xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 2

ที่สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ...

ผู้การสมิงทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานบนตึกสูงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจนายหนึ่งเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“ผู้การครับ...ผลตรวจสอบ DNA ศพที่ถูกเผานั่งยางมาถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณมาก”
สมิงรับแฟ้มเอกสารมา ตำรวจออกไปจากห้องได้ครู่ เขาก็เปิดแฟ้มออกมาดู เมื่ออ่านผลการตรวจ แล้วสมิงมีหน้าเคร่งเครียด ภาพถ่ายที่อยู่ในแฟ้มเป็นภาพของชายคนที่ถูกตงฆ่าตาย
“ไอ้เสี่ยตง...โธ่เว้ย!”
สมิงขบกรามเจ็บใจ ระหว่างนั้นธงรบเข้ามา
“สวัสดีครับอา ถ้าอากำลังยุ่งอยู่ผมไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้อง...แกมีอะไรถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”
“ก็เรื่องที่ผมเคยคุยกับอาไว้...ผมอยากรู้คำตอบครับ”
สมิงหน้าเคร่งขรึม มองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันมาที่ธงรบ
“ฉันดีใจที่แกมีความตั้งใจจริงอยากมาช่วยฉันทำงาน แต่แกยังไม่เหมาะกับทีมของฉัน”
“ทำไมล่ะครับอา ถ้าอากลัวว่าจะมีเรื่องครหาว่าผมเป็นหลานของอา ผมจะทำตามขั้น ตอนทุกอย่าง จะพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนเห็น”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นหรอกธงรบ”
“แล้วมันคืออะไรล่ะครับ”
“แกไง...แกเป็นตำรวจหนุ่มไฟแรง เพิ่งจะจบมาไม่เท่าไหร่ ผลงานแกก็เป็นที่พูดถึง แกใจ ร้อนไม่ชอบทำงานเป็นทีม ซึ่งงานของอาไม่ต้องการคนแบบนั้น”
“งั้นผมจะปรับปรุงตัว ทำตามทุกอย่างที่อาสั่ง”
“ธงรบ...อนาคตแกกำลังไปได้ดีในหน่วยงานของแกแล้ว...อย่าให้อาดึงแกเข้ามาเสี่ยง ชีวิตกับงานของอาเลย”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ที่โต๊ะสมิงดังเขาหันไปรับสาย
“ได้มาแล้วเหรอ กี่คน...ส่งไฟล์ข้อมูลมาให้ฉัน ฉันจะเลือกเอง”
สมิงวางสายแล้วหันมาที่ธงรบ
“อาต้องทำงานต่อ...ไว้ว่างเมื่อไหร่ก็แวะไปกินข้าวบ้านอา”
“ครับอา”
ธงรบยกมือไหว้แล้วเดินออกไปหน้ามีความผิดหวัง สมิงมองตามอยู่ครู่ก่อนจะหันมาที่คอมพิวเตอร์เปิดไฟล์ที่ เพิ่งถูกส่งเข้ามา ภาพหน้าจอเป็นภาพใบหน้าและข้อมูลของนักเรียนนายร้อยตำรวจสองสามคน สมิงเลือกดูอย่างผ่านๆ ก่อนจะมาหยุดที่ภาพใบหน้าของหยก สมิงหยุดอ่านอย่างสนใจ



กิ่งเหมยชะโงกหน้าดูจากดาดฟ้าลงไปที่หน้าตึก เห็นรถตำรวจเข้ามาจอดพร้อมกับตำรวจที่จะมาจับหยก
“แย่แล้วหยก...ตำรวจมากันแล้ว ทำไงดี”
คมทวนหน้าเครียด
“เห็นมั้ยไอ้หยก...ฉันเตือนแกแล้วใช่มั้ย ทีนี้แกจะทำยังไง อนาคตที่แม่แกหวังไว้กำลัง จะพังเพราะแกเอง ไอ้ลูกไม่รักดี”
คมทวนเข้าไปกระชากคอเสื้อหยกมาตะคอกใส่อย่างเสียใจและโกรธ หยกรู้สึกผิด
“พ่อ…ผมขอโทษ”
“ขอโทษเหรอ…แกมาขอโทษตอนนี้มันก็สายไปแล้ว แกทำให้วิญญาณของแม่แกไม่ สงบ แกมันไอ้อกตัญญู”
คมทวนผลักหยกแล้วถอยมาน้ำตาอาบแก้มเจ็บปวดอย่างลูกผู้ชาย หยกสะเทือนใจเจ็บปวดน้ำตาไหลอาบ
“พ่อ...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ”
หยกร้องไห้สะอึกสะอื้น กิ่งเหมยพลอยสะเทือนใจไปด้วย
“หยก...น้าคมทวนคะ...หยกไม่ได้ทำผิดอะไร เราต้องช่วยไม่ให้เขาติดคุกนะคะน้า”
คมทวนนิ่งน้ำตาไหล มองหยกที่กำลังคุกเข่าพนมมือขอโทษแล้วตัดสินใจ
“ฉันรับปากแม่แกไว้ว่าจะดูแลไม่ให้แกเป็นอะไร ฉันต้องทำให้ได้” คมทวนเข้าไปจับข้อมือหยก “ไปกับฉัน!”
หยกตกใจ
“พ่อ”
คมทวนไม่รอฟังหยกรีบดึงแขนพาออกไปกับตัวเองทันที กิ่งเหมยมองตามหน้าเครียดๆ

ตำรวจบุกขึ้นมาถึงดาดฟ้า กิ่งเหมยตกใจ ตำรวจเข้ามาถามกิ่งเหมย
“นายหยกอยู่ไหน”
“ไม่อยู่...ไม่รู้ค่ะ”
ตำรวจมองกิ่งเหมยอย่างไม่ไว้วางใจแล้วหันไปบอกคนอื่นให้เข้าไปค้นดูในบ้าน ครู่หนึ่งตำรวจเอากรอบภาพ ถ่ายของหยกในชุดนักเรียนนายร้อยตำรวจออกมา
“หยกไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ...พวกนั้นต่างหากที่ทำร้ายฉัน ปล่อยเขาไปเถอะนะคะ”
ตำรวจไม่ฟังแล้วหันไปสั่งคนอื่น
“เพิ่งจะหนีไป...ตามไปให้ทัน”


คมทวนจับมือพาหยกวิ่งหนีมาอย่างเร่งรีบ แต่อยู่ๆหยกก็หยุดแกะมือพ่อออกอย่างตัดใจ
“พอเถอะพ่อ”
“พออะไร...แค่นี้ยังหนีไม่พ้นหรอก ฉันจะพาแกไปอยู่บ้านเก่าแม่แก รอให้เรื่องเงียบแล้ว ค่อยกลับมา”
“แต่ผมทำผิดกฎหมาย ต่อให้หนีไปอยู่สุดโลก ผิดก็ต้องรับผิด นั่นคือคำว่าลูกผู้ชายที่พ่อ สอนผมมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
คมทวนนิ่งไป
“ผมไม่อยากให้พ่อต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีก”
“แต่ฉันรับปากแม่แกไว้...พราวแสงอยากให้แกมีอนาคตที่ดี ฉันทำให้เขาผิดหวังไม่ได้”
“พ่อไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ผมเองต่างหากที่ทำให้แม่ผิดหวังในตัวผม”
หยกน้ำตาคลอเบ้า แล้วพนมมือคุกเข่าต่อหน้าคมทวน
“ไอ้หยก”
“วันนี้ผมทำให้พ่อแม่ต้องเจ็บปวด มันคือบาปกรรมที่ผมจะต้องยอมรับ และต้องชดใช้ ด้วยความเสียใจที่ผมไม่สามารถเป็นลูกกตัญญูได้ ผมขอโทษครับพ่อ”
หยกร้องไห้แล้วกราบแทบเท้าพ่ออย่างเสียใจ คมทวนกำหมัดแน่นน้ำตารื้น
“โธ่เว้ย...ชีวิตแม่แกฉันก็รักษาไว้ไม่ได้ แล้วยังชีวิตแกที่ต้องมาพังต่อหน้าต่อตาฉันอีก ชีวิตฉันมันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“พ่อ...” หยกครวญ

ระหว่างนั้นเสียงรถตำรวจดังเข้ามาแล้วจอดดักสองฝั่ง พร้อมกับเสียงร้องของตำรวจนายหนึ่งให้หยกมอบตัวเสีย

“ยอมมอบตัวซะนายหยก...นายหนีไม่พ้นแล้ว”
ความรักและเป็นห่วงลูกทำให้คมทวนรีบเข้าไปยืนขวาง
“แกหนีไปเถอะหยก พ่อจะกันตำรวจให้เอง”
“อย่าทำอย่างนี้เลยครับพ่อ...ผมทำให้พ่อเสียใจมาเยอะแล้ว ครั้งนี้ให้ผมได้เป็นลูก ผู้ชายยอมรับความผิดอย่างองอาจ ให้สมกับที่พ่อเคยสอนสั่งผมมาตลอดเถอะครับ”
คมทวนนิ่งไปมองลูกชาย ตำรวจขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับปืน สองพ่อลูกสบตากันน้ำตารื้น
“ผมรักพ่อนะครับ”
หยกสั่งลา แล้วชูมือขึ้นลักษณะยอมจำนนเดินเข้าหาตำรวจ คมทวนเสียงสั่น
“ไอ้หยก”
หยกคุกเข่ายอม ตำรวจเข้ามาจับใส่กุญแจมือ แล้วพาตัวออกไป หยกหันมามองพ่อน้ำตาไหลเต็มสองแก้ม คมทวนก็น้ำตานองเหมือนกัน
“ไอ้หยก...”


รถตำรวจขับมาตามถนนในตรอกศาลเจ้า กิ่งเหมยวิ่งเข้ามาขวาง ตำรวจจอดรถเอี๊ยด หยกเห็นกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย!”
หยกหันไปมองตำรวจสายตาขอร้อง แต่ตำรวจไม่สนใจตบบ่าตำรวจที่ขับรถให้ไปต่อ กิ่งเหมยตะโกนเรียก
“หยก…หยก…หยก”
รถตำรวจวิ่งไปตามทาง หยกได้แต่เหลียวหลังมองกิ่งเหมยที่วิ่งไล่ตามและร้องเรียกไม่หยุด
“กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยวิ่งไล่แล้วสะดุดล้มทำให้ตามต่อไม่ได้ น้ำตาอาบสองแก้มเพราะสงสารหยก
“หยก…หยก…หยก!”



ไฟล์ภาพข้อมูลและประวัตินักเรียนนายร้อยตำรวจของหยกยังค้างคาอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สมิงคุยโทรศัพท์อยู่กับเจ้าหน้าที่ของตัวเอง
“ใช่...ฉันสนใจคนนี้ ประวัติน่าสนใจมาก ฉันอยากเจอเขา...ว่าไงนะ...มีปัญหา เหรอ ปัญหาอะไร”
สมิงฟังปลายสายเล่าแล้วยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก


อาคารสำนักของมังกรวารีเป็นอาคารไม่ต่ำว่า 20 ชั้นโอ่โถงใหญ่โต ในห้องประชุมเล้งกำลังประชุมอยู่กับผู้บริหารแผนกต่างๆของบริษัท แต่อยู่ๆมานพก็เปิดประตูห้องประชุม เข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เลขาของเล้งรีบตามมา
“อะไรกัน...ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังประชุมเรื่องสำคัญอยู่”
เลขาหน้าเสีย รีบอธิบาย
“ขอโทษค่ะท่านประธาน คือ...ดิฉันบอกคุณมานพแล้ว แต่ว่า...”
มานพหันไปสั่งเลขา
“เธอไปทำงานต่อได้แล้ว ฉันจะอธิบายให้พ่อฟังเอง”
เลขชะงักยืนนิ่ง มานพเลยขึ้นเสียงใส่
“ก็บอกให้ออกไปไง”
เล้งพยักหน้าให้ออกไปก่อน แล้วมองหน้ามานพอย่างสงสัย
“ผมต้องขอโทษพ่อและผู้บริหารทุกท่าน แต่ที่ผมต้องเสียมารยาทมาขัดจังหวะการ ประชุม เพราะผมทราบวาระการประชุมในครั้งนี้ว่าธุรกิจของมังกรวารีกำลังประสบ ปัญหา และต้องการความคิดใหม่ๆมาช่วยฟื้นฟูกิจการ วันนี้ผมจึงพร้อมที่จะช่วยนำ เสนอทางออกให้ทุกท่านได้พิจารณา”
มานพวางแฟ้มเอกสารที่ติดตัวมาด้วยลงบนโต๊ะประชุมแล้วมองไปที่เล้งด้วยสีหน้ามุ่งมั่นจริงจัง แต่เล้งกลับหรี่ ตามองด้วยความไม่พอใจ


มานพถูกนนท์ลูกน้องคนสนิทของเล้งหิ้วแขนพาเข้ามาในห้องทำงานของเล้ง
“เฮ้ย...ปล่อยฉันนะเว้ย...บอกให้ปล่อยไง!”
นนท์ยอมปล่อยจนมานพเซเลยไม่พอใจเข้าไปกระชากคอเสื้อนนท์มาจ้องหน้า
“อย่าคิดว่าแกเป็นคนสนิทของพ่อฉันแล้วจะมาทำกับฉันแบบนี้ได้นะเว้ย”
นนท์นิ่งมากสบตาแต่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ มานพง้างหมัดจะชกหน้า แต่เล้งตามเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมานพ!”
มานพชะงัก
“พ่อ”
เล้งหันไปบอกนนท์
“ออกไปได้แล้วนนท์”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์แกะมือมานพออกจากคอเสื้อ แล้วเดินออกไปทิ้งให้มานพอยู่กับเล้งในห้องทำงานตามลำพัง
“พ่อ...ทำไมพ่อไม่ให้โอกาสผมอธิบายแผนงานที่ผมตั้งใจเอามาเสนอ”
“แผนงานอันนี้น่ะเหรอ”

