หยกเลือดมังกร ตอนที่ 14
หยกวิ่งหนีออกมาจากบาร์พวกลูกน้องเจ้าสัวเล้งตามออกมาคว้าตัว
หยกหันไปเล่นงานมันด้วยเชิงมวยแล้ว รีบหนีต่อ ระหว่างนั้นดุจแพรขับรถเข้ามาแล้วเบรค...เอี๊ยด! เพราะเกือบจะชนหยก
“หยก ! อยู่ที่นี่เอง...ฉันหาเธอซะทั่วเลย”
หยกยืนงงๆ ที่เจอดุจแพรแล้วหันไปเห็นพวกลูกน้องเจ้าสัวเล้งตามมา หยกรีบเข้าไปที่รถ
“รีบไป”
ดุจแพรงง
“เกิดอะไรขึ้น”
“รีบไป!”
ดุจแพรเห็นหยกถูกไล่ตามโดยใครก็ไม่รู้ ด้วยความตกใจเลยรีบกลับเข้าไปในรถแล้วรีบขับรถพาเขาออกไป นนท์กับพวกลูกน้องตามมาอย่างเฉียดฉิวก็รู้สึกเสียดาย
นนท์กลับมารายงานเจ้าสัวเล้ง...
“ผมขอโทษครับเจ้าสัว ผมเกือบจะพาตัวเขามาพบเจ้าสัวได้แล้ว แต่ว่า...”
ดวงแขเข้ามา
“ก็ถ้าเขาไม่อยากมาพบคุณ ไม่อยากเรียกร้องอะไรเป็นค่าตอบแทน คุณก็เซ็นต์ เช็คให้เขาไปก็ได้นี่คะเล้ง จะได้จบๆกันไป”
เจ้าสัวเล้งหันไปมองดงวงแขที่เข้ามา แล้วพยักหน้าให้นนท์ออกไป
“ออกไปก่อนนนท์”
นนท์รับคำแล้วเดินออกไป ดวงแขเข้ามากุมมือเจ้าสัวเล้ง
“เล้ง...คุณรู้มั้ยคะว่าตอนที่คุณยังไม่รู้สึกตัว ฉันกับตานพเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน เราสอง คนแม่ลูกแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน แต่ดูคุณสิพอรู้สึกตัวขึ้นมาได้ คุณก็ให้ลูกน้องไปตาม หาคนอื่นให้มาพบคุณแทนที่จะเรียกหาเรา”
เจ้าสัวเล้งแกะมือออกจากมือดวงแข
“คนอื่นที่เธอพูดถึง เขาเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าฉันไม่ได้ เขา เธอกับตานพคงต้องวุ่นวายแน่”
“แต่ตานพเป็นลูกคุณ เป็นสายเลือดแท้ๆของคุณ เขามาเฝ้าคุณอยู่ทุกวัน ถ้าเขารู้ว่าคุณ เรียกหาคนอื่น เขาจะเสียใจมากแค่ไหน”
“ตานพน่ะเหรอมาเฝ้าฉันทุกวัน”
“ค่ะ”
“ไม่เห็นนนท์เล่าให้ฉันฟัง”
ดวงแขชะงัก
“เอ่อ...ตานพมาเวลาที่ฉันให้นนท์ไปพัก เขาต้องเทียวมาเยี่ยมคุณแล้วก็ไปดูแล ธุรกิจให้คุณระหว่างที่คุณไม่รู้สึกตัว รู้มั้ยคะว่าพอคุณไม่อยู่ ทุกอย่างในบริษัทวุ่นวาย มากแค่ไหน ถ้าตานพไม่ลงไปดูแล คงได้ป่นปี้กันหมด”
“เอาล่ะๆ เรื่องนายหยกยังไงฉันก็ตองตอบแทนเขา ส่วนตานพไว้ฉันออกจากโรงพยาบาล เมื่อไหร่ ฉันจะคุยเรื่องธุรกิจกับเขาเอง ตอนนี้ฉันอยากพักแล้ว”
เจ้าสัวเล้งโบกมือไล่ให้ดวงแขออกไป ดวงแขลุกจากที่นั่งแล้วแอบหันมามองเจ้าสัวที่หลับตาพักผ่อนอย่างหมั่นไส้
มานพนั่งให้ช่างสักแผ่นหลังหน้าตาเจ็บปวด ช่างสักสักจนเสร็จ
“เรียบร้อยแล้วครับคุณมานพ”
มานพยิ้มร้ายแล้วพยักหน้าให้หญิงสาวเอากระจกมาให้ มานพลุกขึ้นหันหลังไปดูรอยสักรูปพยัคฆ์คำรามเหยียบอยู่บนกลุ่มก้อนเมฆ เป็นลายสักที่สีสันสวยงามและดูน่าเกรงขามไม่น้อยกว่ารอยสักมังกรวารีบนแผ่นหลังของเจ้าสัวเล้ง โหงวเข้ามาพร้อมเสียงปรบมือ
“รอยสักพยัคฆ์เมฆา...สวยงามและน่าเกรงขามมากมานพ”
มานพหยักหน้าให้ช่างสักกับหญิงสาวออกไป ส่วนตัวเองก็หันไปหยิบเหล้ามาดื่ม
“คงจะเจ็บมากสินะมานพ”
“พ่อมักพูดกับฉันเสมอว่าสายเลือดของเขาจะต้องไม่เสียเลือดไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาพูดถูกเพราะว่าเลือดของฉันที่ไหลออกมาระหว่างสักพยัคฆ์เมฆา มันคือเลือดของ ความจงเกลียดจงชังที่มีต่อเขา”
“งั้นนี่ก็คือสัญลักษณ์ที่แกจะบอกว่า...แกพร้อมจะตัดขาดจากเขา”
“ไม่ใช่แค่ตัดขาด...แต่มังกรจะต้องถูกพยัคฆ์ขย้ำ...ว่าแต่แกเถอะตกลงเรื่องผล DNA นั่น ออกมาว่ายังไง”
โหงวมองมานพแล้วยิ้มร้าย
มานพถือปืน เดินถอดเสื้อโชว์รอยสักพยัคฆ์เมฆาเต็มแผ่น พลางร้องเรียก...
“ชาญ...ไอ้ชาญ”
โหงวตามมาห้าม
“เดี๋ยวมานพ...ฉันไม่เห็นด้วย ไอ้หยกไม่ใช่เป้าหมายที่แกจะต้องไปฆ่า มันตอนนี้”
มานพเอาปืนชี้หน้าโหงว
“แกจะให้ฉันปล่อยให้สายเลือดที่แท้จริงของพ่อฉันเดินไปเดินมา ตอกย้ำว่าฉันเป็นลูกนอกไส้ทำไม...หา !”
“ก็จริงที่ไอ้หยกไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ให้เกะกะแก แต่แกจะรีบไปจัดการมันทำไมในเมื่อ เล้งก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ สู้รอวันจัดการมันต่อหน้าไอ้เล้ง ขยี้หัวใจมังกรของมันให้เจ็บปวด ให้มันได้เห็นสายเลือดแท้ๆของมันตายต่อหน้ามัน…นั่นไม่ดีกว่าเหรอ”
มานพชะงักคิดอย่างสนใจ
“สะใจใช่มั้ยล่ะมานพ”
“ใช่…เวลาแบบนั้นแหละที่จะทำให้ฉันสะใจที่สุด ตกลงฉันจะปล่อยมันไปก่อน แล้วเรื่อง ที่ฉันให้แกไปดูให้ล่ะ...ว่าไง”
“ฉันได้เรื่องมาแล้วจากพวกค้ายาที่ฉันรู้จัก ไอ้เสี่ยตงมีแผนที่จะปล่อยของล็อตใหญ่ มูลค่าหลายร้อยล้าน”
“ยาเสพติดล็อตใหญ่...” มานพสงสัย “แล้วมันจะช่วยทำให้ฉันประกาศศักดาความน่ากลัวของ แกงค์พยัคฆ์เมฆาได้ยังไง”
“เชื่อใจฉันสิมานพ...ภายในข้ามคืนพยัคฆ์เมฆาของแกจะทำให้ทั้งไอ้เล้งและไอ้เสี่ยตง จดจำชื่อนี้จนขึ้นใจ”
มานพฟังแล้วยิ้มพอใจ ระเบิดเสียงหัวเราะดังอย่างสะใจ
ค่ำนั้น ดุจแพรเข้ามาในห้องคอนโดของเธอแล้วรีบปิดประตูล็อคกลอนคล้องสายยูอย่างแน่นหนา ถอยออกมาหน้ายังตื่นๆไม่หายตกใจ
“หยก...พวกนั้นเป็นใคร ทำไมต้องไล่ตามเธอด้วย” ดุจแพรหันไปถามหาแต่ไม่เห็น “หยก...หยก”
ดุจแพรสงสัยว่าหยกหายไปไหน แล้วก็เห็นว่าเขาเมาฟุบอยู่ที่โซฟานั่นเอง
“หยก...หยก...” เธอได้กลิ่นเหล้าจากตัวเขาถึงกับเบือนหน้าหลบ “นี่เธอกินเหล้าหนักขนาดนี้เลย เหรอ…ลุกขึ้นมาสิ เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องไปเมาขนาดนี้ด้วย”
ดุจแพรพยายามฉุดตัวหยกให้ลุกขึ้นแต่กลับถูกเขาสะบัดปัดมือ
“ใครเมา...ฉันไม่ได้เมา”
หยกผลักดุจแพรจนเซเพื่อให้หลบทาง แล้วเดินเอียงควบคุมตัวไม่อยู่เกือบจะล้ม ดุจแพรรีบเข้าไปประคอง
“ระวังหน่อยสิ...เดี๋ยวก็ล้มหัวฟาดไปหรอก”
หยกโงนเงนตาปรือเริ่มไม่รู้สึกตัว ดุจแพรถอนใจแล้วช่วยพยุงพาไปที่ห้องนอน พยุงให้เขานอนลงที่เตียงจัดท่าทางให้เรียบร้อย
“รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันมาเช็ดตัวให้”
ดุจแพรเดินแยกไป ระหว่างนั้นหยกพึมพำ
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...”
หยกฝันไปว่า เขาวิ่งไปที่พักของเขาบนดาดฟ้าพร้อมกับร้องเรียก...
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
เขาหันไปเห็นเธอยืนอยู่คนเดียวเงียบๆที่ดาดฟ้า จึงรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วดึงเธอมากอดเอาไว้ทันที
“อย่าทิ้งฉันไปนะกิ่งเหมย...ฉันขอร้องล่ะ”
“หยก...”
“ฉันไม่อยากเคว้งคว้างอยู่คนเดียว ชีวิตฉันมีแต่เธอ ได้โปรดเถอะนะ...อยู่กับฉัน”
หยกน้ำตาคลอเบ้าอย่างเสียใจ กิ่งเหมยใช้มือคลำใบหน้าเขาสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมา
“หยก...ฉัน...ฉันขอโทษ พอไม่มีเธออยู่ด้วย ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะมองดาวดวงเดิมที่เราเคยดู ด้วยกันได้ยังไง...ฉันมองไม่เห็น ฉันหาไม่เจอ...ฉันขอโทษ...”
กิ่งเหมยพลอยร้องไห้ไปด้วย หยกเช็ดน้ำตาให้ แล้วจับมือเธอที่สัมผัสใบหน้าเขาอยู่
“ได้สิกิ่งเหมย...เราจะอยู่ด้วยกัน และมองดาวดวงเดียวกันไปชั่วชีวิต”
หยกทำเหมือนเดิมกับครั้งก่อนที่ใช้มือกิ่งเหมยสัมผัสใบหน้าเขาแล้วชี้ขึ้นไปที่ท้องฟ้า ณ ดาวดวงเดิม ก่อนจะหัน มาสบตากันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ดุจแพรกลับเข้ามาพร้อมผ้าชุบน้ำ ช่วยเช็ดหน้าเช็ดตัวให้หยกด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้เลยนะหยก...เธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไร ทำไมไม่บอกฉัน”
ดุจแพรเป็นห่วงเช็ดหน้าให้แล้วก็ช่วยจับตัวเขาขึ้นมาเพื่อช่วยถอดเสื้อตัวนอกออก จังหวะนั้นใบหน้าของดุจแพร ใกล้กับใบหน้าของหยกที่ลืมตาขึ้นมามองพอดี หยกยังอยู่ในภวังค์ความฝัน คิดว่าดุจแพรเป็นกิ่งเหมย เขาค่อยๆประคองใบหน้ากิ่งเหมยเข้ามาใกล้ๆซึ่งความจริงแล้วเขาประครองใบหน้าดุจแพร
“ฉันรักเธอและไม่มีวันที่ฉันจะยอมเสียเธอไป”
หยกบรรจงจูบริมฝีปากดุจแพรอย่างอ่อนโยน
“ขอบใจที่รักฉันนะหยก ชีวิตฉันก็มีแต่เธอคนเดียวเหมือนกัน ฉันจะอยู่เพื่อเธอตลอดไป”
ดุจแพรจูบกลับอย่างดูดดื่ม ก่อนที่หยกจับจะจับไหล่เธอพลิกตัวนอนลงบนเตียง...หยกยังอยู่ในความฝัน เขาสบตากับกิ่งเหมยอย่างซาบซึ้ง เปิดไหล่เสื้อเธอแล้วจูบเบาๆที่ไหล่ กิ่งเหมยหลับตามีความสุข แต่ในความจริงเขาจูบไหล่ของดุจแพรทำให้เธอมีความสุขจนกอดเขาแน่นนิ้วจิกลงไปที่แผ่นหลัง...
วันใหม่...หยกรู้สึกตัวขึ้นมาบนเตียงนอนมีอาการปวดหัวมึนๆอยู่บ้างก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้นอนเปลือยท่อนบนอยู่คนเดียวบนเตียงแต่มีดุจแพรที่นอนกอดเขาไว้
“คุณหนู!” หยกตกใจ
ดุจแพรยังไม่รู้สึกตัวเพราะยังอยู่ในภวังค์ของความสุข มีแต่ขยับตัวกอดหยกแน่นมากขึ้น หยกได้แต่นิ่งอึ้งไม่คาดคิดว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไปอย่างไม่รู้ตัว เขาค่อยๆจับมือหญิงสาวที่โอบกอดเขา ไว้แน่นออกจากตัวช้าๆแล้วลุกจากเตียงอย่างเงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกตัว
กิ่งเหมยนอนหลับอยู่ที่โซฟาหลังจากที่มารอหยกอยู่ทั้งคืน กระทั่งส้มเช้งเข้ามาปลุก
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมย รู้สึกตัว
“ส้มเช้ง”
“นี่แกนอนรออยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยเหรอ”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ
“หยกยังไม่มาอีกเหรอ”
“ถ้ามันโผล่มาแล้วฉันจะถามแกทำไมล่ะ...ไอ้ฉันก็นึกว่ามันจะกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุยกันไปเรียบร้อยแล้วซะอีก”
กิ่งเหมย ส่ายหน้า
“เปล่า ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวทั้งคืน”
“งั้นฉันว่าแกกลับบ้านก่อนเถอะ ไว้มันมาแล้วค่อยมาคุยกับมัน”
“ไม่...ฉันจะรอหยกอยู่ที่นี่ ฉันเป็นคนผิดที่ทำร้ายจิตใจเขา ทั้งๆที่เขารักฉัน แต่ฉันกลับ...”
