xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 8

“ตานพ!”
 

ดวงแขพยายามเรียกสติลูกชายแต่เขาไม่รู้สึกตัว โหงวเดินเข้ามา ดวงแขโกรธไม่พอใจเข้าไปจะตบ
“ไหนแกบอกว่าจะแค่อบรมตานพ แล้วดูที่แกทำ…แกทำร้ายลูกฉัน ไอ้สารเลว”
ดวงแขตบหน้า โหงวนิ่งไม่สะทกสะท้าน
“ต่อไปนี้แกไม่ต้องมายุ่งกับตานพแล้ว แกมีหน้าที่คอยฟังคำสั่งอย่างเดียว”
“ดวงแข...ฉันเป็นคนส่งเธอให้ไปตีสนิทกับไอ้เล้งจนได้ดิบได้ดีเป็นคุณนาย แต่แล้วเธอก็ หักหลังฉันส่งให้ฉันไปติดคุกเป็นสิบๆปี ฉันยังไม่เคยเอาคืนเธอเลยนะ”
โหงวหน้าตาเอาเรื่องเดินเข้าหาทำเอาดวงแขตกใจ
“นี่...แก...แกจะทำอะไร”
“แม่อย่างเธอดีแต่ให้ท้ายลูก จะหวังให้คิดหาทางผลักดันลูกให้ยิ่งใหญ่ เคยคิดอะไรเป็น”
“ทำไมฉันจะไม่ช่วยตานพ ฉันจะให้ตานพเป็นลูกเขยเสี่ยตง ถ้าตานพได้ทั้งสมบัติของเล้ง ได้ทั้งอิทธิพลของเสี่ยตง ตานพจะยิ่งใหญ่ที่สุด”
โหงวหยุดนิ่งมองหน้าดวงแขอย่างสนใจ
“และถ้าฉันทำสำเร็จ ไอ้เป๋อย่างแกก็ไม่มีความสำคัญสำหรับฉันกับตานพอีกต่อไป”
ดวงแขหางตาไม่สนใจโหงวจะเดินเข้าไปปลุกมานพ แต่โหงวตามเข้ามาจิกผม
“ถ้าคิดจะเขี่ยฉันให้พ้นทาง...เธอคิดผิดแล้วดวงแข แกเป็นเมียฉัน ตานพเป็นลูกฉัน นี่คือ ความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”
โหงวตะคอกใส่หน้าแล้วชกที่ท้องน้อยอดวงแขทันที...ดวงแขจุกตัวงอ
“ฉันบอกมานพไปแล้วว่ามันเป็นลูกชายฉัน แต่ลำพังพูดอย่างเดียวมันคงไม่เชื่อหรอก”
โหงวยิ้มร้ายหัวเราะลงคอก่อนจะเข้าไปช้อนตัวดวงแขที่จุกจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงขึ้นมาอุ้ม
“ปล่อย...ปล่อยฉันนะ”
“อย่าทำเหมือนไม่เคยไปหน่อยเลยดวงแข ฉันรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไอ้เล้งก็ไม่ได้สนใจเธอเหมือน เมื่อก่อน ถ้ามันทำหน้าที่ผัวให้เธอได้ไม่ดี ผัวตัวจริงอย่างฉันก็จะทำให้”
โหงวอุ้มดวงแขพาออกไปพร้อมเสียงหัวเราะดัง มานพนอนหมดสติอยู่ที่พื้น

เจ้าสัวเล้งนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นจำปาเอาชาจีนเข้ามาให้
“ตานพกลับมารึยัง”
“ยังเลยค่ะเจ้าสัว”
เจ้าสัวเล้งหยุดนิ่งไปแล้วถอนใจก่อนจะถามหาดวงแขต่อ
“แล้วคุณนายล่ะ...ปกติเขาต้องเอาชามาให้ฉันเองนี่”
“คุณนายมีนัดกินเลี้ยงโต๊ะแชร์กับเพื่อนค่ะ”
เจ้าสัวเล้งโมโห
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งแม่ทั้งลูกเป็นเหมือนกันหมด”
“เจ้าสัวต้องการอะไรอีกมั้ยคะ”
“ไม่...ออกไปได้แล้ว”
จำปารับคำแล้วออกไปทิ้งให้เจ้าสัวเล้งนั่งทำงานต่อคนเดียว เจ้าสัวเล้งเซ็นต์เอกสารต่อได้ครู่ก็หยุดแล้วคิดถึงบางอย่าง
เจ้าสัวเล้งมาเปิดตู้เซฟส่วนตัวแล้วหยิบเอาหยกเลือดมังกรสมบัติที่เขารักและหวงแหนแต่เวลานี้มันเหลือ เพียงแค่ครึ่งชิ้น...ภาพพราวแสงถูกยิงจนหยกตกพื้นและแตกกระจายเป็นสองชิ้นแว่บเข้ามา เจ้าสัวเล้งกำหยกไว้แน่นด้วยความคิดถึงพราวแสงสุดหัวใจ
“พราวแสง...เธอกับฉันเหมือนร่างกายและวิญญาณที่ต้องอยู่คู่กัน แต่ตอนนี้ฉันเหลือ เพียงแค่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ...ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน...พราวแสง”

มานพที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บตัวและโกรธแค้นโหงวไม่หาย
“ไอ้โหงว...ไอ้เป๋เอ้ย...อย่าให้เจออีกนะมึง”
มานพดันตัวลุกขึ้นแล้วจะเดินออกไปไปจากโรงสี แต่พลันได้ยินเสียงคนคุยกัน มานพสงสัยเลยเดินไปดู...ดวงแขกำลังต่อว่าโหงว
“แกมันไอ้สารเลว”
ดวงแขในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงเปลือยท่อนบนเอาเสื้อมาปิดไว้หลังจากถูกโหงวข่มขืนไปจนเสร็จสม
“ถ้าฉันมันสารเลว ฉันก็สารเลวเหมาะสมกับเธอแล้วล่ะดวงแข”
โหงวยิ้มพอใจแล้วเชยคาง แต่เจอดวงแขปัดมือให้พ้นตัว
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาโดนตัวฉันอีก”
“อะไรกัน…ตอนนี้มาบอกว่ามือฉันสกปรก ทีเมื่อกี้ฉันเห็นเธอกอดฉันแน่นเหมือนตอนที่ เราเพิ่งจีบกันใหม่ๆเลยนะดวงแข”
“นี่แก!”
ดวงแขจะตบอีก แต่โหงวจับมือไว้แล้วดึงตัวมาประชิด
“ฉันรู้ว่าเธอชอบแบบหวือหวาไม่ธรรมดา ฉันเองก็ยังไม่หนำใจจะต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะ”

โหงวซุกไซร้ซอกคอดวงแขจะปลุกปล้ำต่อ ระหว่างนั้นเองดวงแขหันไปเห็นมานพที่เข้ามายืนดูตัวแข็งทื่อด้วย อาการตกตะลึง

“ตานพ!”

โหงวชะงักหันไป
“รู้สึกตัวแล้วเหรอไอ้ลูกชาย ดีเลย...ไอ้ที่ฉันบอกแกไป แกคงไม่เชื่อจนกว่า จะได้เห็นด้วยตา...นี่ไง...ครอบครัวแสนสุขที่แท้จริงของแก อยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก”
มานพอึ้งแทบไม่เชื่อสายตา
“แม่...ไม่จริงใช่มั้ย”
ดวงแขหน้าเสีย
“ตานพ...ฟังแม่นะ”
มานพยิ่งช็อคแสดงว่าจริง
“ไม่ !”
มานพรีบวิ่งออกไป โหงวหัวเราะลั่นเสียงดังอย่างชอบใจ ดวงแขหน้าตื่น
“ตานพ !”

กิ่งเหมยอยู่ในห้องนอนกอดตุ๊กตานั่งเหม่อคิดถึงเหตุการณ์ที่หยกตามมาช่วยชีวิตเธอ...เขายอมทิ้ง ปืนเพื่อช่วยชีวิตเธอโดยไม่มีอาการลังเลกลัวตาย กิ่งเหมยนึกถึงคำพูดของอาม่ากับหยกที่เถียงกันก่อนหน้านี้
“นี่แน๊ะ…อั้วให้ลื้อกลับมาคบอาเหมย แต่ไม่ได้หมายความให้ลื้อมาจีบอาเหมยของอั้ว”
“ก็กิ่งเหมยน่ารักนี่อาม่า”
กิ่งเหมยชะงักหน้าแดง เอาตุ๊กตามาชกหน้ามันเหมือนว่าได้เล่นงานหยก
“ไอ้บ้าหยก…นี่แน๊ะๆ แกทะลึ่งกับฉันเกินไปแล้ว”
กิ่งเหมยโกรธและเคืองหยกเลยเหวี่ยงตุ๊กตาไปที่เตียงแต่ตุ๊กตาไปโดนกล่องอุปกรณ์วาดรูปจนตกพื้น เลยต้องรีบ ลุกไปเก็บแต่ระหว่างจะเดินไปสายตาของเธอเกิดพร่าเลือนขึ้นมา จนทำให้เธอสะดุดเก้าอี้ล้มลง ระหว่างนั้นอาม่าเคาะประตูเรียกพอดี
“อาเหมย…อาเหมย”
กิ่งเหมยปตกใจ
“ทำอะไรอยู่…อาม่าเข้าไปได้มั้ย”
“เอ่อ...เดี๋ยวนะคะอาม่า”
กิ่งเหมยพยายามลุกแล้วใช้มือช่วยคลำทางเพื่อไปเปิดประตู แต่มือเธอก็พลาดไปปัดกระดานวาดรูปล้มลงอีก อาม่าได้ยินเสียงของหล่นพื้นเสียงดังก็แปลกใจ
“อาเหมย...อะไรหล่นน่ะ...อาเหมย”
กิ่งเหมยมาเปิดประตูพอดี เธอพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติสุดฤทธิ์
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะอาม่า เหมยซุ่มซ่ามชนกระดานวาดรูปล้ม”
อาม่ามองเข้าไปในห้องเห็นกระดานวาดรูปล้มอยู่ที่พื้น
“แล้วทำไมไม่เก็บขึ้น”
“เหมย...เหมยรีบมาเปิดประตูให้อาม่าค่ะ อาม่ามีอะไรเหรอ”
“ก็เรื่องไอ้หยกนั่นแหละ อาม่าถามจริงๆ ลื้อกับไอ้หยกเป็นมากกว่าเพื่อนกันอยู่รึเปล่า”
“อาม่าจะไปเอาอะไรกับคำพูดของหยก มันก็แค่แกล้งแหย่อาม่าเล่น เพราะเห็นอาม่า หวงเหมย ยังไงเหมยกับมันก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น เหมยไม่คุยด้วยแล้วนะอาม่า เหมยจะอาบน้ำนอนแล้ว”
กิ่งเหมยรีบปิดประตู อาม่าตะโกนผ่านประตูบอกหลานสาว
“ที่อาม่าหวงลื้อมาก เพราะเรามีกันแค่สองคนนะอาเหมย”
อาม่าบอกแล้วเดินออกไป...กิ่งเหมยทรุดลงที่พื้นน้ำตาอาบแก้มมันเป็นความกลัวที่เธอต้องเผชิญหน้าความพิการในอนาคตที่มันกำลังขยับ เข้าใกล้เธอทุกทีโดยที่เธอไม่สามารถบอกให้อาม่ารู้ได้

วันใหม่...ธงรบก้าวเข้ามาบนดาดฟ้าที่หยกพักอาศัยอยู่ กระชับปืนที่เอวเตรียมพร้อมสำหรับมาจับหยก ธงรบเข้ามาอย่างเงียบๆ เห็นที่เตียงหยกนอนคลุมตัวอยู่ในผ้าห่ม ธงรบขยับเข้าไปใกล้อย่างเบา ที่สุด แต่พอหยกขยับธงรบก็ต้องชะงักยกปืนเล็งอย่างระวัง พอหยกหยุดขยับธงรบจึงเข้าไปกระชากผ้าห่มออก
“แกโดนฉันจับแล้วไอ้หยก”
“จับ...จับใครเหรอครับผู้หมวด”
สลึงลุกขึ้นงัวเงียตาปรือ ส่วนอ่างนอนอยู่ข้างๆกรนคร่อกยาว
“นี่...นี่พวกแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
สลึงงัวเงีย
“หือ...ถามใครเหรอคร้าบหมวด”
“ฉันถามแกนั่นแหละ..ไอ้หยกมันอยู่ไหน”
สลึงหาวยาว
“ไอ้หยกเหรอครับ...มัน...มันอยู่ไหนวะ” สลึงหันไปปลุกอ่าง “ไอ้อ่าง...ตื่น... ตื่นเว้ย หมวดเขามาเยี่ยมไอ้หยกว่ะ”
อ่างรู้สึกตัวงัวเงีย
“หมวด...หมวดไหนวะ”
“หมวดนี่ไง”
“อ้าว...หมวดสุดหล่อ...สวัสดีครับ”

อ่างทำท่าตะเบ๊ะแบบไขว้มือจรดคิ้วขำๆ ธงรบชักสีหน้าไม่พอใจเก็บปืนแล้วหักนิ้วกร่อบ

ธงรบลากคอทั้งคู่ออกมาผลักลงที่พื้นดาดฟ้าอย่างฉุนเฉียว

“พวกแกไม่ต้องมาเล่นตลกให้ฉันดู บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้หยกอยู่ไหน”
“โธ่...หมวดครับ ถ้าพวกผมรู้ พวกผมก็บอกไปแล้ว นี่ไม่รู้จริงๆ”
“แต่ไอ้หยกมันพักอยู่ที่นี่ ถ้าพวกแกไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน แล้วจะมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ไอ้อ่างนี่แหละดันลืมจ่ายค่าไฟ บ้านพวกผมก็เลยโดนตัดไฟ”
อ่างยิ้มแหยๆ
“แหะๆ...พวกผมก็เลยต้องอพยพมาขออาศัยไอ้หยกอยู่ที่นี่ไปก่อนไงครับ”
สลึงมองธงรบ
“ว่าแต่หมวดมาหามันมีอะไรเหรอครับ...ฝากบอกไว้ก่อนก็ได้ เจอมันแล้วผมจะบอกให้”
ธงรบกระชากคอเสื้อสลึงมาตะคอกใส่หน้า
“ฉันจะมาลากคอมันไปสอบสวน ถ้าพวกแกไม่ บอกมาว่าไอ้หยกอยู่ไหน ฉันจะลากคอพวกแกไปด้วย...ว่าไง”
สลึงถึงกับหน้าเหวอเพราะท่าทางธงรบดูจะเอาจริง

ภายในโกดังร้าง ลูกน้องกิจชัยโดนเก่งกับพรรคพวกลูกน้องซ้อมจนนอนร้องครวญครางโอดโอย
กิจชัยถอยหลังจนติดเสาเพราะเก่งเดินหน้าจะเอาเรื่อง กิจชัยละล่ำละลักบอก
“ใจเย็นๆสิวะ...พวกเดียวกัน มีอะไรค่อยคุยกันก็ได้”
“เอ็งมันหาเรื่องใส่ตัวไม่เข้าท่า ไอ้หยกมันเพิ่งช่วยชีวิตเสี่ยเอาไว้ แต่เอ็งดันให้ลูกน้องไป ซัดทอดมันจนต้องโดนตำรวจตามรังควาญ”
“ไอ้หยกมันไปฟ้องเสี่ยเหรอ”
“ไอ้หยกไม่ต้องพูดอะไรหรอก แต่เรื่องของเอ็งกับไอ้หยกมันอยู่ในสายตาเสี่ยตลอดแล้ว เสี่ยก็ไม่ชอบใจมากที่เอ็งไปทำให้มันเดือดร้อน”
เก่งพยักหน้าให้พรรคพวกเข้าไปจับตัวกิจชัยมาล็อคแขน แล้วเก่งก็เข้าไปอัดใส่ไม่ยั้งจนกิจชัยจุกตัวงอ
”หมาอยู่คอกเดียวกันถ้ามันกัดกัน เสี่ยก็ต้องสั่งสอนไอ้ตัวที่มันซ่าส์หาเรื่อง”
กิจชัยเจ็บจุกพยายามขอร้อง
“ข้า...ข้าขอโทษ...ข้า...ข้าแค่อยากช่วยงานเสี่ยเหมือนเดิม”
“เสี่ยพอใจจะใช้งานใครมันเรื่องของเสี่ย ส่วนแก...รีบไปจัดการให้ตำรวจนั่นเลิกยุ่งกับ ไอ้หยกได้แล้ว ไม่งั้น...เสี่ยไม่เอาแกไว้จริงๆแน่”
กิจชัยรีบพยักหน้ารับ เก่งกระชากคอมันขึ้นมาย้ำอีกคำสั่ง
“เสี่ยสั่งมาด้วยว่า ให้แกกับพรรคพวกเตรียมตัวไว้ให้พร้อม...เพราะใกล้จะได้เวลาที่เสี่ย จะเปิดศึกใหญ่แล้ว”
เก่งผลักกิจชัยแล้วพากันออกไป กิจชัยถ่มน้ำลายที่มีแต่เลือดอย่างหงุดหงิด

คมทวนตื่นสายเดินบิดขี้เกียจ ออกมาเจอหยกนอนอยู่ที่โซฟาเก่าๆเลยแปลกใจ
“ไอ้หยก...ไอ้หยก”
คมทวนปลุกอยู่ครู่หยกก็งัวเงียตื่น
“อ้าวพ่อ...นี่เช้าแล้วเหรอ”
“นี่เอ็งมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อคืนไงพ่อ...อ๋อ...ฉันเห็นพ่อหลับไปแล้วเลยไม่อยากปลุก”
“แล้วบ้านเอ็งล่ะ”
“บ้านฉันเหรอ...ขอฉันล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะแล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
หยกเดินหาวเดินออกไป คมทวนมองตามอย่างสงสัย