เล้งชูแฟ้มของมานพขึ้นมา แล้วเดินไปโยนลงถังขยะต่อหน้าต่อตา มานพอึ้ง

ภายในห้องสอบสวน...หยกถูกใส่กุญแจมือคุมตัวเอาไว้กับตำรวจนายหนึ่ง ระหว่างนั้นผู้การสมิงเปิดประตูเข้ามา ตำรวจในห้องนั้นทำความเคารพ

“ผมต้องการอยู่กับเขาตามลำพัง”
ตำรวจทำความเคารพ แล้วออกไปทิ้งให้ผู้การสมิงอยู่กับหยกที่มองมายังผู้การอย่างแปลกใจสงสัย
“คุณคงอยากรู้แล้วล่ะสิว่าทำไม คุณถึงยังไม่ถูกจับเข้าห้องขัง”
“คุณเป็นใคร”
“ก่อนที่จะได้รู้จักผม ให้ผมได้ทำความรู้จักคุณมากกว่าที่ได้รู้มาจากประวัติในนี้ได้มั้ย”
สมิงยื่นแฟ้มข้อมูลของหยกซึ่งในนั้นมีภาพถ่ายหยกในรูปนักเรียนตำรวจ
“เอาประวัติผมมาจากไหน แล้วต้องการอะไรกันแน่”
“ไม่ต้องตกใจ ถึงตอนนี้คุณจะไม่ใช่นักเรียนตำรวจอีกแล้วเพราะคดีที่คุณทำผิดกฎหมาย จะทำให้คุณติดคุก แต่ถ้าคุณทำให้ผมเชื่อได้ว่าเราสามารถมาร่วมงานกันได้ ผมนี่แหละ ที่จะช่วยให้คุณยังมีเกียรติยศของผู้รักษากฎหมายอยู่”
หยกมองสมิงอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนสมิงมองหยกด้วยสายตาคมกริบพิจารณาท่าทางของชายหนุ่มอย่างละเอียด
“ว่ายังไง...เกียรติยศนี้ต้องมีความหมายกับคุณมาก สายตาที่คุณมองผมมันถึงได้บอกว่า คุณอยากได้มันกลับไป”
หยกนิ่งไปมองสมิงแล้วคิดถึงสิ่งที่คุยกับพ่อ...
‘พ่อหมายความว่ายังไง แม่น่ะเหรออยากให้ผมเป็นตำรวจ’
คมทวนนิ่งไปเพราะเผลอพูดออกมาด้วยอารมณ์
‘พ่อ...ตลอดเวลาที่พ่อเคี่ยวเข็ญผม ผมนึกว่าพ่อที่อยากให้ผมเป็นตำรวจ’
‘จะเป็นใครที่อยากให้แกมีอนาคตที่ดี มันก็ไม่สำคัญหรอก’
‘สำคัญสิพ่อ...แม่ตายตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมอยากรู้จักชีวิตของแม่ ทำไมแม่ถึงอยากให้ผม เป็นตำรวจ มันเกี่ยวอะไรกับชาติกำเนิดผม’
‘แกไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น แค่ทำตามที่แม่แกต้องการ แค่นั้นก็ช่วยให้วิญญาณแม่แกอยู่ อย่างสงบแล้ว’


หยกมองหน้าสมิง
“ถ้าคุณช่วยให้ผมได้เกียรติยศนั้นคืนได้จริงๆ ผมจะเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตผมให้ฟัง”
หยกหน้ามุ่งมั่น สมิงยิ้มรับ


มานพมองงานตัวเองในถังขยะด้วยความเจ็บใจ ที่ถูกเล้งทิ้งอย่างไม่ใยดี
“พ่อทำแบบนี้กับผมได้ยังไง...ผมตั้งใจจะช่วยงานพ่อนะ”
“ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจากแกเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นฝ่ายบอกเอง แต่ที่แกทำลงไป วันนี้ แกทำข้ามหน้าข้ามตาฉัน ทำให้ฉันเสียการปกปครอง”
“ที่ผมต้องบุ่มบ่ามเข้าไป เพราะพ่อไม่ยอมให้ผมมีส่วนร่วม ทั้งๆที่ผมก็ขอโทษแล้ว ให้กราบบรรพบุรุษ กราบลูกเมียพ่อที่ตายไป ผมก็ทำให้แล้ว แล้วทำไมล่ะพ่อ”
“เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา”
“จะไม่ถึงเวลาได้ยังไง ก็แม่เป็นคนบอกผมว่าพ่อเตรียมจะยกทุกอย่างให้ผมอยู่แล้ว”
“ใช่...ฉันคิดจะยกทุกอย่างให้แก ทันทีที่แกเรียนจบกลับมา แต่เพราะไอ้รูปพวกนี้ไงที่ทำ ให้ฉันต้องทบทวนทุกอย่างใหม่”
เล้งไปหยิบเอาภาพถ่ายที่มานพถูกถ่ายเอาไว้ เป็นภาพมานพเที่ยวอยู่ในผับมั่วทั้งผู้หญิงและยาเสพติด มานพชะงัก
“นี่...นี่พ่อจ้างให้คนตามผมเหรอ”
“จะต้องให้ฉันย้ำกรอกหูแกสักกี่ครั้งแกถึงจะเข้าใจ ฉันไม่ได้กลับมายิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ ได้หรอกถ้าพวกเขาไม่เสียสละ...”
มานพขึ้นเสียงตัดบท
“พอได้แล้วพ่อ...ผมเบื่อที่จะฟังแต่เรื่องคนที่ตายไปแล้ว ผมต่างหากที่ ยังอยู่ ผมเป็นสายเลือดมังกรวารีคนสุดท้ายของพ่อ...หึ...แต่พ่อไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก พ่อหวงสมบัติตัวเองมากกว่าคิดถึงลูกในไส้”
มานพเข้าไปจ้องหน้าเล้งอย่างน้อยใจและโกรธแค้น มือปัดโคมไฟบนโต๊ะแตกกระจายแล้วหุนหันออกไป
“มานพ...มานพ!”
เล้งได้แต่ยืนกำหมัดแน่นเจ็บปวดที่มานพไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ

หยกกับสมิงอยู่ในห้องสอบสวนบนสถานีตำรวจ สมิงนิ่งพิจารณาหยกอย่างตัดสินใจ
“ผมเล่าทุกอย่างที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับผมไปหมดแล้ว ทีนี้คุณจะบอกผมมาได้รึยังว่าคุณ ต้องการให้ผมไปทำงานอะไรให้”
ผู้การสมิงมองหยกแล้วตัดสินใจเอาแฟ้มที่ภาพถ่ายของสายตำรวจที่ถูกกิจชัยฆ่าตายมาวางให้หยกดูโดยมีทั้งภาพถ่ายปกติและภาพที่ถูกเผานั่งยาง
“ชายที่คุณเห็นในรูปเป็นตำรวจที่ผมส่งไปเป็นสายแฝงตัวอยู่ในแก๊งอาชญากรกลุ่ม หนึ่ง เขาเพิ่งถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม นั่นเลยทำให้ 1 ปีที่ผมส่งเขาไปต้องคว้าน้ำเหลว”
“คุณอยากให้ผมเป็นสายแทนเขา”
สมิงพยักหน้ารับ
“งานนี้เสี่ยงมาก ผมถึงต้องการคนที่เอาตัวรอดได้ดี และคนที่พร้อมจะ ยอมแลกได้ทุกอย่างแม้แต่...อนาคตตัวเอง”
หยกฟังแล้วนิ่งเงียบไป
“ผมจะให้เวลาคุณคิดตัดสินใจ เพราะถ้าคุณรับงานนี้คุณก็จะถอยหลังกลับอีกไม่ได้ จะมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าคุณทำงานให้ตำรวจ เมื่อคุณก้าวเข้าไปหาพวกมัน คุณจะต้องเป็นอาชญากร ทางรอดจึงมีสองทาง...เอาชนะพวกมันให้ได้...หรือไม่ก็…”
สมิงชี้ที่รูปสายคนเก่าซึ่งถูกเผานั่งยางตายแทนคำพูด
“เอาล่ะ...ผมให้เวลาคุณตัดสินใจดูก่อนก็แล้วกัน”
ผู้การสมิงเก็บแฟ้มลงกระเป๋าแล้วลุกจากเก้าอี้ แต่ยังไม่ทันพ้นจากประตูหยกก็ลุกขึ้นอย่างมุ่งมั่น
“ถ้าผมรับงานนี้ คุณจะรับปากผมเรื่องนึงได้มั้ย”
“เธอต้องการให้ฉันช่วยอะไร”

สมิงถามอย่างสนใจ

วันใหม่มาเยือน...กิ่งเหมยผิดหวังกลับจากโรงพักมาที่แผงขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ขณะมีส้มเช้งมาช่วยขาย อาม่าถามอย่างเป็นห่วง

“กิ่งเหมย...อาหยกเป็นยังไงบ้าง”
“เขาไม่ยอมให้ประกันตัวหยกค่ะอาม่า”
“เงินไม่พอเหรอ...อาม่าจะไปหายืมมาให้อีก ยังขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเงินไม่พอประกันตัวหรอกค่ะอาม่า เขาไม่ให้ประกันตัวเลยต่างหาก”
“ได้ยังไง...อย่างนี้มันก็ไม่ยุติธรรมสิ”
ส้มเช้งหน้าเครียด
“แล้วนี่เราจะทำอะไรไม่ได้เลยเหรอกิ่งเหมย ต้องยอมให้ไอ้หยกมันติดคุกเหรอ”
กิ่งเหมยน้ำตาซึม ระหว่างนั้นเสียงกิจชัยดังเข้ามา
“คนอย่างไอ้หยกน่ะ คุกเหมาะสำหรับมันที่สุดแล้ว”
“ไอ้กิจชัย!”
กิจชัยเข้ามาพร้อมกับพวกลูกน้องหน้าเดิมๆ แต่คราวนี้พวกมันแสยะยิ้มเอาเรื่อง กิ่งเหมยหน้าเสีย


ในห้องขังบนสถานีตำรวจ หยกเดินไปเดินมาเป็นห่วง ระหว่างนั้นสมิงเข้ามาหยกรีบเกาะลูกกรงถามทันที
“ผู้การ! ไหนท่านบอกว่าจะจัดการให้ตามที่ผมขอไปไง แล้วทำไมไอ้กิจชัยมัน...”
สมิงตัดบท
“หยก...ฉันจัดการให้เธอแน่นอน เธอต่างหากที่พร้อมแล้วรึยัง”
“ผมเป็นลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น”
“งั้นเธอก็ไม่ต้องห่วง แค่ทำตามที่เราคุยกันไว้และอดทนรอฟังคำสั่งจากฉัน”
หยกยังหน้าเครียด
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเธออยากกลับไปเป็นตำรวจ...อยากถอยก็ไม่ได้อีกแล้ว”
หยกเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“เพื่อพ่อผม...เพื่อวิญญาณของแม่ผม...ผมไม่ถอยแน่”
แววตาหยกมีแต่ความมุ่งมั่นล้วนๆจนสมิงพอใจ


โต๊ะเก้าอี้ถูกพวกกิจชัยรื้อพังกระจุย
“หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้กิจชัย...ฉันบอกให้หยุด”
กิ่งเหมยจะเอาเรื่อง แต่กิจชัยหันมาตาขวางพร้อมกับชักปืนมาขู่
“ทำไม...นังกิ่งเหมย แกจะทำอะไรฉัน...จะเอาน้ำเต้าหู้ร้อนๆมาเล่นงานฉันอีกเหรอไง”
กิจชัยส่ายปืนไปมาจงใจขู่ ส้มเช้งรีบเข้าไปดึงกิ่งเหมยออกมา
“ช่างมันเถอะแก...ไม่มีไอ้หยกก็ไม่มีใครช่วยเราได้แล้ว”
“นังส้มเช้งนี่มันฉลาดจริงๆ...เอาสินังกิ่งเหมย อวดดี อวดเก่งออกมาเลย หรือจะร้องไห้ ขี้มูกโป่งไปฟ้องไอ้หยกก็ได้ แต่มันคงจะแหกคุกมาช่วยแกไม่ได้หรอกนะ ฮ่าๆๆๆๆ”
กิ่งเหมยเจ็บใจน้ำตาคลอ กิจชัยยังไม่หยุดการระราน
“เฮ้ย...ไอ้หยกมันเผาที่ของพวกเรา วันนี้พวกเราต้องเอาคืน เผาให้เกลี้ยงเลย”
พวกลูกน้องกิจชัยเอาน้ำมันมาราดโต๊ะเก้าอี้ และข้าวของอื่นๆ อาม่าหน้าตื่น
“อย่านะ...นั่นมันเครื่องมือทำมาหากินของอั้ว”
อาม่าจะเข้าไปห้ามแต่พวกมันผลักจนล้ม แล้วพวกมันก็เอาน้ำมันมาราด กิจชัยจุดไฟแช็ค ไฟลุกไหม้โต๊ะเก้าอี้อย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะของกิจชัยดังลั่นด้วยความสะใจ อาม่าตกตะลึงงันตาเบิกค้างเมื่อเห็นไฟที่ลุกโหม อาม่ามีอาการตัวแข็งทื่อลืมตัวขาดสติ ชักกระตุกตัวเกร็ง
“อย่า...อั้วกลัว...ไม่เอา...ไม่เอา อั้วกลัว”
“อาม่า...อาม่าคะ”
กิ่งเหมยพยายามกอดประครองแต่อาม่าหมดสติไป
“แก...ไอ้ชาติชั่ว”
กิ่งเหมยคว้าขาเก้าอี้ที่ถูกพวกมันหักทิ้งวิ่งเข้าใส่ แต่กิจชัยจับหมับ
“ผู้หญิงสวยๆอย่างแกมันไม่เหมาะมาทำอะไรอย่างนี้หรอกกิ่งเหมย...” กิจชัยมองหัวจรดเท้า “ซ่อนรูปแบบนี้ อย่ามาเสียเวลาขายปาท่องโก๋ วาดรูปขายเลย ไปทำงานสบายๆกับฉัน ดีกว่า เดี๋ยวป๋าจัดให้ ฮ่าๆๆๆ”
กิ่งเหมยเจ็บใจตบหน้ามันดัง...เพี๊ยะ กิจชัยหน้าหันเลือดซิบๆมุมปาก
“นังกิ่งเหมย!”
กิจชัยโกรธจัดจะทำร้ายกิ่งเหมย แต่ทันใดนั้นรถตำรวจคันหนึ่งเปิดหวอดังเข้ามาและจอดเอี๊ยด พวกลูกน้อง กิจชัยวงแตกวิ่งหนีเอาตัวรอดรวมทั้งกิจชัยด้วย ตำรวจรีบไล่ตามไปจับพวกมัน กิ่งเหมยเข้ามาประครองอาม่าอย่างเป็นห่วง
“อาม่าคะ...อาม่า”
ส้มเช้งเข้ามาดูอาม่าอย่างเป็นห่วง
“ฉันว่าอาการอาม่าไม่ค่อยดีเลยแก พาไปโรงพยาบาลเถอะ”