กิ่งเหมยพูดไปก็เศร้าอีกจนส้มเช้งสงสาร
“แกไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว แกไม่ผิดหรอกที่ผลักไสไอ้หยกออกจากชีวิต เพราะผู้หญิงทุกคนก็ต้องอยากทำให้ผู้ชายที่ตัวเองรักมีความสุขกันทั้งนั้น ฉันเชื่อว่าถ้าไอ้หยกได้ฟังคำขอโทษของแก มันต้องเข้าใจ”
ส้มเช้งจับมือเพื่อนมาบีบให้กำลังใจ กิ่งเหมยพยักหน้ารับอย่างมีความหวัง
หยกใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เดินไปเดินมาหน้าเครียดอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พยายามนึกว่าเมื่อคืนเกิด อะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีอะไรกับดุจแพร
“หยก”
หยกชะงักหันไปเห็นดุจแพรอยู่ในชุดคลุมหลวมๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุขโผเข้ามากอด
“ฉันตื่นขึ้นมาไม่เจอเธอ...นึกว่าเธอจะทิ้งฉันไว้แล้วซะอีก”
“คุณหนู”
ดุจแพรยิ่งกอดแน่นด้วยความรัก หยกยิ่งหนักใจ
“คุณหนูครับ...คือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้...”
ดุจแพรเงยหน้ามองเขาแล้วเอามือแตะปากห้ามไม่ให้พูด
“ขอให้ฉันบอกเธอก่อนนะหยก ที่เกิดขึ้นกันเราเมื่อคืน ไม่ใช่เพราะว่าฉันใจง่ายยอมเธอ แต่เพราะว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ยินจากปากของเธอเลยว่ารู้สึกกับฉันยังไง พอเธอบอก ฉันว่าเธอจะไม่มีวันยอมเสียฉันไป…” ดุจแพรนิ่งไปแล้วน้ำตาคลออย่างตื้นตัน “หยก...แค่นั้นฉัน ก็มั่นใจแล้วว่าชีวิตของฉันจะฝากอยู่ในมือเธอได้”
หยกอึ้งไปแทบพูดไม่ออก
“คุณหนู”
ดุจแพรร้องไห้ดีใจ
“เธอคือคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ขาดไปของฉันจริงๆนะหยก...ฉันขอบใจ…ขอบใจที่รักฉันนะหยก”
หญิงสาวสะอื้นไห้ ซบอกชายหนุ่มอย่างน่าสงสาร ทำให้หยกไม่กล้าพูดอะไรออกไปคิดถึงตอนที่กิ่งเหมย ผลักไสเขา นึกถึงกิ่งเหมยที่ปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วพูดทิ่มแทงใจเขา...
‘…เพราะเราทุกคนต่างก็ต้องการสิ่งดีๆให้กับตัวเองกันทั้งนั้น คุณแพรเป็นพี่สาวฉันและมีพร้อมทุกอย่างที่จะเติมเต็มชีวิตเธอ ส่วนฉันคือคนพิการ ที่ไร้ประโยชน์...หยก...ต่อให้เธอสาบานว่าเธอจะไม่รู้สึกแบบนั้น แต่สำหรับฉัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยน ความรู้สึกนี้ไปได้...ได้โปรดเถอะนะ อย่าเอาความรักของเรามาทำร้ายกันและกันเลย’
หยกเจ็บปวดรวดร้าวและตัดสินใจรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชาย
“เมื่อกี้เธอจะบอกอะไรฉันเหรอหยก” ดุจแพรถาม
“เปล่าครับคุณหนู...ที่ผมจะพูดคือสิ่งที่คุณหนูพูดไปหมดแล้ว”
ดุจแพรสวมกอดเขาแน่นด้วยความดีใจและรักสุดๆ
กิ่งเหมยยืนถือไม้เท้ารอหยกด้วยความตั้งใจและอดทน ครู่หนึ่งเธอได้ยินเสียงบางอย่าง เธอดี ใจรีบใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินเข้าไปที่พัก
“หยก...เธอกลับมาแล้วใช่มั้ย”
กิ่งเหมยพยายามเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
“หยก...ฉันได้ยินเสียงเธอ...นั่นเธอใช่มั้ย...หยก”
กิ่งเหมยหน้าตามีความหวัง หยกยืนมองอย่างเจ็บปวดที่เห็นกิ่งเหมยรอเขาอยู่
“พูดกับฉันสิหยก...ฉันรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ฉันอยากจะขอโทษเธอนะหยก ที่ฉันไล่เธอไป จากชีวิตฉัน ฉันอยากให้เธอฟังฉันอธิบาย”
กิ่งเหมยหันไปทางที่หยกยืนอยู่ เธอค่อยๆใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินเข้าหา พอเกือบจะใกล้ถึง หยกกลับถอยห่าง ออกไปเพื่อ ไม่ให้เธอรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น กิ่งเหมยหยุดอยู่กับที่
“หยก...ฉันอยากจะมองเห็นเธอ จะได้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่กับฉันจริงๆ”
กิ่งเหมยเริ่มน้ำตาเอ่ออย่างเสียใจ หยกเองก็เหมือนกัน เขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าเธออยู่ที่นี่ก็ได้โปรดฟังฉัน ฉันผิดไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันยอมเจ็บเพื่อให้เธอได้มีความสุข แต่เปล่าเลย ฉันต่างหากที่ยิ่งทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากกว่าเดิม ความรักของฉันคือได้ เห็นคนที่รักมีความสุข ฉันขอโทษนะหยก...กลับมาหาฉัน แล้วฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ จากเธอ”
กิ่งเหมยระบายความเสียใจออกมาจนน้ำตานองหน้า หยกเองก็ร้องไห้เสียใจแต่กลัวว่าเสียงร้องไห้ของเขาจะทำให้เธอรู้ตัว เขาจึงต้องเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรมานบีบคั้นหัวใจ
“หยก...ถ้าเธออยู่ที่นี่กับฉัน ขอร้องล่ะ...ช่วยจับมือฉันได้มั้ย ฉันอยากให้เราจับมือเดินไป ด้วยกัน”
กิ่งเหมยค่อยๆยื่นมือออกไปช้าๆรอให้เขายื่นมือมาจับมือเธอ หยกน้ำตาไหลพรากสงสารกิ่งเหมยจับใจเลยยื่นมือออกไปหา มือของทั้งคู่เข้าใกล้กันช้าๆ จนเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้วแต่หยกกลับชะงักค้างไว้อยู่อย่างนั้น เขามองกิ่งเหมยอย่างเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ตัวเองทำไว้กับดุจแพร คำพูดของดุจแพรแว่บเข้ามาในหัว
‘…ขอให้ฉันบอกเธอก่อนนะหยก ที่เกิดขึ้นกันเราเมื่อคืน ไม่ใช่เพราะว่าฉันใจง่ายยอมเธอ แต่เพราะว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ยินจากปากของเธอเลยว่ารู้สึกกับฉันยังไง พอเธอบอก ฉันว่าเธอจะไม่มีวันยอมเสียฉันไป…หยก...แค่นั้นฉัน ก็มั่นใจแล้วว่าชีวิตของฉันจะฝากอยู่ในมือเธอได้’
หยกอึ้งไปแทบพูดไม่ออก
‘คุณหนู’
ดุจแพรร้องไห้ดีใจ
‘เธอคือคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ขาดไปของฉันจริงๆนะหยก...ฉันขอบใจ… ขอบใจที่รักฉันนะหยก’ หยกไม่สามารถจับมือกิ่งเหมยได้อีก เลยดึงมือกลับปล่อยให้เธอยืนเคว้งคว้าง
“หยก...ชีวิตของฉันขอฝากอยู่ในมือเธอได้มั้ย”
หยกกำหมัดแน่น ใช้มันทุบเข้าไปที่หน้าอกตรงหัวใจตัวเองซ้ำๆแรงๆ อย่างต้องการทำร้ายหัวใจที่กำลังทำร้ายกิ่งเหมยอยู่อย่างเลือดเย็น กิ่งเหมยร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“หยก...ฮือๆ! หยก...”
กิ่งเหมยทรุดลงร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟายเจ็บปวดแสนสาหัส หยกจำเป็นต้องทิ้งเธอไว้อย่างนั้นแล้วเดิน จากมาด้วยความรวดร้าวไม่ต่างกัน
หยกบิดมอเตอร์ไซค์ไปตามถนน ร้องไห้ไป เขาเข้ามาจอดในตึกร้าง พอลงจากรถได้ก็คว้าไม้หน้าสามไปฟาดกับเสาอย่างบ้าคลั่งจนไม้ หักคามือ เท่านั้นไม่พอยังกำหมัดชกใส่เสาปูนอย่างแรงติดๆกันหลายครั้งแล้วส่งเสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับน้ำตาที่ทำร้ายผู้หญิงที่ตัวเองรัก
กิ่งเหมยเดินร้องไห้ลงมาตามบันได พอจะถึงขั้นสุดท้ายที่พื้นก็สะดุดล้มลงเพราะตาที่มองไม่เห็น เธอทรุดอยู่อย่างนั้นและนั่งร้องไห้เสียใจ ส้มเช้งตามเข้ามาเห็นเพื่อนก็เข้าไปช่วยประคอง กิ่งเหมยได้แต่จับมือเพื่อน แล้วซบหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวด
ดุจแพรเดินออกมายืนที่ริมหน้าต่างคอนโดใช้ปากเป่าที่กระจกให้เกิดเป็นคราบไอน้ำ แล้ววาดรูปหัวใจแทน ความรู้สึกมีความสุขของเธอ
วันใหม่...เจ้าสัวเล้งนั่งดูแฟ้มเอกสารงานทั้งหมดของธุรกิจ ดวงแขเดินยิ้มเข้ามาหา
“คุณคะ...หมอยังไม่อยากให้คุณออกจากโรงพยาบาล แต่คุณก็ไม่เชื่อ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา แล้วมันจะคุ้มกันเหรอคะ”
“หมอไม่ได้มารู้ดีกว่าตัวฉันเองหรอก”
เจ้าสัวตอบไปอย่างไม่สนใจดวงแข แล้วหันไปที่นนท์ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่
“เอาของกลุ่มอสังหามาให้ฉันดูสินนท์”
นนท์ยื่นแฟ้มให้ เจ้าสัวรับไปพลิกดูรายละเอียดอย่างสนใจ
“มีอะไรเหรอคะคุณ” ดวงแขพยายามซัก
“รายงานสรุปธุรกิจทั้งหมดของฉัน ระหว่างที่ฉันต้องอยู่โรงพยาบาล มานพเป็นคนจัดการ ทั้งหมดใช่มั้ย”
“ค่ะคุณ...มีอะไรผิดปกติเหรอคะ”
“ตามมานพไปพบฉันที่ห้อง”
เจ้าสัวสั่งแล้วลุกเดินออกไป ดวงแขมองตามหน้าตาเป็นห่วง
มานพเดินมาตามทางเดินในบ้านกับดวงแข...
“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา แม่เห็นเขานั่งดูอยู่นานสองนาน หรือว่าเขาจับผิดแกได้”
มานพหยุดเดิน หน้าเครียด
“ตานพ...ถ้าแผนของไอ้โหงวพลาดมันจะทำให้แกซวยไปด้วยนะ”
“ถึงตอนนี้ ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่มีวันเล่นงานเขาได้”
มานพบอกดวงแข ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปหาเจ้าสัวเล้ง
เจ้าสัวเล้งโยนเอกสารลงบนโต๊ะต่อหน้ามานพ
“แกรู้ใช่มั้ยว่ามีการยักยอกเกิดขึ้น!”
มานพนิ่งซึมๆ ให้พ่อเห็นว่ารู้สึกผิด
“ว่าไงล่ะมานพ”
“ครับพ่อ...ระหว่างที่พ่อเข้าโรงพยาบาล พอผมเข้ามาตรวจสอบงานที่พ่อทำไว้ก็เลยพบ ว่ามีการยักยอกเกิดขึ้น”
“ทั้งที่แกตรวจเจอแล้วทำไมแกยังพยายามปกปิดข้อมูลไม่ให้ฉันรู้ หรือว่าแกรู้เห็นด้วย”
เจ้าสัวเข้าไปกระชากคอเสื้อมานพ จ้องหน้าอย่างจับผิด
“ไม่ใช่นะครับพ่อ...ผมไม่เคยคิดหักหลังพ่อเลย แต่ที่ผมจำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้ก็เพราะ...”
“เพราะอะไร”
“เพราะพวกที่ยักยอกพ่อเป็นพวกพนักงานเก่าๆที่เคยทำงานกับพ่อ พอผมรู้เข้าและไป เจรจากับพวกเขา แต่พวกนั้นก็ไม่สนใจและไม่กลัวคำขู่ของผม”
“เป็นไปไม่ได้ พวกนั้นทำงานกับฉันมาตั้งแต่ฉันเข้ามารับช่วงต่อจากอากงแก ฉันรู้จักทุก คนดี ไม่มีใครคิดทรยศหักหลังฉันแน่”
“แต่ผมมีหลักฐานนะครับพ่อ พวกนั้นรวมหัวกันยักยอกเงินของพ่อไปเข้าบัญชีต่างประ เทศ ถ้าพ่ออยากเห็นผมจะเอาให้ดู”
เจ้าสัวนิ่งมองมานพอย่างสนใจ
ดวงแขมาคุยกับโหงวที่โรงสี
“ไอ้พวกพนักงานเก่าๆที่เล้งมันไว้ใจ ฉันเป็นคนฝึกพวกมันมาเองกับมือทั้งนั้น รู้จักมันดี กว่าที่ไอ้เล้งรู้จักเยอะ แค่ฉันลากปืนไปจ่อหัวลูกเมียมันแล้วขู่พวกให้ร่วมมือหักหลังเล้ง แลกกับผลตอบแทนที่จะได้จากการสนับสนุนมานพในภายหลัง แค่นี้มือเท้าของไอ้เล้ง ก็ถูกตัดทิ้งแล้ว” โหงวยิ้มเยาะ
“แกนี่มันร้ายกาจจริงๆ”
“เธอว่าฉันร้ายแล้วก็ยังไม่เท่ากับมานพหรอก ลูกของเราเป็นได้ทั้งพยัคฆ์และอสรพิษ”
โหงวยิ้มหยัน
เจ้าสัวเล้งดูหลักฐานจากในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่มานพเอามาให้ดู ถึงกับอึ้งไป มือกำหมัดกัดกรามแน่น
“พวกมัน...พวกมันหักหลังฉัน!”
เจ้าสัวกวาดข้าวของบนโต๊ะทิ้งอย่างหัวเสียแตกกระจาย มานพยืนดูแล้วแอบยิ้มร้ายก่อนจะเล่นละครตีหน้าเศร้าต่อ
“เป็นความผิดของผมเองครับพ่อ ทั้งๆที่ผมเห็นว่ามีคนทรยศหักหลังพ่อ แต่ผมกลับทำ อะไรไม่ได้ เป็นได้แค่ไอ้ลูกขี้ขลาดเท่านั้น”
มานพนั่งเศร้าบีบน้ำตาออกมาให้พ่อเห็นใจ
“หยุดได้แล้วมานพ...แกต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ฉันเห็น”
“พ่อ”
เจ้าสัวเล้งเข้าไปจับไหล่มานพพยุงให้ลุกขึ้น
“แกคือสายเลือดของฉัน แกต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้คนอื่นมันจ้องทำร้าย เพราะเมื่อ ไหร่ที่เราล้ม ก็พร้อมจะมีคนรุมขย้ำ เข้าใจมั้ย”
“แต่ผมช่วยพ่อไม่ได้”
“ได้สิ...ไอ้พวกที่มันทรยศหักหลังฉัน ฉันจะไล่มันออกไปให้หมด ส่วนแก...ตั้งแต่นี้ต่อไป แกคือตัวแทนของฉัน ธุรกิจของมังกรวารีทั้งหมดจะต้องอยู่ในมือแก”
“พ่อ!”