หยกล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเอาผ้าเช็ดหน้าพาดคอเดินออกมาเปิดตู้เย็น
“พ่อ...เดี๋ยวเช้านี้ฉันทำไข่เจียวให้พ่อกินนะ รอแป๊บนึง...รับรองอร่อย”
หยกปิดตู้เย็นแล้วหันมาชะงัก เพราะเจอธงรบที่เดินเข้ามาพร้อมกับพ่อ
“หมวด”
“ตามตัวยากเหลือเกินนะหยก”
คมทวนหันไปบอกธงรบ
“ก่อนจะพาตัวมันไป ผมขอคุยกับมันก่อนได้มั้ยครับ”
ธงรบจะปฏิเสธแต่คมทวนยืนยันให้มั่นใจ
“ถ้าผมคิดจะช่วยให้มันหนี ผมไม่เชิญหมวดเข้ามาจับมันถึงในบ้านผมหรอก ผมขอเวลา กับมันแป๊บเดียว”
ธงรบชี้หน้าหยก
“ถ้าแกคิดจะหนีฉันอีกล่ะก็ คราวนี้ฉันยิงแกจริงๆแน่”
ธงรบมองหน้าหยกอย่างเอาจริง คมทวนเข้าไปจับแขนลูกแล้วลากตัวเข้าไปด้านใน

คมทวนลากหยกออกมาคุยกัน
“จนแล้วจนรอดแกก็ยังดีแต่หาเรื่อง ชอบนักเหรอไง เดินเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะพ่อ”
“ยังมาเถียงอีก เขาเป็นตำรวจ ถ้าแกไม่ทำผิดอะไร แล้วเขาจะตามมาลากคอแกทำไม”
“หมวดคนนี้เขาเหม็นขี้หน้าผมอยู่ เขาก็เลยพยายามหาเรื่องผม”
“แกหาว่าถูกตำรวจรังแก คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอไอ้หยก”
คมทวนผลักอกด้วยความไม่พอใจจนหยกเซ

“ผมไม่ได้คิดว่าพ่อจะเชื่ออะไรผมหรอก เพราะพ่อเอาแต่คิดว่าผมเป็นได้แค่ลูกอกตัญญู”

“ไอ้หยก! ที่ฉันยอมให้เขาเข้ามาจับแก เพราะฉันอยากให้แกรู้จักกลัวความผิดบ้างต่อไป แกจะได้เลิกทำตัวเหลวไหลประชดชีวิตแบบนี้ซะที”
 

“ผมไม่ได้ทำตัวเหลวไหลประชดชีวิตนะพ่อ และผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวความผิด...เพราะ ผมไม่ได้ผิดอะไร”
“พอกันทีไอ้หยก...ฉันไม่เชื่อแก ฉันจะให้เขาจับแกไปขัง แกจะได้ไม่ต้องออกมาคบกับไอ้ พวกเลวๆอีก”
คมทวนจะเข้าไปจับแขนพาออกไปแต่หยกปัดมือ
“พ่อไม่ต้องพาผมออกไปหรอก เขาไม่มีสิทธิ์มาจับผม”
หยกมองหน้าพ่อแล้วเดินออกไปเอง คมทวนมองตามแล้วแปลกใจ

ธงรบกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับจ่า
“ว่าไงนะจ่า...พวกมันปฏิเสธเรื่องซัดทอดไอ้หยกเหรอ จะเป็นไปได้ยังไงก็ทั้งผู้เสียหาย ทั้ง พวกที่จับได้ บอกเหมือนกันหมดว่าไอ้หยกอยู่ในกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าหนี้ด้วย ผมถึงต้องมา เอาตัวมันไปอยู่นี่ไง”
หยกเข้ามา
“งั้นงานนี้หมวดก็คงจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะครับ”
ธงรบชะงักแล้วหันมามองหน้าหยกก่อนจะปิดมือถือ
“แกไปข่มขู่ไอ้พวกนั้นไม่ให้ซัดทอดแกใช่มั้ย”
“ผมไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่ความจริงมันคืออะไร ก็ว่าไปตามนั้น”
“แก!”
ธงรบไม่พอใจเข้าไปกระชากคอเสื้อหยก แต่คมทวนเข้ามา
“ปล่อยลูกชายผมเถอะครับหมวด ถ้ามันทำผิดจริง ผมจะให้หมวดพาตัวมันไป แต่ถ้ามัน ไม่ได้ทำอะไร หมวดก็ไม่ควรมาทำกับมันแบบนี้”
ธงรบชะงักมองคมทวนที่พูดปกป้องลูก ธงรบยอมปล่อยมือแล้วผลักหยก
“ไม่ว่ากี่ครั้งที่ฉันจะพยายามจับแก มันจะต้องลงเอยแบบนี้ไปหมด แค่นี้ก็พิสูจน์ให้ฉัน เห็นแล้วว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแกแน่...แต่แกจะไม่ลอยนวลแบบนี้ไปตลอดหรอก”
ธงรบชี้หน้าฝากไว้ก่อนแล้วเดินออกไป หยกขยับคอเสื้อหันไปมองพ่อที่มองหยกอย่างไม่วางตาเหมือนกัน

หยกมาที่มอเตอร์ไซค์กำลังจะสตาร์ทรถแต่คมทวนตามออกมา
“ที่ตำรวจนั่นเขาพูดมามันหมายความว่ายังไง”
“พ่อจะไปฟังอะไรกับหมวดนั่น ก็บอกแล้วไงว่าเขาพยายามหาเรื่องผม คงคิดจะเอาผม ไปเป็นแพะคดีที่ทำอยู่ แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด”
หยกพูดไปก็สวมหมวกกันน็อคสตาร์ทเครื่องเตรียมจะออกไป แต่อยู่ๆคมทวนก็เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจ ลำบากติดขัดจนแทบทรุด หยกหันมาเห็นก็ตกใจ
“พ่อ !...พ่อเป็นอะไร”
หยกพยายามประครองพ่อ ระหว่างนั้นอ่างกับสลึงพากันเข้ามาพอดี อ่างรีบเข้ามา
“อ้าวเฮ้ย...นั่นพี่คมทวนเป็นอะไรวะไอ้หยก”
“ไม่รู้เหมือนกันน้า...อยู่ๆพ่อก็ทรุดลงไป”
สลึงดูอาการคมทวนอย่างเป็นห่วง
“ท่าทางไม่น่าไว้ใจแล้วว่ะ รีบพาไปหาหมอเถอะ”
หยกพยักหน้ารับช่วยประครองพ่อให้ลุกขึ้นแล้วพยุงพาออกไปพร้อมกันทันที คล้อยหลังหยกพาคมทวนออกไปได้ครู่ โหงวก็เดินเข้ามามองตามทั้งหมดที่พากันออกไป โหงวมองอย่างครุ่นคิดบางอย่าง

โหงวเข้ามาในบ้านมองไปรอบๆอย่างสงสัย แต่สภาพบ้านไม่มีอะไรนอกจากภาพถ่ายของคมทวน สมัยเป็นนักมวยและข้าวของเก่าๆดูไม่มีความหมายอะไร โหงวเปิดนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆแล้วหยุดคิดนึกถึงตอนที่เขาเห็นหยกเลือดมังกรที่หยกสวมคอที่สนามมวยเถื่อน
“หรือว่าเราจะเข้าใจผิด ไอ้เด็กหนุ่มนั่นอาจจะมีหยกที่เหมือนกับของไอ้เล้งก็ได้”
โหงวส่ายหน้าที่เสียเวลามาเลยคิดจะเดินออกไปแต่ระหว่างนั้นสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างเลยถอยกลับมาดู สิ่งที่เขาต้องหันมาสนใจนั่นก็คือภาพถ่ายของคมทวนกับพราวแสงที่ถ่ายคู่กันที่หน้าบ้านหลังนี้ โหงวรู้สึกคุ้น หน้าผู้หญิงในรูปนี้มากจนต้องพยายามนึก และจำได้ว่าผู้หญิงในรูปนี้คือคนที่ช่วยพาเจ้าสัวเล้งหนีการไล่ยิงจากคนของเขา
“นี่มัน...ผู้หญิงที่ช่วยชีวิตไอ้เล้ง”

“งั้นก็รีบไปกันเถอะ อาฝากดูแลเจ้าปลาน้อยด้วยนะอู๊ดดี้”
“ครับอาตง”
อู๊ดดี้ผายมือให้ดุจแพร ทำให้เธอปฏิเสธลำบาก จำเป็นต้องออกไปกับเขาทั้งๆที่ไม่ค่อยอยากไป ตงมองตามแล้วยิ้มๆ
“ถ้าไม่ใช่เพราะแกบอกเรื่องที่ยัยดุจเริ่ม สงสัยฉัน ฉันก็คงไม่เร่งเรื่องแบบนี้ให้มันเร็วขึ้นหรอก”
หยกงงๆ
“เรื่องแบบนี้”
“เลี้ยงลูกสาว ถึงจะหวงยังไงสักวันมันก็ต้องมีผัว ให้แต่งงานแต่งการมีครอบครัวออกไป มันจะได้ไม่มีเวลามาจ้องจับผิดฉัน ให้มันยุ่งอยู่กับผัวมันนั่นแหละดีที่สุด”
ตงตบบ่าหยกแล้วเดินเข้าไปข้างในบริษัท 
หยกหันไปมองตามตงอึ้งๆถึงกับหาผู้ชายมาให้ลูกสาวเพื่อกันไม่ให้เข้ามาวุ่นวายกับแผนการใหญ่ใน วงการมาเฟีย

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 8 (ต่อ)

เมื่อมาอยู่รวมกันในโรงสี พวกคนงานที่มานพจ้างมาจากสนามมวยเถื่อนไม่ทำงานทำการ เอาแต่จับกลุ่มเล่นพนันเขย่าไฮโล ส่งเสียงดังลั่น

 เจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาหยุดมองอย่างไม่พอใจ พวกคนงานหันมาเห็นชายแปลกหน้ายืนมองอยู่ พวกมันสะกิดหยุดเล่น
“ใครวะ ยืนมองพวกเราอยู่ได้”
“จะใครก็ช่างมัน ไม่ใช่นายเราเว้ย เล่นต่อ แทงช้ารวยช้านะเว้ย”
พวกคนงานเฮโลเล่นพนันกันเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ระหว่างนั้นดวงแขเดินเข้ามาเจอเจ้าสัวเล้งก็ชะงักตกใจไม่คิดว่าเขาจะมา
“คุณ !”
“นี่น่ะเหรอ คนงานของมานพ”
“เอ่อ...คือ...พอดีเป็นเวลาพักของพวกเขาน่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเตือนเอง”
ดวงแขจะเข้าไป แต่เจ้าสัวเล้งจับแขนรั้งไว้
“ไม่ต้อง...นี่ดีนะที่วันนี้ฉันประชุมเสร็จเร็วเลยแวะมาดูมันทำงาน...ไม่งั้นก็คงไม่ได้เห็น อะไรแบบนี้ มันอยู่ไหน”
ดวงแขอึกอัก
“เอ่อ...ตานพ...ตานพไม่อยู่ค่ะ”
เจ้าสัวเล้งบีบแรงจ้องหน้าเมียเขม็ง
“อย่ามาโกหก...ถ้ามันไม่อยู่แล้วเธอมาที่นี่ทำไม”
เจ้าสัวเล้งผลักดวงแขจนเซ แล้วรีบเดินเข้าไปด้านใน ดวงแขหน้าเสีย
“แย่แล้ว!”

มานพคุยอยู่โหงวอยู่ในห้องทำงาน
“หมายความยังไง ก็ไหนแกบอกว่าไอ้พวกนั้นมันจะลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง ฉันจะได้มีช่อง ทางขึ้นไปใหญ่แทนพวกมัน” มานพถามอย่างไม่เข้าใจ
“แผนที่ฉันคิดไว้น่าจะเป็นไปตามนั้น แต่เพราะไอ้เล้งนั่นแหละที่ทำให้ทุกอย่างผิดแผน”
“พ่อฉันมายุ่งอะไรด้วย”
“สมัยก่อนไอ้เล้งกับมาเฟียพวกนั้นเคยร่วมหัวจมท้ายกันมา ถึงตอนหลังจะวางมือเลิกยุ่ง เรื่องผิดกฎหมายไป แต่พวกมันก็ยังให้ความเกรงใจอยู่ ถ้าไอ้เล้งไม่อยากให้มีสงคราม พวกมันก็ต้องฟัง”
“โธ่เว้ย...ทำไมพ่อฉันถึงต้องมาขวางทางฉันอยู่เรื่อย...หรือว่าพ่อฉันจะรู้แล้ว ว่าฉันร่วมมือกับแก”
“ไม่ ถ้าไอ้เล้งรู้ว่าฉันมาเหยียบจมูกมันถึงที่ มันฆ่าฉันแล้วไล่แกออกจากตระกูลไปแล้ว”
“งั้นแกก็ต้องหาทางใหม่...จะทำอะไรก็ได้ ขออย่างเดียวทำให้ฉันยิ่งใหญ่กว่าพ่อ”
ระหว่างนั้นชาญรีบเข้ามาเตือนอย่างรีบร้อน
“คุณมานพครับ...เจ้าสัวมาที่นี่ครับ”
โหงวกับมานพอึ้งไปมองหน้ากันอย่างตกใจ

เจ้าสัวเล้งเข้ามา มานพหน้าเสียดูร้อนรน
“พ่อ...นี่พ่อมาที่นี่ได้ยังไงครับ”
เจ้าสัวเล้งไม่ตอบมองไปรอบๆห้องด้วยสายตาจับผิด เหมือนสงสัยว่ามานพไม่ได้อยู่คนเดียว โหงวยืนหลบซ่อนตัวอยู่หลังตู้เก็บของเพราะไม่มีเวลาหนีออกไป เขาเอามือแตะปืนที่เอวพร้อมจะสู้ถ้า ถูกจับได้ เจ้าสัวเล้งเดินเข้าไปดูจนเกือบจะถึงตัวโหงวแต่มานพรีบตามไปถามซ้ำ
“พ่อ...พ่อยังไม่บอกผม”
เจ้าสัวเล้งหยุดแล้วหันมาที่มานพ ทำให้โหงวรอดตัวไป
“แกมัวแต่ทำอะไรอยู่ในนี้”
“ผมก็ทำงานน่ะสิครับ”
“แน่ใจเหรอว่าแกทำงาน ถ้าแกสนใจเรื่องงานจริงๆจังๆ ลูกน้องแกไม่เอาเวลามานั่งตั้ง วงเล่นไฮโลหรอก”
“พ่อจะอะไรกับพวกนั้นนักหนา นี่เป็นเวลาพักของพวกมัน มันจะทำอะไรก็เรื่องของมัน”
เจ้าสัวเล้งไม่พอใจดึงคอเสื้อลูก
“ถ้าวิธีการดูแลธุรกิจของแกเป็นแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าไอ้ตัว เลขกำไรที่ฉันเห็น แกปั้นขึ้นมาแหกตาฉัน”
มานพอึ้งไปที่พ่อกำลังจับผิด ระหว่างนั้นดวงแขรีบเข้ามา
“คุณคะ...ปล่อยมานพเถอะ”
“เธอไม่ต้องยุ่ง”
“แม่ไม่ต้องห้ามพ่อเขาหรอก เพราะไม่ว่าผมจะทำอะไรพ่อก็ไม่เคยเห็นดีด้วยอยู่แล้ว ไอ้ที่ เขาให้โอกาสผมมาทำโรงสีก็เพราะเขาไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับท่าเรือของเขาต่างหาก”
มานพย้อนใส่แล้วแกะมือพ่อออกจากคอเสื้อก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย
“มานพ...มานพ!”
เจ้าสัวเล้งรีบตามออกไป ดวงแขมองตามก่อนจะหันมามองหาโหงว
“เขาไปแล้ว”
โหงวออกมาจากที่ซ่อน
“รีบไปจากที่นี่เถอะ ถ้าเล้งเจอแกชักใยมานพล่ะก็ ที่นี่นองเลือดแน่”
โหงวยังจิกตาร้ายมองตามเจ้าสัวเล้งที่ออกไป มือแตะปืนที่เอวอย่างอยากจะจัดการ
“เห็นมันอยู่แค่เอื้อมแค่นี้ ฉันอยากจะยัดลูกปืนใส่ปากมันนัก”
“อย่านะ...ฆ่าเล้งตายตอนนี้สมบัติก็ยังไม่ตกอยู่ในมือลูกเราหรอก ต้องให้แน่ใจก่อนว่า เล้งยกทุกอย่างให้ตานพแล้วจริงๆ ถึงตอนนั้นอยากจะทรมานมันยังไง ฉันจะไม่ห้าม ไปสิ”
ดวงแขดันให้โหงวออกไปจนคิดว่าปลอดภัย

มานพเดินหัวเสียจะออกจากโรงสีด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ เจอพวกคนงานที่กำลังเขย่าไฮโลอยู่ พวกมันเห็น นายมาเลยหยุดเล่น มานพอยากระบายอารมณ์เลยเข้าไปกระชากคอเสื้อคนหนึ่งขึ้นมา
“ขอโทษครับนาย...คือ...พวกผมเล่นกันสนุกๆ”
“อยากสนุกก็ไปสนุกที่อื่น ไม่ใช่ทำให้ฉันโดนด่า”
มานพชกหน้าคนงาน...เปรี้ยง แล้วตามเข้าไปกระทืบใส่อีกหลายครั้งอย่างบ้าคลั่ง เจ้าสัวเล้งตามเข้ามาเห็นก็ร้องห้าม
“มานพ...หยุดนะ...ฉันบอกให้แกหยุด”
“พ่อจะห้ามผมทำไม ผมกำลังสั่งสอนลูกน้องอยู่ พ่ออยากเห็นไม่ใช่เหรอ”
มานพหันไปกระทืบเหยียบหน้าอกอย่างแรงติดต่อกันอีกหลายที จนเจ้าสัวเล้งทนไม่ไหวต้องเข้าไปกระชากตัวมาแล้ว ตบหน้าสั่งสอนให้ได้สติ มานพหน้าหันเลือดกลบปากชะงักอึ้งไป
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้แกทำอย่างนี้”
มานพเช็ดเลือดซิบๆที่ปากมองพ่อตัวเองอย่างเจ็บใจเพราะถูกตบหน้าต่อหน้าลูกน้องจึงเดือดแค้นหุนหันออกไป