กิ่งเหมยมองอาม่าแล้วหน้าเครียดเป็นห่วงมาก

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 2 (ต่อ)

กิจชัยพยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดจากการตามจับสุดฤทธิ์ จนมาถึงบริเวณหน้าร้านมอเตอร์ไซค์สองพี่ น้อง สลึงเห็นมันเลยยื่นขาออกไปขวาง กิจชัยเลยสะดุดล้มหน้าคะมำ สลึงกับอ่างหัวเราะชอบใจ

“ไอ้สลึง ไอ้อ่าง…หาเรื่องตายเหรอไงวะ”
กิจชัยชักปืนจะเล่น งานแต่โดนอ่างใช้เชิงมวยของนักมวยเก่า ปัดปืนจากมือจนกระเด็นแล้วซัดมันด้วยหมัดเข่า กิจชัยโงนเงนมึนเซไปทางสลึง จึงโดนสลึงเล่นงานด้วยเชิงหมัดนักมวยเก่าด้วยอีกดอก กิจชัยถึงกับปากแตก ดั้งหัก แถมยังโดนทั้งคู่จับหักแขนดัง…กร่อบ!
“โอ๊ย!...แขน...แขนกู”
กิจชัยนอนร้องครวญครางเจ็บปวด ตำรวจตามเข้ามา สลึงกับอ่างทำทีเป็นไม่รู้เรื่องถอยไปยืนห่างๆ ตำรวจเข้ามาถาม
“ฝีมือใครเนี่ย”
อ่างทำไม่รู้ไม่เห็น
“มะ...มะ...ไม่รู้ครับ”
ตำรวจมองสลึงกับอ่างที่ฉีกยิ้มเป็นพลเมืองดีสุดฤทธิ์ ก่อนจะเข้าไปลากตัวกิจชัยพาออกไป อ่างกับสลึงหัน มาตีมือกันอย่างสะใจ


ดวงแขนั่งส่องเพชรอยู่ที่ห้องโถง เล้งเดินเข้ามา
“มานพหายหัวไปไหน”
“ไปหัวหิน...เขาบอกว่าอยากไปพักผ่อน”
ดวงแขตอบลอยๆทำเป็นไม่สนใจ เล้งเลยเข้าไปดึงสร้อยเพชรออกจากมือแล้วบีบแขนกระชากตัวขึ้นมา
“เลี้ยงลูกให้ท้ายมันตลอดแบบนี้ไง มันถึงได้กล้าฉีกหน้าฉันต่อหน้าลูกน้อง”
“อย่ามาว่าแต่ฉันนะคุณ คุณนั่นแหละที่ทำให้ตานพต้องทำแบบนั้น ลูกแค่ต้องการ พิสูจน์ให้คุณเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว แต่คุณกลับยังหวงสมบัติ ทำให้ลูกน้อยใจ”
“ฉันไม่เคยคิดหวงสมบัติ ทุกอย่างที่ฉันสร้างมา มันก็เพื่อสายเลือดของฉันทั้งนั้น”
“งั้นคุณก็ต้องให้ตานพสืบทอดกิจการต่อจากคุณซะที”
“ไม่...ฉันยังยกให้มานพไม่ได้ เขาจะต้องทำให้ฉันเห็นว่าเขาแข่งแกร่ง เหมาะสมที่จะเป็น มังกรวารีที่ยิ่งใหญ่กว่าฉัน ถ้าเขาพร้อม ฉันถึงจะยอม”
เล้งบอกแล้วปล่อยแขนดวงแขก่อนจะเดินออกไป ดวงแขมองตามอย่างสงสัยหันไปถามนนท์
“นนท์...เจ้าสัวจะไปไหน”
“ผมบอกไม่ได้ครับ”
นนท์หน้านิ่งตอบเรียบๆแล้วเดินตามเล้งออกไป ดวงแขบ่น
“บ้า...บ้า...ทั้งเจ้านายลูกน้องเลย”


เรือนแพริมน้ำเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เล้งเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อเล็กๆ ยืน มองสภาพความทรุดโทรมของเรือนแพ
“ไปรอฉันที่รถ เสร็จธุระแล้วฉันจะกลับไปเอง”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์ออกไปทิ้งให้เล้งเข้าไปในเรือนแพ ภายในเรือนแพสภาพข้าวของที่ยังมีเครื่องใช้ไม้สอยอยู่แต่เก่าทรุดโทรมไปตามเวลา มีแจกันเก่าๆเหลือเพียง ดอกไม้แห้งๆ เล้งจึงเอามันออกแล้วนำช่อดอกไม้ที่นำมาเสียบเข้าไปแทน น้ำตาเล้งคลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิด
“พราวแสง...ฉัน...ฉันขอโทษ”
เล้งนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ


คมทวนขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนลูกรัง ระหว่างนั้นสวนกับรถเก๋งหรูคันโตของเล้ง ที่ขับออกมา เพราะถนนที่ แคบทำให้นนท์ต้องบีบแตรเตือนให้ขับหลีกชิดทางจนมอเตอร์ไซค์คมทวนเกือบจะล้ม คมทวนโมโห
“เฮ้ย!...ขับรถภาษาอะไรวะ คิดว่ารวยแล้วจะไล่ใครก็ได้เหรอไง...โธ่เว้ย!”

คมทวนตะโกนด่าไล่หลังอย่างไม่พอใจ จนรถเล้งแล่นออกไปลับตา

คมทวนเข้ามาที่เรือนแพพร้อมกับดอกไม้ที่ตั้งใจจะมาเปลี่ยนให้ แต่เมื่อเข้ามาพบดอกไม้สดที่เล้งใส่แจกัน ทิ้งไว้ คมทวนหยิบดอกไม้นั้นขึ้นมามองอย่างสงสัย

ค่ำคืนหนึ่งในอดีต...คมทวนกำลังซ้อมมวยอยู่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างนั้นมีเสียงโครมครามดังเข้ามา เขาหันไปมองอย่างสงสัย
“นั่นใคร”
คมทวนรีบเดินมาดูที่ต้นเสียง แล้วก็พบหญิงสาวคนหนึ่งนอนหมดแรง ฟุบหน้ากับพื้นจึงเข้าไปช่วยประครอง พลิกตัวขึ้นมาก็ตกใจ
“พราว!...นี่พราวเองเหรอ”
“พี่…พี่คมทวน…ช่วย...ช่วยฉันด้วย”
คมทวนงง
“เกิดอะไรขึ้นกับพราว...”
พราวแสงจับมือคมทวนเลือดที่เปรอะมือเธอทำให้เขาตกใจรีบมองที่ลำตัวซึ่งชุ่มโชกไปด้วยเลือด
“นี่พราวถูกยิงมานี่...ใคร...ใครมันทำกับพราวแบบนี้”
“พี่คม...พี่คมต้องช่วยลูกฉันนะ...อย่าให้เขาเป็นอะไร”
คมทวนอึ้ง
“ลูก...หมายความว่ายังไงกันพราว”
พราวแสงจับมือคมทวนมาแตะที่ท้องของเธอ แล้วร้องไห้เจ็บปวด
“ฉัน...ฉันท้องจ้ะพี่ จะให้ลูกฉันตายไม่ได้เด็ดขาด ต้องช่วยเขาให้รอด...ช่วยลูกฉันด้วย จ้ะพี่คม”
พราวแสงน้ำตานองหน้าก่อนจะแน่นิ่งไป คมทวนตกใจพยายามร้องเรียก
“พราว...พราวแสง!”


วันใหม่...คมทวนรออยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยอย่างร้อนใจสักครู่ หมอก็ออกมาจากห้อง
“อาการพราวเป็นไงบ้างครับหมอ”
“ปลอดภัยแล้วครับโชคดีที่กระสุนไม่โดนเด็กในท้อง แต่หมอคงต้องให้รอดูอาการอยู่ที่นี่ สักพัก ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็ให้กลับบ้านได้”
คมทวนโล่งอก
“ขอบคุณมากครับ”
“ว่าแต่เรื่องที่คนเจ็บถูกยิงมา...หมอคงต้องทำตามระเบียบ”
คมทวนชะงักไปกังวลขึ้นมาทันที

ในห้องพักฟื้น พราวแสงปฏิเสธและขอร้องคมทวน
“ไม่! จะให้ตำรวจรู้เรื่องฉันกับลูกไม่ได้เด็ดขาดนะจ๊ะพี่”
“ทำไมล่ะพราว...ตำรวจเขาจะได้ช่วยจับไอ้คนที่มันทำร้ายพราวไง”
“แต่ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบ...ให้เขาคิดว่าฉันได้จากเขาไปแล้วดีกว่า”
“เขา...พราวพูดถึงใคร”
พราวแสงเงียบไป
“พ่อของเด็กในท้องใช่มั้ย”
พราวแสงน้ำตารื้น
“พี่คมทวนจ๊ะ...ฉันขอโทษที่เอาเรื่องเดือดร้อนมาให้พี่ ทั้งๆที่ฉันเคยทำให้พี่ เสียใจ แต่ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ฉันไม่อยากให้ลูกฉันต้องเกิดมาท่ามกลางอันตราย ไม่อยากเห็นเขาต้องถูกตามล้างตามฆ่าเหมือนอย่าง...พ่อเขา”
“พ่อของเด็กในท้องพราวเป็นใคร...ทำไมมันต้องถูกตามฆ่าด้วย...บอกพี่มาสิพราว”
“ฉัน...ฉันบอกไม่ได้จ้ะพี่...ความจริงมันได้ตายจากฉันไปแล้ว ฉันขอร้องนะ...พี่เป็นคน เดียวที่ฉันไว้ใจว่าจะช่วยลูกฉันได้...” พราวแสงพนมมือแล้วกราบไปที่อกแล้วร้องไห้เสียใจ “ช่วย ลูกฉันด้วยนะจ๊ะพี่...ฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ”
คมทวนนิ่งไปด้วยความสงสารอดีตคนรัก แล้วกอดปลอบใจ
“พี่เคยบอกพราวแล้วใช่มั้ย...ถึงพราวจะไม่รับรักพี่ แต่ชีวิตพี่ก็พร้อมปกป้องพราวเสมอ”
คมทวนกอดพราวแสงเอาไว้อย่างทะนุถนอม

คมทวนมองดอกไม้ในมือแล้วนึกสงสัยบางอย่าง ภาพรถเก๋งคันหรูที่บีบแตรไล่เขาที่ทางเข้ามาเมื่อครู่แว่บเข้ามา
“หรือว่า...นั่นคือพ่อของไอ้หยก”

คมทวนรีบออกมาที่หน้าถนนพยายามมองหารถเก๋งคันนั้นแต่ไม่พบ เขารู้สึกผิดหวังที่คลาดกับ เบาะแสของพ่อที่แท้จริงของหยก

กิจชัยถูกตำรวจคุมตัวพาเข้าห้องขังพร้อมกับลูกน้องกวนๆ ของมัน

“ที่นี่ขังผมได้ก็แค่ไม่กี่วันหรอก คอยดูนะ ถ้าเจ้านายผมรู้เรื่อง...เดือดร้อนทั้งโรงพักแน่” กิจชัยโวยวาย
ร้อยเวรบนโรงพักรำคาญ จึงเข้ามาเอาไม้กระบองตีลูกกรงจนเสียงดัง
“หุบปากแกไปได้แล้ว...เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวหรอก”
กิจชัยยังกวน
“ก็ลองดูสิครับ...ผมพร้อมโชว์ให้สื่อดูอยู่แล้วว่าตำรวจทำอะไรกับผมมั่ง”
ร้อยเวรเจ็บใจเอาไม้พลองชี้หน้าคาดโทษกิจชัย แล้วเดินออกมาที่ผู้การสมิง
“จะให้ผมทำยังไงกับมันต่อครับท่าน”
“หมดหน้าที่คุณแล้ว...ที่เหลือคนของผมจะเข้ามาจัดการต่อเอง”
ร้อยเวรทำความเคารพผู้การสมิงแล้วเดินออกไป กิจชัยมองผู้การสมิงด้วยสีหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิด ว่าเป็นตำรวจยศใหญ่โตธรรมดา

