The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 10
กรรัมภากับกรรณาเปิดประตูห้องใบหม่อนเข้ามาแล้วมองสำรวจรอบๆห้อง
“ห้องพักส่วนตัวคุณใบหม่อน ยัยแก้ม จัดการเลย”
“เริ่ม โซฟาก่อนแล้วกัน”
กรรัมภาเข้าไป ถอดถุงมือแล้วใช้มือสัมผัสโซฟา ทันใดนั้นกรรัมภาเห็นภาพน้องออนซ์กำลังขึ้นคร่อมปาณัทอยู่ น้องออนซ์กำลังใช้ปากป้อนแอปเปิ้ลแบบปากสู่ปาก อี๋อ๋อ คิกคักกันสุดๆ กรรัมภาเด้งตัวออกมา
“ว้าย...”
“แกเห็นหน้าฆาตกรแล้วใช่มั้ย”
“ฆาตกรอะไรล่ะ ชั้นเห็น ยัยน้องออนซ์ กำลังอี๋อ๋อกับ เจ้าของโรงละคร ตรงเนี้ย”
“อี๋ ยัยนางเอกละครคนนี้ มาทำสกปรกอะไรในห้องคุณใบหม่อน หรือเห็นว่าไม่มีใครกล้าเข้า ทางสะดวก แหวะ ลองแตะประตูสิแก้ม เผื่อเห็นคนร้ายเข้าออก”
กรรัมภาไปแตะประตู จึงเห็นภาพน้องออนซ์ผลักปาณัทมากอดแนบชิดไปกับประตู
“ว้าย ยัยน้องออนซ์อีกแล้ว ฮึ่ม นี่มันจะพลอดรักไปทุกที่เลยหรือไง” กรรัมภาหงุดหงิดเดินไปแตะส่วนอื่นๆ ในห้อง แต่ทุกครั้งที่แตะก็เจอแต่ภาพน้องออนซ์กับปาณัทพลอดรักกัน
“เฮ้ย มันทุกที่ทุกมุมจริงๆ ด้วย พอๆ ชั้นไม่แตะต้องอะไรในนี้อีกแล้ว”
“เดี๋ยวสิแก้ม มันต้องมีอะไรที่เป็นเบาะแสให้เราแน่ๆ”
“ไม่เอาแล้ว”
กรรัมภาจะหยิบถุงมือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกมาสวม แต่มือดันไปสัมผัสกับผิวโต๊ะ ทันใดกรรัมภาก็เห็นภาพ
มือคล้ำๆ ใส่ถุงมือยาง เปิดลิ้นชัก
“เฮ้ย มือนั้น...ลิ้นชักนี้”
“ลิ้นชักนี้เหรอ” กรรณาเปิดลิ้นชักออกมาดูพบว่าข้างในมีกล่องใส่คอนแท็คเลนส์อยู่ กรรณาหยิบกล่องคอนแท็คเลนส์ขึ้นมา ส่งให้
“แก้ม...”
กรรัมภาค่อยรับกล่องคอนแท็คเลนส์มาถือด้วยมือ แล้วกรรัมภาก็เห็นภาพมือคล้ำๆ นั้นกำลังหยดน้ำยาพิษบางอย่างใส่ลงไปในคอนแท็คเลนส์นั้น ภาพใบหม่อนแต่งตัวเตรียมแสดงหยิบคอนแท็คเลนส์อันนั้นใส่ กรรัมภาผงะออก
“ในคอนแท็คเลนส์มียาพิษ”
ณัฐเดชขับรถมาจอดที่โรงละคร ณัฐเดชเดินพูดโทรศัพท์ลงจากรถ
“แกอยู่ไหน ยังมาไม่ถึง อะไรของแกไม่ ชั้นไม่รอ ชั้นจะเข้าไปคุยกับคุณปาณัทก่อน แกตามมาแล้วกัน”
ณัฐเดชวางสาย
หมอวรวรรธพูดบลูธูทอยู่ ขี่มอเตอร์ไซค์จอดติดไฟแดงอยู่
“พี่ณัฐ พี่ณัฐ ตายๆ”
หมอวรวรรธตัดสินใจฝ่าไฟแดงไป รีบบิดเครื่องเต็มที่
ก๊องวิ่งหนีลูกข่างผ่านมา มองหาที่ซ่อน แล้วรีบเข้าไปหลบ ลูกข่างวิ่งตามหาเข้ามา
“น้องก๊อง ยะฮู้ว ยังไม่ทันได้ทานข้าวเลย หายไปไหนแล้ว เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอกคนดีของพี่”
ลูกข่างวิ่งผ่านไป
“เวรกรรมอะไรของก๊องเนี่ย”
ก๊องรีบออกจากที่ซ่อน จะวิ่งไปแต่แล้วต้องชะงัก เพราะเห็นณัฐเดชกำลังเดินเข้าไปด้านในโรงละคร ก๊องรีบถอยหลบกลัวณัฐเดชเห็น
“เฮ้ย พี่ตำรวจ มาได้ไง...แย่แล้ว! ต้องรีบไปบอกพี่เนตร”
ก๊องจะวิ่งกลับเข้าไป แต่ลูกข่างมายืนขวางไว้ก่อน
“จ๊ะเอ๋ ชอบจริงๆ เลยหนุ่มขี้เล่น มานี่ พี่มีงานให้ช่วย”
ก๊องถูกลูกข่างลากไป ก๊องร้องและดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
กรรัมภากับกรรณากำลังรีบเดินมาตามทาง จะไปบอกเนตรศิตางศุ์เรื่องยาพิษในคอนแท็คเลนส์
“คนที่จะเข้าไปในห้องส่วนตัวนางเอกได้ ต้องเป็นคนที่นี่แน่ๆ และมันต้องเป็นคนๆ เดียวกับที่เขียนจดหมายขู่ยัยเนตร”
“เราต้องรีบไปบอกยัยเนตร ให้ระวังตัว”
กรรัมภากับกรรณากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วต้องผงะเพราะเห็นเนตรศิตางศุ์กำลังคุยอยู่กับหมอรุทธ์สองต่อสอง
“หมอรุทธ์”
กรรัมภาจะเข้าไป กรรณาดึงกรรัมภาไว้ ไม่ให้เข้าไป
“อย่าเข้าไป! ยัยเนตรอาจกำลังสืบข้อมูลอะไรจากหมอรุทธ์อยู่ อย่าไปขัดจังหวะ”
“แต่หมอรุทธ์ไม่ใช่คนร้าย”
“อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ต้องรอดูไป”
กรรัมภาแอบดูผ่านช่องกระจกของประตู ด้วยความขัดใจ
เนตรศิตางศุ์ทำหน้าแปลกใจ
“อะไรนะคะหมอ”
“ผมกำลังเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาความงามให้คุณอยู่ครับ ถ้าคุณสนใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะครับ ผมยินดีดูแลให้ด้วยความเต็มใจ”
“เนตรขอบคุณมากนะคะหมอ แต่เนตรคงไม่”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิครับ” หมอรุทธ์หยิบนามบัตรออกมา แล้วเซ็นลงไปก่อนจะยื่นให้เนตรศิตางศุ์ “นี่ครับ”
“อะไรคะ?”
“นอกจากคลีนิคความงามแล้ว ผมยังมีสปาบำรุงผิวพรรณและคลีนิครักษารูปร่างอีกสองแห่ง คุณเนตรไปใช้บริการในฐานะแขกพิเศษของผมได้ฟรีนะครับ แค่นำนามบัตรผมไป”
“เอ่อ”
“รับไว้เถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ แต่ถ้าอยากตอบแทนผม ค่ำนี้คุณเนตรไปหาอะไรทานกับผมได้มั้ยครับ”
“แต่ แต่วันนี้เนตรงานเยอะ ไม่สะดวกเลยค่ะ”
“เหรอครับ...อืม งั้นเอาไว้คุณเนตรสะดวก เราค่อยนัดกันก็ได้ ผมมีเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับการผ่าตัดศัลยกรรมจะเล่าให้ฟังเพียบเลยครับ...รับรองสนุกมากแน่ ยิ่งเคสของคุณใบหม่อน ยิ่งมีเรื่องเล่าเยอะ...งั้นผมขอตัวนะครับ”
หมอรุทธ์ทำท่าจะออกไป เนตรศิตางศุ์ลังเล
“หมอรุทธ์คะ”
“ครับ”
“วันนี้เนตรงานเยอะจริงๆ แต่พรุ่งนี้เนตรคิดว่าเนตรว่างค่ะ หมอรุทธ์ว่างมั้ยคะ”
หมอรุทธ์ยิ้ม
กรรัมภากับกรรณากำลังแอบดูอยู่ที่เดิม สักพักสองสาวหลบ หมอรุทธ์เดินออกไป
“ทำไม หมอพูดกะยัยเนตร เหมือนกับที่พูดกะชั้นทุกอย่าง ชั้นไม่ยอม”
กรรณาดึงกรรัมภาห้ามเอาไว้
“ยัยบ๊อง เรากำลังสืบคดีคุณใบหม่อนอยู่”
หมอรุทธ์เดินไปด้านหนึ่ง อยู่ๆ ณัฐเดชเดินตรงมาจากอีกด้านเห็นด้านหลังของกรรัมภาและกรรณา แต่ยังไม่เห็นหน้า ณัฐเดชแปลกใจ รู้สึกคุ้นๆ รีบเดินเข้าไป แต่อยู่ๆ หมอวรวรรธโผล่มาขวางดึงตัวณัฐเดชไว้ก่อน
“พี่ณัฐ มาทางนี้”
“อะไร”
“คุณปาณัทรออยู่ มาทางนี้”
“รู้แล้ว แต่หลบไปก่อน”
“ไม่ได้ๆอย่าเสียเวลา คุณปาณัทรอเราอยู่ ไปๆ”
หมอวรวรรธไม่ยอมให้ณัฐเดชเดินไปทางสองสาว พยายามกันให้เดินกลับไปพร้อมกับส่งเสียงดัง กรรณากับกรรัมภาได้ยินเสียงหันมาเห็นหน้าณัฐเดชก็ตกใจ
“เฮ้ย พี่ณัฐ”
กรรณากับกรรัมภารีบมุดๆๆ หลบเข้าไปในห้อง
“มันสายแล้วนะพี่ ไปๆ”
กรรณากับกรรัมภามุดเข้ามาในห้อง
“กรรณ แก้ม เป็นไง ได้เรื่องอะไรหรือเปล่า” เนตรศิตางศุ์รีบถาม
“อย่าเพิ่งถาม รีบหนีก่อนเร็ว”
“ทำไม มีอะไร”
“แกคุยอะไรกับหมอรุทธ์ แล้วหมอรุทธ์ยื่นอะไรให้แก นามบัตรใช่มั้ย เอามาดูสิ” กรรัมภาคว้ามาดู “เหมือนกับที่เค้าให้ชั้นเปี๊ยบเลย มันหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าหมอรุทธ์เป็นผู้ชายหน้าภาชนะหุงต้มน่ะสิ รีบหนีก่อนได้มั้ย เดี๋ยวพี่ณัฐมาเราจะตายกันหมดนี่แหละ”
“อะไรนะ พี่ณัฐมาเหรอ”
“เออ อยู่หน้าห้อง”
เนตรศิตางศุ์รีบวิ่งไปมองส่องดูที่ประตู
“พี่ณัฐจริงๆ ด้วย ทำไงดี”
“เบาๆ” กรรณาไปแง้มประตู ดูต้นทาง เห็นหมอวรวรรธพยายามจะลากณัฐเดชออกไป
“หมอวรวรรธกำลังช่วยหลอกพี่ณัฐไปอยู่ เดี๋ยวพอชั้นให้สัญญาณ รีบวิ่งออกไปเลยนะ เอาล่ะ ไปๆ”
กรรณากำลังจะออกไป แต่อยู่ๆ กรรัมภามาคว้าแขนเนตรศิตางศุ์เอาไว้ กรรณาเบรกแทบไม่ทัน
“ยัยเนตร แกคิดยังไงกับหมอรุทธ์”
“หือ?”
“แกก็รู้ว่าชั้นปลื้มหมอรุทอยู่ แกคงไม่ปลื้มเขาใช่ไหม”
“มันใช่เวลาคุยตอนนี้มั้ยยัยแก้ม”
“ก็ตอบมาสิ คำเดียว ว่าคิดยังไง ปลื้มหรือไม่ปลื้ม”
“เนตรไม่ปลื้มหมอรุทธ์”
“พอใจยัง ไปได้แล้ว”
สามสาวไปที่ประตู เปิดไปได้เพียงแง้มๆ ก็ต้องรีบปิด ถอยกรูดแทบไม่ทันเพราะณัฐเดชเดินพุ่งมาที่หน้าห้องแล้ว
“พี่ณัฐกำลังจะเข้ามา”
พวกสามสาวหน้าซีด เอาไงดี
ณัฐเดชจับลูกบิดประตูจะเข้าไปในห้อง แต่หมอวรวรรธตามมาขวาง
“พี่ณัฐๆ” หมอวรวรรธทำเป็นถือโทรศัพท์มาพูด
“คุณปาณัทโทรมาตามแล้ว อะไรนะครับ คุณปาณัทมีธุระต้องไปข้างนอก มีเวลาอีกแค่สิบห้านาที ให้เรารีบไป ครับๆ จะรีบไปเลยครับ” หมอวรวรรธวางสาย
“พี่ณัฐ ไปเถอะ”
“แกอย่ามายุ่งกับชั้น ทำไมเหรอ ในห้องนี้มีอะไรที่แกไม่อยากให้ชั้นรู้ ใช่มั้ย”
“อะไร ไม่มี”
ณัฐเดชจ้องวรวรรธอย่างจับผิด
“ชั้นเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวน คำโกหกของหมอผ่าศพ อ่อนหัดอย่างแกมีเหรอจะดูไม่ออก...มันต้องมีอะไรในห้องนี้แน่ๆ ชั้นจะเข้าไปดู” ณัฐเดชจะเข้าไป
“อย่านะพี่”
ณัฐเดชผลักหมอวรวรรธออก ชี้หน้าแบบเด็ดขาดว่าอย่าเข้ามาอีก
“แกอย่าเข้ามาอีก”
ณัฐเดชจับประตูจะเปิดเข้าไป แต่เปิดไม่ได้ เปิดไม่ออกเหมือนติดอะไรบางอย่าง ณัฐเดชแปลกใจพยายามเขย่าๆ
ภายในห้องพวกสามสาวถอยกรูดหน้าซีด ไม่รู้จะทำยังไง ประตูเปิดออกไม่ได้เพราะใบหม่อนยืนขวางประตูอยู่
“คุณใบหม่อน”
“ชั้นช่วยเธอไม่ได้ตลอดหรอกนะ รีบหนีไปเร็วๆ”
“ห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง ทางเข้าทางออกมีทางเดียวคือประตูนี่...แล้วจะให้เราหนีไปไหนได้”
“ถ้างั้นพวกเธอก็ช่วยตัวเองแล้วกัน”
กรรัมภามองไปรอบๆ ห้องหาทางหนี
ณัฐเดชแปลกใจที่เปิดประตูไม่ได้ แต่ไม่ยอมแพ้ ถอยหลัง ตั้งใจจะพังประตูเข้าไป
“พี่ณัฐ อย่า”
ณัฐเดชถีบทีเดียวประตูเปิดออก แต่แล้วณัฐเดชต้องแปลกใจเพราะตรงหน้ามีผู้หญิงสามคน ที่สวมชุดคอสตูมละครอยู่และสวมวิกผมทอง หมวกปีกกว้างหรือหน้ากาก กรรัมภา ดัดเสียง ทำเสียงสูงๆ
“ว้าย เข้ามาทำอะไรในห้องแต่งตัวผู้หญิง”
“เป็นโรคจิตหรือเปล่า ว้าย”
กรรณา กรรัมภาร้องวี้ดว้าย ในขณะที่เนตรศิตางศุ์มีท่าทางกลัวๆ สั่นๆ แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ไม่พลิ้วเหมือนเพื่อนทั้งสอง
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่รู้”
หมอวรวรรธโล่งอก รับมุขไป
“นี่มันห้องแต่งตัวสาวๆ ผมถึงไม่อยากให้พี่เข้ามาไง เป็นไงล่ะ อยู่ดีๆ กลายเป็นโรคจิต”
กรรัมภาเขวี้ยงข้าวของใส่ณัฐเดช
“ออกไปนะ ออกไปๆ”
กรรณาห้ามกรรัมภา
“ไม่ๆ ไม่ต้องไป พวกเราไปเองดีกว่า อย่าตามมานะไอ้โรคจิต”
กรรณารีบเรียกให้กรรัมภากับเนตรศิตางศุ์ออกไปจากห้อง แต่เนตรศิตางศุ์รีบร้อนจนเผลอสะดุดล้ม หลุดส่งเสียงออกไปและวิกหลุด
“ว้าย”
ณัฐเดชได้ยินเสียง แปลกใจ คุ้นๆ จะเข้าไปช่วยประคองให้ลุกขึ้น แต่เนตรศิตางศุ์ไม่ยอมให้ช่วย ก้มหน้าฟุบอยู่อย่างนั้นกลัวณัฐเดชเห็นหน้า กรรณากับกรรัมภาต้องรีบมาช่วยเอาวิกสวมให้แล้วพากันออกไป
“ผู้หญิงพวกนั้น ใคร?”
