จะไม่ยอมให้ดินกลบหน้าจนกว่าพวกมันจะถูกกวาดล้าง”
ผู้การสมิงบอกหยก แล้วก็หันไปทางพวกโหงวแล้วยิงปืนใส่ทันที เพื่อดึงความสนใจให้พวกมันสนใจที่เขาคนเดียว หยกถอยออกไปตามคำสั่งของผู้การสมิงอย่างจำใจ

ผู้การสมิงลากขาที่บาดเจ็บเลือดโชก ยิงใส่ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาจนตัวเองไปจนมุมไม่มีทางไปต่อได้อีกแล้ว โหงวกับพวกมันเข้ามาล้อมกรอบพร้อมกับมานพที่มาจากอีกทาง
“ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ลูกน้องหนีไปได้ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าผู้การสมิง”
“ต่อให้วันนี้ฉันต้องกลายเป็นเสือลำบาก เป็นเสือสิ้นลาย แต่ก็อย่าหวังว่าพยัคฆ์อย่าง พวกแกจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ มาเฟียจะต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซากไปจากแผ่นดิน”
เปรี้ยง !! มานพยิงใส่หน้าอกทันที ผู้การสมิงทรุดฮวบ

“ไปเป็นเสือคำรามอยู่ในปรโลกเถอะไอ้ผู้การสมิง ที่นี่เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เว้ย !!”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 18 (ต่อ)


มานพยิงใส่อีกนัด โหงวช่วยยิงซ้ำเข้าไปอีกเป็นการระดมยิงใส่ผู้การสมิงพร้อมกันนับได้เป็นสิบๆนัดที่พรุนร่าง

หยกรีบวิ่งออกมาที่รั้วลวดหนามเพื่อจะออกจากบริเวณนั้น แต่ระหว่างนั้นเสียงปืนจากในโรงไม้ดังสนั่น หวั่นไหว หยกชะงักกัดฟันกรอด ตาแดงก่ำ
“ผู้การ !!!”

ผู้การสมิงล้มฟุบไปกับพื้น มานพเข้าไปมองดูร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดและแน่นิ่งไปแล้วก็หัวเราะชอบใจก่อนจะ พากันออกไปทิ้งร่างของผู้การสมิงไว้อย่างนั้น คล้อยหลังพวกมานพออกไปไม่นานหยกก็ย้อนกลับมาและได้พบผู้การสมิงที่นอนเลือดท่วม
“ผู้การ..ผู้การ !!!”
หยกประครองร่างสมิงขึ้นมาอย่างเสียใจ และเกือบจะคิดว่าผู้การตายแล้ว แต่สังเกตเห็นว่าที่นิ้วมือของเขายัง กระดิกอยู่เล็กน้อย
“ผู้การ !!...อดทนไว้นะครับ..ท่านสัญญากับผมแล้วว่าท่านจะไม่ตาย..อดทนไว้นะครับ”
หยกประคองร่างของผู้การสมิงลากพาออกไปทันที

บริเวณลานตู้คอนเทนเนอร์เจ้าสัวเล้ง รออยู่กับพวกลูกน้องนานจนเริ่มผิดสังเกต
“นี่มันเลยเวลาที่มันนัดเจ้าสัวไว้นานมากแล้วนะครับ
เจ้าสัวนิ่งครุ่นคิด
“ถ้าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆเกี่ยวกับพยัคฆ์เมฆาอย่างที่มันอ้าง มันก็น่าจะรีบมาพบเจ้าสัว”
“ให้เวลามันอีกหน่อย ถ้ามันไม่มาจริงๆเราค่อยกลับ”
“ครับ”
นนท์รับคำแล้วถอยออกไปคุมเชิงอยู่ห่างๆ เจ้าสัวหน้านิ่วสีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจังรอ

ธงรบเข้ามาถึงบริเวณสถานที่นัดพบกับเจ้าสัวเล้งตามที่ผู้การสมิงบอกไว้ แต่ยังเข้าไปไม่ถึงที่ โทรศัพท์จากหยก ที่โทรมาจากโรงพยาบาลก็ดังขึ้นพอดี
“หยก..ว่าไง..อาสมิงปลอดภัยรึเปล่า”
“ผมพยายามช่วยผู้การแล้ว แต่ท่านไม่ต้องการให้ผมเสี่ยงชีวิต พวกมันก็เลยถล่มยิงใส่ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ว่าไงนะ..แล้วอาการเป็นยังไง..ไอ้หยก..อาการอาสมิงเป็นยังไง”
หยกยังไม่ทันได้ตอบ หมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด หยกรีบลุกเดินไปถามหมอทันที
“หมอครับ..ผู้การเป็นยังไงบ้าง”
ธงรบไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาของหยกก็ยิ่งเป็นห่วง
“ไอ้หยก..อาสมิงเป็นยังไงบ้าง...ไอ้หยก”
ธงรบจะกดโทรออกอีกที แต่ระหว่างนั้นขบวนรถของเจ้าสัว แล่นออกจากบริเวณนั้นเพราะไม่รอต่ออีกแล้ว ธงรบได้แต่ยืนอึ้ง ต้องเลือกระหว่างจะตามไปบอกเล้งเรื่องมานพหรือจะรีบไปดูอาการของผู้การสมิง สุดท้ายธงรบก็ได้แต่ยืนมองเจ้าสัวออกไป เพราะเลือกเป็นห่วงผู้การสมิง

ดวงแขรีบถามมานพทันทีที่พบหน้า
“เป็นไงตานพ…จัดการไอ้ตำรวจตงฉินนั่นได้รึเปล่า”
“จะเหลือเหรอครับแม่…ผมยิงมันซะกระสุนแทบจะหมดแม๊ก”
“จริงนะ…แม่ก็ใจหายใจคว่ำรอลุ้นแกอยู่ที่บ้าน กลัวว่าถ้ามันเปิดโปงเรื่องแกให้เล้งรู้ขึ้นมา ข่าวดีที่ฉันไปรู้มาจะชวดเอาได้”
“ข่าวดีอะไรครับแม่”
ดวงแขยังไม่ทันจะบอก ก็ได้ยินเสียงรถเจ้าสัวเล้งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
“เล้งกลับมาแล้ว...เอาไว้ค่อยคุยกัน”
มานพจับแขนแม่มาบีบ
“แม่..บอกผมตอนนี้เลย อย่ามากั๊กกัน..ผมจะได้ตีสีหน้าถูกเวลาต้อง เล่นละครตบตาเขา”
“ก็ได้..แม่ไปได้ยินมาว่าเล้งเขาเตรียมเซ็นต์โอนหุ้นของเขาครึ่งนึงให้แก เพื่อเป็นของ ขวัญที่แกจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำมังกรวารีคนต่อไป”
มานพตาโต
“แม่ไม่ได้ล้อเล่นนะ”
“เงินมหาศาลขนาดนั้น ฉันจะเอามาล้อเล่นทำไมล่ะ แต่ไม่รู้นะว่าเขาจะเซ็นต์ให้แกเมื่อ ไหร่ อาจจะก่อนวันเปิดตัวหรือหลังวันเปิดตัวก็ได้”
มานพคิดอย่างเจ้าเล่ห์
“ผมว่าผมมีวิธีที่จะได้เร็วกว่านั้น”
ดวงแขมองมานพอย่างสงสัย

กลางดึก กิ่งเหมยนอนอยู่ที่เตียงหลับไปแล้ว ระหว่างนั้นหยกเข้ามายืนดู มือของเขาสัมผัสใบหน้าและผมที่ปรกหน้าเธออย่างแผ่วเบา แต่ใบหน้าของหยกกลับมีแต่ความหนักใจเมื่อคิดถึง เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลก่อนที่จะกลับมาหากิ่งเหมย
หยกกับธงรบอยู่กับหมอที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“หมอพยายามช่วยเขาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็คือช่วยยื้อชีวิต เขาไว้ให้นานที่สุด”
“หมายความว่าอาผมจะไม่รอดเหรอครับหมอ”
“หมอยืนยันไม่ได้ครับ ถ้าโชคดีเขาก็อาจจะฟื้น..แต่ถ้าโชคร้าย..ก็คงอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วย หายใจเท่านั้น”
ธงรบกับหยกพากันอึ้งหน้าเสีย

ใต้ทางด่วน…หยกกับธงรบหน้าเครียดด้วยกันทั้งคู่ ธงรบออกไปยืนตะโกนอย่างบ้าคลั่งเสียงดังก้องไปทั่ว
“โธ่เว้ยยย...ทำไม..ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ”
“ผมขอโทษครับหมวด..ถ้าผมตัดสินใจฝืนคำสั่ง ผู้การก็คงไม่ต้องมาลงเอยแบบนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอกหยก ไอ้พวกนั้นต่างหากที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่โดนประหาร
มันก็ต้องตายในคุก”
ธงรบเจ็บแค้นเป็นอย่างมากผิดกับหยก ที่เอาแต่นิ่งหน้าเครียดอย่างเดียวจนธงรบแปลกใจ
“ท่าทางแกแบบนี้..อย่าบอกนะว่าแกเริ่มกลัวพวกมันแล้ว”
“ผมไม่เคยกลัวพวกมัน แต่เราเสียหมวดณรงค์ไปคนนึงแล้ว แล้วผู้การก็ยังมาเป็นแบบ นี้อีก หมวดคิดบ้างมั้ยครับว่าต่อไปนี้สถานะของเราสองคนจะเป็นยังไง”
“ธงรบชะงักเพราะนึกขึ้นได้”
“ไอ้หยก”
หยกเครียด
“คนที่จะคืนเกียรติยศของผม และเรียกคืนชีวิตของหมวดให้กลับมาเหมือนเดิม ได้อีกครั้ง มีแต่ผู้การเท่านั้นนะครับ”