ในห้องสอบสวน ผู้การสมิงเข้ามาหาหยกที่รออยู่ในห้องตามลำพัง
“ฉันจัดการกับไอ้กุ๊ยนั่นให้ตามที่เธอขอมาแล้ว”
“ขอบคุณครับท่าน”
หยกยื่นแฟ้มเอกสารคืนให้
“แผนการทั้งหมดที่ผมต้องทำ ผมอ่านจบหมดแล้ว”
“แล้วเธอคิดว่าทำได้มั้ย”
หยกนิ่งไปครู่
“มันเท่ากับชีวิตของผมทั้งชีวิตเลย”
ผู้การสมิงหยิบเอกสารในแฟ้มออกมา แล้วใช้ไฟแช็คจุดไฟเผาเพื่อทำลายเอกสารทิ้ง มองดูไฟที่ลุกไหม้
“ฉันรู้ว่ามันยากและเสี่ยงตายมาก แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ให้มีคำว่าผิดพลาดอีก ถ้าเธอทำ สำเร็จ นอกจากจะช่วยเหลืองานของเราแล้ว ฉันจะคืนเกียรติยศที่เธออยากได้คืน ทั้งพ่อและวิญญาณแม่ของเธอจะได้ภาคภูมิใจ”
ผู้การสมิงทิ้งกระดาษที่ไหม้ไฟจนเกือบหมดลงถังขยะ แล้วมองหยกอย่าจริงจังเพื่อรอคำตอบ หยกตัดสินใจหนักแน่น
“ผมทำได้ครับท่าน…แต่ก่อนที่ผมจะทิ้งอนาคต ทิ้งคนที่เป็นห่วงผม ไป ผมอยากให้ท่านกรุณาผมอีกเรื่อง”
ผู้การสมิงมองหยกอย่างสงสัย

ในห้องพักฟื้นอาม่านอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง กำลังฝันเห็นบางอย่างที่ทำให้ตื่นตกใจเพ้อ
“อาเหมย...อาเหมยอยู่ไหน”
กิ่งเหมยเปิดประตูเข้ามาเจออาม่ากำลังนอนเพ้อ
“อาม่าคะ...เหมยอยู่นี่ค่ะ”
กิ่งเหมยเข้าไปจับมืออาม่า แต่อาม่ายังไม่รู้ตัวยังเพ้ออย่างน่าตกใจ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“อาม่า...อาม่าคะ...อาม่าเป็นอะไร...อาม่า”
อาม่ายังนอนเพ้อเหงื่อแตกเต็มหน้า กิ่งเหมยเป็นห่วงมากเลยรีบเขย่าตัวจนอาม่ากลับมาได้สติ
“อาเหมย...นี่...นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลค่ะ อาม่าเป็นอะไร เหมยตกใจกลัวแทบแย่”
“เมื่อกี้นี้น่ะเหรอ”
“ค่ะ...อาม่าเอาแต่ร้องเรียกหาเหมย เหมยปลุกเท่าไหร่อาม่าก็ไม่รู้สึกตัวเลย”
อาม่าหันมาหน้าเครียดๆไม่อยากพูดถึงปมในอดีตให้หลานสาวรับรู้เลยโกหก
“ไม่...ไม่มีอะไรหรอก...อาม่าฝันร้าย เห็นเหมยถูกไอ้พวกกุ๊ยมันทำร้าย”
“ไอ้พวกนั้นมันโดนตำรวจลากคอไปหมดแล้วค่ะอาม่า ได้ยินว่าคราวนี้พวกมันคงติดคุก ยาวไม่ได้ออกมาหาเรื่องเราอีกแล้ว”
“ถ้าไอ้พวกเลวๆอย่างไอ้กุ๊ยพวกนั้น มันหายไปจากชีวิตลื้อได้จริงๆ อาม่าก็ดีใจ”
อาม่าดึงกิ่งเหมยมากอดแล้วลูบหัวอย่างเอ็นดู
“อาม่าเหลือเหมยอยู่แค่คนเดียวแล้ว...เพราะฉะนั้นอาม่าจะไม่ยอมให้เหมยอยู่ใกล้พวก คนเลวอีก”

อาม่ากอดหลานสาวหน้าตาจริงจัง คิดแต่จะปกป้องหลานสาวแม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อไม่ให้เหตุการณ์อย่างในอดีต เกิดขึ้นอีก

กิ่งเหมยกับส้มเช้ง ช่วยกันพาอาม่ากลับมาพักที่ห้องพักในศาลเจ้า

“ความจริงอาม่าน่าจะอยู่พักที่โรงพยาบาลอีกสักคืน” กิ่งเหมยบ่น
“สิ้นเปลืองเปล่าๆ กลับมาอยู่บ้านเราน่ะดีแล้ว แล้วไอ้ยาฝรั่งนั่นอาม่าก็ไม่ชอบกิน”
ส้มเช้งขัดขึ้น
“แหมอาม่า...ใครๆเขาก็กินยาฝรั่งแล้วหายทั้งนั้น”
“แต่อั้วไม่หาย”
กิ่งเหมยตัดบท
“ฉันว่าแกอย่าไปเถียงอาม่าเลยส้ม เถียงยังไงก็ไม่ขึ้น งั้นเดี๋ยวเหมยไปต้มยาจีนมาให้ อาม่าแล้วกันนะจ๊ะ”
กิ่งเหมยกับส้มเช้งออกไปด้วยกัน อาม่ามองตามหลานสาวก่อนจะหันไปมองที่ภาพถ่ายของสามีและลูกสาวบน หิ้งบูชาบรรพบุรุษ
“อาเหลา...อาหงส์ อั้วสัญญาว่าอั้วจะปกป้องอาเหมยด้วยชีวิตของอั้ว ความตายของ พวกลื้อจะต้องไม่เสียเปล่า”
อาม่ามองภาพถ่ายแล้วน้ำตาซึมยังเสียใจไม่หายกับอดีตที่ผ่านมา

ในครัว...กิ่งเหมยเอายาจีนพวกสมุนไพรมาต้มให้อาม่า ส้มเช้งทำจมูกย่นหน้ายู่
“กลิ่นยาจีนของอาม่าแกเนี่ย มันฉุนเตะเสยจมูกฉันจริงๆเลย”
“ไม่เห็นจะเหม็นเลย สงสัยฉันจะชินแล้ว”
“ชินเหรอ...ฉันว่าไม่หรอก...จมูกแกเน่าแล้วต่างหาก”
“บ้าเหรอแก”
กิ่งเหมยแกล้งเอายาจีนฉุนๆไปจ่อจมูกส้มเช้งเล่นกัน กิ่งเหมยเหลือบไปเห็นหยกยืนหลบอยู่ตรงประตู
“หยก!”
ส้มเช้งแปลกใจ
“ไอ้หยกเหรอแก”
“ใช่...เมื่อกี้ฉันเห็นอยู่ตรงนั้น”
กิ่งเหมยรีบเดินไปดูที่ประตูแต่ไม่เห็นแล้ว ส้มเช้งส่ายหน้า
“ไอ้หยกมันยังอยู่บนโรงพัก แล้วจะมาโผล่อยู่นี่ได้ยังไง”
“แต่เมื่อกี้นี้ฉันเห็นจริงๆ”
“ฉันว่าแกเป็นห่วงมันจนตาฝาดไปแล้วล่ะ”
กิ่งเหมยนิ่งไป ครุ่นคิดว่าเมื่อกี้นี้เห็นหยกมายืนอยู่จริงๆ
“ฉันฝากทางนี้ด้วยนะ…เดี๋ยวฉันมา”
ส้มเช้งหน้าเหวอ
“อ้าว…กิ่งเหมย…เดี๋ยวสิแก”
กิ่งเหมยรีบออกไป ส้มเช้งมองตามเพื่อนอย่างแปลกใจก่อนจะหันมาเอามือบีบจมูกเหม็นกลิ่นฉุนของยาจีน


กิ่งเหมยรีบเข้ามาที่ดาดฟ้า ต้นไม้ที่หยกปลูกไว้เรียงรายเต็ม มีแสงอาทิตย์ยามเย็นรำไรสวยงาม
“หยก...หยก...หยก”
กิ่งเหมยเดินมองหาหยก และเรียกไปด้วยแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมา เธอถอนใจยาวอย่างผิดหวังและคิดว่า คงตาฝาดไป แต่เมื่อจะเดินกลับหยกกลับเดินเข้ามา
“จะรีบไปไหนล่ะเหมย”
“หยก!...นั่นเธอ...เธอจริงๆด้วย ตำรวจเขาปล่อยเธอออกมาแล้วเหรอ”
“ฉันว่าเธออย่าถามฉันเลยนะ...ฉันมีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“ทำไม่ล่ะหยก...หมายความว่ายังไง...หรือว่าเธอหนีมา”
“เฮ้อ...ถ้ารู้ว่ามาให้เธอเห็นหน้าแล้วทำให้เธอจิตตกขนาดนี้...ฉันว่าฉันไปดีกว่า”
หยกทำท่าจะออกไปจริงๆ กิ่งเหมยรีบเข้าไปดึงแขน
“นี่ตาบ้า...มาหาว่าฉันจิตตกเนี่ยนะ เธอต้องหมดอนาคตเพราะฉัน รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉัน เสียใจมากแค่ไหน”
“ฉันไม่ได้หมดอนาคตเพราะเธอหรอกนะเหมย...ฉันต่างหากที่ทำตัวเอง”
“แต่ว่า...”
กิ่งเหมยจะพูดต่อ แต่หยกรีบเอานิ้วแตะปากไม่ให้พูด
“ชู่ว์...ฉันขอร้องล่ะเหมย เวลาของฉันมีไม่มากจริงๆ...ฉันอยากใช้ทุกนาที่ที่มีอยู่กับเธอ ตอนนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะฉันยังติดค้างสัญญาเธออยู่”

หยกลดมือลงแล้วสบตาจริงจังกับกิ่งเหมยจนเธอนิ่งงัน

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 2 (ต่อ)

ค่ำนั้น...หยกพากิ่งเหมยเข้ามามองดู กระดานวาดรูปพร้อมอุปกรณ์ดรออิ้ง

“หยก...นี่เธอ...” กิ่งเหมยอึ้งๆ
“ใช่...ฉันจำได้ว่าเธอเคยอยากให้ฉันเป็นแบบวาดรูปให้ เธอคงไม่ได้ลืมเองใช่มั้ย”
“ฉันจะลืมได้ยังไงล่ะ แต่ให้ฉันวาดรูปเธอตอนนี้เนี่ยนะ”
“แต่ถ้าเธอไม่รีบวาดรูปฉันซะตั้งแต่ตอนนี้ เธออาจจะไม่ได้วาดอีกเลยนะ”
หยกบอกแล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์ดรออิ้ง มาใส่มือกิ่งเหมย
“ถ้าเธอวาดฉันออกมาไม่หล่อล่ะก็...ฉันเลิกคบเธอแน่”
หยกยิ้มให้แล้วเดินไปที่เก้าอี้กลางห้อง จัดแจงถอดเสื้อออก กิ่งเหมยเห็นแล้วตกใจ
“เดี๋ยว...แล้วเธอจะถอดเสื้อผ้าทำไม”
“อ้าว...ก็เป็นแบบวาดรูปมันต้องถอดหมดเลยไม่ใช่เหรอ”
กิ่งเหมยตกใจ
“จะบ้าเหรอไง...ฉันไม่ได้อยากวาดรูปเปลือยเธอนะ”
“อ้าว...นึกว่าอยาก เหลือแค่กางเกงตัวเดียวแล้วเนี่ย”
หยกทำท่าจะปลดกางเกง กิ่งเหมยรีบเอามือปิดตาหันหลังร้องโวย
“ไอ้บ้า...ไอ้ลามก...รีบใส่เสื้อใส่กางเกงเลย...เร็วเข้า”
หยกแอบยิ้มขำสุขใจที่ได้หยอกเย้ากิ่งเหมย


กิ่งเหมยเริ่มร่างดินสอเป็นภาพดรออิ้งใบหน้าของชายหนุ่ม จากเค้าโครงหน้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง หยกนั่งยุกยิกไม่นิ่งขยับไปมาเรื่อย กิ่งเหมยดุ
“นี่...อยู่เฉยๆไม่เป็นเหรอไง จุกจิกยุกยิกเป็นลิงเป็นค่างอยู่ได้”
“ให้นั่งเป็นตอไม้แข็งๆเนี่ยนะ...ทรมานชัดๆ”
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้...ถ้าใจเย็นหน่อยก็คงไม่เดือดร้อน”
“เธอก็รู้ว่าฉันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร สำหรับคนบางพวกถ้าไม่ตาต่อตาฟันต่อฟัน มันก็คงไม่สำนึก”
“แต่มันก็ต้องแลกกลับมา ด้วยการที่พวกเราทุกคนต้องเสียเธอไป”
กิ่งเหมยหยุดดรออิ้งต่อแล้วมองอย่างเสียใจน้ำตาคลอ หมดกำลังใจจะวาดต่อ หยกถอนใจลุกเข้ามานั่ง คุกเข่าตรงหน้าหญิงสาวแตะมืออย่างห่วงใย
“ฉันไม่ได้เสี่ยงมาหาเธอ เพราะต้องการเห็นน้ำตาเธอนะกิ่งเหมย”
“ใครว่าฉันจะร้องไห้”
กิ่งเหมยน้ำตาจะไหล แต่พยายามกลั้นไว้สุดฤทธิ์
“เก่งมากกิ่งเหมย อย่าให้ใครเห็นน้ำตาเธอ ฉันจะได้สบายใจว่าต่อไปนี้เธอจะเข้มแข็ง พอที่จะช่วยดูแลพ่อฉัน”
“หยก...หมายความว่า...”
“เอาล่ะ...รีบวาดให้เสร็จเถอะ...ฉันอยากเห็นรูปฉันจะแย่แล้ว”
หยกเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำตัวแข็งๆเป็นแบบให้วาดต่อ กิ่งเหมยใจเสียแต่ก็ตัดสินใจมุ่งมั่นดรออิ้งต่อ