“ผมจะไปรู้เหรอพี่”
หมอวรวรรธ ทำหน้าซื่อ ไม่รู้ไม่ชี้ ณัฐเดชคุ้นๆ แต่แล้วอยู่ๆ มีเสียงแองเจโล่ มาริโอ้ดังสนั่นมา
“หยุดๆ พวกเธอหยุด”
สองแฝดกำลังโวยวายพวกสามสาวอยู่หน้าห้องโดยมีก๊องอยู่ข้างๆ
“นึกว่าไปไหน ที่แท้ก็มาขโมยใส่ชุดคอสตูมโรงละครนี่เอง”
“เราไปคุยกันที่อื่นนะคะ”
มาริโอ้ขวางไว้ ไม่ให้สามสาวไป
“No No No พวกเธอเป็นเด็กฝึกงานไม่มีสิทธิ์เอาชุดมาเล่นแบบนี้ มาให้ชั้นถอดชุดออก”
ณัฐเดชตามออกมามอง ก๊องรีบหลบหลังคู่แฝด
“มีเรื่องอะไรครับ”
“อ้อ ไม่มีครับ คุณตำรวจ”
“ปัญหาเด็กๆ น่ะครับ”
หมอวรวรรธรีบตามมาห้าม
“พี่ณัฐ เรื่องภายในของเค้า เราอย่าไปยุ่งเลย..ไปทำงานเราเถอะครับ พี่ไม่เกรงใจคุณปาณัทบ้างเหรอ ให้เค้ารอมาตั้งนานแล้วนะ ไป”
ณัฐเดชยอมหันเดินไปพร้อมกับหมอวรวรรธ ก๊องกระซิบคู่แฝดจากด้านหลัง คิดช่วยพวกเนตรศิตางศุ์
“ไปคุยกันที่อื่นเถอะครับ อายเค้า”
“โถ น้อง เราไม่ได้ทำผิดจะอายอะไร คนที่ต้องอายคือสามคนนี่...”
“ใช่! นึกว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยซะอีกน้องเนตร! ไม่นึกว่าจะแอบซ่า”
ณัฐเดชได้ยิน ชื่อเนตร ชะงัก
“เนตร...”
“มีอะไรให้พวกผมช่วยครับคุณตำรวจ”
“ธรรมดาเราไม่ค่อยช่วยเพศเดียวกันนะครับ”
“ไล่เค้าไปสิครับ ไล่เค้าไป” ก๊องกระซิบกับมาริโอ้
“อะไรของแก ทำไมมาสิงหลังชั้นอยู่ได้” มาริโอ้ดึงตัวก๊องออกมา
“เอ้า ถอดชุดออก” แองเจโล่ดึงวิกดึงหมวกออก
“เอามาๆ”
ณัฐเดชเห็นหน้าก๊อง
“ก๊อง” ณัฐเดชรู้ทันที หันขวับมาจ้องสามสาว
“งั้นพวกเธอก็ ยัยเนตร ไหนบอกว่าไปทำงานที่เมืองกาญฯ ทำไมมาอยู่ที่นี่”
พวกสามสาวหน้าซีด จนตรอก หมอวรวรรธค้าง ณัฐเดชโกรธมาก
ณัฐเดชลากเนตรศิตางศุ์ออกมานอกโรงละคร
“ขึ้นรถ”
เนตรศิตางศุ์ร้องไห้ ไม่ยอมกลับ
“ไม่ เนตรไม่กลับ”
“พี่บอกให้ขึ้นรถ”
“ไม่”
ณัฐเดชฉุนขาด เข้าไปจับตัวเนตรศิตางศุ์ พยายามจะจับยัดใส่รถให้ได้ แต่เนตรศิตางศุ์ดีดดิ้น ไม่ยอมขึ้นรถ
หมอวรวรรธตามออกมา กรรัมภากับกรรณาตามหลังมา
“พี่ณัฐครับ ผมว่าพี่ใจเย็น แล้วฟังคุณเนตรก่อน”
หมอวรวรรธพูดไม่ทันจบ ณัฐเดชก็หันมาชกหมอวรวรรธ เปรี้ยง!
“หมอวรวรรธ”
เนตรศิตางศุ์จะเข้าไปหาหมอวรวรรธ แต่ณัฐเดชคว้าตัวไว้”
“มานี่” ณัฐเดชเหวี่ยงเนตรศิตางศุ์ถอยไปที่รถ
“แก ไอ้หมอวรวรรธ ชั้นเตือนแกแล้วว่าห้ามมายุ่งกับน้องสาวชั้น แต่แกก็ยังทำ แกมันไม่เคยเปลี่ยน อดีตเลวยังไง ปัจจุบันก็เลวยังงั้น...นิสัยแย่งของรักคนอื่นมันอยู่ในสายเลือดแกจริงๆ ต่อไปนี้แกอย่าโผล่มาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ชั้นเอาแกตายแน่”
ณัฐเดชด่ากราดไปถึงกรรัมภากับกรรณา
“ พวกเธอก็ด้วย รวมหัวกันโกหกพี่ ต่อไปนี้พี่จะไม่ไว้ใจพวกเธออีก”
“พี่จะโกรธพวกเราก็ได้ แต่ฟังเหตุผลยัยเนตรก่อนสิคะ”
“พี่ไม่ฟังเหตุผลของคนโกหก” ณัฐเดชหันกลับมาคว้าเนตรศิตางศุ์ “ไปขึ้นรถ”
“เนตรไม่กลับ”
“ต้องกลับ”
“พี่ณัฐเลิกบังคับเนตรซะที เนตรไม่ใช่เด็กแล้ว ปล่อยเนตร ปล่อย” เนตรศิตางศุ์ตีพี่ชาย “พี่ณัฐใจร้าย เนตรเกลียดพี่ณัฐ”
ณัฐเดชจับไม่ปล่อย เนตรศิตางศุ์พยายามดิ้นสุดแรง ทั้งตีทั้งทุบณัฐเดช แต่ณัฐเดชก็ไม่ปล่อย อุ้มเอาตัวจับยัดใส่เข้าไปในรถจนได้ กรรัมภากับกรรณาได้แต่มอง สงสารเพื่อน ไม่รู้จะห้ามยังไง อยู่ๆ ใบหม่อนโผล่มา
“เนตรต้องอยู่ช่วยชั้น แกจะพาเธอไปไม่ได้ ชั้นไม่ยอม”
กรรณาได้ยินเสียงใบหม่อน
“คุณใบหม่อน ไม่นะ”
“ใบหม่อน?” หมอวรวรรธแปลกใจ
ใบหม่อนโผล่ไปยืนขวางที่หน้ารถ
“เนตรต้องอยู่ที่นี่ อยู่ช่วยชั้น แกจะพาเนตรไปไม่ได้”
“คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” กรรณาบอกอย่างตกใจ
“ทำไม แกได้ยินอะไรยัยกรรณ” กรรัมภารีบถาม
ณัฐเดชสตาร์ทรถกำลังจะออกรถ โดยไม่เห็นว่าใบหม่อนยืนขวางอยู่ ท่าทางโมโห พร้อมอาละวาด เนตรศิตางศุ์มองผ่านกระจกไปข้างหน้าเห็นใบหม่อนยืนอยู่ เนตรศิตางศุ์อึ้ง กลัวว่าใบหม่อนจะทำอะไร
“ไม่นะ อย่า เนตรจะกลับมา...เนตรจะกลับมา”
เนตรศิตางศุ์พูดซ้ำๆ เหมือนจะสื่อสารให้ใบหม่อนเข้าใจ
“พี่จะไม่ให้เธอกลับมาที่นี่อีก”
“เชื่อเนตร เนตรจะกลับมา เนตรจะกลับมา เนตรจะกลับมา”
ณัฐเดชออกรถ ขับพุ่งออกไป
ใบหม่อนพลุ่งพล่าน ยื่นมือออกมา เหมือนจะทำอะไรบางอย่าง
“อย่า...อย่านะ...อย่า”
กรรณาเผลอตะโกน แต่แล้วณัฐเดชก็ขับรถผ่านใบหม่อนไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหม่อนสงบลงแววตาหมองลง เนตรศิตางศุ์หันมองผ่านกระจกหลังกลับมา กรรณา กรรัมภาโล่งอก
“ชั้นเชื่อเธอ ชั้นเชื่อว่าเธอต้องกลับมาช่วยชั้น”
ใบหม่อนบอกอย่างมั่นใจ
ส่วนที่อยุธยา ไตรรัตน์นั่งกลุ้มใจเรื่องเคธี่อยู่ที่ชานบ้าน แต่แล้วอยู่ๆ ยายเมี้ยนก็โผล่มาที่นอกประตูกวักมือเรียกไตรรัตน์
“ไอ้หนุ่ม มานี่ๆ”
ไตรรัตน์แปลกใจ เดินเข้าไปหา
“มีอะไรเหรอครับ”
ยายเมี้ยนยกมือถือมาถ่ายรูปไตรรัตน์
“ว้าว ชัดแจ๋ว ขอบใจมากนะ ชั้นไม่ได้เอาไปทำของ ไม่ต้องห่วง แค่มีคนอยากเห็นหน้าผัวนังรสน่ะ”
ยายเมี้ยนดี๊ด๊าออกไป ไตรรัตน์งงๆ จะหันกลับ แต่แล้วก็พบสมศักดิ์กับสมศรียืนอยู่
“ข้าขอคุยอะไรกับเอ็งหน่อยสิวะ”
ไตรรัตน์อึ้งกับสิ่งที่สมศักดิ์และสมศรีขอคุยด้วย
“สินสอด?”
สมศักดิ์กับสมศรีกำลังคาดคั้นไตรรัตน์ให้รับผิดชอบสุคนธรส
“เออสิวะ เอ็งจะให้สินสอดเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่าเอ็งได้นังรสเป็นเมียแล้วจะไม่รับผิดชอบ ขับรถโก้ขนาดนี้ ถ้ามางี่เง่าก็โดนเหมือนกันละโว้ย”
“ยังไงก็ต้องทำให้ถูกต้องตามประเพณี จะปล่อยให้ชาวบ้านมาซุบซิบนินทาไม่ได้”
“พ่อครับ แม่ครับ ผมสาบานได้ เราไม่ได้มีอะไรกัน”
“ไอ้เลว! เอ็งไม่ได้เป็นผัวนังรสแล้วมันท้องได้ยังไงวะ”
ไตรรัตน์ สุคนธรส อุทาน “ท้อง” ออกมาแทบจะพร้อมกัน
“ผมเปล่า”
สมศักดิ์ปราดเข้ากระชากคอเสื้อไตรรัตน์ด้วยอารมณ์โกรธ
“ก็ข้าเห็นมันอ้วกตั้งแต่วันแรกที่มาแล้ว” สมศักดิ์ลุกเดินไป หยิบปืนลูกซองที่แขวนฝาบ้านออกมา “งั้นเอ็งตาย”
“เฮ้ย” ไตรรัตน์ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ถ้าเอ็งคิดว่าจะมาย่ำยีลูกหลานคนสำเภาล่ม แล้วจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร...เอ็งคิดผิด”
“พ่ออย่า” สุคนธรสรีบวิ่งเข้ามาห้าม สมศรีช่วยห้ามด้วย ไตรรัตน์ขนลุกสยอง หลบหลังสุคนธรส
“พ่อของขึ้นอะไรอีกเนี่ย”
“ข้าให้โอกาสเอ็งตัดสินใจอีกครั้ง จะแต่งงานกับนังรสหรือจะให้ข้าเอาลูกปืนยัดกะโหลกเอ็ง...เลือกมา”
“แต่งงานอะไร หนูไม่แต่ง”
“ต้องแต่ง”
“ไม่แต่ง”
“ถ้าเอ็งไม่แต่ง มันตาย”
สมศักดิ์อาละวาดจะยิงไตรรัตน์ทิ้งให้ได้ สุคนธรสต้องปกป้อง วุ่นวาย
“คนไม่แต่งคือลูกสาวพ่อ ทำไมมายิงผมล่ะ”
“พ่อเอ็ง อย่าให้มันตายในบ้าน ลากไปยิงทิ้งลงคลองท้ายสวนดีกว่า”
“ได้”
“พ่อ แม่ หยุดๆก็ได้ๆแต่หนูขอตกลงกับเค้าก่อน สองต่อสอง”
“จะตกลงอะไร”
“เรื่องของหนูน่ะ มานี่”
สุคนธรสลากไตรรัตน์ออกไป
“แต่ยังไงก็ต้องแต่ง ไม่แต่งมันตาย”
สมศักดิ์ตะโกนตามหลัง
สุคนธรสลากไตรรัตน์ออกมา
“นายจะเอายังไง”
“คุณจะให้ผมแต่งงานกับคุณเหรอ”
“ไม่”
“ไม่ แล้วจะเอายังไงล่ะ”
“คิดสิ คิด”
“คุณก็คิดบ้างสิ ความผิดผมคนเดียวที่ไหน...จริงๆ แล้วไม่ใช่ความผิดผมเลยด้วยซ้ำ ปล้ำก็ไม่ได้ปล้ำ มันก็ไม่ได้มัน แต่ต้องมาซวยเพราะความเพ้อเจ้อจินตนาการล้ำลึกของคุณ...ผมรู้สึกเหมือนถูกคุณยัดยาบ้ายังไงยังงั้น”
อยู่ๆ มือถือไตรรัตน์ดัง ไตรรัตน์หยิบมือถือขึ้นมา เห็นชื่อในมือถือ “เคธี่”
“เรายังคุยไม่จบ”
“ผมขอแป๊บนึง เดี๋ยวมาคุยด้วยต่อ” ไตรรัตน์เดินแยกไปแล้วกดรับสาย “เคธี่...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เคธี่อยู่ที่โรงแรม เศร้ามาก น้ำตานอง
“ธไรซ์...เคธี่ เคธี่แค่โทรมาเฉยๆ เคธี่อยากได้ยินเสียงธไรซ์เป็นครั้งสุดท้าย”
“ครั้งสุดท้าย หมายความว่าไง”
“เคธี่ดีใจด้วยนะที่ธไรซ์มีความสุข เคธี่ขอให้ธไรซ์โชคดี มีครอบครัวที่อบอุ่นกับคนที่ธไรซ์รัก...ส่วนตัวเคธี่...เคธี่ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริง...ลาก่อนนะธไรซ์” เคธี่กดตัดสาย
“เดี๋ยวเคธี่...เคธี่”
“แฟนเก่าโทรมาตัดพ้อง้องอนหรือไง” สุคนธรสถาม
“เคธี่”
อยู่ๆ ไตรรัตน์ก็วิ่งพรวดออกไปจากบ้าน เป็นห่วงเคธี่กลัวมีอันตรายจึงรีบออกไป
“อ้าว เฮ้ย เรายังคุยกันไม่จบเลย แค่แฟนเก่าโทรมาถึงกับรีบแจ้นออกไปเลยเหรอ ทำไมไม่กลับไปคบๆ กันเลยล่ะ”
สุคนธรสตะโกนตามหลัง กุมาลิกาโผล่มา
“แน่ใจเหรอว่าอยากให้เขากลับไปคบกันน่ะ”
“ยุ่งอะไรด้วย” สุคนธรสเริ่มเป็นห่วงไตรรัตน์ “มีเรื่องอะไรด่วนนักหรือไง...กุมาริกา ตามไปดูหน่อยไป”
“อ้าว เมื่อกี้ยังไล่เค้าให้กลับไปคบกัน แล้วนี่มาใช้หนูตามไปดู ทำไม”
“ใช้ให้ไปก็ไปสิ ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงก็กลับมา” กุมาริกาจะถาม “ถ้าถามอีกคำเดียว ชั้นจะไม่ใช้งานเธอแล้ว จะทิ้งไว้เป็นผีเฝ้าบ้านที่นี่ ไม่พาไปไหนมาไหนด้วยแล้ว”
“คิดว่ากลัวเหรอ”
“นี่...”
“หนูไปเดียวนี้แหละ” กุมาริการีบหนีไปก่อนโดนสุคนธรสดุต่อ แต่ยังไม่ทันไร กุมาริกาก็โผล่กลับมาอีก “หนูลืมบอกไป หนูมีชื่อใหม่แล้วนะ ชื่อโกลเด้นท์เบบี้ บ๊ายบาย...”