คำพูดของหยกทำให้ธงรบฉุกเกิดขึ้นมา ได้ทำเอาทั้งคู่หน้าเครียดทันที

หยกนั่งมองกิ่งเหมย หลับด้วยความรู้สึกหนักอกหนักใจวังเวง กับอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังเกิด เหตุการณ์ไม่คาดฝันกับผู้การสมิง ระหว่างนั้นกิ่งเหมยรู้สึกตัวสะลึมสะลือตื่น

“หยก..กลับมาแล้วเหรอ”
“ขอโทษนะกิ่งเหมย..ฉันไม่ตั้งใจทำให้เธอตื่น”
“กิ่โมงแล้วเนี่ย”
“ใกล้จะเช้าแล้วล่ะ..เธอนอนต่อเถอะ ฉันไม่กวนเธอแล้ว”
หยกขยับผ้าห่มให้ แต่กิ่งเหมยจับมือหยกเอาไว้
“หยก..ถ้าเธอบอกฉันได้ว่าเธอไปไหนมา เธอคงบอกฉันไปแล้วใช่มั้ย”
หยกนิ่งไป
“ฉันไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีมาหรอกกิ่งเหมย เธอสบายใจได้”
“เธอสัญญากับฉัน แล้วนะหยกว่าเธอจะเลิกยุ่งกับพวกนั้น”
หยกหน้าเครียดแล้วตอบ
“แน่นอน..ฉันสัญญากับเธอแล้ว และฉันก็จะไม่ผิดคำสัญญา”
“งั้นเธอไม่ต้องกลับไปนอนที่บ้านหรอก..นอนที่นี่เถอะ”
กิ่งเหมยนอนขยับที่ให้หยกมานอนด้วยกันบนเตียง หยกนิ่งไปมองเธอแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ
“ขอฉันกอดเธอเอาไว้แบบนี้ได้มั้ยกิ่งเหมย”
“ยอมให้ยืมเป็นหมอข้างแค่คืนนี้เท่านั้นนะหยก”
“ขอบใจนะ..นอนเถอะ”
กิ่งเหมยหลับตาและนอนให้หยกกอดเอาไว้ โดยไม่รู้เลยว่าหยกไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ เพราะกังวลเรื่องอนาคตตัวเอง

วันใหม่เสียงกลองเชิดดังระรัวอยู่ที่หน้าคฤหาสน์... มานพกับดวงแขพาเจ้าสัวเล้งออกมาดูคณะเชิดที่กำลังวาดลวดลายศิลปะการเชิดอย่างสวยงาม และสนุกสนาน เพราะ ที่กำลังเชิดอยู่เป็นสิงโตกับมังกรที่กำลังเข้าโรมรันสู้กันด้วยศิลปะการเชิด เจ้าสัวอดแปลกใจไม่ได้
“นี่มันอะไรกัน”
“วันเกิดพ่อไงครับ”
“ตานพเขาตั้งใจมอบให้คุณเป็นของขวัญนะคะเล้ง” ดวงแขบอกอย่างเอาใจ
“แต่ฉันเคยสั่งไว้ทุกปีแล้วไม่ใช่เหรอ วันเกิดของฉันไม่ใช่วันสำคัญอะไร ไม่ต้องจัดงาน ไม่ต้องสิ้นเปลืองอะไรทั้งนั้น”
“ผมขอโทษครับพ่อ..แต่ปีนี้ผมขอเป็นพิเศษปีนึงนะครับ”
พูดไปมานพก็เข้าไปคุกเข่า ลงตรงหน้าเจ้าสัวอย่างนอบน้อม แสดงความเป็นลูกกตัญญูสุดฤทธิ์
“ตั้งแต่พ่อเลี้ยงดูผมมา ยังไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณ มีแต่พ่อ ที่ให้โอกาสผมครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าผมจะผิดพลาดสักกี่ครั้ง พ่อก็ไม่เคยทอดทิ้งผม”
“ถ้าแกอยากจะตอบแทนบุญคุณฉัน แค่แกตั้งใจทำงานปกป้องสมบัติของตระกูลเรา เอาไว้ให้อยู่กับลูกหลานต่อไปเรื่อยๆ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจแล้ว”
“เรื่องนั้นลูกต้องพยายามทำเพื่อตระกูลของเราอยู่แล้วค่ะเล้ง..ใช่มั้ยตานพ”
“ครับแม่..ความหวังของตระกูลเราอยู่ที่ผมคนเดียว ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอน”
เจ้าสัวนิ่งอยู่ครู่
“ก็ได้...พ่อจะรับของขวัญวันเกิดที่แกตั้งใจให้พ่อ”
เจ้าสัวจับไหล่มานพให้ลุกขึ้นอย่างชื่นชม มานพยิ้มพอใจแล้วหันไปส่งสัญญาณมือให้คณะเชิดรู้คิวที่ต้องทำ

หน้าคฤหาสน์เจ้าสัวเล้ง นนท์เดินมาที่หน้าประตูที่ธงรบรออยู่อย่างร้อนใจ
“แกมาทำอะไรที่นี่ ไม่รู้เหรอไงว่าเจ้าสัวไม่ชอบให้ใครเอาเรื่องนอกบ้านมาปะปนกับเรื่อง ในบ้าน”
“แต่ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับเจ้าสัว”
“ด่วนแค่ไหน แกก็ต้องนัดให้เจ้าสัวออกไปเจอข้างนอก”
“แต่เป็นเรื่องที่ฉันรอไม่ได้ และต้องคุยกับเจ้าสัวตามลำพัง”
นนท์กระชากคอธงรบมาจ้องเขม็ง
“แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน..ที่เจ้าสัวยอมเลี้ยงแกไว้เพราะต้องการให้แกเป็นหมาบ้าไว้กัดกับไอ้เสี่ยตง...ไปซะ..ไปทำหน้าที่ของแก”
“แต่เรื่องของไอ้เสี่ยตงมันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องนี้..ฉันต้องเจอเจ้าสัว”
ธงรบขึ้นเสียงอย่างจริงจัง และไม่ยอมไปจนนนท์ต้องมองด้วยความสงสัย
“เมื่อคืนนี้คนของฉันนัดกับเจ้าสัว เรื่องความลับของพยัคฆ์เมฆา ถ้าเจ้าสัวยังอยากรู้ ความจริงอยู่ แกต้องให้ฉันได้พบกับเจ้าสัว”
นนท์ชะงักสนใจ คำพูดของธงรบทันที

เจ้าสัวเล้งยืนดูคณะเชิดที่เชิดอย่างสวยงามแข็งแรงเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ แล้วสิงโตที่เชิดอยู่ก็มาคุกเข่าลง ตรงหน้ากระพริบตาปริบๆรอ
“รับของขวัญจากลูกสิคะคุณ”
เจ้าสัวมอง มานพแล้วยื่นมือเข้าไปในปากของสิงโตได้ลูกแก้ว จำลองทำจากกระดาษออกมา และในลูกแก้วกระดาษ นั้นเมื่อเปิดออกก็มีกล่องแหวนหัวหยกที่มานพตั้งใจมอบเป็นของขวัญให้เจ้าสัว
“ขอให้พ่อมีอายุมั่นขวัญยืน อยู่เป็นร่มเงาให้ผมนานๆนะครับ”
“มานพ”
เจ้าสัวมองลูกชายด้วยความปลาบปลื้มยินดี เอาแหวนหยกมาสวมที่นิ้วแล้วตบบ่าบีบไหล่
“ขอบใจมากมานพ..แกคือลูกชายที่สวรรค์ส่งมาให้ฉัน..แกจะต้องเป็นมังกรวารีที่ยิ่งใหญ่ กว่าฉันแน่นอน...”
เจ้าสัวหัวเราะชอบใจเสียงดัง แล้วจับมือมานพพาเดินลงไปที่คณะเชิด ทั้งคู่ยืนอยู่ท่ามกลางสิงโตกับมังกร ที่กำลังเชิดเข้ามาโรมรัมต่อสู้ ผสมผสานไปกับเสียงกลองดังระรัว
เจ้าสัวตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงกลอง
“ขอบใจมากมานพ…พ่อขอบใจแกจริงๆ” “ครับพ่อ..เห็นพ่อมีความสุขผมก็ดีใจ..รับรองว่าผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอนครับ”
เจ้าสัวโอบไหล่มานพมากอดแน่น ท่ามกลางมังกรกับสิงโตที่เชิดสู้กันอยู่รอบๆตัว ระหว่างนั้น นนท์เข้ามาที่ดวงแข อยากจะเข้าไปรายงานเจ้าสัวแต่โดนดวงแขทัก
“มีอะไรนนท์”
“ผมมีเรื่องต้องเรียนเจ้าสัวครับ”
“ไม่เห็นเหรอไงว่าเจ้าสัวกำลังยุ่ง”
“แต่ว่า…”
“ไว้ก่อน..พ่อลูกเขากำลังมีความสุข อย่ามาทำให้เสียเรื่อง..ไป”
นนท์จำเป็นต้องถอยออกมาปล่อยให้เจ้าสัวเล้ง โดนมานพเล่นละครตบตาชุดใหญ่