ทั้งสองส่งสายตามองกันแฝงด้วยความห่วงหาอาทร

ดุจแพรมางานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่ง เธอเอาเค้กวันเกิดมาให้เพื่อนเป่า

“แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะแก”
เพื่อนดุจแพรเป่าเค้กเสร็จทุกคนโห่ฮิ้วสนุกสนาน ชายหนุ่มดูดีคนหนึ่งถือแก้วไวน์เข้ามาชวนดุจแพรดื่ม
“สักหน่อยมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ...ฉันไม่ดื่ม”
“นิดเดียวนะครับ...วันนี้ทุกคนมาสนุกกัน”
“ไม่ค่ะ”
ดุจแพรพยายามปฏิเสธแต่ชายหนุ่มพยายามตื้อ ระหว่างนั้นเก่งเข้ามากระชากคอเสื้อแล้วผลักชายหนุ่มเซล้ม แก้วไวน์แตกกระจาย ทุกคนในงานปาร์ตี้ตกใจ
“เวลาคุณหนูบอกว่าไม่ก็คือ...ไม่ ! อย่าเซ้าซี้”
เก่งปั้นหน้าโหดจะเอาเรื่อง ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจะเอาเรื่องแต่พอเจอเก่งเปิดชายเสื้อสูทออกให้เห็นปืนก็อึ้งหน้าเสีย ทุกคนในงานเห็นเก่งมีปืนและท่าทางเอาเรื่องก็พากันออกอาการกลัว ส่วนดุจแพรหันมามองเก่งอย่างไม่พอใจ แล้วรีบเดินออกไปทันที
เก่งรีบตามดุจแพรออกมาหน้าผับ
“คุณหนูครับ...คุณหนู”
ดุจแพรหันมาตวาดทันที
“หยุด..ไม่ต้องมาตามฉัน”
“แต่เสี่ยสั่งให้ผมมาดูแลคุณหนู”
“ดูแลฉัน...กับไอ้แค่ฉันมางานวันเกิดเพื่อนเนี่ยนะ ป๋าถึงกับต้องส่งลูกน้องพกปืนมาทำ ร้ายเพื่อนฉัน”
“เสี่ยเป็นห่วงคุณหนู เพราะที่นี่ไม่เหมาะที่คุณหนูจะมา”
“ที่นี่มันก็แค่ผับธรรมดา มันจะมีอะไรต้องน่าเป็นห่วง”
ไม่ทันขาดคำระหว่างนั้นรถตำรวจเข้ามาจอดที่หน้าร้าน ธงรบพร้อมกำลังตำรวจเตรียมเข้ามาไปตรวจค้นผับ
“ปิดล้อมทางออกให้หมด ถ้าใครยังไม่ผ่านการตรวจค้นห้ามออกไปจากที่นี่เด็ดขาด”
ตำรวจหลายนายพากันกรูเข้าไปในผับ ดุจแพรเห็นแล้วตกใจ
“ผมเตือนแล้วไงครับคุณหนู...รีบไปจากที่นี่เถอะครับ”
เก่งเข้าไปจับแขนดุจแพรพาออกไปทันที ธงรบหันมาเห็นมีคนออกไปจากที่นี่สองคนเลยรีบตาม


เก่งพาดุจแพรมาที่รถแต่โดนดุจแพรพยศใส่
“ปล่อยฉันได้แล้ว...ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ทำไมฉันต้องหนีด้วย”
“ตำรวจพวกนั้นมาตรวจค้นยาเสพติด ถ้าผมยอมให้คุณหนูเสียเวลาอยู่ที่นั่น ผมโดนเสี่ย เล่นงานแน่...กลับเถอะครับ”
“ไม่...ฉันจะไปรถฉันเอง”
ดุจแพรไม่สนใจ รีบเดินออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเจอธงรบตามเข้ามาขวางทาง
“ไม่มีใครไปจากที่นี่ได้ จนกว่าเราจะตรวจค้นเสร็จ”
“ฉันไม่ใช่พวกเสพยา แล้วก็ไม่ได้ค้ายาด้วย อย่ามาเสียเวลากับฉันเลยค่ะ”
ดุจแพรไม่สนใจธงรบจะเดินไปเลยโดนเขาเข้าไปจับแขนดึงเอาไว้
“คุณจะอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ยังไงก็ได้นะครับคุณผู้หญิง แต่ผมจะเชื่อรึเปล่า...ต้องรอให้ ผมพิสูจน์ก่อน”
ดุจแพรอึ้ง
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
ธงรบบีบแขนไม่ยอมปล่อย เก่งเลยชักปืนออกมาขู่
“ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้!”
“ว่าแล้วเชียวว่าพวกเธอต้องไม่ธรรมดา”
ธงรบไม่สนใจปืนในมือเก่งจับดุจแพรบิดข้อมือแล้วใส่กุญแจมือทันที ดุจแพรเจ็บจนน้ำตาเล็ด
“โอ๊ย...ฉันเจ็บนะ”
“ฉันบอกให้ปล่อยคุณหนู...ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“ทำไม...แกจะยิงฉันเหรอ”
ธงรบมองหน้าเก่งอย่างเอาเรื่อง เก่งนิ้วแตะไกปืนแต่ยังไม่ทันทำอะไรตำรวจอีกสองนายก็ตามเข้ามาเอาปืนจ่อหลัง ธงรบตวาด
“ทีนี้ก็วางปืนแกได้แล้ว...วาง!”
เก่งยอมวางปืนแล้วชูมือให้ลูกน้องธงรบจับใส่กุญแจมือ ส่วนธงรบจับแขนดุจแพรมามองหน้า
“ทีนี้ก็มาพิสูจน์กันว่าเธอจะบริสุทธิ์จริงอย่างที่คุยไว้รึเปล่า”
ดุจแพรอึ้ง

“ไอ้บ้า!”

หยกเดินเข้ามาดูภาพวาดดรออิ้งรูปตัวเองที่กิ่งเหมยวาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นภาพดรออิ้งที่ดูสวยงาม ใบหน้าของหยกคมเข้มแววตาแฝงด้วยความอบอุ่น

กิ่งเหมยนอนหลับคาก้าอี้มือยังกำถ่านแท่งที่ใช้ดรออิ้งจนมือเปรอะ หยกเอาถ่านแท่งออกจากมือแล้วช่วยเช็ดมือ ทำความสะอาดให้อย่างนุ่มนวลก่อนจะเอาเสื้อแจ็คเก็ตช่วยคลุมให้
“ฉันขอโทษนะกิ่งเหมย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว แต่ฉันสัญญาว่าถึงแม้เธอจะ เกลียดฉันแค่ไหน ฉันก็จะคอยเป็นเงาที่ปกป้องคุมครองเธอ”
หยกปัดไรผมที่ปรกหน้าให้หญิงสาวแล้วมองเธออีกครั้งอย่างสั่งลาก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เธอหลับอยู่หน้าภาพดรออิ้งรูปของเขา

สลึงกับอ่างกำลังนั่งเชียร์บอลพรีเมียร์ลีกอย่างเมามันส์ พร้อมกินกล้วยแขกไปด้วย แต่อ่างโดนสลึงแย่งกินหมด
“ไอ้...ไอ้...ไอ้สลึง...เอ็ง...เอ็งกินกล้วย...กล้วยแขกข้าหมดเลย”
“ก็มันอร่อยนี่หว่า”
“แต่...แต่ข้า...ยังไม่อิ่ม”
“กล้วยแขกหมด...แต่ข้ามีกล้วยอย่างอื่นเอามั้ยไอ้อ่าง”
“ไอ้...ไอ้กวน...ตะ...ตะ...ตีน”
อ่างกระชากคอสลึงมาชกเปรี้ยง สลึงไม่ยอมรีบลุกขึ้นมาพุ่งเข้าใส่เอาหัวชนแล้วนัวเนียแลกหมัดซัดกันไปมา ข้าวของล้มแตกกระจาย สักพักทั้งคู่ก็หยุดตีกันเองเพราะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาจากหน้าร้าน สลึงงงๆ
“ใครมาวะ”
สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วรีบลุกไปดูหน้าอู่แต่ไม่เจอใคร เจอแต่ถุงกล้วยแขกที่เอามาแขวนไว้ที่แฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดรอซ่อม อ่างหยิบถุงกล้วยแขก
“กล้วย...กล้วยแขกว่ะ”
สลึงงงๆ
“ของใครวะ”
“ไม่...ไม่รู้...แต่อะ...อะอร่อยชิบเป๋ง”
อ่างเอากล้วยแขกมากินอย่างอร่อย สลึงรีบแย่งกินผลักกันไปผลักกันมาตีกันเองตามนิสัย หยกนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ในมุมห่างออกมามองน้าทั้งสองคนผู้มีพระคุณเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยกยิ้มให้ทั้งคู่แล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไป

ขวดเบียร์กลิ้งไปตามพื้นที่ใต้ถุนเรือน คมทวนเมากึ่ม นั่งมองภาพถ่ายเก่าๆของพราวแสงตอนที่อุ้มหยกที่ อายุได้ไม่กี่เดือน
“พราว...พี่ขอโทษ พี่เลี้ยงลูกให้พราวได้ไม่ดี พี่ดูแลไอ้หยกไม่ได้ พี่ทำให้ความหวังของ พราวต้องพังทลาย พี่ขอโทษ”
คมทวนนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด หยกยืนแอบหลบอยู่ไม่ไกลจากใต้ถุนเรือนได้แต่เฝ้ามองพ่อ ด้วยสายตาเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ากัน ชายหนุ่มอยากจะเข้าไปหาพ่อ แต่คมทวนได้ยินเสียงซะก่อน
“ใคร...นั่นใครวะ”
หยกครุ่นคิดตัดสินใจ คมทวนลุกเดินมาดูตรงที่หยกยืนอยู่แต่ไม่เห็นใครเลยกลับไปกระดกขวดเบียร์แล้ว ล้มตัวลงนอนแผ่หลาหมดสภาพอย่างน่าเวทนา หยกเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบยืนมองพ่อที่หลับหมดสติไปเพราะฤทธิ์เบียร์ ในมือพ่อยังกำภาพถ่ายของแม่เอาไว้ หยกน้ำตาซึมเสียใจก่อนจะคุกเข่าพนมมือ
“ยกโทษให้ฉันด้วยนะพ่อ จากนี้ไปฉันอาจจะทำให้พ่อต้องเสียใจ พ่อคงต้องเกลียดฉัน แต่เมื่อถึงเวลา...ฉันจะกราบขอขมาพ่อด้วยความภาคภูมิใจที่พ่อกับแม่เฝ้ารอ”

หยกกราบลงไปที่พื้นแล้วลุกขึ้นมาน้ำตาเอ่อ เขาปล่อยให้น้ำตาไหลแล้วลุกเดินจากไปท่ามกลางความมืดมิด

พวกนักเที่ยวที่ถูกจับตรวจฉี่พบสารเสพติดและพวกค้ายาเสพติดรายย่อยถูกคุมตัวพาออกมาหน้าผับ ตงมาถึงหน้าผับพร้อมกับลูกน้องท่าทางตงไม่พอใจหน้าตาเอาเรื่องมากพอเจอตำรวจก็ตะคอกถาม

“ลูกสาวผมอยู่ไหน...พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาคุมตัว”
“ใจเย็นครับคุณ พวกเราทำตามหน้าที่”
“จะให้ผมใจเย็นเหรอ...ไปถามเจ้านายพวกคุณดีกว่า ว่าผมควรจะต้องใจเย็นมั้ย”
ระหว่างนั้นธงรบคุมตัวเก่งออกมา
“ผมคุยกับนายแล้ว...ผมต้องทำทุกอย่างตามหน้าที่ ลูกน้องเสี่ยพกอาวุธในที่สาธารณะ ส่วนลูกสาวเสี่ยพยายามขัดขืนการตรวจค้น ผมต้องจัดการตามระเบียบ”
เก่งจ๋อยๆ
“ผมขอโทษด้วยครับเสี่ย”
“ไม่เป็นไร อย่างมากก็เสียค่าปรับ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ธงรบผลักเก่งให้จ่าจัดการพาตัวออกไป เสี่ยตงจิกหน้ามองธงรบอย่างไม่ชอบขี้หน้า
“นี่น่ะเหรอหมวดธงรบ...ชื่อนี้ผมจะจำให้แม่นเลย...ปล่อยตัวลูกสาวผมได้แล้ว”
ธงรบกับตงมองหน้ากัน