มานพฉุนเฉียวเจ็บใจโกรธแค้นสุดๆเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ ขบกรามจนขึ้นสันเจ็บใจที่โดนพ่อเล่น งานนั่นยิ่งทำให้นึกไปถึงอดีตที่จำฝังใจ...ช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น เขากระชากผม
คนใช้หญิงคนหนึ่งออกมาจากห้องตบหน้าฉาดใหญ่อย่างฉุนเฉียวที่ชั้นสอง
“แกกล้าขโมยของฉันเหรอ อีขี้ข้า”
“หนู...หนูเปล่าค่ะคุณนพ”
“ยังกล้าปฏิเสธเหรอ...ถ้าฉันค้นเจอนาฬิกาของฉันอยู่ในตัวแกล่ะก็ ฉันตบแกไม่เลี้ยงแน่”
“หนูไม่ได้เอาไป อย่าค้นตัวหนูเลย”
“แกไม่กล้าให้ฉันค้นเพราะแกขโมยมันไปจริงๆ”

มานพเล่นบทโหดกระชากเสื้อพยายามค้นตัว คนใช้ปัดป้องเป็นพัลวันก่อนจะผลักมานพจนเซแล้วรีบวิ่งหนี

“แก...นังขี้ข้า”

มานพไล่ตามคนใช้ไปทันที่ขั้นบันได จิกหัวมาแล้วตบหน้า...เพี๊ยะ! คนใช้หน้าหันเซเสียจังหวะ กลิ้งตกลงมาจากบันได มานพยืนตกใจไม่คิดว่ามันจะตกลงไป คนใช้ตกลงมาที่พื้นฉันล่างโชคดีที่ยังไม่ถึงกับตายแต่หัวแตกเลือดอาบนอนร้องครวญคราง เจ้าสัวเล้งกับดวงแขเข้ามา เห็นก็ตกใจ
“ตานพ...เกิดอะไรขึ้น”
มานพหน้าเสีย
“คือผม...ผม...ผมเปล่านะพ่อ มันขโมยนาฬิกาผม แต่มันไม่ยอมให้ผมค้นตัว ผมเลยต้อง สั่งสอนมัน”
“นี่แกสั่งสอนคนใช้ด้วยวิธีแบบนี้เหรอ”
“ก็มันขโมยนาฬิกาที่พ่อซื้อให้ผมนี่ ไม่เชื่อพ่อก็ค้นตัวมันดูก็ได้”
เจ้าสัวเล้งชะงักไป ดวงแขสงสัยรีบเข้าไปค้นตามตัวและไม่พบนาฬิกา
“ไม่มีนะตานพ”
มานพอึ้ง
“มันต้องมีสิแม่ มันนั่นแหละที่ขโมยนาฬิกาผม...มันเป็นอีขี้ขโมย ผมจะค้นมันเอง”
เจ้าสัวเล้งตะคอกเสียงดัง
“ไม่ต้องแล้ว! ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะมีนิสัยแบบนี้” เจ้าสัวเล้งหันไปสั่งดวงแข “พามันไปโรงพยาบาล”
“คุณ...ค่อยๆพูดกับลูกก็ได้”
เจ้าสัวเล้งขึ้นเสียง
“ฉันสั่งให้พามันไปโรงพยาบาล”
ดวงแขรีบเข้าไปประครองคนใช้แล้วพาออกไป ส่วนเจ้าสัวเล้งเข้าไปจับแขนลูกชายมาบีบอย่างแรงแล้วจ้องเขม็ง
“แกมากับฉัน!”
เจ้าสัวเล้งกระชากพาลูกชายเข้ามา แล้วผลักลงตรงหน้าภาพถ่ายของบรรพบุรุษ
“แกเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่เคยสั่งไม่เคยสอน แล้วสายเลือดของเราก็ไม่เคยมีใครมี สันดานแบบนี้”
“ผมไม่ผิดนะพ่อ มันเป็นขี้ข้า ผมมีสิทธิ์สั่งสอนมัน”
“นี่แกยังมาเถียงฉันอีกเหรอ”
เจ้าสัวเล้งเลือดขึ้นหน้าหันไปคว้าไม้เรียวแล้วดึงมานพให้ลุกขึ้น
“แกเป็นสายเลือดคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูล เมื่อแกโต แกจะต้องสืบทอดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นฉันต้องดัดนิสัยแกให้เป็นคนดี พร้อมรับช่วงต่อจากฉันให้ได้”
เจ้าสัวเล้งหวดไม้เรียวใส่อย่างแรง มานพร้องเจ็บลั่น น้ำตาอาบแก้ม
“ผมไม่ผิด! มันขโมยของๆผม มันสมควรต้องเจ็บตัว...ฮือๆๆๆ”
“นี่...นี่...ฉันตีแกแล้ว แกยังหัวแข็งอีกเหรอ”
มานพหันมาจ้องหน้าเขม็ง
“ผมเกลียดพ่อ...พ่อไม่เคยฟังผม”
มานพจ้องหน้าอย่างโกรธแค้น จงเกลียดจงชังสุดๆ
“แก...แกมองหน้าฉันแบบนี้...แกเป็นลูกฉันนะไอ้มานพ”
เจ้าสัวเล้งกระหน่ำฟาดไม้เรียวใส่หนักขึ้นเพื่อสั่งสอน มานพกอดอกน้ำตาไหลอาบเจ็บปวดและโกรธแค้นสุดๆ ระหว่างนั้นดวงแขรีบเข้ามาห้าม
“คุณ...พอได้แล้ว”
“เธอไม่ต้องมายุ่ง ฉันสั่งสอนมัน แต่มันกลับมองหน้าฉันเหมือนว่ามันไม่ใช่ลูกฉัน”
“ก็คุณทำเกินไป”
“ฉันไม่ได้ทำเกินไป คนในตระกูลของฉันไม่มีใครมีสันดานแบบนี้ ฉันถามเธอจริงๆเถอะ มันใช่ลูกของฉันรึเปล่า”
ดวงแขตกใจหน้าเสีย
“นี่คุณ คุณพูดแบบนี้ต่อหน้าลูกได้ยังไง ตานพเป็นลูกคุณนะ”
“แต่สายเลือดฉันมันต้องไม่เป็นแบบนี้”
ระหว่างนั้นนนท์เข้ามามีเรื่องสำคัญ
“เจ้าสัวครับ”
“เข้ามาทำไม...ออกไป”
“คือว่า...คุณนายสั่งให้ผมไปค้นห้องคนใช้ ผมเลยเจอนี่ครับ”
นนท์ชูนาฬิกาเรือนหรูราคาแพงของมานพให้ทุกคนดู เล้งถึงกับอึ้งไปแล้วรีบหันไปมองลูกชายอย่างรู้สึกผิด
“ตานพ...พ่อ...”
มานพไม่พูดอะไรปัดมือพ่อที่จะมาจับตัวแล้วแย่งนาฬิกาจากมือนนท์วิ่งออกไปจากห้องทันที

มานพเข้ามาที่ห้องนอนปัดข้าวของหนังสือเรียนบนโต๊ะ ระเบิดอารมณ์โกรธที่พ่อตี เขามองนาฬิกาในมืออย่างเจ็บใจ คำพูดของพ่อยังก้องอยู่ในหัว
“ฉันไม่ได้ทำเกินไป คนในตระกูลของฉันไม่มีใครมีสันดานแบบนี้ ฉันถามเธอจริงๆเถอะ มันใช่ลูกของฉันรึเปล่า”
ดวงแขตกใจหน้าเสีย
“นี่คุณ !คุณพูดแบบนี้ต่อหน้าลูกได้ยังไง ตานพเป็นลูกคุณนะ”
“แต่สายเลือดฉันมันต้องไม่เป็นแบบนี้”
มานพตัดสินใจเหวี่ยงนาฬิกาลงพื้นแล้วกระทืบมันซ้ำๆจนนาฬิกาแตกกระจาย

มานพมือจับพวงมาลัยจิกหน้าโกรธแค้นอารมณ์คุกรุ่นเจ็บใจ เจ้าสัวเล้งตามมาตะโกนเรียก
“มานพ...ลงจากรถแล้วมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ แกเห็นฉันโง่เหรอ ถึงมาแหกตาอวดเก่งว่าแก เก่งกว่าฉัน ลงมาจากรถ”
มานพไม่ยอมลงจากรถมองพ่อที่ยืนเรียกอยู่หน้ารถอย่างตัดสินใจ ปากพึมพำ
“ทั้งๆที่ผมเป็นลูกพ่อ...แต่พ่อก็ไม่เห็นผมดีสักอย่าง ถ้าไม่อยากเห็นผมเป็นลูก ผมก็ไม่ อยากเป็นลูกพ่อแล้วเหมือนกัน”
มานพจิกหน้าเหี้ยมเกรียมร้ายกาจเข้าเกียร์แตะคันเร่งล้อรถหมุนฟรี เจ้าสัวเล้งเห็นเข้าก็ตกใจ
“มานพ...นั่น...นั่นแกจะทำอะไร”
มานพเจ็บแค้นสุดๆตะโกนเสียงดังลั่นอยู่ในรถ
“แกกับฉันไม่ใช่พ่อลูกกันแล้ว”
มานพเหยียบคันเร่งลงไปสุด รถพุ่งไปข้างหน้าเข้าชนเจ้าสัวเล้งเต็มๆ...โครม เจ้าสัวเล้งล้มกลิ้งนอนเลือด กบปากตาค้างร่างกระตุก ตายอย่างน่าสมเพท มานพจอดรถลงมาดูแล้วตกใจหน้าเสีย

มานพยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัย เขาเพียงแต่คิดอยากจะตอบโต้พ่อด้วยความรุนแรงเพราะ อารมณ์ที่ยังโกรธ ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งตามเข้ามาเรียก
“มานพ...ลงจากรถมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”
มานพนั่งนิ่งอยู่ในรถมือกำพวงมาลัยแน่น ดวงแขตามเข้ามาพยายามห้ามเจ้าสัวเล้ง
“ปล่อยลูกไปก่อนเถอะค่ะคุณ ตอนนี้พวกคุณเหมือนน้ำกับน้ำมัน เข้าใกล้กันไม่ได้หรอก”
“ปล่อยเหรอ...ปล่อยให้มันเสียผู้เสียคนแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอไง”
มานพตัดสินใจแตะคันเร่งเข้าเกียร์แล้วถอยรถแรงๆหักพวงมาลัยหมุนกลับรถขับออกไปทิ้งพ่อไว้ข้างหลัง
“ไอ้มานพ...มานพ”

เจ้าสัวเล้งหัวเสียที่มานพแสดงความดื้อรั้นไม่ฟังเขา หันมามองดวงแขอย่างไม่พอใจ

“เพราะเธอ...เพราะเธอคนเดียว”

เจ้าสัวเล้งด่าดวงแขแล้วเดินออกไป โหงวเดินออกมาจากมุมอับที่ยืนหลบซ่อนตัวแอบดูอยู่ โหงวมองตามอย่างสะใจ
“ไอ้เล้ง ถึงวันนี้ฉันจะยังฆ่าแกไม่ได้ แต่ได้ดูแกถูกสายเลือดของฉันทรมานบีบหัวใจแก ไปเรื่อยๆแบบนี้ แค่นี้ฉันก็สะใจแล้ว ฮ่าๆ”

ในศาลเจ้า...กิ่งเหมยถือถังเข้ามาเก็บเศษก้านธูปที่ชาวบ้านมาไหว้เทพเจ้าเอาไปทิ้ง แล้วเกลี่ยทรายในกระถาง เช็ดทำความสะอาด อาม่าเข้ามา
“ลื้อไปพักเถอะอาเหมย เดี๋ยวในนี้อาม่าดูแลเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะอาม่า เหมยไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว”
“ลื้อไม่โกรธอาม่านะ ที่อาม่าสั่งห้ามไม่ให้ลื้อไปทำงานกับลูกสาวไอ้เสี่ยตง”
“เหมยจะไปโกรธอาม่าได้ยังไงคะ ในเมื่ออาม่าบอกว่าเขาเห็นคนไม่ดี ทำให้แม่กับอากง ต้องตาย เหมยก็ไม่ควรไปยุ่งกับเขา”
อาม่ายิ้มสบายใจ
“ถ้าลื้อเข้าใจอาม่าก็ดีใจ อาม่าไม่อยากให้อดีตมันถูกรื้อฟื้นขึ้นมา ไม่อย่าง นั้นเราสองคนจะลำบาก”
“ค่ะอาม่า”
กิ่งเหมยยิ้มรับ แต่ระหว่างนั้นหยกเข้ามา
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
หยกเข้ามาผิดจังหวะเจออาม่าอยู่กับกิ่งเหมยพอดี
“ไอ้หยก!”

หยกโดนอาม่าเอาไม้กวาดไล่ตะเพิดออกมา
“โอ๊ยอาม่า...ผมเจ็บ...เบาครับ...เบา”
“ไปเลยนะไอ้กุ๊ย อั้วสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ลื้อมายุ่งกับอาเหมยของอั้วอีก”
“อาม่าคะ...แต่ว่าหยกเขา...”
อาม่าหันไปดุหลานสาว
“ลื้อไม่ต้องไปสนใจมัน ถ้ามันยังไม่เลิกเป็นกุ๊ย เที่ยวไปรังควาญคนทำมากินล่ะก็ อาม่า จะไม่ให้มันมาเหยียบที่นี่อีก”
“แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับกิ่งเหมยนะครับ”
“เรื่องอะไร”
“คือ...เรื่อง...”
กิ่งเหมยกลัวหยกจะพูดเรื่องตาของเธอให้อาม่ารู้ จึงรีบพูดขัดขึ้นมา
“หยกเขาไม่ได้ไปยุ่งกับพวกไอ้กิจชัยแล้วค่ะอาม่า”
“นี่ลื้อพูดจริงเหรออาเหมย”
“จริงสิคะอาม่า หยกเขาได้งานดีๆทำแล้ว”
“งานอะไร”
กิ่งเหมยมองไปที่หยกให้เป็นคนตอบเอง
“คนขับรถครับ”
“ขับรถให้ใคร”
“ขับรถให้บริษัททั่วๆไปนี่แหละจ้ะอาม่า”
“งั้นเหรอ...ก็ดีแล้ว ถ้าหันไปทำอาชีพสุจริต อั้วก็เห็นด้วย อย่าไปเป็นเลยพวกกุ๊ยพวก อันธพาล เป็นแล้วชีวิตจะมีแต่เรื่องเฮงซวย แล้วอั้วก็จะไม่ให้ลื้อเข้าใกล้อาเหมยอีก เข้าใจมั้ยอาหยก”
“ครับอาม่า”
“โอ้ย...ไล่ตีมันเมื่อกี้ ทำเอาเจ็บหลังเลย อั้วเข้าไปหากอเอี๊ยะแปะหลังก่อนล่ะ พวกลื้อ ก็คุยกันไปแล้วกัน”
อาม่าโยนไม้กวาดให้หยกแล้วเดินกลับเข้าไปในศาลเจ้า กิ่งเหมยหันมามองหน้าหยก

กิ่งเหมยดึงมือหยกออกมาคุยมุมหนึ่งของศาลเจ้า
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าเอาเรื่องฉันมาพูดให้อาม่ารู้เด็ดขาด”
“แต่เธอกำลังจะตาบอดนะ เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมต้องปิดไม่ให้อาม่ารู้”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“แต่สำหรับเราไม่มีคำว่าเรื่องของฉันของเธอ”
“เธออย่ามาพูดเองเออเองนะหยก แล้วที่ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงไปคบกับไอ้กิจชัย เธอยังบอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉันเลย”
“นั่นมันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันตรงไหน!”
หยกชะงักแล้วยอมแพ้
“ก็ได้...ฉันไม่อยากเถียงแล้ว ที่ฉันมาเพราะได้ยินมาว่าอาการของ เธอ ถ้าไปบำบัดด้วยการนวดตา อาจจะช่วยทำให้ดีขึ้นได้นะ”
“ฉันรู้เรื่องนั้นแล้ว”
“รู้แล้ว...รู้แล้วทำไมเธอไม่ไปล่ะ”
“เพราะฉันมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ”
“อะไรมันจะสำคัญกว่าการที่เธอจะต้องทนอยู่คนเดียวในโลกมืดอีกล่ะกิ่งเหมย”
“เธอเคยบอกว่าเธออยากรู้จักชีวิตตัวเองใช่มั้ย...ฉันก็เหมือนเธอนั่นแหละ”
หยกสงสัย
“เธอหมายความว่ายังไง”
กิ่งเหมยเพียงแต่มองหน้าเขาแล้วไม่ตอบอะไรเดินกลับเข้าไปในศาลเจ้า หยกสงสัยจะตามไปถามต่อ แต่มือถือ ดังขัดจังหวะซะก่อน
“กิจชัย...แกมีอะไร”

หยกเดินเข้ามาในตึกร้างเจอพวกกิจชัยกับพวกลูกน้องแกงค์มอเตอร์ไซค์ที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว เขาดูท่าทาง พวกมันดูเขม่นตนไม่น่าไว้ใจ
“พวกแกว่างนักเหรอไงถึงได้มาจับกลุ่มกันอยู่ที่นี่”
“เดี๋ยวนี้แกถึงกับกล้าด่าพวกฉันแล้วเหรอวะไอ้หยก กับไอ้แค่เสี่ยให้แกไปคอยเดินตาม คุณหนู ไม่ได้หมายความว่าแกจะใหญ่กว่าฉันนะเว้ย”
“ถ้าแกตามฉันมาเพื่อจะมาข่มว่าฉันเป็นลูกน้องแก เสียเวลาทำงานของฉันว่ะ”
หยกไม่สนใจจะเดินกลับไป แต่ลูกน้องกิจชัยบิดคันเร่งยกล้อพุ่งเข้าไปขับปาดขวางไม่ให้เขาออกไป หยกชะงักมองพวกมันที่คำรามเสียงเบิ้ลเครื่องมอเตอร์ไซค์ข่มขู่ กิจชัยยิ้มหยัน
“อย่าลืมสิวะไอ้หยกว่าใครเป็นคนพาแกเข้ามาหาเสี่ย”
หยกมองหน้ามัน
“ถามจริงๆเถอะวะไอ้กิจชัย แกเป็นนักเลง หรือเป็นเด็กขี้อิจฉากันแน่ ทั้งแกทั้งฉันต่างก็ ทำงานให้เสี่ย ยังไงก็เป็นลูกน้องเขาเหมือนกันหมด”
กิจชัยเจ็บใจ
“แกหาว่าฉันเป็นเด็กขี้อิจฉาเหรอ...เฮ้ย...เล่นแม่งเลย”
กิจชัยสั่งเสียงดัง พวกลูกน้องที่เหลือกรูเข้าไปรุม หยกตั้งการ์ดพร้อมสู้ ปล่อยของเต็มที่ทั้งหมัดเข่าศอกสวนกลับ พวกมันกระเจิงไปทีละคน พวกที่ขี่มอเตอร์ไซค์บิดคันเร่งจู่โจมพุ่งเข้าใส่จนหยกต้องกระโดดหลบกลิ้งไปตามพื้น พวกมันวนกลับมาจะพุ่งเข้าใส่อีก คราวนี้หยกวิ่งเข้าใส่แล้วใช้กำแพงเป็นที่จั๊มเตะสวนกลับใส่พวกมันจนมอเตอร์ไซค์ล้มสิ้นฤทธิ์ ลูกน้องกิจชัยนอนร้องครวญครางโอดโอยเพราะโดนหยกเล่นงาน กิจชัยยืนอึ้งตกใจ หยกหันไปคว้าไม้เบสบอลขึ้นมาแล้วจ้องหน้าเขม็ง
กิจชัยเห็นท่าไม่ดีรีบถอยวิ่งหนี

