หยกเลือดมังกร ตอนที่ 16
“แก๊งค์มังกรวารี ของเจ้าสัวเล้ง”
ผู้การสมิงพยักหน้ารับ
“เวลานี้สองแก๊งค์นี้ถือว่ามีอิทธิพลมากที่สุด ถ้าเสร็จมันทั้งคู่เมื่อไหร่ล่ะก็”
ธงรบยิ้มชอบใจ ได้เวลาออกแรงรีบลุกขึ้นอย่างจริงจัง
“งั้นก็คงต้องถึงเวลา ที่ผมจะต้องตื่นขึ้นจากหลุมศพคนตายแล้วน่ะสิครับอา”
หยกปราม
“หมวด…ผมรู้จักเจ้าสัวเล้งดี...เขาไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆหรอก”
“ขนาดไอ้เสี่ยตงที่ว่ายากๆแกยังแฝงตัวเข้าไปได้ แล้วทำไมฉันจะไปเข้าแก๊งค์มังกรวารี ไม่ได้วะ”
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะหมวด ผมเคยปะทะกับเจ้าสัวเล้งมาหลายครั้งแล้ว มังกรตัวนี้ซ่อน เขี้ยวเล็บไว้เยอะกว่าที่หมวดคิดเยอะ”
ผู้การสมิงมั่นใจในตัวธงรบ
“แต่ฉันกลับเชื่อว่าธงรบจะทำได้นะหยก”
หยกชะงัก
“ผู้การ”
“สงครามระหว่างพวกมันจะต้องประทุขึ้นมาในไม่ช้า เราต้องส่งธงรบไปไม่อย่างนั้น เราจะจับใครไม่ได้เลย”
ธงรบเข้ามาตบบ่าหยกหยอกล้อ
“งานฉันอาจจะง่ายกว่าของแกก็ได้ไอ้หยก เพราะเจ้าสัวเล้ง มีแต่ลูกชาย ไม่มีลูกสาวสวยๆให้ฉันต้องเสียเวลาแวะไปทำอย่างอื่นนอกเหนือหน้าที่”
หยกอึ้ง
“หมวด !!”
ธงรบหัวเราะชอบใจทับถมหยกแล้วเดินออกไป หยกมองตามหงุดหงิดกับคำพูดของธงรบ
คมทวนเอาปืนจ่อหลังเจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาในตึกร้าง
“แกเป็นใคร ถึงจะดูมีฝีมือแต่อายุขนาดนี้คงไม่ใช่มือปืนแน่”
“ถ้าแกดูออกว่าฉันมีฝีมือ งั้นก็ต้องทำตัวให้ดีอย่าคิดตุกติก เพราะฉันอาจจะฆ่าแกได้ ง่ายๆ ไอ้เจ้าสัวเล้ง”
“ถ้าแกมีความแค้นอะไรกับฉันอยู่ก็บอกมา เพราะฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แล้วฉันไปทำ อะไรไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ความแค้นส่วนตัวของฉันกับแกมีแน่ๆ เพราะแกทำลายชีวิตผู้หญิงดีๆคนหนึ่งให้เหมือน ต้องตกนรกทั้งเป็น”
เจ้าสัวหันขวับมาประจันหน้าคมทวนทันที
“แกหมายถึงพราวแสงใช่มั้ย!”
คมทวน จ่อปืนเข้าที่หน้า
“ฉันบอกให้แกอยู่เฉยๆ แกมีหน้าที่ตอบคำถามฉันอย่างเดียว ไม่งั้นฉัน จะแก้แค้นให้พราวแสง”
“แก้แค้น” เจ้าสัวเล้งจ้องเขม็งไม่กลัวเดินเข้าหาปืน “แกเป็นใคร รู้เรื่องพราวแสงกับฉันได้ยังไง”
คมทวนนิ้วแตะไกเพราะไม่ไว้ใจ เจ้าสัวเล้งเลยตัดสินใจจู่โจมแย่งปืนจนสามารถปัดปืนกระเด็น จากนั้นทั้งคู่ ก็ปะทะเชิงมวยงัดไม้เด็ดของตัวเองออกมาสาดใส่กันไม่ยั้ง
หยกจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ริมน้ำ นั่งกินบะหมี่ในถ้วยคนเดียวฆ่าเวลารอให้ดุจแพรหลับเพราะไม่อยากกลับ ไปตอนที่เธอยังตื่นอยู่ เขามองนาฬิกาข้อมือ
“ป่านนี้น่าจะหลับแล้วมั้ง”
หยกหาวรู้สึกง่วงเหมือนกันก่อนจะเดินกลับมาที่มอเตอร์ไซค์แล้วขับกลับที่พัก
หยกค่อยๆเดินเงียบๆเข้ามาในที่พักบนดาดฟ้า เพราะไม่อยากให้ดุจแพรที่คิดว่าหลับห่มผ้าอยู่ที่เตียงนอนตื่น แต่เขาเผลอทำกุญแจมอเตอร์ไซค์ตกพื้นเสียงดัง เขาหน้าเสียเพราะกลัวว่าดุจแพรจะตื่น แต่พอไม่เห็นว่าไม่มี อะไรผิดปกติก็แปลกใจเลยเดินไปดูที่เตียงนอนให้แน่ใจ จึงพบว่าดุจแพรไม่ได้นอนอยู่ที่เตียง มีเพียง กระดาษโน้ตเขียนแปะไว้ที่หมอน
“ไม่ต้องห่วงนะ...คืนนี้ฉันไปค้างบ้านเพื่อน ฉันซื้อซาละเปาเอาไว้ให้ เผื่อเธอหิวนะ”
หยกอ่านแล้วแปลกใจหันไปมองจานใส่ซาลาเปาบนโต๊ะ
เจ้าสัวเล้งกับคมทวนแลกหมัดกระแทกเข้าที่หน้าอกจนต่างฝ่ายต่างกระเด็นและเจ็บเอาเรื่อง แต่คมทวนดู เหนื่อยและเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าเพราะมีโรคประจำตัวอยู่
“แกน่าจะพอได้แล้วก่อนที่จะหมดสภาพแล้วฉันจะไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพราวแสง”
คมทวนหอบเหนื่อย
“พราวแสงต้องมีชีวิตอยู่กับเจ็บปวดและเสียใจแม้กระทั่งลมหายใจสุด ท้าย สำหรับฉันแล้ว...แค่นี้มันน้อยยังไป”
เจ้าสัวชะงักสงสัยกับคำพูดนั้น คมทวนเลยง้างหมัดรุกใส่ต่อแต่ก็เจอเจ้าสัวรับได้ทุกหมัดแล้วสวนกลับด้วยศอก กลับจนคมทวนซวนเซเกือบจะหมดแรงเข่าทรุด เจ้าสัวรีบเดินไปหยิบปืนที่พื้นขึ้นมาแล้วจ่อไปที่คมทวน
“หยุดสร้างปัญหาให้ฉันแล้วพูดความจริงมา ฉันเห็นพราวแสงตายต่อหน้าต่อตัวเอง แล้ว แกเอาเรื่องบ้าอะไรมาพูด”
“พราวแสงไม่ได้ตายต่อหน้าแกไง...แต่เธอตายในอ้อมกอดของฉัน!”
จ้าสัวอึ้ง
“โกหก !!..ฉันเห็นพราวแสงถูกยิง ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ตายเธอต้องกลับมาหาฉัน”
“คนอย่างแกไม่คู่ควรที่พราวแสงจะกลับไปหาไง...ไอ้เล้ง”
เจ้าสัวไม่เชื่อคำพูดของคมทวนและรู้สึกโกรธเลยใช้ด้ามปืนตบหน้าคมทวนจนเลือดกลบปาก เอาปืนจ่อ
“หมดเวลาที่ฉันจะมาฟังเรื่องไร้สาระจากแกแล้ว ไอ้โหงวมันใช้ให้แกเอาเรื่องพราวแสง มาหลอกล่อให้ฉันออกมาให้แกเล่นงานใช่มั้ย”
คมทวน นิ่งจ้องหน้าเขม็ง เจ้าสัวตะคอก
“บอกมา! ไอ้โหงวมันอยู่ที่ไหน มันจ้างแกเท่าไหร่ฉันจะให้เป็นสองเท่าแล้วไว้ชีวิตแก”
คมทวนยังนิ่งไม่ตอบสายตาแข็งกร้าวใส่
“งั้นโอกาสของแกก็หมดแล้ว ฉันจะตามล่าไอ้โหงวแล้วแก้แค้นให้พราวแสงเอง”
เจ้าสัวจะลั่นไกฆ่าคมทวน แต่จังหวะนั้นคมทวนก็ชูสร้อยคอหยกเลือดมังกรที่ติดมาด้วยขึ้นมาให้เห็นชัดๆ
“นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า พราวแสงไม่ยอมกลับไปเสี่ยงตายเพื่อแกอีก”
เจ้าสัวเล้งชะงัก
“หยกเลือดมังกร...นี่แก...แก”
ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดๆกันเพราะนนท์กับลูกน้องพากันเข้ามาช่วย คมทวนอาศัยจังหวะนั้นรีบหนีออกไปก่อนที่เจ้าสัวจะได้ตามไป
“เจ้าสัว...ปลอดภัยรึเปล่าครับ”
“พวกแกมาขวางฉันทำไม...รีบไปตามมันกลับมาเดี๋ยวนี้!”
นนท์ชะงัก
“เอ่อ...เจ้าสัว”
“ไปสิเว้ย...ฉันต้องได้ตัวมันมาเดี๋ยวนี้...ไป!”
นนท์กับลูกน้องรีบพากันออกไป ทิ้งเจ้าสัวให้ยืนนิ่งใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
กิ่งเหมยคุยอยู่กับหยกที่หน้าบ้าน
“คุณแพรน่ะเหรอหายไป”
“ฉันโทรหาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมรับสายเลย”
“เธอไปทำอะไรให้คุณแพรโกรธรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”
“หยก...เธอทิ้งให้คุณแพรอยู่คนเดียวอีกใช่มั้ย”
หยกนิ่งไป
“หยก !!...อย่าโกหกฉัน”
“ถ้าเธอไม่รู้ว่าคุณแพรอยู่ไหนก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปตามหาเอง”
หยกรีบเดินออกไป กิ่งเหมยมองไม่เห็นว่าหยกออกไปทางไหน
“หยก...หยก...หยก !”
กิ่งเหมยเครียดรู้สึกกังวล และเป็นห่วงดุจแพร
ดุจแพรนั่งดื่มคอกเทลอยู่ที่เคาท์เตอร์ของผับ จนเริ่มหน้าแดงๆ เธอหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์ให้เอาคอกเทลมาเพิ่ม
“เอามาอีก”
ระหว่างนั้นมีชายหนุ่มเข้ามายื่นแก้วมาตินี่ให้
“ผมขออนุญาตเลี้ยงสุภาพสตรีคนสวยนะครับ”
ดุจแพรใช้หางตามอง
“ฉันมีเงินสั่งดื่มเองได้”
“ใจเย็นสิครับผมก็แค่อยากทำความรู้จัก เห็นคุณนั่งดื่มคนเดียวกลัวจะเหงา”
“ฉันชอบอยู่คนเดียว”
ดุจแพรเริ่มรำคาญเลยหันไปบอกบาร์เทนเดอร์
“ไม่ต้องแล้ว...เช็คบิลเลย”
ชายหนุ่มหน้าหื่นยังไม่ยอมไปยังนั่งมองดุจแพรตาเยิ้ม จนบาร์เทนเดอร์เอาใบเสร็จมาให้ ดุจแพรดูราคาค่าเครื่องดื่มแล้วแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพบว่ามีเงินสดไม่พอ
“รับบัตรเครดิตใช่มั้ย”
พนักงานตอบรับ ดุจแพรเลยยื่นบัตรเครดิตให้ แต่ชายหนุ่มยังไม่ยอมไปไหนมองดุจแพรตาเป็นมัน
มานพโอบเอวหญิงสาวคู่ขาสองคนเดินเข้ามาหน้าผับ ชาญออกมาต้อนรับ
“เตรียมห้อง VIP ให้ฉันแล้วใช่มั้ยชาญ”
“ครับนาย...แต่ว่าเมื่อกี้นี้ผมเจอคุณดุจแพรอยู่ข้างใน”
มานพชะงัก
“คุณแพรน่ะเหรอ”
“ครับ...ท่าทางกำลังมีปัญหาด้วย”
มานพสนใจก่อนจะปล่อยมือจากหญิงสาวที่ควงมา
“พวกเธอกลับไปได้แล้ว...ฉันมีเรื่องสนุกกว่ารออยู่”
มานพรีบเดินตามชาญเข้าไปข้างใน หญิงสาวสองคนเซ็งเลย
บาร์เทนเดอร์เอาบัตรเครดิตของดุจแพรมาคืน
“ขอโทษด้วยนะครับ...บัตรเครดิตของคุณถูกระงับ”
“ถูกระงับ !!” ดุจแพรอึ้ง “ฝีมือป๋าแน่ๆ”
หญิงสาวหน้าเสียเพราะกำลังไม่มีเงินจ่าย ชายหนุ่มเลยได้โอกาสวางเงินสดลงบนโต๊ะให้บาร์เทนเดอร์
“ไม่ต้องทอนนะ”
บาร์เทนเดอร์รับเงินแล้วเดินออกไป ชายหนุ่มหันมายิ้มหวานให้ดุจแพร
“สงสัยว่าป๋าของคุณคงจะช็อต ไม่ได้รวยจริง แต่ถ้าคุณไปกับผมรับรองเลยว่าบัตรคุณไม่โดนระงับแน่”
ชายหนุ่มพูดไปก็ถือวิสาสะจับมือเธอทันที
“นี่...ปล่อยนะ...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น...ปล่อย...ปล่อย!”
ดุจแพรพยายามแกะมือ ทันใดนั้นมานพก็โผล่เข้ามากระชากตัวมันมาชกหน้า เปรี้ยงจนเซ มันจะเอาคืนแต่เจอมานพเอาขวดเบียร์ตีหัว...เพล้ง !! แล้วชี้หน้าจนมันไม่กล้าเอาเรื่องรีบวิ่งออกไป มานพหันไปพยักหน้าให้ชาญตามไปจัดการต่อก่อนจะหันมาดูแลดุจแพร
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณดุจแพร”
ดุจแพรยังไม่หายตกใจ น้ำตาคลอกลัวๆ
“คุณ...คุณมานพ”
ดุจแพรน้ำตาไหลออกมาอย่างเสียใจ ความเศร้าจากเรื่องของหยกพรั่งพรูออกมาทั้งน้ำตา
มานพประครองดุจแพรเข้ามานั่งปลอบใจในห้องวีไอพี
“ถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับผมได้นะครับ ผมยินดีรับฟัง”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ผู้หญิงคนเดียวมาร้องไห้และนั่งดื่มในที่แบบนี้...ผมว่าตอนนี้คุณต้องการเพื่อนมากที่สุดแล้วล่ะครับ”
ดุจแพรนิ่งไป
“ไม่เป็นไรครับ...ถ้าคุณรู้สึกไม่ไว้ใจ จะให้ผมไปส่งก็ได้ ส่งที่ไหนดีครับ...บ้านป๋าคุณหรือ ว่าบ้านนายหยก”
ดุจแพรชะงักเพราะทั้งสองที่นั้นคือที่ๆไม่อยากกลับไป
“ขอบคุณนะคะคุณมานพ แต่ฉันว่าคืน นี้...ฉันอยากดื่มต่อ”
มานพเห็นดุจแพรยอมอยู่ดื่มต่อกับเขาก็ยิ้มดีใจ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ชาญไปจัดการเรื่องเครื่องดื่ม
ส้มเช้งฟังเรื่องที่กิ่งเหมยเล่า แล้วออกความเห็น
“ฉันว่าแกคิดมากไปรึเปล่า...คุณแพรเขาอาจจะกลับบ้านไปก็ได้”
“เป็นไปไม่ได้...คุณแพรไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากหยกและฉัน”
“งั้นก็ปล่อยให้ไอ้หยกไปตามหาเถอะ แกอย่าไปยุ่งเลย ไหนๆก็ตัดใจแล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะทำให้ตัวเองเจ็บปวดไปด้วยเปล่าๆ”
“แต่ฉันว่าหยกนั่นแหละ ที่เป็นคนทำให้คุณแพรหนีไป”
ส้มเช้งฟังกิ่งเหมยแล้วมองอย่างสงสัยหมายความว่ายังไง
ดุจแพรดื่มคอกเทลหมดแก้วอย่างต้องการประชดชีวิต จนหน้าเธอเริ่มแดง
“ผมว่าคุณดื่มเยอะไปแล้วนะครับ”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...คืนนี้ฉันอยากลืมเรื่องที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ”
“แต่เหล้ามันจะช่วยได้เหรอครับ”
“ฉันอยากให้มันช่วยได้ค่ะ”
ดุจแพรมองแก้วคอกเทลในมือแล้วนิ่งอย่างเจ็บปวด คำพูดของหยกที่พูดในวีดิโอยังทำให้เธอเสียใจ
‘…ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย สักวันเราจะมีครอบครัวด้วยกัน มีลูกน่ารักๆ ถ้าผู้หญิงก็ต้องสวย เหมือนเธอ ส่วนผู้ชาย...แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องหล่ออย่างฉัน ทุกๆเช้าฉันจะตื่นขึ้นมาเห็น เธออยู่ข้างๆ นี่แหละกิ่งเหมย...คือคำอธิษฐานขอพรของฉันในวันเกิดทุกๆปี’
ระหว่างที่ดุจแพรกำลังเสียใจเพราะเรื่องหยก มานพอาศัยจังหวะนั้นเอายามอมสาวใส่ลงไปในแก้วคอกเทลก่อนจะยื่นให้
“ขอบคุณค่ะคุณมานพ”
“แต่ผมจะให้คุณดื่มอีกแค่แก้วเดียวเท่านั้น เพราะเหล้ามันไม่ช่วยให้คุณลืมความทุกข์ ได้หรอกครับ”
“แล้วอะไรล่ะคะที่จะช่วยทำให้ฉันลืมได้”
มานพยิ้มมีเลศนัย
“ดื่มแก้วนี้ก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะบอกว่าอะไรจะช่วยคุณได้”
ดุจแพรรับไปดื่มโดยไม่ทันสังเกตสายตาของมานพ ที่มองเธออย่างร้ายกาจ
ดุจแพรเปิดประตูห้องน้ำของผับ เข้ามาในสภาพแทบจะประครองตัวเองไม่อยู่ ภาพรอบๆตัวหมุน และเบลอเพราะฤทธิ์ยาที่มานพแอบใส่ให้เธอดื่ม
ขณะเดียวกัน ส้มเช้งพยายามโทรศัพท์หาดุจแพร
“หวังว่าเป็นเบอร์ของแกแล้วคุณแพรจะรับสายนะ”
ส้มเช้งโทรออกแล้วรอสายตอบรับ ดุจแพรยังมึนเพราะฤทธิ์ยาอยู่ในห้องน้ำโทรศัพท์ในกระเป๋าถือดังขึ้น เธอเอากระเป๋ามาเปิดเห็น เพียงภาพโทรศัพท์เบลอๆก่อนจะกดรับสาย...ส้มเช้งดีใจที่ปลายสายรับเลยรีบยื่นให้กิ่งเหมย
“คุณแพรรับสายแล้วแก”
“คุณแพร...คุณแพรอยู่ที่ไหนคะ”
ดุจแพรมึนจนเริ่มพูดจาอ้อแอ้
“นั่น...นั่น...กิ่ง...กิ่งเหมยเหรอ...ฉัน...ฉัน...”