ดุจแพรรออยู่กับตำรวจหญิงคนหนึ่งในห้องวีไอพี สักพักธงรบพาตงเข้ามา
“ป๋า” ดุจแพรดีใจ
ตงดึงลูกสาวมากอดปลอบใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะดุจ”
ตงลูบหัวลูบหลังลูกสาวแล้วสำรวจลูกเป็นการใหญ่
“แล้วมันทำอะไรลูกบ้าง...ถ้าเจ็บตรงไหนก็บอกป๋ามาเลย ป๋าจะเล่นงานมันให้”
ดุจแพรนิ่งไปแล้วหันไปมองหน้าธงรบที่ยืนทำหน้าเรียบเฉย
“ดุจโดนจับใส่กุญแจมือ แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก คงไม่อยากเอาเรื่องเพราะเห็นว่าเขา ต้องทำตามหน้าที่”
ธงรบยิ้มให้แบบหน้ากวนๆแล้วก้มหัวให้ทีหนึ่ง
“ขอบคุณมากครับผู้หญิง”
“แต่ถ้าเขาเป็นสุภาพบุรุษ...เขาก็ควรจะขอโทษดุจ”
ธงรบนิ่งไป ตงหันไปมอง
“ว่าไงล่ะหมวด...คุณทำกับลูกสาวผมเกินกว่าเหตุนะ”
ธงรบยังนิ่งดูเหมือนจะไม่สนใจ เพราะหน้าตากวนๆของเขาเลยทำให้ตงไม่พอใจเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“หมวด...ผมเอาเรื่องคุณถึงขั้นโดนย้ายได้นะ”
“ผมขอโทษลูกสาวเสี่ยได้ไม่มีปัญหาเพราะผมไม่สุภาพกับเธอจริงๆ แต่ไอ้การที่เสี่ยมา กระชากคอเสื้อผมพร้อมกับอวดเบ่งแบบนี้...มันทำให้ผมเปลี่ยนใจ ไว้ผมจะหาโอกาส ขอโทษลูกสาวเสี่ยตามลำพังก็แล้วกัน”
ตงฉุนกึก
“แก!”
ดุจแพรตัดบท
“พอเถอะค่ะป๋า…ดุจอยากกลับแล้ว…ตอนนี้ดุจรู้แล้วว่าทำไมผู้ร้ายถึงได้เกลื่อนถนน ไปหมด ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่แบบนี้ไง”
ดุจแพรสะบัดหน้าใส่ธงรบแล้วเดินออกไป ตงผลักธงรบแล้วชี้หน้าคาดโทษ
“แกไม่มีวันได้ดีไปกว่านี้แน่...คอยดู”
ตงตามลูกสาวออกไป ธงรบขยับคอเสื้อแล้วมองตามก่อนจะยิ้มแบบสนใจในตัวดุจแพร

“ลูกสาวเจ้าพ่อ...น่ารักซะไม่มี”

โปรดติดตาม "หยกเลือดมังกร" ตอนที่ 2 (ต่อ)

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 2 (ต่อ)

ดุจแพรเดินหัวเสียมาที่รถตัวเองที่จอดอยู่ในลานจอด ตงพยายามเดินตาม

“ดุจ…หยุดคุยกับป๋าก่อนสิ…ดุจ”
ดุจแพรชะงักงอนๆโกรธๆ
“นี่ป๋ามาช่วยดุจนะ แล้วทำไมดุจถึงต้องมาเหวี่ยงใส่ป๋าด้วย”
“จะไม่ให้ดุจโกรธป๋าได้ยังไงคะ ป๋าให้ลูกน้องพกปืนคอยเดินตาม ทำอย่างกับดุจเป็นลูก สาวพวกเจ้าพ่อมาเฟีย”
“ป๋าต้องทำแบบนั้นเพราะเป็นห่วงดุจนะ”
“ห่วงอะไรกันคะ เราทำอาชีพสุจริตไม่ได้ไปปล้นฆ่าใครเขา ถึงต้องคอยพกปืนป้องกันตัว”
ตงถอนใจยาว
“ทำไมคะป๋า…หรือว่า…ดุจคิดผิด”
“ไปกันใหญ่แล้วดุจ อย่างป๋าเนี่ยนะจะไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้ธุรกิจผิดกฎหมาย ป๋าไม่มีวันไป ยุ่งกับไอ้เรื่องพวกนั้นเด็ดขาด ดุจก็รู้”
“งั้นป๋าอธิบายมาสิคะ...ดุจจะได้เลิกสงสัยซะทีว่ามีพ่อเป็นมาเฟียอย่างที่เขาพูดกันรึเปล่า”
“ใครมันมาพูดอย่างนั้นให้ดุจฟัง”
“ป๋าไม่ต้องถามหรอกค่ะว่าดุจฟังมาจากใคร ดุจได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ดุจ จะกลับมาที่นี่อีก จนวันนี้แหละถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ผิดไปจากที่เขาพูดกันเลย”
ดุจแพรเสียใจและโกรธพ่อจนไม่อยากคุยอีกรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งปิดประตูล็อค
“ดุจ…ฟังป๋าก่อน…ดุจ…ดุจ”
ดุจแพรไม่สนใจสตาร์ทเครื่องเข้าเกียร์แล้วขับออกไป ตงได้แต่มองตามรถลูกสาวสบถอย่างหัวเสีย
“โธ่เว้ย!”


หยกคุยโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะริมถนน บอผู้การสมิง
“ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จหมดแล้วครับ...ไม่ต้องส่งคนมารับผมหรอก ผมจะไปพบ ท่านเอง”
หยกตอบห้วนๆแล้ววางสาย ก่อนจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อค บิดคันเร่งพุ่งทะยานไป


รถเก๋งของดุจแพรวิ่งฉิวมาตามถนน หญิงสาวขับไปก็ร้องไห้ไปด้วยความเสียใจ...หยกบิดมอเตอร์ไซค์มาจากถนนอีกเส้น ใบหน้าของเขามุ่งมั่น รถสองคนกำลังพุ่งมาเจอกันที่สามแยก ขณะเดียวกันนั้น มือถือของเธอมีสายเรียกเข้าจากพ่อ ดุจแพรละสายตาจากถนนมามองที่โทรศัพท์ แต่ไม่ยอมรับสายและกดปิดเครื่อง เมื่อเงยหน้ามาที่ถนนอีกทีก็ไม่ทันแล้วเพราะเจอมอเตอร์ไซค์ของหยกโผล่มาตัดหน้า ดุจแพรร้องลั่น หักพวงมาลัยหลบเท้าเหยียบเบรคสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่ทัน รถเก๋งของเธอเฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซค์ของหยก จนล้มกลิ้งไปตามพื้นถนน


กิ่งเหมยรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เรียกหาหยกทันที
“หยก!”
กิ่งเหมยพยายามตามหารอบๆห้อง ทั้งบริเวณที่ปลูกต้นไม้ด้วยแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
“หยก...หยก”
กิ่งเหมยรู้สึกผิดหวัง ได้แต่กลับมานั่งมองภาพวาดดรออิ้งที่วาดเสร็จแล้วอย่างใจเสีย


รถดุจแพรชนต้นไม้ควันขโมง ดุจแพรสลึมสะลือติดอยู่ที่เบาะหน้ารถใบหน้าแนบอยู่กับแอร์แบคที่ทำงานช่วยไว้ แต่ศีรษะเธอก็มีเลือดไหล เพราะแผลจากสะเก็ดกระจก หยกซึ่งนอนฟุบอยู่ที่พื้นค่อยๆยันตัวลุกขึ้น โชคดีที่มีหมวกกันน็อคเลยเซฟหัวไว้ได้ หยกบาดเจ็บไม่มากแค่มี แผลถลอกที่ท่อนแขน ดุจแพรรู้สึกตัวพยายามจะออกจากรถแต่ติดที่เข็มขัดนิรภัยซึ่งแกะไม่ออก ในขณะที่ถังน้ำมันเกิดรั่วและหยดลง บนพื้นจนเจิ่งนอง หยกเห็นประกายไฟจากหน้ารถถ้าปล่อยไว้รถต้องระเบิด เขารีบวิ่งเข้าไปพยายามช่วยดุจแพรทันที

หยกต้องตัดสินใจใช้มีดพกในกระเป๋ามาตัดสายเข็ดขัดนิรภัยจนขาด ก่อนจะประครองพาดุจแพรออกมาจากรถได้ทันก่อนที่รถระเบิดตูมใหญ่….บึ้มม!!

ผู้การสมิงกับหมวดณรงค์มารอหยกที่จุดนัดพบ แต่เลยเวลาไปมากแล้วจนณรงค์ผิดสังเกต

“ป่านนี้มันยังไม่มาอีก...จะไว้ใจไอ้เด็กหนุ่มนั่นได้เหรอครับท่าน”
“รอต่อไปอีกหน่อยแล้วกันหมวด”
“ความจริงท่านน่าจะให้ผมตามไปประกบ เพราะถ้ามันผิดสัญญาผมจะได้ลากคอมัน กลับมาเข้าคุก”
“แต่ผมไว้ใจเขานะหมวด เพราะผมเห็นแววตาของคนที่มีคุณธรรมของเขา ยุคนี้สมัยนี้ เราจะหาใครที่มีความกล้าและบ้าบิ่นพอที่จะเสี่ยงเอาชีวิตตัวเอง เข้าไปเป็นสายอยู่ใน แก๊งของพวกมาเฟียได้”
ผู้การสมิงพูดไปด้วยความมั่นใจ

ไฟจากรถเก๋งของดุจแพรยังลุกไหม้ไม่ ดุจแพรปลอดภัยจากแรงระเบิดเพราะหยกช่วยพาออกมาได้อย่างหวุดหวิด ดุจแพรรู้สึกตัวก่อนเห็นผู้ที่ช่วยชีวิตเธอไว้อยู่ในอาการบาดเจ็บ
“คุณ...คุณ…เป็นอะไรมากรึเปล่า”
หยกพยายามลุกขึ้นและเจ็บแขนข้างที่ไปกระแทกพื้นเมื่อครู่
“แขน…แขนผม”
“แขนคุณเป็นอะไร”
ดุจแพรแตะแขน หยกถึงกับร้องเจ็บ ดุจแพรตกใจ
“ฉันขอโทษ…ฉันไม่ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บ”
“เธอ…เธอมีโทรศัพท์รึเปล่า”
ดุจแพรนึกขึ้นได้
“ฉันมีอีกเครื่องอยู่กับตัว”
ดุจแพรรีบล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วรีบกดเบอร์
“ทนเจ็บหน่อยนะคุณ ฉันจะตามรถพยาบาลให้”
หยกแย่งมือถือมาทันที
“ไม่ต้อง ผมไม่เป็นอะไร โทรตามคนที่ช่วยพาคุณกลับบ้านมาก็พอ”
“แต่ว่า...”
หยกยื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วใช้สายตาบังคับให้เธอทำตามที่สั่ง จนดุจแพรรับโทรศัพท์คืนไป หยกจึงเดินทนเจ็บไป ยกมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา จัดการสวมหมวกกันน็อคทั้งๆที่มืออีกข้างยังเจ็บ ดุจแพรมองอย่างเป็นห่วง
“เดี๋ยวสิคุณ…คุณจะไปทั้งๆแบบนี้ได้ยังไง...คุณ”
หยกไม่สนใจสตาร์ทเครื่องบิดคันเร่ง
“คุณไปไม่ได้นะ…ฉันทำให้คุณเจ็บ…ฉันต้องช่วยคุณก่อน”
หยกหันกลับมามองดุจแพรอีกครั้งก่อนจะเอามือบิดหน้ากากหมวกกันน็อคแล้วบิดคันเร่งพุ่งทะยานออกไป


ผู้การสมิงมองนาฬิกาข้อมือแล้วหน้าเคร่งเครียด ณรงค์ชักหงุดหงิด
“มันคงจะเบี้ยวเราแล้วล่ะครับท่าน”
ผู้การผู้การสมิงถอนใจระหว่างนั้นเองเสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามา หยกขี่มาจอดใกล้ๆรถผู้การสมิง
“นั่นไง...ผมบอกแล้วว่าเราไว้ใจเขาได้”
หยกถอดหมวกกันน็อคแล้วเดินเซเข้ามา ผู้การสมิงกับณรงค์แปลกใจรีบเข้าไปช่วยประครอง
“หยก…เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกครับท่าน…อุบัติเหตุนิดหน่อย”
“แต่ท่าทางเธอจะเจ็บเอาเรื่องอยู่นะ…แบบนี้จะไหวเหรอ”
“ผมรับปากท่านแล้ว…ก็ต้องทำให้ได้ ผมไหวครับ”
ผู้การสมิงนิ่งมองหยกแล้วหันไปมองหน้าณรงค์อีกครั้ง
“แผนการของท่านวางเอาไว้หมดแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องตัดสินใจตอนนี้อย่าง เดียวแล้วครับ”
ผู้การสมิงมองหยกแล้วตัดสินใจ
“ฉันไว้ใจเธอนะหยก”


วันใหม่...รถผู้การสมิงมาจอดที่หน้าทางเข้าเรือนจำ หยกนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับณรงค์ แขนของหยกได้รับการพัน ผ้าพันแผลเอาไว้จากการรักษาแผลบาดเจ็บเมื่อคืน
“หมวดณรงค์จะจัดการให้เธอเข้าไปอยู่ในนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เธอถึงจะได้ ออกมา”
หยกมองไปที่เรือนจำอย่างตัดสินใจ
“ครับท่าน”
หยกเปิดประตูรถลงไปพร้อมกับณรงค์และให้เขาจับใส่กุญแจมือเหมือนผู้ต้องหาทั่วไป”
“ท่านผู้การคงไม่ได้เล่าให้นายฟังว่าสายคนเก่าที่ถูกฆ่าตายเป็นลูกน้องที่ท่านรักมาก เพราะฉะนั้นนี่คือการเดิมพันสุดท้ายของท่าน…หวังว่านายจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
หยกนิ่งไปแล้วหันไปมองผู้การสมิงที่ยังนั่งอยู่ในรถ หยกตัดสินใจเดินมุ่งหน้าสู่เรือนจำพร้อมกับณรงค์...ผู้การสมิงมองหยกที่กำลังเดินเข้าไปแล้วตัดสินใจลงจากรถ
“เดี๋ยว!”
หยกหยุดที่หน้าทางเข้าเรือนจำหันกลับมา ผู้การสมิงถอดแว่นดำแล้วยกมือทำวันทยหัตถ์ให้เกียรติ