หยกถือไม้เบสบอลเข้ามามองหากิจชัย ครู่หนึ่งมันโผล่มาข้างหลังพร้อมไม้หน้าสามจู่โจม จากข้างหลังฟาดใส่หยกจนเซ

หยกรีบผลุดลุกขึ้นทันจังหวะที่มันเข้ามาซ้ำเอาไม้เบสบอลขึ้นรับ กิจชัยโถมแรงใส่ หยกต้านสุดฤทธิ์ ทั้งสองคนไม่มีใครยอมใคร กิจชัยบ้าคลั่งกว่าเลยออกแรงเต็มที่จนหยกพลาด ท่าโดนมันเอาไม้ฟาดใส่และเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ครู่ก่อนจะอาศัยจังหวะมันเผลอเตะตัดข้อพับขาจนมันล้ม หยกเตะซ้ำเสยปลายคาง มันหน้าหงาย แล้วเตะไม้หน้าสามออกจากมือมัน จนกิจชัยกลายเป็นฝ่ายแพ้ หยกเงื้อมือจะซ้ำ กิจชัยรีบร้องขอ
“อย่านะไอ้หยก...ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันยอมแกแล้ว”
หยกนิ่งไปก่อนจะลดมือลง เพราะเห็นว่ามันยอมแพ้
“ความจริงฉันไม่อยากต้องใช้กำลังกับแกแบบนี้ แต่ถ้าเสี่ยไม่เห็นความสำคัญของฉัน ฉันมีหวังโดนไอ้พวกแกงค์อื่นมันรุมกินโต๊ะแน่”
“ทำไมแกถึงคิดว่าเสี่ยจะลดความสำคัญของแกลง”
“ก็ฉันได้ยินมาว่า เสี่ยมีคำสั่งให้แกทำงานสำคัญให้”
“แล้วแกรู้เหรอว่าเสี่ยสั่งให้ฉันไปทำอะไร”
“ลองถ้าเสี่ยบอกว่าเป็นงานสำคัญล่ะก็ มันก็ไอ้งานฆ่าคนอย่างที่เสี่ยเคยใช้ฉันประจำ นั่นแหละ...ไอ้หยก ให้ฉันช่วยแกด้วยนะ ฉันไม่อยากถูกเสี่ยเขี่ยทิ้ง”
“เสี่ยไม่เขี่ยแกทิ้งหรอก”
“แกไม่รู้หรอก คนอย่างเสี่ย ถ้าเลี้ยงไว้แล้วไม่ได้ใช้งาน เสี่ยไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองหรอก นะไอ้หยก...ให้ฉันช่วยแก แล้วเราสองคนจะได้ขึ้นไปใหญ่ด้วยกัน”
หยกนิ่งไปครู่
“ไว้งานอื่นแล้วกัน งานนี้เสี่ยสั่งฉันมาคนเดียว”
หยกไม่สนใจคำขอร้องของกิจชัยเดินออกไป ทิ้งให้กิจชัยมองตามอย่างเจ็บแค้น ตะโกนไล่หลัง
“ได้เลยไอ้หยก...งั้นมึงก็จะได้รู้ว่าคนอย่างกูน่ากลัวแค่ไหน”

มานพอยู่ที่เคาร์เตอร์กับบาร์เทนเดอร์ในบาร์ โรงแรมหรู เขาใช้เหล้าเป็นเครื่องระบายอารมณ์อย่างหัวเสีย
“เอามาอีก!”
มานพกระดกแก้ววิสกี้จนหมดแล้วกระแทกแก้วสั่งเพิ่ม บาเทนเดอร์มือสั่นเพราะกลัวมานพที่เอาแต่โวยวายจนเท เหล้าหกเลอะมือมานพ บาร์เทนเดอร์ตกใจ
“ขอโทษด้วยครับคุณมานพ”
บาร์เทนเดอร์รีบเอาผ้ามาเช็ด แต่โดนมานพปัดอย่างแรงแล้วกระชากคอเสื้อมาด่า
“ที่นี่เป็นโรงแรมของพ่อฉัน ถ้าแกดูแลลูกเจ้าของได้ห่วยแตกอย่างนี้ก็เตรียมตัวหาที่ทำ งานใหม่ได้แล้ว ไอ้โง่”
มานพผลักบาร์เทนเดอร์จนเซและกลัวหงอ ระหว่างนั้นชาญพาสาวหน้าตาดีแต่งตัวเซ็กส์อึ๋มคนนึงมาให้ดูตัว
“นายครับ...พอไหวมั้ยครับ เพื่อจะช่วยให้นายอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง”
มานพหันมามองแล้วไม่พอใจ คว้าเหล้าในแก้วสาดใส่หน้าหญิงสาว
“หน้าแบบนี้เนี่ยนะ...มาช่วยทำให้ฉันอารมณ์เสียมากกว่าเดิมเหรอไงวะ...ไป”
หญิงสาวโกรธที่โดนดูถูกรีบเดินออกไปทันที ชาญรีบขอโทษนาย
“ผมขอโทษครับนาย ผมรีบหามาให้นายก็เลย”
“พอ...แกไม่ต้องมาขอโทษ ฉันเองก็เบื่อผู้หญิงพวกนี้เต็มทนแล้ว อยากหาอะไรทำที่มัน สะใจกว่านี้”
มานพหยิบขวดเหล้ามาเติมใส่แก้วอย่างอารมณ์เสีย ระหว่างนั้นสายตาเหลือบไปเห็นดุจแพรเดินเข้ามากับอู๊ดดี้
“นั่นมัน…”

อู๊ดดี้พาดุจแพรมานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งเห็นวิวข้างนอกสวยงาม
“อู๊ดดี้...วันนี้ฉันต้องทำงานนะ ไม่มีเวลามาเป็นเพื่อนเที่ยวกับเธอทั้งวัน”
“ไม่เอาน่าลูกปลาน้อย เราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี สมัยก่อนเราคุยกันแทบทุกวัน ตอนนี้ฉันก็เลยอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าเธออยากคุยกับฉันนะ ก่อนอื่นเลย เธอต้องเลิกเรียกฉันว่าลูกปลาน้อยซะที”
“อ้าว...ทำไมล่ะ สมัยก่อนเธอแก้มป่อง ตาโตๆเหมือนปลาทองตัวน้อยๆ น่ารักดีออก”
“แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว ช่วยเรียกฉันให้เหมือนคนอื่นเรียกได้มั้ย ฉันอาย”
“โอเคๆ...ก็ได้...แพร”
“แล้วฉันก็จะดื่มเป็นเพื่อนเธอแค่แก้วเดียว เสร็จแล้วฉันจะกลับไปทำงาน”
ดุจแพรไม่สนใจว่าอู๊ดดี้จะตื้อยังไง หันไปกวักมือเรียกพนักงานให้มารับออร์เดอร์

มานพนั่งจับตาดูดุจแพรกับอู๊ดดี้อยู่อีกมุมหนึ่งไม่ไกลนัก ชาญเข้ามาถาม
“นายรู้จักคนที่มากับคุณดุจแพรด้วยเหรอครับ”
“รู้...ไอ้อู๊ดดี้ มันเคยเรียนอยู่โรงเรียนประจำเดียวกับฉันที่อังกฤษ ไอ้นี่สันดานมันชอบ อวดรวยจีบหญิงไปทั่ว โอ่ว่าพ่อมันมีเส้นสายกับพวกนักการเมือง”
“งั้นมันก็คงเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับนาย”
“อย่างมันไม่ใช่คู่แข่งของฉันหรอก ไม่เห็นเหรอไงว่าท่าทางคุณดุจแพรรำคาญมัน”
มานพมองไปที่ดุจแพรแล้วยิ้มคิดอะไรบางอย่างได้
“ชาญ...ฉันรู้แล้วว่าฉันจะหายหงุดหงิดที่โดนพ่อด่ามาได้ยังไง”
“ยังไงครับนาย”
มานพยังไม่ตอบแต่ยิ้มร้ายหันไปกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์ให้เข้ามาใกล้ๆ แล้วเขาก็กระซิบสั่งอะไรบางอย่าง บาร์เทนเดอร์ชะงักหน้าเสีย
“ทำตามที่ฉันสั่ง...ไม่งั้นแกตกงานแน่...ไป”
บาร์เทนเดอร์รีบรับคำแล้วถอยออกไป มานพยิ้มร้ายน่ากลัว
“คราวนี้สนุกแน่…ฉันได้หายหงุดหงิดแล้ว…”

บริกรเอาเครื่องดื่มคอกเทลของอู๊ดดี้กับม๊อกเทลของดุจแพรมาเสิร์ฟให้ ทั้งคู่ดื่มเครื่องดื่ม ของตัวเองก่อนจะเริ่มคุย
“ถ้าเธอไม่มีเวลาคุยกับฉัน งั้นก็ขอพูดตรงๆเลยนะ คุณอาบอกฉันว่าตอนนี้เธอยังไม่มี แฟน ถ้าเราจะเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟนกัน เธอจะว่ายังไง”
ดุจแพรอึ้งไป
“นี่พ่อฉันบอกเธอแบบนั้นเหรอ”
“ใช่...ฉันดีใจนะที่คุณอาให้ความไว้ใจและให้โอกาสฉันได้เป็นฝ่ายขอคบกับเธอ”
“ป๋า!”
ดุจแพรไม่พอใจออกมาเป็นอย่างมาก หันไปคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นทันที
“เดี๋ยวสิแพร จะไปไหน”
“ฉันจะกลับ”
ดุจแพรรีบเดินอกไปทันที อู๊ดดี้จะรีบตามไปแต่เดินชนกับชาญที่ทำเป็นถือแก้วเครื่องดื่มเข้ามาจนหกเลอะใส่ เสื้อตัวเอง
“เฮ้ย...ตาไปอยู่ที่ตาตุ่มเหรอไงวะ”
“แกนั่นแหละเกะกะขวางทาง...หลบไป”
อู๊ดดี้ผลักไหล่ชาญให้หลบ แต่กลับถูกชาญจับมือมาบีบแล้วบิดเอาเรื่องจนอู๊ดดี้ร้องเจ็บ
“โอ๊ย…ปล่อยฉันนะเว้ย แกไม่รู้ซะแล้วว่าฉันลูกใคร”
“จะลูกใครฉันไม่สนหรอกเว้ย”

ชาญออกแรงอีกจนอู๊ดดี้ร้องโอดโอยเสียงดัง

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 8 (ต่อ)

ดุจแพรรีบเดินออกมาแต่ระหว่างนั้นรู้สึกมึนๆเหมือนทุกอย่างรอบ ตัวหมุนไปหมดจนเธออดแปลกใจ
ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอก้าวลงขั้นบันไดและเกือบพลาดล้ม มานพโผล่มาประครองเธอเอาไว้
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณดุจแพร”
“คุณ...คุณมานพ”
มานพยิ้มให้อย่างดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยแต่รอยยิ้มนั้นแฝงความคิดร้ายกาจเอาไว้...ก่อนหน้านี้บาร์เทนเดอร์ชงม๊อกเทลแก้วของดุจแพรแล้วใส่ยานอนหลับลงไปในแก้วของเธอ โดยมีมานพกับชาญยืนดูอยู่ ก่อนที่จะให้บริกรยกไปเสิร์ฟ

กิ่งเหมยพาส้มเช้งเข้ามานั่งในภัตตาคารจีน ส้มเช้งอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้
“โห...นี่...นี่แกไปถูกหวยรวยอะไรมารึเปล่าเนี่ย บอกจะพาฉันมากินข้าว แต่พามาเข้า เหลาเลยเนี่ยนะ”
“ฉันเล่นหวยที่ไหนล่ะ ก็แค่อยากมากินเท่านั้นแหละ”
“แค่อยากเนี่ยนะ” ส้มเช้งหรี่ตามองสงสัย “ไม่เนียนเลยนะแก รับจ้างวาดรูปกับขายน้ำเต้าหู้ ไปวันๆเนี่ยนะ นึกอยากจะกินเหลาก็เดินเข้ามาได้เลย ขอร้องแกอย่ามา”
“ก็ได้...ที่นี่เป็นภัตตาคารของเสี่ยตง เท่าที่ฉันได้ยินอาม่าหลุดพูดมา ที่นี่แหละที่แม่กับ อากงฉันเคยมาทำงาน”
ส้มเช้งตกใจ
“เฮ้ย...นี่แก ไหนแกบอกอาม่าว่าแกจะไม่ยุ่งกับเรื่องในอดีตแล้วไง”
“ใช่...ฉันโกหกอาม่า แต่ฉันจำเป็น เพราะฉันมีสิทธิ์จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตของฉัน”
“แต่อาม่าแกสั่งเด็ดขาดว่ามันอันตราย ถ้าเสี่ยตงรู้ว่าแกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
“ก็ถ้าเขาไม่รู้ ฉันก็ไม่เสี่ยงอันตรายใช่มั้ย”
ส้มเช้งชะงักเพราะเถียงเพื่อนไม่ได้ ระหว่างนั้นพนักงานเข้ามารอรับออร์เดอร์ กิ่งเหมยทำทีหยิบเมนูมาเปิดดูแล้ว ผงะไปเมื่อเห็นราคาในเมนู ส้มเช้งแอบกระซิบ
“ถ้าแกแค่อยากมารู้มาเห็นว่าแม่แกเคยมาทำงานที่นี่ ฉันว่างานนี้ แกลงทุนกระเป๋าฉีก แน่...ยัยเหมย”
“ก็สั่งที่มันถูกๆก็ได้”
“อะไรที่มันถูกล่ะ...น้ำเปล่าเหรอแก”
กิ่งเหมยมองเมนูแล้วหน้าเสียเพราะมันแพงไปหมด

ที่หน้าภัตตาคารโหงวเดินลากขาเป๋ๆเข้ามาไปพบกับชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่มายืนปะปนกับผู้คนที่เดินไปมา
“อีกเดี๋ยวไอ้ตงก็จะเข้ามาที่นี่ หวังว่าแกคงพร้อมทำงานนะ”
“ถ้าฉันไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ฉันไม่หักหลังพวกเดียวกันเองแน่”
“ฉันเข้าใจ เป็นลูกน้องหางแถวมันจะพอยาไส้อะไร อย่างดีก็ได้แค่เศษเงินที่เขาแบ่งให้”
โหงวเอาซองสีน้ำตาลที่ถือมาด้วยยื่นให้ มือปืนรับมาเปิดดูเห็นมีเงินอยู่ในนั้นหลายหมื่น
“ถ้าแกทำสำเร็จ ฉันมีพิเศษให้อีก”
โหงวตบบ่ามือปืนแล้วเดินออกไป มือปืนเอาซองเงินเก็บอกเสื้อแล้วถลกแขนเสื้อขึ้นเพ่งมองรอยสักรูปพิราบดำ ซึ่งเขาเป็นคนของแกงค์พิราบดำ แต่จำต้องหักหลังพวกกันเองเพราะเรื่องเงิน!

พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟให้กิ่งเหมยกับส้มเช้ง มีแค่บะหมี่น้ำคนละชาม น้ำเปล่าคนละแก้ว
“จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ ติ๋มซำกับเป็ดปักกิ่งร้านเราอร่อยนะคะ”
กิ่งเหมยยิ้มบางๆ
“ขอบคุณค่ะแต่ไม่ดีกว่า เราอยู่ในช่วงลดน้ำหนักค่ะ”
พนักงานเสิร์ฟมองหางตาแบบดูถูกแล้วเดินออกไป ส้มเช้งแดกดัน
“แหมๆๆ แกเนี่ยนะลดน้ำหนัก...แห้งอย่างกับปลาหมึกแดดเดียว”
“แล้วแกจะให้ฉันสั่งเป็ดปักกิ่งเหรอ”
“รู้น่า...เฮ้อ...มาเหลาทั้งทีแต่กินแค่บะหมี่ พาฉันไปชายสี่หมี่เกี๊ยวก็ได้นะยะ”
“กินๆไปเหอะน่า ไม่อิ่มก็เอาของฉันไป”
กิ่งเหมยเลื่อนจานให้ส้มเช้ง แล้วเตรียมจะลุกออกไป
“อ้าว...แล้วนั่นแกจะไปไหน”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจมากิน ฉันมาเพราะอยากรู้เรื่องแม่ฉัน แกรออยู่นี่แหละ ฉันจะไปลองถามในครัว ที่นี่น่าจะมีพนักงานเก่าๆที่เคยทำงานกับอากงฉัน เดี๋ยวฉันมา”
ขาดคำกิ่งเหมยรีบเดินออกไป
“ยัยเหมย!”
ส้มเช้งรีบลุกตามแต่ไม่ทันมองชนโครมเข้ากับมือปืนที่เดินเข้ามาพอดี
“ขอโทษด้วยค่ะ”
ส้มเช้งรีบขอโทษพลันสายตาเหลือบไปเห็นปืนที่มือปืนเหน็บอยู่ในเสื้อ ส้มเช้งอึ้งตกใจ มือปืนจิกหน้ามองแล้วจับข้อมือส้มเช้งมาบีบแรงข่มขู่
“หุบปากไว้ซะน้องสาว...อยู่เฉยๆ ทำเหมือนว่ามากับฉัน ถ้าโวยวายขึ้นมาล่ะก็ เจ็บตัวแน่”
มือปืนผลักส้มเช้งให้นั่งลงที่เก้าอี้ แล้วมันก็นั่งร่วมโต๊ะด้วย ทำเอาส้มเช้งกลัวตัวสั่นปากสั่นมือสั่นเลยทีเดียว
ตงนั่งกินติ่มซำอยู่ในห้อง แล้วหันมาถามเก่ง
“งานที่ฉันสั่งไอ้หยกไป ได้เรื่องยังไงบ้าง”
“ผมให้ไอ้หยกไปดูลาดเลาอยู่ครับ”
“ดี...แผนการลงมือฆ่าไอ้เกา มันต้องรอบคอบ เพราะคนอย่างมันเข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ”
“ผมกำชับไอ้หยกไว้ให้รายงานความคืบหน้าตลอด”
ตงพยักหน้ารับระหว่างนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น ตงหยิบมาดูเบอร์แล้วกดรับ
“เป็นไงบ้างอู๊ดดี้...เที่ยวกันสนุกมั้ย...” ตงฟังแล้วตกใจ “ว่าไงนะ!”
อู๊ดดี้สภาพโดนซ้อมปากแตกเลือดออกจมูกยับเยินนอนระบมครวญครางอยู่ข้างรถตัวเอง
“คุณ...คุณอาครับ...ช่วย...ช่วยผมด้วย”
อู๊ดดี้ร้องขอความช่วยเหลือสภาพน่าสมเพช

ตงกดปิดสายแล้วรีบหันมาสั่งเก่ง
“อู๊ดดี้มีเรื่อง แกรีบพาคนของเราไปช่วย แล้วพาตัวลูกสาวฉันกลับมาด้วย”
“ครับเสี่ย...เอ่อ...แล้วทางนี้ล่ะครับ”
“ที่นี่มันร้านฉัน ใครจะมาทำอะไรฉันได้วะ ไปได้แล้ว”
เก่งรีบออกไปทิ้งให้เสี่ยตงอยู่คนเดียวในห้อง คีบติ่มซำเข้าปากเคี้ยวแรงๆหน้าตาไม่พอใจ

ส้มเช้งนั่งอยู่กับมือปืน มือสั่นคีบเส้นบะหมี่เข้าปากจนกระเด็นเลอะเทอะ เพราะรู้ว่ามือปืนกำปืน วางอยู่บนโต๊ะมีผ้าเช็ดปากคลุมปิดเอาไว้
“อย่าทำตัวให้มันมีพิรุธสิน้อง ถ้าน้องทำให้พี่ถูกจับได้ น้องจะซวยไปด้วย”
“ปละ...ปล่อยหนูไปเถอะพี่ หนู...หนูจะไม่พูดอะไร”
“ยัง...จนกว่างานพี่จะเสร็จ”
ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเดินหน้าเซ็งๆกลับเข้ามาแต่เห็นส้มเช้งนั่งอยู่กับชายแปลกหน้าหญิงสาวชะงักแปลกใจ
“ส้มเช้ง...นี่ใคร”
ส้มเช้งหน้าเสีย
“เอ่อ...พะ...เพื่อนเก่าฉันเอง”
กิ่งเหมย งง
“เพื่อนแก” กิ่งเหมยกระซิบถาม “แกไปมีเพื่อนท่าทางแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ส้มเช้งแทบอยากร้องไห้

“ดะ...เดี๋ยวนี้เอง”

“แกหมายความว่ายังไง”

“แก...แกอย่าถามอะไรมากเลย ธุระแกเสร็จรึยัง”
“พนักงานเก่าๆที่เคยทำงานอยู่ที่นี่ลาออกไปหมดแล้ว แต่ฉันขอเบอร์ติดต่อบางคนที่น่า จะพอรู้จักแม่กับอากงฉันมาแล้ว”
“เออๆๆ...งั้นแกก็รีบไปเถอะ รีบๆไปเลย”
“แล้วแกล่ะ”
ส้มเช้งมองไปที่มือปืนที่จ้องหน้าเอาเรื่อง ระหว่างนั้นเก่งเข้ามาแล้วกวักมือเรียกลูกน้องตงที่อยู่ในห้องนั้น”
“พวกแกไปกับฉัน เดี๋ยวนี้เลย”
เก่งพร้อมลูกน้องพากันออกไปเลยทำให้ภายในภัตตาคารไม่เหลือลูกน้องตง มือปืนเลยได้โอกาส ส้มเช้งพยายามขอร้อง
“พี่...หนูกับเพื่อนไม่รู้เรื่องอะไร...ปล่อยพวกเราไปเถอะ...นะจ๊ะ”
กิ่งเหมย ยิ่งสงสัย
“ส้มเช้ง...เขาไม่ใช่เพื่อนแกใช่มั้ย...เขาเป็นใคร”
ส้มเช้งไม่ทันตอบมือปืนก็เปิดผ้าเช็ดปากออก เห็นปืนที่กำไว้บนโต๊ะแล้วหันปืนที่ใส่ปลอกเก็บเสียงไปยิงใส่บ๋อยที่หน้าประตูตายคาที่ ทุกคนในร้านตกใจ กำลังจะส่งเสียงร้องกรี๊ด แต่มือปืนกวาดปืนสั่ง
“เงียบเดี๋ยวนี้...ถ้าใครส่งเสียง...ตายหมู่แน่”
กิ่งเหมยกับส้มเช้งตกใจ กอดกันกลมมือปืนหันมามองทั้งคู่สายตาโหดเอาเรื่อง

หยกนอนแช่ตัวอยู่ในบ่อแช่ตัวในซาวน่า มีผ้าขนหนูปิดหน้ารออยู่ ครู่หนึ่งเจ้าสัวเกานุ่งผ้าขนหนูเข้ามามีลูกน้องประกบล้อมหน้าหลัง 2 คนลายสักเต็มตัว เจ้าสัวเกาจะลงแช่ในบ่อที่หยกแช่ตัวอยู่ ลูกน้องเลยเข้ามาชี้หน้าหยกให้ลุกออกไป
“อะไรกันพี่...ผมมาก่อนนะ”
“มาก่อนมาหลังไม่เกี่ยว...ถ้าอยากมีปัญหา คุยกับปืนพี่ก็ได้นะน้อง”
ลูกน้องเจ้าสัวเกาให้ดูปืนที่ติดตัวเข้ามาด้วย หยกรีบยกมือโอเค
“โอเคครับพี่...ใจเย็นๆ ผมไปก็ได้”
หยกลุกขึ้นจากบ่อคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวแล้วเดินออกไป หางตามองเจ้าสัวเกาที่อยู่ในการอารักขาของพวกลูก น้องอย่างดีจนแทบไม่มีช่องโหว่

หยกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมกางเกงแล้วเหลือแต่ยังไม่สวมเสื้อ ระหว่างนั้นผู้การสมิงเข้ามายืนพิงตู้ ล็อคเกอร์คุยด้วย
“เป็นไง...ได้เรื่องอะไรบ้างรึยัง”
“นี่ผู้การตามผมมาเหรอครับ”
“เปล่า...ฉันพยายามตามดูเจ้าสัวเกาอยู่เหมือนกัน ถ้าไอ้เสี่ยตงมันสั่งให้นายลงมือเมื่อ ไหร่ ฉันจะได้ช่วยนายได้”
“จะเข้าถึงตัวเจ้าสัวเกาไม่ใช่ง่ายๆ ผมยังต้องตามดูเขาอยู่ แล้วค่อยกลับไปรายงานเสี่ย ตงอีกที”
หยกพูดไปแล้วหนักใจ เอาเสื้อมาสวมแล้วเดินไปนั่งเช็ดผมที่เปียกๆหน้าตากังวล
“ท่าทางดูนายมีเรื่องหนักใจ มีอะไรจะปรึกษาฉันรึเปล่า”
หยกมองหน้าผู้การสมิงอย่างหนักใจ

หมวดณรงค์นั่งอ่านหนังสือรอผู้การสมิงอยู่ที่บริเวณโถงนั่งรอด้านหน้า ระหว่างนั้นธงรบเดินเข้ามา แล้วไปคุยกับพนักงานในซาวน่าคนหนึ่ง
“เห็นไอ้หมอนี่มาที่นี่รึเปล่า”
พนักงานดูรูปในมือถือของธงรบซึ่งเป็นรูปของหยก พนักงานพยักหน้าแล้วชี้ไปด้านใน
“ขอบใจ”
ธงรบตบบ่าขอบใจแล้วรีบเดินเข้าไป ณรงค์รีบลดหนังสือลงแล้วเป็นห่วงว่าธงรบจะมาขวางการทำงาน
หยกยังคุยอยู่กับกับผู้การสมิง
“ถ้าสงครามระหว่างพวกมันระเบิดขึ้นมา งานของผมคงไม่มีทางจบเร็วแน่ใช่มั้ยครับ”
“ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่างานนี้ไม่มีระยะเวลามาเป็นตัวกำหนด”
“ผมทราบครับ”
“แล้วนายเป็นห่วงอะไรอยู่”
“มีคนที่ผมอยากจะไปดูแล แต่ติดที่งานนี้”
ผู้การสมิงตบบ่าอย่างเข้าใจ
“แต่นายเลือกทางนี้แล้ว มันไม่ใช่งานที่จะถอยเมื่อไหร่ก็ได้”
ผู้การสมิงกับหยกมองหน้ากัน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ผู้การดังขึ้นเขากดรับสายเป็นณรงค์ที่โทรเข้ามาเตือน
“ขอบใจ...ฉันจะจัดการเอง”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ธงรบมาถามหานายที่นี่ คงคิดจะมาหาเรื่องเล่นงานนายอีก ฉันจะไปจัดการเอง”
“ไม่ต้องหรอกครับท่าน เขารู้ว่าผมอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเขาเจอท่านอยู่ที่นี่ด้วย คนฉลาดอย่าง เขาคงจับต้นชนปลายถูกแน่ ให้ผมสั่งสอนเขาเองดีกว่า”
สมิงมองหยกแล้วนิ่งไปก่อนจะตบบ่า
“ระวังตัวด้วย”
หยกพยักหน้ารับคำ แล้วหยิบเสื้อแจ็คเก็ตในตู้ล็อคเกอร์มาสวมก่อนจะเดินออกไป

หยกเดินออกมาที่ทางเดินเจอธงรบกอดอกรออยู่
“อ้าวหมวด...นี่เราบังเอิญเจอกันหรือว่าหมวดตั้งใจจะมาหาผมที่นี่ครับเนี่ย”
“แกไม่ต้องมาทำพูดจากวนประสาทฉัน”
ธงรบเอากุญแจมือออกมาแล้วเรียกให้หยกเข้ามาอย่างจำนน
“มาให้ฉันจับแกใส่กุญแจมือแล้วไปกับฉันซะดีๆ”
“อะไรกันครับหมวด...อยู่ๆก็จะมาจับผม ผมไปทำอะไรผิดเหรอครับ”
“ฉันเพิ่งรวบตัวพรรคพวกแกที่ไปทวงหนี้แล้วทำร้ายร่างกายเจ้าทุกข์มา พวกมันให้การ ซัดทอดมาที่แก”
หยกชะงักไปสงสัยก่อนจะนึกถึงคำขู่ของกิจชัย
“แกไม่รู้หรอก คนอย่างเสี่ย ถ้าเลี้ยงไว้แล้วไม่ได้ใช้งาน เสี่ยไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองหรอก นะไอ้หยก...ให้ฉันช่วยแก แล้วเราสองคนจะได้ขึ้นไปใหญ่ด้วยกัน”
หยกนิ่งไปครู่
“ไว้งานอื่นแล้วกัน งานนี้เสี่ยสั่งฉันมาคนเดียว”
หยกไม่สนใจคำขอร้องของกิจชัยเดินออกไปทิ้งให้กิจชัยมองตามอย่างเจ็บแค้น ตะโกนไล่หลัง
“ได้เลยไอ้หยก...งั้นมึงก็จะได้รู้ว่าคนอย่างกูน่ากลัวแค่ไหน”
หยกรู้ว่าเป็นฝีมือของกิจชัย ธงรบขยับเข้าใกล้แล้วยื่นกุญแจมือ
“แกจะใส่กุญแจมือเองดีๆ หรือจะต้องให้ฉันลงมือกับแก”
“ถ้าหมวดอยากจับผมก็ต้องออกแรงหน่อยล่ะ”
หยกหันไปปัดแจกันข้างๆใส่ แล้วฉวยโอกาสวิ่งหนี ธงรบเจ็บใจ
“ไอ้หยก!”
หยกรีบวิ่งออกมาที่มอเตอร์ไซค์เอาหมวกกันน็อคมาสวม ธงรบไล่ตามออกมาพร้อมยกปืนขู่
“หยุดนะไอ้หยก...ถ้าแกคิดหนี ฉันยิงแกจริงๆ”
หยกหันไปมองไม่กลัวบิดคันเร่งเสียงดังกระหึ่มล้อหมุนฟรี ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
“โธ่เว้ย!...” ธงรบเจ็บใจ “แกหนีฉันไม่พ้นหรอก”
ธงรบรีบวิ่งไปที่รถตัวเองแล้วขับตามไปทันที ผู้การสมิงกับณรงค์ตามออกมา ณรงค์เป็นห่วง
“ปล่อยให้นายหยกรับมือหมวดธงรบแบบนี้จะดีเหรอครับผู้การ ท่าทางหมวดไม่ปล่อย นายหยกง่ายๆแน่”
“ปล่อยให้ธงรบโดนหยกเล่นงานซะบ้าง จะได้รู้ว่าหยกไม่ใช่คนที่จะมารังควาญได้ง่ายๆ”
ผู้การสมิงพูดไป ก็มองตามทั้งคู่ไปด้วยสายตามั่นใจในฝีมือหยก

ในภัตตาคาร มือปืนควบคุมตัวพนักงานกับลูกค้าให้เข้าไปขังรวมในห้องครัว ส้มเช้งเป็นคนรวบรวมโทรศัพท์จากทุกคนใส่ถุงดำแล้วยื่นให้ มือปืนรับมาแล้วผลักส้มเช้งให้เข้าไปอยู่รวมกับ ทุกคนในห้องครัว ส่วนกิ่งเหมยถูกมือปืนดึงตัวเอาไว้ ส้มเช้งตกใจ

“กิ่งเหมย!”

มือปืนสั่งกิ่งเหมย

“ล็อคประตู”
กิ่งเหมย ตกใจตัวสั่น
“เร็ว!”
กิ่งเหมยโดนปืนขู่เลยจำเป็นต้องทำตามสั่ง เอากุญแจมาคล้องประตูห้องครัวล็อคไม่ให้ข้างในออกมาได้
“ส่วนแก...ไปกับฉัน!”
มือปืนจับตัวกิ่งเหมยเอาไว้แล้วลากตัวไปด้วยกัน ส้มเช้งเป็นห่วงเพื่อนทุบประตูเรียกเสียงดัง
“กิ่งเหมย…กิ่งเหมย!”
หยกขับมอเตอร์ไซค์มาตามทางอย่างเร็ว รั้งท้ายด้วยธงรบที่ขับรถไล่ตาม ธงรบเห็นหยกไม่ยอมชะลอความเร็วและพยายามจะหนี เขายื่นปืนอกนอกตัวรถแล้วเล็งยิง...เปรี้ยง กระสุนเฉี่ยวหยกไปนิดเดียวทำให้เขาจำเป็นต้องบิดคันเร่งแล้วขับปาดซ้ายขวาเพื่อไม่ให้เป็นเป้านิ่ง ธงรบยิงใส่อีกหลายนัดแต่ก็พลาดหมดทุกนัด หยกอาศัยจังหวะมีรถเลี้ยวออกมาจากแยกข้างหน้าใช้เร่งความเร็วพุ่งทะยานไป ทำให้ธงรบตามไม่ทันต้อง เหยียบเบรคตัวโก่ง คลาดกับหยกไปได้อย่างหวุดหวิด
“ไอ้หยก!” ธงรบลงจากรถมาหัวเสีย

หยกเปิดประตูภัตตาคารอาหารจีนเข้าไป เห็นสภาพร้านเงียบเชียบผิดสังเกต และยังพบกองเลือดที่พื้นซึ่งทำ ให้เขาต้องรีบชักปืนออกมาพร้อมกับได้ยินเสียงทุบประตูดังมาจากทางห้องครัว จึงเอาชะแลงมางัดกุญแจที่ล็อคประตูออก ส้มเช้งออกมาเห็นหยกก็ดีใจ
“ไอ้หยก!”
“ส้มเช้ง...นี่เกิดอะไรขึ้น”
“แกต้องช่วยไอ้เหมย...อย่าให้มันเป็นอะไรนะ”
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมยอยู่ที่นี่เหรอ” หยกถามอย่างตกใจ

ในห้องVIP ตงรินน้ำชาใส่ถ้วยจะล้างปากแต่ชาหมด
“หายหัวไปไหนหมดวะ...เอาชามาเติมหน่อย”
ตงตะโกนเรียกไปได้ครู่ กิ่งเหมยเปิดประตูห้องเข้ามาหน้าตาตื่นกลัว ตงหันไปเห็นก็แปลกใจ
“นั่นเธอ...เพื่อนของดุจแพรนี่”
กิ่งเหมยอึกอัก
“เอ่อ...คือ...คือ”
“มาทำอะไรที่นี่ ยืนอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้”
กิ่งเหมยสายตาหลุกหลิกไปทางข้างๆ ทำให้ตงสงสัย ทันใดนั้นมือปืนผลักกิ่งเหมยเข้ามา แล้วเล็งปืนยิงใส่ ตงทันที...เปรี้ยงๆ
ตงกระโจนหลบ ถ้วยจานบนโต๊ะโดนยิงกระจุย กิ่งเหมยไปซุกตัวอยู่มุมห้องเอามืออุดหูเสียงปืนที่ดังลั่น ตงพยายามจะวิ่งหนีออกจากห้อง แต่โดนมือปืนเอาปืนเอาปืนมาจ่อหัว
“คิดจะหนีเหรอไอ้เสี่ยตง...แกหนีไม่รอดหรอก”
ตงหน้าเหวอเพราะกำลังจะโดนสังหาร แต่ทันใดนั้นหยกเข้ามายิงใส่...เปรี้ยง!
กระสุนเฉี่ยวแขนมือปืนไปนิดเดียว มันเลยหันไปยิงใส่หยกไม่ยั้ง...เปรี้ยงๆ หยกต้องหลบแล้วยิงสวนกลับไปบ้าง ตงฉวยโอกาสรีบหนี มือปืนเห็นพลาดท่าเสียทีเลยเข้าไปดึงตัวกิ่งเหมย ขึ้นมาเป็นตัวประกัน
“มานี่...แกต้องไปกับฉัน”
มือปืนล็อคคอกิ่งเหมยมาบังแล้วถอยหนี หยกตกใจได้แต่ยกปืนเล็ง
“กิ่งเหมย…ปล่อยเธอนะเว้ย”
“หยก…ช่วยฉันด้วย…หยก…หยก!” กิ่งเหมยร้องอย่างตกใจ