มานพดีใจโผกอดเจ้าสัว แต่แววตาฉายแววร้ายกาจอย่างที่สุด
คมทวนจับมือหยกมาดูแผลที่ถูกพันผ้าเอาไว้
“เอ็งต้องรู้จักระวังให้มากกว่านี้นะไอ้หยก ถ้าพวกมันใช้เอ็งให้ไปมีเรื่องมีราวอีก เอ็งก็ ต้องหาทางเลี่ยง”
“ครับพ่อ ต่อไปผมจะคอยระวังตัวให้มากกว่านี้”
“แล้วเรื่องที่พ่อคุยกับเอ็งไว้ ใกล้จะได้เวลารึยัง”
“ก็ใกล้แล้วล่ะพ่อ เสี่ยตงมีแผนจะปล่อยยาเสพติดล็อตใหญ่แล้วให้ผมเป็นคนคุม งานนี้ ผมวางแผนไว้กับผู้การแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คงได้เวลาปิดคดี”
“งั้นเอ็งจะได้กลับมาเป็นตำรวจจริงๆซะที”
“ครับพ่อ”
คมทวนดีใจ
“หยก...พ่อดีใจถ้าเอ็งจะได้เกียรติยศนั้นคืน สัญญากับพ่อนะ ว่าเราจะกลับไปอยู่ ที่บ้านเก่าของแม่เอ็งด้วยกัน แล้วเอ็งจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟียพวกนั้นอีก”
“ผมรับปากพ่อไว้แล้ว พ่อไม่ต้องห่วง”
หยกยิ้มให้พ่อสบายใจแล้วคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงมีท่าทีหนักใจจนคมทวนสงสัย
“เอ็งบอกให้พ่อสบายใจ แต่ดูเอ็งมีเรื่องหนักใจอยู่ มีอะไรรึเปล่า”
หยกนิ่งไปไม่ค่อยอยากเล่าให้พ่อฟัง ระหว่างนั้นเสียงดุจแพรดังเข้ามาขัดจังหวะ
“หยก”
“คุณหนู !”
“สวัสดีค่ะคุณอา” ดุจแพรยื่นกระเช้าผลไม้ให้คมทวน “หนูซื้อของฝากมาให้ค่ะ”
คมทวนมองดุจแพรอย่างแปลกใจแล้วหันไปมองหยก
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 14 (ต่อ)
คมทวนดึงหยกมาคุยห่างๆจากดุจแพรที่กำลังปอกผลไม้ใส่จาน
“เอ็งว่าไงนะ...นี่เอ็งคิดอะไรอยู่ถึงไปคบกับลูกสาวเจ้าพ่อ”
“เรื่องมันยาวน่ะพ่อ”
คมทวนจับแขนลูกดึงมามองหน้าจริงจัง
“อย่าบอกนะว่าเอ็งใช้เธอเป็นสะพาน”
“เปล่านะพ่อ...ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
“งั้นทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้เอ็งทอดทิ้งกิ่งเหมย”
หยกนิ่งไปอย่างเจ็บปวด
“กิ่งเหมยเป็นฝ่ายไม่ต้องการผมต่างหากครับ เธอมีคนที่พร้อม ดูแลอยู่แล้ว ส่วนคุณแพรถ้าพ่อเธอถูกจับติดคุกเมื่อไหร่ เธอจะเป็นคนที่น่าสงสารมาก กว่ากิ่งเหมย เพราะชีวิตเธอจะไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียว”
หยกแกะมือพ่อที่ยังจับแขนเขาอยู่แล้วเดินเข้าไปหาดุจแพร คมทวนมองลูกชายแล้วถอนใจ
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าช่วยคลำทาง เดินคู่กับธงรบมาตามทางเดินในตรอก
“ระวังสะดุดนะครับ...พื้นตรงนี้ไม่เท่ากัน”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“วันนี้ทั้งวัน คุณรู้มั้ยครับว่าคุณพูดขอบคุณผมกี่ครั้งแล้ว”
“ก็คุณช่วยฉันมากเหลือเกินนี่คะ ทั้งพาฉันไปเรียนอักษรเบลล์ นั่งรอแล้วก็ยังพามาส่งอีก”
“ผมมันพวกตกงาน ไม่มีงานทำก็เลยว่างเป็นพิเศษน่ะครับ”
“คุณจะไม่กลับไปเป็นตำรวจอีกแล้วเหรอคะ”
“ผมต้องกลับไปเป็นตำรวจอีกสิครับ เพราะเป็นอย่างเดียวที่ผมทำได้ดีที่สุด ยิ่งตอนนี้ถ้า ผมจับคดีใหญ่ๆได้สักคดีนึงล่ะก็ พวกเขาจะต้องยอมรับผม”
“ฉันขอเอาใจช่วยคุณแล้วกันนะคะ”
ธงรบขอบคุณกิ่งเหมยแล้วจะพาเดินต่อ แต่ระหว่างนั้นเขาเห็นหยกกำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าร้าน หยกยังไม่เห็นทั้งคู่ ธงรบเลยชะงัก
“หยุดทำไมเหรอคะคุณธงรบ”
ธงรบไม่ตอบมองไปที่หยกที่กำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์ ดุจแพรเอาน้ำเข้ามาให้กิน หยกมือเปื้อนน้ำมันเครื่อง ดุจแพรจึงช่วยป้อนน้ำให้อย่างสนิทสนมดูรักกัน ธงรบเลยตัดสินใจบอกกิ่งเหมย
“ทางข้างหน้าไปต่อไม่ได้ครับ มีน้ำขังเต็มพื้นเลย ผมว่าเราอ้อมไปอีกทางดีกว่า”
ธงรบช่วยจับมือพากิ่งเหมยเดินอ้อมไปอีกทาง เพื่อไม่ให้พบหยกกับดุจแพรที่กำลังดูมีความสุข
หยกเอาเครื่องมือมาขันน็อตเก็บงานซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่ทำอยู่ ส่วนดุจแพรนั่งมองเขาจนเพลิน
“ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอซ่อมมอเตอร์ไซค์เก่งมากเลย”
“ถ้าเรารักที่จะทำอะไรแล้ว เรามักจะทำสิ่งนั้นได้ดีครับ”
“ก็จริงนะ...เหมือนที่ฉันรักเธอ ฉันเลยมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เธอไง”
หยกชะงักไปต่อไม่เป็นเลย ดุจแพรขำท่าทางของเขาแล้วนึกอะไรออกได้
“เออนี่หยก...ถ้าเธอซ่อมรถเก่งขนาดนี้...ฉันว่าเธอเลิกทำงานให้พ่อฉันได้แล้วล่ะ” หญิงสาวรีบลุก เข้าไปเกาะแขนแล้ววาดภาพฝันกับชายหนุ่ม “ฉันพอมีเงินเก็บที่เก็บไว้ตอนทำงานระหว่าง เรียนที่เมืองนอก ฉันจะเอามาเปิดร้านให้เธอ ส่วนฉันก็จะไปหางานอื่นทำที่ไม่ต้องเกี่ยว ข้องกับป๋าอีก เราสองคนจะสร้างครอบครัวด้วยกัน ไม่ยอมให้เขามาบงการชีวิตเรา”
หยกนิ่งไป
“ว่าไงล่ะหยก...เธอเห็นด้วยรึเปล่า”
“ครับคุณหนู”
ดุจแพรดีใจ
“จริงๆนะหยก...งั้นต่อไปนี้เธอต้องเลิกเรียกฉันว่าคุณหนูได้แล้ว”
“ครับคุณแพร”
ดุจแพรดีใจมีความสุขมากกอดแขนเขา ผิดกับหยกที่หนักใจมาก
ธงรบยืนรออยู่บริเวณหนึ่งของตรอกศาลเจ้า รอจนหยกเดินผ่านเข้ามาเขาจึงก้าวมาขวาง
“ในที่สุดสันดานเห็นแก่ตัวของแกมันก็เผยออกมาจนได้ ลูกสาวเจ้าพ่อยังไงมันก็ดีกว่า ผู้หญิงพิการตาบอดที่ช่วยตัวเองไม่ได้”
หยกชะงัก
“หมวด”
“แต่จะว่าไปฉันก็ดีใจที่แกเลือกทางนี้ เพราะฉันจะได้ทำหน้าที่ดูแลกิ่งเหมยได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมีแกมาคอยเป็นก้างขวางคอ”
หยกเข้าไปกระชากคอเสื้ออย่างไม่พอใจ ธงรบจ้องหน้าเขม็ง
“ส่วนแก...อย่าคิดว่าการใช้ลูกสาวเจ้าพ่อเพื่อไต่เต้าจะทำให้แกขึ้นไปใหญ่ได้ เพราะ ฉันจะตามล่าพวกอาชญากรทุกตัวมารับโทษที่มันสมควรได้รับ!”
ธงรบแกะมือหยกที่จับคอเสื้อตัวเองแล้วผลักหยกออกไปแรงๆ ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่องได้ทุกเมื่อ ระหว่างนั้นกิจชัยโผล่เข้ามาพร้อมยกปืนจ่อพร้อมเอาเรื่อง
“ถอยไปเลย...อย่ายุ่งกับพวกผมดีกว่า...ไม่งั้นลูกปืนอาจจะลั่นเปรี้ยงใส่กบาลเอา”
ธงรบหันมามองกิจชัยอย่างไม่พอใจ กิจชัยส่ายปืนกวนๆ
“โอ๊ะๆ!...มือสั่น นิ้วสั่น เดี๋ยวได้ลั่นเปรี้ยงแน่เลย...ฮ่าๆ!”
ธงรบเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยยกมือยอมถอยออกมา กิจชัยหันไปที่หยกแล้วพยักหน้าให้ตามมันออกไปด้วยกัน ธงรบมองตามหยกกับกิจชัยอย่างสงสัย
หยกมากับกิจชัยอีกมุมหนึ่งในตรอก
“ไอ้ตำรวจนั่นมันมายุ่งอะไรกับแกวะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
กิจชัยสงสัย
“ไม่มีอะไร...แน่เหรอวะไอ้หยก แกน่าจะรู้นะว่าไอ้คนที่คิดทรยศหักหลัง เสี่ยจุดจบมันจะลงเอยยังไง”
“แกหมายความว่าไง สงสัยว่าฉันเป็นพวกเดียวกับมัน”
“ก็ฉันเห็นแกดูท่าทางมีเรื่องคุยกับมันเยอะ...กุ๊ยกับตำรวจคงไม่มีเรื่องต้องคุยกันมาก มายหรอกมั้ง”
“ถ้าฉันเป็นสายตำรวจจริงๆอย่างที่แกสงสัย ป่านนี้แกติดคุกหัวโตไปแล้ว”
หยกผลักกิจชัยแล้วจะเดินออกไป แต่กิจชัยตามไปจับไหล่ไว้ให้คุยกันก่อน
“ใจเย็นสิวะ ก็แค่สงสัยเลยถาม ถ้าแกไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ฉันก็แค่มาตามแกไปทำงาน เพราะ เสี่ยระบุสถานที่กับเวลามาให้แล้ว”
หยกชะงักสนใจ
“ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ยังเป็นความลับอยู่ว่ะ บอกตอนนี้ไม่ได้ว่ะ เอาเป็นว่าเตรียมตัวให้พร้อม รับรองงานนี้ สนุกแน่”
กิจชัยยิ้มร้ายตบบ่าหยกแล้วเดินออกไป ธงรบแอบตามมาหลบฟัง ได้ยินเรื่องงานใหญ่ก็สนใจ
กิ่งเหมยกำลังเก็บของไหว้เจ้าออกจากโต๊ะ แต่พลาดทำส้มไหว้เจ้าตกพื้น ดุจแพรเข้ามาหยิบแล้วยื่นให้
“ฉันช่วยเก็บให้นะกิ่งเหมย”
“คุณแพร ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันเก็บเองได้”
“ให้ฉันช่วยเธอ ได้ตอบแทนเธอบ้างเถอะนะกิ่งเหมย เพราะถ้าไม่ได้เธอช่วย ฉันกับหยก ก็คงไม่มีความสุขด้วยกันแบบนี้”
กิ่งเหมยชะงักอึ้ง
“มีความสุด้วยกัน...หมายความว่า...”
ดุจแพรจับมือกิ่งเหมยมากุมหน้าตามีความสุข กิ่งเหมยรับรู้ได้ถึงความดีใจของเธอผ่านการสัมผัส
“หยกเขาบอกรักฉันและสัญญาว่าจะดูแลฉันด้วยชีวิต ฉันต้องขอบคุณเธอมากเลยนะ”
กิ่งเหมยฟังแล้วเจ็บปวดน้ำตาคลอ จนดุจแพรเห็นน้ำตา
“กิ่งเหมย”
“เอ่อ...ฉัน...ฉันร้องไห้เพราะดีใจกับคุณด้วยค่ะคุณแพร ได้รู้ว่าคุณกับหยกมีความสุขด้วย กัน น้ำตาฉันก็พาลไหลออกมาเอง”
“เพราะเธอดีกับฉัน ดีกับหยกมากไงกิ่งเหมย ชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอคนดีๆ อย่างเธอ” ดุจแพรจับมือกิ่งเหมยมากุมแล้วนึกอะไรได้ “ฉันนึกอะไรออกแล้ว...มานี่สิ”
ดุจแพรรีบจูงมือพากิ่งเหมยเดินไปด้วยกัน
ดุจแพรพากิ่งเหมยเข้ามานั่งคุกเข่าหน้ารูปปั้นเทพเจ้า
“คุณจะทำอะไรคะคุณแพร” กิ่งเหมยสงสัย
“ฉันรู้สึกกับเธอเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับฉัน เพราะฉะนั้นเรามาสาบานต่อหน้าเทพ เจ้ากันเถอะ ให้ฟ้าดินเป็นพยานว่าเราสองคนจะรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ร่วมสายเลือดเดียวกัน”
กิ่งเหมย อึ้งไปทันที
“คุณแพร...ฉันว่า...”
ดุจแพรอ้อนวอน
“นะกิ่งเหมย...สำหรับน้ำใจที่เธอมีให้ฉัน แค่คำว่าเพื่อนมันคงน้อยไปที่ฉันจะตอบ แทนให้ แต่ถ้าเราสาบานว่าจะเป็นพี่น้องกัน ฉันสัญญาว่าถ้าเธอต้องการอะไร ฉันก็จะ หามาให้เธอทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตของฉันถ้าเธออยากได้ฉันก็จะให้”
“อย่าพูดอย่างนี้สิคะคุณแพร”
“ฉันพูดจริงๆนะ อยู่ใกล้เธอแล้วฉันมีความสุขเหมือนอยู่กับพี่น้องตัวเอง”
“แต่...”
“เธอไม่อยากเป็นพี่น้องกับฉันเหรอ”
กิ่งเหมย นิ่งไปครู่
“เปล่าค่ะ...คือฉัน...ฉันก็รักคุณเหมือนพี่น้องของฉันค่ะ”
ดุจแพรดีใจมาก
“จริงนะกิ่งเหมย...งั้นฉันให้เธอเป็นน้องสาวของฉันนะ เพราะเธอจะได้ยอมให้ ฉันดูแลเธอในฐานะพี่สาวไง”
“ก็ได้ค่ะคุณแพร”
“ฉันดีใจจังเลยกิ่งเหมย”
ดุจแพรสวมกอดกิ่งเหมยอย่างดีใจสุดๆแล้วหันไปพนมมือไหว้เทพเจ้า กิ่งเหมยนิ่งไปอย่างเศร้าๆ
ผู้การสมิงเดินไปเดินด้วยท่าทีหนักใจ ณรงค์เริ่มเป็นห่วง
“ป่านนี้มันยังไม่ติดต่อมา หรือว่าพวกมันจะล้มเลิกแล้วครับผู้การ”
ผู้การสมิงยังไม่มีคำตอบให้ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ในมือดังขึ้นมาพอดี
“หยกติดต่อมาแล้ว”
ผู้การสมิงรีบกดรับสาย
หยกเดินแอบหลบมามุมหนึ่งในโกดังร้างคุยโทรศัพท์กับผู้การอย่างระมัดระวัง
“ผมหยกนะครับผู้การ”
“เป็นไงบ้างหยก ตกลงพวกมันจะลงมือที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันเตรียมคนไว้พร้อมแล้ว”
“เสี่ยตงยังไม่ส่งข่าวมาเลยครับ เขายังให้ผมรออยู่”
“ฉันคาดเอาไว้แล้วว่างานนี้มันต้องระวังตัวแจแน่ เธอต้องพยายามหาทางส่งข่าวมาให้ ฉันตลอดเวลา ความหวังที่จะปิดคดีนี้อยู่ที่วันนี้แล้ว”
“ครับผู้การ”
หยกรับคำแล้วยังไม่ทันจะกดตัดสายเสียงกิจชัยก็ดังแทรกเข้ามา
“ไอ้หยก!”