หยก คมทวนนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันกับอ่างและสลึงอยู่ในบ้าน
“ฉันว่าให้ฉันพาพ่อไปตรวจที่โรงพยาบาล ให้ละเอียอดอีกทีดีกว่า” หยกมองอย่างเป็นห่วง
“ข้าบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรแล้วสิวะ”

“แต่พ่อเกือบตายเพราะโรคหัวใจเนี่ยนะ ถ้ามันเกิดขึ้นอีกตอนฉันไม่ได้อยู่กับพ่ออีกล่ะ”

“เออน่า..ข้ารับปากว่าต่อไปนี้ ข้าจะไม่ออกไปไหนคนเดียวแล้ว จะเอาไอ้สองตัวนั่นไป ด้วย เอ็งจะได้สบายใจ”

อ่างบ่นทันที
“พ่อเอ็งน่ะดื้อจะตาย ยอมรับปากมาขนาดนี้ได้ เอ็งก็สบายใจเถอะวะไอ้หยก”
“ใช่..ใช่..ยังไง...พ่อ..พ่อเอ็งก็ยังอยากอยู่ยาวๆ ไม่ตายง่ายๆ เพราะจะได้...ได้อุ้มหลาน”
“เออ..ไอ้สลึงเอ็งพูดถูกใจก็คราวนี้แหละ”
คมทวนออกปากชมสลึงแล้วตบกบาลหยกทันที..เพี๊ยะ !!
“โอ๊ย...นี่พ่อตบฉันทำไมเนี่ย”
“ตบหมั่นไส้เว้ย..จะไปขอสาวแต่งงานแต่ไม่ถามพ่อเอ็งสักคำ..นี่พ่อนะเว้ยไม่ใช่หัว หลักหัวตอ”
“ฉันขอโทษ..แต่ฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นกิ่งเหมยพ่อต้องไม่ขัดฉันแน่”
“เออ...ถ้าเป็นกิ่งเหมยข้าเชียร์เอ็งอยู่แล้ว แล้วนี่เอ็งจะแต่งกันเมื่อไหร่ ฤกษ์ผานาทีอะไร ยังไง จะให้ข้าไปดูให้รึเปล่า”
หยกนิ่งไปครู่หน้าเครียดๆ
“พ่อ..ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
คมทวนเห็นหน้าลูกชายกังวลก็อดสงสัยไม่ได้

คมทวนตกใจหน้าเสีย เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้การสมิง
“ไม่...ข้าไม่อยากจะเชื่อ..เอ็งต้องพาข้าไปหาผู้การ ข้าจะปลุกให้มันตื่นขึ้นมาแล้วให้มัน คืนชีวิตของเอ็งกลับมาให้ได้”
หยกถอนใจ
“ไม่มีประโยชน์หรอกพ่อ หมอพยายามแล้ว ความหวังมันไม่มีจริงๆ”
“แต่ข้ายอมไม่ได้นะไอ้หยก..ถ้าเกิดเขาตายขึ้นมาล่ะ เอ็งไม่ต้องเป็นกุ๊ยอยู่ในแกงค์พวก มันไปตลอดชีวิตเหรอไง”
“หน่วยงานของผู้การเป็นหน่วยงานลับ ก็เลยมีแต่เขาเท่านั้นที่จะรับรองผมกับหมวดธงรบได้ เพราะผู้การไม่เคยไว้ใจคนในกรม กลัวข้อมูลของผมจะถูกเอามาเปิดเผย”
คมทวนหงุดหงิด
“โธ่เว้ย...แต่เอ็งรู้ใช่มั้ยว่าพวกมาเฟียมันไม่ยอมปล่อยให้คนที่เข้ามาแล้วออก ไปได้ง่ายๆ”
หยกพยักหน้ารับ คมทวนยิ่งหัวเสียเพราะเป็นห่วงลูก ระหว่างนั้นอ่างเข้ามาเรียก
“ไอ้หยก..กิ่งเหมยมาหาเอ็ง”
“จ้ะน้า..เดี๋ยวฉันออกไป”
อ่างรับคำหยกแล้วเดินออกไป คมทวนยิ่งหนักใจเป็นห่วงกิ่งเหมยไปด้วย
“แล้วเอ็งบอกกิ่งเหมยรึยัง”
“ยังครับ..ผมสัญญาว่าจะบอกเธอก็ต่อเมื่อภารกิจนี้สำเร็จ เพราะยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธออยู่”
“มันจะไม่มีคำว่าปลอดภัยอีกแล้วน่ะสิไอ้หยก ถ้าไม่มีตำรวจคอยช่วยหนุนหลังให้เอ็ง”
คำพูดของคมทวนยิ่งทิ่มแทงความเป็นกังวลของหยก ให้หนักหนาสาหัสมากขึ้น

ดุจแพรกลับเข้ามาในบ้าน เสี่ยตงที่รออยู่พร้อมกับป้าจั่นรีบลุกขึ้นเรียกลูกสาวไว้
“มานี่สิยัยแพร มาคุยกับพ่อก่อน”
ดุจแพรชะงักหันไปมองที่ป้าจั่น ซึ่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาดุจแพร
“นี่ป้าคงรายงานป๋าหมดแล้วสิ”
“ป้าขอโทษค่ะ..คือว่า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วป้าจั่น..ออกไป”
“ค่ะเสี่ย”
ป้าจั่นเดินออกไป เสี่ยตงเข้าไปจับแขนลูกสาวอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ป๋าไม่เห็นด้วยนะยัยแพร จะทิ้งป๋าไปอยู่เมืองนอกคนเดียวแบบนั้นป๋าไม่อนุญาต”
“แพรจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ มันมีค่าอะไรเหรอคะป๋า”
“นี่ป๋านึกว่าเราสองคนจะเข้าใจกันแล้วซะอีก”
“แก้วที่มันร้าว มันคงไม่มีวันกลับมาประสานกันได้อีกหรอกค่ะป๋า”
“ยัยแพร !! ป๋าเห็นแกยอมตัดใจจากไอ้หยกได้ ป๋าก็นึกว่าแกจะแข็งแกร่งเหมือนป๋า ไม่ ยอมให้ชีวิตเดินถอยหลัง ต้องเดินหน้าไปอย่างเดียว..เอาเล้ย..ถ้าแกอยากจะหนี แกก็ ไปให้พ้นๆหน้าฉัน ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้ากันอีก”
“แพรไม่ใช่พวกดีแต่หนีปัญหานะคะป๋า ที่แพรไม่อยากอยู่เพราะป๋าเลิกเป็นมาเฟียไม่ได้ ต่างหาก !!”
ดุจแพรเถียง แล้วรีบเดินออกไปทั้งๆที่เพิ่งเข้ามา เสี่ยตงมองตามอย่างครุ่นคิด

เสี่ยตงรีบตามดุจแพรออกมา
“เดี๋ยวสิแพร...แพร...เอาล่ะๆๆ ป๋ายอมแพรแล้วก็ได้”
“ยอมเลิกเป็นมาเฟียแล้วไป อยู่กับแพรที่เมืองนอกด้วยกันเหรอคะป๋า ป๋าคะ แพรอยากไปใช้ชีวิตสงบๆ สองคนกันตามประสาพ่อลูกนะคะ”
“ถ้ามันเลิกง่ายๆ ป๋าคงเลิกไปนานแล้วล่ะแพร วงการนี้เข้ามาแล้วไม่มีทางออกหรอก”
“ป๋า !! งั้นป๋าก็ไม่ต้องมาคุยกับแพร”
เสี่ยตงจับไหล่ลูกมาบีบแล้วขึ้นเสียง
“ฟังป๋าก่อนแพร..ฟังป๋า !! แพรก็เห็นว่าตลอดมาป๋าทำ เพื่อแพรเพราะป๋ารักแพรยิ่งกว่าชีวิตของป๋า เอาเป็นว่า..ป๋าจะพยายามทำเพื่อแพร แต่ ขอเวลาป๋าบ้าง”
“จริงนะคะป๋า”
เสี่ยตงพยักหน้ารับ
“ป๋าจะยอมให้แพรไปก็ได้ แต่การไปอยู่คนเดียวยังไงป๋าก็ไม่ยอม”
“แพรอยู่คนเดียวได้ค่ะ ตอนที่ป๋าส่งแพรไปเรียนแพรก็อยู่คนเดียวมาตลอด แพรไม่เคย รู้สึกเหงาหรอก”
“ป๋าไม่ได้หมายถึงแค่นั้น ป๋าหมายถึงหัวใจของแพรต่างหากที่ไม่อยากให้โดดเดี่ยวอีก”
“ป๋า...”
“ป๋าอาบน้ำร้อนมาก่อนนะ..นกที่มันปีกหัก ถ้าไม่ได้รับการฟูมฟักเอาใจใส่อย่างดี ก็คงไม่ มีโอกาสได้บินขึ้นไปชมท้องฟ้าที่สวยงามได้อีกครั้งหรอก”
คำพูดของเสี่ยตงทำให้ดุจแพรสงสัย
“ป๋าหมายความว่าอะไรคะ”
เสี่ยตงยิ้มกับลูกสาวอย่างมีลับลมคมนัย