มือปืนฉุดกระชากลากตัวกิ่งเหมยหนีเข้ามาในบริเวณตึกร้าง
“ปล่อยนะ…ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“หุบปาก!”
มือปืนเอามือบีบปากกิ่งเหมยให้หยุดส่งเสียง ระหว่างนั้นหยกตามมา
“ปล่อยกิ่งเหมยดี๋ยวนี้”
กิ่งเหมยชะงัก
“หยก!”
“ปล่อยก็โง่สิวะ...แกนั่นแหละทิ้งปืน...ไม่งั้นฉันจะยิงแขนยิงขานั่งนี่ทีละนัด เร็วสิเว้ย...ทิ้งปืน!”
หยกเจ็บใจกำปืนแน่น เห็นกิ่งเหมยตกอยู่ในอันตรายจึงต้องยอมทำตามโยนปืนทิ้งแล้วชูมือ
“ฉันทำตามที่แกสั่งแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้อะไรด้วย แกจะหนีไปไหนก็หนีไป”
มือปืนมองหยกแล้วยกปืนขึ้นเล็ง
“ฉันไม่ไว้ใจพวกไอ้เสี่ยตงหรอกเว้ย”
มือปืนยิงใส่หยก…เปรี้ยง! กระสุนเฉี่ยวแขนไป หยกเซเข่าทรุดเลือดไหลอาบแขน มือปืนจะยิงหยกซ้ำ กิ่งเหมยร้องห้าม
“อย่าฆ่าเขา”
กิ่งเหมยปัดมือของมือปืนไปทางอื่นทำให้ยิงไม่ถูกหยก มือปืนไม่พอใจตบหน้า…เพี๊ยะ !กิ่งเหมยล้ม มือปืนหันไปจะยิงหยก แต่กิ่งเหมยฮึดลุกขึ้นมายื้อแย่งปืนกับมือปืนไปมา ปืนถูกกดต่ำลงระหว่างเธอกับมือปืน ทันใดนั้นเสียงปืนดัง...เปรี้ยง !! ทั้งกิ่งเหมยและมือปืนหยุดชะงักไปทั้งคู่ หยกตะลึง
“กิ่งเหมย!”

กิ่งเหมยผละออกมาปืนอยู่ในมือเต็มไปด้วยเลือดของมือปืน เพราะกระสุนที่ลั่นเปรี้ยงนัดนั้นลั่นใส่ท้องมือปืน หยกอึ้ง
“กิ่งเหมย!”
กิ่งเหมยตกใจ
“หยก...ฉัน...ฉันยิงคน”
กิ่งเหมยทำปืนตกหยกรีบเข้าไปประครองเธอเอาไว้ แล้วหญิงสาวก็ตกใจช็อคจนหมดสติในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“กิ่งเหมย!”
มือปืนที่โดนยิงท้องจนเลือดเต็มมือพยายามกระเสือกกระสนหนี ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง!
หยกหันไปเห็นตงที่ตามเข้ามาด้วยความโกรธแค้น ตงยิงใส่มือปืนที่นอนพะงาบๆตามเป็นชุดอีกหลาย นัด...เปรี้ยงๆ จนมือปืนตายคาที่ จากนั้นก็เข้าไปจับแขนมือปืนมาดูรอยสักพิราบดำ
“ไอ้พวกพิราบดำ...คนของไอ้เกา ไอ้สารเลว”
ตงอาฆาตแค้นแล้วหันมาที่หยกกับกิ่งเหมย
“ขอบใจนะไอ้หยก โชคดีที่แกมาทันไม่งั้นฉันคงโดนเก็บไปแล้ว” ตงมองที่กิ่งเหมย “แล้วนั่น เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ตกใจจนหมดสติไปครับเสี่ย”
“แกเองก็บาดเจ็บ...มา...ฉันช่วยเอง”
ตงเข้าไปช่วยอุ้มกิ่งเหมยแล้วพาเดินออกไป หยกมองตามตงแล้วมองไปที่ศพมือปืนอย่างหนักใจ

มานพอุ้มดุจแพรที่หมดสติเข้าในห้องพักโรงแรม เขาวางเธอลงบนเตียง ดุจแพรไม่รู้สึกตัวแน่นิ่ง มานพลูบแก้มเธอเบาๆบนผิวที่อ่อนนุ่ม แล้วสัมผัสเส้นผมยกขึ้นมาสูดดมความหอม สายตาจิกร้ายหมายจะย่ำยี มานพถอดเสื้อตัวเองออกโชว์กล้ามเป็นมัด และกำลังลังจะลงมือปลดกระดุมเสื้อของดุจแพร แต่ระหว่าง นั้นเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ
“โธ่เว้ย…ใครวะ ขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง”
มานพไม่สนใจจะปลดกระดุมเสื้อดุจแพรต่อ แต่เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุดจนเขารำคาญรีบลุกไปเปิดพบโหงวยืนอยู่

“นี่แก…แกรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

“ไอ้ชาญมันเล่าให้อั้วฟังหมดแล้ว ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ อย่าไปยุ่งเลย”

“นี่แกสั่งฉันเหรอไอ้เป๋ แกกล้าดียังไงมาสั่งฉันวะ”
“อั้วเตือนลื้อดีๆนะ เพราะอั้วไม่อยากให้ลื้อหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว”
มานพไม่พอใจผลักอก
“ฉันเป็นเจ้านายแก...แกต่างหากที่ต้องฟังฉัน...ไปให้พ้น”
มานพปิดประตูใส่หน้าโหงว แล้วเดินกลับมาที่ดุจแพรเตรียมจะข่มขืนต่อ
“รอเสร็จเรื่องสนุกของฉันเมื่อไหร่ แกโดนฉันเล่นงานให้เป๋อีกข้างแน่”
มานพขึ้นไปที่เตียงลูบหน้าลูบตาหญิงสาวแล้วเริ่มซุกไซร้หน้าลงที่ซอกคอ แต่ก็ได้ครู่เดียวมานพก็โดนโหงวตามเข้า มาจิกผมกระชากหัวขึ้นมา
“อั้วสั่งให้ลื้อหยุด ลื้อก็ต้องหยุด...ไอ้มานพ”
โหงวชกเข้าที่ท้องมานพอย่างแรงทีเดียวมานพจุกตัวงอแทบหมดแรง
“ไอ้...ไอ้เป๋…นี่แก”
มานพพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่ก็ถูกโหงวจับข้อมือมาบิดแล้วจ้องเขม็งดุใส่
“อย่าคิดสู้อั้วเลยไอ้มานพ เวลาที่อั้วเห็นลื้อพยศใส่ไอ้เล้ง อั้วโคตรชอบใจเลย แต่ถ้าลื้อ มาทำแบบนั้นกับอั้ว…อั้วไม่ชอบ!”
โหงวจับมานพบิดแขนจนร้องลั่น ระหว่างนั้นดวงแขตามเข้ามาเห็นเข้าก็รีบห้าม
“ปล่อยมานพเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันจะสั่งสอนมัน เธออย่ามายุ่ง”
โหงวจัดการทุบต้นคอมานพทีเดียวฟุบหมดสติไป ดวงแขตกใจ
“ตานพ !”
“มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ฉันจะลากคอมันออกไปอบรม”
“แกไม่มีสิทธิ์ทำกับตานพแบบนี้”
“ฉันเป็นพ่อมันจะไม่มีสิทธิ์ได้ยังไง...เธอนั่นแหละจัดการทางนี้ด้วย”
ดวงแขมองไปที่ดุจแพรที่นอนไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยาสลบ

ในห้องทำงาน ตงกระชากคอเสื้อเก่งมาตะคอกใส่หน้า
“หมายความว่ายังไง แกตามหาลูกสาวฉันไม่เจอเหรอ”
“ไม่มีใครเห็นว่าคุณหนูหายไปไหน ไปกับใคร คุณอู๊ดดี้เองก็ไม่เห็น ผมก็เลยไม่รู้ว่า...”
ตงไม่พอใจตบหน้าเก่งหน้าหันเลือดกลบปาก
“แกไม่ต้องมาอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไร ฉันไม่สนใจว่าแกจะต้องพลิกแผ่นดินหายังไง ถ้าพาลูกสาวฉันกลับมาไม่ได้ พวกแกก็เตรียมตัวตายได้เลย...ไป!”
เก่งรีบออกไปตงหันมาหัวเสีย

กิ่งเหมยรู้สึกตัวขึ้นบนที่นอนในห้องที่ตกแต่งอย่างดีทำเอาเธออดแปลกใจไม่ได้ มีหยกดูแลอยู่ใกล้ๆ
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“หยก!”
กิ่งเหมยโผกอดเขาอย่างดีใจ หยกลูบหัวลูบหลังปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะ เธอปลอดภัยแล้ว”
“แล้ว...ที่นี่ที่ไหน”
หยกไม่ทันจะตอบ ตงก็เข้ามา
“บ้านของฉันเอง”
กิ่งเหมยชะงักมอง ตงที่หน้าตาเป็นมิตรเข้ามาหาเธอ
“ฉันเห็นว่าเธอหมดสติเพราะช่วยเหลือฉัน ฉันก็เลยพามาพักที่นี่ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ
“แล้ว...แล้วมือปืนคนนั้น…”
“ฉันให้ลูกน้องจัดการไปแล้ว”
“แล้วไม่แจ้งตำรวจเหรอ”
ตงนิ่งไม่ตอบหันไปมองหยกให้เป็นคนอธิบายเอง
“นี่เป็นเรื่องภายในที่เสี่ยต้องจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
ตงเข้าไปจับบ่ากิ่งเหมยแล้วบีบเบาๆ
“เธอเป็นเพื่อนลูกสาวฉัน ก็เหมือนว่าเป็นลูกสาวฉันคนหนึ่ง แต่บังเอิญว่ามาอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย สิ่งที่เธอเห็นวันนี้อาจจะเป็นเรื่องน่า ตกใจ แต่มันก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าฉันจะขอให้เธอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอจะว่ายังไง”
ตงเพิ่มน้ำหนักบีบไหล่เหมือนต้องการขู่ กิ่งเหมยชะงักหันไปมองหยกที่พยักหน้าให้เธอตามน้ำตามสิ่งที่ ตงขอเธอ
“ดะ...ได้ค่ะ”
ตงยิ้มพอใจ
“ดีมาก...ต่อไปนี้ถ้าเธออยากได้อะไรเธอบอกฉันเลยนะ ฉันจะถือว่าเธอเป็น ลูกสาวฉันคนหนึ่ง”
ตงหัวเราะชอบใจแล้วหันไปตบบ่าหยก
“ขอบใจแกด้วยนะหยก แกไปส่งกิ่งเหมยแล้วค่อยมาคุยกับฉัน ถึงเวลาที่ฉันจะต้องพึ่ง ฝีมือแกแล้ว”
“ครับเสี่ย”
ตงออกไปทิ้งให้กิ่งเหมยอยู่กับหยกตามลำพัง

หยกพากิ่งเหมยมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านตง กิ่งเหมยเดินตามมาแต่หยุดหันกลับไป มองด้วยแววตาสนใจ เพราะปมอดีตของเธออยู่ที่ตง ซึ่งเวลานี้เธอได้เข้ามาเฉียดใกล้แล้ว
“กิ่งเหมย”
หยกเรียกแต่กิ่งเหมยยังเหม่อคิดจนเขาต้องเข้ามาแตะบ่า เธอสะดุ้งเฮือก
“เป็นอะไรของเธอน่ะ”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“เธอยังไม่บอกฉันเลยว่าเธอไปอยู่ที่ภัตตาคารได้ยังไง”
“ฉัน...ฉันก็ไปกินข้าวธรรมดา”
หยกมองอย่างสงสัยก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคให้
“ถ้าคิดว่าบอกแค่นั้นแล้วฉันจะเชื่อล่ะก็...เธอคิดผิดแล้ว แต่ไว้ฉันจะถามเธอทีหลัง ตอนนี้ ฉันต้องพาเธอไปส่ง ก่อนที่ส้มเช้งจะปิดอาม่าไม่อยู่”
หยกขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง กิ่งเหมยสวมหมวกกันน็อคแล้วซ้อนท้ายออกไป

ดุจแพรรู้สึกตัวขึ้นมามีอาการเวียนหัวเล็กน้อย เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของ มานพเพราะมีภาพถ่ายของเขาตั้งอยู่ที่โต๊ะ เธอตกใจรีบสำรวจสภาพตัวเอง พบว่ายังอยู่ในชุดเดิม ระหว่างนั้นจำปาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับนำเครื่องดื่มมาให้ ดุจแพรตกใจรีบลุกจากเตียงทันที “ที่นี่ที่ไหน…แล้วเธอเป็นใคร”
“ใจเย็นๆค่ะคุณ ดิฉันไม่ได้มาทำอะไรคุณนะคะ แค่มาช่วยดูแลคุณ”
“ดูแล...ดูแลฉันเนี่ยนะ”
จำปายิ้มให้อย่างอัธยาศัยดีแล้วเอาถาดเครื่องดื่มไปวางให้ ดุจแพรยังระแวงสงสัยไม่กล้าเข้าใกล้
“แล้วตกลงที่นี่มันที่ไหน”
ดวงแขเข้ามา
“ที่นี่บ้านของมานพ ลูกชายฉันเองจ้ะ”
“บ้านมานพ...ลูกชายคุณ”
“ใช่จ้ะ...ฉันดวงแข ยินดีที่ได้รู้จักเธอ”
ดุจแพรยังมองอย่างไม่ไว้ใจ ดวงแขพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เธอคงกลัวเพราะอยู่ๆก็ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่กับคนไม่รู้จัก แต่ขอให้สบายใจได้ ลูกชาย ฉันฝากให้ช่วยดูแลเธอ รับรองว่าไม่มีใครทำอะไรเธอแน่นอน”
ดุจแพรฟังดวงแข แล้วหันไปมองที่ภาพถ่ายของมานพในกรอบบนโต๊ะ

มานพนั่งคอพับหมดสติอยู่ที่เก้าอี้กลางโรงสี มารู้สึกตัวเมื่อโหงวเอาน้ำมาสาดใส่หน้า
“ไอ้โหงว...นี่แก!”
มานพยังไม่หายโกรธลุกพรวดกำหมัดเข้าไปเล่นงาน แต่เจอโหงวที่ตั้งท่าเชิงมวยรอ มานพพุ่งเข้าไปซัดหมัดนัวรัวไม่ยั้งแต่ทุกหมัดก็โดนโหงวปัดได้อย่างง่ายดาย เพราะเชิงมวยของโหงวเป็นเชิงแบบ บุ๋นคล้ายมวยไทเก๊ก โหงวปัดหมัดจนมานพเสียหลักแล้วโหงวก็กระแทกศอกเข้ากลางลำตัว มานพกระเด็นลงไปทรุดไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้คนแก่ขาเป๋

“อย่าพยายามคิดจะสู้กับอั้วเลยดีกว่า เพราะถ้าลื้อเห็นว่าคนพิการมันไม่มีพิษสง ก็เท่า กับลื้อนั่นแหละที่พิการไร้ฝีมือ”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 8 จบตอน


“แก...ไอ้เป๋ วันนี้ฉันต้องกระทืบแกให้ได้”

มานพหันไปคว้าไม้หน้าสามแล้วพุ่งเข้ากวัดแกว่งเล่นงาน โหงวฉากถอยแล้วตั้งท่าเชิงมวยพร้อมรับมือ

ดวงแขพาดุจแพรเดินเข้ามาที่ห้องโถง
“ตานพน่ะเขาไปพบหนูไม่สบายแล้วก็หมดสติไป แต่เขาไม่รู้ว่าบ้านหนูอยู่ที่ไหน ก็เลย ต้องพามาพักที่นี่แล้วให้ฉันช่วยดูแล”
“แล้วเขาไปไหนเหรอคะ”
ดวงแขยิ้ม
“ทำงานจ้ะ”
ดุจแพรพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเดินมาหยุดดูภาพถ่ายครอบครัวที่มานพถ่ายกับดวงแขและเจ้าสัวเล้ง
“ตัวจริงของหนู สวยสมกับที่ตานพมาเล่าให้ฉันฟังเลย”
ดุจแพรแปลกใจ
“มานพเขาพูดถึงฉันด้วยเหรอคะ”
“จ้ะ...เขาน่ะพูดถึงหนูเป็นประจำ ชอบมาบอกว่าถึงจะเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ทำ ให้เขารู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดเข้าให้”
ดุจแพรชะงักเขิน ดวงแขยิ่งยิ้มชอบใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฉัน แต่ฉันหายไปนานแล้ว ป่านนี้ทางบ้านคงเป็นห่วง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฉันถือวิสาสะดูเบอร์โทรศัพท์จากมือถือของหนูแล้วโทรไป บอกทางบ้านให้แล้ว”
ระหว่างนั้นจำปาพาตงเข้ามาพอดี
“คุณคะ...พ่อของคุณดุจแพรมาถึงแล้วค่ะ”
ตงพอเห็นดุจแพรก็ดีใจรีบเข้าไปสวมกอดลูกสาว
“ดุจ”
“ป๋าคะ”
ดุจแพรกอดพ่อด้วยความดีใจ ส่วนดวงแขแอบยิ้มมุมปากกับแผนการที่ได้วางไว้แล้ว ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งเข้ามา พร้อมกับลูกน้องร้องถามขึ้น...
“ดวงแข...ฉันเห็นมีรถมาจอด แขกใคร”
“ฉันมาเป็นแขกแกเอง...ไอ้เล้ง”
เจ้าสัวเล้งมองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นตง