หยกชะงักรีบเก็บโทรศัพท์ กิจชัยเดินเข้ามามองอย่างสงสัย
“กระเพาะเยี่ยวอักเสบเหรอไงวะไอ้หยก หายหัวมาตั้งนาน”
“เสี่ยติดต่อมาแล้วเหรอ”
“เออ...เมื่อกี้นี้เอง”
“ตกลงที่ไหน เมื่อไหร่”
“ถามไปทำไมวะ เดี๋ยวแกตามฉันไปก็รู้เอง อ้อ...โทรศัพท์ของแก เอามาให้ฉันด้วย”
หยกชะงัก
“แกจะเอาไปทำไม”
“เอามาเหอะน่า...เสี่ยสั่งมา”
หยกนิ่งไปครู่ก่อนจะเอาโทรศัพท์ให้ กิจชัยรับมาแล้วมองอยู่ครู่ หยกลุ้นว่ามันจะทำอะไรกับโทรศัพท์ กิจชัยจัดการโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่สนใจ หยกถึงกับอึ้ง
“เฮ้ย...แกโยนโทรศัพท์ฉันทิ้งทำไม”
“ก็ตั้งแต่นี้ไป แกไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว จะพกไปทำไมให้เกะกะรบกวนเวลาทำงาน ไปได้แล้ว...ถ้าแกจัดการงานใหญ่ให้เสี่ยสำเร็จไม่มีปัญหา เสี่ยจะได้ยกลูกสาวให้แกไง”
หยกเดินมาขึ้นรถกระบะคู่กับกิจชัยแล้วพากันออกไป แกงค์มอเตอร์ไซค์ของกิจชัยขับตาม หลังสามสี่คัน คล้อยหลังไปไม่นานธงรบขับรถตามออกมามองตามพวกมันแล้วแตะคันเร่งขับตามไป
มานพเดินเข้ามาในโรงสีพร้อมกับชาญ ขณะที่โหงวกับพวกลูกน้องกำลังเตรียมพร้อมแจกจ่ายปืนและเครื่องกระสุนพร้อมออกไปจัดหนัก
“งานนี้ฉันจะออกไปด้วย” มานพบอก
“ไม่ต้องก็ได้มั้งมานพ งานเล็กๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหนา ให้พวกนี้ไปจัดการเองก็ได้” โหงวแย้ง
“แต่นี่เป็นงานแรกที่จะประกาศศักดาของพยัคฆ์เมฆา งานเปิดตัวแบบนี้หัวหน้าแก๊งค์จะ ไม่ไปร่วมงานให้กำลังใจลูกน้องได้ยังไง”
มานพเข้าไปหยิบปืนกลอูซี่ขึ้นมาเสียบแม๊กกาซีนแล้วยิงขึ้นฟ้าหลายๆนัดเสียงดังสนั่น ปลุกขวัญพวกคนงานให้ ส่งเสียงเฮตาม
ค่ำนั้น...รถของกิจชัยกับหยกเข้ามาจอดที่ลานโล่งมีตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งเรียงรายปิดล้อม แกงค์มอเตอร์ไซค์ของพวกกิจชัยขี่ตามมาจอดใกล้ๆ หยกมองรอบๆ
“ที่นี่เหรอ”
“เออ...รออยูที่นี่ก่อน อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาที่ลูกค้าของเสี่ยจะมารับของ”
“แล้วของล่ะ”
กิจชัยหันหน้าไปทางตู้คอนเทนเนอร์ตู้หนึ่งไม่ไกลจากจุดที่รอ
“ข้างในนั้นมียาไอซ์ร่วม 50 กิโล ลูกค้าที่เสี่ยนัดไว้มาถึงเมื่อไหร่ แกก็แค่เอายาแลกกับ เงิน แล้วหอบเอาความสำเร็จกลับไปให้เสี่ย แค่นี้แกก็จะได้เป็นลูกเขยเสี่ยแล้ว”
หยกมองไปที่ตู้คอนเทนเนอร์อย่างสนใจ กิจชัยตบบ่า
“บอกตรงๆนะ...ฉันล่ะ อิจฉาแกจริงๆเลยว่ะ เสร็จงานนี้สงสัยต้องไปทำศัลยกรรม จะได้ หน้าตาหล่อๆเอาไว้ล่อลูกสาวเจ้าพ่อคนอื่นให้มาหลงข้าบ้าง ฮ่าๆ!”
ลูกน้องเข้ามา
“ลูกพี่...มีเรื่องผิดสังเกต”
กิจชัยหันไปถาม
“อะไรวะ”
“ลูกน้อง ฉันเดินดูรอบๆเจอรถใครก็ไม่รู้มาจอดทิ้งเอาไว้ ดูไม่น่าไว้ใจเลย”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปดู...ไอ้หยก เอ็งรออยู่นี่แล้วกัน”
กิจชัยเดินออกไปแล้วทิ้งหยกอยู่กับลูกน้องอีกคน หยกครุ่นคิดหาทางออก
ผู้การสมิงมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วกังวล ณรงค์ร้อนใจ
“นี่มันหลายชั่วโมงแล้วนะครับผู้การ ไอ้หยกหายไปนานแบบนี้ ผมว่ามันชักทะแม่งๆแล้ว”
ผู้การสมิงหน้าเครียดก่อนจะเอาโทรศัพท์มากดติดต่อไปหาหยก แต่ติดต่อไม่ได้
“ถ้าพวกมันจะลงมือป่านนี้ก็ควรจะลงมือได้แล้ว...หรือว่า...”
“อะไรเหรอครับผู้การ”
“งานนี้อาจจะเป็นกับดักที่เสี่ยตงต้องการจัดการกับหยก”
ณรงค์ฟังแล้วตกใจ
ตงยืนรออยู่ภายในโกดังท่าเรือ สักครู่เก่งก็เดินเข้ามารายงาน
“ไอ้กิจชัยส่งข่าวมาแล้วครับเสี่ย...ไอ้หยกติดกับที่เสี่ยวางไว้แล้ว”
“ดี...งั้นแกก็รีบไปจัดการตามที่ฉันสั่งไว้”
“ครับเสี่ย”
เก่งเดินออกไป ตงยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์สุดๆแล้วเดินมาที่โต๊ะที่มีผ้าคลุมของบางอย่าง ตงเปิดผ้าคลุมออกในนั้นมียาไอซ์อัดแท่งจำนวนกว่า 50 กิโลวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ตงหยิบขึ้นมามองแล้วหัวเราะชอบใจ
“ไอ้หยก...อย่าหวังเลยว่าแกจะได้ชื่นชมนกน้อยในกรงทองของฉัน ไอ้หน้าไหนที่กล้ามา แตะต้องลูกสาวฉัน มันต้องได้รับบทเรียน”
หยกรออยู่ได้ครู่ใหญ่โดยมีลูกน้องของกิจชัยคนหนึ่งจับตาดูเขาอยู่
“ลูกพี่แกหายไปนานแล้ว เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ไปตามมาสิ”
“เดี๋ยวลูกพี่ก็มา...ทำไม...หรือว่าแกเริ่มป๊อดวะ”
หยกใช้สายตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“ไปก็ได้วะ”
ลูกน้องกิจชัยเดินออกไปทิ้งให้หยกอยู่คนเดียว เขามองที่ตู้คอนเทนเนอร์ที่เก็บยาไอซ์แล้วเข้าไปเปิดตู้ออก แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าในตู้คอนเทนเนอร์มีแค่ยาไอซ์อัดแท่งอยู่ 2-3 ห่อ เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็รู้ได้ทันที ว่าตัวเองถูกหักหลังแล้ว
กิจชัยยืนดูรถคันหนึ่งที่จอดทิ้งไว้ในบริเวณนั้น
“รถคันนี้แหละพี่ฉันเห็นมาจอดเอาไว้นานแล้ว หาตัวเจ้าของก็ไม่เจอ”
กิจชัยเดินสำรวจรอบๆรถ ดูที่หน้ารถเอามือลูบกระจกรถแล้วรีบเดินมาตบหัวลูกน้อง
“ไอ้เวรเอ้ย...รถนี่มันมาจอดทิ้งไว้ที่นี่ตั้งนานแล้ว ฝุ่นจับหนาเตอะขนาดนั้น มึงโง่หรือ ควายกันแน่วะ...หา!”
ลูกน้องจ๋อยไป
“ขอโทษจ้ะพี่...ฉันก็พยายามจะดูความปลอดภัย คอยระวังหลังให้พี่”
“ไว้วันหลังเหอะ...วันนี้เอ็งไม่ต้องมาระวังให้ข้า เพราะข้าไม่ใช่คนที่จะต้องถูกตามล่าเว้ย”
กิจชัยหัวเราะเสียงดังชอบใจ ธงรบที่หลบอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์แอบฟังอยู่
“แต่เป็นไอ้หยกต่างหาก ที่โง่เดินมาติดกับของเสี่ย...ฮ่าๆ! สมน้ำหน้ามัน ดันหาเรื่องไป ยุ่งกับลูกสาวเสี่ย คราวนี้มันได้ติดคุกหัวโตแน่ ฮ่าๆ! หลอกควายสบายใจจัง ฮ่าๆ!”
กิจชัยสะใจ ส่วนธงรบถึงกับอึ้งไป
หยกถือห่อยาไอซ์อัดแท่งเอาไว้ในมือหน้าเครียด ทันใดนั้นเสียงรถจอดเอี๊ยดดังเข้ามา เขาเดินออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ก็ต้องตกใจเมื่อพบรถตำรวจของปปส.คันหนึ่งมาจอดพร้อมกับตำรวจในรถที่ลงมาสั่ง
“วางของกลางลงแล้วยกมือขึ้น”
“เข้าใจผิดแล้ว ยานี่ไม่ใช่ของผม”
“วางของกลางแล้วยกมือขึ้น ไม่อย่างนั้นจะถือว่าขัดขืนการจับกุม”
หยกหน้าเครียดตัดสินใจว่ายอมให้จับไม่ได้ เลยทำทีเป็นวางของกลาง พอตำรวจเผลอก็รีบฉวยโอกาสวิ่งหนี ตำรวจยิงไล่หลังตาม...เปรี้ยงๆ! แต่ไม่โดน ทั้งหมดพากันขึ้นรถไล่ตาม
ณรงค์รีบเข้ามารายงานผู้การสมิงที่รออยู่ใต้ทางด่วน
“ผู้การครับ..ได้เรื่องมาแล้วครับ ผมเช็คข่าวจากปปส.มาแล้ว เพิ่งมีพลเมืองดีโทรแจ้ง เบาะแสให้ไปจับยาเสพติดเมื่อชั่วโมงนี้เอง”
“เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด ไม่ใช่พลเมืองดีที่ไหนหรอก แต่เป็นไอ้เสี่ยตงต่างหากที่คิด สั่งสอนหยก”
“หรือว่ามันรู้แล้วว่าหยกเป็นสาย”
“ไม่หรอก ถ้ามันรู้ว่าหยกเป็นสาย มันสั่งเก็บเหมือนกับสายคนอื่นๆไปแล้ว แต่นี่มันคง ต้องการสั่งสอนให้หยกเลิกยุ่งกับลูกสาวมัน”
“งั้นเดี๋ยวผมจะรีบติดต่อไปบอกให้พวกเขารู้ว่าหยกเป็นสายของเรา”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะหมวด เราจะเปิดโปงหยกไม่ได้ พวกมันอาจจะมีสายอยู่ในกรม ถ้าพวกมันรู้เรื่องหยกขึ้นมาก็เท่ากับว่า...เราส่งหยกให้พวกมันฆ่า”
“งั้นก็หมายความว่าเราช่วยอะไรหยกไม่ได้เหรอครับ”
“ที่ผมเลือกหยกให้มารับงานนี้เพราะผมมั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดได้” ผู้การสมิงบอกอย่างมั่นใจ
หยกวิ่งหนีการไล่จับของตำรวจอยู่ในทางที่วกวนเหมือนเขาวงกต เขาหลบอยู่ข้างๆตู้คอนเทนเนอร์มองตำรวจ 2 คนเดินเข้ามา
“ผมจะไปทางโน้น คุณตรวจดูทางนี้แล้วกัน”
ตำรวจคนแรกเดินออกไป ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นเดินตรวจดูรอบๆ หยกพยายามเดินถอยหลังหลบไม่ให้ตำรวจเห็น แต่พลาดทำเสียงดัง ตำรวจเลยหันปืนมาส่อง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ...ยกมือขึ้น”
หยกชะงักยอมชูมือขึ้นตามสั่ง
“คุกเข่าลงแล้วเอามือประสานไว้บนหัว”
หยกยอมทำตามที่สั่ง แต่พอตำรวจจะเข้ามาจับใส่กุญแจมือ เขาก็ตัดสินใจขัดขืนการจับกุม ใช้เชิงมวยมือ เปล่าเล่นงานต่อสู้กับตำรวจจนสามารถทำให้ตำรวจทรุดหมดสติ ตำรวจอีกคนได้ยินเสียงต่อสู้เลยวิ่งเข้ามา แล้วก็ชักปืนมายิงใส่...เปรี้ยง !! หยกวิ่งหนีกระสุนอย่างเฉียดฉิว เสียงปืนดังไล่หลังติดๆกันหลายนัด หยกต้องวิ่งเอาตัวรอดสุดฤทธิ์
บริเวณถนนเปลี่ยวๆแห่งหนึ่ง รถของมานพจอดขวางกลางถนน ชาญเดินเข้ามาเปิดประตูให้
“มาแล้วครับคุณมานพ”
มานพพยักหน้ารับแล้วก้าวลงจากรถพร้อมรับปืนกลอูซี่มาจากชาญ
“ได้เวลาสนุกกันแล้ว...”