กุมาริการีบหายตัวไป
“แล้วชั้นจะบอกพ่อกับแม่ยังไงเนี่ย”
อ่านต่อหน้า 2
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ไตรรัตน์รีบลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จอดหน้าโรงแรม แทบจะโดดลงจากรถรีบพุ่งตรงไปที่หน้าโรงแรม
“คุณเคธี่อยู่ห้องไหน ผม ไตรรัตน์ มาพบเธอ ติดต่อเธอให้ผมที”
“ครับ”
พนักงานหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ภายใน ไตรรัตน์เห็นเลขห้องชัดเจน วิ่งไปที่ลิฟท์เลย ไม่สนใจพนักงาน
ไตรรัตน์เดินหาห้องจนเจอห้องที่เคธี่พักอยู่ เลขห้องตรงกัน ไตรรัตน์รีบเปิดเข้าไป พบว่าห้องไม่ได้ล็อก
“เคธี่...เคธี่”
พอเข้ามาในห้องไตรรัตน์มองหา แต่ไม่เจอเคธี่ อยู่ๆ ได้ยินเสียงน้ำดังมาไตรรัตน์รีบวิ่งไปดูในห้องน้ำพบอ่างน้ำที่ก๊อกถูกเปิดจนน้ำล้น มีเสียงประตูปิด ไตรรัตน์หันกลับมา พบเคธี่อยู่ในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมยืนยิ้มยั่วยวนอยู่
“เคธี่”
เคธี่ยิ้ม ถอดเสื้อคลุมออก กองกับพื้น ไตรรัตน์อึ้ง
ณัฐเดชขับรถมาจอดหน้าบริษัทซิกส์เซ้นส์ ณัฐเดชลากเนตรศิตางศุ์ออกจากรถมาที่หน้าบริษัท
“ลงมา...ไป เข้าไปเก็บของของเธอให้หมด อย่าให้เหลือ เพราะพี่จะไม่ให้เธอกลับมาทำงานที่นี่อีกแล้ว”
“อะไรนะ”
“ในเมื่อเธอทำตัวไม่น่าไว้ใจ พี่ก็จะไม่ไว้ใจเธออีกแล้ว ไปเก็บของ”
“ไม่ พี่ณัฐจะทำกับเนตรอย่างนี้ไม่ได้ เนตรไม่ยอม”
“แปลว่าจะไม่เอาอะไรกลับใช่มั้ย งั้นก็ขึ้นรถ กลับบ้าน”
“พี่ณัฐไม่ต้องมายุ่งกับเนตร”
เนตรศิตางศุ์ผลักณัฐเดชออก ณัฐเดชอึ้ง
“เดี๋ยวนี้เธอกล้าผลักพี่เหรอยัยเนตร”
ทันใดนั้นรถอีกคันมาจอด กรรณา กรรัมภา ก๊องรีบตามลงมา
“พี่ณัฐคะ”
“พวกเธอไม่ต้องยุ่ง”
“พี่นั่นแหละไม่ต้องยุ่งกับเพื่อนเรา”กรรัมภาเข้ามาปกป้องเนตรศิตางศุ์
“พี่ณัฐทำเหมือนกับยัยเนตรไม่มีความรู้สึก พวกเราทนไม่ได้”
“พวกเธอ เพราะยัยเนตรมีเพื่อนอย่างพวกเธอไง ถึงได้นิสัยเสีย ก้าวร้าว ขี้โกหกแบบนี้”
“มันไม่ใช่เพราะพวกเรา หรือเพราะใครหรอก แต่มันเป็นเพราะพี่นั่นแหละ นิสัยทั้งหมดของยัยเนตร ก็มาจากพี่คนเดียว รู้ไว้ด้วย”
“พวกเธอพูดแบบนี้ได้ไง ก็ดี ต่อไปนี้ ยัยเนตรจะไม่มาที่นี่ และพวกเธอก็ไม่ต้องมายุ่งกับยัยเนตรอีก” ณัฐเดชคว้าแขนเนตรศิตางศุ์
“ไป”
“ช่วยด้วยๆ ตำรวจรังแกประชาชน เจ้าข้าเอ๊ย”
ก๊องร้องโวยวาย ณัฐเดชลากเนตรศิตางศุ์จะไปขึ้นรถกลับ
“ปล่อยเนตรนะ ปล่อย”
หมอวรวรรธขี่มอเตอร์ไซค์มาขวางหน้าพอดี รีบโดดลง
“พี่ณัฐ ปล่อยคุณเนตรเถอะพี่”
“หมอวรวรรธช่วยด้วย ช่วยเนตรด้วย” เนตรศิตางศุ์กัดมือณัฐเดช
“โอ๊ย”
เนตรศิตางศุ์รีบวิ่งไปหลบหลังหมอวรวรรธ ณัฐเดชถึงกับตาลุก
“ยัยเนตร พี่เคยบอกว่าไงเกี่ยวกับไอ้หมอนี่”
“พี่บอกว่าหมอวรวรรธเป็นคนไม่ดี ไว้ใจไม่ได้ ให้อยู่ห่างๆ ไว้ แต่ไม่เห็นจะจริง หมอวรวรรธดีกับเนตรทุกอย่าง มีแต่พี่ณัฐนั่นแหละที่นิสัยไม่ดี”
“เลิกเผด็จการกับคนรอบๆ ตัวพี่ซะที พี่ณัฐ ถ้าพี่อยากให้ใครเชื่อฟังพี่ ก็ต้องเข้าใจเค้าก่อน ไม่ใช่ใช้แต่อำนาจบังคับ”
“ชั้นปกป้องน้องชั้นจากโลกที่มันเสื่อมโทรมมีแต่ภัยอันตราย”
“แล้วพี่เคยถามเจ้าตัวเค้ารึเปล่า ว่าเค้าต้องการมั้ย พี่ก็ทำแบบนี้กะคนที่พี่รักทุกคน จนเค้าเผ่นกันหมดไงล่ะ”
“ไอ้”
ณัฐเดชตบะแตก หันไปพุ่งต่อยหมอวรวรรธคว่ำ
“ไอ้พี่ณัฐ”
หมอวรวรรธตั้งหลักได้พุ่งสู้คืน ทั้งคู่สู้นัวเนียกัน พวกสาวๆ วี้ดว้าย ร้องห้าม
ไตรรัตน์เดินหนีออกมาจากห้องน้ำ เคธี่สวมเสื้อคลุมแล้วรีบตามมา
“ธไรซ์จะไปไหน”
“เคธี่ คุณไม่ได้เป็นอะไร คุณหลอกผม”
“เคธี่แค่อยากรู้ว่าธไรซยังห่วงใยเคธี่บ้างหรือเปล่า” เคธี่เข้ามาประชิดตัวไตรรัตน์ “ขอบคุณนะคะที่ธไรซ์ยังเป็นห่วงเคธี่ไม่เคยเปลี่ยน ธไรซ์ยังเป็นคนเดิมที่ไม่ว่าจะมีปัญหาเล็กหรือใหญ่ ขอแค่เป็นปัญหาของเคธี่ ธไรซ์ก็พร้อมจะมาเสมอ”
“ผม...ผมขอตัว”
ไตรรัตน์จะออกจากห้อง
“จะไปไหนคะ” เคธี่ดึงตัวไตรรัตน์มาประกบทับตัวเองที่หลังชิดผนัง “ในเมื่อธไรซ์ยังรักและห่วงเคธี่เหมือนเดิม แล้วธไรซ์จะเดินหนีเคธี่ทำไม เคธี่ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เรามารื้อฟื้นความหลังของเราดีกว่านะคะด้าลิ้งก์”
“เคธี่...ผม”
เคธี่ยั่วยวน ราวกับกำลังสะกดจิต
“ธไรซ์ไม่คิดถึงเคธี่เหรอ” เคธี่จับมือไตรรัตน์ขึ้นมาสัมผัสตัวเอง ไล้ไปตามส่วนต่างๆ “เส้นผม แก้ม ปาก...ธไรซ์ไม่คิดถึงจริงๆ เหรอ” ไตรรัตน์จ้องเคธี่ ราวต้องมนต์ เคลิ้ม
“ธไรซ์ไม่อยากกอดเคธี่เหรอ กอดสิคะ กอดให้หายคิดถึง”
ไตรรัตน์ยืนนะจังงัง เหมือนงูที่งวยงง ห้ามตัวเองไม่ได้ ฝืนไม่ได้ มือค่อยๆ ยกมาลูบต้นแขนเคธี่ แล้วก็ค่อยๆดึงเคธี่มากอด
“เคธี่ ไอมิสยู”
เคธี่แอบยิ้ม สมใจ กุมาริกาโผล่แว่บเข้ามาแล้วเบรกแทบไม่ทัน
“อ๊ะจ๊ากๆ” กุมาริการีบปิดตาตัวเอง
“ทำอะไรกันอ่ะ กอดกันทำไม พี่ไตวายต้องกอดกับพี่รสสิถึงจะถูก ทำไงดีๆ”
เคธี่มองหน้าไตรรัตน์ ยิ้มให้
“เคธี่กลับมาหาธไรซ์แล้วนะคะ เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่พรากจากกันไปไหนอีก”
เคธี่ปลดเสื้อคลุมตัวเองกองทิ้งกับพื้น แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของไตรรัตน์ออก ทีละเม็ดๆ จนหมด เคธี่ปลดเสื้อของไตรรัตน์ทิ้ง ไตรรัตน์ยืนเปลือยท่อนบน เห็นสร้อยพระบนคอเด่นชัด
“หวายๆ” กุมาริกาปิดตาตัวเอง
“อย่ายอมให้เจ๊ฝรั่งถอดเสื้อออกนะพี่ไตวาย เดี๋ยวก็ถูกเซ็นเซอร์หน้าอกหรอก”
ไตรรัตน์จะดึงเคธี่มากอด แต่เคธี่ดันอกไว้
“ถอดพระออกก่อนนะ”
“เฮ้ย ไม่ได้นะพี่ไตวาย อย่า”
กุมาริการ้องห้ามแต่ไม่มีใครได้ยิน ไตรรัตน์ยืนให้เคธี่ถอดสร้อยพระออกจากคออย่างว่าง่าย พอเคธี่ถอดสร้อยเสร็จ ไตรรัตน์ก็ดึงเคธี่มากอดทันที โดยที่สร้อยพระยังคามือเคธี่อยู่ ผีไอ้ธรรมปรากฎตัวขึ้นด้านหลังไตรรัตน์ทันที
“แย่แล้ว”
แล้วอยู่ๆ ไตรรัตน์ก็มีอาการเฮือก เหมือนถูกใครกระชากคออย่างแรง
“ธไรซ์ เป็นอะไรคะ”
ไตรรัตน์เหมือนถูกอะไรบางอย่างรัดคอไว้ แล้วดึงไปด้านหลังจนไตรรัตน์ตัวแถบลอย หายใจไม่ออก มือเท้ากวัดแกว่งดีดดิ้นแรง
“ธไรซ์ อะไร ธไรซ์เป็นอะไร”
เคธี่อยากจะเข้าไปช่วยไตรรัตน์ แต่ก็เข้าไม่ได้ เพราะไตรรัตน์ปัดป่ายมือเท้ามั่วไปหมด เคธี่เสียหลักล้มไปกับพื้น แล้วทันใดก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเงาสะท้อนในกระจก เคธี่เห็นภาพผีไอ้ธรรมกำลังยืนใช้มือทั้งสองข้างบีบคอไตรรัตน์อย่างแรง เคธี่ถึงกับช็อก ผีไอ้ธรรมหันมามองเคธี่อย่างอาฆาต
“ผี กรี๊ด!”
เคธี่ลนลาน รีบเอาพระคล้องคอตัวเอง แล้ววิ่งแหกปากออกไปจากห้อง
กุมาริกายืนผงะอยู่อีกด้าน มองผีไอ้ธรรมที่กำลังเล่นงานไตรรัตน์อยู่
“ปล่อยพี่ไตวายนะ ปล่อย”
กุมาริกาพุ่งจะเข้าไปเล่นงานผีไอ้ธรรม แต่ผีไอ้ธรรมหันกลับมาแฮ่ ตวัดท่อนแขนใส่กุมาริกากระเด็นไปไกล กุมาริกาตั้งหลัก ฮึดสู้
“หนอย ไม่รู้จักอีหนูหมัดทองคำซะแล้ว”
หมัดกุมาริกากลายเป็นเหล็กปอนด์ กุมาริกาพุ่งเข้าไปชกแต่กลับเหมือนชกเหล็กที่แข็งแกร่ง ไม่สะทกสะท้าน ตัวกุมาริกาสั่นแทน กุมาริกาสยองที่ทำอะไรไม่ได้
“ทำไมทำอะไรไม่ได้เลย”
ผีไอ้ธรรมหันมาตบกุมาริกาจนกระเด็นคว่ำ ผีไอ้ธรรมเหมือนตัวใหญ่ขึ้น เหมือนได้รับพลังพิเศษมากขึ้น
“ไอ้ไตรรัตน์ ไม่มีใครช่วยมึงได้แล้ว วันนี้มึงต้องตาย กูจะได้เป็นอิสระ”
ไตรรัตน์พยายามดีดดิ้น
“แย่แล้ว”
อีกด้านหนึ่งณัฐเดชกับหมอวรวรรธกอดปล้ำกันกลิ้งนัวเนียไปกับพื้น ไปซ้ายที ขวาที ผลัดกันอยู่บน ผลัดกันอยู่ล่าง ผลัดกันชกไปมา ให้ดูนัวๆ มั่วๆ แต่หมอวรวรรธดูเสียเปรียบ ถูกชกมากกว่า พวกสาวๆ พยายามห้าม จนกรรณากับกรรัมภาไปกระชากณัฐเดชแยกออกไป
“พี่ณัฐพอได้แล้ว”
“ก๊อง จับไว้สิ จับไว้”
ก๊องเข้ามาล็อกตัวณัฐเดชเอาไว้
“ปล่อยชั้น”
“พี่ณัฐครับ ขอทีครับ ขอที”
“นี่แน่ะ” ณัฐเดชถองเข้าที่ท้องของก๊องเต็มๆ ก๊องจุกลงไปกอง
“แก ไอ้หมอวรวรรธ ความรักของชั้น ที่แกแย่งไป ชั้นจะขอเคลียร์ให้จบในวันนี้”
“ที่ผู้หญิงไม่เลือกพี่ เพราะไม่มีใครทนให้พี่ออกคำสั่งบังคับได้ตลอดไป รู้ไว้ด้วย”
“แก”
ณัฐเดชเหลืออด ดิ้นหลุดจากการล็อกตัว โผเข้าไปชกกับหมอวรวรรธอีก ทั้งคู่นัวเนียกันอีก
“ก๊อง จับพี่ณัฐไว้สิ เร็วๆ”
ก๊องจะเข้าไปจับณัฐเดช แต่โดนลูกหลงมาอีก ก๊องขยาดๆ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นสุคนธรสเดินชะเง้อมองไปหน้าบ้าน รอไตรรัตน์กลับมาด้วยท่าทางเป็นห่วง ทันใดนั้นกุมาริกาโผล่แว่บมา
“พี่รส แย่แล้ว พี่ไตวาย...”
“นายไตวายทำไม มีเรื่องอะไรโกลเด้นท์”
“โกลเด้นท์เบบี้ เรียกให้เต็มๆ”
“ยังจะมาห่วงเรื่องชื่ออีก เออๆ โกลเด้นท์เบบี้ จะบอกได้หรือยังว่านายไตวายเป็นอะไร”
“ยัยเจ๊ฝรั่งถอดเอาสร้อยพระพี่ไตวายไป ตอนนี้วิญญาณนายธรรมกำลังจะฆ่าพี่ไตวายแล้ว”
“ห๊า”
“รีบไปช่วยพี่ไตวายเร็ว”
“เธอรีบกลับไปช่วยถ่วงเวลาวิญญาณนายธรรมไว้ก่อนชั้นจะไปถึง”
“แต่มันพลังเยอะมากเลยอ่ะ”
“รีบกลับไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้”
“จ้า”
กุมาริกาหายแว๊บไป
สุคนธรสรีบวิ่งกลับมาหยิบถุงย่ามที่มีของอาคมอยู่ สุคนธรสกำลังจะออกไป แต่อยู่ๆ สมศักดิ์กับสมศรีมาขวาง
“จะไปไหน ตกลงเอ็งสองคนคุยกันแล้ว ว่ายังไง จะแต่งหรือไม่แต่ง”
“เอาไว้ก่อนน่ะพ่อ”
พ่อกับแม่ไม่ยอมให้สุคนธรสไป
“เอ็งหาเรื่องจะถ่วงเวลาอีกแล้วใช่มั้ยนังรส ยังไงครั้งนี้ข้าก็ไม่ยอมหรอกนะ ถ้าเอ็งสองคนไม่แต่งงานกัน ข้าจะไม่ยกมรดกให้เอ็งสักบาท”
“พ่อ แม่ อย่าเพิ่งเซ้าซี้เรื่องนี้ได้มั้ย นายไตวายกำลังจะตายอยู่แล้ว” สุคนธรสรีบร้อนออกจากบ้านไป
"หนูยืมรถก่อน"
สุคนธรสรีบกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์ของสมศักดิ์แล้วรีบบิดออกไปทันที ฝุ่นตลบ
“แกจะหนีไปไหนนังรส ฮ้า! หรือว่าพวกเอ็งคิดจะหนีตามกันไป พวกข้าไม่ยอม”
“ข้าก็ไม่ยอม พ่อเอ็ง รีบตามไปเร็ว”
สมศักดิ์กับสมศรีรีบออกจากบ้านตามไป
ที่มุมนึงของรั้วบ้าน ยายเมี้ยนถือกล้องถ่ายรูปกำลังถ่ายข่าวเม้าท์อยู่ ท่าทางสาระแนสุดๆ รีบตามไปอีกคน
กุมาริกาโผล่ามาในห้องพักที่ไตรรัตน์โดนผีร้ายบีบคอจวนจะหมดลมสุดท้ายแล้ว
“ที่น้าทำอยู่มันบาปนะน้า”
ผีไอ้ธรรมหันมามองกุมาริกาด้วยดวงตาแดงก่ำ
“มึงอย่ามายุ่ง ถ้ากูไม่ฆ่ามัน กูจะโดนทำลายวิญญาณ”
“น้าก็รู้ว่าหนูปล่อยให้น้าฆ่าเขาไม่ได้ น้าอย่าทำเลยนะ หนูไม่อยากทำร้ายน้า”
“ไม่ได้”
ไตรรัตน์ตาเริ่มลอย กุมาริกาต้องรีบทำอะไรซักอย่างโดยด่วน
“แปลงกาย” กุมาริกาชูมือขึ้น แล้วกระโดดตีลังกาลงมายืนในชุดไอ้แมงมุม
“มองอะไรย้า ไม่เคยเห็นไอ้แมงมุมเหรอ”
ผีไอ้ธรรมกระโดดเข้ากุมาริกาทันที ไตรรัตน์สำลักไอออกมา หายใจเอาอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่ กุมาริกาปล่อยใยแมงมุมไปที่เพดานแล้วดึงตัวขึ้นไปหลบผีไอ้ธรรมอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะปล่อยใยไปเกาะผนังแล้วโหนตัวถีบผีไอ้ธรรมคว่ำลง
“ยอมแพ้เถอะน้า จะได้ไม่เจ็บตัว”
ผีไอ้ธรรมลุกขึ้นมา
“มึง”
“พูดจาไม่เพราะเลยน้า นี่แน่ะ”
กุมาริกาพ่นใยแมงมุมเป็นชุดไปห่อพันร่างของผีไอ้ธรรมราวกับมัมมี่
“เย้ บอกแล้วไม่เชื่อโกลเด้นท์เบบี้”
กุมาริการีบวิ่งไปหาไตรรัตน์ที่ยังนอนหมดแรงอยู่ที่พื้นจับคอตัวเองเพราะความเจ็บปวด
“คุณไตรรัตน์ลุกขึ้นมาเร็ว รีบหนีด่วน”
ไตรรัตน์ไม่ได้ยินกุมาริกา แต่เริ่มยันตัวขึ้นมาได้
สุคนธรสขับรถมาตามถนนระหว่างนั้นกดโทรศัพท์ไปด้วย แต่ไม่ติด ไม่มีคนรับ สุคนธรสร้อนใจมาก รีบบิด คันเร่งมิดสุดๆ กุมาริกาโผล่แวบมาซ้อนท้ายสุคนธรส หัวยุ่งเหยิงเพราะสู้มากะผีไอ้ธรรม
“นายไตรรัตน์ เป็นไงบ้าง”
“พี่รีบไปเถอะ หนูอาจจะได้แค่ถ่วงเวลาเอาไว้ ไม่รู้ว่าจะได้อีกนานแค่ไหน มันแข็งแกร่ง เหมือนมีพลังบางอย่างหนุนหลังเสริมพลังให้กับมันอยู่”
“มีพลังบางอย่างหนุนหลังอยู่เหรอ พลังอะไร พลังใคร” สุคนธรสครุ่นคิด แล้วก็ตาโต คิดออก “หรือว่า...”
ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ หมอวรวรรธถูกเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้ ณัฐเดชวิ่งตามมาซ้ำจะโดดถีบ แต่หมอวรวรรธพลิกหลบก่อน ณัฐเดชถีบโดนต้นไม้กระเด็นหงายหลังเอง โดยไม่รู้ตัวว่าโทรศัพท์มือถือหล่นพื้น หมอวรวรรธหัวเราะ ณัฐเดชยิ่งแค้น
“มา แค้นนักก็เข้ามาเลยพี่ณัฐ”
ณัฐเดชตามไปอัด ชกหมอวรวรรธคว่ำไปแล้วจะตามซ้ำ แต่แล้วเนตรศิตางศุ์ก็วิ่งฝ่ามายืนตรงกลาง ผลักณัฐเดชออก
“พอได้แล้ว” เนตรศิตางศุ์ปกป้องหมอวรวรรธ
“เนตร ไปปกป้องมันทำไม มันเป็นศัตรูของพี่นะ”
“ถึงหมอวรวรรธจะไม่ดีในสายตาพี่ แต่เค้าดีในสายตาของเนตร หมอวรวรรธดีกับเนตรมากกว่าพี่ซะอีก”
“เนตร ไอ้วรวรรธ” ณัฐเดชจะเข้าไปต่อยหมอวรวรรธ
“พอได้แล้วพี่ณัฐ” กรรัมภา กรรณามาปกป้องหมอวรวรรธกันหมด
“พวกเธอ...”
“ก่อนจะด่าว่าพวกเรา พี่รู้หรือเปล่าว่าพวกเราไปได้ข้อมูลอะไรที่พัทยามา พี่รู้หรือเปล่าว่าคุณใบหม่อนตายเพราะอะไร...รู้ไว้ด้วยนะว่ามีคนแอบเอายาอะไรบางอย่างใส่ลงไปในคอนแท็กเลนส์ของคุณใบหม่อน” กรรณาบอกออกมาเป็นชุด
“อะไรนะ” หมอวรวรรธกับณัฐเดชถามออกมาพร้อมกัน
“ใช่ค่ะ หมอวรวรรธ ศพคุณใบหม่อนมีคอนแท็กเลนส์อยู่หรือเปล่าคะ ถ้ามี ก็ช่วยเอาไปตรวจสอบด้วย”
“มีๆ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีอะไร”
“ไงคะพี่ณัฐ ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเนตรไปพัทยา ไม่ใช่เพราะพวกเรา ข้อมูลพวกนี้ พี่จะสืบได้เมื่อไหร่คะ...แทนที่พี่จะต่อว่าพวกเรา ช่วยขอบคุณจะดีกว่า ที่เราทำให้งานของพี่ง่ายขึ้น”
“แล้วคนที่ได้ความดีความชอบ ใช่พวกเราที่ไหน พี่ล้วนๆ”
ทันใดมือถือของณัฐเดชที่หล่นพื้นดัง ณัฐเดชมองหาโทรศัพท์ของตัวเอง พบว่าไปหล่นอยู่กับพื้น เข้าไปหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย
“มีอะไรด่วนหรือเปล่ายัยรส” ณัฐเดชทำหน้าแปลกใจปนงง “อะไรนะ” ณัฐเดชวางสาย
“เนตร รอพี่อยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน เข้าใจมั้ย”
“พี่จะไปไหน ยัยรสมีเรื่องอะไร”
“ไม่ต้องยุ่ง บอกให้อยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน...”
ณัฐเดชรีบวิ่งออกไปทันที พวกสาวๆ เป็นห่วงเพื่อน
กุมาริกาแว๊บกลับมาหาไตรรัตน์ที่ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วกำลังจะยันตัวลุกขึ้น
“เร็วคุณไตรรัตน์ ลุกเร็ว มีเวลาไม่มากนะ” กุมาริกาพูดไม่ทันขาดคำ ใยแมงมุมที่พันผีไอ้ธรรมไว้เริ่มมีแสงเล็ดลอดออกมาก่อนจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
“งานเข้าแล้วโกลเด้นท์เบบี้” ผีไอ้ธรรมหน้าตาอำมหิตกว่าเดิม หายตัวว๊าบมาโผล่หน้ากุมาริกาแล้วบีบคอกุมาริกา
“อ๊อก...”
กุมาริกาพูดไม่ออก ผีไอ้ธรรมเหวี่ยงกุมาริกากระแทกโคมไฟกระเด็นคนละทิศคนละทาง ไตรรัตน์งงว่าเกิดอะไรขึ้น...กุมาริกาสะบัดหน้ามึน ไม่ทันตั้งตัว ผีไอ้ธรรมโผล่มาประชิดตัว กุมาริกากลืนน้ำลายเอือกใหญ่
“Oh My God”
สุคนธรสวิ่งเข้ามาในโรงแรม กำลังจะวิ่งพุ่งไปที่ฟร้อนท์ แต่กลับพบพวกพนักงานกำลังรุมกันอยู่ด้านหนึ่ง พอมองเข้าไปก็พบว่าพนักงานกำลังรุมปลอบเคธี่ที่กำลังขวัญเสียอยู่
“เคธี่...นายไตวายอยู่ห้องไหน”
เคธี่ผวา
“อย่า คุณรส ช่วยด้วยๆ”
“บอกมาเร็วๆ ว่าห้องไหน”
เคธี่ขวัญเสียพูดไม่รู้เรื่อง สุคนธรสเห็นสร้อยพระที่คอเคธี่ คว้าคืนมา แล้วก็คิดพึ่งเซ้นส์ตัวเอง เลยหลับตาลง พยายามดมกลิ่น แล้วทันใดสุคนธรสก็ได้กลิ่น สุคนธรสลืมตารีบตามกลิ่นไป
“ชั้นได้กลิ่นแล้ว ทางนี้”
สุคนธรสวิ่งมาตามทางเดินหน้าห้อง ตามเซ้นส์ของตัวเองมาซึ่งได้กลิ่นสาปตลบอบอวล
“ทางนี้ กลิ่นอาฆาต พยาบาทที่รุนแรงมาก” สุคนธรสวิ่งมาตามทาง มีเป้าหมายที่ประตูห้องด้านในสุด มีพนักงานของโรงแรมออหน้าห้อง “ถอยไปค่ะ” สุคนธรสเปิดเข้าไปได้เลย ประตูไม่ได้ล็อก “พวกคุณรออยู่นี่ละค่ะ”
สุคนธรสรีบปิดประตูห้อง แล้วต้องชะงักกับกลิ่นเน่าเหม็นจนสุคนธรสแทบผงะ ต้องดึงหน้ากากขึ้นมาสวม “นายไตรรัตน์...”
สุคนธรสร้องหากุมาริกาเพราะไม่พบใคร
“โกลเด้นท์...โกลเด้นท์เบบี้”
มาทันที กุมาริกาลอยออกมาจากห้องนอน
“อ๊าก...”
โครม กุมาริกาชนประตูดังสนั่น แล้วลงมากองกับพื้น
“อยู่นี่จ๊ะ”
“โกลเด้นท์” สภาพกุมาริกาแย่มาก ชุดขากกะรุ่งกะริ่ง หน้ากากถูกฉีกจนเห็นตาข้างหนึ่ง “มันอยู่ไหน”
“ในห้อง”
กุมาริกาชี้ไปในห้องนอน สุคนธรสรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วต้องช็อก เพราะไตรรัตน์ตัวลอยติดผนังอยู่ ไตรรัตน์หายใจรวยริน แผ่วเบามาก สุคนธรสมองไม่เห็นผีไอ้ธรรม เลยดึงหน้ากากออก สูดกลิ่นสาปเข้าไปเต็มๆ แต่พยายามตั้งสมาธิ แล้วตัดสินใจหยิบของออกมาจากกระเป๋า
สุคนธรสแบมือออก พบว่าเป็นไม้แกะสกลักรูปลิงหน้าโขนนั่งยองๆ อ้าปากจนเห็นลิ้นกับฟัน
“หนุมาน หลวงพ่อสุ่น” สุคนธรสภาวนาคาถาก่อนเป่าลมออกจากปาก “หะ นุ มา สะ สวาโหม”
ทันใดทั้งห้องก็สว่างเรืองรองขึ้นมา ปรับตาชั่วครู่ สุคนธรสก็สามารถมองเห็นผีไอ้ธรรมที่บีบคอไตรรัตน์อยู่
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
ผีไอ้ธรรมยิ้มเหี้ยม ไม่ปรานี สุคนธรสพนมมือ ถือพระรอดเอาไว้ในมือปากพึมพำคาถา ทันใดที่มือของผีไอ้ธรรมที่บีบคอไตรรัตน์อยู่ เกิดประกายสว่างเรืองรอง ผีไอ้ธรรมพยายามฝืน แต่มือนั้นกลับไร้เรี่ยวแรง และร้อนดั่งไฟ ผีไอ้ธรรมผละมือ ปล่อยไตรรัตน์หล่นตุ้บ แล้วผีไอ้ธรรมก็ถูกพลังบางอย่างซัดลอยขึ้นไปติดเพดาน
“พี่ไตวาย” กุมาริการีบเข้าไปดูอาการไตรรัตน์ “ยังไม่ตาย...ต้องปั๊มหัวใจ” กุมาริกาลอยไปยืนบนหน้าอก ย้ำเท้าแทนปั๊มหัวใจ “กิงก่องแก้วๆ”
ผีไอ้ธรรมเหมือนถูกแสงสว่างนั้นตรึงให้ติดอยู่กับเพดาน ได้แต่ดิ้น ร้องทรมาน
“อ๊าก”
สุคนธรสบริกรรมคาถา จริงจัง
“ว้าว พี่รสเจ๋งเป้งสุดๆ เลย ไก่ย่างถูกเผาๆ มันจะถูกไม้เสียบ เอ้า มันจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆๆๆ”
“ด้วยอำนาจบารมีขององค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอจงปลดปล่อยดวงวิญญาณผีร้ายนี้ ให้ไปสู่ภพภูมิที่ชอบ”
“แฮ่ๆ มึง”
ที่ห้องทำพิธีในสำนักหมอผีสมคิด หมอผีสมคิดผงะ เซ เหมือนถูกซัดเอง
“หนอย นังตัวดี อยากลองของกับข้าอีกแล้วใช่มั้ย ได้ ครั้งนี้แกไม่รอดแน่”
หมอผีสมคิดหยิบขนอีกาออกมาวางลงในถาด บริกรรมคาถา พึมพำอย่างน่ากลัว แล้วอยู่ๆ ขนนกนั้นก็ลอยขึ้น หมุนกลายเป็นมวลพลังงานสีดำ ลอยฉวัดเฉวียนพลุ่งพล่านไปมา พร้อมมีเสียงหวีดแหลมเหมือนเสียงวิญญาณสัมภเวสีมากมาย
ข้าวของในห้องนั้น เหมือนถูกแรงของพลังงาน ทำให้สั่นกึกๆ ไหวๆ ลอยตัวๆ
“แกตาย”
อยู่ๆ ตาของหมอผีสมคิดก็เปลี่ยนจากขาวกลายเป็นดำ ลูกตาดำกลับกลายเป็นขาวขุ่น น่าสยอง
แววตาของผีไอ้ธรรมกลับมามีพลังเพิ่มขึ้น สีหน้าของผีไอ้ธรรมเปลี่ยนไป ไม่ทรมาน แต่กลับแสยะยิ้ม น่าขนลุกแทน ร่างของผีไอ้ธรรมซึมหายเข้าไปในเพดาน กุมาริกาตกใจถอยหลัง แต่แล้วก็ถูกผีไอ้ธรรมโผล่ออกมาจากผนังด้านหลังคว้าคอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“โกลเด้นท์”
“โกล...เด้นท์เบ...บี้...เรียกให้เต็มๆ สิ” กุมาริกาบอกทั้งที่ถูกบีบคอ
ทันใดนั้นผีไอ้ธรรมก็เหวี่ยงกุมาริกาไป ร่างกุมาริกาลอยทะลุสุคนธรส ทะลุทุกอย่าง ทะลุกำแพง หายหลุดออกไปเลย มีแต่เสียงร้องของกุมาริกาดังจนสุดเสียงและหายไป
“โกลเด้นท์เบบี้...”
สุคนธรสหันกลับมา แต่สุคนธรสไม่ทันพูดอะไร ผีไอ้ธรรมก็พุ่งมาจากพื้นตรงหน้า จับข้อเท้าสุคนธรสกระชาก สุคนธรสหงายฟาดลงกับพื้น พระรอดกระเด็นหลุดไป สุคนธรสจะยันตัวขึ้นมา แต่ก็ถูกผีไอ้ธรรมแยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาจะกัด
“แฮ่”
สุคนธรสตกใจ ยกมือกันเอาไว้ ดันปากที่มีเขี้ยวน่าสยองของผีไอ้ธรรม แต่ก็สู้แรงไม่ไหวถูกผีไอ้ธรรมกัดเข้าที่ไหล่เหนือต้นแขน ผีไอ้ธรรมกัดและกระชาก
“อ๊าก”
เลือดคาปากผีไอ้ธรรม
“แกต้องตาย”
สุคนธรสพยายามรวบรวมสติ จะคว้าของอาคมในกระเป๋า แต่เอื้อมไม่ถึง ผีไอ้ธรรมบีบคอสุคนธรสด้วยสองมือ แล้วพลิกตัวขึ้นไปยืนบนเพดาน ปล่อยสุคนธรสห้อยต่องแต่งเหมือนถูกแขวนคอ สุคนธรสดีดดิ้นหายใจไม่ออก
ไตรรัตน์ได้สติ ลืมตามอง แล้วก็ต้องตาเบิกโพลงเมื่อเห็นสุคนธรสลอยค้างกลางอากาศอยู่เหนือตัวเอง ยังไม่เห็นผีไอ้ธรรม จนกระทั่งเลือดที่ต้นแขนของสุคนธรสหยดลงมาที่บนหน้าผากของไตรรัตน์ ไตรรัตน์เช็ดดู
“เลือด...”
ไตรรัตน์เงยมองไปอีกที คราวนี้เห็นผีไอ้ธรรมเต็มๆ ที่กำลังล็อกคอสุคนธรสอยู่ ไตรรัตน์ผงะ ช็อก
อ่านต่อ หน้า 3
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ณัฐเดชมาที่สำนักหมอสมคิด กำลังจะเข้าไป แต่หาญกับกล้ารีบออกมาขวาง
“เฮ้ยๆๆ วันนี้สำนักไม่เปิด ไม่รับลูกค้า กลับไปๆ”
“ผมเป็นตำรวจ มีคนร้องเรียนมา ผมเลยจะมาขอสอบถามอะไรหมอสมคิดหน่อย”
“วันนี้อาจารย์ไม่พบใครทั้งนั้น กลับไป”
“อยู่ แต่ไม่ยอมพบ มันหมายความว่ายังไง หรือว่าหมอสมคิดกำลังทำอะไรไม่ดีอยู่”
ณัฐเดชไม่สนใจ เดินฝ่าจะเข้าไป แต่หาญคว้าแขนณัฐเดชไว้จะดึงกลับมา แต่กลับถูกณัฐเดชพลิกและบิดแขน หาญเจ็บ
“มีคนแจ้งมาว่า พวกแกกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่ ใช่มั้ย”
ณัฐเดชผลักหาญออกจะเดินเข้าไป แต่กล้ามาขวางอีก ณัฐเดชชก เปิดฉากบู๊ทันที ยังไงก็จะเข้าไปให้ได้ สาวกหมอผีสมคิดเข้ามารุมณัฐเดชทันที
ทันใดรถอีกคันเข้ามาจอด หมอวรวรรธ เนตรศิตางศุ์ กรรณา กรรัมภา ก๊องแห่ตามมากันหมด เห็นณัฐเดชกำลังถูกรุมรีบเข้าไปช่วย
“เฮ้ย หมาหมู่นี่หว่า”
“ทุกคน อยู่ในความสงบ พวกเรา ล้อมเอาไว้หมดแล้ว”
หมอวรวรรธ ก๊องรีบเข้าไปช่วย ลากหาญกับกล้ามาชก
“เฮ้ย ใครใช้ให้ตามมา”
“ยัยรสกำลังมีเรื่องเดือดร้อน เราจะมาช่วยเพื่อนของเรา...พี่ณัฐไม่มีสิทธิ์มาบังคับ”
ขณะที่พวกหนุ่มๆ บู๊กัน พวกสาวๆ จะเข้าไปด้านใน แต่อยู่ๆ หาญคว้าตัวเนตรศิตางศุ์เอาไว้
“ยัยเนตร ระวัง”
หมอวรวรรธโผล่มา กระชากหาญมาชก กระเด็น
“คุณไม่เป็นอะไรนะ” หมอวรวรรธถามอย่างเป็นห่วง
“ค่ะ”
ณัฐเดชกระชากหมอวรวรรธออก
“ใครใช้ให้แกมายุ่งกับน้องสาวชั้น”
“ระวัง”
เนตรศิตางศุ์ร้องบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นกล้าคว้าไม้จะมาตีณัฐเดช แต่ณัฐเดชหลบ หมอวรวรรธเข้ามาช่วย แต่ถูกตีเอง กล้าหันมาเล่นงานหมอวรวรรธ จนณัฐเดชต้องมาช่วยหมอวรวรรธอีกที
“บู๊ไม่เป็นก็กลับไปกินนมไป”
“ผมบู๊ไม่เก่ง แต่ผมก็ไม่ใจมดครับพี่”
แล้วหมอวรวรรธก็ถูกหาญโดดถีบคว่ำไป
“หึ ปากดีนัก”
“ก๊องมาช่วยแล้ว” ก๊องวิ่งเข้ามา อย่างแมน แล้วลื่นล้มไปเอง “โอ๊ย”
ณัฐเดชเข้าไปช่วยบู๊ พลางขับไล่พวกหมอวรวรรธ
“พวกเธอกลับบ้านไป”
แต่หมอวรวรรธเข้ามาช่วยบู๊ แต่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ถูกชกมากกว่า เนตรศิตางศุ์ได้แต่เป็นห่วงหมอวรวรรธ
“หมอ...”