โหงวใช้มือเปล่าจับข้อมือของมานพข้างที่ถือไม้หน้าสามก่อนที่จะฟาดลง มานพพยายามโถมแรงแต่ก็สู้แรงของโหงวไม่ได้ถูกจับบิดข้อมือจนไม้หล่นจากมือ
“ที่วันนี้อั้วต้องสั่งสอนลื้อ เพราะลื้อมันคิดถึงแต่เรื่องสนุกของตัวเอง ขืนปล่อยให้ลื้อทำ ร้ายลูกสาวไอ้ตง ชาตินี้ลื้อก็ไม่มีวันขึ้นมาใหญ่ได้หรอก”
มานพชะงัก
“แกว่าไงนะ ดุจแพรน่ะเหรอเป็นลูกสาวไอ้เสี่ยตง”
“แผนการของอั้ววางไว้ให้ลื้อหมดแล้ว แค่ลื้อผงกหัวคอยฟังคำสั่ง ลื้อจะได้ทุกอย่างที่ ต้องการ”
“แต่ฉันเป็นเจ้านายไม่ใช่หมารับใช้จะได้คอยฟังแต่คำสั่ง”
“แต่ความหยิ่งผยองพองตัวและบ้าบิ่นมุทะลุของลื้อ มันจะไม่มีวันช่วยให้ลื้อได้ขึ้นไปยิ่ง ใหญ่เป็นมังกรเหนือไอ้เล้งได้หรอก”
“แกมันก็เก่งแต่ปากแหละวะไอ้เป๋”
มานพเล่นสกปรกใช้หัวกระแทกใส่โหงวจนผงะ จากนั้นก็ใช้โอกาสทีเผลอกระหน่ำรุมชกไม่ยั้งอย่างบ้าคลั่ง โหงวโดนไปหลายหมัดจนเป็นฝ่ายถอย มานพได้ใจยิ้มเยาะ
“แกมันสำคัญตัวผิดแล้วไอ้เป๋...แกเป็นขี้ข้าฉัน อย่าริทำตัวเป็นพ่อมาสั่งสอนฉัน”
มานพง้างหมัดจะเล่นงานอีกแต่คราวนี้โหงวเอามือรับหมัดไว้ได้ โหงวจ้องตาเขม็งใส่อย่างเอาจริง
“แก!”
มานพใช้มืออีกข้างชกแต่โดนโหงวจับไว้ได้อีก โหงวจับสองมือมานพมาบิดลงอย่างแรงจนต้องร้องลั่น...
“อ๊ากก”
โหงวตามไปซ้ำด้วยการชกเข้าที่ท้องน้อยอีกทีจนมานพจุกตัวงอเดินโซเซไปมาก่อนจะร่วงลงไปหมอบที่พื้น โหงวเข้าไปจิกหัวมานพที่ตาปรือใกล้จะหมดสติขึ้นมาตะคอกใส่หน้าอย่างฉุนเฉียว
“อั้วไม่ใช่ขี้ข้าลื้อ...แต่อั้วเป็นพ่อลื้อต่างหาก ไอ้มานพ”
มานพตาปรือๆมองหน้าโหงวอย่างสงสัยก่อนจะฟุบหมดสติ

เจ้าสัวเล้งรับรองตงที่ห้องรับแขก แล้วหันไปถามดวงแข
“มานพน่ะเหรอช่วยลูกสาวไอ้ตงไว้”
“ค่ะคุณ”
“แล้วมันไปไหน”
ดวงแขกระซิบ
“ให้เวลาลูกหน่อยนะคะคุณ ตานพน่ะรู้สึกผิดแล้วแต่ยังไม่กล้ามาพบคุณ”
เจ้าสัวเล้งฟังแล้วยกมือปัดให้ดวงแขไม่ต้องพูดต่อ ก่อนจะหันไปคุยกับตง
“ฉันเพิ่งรู้ว่าลูกชายฉันรู้จักกับลูกสาวแก ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นฝ่ายโทรหาแกเองแล้ว”
“ไม่ต้องให้มันยุ่งยากหรอกไอ้เล้ง ลูกชายแกช่วยดูแลลูกสาวฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ แกเลี้ยงลูกได้เป็นสุภาพบุรุษเหมือนแกไม่มีผิด”
“ลูกสาวแกก็สวยนะ...หน้าตาดีทีเดียว นี่ถ้าได้มาเป็นลูกสะใภ้ฉันล่ะก็ แกกับฉันคงได้แย่ง กันอุ้มหลานแน่”
“นี่แกเห็นลูกสาวฉันครั้งแรกก็คิดจะทาบทามแล้วเหรอวะ”
“ก็ขอมันตรงๆนี่แหละ เรามันกากี่นั้งกันไม่ใช่เหรอ”
ตงยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะชอบใจเสียงดังไปพร้อมๆกับเจ้าสัวเล้ง แต่ดุจแพรไม่รู้สึกสนุกด้วยรีบลุกพรวดขัดจังหวะ
“ป๋าคะ...วันนี้แพรเพลียมาก ดุจอยากกลับแล้วค่ะ”
ตงหันมาปรามลูกสาว
“ทำไมเสียมารยาทล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกไอ้ตง อั้วคุยกับลื้อสนุกปากเกินไป สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยเราที่พ่อแม่จะ จับแต่งงานกันโดยไม่ต้องถาม” เจ้าสัวเล้งหันไปที่ดุจแพร “ฉันขอโทษด้วยนะ...หนูคงไม่ถือสาคน แก่ๆหัวโบราณ”
ดุจแพรนิ่งไป ตงโอบไหล่ลูกสาวแล้วตอบแทน
“จะถือสาแกได้ยังไง ขอโทษเพื่อนป๋าซะ”
“ไม่เป็นไรน่าไอ้ตง...เห็นลูกสาวแกเป็นแบบนี้ฉันยิ่งชอบ ว่างเมื่อไหร่มากินข้าวด้วยกันนะ ฉันมีแต่ลูกชายไม่เคยมีลูกสาวเลย”
ตงพยักหน้าให้ดุจแพรตอบรับคำเชิญของเจ้าสัวเล้ง ดุจแพรยกมือใหว้
“ค่ะ”

เจ้าสัวเล้งรับไหว้ดุจแพรอย่างรู้สึกถูกชะตา ดวงแขเห็นแล้วแอบยิ้มพอใจ

หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด กิ่งเหมยลงจากรถถอดหมวกกันน็อคคืนให้ ระหว่างนั้นอาม่าออกมา
“นี่ลื้อพาอาเหมยหายไปไหนมาทั้งวัน…หาไอ้หยก”
ทั้งหยกทั้งกิ่งเหมยมองหน้ากันแล้วตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน
“ไปวาดรูป”
“ไปซื้อต้นไม้”
อาม่างง
“ตกลงพวกลื้อไปไหนมากันแน่”
“ไปวาดรูปจ้ะอาม่า”
“แล้วทำไมไอ้หยกบอกไปซื้อต้นไม้”
“คือผมจะไปเลือกซื้อต้นไม้มาขาย ก็เลยไปตามกิ่งเหมยที่กำลังไปรับจ้างวาดรูปให้ไป เป็นเพื่อนช่วยเลือกครับอาม่า”
“อ๋อเหรอ”
อาม่าทำเป็นยิ้มให้แต่กลับตีหน้าดุแล้วหยิกหูทั้งคู่แรงๆทันที
“พวกลื้อโกหกอั้ว ...มานี่เลย”
อาม่าดึงติ่งหูทั้งคู่ลากพาเข้าบ้านทันที...ในบ้านส้มเช้งนั่งหน้าจ๋องรออยู่ อาม่าลากหูสองคนเข้ามา กิ่งเหมยเจ็บ
“โอ้ยๆๆๆ อาม่า…เหมยเจ็บ”
“เบาๆครับอาม่า เดี๋ยวหูผมยาน”
อาม่ายอมปล่อยแต่ผลักให้ทั้งคู่ไปนั่งรวมกันที่โต๊ะ
“พวกลื้อรวมหัวกันโกหกอะไรอั้ว...อาส้มเช้งกลับมาบอกว่าไอ้หยกพาอาเหมยไปเที่ยว แต่พวกลื้อกลับมาโกหกไม่เหมือนกัน”
สามคนหน้าจ๋อยหันมามองหน้ากันโทษกันไปมา ส้มเช้งออกตัว
“ก็แกไม่เตี๊ยมกับฉันก่อนนี่หว่า”
“พอ! ไม่ต้องเถียงกัน บอกความจริงอาม่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าพวกลื้อหายไปไหนกันมา”
กิ่งเหมยหนักใจเอาไงดี หยกเลยตัดสินใจลุกขึ้นพรวด
“ผมขอโทษด้วยครับอาม่า...ผมเองที่ผิด ที่ต้องให้กิ่งเหมยโกหก”
“หมายความว่าลื้อจะพูดความจริง”
“ครับอาม่า”
“ว่ามา”
“ที่ส้มเช้งบอกมาถูกแล้วครับ ผมพากิ่งเหมยไปเที่ยวจริงๆ แต่ผมอยากไปกันสองต่อสอง”
หยกหยุดนิดนึงแล้วหันไปจับมือกิ่งเหมยมากุม ทำเอากิ่งเหมยตกใจ
“ผมก็เลยไล่ให้ส้มเช้งกลับ เราจะได้อยู่กันตามลำพัง ไม่มีก ข ค”
กิ่งเหมยหน้าเหวอ ไม่คิดว่าหยกจะอ้างแบบนั้น อาม่าถึงกับตกใจ
“ไอ้หยก...นี่ลื้อ...ลื้อกับอาเหมย”
“ใช่ครับอาม่า”
กิ่งเหมยรีบแกะมือแล้วผลักอกหยกจนเซ
“ไอ้บ้าหยก!”
กิ่งเหมยงอนแก้มป่องรีบเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งหยกให้ยืนฉีกยิ้มรับหน้ากับอาม่าที่ชักสีหน้าเอาเรื่อง

หยกรีบวิ่งออกมาที่มอเตอร์ไซค์ กระโดดขึ้นคร่อมอานคว้าหมวกกันน็อคมาสวมอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อาม่าถือไม้กวาดตามออกมาฟาดใส่
“นี่แน๊ะ…อั้วให้ลื้อกลับมาคบอาเหมย แต่ไม่ได้หมายความให้ลื้อมาจีบอาเหมยของอั้ว”
“ก็กิ่งเหมยน่ารักนี่อาม่า”
“ไอ้หยก!”
“ผมไปล่ะอาม่า”
หยกรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป อาม่าโยนไม้กวาดทิ้งอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้กะล่อน ไอ้จิ๊กกะโล่”

ดวงแขรีบเข้ามาในโรงสี แล้วตกใจที่เห็นสภาพมานพนอนไม่ได้สติ
“ตานพ!”
ดวงแขพยายามเรียกสติลูกชายแต่เขาไม่รู้สึกตัว โหงวเดินเข้ามา ดวงแขโกรธไม่พอใจเข้าไปจะตบ
“ไหนแกบอกว่าจะแค่อบรมตานพ แล้วดูที่แกทำ…แกทำร้ายลูกฉัน ไอ้สารเลว”
ดวงแขตบหน้า โหงวนิ่งไม่สะทกสะท้าน
“ต่อไปนี้แกไม่ต้องมายุ่งกับตานพแล้ว แกมีหน้าที่คอยฟังคำสั่งอย่างเดียว”
“ดวงแข...ฉันเป็นคนส่งเธอให้ไปตีสนิทกับไอ้เล้งจนได้ดิบได้ดีเป็นคุณนาย แต่แล้วเธอก็ หักหลังฉันส่งให้ฉันไปติดคุกเป็นสิบๆปี ฉันยังไม่เคยเอาคืนเธอเลยนะ”
โหงวหน้าตาเอาเรื่องเดินเข้าหาทำเอาดวงแขตกใจ
“นี่...แก...แกจะทำอะไร”
“แม่อย่างเธอดีแต่ให้ท้ายลูก จะหวังให้คิดหาทางผลักดันลูกให้ยิ่งใหญ่ เคยคิดอะไรเป็น”
“ทำไมฉันจะไม่ช่วยตานพ ฉันจะให้ตานพเป็นลูกเขยเสี่ยตง ถ้าตานพได้ทั้งสมบัติของเล้ง ได้ทั้งอิทธิพลของเสี่ยตง ตานพจะยิ่งใหญ่ที่สุด”
โหงวหยุดนิ่งมองหน้าดวงแขอย่างสนใจ
“และถ้าฉันทำสำเร็จ ไอ้เป๋อย่างแกก็ไม่มีความสำคัญสำหรับฉันกับตานพอีกต่อไป”
ดวงแขหางตาไม่สนใจโหงวจะเดินเข้าไปปลุกมานพ แต่โหงวตามเข้ามาจิกผม
“ถ้าคิดจะเขี่ยฉันให้พ้นทาง...เธอคิดผิดแล้วดวงแข แกเป็นเมียฉัน ตานพเป็นลูกฉัน นี่คือ ความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”
โหงวตะคอกใส่หน้าแล้วชกที่ท้องน้อยอดวงแขทันที...ดวงแขจุกตัวงอ
“ฉันบอกมานพไปแล้วว่ามันเป็นลูกชายฉัน แต่ลำพังพูดอย่างเดียวมันคงไม่เชื่อหรอก”
โหงวยิ้มร้ายหัวเราะลงคอก่อนจะเข้าไปช้อนตัวดวงแขที่จุกจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงขึ้นมาอุ้ม
“ปล่อย...ปล่อยฉันนะ”
“อย่าทำเหมือนไม่เคยไปหน่อยเลยดวงแข ฉันรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไอ้เล้งก็ไม่ได้สนใจเธอเหมือน เมื่อก่อน ถ้ามันทำหน้าที่ผัวให้เธอได้ไม่ดี ผัวตัวจริงอย่างฉันก็จะทำให้”
โหงวอุ้มดวงแขพาออกไปพร้อมเสียงหัวเราะดัง มานพนอนหมดสติอยู่ที่พื้น

เจ้าสัวเล้งนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นจำปาเอาชาจีนเข้ามาให้
“ตานพกลับมารึยัง”
“ยังเลยค่ะเจ้าสัว”
เจ้าสัวเล้งหยุดนิ่งไปแล้วถอนใจก่อนจะถามหาดวงแขต่อ
“แล้วคุณนายล่ะ...ปกติเขาต้องเอาชามาให้ฉันเองนี่”
“คุณนายมีนัดกินเลี้ยงโต๊ะแชร์กับเพื่อนค่ะ”
เจ้าสัวเล้งโมโห
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งแม่ทั้งลูกเป็นเหมือนกันหมด”
“เจ้าสัวต้องการอะไรอีกมั้ยคะ”
“ไม่...ออกไปได้แล้ว”
จำปารับคำแล้วออกไปทิ้งให้เจ้าสัวเล้งนั่งทำงานต่อคนเดียว เจ้าสัวเล้งเซ็นต์เอกสารต่อได้ครู่ก็หยุดแล้วคิดถึงบางอย่าง
เจ้าสัวเล้งมาเปิดตู้เซฟส่วนตัวแล้วหยิบเอาหยกเลือดมังกรสมบัติที่เขารักและหวงแหนแต่เวลานี้มันเหลือ เพียงแค่ครึ่งชิ้น...ภาพพราวแสงถูกยิงจนหยกตกพื้นและแตกกระจายเป็นสองชิ้นแว่บเข้ามา เจ้าสัวเล้งกำหยกไว้แน่นด้วยความคิดถึงพราวแสงสุดหัวใจ

“พราวแสง...เธอกับฉันเหมือนร่างกายและวิญญาณที่ต้องอยู่คู่กัน แต่ตอนนี้ฉันเหลือ เพียงแค่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ...ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน...พราวแสง”

มานพที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บตัวและโกรธแค้นโหงวไม่หาย

“ไอ้โหงว...ไอ้เป๋เอ้ย...อย่าให้เจออีกนะมึง”
มานพดันตัวลุกขึ้นแล้วจะเดินออกไปไปจากโรงสี แต่พลันได้ยินเสียงคนคุยกัน มานพสงสัยเลยเดินไปดู...ดวงแขกำลังต่อว่าโหงว
“แกมันไอ้สารเลว”
ดวงแขในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงเปลือยท่อนบนเอาเสื้อมาปิดไว้หลังจากถูกโหงวข่มขืนไปจนเสร็จสม
“ถ้าฉันมันสารเลว ฉันก็สารเลวเหมาะสมกับเธอแล้วล่ะดวงแข”
โหงวยิ้มพอใจแล้วเชยคาง แต่เจอดวงแขปัดมือให้พ้นตัว
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาโดนตัวฉันอีก”
“อะไรกัน…ตอนนี้มาบอกว่ามือฉันสกปรก ทีเมื่อกี้ฉันเห็นเธอกอดฉันแน่นเหมือนตอนที่ เราเพิ่งจีบกันใหม่ๆเลยนะดวงแข”
“นี่แก!”
ดวงแขจะตบอีก แต่โหงวจับมือไว้แล้วดึงตัวมาประชิด
“ฉันรู้ว่าเธอชอบแบบหวือหวาไม่ธรรมดา ฉันเองก็ยังไม่หนำใจจะต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะ”
โหงวซุกไซร้ซอกคอดวงแขจะปลุกปล้ำต่อ ระหว่างนั้นเองดวงแขหันไปเห็นมานพที่เข้ามายืนดูตัวแข็งทื่อด้วย อาการตกตะลึง
“ตานพ!”
โหงวชะงักหันไป
“รู้สึกตัวแล้วเหรอไอ้ลูกชาย ดีเลย...ไอ้ที่ฉันบอกแกไป แกคงไม่เชื่อจนกว่า จะได้เห็นด้วยตา...นี่ไง...ครอบครัวแสนสุขที่แท้จริงของแก อยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก”
มานพอึ้งแทบไม่เชื่อสายตา
“แม่...ไม่จริงใช่มั้ย”
ดวงแขหน้าเสีย
“ตานพ...ฟังแม่นะ”
มานพยิ่งช็อคแสดงว่าจริง
“ไม่ !”
มานพรีบวิ่งออกไป โหงวหัวเราะลั่นเสียงดังอย่างชอบใจ ดวงแขหน้าตื่น
“ตานพ !”