มานพถือปืนเดินไปที่กลางถนน ลูกน้องในโรงสีของมานพที่ถือปืนยืนเรียงหน้ากระดาน โหงวร่วมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทุกคนขึ้นไกปืนพร้อมสำหรับการถล่ม...รถเก๋งยี่ห้อหรูคันหนึ่งขับมาตามถนน พอแสงไฟสาดส่องเข้ามา มานพก็เป็นคนแรกที่เปิดฉากลั่นไกถล่ม เปรี้ยงๆ! เสียงปืนดังสนั่นกระสุนปืนนับเป็นร้อยๆนัดถล่มใส่รถคันนั้นจนพรุน พวกพ่อค้ายาในรถพยายาม เปิดประตูออกมายิงตอบโต้แต่ก็โดนมานพยิงถล่มใส่ตายอนาถ มานพเห็นว่าพวกมันตายเกือบหมดแล้วก็หยุดยิงแล้วพยักหน้าให้ชาญเข้าไปที่รถคันนั้น มานพยืนรออยู่ครู่ชาญก็ลากตัวพ่อค้ายาเสพติดคนหนึ่งที่เลือดโชกไปทั้งตัวแต่ยังไม่ตายเข้ามา
“พะ...พะ...พวกแกเป็นใคร”
มานพยิ้มเหี้ยม
“ใจเย็นๆ...โดนฝังเข้าไปหลายนัดแบบนี้ เก็บแรงไว้พูดเรื่องสำคัญที่ฉันอยากรู้ดีกว่า”
“แก...แกต้องการอะไร”
“ฉันได้ข่าวมาว่าแกกำลังจะไปติดต่อทำธุรกิจยาเสพติดกับไอ้เสี่ยตง”
“แก...แกรู้ได้ยังไง”
มานพยิ้มร้าย โหงวเข้ามา
“เรื่องช่องทางรวยในแวดวงธุรกิจมืด ไม่มีเรื่องไหนที่จะไม่ผ่านหูผ่านตาคนอย่างอั้ว พรรคพวกทั้งในคุกนอกคุกของอั้ว เดินให้กันเพ่นพ่าน แค่อั้วยกหูโทรศัพท์ถามก็รู้แล้ว”
มานพจ้องหน้าพ่อค้ายาเสพติด
“เอาล่ะ...ทีนี้ก็บอกมาว่าไอ้เสี่ยตงนัดส่งยากับแกที่ไหน”
พ่อค้ายาไม่ยอมพูดมองหน้าอย่างเจ็บใจ
“ไม่พูดใช่มั้ย...ได้!”
มานพกดปากกระบอกปืนลงไปที่แผลของมันจนมันร้องเจ็บปวดทรมาน มานพเอาปืนจี้หัว
“ทีนี้จะบอกได้รึยัง!”
พ่อค้ายามองหน้ามานพอย่างหวาดกลัว...
เสียงปืนดังติดกันหลายนัด แล้วรถมานพก็เคลื่อนตัวออกจากถนนพร้อมกับรถของโหงว และลูกน้องทั้งหมด ศพของพ่อค้ายานอนตายคาที่เลือดอาบเต็มตัว บนศพของพ่อค้ายามีการ์ดใบหนึ่งขนาดเท่าไพ่เป็น รูปพยัคฆ์เมฆา เสือร้ายคำรามเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ อันเป็นสัญลักษณ์เดียวกับรอยสักที่แผ่นหลังของมานพ
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 14 (ต่อ)
หยกวิ่งหนีตำรวจอยู่ในบริเวณลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ เสียงปืนไล่หลังดังตลอด
หยกเข้ามาหลบข้างตู้
ตำรวจตามเข้ามาเตรียมจะจับ หยกรอจนได้จังหวะจึงโผล่ออกมาแล้วใช้ มือเปล่าจับแขนตำรวจมาบิดแย่งปืนจากคนแรก ส่วนอีกคนก็หันไปใช้ศอกฟันกลับหลังกระแทกหน้าสลบเหมือด
“ใจเย็นๆไอ้น้อง...อย่าขัดขืนการจับกุมเลย ยังไงน้องก็หนีไม่รอดหรอก ยิ่งถ้าทำร้ายเจ้า หน้าที่ยิ่งไม่พ้นโดนวิสามัญ”
หยกเอาปืนขู่
“อยู่เฉยๆ...ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก”
“งั้นก็มอบตัวเถอะน้อง อย่าทำให้มันยุ่งยากไปกว่านี้”
หยกนิ่งคิดตัดสินใจ ตำรวจเห็นหยกกำลังเผลอเลยจะหยิบปืนสำรองอีกกระบอกที่เหน็บหลังเอว แต่หยกรู้ทัน ยิงปืนลงพื้นขู่...เปรี้ยง !!
“อย่า...อย่าบังคับให้ผมทำร้ายตำรวจ คุกเข่าลงแล้วเอามือไว้บนหัว”
ตำรวจยอมทำตามที่เขาสั่ง หยกเข้าไปข้างหลังแล้วจัดการทุบต้นคอตำรวจทีเดียวฟุบหมดสติ เขาถอนใจโล่งอกนึกว่าจัดการกับตำรวจหมดแล้ว แต่เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้นที่หัว...คลิ๊ก หยกชะงัก
“ฉันเตือนแกแล้วไง...ถ้าแกพลาดเมื่อไหร่ แกได้เจอฉันแน่”
“หมวด!”
ธงรบใช้ด้ามปืนทุบที่ต้นคอหยกจนทรุดแต่ยังไม่หมดสติ แล้วใช้กุญแจมือสับข้อมือกระชากตัวขึ้นมา
“ไป !...แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกัน”
หยกชะงักแปลกใจหันไปมองธงรบ แต่กลับเจอเขาผลักไหล่แรงๆให้เดินออกไปด้วยกัน
ตงรออยู่ในบริเวณโกดังกับลูกน้องและยาไอซ์ทั้งหมด
“นี่มันได้เวลานัดแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไอ้พวกนั้นยังไม่มาสักที โทรไปเช็คดูสิ” ตงโวยวาย
“ครับเสี่ย” เก่งรับคำ
ตงเริ่มหงุดหงิด เก่งเดินออกไปใช้โทรศัพท์ติดต่อได้ครู่ก็เดินกลับมา
“เสี่ยครับ...ติดต่อพวกนั้นไม่ได้เลย”
“เป็นไปได้ยังไง ฉันทำธุรกิจกับพวกมันมา ไม่เคยมีปัญหาสักครั้ง”
“งั้นครั้งนี้ก็คงมีเรื่องผิดปกติแล้วล่ะครับ”
ตงเริ่มสงสัยและระแวง ทันใดนั้นลูกน้องวิ่งตาลีตาเหลือกเจ้ามาสภาพเลือดอาบท่วมตัว
“เสี่ย...เสี่ยครับ...แย่แล้วครับ”
“เกิดอะไรขึ้น”
ลูกน้องไม่ทันจะบอกอะไรก็ล้มลงกระอักเลือดขาดใจตายต่อหน้าต่อตา ตงกับเก่งถึงกับอึ้ง
บริเวณท่าเรือ...ลูกน้องแกงค์พยัคฆ์เมฆาของมานพทุกคนใช้ หน้ากากงิ้วปิดบังหน้าตา แล้วเดินดา หน้าบุกเข้ามาใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่พวกลูกน้องตง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว พวกลูกน้องตงพยายามยิงต่อสู้แต่สู้ฝีมือพวกมันไม่ได้ ลูกน้องตงเริ่มกลัวตายสองสามคนรีบถอยหนี มีอยู่คนหนึ่งที่บ้าบิ่นลุกขึ้นมายิงตอบโต้ แต่ก็เจอมานพที่ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากงิ้วลายหน้าพยัคฆ์ ถือปืนลูกซองแหวกกลุ่มลูกน้องตัวเองออกมายิงใส่...
เปรี้ยง !
ลูกน้องตงกระเด็นไปตามแรงอัดของกระสุนปืนลูกซอง ร่างพรุนตายคาที่ พวกคนอื่นๆกลัวตายรีบวิ่งหนีกลับ เข้าไปข้างใน มานพตะโกนสั่งลูกน้อง
“ฆ่าพวกมันให้หมด แล้วเอายาของมันมาให้ฉัน!”
ลูกน้องแกงค์พยัคฆ์เมฆาเฮโลบุกตามไป มานพหัวเราะเหี้ยมเกรียมผ่านหน้ากากงิ้วลายพยัคฆ์ที่บิดบังใบหน้า
“ฮ่าๆ!”
พวกลูกน้องตงที่หนีตายวิ่งกลับเข้ามา ตงกระชากคอเสื้อมาถาม
“ใคร!...ใครมันกล้ามาหาเรื่องกับอั้ววะ”
“ไม่...ไม่รู้ครับเสี่ย พวกมันยกพวกมากันเพียบ ฝีมือดีทุกคนเลย”
“พวกไหน รู้จักรึเปล่า”
“พวกมันใส่หน้ากากงิ้วกันมาทุกคนครับ มาถึงก็ฆ่าพวกเราไปเกือบหมด”
“หน้ากากงิ้ว” ตงงง
เสียงปืนดัง เปรี้ยง !
ลูกน้องที่ตงกระชากคอเสื้อ ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยเลือดพุ่งกระฉุดใส่หน้าตง ชาญพาพวกลูกน้องแกงค์พยัคฆ์เมฆาบุกเข้ามาถล่มยิงพวกตงที่อยู่ในโกดัง
“เสี่ยรีบหนีไปก่อนเถอะครับ” เก่งรีบบอก
“หนีได้ยังไงวะ...ของๆฉันเป็นร้อยล้าน”
“แต่คนของเรา โดนพวกมันเก็บแทบจะไม่เหลือแล้วนะครับเสี่ย”
เสียงปืนดังเข้ามาไม่หยุด กระสุนชุดหนึ่งยิงมาถูกแขนตงจนได้รับบาดเจ็บ เก่งตกใจ
“เสี่ย!”
เก่งรีบยิงสวนตอบโต้กลับไปอย่างบ้าระห่ำ โดนลูกน้องแกงค์พยัคฆ์เมฆาตายคาที่ไปคนหนึ่ง
“รีบไปเถอะครับเสี่ย...ผมจะยิงเปิดทางให้”
ตงมองไปที่ยาไอซ์อย่างเจ็บใจ
“ของๆฉัน...เงินฉัน...โธ่เว้ย!”
ตงเจ็บใจ กุมแขนที่เลือดโชกวิ่งหนีออกไปเอาตัวรอดก่อน เก่งใช้ปืนสองกระบอกยิงสองมือตอบโต้ใส่พวกมัน
ธงรบผลักหยกเข้าไปที่ตึกร้าง หยกยังถูกใส่กุญแจมือ
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่จับผมโยนเข้าคุก”
“ใจเย็นไอ้หยก ถ้าแกอยากเข้าคุก ฉันลากคอแกจับโยนเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้”
หยกมองสงสัย
“งั้นคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่หมวด”
“ก่อนที่ฉันจะตอบข้อสงสัยของแก ฉันมีเรื่องที่ต้องสั่งสอนแกก่อน”
ธงรบเดินเข้าไปแล้วกำหมัดแน่นชกเข้าที่ท้องอย่างแรง หยกจุกตัวงอ ธงรบจิกหัวขึ้นมาแล้วมองอย่างอย่างไม่พอใจ
“ไอ้สารเลว...ยาเสพติดมันคือยานรก พวกที่ค้ายาก็คือพวกที่นรกส่งมาเกิด!”
ธงรบซ้ำด้วยเข่าเข้าที่ท้องจนหยกทรุด ธงรบยังซ้ำต่อด้วยอัพเปอร์คัทจนหยกเลือดกบปาก
“แค่เป็นกุ๊ยเป็นอันธพาล แกก็เลวมากแล้ว แต่ยังมาค้ายานรกอีก...ฉันน่าจะส่งแกให้ศาล ตัดสินประหารมันซะเดี๋ยวนี้เลย”
ธงรบถีบยอดอกหยกจนกลิ้งไปตามพื้นสภาพสะบักสะบอม
“ถ้าหมวดเกลียดผมมากนักล่ะก็...จัดการส่งผมเข้าคุกไปเลยสิ”
“ฉันก็อยากอยู่...แต่จับปลาซิวปลาสร้อยไปก็หยุดวงจรอุบาทว์ไม่ได้ สู้ใช้แกเป็นสะพาน ช่วยให้ฉันจัดการปลาตัวใหญ่อย่างไอ้เสี่ยตง ลากคอมันเข้าคุกไม่ดีกว่าเหรอ”
หยกชะงักมองธงรบอย่างตกใจ
เก่งพยายามยิงตอบโต้สู้กับพวกแกงค์หน้ากากงิ้ว แต่ก็สู้ไม่ได้ลูกน้องรอบๆตัวถูกยิงตายเป็นใบไม้ ร่วงทีละคนจนหมดเกลี้ยง ในที่สุดเก่งก็โดนชาญที่สวมหน้ากากงิ้วปิดหน้าเข้ามาใช้ปืนจ่อให้ยอมแพ้
“พอได้แล้ว...ทิ้งปืนแกไปซะ”
เก่งเจ็บใจจะขัดขืน จึงถูกชาญเตะเสยเข้าปลายคางทีเดียวหน้าหงายปืนกระเด็น
“พวก...พวกแกเป็นใครวะ”
มานพก้าวเข้ามาจ้องหน้าเก่งผ่านทางหน้ากากงิ้ว
“แกใช่มั้ยที่เป็นหัวหน้าของพวกมัน...ถุย !! ไอ้ขี้ขลาด แน่จริงก็ถอดหน้ากากออกมาลุย กันสิวะ”
มานพหัวเราะ แล้วเข้าไปใช้มือเดียวบีบคอเก่งจนมันดิ้นทุรนทุรายแล้วปล่อย
“ถ้าแกว่าฉันขี้ขลาด ฉายาไอ้หมาบ้าตงของเจ้านายแกก็คงใช้ไม่ได้อีกแล้ว มันคงต้อง เปลี่ยนเป็นไอ้หมาจุกตูดตง เพราะมันคิดแต่จะหนีเอาตัวรอด ทิ้งลูกน้องให้ถูกฆ่าตาย ทิ้งเงินมหาศาลของมันเอาไว้ให้พวกฉัน...ฮ่าๆ!”
มานพหัวเราะสะใจ แล้วให้เก่งหันไปดูยาไอซ์ทั้งหมดของตง ที่กำลังถูกลูกน้องของมานพเก็บไป มานพจิกหัวเก่งขึ้นมา
“แหกตาดูไว้นะ...แล้วกลับไปบอกไอ้หมาจุกตูดเจ้านายแกว่าถึงเวลา แล้วที่หมาแก่ๆอย่างมันจะต้องเลิกเป็นมาเฟีย”
มานพกำชับเก่ง แล้วผลักไปทางพวกลูกน้องก่อนจะโยนไพ่ที่เป็นรูปพยัคฆ์เมฆาให้เก่งเก็บเอาไว้
“แต่ถ้ามันยังคิดอยากจะเป็นหมาบ้าลุกขึ้นมาฟัดอีกล่ะก็...บอกให้มันมาลุยได้เลย...แกงค์พยัคฆ์เมฆาของฉันพร้อมแล้วที่จะขย้ำหมาอย่างมันให้จมเขี้ยว”
มานพหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ แล้วพากันเดินออกไปพร้อมกับลูกน้องทั้งหมด เก่งได้แต่มองตามพวกมันแล้ว มองไพ่รูปพยัคฆ์เมฆาอย่างหวาดกลัว
หยกชะงักมองห่อยาไอซ์ ที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่ถูกธงรบเอามาแล้วโยนลงตรงหน้า
“ยาไอซ์ที่ไอ้เสี่ยตงมันหลอกแกให้มาตกหลุมพรางจนถูกตำรวจเล่นงาน แค่สองสามห่อมันก็ส่งแกให้ติดคุกยาวจนแก่ตายในคุกได้...แกมันรนหาเรื่องจริงๆ”
“หมวดรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“ฉันได้ยินพวกไอ้กิจชัยมันคุยกันว่า เป็นแผนของเสี่ยตงที่ต้องการสั่งสอนแกเพราะดัน ไปยุ่งกับลูกสาวมัน”
“หมวดแอบเอาหลักฐานเล่นงานผมมาแบบนี้ แสดงว่าต้องการใช้มันต่อรองกับผม”
“ฉลาดมากไอ้หยก...ตำรวจจะทำอะไรแกไม่ได้ ถ้าหลักฐานถูกทำลายทิ้ง”
ธงรบหยิบห่อยาไอซ์ขึ้นมาแล้วใช้มีดกรีดให้ห่อยาแตกก่อนจะเดินไปที่ริมน้ำแล้วเทยาทิ้งช้าๆ
“หมวดคิดว่าให้โอกาสผมแล้วผมจะยอมทำตามที่หมวดสั่งได้เหรอ เสียเวลาเปล่า”
“แต่ฉันว่าไม่...แกโดนมันเล่นงานขนาดนี้ ถ้ายังคิดเป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์กับมันอีก แกมันก็โง่เต็มทีแล้วไอ้หยก”
หยกนิ่งไป ธงรบเทยาห่อแรกทิ้งจนหมดก็เอายาอีกห่อออกมาแล้วทำเหมือนเดิมค่อยๆเททิ้ง
“ถ้าแกยังยืนยันว่าแกไม่เหมือนพวกมัน ถ้าแกไม่อยากทำให้กิ่งเหมยเกลียดขี้หน้าแกไป ตลอดชีวิต แกต้องร่วมมือกับฉันจัดการไอ้เสี่ยตง หรือไม่แกก็จะถูกฉันตามล่าจนกว่า แกจะได้ตายในคุก”
ธงรบเทยาเสพติดทิ้งจนหมด หยกนิ่งคิดแล้วมองหน้าธงรบอย่างตัดสินใจ
วันใหม่...ตงนั่งให้ป้าจั่นช่วยดูแผลที่ถูกยิงและพันผ้าพันแผลไว้ที่ต้นแขน ขณะที่จ้องเขม็งไปที่ไพ่รูปพยัคฆ์เมฆาที่เก่งเอามาให้อย่างเจ็บใจ
“พอได้แล้ว”
“แต่ป้าว่า...เสี่ยน่าจะไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูแผลนะคะ แผลไม่ใช่เล็กๆเลย”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า...ออกไปได้แล้ว...ไป!”