สาวกเข้ามาจะจับกรรัมภา กรรณา
“ว๊าย...”
กรรณาเตะเข้าเต็มสีข้างสาวกกระเด็น แล้วหันไปศอกเต็มหน้าอีกคน เลือดกระฉูด เลือดกระเด็นมาโดนเสื้อกรรัมภา
“ว๊าย ชาแนลชั้น”
“เข้าไปช่วยยัยรสก่อนเถอะ ไป”
กรรัมภากับกรรณาฉวยโอกาสเข้าไปด้านใน แต่ต้องชะงักเพราะเนตรศิตางศุ์ไม่ยอมตามมา แล้วทันใด หมอวรวรรธถูกกล้าเอาไม้ฟาดหัว
“หมอวรวรรธ”
เนตรศิตางศุ์รีบไปหาหมอวรวรรธ
“ยัยเนตร โธ่ ช่างมัน ไป”
ทางด้านสุคนธรส ขณะนั้นเธอเสียท่าผีไอ้ธรรมและกำลังจะสิ้นลม
“หึๆ จัดการอีนี่เสร็จ มึงไอ้ไตรรัตน์จะเป็นรายต่อไป”
ไตรรัตน์ลุกขึ้นมา มองภาพตรงหน้าไม่อยากเชื่อ แต่แล้วก็พยายามจะหาทางช่วยสุคนธรส หันไปเห็นพระรอดหล่นอยู่ รีบไปคว้ามาแล้วพนมมือ
“คุณพระศรีรัตนตรัย ช่วยคุณรสด้วย”
ไตรรัตน์พูดซ้ำไปซ้ำมา แล้วชูพระขึ้น แสงสว่างจากพระรอดเปล่งประกาย ผีไอ้ธรรมไม่สะทกสะท้าน
“ฮ่าๆ”
ที่สำนักหมอผีสมคิด กรรัมภากับกรรณาเข้ามาด้านใน วิ่งมาตามทาง กรรัมภาวิ่งไม่สะดวก จึงถอดรองเท้าขึ้นมาถือ สาวกโผล่มาดักหน้าสองสาว กรรณาจระเข้ฟาดหางเต็มกราม สาวกร่วง อีกคนโผล่มาล็อคกรรณาได้
“ว๊าย”
อารามตกใจ กรรัมภาเอาส้นสูงรองเท้าทิ่มเข้าที่ตาสาวกคนนั้น
“อ๊าก”
กรรณาหลุดออกมาพากรรัมภาวิ่งไปต่อ
“แอร์เมสชั้น”
ทั้งคู่วิ่งจนถึงห้องทำพิธี รีบเข้าไปเพราะคิดว่าสุคนธรสอยู่ในนั้น
“ยัยรส”
แต่กลับพบหมอผีสมคิดทำพิธีอยู่
“ออกไป”
“นี่มันอะไร”
“เอาพวกมันออกไป”
ทันใดกลุ่มพลังงานบางอย่าง พุ่งทะยานออกมา รุนแรงคล้ายลมแรง พุ่งเข้าปะทะกรรัมภากับกรรณาจนซวนเซ ไม่สามารถต้านแรงเข้าไปได้ ประตูห้องปิดลงแรงและเร็ว ปัง! กรรัมภาผละถอย ถอดถุงมือออก ยื่นมือสัมผัสมวลพลังงานเหล่านั้นแล้วกรรัมภาก็เห็นสุคนธรสกำลังถูกรัดคออยู่ในห้องๆ หนึ่ง
“ห๊า ยัยรส”
ด้านหน้าสำนักหมอผีสมคิด กล้าจะซ้ำหมอวรวรรธ แต่ก๊องที่กำลังวาดไม้กำลังจะตีสาวกคนหนึ่ง ความยาวไม้กลับไปโดนหัวกล้าโดยบังเอิญ โป๊ก! กล้าทรุดกุมหัวอย่างเจ็บ ก๊องหันมางงไมรู้ว่าตนเองช่วยหมอไว้ แต่ก๊องกลับโดนสาวกชกเต็มเบ้าตา
“โอ๊ยเจ็บ”
เนตรศิตางศุ์รีบมาดูอาการหมอวรวรรธ
“หมอ เป็นไงบ้าง...เลือด” เนตรศิตางศุ์ตกใจเมื่อพบว่าหัวหมอวรวรรธแตก ณัฐเดชจัดการหาญจนสลบไป รีบมาหาเนตรศิตางศุ์ “พี่ณัฐ หมอวรวรรธ เลือดไหล พาหมอวรวรรธไปหาหมอเร็ว”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร หัวแตกนิดเดียว พี่รีบเข้าไปช่วยคุณรสก่อนเถอะ”
ณัฐเดชห่วงด้านในแล้วก็ห่วงเนตรศิตางศุ์ด้วย
“ไอ้หมอ ดูแลน้องชั้นด้วย น้องชั้นเป็นอะไร แกตาย เนตร อยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
ณัฐเดชรีบวิ่งเข้าไป หาญยันตัวมา
“ เข้าไปไม่ได้”
หาญรีบตามไป
ที่ห้องทำพิธีกรรณากับกรรัมภาพยายามจะพังประตูเข้าไปถึงตัวหมอผีสมคิดให้ได้
“เปิดประตูไอ้หมอสมคิด เปิดประตู”
ทันใดณัฐเดชโผล่มา
“ยัยแก้ม ยัยกรรณ”
พอดีหาญวิ่งตามมา ณัฐเดชคว้าตัวหาญแล้วเหวี่ยงเข้าไปที่ประตู โครม ประตูพังเข้าไป หาญล้มคว่ำทับพิธีระเนระนาด กระจัดกระจาย หมอผีสมคิดผงะ ออกจากภวังค์ ตากับมาเป็นปกติ
ทุกอย่างสงบ หมอผีสมคิดหันมาจ้องกรรณากับกรรัมภา
“พวกแกเป็นใคร”
กรรณากับกรรัมภาไม่ตอบ หันเดินหนีออกไป เหลือแค่ณัฐเดชกับหมอผีสมคิด
ไตรรัตน์ชูพระพร้อมกับสวดอะระหังไม่ยอมหยุด จู่ๆ ผีไอ้ธรรมก็ผงะ อ่อนแรง ไตรรัตน์ยังคงชูพระรอดอยู่อย่างนั้น ผีไอ้ธรรมถูกรัศมีจากพระรอดกระทบจนร้อนเนื้อกายลุก แตกระแหง ส่งเสียงร้องแหลมโหยหวน ไฟลุกจากตัว
“อ๊าก”
แล้วผีไอ้ธรรมก็หายแวบไป สุคนธรสร่วงลงมาตรงกับที่ไตรรัตน์ยืนอยู่ ไตรรัตน์ประคองแต่รับน้ำหนักไม่ไหว ล้มลงไปด้วยกัน แต่ไตรรัตน์กอดปกป้องสุคนธรสเอาไว้แนบแน่น ไตรรัตน์มองว่าทุกอย่างสงบแล้ว กอดสุคนธรสแน่นพร้อมกำพระรอดแน่น สุคนธรสสลบแน่นิ่ง
หมอผีสมคิดเอาเรื่องณัฐเดชที่บุกรุกเข้ามา
“มีคนแจ้งว่าผมทำพิธีล่วงละเมิดผู้หญิง ไหนล่ะ ผู้หญิง ผมแค่สวดมนต์บำเพ็ญเพียรตามวิถีของผม มันผิดด้วยเหรอ”
“เอ่อ ผม”
“ใครเป็นคนแจ้งผู้กอง บอกผมมาสิ”
“เอาเป็นว่า ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกครับ” ณัฐเดชรีบออกไป
“เดี๋ยว”
หมอผีสมคิดจะตามณัฐเดชไป แต่อยู่ๆ ผีไอ้ธรรมกลับมาคว่ำอยู่ที่หน้าโกศเก็บดวงวิญญาณ ทรมาน เนื้อตัวแตกระแหงเป็นชิ้นๆ ยังไม่สลาย แต่ไร้เรี่ยวแรงใดๆ ส่งเสียงครวญอย่างนั้น
“โอย ช่วยด้วย”
หมอผีสมคิดชะงัก หันกลับมา ยิ่งแค้น
ไตรรัตน์นั่งอยู่กับพื้นโดยมีสุคนธรสทับอยู่บนตัว
“คุณรส ฟื้นสิ” ไตรรัตน์พยายามจะอุ้มสุคนธรสแล้วลุกขึ้นยืน แต่พอลุกขึ้นมาแล้วก็ไม่ไหว ต้องทรุดลงไป กระแทกพื้นอย่างแรง “โอ๊ย”
ไตรรัตน์ร้องซี้ด โอย โดยมีร่างสุคนธรสในมือ ทันใดนั้นพนักงานโรงแรมด้านนอกก็เปิดประตูห้องเข้ามา มีสมศักดิ์กับสมศรีวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นภาพตรงหน้าที่ไตรรัตน์กำลังซี้ดโอยเพราะเจ็บก้นอยู่ แต่สมศักดิ์กับสมศรีเข้าใจผิด เพราะสภาพไตรรัตน์ถอดเสื้ออยู่ สมศักดิ์กับสมศรียืนจ้องตาค้าง
ไตรรัตน์เงยขึ้นมาเห็นสมศักดิ์กับสมศรียืนจ้อง ตาค้างอยู่
“อย่าบอกนะว่า ”
“เอ็งสองคนนัดกันมา”
“ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างที่พ่อแม่คิดนะครับ”
อยู่ๆ ยายเมี้ยนวิ่งตามมาอีกคน
“ว้าวๆ” ยายเมี้ยนรีบถ่ายรูปเก็บไว้ “ว่าแล้วต้องมีอะไรเด็ดๆ นี่คงจะนัดกันมาชะชะช่าอีกแล้วสิโหยๆ ดูสภาพห้องสิ ดุเดือดกันขนาดนี้เลยเหรอพ่อคุณ ตาศักดิ์ ยายศรีเอ๊ย ลูกเขยเอ็งมันกระทิงป่าชัดๆ ฮะๆ สุดยอด” ยายเมี้ยนวิ่งออกไป “เจ้าข้าเอ๊ย”
ไตรรัตน์ซีดจ๋อย สะกิดสุคนธรส
“ฟื้นมาช่วยกันหน่อยสิคุณ”
หมอผีสมคิดแค้นยืนมองข้าวของในพิธีล้มเกลื่อนห้อง หาญ กล้าเปิดประตูเข้ามารายงาน
“พวกมันเผ่นกันไปหมดแล้วครับอาจารย์”
“หึ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ที่มันโผล่มา”
“งั้น งั้นอาจารย์ก็ตกเป็นผู้สงสัยของตำรวจแล้วน่ะสิ” กล้าถามอย่างตกใจ
“นังสุคนธรสกับไอ้ไตรรัตน์ คงกำลังร่วมมือกับตำรวจ หาทางเช็คบิลสำนักฉันอยู่ หึๆ”
“โธ่ อาจารย์ยังจะหัวเราะออกอีกเหรอ”
“ไอ้ไตร ฉันสังหรณ์ใจแล้วว่าถ้าแกกลับมาจากเมืองนอก แกจะมาทำให้หนทางทำมาหากินของชั้นมีปัญหา แล้วมันก็เป็นจริง เพราะฉะนั้น ฉันคงใจดีต่อไปไม่ได้ ถ้าแกมาฉันต้องไป แต่ถ้าฉันอยากอยู่ต่อ แกก็ต้องไป”
ไตรรัตน์อุ้มสุคนธรสที่ยังสลบอยู่เข้ามาในห้อง โดยมีสมศักดิ์กับสมศรีเดินตามหลังมา ทันใดสุคนธรสลืมตาพรึ่บขึ้นมาพอดี แล้วเธอก็ตกใจพยายามขัดขืน
“เฮ้ย ที่นี่ที่ไหน แล้วนายมาอุ้มชั้นทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย เดินเองได้”
“หนอย ไม่ได้เป็นอะไรมาก ถึงขนาดสลบคาเตียง”
ไตรรัตน์ที่กำลังอุ้มสุคนธรสตรงไปที่เตียงหันขวับมาทันที
“ผมป่าวนะ เจ้ย”
มัวแต่หัน ขาก็เดิน เลยไม่เห็นว่าถึงเตียงแล้ว เลยชนเอากับเตียง พาสุคนธรสล้มลงไปนอนทับกันบนเตียงกันอีกรอบ
“ว้าย”
“เห็นไหมพ่อเอ็ง ต่อหน้าต่อตาเรา มันยังกล้าเล่นหนังสดให้ดูกันจะๆ”
สมศรีโวยวาย สมศักดิ์จับสร้อยพนมมือท่อง
“อภิโธ่...อภิธัง...พุทธธัง...ยุบหนอพองหนอ”
ไตรรัตน์กับสุคนธรสรีบผละออกจากกัน
“ผมป่าวนะครับ”
“หนูก็เปล่า” สุคนธรสคว้าหมอนระดมตีไตรรัตน์ “นี่แน่เพราะนายคนเดียว แรด แจ๋นนัก”
“โอ๊ยๆๆผมขอโทษที่ทำให้คุณถูกทำร้าย ขอโทษคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้เข้าใจผิด แต่ผมเอาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเป็นประกันได้ ว่าลูกสาวของคุณพ่อคุณแม่รักนวลสงวนตัว ไม่มีวันทำเรื่องบัดสีกับผมแบบนั้นเด็ดขาดครับ”
สิ้นคำพูดโพล่งของไตรรัตน์ ทำเอาสุคนธรสถึงกับชะงักมือถือหมอนที่กำลังระดมตีไตรรัตน์อยู่ทันที สมศักดิ์กับสมศรีก็ถึงกับอึ้งเงียบมองไตรรัตน์ที่ถูกหมอนตีจนผมหล่อๆ เยินไปหมด
“ไป...พ่อเอ็ง ไปต้มยาแก้ช้ำในมาให้นังรสกินสักหม้อ”
“อย่ารุนแรงกันอีกล่ะ เอ็งเพิ่งจะบาดเจ็บมาหมาดๆ...แผลยังสด”
สมศรีกับสมศักดิ์หันเดินออกไป ทิ้งให้ไตรรัตน์กับสุคนธรสนั่งอ้าปากค้างกับคำพูดทิ้งท้าย ทั้งสองหันมาเจอหน้ากันก็รู้สึกเขินๆ ทำหน้าไม่ถูก สุคนธรสหันไปเปิดลิ้นชักหยิบยาสำลีออกมาจะใส่แผล
“เอ่อ มา ให้ผมทำแผลให้จะดีกว่า” ไตรรัตน์บอก
“ไม่ต้องมาจุ้นเลย! ฉันทำเองได้”
แต่ไตรรัตน์ก็แย่งไปจนได้
“ไม่ถนัดแล้วยังจะหยิ่ง อยู่นิ่งๆ ผมทำให้”
สุคนธรสจำต้องนิ่ง ไตรรัตน์จับมือของสุคนธรสที่เป็นแผลถลอกมาทำความสะอาดใส่ยาให้ ทำเอาสุคนธรสรู้สึกหวั่นไหวใจเต้นรัว ไตรรัตน์ทำแผลพลางชวนคุย
“ที่ผมเห็น...มันเป็นตัวอะไรกันแน่”
“ก็ผีไง เข้าใจซะทีสิ ไอ้ตัวนี้แหละที่มันคอยตามคุณตลอดเวลา แล้วมันก็ได้โอกาสตอนที่คุณถอดสร้อยพระจะเล่นจ้ำจี้กับแม่เคธี่ ฮึ่ย”
“ผมปล่าว”
“หรือคุณจะบอกว่าแม่เคธี่เป็นฝ่ายปล้ำคุณห่ะ”
“เอ่อ อ่า เออๆ ช่างมันเถอะน่า ผมไม่อยากพูดถึงมัน”
สุคนธรส ค้อน เบ้ปาก ไตรรัตน์เปลี่ยนมาใส่แผลที่หางคิ้วให้ สุคนธรสสะดุ้งแสบ
“อุ้ย! เจ็บนะ”
“นี่ผมเบามือที่สุดแล้วนะคุณ”
ไตรรัตน์ทำแผลให้ มีเป่าให้ไม่ให้แสบ ทำเอาสุคนธรสอึ้งมองหน้าหล่อๆ ของไตรรัตน์ที่อยู่ใกล้แทบจมูกชนกัน ตาของไตรรัตน์ดันมองมาสบตาเธอเข้า ทั้งสองอึ้งมองกัน ไตรรัตน์ปล่อยใจเผลอไผลยื่นหน้าจะจูบสุคนธรส
กุมาริกาปรากฏตัวขึ้นลอยอยู่นอกหน้าต่าง ยกมือปิดตา แต่แอบมองผ่านร่องนิ้ว ลุ้น
“จูบๆ”
สุคนธรสก็เผลอตัวปล่อยใจหลับตายื่นหน้ารับจูบไตรรัตน์ แต่ทันใดนั้นมือถือของไตรรัตน์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน ทั้งสองได้สติ สุคนธรสลืมตาผึงขึ้นผละออกจากกัน ไตรรัตน์รีบล้วงหยิบมือถือผิดๆ ถูกพัลวัน
“ฮัล ฮัลโหล หา เคธี่เหรอ?” ไตรรัตน์หันไปมองสุคนธรส สุคนธรสที่กำลังเงี่ยหูฟัง รีบหันทำเชิดไม่สนใจ
“เอ่อ คุณมีอะไรไว้เราค่อยคุยกันวันหลังนะ ว่าไงนะ ตอนนี้คุณอยู่ที่หน้าบ้านคุณรสเหรอ”
ไตรรัตน์เดินออกมาหน้าบ้านอย่างอึดอัดใจ เคธี่นั่งรออยู่บนรถนอกรั้วพอเห็นไตรรัตน์เดินออกมาก็รีบลงจากรถถลาเข้ามากอดไตรรัตน์
“เกิดอะไรขึ้นกับยู ธไรซ์? เคธี่ตกใจมากเลยรู้มั้ยคะ เป็นห่วงธไรซ์ที่สุด”
กุมาริกาโผล่มานั่งอยู่บนต้นไม้เหนือหัวทั้งคู่ มองเคธี่กอดไตรรัตน์อย่างไม่พอใจ ไตรรัตน์รีบแกะมือเคธี่ออกอย่างสุภาพที่สุด
“เป็นห่วงผมมาก แล้วคุณวิ่งออกจากห้องหนีไป”
“เอ่อ คือ”
กุมาริกาหัวเราะชอบใจ
“ฮิๆธไรซ์ถามได้จุกมากเจ้าค่ะ” กุมาริกาพูดเลียนแบบเคธี่
“ไอ ไอก็รีบออกไปตามคนมาช่วยยูไงคะ แต่พอไอกลับมาอีกที ก็ไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว ยูเป็นอะไรกันแน่ บอกเคธี่มาซีคะ เคธี่พร้อมจะช่วยยู เทคแคร์ยู”
ไตรรัตน์ไม่อยากให้เคธี่รู้เรื่องผีสาง เลยโกหก
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก แค่อาการหอบหืดมันกำเริบขึ้นมากะทันหันน่ะ ผมเลยมีอาการอย่างที่คุณเห็น แต่ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว คุณกลับไปเถอะเคธี่ผมต้องรีบเข้าไปดูแลคุณรส”
เคธี่ลืมตัวโพล่งออกมา
“ว่าไงนะ”
ไตรรัตน์หันมามอง เคธี่รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นดี
“เอ้อ อ้า คุณรสเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงต้องดูแล”
“เอ่อ เธอเจ็บตัวนิดหน่อย ตอนที่เข้าไปช่วยผม”
“โฮ้ ว้าว...คุณรสกลายเป็นบอดี้การ์ดธไรซ์ไปแล้วเหรอเนี่ยะ ไม่ว่ายูจะทำอะไรอยู่ที่ไหน เธอก็คอยตามดูคุณตลอดเวลา เคธี่ได้ยินอย่างนี้แล้วก็สบายใจ มีคนคอยทำหน้าที่แทนเคธี่แล้ว งั้น คุณรีบเข้าไปดูแลคุณรสเถอะ บอกเธอด้วยนะคะว่าให้หายเร็วๆ”
“ได้”
ไตรรัตน์เดินกลับเข้าบ้านไป เคธี่ที่ยืนยิ้มแสนดี ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้ามองตามอย่างไม่พอใจ
“ผู้หญิงคนนี้ ต้องคิดอะไรไม่ดีแน่ๆ”
กุมาริกาบอกเมื่อเห็นสีหน้าเคธี่ เคธี่หันกลับขึ้นรถปิดกระแทกประตู กุมาริกาหายตัวเข้ามานั่งในรถที่เบาะหลัง พอเคธี่สตาร์ทรถ กุมาริกาก็หยิบตุ๊กตาหมีให้ขยับไปมาหลังรถ เคธี่มองกระจกหลังเห็นตุ๊กตามีกำลังโก้งโค้งยกตูดใส่ก็ตกใจ
“อุ้ย อะไรอ่ะ”
มีเสียงเหมือนเสียงตดดังออกมาจากตูดตุ๊กตาหมี เคธี่ทำหน้างงไม่ค่อยแน่ใจว่าเสียงอะไร เคธี่ได้กลิ่นเหม็น
“โอ้มายก็อด อะไรกันเนี่ยะ”
เคธี่คว้าตุ๊กตาปาทิ้งนอกหน้าต่างรถแล้วรีบขับรถออกไป กุมาริกาหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมายืนกอด...