กิ่งเหมยอยู่ในห้องนอนกอดตุ๊กตานั่งเหม่อคิดถึงเหตุการณ์ที่หยกตามมาช่วยชีวิตเธอ...เขายอมทิ้ง ปืนเพื่อช่วยชีวิตเธอโดยไม่มีอาการลังเลกลัวตาย กิ่งเหมยนึกถึงคำพูดของอาม่ากับหยกที่เถียงกันก่อนหน้านี้
“นี่แน๊ะ…อั้วให้ลื้อกลับมาคบอาเหมย แต่ไม่ได้หมายความให้ลื้อมาจีบอาเหมยของอั้ว”
“ก็กิ่งเหมยน่ารักนี่อาม่า”
กิ่งเหมยชะงักหน้าแดง เอาตุ๊กตามาชกหน้ามันเหมือนว่าได้เล่นงานหยก
“ไอ้บ้าหยก…นี่แน๊ะๆๆ แกทะลึ่งกับฉันเกินไปแล้ว”
กิ่งเหมยโกรธและเคืองหยกเลยเหวี่ยงตุ๊กตาไปที่เตียงแต่ตุ๊กตาไปโดนกล่องอุปกรณ์วาดรูปจนตกพื้น เลยต้องรีบ ลุกไปเก็บแต่ระหว่างจะเดินไปสายตาของเธอเกิดพร่าเลือนขึ้นมา จนทำให้เธอสะดุดเก้าอี้ล้มลง ระหว่างนั้นอาม่าเคาะประตูเรียกพอดี
“อาเหมย…อาเหมย”
กิ่งเหมยปตกใจ
“ทำอะไรอยู่…อาม่าเข้าไปได้มั้ย”
“เอ่อ...เดี๋ยวนะคะอาม่า”
กิ่งเหมยพยายามลุกแล้วใช้มือช่วยคลำทางเพื่อไปเปิดประตู แต่มือเธอก็พลาดไปปัดกระดานวาดรูปล้มลงอีก อาม่าได้ยินเสียงของหล่นพื้นเสียงดังก็แปลกใจ
“อาเหมย...อะไรหล่นน่ะ...อาเหมย”
กิ่งเหมยมาเปิดประตูพอดี เธอพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติสุดฤทธิ์
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะอาม่า เหมยซุ่มซ่ามชนกระดานวาดรูปล้ม”
อาม่ามองเข้าไปในห้องเห็นกระดานวาดรูปล้มอยู่ที่พื้น
“แล้วทำไมไม่เก็บขึ้น”
“เหมย...เหมยรีบมาเปิดประตูให้อาม่าค่ะ อาม่ามีอะไรเหรอ”
“ก็เรื่องไอ้หยกนั่นแหละ อาม่าถามจริงๆ ลื้อกับไอ้หยกเป็นมากกว่าเพื่อนกันอยู่รึเปล่า”
“อาม่าจะไปเอาอะไรกับคำพูดของหยก มันก็แค่แกล้งแหย่อาม่าเล่น เพราะเห็นอาม่า หวงเหมย ยังไงเหมยกับมันก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น เหมยไม่คุยด้วยแล้วนะอาม่า เหมยจะอาบน้ำนอนแล้ว”
กิ่งเหมยรีบปิดประตู อาม่าตะโกนผ่านประตูบอกหลานสาว
“ที่อาม่าหวงลื้อมาก เพราะเรามีกันแค่สองคนนะอาเหมย”
อาม่าบอกแล้วเดินออกไป...กิ่งเหมยทรุดลงที่พื้นน้ำตาอาบแก้มมันเป็นความกลัวที่เธอต้องเผชิญหน้าความพิการในอนาคตที่มันกำลังขยับ เข้าใกล้เธอทุกทีโดยที่เธอไม่สามารถบอกให้อาม่ารู้ได้

วันใหม่...ธงรบก้าวเข้ามาบนดาดฟ้าที่หยกพักอาศัยอยู่ กระชับปืนที่เอวเตรียมพร้อมสำหรับมาจับหยก ธงรบเข้ามาอย่างเงียบๆ เห็นที่เตียงหยกนอนคลุมตัวอยู่ในผ้าห่ม ธงรบขยับเข้าไปใกล้อย่างเบา ที่สุด แต่พอหยกขยับธงรบก็ต้องชะงักยกปืนเล็งอย่างระวัง พอหยกหยุดขยับธงรบจึงเข้าไปกระชากผ้าห่มออก
“แกโดนฉันจับแล้วไอ้หยก”
“จับ...จับใครเหรอครับผู้หมวด”
สลึงลุกขึ้นงัวเงียตาปรือ ส่วนอ่างนอนอยู่ข้างๆกรนคร่อกยาว
“นี่...นี่พวกแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
สลึงงัวเงีย
“หือ...ถามใครเหรอคร้าบหมวด”
“ฉันถามแกนั่นแหละ..ไอ้หยกมันอยู่ไหน”
สลึงหาวยาว
“ไอ้หยกเหรอครับ...มัน...มันอยู่ไหนวะ” สลึงหันไปปลุกอ่าง “ไอ้อ่าง...ตื่น... ตื่นเว้ย หมวดเขามาเยี่ยมไอ้หยกว่ะ”
อ่างรู้สึกตัวงัวเงีย
“หมวด...หมวดไหนวะ”
“หมวดนี่ไง”
“อ้าว...หมวดสุดหล่อ...สวัสดีครับ”
อ่างทำท่าตะเบ๊ะแบบไขว้มือจรดคิ้วขำๆ ธงรบชักสีหน้าไม่พอใจเก็บปืนแล้วหักนิ้วกร่อบ

ธงรบลากคอทั้งคู่ออกมาผลักลงที่พื้นดาดฟ้าอย่างฉุนเฉียว
“พวกแกไม่ต้องมาเล่นตลกให้ฉันดู บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้หยกอยู่ไหน”
“โธ่...หมวดครับ ถ้าพวกผมรู้ พวกผมก็บอกไปแล้ว นี่ไม่รู้จริงๆ”
“แต่ไอ้หยกมันพักอยู่ที่นี่ ถ้าพวกแกไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน แล้วจะมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ไอ้อ่างนี่แหละดันลืมจ่ายค่าไฟ บ้านพวกผมก็เลยโดนตัดไฟ”
อ่างยิ้มแหยๆ
“แหะๆ...พวกผมก็เลยต้องอพยพมาขออาศัยไอ้หยกอยู่ที่นี่ไปก่อนไงครับ”
สลึงมองธงรบ
“ว่าแต่หมวดมาหามันมีอะไรเหรอครับ...ฝากบอกไว้ก่อนก็ได้ เจอมันแล้วผมจะบอกให้”
ธงรบกระชากคอเสื้อสลึงมาตะคอกใส่หน้า
“ฉันจะมาลากคอมันไปสอบสวน ถ้าพวกแกไม่ บอกมาว่าไอ้หยกอยู่ไหน ฉันจะลากคอพวกแกไปด้วย...ว่าไง”
สลึงถึงกับหน้าเหวอเพราะท่าทางธงรบดูจะเอาจริง

ภายในโกดังร้าง ลูกน้องกิจชัยโดนเก่งกับพรรคพวกลูกน้องซ้อมจนนอนร้องครวญครางโอดโอย
กิจชัยถอยหลังจนติดเสาเพราะเก่งเดินหน้าจะเอาเรื่อง กิจชัยละล่ำละลักบอก
“ใจเย็นๆสิวะ...พวกเดียวกัน มีอะไรค่อยคุยกันก็ได้”
“เอ็งมันหาเรื่องใส่ตัวไม่เข้าท่า ไอ้หยกมันเพิ่งช่วยชีวิตเสี่ยเอาไว้ แต่เอ็งดันให้ลูกน้องไป ซัดทอดมันจนต้องโดนตำรวจตามรังควาญ”
“ไอ้หยกมันไปฟ้องเสี่ยเหรอ”
“ไอ้หยกไม่ต้องพูดอะไรหรอก แต่เรื่องของเอ็งกับไอ้หยกมันอยู่ในสายตาเสี่ยตลอดแล้ว เสี่ยก็ไม่ชอบใจมากที่เอ็งไปทำให้มันเดือดร้อน”
เก่งพยักหน้าให้พรรคพวกเข้าไปจับตัวกิจชัยมาล็อคแขน แล้วเก่งก็เข้าไปอัดใส่ไม่ยั้งจนกิจชัยจุกตัวงอ

”หมาอยู่คอกเดียวกันถ้ามันกัดกัน เสี่ยก็ต้องสั่งสอนไอ้ตัวที่มันซ่าส์หาเรื่อง”

กิจชัยเจ็บจุกพยายามขอร้อง

“ข้า...ข้าขอโทษ...ข้า...ข้าแค่อยากช่วยงานเสี่ยเหมือนเดิม”
“เสี่ยพอใจจะใช้งานใครมันเรื่องของเสี่ย ส่วนแก...รีบไปจัดการให้ตำรวจนั่นเลิกยุ่งกับ ไอ้หยกได้แล้ว ไม่งั้น...เสี่ยไม่เอาแกไว้จริงๆแน่”
กิจชัยรีบพยักหน้ารับ เก่งกระชากคอมันขึ้นมาย้ำอีกคำสั่ง
“เสี่ยสั่งมาด้วยว่า ให้แกกับพรรคพวกเตรียมตัวไว้ให้พร้อม...เพราะใกล้จะได้เวลาที่เสี่ย จะเปิดศึกใหญ่แล้ว”
เก่งผลักกิจชัยแล้วพากันออกไป กิจชัยถ่มน้ำลายที่มีแต่เลือดอย่างหงุดหงิด

คมทวนตื่นสายเดินบิดขี้เกียจ ออกมาเจอหยกนอนอยู่ที่โซฟาเก่าๆเลยแปลกใจ
“ไอ้หยก...ไอ้หยก”
คมทวนปลุกอยู่ครู่หยกก็งัวเงียตื่น
“อ้าวพ่อ...นี่เช้าแล้วเหรอ”
“นี่เอ็งมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อคืนไงพ่อ...อ๋อ...ฉันเห็นพ่อหลับไปแล้วเลยไม่อยากปลุก”
“แล้วบ้านเอ็งล่ะ”
“บ้านฉันเหรอ...ขอฉันล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะแล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
หยกเดินหาวเดินออกไป คมทวนมองตามอย่างสงสัย

หยกล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเอาผ้าเช็ดหน้าพาดคอเดินออกมาเปิดตู้เย็น
“พ่อ...เดี๋ยวเช้านี้ฉันทำไข่เจียวให้พ่อกินนะ รอแป๊บนึง...รับรองอร่อย”
หยกปิดตู้เย็นแล้วหันมาชะงัก เพราะเจอธงรบที่เดินเข้ามาพร้อมกับพ่อ
“หมวด”
“ตามตัวยากเหลือเกินนะหยก”
คมทวนหันไปบอกธงรบ
“ก่อนจะพาตัวมันไป ผมขอคุยกับมันก่อนได้มั้ยครับ”
ธงรบจะปฏิเสธแต่คมทวนยืนยันให้มั่นใจ
“ถ้าผมคิดจะช่วยให้มันหนี ผมไม่เชิญหมวดเข้ามาจับมันถึงในบ้านผมหรอก ผมขอเวลา กับมันแป๊บเดียว”
ธงรบชี้หน้าหยก
“ถ้าแกคิดจะหนีฉันอีกล่ะก็ คราวนี้ฉันยิงแกจริงๆแน่”
ธงรบมองหน้าหยกอย่างเอาจริง คมทวนเข้าไปจับแขนลูกแล้วลากตัวเข้าไปด้านใน

คมทวนลากหยกออกมาคุยกัน
“จนแล้วจนรอดแกก็ยังดีแต่หาเรื่อง ชอบนักเหรอไง เดินเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะพ่อ”
“ยังมาเถียงอีก เขาเป็นตำรวจ ถ้าแกไม่ทำผิดอะไร แล้วเขาจะตามมาลากคอแกทำไม”
“หมวดคนนี้เขาเหม็นขี้หน้าผมอยู่ เขาก็เลยพยายามหาเรื่องผม”
“แกหาว่าถูกตำรวจรังแก คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอไอ้หยก”
คมทวนผลักอกด้วยความไม่พอใจจนหยกเซ
“ผมไม่ได้คิดว่าพ่อจะเชื่ออะไรผมหรอก เพราะพ่อเอาแต่คิดว่าผมเป็นได้แค่ลูกอกตัญญู”
“ไอ้หยก! ที่ฉันยอมให้เขาเข้ามาจับแก เพราะฉันอยากให้แกรู้จักกลัวความผิดบ้างต่อไป แกจะได้เลิกทำตัวเหลวไหลประชดชีวิตแบบนี้ซะที”
“ผมไม่ได้ทำตัวเหลวไหลประชดชีวิตนะพ่อ และผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวความผิด...เพราะ ผมไม่ได้ผิดอะไร”
“พอกันทีไอ้หยก...ฉันไม่เชื่อแก ฉันจะให้เขาจับแกไปขัง แกจะได้ไม่ต้องออกมาคบกับไอ้ พวกเลวๆอีก”
คมทวนจะเข้าไปจับแขนพาออกไปแต่หยกปัดมือ
“พ่อไม่ต้องพาผมออกไปหรอก เขาไม่มีสิทธิ์มาจับผม”
หยกมองหน้าพ่อแล้วเดินออกไปเอง คมทวนมองตามแล้วแปลกใจ

ธงรบกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับจ่า
“ว่าไงนะจ่า...พวกมันปฏิเสธเรื่องซัดทอดไอ้หยกเหรอ จะเป็นไปได้ยังไงก็ทั้งผู้เสียหาย ทั้ง พวกที่จับได้ บอกเหมือนกันหมดว่าไอ้หยกอยู่ในกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าหนี้ด้วย ผมถึงต้องมา เอาตัวมันไปอยู่นี่ไง”
หยกเข้ามา
“งั้นงานนี้หมวดก็คงจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะครับ”
ธงรบชะงักแล้วหันมามองหน้าหยกก่อนจะปิดมือถือ
“แกไปข่มขู่ไอ้พวกนั้นไม่ให้ซัดทอดแกใช่มั้ย”
“ผมไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่ความจริงมันคืออะไร ก็ว่าไปตามนั้น”
“แก!”
ธงรบไม่พอใจเข้าไปกระชากคอเสื้อหยก แต่คมทวนเข้ามา
“ปล่อยลูกชายผมเถอะครับหมวด ถ้ามันทำผิดจริง ผมจะให้หมวดพาตัวมันไป แต่ถ้ามัน ไม่ได้ทำอะไร หมวดก็ไม่ควรมาทำกับมันแบบนี้”
ธงรบชะงักมองคมทวนที่พูดปกป้องลูก ธงรบยอมปล่อยมือแล้วผลักหยก
“ไม่ว่ากี่ครั้งที่ฉันจะพยายามจับแก มันจะต้องลงเอยแบบนี้ไปหมด แค่นี้ก็พิสูจน์ให้ฉัน เห็นแล้วว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแกแน่...แต่แกจะไม่ลอยนวลแบบนี้ไปตลอดหรอก”
ธงรบชี้หน้าฝากไว้ก่อนแล้วเดินออกไป หยกขยับคอเสื้อหันไปมองพ่อที่มองหยกอย่างไม่วางตาเหมือนกัน

หยกมาที่มอเตอร์ไซค์กำลังจะสตาร์ทรถแต่คมทวนตามออกมา
“ที่ตำรวจนั่นเขาพูดมามันหมายความว่ายังไง”
“พ่อจะไปฟังอะไรกับหมวดนั่น ก็บอกแล้วไงว่าเขาพยายามหาเรื่องผม คงคิดจะเอาผม ไปเป็นแพะคดีที่ทำอยู่ แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด”
หยกพูดไปก็สวมหมวกกันน็อคสตาร์ทเครื่องเตรียมจะออกไป แต่อยู่ๆคมทวนก็เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจ ลำบากติดขัดจนแทบทรุด หยกหันมาเห็นก็ตกใจ
“พ่อ !...พ่อเป็นอะไร”
หยกพยายามประครองพ่อ ระหว่างนั้นอ่างกับสลึงพากันเข้ามาพอดี อ่างรีบเข้ามา
“อ้าวเฮ้ย...นั่นพี่คมทวนเป็นอะไรวะไอ้หยก”
“ไม่รู้เหมือนกันน้า...อยู่ๆพ่อก็ทรุดลงไป”
สลึงดูอาการคมทวนอย่างเป็นห่วง
“ท่าทางไม่น่าไว้ใจแล้วว่ะ รีบพาไปหาหมอเถอะ”
หยกพยักหน้ารับช่วยประครองพ่อให้ลุกขึ้นแล้วพยุงพาออกไปพร้อมกันทันที คล้อยหลังหยกพาคมทวนออกไปได้ครู่ โหงวก็เดินเข้ามามองตามทั้งหมดที่พากันออกไป โหงวมองอย่างครุ่นคิดบางอย่าง

โหงวเข้ามาในบ้านมองไปรอบๆอย่างสงสัย แต่สภาพบ้านไม่มีอะไรนอกจากภาพถ่ายของคมทวน สมัยเป็นนักมวยและข้าวของเก่าๆดูไม่มีความหมายอะไร โหงวเปิดนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆแล้วหยุดคิดนึกถึงตอนที่เขาเห็นหยกเลือดมังกรที่หยกสวมคอที่สนามมวยเถื่อน
“หรือว่าเราจะเข้าใจผิด ไอ้เด็กหนุ่มนั่นอาจจะมีหยกที่เหมือนกับของไอ้เล้งก็ได้”
โหงวส่ายหน้าที่เสียเวลามาเลยคิดจะเดินออกไปแต่ระหว่างนั้นสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างเลยถอยกลับมาดู สิ่งที่เขาต้องหันมาสนใจนั่นก็คือภาพถ่ายของคมทวนกับพราวแสงที่ถ่ายคู่กันที่หน้าบ้านหลังนี้ โหงวรู้สึกคุ้น หน้าผู้หญิงในรูปนี้มากจนต้องพยายามนึก และจำได้ว่าผู้หญิงในรูปนี้คือคนที่ช่วยพาเจ้าสัวเล้งหนีการไล่ยิงจากคนของเขา

“นี่มัน...ผู้หญิงที่ช่วยชีวิตไอ้เล้ง”

โปรดติดตามตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น