“ค่ะเสี่ย”
ป้าจั่นรีบเก็บอุปกรณ์ทำแผลแล้วลุกลี้ลุกลนออกไปเพราะกลัว ตงขยำไพ่ในมือแล้วปาใส่หน้าเก่ง
“พยัคฆ์เมฆา...ฉันไม่สนใจว่ามันจะเสือเป็นสิงห์เก่งกาจมาจากสวรรค์วิมานไหน แต่ถ้า มันกล้ามาหยามหน้าฉัน มาขโมยเงินของฉันไป...พวกมันต้องตายสถานเดียว”
“แต่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร อยู่ๆมันก็โผล่มา”
ตงกระชากคอเสื้อเก่งมาตะคอก
“ก็ไปสืบมาสิวะ”
“ผมพยายามหาทั้งคืนแล้วครับเสี่ย แต่ไม่มีร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันเป็นใครเลย”
“คืนเดียวฉันเสียลูกน้องไปเป็นสิบ...สูญเงินไปเป็นร้อยล้าน แถมยังเจ็บตัวอีก ถ้าเรื่องนี้รู้ ถึงหูแกงค์อื่น...แกคิดว่าฉันจะอยู่ได้มั้ย ถ้าหัวแกไม่มีสมองไว้คิด ฉันจะได้เอาลูกปืนยัด ใส่เข้าไปแทน”
“ครับๆเสี่ย...ผมจะรีบไปสืบมาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เก่งรีบออกไป ตงได้แต่แค้น
หยกรื้อค้นทุกอย่างในที่พัก เพื่อหายาเสพติดที่สงสัยว่าตงจะส่งคนมาซุกเอาไว้ ดุจแพรเดินเข้ามาดู
“หยก...เธอหาอะไรอยู่”
หยกไม่ตอบพยายามค้นทุกซอกทุกมุมต่อ
“บอกมาสิว่าหาอะไร ฉันจะได้ช่วยหา”
หยกหยุดคิดอยู่ครู่
“ผมทำกุญแจมอเตอร์ไซค์หาย คุณช่วยไปดูข้างนอกให้ผมหน่อย”
“ได้สิ งั้นเดี๋ยวฉันไปดูให้”
ดุจแพรรีบเดินออกไป หยกมองตามจนแน่ใจว่าเธอออกไปแล้วจึงหันมาค้นทุกอย่างในที่พักจนในที่สุดเมื่อ เอามือล้วงเข้าไปที่ใต้โซฟาเขาก็เจอห่อยาไอซ์ห่อหนึ่ง หยกกัดกรามหน้าเครียดทันที
ดุจแพรก้มๆเงยๆหากุญแจมอเตอร์ไซค์อยู่ที่บริเวณดาดฟ้า ระหว่างนั้นหยกเดินหน้าตาเอาเรื่อง ขึงขังผ่านหลังเธอเพื่อออกไป
“หยก...แถวนี้ไม่เห็นมีเลย แน่ใจนะว่าทำตกหายที่นี่”
หยกไม่ตอบเดินดุ่ยๆออกไปอย่างไม่สนใจ
“เดี๋ยวสิหยก...นั่นเธอจะไปไหน...หยก...หยก!”
หยกชะงักแล้วหันขวับมาเสียงดังใส่
“ผมมีธุระ...คุณไม่ต้องตามผมไป”
“ธุระอะไร...ท่าทางเธอเหมือนโกรธใครอยู่”
“รอผมอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมก็กลับมาเอง”
หยกพูดอย่างไม่ได้สนใจความรู้สึกของหญิงสาวจะรีบออกไป แต่ดุจแพรไม่ยอมปล่อยให้เขาไปง่ายๆ
“ไม่...ฉันจะไม่ยอมให้เธอไปไหนจนกว่าเธอจะบอกฉันว่าเธอเป็นอะไร”
หยกแกะมือเธอออกไม่อยากบอก
“ผมว่าคุณไม่ควรรู้”
ดุจแพรยังดึงดัน
“ไหนเธอบอกว่ารักฉันและจะไม่ยอมปล่อยมือจากฉันไงล่ะ...ฉันห่วงเธอนะ”
หยกนิ่งไปครู่
“เสี่ยไม่ยอมให้ผมกับคุณคบกัน เขาจะเล่นงานผมไม่เลิกจนกว่าผมจะหายไป จากชีวิตคุณ”
หยกบอกแค่นั้นแล้วก็รีบเดินออกไปทิ้งให้เธอยืนอึ้ง
ผู้การสมิงมองห่อยาไอซ์ในมือที่หยกค้นเจอในห้องตัวเอง
“ฝีมือของไอ้กิจชัยมันรับคำสั่งจากเสี่ย กะให้ผมโดนตำรวจจับให้ได้”
ณรงค์ส่ายหน้า
“งานนี้มันพังก็เพราะแก ผู้การส่งให้แกไปเป็นสายเล่นงานไอ้เสี่ยตง แต่แกกลับไปเล่น ลูกสาวมันแทน”
“ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้...ถ้า...”
หยกนิ่งไปไม่อยากพูด ณรงค์มองหน้า
“ถ้าแกไม่มัวแต่สนใจเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน”
“หมวด!”
หยกเริ่มหัวเสียดึงคอเสื้อณรงค์มาจ้องหน้า ผู้การสมิงรีบดึงหยกออกมาห้ามปราม
“พอได้แล้วหยก...ความผิดพลาดก็คือบทเรียน ครั้งนี้เราอาจจะยังจับมันไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ ว่าเราจะหมดโอกาส อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ถูกเปิดโปง”
“ปัญหากับเสี่ยตงผมจะรับผิดชอบเคลียร์เอง แต่เรื่องหมวดธงรบถ้าผมไม่ตอบตกลงเป็น สายให้เขา ผมคงไม่ได้กลับมาทำงานให้ผู้การ”
ผู้การสมิงตบบ่า
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เธอไปจัดการปัญหาของเธอกับเสี่ยตงให้เรียบร้อย ส่วน ธงรบฉันจะจัดการกับเขาเอง”
หยกพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ผู้การสมิงมองตามอย่างครุ่นคิด
ในศาลเจ้า...กิ่งเหมยหันมาทางดุจแพรอย่างสงสัย
“ว่าไงนะคุณแพร...คุณจะไปหาพวกลูกน้องพ่อคุณทำไม”
“ถ้าเธอรู้ว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน เธอก็บอกฉันมาเถอะ ฉันขอร้องล่ะ”
“แต่คุณต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมคุณต้องไป”
ดุจแพรนิ่งเงียบ
“เกี่ยวกับหยกใช่มั้ย”
“ใช่...ป๋าพยายามเล่นงานหยก กีดกันไม่ให้เขากับฉันคบกัน ฉันถึงต้องรู้ให้ได้ว่าป๋าคิดร้าย อะไรกับหยก”
กิ่งเหมย ตกใจเป็นห่วงหยกเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปกับคุณด้วย”
ดุจแพรชะงัก
“กิ่งเหมย...แต่ว่าเธอ...”
“เราสาบานว่าเราเป็นพี่น้องกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ...เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้คุณไป คนเดียวเด็ดขาด” กิ่งเหมายบอกอย่างจริงจัง
พวกกิจชัยกำลังระรานชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่ในตรอก กิจชัยกระชากคอเสื้อชาวบ้านขึ้นมาตะคอก
“มองหน้าเหรอ...แน่นักใช่มั้ย เดี๋ยวก็สอยให้ฟันร่วงเลย”
กิจชัยผลักชาวบ้านซื่อๆจนเซล้มแล้วหยิบหมูปิ้งของชาวบ้านที่ตั้งขายอยู่มากิน กิ่งเหมยเดินเข้ามา
“สันดานแกมันก็ดีแต่รังแกคนอ่อนแอเท่านั้นแหละ”
กิจชัยชะงักหันไปเห็นกิ่งเหมย
“นึกว่าแม่ชีที่ไหนมาเทศน์ ที่แท้ก็นังบอดนี่เอง ทำไมวะ...หรือ ว่าไอ้ตำรวจนั่นไม่ว่างแกก็เลยคันอยากหาผู้ชายมาช่วยแก้คัน”
กิจชัยเข้ามาพูดจาดูถูกเยาะเย้ยใกล้ๆ กิ่งเหมยยิ้มร้ายนิดๆก่อนจะใช้ไม้เท้าฟาดเข้าที่หน้ามันทีเดียวได้ แผลเลือดซิบๆที่แก้ม
“พวกกากเดนสังคมอย่างแก ไม่ต้องให้ถึงมือตำรวจหรอก”
กิจชัยโกรธมาก
“นังกิ่งเหมย...อวดเก่งนักนะแก”
กิจชัยเงื้อมือจะตบแต่ดุจแพรสั่งเสียงดัง
“หยุดนะ! ถ้าแกทำอะไรกิ่งเหมยล่ะก็ ฉันเอาเรื่องแกแน่”
กิจชัยตกใจ
“คุณหนู”
กิจชัยกับพรรคพวกพยายามเดินหนีไม่อยากอยู่คุย ดุจแพรพยายามเรียกให้หยุด
“ฉันบอกให้หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
กิจชัยไม่ฟังยังเดินหนีต่อ กิ่งเหมยเข้ามาบอกดุจแพร
“พวกมันคงได้รับคำสั่งไม่ให้พูดกับคุณ พูดดีๆด้วยคงไม่ได้”
ดุจแพรฟังกิ่งเหมย แล้วคิดอะไรได้ก้มลงไปหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมา
“ไม่ฟังฉันใช่มั้ย...นี่แน่ะ”
ดุจแพรปาก้อนหินขนาดเหมาะมือโดนกลางหัวกบาลจังๆ กิจชัยร้องลั่น
“โอ๊ย...คุณหนูเล่นกลางกบาลเลย ผมเจ็บนะครับ”
“ก็แกไม่ยอมบอกเรื่องที่ฉันอยากรู้”
“ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไรกับคุณหนู”
กิ่งเหมยยุต่อ
“ก้อนหินคงเล็กไปค่ะคุณแพร ต้องก้อนใหญ่กว่านี้ถึงจะง้างปากมันได้”
“ได้เลยกิ่งเหมย”
ดุจแพรหยิบก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วตั้งท่าเล็ง กิจชัยตาเหลือก
“เวรแล้วกู...หนีเร็ว!”
กิจชัยกับพวกพยายามวิ่งหนีแต่ดุจแพรหรี่ตาข้างหนึ่งแล้วเล็งก่อนจะปาออกไป
ก้อนหินโดนเข้ากลางกบาลแม่น อย่างกับจับวาง กิจชัยล้มลงมือกุมหัวร้องครวญครางเจ็บเพราะหัวแตกเลือดอาบ กิ่งเหมยรีบถาม
“เป็นไงคะคุณแพร”
“ไม่มีพลาด...ฉันเล่นมันซะหัวแตกเลือดอาบเลย”
ดุจแพรบอกกิ่งเหมยแล้วเข้าไปที่กิจชัยพร้อมก้อนหินในมืออีกก้อน
“ทีนี้จะบอกฉันมาได้รึยัง...ป๋าฉันคิดจะทำอะไรหยก”
กิจชัยหน้าเสีย มองดุจแพรอย่างกลัวๆ
ตงหันไปมองลูกน้องอย่างสงสัย
“ว่าไงนะ ไอ้หยกน่ะเหรอรอดตัวไม่ถูกตำรวจจับ”
“ครับเสี่ย”
“เป็นไปได้ยังไง ก็ไหนไอ้กิจชัยบอกว่าไม่มีปัญหา ไปตามมันมาสิ”
“ผมติดต่อมันไม่ได้ครับ”
“ติดต่อไม่ได้ !...ตอบแบบนี้อยากหาเรื่องตายเหรอไง”
“ขอโทษครับเสี่ย”
ลูกน้องรีบก้มหัวขอโทษ ระหว่างนั้นหยกเข้ามา
“เสี่ยไม่ต้องตามมันมาหรอกครับ ถ้าอยากรู้ว่าผมรอดตำรวจมาได้ยังไง ถามผมดีกว่า”
หยกพูดไปก็โยนห่อยาไอซ์ที่เอามาจากที่พักตัวเองไปตรงหน้าตง ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง ลูกน้องเสี่ยตงเห็นท่าทางหยกไม่น่าไว้วางใจเลยชักปืนออกมาจ่อไปที่เขา แต่หยกไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
“ถ้าคิดว่าฆ่าผมแล้วจะกำจัดผมให้พ้นทางโดยที่คุณแพรไม่รู้เรื่อง...ก็เอาเลยครับเสี่ย”
“ไอ้หยก...” ตงสั่งลูกน้อง “เอาปืนแกมานี่...แล้วออกไป ฉันจะคุยกับมันเอง”
ลูกน้องลังเลไม่ไว้ใจ ตงเข้าไปแย่งปืนจากมือลูกน้องแล้วไล่
“ออกไปได้แล้ว !”