“คุณแพรเป็นอะไรคะ...ทำไมเสียงคุณเป็นแบบนั้น”
“ฉัน...ฉันปวด...ปวดหัว...แล้ว...แล้วก็ร้อนไปทั้ง...ทั้งตัวเลย”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ...คุณอยู่ที่ไหนคะคุณแพร”
“ฉัน...ฉัน...”
ดุจแพรมองไปรอบๆตัวอย่างมึนๆ ใกล้จะประครองสติตัวเองไม่ไหวแล้ว
ชาญอยู่หน้าห้องน้ำขวางผู้หญิงที่กำลังจะเข้าไปในห้องน้ำ ใช้ท่าทางเอาเรื่องขู่จนไม่มีใครกล้าเข้ามานพเข้ามา
“ป่านนี้ยาคงออกฤทธิ์แล้วมั้ง”
“ครับนาย”
“แกไปเตรียมรถ เตรียมสถานที่ให้ฉันด้วย...เดี๋ยวฉันจะพาออกไปเอง”
ชาญรับคำแล้วเดินออกไป มานพหันมายิ้มร้าย
“ผมจะช่วยให้คุณลืมไอ้หยกเองคุณแพร”
ชาญรีบเดินออกมาจัดการธุระตามที่มานพ สั่งแต่ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านธงรบที่สวมแว่นดำ มีหมวกแคบสวมปกปิดตัวตน หลังจากชาญออกไปธงรบก็ถอดแว่นตาดำออกแล้วครุ่นคิดบางอย่าง
กิ่งเหมยพยายามถามดุจแพรผ่านโทรศัพท์
“คุณแพรคะ...ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน...คุณแพร...คุณแพรได้ยินฉันมั้ยคะ...คุณแพร”
ส้มเซ้งสงสัย
“ยังไงเนี่ยแก...ถามจนคอจะแตกตาย ทำไมยังไม่ได้เรื่องอะไรอีก”
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณแพร อยู่ๆเธอก็เงียบไปเลย”
“แล้วทันได้บอกรึเปล่าว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
กิ่งเหมยส่ายหน้า
“เปล่า...ส้มเช้ง...ฉันว่าคุณแพรกำลังตกอยู่ในอันตราย เราจะทำยังไงกันดี”
“ไม่รู้ว่าอยู่ไหนแล้วจะทำยังไงล่ะแก”
กิ่งเหมยกังวลใจมาก
หยกแปลกใจเมื่อคุยโทรศัพท์กับธงรบที่โทรมาจากในผับ
“ว่าไงนะ...คุณแพรน่ะเหรอกำลังอยู่ในอันตราย”
“ใช่...ฉันตามลูกชายเจ้าสัวเล้งมาเพราะต้องเริ่มทำตามแผนการที่คุยกันไว้ แกต้องรีบมา ให้เร็วที่สุด แล้วทำตามแผนของฉัน”
หยกฟังธงรบจากทางโทรศัพท์ แล้วรีบไปทันที
มานพประคองดุจแพรที่หมดสติ พาเดินมาที่รถที่ชาญขับมาจอดรอ เขาพาเธอไปนั่งที่เบาะหลัง ดุจแพรไม่รู้สึกตัว มานพเชยคางของเธอแล้วยิ้มชอบใจ
“คราวที่แล้วฉันพลาดไม่ได้สนุกกับเธอ แต่คราวนี้รับรองว่าต้องไม่พลาดอีก...ชาญ”
“อีกอึดใจเดียวครับนาย...ผมจะเหยียบให้มิดเลย”
ชาญเข้าเกียร์แตะคันเร่ง รถพุ่งออกไปจากลานจอดเสียงดัง ธงรบเดินออกมามองตามอย่างหนักใจ
“ไอ้หยก...ทำไมช้านักวะ เดี๋ยวก็ได้พังกันหมดหรอก”
รถของมานพแล่นมาตามถนนอย่างรวดเร็ว มานพโอบดุจแพรที่ไม่ได้สติ จับคางของเธอแล้วหอมแก้มอย่างชื่นใจ
“ยังไม่ถึงอีกเหรอวะไอ้ชาญ...ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้วนะเว้ย”
“อีกนิดเดียวครับนาย...ผมเหยียบสุดๆให้แล้วครับ”
ชาญเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีก แต่ทันใดนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ของหยกก็ดังกระหึ่มไล่ตามรถของมานพอย่างกระฉันชิด ชาญเห็นหยกขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามมาจากทางกระจกส่องข้าง ก็รีบบอกมานพ
“นายครับ...ไอ้หยกมันตามมา”
มานพชะงัก
“ว่าไงนะ...ไอ้หยกน่ะเหรอ”
ไม่ทันขาดคำหยกก็บิดมอเตอร์ไซค์ไล่บี้ขึ้นมาตีคู่
“ไอ้หยก...เกะกะเหลือเกินนะมึง จัดการมันเลยไอ้ชาญ”
“ครับนาย!”
รถมานพกับมอเตอร์ไซค์ไล่บี้กันปาดซ้ายขวาตีคู่กันมา ชาญพยายามหักรถเบียดให้มอเตอร์ไซค์หยกคว่ำ แต่ฝีมือการบิดมอเตอร์ไซค์ของหยกก็โชว์เหนือ ปาดหลบ ล่อหลอก ซ้ายขวาสร้างความยากให้กับชาญที่พยายามบังคับรถเล่นงาน
“มันตามไม่เลิกเลยครับนาย”
“งั้นแกต้องเจอฉันแล้วไอ้หยก”
มานพชักปืนออกมา แล้วลดกระจกลงก่อนจะยื่นหน้าออกไปยกปืนเล็งไปที่หยก แล้วลั่นไกใส่ไม่ยั้ง...เปรี้ยงๆๆๆ หยกต้องเลี้ยวหลบวิถีกระสุนแล้วรีบเบี่ยงออกข้างทางไปอย่างฉิวเฉียด
“ก็แค่นี้แหละวะ...ไอ้กุ๊ยกระจอก รีบไปเลยไอ้ชาญ”
“ครับนาย”
ชาญขับรถต่อมาตามทางแต่แล้วต้องชะงักเพราะเจอหยกที่บิดมอเตอร์ไซค์ออกมาจากข้างหน้า แล้วสไลด์ปัดท้ายหันหน้ามาจอดขวางกลางถนนพร้อมยกปืนขึ้นมาเล็ง ชาญตาเหลือก
“นาย...ระวังครับ”
เปรี้ยงๆๆ
หยกยืนอยู่กลาง ถนนพร้อมกับยิงปืนใส่รถที่กำลังพุ่งตรงมา ชาญต้องหักพวงมาลัยหลบจนรถส่ายไปมา ก่อนจะไปจอดแน่นิ่งที่ข้างทาง หยกลดปืนลงแล้วถอดหมวกกันน็อคไว้ที่มอเตอร์ไซค์ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถ แต่ชาญก็รีบเปิดประตูออกมายิงตอบโต้ หยกจึงต้องยิงสวนกลับไปจนโดนมือชาญทำให้ปืนกระเด็นก่อนจะตามไปใช้เชิงมวยสู้กับชาญ ทั้งคู่ปะทะ แลกหมัดกันไปมา ในที่สุดชาญก็เป็นฝ่ายโดนหยกอับเปอร์คัทเสยปลายคางทีเดียวทรุดหมดสติ มานพค่อยๆเปิดประตูออกมาในสภาพที่หัวกระแทกกับเบาะจนเจ็บ หยกเข้ามายืนจ้องหน้ามานพเขม็ง
“ไอ้หยก!”
มานพตั้งการ์ดพร้อมลุย แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าแลกหมัดซัดกันนัว ฝีมือของมานพเริ่มไม่ธรรมดาเล่นงานจนหยกเป็น ฝ่ายซวนเซ มานพได้ทีตามเข้าไปประเคนทุกอย่างใส่ แต่หยกก็ฮึดจับหมัดของมานพมาบิดพลิกกลับมาได้เปรียบ
“แกยุ่งกับผู้หญิงของฉัน...เพราะฉะนั้นแกตายแน่ไอ้มานพ”
หยกจับแขนมานพบิดสุดแรงจนมานพร้องลั่น...
“อ๊าก !!”
หยกไล่ซ้อมมานพอย่างหนักเน้นๆทุกหมัดทำเอามานพซวนเซสะบักสะบอมเข่าทรุด
“พอ...พอแล้ว...ฉัน...ฉันยอมแล้ว...ฉัน...ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณแพร...แกพาเธอกลับไปได้เลย”
หยกมองเหยียด
“นี่น่ะเหรอลูกชายเจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารี เอาเข้าจริงแกมันก็แค่ไอ้จิ้งจก ไม่มีวันจะ ได้เป็นมังกรอย่างพ่อแกหรอก”
หยกจิกหัวมานพขึ้นมาแล้วง้างหมัดเตรียมจะเผด็จศึก แต่ธงรบปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพร้อมกับใช้ท่อเหล็กฟาด เข้าข้างหลังหยกทีเดียว หยกทรุดฮวบหมดสติ มานพชะงักมองขายแปลกหน้าที่สวมแว่นดำและมีหมวกแก๊ปที่เพิ่งช่วยเขาเอาไว้
“แก...แกเป็นใครวะ”
ธงรบไม่ตอบใช้เท้าเขี่ยหยกเพื่อดูให้แน่ใจว่าหมดสติจริงๆ
“คุณปลอดภัยแล้ว”
มานพเห็นหยกไม่รู้สึกตัว ก็เจ็บใจรีบเดินไปหยิบปืนของชาญที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาเพื่อจะฆ่าหยก
“คิดจะฆ่าฉันเหรอไอ้หยก...ฝีมือแกมันยังไม่ถึงหรอกเว้ย”
มานพจะเหนี่ยวไก แต่ธงรบใช้ท่อเหล็กฟาดลงไปที่มือมานพจนปืนกระเด็น
“คุณเป็นหนี้ชีวิตผมอยู่ เพราะฉะนั้น...อย่าทำอะไรที่ผมไม่ได้สั่ง”
“แก...แกต้องการอะไรจากฉัน”
ธงรบยิ้มกวนๆแล้วเดินเข้าไปใช้ท่อเหล็กฟาดเข้าที่ท้องมานพจังๆทีเดียวมานพจุกทรุดฮวบหมดสติ ธงรบค่อยๆถอดแว่นดำออกมองมานพแล้วหันไปเรียกหยก
“มันหมดฤทธิ์แล้วไอ้หยก”
หยกค่อยๆลุกขึ้นมาเอามือกุมท้ายทอยที่โดนธงรบฟาดไปเมื่อครู่
“นี่ไม่ยั้งมือเลยเหรอหมวด”
“ถ้าฉันไม่ยั้งมือ ป่านนี้แกลอยขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว”
หยกฟังธงรบไปแล้วยังรู้สึกเจ็บไม่หายก่อนจะเดินไปดูที่รถของมานพ เห็นดุจแพรยังหมดสติอยู่ในรถ ธงรบตามเข้ามายื่นโทรศัพท์ให้
“ไม่เป็นไรหรอกก็แค่โดนยามอมสาวของไอ้มานพไป แกรีบโทรตามคนที่ไว้ใจได้มาพา เธอกลับไป แล้วไปจัดการธุระของเราต่อ”
หยกรับโทรศัพท์จากธงรบมาแล้วมองไปที่ดุจแพร
อ่างอุ้มดุจแพรมานอนที่เตียง ส่วนสลึงยืนดูทำอะไรไม่ถูก
“แล้วจะทำอะไรต่อไปดีวะ ไอ้อ่าง”
“ข้าไม่รู้ว่ะ ก็ไอ้หยกสั่งให้ไปพาคุณแพรกลับมา ไม่ได้บอกอย่างอื่นเลยนี่หว่า”
“ถุย..แล้วเอ็งจะปล่อยคุณแพรไว้อย่างนี้เหรอไง”
“งั้นเอ็งก็จัดการเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณแพรแล้วกัน”
สลึงตกใจ
เฮ้ย !!...ข้า...ข้าแก่แล้วนะเว้ย เดี๋ยวหัวใจวายตายห่า”
“งั้นเอาไงล่ะ”
อ่างกับสลึงมองหน้ากันแล้วมองไปที่ดุจแพร
กิ่งเหมยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดุจแพรเสร็จแล้ว ช่วยห่มผ้าห่มให้ก่อนจะคว้าไม้เท้าเดินออกมาหาอ่าง กับสลึงที่รออยู่ข้างนอกห้อง
“เรียบร้อยแล้วจ้ะน้า”
อ่างยิ้มรับ
“ขอบใจนะกิ่งเหมย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ๆพวกน้าไปพาคุณแพรกลับมาได้ยังไง”
อ่างกับสลึงนิ่งไปก่อนจะมองหน้ากัน อ่างหันไปซุบซิบกับสลึงเบาๆ
“ไอ้หยกไม่ได้สั่งมาว่ะว่า ให้บอกกิ่งเหมยยังไง...เอาไงดีวะ”
“ข้า...ข้าไม่รู้”
“ข้าก็ไม่รู้...งั้นเราไม่รู้ก็อย่าบอกเลย กิ่งเหมยมองไม่เห็นพวกเรา ถ้าไปตอนนี้เงียบๆ จะได้ไม่ต้องบอกไง”
“เออ...ฉลาด”
ทั้งคู่หันมามองกิ่งเหมยแล้วค่อยๆย่องถอยหลังกะให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้กิ่งเหมยได้ยิน กิ่งเหมยส่งเสียงดุ
“น้าอ่าง...น้าสลึง...เหมยตาบอดแต่หูไม่ได้หนวกนะ”
อ่างตกใจ
“แหม...หูดีจังเลยนะกิ่งเหมย”
“นั่นสิ...หูดี เหมือน...บรู้ววว์”
สลึงหอน กิ่งเหมยดุ
“พอได้แล้วน้า...บอกกิ่งเหมยมาซะทีพวกน้าไปเจอคุณแพรได้ยังไง”
อ่างยิ้ม
“จ้ะ...จ้ะ...บอกก็ได้ ไอ้หยกมันโทรมาบอกให้พวกน้าไปรับคุณแพร”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 16 (ต่อ)
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณแพร ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
สลึงส่ายหน้า
“ไม่รู้...ไอ้หยกไม่บอก”
“แล้วหยกล่ะ...อยู่ไหน”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“ไม่รู้...ไอ้หยกไม่บอก”
“น้า!!”
กิ่งเหมยถอนใจทำหน้าเซ็งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรจากสองน้าเลยสักนิดเดียว
วันใหม่...เจ้าสัวเล้งเปิดกล่องที่เก็บหยกเลือดมังกร ที่เหลืออีกแค่ครึ่งชิ้นขึ้นมามอง ในใจเต็มไปด้วยคำถาม
“พราวแสง...มันเกิดอะไรขึ้น...ฉันนึกว่าเธอตายไปจากฉันแล้ว...พราวแสง”
เจ้าสัวมองหยกเลือดมังกรครึ่งชิ้นในมือ พร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งเป็นเหตุการณ์บนเรือที่พราวแสงกับเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และเริ่มรักกัน...พราวแสงเอาหยกเลือดมังกรออกมาให้ จากนั้นคนของโหงวก็บุกมายิงแล้วพราวแสงตกน้ำไป
เมื่อนึกถึงอดีต เจ้าสัวน้ำตาคลอเบ้า
“พราวแสง...ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ตาย แล้วทำไม...ทำไมเธอถึงไม่กลับมาหาฉัน...ทำไม!”
เจ้าสัวกัดกรามจนขึ้นสันอย่างเจ็บปวด ระหว่างนั้นนนท์เข้ามา
“เจ้าสัวครับ”
เจ้าสัวรีบลุกถามทันที
“เป็นยังไงบ้างนนท์...ตามเจอตัวมันมั้ย”
“ผมขอโทษครับเจ้าสัว ผมพยายามตามร่องรอยของมันแล้ว แต่ว่า...”