เจ้าสัวเล้งยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะในห้องทำงาน ระหว่างนั้นดวงแขพามานพเข้ามา
“เข้าไปหาพ่อเขาสิ...เขามีอะไรจะให้น่ะ”
มานพทำงงๆไม่รู้เรื่องอะไร เดินเข้าไปหาเจ้าสัวที่รออยู่
“มีอะไรเหรอครับพ่อ”
เจ้าสัวหันไปหยิบเอกสารการโอนหุ้นที่อยู่ในแฟ้มยื่นให้มานพ
“รับไปสิมานพ”
“มันคืออะไรเหรอครับพ่อ”
“หุ้นจำนวนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่ฉันมี..ฉันยกให้แกเพื่อรับขวัญก่อนที่แกจะขึ้นมาเป็น ผู้นำคนต่อไปของมังกรวารี”
มานพทำตกใจทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
“พ่อครับ..นี่..นี่มันมากเกินครับ ผมรับไม่ได้”
ดวงแขตกใจ
“ตานพ !!”

“แม่ครับ..แค่พ่อเขาให้โอกาสผมเข้ามาสานต่อตำแหน่งเขา แค่นั้นก็ถือว่าให้โอกาสผม มากมายแล้ว ผมอยากให้พ่อเห็นผมพิสูจน์ฝีมือในฐานะลูกน้องมากกว่าครับ”

“เออน่า..ข้ารับปากว่าต่อไปนี้ ข้าจะไม่ออกไปไหนคนเดียวแล้ว จะเอาไอ้สองตัวนั่นไป ด้วย เอ็งจะได้สบายใจ”
 

อ่างบ่นทันที
“พ่อเอ็งน่ะดื้อจะตาย ยอมรับปากมาขนาดนี้ได้ เอ็งก็สบายใจเถอะวะไอ้หยก”
“ใช่..ใช่..ยังไง...พ่อ..พ่อเอ็งก็ยังอยากอยู่ยาวๆ ไม่ตายง่ายๆ เพราะจะได้...ได้อุ้มหลาน”
“เออ..ไอ้สลึงเอ็งพูดถูกใจก็คราวนี้แหละ”
คมทวนออกปากชมสลึงแล้วตบกบาลหยกทันที..เพี๊ยะ !!
“โอ๊ย...นี่พ่อตบฉันทำไมเนี่ย”
“ตบหมั่นไส้เว้ย..จะไปขอสาวแต่งงานแต่ไม่ถามพ่อเอ็งสักคำ..นี่พ่อนะเว้ยไม่ใช่หัว หลักหัวตอ”
“ฉันขอโทษ..แต่ฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นกิ่งเหมยพ่อต้องไม่ขัดฉันแน่”
“เออ...ถ้าเป็นกิ่งเหมยข้าเชียร์เอ็งอยู่แล้ว แล้วนี่เอ็งจะแต่งกันเมื่อไหร่ ฤกษ์ผานาทีอะไร ยังไง จะให้ข้าไปดูให้รึเปล่า”
หยกนิ่งไปครู่หน้าเครียดๆ
“พ่อ..ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
คมทวนเห็นหน้าลูกชายกังวลก็อดสงสัยไม่ได้

คมทวนตกใจหน้าเสีย เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้การสมิง
“ไม่...ข้าไม่อยากจะเชื่อ..เอ็งต้องพาข้าไปหาผู้การ ข้าจะปลุกให้มันตื่นขึ้นมาแล้วให้มัน คืนชีวิตของเอ็งกลับมาให้ได้”
หยกถอนใจ
“ไม่มีประโยชน์หรอกพ่อ หมอพยายามแล้ว ความหวังมันไม่มีจริงๆ”
“แต่ข้ายอมไม่ได้นะไอ้หยก..ถ้าเกิดเขาตายขึ้นมาล่ะ เอ็งไม่ต้องเป็นกุ๊ยอยู่ในแกงค์พวก มันไปตลอดชีวิตเหรอไง”
“หน่วยงานของผู้การเป็นหน่วยงานลับ ก็เลยมีแต่เขาเท่านั้นที่จะรับรองผมกับหมวดธงรบได้ เพราะผู้การไม่เคยไว้ใจคนในกรม กลัวข้อมูลของผมจะถูกเอามาเปิดเผย”
คมทวนหงุดหงิด
“โธ่เว้ย...แต่เอ็งรู้ใช่มั้ยว่าพวกมาเฟียมันไม่ยอมปล่อยให้คนที่เข้ามาแล้วออก ไปได้ง่ายๆ”
หยกพยักหน้ารับ คมทวนยิ่งหัวเสียเพราะเป็นห่วงลูก ระหว่างนั้นอ่างเข้ามาเรียก
“ไอ้หยก..กิ่งเหมยมาหาเอ็ง”
“จ้ะน้า..เดี๋ยวฉันออกไป”
อ่างรับคำหยกแล้วเดินออกไป คมทวนยิ่งหนักใจเป็นห่วงกิ่งเหมยไปด้วย
“แล้วเอ็งบอกกิ่งเหมยรึยัง”
“ยังครับ..ผมสัญญาว่าจะบอกเธอก็ต่อเมื่อภารกิจนี้สำเร็จ เพราะยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธออยู่”
“มันจะไม่มีคำว่าปลอดภัยอีกแล้วน่ะสิไอ้หยก ถ้าไม่มีตำรวจคอยช่วยหนุนหลังให้เอ็ง”
คำพูดของคมทวนยิ่งทิ่มแทงความเป็นกังวลของหยก ให้หนักหนาสาหัสมากขึ้น

ดุจแพรกลับเข้ามาในบ้าน เสี่ยตงที่รออยู่พร้อมกับป้าจั่นรีบลุกขึ้นเรียกลูกสาวไว้
“มานี่สิยัยแพร มาคุยกับพ่อก่อน”
ดุจแพรชะงักหันไปมองที่ป้าจั่น ซึ่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาดุจแพร
“นี่ป้าคงรายงานป๋าหมดแล้วสิ”
“ป้าขอโทษค่ะ..คือว่า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วป้าจั่น..ออกไป”
“ค่ะเสี่ย”
ป้าจั่นเดินออกไป เสี่ยตงเข้าไปจับแขนลูกสาวอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ป๋าไม่เห็นด้วยนะยัยแพร จะทิ้งป๋าไปอยู่เมืองนอกคนเดียวแบบนั้นป๋าไม่อนุญาต”
“แพรจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ มันมีค่าอะไรเหรอคะป๋า”
“นี่ป๋านึกว่าเราสองคนจะเข้าใจกันแล้วซะอีก”
“แก้วที่มันร้าว มันคงไม่มีวันกลับมาประสานกันได้อีกหรอกค่ะป๋า”
“ยัยแพร !! ป๋าเห็นแกยอมตัดใจจากไอ้หยกได้ ป๋าก็นึกว่าแกจะแข็งแกร่งเหมือนป๋า ไม่ ยอมให้ชีวิตเดินถอยหลัง ต้องเดินหน้าไปอย่างเดียว..เอาเล้ย..ถ้าแกอยากจะหนี แกก็ ไปให้พ้นๆหน้าฉัน ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้ากันอีก”
“แพรไม่ใช่พวกดีแต่หนีปัญหานะคะป๋า ที่แพรไม่อยากอยู่เพราะป๋าเลิกเป็นมาเฟียไม่ได้ ต่างหาก !!”
ดุจแพรเถียง แล้วรีบเดินออกไปทั้งๆที่เพิ่งเข้ามา เสี่ยตงมองตามอย่างครุ่นคิด

เสี่ยตงรีบตามดุจแพรออกมา
“เดี๋ยวสิแพร...แพร...เอาล่ะๆๆ ป๋ายอมแพรแล้วก็ได้”
“ยอมเลิกเป็นมาเฟียแล้วไป อยู่กับแพรที่เมืองนอกด้วยกันเหรอคะป๋า ป๋าคะ แพรอยากไปใช้ชีวิตสงบๆ สองคนกันตามประสาพ่อลูกนะคะ”
“ถ้ามันเลิกง่ายๆ ป๋าคงเลิกไปนานแล้วล่ะแพร วงการนี้เข้ามาแล้วไม่มีทางออกหรอก”
“ป๋า !! งั้นป๋าก็ไม่ต้องมาคุยกับแพร”
เสี่ยตงจับไหล่ลูกมาบีบแล้วขึ้นเสียง
“ฟังป๋าก่อนแพร..ฟังป๋า !! แพรก็เห็นว่าตลอดมาป๋าทำ เพื่อแพรเพราะป๋ารักแพรยิ่งกว่าชีวิตของป๋า เอาเป็นว่า..ป๋าจะพยายามทำเพื่อแพร แต่ ขอเวลาป๋าบ้าง”
“จริงนะคะป๋า”
เสี่ยตงพยักหน้ารับ
“ป๋าจะยอมให้แพรไปก็ได้ แต่การไปอยู่คนเดียวยังไงป๋าก็ไม่ยอม”
“แพรอยู่คนเดียวได้ค่ะ ตอนที่ป๋าส่งแพรไปเรียนแพรก็อยู่คนเดียวมาตลอด แพรไม่เคย รู้สึกเหงาหรอก”
“ป๋าไม่ได้หมายถึงแค่นั้น ป๋าหมายถึงหัวใจของแพรต่างหากที่ไม่อยากให้โดดเดี่ยวอีก”
“ป๋า...”
“ป๋าอาบน้ำร้อนมาก่อนนะ..นกที่มันปีกหัก ถ้าไม่ได้รับการฟูมฟักเอาใจใส่อย่างดี ก็คงไม่ มีโอกาสได้บินขึ้นไปชมท้องฟ้าที่สวยงามได้อีกครั้งหรอก”
คำพูดของเสี่ยตงทำให้ดุจแพรสงสัย
“ป๋าหมายความว่าอะไรคะ”