ลูกน้องยอมอกไป หยกกับตงจ้องหน้ากันเขม็ง
ตงจิบน้ำชาอย่างใจเย็น แต่เป็นท่าทีสุขุมอย่างซ่อนความร้ายกาจ
“ฉันยอมรับว่าฉันประมาทฝีมือแกไปหน่อย ตำรวจตั้งหลายคนบุกไปจับถึงที่แต่แกก็ยัง เอาตัวรอดมาได้”
“ผมตั้งใจทำงานตามคำสั่งเสี่ยมาตลอด แต่เสี่ยกลับทำแบบนี้กับผม”
“ก็ถ้าแกไม่มายุ่งกับลูกสาวฉัน ฉันก็คงไม่ยอมเสียลูกน้องฝีมือดีๆหรอกเว้ย”
“เรื่องคุณหนูผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่เสี่ยต่างหากที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณหนูต้องไขว่คว้า หาความรักจากคนอื่น”
“ไอ้หยก...แกกล้ามาย้อนด่าฉันเหรอ แกรอดจากตำรวจมาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แกจะรอดจากลูกปืนฉันได้นะเว้ย”
ตงเล็งปืนที่เอามาจากลูกน้องไปที่หยก แล้วนิ้วเหนี่ยวไกพร้อมระเบิดหัวหยก
“วิธีกำจัดผมสำหรับเสี่ยมันง่ายนิดเดียว แต่ที่เสี่ยเลือกให้ผมโดนตำรวจจับเรื่องยาเพราะ หนึ่ง...ถ้าผมตายด้วยน้ำมือเสี่ย คุณแพรจะไม่มีวันมองหน้าเสี่ยไปอีกตลอดชีวิต...และ สองใช้ผมเป็นเหยื่อล่อตำรวจเบี่ยงเบนความสนใจให้ตำรวจจับแค่เศษเสี้ยวของยาเสพติดล็อตใหญ่ที่ทำรายได้มหาศาลให้เสี่ย”
“เก่งจริงๆไอ้หยก แกอ่านเกมส์ของฉันขาดหมดทุกอย่าง แต่นั่นมันก็ทำให้ฉันมีเรื่องสงสัย แกเพิ่มขึ้นมาอีกเหมือนกัน”
ตงถือปืนเดินเข้ามาใกล้หยก ท่าทางเอาจริงมากใช้ปืนตบหน้า ผั๊วะ !! หยกหน้าหันด้วยความเจ็บ
“ต่อให้แกเก่งสักแค่ไหน...แต่ลำพังแกคนเดียว ไม่มีทางหนีตำรวจกลับมาเสนอหน้ากวน โมโหฉันได้หรอก”
“เสี่ยหมายความว่ายังไง”
“ไอ้กิจชัยมันบอกเรื่องแกกับไอ้หมวดธงรบให้ฉันได้ยินบ่อยๆ ถ้าคิดว่าฉันไม่เอาเรื่องนี้มา สนใจล่ะก็ แกคิดผิดแล้ว...ไอ้สายตำรวจ !”
ตงหน้าตาเอาเรื่องจนหยกถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
ดุจแพรรีบเข้ามาในบ้าน พบลูกน้องพ่อเฝ้าอยู่ที่ห้องโถง
“ป๋าอยู่ไหน”
“เสี่ยไม่ว่างครับคุณหนู”
“ไม่ว่างไม่ได้เพราะฉันต้องคุยกับป๋าเดี๋ยวนี้”
“รอให้เสี่ยเสร็จธุระก่อนครับ”
“รอเหรอ...ได้”
ดุจแพรทำทีเป็นถอยออกมาเหมือนจะยอมรอ แต่แค่ถอยมาตั้งหลักแล้วพยายามวิ่งฝ่าเข้าไป พวกลูกน้องเลย ต้องจับตัวเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย...บอกให้ปล่อย!”
ดุจแพรโดนจับตัวไว้แน่น แม้จะพยายามดิ้นและเกือบจะถูกพาตัวออกไป ระหว่างนั้นป้าจั่นเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“ป้าจั่น...บอกพวกนี้ให้ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ...ปล่อย...ปล่อยคุณหนูนะ”
พวกลูกน้องไม่ฟังป้าจั่นพยายามจะพาตัวดุจแพรออกไป ป้าจั่นเลยต้องเข้าไปยื้อยุด
“บอกให้ปล่อย...ปล่อยสิ”
ลูกน้องคนหนึ่งที่ถูกป้าจั่นยื้อยุดรำคาญเลยสะบัดทีเดียว ป้าจั่นกระเด็นไปชนแจกันล้มโครม
“ป้าจั่น!”
ดุจแพรสะบัดตัวจากลูกน้องพ่อ แล้วรีบเข้าไปช่วยประครองป้าจั่นขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะป้าจั่น”
“ป้าไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณหนูรีบขึ้นไปหาเสี่ยเถอะ เสี่ยอยู่กับนายหยกตามลำพัง ป้าเป็นห่วงกลัวว่าเสี่ยเขา...”
ดุจแพรตกใจ
“ขอบคุณนะคะป้า”
ดุจแพรรีบเดินเข้าไปข้างใน พวกลูกน้องจะตามไปห้ามแต่ป้าจั่นลุกขึ้นมาขวางหน้าตาเอาจริง
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 14 (จบตอน)
“ฉันเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านนี้ ถ้าพวกแกอยากมีปัญหากับฉันก็เข้ามา”
เจอเข้าแบบนี้ พวกลูกน้องพากันชะงักไม่กล้าเข้าใกล้ป้าจั่น
ตงเข้าไปกระชากตัวหยกขึ้นมา แล้วอัดเข้าที่ท้องอีกทีจนหยกจุกตัวงอ
“แกมันทำตัวน่าสงสัยมาหลายครั้งแล้ว จะบอกให้นะคนอย่างเสี่ยตงไม่ยอมให้ใครมา ล้วงตับง่ายๆ หรอกเว้ย”
“เสี่ยไม่มีหลักฐาน เสี่ยมากล่าวหาผมไม่ได้”
“หลักฐานเหรอ...ก็ถ้าแกไม่ใช่สายตำรวจ แล้วกุ๊ยกับตำรวจมันจะมีเรื่องคุยอะไรกัน นักหนาวะ”
“ผมกับไอ้หมอนั่นมีปัญหาส่วนตัวกันอยู่”
“คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ...พวกมันพยายามส่งสายสืบเข้ามาเล่นงานฉันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งฉันก็ฉันนี่แหละที่เป็นคนยิงกบาลมัน”
ตงพูดไปก็ยกปืนจ่อไปที่หน้าผากหยกแล้วยิ้มโหดเหี้ยม หยกชะงักอึ้ง
“และในเมื่อพวกมันยังไม่เข็ด ยังคิดส่งสายสืบมาเล่นงานฉันอีก...ครั้งนี้นอกจากฉันจะ ยิงกบาลแกแล้ว ฉันจะจับแกแยกชิ้นส่วน แล้วส่งกลับไปให้พวกมันดู”
สายตาของตงเอาจริง นิ้วแตะไกพร้อมฆ่า หยกหน้าเสียใจเต้นตึกตัก หมดทางเอาตัวรอด แต่ก่อนที่ตงจะ ลั่นไก เสียงเคาะประตูเรียกของดุจแพรก็ขัดจังหวะพอดี
“ป๋า...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ...แพรบอกให้เปิด”
ดุจแพรทั้งทุบประตู ทั้งพยามยามจับลูกบิดเขย่าอย่างเป็นห่วงหยก
“ป๋า...ป๋าห้ามทำอะไรหยกเด็ดขาดนะ...ถ้าป๋าทำร้ายเขา แพรจะฆ่าตัวตายตามเขา...ได้ยิน มั้ยคะป๋า...ป๋าห้ามทำร้ายหยกเด็ดขาด”
ตงจ่อปืนมองหน้าหยกอย่างตัดสินใจ หยกจ้องหน้าตอบ
“ถ้าเสี่ยไม่เชื่อ...ผมมีวิธีพิสูจน์”
ตงหรี่ตามอง
“แกจะพิสูจน์ยังไง”
หยกกับตงมองหน้ากัน ในขณะที่เสียงดุจแพรยังดังมาจากนอกห้องไม่หยุด นิ้วตงยังแตะอยู่ที่ไกปืน
“ป๋า...เปิดประตู...แพรบอกให้เปิดประตู”
กิ่งเหมยคุกเข่าไหว้ขอพรอยู่หน้ารูปปั้นเทพเจ้า ด้วยความเป็นห่วงหยก
“ดิฉันขอกราบไหว้ฟ้าดิน วิงวอนเทพเจ้าทุกองค์ ได้โปรดช่วยคุ้มครองหยก ขออย่าให้เขา เป็นอะไร ให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงด้วย”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด...ปัง! ดุจแพรได้ยินเข้าถึงกับตกใจหน้าเสีย
“หยก !...ไม่นะ...ไม่...ไม่…”
ดุจแพรพยายามกระแทกประตูอยากเข้าไปใจจะขาด
ในห้องควันปืนยังกรุ่นๆอยู่ที่ปากกระบอกปืนในมือตง ตงแค่ยิงเฉี่ยวแขนไปให้เลือดไหลซิบๆ
“ฉันจะลองเชื่อแกดู แต่ถ้าคิดตุกติกเห็นฉันเป็นไอ้โง่ล่ะก็...แกคงจะเห็นแล้วว่าฉันแม่น แค่ไหน กับไอ้แค่ฝังกระสุนใส่กบาลแกมันไม่ยากหรอก”
ตงบอกหยกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ดุจแพรเข้ามา พอเห็นหยกยืนมือกุมต้นแขนมีเลือดไหลทางยาวก็ตกใจ
“หยก!”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณหนู”
“เลือดไหลออกมาขนาดนี้เนี่ยนะ ยังบอกว่าไม่เป็นอะไร”
ดุจแพรหันขวับไปที่พ่อด้วยสายตาโกรธจัด ปรี่เข้าไปทุบตีและร้องไห้ฟูมฟาย
“ป๋าทำร้ายเขา...ป๋าใจร้าย...แพรเกลียดป๋า...เกลียด...เกลียดที่สุด!”
หยกรีบเข้าไปห้าม
“พอเถอะครับคุณแพร เสี่ยมีสิทธิ์สั่งสอนผมเพราะเขาเป็นพ่อของคุณ”
“แต่คนแบบนี้ฉันไม่เหลือความเคารพให้เขาแล้ว เพราะฉะนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเธอ”
“ยัยแพร!”
ตงโมโหเข้าไปกระชากตัวลูกสาวมาอย่างฉุนเฉียว
“ฉันเลี้ยงแกมาอย่างทะนุถนอม ทุ่มเททุกอย่างให้แก แต่วันนี้แกกลับตอบแทนความ กตัญญูฉันด้วยการด่าฉัน เนรคุณฉัน ต่อหน้าผู้ชายที่ไม่เคยเลี้ยงแก นังลูกไม่รักดี”
ตงเงื้อมือจะตบหน้า แต่หยกรีบเอามือเข้าไปคว้าไว้...
“พอเถอะครับเสี่ย...เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ”
หยกกับตงมองหน้ากันก่อนที่ตงจะปัดมือหยกออกไป
“ออกไปได้แล้ว...ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกแก”
“ไปกันเถอะครับคุณหนู”
หยกเอามือกุมแขนข้างที่มีเลือดไหลไม่หยุด ดุจแพรเป็นห่วงเลยรีบเข้าไปช่วยประครองก่อนจะพาออกไป ตงมองตามแล้วหงุดหงิดลูกสาว
“ถ้ารู้ว่าเลี้ยงแล้วโตมามันจะโง่งี่เง่า หลงผู้ชายหัวปักหัวปำอย่างนี้...มันน่าจะเอาขี้เถ้ายัด ปากตั้งแต่เด็กจริงๆ...โธ่เว้ย”
ดุจแพรประครองหยกเข้ามาในศาลเจ้า แผลของเขามีผ้าพันคอของดุจแพรช่วยซับเลือดไว้
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยรีบเดินเข้ามาตามเสียงเรียกของดุจแพร
“คุณแพร...เกิดอะไรขึ้นคะ...หรือว่าหยกเป็นอะไรไป”
“ฉันพาหยกมาด้วย เขาถูกพ่อฉันยิง”
กิ่งเหมย ตกใจหน้าเสีย
“หยก !...เธอเป็นยังไงบ้าง ถูกยิงที่ไหน แล้วทำไมไม่ไปหาหมอ”
ดุจแพรช่วยจับมือกิ่งเหมยให้เข้ามาใกล้หยก จนสามารถใช้มือสัมผัสตัวเขาได้แล้วเล่าให้ฟัง
“พ่อฉันแค่ยิงสั่งสอนเขา ฉันจะพาไปให้หมอทำแผลให้แต่เขาก็ไม่ฟังฉันเลย”
“แผลแค่นี้ เดี๋ยวผมจัดการเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปให้เสียเวลา” หยกทำเสียงรำคาญ
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้...คิดแต่ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนที่ห่วงเธอ"
“คุณแพรคะ…ฉันว่าอย่าเพิ่งเถียงกันเลย ฉันเก็บกล่องยาไว้ข้างในนั้น คุณไปเอามาให้ ฉันหน่อยนะคะ”
“ได้จ้ะ”
ดุจแพรรีบเดินเข้าไปข้างใน กิ่งเหมยค่อยๆใช้มือสัมผัสไปตามแขนของหยกอย่างเป็นห่วง
“เธอบาดเจ็บตรงไหน...บอกฉันสิหยก”
หยกค่อยๆจับมือกิ่งเหมยให้เลื่อนขึ้นมาแตะที่แผลตรงหัวไหล่ พอมือเธอโดนแผลเขาร้องซี๊ดเจ็บขึ้นมา
“ไหนบอกไม่เป็นอะไรมากไง”
“ฉันไม่อยากให้คุณแพรตกใจ”
ระหว่างนั้นดุจแพรออกมาพร้อมกับกล่องยา
“กิ่งเหมย...ฉันเจอกล่องยาแล้ว แต่ไม่มีผ้าพันแผล...ฉันต้องฝากหยกไว้กับเธอก่อนนะ ฉันจะรีบไปซื้อ”
“ค่ะคุณแพร...ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูเขาให้”
ดุจแพรรีบออกไป หยกหันมามองกิ่งเหมยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้อยู่กันตามลำพัง หลังจากเลิกรากันไป
ผู้การสมิงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในตึกริมแม่น้ำ
“อาจะคอยแกอยู่ที่เดิม เสร็จธุระของแกแล้วค่อยมาพบอาก็ได้ แล้วเจอกัน”
ผู้การสมิงวางสายไปแล้วมองไปที่แม่น้ำอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นณรงค์เข้ามา
“เรียกหมวดธงรบมาพบแล้วเหรอครับผู้การ”
“เขาไปทำบุญครบรอบวันตายให้แม่เขาอยู่ เสร็จธุระแล้วจะมาที่นี่”
“สุดท้ายเราก็กันหมวดธงรบให้อยู่วงนอกไม่ได้ ผมห่วงเรื่องความมุทะลุของเขา ถ้าเราดึง เข้ามาร่วมงาน เขาอาจจะทำให้แผนการของเราพัง”
“แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาตามล่าหยก”
ณรงค์นึกขึ้นได้ว่าติดแฟ้มมาในมือ
“เกือบลืมไปครับ...ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกค้ายาที่ถูกดัก ยิงถล่มก่อนจะไปถึงที่นัดพบกับเสี่ยตงมาครับ”
“ขอผมดูหน่อย”
ณรงค์เอาแฟ้มให้ดูในนั้นเป็นภาพถ่ายในที่เกิดเหตุ เป็นรูปพวกพ่อค้ายาถูกยิงตาย แต่รูปหนึ่งที่ถูกขยายให้เห็น ชัดๆก็คือรูปไพ่พยัคฆ์เมฆาที่ทำให้ผู้การสมิงสนใจ
“รูปนี่มันคืออะไร”
“มันถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุครับ คิดว่าเป็นฝีมือของพวกที่ยิงถล่มพวกค้ายา เท่าที่ตรวจ สอบในบัญชีพวกแกงค์อาชญากรรม พวกมันน่าจะเป็นแกงค์ใหม่”
สมิงพิจารณาดูรูปพยัคฆ์เมฆาในมืออย่างครุ่นคิด
“อยู่ๆก็มีมาเฟียกลุ่มใหม่ประกาศศักดาออกมาแบบนี้ ฉันชักสังหรณ์ไม่ดีแล้วว่าต่อไปจะ ต้องเกิดเรื่องใหญ่ในกลุ่มพวกมาเฟียแน่”
มานพเอาแผนงานธุรกิจให้เจ้าสัวเล้งดู สองคนพ่อลูกดูช่วยกันทำงานดี
“โครงการช้อบปิ้งมอลล์เหรอ”
“ครับพ่อ...ตอนนี้กำลังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ กำลังซื้อของคนมีเงินไม่ได้กระจุกตัวอยู่ใน เมืองอย่างเดียวแล้ว ยิ่งมีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน คนมีเงินก็อยากใช้เงินใกล้บ้าน”
“มันก็น่าสนใจอยู่...แต่พื้นที่ที่แกเลือกมา มันเป็นที่ชุมชนไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาครับพ่อ โครงการแบบนี้ที่ไหนเขาก็ต้องแก้ปัญหานี้ก่อนเริ่มทั้งนั้น ขอแค่พ่อตัดสินใจว่าตกลง ผมจะได้เดินหน้าเจรจา”
เจ้าสัวมองเอกสารแล้วนิ่งคิดตัดสินใจ มานพมองลุ้น
“ทุกอย่างที่แกเสนอมา แกอุดรอยรั่วไม่ให้มีข้อบกพร่องหมดแล้ว แล้วทำไมฉันจะไม่เห็น ด้วยกับโครงการของแกล่ะมานพ ถ้าพร้อมก็จัดการได้เลย”
“ขอบคุณครับพ่อ”
เจ้าสัวตบบ่ามานพอย่างไว้ใจ ระหว่างนั้นดวงแขเข้ามา
“แหม...พ่อลูกทำงานเข้าขากันจังเลยนะคะ ลืมรึเปล่าว่าได้เวลาอาหารแล้ว”
“ดีสิ...ฉันกำลังหิวเลย” เจ้าสัวหันไปบอก
อาหารหลากหลายถูกจัดขึ้นโต๊ะ ดวงแขหันไปถามจำปา
“แล้วซุปพระกระโดดกำแพงที่สั่งให้เตรียมไว้ล่ะ...อยู่ไหน”
“มาแล้วค่ะคุณนาย”
จำปาพาคนใช้ให้ยกถ้วยซุปพระกระโดดกำแพงเข้ามาวางตรงหน้าเจ้าสัวเล้ง มานพ และดวงแขอย่างพร้อมเพรียง
“นี่เธอเตรียมไว้ให้ฉันขนาดนี้เลยเหรอดวงแข”
ดวงแขยิ้มแย้ม
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกค่ะคุณ ตานพเป็นคนต้นคิด เขาเห็นว่าคุณเพิ่งจะออกจากโรง พยาบาลมา ก็เลยอยากหาของดีๆมาบำรุงพ่อเขาหน่อย”
“ผมรู้จักเชฟฝีมือดีที่ทำงานอยู่ในโรงแรม เลยขอให้เขามาตุ๋นซุปให้ที่บ้าน พ่อจะได้ทาน ร้อนๆ ตุ๋นนานกว่า 18 ชั่วโมงเลยนะครับ” มานพบอกอย่างเอาใจ
“ขอบใจนะมานพ...ซุปพระกระโดดกำแพงถือว่าเป็นอาหารสุดยอดของฮ่องเต้ เพราะคัด สรรแต่สิ่งดีๆมาตุ๋นเป็นซุป แล้วรู้รึเปล่าว่าตำนานของซุปนี่คืออะไร”
“ทราบครับพ่อ มีหลายตำนานที่พูดถึง แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คือเรื่องขององค์ชาย 14 แห่ง ราชวงศ์ชิงที่รู้ตัวว่ากำลังถูกองค์ชาย 4 วางแผนชิงอำนาจ ทำให้พระองค์บรรทมไม่หลับ เสวยไม่ได้ ผู้ปรุงอาหารในราชสำนักจึงเปิดตำราระดมสุดยอดอาหาร เพื่อนำไปถวาย บำรุงกำลังวังชาฮ่องเต้ แต่หลวงจีนเส้าหลินผ่านมาได้กลิ่นจนทนไม่ไหวต้องกระโดด ข้ามกำแพงวังมาขอชิม”
เจ้าสัวหัวเราะชอบใจ
“ใช่...พ่อก็ชอบเรื่องนี้ เพราะเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การปกครองคน ที่ยากที่สุดก็คือปกครองคนใกล้ตัว”
“แล้วผมล่ะครับ ยากสำหรับพ่อรึเปล่า”
“แกเป็นสายเลือดที่พิสูจน์ฝีมือให้ฉันเห็นแล้ว หลังจากที่ฉันเคลียร์ธุรกิจทุกอย่างหมด แล้ว ภายในเดือนนี้ ฉันจะแต่งตั้งแกให้ขึ้นมาเป็นประธานมังกรวารีกรุ๊ปแทน”
มานพกับดวงแขฟังแล้วมองหน้ายิ้มอย่างพอใจ ระหว่างนั้นนนท์เข้ามาแต่พอเห็นเจ้าสัวอยู่ที่โต๊ะอาหารเลยนิ่งรอ เจ้าสัวหันไปถาม
“มีอะไรรึเปล่านนท์”
นนท์มองหน้าเจ้าสัวอย่างมีเรื่องอยากจะรายงาน มานพกับดวงแขมองสงสัย
เจ้าสัวเล้งเดินออกมาคุยกับนนท์ตามลำพังที่บริเวณระเบียง นนท์ให้ดูภาพถ่ายพ่อค้ายาที่ถูกฆ่าตายและรูปไพ่พยัคฆ์เมฆาในที่เกิดเหตุ
“พยัคฆ์เมฆา โหดเหี้ยมเหมือนคมเขี้ยวพยัคฆ์ เก่งกาจเหนือฉันอยู่บนเมฆา”
“ครับเจ้าสัว ฝีมือพวกมันก็เป็นไปตามชื่อแกงค์ มันฆ่าเกลี้ยงไม่มีเหลือ แถมยังขโมยเอา ยาเสพติดของเสี่ยตงไปได้อีก”
“ขนาดไอ้หมาบ้าตงยังโดนมันสั่งสอนไปได้ขนาดนี้ แกพอจะสืบได้มั้ยว่ามันเป็นใคร”
ระหว่างนั้น มานพเดินออกมาแอบฟังอยู่ไม่ไกล
“ยังเลยครับเจ้าสัว เสี่ยตงสั่งให้ลูกน้องออกตามล่าแล้ว แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว”
เจ้าสัวนิ่งมองภาพในมืออย่างครุ่นคิด
“นนท์...ฉันเชื่อว่าพวกมันไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อจะ เล่นงานไอ้ตงคนเดียว แต่มันกำลังจะหาทางก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ ส่งข่าวให้คนของเรา คอยระวังตัวเอาไว้ด้วย สู้กับศัตรูที่ไม่เห็นตัว จะทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์เดินออกไป เจ้าสัวยังมองภาพพยัคฆ์เมฆาในมือ โดยไม่รู้ว่ามานพยืนมองด้วยสายตาร้ายกาจราวกับแววตาเสือร้ายที่พร้อมขย้ำมังกรเฒ่า
กิ่งเหมยใช้มือคลำขวดยาล้างแผลขึ้นมาแล้วชุบกับสำลี เธอทำอย่างคล่องมือ
“ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันสิ ฉันจะได้ทำให้เสร็จก่อนคุณแพรเอาผ้าพันแผลมา”
“เธอจะทำได้จริงๆเหรอ ให้ฉันทำเองดีกว่า”
“เธอชอบหาเรื่องเจ็บตัวมาตั้งแต่เด็ก เป็นร้อยๆครั้งแล้วมั้งที่ฉันทำแผลให้เธอ หลับตาทำ ฉันก็ยังทำได้ แล้วนับประสาอะไรกับตาบอด”
“ฉันขอโทษ...ลืมไปว่าเธอเก่ง เก่งทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเก็บความรู้สึก”
กิ่งเหมย ชะงัก
“แต่ฉันเก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเธอหรอกนะ ฉันเจ็บหน้าฉันก็บอกว่าเจ็บ ฉันเสียใจ หัวใจฉันก็ร้องไห้ น้ำตาฉันมันก็ไหล บอกให้รู้กันไปเลยว่าฉันไม่ชอบอยู่ในสภาพนี้”
“เธอทำแผลเองแล้วกันนะหยก”
กิ่งเหมยรีบลุกไปไม่ยอมทำแผลให้ หยกมองตามอย่างหงุดหงิด
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินออกมาด้านหลังศาลเจ้า เธอเจ็บปวดเสียใจแทบจนต้องใช้มือทุบหน้าอก ตัวเองให้เจ็บข้างนอกมากกว่าข้างใน น้ำตาของเธอเริ่มเอ่อออกมาล้นดวงตา
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...”
เสียงหยกดังเข้ามาเพราะกำลังตามหาเธอ กิ่งเหมยต้องกลั้นใจเช็ดน้ำตาอย่างสุดๆ
“เธอหนีฉันออกมาร้องไห้ใช่มั้ย”
“เปล่า”
“จนถึงขนาดนี้แล้วเธอยังโกหกฉันอีกเหรอ เราไม่ใช่แค่เพิ่งจะรู้จักแล้วรักกันนะกิ่งเหมย แต่เราใช้เวลารู้จักกันมาทั้งชีวิต”
“ใช่...ฉันร้องไห้ แต่ไม่ใช่เพราะเสียใจที่เธอเลือกคุณแพร”
หยกอึ้ง
“นี่เธอ...เธอรู้เรื่องของฉันกับคุณแพร”
“เธอเป็นพี่สาวฉันนะหยก เราสองคนพี่น้องสาบานจะดูแลกัน เพราะฉะนั้นน้ำตาที่เธอ เห็นอยู่ตอนนี้ คือความเสียใจที่เธอกำลังทำร้ายพี่สาวฉัน”
“แล้วฉันล่ะกิ่งเหมย ถ้าเธอยอมทำเพื่อคุณแพรได้ แล้วทำไมทำเพื่อฉันบ้างไม่ได้”
หยกขาดสติเข้าไปจับมือกิ่งเหมยมาบีบ แล้วขึ้นเสียงถาม
“หยุดคิดแต่จะเสียสละเพื่อคนอื่น แล้วทำเพื่อตัวเองบ้างได้มั้ย”
“พอได้แล้วหยก...ฉันบอกให้พอ...พอได้แล้ว”
กิ่งเหมยสะบัดมือแล้วตบหน้าเขาทันที...หยกหน้าหันนิ่งงันไป ส่วนกิ่งเหมยก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เธอเลือกคุณแพรแล้วนะหยก ชีวิตที่ไม่เหลือใครของเธอ ต้องการความรักมากกว่าคำ หลอกลวง อย่าทำร้ายพี่สาวฉันเลย...ฉันขอร้องล่ะ...ขอร้องนะหยก...”
กิ่งเหมยน้ำตาไหลอาบหน้า หยกได้แต่กำหมัดแน่นเจ็บใจ ระหว่างนั้นเสียงแว่วๆของดุจแพรดังเข้ามา
“หยก...กิ่งเหมย...อยู่ไหนกัน”
ทั้งหยกทั้งกิ่งเหมยพากันนิ่งอย่างเจ็บปวด
หยกทำแผลเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาหน้าศาลเจ้ากับดุจแพร มีกิ่งเหมยเดินออกมาส่ง
“ขอบใจมากนะกิ่งเหมย” ดุจแพรยิ้มให้กิ่งเหมย
“ฉันแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะคุณแพร คุณต่างหากที่ทำแผลแล้วก็ดูแลหยก”
“แต่ถ้าฉันไม่พานายหัวดื้อคนนี้มาที่นี่ เขาก็คงไม่ยอมให้ฉันยุ่งกับเขาหรอก”
“ที่หลังคุณแพรต้องไม่ยอมนะคะ เขาเป็นพวกปากแข็งชอบเถียงก่อน เราต้องแข็งใส่เขา ถึงจะยอม”
“ได้เลยจ้ะ นี่ก็จะค่ำแล้ว ให้ฉันกับหยกเดินไปส่งเธอที่บ้านมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...เดี๋ยวอาม่าก็คงจะเข้ามา ฉันจะกลับพร้อมอาม่า”
“งั้นฉันไปนะ”
ดุจแพรเข้าไปควงแขนหยกที่เอาแต่มองกิ่งเหมยไม่วางตา เดินออกมาจากศาลเจ้า แต่ยังไม่พ้นประตูทางออกดีหยกก็หยุดนิ่ง
“ลืมอะไรเหรอหยก”
หยกหันกลับไปมองกิ่งเหมย ที่ยังยืนอยู่และคิดว่าต้องได้ยินที่เขาพูดแน่
“ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย ก็ฉันต้องดูแลเธออยู่แล้ว”
“ไม่ได้...คุณดีกับผมมากขนาดนี้ ถ้าผมไม่ตอบแทนอะไรคุณบ้าง ผมคงไม่สบายใจ”
“ฉันขอแค่เธอฟังฉันบ้างก็พอ มีอะไรก็บอกฉัน อย่าคิดเองเออเองคนเดียว”
“ได้ครับ...แต่แค่นั้นยังไม่พอ”
หยกพูดไปก็ดึงดุจแพรมากอดชิดตัวทำเอาดุจแพรตกใจ
“ทำอะไรน่ะหยก”
“จะให้รางวัลคุณไงครับ”
“จะบ้าเหรอ มาทำอะไรตรงนี้ อายกิ่งเหมยบ้างสิ”
“กิ่งเหมยตาบอด จะมองเห็นเราได้ยังไง”
หยกจงใจดึงดุจแพรมาจูบต่อหน้าต่อตากิ่งเหมย ที่รู้ว่าถึงเธอจะมองไม่เห็นแต่ยังไงก็ต้องได้ยินและรู้ว่า เขาจงใจทำอะไร ซึ่งก็ได้ผลกิ่งเหมยรับรู้และเจ็บปวด ดุจแพรผละออก
“บ้า...พอได้แล้ว...เดี๋ยวก็ซ้ำที่แผลใหม่ให้ร้องเลย”
ดุจแพรอายหน้าแดงทุบหยกเบาๆแล้วรีบเดินออกไป หยกนิ่งอยู่กับที่แล้วหันไปมองกิ่งเหมยและจงใจพูดเสียงดัง
“แผลใหม่มันไม่เจ็บเท่าแผลเก่าหรอก...ใช่มั้ยกิ่งเหมย”
หยกจงใจประชดแล้วเดินออกไปทิ้งกิ่งเหมยให้ยืนเจ็บปวดเสียใจอยู่อย่างนั้น
ตงนั่งหน้านิ่งๆอย่างครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง ระหว่างนั้นเก่งกลับเข้ามา
“เป็นไง...ได้เรื่องไอ้พวกพยัคฆ์เมฆารึเปล่า”
“ยังครับเสี่ย...แต่ผมสั่งให้คนของเราคอยตามข่าวเรื่องยาที่พวกมันขโมยเสี่ยไป ถ้ามันเอา ไปปล่อยที่ไหน เราคงตามได้ไม่ยาก”
“ก็ยังดี...ดีกว่านั่งรอเฉยๆ ที่ฉันตามแกกลับมาเพราะมีงานด่วนให้ทำ”
“งานอะไรเหรอครับเสี่ย”
ตงยิ้มร้าย
หยกเดินออกมาที่บริเวณดาดฟ้า หลบดุจแพรที่กำลังช่วยรดน้ำต้นไม้ในกระถาง หยกเลี่ยงมาใช้โทรศัพท์กดโทรออกหาผู้การสมิง
“ว่ายังไงหยก...จัดการปัญหาของเธอกับไอ้เสี่ยตงเรียบร้อยแล้วรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับผู้การ...แต่มีปัญหาใหม่ที่ผมต้องบอกให้ผู้การทราบ”
“ปัญหาอะไร”
“เกี่ยวกับหมวดธงรบครับ”
“ถ้าเรื่องธงรบ ฉันกำลังรอเขาอยู่ จะจัดการเคลียร์ให้จบ เธอไม่ต้องห่วง”
“แต่มันไม่ใช่แค่นั้นแล้วครับผู้การ...เสี่ยตงสงสัยว่าผมเป็นสายให้กับหมวดธงรบ ถ้าผมไม่ฆ่าเขาต่อหน้าเสี่ยตง ผมก็จะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเอง”
“ว่าไงนะ!” ผู้การสมิงตกใจมาก