“หาไม่เจอ”
“ครับ”
เจ้าสัวแทบจะทรุดลงนั่ง เพราะความหวังที่จะได้รู้เรื่องของพราวแสงดูห่างออกไป
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใครนะนนท์”
“เท่าที่ผมทันได้เห็นหน้ามันตอนที่เข้าไปช่วยเจ้าสัว ผมพอจะนึกออกแล้วว่าผมเคยเจอ มันมาก่อน”
“ที่ไหน”
“ที่โรงพยาบาลตอนที่เจ้าสัวโคม่าอยู่ครับ มันพยายามจะมาพบเจ้าสัวแต่ผมคิดว่ามัน เป็นมือปืนจะบุกมาเล่นงาน ผมพยายามจะจับตัวมันแต่มันก็หนีไปได้”
“แสดงว่ามันติดตามฉันมาตลอด...มันมีหยกเลือดมังกรอีกครึ่งนึงของฉัน มันต้องรู้ว่าเกิด อะไรขึ้นกับพราวแสงแน่ๆ”
เจ้าสัวทุบโต๊ะอย่างมั่นใจระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูเรียกของดวงแขดังแทรกเข้ามา
“คุณคะ...คุณ...คุณคะ”
เจ้าสัวกำชับนนท์
“เรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด...เข้าใจมั้ยนนท์”
“ครับเจ้าสัว”
เมื่อนนท์รับปาก เจ้าสัวพยักหน้าให้ไปเปิดประตูให้ดวงแข
เจ้าสัวเล้งมองดวงแขอย่างแปลกใจ
“ว่าไงนะ...มีคนโทรมาบอกเธอว่าให้ฉันไปรับตัวมานพกลับบ้านเหรอ”
“ค่ะคุณ...ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ ฉันก็เลยลองโทรติดต่อตานพดูแต่ติดต่อไม่ได้ จนมาได้ เรื่องจากชาญ"
“มันว่าไง”
“เมื่อคืนนี้มานพโดนไอ้หยกคนของเสี่ยตงเล่นงาน หลังจากนั้นมานพก็หายตัวไป”
เจ้าสัวนิ่งคิดสงสัย ดวงแขร้อนใจ
“คุณต้องช่วยมานพกลับมานะคะ แล้วจัดการกับไอ้หมาบ้าตงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ถ้าเป็นฝีมือไอ้ตง มันไม่โทรมาตามให้ฉันไปรับมานพกลับมาหรอก”
“แล้วเป็นฝีมือใครคะคุณ”
“นนท์...เอารถออก” เจ้าสัวหันไปสั่ง
“ครับเจ้าสัว”
นนท์พยักหน้ารับ แล้วรีบเดินออกไป
ในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง...หยกเข้ามาดูมานพที่ยังนอนหมดสติอยู่ที่พื้น ระหว่างนั้นธงรบตามเข้ามา
“ฉันให้ยานอนหลับไปแล้ว กลับไปมันถึงจะฟื้น ยังไงก็ไม่รู้เรื่องแผนการของเราหรอก”
ธงรบยืนล้วงกระเป๋ามองหน้าหยก ทั้งคู่มองหน้าอย่างรู้กันว่าต้องทำอะไรต่อ
“รออะไรอยู่อีกล่ะหมวด รีบๆลงมือสิ”
“แน่ใจเหรอวะว่าจะให้ฉันลงมือ”
“หมวดต้องรับมือกับเจ้าสัวเล้ง...ถ้าจะให้เขาเชื่อมันก็ต้องลงทุนกันหน่อย”
“แต่คนอย่างฉันเบามือไม่เป็นหรอกไอ้หยก”
“ก็ไม่ได้ขอให้เบามือ”
“งั้น...อย่ามาว่ากันทีหลังนะเว้ย...ถึงเราจะร่วมมือเป็นพวกเดียวกันแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่หาย โมโหเรื่องแกกับคุณกิ่งเหมย ฉันอาจจะหลุดเล่นงานแกไปแบบไม่ยั้งคิดก็ได้”
“ตามสบาย แต่หมวดเล่นผมหนักเท่าไหร่ จบงานนี้ผมเอาคืนหนักกว่าเดิม”
ธงรบหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ...แกนี่มันจริงๆเลยว่ะ สมแล้วที่อาสมิงเลือกให้แกมารับงานโหดๆแบบนี้”
ธงรบเอามือออกจากกระเป๋ากางเกง ให้หยกเห็นชัดๆว่าเขาสวมสนับมือเอาไว้แล้ว หยกสะดุ้ง
“เฮ้ยหมวด!”
“ขอโทษด้วยว่ะ...ขอมาเลยต้องจัดให้”
ธงรบกำสนับมือแน่นแล้วปรี่เข้าไปถล่มหยกไม่ยั้ง
เจ้าสัวเล้งก้าวเข้ามาพร้อมกับนนท์และลูกน้องที่ตามมาอารักขา
“ถ้าเป็นฝีมือของไอ้คนเมื่อคืน...พวกแกห้ามฆ่ามันเด็ดขาด”
“ครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวกำชับลูกน้องได้ครู่ ธงรบก็ปรากฏตัวขึ้นสวมหมวกแก๊บและสวมแว่นดำ นนท์กับพวกลูกน้องรีบยกปืนจ่อ
“อะไรกัน...ไม่ทันไรก็จะยิงกันแล้ว...หรือว่าเจ้าสัวไม่อยากได้ตัวลูกชายคืน”
“แกเป็นใคร”
“เดี๋ยวเจ้าสัวได้รู้จักผมแน่...แต่ไม่ใช่ตรงนี้”
นนท์ยกปืนขู่
“เฮ้ย...อย่ามาคิดตุกติกนะเว้ย...แค่เจ้าสัวสั่งคำเดียว ลูกปืนก็ฝังเข้าหัวแกทันทีแล้ว”
“ฉันรู้น่าว่ากำลังเจรจาอยู่กับเจ้าสัวเล้งแห่งแกงค์มังกรวารีผู้ยิ่งใหญ่ มังกรที่ได้ชื่อว่าใช้ คุณธรรมในการปกครองลูกน้อง”
เจ้าสัวนิ่งมองธงรบอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่
“นนท์...สั่งทุกคนเอาปืนลง”
นนท์ไม่ไว้ใจ
“แต่เจ้าสัวครับ”
เจ้าสัวสั่งเสียงแข็ง
“เอาปืนลง”
นนท์หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องลดปืนลงตามคำสั่ง เจ้าสัวเล้งขยับเดินเข้าไปหาธงรบอย่างไม่หวั่นเกรง
“ทีนี้ก็บอกมาได้แล้วว่าลูกชายฉันอยู่ไหน”
“ตามผมมา...แต่เฉพาะเจ้าสัวกับมือขวาเท่านั้น”
ธงรบเดินนำเข้าไปด้านในโรงงาน นนท์ไม่ค่อยไว้ใจแต่ เจ้าสัวพยักหน้าให้นนท์ทำตาม
เจ้าสัวเล้งกับนนท์เดินเข้ามาด้านในโรงงานตามลำพังระหว่างนั้นธงรบลากคอหยกที่อยู่ในสภาพสบักสบอมเลือดเปรอะเต็มหน้า
“นายหยก !”
“ใช่ครับ...ไอ้หยก ลูกน้องฝีมือดีของเสี่ยตง เมื่อคืนผมไปเจอมันกำลังเล่นงานลูกชาย เจ้าสัว ก็เลยเข้าไปช่วยชีวิตเขาไว้ แล้วก็ได้ตัวมันมาให้เจ้าสัวพิพากษา”
ธงรบถีบหยกที่หมดสภาพจนเซไปล้มแทบเท้า เจ้าสัวนิ่งมองหยกอยู่ครู่ก่อนจะถามธงรบ
“แล้วลูกชายฉันล่ะ”
“อยู่ข้างในครับ”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้าให้นนท์รีบเข้าไปด้านใน นนท์หายไปครู่ก็พยุงมานพที่หมดสติออกมา
“คุณมานพปลอดภัยครับเจ้าสัว”
“ไอ้หยกมันเล่นงานลูกชายเจ้าสัวซะหนัก ถ้าผมไปเจอช้ากว่านี้มีหวังตายคามือมันแน่”
เจ้าสัวมองหยกแล้วสั่งนนท์
“พามานพออกไป”
“แล้วเจ้าสัวล่ะครับ”
“ฉันว่าไอ้หมอนี่คงไม่คิดจะช่วยมานพโดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก...รีบพามานพกลับ ไปไม่ต้องห่วงฉัน”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์พยุงมานพที่หมดสติพาออกไป ทิ้งให้เจ้าสัวอยู่กับธงรบและหยกที่แรงจะลุกก็ยังไม่มี
ธงรบกระชากคอเสื้อหยกขึ้นมา แล้วอัดเข้าที่ท้องอย่างแรงจนจุกตัวงอหมดสภาพ
“อยากให้ผมจัดการกับมันยังไงก็บอกได้เลยนะครับ...ชีวิตมันตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าสัวคน เดียวแล้ว”
เจ้าสัวนิ่งมองหยกก่อนจะหันไปที่ธงรบ
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าแกเป็นใคร แล้วเหตุผลอะไรแกถึงต้องมาช่วยชีวิตลูกชายฉัน”
ธงรบยิ้มกวนๆก่อนจะถอดแว่นตาดำกับหมวกแก๊บออก เพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ
“ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แนะนำตัวกันตั้งแต่ทีแรก...ผมธงรบ”
เจ้าสัวมองอย่างสนใจ
“ฉันว่าฉันคุ้นหน้าแก”
“สำหรับพวกมาเฟีย ถ้าเห็นหน้าผมก็น่าจะจำได้อยู่หรอก เพราะผมคือไอ้ตัวน่ารำคาญ”
เจ้าสัวจำได้
“ใช่...คุณคือหมวดธงรบ...แต่ได้ยินว่าโดนไอ้ตงมันฆ่าตายไปแล้ว”
“ใช่ครับเจ้าสัว...ผมโดนไอ้เสี่ยตงมันเล่นงาน แต่ผมมันดวงแข็งรอดตายมาได้ พร้อมกับ ความแค้นที่ต้องล้างผลาญมันให้พินาศ...พวกมันทุกคนจะต้องถูกผมเอาคืน”
ธงรบพูดไปก็หันไปกระชากคอเสื้อหยกขึ้นมา แล้วอัดใส่ไม่ยั้งมือให้เจ้าสัวเห็นว่าเขามีความแค้นต่อเสี่ยตงมาก เจ้าสัวยืนนิ่งดูธงรบอัดหยกจนหมดสติแน่นิ่งต่อหน้าแทบเท้า เจ้าสัวจับหน้าหยกมาพลิกดูเห็นว่าหมดสติไปจริงๆ
“เป็นไงครับสาสมกับที่มันเล่นงานลูกชายเจ้าสัวแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าแค้นพวกไอ้ตงมันนัก ทำไมไม่กลับไปใช้กฎหมายเล่นงานมัน”
“ถ้ากฎหมายของผมเล่นงานมันได้ ผมคงไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไม่ต้องกลายมาเป็นคน ตายเดินดินอยู่แบบนี้หรอกเจ้าสัว”
“งั้นที่ทำแบบนี้เพราะคิดจะมาพึ่งฉัน”
ธงรบยิ้มรับแล้วชักปืนมาเล็งไปที่หยกที่นอนหมดสติ
“ในเมื่อกฎหมายใช่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นี่คือทางเดียวที่จะทำให้ผมอยู่รอดต่อไป ผมพร้อมทำงานให้เจ้าสัวทุกอย่างตามที่สั่ง”
ธงรบพร้อมยิงหยก เจ้าสัวองธงรบอย่างพิจารณา
“ถึงจะฆ่าลูกน้องของไอ้เสี่ยตง...แต่ฉันก็ยังไม่เห็นเหตุผลจำเป็นที่ต้องเลี้ยงคนเพิ่ม”
“จำเป็นสิครับเจ้าสัว...จะสู้กับหมาบ้าก็ต้องเลี้ยงหมาที่บ้ากว่ามันไว้ใช้งาน”
ธงรบนิ้วแตะไกเตรียมจะยิงอย่างไม่ลังเล เจ้าสัวรีบจับปืนของธงรบไว้
“ฉันจะเลี้ยงแกไว้ เพราะฉันไม่อยากไล่สุนัขให้จนตรอก ต้อนคนให้จนมุม มันอาจจะย้อน กลับมาแว้งกัดเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าสัว...เรามีศัตรูคนเดียวกัน...ผมซื่อสัตย์กับเจ้าสัวแน่นอน”
“สำหรับไอ้หยก...แกไม่ต้องจัดการมัน”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
เจ้าสัวเล้งนิ่งมองหยกที่นอนนิ่งหมดสติ
กิ่งเหมยใช้มือคลำตัวดุจแพร ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ค่อยๆเช็ดตามแขนให้อย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้น ดุจแพรรู้สึกตัวพร้อมอาการปวดหัวมึน
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคะคุณแพร”
“กิ่งเหมย...นี่...นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“หยกให้น้าอ่างกับน้าสลึงพาคุณกลับมาค่ะ”
“หยกน่ะเหรอ”
ดุจแพรพยายามนึกแต่ยังมีอาการมึนๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะคุณแพร...คุณกับหยกทะเลาะอะไรกัน ทำไมคุณต้องหนีเขา”
“ฉัน...ฉันไม่ได้ทะเลาะกับเขา”
“ไหนคุณบอกว่าคุณไว้ใจฉันที่สุดไงคะ เราสาบานว่าจะดูแลกันเหมือนพี่เหมือนน้อง”
ดุจแพรนิ่งอย่างเสียใจ กิ่งเหมยสงสัย
“มีอะไรก็บอกฉันเถอะค่ะ...ฉันจะได้ช่วยให้คุณกับหยกเข้าใจกัน”
กิ่งเหมยพูดไปก็ค่อยๆคลำมือดุจแพรขึ้นมาบีบให้กำลังใจแต่นั่นยิ่งทำให้ดุจแพรน้ำตาคลอเสียใจ
“ฉันไม่อยากเลิกรักหยก...แต่ฉันก็ไม่อยากทำร้ายเธอสองคน”
ดุจแพรแกะมือกิ่งเหมยแล้วร้องไห้เสียใจวิ่งออกไป กิ่งเหมยอึ้งตะลึง
เจ้าสัวเล้งยืนนิ่งอยู่ริมน้ำ มองบรรยากาศกว้างๆของท่าเรือโดยมีรถของตัวเองจอดอยู่ใกล้ๆ ครู่หนึ่งหยกที่เริ่มรู้สึกตัวก็ค่อยๆเปิดประตูออกมาจากรถ
“เป็นไงบ้างนายหยก”
“เจ้าสัว...”
หยกมองไปรอบๆอย่างสงสัย
“ไม่ต้องห่วง...ที่นี่มีแค่ฉันกับเธอเท่านั้น ถ้าคิดจะแก้แค้นให้มานพ ฉันคงปล่อยให้ธงรบ ฆ่าเธอตายไปแล้ว”
“แต่ผมเล่นงานลูกชายเจ้าสัว แล้วจะให้ผมไว้ใจได้ยังไง”
“ฉันรู้หมดแล้วว่าที่เธอมีเรื่องกับมานพมันเพราะอะไร ยุคไหนสมัยไหน เด็กหนุ่มเลือด ร้อนตีกันมันก็ไม่พ้นปัญหาเพราะผู้หญิง”
“ถ้าเจ้าสัวเข้าใจว่าลูกชายตัวเองทำอะไรลงไป...ก็ดีครับ ต่อไปจะได้สั่งสอนให้มันไม่ต้อง มายุ่งกับผู้หญิงของผมอีก”
“เรื่องมานพ...ฉันจะจัดการแน่นอน”
“งั้นเราก็คงหมดธุระกันแล้ว”
หยกจะเดินออกไปแต่ เจ้าสัวตามไปจับบ่ารั้งเอาไว้
“เดี๋ยว...ฉันช่วยไม่ให้ธงรบฆ่าเธอ เพราะฉะนั้นเธอติดหนี้ชีวิตฉันอีกแล้วนะนายหยก”
หยกชะงักหันกลับมามอง
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าคลำทางเดินออกมาที่บริเวณดาดฟ้า เสียงสะอื้นเสียใจของดุจแพรทำให้เธอรู้ว่าดุจแพรอยู่ตรงไหน
“คุณแพร”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีกเลยกิ่งเหมย...อย่ามาทำดีกับฉัน เพราะยิ่งเธอทำก็ยิ่งทำให้ฉัน กลายเป็นผู้หญิงแพศยาที่แย่งแฟนเพื่อน”
กิ่งเหมยอึ้ง
“คุณแพร...ฉันเคยบอกคุณแล้วไงว่าฉันกับหยกเราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ได้โปรดเถอะกิ่งเหมย...หยุดปิดบังความจริงกับฉันสักทีได้มั้ย ฉันถูกพ่อหลอกลวงมา แล้วคนหนึ่ง อย่าให้เพื่อนที่ฉันรักที่สุดต้องมาหลอกลวงฉันอีกคนเลย...ฮือๆ”
ดุจแพรเจ็บปวดเสียใจน้ำตาไหลพรากๆ กิ่งเหมยเองก็เสียใจไม่แพ้กัน
“คุณแพรคะ...ฉันไม่เคยคิดหลอกลวงคุณเลย...เวลาที่ฉันเห็นคุณมีความสุข ฉันก็มีสุขไป ด้วย เวลาที่คุณเสียใจฉันก็เสียใจไปพร้อมกับคุณ...เชื่อฉันเถอะค่ะฉันกับหยก เราเป็น ได้แค่เพื่อนกันจริงๆ”
“แต่หยกเขาไม่คิดอย่างนั้นกับฉัน เขารักเธอนะกิ่งเหมย เขารักเธอมาก เขาอยากจะมี ชีวิตร่วมกับเธอมากกว่าฉัน”
“คุณแพร...เป็นไปไม่ได้...ไม่จริงหรอกค่ะ”
“เธอไม่เชื่อใช่มั้ย” ดุจแพรเข้าไปจับมือกิ่งเหมยขึ้นมา “งั้นมาสิกิ่งเหมย...ฉันรู้ว่าเขาเก็บซ่อน ความในใจไว้ที่ไหน ฉันจะให้เธอฟัง”
ดุจแพรรีบดึงกิ่งเหมย พากลับเข้าไปในที่พัก กิ่งเหมยกตกใจ
“คุณแพร...คุณแพรคะ...อย่าเลยค่ะ”
เจ้าสัวเล้งยังจับไหล่หยกเอาไว้ หยกมองหน้าแล้วปัดมือออก
“ผมเพิ่งรู้ว่าเจ้าพ่อใหญ่อย่างเจ้าสัว จะเป็นพวกชอบทวงบุญคุณ”
“ฉันยังไม่ได้ทวงบุญคุณ แต่ที่ช่วยเพราะเสียดายชีวิตเธอ”
“พอเถอะครับเจ้าสัว...อยู่วงการเดียวกันเรารู้กันดี มีหนี้ต้องชดใช้ มีบุญคุณต้องทดแทน ที่เจ้าสัวยื้อชีวิตผมไว้ต้องการให้ผมทำอะไรให้”
“นายหยก!”