หยกทำวันทยาหัตถ์ตอบกลับไปแล้วมุ่งมั่นเดินเข้าสู่เรือนจำ พร้อมเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตตัวเองเพื่อความภาคภูมิใจให้พ่อและวิญญาณของแม่

บริเวณสระว่ายน้ำโรงแรมหรู มานพว่ายน้ำอยู่ในสระเพื่ออกกำลังกาย เขาว่ายจนพร้อมขึ้นจากสระ นางแบบสาวสวยที่เขาควงอยู่เอาผ้าขนหนูมาให้

“ขอบใจ”
มานพยิ้มให้นางแบบสาวด้วยสายตาเจ้าชู้ก่อนจะดึงเจ้าหล่อนมากอดรัดฟัดจูบนัวเนีย แต่ระหว่างนั้นชาญเข้ามา พร้อมกับคอมพิวเตอร์แทบเล็ต
“ขอโทษด้วยครับคุณมานพ”
มานพชะงัก
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ย อย่ามากวนเวลาพักผ่อนของฉัน”
“ทราบครับ…แต่นี่เป็นเรื่องด่วนจริงๆ ผมเลยต้องรีบมาบอก”
ชาญพูดไปก็ยื่นแทบเล็ตให้ มานพรับแทบเล็ตมาดูอย่างสงสัย พอแตะเลื่อนดูที่หน้าจอก็ยิ่งอึ้ง
“เป็นไปไม่ได้…ราคาหุ้นมันต้องขึ้นสิวะ ทำไมมันถึงได้ดิ่งเหวเตี้ยติดดินแบบนี้”
“ผมไม่ทราบครับ…พอเปิดตลาดมาราคามันก็เป็นแบบนี้แล้ว”
“โธ่เว้ย!”
มานพเจ็บใจหัวเสียเขวี้ยงแทบเล็ตทิ้งลงพื้นจนแตกกระจาย แล้วดึงคอเสื้อชาญมาสั่ง
“อย่าให้พ่อฉันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ส่วนไอ้คนที่มันทำให้ฉันต้องหมดเงินไปหลายล้าน มันได้ ชดใช้ฉันแน่”
มานพสั่งการสีหน้าเอาเรื่องสุดๆ

ค่ำนั้น มานพเดินหน้าตึงเข้ามาในผับถอดแว่นดำออกจิกหน้ามองหาใครบางคน...ที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่ม โบรกเกอร์หนุ่มค้าหุ้นวัยประมาณ 30 กำลังชนแก้วกับแฟนสาว แต่ไม่ทันจะดื่มก็โดนชาญ เข้ามากระชากคอเสื้อ มานพยิ้มเหี้ยม
“เอาเงินฉันไปถลุงเล่น แล้วมานั่งดื่มสบายๆแบบนี้...มันจะสุขเกินไปแล้ว”
“คุณมานพ...ผมเปล่านะครับ”
มานพไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มพูดจบ ก็ชกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนจุกตัวงอ
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว ถ้าแกบอกว่าฉันจะได้กำไร นั่นหมายความว่าฉันต้องไม่ขาดทุน”
มานพหันไปคว้าขวดไวน์มาฟาดหัวชายหนุ่มทันที ขวดไวน์แตกกระจายชายหนุ่มเลือดอาบหัว แฟนสาวตกใจ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
มานพหันไปบีบปากแฟนสาวของมันหน้าเหี้ยมใส่
“หุบปากซะ...ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องเธออีกคน”
มานพผลักหญิงสาวไปจนล้มแล้วหันไปสั่งชาญ
“ลากตัวมันไป...มันยังมีหนี้ที่ต้องชดใช้ให้ฉันอีก”
ชาญกระชากลากตัวโบรกเกอร์หนุ่มออกไป ในสภาพหัวแตกเลือดอาบโดยที่ทุกคนในผับไม่มีใครกล้ายุ่ง

มานพอัดโบรกเกอร์หนุ่มดวงซวยไม่ยั้ง จนหน้าตายับเยินสภาพเละเทะเลือดอาบดูไม่จืด ถึงมันจะล้ม จนลุกไม่ขึ้น มานพก็ไปกระชากมันขึ้นมา
“อย่าเพิ่งใจเสาะสิวะ แกทำเงินล้านของฉันหายไปในพริบตา แค่นี้ยังถือว่าน้อยไป มันยัง แค่หลักหมื่นเอง”
ชายหนุ่มยกมือไหว้
“ผม…ผมขอร้องล่ะครับ…ปล่อยผมไปเถอะคุณมานพ…ตอนคุณมาหาผม ผมก็เตือนคุณแล้วว่าถ้าคิดจะลงทุนเล่นหุ้น มันมีความเสี่ยง”
“แต่ฉันไม่มีเวลามาเสี่ยงโว้ย ฉันต้องพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าฉันเก่งกว่า ฉลาดกว่า จนเขาต้อง ยอมรับว่าไม่ได้ครึ่งของฉัน”
มานพหันไปรับมีดพกจากชาญมาแตะหน้าโบรกเกอร์หนุ่ม
“แต่แกทำให้ความหวังของฉันพังไม่เป็นท่า แถมถ้าพ่อฉันรู้ว่าฉันขาดทุนหุ้นจนป่นปี้ เขาต้องหัวเราะเยาะดูถูกฉัน ฉันเสียหน้าไปแล้วเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเสียโฉม”
มานพกรีดมีดลงไปใบหน้าจนเลือดซิบๆ ชายหนุ่มร้องเจ็บลั่น แต่ระหว่างนั้นมานพได้ยินเสียงเตะกระป๋องดังมา จากบริเวณใกล้ๆ มานพกับชาญหันขวับไปเห็นแฟนสาวของโบรกเกอร์หนุ่มใช้มือถือถ่ายคลิบเหตุการณ์นี้เอาไว้ ชายหนุ่มหัวเราะลงคออย่างสะใจ
“คิดว่าแกจะเอาเรื่องฉันได้คนเดียวเหรอ ถ้าคลิปลูกชาย เจ้าสัวดังคับประเทศเที่ยวซ้อมคนอย่างโหดเหี้ยมว่อนไปทั่วเน็ตเมื่อไหร่ล่ะก็...ฮ่าๆๆๆ”
มานพเจ็บใจ
“แก!”
มานพชกโบรกเกอร์หนุ่มทีเดียวร่วงหมดสติ ส่วนหญิงสาวที่ถ่ายคลิปรีบวิ่งหนี มานพสั่งชาญ
“ตามเอาคืนมาให้ได้”
ชาญรีบออกไป มานพหันมาเตะโบรกเกอร์อีกทีแล้วรีบตามชาญไป


มานพตามเข้ามาที่ตรอกข้างอาคารจอดรถ ชาญซึ่งกลับจากไปตามหาตัวหญิงสาวเดินมา มานพรีบถาม
“เป็นไง…เจอมันมั้ย”
“ยังเลยครับคุณมานพ”
“โธ่เว้ย..ผู้หญิงตัวคนเดียว มันหนีไปไหนได้ไม่ไกลหรอก แกไปหาทางนั้น ฉันจะไปหา ทางนี้เอง”

ชาญรับคำสั่งแล้วรีบแยกไปอีกทาง มานพมองมีดพกในมืออย่างหนักใจ

บริเวณมุมมืดของลานจอดรถหญิงสาวหนีมาหลบซ่อนตัวพร้อมกับมือถือที่ถ่ายคลิปเอาไว้ หญิงสาวเปิด ดูคลิปในนั้นเห็นชัดเจนว่ามานพกำลังซ้อมแฟนของเธออย่างบ้าคลั่ง

หญิงสาวปิดมือถือแล้วจะไปต่อแต่ชะงัก เมื่อมานพยืนอยู่ตรงหน้า
“อย่าคิดว่าแกจะเอาไอ้คลิปนั่นใช้แบลคเมล์ฉันได้นะ”
หญิงสาวหน้าเสียรีบถอยวิ่งหนีแต่มานพตามไปกระชากจิกผมมาตบหน้าทันที...หญิงสาวล้มแต่มือยังกำ โทรศัพท์เอาไว้แน่น มานพตามเข้าไปพยายามแย่งจากมือ
“เอามานี่”
“ไม่...ฉันไม่ให้”
“ฉันบอกให้เอามา”
ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กันไปมา หญิงสาวไม่ยอมปล่อยง่ายๆเลยกัดมือมานพเต็มแรงจนร้องเจ็บ
“โอ๊ย!” มานพโกรธมาก “นังบ้าเอ้ย…แกทำฉันได้เลือด”
หญิงสาวรีบฉวยโอกาสวิ่งหนี ด้วยความขาดสติเจ็บใจทำให้มานพลืมตัวตามไปจิกกระชากหญิงสาวหันกลับมา แล้วกระซวกด้วยมีดพก...หญิงสาวสะดุ้งเฮือกตาเหลือก มานพได้สติรีบดึงมีดออก มือเปื้อนเลือดเปรอะเต็มไปหมด ชาญตามเข้ามาพอดี
“คุณมานพ!”
มานพยังยืนอึ้งตะลึง มองมีดที่เปื้อนเลือด ชาญรีบไปดูหญิงสาวพบว่านอนหายใจรวยริน ร่างกระตุกแล้วสิ้นใจ
“มัน…มันตายรึเปล่า”
ชาญแตะลมหายใจแล้วหันมาพยักหน้ารับ มานพหน้าเสียเพราะยังไม่เคยฆ่าคนตายรีบโยนมีดทิ้ง
“ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ฉันไม่ได้คิดจะฆ่ามัน”
“ใจเย็นก่อนครับ…ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
มานพหน้าตื่น
“แต่ฉันเพิ่งจะฆ่าคนตาย แกเห็นมั้ย” มานพชูมือเปื้อนเลือดให้ดู “ฉันเพิ่งฆ่าคนตาย”
“ใจเย็นก่อนครับ...แถวนี้ไม่มีใครนอกจากเรา ไม่มีใครเห็นว่าคุณฆ่าคนตาย”
“แล้ว…แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ”
“ผมจะตามไปจัดการปิดปากมันแล้วอำพรางศพพวกมันให้ คุณรีบกลับไปเถอะ”
มานพมองศพหญิงสาวที่นอนตายตาเหลือกแล้วรีบหนีออกไปทันที
 
ชาญหันไปหยิบมีดที่มานพใช้แทงคนตาย ขึ้นมาแล้วย้อนกลับไปทางที่ทิ้งโบรกเกอร์หนุ่มเอาไว้

มานพกลับมาที่รถอาการตื่นเต้นลนลาน เพราะไม่เคยฆ่าคนเลยพยายามเช็ดเลือดที่เปรอะมือกับเสื้อ สูทราคาแพงที่สวมอยู่ ก่อนจะรีบสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที รถมานพออกไปได้ครู่หนึ่ง

เสียงลากเท้าของคนขาเป๋ก็ดังขึ้น โหงวมองตามรถมานพแล้วเงยหน้าไปที่เสาอาคารเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ โหงวยิ้มอย่างมีเลศนัย


วันใหม่...หยกอยู่ในชุดนักโทษชายเดินถือข้าวของเครื่องใช้ตามพัสดี ที่พามาส่งที่หน้าห้องขังรวม พัศดีให้ผู้คุมเปิดประตูห้องขังแล้วพยักหน้าให้เข้าไปข้างใน
“ทุกคนที่นี่กินข้าวหม้อเดียวกัน เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำตัวให้มีปัญหา ถ้าไม่ฟัง...จะ มีโทษเท่ากันหมด”
ผู้คุมปิดประตูห้องขัง…ปังแล้วพากันเดินออกไป...หยกเดินเข้ามาที่กลางห้องท่ามกลางนักโทษชายหน้าตาเอาเรื่องหลายคน ในห้องขังค่อน ข้างหนาแน่นแม้แต่ที่จะวางฟูกนอนก็หาแทบไม่มี หยกเห็นมีที่ว่างอยู่มุมหนึ่ง กำลังจะเดินไปวางของแต่คนที่ก้าวมาขวางไว้คือกิจชัย
“ถ้าอยากหาที่นอนดีๆ...แกต้องมากราบเท้าขอจากฉันก่อนเว้ย…ไอ้หยก”
หยกนิ่งมองกิจชัยเขม็ง
“ว่าไง...หรือถ้าแกชอบนอนดมเท้าเหม็นๆล่ะก็...ที่ปลายเท้าฉันยังว่างอยู่…ฉันจัดให้ได้”
หยกไม่สนใจคำโอ่ของมันเดินชนไหล่กิจชัย แล้วเข้าไปวางข้างของเครื่องใช้ตรงที่ตัวเองเล็งเอาไว้ กิจชัยมองตาม เจ็บใจที่หยกไม่กลัวมันแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้ย...ที่นี่ไม่ใช่ข้างนอก ถ้าแกไม่ยอมก้มหัวให้ฉัน ไม่มีใครช่วยแกได้หรอกเว้ย”
กิจชัยโวยแล้วเข้าไปจะจับไหล่หยกมากระชาก แต่กลับถูกหยกจับข้อมือมาบิดทันที
“ที่นี่ทุกคนกินข้าวหม้อเดียวกัน…ฉันไม่อยากมีปัญหา”
หยกผลักกิจชัยกระเด็นไปแล้วทำไม่สนใจ กิจชับยิ่งเจ็บใจโกรธแค้นจากเรื่องเก่าลุกพรวดจะเอาเรื่องอีก
“แต่หนี้แค้นของแกกับฉัน มันถึงเวลาต้องสะสางแล้วเว้ยไอ้หยก”
กิจชัยปรี่เข้าไปเล่นงานกระชากหยกมาอัดไม่ยั้ง หยกเลยต้องงัดฝีมือออกมาสู้กับกิจชัย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของ พวกนักโทษดังลั่นไปทั่วห้องขัง
กิจชัยถูกหยกถีบกระเด็น พวกนักโทษช่วยรับตัวไว้ กิจชัยบ้าคลั่งไม่ยอมปรี่เข้าไปเล่นงานหยกอีกแต่ ก็โดนหยกซัดไม่เลี้ยงหมัดเน้นๆจนเลือดกลบปาก ระหว่างนั้นผู้คุมพร้อมกำลังรีบเข้ามาระงับเหตุ เสียงนกหวีดลั่น ผู้คุมกรูเข้ามาในห้องขัง พวกนักโทษรีบคุกเข่า นอนหมอบ มือประสานท้ายทอย เพราะไม่อยากโดนผู้คุมเล่นงาน ส่วนหยกกับกิจชัยไม่ระวังเลยโดนผู้คุมตีด้วยกระบองจนทรุดแล้วคุมตัวเอาไว้ แต่สองคนยังมองหน้ากัน