เสี่ยตงยิ้มกับลูกสาวอย่างมีลับลมคมนัย

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 18 (จบตอน)
 

 เจ้าสัวเล้งยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะในห้องทำงาน ระหว่างนั้นดวงแขพามานพเข้ามา

“เข้าไปหาพ่อเขาสิ...เขามีอะไรจะให้น่ะ”
มานพทำงงๆไม่รู้เรื่องอะไร เดินเข้าไปหาเจ้าสัวที่รออยู่
“มีอะไรเหรอครับพ่อ”
เจ้าสัวหันไปหยิบเอกสารการโอนหุ้นที่อยู่ในแฟ้มยื่นให้มานพ
“รับไปสิมานพ”
“มันคืออะไรเหรอครับพ่อ”
“หุ้นจำนวนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่ฉันมี..ฉันยกให้แกเพื่อรับขวัญก่อนที่แกจะขึ้นมาเป็น ผู้นำคนต่อไปของมังกรวารี”
มานพทำตกใจทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
“พ่อครับ..นี่..นี่มันมากเกินครับ ผมรับไม่ได้”
ดวงแขตกใจ
“ตานพ !!”
“แม่ครับ..แค่พ่อเขาให้โอกาสผมเข้ามาสานต่อตำแหน่งเขา แค่นั้นก็ถือว่าให้โอกาสผม มากมายแล้ว ผมอยากให้พ่อเห็นผมพิสูจน์ฝีมือในฐานะลูกน้องมากกว่าครับ”
เจ้าสัวนิ่งไป มองมานพที่โกหกซะเนียนมากจนไม่รู้ตัวว่าโดนหลอก
“ดูลูกของเราสิคะคุณ” ดวงแขแสร้งทำเป็นหนักใจ
“หุ้นที่ฉันตั้งใจให้แกฉันเซ็นต์ชื่อโอนไปแล้ว..ที่เหลือมันก็อยู่ที่แกว่าจะเซ็นต์รับรึเปล่า”
ดวงแขยุ
“รับไปเถอะมานพ..พ่อเขาตั้งใจจะให้ลูกได้เริ่มทำงานด้วยตัวของลูกเอง ถ้าลูกอยาก พิสูจน์ให้พ่อเขาเห็น ลูกก็ต้องทำให้หุ้นจำนวนนี้เพิ่มพูนมากขึ้นสิ”
“ก็ได้ครับแม่..ผมจะรับไว้ และจะทำให้พ่อเห็นว่า สายเลือดของพ่อเก่งไม่น้อยไปกว่า พ่อแน่นอนครับ”
มานพรับเอกสารการโอนหุ้นจากเจ้าสัวไป เจ้าสัวไม่รู้สึกผิดสังเกตเพราะกำลังหลงกลมานพเข้าเต็มเปา

มานพกับดวงแขเดินยิ้มร่ามาตามทางเดินในบ้าน เอกสารการโอนหุ้นยังอยูในมือมานพ
“แม่ล่ะเชื่อแกเลยจริงๆ..กล้าไปท้าทายไม่รับเงินมหาศาลของมัน”
“ผมรู้จักเขามาทั้งชีวิตนะครับแม่ คนอย่างเขาถ้าง่ายมันไม่ได้หรอก เพราะชีวิตเขาเจอ เรื่องยากลำบากมาเยอะ”
“ใช่..เล้งผ่านเรื่องลำบากและสูญเสียมาเยอะ ตอนนี้เขาถึงไว้ใจแกเพราะคิดว่าแกคือ สายเลือดแท้ๆของเขา”
“ผมจะยิ่งทำให้เขาไว้ใจผมและเห็นผมเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีค่ามากที่สุดของเขา เพราะ เมื่อถึงวันที่เขารู้ความจริงว่าผมคือคนที่แย่งทุกอย่างมาจากเขา..วันนั้นแหละจะเป็นวันที่เขาต้องเจ็บปวดที่สุด”
มานพยิ้มร้ายเลวสุดๆ

เจ้าสัวเล้งหมุนแหวนหยกที่สวมนิ้วอยู่ เพิ่งได้จากมานพมาอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเปิดปล่องเก็บหยกเลือด มังกรครึ่งชิ้นออกมาดูเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างนั้นนนท์เข้ามา
“เจ้าสัวครับ”
“มาแล้วเหรอนนท์ ฉันว่าจะเรียกแกอยู่พอดี”
“เอ่อ...คือว่า…”
เจ้าสัวยกมือให้ตัวเองพูดต่อให้จบก่อน
“เรื่องอื่นไว้ทีหลังก่อนเถอะ ฉันจะบอกแกว่า เรื่องนาย คมทวนนั่น ฉันคงจะปล่อยเขาไป และเลิกสนใจอยากรู้เรื่องของพราวแสงอีก เพราะในเมื่อพราวแสงอยากได้ชีวิตอิสระจากฉัน ฉันก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับครอบครัวของเธอ ฉันต้องใส่ใจกับคนที่อยู่กับฉัน ณ ปัจจุบันมากกว่า”
เจ้าสัวเล้งบอกนนท์แล้วก็จัดการปิดกล่องหยกเลือดมังกร แล้วเก็บใส่ลิ้นชักล็อคกุญแจ
“ลาก่อนพราวแสง”
เจ้าสัวหันมาอีกที แต่ยังเห็นนท์ยืนอยู่ไม่ยอมออกไป
“มีอะไรอีกเหรอนนท์”
“หมวดธงรบพยายามจะมาขอพบเจ้าสัว ตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“มันมีเรื่องของไอ้ตงจะมารายงานฉันเหรอ”
“เปล่าครับ..มันว่าเป็นเรื่องโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกพยัคฆ์เมฆาครับ”
เจ้าสัวเล้งชะงักมองนนท์อย่างสนใจทันที

ดุจแพรหนักใจกับเรื่องที่เสี่ยตงเพิ่งบอกเธอเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดหนัก เสี่ยตงเข้ามา ยืนข้างหลังแล้วบีบสองบ่าลูกเบาๆอย่างตะล่อม
“ป๋าเข้าใจว่าแพรต้องอึดอัด และไม่เห็นด้วยเพราะแพรไม่ได้รักอู๊ดดี้ แต่ในเมื่ออู๊ดดี้ไม่ เคยทำให้แพรต้องเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนกับไอ้หยกที่ไม่เคยทำให้แพรมี ความสุขเลย แล้วทำไมแพรจะไม่ให้โอกาสอู๊ดดี้ดูบ้างล่ะ”
“แต่นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการจับแพร ใส่ตระกร้าล้างน้ำ”
“ไม่หรอกแพร..ป๋าคุยกับอู๊ดดี้แล้ว เขาสุภาพบุรุษมากทั้งยอมรับและเข้าใจ พร้อมที่จะ เริ่มต้นกับแพรได้ทันทีที่แพรตอบตกลง”
ดุจแพรนิ่งคิด
“ความรักมันต้องมาคู่กับความสุข ถ้ามาคู่กับความทุกข์นั่นไม่เรียกว่าความรักหรอก”
ดุจแพรตัดสินใจ
“แพรขอไปพบอู๊ดดี้ก่อนนะคะ แล้วแพรจะตัดสินใจ”
“ได้..ไม่มีปัญหา งั้นเดี๋ยวป๋านัดอู๊ดดี้ให้”
ดุจแพรลุกเดินออกไป เสี่ยตงมองตามลูกสาวแล้วยิ้มพอใจที่เธอไม่ปฏิเสธ