“ผมทำให้ได้อย่างที่เจ้าสัวต้องการ แต่ถ้าจะให้ผมหักหลังเสี่ยตง สั่งให้ไปฆ่าเขาล่ะก็ เจ้าสัวก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าพ่อที่ดี เพราะผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติคนอื่น”
เจ้าสัวนิ่งมองที่แววตาและสีหน้าอันดูจริงจังของหยก แล้วอดคิดถึงพราวแสงไม่ได้
“นายหยก...แววตาของเธอ...”
เจ้าสัวเพ่งมองแล้วถึงกับต้องจับไหล่หยกบีบสองข้างเพื่อดึงเข้ามาดูใกล้ๆ ภาพอดีตของเขากับพราวแสง ตอนที่ถูกกระหน่ำยิงแล้วพราวแสงตัดสินใจช่วยชีวิตเขาไว้อย่าง กล้าหาญ จนพาไปรักษาตัวที่เรือนแพแว่บเข้ามา เจ้าสัวมองหยกนิ่งค้างจนเขาต้องเรียกสติ
“เจ้าสัว...เจ้าสัว...คุณจะให้ผมใช้หนี้ชีวิตคุณยังไงก็บอกมา”
“เธอเป็นคนที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยวมากนะหยก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ดูถูกเกียรติของเธอ ถ้ามี หนทางถอนตัวออกจากวงการนี้ได้ก็ควรจะรีบทำ”
หยกแปลกใจ
“ถอนตัว”
“ใช่...ที่ฉันเตือน เพราะสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะหนักหนาสาหัสและทำให้คนอย่าง เธอถอยหลังกลับไม่ได้อีก ฉันเชื่อว่าถ้าเราเจอกันอีกครั้ง...มันจะไม่เป็นแบบนี้”
“ไม่คุณตาย ผมก็ตาย”
เจ้าสัวพยักหน้าตบบ่าหยกอย่างตักเตือนแล้วเดินกลับไปที่รถ หยกมองตามอย่างอยากรู้
“เจ้าสัว...คุณหวังดีเตือนผมทำไม ทั้งๆที่ผมเป็นศัตรูกับคุณ”
เจ้าสัวเล้งหยุดเดิน
“เพราะแววตาของเธอทำให้ฉันนึกถึงคนที่เขาเคยเตือนฉันแบบนี้ แต่ฉันกลับไม่ ฟัง ชีวิตฉันถึงไม่เคยมีความสุขอีกเลย...เธอเหมือนเขามากนะหยก”
เจ้าสัวก้าวขึ้นรถก่อนจะออกไปทิ้งหยกให้มองตามอย่างแปลกใจ
กิ่งเหมยถึงกับอึ้งเมื่อดุจแพรเปิดเสียงดังๆให้ได้ยินคำพูดที่หยกพูดไว้ในวีดิโอ ถึงกิ่งเหมยจะมอง ไม่เห็นแต่เสียงก็ฟังชัดเจน
“ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย สักวันเราจะมีครอบครัวด้วยกัน มีลูกน่ารักๆ ถ้าผู้หญิงก็ต้องสวย เหมือนเธอ ส่วนผู้ชาย...แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องหล่ออย่างฉัน ทุกๆเช้าฉันจะตื่นขึ้นมาเห็น เธออยู่ข้างๆ นี่แหละกิ่งเหมย...คือคำอธิษฐานขอพรของฉันในวันเกิดทุกๆปี”
คำพูดของหยกทำเอากิ่งเหมยน้ำตาคลอ ไม่ต่างไปจากดุจแพรที่อยู่ด้วย
“ปิดเถอะค่ะคุณแพร”
“เธอจะให้ฉันปิดทำไม...ฉันว่านี่คือสิ่งที่เธออยากฟังนะกิ่งเหมย จะได้ไม่มีข้ออ้างอะไรที่ เธอจะใช้เพื่อยกเขาให้กับฉันอีก...ฟังสิ...ฉันจะกรอกลับให้เธอฟังอีกครั้ง”
กิ่งเหมยร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“พอเถอะค่ะ...อย่าทำอย่างนี้”
ดุจแพรร้องไห้ออกมาไม่แพ้กัน
“แต่ฉันอยากให้เราฟัง...อยากให้เราทั้งคู่รู้ว่าผู้ชายที่เรารักเขามีความในใจยังไง”
กิ่งเหมยรีบลุกแล้วไขว่คว้าจนจับมือดุจแพรได้ ทั้งคู่พยายามยื้อยุดรีโมท
“อย่าค่ะคุณแพร...ฉันขอร้อง”
“ฉันมันผู้หญิงแพศยานะกิ่งเหมย...ฉันแย่งผู้ชายของเพื่อน ฉันกอดเขา ฉันจูบเขาต่อหน้าเธอ...ฉันมันเลว...เลวจนไม่น่าให้อภัย”
“ไม่ค่ะ...คุณไม่ได้ผิด...ฉันเองต่างหากที่ผิด”
กิ่งเหมยขึ้นเสียงแล้วสะบัดมือออกแรงเต็มที่ จนเผลอผลักดุจแพรล้มลงไปบนที่นอน กิ่งเหมยตกใจ
“คุณแพร...คุณแพรคะ...ฉันขอโทษ”
“อย่าขอโทษฉันเลยกิ่งเหมย...ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายผิด...ฉันขอโทษ”
“คุณไม่ได้ผิดอะไรเลยค่ะ ต่อให้หยกรักฉันมากแค่ไหน ฉันก็คงเป็นภาระให้เขาไม่ได้ แต่คุณต่างหากที่จะดูแลเขาได้”
“งั้นทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะกิ่งเหมย...ทำไมเธอต้องพยายามเสียสละเขาให้ฉัน”
“ที่ฉันไว้ใจคุณ...เพราะคุณกับฉัน...เรา...เราเป็น...”
กิ่งเหมยอยากจะบอกความจริงให้ดุจแพรรู้ เรื่องสายเลือดเดียว กันแต่ระหว่างนั้นส้มเช้งเสียงดังเข้ามา
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...ฉันตามหาแกซะทั่วเลย”
“มีอะไรเหรอส้มเช้ง”
“ก็อาม่าแกน่ะสิ...มาเลือดร้อนอะไรตอนแก่ก็ไม่รู้ ถ้าไม่ช่วยกันฉุดล่ะก็...ฉันว่าเป็นเรื่องแน่”
กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่าฉันไปทำอะไร”
กิ่งเหมยเป็นห่วง ดุจแพรก็อยากรู้และห่วงด้วยเหมือนกัน
อาม่า น้าอ่างและน้าสลึงพร้อมพวกชาวบ้านหลายคนมารวมตัวกันเพื่อจะไปเอาเรื่องกับ พวกนักเลงเพราะมีชาวบ้านที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บหัวแตกเลือดอาบ
“นี่มันทำกับพวกลื้อถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็ฉันกับเมียไม่ยอมมัน มันก็เลยบุกเข้ามารื้อบ้านจนพังหมด แถมยังขู่อีกว่าถ้าฉันไม่รับ เงินค่าย้ายออกไปจากตรอก มันจะพาพวกบุกมาข่มขืนเมียฉันอีกจ้ะอาม่า”
“อั้ยหยา...ไอ้พวกสารเลว สงสัยเราจะรอให้ฟ้าดินลงโทษมันไม่ได้แล้ว”
อ่างเก๊กโชว์เท่
“ไม่ต้องห่วงนะอาม่า...งานนี้เดี๋ยวฉันลุยเอง”
สลึงเอาด้วย
“ฉันด้วย...จะตืบมันให้แบนเป็นโรตีเลย”
อาม่าปราม
“ไม่ได้ๆ อั้วปล่อยให้พวกลื้อสองคนไปเองไม่ได้ ถ้าจะไปกันก็ต้องไปหมดนี่เลย สันดาน กุ๊ยกระจอกอย่างไอ้กิจชัย เจอคนเยอะๆมันต้องกลัวพวกเราแน่”
อ่างเห็นด้วย
“ก็ดีนะอาม่า...ปล่อยให้มันมาซ่าอยู่ในตรอกนี่มานานแล้ว ถึงเวลาไล่ตะเพิดมันไปซะที ไปเว้ยพวกเรา”
พวกชาวบ้านส่งเสียงเฮๆกันลั่นแล้วพากันออกยกขโยงออกไปมีอาม่าอยู่ในกลุ่มด้วย
ชาวบ้านพากันคว้าท่อนไม้ คว้าสารพัดจากที่หาได้จากบ้านตัวเองออกมาเป็นอาวุธเพื่อลุย โดยมีอ่างกับสลึงเดินนำขบวน ส้มเช้งพากิ่งเหมยกับดุจแพรเข้ามาเห็นพวกชาวบ้านเดินไปเป็นโขยงมีอาม่าเดินช้ารั้งท้ายแถว ส้มเช้งร้อนใจ
“เร็วเข้ากิ่งเหมย...อาม่าแกอยู่นั่น”
“อาม่า...อาม่าคะ”
อาม่าได้ยินเสียงกิ่งเหมยเรียกก็ชะงักรีบผละจากกลุ่มเข้ามาหาหลานสาว
“อาเหมย...ลื้อมาอยู่แถวนี้ทำไม กลับบ้านไปเดี๋ยวโดนลูกหลง”
“เหมยว่าอาม่านั่นแหละค่ะที่ต้องกลับไปด้วยกัน ทำแบบนี้มันอันตรายนะคะ”
ดุจแพรเห็นด้วย
“นั่นสิคะอาม่า...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการเองดีกว่าค่ะ”
อาม่าหางตามองดุจแพร
“อั้วไม่ได้ขอความเห็นลื้อ”
ดุจแพรสงสัย
“อาม่าคะ...ถ้าอาม่ายังโกรธแพรเรื่องที่ป๋าเคยทำร้ายอาม่ากับกิ่งเหมย ตอนนี้ แพรตัดพ่อตัดลูกกับเขาไปแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
“เลือดมันข้นกว่าน้ำ ต่อให้ลื้อตัดพ่อตัดลูกกับไอ้ตง แต่ลื้อก็ยังเป็นสายเลือดของมัน”
กิ่งเหมย ปราม
“อาม่า...ถ้าอาม่าพูดกับคุณแพรแบบนี้ อาม่าไม่ได้ว่าคุณแพรคนเดียว”
อาม่าชะงัก
“อาเหมย...”
“เหมยเป็นห่วงอาม่าจริงๆนะคะ...อาม่าอย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอาม่า แล้ว เหมยจะอยู่กับใคร”
อาม่านิ่งไปมองหลานสาวที่อยู่ในสภาพตาบอด อย่างเวทนาสงสาร
กิจชัยกับลูกน้องกำลังระรานไล่ตะเพิดชาวบ้านในตรอกคนหนึ่ง โดยลากคอออกมาจากบ้านข่มขู่
“หัวหมอใช่นักมั้ย...คิดว่าอวดเก่งแล้วจะรอดเหรอไอ้กระจอก”
กิจชัยลากชาวบ้านออกมาต่อยแล้วอัดไม่ยั้งมือจนชาวบ้านต้องรีบยกมือไหว้อ้อนวอน
“อย่า...อย่าทำ...ฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“รู้จักกลัวก็ดี...แต่จะดีกว่านี้ถ้าจะไปบอกพวกในตรอกของแกให้รีบๆย้ายออกไป อย่ามา อยู่เกะกะคนอื่นเขาทำมาหากิน”
“แกนั่นแหละที่ต้องไสหัวออกไปจากตรอก...ไอ้กุ๊ยกระจอก”
เสียงอ่างดังเข้มขึ้นมาจากด้านหลัง กิจชัยชะงักหันไปเห็นอ่างถือไม้หน้าสามยืนจังก้าคู่กับสลึง
“ไอ้อ่าง ไอ้สลึง ไอ้สองพี่น้องไม่เต็มบาท ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวพวกแก ไสหัวไปก่อน ไว้ถึงคิว ไล่ตะเพิดที่ร้านแกเมื่อไหร่ ฉันจัดเต็มให้แน่”
สลึงยิ้มเย้ย
“ข้าไม่ชอบรอคิวนานเว้ย...ชอบแซงคิว”
“อ๋อเหรอ...อยากเจ็บตัวเร็ว อยากย้ายออกไปก่อนคนอื่น งั้นได้เดี๋ยวจัดให้เลย”
กิจชัยพยักหน้าให้พวกลูกน้องปล่อยชาวบ้านที่กำลังเล่นงานอยู่แล้วเดินเข้าไปหาอ่างกับสลึงเพราะคิดว่ามากัน แค่ 2 คน แต่พอเข้าไปเกือบถึงตัวพวกชาวบ้านที่รออยู่ก็ดาหน้าออกมายืนเรียงหน้ากระดานเอาเรื่อง กิจชัยสะดุ้ง
“เฮ้ย...ไม่ได้มากันแค่ 2 คนนี่หว่า”
อ่างยิ้มกวนใส่
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะมากันแค่สองคนนี่เว้ย”
พวกชาวบ้านจ้องกิจชัยเขม็งอย่างเอาเรื่องทำเอามันหน้าเหวอถอยหลังไม่เป็นขบวน
“เอา...เอาไงดีพี่กิจ ท่าทางพวกมันเอาจริงนะเนี่ย”
“จะเอายังไง...พวกเอ็งนั่นแหละเปิดก่อนเลย”
กิจชัยผลักลูกน้องใส่อ่างกับสลึงส่วนตัวเองรีบวิ่งหนี ชาวบ้านรุมเล่นงานพวกลูกน้องส่วนอ่างกับสลึงรีบตามกิจชัยไป ชาวบ้านตะลุมบอนกับพวกลูกน้องกิจชัยมั่วไปหมด หยกเดินกลับเข้ามาในตรอกเห็นเหตุการณ์พอดี
อ่างกับสลึงรีบวิ่งไล่ตามกิจชัยเข้ามาแต่อยู่ๆมันก็หายไป อ่างมองหา
“หายไปไหนแล้ววะ...ไวชิบเป๋ง ไวอย่างกับหมา”
“มันคงกลัวกลัวเรา...ตื้บ”
ระหว่างนั้นกิจชัยค่อยๆโผล่มาจากทางข้างหลังอ่างอย่างเงียบๆพร้อมกับท่อนไม้หน้าสาม
“เสียดายเว้ย...ว่าจะตบมันให้คว่ำแล้วควักลูกตามันมาเตะเล่นซะหน่อย”
อ่างกับสลึงมัวแต่คุยกัน ไม่ทันระวังกิจเลยซัดไม้หน้าสามเข้าที่ท้ายทอยอ่างทีเดียว ร่วงหมดสติ
“ถุย...ต่อให้หน่อยทำเป็นคุย...ไอ้เตี้ยเอ้ย”
สลึงชี้หน้า
“ไอ้กุ๊ย...เอ็งเล่นทีเผลอเหรอวะ”
“ถ้าเล่นซึ่งๆหน้าแล้วจะตื้บพวกเอ็งได้เหรอวะ”
กิจชัยปรี่เข้าไปใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้องสลึงทีเดียวจุกตัวงอ จากนั้นมันก็เล่นงานไปหลายดอกจนสลึง ซวนเซสู้ไม่ได้
“เก่งนักนะไอ้พวกไม่เต็มบาท วันนี้เอ็งได้เอ๋อจนจำแม้แต่ทางกลับบ้านไม่ได้แน่”
กิจชัยเงื้อไม้ฟาดเสยปลายคางทีเดียวสลึงสลบเหมือด กิจชัยยิ้มชอบใจระหว่างนั้นหยกวิ่งตามเข้ามาเห็น
“น้าอ่าง...น้าสลึง!”