“โอ้วมายก็อด อี๋ย”
ที่สถาบันนิติเวช ณัฐเดชยืนเท้าเอวมองหมอวรวรรธกำลังใส่ยาทำแผลปากแตกฟกช้ำให้ตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าสมเพช
“ซี๊ด”
“หึ แผลแค่นี้ ไม่ถึงตายหรอกน่า”
“ผมเป็นหมอ ผมรู้ครับพี่”
“อย่างนายมันรู้อะไร รู้แค่เรื่องผ่าศพ ก็ทำหน้าที่ของนายไปเซ่ อย่าพยายามทำตัวเป็นฮีโร่พาน้องสาวฉันไปสืบคดีของใบหม่อนอีกฉันไม่ยอมให้น้องสาวของฉันตกเป็นเหยื่อคนต่อไปของนายแน่”
หมอวรวรรธหันขวับมา
“แล้วอย่างพี่รู้อะไรครับ รู้แต่ว่าผมแย่งแฟนพี่ รู้แต่ว่าผมทำให้พี่ถูกทิ้ง”
ณัฐเดชชี้หน้าสวน
“หยุดเลยไอ้หมอ! แกไม่ต้องมาหลอกด่าเยาะเย้ยฉัน”
“ก็เป็นซะอย่างงี้ พี่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผมอธิบาย พี่ถึงได้จมปลักอยู่กับอดีต โจรฆ่าคนตาย ยังมีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง พี่เป็นตำรวจแท้ๆ ทำไมไม่ให้โอกาสผมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองบ้างล่ะครับ”
“ก็เพราะฉันปิดตายคดีนี้ไปตั้งนานแล้วน่ะสิ”
ณัฐเดชหันเดินฉุนเฉียวออกจากห้อง ปิดประตูโครม
“พี่ โอ๊ะ”
หมอวรวรรธจะตาม แต่ต้องชะงักมือจับไปที่หน้าอก รู้สึกจุกที่อกอย่างแรงจนหายใจลำบาก เพราะโดนพวกหาญกับกล้าไปหลายตื๊บ
คืนเดียวกันนั้นที่บ้านเนตรสิตางศุ์ เนตรสิตางศุ์และณัฐเดชในชุดนอน นั่งมองหน้ากัน ต่างเขม็ง ตึง เครียด
“พี่ณัฐคะ”
เนตรศิตางศุ์อ้อนวอน
“หยุดเลย วันนี้โชคดีเป็นของไอ้หมอ ที่เราต้องออกไปป่วนสำนักหมอผีสมคิดกันซะก่อน ไม่งั้น ไอ้หมอมันโดนพี่อัดจมดินไปแล้ว แล้วที่สำคัญพวกผู้หญิงก็ไม่ควรจะต้องไปเสี่ยงอะไรกันเลย คดีทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องใบหม่อน หรือเรื่องไอ้หมอผีไถเงินชาวบ้าน มันเป็นหน้าที่ของพี่ ไม่ใช่ของพวกเรา”
“ทำไมจะไม่ใช่ อะไรที่เป็นเรื่องผีๆ มันก็เป็นเรื่องของพวกเนตรทั้งนั้น”
“พอแล้ว เนตรไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น โอเค ที่ว่าพวกเราอาจจะต้องไปแก้ปัญหาคดีผีๆ ด้วยกันบ้าง แต่ยกเว้น อะไรที่เกี่ยวกะไอ้หมอวรวรรธ เนตรต้องเชื่อคำสั่งของพี่ คือพี่ขอห้ามเนตร ไปพบไอ้หมอตาหนูอีก เข้าใจไหม”
ณัฐเดชหันเดินขึ้นห้องไปทันที เนตรสิตางศุ์ยืนน้ำตาไหลเผาะ หันไปหยิบมือถือกดโทรหาหมอวรวรรธ เสียงสัญญาณติด แต่ไม่มีคนรับสาย
“รับสายสิคะหมอ เป็นยังไงบ้าง เนตรเป็นห่วงนะคะ”
มือถือหมอวรวรรธวางอยู่บนโต๊ะ มีเสียงสายเข้าแต่หมอวรวรรธหลับหมดสภาพอยู่บนเตียง
เนตรสิตางศุ์รอสายนาน ยิ่งเป็นห่วง จนสายหลุดไป เนตรสิตางศุ์สะอื้น
“เนตรขอโทษค่ะหมอ หมอดีกับเนตรมาก เนตรไม่ดีเอง ที่ทำให้หมอต้องมาเดือดร้อนเพราะเนตร หมออย่าเป็นอะไรไปนะคะ เนตรจะหาทางไปเจอหมอให้ได้ เนตรสัญญา”
เนตรสิตางศุ์นั่งปาดน้ำตาเป็นห่วงหมอวรวรรธ
ส่วนที่รีสอร์ทของติณห์ ติณห์เดินคุยโทรศัพท์ทางไกลอเมริกากับแม่ออกมาจากตัวบ้าน
“ยังไงก็ไม่เกินงบครับ mom...ไม่ต้องห่วงครับ ไอใช้เงินสร้างรีสอร์ทจากเงินส่วนของไอเอง ไม่เอาเงินmomมาหรอกครับ...ห๊า ถ้าขาดทุน mom ไม่ให้กำลังใจไอ แล้วยังจะมาบอกอีกว่ารีสอร์ทไอจะขาดทุน OK…Enough for today mom… I have to go…”
ติณห์วางสายโทรศัพท์ หัวเสียขยี้หัวตัวเอง เซ็งๆ ติณห์เดินมาหยุดที่ริมสระน้ำ ติณห์ยืนโดดเดี่ยวเศร้าอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ติณห์คิดถึงญาณิน คิดถึงเรื่องที่ญาณินต่อว่าเขาดังอยู่ในหัวตลอดเวลา วิญญาณหลวงพิชัยภักดีโผล่หน้าออกมาดู
“เวลาเหงา เศร้าใจ คนเราก็มักจะนึกถึงคนที่เข้าใจเราและพร้อมจะช่วยเหลือเรา...ถูกไหม”
ติณห์นึกถึงคำพูดญาณิน
“คุณไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น ชั้นเข้าใจคุณทุกอย่าง คุณก็ต้องปกป้องพี่ชายแฟนมากกว่าลูกจ้างอย่างชั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องมาแคร์ว่าชั้นจะรู้สึกอะไรยังไง ไปห่วงแฟนคุณเถอะ”
ติณห์ทรุดนั่งลงขยี้ๆ หัวที่เก้าอี้
“no…no…no…ทำไมไอต้องไปคิดถึง...ทำไมต้องแคร์ยัยนั่นด้วยนะ เธอก็พูดถูกแล้ว ถูกที่ซู้ด...ยูเป็นแค่ลูกจ้าง ไอเป็นบอส...ไอต้องสนใจอาไร”
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีโผล่มาเอาคางมาเกยไหล่ติณห์
“แกกำลังคิดถึงแม่หนูญาณินใช่ไหม ฮ่ะๆๆ ถูกใจแกนปาที่สุด ฮ่ะๆๆ”
ติณห์ยังนั่งคิดถึงญาณิน
“อย่ามายุ่งกับชั้น! ชั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง ชั้นดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมาปกป้อง ไม่ต้องมาสนใจ ไปดูแลแฟนคุณไป”
ติณห์ลุกพรวดอย่างร้อนใจ ทำเอาวิญญาณหลวงพิชัยภักดีร่วง
“ชะเอ้ย”
“หึ...อยากหัวเราะให้ฟ้านหัก เก่งนักหรือไง ทำเป็นมาไล่ๆๆ ชิ เป็นแค่ a girl ตัวเล็กๆ หน้าขาวๆ ผมหยิกยาวๆ ตาโตๆ...ปากนิด...จมูกหน่อย...น่ารัก” ติ๊ห์ยิ่งพูดเองเคลิ้มเอง “แถมเวลายิ้ม...so…so sweet…like..brown sugar”
ติณห์ด่ำลึกเคลิ้มไปกับความน่ารักของญาณิน
“ปัดโธ่ มัวแต่พล่ามอยู่นั่นแหละ รู้สึกผิด อยากไปขอโทษเธอก็รีบไปซีไอ้หลานเซ่อ”
หลวงพิชัยภักดีพูดพร้อมเบิร์ดกะโหลกติณห์ผัวะ! ทำให้เกิดเหมือนลมวูบพัดผมด้านหลังติณห์กระเซิง ทำเอาติณห์หน้าคะมำหลุดจากภวังค์
“เฮ้ย” มือจับหัวเหลียวมองด้านหลังพัลวันงงๆ “ยังกับมีใครมาเขกหัว”
หลวงพิชัยภักดี ยืนเท้าเอวชี้หน้าตัวเอง
“ฉันนี่แหละเขกแก ถ้าขืนแกยังไม่ไปง้อหนูญาณินอีกล่ะก็ คราวนี้แกจะเจอไทยถีบ”
หลวงพิชัยภักถลกผ้าม่วง ติณห์มองไม่เห็นอะไรก็เลิกสนใจ ตัดสินใจจะไปหาญาณินที่บ้านพัก
ขณะนั้นมีคนสองคนกำลังแอบลักลอบเข้ามาในรีสอร์ทติณห์ในยามวิกาล กำนันพงษ์สวมหมวกไอ้โม่งวิ่งนำมาหยุดดูลาดเลาที่ต้นไม้ต้นหนึ่งมองไปที่บ้านพักติณห์ ภายในบ้านปิดไฟมืดกำนันพงษ์ยกมือกวักเรียกสน
สนสวมหมวกไอ้โม่ง รีบวิ่งออกจากพุ่มไม้ วิ่งมาหากำนันพงษ์พร้อมถือเครื่องมือตรวจหาทอง
“มันนอนกันหมดหรือยังกำนัน?”
“แกก็รีบเปิดเครื่องตรวจหาที่ซ่อนทองเร็วๆ เข้าซี ฉันจะคอยดูต้นทางให้”
“แล้วกำนันรู้ได้ไงว่าทองมันถูกฝังอยู่ตรงนี้”
กำนันพงษ์ตบหัวสน
“โธ่ไอ้โง่ ถ้าแกไม่หาจะรู้ได้ไงวะว่ามีหรือไม่มี ตรงนี้ไม่มี แกก็เดินหาไปเรื่อยๆ จนทั่วรีสอร์ทซีวะ เดี๋ยวมันก็เจอเอง ไม่ที่ไหนก็ที่ไหนสักแห่ง เร็วซิ”
“ครับๆ”
สนเปิดเครื่อง เดินจ่อไปตามพื้น ระหว่างนั้นกำนันพงษ์คอยกวาดตาดูไปทั่วพลางคิด
“ตอนนี้เสี่ยปิงมันสงสัยเรื่องทองแล้ว ฉันต้องรีบหาทองให้เจอโดยเร็วที่สุดก่อนที่ไอ้เสี่ยละโมบนั่นจะไหวตัวทำอะไร ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ฉันวางแผนทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่า ฉันจะไม่ได้อะไรเลย” แล้วกำนันพงษ์ต้องตกใจ เมื่อมองไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมา
“เฮ้ยไอ้สน ปิดเครื่องก่อน ปิดซีวะไอ้เวร มีคนมา”
สนรีบปิดเครื่องวางซ่อนไว้หลังต้นไม้ แล้วตัวเองกับกำนันพงษ์ก็หลบเข้าหลังต้นไม้ใกล้ๆ แต่ด้วยเครื่องมือตรวจหาทองมันยาว เลยทำให้บางส่วนโผล่ออกมา
อ่านต่อหน้า 4
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ร่างคนที่กำลังเดินมาหลุดจากมุมมืดก็คือญาณิน ที่นอนไม่หลับออกมาเดินทอดน่องสูดอากาศเย็นๆ กำนันพงษ์มองไปเห็นเป็นญาณินก็ขบกรามโกรธ
“นังนี่อีกแล้ว”
ขณะที่ญาณินกระชับผ้าคลุมไหล่เดินแหงนมองพระจันทร์ยามค่ำคืนบนท้องฟ้า
“พระจันทร์เสี้ยวในคืนเดือนแรมสวยไปอีกแบบ แต่ไม่ดีกับพลังของเราเอาซะเลยหวังว่าคงไม่โชคร้าย มาถูกผีหลอกเอาคืนนี้นะ”
ญาณินแหงนหน้าลงจะเดินตรงไปต้องชะงัก เมื่อเห็นโลหะบางอย่างสะท้อนแสงจันทร์วาววับมาเข้าตา ญาณินขมวดคิ้วหันไปมองแล้วเดินเข้าไปดู
“อะไรน่ะ?”