เสี่ยตงเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงบ้าน เก่งเดินตามหลัง
“ไม่ต้องห่วงนะอู๊ดดี้..คราวนี้ยัยแพรต้องเชื่อฟังอาแน่นอน เธอรอฟังข่าวดีได้เลย”
เสี่ยตงยิ้มพอใจ แล้วกดตัดสายก่อนจะหยุดหันมาที่เก่ง
“แค่นี้ฉันก็หมดห่วง..ถ้ายัยแพรไม่โดนไอ้หยกทำให้เสียใจ ฉันก็คงไม่ได้อู๊ดดี้มาเป็น ลูกเขย...ทีนี้ล่ะ เรือล่มในหนองแล้วทองมันจะไปไหน แถมพอยัยแพรแต่งงานไป อยู่โน่นแล้ว ฉันก็ไม่ต้องมานั่งระวังตัวให้ยัยแพรคอยจ้องจับผิด”
เสี่ยตงยิ้มพอใจแล้วนึกขึ้นได้
“ว่าแต่ ที่ฉันให้แกไปสืบเรื่องพยัคฆ์เมฆายังไม่ได้เรื่องอีกเหรอ”
“ยังเข้าไม่ถึงตัวหัวหน้ามันเลยครับ ที่พอได้เรื่องก็มีแต่ข่าว...”
เสี่ยตงไม่รอให้เก่งพูดจบ ดึงคอเสื้อมาตะคอกใส่หน้า
“มันเหิมเกริมประกาศศักดา เล่นทุก แกงค์ไม่เว้นแต่ละวัน ฉันนั่งอยู่ที่บ้านก็รู้ ไม่จำเป็นต้องให้แกมารายงาน ตอกย้ำให้ฉัน หงุดหงิดเพิ่มขึ้นหรอกเว้ย”

“ผมขอโทษครับเสี่ย”

เก่งโดนเสี่ยตงผลักจนเซ ระหว่างนั้นโทรศัพท์เสี่ยตงดัง จึงกดรับ
 

“ว่าไง...อะไรนะ..ฝีมือพวกไหนอีกวะ พยัคฆ์เมฆา !!”
เสี่ยตงฟังอย่างเจ็บใจ

นพอยู่กับพวกลูกน้องและสาวๆที่กำลังสนุกสนานกับการเลี้ยงฉลอง ในห้องวีไอพีของผับหรู เหล้ายาเต็มที่ สาวๆบริการมานพ นัวเนียผลัดกันป้อนเอาใจ
“ไปดูแลลูกน้องฉันให้ทั่วถึงดีกว่า”
สาวๆลูกจากมานพแล้วเข้าไปดูแลชาญและลูกน้องคนอื่นๆ ทุกคนชอบอกชอบใจกันใหญ่
“ขอบคุณครับนาย”
“พวกแกทำงานให้ฉันมาอย่างดีตลอด..ก็สมควรได้อะไรที่มันเต็มที่”
ชาญกับพวกลูกน้องเฮใหญ่แล้วหันไปกอดรัดปลุกปล้ำพวกสาวๆ จนส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายสนุกสนาน มานพหัวเราะชอบใจเสียงดัง
“มานพ”
โหงวเดินหน้าเครียดเข้ามา มานพชะงัก
“เตี่ย..มาก็ดีแล้ว..มาสนุกกับพวกมันสิ วันนี้เป็นวันดีฉันเพิ่งได้หุ้นของไอ้เล้งมา”
“อั้วรู้เรื่องแล้ว แต่ที่มาไม่ได้จะมายินดีกับลื้อ”
“งั้นเตี่ยมาทำไม”
“ได้ยินว่าลื้อไฟเขียวให้คนของเราข้ามถิ่นไปหากินที่ถิ่นของไอ้ตง”
“ใช่..พวกเด็กใหม่ที่มาเข้าแกงค์เรา มันอยากโชว์ฝีมือให้ฉันประทับใจ ฉันก็เลยลองให้มันไปดู”
“แต่แกส่งเด็กใหม่ไปเนี่ยนะ”
“เอาน่าเตี่ย..แกงค์เราต้องการคนมีฝีมือ ถ้ามันไม่เจ๋งจริงก็ปล่อยให้มันโดนกระทืบให้ ตายๆไปซะ แล้วปล่อยให้ไอ้เสี่ยตงมันได้ใจไปก่อน ยังไงมันก็ต้องโดนฉันเล่นงานต่อ จากไอ้เล้งแน่นอน”
มานพโอ่อย่างไม่สนใจอะไร ระหว่างนั้นสาวๆเข้ามาเกาะแขน
“มาสนุกด้วยกันนะคะนาย”
มานพพยักหน้ารับแล้วหันมาย้ำกับโหงว
“ตอนนี้ทุกอย่างใกล้จะอยู่ในกำมือของฉันแล้ว ไม่มี อะไรมาหยุดฉันไม่ให้ยิ่งใหญ่ได้อีกแล้วล่ะเตี่ย”
มานพตามหญิงสาวไปสนุกสนาน โหงวมองตามแล้วส่ายหน้าเซ็งกับพฤติกรรมมานพ

เจ้าสัวเล้งมาพบกับธงรบ และแปลกใจเมื่อธงรบบอกเรื่องเมื่อคืน
“ไอ้หมอนั่นเป็นคนของแกเหรอ”
“ครับ..เขาทำงานให้ผม บังเอิญว่าเขาไปสืบเรื่องของพยัคฆ์เมฆามาได้ แต่ถูกพวกมัน ตามฆ่าปิดปากซะก่อน”
ธงรบบอกอย่างเจ็บใจ เจ้าสัวพยักหน้าอย่างเครียด
“ฝีมือของพยัคฆ์เมฆามันไม่ธรรมดา พวกมันกวาดต้อนนักเลงฝีมือดีๆเอาไปไว้กับตัว เยอะแยะ ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานทั้งฉันและไอ้ตงต้องได้เปิดศึกกับมันแน่นอน”
“ใช่ครับเจ้าสัว..ไอ้หัวหน้าพยัคฆ์เมฆาคนนี้ มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ตัวตนของมันทั้งเลว ทั้งชั่วที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาแล้ว ถ้าเจ้าสัวได้ปะทะกับมันขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าสัวไม่รอด มือมันแน่”
นนท์เข้าไปกระชากคอเสื้อธงรบ
“แกอย่ามาดูถูกฝีมือเจ้าสัวนะเว้ย ถ้าเจ้าสัวต้องการให้ใคร ตาย ประตูนรกพร้อมเปิดรอได้ตลอด”
ธงรบยิ้มเยาะและหัวเราะลงคอ
“เรื่องฝีมือของเจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารีฉันไม่เคยคิด ดูถูก ถ้ากับศัตรูคนอื่นยังไงก็สู้เจ้าสัวไม่ได้หรอก..แต่กับไอ้หัวหน้าพยัคฆ์เมฆาคนนี้ เจ้าสัวจะกล้าพอที่จะฆ่ามันรึเปล่าต่างหากล่ะ”
ธงรบขึ้นเสียงท้าทาย แล้วแกะมือนนท์ออกเลย ทำให้เจ้าสัวอดแปลกใจอยากรู้มากขึ้นไม่ได้
“ทำไม..หัวหน้าของพยัคฆ์เมฆาเป็นใคร ทำไมฉันถึงจะไม่กล้าลงมือกับมัน”
ธงรบขยับเข้าไปใกล้ แล้วมองหน้าจริงจังแทบจะทะลุเข้าไปที่ดวงตาเจ้าสัว
“สายเลือดมังกรของ เจ้าสัวไงครับ ที่ตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นพยัคฆ์รอขย้ำเจ้าสัวอยู่”
เจ้าสัวอึ้ง กระชากคอเสื้อธงรบมาขึ้นเสียงใส่
“มานพลูกชายฉันน่ะเหรอ !!”
“ใช่ครับ..ไอ้มานพ สายเลือดของเจ้าสัวนั่นแหละ”
เจ้าสัวตะลึงตกใจ ไม่เชื่อว่าที่ธงรบพูดมาจะเป็นเรื่องจริงเลยผลักธงรบกระเด็น
“ฉันไม่เชื่อ..แกโกหก !!”
เจ้าสัวชี้หน้าธงรบท่าทางดุดันฉุนเฉียว ก่อนจะลดมือลงแล้วเดินออกไปทันที
“เจ้าสัว..เจ้าสัว”
ธงรบรีบตามเจ้าสัวที่จะกลับ และเข้าไปขวางทาง
“เจ้าสัวต้องเชื่อที่ผมบอก..เพราะผมจะโกหกเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร”
นนท์รีบเข้ามาดันธงรบ ไม่ให้เข้าใกล้เล้งแล้วชักปืนออกมาจ่อ
“ฉันว่านี่เป็นแผนการของไอ้ เสี่ยตง ที่ส่งแกมายุให้เจ้าสัวกับลูกแตกหักกันมากกว่า”
“เอาเลย..ถ้าจะคิดว่าฉันถูกใช้ให้มาเสี้ยมเจ้าสัวของแกก็ตามใจ งั้นก็เชิญถูกลูกชาย ตัวเองหักหลัง กลายเป็นไอ้มังกรเฒ่าโง่ๆที่โดนเชือดคาบัลลังค์ตัวเองเลย”
ธงรบไม่กลัวปืนในมือของนนท์ กลับเดินเข้าไปประชิด และใช้ท่าทางแววตาที่ขึงขังจริงจังเป็นการยืนยันคำพูด นนท์ไม่พอใจ
“แก !! เจ้าสัวครับ..ให้ผมจัดการกับมันเลยนะครับ”
“ปล่อยมัน” เจ้าสัวหันๆไปจ้องหน้าธงรบ “แกกล้าเอาชีวิตตัวเองเดิมพันมั้ยว่า แกไม่ได้ใส่ร้ายลูกชายฉัน”
“ผมเสียเดิมพันไปแล้วชีวิตนึงครับเจ้าสัว คนของผมต้องนอนรอความตายอยู่เพราะฝีมือ ของมานพ แต่ถ้าเจ้าสัวยังไม่เชื่ออีก..ก็เหลือชีวิตผมนี่แหละที่จะเดิมพันอีกครั้ง”
เจ้าสัวนิ่งมองธงรบอย่างครุ่นคิด หนักใจที่สุด

หยกซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ร้าน เสียงเคาะชามเรียกดังขึ้น
“หยก..กินข้าว”
หยกโวยลั่น
“เย้ย..นี่คนนะกิ่งเหมย..ไม่ใช่หมา”
กิ่งเหมยขำ
“ก็เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน บะหมี่มันจะอืดเต็มชามอยู่แล้ว”
“อยากซ่อมให้เสร็จเร็วๆจะได้พาเธอไปโรงพยาบาลไง”
“แต่กว่าจะถึงเวลาที่หมอนัดตรวจอีกตั้งหลายชั่วโมง เดี๋ยวเธอก็เป็นโรคกะเพาะหรอก กินก่อนแล้วค่อยทำต่อก็ได้”
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
หยกหันไปไขน็อตเก็บงานซ่อมต่อจนเสร็จ
“เท่านี้ก็เรียบร้อย”
“งั้นก็มากินได้แล้ว”
“จ้าแม่

“บ้า !! ทะลึ่งที่สุดเลยเธอเนี่ย”

หยกอมยิ้มเข้ามานั่งที่โต๊ะ กำลังจะคีบบะหมี่เข้าปาก แต่ชะงัก เพราะเห็นเก่งเดินเข้ามามองหน้าหยกอย่างเงียบๆ

หยกชะงักเพราะรู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องแน่
“แป๊บนึงนะกิ่งเหมย มือฉันเลอะน่ะ ขอไปเช็ดก่อน.”
หยกเดินเลี่ยงไปหาเก่ง กิ่งเหมยเอียงหน้าฟังเสียงอย่างสงสัย

หยกออกมานอกร้านคุยกับเก่ง
“มีอะไร..ทำไมต้องมาถึงที่นี่”
“เสี่ยสั่งให้แกไปจัดการกับไอ้พวกที่ กล้าหือข้ามถิ่นมาหยามหน้าเสี่ย”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“เออสิวะ..ถึงเสี่ยจะยอมถอยให้แกกับแกิ่งเหมย แต่แกก็ยังเป็นลูกน้องเขาอยู่ เพราะ ฉะนั้นอย่าสร้างปัญหาให้มากกว่านี้ไอ้หยก ไม่งั้นเสี่ยจะกลับมาเล่นแกอีกแน่”
หยกนิ่งไปครู่
“ก็ได้..เดี๋ยวฉันตามไป”
เก่งเดินออกไป หยกหันมามองกิ่งเหมยที่นั่งรออยู่ในร้านอย่างหนักใจ

หยกเดินกลับมา กิ่งเหมยสงสัย
“เธอไปคุยกับใครเหรอ..ฉันได้ยินเสียง”
“เอ่อ..ลูกค้าน่ะ”
“แต่ฉันว่าเสียงคุ้นๆนะ เหมือนลูกน้องพ่อฉัน”
“ฉันว่าเธอระแวงเกินไปแล้ว ไม่เชื่อกันหรือไงที่บอกว่าจะเลิกน่ะ”
“ก็อยากจะเชื่อถ้าเธอไม่ทำลับลมคมนัย”
“ฉันไม่มีความลับอะไรกับเธอหรอก..ไม่มีจริงๆ ไม่มี..ไม่มี” หยกเข้าไปหยิกแก้มหยอก
“บ้า..เจ็บนะ”
“เออ..ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ฉันต้องไปซื้ออะไหล่มาซ่อมรถอีกคัน”
“อ้าว..ก็ไหนว่าเสร็จแล้วไง”
“ฉันลืมน่ะสิ”
“เหรอ..งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปเลื่อนนัดหมอให้ตรวจวันอื่นแล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกกิ่งเหมย..กว่าจะได้คิวหมอไม่ใช่ง่ายๆ เธอไปกับฉันก็ได้ ไม่เสียเวลาหรอก”
หยกบอกกิ่งเหมยแล้วจับมือเธอมากุม

หยกขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่ริมน้ำ แล้วพากิ่งเหมยลงจากมอเตอร์ไซค์มานั่งที่ม้านั่ง
“เดี๋ยวเธอรอฉันอยู่ตรงนี้นะกิ่งเหมย”
“ทำไมต้องให้รอด้วย”
“มันเดินไกล เดี๋ยวเธอเมื่อย อีกอย่างฉันต้องไปหาซื้อหลายร้านด้วย”
กิ่งเหมยไม่ไว้ใจหยก
“ทำไม..กลัวฉันจะโกหกเธอแล้วไปมีเรื่องอีกเหรอ พามาขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่ออีก โห..เด็ก ดีเซ็งอ่ะ”
“เชอะ..กล้าเรียกตัวเองว่าเด็กดีเลย ก็ได้ๆ งั้นก็รีบไปเถอะ ฉันจะรออยู่ตรงนี้แหละ”
“เอางี้..ถ้ากลัวนั่งคนเดียวแล้วเหงา”
หยกเอาหูฟังที่เสียงอยู่กับไอพอด สวมให้กิ่งเหมยฟังเพลงไปพลางๆ
“นั่งฟังเพลงไประหว่างรอฉันแล้วกัน ขอบอกว่าเพราะทุกเพลงเพราะฉันอัดเสียงร้องฉัน ไว้ให้เธอฟังโดยเฉพาะ”
“ยี้...หูฉันหนวกแน่”
หยกยิ้มขำแล้วกดplay
“รอฉันนะ..แป๊บเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ หยกเดินออกไปหยิบท่อเหล็กที่ติดมากับมอเตอร์ไซค์แล้วเดินหน้าตาเอาเรื่องออกไป ทิ้งกิ่ง เหมยให้นั่งฟังเพลงเพราะๆจากเสียงร้องของเขาไว้เพียงลำพังที่ริมน้ำสวยๆ

หยกถือท่อเหล็กเดินมาตามทางในตรอกอย่างเอาเรื่อง พวกที่เดินตามหลังก็คือพวกลูกน้องเสี่ยตง ทั้งหมดมุ่งหน้ามาประจันหน้ากับแกงค์วัยรุ่นของพวกพยัคฆ์เมฆาที่มาหาเรื่องข้ามถิ่น ทั้งสองฝั่งจรดๆจ้องๆ ก่อนที่หยกจะชูมือขึ้นส่งเสียงดัง
“ลุย !”
หยกร้องสั่ง เสียงเฮโลของทั้งสองฝั่งเข้าโรมรันตีกันอีรุงตุงนัง หยกใช้ท่อเหล็กเป็นอาวุธ เข้าสั่งสอนพวกนั้นอย่างบ้าคลั่งโชว์ฝีมือเต็มที่ ฝ่ายพวกเสี่ยตงที่มีหยกเป็นคนนำฝีมือดีกว่าจึงเลยเล่นงานพวกมันจนบาดเจ็บ นอนร้องครวญคราง ลูกน้องเสี่ยตงคนหนึ่งกระชากคอเสื้อวัยรุ่นที่นอนหมอบขึ้นมา แล้วชักมีดพกจะแทง หยกหันไปเห็นพอดี
“อย่า !!”
หยกรีบซัดคนที่สู้อยู่จนหมอบ แล้วปรี่ไปผลักพรรคพวกไม่ให้แทงวัยรุ่น
“ห้ามข้าทำไมวะไอ้หยก”
“แค่สั่งสอนพวกมันก็พอ”
“แต่เสี่ยสั่งให้จัดการให้หมด”
“เสี่ยสั่งฉันให้เป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง หรือแกจะเถียงอยากมีเรื่องกับฉัน”
หยกชี้หน้าดุดันจะเอาเรื่องจนไม่มีใครกล้ากับหยก จากนั้นหยกก็กระชากคอวัยรุ่นคนนั้นขึ้นมา
“ไปซะ..แล้วอย่าข้ามถิ่นมายุ่งกับเสี่ยอีก..ไม่งั้นคราวหน้าพวกแกตายหมดแน่”
หยกเหวี่ยงวัยรุ่นออกไป แล้วเตะซ้ำจนพวกมันกลัวหัวหัด รีบหนียกแกงค์ แต่มันยังมองหยกอย่างแค้นหยกอยู่ หยกยืนอยู่ท่ามกลางพวกลูกน้องเสี่ยตง ที่พวกมันหันมาไชโยเฮลั่นที่เพิ่งเล่นงานพวกอื่นไปได้ แต่สีหน้าหยกไม่มีความยินดีอยู่เลย หยกโยนท่อเหล็กทิ้ง
“อ้าว..แล้วเอ็งจะไปไหนวะไอ้หยก..ไม่ไปเอารางวัลจากเสี่ยเหรอวะ”
หยกไม่ตอบ เพราะไม่สนใจเดินออกไปอย่างสุภาพบรุษผู้เดียวดาย