กิจชัยชะงักเห็นหยกกำหมัดแน่นเจ็บใจและโกรธแค้น กิจชัยหวาดเสียวเพราะรู้ฝีมือหยกดี พอหยกเดิน เข้าหากิจชัยรีบถอยแล้ววิ่งหนี หยกวิ่งไล่ตาม
ดุจแพรรีบเดินเข้ามาตรงบริเวณที่ชาวบ้าน กำลังมะรุมมะตุ้มตีกับพวกลูกน้องของกิจชัยส้มเช้งรีบตามมา
“คุณแพร...คุณแพร...ฉันว่าคุณอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าค่ะ”
“เธอช่วยพากิ่งเหมยกับอาม่ากลับไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน”
“แต่มันอันตรายนะคะ เห็นมั้ยคะนั่น ตีกันมั่วจนไม่รู้ใครเป็นใครแบบนั้น”
“นักเลงพวกนั้นฉันจำได้ว่าเป็นพวกที่เคยทำงานให้พ่อฉัน ถ้าฉันเข้าไปห้ามอย่างน้อย พวกนั้นก็ต้องฟังฉัน”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 16 (ต่อ)
“แต่ถ้าขืนคุณเข้าไปยุ่งตอนนี้คุณได้โดนลูกหลงเจ็บตัวแน่ๆ”
“ฉันเอาตัวรอดได้น่าส้มเช้ง”
ดุจแพรไม่ฟังเสียงทัดท้านของส้มเช้ง รีบเดินเข้าไปในกลุ่มที่กำลังซัดกันนัว
“นี่...หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ฉันบอกให้หยุด...ถ้าไม่หยุดฉันจะตามป๋าให้มาจัดการ...หยุดนะ”
ดุจแพรพยายามตะโกนห้ามแต่ไม่มีใครได้ยิน นักเลงคนหนึ่งเลือดอาบเต็มหัวกระเด็นจากการถูกชาวบ้านถีบ มาล้มใกล้ๆ ดุจแพรรีบดึงขึ้นมาสั่งทันที
“นี่...จำฉันได้ใช่มั้ย ฉันลูกสาวเสี่ยตง ถ้าพวกแกไม่หยุดทำร้ายชาวบ้าน ฉันจะตามป๋ามา จัดการพวกแกให้ถึงที่เลย”
“จะลูกสาวใครข้าก็ไม่สนหรอกเว้ย”
นักเลงโวยวายเลือดขึ้นหน้าตบหน้าดุจแพรทันที…แรงตบทำให้ล้มเลือดซิบมุมปาก เธอเลยโกรธหันไป คว้าไม้ขึ้นมาจากพื้นแล้วรีบลุกขึ้น
“อย่าคิดว่าฉันไม่สู้คนนะ”
ส้มเช้งรีบร้องห้าม
“อย่าค่ะคุณแพร”
ส้มเช้งจะเข้าไปห้าม แต่ไม่ทันแล้วเพราะดุจแพรปรี่ไปใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่กลางหลังนักเลง แต่มันไม่สะดุ้ง แถมยังหันกลับมาจ้องหน้าเอาเรื่องสุดๆ
“นังนี่...วอนซะแล้ว”
นักเลงโกรธจัดตบผั๊วทีเดียวดุจแพรเซถลาหัวไปกระแทกกับผนังปูนหมดสติ ส้มเช้งตกใจ
“คุณแพร!”
กิจชัยกระเด็นตามแรงถีบของหยกไปกระแทกกับกำแพงจนจุก หยกจิกหน้าโหดตามไปกระชากคอมันมาซ้ำอีกหลายดอกโดยไม่พูดสักคำจนกิจชัยต้องเป็นฝ่ายยกมือขอร้อง
“ข้า...ข้าขอโทษไอ้หยก...ข้าไม่ตั้งใจ ข้าพูดดีๆด้วยแล้ว แต่พวกน้าเอ็งไม่ยอมพูดดีด้วย”
“แกไม่ต้องพล่ามอะไรอีกแล้ว เพราะฉันหมดความอดทนกับแกแล้วโว้ย”
“เฮ้ย...ฟังกันมั่งสิวะ...ข้าหวังดีกับพวกในตรอกของแกนี่จริงๆเว้ย มีคนจ้างให้ข้าเอาเงินมา ให้พวกเอ็งย้ายไปหาที่อยู่ที่ดีกว่า ถ้าพวกเอ็งไม่ทำตัวมีปัญหา พวกเอ็งจะรวยไม่รู้เรื่อง”
“ถ้าคนที่ตรอกศาลเจ้าเห็นแก่เงิน คงไม่อยู่กันมาหลายชั่วอายุคนแบบนี้หรอก”
หยกเข้าไปกระชากกิจชัยมาอัดใส่ไม่ยั้งงัดออกมาเต็มเหนี่ยวจนมันสะบักสะบอม ก่อนที่มันจะฉวยโอกาสชักมีด พกออกมาตวัดใส่หยกจนบาดแขนเสือดซิบๆ หยกเลยต้องชะงักตั้งท่าระวัง
“เอาสิวะไอ้หยก...แกมันก็ดีแต่มาขัดขวางฉันอยู่เรื่อง หมั่นไส้มานานแล้ว วันนี้ให้มัน แตกหักกันไปเลย”
“ก็ดี...ฉันก็เบื่อที่ต้องปล่อยให้แกเพ่นพ่านสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเต็มทีแล้ว”
หยกพุ่งเข้าไปใส่ กิจชัยตวัดมีดไปมาจนหยกเข้าใกล้ตัวไม่ได้ต้องรอให้มันเป็นฝ่ายได้ใจเข้ามาเองหยกจึงจับมือ มันมาบิดแล้วใช้มีดในมือมันนั่นแหละปักเข้าไปที่ไหล่มันเองจนมันร้องเจ็บ...
“อ๊ากกก”
หยกนึกว่ามันจะกลัวจนยอมแพ้แต่มันกลับคว้าถังรองน้ำใกล้มือมาสาดน้ำใส่หน้าจนน้ำเข้าตา หยกรีบขยี้ตาและระวังตัวกลัวมันจะสวนแต่พอลืมตาขึ้นมาไอ้กิจชัยก็หายไปแล้ว หยกมองหามันหายไปไหน คมทวนเข้ามาพอดี
“ไอ้หยก...นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมในตรอกถึงได้วุ่นวายขนาดนี้”
“พ่อ...”
หยกมองหน้าพ่อยังไม่พูดอะไร
กิจชัยเอามือกุมไหล่ที่โดนมีดปักจนเลือดโชก โซซัดโซเซเข้ามาตามทางในตรอก
“ไอ้หยก...ไอ้เวรเอ้ย...ข้าไม่มีวันยอมให้เอ็งเล่นงานข้าหรอกเว้ย”
กิจชัยหยุดพักเจ็บพิงกำแพงแล้วดึงมีดออกจากไหล่เลือดสดๆไหลพุ่งออกมา กิจชัยเจ็บแต่ยิ่งโกรธแค้น
“เอ็งต้องเจ็บกว่าข้าหลายเท่า...ไอ้หยก!!”
กิจชัยยิ้มร้ายชั่ว
อาม่ากับกิ่งเหมยประครองกันเข้ามา
“ลื้อไม่น่ามาห้ามอาม่าเลยนะอาเหมย...ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันสู้ ปล่อยให้พวกมันมาไล่ เอาอย่างกับหมูกับหมา แล้วเราจะเอาที่ไหนซุกหัวนอน”
“อาม่าจำได้มั้ยว่าเมื่อก่อนอาม่าพูดกับเหมยว่ายังไง”
อาม่าชะงัก
“อาม่าสั่งนักสั่งหนาว่า ให้เหมยอยู่ห่างๆพวกนักเลง สั่งไม่ให้เหมยมีเรื่องกับพวกมัน แล้วมาตอนนี้อาม่ากลับ ทำตรงข้ามหมด”
“ก็ตอนนั้นอั้วต้องปกป้องลื้อจากไอ้เสี่ยตงนี่ แต่ตอนนี้มันไม่มายุ่งกับเราแล้ว อั้วก็ต้อง ปกป้องศาลเจ้าของอั้ว ปกป้องที่ซุกหัวนอนของอั้ว หรือว่าลื้ออยากเห็นพวกมันรื้อทิ้ง”
กิ่งเหมย นิ่งไปน้ำตาซึม
“ไม่ใช่ว่าเหมยไม่รักตรอกศาลเจ้าของเรานะอาม่า...แต่ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ไป เหมยก็ต้องทนอยู่กับคนที่เหมยรักเขาไม่ได้ ขอให้เหมยไปซะดีกว่าอยู่แล้วเจ็บปวด เถอะค่ะอาม่า”
“อาเหมย...”
อาม่าอดสงสารหลานสาวไม่ได้จนต้องดึงมาโอบกอดปลอบใจ
“อาม่าขอโทษ...อาม่าผิดเอง อาม่าไม่ควรทิ้งลื้อ เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันนะอาเหมย”
อาม่าน้ำตาคลอแต่พอไอ้กิจชัยก้าวเข้ามาพร้อมกับมีดที่มีเลือดเต็ม อาม่าก็ถึงกับอึ้ง
“อาม่า...มีอะไรเหรอคะ”
“มะ...มะ...ไม่มีอะไรหรอกอาเหมย”
อาม่าบอกไปว่าไม่มีอะไรแต่ก็พยายามดันกิ่งเหมยให้หลบไปข้างหลัง
“เกิดอะไรขึ้น อาม่าบอกเหมย...อาม่าคะ”
“อาเหมย...ถ้าอาม่าบอกให้ลื้อวิ่ง ลื้อต้องวิ่งหนีไปให้ไกลๆเลยนะ”
กิ่งเหมยงงๆ
“หนี...หนีอะไรคะ”
กิจชัยยิ้มเหี้ยม
“หนีความตายที่ฉันจะเอามาให้แกสองคนไงไอ้กิ่งเหมย”
“ไอ้กิจชัย”
กิจชัยกำมีดแน่นแล้วเดินเข้าหาช้าๆอย่างน่ากลัว สองยายหลานตกอยู่ในสถานการณ์คับขันส้มเช้งประครองดุจแพรที่หัวแตกมีเลือดไหลซิบๆเข้ามาในร้านมอเตอร์ไซค์
“นั่งตรงนี้ก่อนค่ะคุณแพร เจ็บมากมั้ยคะ ขอฉันดูหน่อย”
ส้มเช้งช่วยดูหัวดุจแพรที่แตกมีเลือดซิบๆ
“โอ๊ย...ฉันเจ็บนะส้มเช้ง”
“ก็ฉันเตือนคุณแล้วแต่คุณไม่ฟังเอง...นี่ดีนะที่มันไม่เอามีดกระซวกคุณ ไม่งั้นได้กลาย เป็นผีเฝ้าตรอกศาลเจ้าแน่”
“ก็ฉันไม่อยากเห็นคนที่ถูกไอ้พวกนั้นทำร้ายนี่”
ระหว่างนั้นหยกกับคมทวนตามเข้ามา
“คุณแพร...ส้มเช้ง”
“หยก !”
ดุจแพรดีใจรีบเข้าไปกอดหยกอย่างตกใจกลัวทันที
“คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับคุณแพร”
“นิดหน่อยน่ะ...ฉันยังพอไหว”
“แล้วกิ่งเหมยล่ะครับ...กิ่งเหมยอยู่ที่ไหน ผมหาเธอไม่เจอ”
ส้มเช้งหันมาบอก
“ฉันให้กลับไปบ้านกับอาม่าแล้วนี่หยก”
“แต่ฉันไปมาแล้วไม่เจอทั้งคู่เลย”
หยกชักกังวลเป็นห่วงกิ่งเหมย คมทวนจับบ่าลูกชาย
“ข้าว่าชักไม่ค่อยดีแล้ว ไอ้กิจชัยมันยังลอยนวลอยู่ มันต้องหาทางแก้แค้นเอ็งแน่”
หยกเครียด
“ส้มเช้ง...พาคุณแพรไปที่บ้านฉัน”
ส้มเช้งรับคำ คมทวนกับหยกมองหน้ากันแล้วรีบพากันออกไป ดุจแพรมองตามเป็นห่วงแล้วเจ็บแผลที่หัว
กิจชัยถือมีดเดินเข้าหาอาม่ากับกิ่งเหมยอย่างน่ากลัว
“ไอ้หยกมันเล่นงานข้าเอาไว้แสบเหลือเกิน ข้าต้องทำให้มันเจ็บปวดก่อนตาย”
“อย่านะ...ลื้ออย่ามายุ่งกับพวกอั้ว”
“เอ็งนั่นแหละที่จะเป็นคนแรกที่ต้องสังเวยความแค้นให้ข้า...อีแก่”
กิจชัยเข้าไปกระชากตัวอาม่าออกมาจากกิ่งเหมยแล้วตบผั๊วะ จนเซถลา กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่า!”
“อาเหมย...หนีไป...รีบหนีไปไม่ต้องห่วงอาม่า”
“ไม่ค่ะ...เหมยไม่ทิ้งอาม่าไปไหนเด็ดขาด...ไอ้กิจชัย...ไอ้ชาติชั่ว อย่าทำอะไรอาม่านะ”
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าฟาดไปมั่วเพราะมองไม่เห็น กิจชัยหัวเราะชอบใจเพราะฟาดยังไงก็ไม่โดน
“นังบอดเอ้ย...โชว์เก่งออกมาเลย ฉันอยากเห็นแกเปรี้ยวให้สุดๆก่อนตาย จะได้ไปบอก ไอ้หยกให้มันรู้ว่าแกพยายามแล้วแต่ก็ตายอยู่ดี...ฮ่าๆ”
กิจชัยหัวเราะสะใจแล้วหลอกล่อกิ่งเหมยให้ไล่ตีมันไปมาจนล้มลงไปกับพื้น อาม่าเจ็บใจที่เห็นหลานสาวถูกรังแก ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นขวดเบียร์ที่พื้นเลยคว้ามาตีเป็นปากฉลาม
“ไอ้สารเลว...อย่าอยู่เลย”
อาม่าปรี่เข้าไปหวังใช้ขวดปากฉลาม จัดการแต่กิจชัยกลับหันขวับมาแล้วจับข้อมืออาม่าไว้หมับ
“พิษสงเยอะนักเหรออีแก่...ใจร้อนอยากตายก่อนหลานก็ได้ อั้วจัดให้”
กิจชัยบิดข้อมืออาม่าให้ขวดเบียร์ตกพื้นก่อนจะใช้มีดจ้วงแทงเข้าไปที่ท้องอาม่าทันที อาม่าสะดุ้งเฮือกตาเบิกโพลง กิ่งเหมยไม่ได้ยินเสียงอาม่าก็ตกใจ
“อาม่า...เกิดอะไรขึ้น...ไอ้กิจชัย...แกทำอะไรอาม่า...อาม่าคะ”
“อา...อา...อาเหมย...ลื้อ...ลื้อรีบ...รีบหนีไป”
“ไม่มีใครหนีไอ้กิจชัยไปได้หรอกเว้ย”
กิจชัยจะดึงมีดออกจากท้องอาม่า แต่กลับถูกอาม่าเอามือจับข้อมือมันไว้ไม่ยอมปล่อย
“อั้ว...อั้วไม่ยอมให้ลื้อแตะต้องหลานอั้วเด็ดขาด”
“อีแก่...ปล่อยนะเว้ย...บอกให้ปล่อย”
“อาเหมย...รีบหนีไป...ไม่ต้องห่วงอาม่า”
กิ่งเหมยร้องไห้เป็นห่วง
“อาม่า...อาม่าคะ”
“อีแก่...อยากบ้าเลือดใช่มั้ย...งั้นจัดให้”
กิจชัยตบผั๊วะ อาหม่ากระเด็นไปสลบแน่นิ่งเลือดเต็มท้อง กิจชัยหงุดหงิดแล้วหันมาที่กิ่งเหมย
“อาม่าแกเสร็จไปคนนึงแล้ว...ทีนี้ก็แกแล้วนังกิ่งเหมย”
กิจชัยก้าวเข้าไปหากิ่งเหมยชูมีดที่เปื้อนเลือดขึ้นมาหมายจะจัดการ แต่ระหว่างนั้นหยกกับคมทวนเข้ามา
“อย่านะเว้ยไอ้กิจ”
“ไอ้หยก !...โธ่เว้ย”
กิจชัยรีบเข้าไปจับตัวกิ่งเหมยแล้วเอามีดจ่อคอเป็นตัวประกัน
“อย่านะเว้ยไอ้หยก...เอ็งรู้ดีว่าเวลาข้าเลือดเข้าตาแล้วเป็นไง”
หยกตกใจ
“กิ่งเหมย!”
กิจชัยยิ้มร้ายก่อนจะลากตัวกิ่งเหมยออกไปกับมัน หยกเจ็บใจเห็นอาม่านอนหายใจรวยรินเลือดเต็มท้อง คมทวนรีบบอก
“เอ็ง...รีบตามไปช่วยกิ่งเหมย ข้าจะช่วยอาม่าเอง ไปเถอะหยก”
“ผมฝากอาม่าด้วยนะพ่อ”
หยกรีบตามออกไป คมทวนประครองอาม่าขึ้นมาและพยายามเรียกสติเอาไว้
“อดทนหน่อยนะอาม่า...อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ”
คมทวนรีบพาออกม่าออกไปทันที
กิจชัยลากตัวกิ่งเหมยพาเข้ามาในโรงสีร้าง
“ปล่อยฉันนะ...ไอ้สารเลว ถ้าอาม่าฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าแก”
กิจชัยยิ้มเยาะ
“แกจะเอาอะไรมาฆ่าฉันเหรอวะนังกิ่งเหมย ไม้เท้าของแกเหรอ...ฮ่าๆ มันก็แค่ทำให้ข้า เจ็บๆคันๆเท่านั้นแหละเว้ย”
กิจชัยผลักกิ่งเหมยให้ล้มลง
“เสียดายจริงๆที่แกมันดันมาตาบอดไม่งั้นเมื่อกี้นี้แกคงได้เห็นตอนที่ข้าใช้มีดกระซวก เข้าไปที่ท้องของอาม่าแก เลือดงี้...พุ่งออกมาเต็มมือข้าเลย ฮ่าๆ”
กิ่งเหมยอึ้งตะลึง
“แก...ไอ้เลว...แกมันสมควรตาย”
กิ่งเหมยลุกขึ้นใช้ไม้เท้าฟาดๆ คราวนี้โดนตัวมันแต่ก็ไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือน
“โอ๊ยๆ...เจ็บจัง...โอ๊ยๆ คันจัง”
กิจชัยคว้าหมับกระชากแย่งไม้เท้าออกจากมือกิ่งเหมยมาโยนทิ้ง
“พอได้แล้วนังกิ่งเหมย...อีกเดี๋ยวไอ้หยกก็ต้องตามแกมา ทีนี้ล่ะ...ฉันจะใช้แกบีบ ให้มันยอมแพ้ฉัน วันนี้คือวันที่ไอ้หยกจะต้องตายต่อหน้าฉัน”
กิจชัยบีบไหล่กิ่งเหมยแล้วหัวเราะชอบใจ กิ่งเหมยไม่ยอมถูกใช้เป็นตัวประกันเลยจับมือกิจชัยมากัดแรงๆจนมัน ร้องลั่น สะบัดเธอออก กิ่งเหมยเลยได้โอกาสรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“นังกิ่งเหมย...เปรี้ยวเกินไปแล้วนะแก”
กิ่งเหมยพยายามวิ่งหนีแต่เพราะมองไม่เห็นทางเลยทำให้สะดุดล้ม ข้อเท้าเจ็บลุกขึ้นไปต่อไม่ได้ ด้วย ความกลัวว่ากิจชัยจะตามมาเล่นงานเลยต้องกระเสือดกระสนคลานไปตามพื้นจนเจอเท้าคู่หนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า กิ่งเหมยตกใจ
“อย่านะ...ฉันไม่ยอมให้แกใช้ฉันเป็นเครื่องมือบังคับให้หยกต้องแพ้แกหรอก”
“กิ่งเหมย...นี่ฉันเอง”
กิ่งเหมยดีใจ
“หยก!”