วันใหม่...กิ่งเหมยเดินออกมาจากเรือนเยี่ยมนักโทษพร้อมคมทวน ส้มเช้งกับอาม่าที่รอ อยู่รีบเข้าไปถาม
“ทำไมออกมาเร็วนักล่ะอาเหมย”
“นั่นสิแก…เพิ่งจะเข้าไปเยี่ยมไอ้หยกไม่ใช่เหรอ”
กิ่งเหมยส่ายหน้า
“เขาให้เราเยี่ยมหยกไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”อาม่าแปลกใจ
กิ่งเหมยไม่ทันจะพูดอะไร คมทวนก็โพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด
“เพราะมันถนัดแต่หาเรื่องใส่ตัว ไม่เคยคิดหรอกว่าคนอื่นเขาจะห่วงมันมากแค่ไหน”
คมทวนหัวเสียเดินออกไป อาม่ากับส้มเช้งยืนงง
“น้าคมทวน”
อาม่าหันมาหาหลานสาว
“อาเหมย…เล่าให้อาม่าฟังสิ อาม่าไม่เข้าใจ”
“หยกมีเรื่องกับพวกนักโทษ ถูกจับแยกให้ขังเดี่ยวจ้ะอาม่า”
“ไอ้หยา...อาหยก”

อาม่าเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่ากิ่งเหมย ที่มองเข้าไปที่เรือนจำด้วยความเป็นห่วงหยก

ค่ำนั้น ดุจแพรใช้ดินสอร่างภาพบนกระดาษ เป็นภาพเหตุการณ์ที่หยกช่วยชีวิตเธอ เธอพยายามนึกใบหน้าของชายที่เธอชนเขาจนมอเตอร์ไซค์ล้มแต่เขาก็ยังช่วยชีวิตเธอ จึงพยายามวาดใบหน้าของเขาให้ออกมาตามความทรงจำที่พอจะนึกได้ ป้าจั่นยกถาดเครื่องดื่มเข้าดู แล้วตกใจ
“แม่เจ้า!”
ดุจแพรสะดุ้ง
“ป้า !...เสียงดังเชียว ดุจตกใจหมดเลย”
“ขอโทษค่ะคุณหนู...ป้าตกใจน่ะ”
“ตกใจอะไรคะ”
“ก็...ก็รูปที่คุณหนูกำลังวาดอยู่นี่ไงคะ”
ดุจแพรหน้าแหย ภาพวาดบนหน้ากระดาษ เป็นรูปหยกที่อัปลักษณ์สุดๆดูไม่มีเค้าโครงว่าจะเป็นหน้าคนได้เลย
“นี่น่ะเหรอคะ…หน้าของผู้ชายที่คุณหนูไปขับรถชนเขาแต่เขาก็ยังช่วยชีวิตคุณหนูไว้ ป้านึกว่าเขาจะหน้าตาดี...แต่นี่...ดูยังไงก็…”
“พอได้แล่วค่ะป้า…ดุจเก่งเรื่องวาดรูปซะที่ไหนล่ะ ก็หลับตาแล้วนึกๆเอา ไม่รู้นี่ว่าจะออก มาแบบนี้”
ดุจแพรมองภาพวาดตัวเองแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ ลุกเดินไปกอดอกครุ่นคิด
“ไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นเขาถึงรีบร้อนนักหนา ดุจยังไม่ทันจะขอโทษแล้วก็ขอบคุณเขาเลย”
ดุจแพรพูดไประหว่างนั้นตงเข้ามาแล้วสะกิดให้ป้าจั่นออกไป พอดุจแพรหันมาเห็นตงเลยชะงัก
“ป๋า!”
“ถ้าไอ้หมอนั่นมันไม่อยากให้รู้ว่าเป็นใคร ป๋าว่าดุจก็ควรจะเลิกสนใจมันได้แล้ว”
ดุจแพรยังมีอาการงอนๆพ่ออยู่ ไม่ยอมตอบอะไรเดินเชิดหน้างอนๆออกไป
“อ้าว…ดุจ…ดุจ”

ดุจแพรเดินออกมาที่สระว่ายน้ำ ตงตามมาคุยกับลูกสาว
“เดี๋ยวสิดุจ…นี่ยังไม่หายโกรธป๋าอีกเหรอ”
ดุจแพรเอาแต่เงียบไม่ยอมพูด
“ดุจ…”
“ก็ได้ค่ะ…ดุจจะยอมฟังคำอธิบาย แต่จะให้ดุจเชื่อรึเปล่านั่นอีกเรื่องนึง”
ดุจแพรบอกแล้วมองหน้าพ่อตัวเองรอให้อธิบาย ตงถอนใจแล้วตั้งใจพูดกับลูกสาว
“เฮ้อ…ความจริงป๋าไม่ได้อยากเอาเรื่องนี้มาพูดกับดุจเลย แต่ถ้าอยากรู้จริงๆป๋าก็จำเป็น ต้องเล่า ตอนนี้ป๋ากำลังถูกปองร้ายจากพวกที่จ้องจะล้มป๋า พวกมันเห็นว่าป๋าทำธุรกิจ เกินหน้าเกินตา ถ้าป๋าไม่จ้างบอร์ดี้การ์ดมาคุ้มครอง ป่านนี้ป๋าคงไม่ได้อยู่กับดุจแล้ว”
ดุจแพรตกใจมาก
“จริงเหรอคะป๋า”
“เห็นมั้ย...ที่ป๋าต้องเก็บเงียบเพราะไม่อยากเห็นดุจเป็นห่วงป๋าแบบนี้”
“แล้วทำไมป๋าไม่แจ้งความ”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก พวกที่จ้องล้มป๋าอิทธิพลมันมากทำอะไรมันไม่ได้ แต่ที่สำคัญ กว่านั้นถ้าป๋าไปตอบโต้ ลูกสาวที่ป๋ารักที่สุดก็ต้องตกอยู่ในอันตราย ป๋ายอมไม่ได้หรอก ถ้าดุจจะเป็นอะไรไป”
ตงดึงลูกสาวมากอดแล้วลูบหัวอย่างเอ็นดู ดุจแพรเริ่มเข้าใจตามที่พ่อบอกจึงกอดตอบ
“ดุจขอโทษค่ะป๋า…ดุจไม่รู้ว่าป๋ากำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ป๋าเชื่อว่าคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ขอแค่ดุจเข้าใจป๋าคนเดียว อันตรายอะไรป๋าก็ไม่กลัว”
“ค่ะป๋า…ดุจเข้าใจป๋าแล้ว”
ดุแพรกอดพ่อเอาไว้แน่น เลยทำให้ตงแอบโล่งใจ

วันใหม่...ในโรงอาหารพวกนักโทษนั่งกินข้าวกันอยู่ ระหว่างนั้นพัสดีกับผู้คุมพาตัวหยกกับกิจชัยในสภาพโทรมปากซีดๆ รอยฟกช้ำบนหน้าจางลงไปมาก ทั้งคู่ถูกพามานั่งที่โต๊ะมีถาดอาหารหน้าตาน่ากินวางรอ กิจชัยมองอาหารในถาดอย่างหิวกระหายอยากสุดๆ พอนั่งเก้าอี้ปุ๊บก็รีบคว้าน่องไก่มาทันที แต่ไม่ทันจะเอาเข้า ปากผู้คุมก็แย่งคืนแล้วกดไหล่ให้นั่งเฉยๆห้ามแตะต้องอาหาร พัศดีประกาศก้อง
“ดูเอาไว้เป็นตัวอย่าง…ที่นี่ทุกคนต้องกินข้าวหม้อเดียวกัน ถ้ายังคิดจะมีเรื่องกันอีก ก็อย่าหวังว่าจะได้กินอิ่มหรือนอนหลับสบาย”
พัศดีสั่งแล้วหันมามองที่หยกกับกิจชัย โดยที่กิจชัยเอาแต่มองอาหารในถาดอย่างหิวโหย
“มื้อนี้พวกแกจะได้แต่ดูคนอื่นกินและก็ดูแต่อาหารที่อยู่ตรงหน้า ห้ามแตะต้องเด็ดขาด”
กิจชัยยังไม่ละสายตาจากอาหารตรงหน้า สายตาก็เหลือบไปมองนักโทษคนอื่นๆที่กินข้าวกันอย่างอร่อย หยกช่วยเตือน
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะไอ้กิจชัย ผู้คุมเอาจริงแน่”
“แต่ฉันไม่ไหวแล้วเว้ย”
กิจชัยไม่สนใจคำสั่งพัสดีคว้าอาหารในถาดมายัดใส่ปากไม่หยุด ผู้คุมรีบเข้าไปดึงตัวออกมาแต่กิจชัยสบัดดิ้น ไม่ยอม สองมือคว้าทุกอย่างในถาดมาใส่ปากอย่างบ้าคลั่ง แถมยังทำร้ายผู้คุมอีกต่างหาก หยกเห็นกิจชัยโดนผู้คุมเล่นงานก็ตัดสินใจคว้าอาหารในถาดมาใส่ปากทำอย่างกิจชัยอีกคน ผู้คุมเลยต้องเข้ามา เล่นงานหยกด้วยอีกคน พัศดีสั่งลูกน้องเสียงเข้ม
“เอาตัวออกพวกมันออกไป”
ทั้งหยกทั้งกิจชัยถูกพาตัวออกไป พัสดีมองตามทั้งคู่ไปได้ครู่แล้วหันไปพยักหน้ากับผู้การสมิงที่ยืนหลบมุมอยู่...หยกกับกิจชัยถูกหิ้วตัวโยนเข้าใส่ห้องขัง ผู้คุมจัดการใส่กุญแจล็อคแน่นหนา กิจชัยลุกขึ้นมาโวยวาย
“ปล่อยผมไปเถอะ…ผมหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว ขอร้องล่ะ…ผมจะไม่ก่อเรื่องอีก ผมผิดไป แล้ว...ปล่อยผมไปที…ปล่อยผม...ปล่อยผม”
กิจชัยเขย่าลูกกรงแล้วทรุดเข่าลงเสียใจ หยกเปรยขึ้น
“ร้องตะโกนไปมันไม่ได้ช่วยให้แกหายหิวได้หรอก”
“หุบปากแกไปเลยไอ้หยก…ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะลุกไปกระทืบแก”
หยกมองหยัน
“ต่อให้แกมีแรง…แกก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฝีมือแกมันห่างจากฉันเยอะ”
“ไอ้เวรเอ้ย”
กิจชัยจะลุกไปเอาเรื่องแต่ปวดท้องตัวงอเพราะท้องร้องจ๊อกๆ
“โอ้ย…หิวเว้ย…ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หยก”
กิจชัยถอยไปนั่งกุมท้องหิว หยกมองกิจชัยอยู่ครู่ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบซาลาเปาที่แอบลักมาจากถาดอาหารกลิ้งไปให้กิจชัย
“กินซะ…คืนนี้ฉันไม่อยากได้ยินเสียงท้องแกร้อง…มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ”
กิจชัยอึ้ง
“ไอ้หยก…นี่แก”
“เออ...ฉันแอบเอามาตอนแกอาละวาดเมื่อกี้”
กิจชัยดีใจรีบบิดหักซาลาเปาออกเห็นไส้น่ากินจนน้ำลายสอ แต่ยังไม่ทันจะเอาเข้าปากก็เหลือบมองหยก
“แกทำดีกับฉัน คิดอะไรเปล่าวะ”
“คิด…ฉันอยากจะกระทืบแก เอาคืนที่แกมันไอ้อันธพาลชอบรังควาญพวกฉันที่ตรอก ศาลเจ้า แต่ฉันไม่สู้กับคนที่อ่อนแอกว่า…ให้แกท้องอิ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กิจชัยมองหน้าหยกแล้วหัวเราะชอบใจ โยนซาลาเปาครึ่งลูกให้หยก
“งั้นฉันก็ไม่อยากเอาเปรียบแก...มันต้องอิ่มท้องด้วยกันทั้งคู่สิวะ ถึงจะลุยกันมันส์”

กิจชัยยิ้มให้แล้วกัดซาลาเปากินอย่างอร่อย หยกกินบ้างจนเลอะปากแล้วหันมายิ้มให้กันอย่างลูกผู้ชาย
กำลังโหลดความคิดเห็น