กำนันพงษ์กับสนที่หลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ตกใจ เมื่อเห็นญาณินเดินตรงเข้ามาใกล้ กำนันพงษ์กำหมัดเกร็งอย่างโกรธสุดๆ ขณะที่สนมองหน้ากำนันพงษ์ว่าจะเอายังไง กำนันพงษ์ถลึงตาสั่ง มองไปที่ท่อนไม้ที่ตกอยู่ข้างๆ สน เป็นการบอกให้สนหยิบไม้ขึ้นมาเตรียมพร้อมตีญาณิน
“ถ้าฆ่าหมกแม่นี่ซะ แล้วก็ป้ายความผิดให้ไอ้เปรมมัน ไอ้ติณห์จะได้เลิกสนใจเรื่องทองของคุณหลวงยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยโว้ย”
กำนันพงษ์กระซิบบอก สนตกใจแต่ก็พยักหน้าทำตามคำสั่ง ค่อยๆ ย่อตัวลงหยิบไม้ขึ้นมาอย่างช้าๆ ญาณินก้าวเดินมาถึงต้นไม้ ก้มลงดูเครื่องมือตรวจหาทองที่โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้อย่างไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
“เครื่องมืออะไร มาวางอยู่ตรงนี้?”
ญาณินยื่นมือไปจับจะดึงออกมาดู จังหวะนั้นสนก้าวย่องออกมาจากต้นไม้ด้านหลังญาณิน พร้อมกับเงื้อไม้ขึ้นจะตี แต่ญาณินเห็นเงาที่พื้นเสียก่อน สนฟาดไม้ลงมา ญาณินเลยทิ้งตัวหลบไปข้างๆ
“ว้าย!”
สนตีวืด ไม้ไปฟาดถูกต้นไม้แทน ไม้ถึงกับหักกระเด็น สนโยนไม้ทิ้งโถมตัวเข้ามาจะจับญาณิน ญาณินที่ล้มตัวนอนอยู่กับพื้นเลยยกขาขึ้นถีบท้องสนเต็มแรง สนกระเด็นหงายหลังไป ญาณินรีบลุกขึ้นวิ่งหนีจะกลับไปทางบ้านพัก แต่ไอ้โม่งกำนันพงษ์โผล่พรวดจากต้นไม้มาดักหน้าไว้
“ฮะ”
กำนันพงษ์เงื้อมือตบหน้าญาณินทันควัน ญาณินเซหลังไปชนต้นไม้ ล้มคว่ำหน้าลงเข่ากระแทกพื้นเต็มแรง มึน พยายามสะบัดหน้าเรียกสติตัวเอง มองเห็นไอ้โม่งกำนันพงษ์ย่างสามขุมเข้ามา ญาณินพยายามยันตัวลุกขึ้นวิ่ง แต่เข่าขวาเจ็บ ได้แต่วิ่งลากขาตะโกน
“ช่วยด้วย”
แต่ไม่ทันจะตะโกนจบ ไอ้โม่งกำนันพงษ์ก็เข้ามาถึงตัวอย่างรวดเร็ว กระชากผมให้หันมาแล้วตุ้ยท้องญาณิน
“โอ๊ก”
ญาณินจุกตาค้าง ขาอ่อนทรุดลง ไอ้โม่งสนเข้ามาหิ้วปีก
“พามันไปท้ายรีสอร์ท”
สนหิ้วปีกลากพาญาณินเข้าดงไม้ไป กำนันพงษ์หันไปคว้าเครื่องมือตรวจหาทองเดินตามไป
ติณห์ออกจากบ้านพัก เดินมาตามทางจะไปหาญาณินที่บ้านพัก โดยมีวิญญาณหลวงพิชัยภักดีตามหลังมา
“ดึกป่านนี้แล้ว ยัยนั่นหลับหรือยังก็ไม่รู้?”
หลวงพิชัยภักดีพอใจ วิญญาณลอยมาอยู่ข้างหน้าติณห์ พูดกับติณห์
“มันต้องอย่างงี้สิไอ้หลานรัก ถึงแกจะไม่ฉลาดเรื่องผู้หญิงนัก แต่แกก็ยังเฉลียวที่เชื่อเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง มากกว่ายัยปากแดง ชีวิตของแกต่อจากนี้จะดีหรือเลว อยู่ที่หนูญาณินคนเดียว หนูญาณินคือโชคชะตาของแก อยู่ที่แกว่าจะเลือกเธอหรือไม่เลือก”
ติณห์หยุดยืนกึกหันมองซ้ายขวา ราวกับได้ยินที่หลวงพิชัยภักดีบอก
“เสียงอะไร?”
“เฮ้ย อย่าบอกนะ ว่าแกได้ยินที่ฉันกำลังสอนแกน่ะ” ติณห์หันมองจ้องไปที่หน้าหลวงพิชัยภักดีนิ่ง “แล้วอย่าบอกนะว่า แกเห็นฉัน”
แต่ไม่ใช่ ติณห์เดินทะลุวิญญาณหลวงพิชัยภักดีมองไปทางดงต้นไม้ข้างทาง หูได้ยินเสียงผิดปกติข้างในนั้น
ขณะนั้นไอ้โม่งกำนันพงษ์กับสนกำลังลากร่างญาณินที่จุกหมดแรงจะขัดขืนลึกเข้ามาในดงป่า เท้าลากไปกับพื้น ญาณินพยายามจะออกเสียงขอความช่วยเหลือ แต่แทบไม่มีเสียงหลุดออกมาจากปากเธอ
“ช่วยด้วย”
ติณห์รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ตัดสินใจรีบก้าวเดินเข้าดงป่าข้างทางตามเสียงที่ได้ยินไป วิญญาณหลวงพิชัยภักดีตามมาติดๆ
“ฉันได้ยินเหมือนเสียงแม่หนูญาณินอยู่ในป่านั่น เร็วไอ้ติณห์ รีบไปเร็วๆ เข้า”
ติณห์เหมือนจะได้ยิน รีบก้าวเท้าออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ไอ้โม่งกำนันพงษ์กับสนโยนร่างญาณินกองกับพื้นเมื่อพามาถึงป่าท้ายรีสอร์ท
“ฆ่ามัน! แล้วโยนศพมันทิ้งแควไปเลย”
กำนันพงษ์สั่งสน สนดึงเข็มขัดที่กางเกงยีนตัวเองออกมา พันปลายทั้งสองด้านไว้ที่มือทั้งสอง แล้วเดินเข้ามาหาญาณิน
“ยะ...อย่า...อย่า...”
ญาณินกัดฟันพยายามถอยหนี แต่สนก็เข้ามาถึงตัว ตวัดเข็มขัดรัดคอญาณิน ญาณิณพยายามรั้งเข็มขัดไว้ แต่ก็สู้แรงไม่ได้
“โอ๊ะ”
“นังตัวมาร อยู่ดีไม่ว่าดี วิ่งมาให้กูเชือด หึๆ อย่าอยู่เลยมึง”
ขณะที่ญาณินกำลังจะหมดลม ติณห์ก็วิ่งตามมาทันพร้อมตะโกนนำมา
“ใครอยู่ตรงนั้น! ใคร?”
ไอ้โม่งทั้งสองชะงักมองไป เห็นติณห์กำลังวิ่งเข้ามาแต่ไกล กำนันพงษ์ฉุนขาด
“โธ่เว้ย ดันมาเอาตอนนี้”
ติณห์วิ่งเข้ามา
“ไอถามว่าใคร? มาทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
ติณห์หยุดยืนมอง ไอ้โม่งกำนันพงษ์กับสนหายไปแล้ว เหลือแต่ร่างตะคุ่มของญาณินที่นอนกองอยู่กับพื้น มองไม่รู้ว่าใคร เลยหันไปคว้าท่อนไม้แห้งที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา เดินช้าๆ เข้าไปดู
ติณห์เดินเข้ามาใกล้ เห็นหน้าญาณินชัดๆ กำลังนอนสลึมสลือบาดเจ็บอยู่ ที่มุมปากมีเลือดซึม
“ญาณิน!”
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีโผล่เข้ามาด้วย
“คุณพระช่วย หนูญาณิน”
ติณห์ตกใจแทบบ้า โยนไม้ทิ้ง คุกเข่าลงประคองญาณินขึ้นมา
“โอ้วมายกอด ใครทำอะไรคุณเนี่ยะ ญาณินๆ ได้ยินผมไหม๊” ติณห์จับหน้าจับตาพยายามปลุกญาณิน “Please…ลืมตามองผมซีญาณิน Please...”
ญาณินหายใจเฮือกๆ ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้นจากการขาดอากาศหายใจ ฝืนลืมตาขึ้นมองเห็นหน้าติณห์ก็ร้องไห้โฮ
“ช่วย...ฉัน...ด้วย...มัน...จะฆ่าฉัน ฮือๆ”
ติณห์ใจหายวาบ สงสารจับใจ กอดปลอบญาณินไว้กับอก
“ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่ ไม่ให้ใครทำอะไรคุณเด็ดขาด”
ญาณินกอดติณห์แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น หลวงพิชัยภักดีหันมองไปทั่ว
“ใครวะ ใครเป็นคนทำ?”
หัวหน้าคนงานกับคนงาน วิ่งส่องไฟฉายเข้ามา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับคุณติณห์? คุณญาณินเป็นอะไร?”
“มีคนแอบเข้ามาทำร้ายคุณญาณิน รีบพาคนออกตามหาให้ทั่วรีสอร์ท”
“ครับ”
หัวหน้าคนงานและคนงานรีบวิ่งไป ติณห์มองหน้าญาณินที่มีอาการคล้ายจะเป็นลมอีกครั้ง ติณห์ตกใจลูบหน้าเช็ดน้ำตาเรียกสติเธออีกครั้ง ญาณินร้องไห้ไม่หยุด หลวงพิชัยภักดีสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น สงสารญาณินจับใจ
ติณห์รีบช้อนตัวญาณินอุ้มขึ้นพาเธอวิ่งไป หลวงพิชัยภักดีมองตามอย่างเป็นห่วง
“ดูแลหนูญาณินให้ดีๆ นะไอ้ติณห์ อย่าให้เป็นอะไรไปนะไอ้หลานรัก”
ที่บ้านกำนันพงษ์ กำนันพงษ์เขวี้ยงหมวกไอ้โม่งลงบนโต๊ะแล้วกวาดของบนโต๊ะทุกอย่างกระจายหมด
“อี่ย์! ไม่ได้อย่างใจกูสักอย่าง ทองก็หาไม่ได้ จะเก็บนังญาณินก็มีคนเข้ามาขวางกูชักจะหมดความอดทนแล้วโว้ย”
“ที่ดินในรีสอร์ทกว้างแบบนั้น ถ้าเรามัวแต่เอาไอ้เครื่องบ้านี้เดินตรวจหาทองเมื่อไหร่จะเจอทองล่ะกำนัน เกิดเสี่ยปิงชิงซื้อที่ดินจากนายติณห์ไปได้ซะก่อน เสี่ยก็คาบไปกินหมด”
กำนันพงษ์หันไปคว้าคอเสื้อสน สนซีด
“แกคิดเหรอว่าจะมีใครขวางกำนันพงษ์ได้ ห่ะไอ้สน ไม่ว่าที่ดินตรงนั้นจะตกไปเป็นของใคร ไอ้ติณห์ ตาสีตาสาหรือว่าเทวดาหน้าไหน ทองก็ต้องเป็นของฉันคนเดียวเว้ย ใครขวางทางฉัน ฉันไม่ปล่อยให้มันหายใจอยู่ได้หรอก ฮึ่ม”
กำนันพงษ์ผลักสนผงะออกไป หันไปกดมือถือโทร “ฮัลโหล คราวนี้ต้องจัดให้หนักกว่าเดิม”
หมอผีสมคิดคุยโทรศัพท์กับกำนันพงษ์
“คราวที่แล้วที่ไม่สำเร็จ จะมาโทษผมคนเดียวไม่ได้ กำนันปล่อยให้ไอ้เจ้าของรีสอร์ทมันไปจ้างใครเข้ามาสร้างรีสอร์ทล่ะ มันดันมีวิชาปราบผี”
“โธ่เว้ย ผู้หญิงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนั้นจะมีวิชาปราบผีได้ยังไงกันวะ”
“ตอนนี้พวกมันยังทำงานอยู่ในรีสอร์ทหรือครับ?”
“ก็เพราะว่ามันยังอยู่น่ะเซ่ ฉันถึงได้โทรมา รีบส่งวิญญาณไปอาละวาดที่รีสอร์ทนั่นอีกทำยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะขุดผีห่าซาตานมาจากนรกขุมไหน ส่งมันมาจัดการพวกมันให้ได้ฉันยินดีจ่ายไม่อั้น”
“ได้ครับ ผมขอเวลาเคลียร์เรื่องสำคัญส่วนตัวให้เสร็จเสียก่อน”
หมอผีสมคิดยิ้มแววตาราวกับปีศาจ กดวางสาย หันไปคว้ากริชขึ้นพร้อมกับปากที่เริ่มขมุบขมิบบริบทคาถาปลดปล่อยวิญญาณร้ายต่อหน้าโกศเก็บวิญญาณอันหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วก็เงื้อกริชขึ้นฟันฉับ
ฝาโกศกระเด็นพุ่งอย่างแรง ของเหลวในโกศพุ่งตามออกมาจำนวนหนึ่ง ลอยหลุดไปไม่ตกลงเปื้อนบริเวณโกศ ของเหลว หยดลงมาที่พื้น เป็นก้อนๆ ไม่เยอะ แล้วเท้าของผีไอ้หล้าค่อยๆ ลอยลงมายืนนิ่ง...ผีไอ้หล้ายืนก้มหน้าอยู่ มันเงยหน้าขึ้นแสยะสยอง
เช้าวันรุ่งขึ้นติณห์ขับรถพาญาณินกับป้าอรวรรณที่นั่งประคองกันอยู่ข้างหลังกลับมาจากโรงพยาบาล เลี้ยวเข้ามาในรีสอร์ท ทนายสมชาติรออยู่คนเดียว รีบปรี่เข้ามาที่รถทันทีที่ติณห์จอดรถ
ป้าอรวรรณนั่งเชิดหน้า ปิดปากเงียบมาตลอด รีบเปิดประตูจะพาญาณินลง
“คุณหนูคะ คุณหนูของออ รีบลงไปกันเถอะค่ะ ทนายสมชาติคะ ช่วยหน่อย ชั้นจะพาคุณหนูกลับกรุงเทพให้เร็วที่สุดเลย”
“ป้าขา อย่าโวยวายซีคะ หนูง่วงแล้ว อยากหลับ”
ติณห์รีบลงมา พาญาณินลง ญาณินยอมให้ติณห์ประคอง
“ก็บอกแล้วว่าให้นอนที่โรงพยาบาล ปลอดภัยกว่ากลับมานี่ตั้งเยอะ”
“สงบสติอารมณ์ไว้ครับคุณออ เดี๋ยวความดันขึ้น”
“ฉันน่ะสงบ แต่ที่นี่มันไม่สงบ ดูสารรูปคุณหนูของฉันซี คราวก่อนถูกไอ้ลูกเสี่ยทำร้าย” ป้าอรวรรณมองติณห์ “ยังไม่มีใครหน้าไหนช่วยไปเอาผิดกับมันเลย นี่มาโดนลากเข้าป่าทำมิดีมิร้ายอีกแล้ว มันอะไรกันนักหนา ฉันไม่ยอมให้คุณหนูอยู่ที่นี่เด็ดขาด ขืนอยู่ก็เหมือนเอาชีวิตมาทิ้ง ไม่มีใครปกป้องคุณหนูได้ ไปเถอะค่ะคุณหนู เก็บข้าวของกลับกรุงเทพกับป้าเดี๋ยวนี้”
ป้าอรวรรณแย่งเอาตัวญาณินไปประคอง
“ผมจะดูแลคุณญาณินเองครับ” ติณห์บอก
“โอ๊ย ขี้เกียจจะฟัง ฉันไม่เชื่อลูกครึ่งอย่างคุณหรอก ครึ่งจริงครึ่งโกหก”
“ผมเอาเกียรติของผมเป็นประกัน”
“อู๊ย คุณยังมีเกียรติหลงเหลืออยู่อีกเหรอคะ หลังจากที่ยอมให้ยัยเพนนีจูงจมูกมาขอไม่ให้เอาเรื่องนายเปรมน่ะ”
ทนายสมชาติตกใจมองหน้าติณห์ คิดว่าเขาจะโวยตามนิสัยเอาแต่ใจ แต่กลับเห็นติณห์ถึงกับหน้าเสีย เงียบกริบ
“ป้าออคะ พอเถอะค่ะ เรามันเป็นแค่ลูกจ้าง เราต้องเจียมตัวสิคะ”
“ผมขอโทษครับ ทั้งหมดผมผิดเอง...ผมขอสัญญา ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
ทุกคนอึ้ง ญาณินมองติณห์อย่างแทบไม่เชื่อหู ป้าอรวรรณมองลอดแว่น
“ว่าไงนะคะ”
“I promise...จากนี้ไป ผมจะไม่ยอมให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับคุณญาณินอีก ผมจะเทคแคร์ ปกป้องคุณหนูของป้าด้วยตัวของผมเอง เพราะฉะนั้น...Please forgive me”
ติณห์พูดกับป้าอรวรรณ แต่ตามองไปที่ญาณินที่อึ้งฟังอยู่
“แฮ้ม เอ่อ” ป้าอรวรรณยื่นหน้ากระซิบถามทนาบสมชาติ “ที่คุณติณห์พูด อะไรคะ”
“คุณติณห์ขอให้คุณยกโทษให้ด้วย ให้โอกาสคุณติณห์สักครั้งเถอะนะครับ นะ”
ป้าอรวรรณเงียบ ตัดสินใจ
“คุณลงทุนขอโทษอย่างงี้แล้วล่ะก็ ฉันก็จะให้โอกาสคุณ”
ติณห์ยิ้มออก
“แท้งกิ้ว”
“แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ”
“ยูอาร์แอนแองเจิ้ล ป้าออ” ติณห์หันไปทางญาณิน
“ไปครับ ผมจะพาคุณไปส่งที่พัก”
ติณห์ช้อนตัวญาณินอุ้มออกมาจากรถ ญาณินตกใจ เขินอาย ทำหน้าไม่ถูก
“อ้าว คุณๆให้โอกาสไม่ได้หมายความว่าให้ทำอย่างนี้นะ”
เพ็ญนภากำลังเข้ารีสอร์ทมาพอดี เห็นติณห์กำลังอุ้มญาณินเดินไป แทบกรี๊ด
“ว้าย ติณห์อุ้มแม่นั่นทำไมอ่ะ? ติณห์คะ”
เพ็ญนภาตะโกนเรียกแล้วรีบเดินไป
ป้าอรวรรณกับทนายสมชาติที่กำลังจะเดินตามติณห์กับญาณินไป ต้องหยุดหันขวับมามองเพ็ญนภา
“โอ๊ย มาได้ถูกจังหวะจริงๆ จะมีเรื่องกันอีกไหมเนี่ย” ทนายสมชาติจับขมับ
“ก็แล้วจะให้ตามไปทำไมล่ะคะ”
เพ็ญนภาเดินเข้ามาจะผ่านป้าอรวรรณกับทนายสมชาติไป
“ติณห์คะ ติณห์”
ป้าอรวรรณรีบเข้ามายืนยกมือขวางทางไว้
“อ่ะๆ จะไปไหนคะคุณเพนนี?”
“นี่ อย่ามาเกะกะขวางทางนะ ฉันจะไปตามติณห์ของฉัน”
เพ็ญนภาจะเดิน แต่ป้าอรวรรณดักทางไว้ซ้ายทีขวาที แถมยังดึงทนายสมชาติมาขวางไว้อีกคน เพ็ญนภาคงกับปรี๊ดแตก
“นี่ ว่างงานนักหรือไงยัยป้า มาเสนอหน้าอยู่ได้ หลีกไปนะ”
เพ็ญนภาเงื้อกระเป๋าจะตี ทนายสมชาติรีบเอาตัวเข้าไปกันป้าออ
“อย่า”
พลั่ก! ทนายสมชาติถูกกระเป๋าฟาดเข้าอย่างจัง แต่ป้าอรวรรณยังไม่หยุดดันตัวทนายสมชาติให้คอยขวางทางเพ็ญนภาไม่ให้ตามไปอีก
“ฉันบอกให้หลีกไปไง นี่แน่ะๆ”
เพ็ญนภากระหน่ำตีทนายสมชาติจนอ่วม
“โอ๊ยๆ”
ติณห์อุ้มญาณินเข้ามาถึงห้อง แต่พอจะก้าวเข้าห้องญาณินก็ร้องห้ามขึ้นเสียงหลง
“อย่าค่ะ”
ติณห์เบรกแทบไม่ทัน ตกใจหน้าเหลอ
“ทำไมเหรอครับ?”
“คุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาอุ้มเข้าห้องนอนแบบนี้ไม่ได้ เอ่อ...ฉันถือน่ะ วางฉันลง คุณส่งฉันหน้าห้องนี่แหละ” ติณห์หัวเราะขำออกมา “เอ้คุณ หัวเราะอะไร?”
“ก็ขำคุณน่ะสิ ไม่น่าเชื่อว่าจะหัวโบราณ”
“ขอร้อง ปล่อย ฉันจะลงค่ะ”
“โอเค”
ติณห์ปล่อยให้ญาณินลง แต่พอญาณินย่างก้าวเข้าห้อง ก็ปวดแปลบที่ขาจะล้มลง
“โอ๊ย”
ติณห์ถลาเข้าไปคว้าเอวกอดญาณินไว้ทัน ญาณินตะลึงแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนติณห์ ติณห์เองก็รู้สึกวูบวาบที่หัวใจ
“เอ่อ...I told you…ว่าคุณยังเดินเองไม่ได้ ให้ผมไปส่งที่เตียงดีกว่านะครับ”
ติณห์ช้อนตัวญาณินอุ้มขึ้นอีกครั้ง พาญาณินวางลงที่เตียงนอนแต่กลับไม่ปล่อยมือจากญาณิน มองจ้องหน้าพูดกับญาณิน
“คุณกินยาแก้ปวด แก้อักเสบมามาก แถมไม่ได้นอนเลยคงง่วงแย่แล้ว...Sleep tight …นอนพักผ่อนให้เยอะนะครับ ผมให้คุณหยุดงานจนกว่าจะหายดีแล้วก็ทำใจให้สบาย คนที่มาทำร้ายคุณเมื่อคืน ผมจะจัดการให้ผมจะไม่ปล่อยให้มันหนีความผิดไปได้อีกแล้ว”
ญาณินรู้สึกดีมากที่ได้ยินอย่างนั้น เธอยิ้มตาแป๋ว
“ขอบคุณมากค่ะคุณติณห์”
ทั้งมองสบตากัน แล้วก็นิ่งอึ้งราวกับต้องมนต์สะกด ติณห์ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปจะจูบหน้าผาก ญาณินหลับตา
แต่เพ็ญนภาแหกด่านป้าอรวรรณเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ติณห์คะ”
ติณห์ชะงัก ขณะที่ญาณินตกใจรีบทิ้งตัวลงนอน ทำเป็นหลับ ติณห์ปรับสีหน้าลูบหัวเก้อๆ หันไปมองเพ็ญนภา
“เอ่อ What?”
“คุณเข้ามาทำอะไรในนี้”
“เอ่อ ผมว่า เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า คุณญาณินจะได้พักผ่อน”
ติณห์รีบไปดึงแขนเพ็ญนภาพาออกไป เพ็ญนภาไม่วายเหลียวมองมาที่ญาณินตาเขียว ป้าอรวรรณปิดประตูห้อง เดินเข้ามาหาญาณินที่เตียง เห็นญาณินแกล้งหลับ
“แหม ทำเป็นเนียน ลืมตาได้แล้วค่ะ เค้าไปกันหมดแล้ว” ญาณินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองทีละข้าง แล้วก็ถอนใจยาวอย่างโล่งอก ป้าอรวรรณหรี่ตามองอย่างสงสัย “ทำไมต้องโล่งงงงอกขนาดนั้นด้วยค่ะ เมื่อตะกี้คุณหนูกับคุณติณห์ ทำอะไรกันอยู่”
“ป่าวซะหน่อย” ญาณินทำเป็นหาว “กินยาที่หมอให้แล้วง่วงจังเลย ขอนอนสักงีบนะป้า”
ญาณินทำเป็นนอนตะแคงหันข้างให้ป้าอรวรรณแอบยิ้มเขินอายคนเดียว
ติณห์เดินจูงเพ็ญนภาออกมาหน้าเรือนรับรอง ขณะที่ทนายสมชาติกำลังยืนคุยอยู่บอดี้การ์ดทั้งสองที่มุมไกล
“คุณถามผม ว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ โอเค ผมจะบอกให้เมื่อคืนมีคนแอบเข้ามาในรีสอร์ทผม คุณญาณินไปเจอกับมันเข้า ก็เลยถูกมันทำร้ายเอา”
ติณห์ตอบแบบฉุนๆ
“ว้าย ตายจริง! คุณญาณินนี่ดวงอัปมงคลจริงๆ นะคะ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เดี๋ยวเจอนั้นเจอนี่ ท่าทางดวงจะไม่ถูกโฉลกกับรีสอร์ทของคุณเอาซะเลยแล้วอย่างงี้เธอจะทำงานต่อให้คุณไหวเหรอคะ เพนนีว่า...”
ติณห์ไม่ค่อยจะใส่ใจฟัง หันไปเรียกทนายสมชาติ
“คุณสมชาติ เรื่องแจ้งความไปถึงไหนแล้ว?”
“แจ้งความ”
เพ็ญนภาพึมพำอย่างตกใจ ทนายสมชาติกับบอดี้การ์ดทั้งสองรีบเดินเข้ามาหา
“เรียบร้อยแล้วครับคุณติณห์ อีกสักพักตำรวจก็คงมาตรวจสอบหาหลักฐานที่รีสอร์ท แล้วก็สอบปากคำคุณญาณินด้วย”
“เดี๋ยวค่ะติณห์ คุณคงไม่แจ้งตำรวจจับพี่เปรมด้วยหรอกนะ พี่เปรมถึงขนาดมาขอโทษคุณญาณินถึงที่ แล้วเธอก็บอกว่าไม่ติดใจเอาความแล้วด้วย คงไม่ผิดคำพูดกันนะคะ”
ฟังเพ็ญนภาพูด ยิ่งทำให้ติณห์รู้สึกผิดต่อญาณินเข้าไปอีก หันมามองเพ็ญนภาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“คุณช่วยไปบอกเค้าดีกว่า ว่าถ้าผมเห็นเค้าเข้าใกล้คุณญาณินอีกครั้ง ผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
เพ็ญนภาอึ้งพูดอะไรไม่ออก ติณห์หันเดินผละไปพร้อมทนายสมชาติพลางสั่งคนงานและหัวหน้าคนงาน
“คืนนี้จัดเวรยามเดินตรวจตรารีสอร์ทให้แน่นหนานะ อย่าให้ใครแอบเข้ามาได้อีก”
“ครับผม”
เพ็ญนภาได้แต่ยืนกำหมัดแค้น เพราะท่าทางติณห์ห่วงญาณินออกนอกหน้า จนไม่เห็นหัวเพ็ญนภาอีกแล้ว
ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ กรรณา ก๊องโทรคุยสามสายกับญาณิน สุคนธรสผ่านจอไอแพด ซึ่งญาณินกับสุคนธรสเจ็บตัวทั้งคู่
“โอ้โห ดูไม่จืดเลยเพื่อนฉัน ทำไมมันเป็นอย่างงี้ได้วะ”
“ยังงี้ชัดเลยพี่ พวกเรากำลังตกเป็นเป้าโจมตี”
“ของผีหรือของคน?”
“ของฉันคน/ของฉันผี”
ญาณินกับสุคนธรสตอบออกมาพร้อมกัน
“สรุปว่าทั้งคนทั้งผี ดีไม่ดี ทั้งผีทั้งคนอาจจะร่วมมือกัน”
“หือ พูดอะไรของพี่ ตกลงนี่มันคนละเรื่องเดียวกันรึป่าว?”
“ของเจ๊จีจ้าฉันไม่รู้ แต่เรื่องของฉัน ฉันรู้ว่าไอ้หมอผีสมคิดเป็นผู้บงการทั้งหมด”
“แล้วแกจะไปแจ้งความเอาผิดกับมันได้เปล่า”
“นั่นน่ะดิ ไปบอกตำรวจว่ามันส่งผีมาฆ่าแก คงได้ฮากันทั้งโรงพัก”
“อย่างน้อยพี่ณัฐก็รู้แล้ว พี่ณัฐต้องหาหลักฐานมาเล่นงานมันได้ ด้วยข้อหาอะไรซักอย่างล่ะ ห่วงเจ๊จี้จ้าดีกว่า...คนน่ะน่ากลัวกว่าผี”
“มันถึงขั้นลงมือลงไม้กับผู้หญิงสวยๆ อย่างเจ๊ได้ ผมว่าเจ๊ถอนตัวเถอะครับ รีส่งรีสอร์ทไม่ต้องทำมันแล้ว รักษาชีวิตตัวเองไว้ดีกว่า”
“ไม่ได้หรอกก๊อง ฉันถูกกำหนดให้มาช่วยทั้งผีและคนที่รีสอร์ทนี่”
“แล้วพี่จะยอมสละชีพเหรอครับ มันจะคุ้มไหมครับ”
“ดูจากดวงชะตาช่วงนี้ พวกเราทั้ง5 กำลังอยู่ในช่วงชะตาตก พลังอ่อนแรงเพลี่ยงพล้ำได้ง่าย ต้องระวังตัวกันทุกคน ถ้าพวกแกสองคนต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ บอกคำเดียว ฉันจะรีบไปทันที”
เสียงมือถือดังขึ้นกรรณาหยิบขึ้นมาดู
“ยัยเนตรโทรมา ฮัลโหล”
“กรรณ เธออยู่ไหน เนตรต้องการความช่วยเหลือ”
ก๊องซิ่งมอเตอร์ไซด์พากรรณาซ้อนท้ายเพื่อไปหาเนตรสิตางศุ์ที่บ้าน ก๊องขี่มาตามถนนในซอยผ่านที่ดินโล่งๆ มีป่าหญ้าคาขึ้นรกพร้อมป้ายปักบอกขาย และแล้วหูกรรณาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องสะอื้นกระซิกดังแว่วมา
“ฮือๆ”
กรรณามีสีหน้าตกใจ หันมองรอบ รู้ทันทีว่าเจอกับวิญญาณเข้าแล้ว เสียงร้องไห้ยิ่งดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามทางที่ก๊องขี่มอเตอร์ไซด์ไป จนกระทั่งมาถึงกลางซอยที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างทาง เสียงสะอื้นก็ดังชัดมาก กรรณาตบไหล่ก๊องผัวะ
“จอดไอ้ก๊อง”
“เย้ย” ก๊องตกใจเหยียบเบรคแทบไม่ทัน หัวมอเตอร์ไซค์ทิ่มหยุดกึกอยู่ข้างทาง “เป็นอะไรของพี่ อยู่ๆ ก็ให้จอด” กรรณาไม่ตอบลงจากรถเดินตามหาเสียงร้องไห้ลงข้างทางทันที “เฮ้ยพี่กรร...จะไปไหนน่ะ หญ้ารกๆ แบบนั้นเดี๋ยวงูก็ฉกตายหรอก”
กรรณาไม่ตอบเดินต่อไป ก๊องยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ
กรรณาเดินลุยป่าหญ้าคาตามเสียงมา เสียงเด็กแจ่มชัดขึ้น แม้จะขาดๆ หายๆ
“ช่วยผมด้วย ผมกลัว พาผมกลับบ้านหน่อย”
“หนูอยู่ไหนล่ะ อยู่ที่ไหน?” กรรณาร้องถาม
“ผมไม่รู้ มันมืด ผมหนาว พี่ช่วยผมด้วย”
กรรณาเงยหน้ามองไปที่บึงน้ำทันที แล้วรีบเดินดิ่งไป ก๊องวิ่งตามมา
“นี่เจ๊ จะรีบไปช่วยพี่เนตรไม่ใช่เหรอ แล้วเจ๊มาทำบ้าอะไรในป่าหญ้าคาเนี่ย จะหากบหาเขียดไปให้พี่เนตรทำกับข้าวให้กินหรือไง” กรรณาไม่ฟังเข้าไปยืนชะโงกที่ริมบึงน้ำที่เขียวเพราะตะไคร่ใต้น้ำ จนดูน่าสยอง ก๊องตกใจต้องรีบมาคว้าแขนดึงกรรณาไว้ “เฮ้ยๆ พี่จะทำอะไร อากาศมันร้อนมากนักหรือไง จะกระโดดน้ำเล่นน่ะ ไปเหอะ”
“ปล่อยฉัน!”
กรรณาผลักก๊องกระเด็นหงายเก๋ง แล้วกรรณาก็ก้าวลงไปในบึง...ทันทีที่ก้าวลงไป กรรณาหยุดยืนสั่นสะท้านสัมผัสได้ถึงกระแสของวิญญาณที่แรงมาก เสียงร้องตกใจ หวาดกลัวต่างๆ ดังไปหมด ก๊องตกใจตาค้างร้องเสียงหลง
“พี่กรรณ! พี่ทำบ้าอะไรน่ะ”
กรรณาไม่ฟังเสียงก๊อง เดินลุยน้ำมองหาไปทั่ว แล้วขาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างในน้ำ กรรณากลืนน้ำลายเหนียวคอ ค่อยล้วงมือลงไปในน้ำ ดึงมันขึ้นมากลับกลายเป็นจักรยานเด็ก
“เฮ้ย จักรยานเด็กนี่”
พอเห็นจักรยาน กรรณาก็รีบมองควานหาเด็กไปในบึงทันที ก๊องก็ได้แต่วิ่งตะโกนเรียก
“พี่กรรณ พี่กำลังหาอะไรอยู่น่ะ ขึ้นมาพี่กรรณ”
เมื่อลงมาในบึง ความรู้สึกกลัว หนาวของวิญญาณทั้งหมดมารวมอยู่ในตัวกรรณา กรรณาหันถามด้วยอาการที่สั่นสะท้านด้วยความหนาว หวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว
“หนูอยู่ไหน บอกพี่สิ พี่จะช่วยหนูกลับบ้านเอง พอหนูไปหาแม่ ไปหาพ่อของหนู”
เด็กไม่ตอบ มีแต่เสียงร้องสะอื้นที่โหยหวนมากขึ้นๆ จนกระทั่งกรรณามองเห็นอะไรบางอย่างขาวโพลนอยู่ใต้น้ำตรงหน้า กรรณาหยุดกึก ค่อยๆ ก้มหน้าลงไปมอง พร้อมกับยื่นมือลงไปในน้ำ
“ใช่หนูรึเปล่า หนูอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย บอกพี่ซี พี่จะได้ช่วยหนู”
สิ้นเสียงพูดของกรรณา เห็นมือวิญญาณซีดเขียวของเด็กโผล่จากน้ำมาจับมือกรรณาไว้แน่น กรรณามองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ถึงแรงดึง มองไปที่มือตัวเอง เห็นเป็นรอยมือบีบห้านิ้ว
“เฮื๊อก...”
กรรณาตกใจแทบช็อก แล้วภาพรอยบีบคล้ำที่มือก็หายไปกลายเป็นหน้าศพเด็กผู้ชายลืมตาโพลงจมอยู่ใต้น้ำแทน กรรณาตะลึงค้างมอง น้ำตาคลออย่างสงสาร
“หนูไม่ต้องกลัวนะ พี่มาช่วยแล้ว เรามากลับบ้านกันเถอะ”
“พี่กรรณ พี่พูดอะไรอยู่คนเดียวน่ะ”
ก๊องตัดสินใจก้าวลงน้ำ ตามเข้ามาดู เห็นศพเด็กถึงกับตกใจผงะร้องลั่น
“เฮ้ยๆ นะๆ”
จบตอนที่ 10
อ่านต่อตอนที่ 11 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.