กิ่งเหมยโผกอดหยกทันที เธอตัวสั่นด้วยความกลัวจนร้องไห้ออกมาไม่หยุด
“หยก...ช่วยฉันด้วย...ฮือๆๆ...ช่วยฉันด้วย”
หยกกอดปลอบ
“ไม่ต้องห่วงนะกิ่งเหมย...อยู่กับฉัน...เธอจะไม่มีวันเป็นอะไรเด็ดขาด”
กิ่งเหมยกอดเขาเอาไว้แน่น หยกแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างร้ายกาจสุดๆ ไม่มีเหลือความเป็นคนดี
“ส่วนมัน...มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำไว้กับอาม่า!”
กิจชัยเดินเข้ามามองหากิ่งเหมยที่ด้านหนึ่งของโรงสี
“ออกมาเถอะน่านังกิ่งเหมย...แกหนีไม่พ้นมือฉันหรอก...จุ๊กกรู้...อยู่ไหนเอ๋ย...ถ้าฉันตามหา แกเจอ แกโดนฉันเรียกค่าเสียเวลาแน่...ออกมาได้แล้วนังกิ่งเหมย”
กิจชัยเรียกหาอย่างกวนๆได้ครู่ก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ข้างหลังเลยหันขวับไปแต่ต้องอึ้งเพราะเป็นหยก
“ไอ้หยก”
“วันนี้เป็นวันตายของแก...ไอ้กิจชัย”
หยกเดินเข้าหา กิจชัยกลืนน้ำลายเอื๊อกเพราะรู้ว่าหยกเอาจริงแน่มันรีบเอามีดขึ้นมาขู่
“เฮ้ย...แกนั่นแหละที่ต้องตาย ฆ่าแกเสร็จแล้วฉันจะไปข่มขืนนังกิ่งเหมย จะไปเผาตรอก ศาลเจ้าของแกให้วอดวาย”
“งั้นมาลองดูกันว่าแกจะรอดไปทำอย่างที่แกโม้ได้รึเปล่า”
หมกกำหมัดตั้งท่าเชิงมวย กิจชัยไม่มีทางเลือกแล้วควงมีดพุ่งเข้าหาทันที หยกกับกิจชัยปะทะเชิงมวยกันดุดัน เชิงมวยของหยกที่ใช้สู้ครั้งนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง และโหดเหี้ยม จับแขนมันได้ก็จับหักแขน จับขามันได้ก็ใช้ศอกประแทกจนกระดูกแทบร้าว กิจชัยร้องโอดโอยโหยหวนทุกดอกที่โดนหยกเล่นงาน
กิ่งเหมยที่ถูกหยกพามาหลบอยู่อีกด้านหนึ่ง ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของกิจชัยก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าหยกจะควบคุมสติไม่ได้แล้วเผลอฆ่ากิจชัย
“หยก...ไม่นะ...อย่าฆ่าคนนะหยก”
กิ่งเหมยรีบลุกเดินกระเผลกคลำทางไปตามเสียง
หยกจับแขนกิจชัยอีกข้างมาบิดอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกหัก...กิจชัยร้องทรมานดังลั่น
“โอ๊ย...พอ...พอแล้วไอ้หยก...ฉันยอมแกแล้ว...ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉันขอร้อง”
“ฉันเคยเตือนแกไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าอย่า...อย่ายุ่งกับคนใกล้ตัวฉัน แต่แกกลับไม่ฟัง”
“คราวนี้...ฉัน...ฉันยอมฟังแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับพวกแกอีก ฉันสาบาน”
“แกทำร้ายอาม่า ทำร้ายน้าอ่างน้าสลึง ทำร้ายกิ่งเหมย ทำให้คนในตรอกศาลเจ้าต้อง เดือดร้อน โทษแค่ติดคุกสำหรับแกมันไม่พอแล้ว”
“นี่...นี่แก...อย่า...อย่านะเว้ยไอ้หยก...ที่...ที่ฉันบอกว่าจะต้องตายกันไปข้าง ฉันพูดเล่น”
หยกไม่สนใจหน้าเหี้ยมเอาเรื่องเข้าไปกระชากคอกิจชัยขึ้นมาแล้วใช้ท่อนแขนรัดเข้าที่คอมันจากข้างหลังจนมัน หน้าดำหน้าแดงจะขาดอากาศตาย
“อ๊อก...” กิจชัยหายใจไม่ออก “ไอ้...ไอ้หยก...อย่า...อย่าฆ่า...ฉัน...ฉัน”
หยกบ้าเลือดโกรธแค้นจนไม่ฟังคำร้องขอ ยิ่งออกแรงรัดคอกิจชัยแน่นมากขึ้นไปอีกจนมันใกล้จะตายเต็มที กิ่งเหมยเข้ามา
“อย่านะหยก...อย่าฆ่าคน...เธอไม่ใช่ฆาตกรนะหยก”
หยกชะงัก
“กิ่งเหมย”
หยกเห็นกิ่งเหมยเข้ามาเรียกสติเลยทำให้ความโกรธแค้นจนลืมตัวหายไปอย่างฉับพลัน ปล่อยแขนออกจากคอกิจชัยแล้วรีบเดินไปหากิ่งเหมยทันที
“กิ่งเหมย”
“เธอไม่ได้ฆ่ามันใช่มั้ยหยก...ใช่มั้ยหยก”
“ฉันอยากจะฆ่ามัน เพราะมันทำร้ายอาม่า ทำร้ายเธอ”
กิ่งเหมย ค่อยๆคลำมือไปที่หน้าหยกเบาๆ
“แต่ฉันไม่อยากเห็นมือเธอเปื้อนเลือด ไม่อยากเป็น ต้นเหตุให้ชีวิตเธอต้องอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมให้คนอื่น”
“กิ่งเหมย...”
หยกกุมมือกิ่งเหมยเอาไว้อย่างรู้สึกดี ระหว่างนั้นกิจชัยยังไม่หายเจ็บแค้นมันค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับคว้ามีดพก ที่พื้นแล้วเดินลากขาจะเข้ามาเล่นงาน แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น...เปรี้ยง ! ธงรบเป็นคนเข้ามายิงกิจชัยนัดเดียวมันตายคาที่ กิ่งเหมยตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหยก”
หยกกอดกิ่งเหมยพยุงตัวขึ้นแล้วมองไปที่ธงรบที่ยกนิ้วมาแตะริมฝีปากส่งสัญญาณว่าไม่ต้องบอกกิ่งเหมยว่าเป็นเขา ในขณะที่หยกครุ่นคิด
“ว่าไงล่ะหยก...มีใครอยู่ที่นี่อีก”
“หมวดธงรบเขามาช่วยเราไว้”
กิ่งเหมยชะงัก
“หมวดธงรบ...เขายังไม่ตายเหรอหยก”
“เปล่า”
ธงรบอึ้งที่หยกไม่ยอมปิดเรื่องเขากับกิ่งเหมย
ธงรบกระชากคอเสื้อหยกออกมาที่รถของเขา ที่จอดอยู่ข้างนอก
“ไอ้เวรเอ้ย...แกบอกให้คุณกิ่งเหมยรู้ทำไมวะว่าฉันยังไม่ตาย ก็ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับ”
“ผมขอโทษแต่ความลับเรื่องหมวด ถึงกิ่งเหมยรู้ไปก็ไม่มีผลอะไรกับงานของเรา ตรงกัน ข้าม ยิ่งดีซะอีกเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม กิ่งเหมยก็ยังมีคนดีๆอีกคนคอยตามช่วยเธอ”
ธงรบเซ็ง
“ไอ้พ่อพระ ! อย่ามาทำพระเอกไปหน่อยเลย ฉันเห็นนะเว้ยว่าแกห่วงคุณกิ่งเหมยมาก ขนาดไหน แค่กิ่งเหมยโดนทำร้าย แกก็เกือบจะเป็นไอ้คลั่งฆ่าคนได้อย่างไม่ต้องคิด”
หยกนิ่งไปแล้วหันไปมองกิ่งเหมยที่ค่อยๆเดินออกมารอ ธงรบตบบ่า
“ไอ้ฉันมันพวกตาดีว่ะ...ดันเห็นกำแพงหนาเตอะที่แกกับกิ่งเหมยสร้างขึ้นมากั้นกลาง ระหว่างกัน และด้วยความหวังดีกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ต้องเสี่ยตายด้วยกันนะไอ้หยก ถ้าแกสองคนไม่ทำลายกำแพงนั่นลงซะ...ชาตินี้แกกับเธอก็คงไม่มีความสุข”
กิ่งเหมย เรียกหา
“หยก”
“ไปเถอะ...รีบพากิ่งเหมยไปดูอาการของอาม่า ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง”
หยกพยักหน้ารับแล้วเดินไปหากิ่งเหมย ธงรบมองตามก่อนจะหันมาเปิดฝากระโปรงหลังรถขึ้นศพของกิจชัยนอนตายอยู่ในนั้น
“เรื่องเก็บกวาดอันธพาลชั่วๆแบบพวกมัน...เป็นหน้าที่ของฉันว่ะไอ้หยก”
ธงรบปิดท้ายรถ...ปัง
ค่ำนั้น คมทวนยืนรอผลการผ่าตัดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน อย่างเป็นกังวล ระหว่างนั้นดุจแพรเข้ามาพร้อมกับส้มเช้ง อ่างและสลึงที่ได้รับการรักษาแผลบาดเจ็บกันไปเรียบร้อยแล้ว ดุจแพรข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“อาม่าเป็นยังไงบ้างคะน้าคมทวน”
“หมอยังช่วยอยู่เลย”
ส้มเช้งหน้าเสีย
“อาการหนักมากเลยเหรอคะน้า”
คมทวนหนักใจ
“น้ายังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอหมออย่างเดียว”
อ่างนึกได้
“แล้วกิ่งเหมยล่ะ”
สลึงหันมาบอก
“เดี๋ยวไอ้หยกก็คงพามา”
ดุจแพรชักกังวลใจคอไม่ดี
“รีบๆพากิ่งเหมยมาเถอะหยก”
ดุจแพรพนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างกังวล
หยกบิดมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล กิ่งเหมยที่ซ้อนท้ายกังวลเป็นห่วงชีวิตของอาม่า
“เร็วกว่านี้ได้มั้ยหยก...ฉันเป็นห่วงอาม่า”
“เกาะแน่นๆนะกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยกอดแผ่นหลังหยกแน่น ส่วนหยกก็บิดคันเร่งพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องผ่าตัด...หมอกับพยาบาลก็ช่วยกันพยายามรักษาอาการอาม่าอย่างเต็มที่ แต่ชีพจรของอาม่ากลับเต้นอ่อนลงทุกที จนหมอหันไปมองแล้วหน้าเครียดๆ
หน้าห้องผ่าตัด ทุกคนยังรออยู่ ระหว่างนั้นตงเข้ามาพร้อมกับเก่ง และลูกน้องอีกคนนึง
“ยัยแพร”
ดุจแพรตกใจ
“ป๋า !...นี่ป๋ามาทำอะไรที่นี่”
“มาพาเรากลับบ้านน่ะสิ ป๋าได้ยินเรื่องวุ่นวายที่ตรอกศาลเจ้าแล้ว แพรไม่ควรอยู่ที่นั่นอีก”
“ไม่ค่ะป๋า...แพรจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“แต่แพรไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับคนพวกนี้”
อ่างไม่พอใจ
“เฮ้ย...ไอ้เจ้าพ่อ ทนฟังไม่ไหวแล้วเว้ย พวกเราไปทำอะไรให้นักหนาวะถึงต้องส่งลูกน้อง มาเล่นงานพวกเรา”
ส้มเช้งมองหน้าตง
“ใช่...พวกเราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นทวดแล้ว อยู่ๆมาไล่อย่างกับหมูกับหมา ฝันเถอะว่า พวกเราจะยอมไป ฉันคนนึงแหละที่จะยอมตายอยู่ในตรอกศาลเจ้า”
สลึงเสียงเข้ม
“ข้าก็ด้วย...ข้ายอมตายด้วย”
อ่าง สลึงและส้มเช้งดาหน้าเข้าหาตงอย่างไม่พอใจ แต่ถูกเก่งและลูกน้องตงผลักไหล่ไม่ให้เข้าใกล้
“ถอยไปเลย...เสี่ยไม่ได้เป็นคนสั่งให้ไอ้กิจชัยไปเล่นงานพวกในตรอกเว้ย”
คมทวนแย้งขึ้น
“แต่ไอ้กิจชัยเป็นลูกน้องแก ถ้ามันไม่ฟังคำสั่งแกแล้วมันไปฟังคำสั่งใคร”
“ฉันไม่รู้ว่ามันไปรับงานใครมา แล้วฉันก็ไม่อยากมาเสียเวลาตอบคำถามของคนอย่าง พวกแก เพราะไอ้สลัมเน่าๆนั่นมันไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน”
ตงพูดไปก็หันไปคว้าข้อมือดุจแพร
“กลับบ้านไปกับป๋าได้แล้ว”
ดุจแพรแกะมือสะบัดอย่างแรง
“แพรไม่ไป อาการของอาม่ากำลังน่าเป็นห่วงอยู่แบบนี้ แพรจะไม่ทิ้ง เขาไปไหนเด็ดขาด”
ตงชะงัก
“ว่าไงนะ...อาม่ากิ่งเหมยน่ะเหรอ อาการไม่ดี”
อ่างสวนทันที
“ก็เออสิวะ...อาม่าถูกไอ้กิจชัยลูกน้องแกมันแทงเอา”
ตงชะงักไป ระหว่างนั้นหมอออกมาจากห้องผ่าตัดพอดี ดุจแพรรีบเข้าไปถามอาการทันที
“หมอคะ...อาม่าเป็นยังไงบ้าง”
หมอหนักใจ
“หมอพยายามแล้วครับ แต่คนเจ็บอายุมากแล้วและเสียเลือดมามากด้วย หมอคงช่วยยื้อชีวิตได้อีกไม่นาน อยากให้ญาติของคนเจ็บเข้าไปดูใจเป็นครั้งสุดท้าย”
ส้มเช้งตกใจ
“ไม่นะคะคุณหมอ...คุณหมอต้องช่วยอาม่าให้ได้สิคะ...คุณหมอ...ส้มเช้งขอร้อง”
หมอหน้าเครียด
“หมอพยายามแล้วจริงๆครับ”
ส้มเช้งร้องไห้
“โธ่อาม่า...ไอ้เหมย แกอยู่ที่ไหนของแกทำไมยังไม่มาอีก”
ตงหันมาบอกหมอ
“หมอ...ผมเป็นญาติกับเขา ผมจะเข้าไปดูใจเขาเอง”
ดุจแพรอึ้ง
“ป๋า...นี่ป๋าจะทำอะไร”
ตงไม่สนใจพยักหน้าให้เก่งกับลูกน้องกันดุจแพรกับพวกคมทวนไว้ไม่ให้ขวาง ตงบีบแขนหมอกึ่งบังคับ
“หมอต้องพาผมเข้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้”
หมอหน้าเสียทำอะไรไม่ถูก
ตงบังคับหมอให้พาเข้ามาในห้องฉุกเฉิน
“คุณครับ...ผมว่าถ้าคุณไม่ใช่ญาติเขา...คุณไม่ควร”
ตงบีบไหล่แรงๆข่มขู่
“ไม่ต้องห่วงหรอกหมอ...ผมไม่ได้มาทำอะไรเขา ถ้าเขากำลังจะ ไม่รอด คนที่เขาอยากเจอที่สุดก็คือผม”
ตงผลักหมอให้ออกไปห่างๆ พวกพยาบาลมองหน้ากันเลิ่กลั่กเอายังไงดี หมอพยักหน้าให้ทุกคนถอยออกมา จากร่างของอาม่าที่กำลังนอนหายใจรวยริน ตงเข้าไปยืนมองนิ่ง
“นี่อั้วเสี่ยตงนะ...ลื้อได้ยินอั้วรึเปล่า”
อาม่ายังนอนนิ่งไม่ขยับ ตงต้องหันไปมองหน้าหมอว่ายังไง หมอกับพยาบาลได้แต่ก้มหน้าหลบไม่กล้าพูด อะไรเพราะกลัว ระหว่างนั้นเองอาม่าก็ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ
“เสี่ย...เสี่ยตง”
อาม่าค่อยๆปรือตาขึ้นมาแล้วหันมามองตงช้าๆ
“ใช่...อั้วเอง...หมอบอกว่าลื้อจะอยู่ได้อีกไม่นาน อั้วเลยต้องรีบมาคุยกับลื้อ”
อาม่าหายใจแผ่วเบาแล้วพยักหน้ารับช้าๆ
“อา...อาเหมย...อาเหมยของอั้ว...อยู่...อยู่ไหน”
“ไอ้หยกกำลังพามาหาลื้อ ลื้อต้องแข็งใจไว้นะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปตอนนี้”
อาม่าพยักหน้ารับช้าๆ
“อา...อาเสี่ย...อั้ว...อั้วก็มีเรื่องอยาก...อยากคุยกับลื้อ”
อาม่ามองเสี่ยตงแล้วหายใจหอบถี่อาการไม่ค่อยสู้ดี
หน้าห้องทุกคนยังถูกเก่งกับลูกน้องตงคุมตัวเอาไว้ ส้มเช้งเป็นห่วงอาม่ากลัวจะโดนทำร้าย
“น้าคมทวน...ฉันไม่ไว้ใจไอ้เสี่ยตงเลย มันเคยคิดอยากฆ่าอาม่า ฉันว่าเราไปตามรปภ.มา ดีกว่า”
เก่งตะคอก
“เฮ้ย...อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะน้องสาว ถ้าวุ่นวายมากจะลากตัวออกไป”
ดุจแพรขวาง
“นายเก่ง...ถ้านายแตะต้องพวกเขาล่ะก็ เจอดีแน่”
เก่งหน้าจ๋อย
“คุณหนูครับ...เสี่ยไม่คิดทำร้ายอาม่าของกิ่งเหมยหรอกครับ”
“นายรู้ได้ยังไง”
“คุณหนูลองถามเพื่อนของกิ่งเหมยดูสิครับ...เรื่องเช็ค 5 ล้านที่เสี่ยตั้งใจจะให้กิ่งเหมย”
ดุจแพรชะงักสงสัย
“หมายความว่ายังไงน่ะส้มเช้ง”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 16 (จบตอน)
ส้มเช้งหน้าเสีย เพราะรู้เรื่องกิ่งเหมยกับดุจแพรเป็นพี่น้องกัน แต่ไม่สามารถบอกได้
“ฉัน...ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
ดุจแพรจับแขนมาบีบถาม
“ส้มเช้ง !เธอรู้อะไรทำไมไม่บอกฉัน”
ตงขยับเข้าไปใกล้อาม่า ในระยะที่สามารถฟังเสียงอันแผ่วเบาของอาม่าชัดๆ
“เรื่องที่...ที่อั้วทำให้...เมีย...เมียลื้อตาย...อั้ว...อั้วขอโทษ อั้วอยากให้ลื้ออโหสิกรรมให้อั้ว”
“ถ้าอั้วยังติดใจเรื่องนั้นอยู่...ป่านนี้อั้วคงส่งลื้อไปขอโทษเมียอั้วที่ปรโลกแล้ว”
“ขอบใจนะอาเสี่ย”
“อั้วก็ต้องขอโทษเรื่องลูกสาวลื้อกับไอ้เหลา ถ้าลื้อไม่คิดพรากอาหงส์ไปจากอั้ว อั้วก็คง ไม่...” ตงหยุดไปครู่ “ช่างเถอะ ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ลื้อไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูลูก สาวอั้วได้อีก เพราะฉะนั้นชีวิตของอาเหมยลื้อก็ควรจะยกให้อั้วดูแลต่อ”
อาม่าอึ้ง
“อา...อาเสี่ย”
“อาเหมยเป็นลูกสาวอั้ว...เป็นเลือดเนื้อของอาหงส์ มาเฟียอย่างอั้วถึงจะเป็นหมาบ้าแต่ สันดานหมายังไงก็ไม่ทอดทิ้งลูกมัน”
ตงกับอาม่ามองหน้ากัน อาม่าหายใจหอบถี่
ดุจแพรยังบีบแขนส้มเช้งมาถามอย่างอยากรู้
“ว่ายังไงล่ะส้มเช้ง ทำไมพ่อฉันต้องเซ็นต์เช็คให้กิ่งเหมยด้วย”
“ฉัน...ฉันไม่รู้...ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่รู้...กิ่งเหมยสั่งไม่ให้เธอบอกฉันใช่มั้ย”
“อย่ามาถามฉันเลย...ฉันไม่มีอะไรจะบอกจริงๆ”
ส้มเช้งแกะมือดุจแพรแล้วถอยหลบ ระหว่างนั้นตงออกมาจากห้องพอดี
“ยัยแพร...พอได้แล้ว”
“ป๋า ! อาม่าเป็นยังไง แล้วป๋าทำอะไรอาม่ารึเปล่า”
ตงนิ่งไม่ตอบ
“ป่านนี้กิ่งเหมยยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”
เก่งเข้ามาบอก
“ยังเลยครับเสี่ย”
“ช้ากว่านี้ไม่ทันดูใจแน่...ไปดูสิว่าอยู่ไหนแล้ว ถ้าเจอตัวก็รีบพามาเลย”
เก่งรับคำแล้วจะพากันออกไปแต่ระหว่างนั้นหยกรีบจูงมือพากิ่งเหมยเข้ามา อ่างเห็น
“นั่น...ไอ้หยกพากิ่งเหมยมาแล้ว”
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
ส้มเช้งรีบเข้าไปรับเพื่อนมากอดเอาไว้แล้วร้องไห้โฮ เลยยิ่งทำให้กิ่งเหมยใจไม่ดี
“อาม่าฉันเป็นอะไรบ้างส้มเช้ง...อาม่าเป็นอะไร”
“หมอเขาบอกว่าอาม่าแกจะอยู่ได้อีกไม่นาน...เขารอให้แกมาดูใจเขาน่ะ...ฮือๆ”
กิ่งเหมยแทบช็อค
“อาม่า!”