กิ่งเหมยนั่งฟังเพลงรอ จนรู้สึกว่านานจนผิดสังเกต
“ยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย...จะต่อเวลาให้อีกเพลงเดียวพอนะ ถ้ายังไม่กลับมาฉันจะ สอบเธอให้หนักเลย ถ้าคิดว่าจะจับโกหกกันไม่ได้ก็ลองดู..หึ !!”
กิ่งเหมยกดฟังเพลงต่อ ระหว่างนั้นหยกกำลังเดินมาหากิ่งเหมย แต่เจอวัยรุ่นที่มองหยกอาฆาตเอาไว้ โผล่มาขวางทางพร้อมกับมีดพก
“แค่นั้นมันยังไม่จบหรอกเว้ย”
หยกชะงักอย่างหนักใจ เพราะกิ่งเหมยอยู่ใกล้ๆ
“ฉันให้โอกาสแกแล้ว..ไปซะ”

“ข้าเป็นนักเลงเว้ย..งานไม่เสร็จก็ไม่จบ”

วัยรุ่นปรี่เข้ามาพยายามแทง หยกเลยจำเป็นต้องสู้กับมันด้วยมือเปล่า หยกรับมือมันได้อย่างเฉียดฉิว เพราะมัวแต่เป็นห่วงกิ่งเหมยจนเกือบถูกแทงแต่หลบได้ หยกเลยต้องตัดสินใจเล่นงานมันหนักๆ หยกปัดมือในจังหวะที่มันจ้วงแทง แล้วแย่งมีดจากมือมันพร้อมกับจ่อที่คอหอยและขู่จริง

“แกโชคดีแล้วที่ฉันยอมปล่อยไป เพราะถ้าลูกพี่ฉันรู้ว่าแกรอด..พ่อแม่แก..พี่น้องแก คนรักของแกไม่ได้อยู่ดีแน่”
“ยอม..ยอมแล้ว…”
“เลิกเป็นอันธพาลแล้วไปหางานสุจริตทำ..ไม่งั้นแกได้ตายอย่างหมาข้างถนนแน่..ไป !!”
หยกยึดมึดจากมันแล้วผลักไสมันไปไกลๆ ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเข้ามา
“หยก !!”
“กิ่งเหมย”
“ทำไมมาช้านักล่ะ”
“หาซื้ออะไหล่ไม่ได้น่ะสิ..มาเสียเที่ยวจนได้”
“เหรอ...แล้วจะทำยังไงล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก สั่งไว้แล้วเดี๋ยววันหลังค่อยมาเอา”
กิ่งเหมยสงสัยเ จึงเดินเข้าไปใช้มือคลำหน้าหยก
“ทำอะไรน่ะ..ลูบหน้าฉันทำไม”
“อยากรู้ไงว่าเธอเจ็บตัวตรงไหนมาบ้างรึเปล่า”
“นี่..หาว่าฉันโกหกเธอเหรอ”
“ถ้าไม่ได้โกหกก็ไม่ต้องปฏิเสธสิ”
หยกนิ่งไป
“ก็ได้”
หยกยืนเฉยๆให้กิ่งเหมยจับหน้าและตามตัว โชคดีว่าครั้งนี้หยกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“เป็นไง..เชื่อรึยัง”
กิ่งเหมยพยักหน้า
“เชื่อแล้วก็ได้ ต่อไปฉันจะไม่มานั่งรอแบบนี้อีกแล้ว บอกตรงๆ ขี้เกียจนั่งฟัง เพลงที่เธอร้องอัดใส่ไอ้นี่...สงสารขี้หูตัวเอง”
กิ่งเหมยยัดไอพอดกับหูฟังคืนให้หยก แล้วเดินคลำทางออกไป หยกมองตามแล้วเป่าปากโล่งอกที่รอดตัวไป หยกมองตามเศร้าๆ
“ขอโทษนะกิ่งเหมย...ฉันไม่อยากทำอย่างนี้เลยจริงๆ”

กิ่งเหมยเข้ารับการตรวจตาจากหมอ อย่างละเอียด อีกด้านหยกเดินคุยกับหมอมาตามทางเดิน
“อาการก็ยังทรงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คงต้องดูเป็นรายวันไป”
“ยังไงผมฝากผู้การด้วยนะครับ เราจะให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด”
“หมอจะพยายามครับ”
หมอตบบ่าหยกแล้วเดินเข้าห้องทำงานไป หยกยืนหน้าเครียดๆเพราะความหวังดูไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ ระหว่าง นั้นกิ่งเหมยเดินใช้ไม้เท้าคลำทางเข้ามาหา
“หยก..อยู่ตรงนั้นรึเปล่า”
“ฉันอยู่นี่กิ่งเหมย...”
หยกเข้าไปช่วยจับมือเดิน
“ฉันได้ยินเสียงเธอเลยลองเดินมาดู”
“ฉันออกมาหาซื้อน้ำกินน่ะ ว่าแต่เธอตรวจเสร็จแล้วเหรอ กิ่งเหมยพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ
“เรียบร้อยแล้ว..มีข่าวดีด้วยนะหยก”
“ข่าวดี”
“ใช่..หมอบอกว่าฉันมีโอกาสที่จะได้กลับมามองเห็นอีก..ฉันดีใจจังเลยหยก”
หยกตื่นเต้น
“เธอจะได้มองเห็นอีกครั้งเหรอ..หมอจะช่วยเธอได้ยังไง บอกฉันมาสิกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยอมยิ้มยังไม่บอก

หยกเดินจูงกิ่งเหมยเดินกลับมา
“โธ่เอ้ยฉันก็นึกว่าหมอจะช่วยให้เธอกลับ มามองเห็นได้ตอนนี้เลย ทำเอาฉันหลงดีใจ”
“ถ้าทุกอย่างมันได้มาง่ายๆ การรอคอยก็คงไม่มีคุณค่าหรอกหยก”
“แต่กว่าจะรอให้มีคนบริจาคดวงตาให้เธอ ฉันกลัวว่า...”
“กลัวว่าจะไม่มีวันนั้นเหรอหยก”
“กิ่งเหมย...” หยกดึงมือมากุมอย่างเป็นห่วง “ฉันไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดกับการรอคอย ที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นจริงได้รึเปล่า”
“หยก..ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ฉันต้องเจ็บปวดเสียใจได้อีกแล้วล่ะ เพราะฉันมีเธออยู่ ข้างๆอยู่กับฉันตลอดไปไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่”
กิ่งเหมยยิ้มให้
“งั้นเธอก็ไม่ต้องห่วง ในเมื่อความหวังยังมี ต่อไปถ้าเธอล้างมือจากพวกนั้นได้ แล้วฉันก็กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ฉันจะเป็นฝ่ายดูแลเธอเอง”
“กิ่งเหมย”
หยกรู้สึกเสียใจที่กิ่งเหมยยังไม่รู้ว่าเขายังหาทางล้าง มือได้ยังไงจึงดึงเธอมากอดเอาไว้แน่น
“ได้สิกิ่งเหมย..ตราบใดที่ความหวังเรายังมี เราจะไม่ยอมแพ้ เราจะเดินไปด้วยกัน”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ
“จ้ะหยก..แต่ว่า..ตอนนี้ฉันขอขี่หลังเธอได้มั้ย เดินมาทั้งวันเมื่อยขาจะแย่”
“หา..เอาอีกแล้วเหรอ”
“ก็ตาฉันยังไม่หายบอด เธอก็ต้องคอยแบกฉันไปก่อนสิ..เจ้าม้าขี้เกียจ ไม่ต้องบ่น..เร็ว”
หยกยอมให้กิ่งเหมยขี่หลัง แล้วแบกพาวิ่งออกไปด้วยกัน สนุกสนานมีความสุข

ส้มเช้งเดินเข้ามาในศาลเจ้า เพราะเห็นมีคนมารอไหว้เจ้า
“มาไหว้เจ้าเหรอคะ..เดี๋ยวฉันเอาธูปให้นะ”
“ไม่ต้องหรอกส้มเช้ง..ฉันรู้ว่าอยู่ตรงไหน”
ส้มเช้งชะงัก
“คุณแพร”
“เห็นฉันแล้วทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ”
“ก็..เอ่อ…”
“ฉันมาคนเดียวไม่ได้มีคนของพ่อฉันมาด้วย”
“ฉันไม่ได้กลัวคนของพ่อคุณหรอกค่ะคุณแพร เพราะกิ่งเหมยก็เป็นสายเลือดของพ่อคุณ เหมือนกัน เขาคงไม่ทำอะไรมันแล้ว แต่ที่ฉันห่วงมันก็คือ

“กลัวว่าฉันจะมาแย่งหยกไปน่ะเหรอ”
ส้มเช้งคิดอย่างนั้น แต่ไม่กล้าพูด
“ถึงชีวิตฉันมันจะน้ำเน่า แต่ฉันก็ไม่ใช่นางร้ายแบบในละครนะ ฉันยอมรับว่ายังรักหยก ฉันรักผู้ชายที่มีเจ้าของ แต่ฉันไม่คิดที่จะเอาเขามาเป็นของฉัน”
“งั้นคุณมาทำไม”

ดุจแพรยังไม่ทันจะบอก หยกก็อุ้มกิ่งเหมยเข้ามาที่ศาลเจ้าพอดี
กำลังโหลดความคิดเห็น