คมทวนหันไปบอกลูกชาย
“ไอ้หยก...เอ็งรีบพากิ่งเหมยเข้าไปเถอะ”
“ครับพ่อ...กิ่งเหมยเร็วเข้า”
หยกจับมือกิ่งเหมยมาบีบแน่นแล้วค่อยๆพาเข้าไปตามลำพัง ดุจแพรเป็นห่วงกิ่งเหมยจะตามไปด้วยแต่ตง คว้าตัวลูกสาวเอาไว้
“ป๋าว่าแพรไม่ควรจะเข้าไป”
“แต่แพรห่วงเพื่อน”
“เชื่อป๋าเถอะ...ปล่อยให้กิ่งเหมยอยู่กับอาม่าเขาตามลำพัง ส่วนแพร...ป๋ามีเรื่องสำคัญจะ ต้องคุยให้รู้เรื่อง”
“ยังจะมีเรื่องอะไรสำคัญกว่า ความเป็นความตายของอาม่าอีกคะป๋า”
ตงมองหน้าลูกสาวอย่างจริงจัง
อาม่านอนหายใจรวยรินอยู่ที่เตียง ท่ามกลางเสียงเครื่องวัดชีพจรที่เต้นช้าลงไปเรื่อยๆ กิ่งเหมยน้ำตานองหน้าสะอื้นเข้ามากับหยก
“อาม่า...เหมยมาแล้ว...อาม่าคะ...เหมยมาแล้ว”
อาม่าพูดออกมาเสียงแหบแห้ง
“อา...อาเหมย”
หยกจูงมือพากิ่งเหมยเข้ามานั่งใกล้ๆกับอาม่า จับมือของเธอและมืออาม่าให้กุมกันไว้
“อาม่า...ฮือๆ หมอ...หมออยู่ไหนคะ ช่วยรักษาอาม่าให้เหมยด้วย ทำยังไงก็ได้ให้ อาม่ากลับไปกับเหมยให้ได้ เหมยขอร้อง...ฮือๆๆๆ ช่วยอาม่าด้วย”
“อา...อาเหมย...ไม่...ไม่มีใครช่วยอาม่าได้แล้วล่ะ”
“ไม่จริง...อาม่าเป็นคนดี เทพเจ้าต้องคุ้มครองอาม่าให้อายุยืนสิคะ”
“ไม่...ไม่หรอกอาเหมย...เราทุกคนเกิดมาก็ต้องชดใช้บาปกรรมที่ทำไว้ ถึงเวลาอาม่าก็ ต้องชดใช้”
“แต่อาม่าสัญญากับเหมยไว้ว่าเราจะอยู่ดูแลกัน...แล้วอาม่าจะทิ้งเหมยไปได้ยังไง”
“อาม่าไม่อยากทิ้งลื้อ...อยากอยู่เห็นลื้อกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง...แต่...แต่บุญของอาม่า มีได้แค่นี้จริงๆ”
อาการอาม่าไม่ค่อยดีทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด กิ่งเหมยตกใจรีบกุมมืออาม่าเอาไว้แน่น
“อาม่า...อาม่า...ฮือๆๆๆ อาม่าต้องอยู่กับเหมยสิ...อาม่า...ฮือๆ”
“อา...อาหยก”
“ครับอาม่า”
“เข้ามาใกล้ๆอั้วกับอาเหมย”
หยกน้ำตาซึมเสียใจ เข้าไปใกล้แล้วกุมมือทับมือกิ่งเหมยที่กุมมืออาม่าอยู่
“สัญญากับอาม่าได้มั้ยอาหยก...ลื้อจะดูแลอาเหมย ไม่ทอดทิ้งอาเหมยของอั้ว”
“ถึงอาม่าไม่ขอ ผมก็ไม่เคยคิดจะทิ้งกิ่งเหมยเลยครับ”
อาม่ายิ้มน้อยๆอย่างสบายใจ
“อั้ว...อั้วขอบใจลื้อมาก...อั้วไว้ใจลื้อคนเดียวนะอาหยก อย่าทำ ให้อาเหมยเสียใจ แค่นี้อาเหมยก็น่าสงสารพอแล้ว”
“ครับอาม่า”
หยกน้ำตาคลอเบ้า หันไปโอบไหล่กิ่งเหมยมาประครองกอดให้กำลังใจ
“อาเหมย...จาก...จากนี้ไป...ลื้อต้องเข้มแข็งนะ...ลื้อต้องเป็นกิ่งเหมยที่อยู่ท่ามกลางพายุให้ ได้ สัญญากับอาม่าสิ...อา...อาเหมย”
กิ่งเหมยตกใจเพราะอาการทรุดมาก
“อาม่า...หมอ...หมอช่วยอาม่าด้วย...ฮือๆ”
“สัญญา...สัญญากับอาม่าสิอาเหมย”
หยกมองกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...ให้อาม่าจากไปอย่างสงบเถอะ”
กิ่งเหมยสะอื้น
“อาม่า...ฮือๆ...เหมยกิ่งนี้จะอยู่ท่ามกลางพายุ จะไม่หักไม่โค่นต่อให้พายุพัดกระหน่ำสัก แค่ไหน...เหมยสัญญาค่ะอาม่า”
อาม่าน้ำตาไหลอย่างปลื้มใจ
“อาเหมย...อากิ่งเหมยของอั้ว”
อาม่ายิ้มให้หลานสาวก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆปิดลง เป็นการจากไปอย่างสงบแท้จริง
“อาม่า...อาม่า!”
กิ่งเหมยร้องไห้อย่างเสียใจ หยกต้องดึงเธอมาประครองกอดเอาไว้และร้องไห้ไปกับเธอ
ตงอยู่กับดุจแพรที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ป๋ามีอะไรก็รีบว่ามา...แพรเป็นห่วงเพื่อน”
“กิ่งเหมยเขาไม่ใช่เพื่อนของแพรหรอก”
ดุจแพรไม่พอใจ
“ป๋า !!...จนป่านนี้ป๋ายังมาพูดเรื่องนี้อีกเหรอ กิ่งเหมยดีกับแพรมาตลอด เขาช่วยชีวิต แพรมาตั้งหลายครั้ง ถ้าป๋ายังเอาเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำผิดพลาดในอดีตมาตัดสินไม่ให้แพร คบกับกิ่งเหมย เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
ดุจแพรจะออกไป แต่ตงคว้าข้อมมือลูกสาวเอาไว้
“ป๋าไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้แพรคบกับกิ่งเหมย แค่บอกว่าเขาไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นอย่างอื่นที่ มีความสำคัญมากกว่านั้น”
ดุจแพรชะงัก
“เป็นอย่างอื่น...ป๋าหมายความว่ายังไง”
“กิ่งเหมยเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของป๋า”
ดุจแพรอึ้ง
“ป๋าว่าไงนะ...แพรไม่สนุกด้วยนะป๋า”
“ป๋าพูดจริงนะแพร...แพรไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าทำไมป๋าถึงเลิกคิดแก้แค้นอาม่าของ กิ่งเหมยเรื่องที่เขาทำให้แม่ของแพรต้องตาย”
ดุจแพรมองหน้าพ่อ
“นี่ป๋า...ป๋า...”
“ป๋าทำร้ายแม่ของกิ่งเหมย ทำให้กิ่งเหมยเกิดขึ้นมา เท่ากับว่าแพรเป็นพี่สาวของกิ่งเหมย ทั้งแพรและกิ่งเหมยมีสายเลือดของป๋าเหมือนกัน”
ดุจแพรอึ้ง แทบไม่เชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง เธอรีบถอยกลับไป
หยกประครองกิ่งเหมยที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจากห้อง ทุกคนรีบกรูเข้าไปอย่างเป็นห่วง คมทวนหันไปถามหยก
“ไอ้หยก...อาม่าล่ะ”
หยกมองหน้าพ่ออย่างเศร้าๆแล้วส่ายหน้า ส้มเช้งเข้าใจได้ทันทีว่าอาม่าเสียแล้วก็ปล่อยโฮทันที
“อาม่า...ฮือๆๆ”
กิ่งเหมยยิ่งเห็นส้มเช้งร้องไห้เสียใจ ก็ยิ่งทำใจไม่ได้พยายามจะแกะมือหยกเพื่อจะกลับเข้าไปอีก
“ปล่อยฉันนะหยก...ฉันจะไปหาอาม่า...ฉันอยากอยู่กับอาม่า...”
หยกไม่ยอมปล่อย
“กิ่งเหมย...อาม่าจากเราไปแล้ว เธอต้องปล่อยให้อาม่าไปอย่างสงบ”
“ไม่...ฉันไม่เชื่อว่าอาม่าจะจากฉันไป...ปล่อยฉันนะหยก....ฉันจะไปอยู่กับอาม่า”
หยกจำเป็นต้องเสียงดังและบีบไหล่เธอให้ฟัง
“ฟังฉันนะกิ่งเหมย...ฉันรู้ว่าเธอรับเรื่องนี้ ไม่ได้ แต่เธอสัญญากับอาม่าไว้...กิ่งเหมยกิ่งนี้จะต้านแรงพายุให้ได้ ไม่ว่ามันจะพัด กระหน่ำมาแรงสักแค่ไหน เธอต้องเริ่มทำให้ได้ตั้งแต่วินาทีนี้สิกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยอึ้งสะอื้น
“หยก...ฮือๆๆ”
ระหว่างนั้นรับดุจแพรที่กลับเข้ามา เห็นภาพความโศกเศร้าของทุกคน โดยเฉพาะภาพที่หยกกำลังดึงกิ่งเหมย มากอดแน่นและปลอบโยนอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะกิ่งเหมย...เธอยังมีฉันที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอทุกนาที”
“หยก...หยก!!”
กิ่งเหมยสะอื้นเสียใจแล้วกอดหยกซบหน้ากับแผ่นอกเขาร้องไห้ไม่หยุด หยกประคองกอดเอาไว้แน่น ดุจแพรได้แต่ยืนมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ห่างๆ ตงตามมาแตะไหล่ลูกสาวเบาๆ
“แพร”
ดุจแพรหันมามองพ่อน้ำตาไหลอาบสองแก้ม หยกมองมาเห็นดุจแพรยืนน้ำตาคลออยู่โดยที่เขาประคองกอดกิ่งเหมยเอาไว้ เขากับดุจแพรสบตากัน เขารู้ดีว่าเวลานี้ดุจแพรไม่ใช่สำหรับเขาและดุจแพรเองก็รู้ตัวดี จึงเดินเลี่ยงออกไปอีกทางเหมือนไม่ต้องการอยู่ กับใครนอกจากตัวเองเพียงคนเดียว ตงมองตามลูกสาวแล้วถอนใจด้วยความสงสาร
หยกประครองกิ่งเหมยที่ยังมีอาการโศกเศร้าเสียใจมาที่ห้องพักของเขา ให้เธอนั่งลงที่เตียง
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมน่ะหยก...ฉันจะกลับบ้านฉัน”
“ฉันยังไม่อยากให้เธอกลับไปที่นั่นตอนนี้”
“แต่ฉันจะกลับ...อาม่าอาจจะรอให้ฉันกลับไป”
“กิ่งเหมย...ที่บ้านนั้นเธอไม่มีใครอีกแล้ว ฉันปล่อยให้เธออยู่คนเดียวไม่ได้”
“แต่ฉันอยู่กับเธอที่นี่ไม่ได้...เธอต้องอยู่กับคุณแพร”
กิ่งเหมยรีบลุกคว้าไม้เท้าจะออกไป แต่หยกรีบตามไปดึงเธอมากอดเอาไว้จากข้างหลัง เจากอดเธอแน่นไม่ปล่อย
“ที่นี่จะมีแต่เราสองคน...เหมือนที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ลืมเรื่องคุณแพรไปก่อนเถอะนะ คุณแพรเข้าใจดีว่าเวลานี้ฉันต้องดูแลเธอ...ไม่ใช่เขา”
“แต่...”
หยกกอดแน่น
“ฉันต้องทำหน้าที่ๆรับปากอาม่าเอาไว้...อยู่กับฉันเถอะนะ...ฉันขอร้อง อยู่ที่นี่ ให้ฉันได้ดูแลเธอ”
กิ่งเหมยนิ่งงันน้ำตาคลอ หยกค่อยๆจับเธอหันกลับมา เขามองใบหน้าเธออย่างอ่อนโยน น้ำตาเธอไหล หยกยก มือปาดน้ำตาให้อย่างเบามือแล้วแนบหน้าผากชนหน้าผากกิ่งเหมยจนลมหายใจใกล้ชิด
“ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว...เธอจะดูแลฉันได้จริงๆเหรอหยก”
“ต้องได้สิ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องได้ยินเสียงฉันอยู่ข้างๆเธอ เวลาที่เธอต้องการ คนจูงมือ ฉันจะยื่นมือให้เธอเป็นคนแรก เวลาที่เธอร้องไห้ ฉันจะปาดน้ำตาให้เธอ เวลา ที่เธอดีใจฉันจะหัวเราะไปกับเธอ”
“หยก...”
กิ่งเหมยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ สองมือประครองหน้าเขาเอาไว้ ใช้มือสัมผัสใบหน้าเขาอย่างดีใจ หยกหอมแก้วเบาๆแล้วกอดเธอแนบอก
ดุจแพรยืนกอดอกเศร้าๆน้ำตาซึมด้วยความเสียใจอยู่คนเดียวในห้องนอน ระหว่างนั้นเสียงเคาะ ประตูเรียกของป้าจั่นดังเข้ามา
“คุณหนูคะ...คุณหนู...ป้าเข้าไปได้มั้ยคะ”
ป้าจั่นถือถาดเครื่องดื่มอุ่นๆเพื่อจะเอามาให้ดุจแพรอยู่หน้าประตูห้อง
“คุณหนูคะ”
ดุจแพรเหม่อลอยก่อนจะหันกลับมาตอบ
“แพรอยากอยู่คนเดียวค่ะป้า”
“คุณหนูมีอะไรคุยกับป้าได้นะคะ”
ดุจแพรหน้าเศร้าๆมานั่งทีเตียงแล้วหยิบหมอนมาปาใส่ประตู
“แพรขออยู่คนเดียว ไม่อยาก เจอหน้าใครทั้งนั้น!”
ป้าจั่นสะดุ้งโหยงเพราะเสียงดังของดุจแพรที่ดังออกมา ตงเข้ามาจับบ่าป้าจั่น
“ไปเถอะป้าจั่น...ปล่อยให้ยัยแพรอยู่คนเดียวสักพัก เดี๋ยวก็ดีเอง”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเหรอคะเสี่ย...เสี่ยไปทำอะไร ไปพูดอะไร คุณหนูถึงยอมกลับมา อยู่บ้าน”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรหรอก...ก็แค่บอกความจริงให้ยัยแพรรู้”
ป้าจั่นตกใจ
“เรื่องคุณกิ่งเหมยน่ะเหรอคะ”
กิ่งเหมยนอนหลับไปแล้วอยู่บนที่นอนของหยก แต่ความโศกเศร้าเสียใจยังทำให้เธอนอน สะอื้นเพ้อไม่รู้ตัวถึงอาม่าอยู่อย่างน่าเวทนา
“อาม่า...อาม่า...ฮือๆๆๆ อาม่าอยู่ไหน...ฮือๆๆ”
หยกเดินเข้ามาเพราะได้ยินเสียง ก็อดเวทนาสงสารไม่ได้เลยเข้าไปนอน ข้างๆบนเตียงเดียวกัน ดึงเธอมากอดเอาไว้ จับศีรษะของเธอมาแนบที่แผ่นอกแล้วลูบหัวปลอบ ก่อนจะฮัมทำนองเพลง เพื่อกล่อมให้กิ่งเหมยนอนหลับสบาย
ในอดีต...หยกนั่งสัปหงกคอตกไปอยู่ที่เก้าอี้ในบ้านเพราะง่วงมาก ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเดินเข้ามาสะกิดเรียก
“หยก...หยก”
หยกสะดุ้งตื่น
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย”
หยกตาปรือไม่ทันมองรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับอาม่า”
กิ่งเหมยขำ
“จะบ้าเหรอไอ้หยก นี่ฉันเอง”
หยกขยี้ตา
“อ้าว...เธอเองเหรอ...กี่โมงแล้วเนี่ย”
“จะตีสองแล้ว”
“หา...จะตีสองแล้ว แล้วทำไมเธอยังไม่นอนอีก”
“ก็...ก็ฉันนอนไม่หลับนี่ เป็นห่วงอาม่า”
“ห่วงอาม่า!...โธ่เอ้ยยัยกิ่งเหมย อาม่าไปช่วยงานที่โรงเจ ไปค้างแค่คืนเดียว เธอก็ทำตัว เป็นหลานแหง่คิดถึงอาม่าจนนอนไม่หลับแล้วเหรอ”
“หยุดว่าฉันแบบนั้นนะหยก...ฉันไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคิดถึงอาม่าสักหน่อย”
“เหรอ...” หยกทำหน้าล้อเลียน “เชื่อจังเลย เด็กขี้แง...ติดอาม่า...กิ้วๆหน้าไม่อาย”
“ไอ้บ้าหยก!”
กิ่งเหมยผลักหยกจนเซแล้วรีบกลับขึ้นไป หยกมองตามแล้วยิ้มชอบใจ
กิ่งเหมยกลับมานั่งที่เตียงนอน กอดอกหน้าตายังโกรธหยกไม่หาย จนหยกตามเข้ามา
“ไม่เอาน่ากิ่งเหมย...ก็รู้อยู่ว่าฉันล้อเล่น”
“ไปเลย...กลับไปเลย ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องมาเฝ้าฉัน”
“กลับได้ไง...อาม่าสั่งให้ฉันมาช่วยเฝ้าบ้านแล้วก็ช่วยเฝ้าเธอ ถ้าขืนฉันหายไป อาม่าได้ เอาไม้กวาดไล่ตีแน่”
“อย่าดีแต่พูดเลย...เฝ้าอะไรไม่ทราบเห็นนั่งหลับเป็นยามขี้เซา”
“โห...ดึกป่านนี้เนี่ยนะ...ใครๆเขาก็ง่วง เขาก็นอนหมดแล้วยกเว้นแต่เธอนี่แหละ”
“ก็มันนอนไม่หลับนี่”
“ตายแน่ไอ้หยก...ถ้าฉันไม่ทำให้เธอหลับมีหวังไม่ได้นอนแน่...มานี่เลย เดี๋ยวฉันเล่านิทาน ให้ฟัง”
หยกลากแขนพาไปที่เตียง
“จะบ้าเหรอไอ้หยก...ฉันไม่ใช่เด็กนะมาให้ฟังนิทานก่อนนอน”
“งั้นวิธีนี้...นับแกะเลย”
กิ่งเหมย ส่ายหน้า
“ไม่เอาอ่ะ”
“ไม่นับแกะเหรอ...งั้นนับแบบนี้ก็ได้...น่าจะชวนง่วงอยู่เหมือนกัน....ชิเหม่โจไต๊” หยกลากเสียง ยานๆ “ตัวที่หนึ่ง ชิเหม่โจไต๊ตัวที่สอง...ชิเหม่โจไต๊ตัวที่สาม”
กิ่งเหมยหน้าเหวอ
“ไอ้บ้าหยก ! ใครเขามานั่งนับหนอนชาเขียวก่อนเข้านอนกัน”
“ไม่นับหนอนชาเขียน...งั้นนับหนอนชะ...”
หยกยังพูดไม่จบ กิ่งเหมยด่าสวนทันที
“ไอ้ทุเรศ...หยุดเลยไม่ต้องพูดต่อ...ฉันรู้ว่านายจะทะลึ่งอะไร...อุบาทว์...อี๊...ขนลุก”
หยกหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ เอ้า...นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา...เดี๋ยวก็ทุบหัวให้สลบเลยจะได้หลับๆ”
“ทุบเธอนั่นแหละ เอาให้หัวแบะเป็นปลาดุกเลย”
กิ่งเหมยผลักหยกไปไกลแล้วล้มตัวลงบนเตียงหน้าเซ็งๆตาแข็ง หยกมองแล้วอมยิ้มอยู่ครู่ก่อนจะนึกได้
“งั้นฟังฉันร้องเพลงกล่อมเธอนะ”
“เสียงนายเนี่ยนะ”
“เธอเคยบอกว่าเพราะไม่ใช่เหรอ”
กิ่งเหมยชะงัก
“ตามใจ...อยากทำอะไรก็ทำ”
หยกยิ้มรับแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเริ่มร้องเพลง
“หลับตาเถิดนะ แล้วเราก็จะพบกัน อาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ...หลับตาเถิดนะ ถึงตัวเรา จะแสนไกล ห่างกันเพียงไหนเหมือนใกล้กัน...ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกัน ขีดทางที่ ผกผันให้มีวันห่างไกล...หลับตานานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน...”
หยกร้องเพลงกล่อมกิ่งเหมยจนจบท่อน พอหันไปมองอีกทีกิ่งเหมยก็หลับไปอย่างสบาย เขาอมยิ้มชอบใจ
“แค่นี้ก็หลับแล้ว...ยัยกิ่งเหมยเอ้ย”
หยกมองกิ่งเหมยอย่างรักใคร่ทะนุถนอม ปัดไรผมที่ปกหน้าแล้วก้มลงหอมแก้มเบาๆ ก่อนจะหาวคำโต
“ร้องเองง่วงเองแล้วเรา...ขอนอนตรงนี้แล้วกันนะกิ่งเหมย”
หยกล้มตัวลงนอนข้างๆกิ่งเหมยและกอดเธอเอาไว้อย่างอบอุ่น กิ่งเหมยหลับได้สบายและยิ้มมีความสุข
ปัจจุบัน...หยกนอนกอดกิ่งเหมยเอาไว้เหมือนที่เคยดูแลกิ่งเหมยมาตลอด เขายังร้องเพลงกล่อมเธอเบาๆ
“ขอบฟ้าอยู่ไม่ไกล เพราะว่าใจเป็นหนึ่ง...และใจนั้นส่งถึง เพราะว่ายังห่วงใย...หลับตา นานๆ คิดถึงวันเก่า จะยังมีเราสองคน”
หยกร้องจบกิ่งเหมยก็หยุดสะอื้น แล้วพลิกตัวกลับมาหลับอย่างอบอุ่นในอ้อมกอดของเขา
“ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย”
หยกบอกรักแม้ในยามที่กิ่งเหมยหลับ และกอดเธอจนหลับไปด้วยกัน
วันใหม่...รถตรวจการของผู้การสมิงขับเขามาจอดที่ด้านข้างตึกร้างแห่งหนึ่ง ธงรบนั่งมาด้วย ทั้งคู่มาถึงก่อนเวลานัดหมาย
“อีกเดี๋ยวก็คงได้เวลาตามที่หมวดณรงค์นัดไว้ ว่าแต่แกมั่นใจนะว่าการแฝงตัวเข้าไปทำ งานกับเจ้าสัวเล้งจะเรียบร้อยดี”
“ผมมั่นใจครับอา มาเฟียอย่างเจ้าสัวเล้งไม่เหมือนพวกมาเฟียคนอื่นๆอย่างที่ไอ้หยก บอกไว้จริงๆ เขาฉลาดพอที่จะเลี้ยงผมไว้ต่อกรกับเสี่ยตง”
“ดี...ก็เหลือแค่ต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าพวกพยัคฆ์เมฆามันเป็นใคร”
“งั้นคงต้องลุ้นเอาที่งานนี้แล้วล่ะครับ”
ระหว่างนั้นณรงค์เดินเข้ามาที่ด้านหน้าตึก พร้อมหิ้วกระเป๋าถือแล้วหันมาที่รถของผู้การสมิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ว่าได้เวลา แล้วก่อนจะเดินหายเข้าไปในตึก
“ได้เวลาแล้ว...ไปเถอะ”
ผู้การสมิงตบบ่าธงรบ แล้วเตรียมอาวุธปืนพร้อมก่อนจะพากันลงจากรถไปด้วยกัน
ภายในตึก ณรงค์ถือกระเป๋าเข้ามาพบกับนักเลงลูกน้องพยัคฆ์เมฆา 3 คนที่รออยู่
“ตรงเวลาดีนี่...ของที่ฉันสั่งไว้ล่ะ”
“มาถึงก็ถามหาของเลยนะป๋า...ใจเย็นๆก่อนดีมั้ย แบบว่าเอาเงินมาให้พวกเราดูก่อน”
“เรื่องเงินที่ตกลงกันไว้ ป๋าไม่ตุกติกหรอกไอ้น้อง”
ณรงค์เปิดกระเป๋าที่ถือมาด้วย ในนั้นมีธนบัตรอยู่ไม่น้อยประมาณว่าเกือบล้านได้ พวกนักเลงเห็นเงินก็ตาโต ยิ้มชอบใจจะเข้าไปเอาเงินแต่โดนณรงค์ดึงกระเป๋าออกไม่ให้แตะต้อง
“ป๋าทำตามที่ตกลงกันไว้แล้ว...พวกน้องก็ควรจะเอาของมาให้ป๋าดู”
พวกนักเลงพยักหน้ากันว่าโอเค เลยเดินไปหยิบห่อยาไอซ์ที่ซุกไว้ข้างหลังออกมา แล้วยื่นให้ณรงค์ดู ระหว่างนั้น ผู้การสมิงกับธงรบที่แอบซุ่มเข้ามาใกล้ๆ ทั้งคู่สวมหมวกไหมพรมที่ยังไม่ดึงลงมาปิดหน้า
“ท่าทางพวกมันจะกินเหยื่อแล้วนะครับอา...จะได้พร้อมลุย”
“เดี๋ยว...ต้องให้แน่ใจก่อน รอหมวดณรงค์ส่งสัญญาณมาก่อน”
ธงรบพยักหน้ารับฟังคำสั่ง ณรงค์ยื่นหมูยื่นแมวแลกเงินในมือกับยาเสพติด หลังจากได้ยามาแล้วณรงค์พิจารณาดูแล้วถามพวกมัน
“ยาพวกนี้ใช่ตัวเดียวกับที่มีข่าวว่าโดนปล้นมารึเปล่า”
นักเลงชะงัก
“พวกเราจะเอามาจากไหน ป๋าไม่ต้องสนใจหรอก รับรองได้ว่านั่นน่ะของดีจริงๆ ถ้าจะเอาอีกก็ไม่มีอีกแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่าเป็นของที่ขโมยมาจาก พวกแกงค์หมาบ้าตงมาจริงๆ”
นักเลงเข้าไปกระชากคอเสื้อณรงค์ มาตะคอกใส่หน้า
“เตือนแล้วไงป๋า...ว่าอย่าสอดรู้สอดเห็น ไม่งั้นโดนหมกอยู่ในนี้แน่”
ณรงค์จ้องหน้ามันกลับอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะมองไปที่หน้าอกของมันซึ่งมีรอยสักรูปพยัคฆ์เมฆาโชว์หรา
“ก็ได้...ถือว่าป๋าได้ของดีไปก็พอแล้ว”
พวกมันชอบใจ ผลักณรงค์ล้มลงก่อนจะพากันออกไป ณรงค์ได้โอกาสหันไปทางผู้การสมิงกับธงรบที่ซุ่มอยู่ ณรงค์ พยักหน้าให้สัญญาณ
“ใช่พวกพยัคฆ์เมฆาจริงๆ...ไปเถอะครับอา...ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย”
“อย่าลืมว่าเราเป็นตำรวจนะธงรบ”
“ครับอา...ผมเล่นมันไม่ถึงตายหรอก”
สองอาหลานยิ้มกัน แล้วดึงหมวกไหมพรมลงมาปิดหน้า
พวกนักเลงลูกน้องพยัคฆ์เมฆาได้เงินมาแล้ว ก็เดินหัวเราะชอบใจออกมาจากตึกร้าง ระหว่างนั้นเองผู้การสมิงกับ ธงรบก็เดินเข้ามาพร้อมกับปืนแล้วเปิดฉากยิงใส่ทันที...เปรี้ยงๆๆ พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาคนหนึ่งโดนเข้าที่ไหล่ล้มลงนอนร้องโอดโอย อีก 2 คนเลยชักปืนต่อสู้สาดกระสุนใส่ กันไม่ยั้ง คนหนึ่งวิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋าเงิน ธงรบรีบไล่ตามทิ้งให้ผู้การสมิงจัดการอีกคนที่กำลังจะหนี ผู้การสมิงตั้งท่าเล็งยิง...เปรี้ยง แม่นอย่างกับจับวางกระสุนโดนที่ขาจังๆจนมันล้มร้องโอดโอย
ธงรบไล่ตามอีกคนที่ฝีมือเอาเรื่องตามไปยิงใส่ แต่มันยิงสวนก่อนที่กระสุนของนักเลงจะขัดลำ ธงรบเก็บปืนแล้วใช้มือเปล่าเข้าไปเล่นงานเปิดฉากแลกหมัดกันไปมาจนในที่สุดมันก็งอม ธงรบยึดกระเป๋าเงินที่มันได้จากณรงค์คืนมาแล้วถีบไสมันให้ไปไกล
“ไปเลย...ไอ้พวกกระจอก...เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป๋า...ไป!”
“ฝะ…ฝากไว้ก่อนเถอะ”
นักเลงซวนเซประครองตัวบาดเจ็บหนีออกไป คล้อยหลังมันไปไม่นานผู้การสมิง ณรงค์และธงรบก็เข้ามารวมกันแล้ว ถอดหมวกไหมพรมออก ณรงค์ยิ้มพอใจ
“นานๆได้ยืดเส้นยืดสายที...ฝีมือไม่ตกไปเลยนะครับผู้การ”
ธงรบแซว
“เขาเรียกยังมีไฟอยู่ต่างหากล่ะครับหมวด”
ผู้การสมิงยิ้มรับ
“ยังหรอกหมวด...นี่มันแค่เผาหัว เราท้าทายพวกพยัคฆ์เมฆาแบบนี้ พวกมันต้อง รีบไปรายงานไอ้ตัวหัวหน้าแน่...ถึงตอนนั้นหมวดต้องรับศึกหนักแน่”
ผู้การสมิงตบบ่าณรงค์แล้วเดินออกไป ณรงค์เริ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก ธงรบหันมายิ้มกวนๆให้ณรงค์
เจ้าสัวเล้งนั่งนิ่งครุ่นคิด มือของเขากำบางอย่างเอาไว้แน่น นึกถึงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคมทวน