ไฟมาร ตอนที่ 18
สุดาเครียดจัด เอามือขยี้ผมตัวเองจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบยา มือของสุดาสั่นระริก เห็นได้ชัดว่าเริ่มควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่แล้ว
สุดากรอกยาคลายเครียดเข้าปาก ก่อนนั่งนิ่งๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ในสายตาของสุดายามนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพิศยิ้มแสยะเยาะเย้ย สุดาตาเหลือกลาน
“นังภาพิศ! เอาซี้...มาเลย ฉันไม่กลัวแกแล้ว มาเลย”
สุดาขว้างปาข้าวของใส่ภาพิศในจิตนาการ ดวงตาแข็งกร้าว
“ฉันไม่กลัวแกแล้ว เข้ามาเล้ย”
ร่างภาพิศในจินตนาการหายไป เมื่อสุดาตั้งสติได้ แต่สุดาไม่เข้าใจ หัวเราะก้องนึกว่าตัวเองชนะภาพิศอีกตามเคย
ที่อีกมุมหนึ่งในบ้าน อารักษ์บอกกับสรวงด้วยท่าทางไม่สบายใจเอามากๆ
“พ่อว่า..แม่เครียดมากเลยเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะ”
“ผมอยากพาคุณแม่ไปพักผ่อน”
อารักษ์เห็นดีด้วย “ก็ดีลูก แม่จะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง”
“คุณพ่อไปด้วยกันนะครับ”
อารักษ์นิ่งคิด..เหมือนมีเรื่องในใจ “พ่อมีธุระ”
สรวงมองพ่ออย่างผิดหวัง น้อยใจขึ้นมาอีก แต่ไม่อยากมีเรื่อง
“งั้นผมไปกับแม่แค่สองคนก็ได้ครับ”
“พ่อฝากแม่ด้วย พ่อมีธุระจริงๆ”
สรวงมองพ่อด้วยอาการผิดหวัง น้อยใจ และเสียใจ
เช้าวันนี้ สรวงพาสุดาเดินมาที่รถ มีอารักษ์เดินมาด้วย สุดายิ้มหน้าขื่นขม
“นึกยังไง ถึงได้พาแม่ไปพักผ่อน”
“ผมกับพ่ออยากให้แม่สบายใจ”
สุดาดักคอ “กลัวแม่จะเป็นบ้าเหรอลูก? แม่ไม่เป็นอะไรหรอก ยังอยู่อีกนาน”
“อย่าพูดอย่างนี้สิคุณ...ลูกอยากให้คุณสบายใจจริงๆ สรวงพาแม่ไปเถอะ” อารักษ์บอก
“ครับพ่อ” สรวงประคองสุดาขึ้นรถ สุดาหันมาเหน็บอารักษ์อีก อย่างปวดใจ
“คุณบอกจะอยู่เคียงข้างฉัน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่มีคุณอยู่ดี”
สรวงมองแม่อย่างรู้สึกผิด ขณะที่อารักษ์เงียบกริบ มองสรวงขับรถออกไป พึมพำในใจ
“ผมขอโทษ..ผมจะทำตามใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ คุณหญิง”
ขณะที่เกริก ก้มหน้าก้มตารดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน อารักษ์เดินตรงเข้าไปหา เกริกง่วนอยู่กับรดน้ำ เห็นเท้าอารักษ์ จึงเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นอารักษ์ก็ตกใจ
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
เกริกมองอารักษ์ งงๆ ตกใจไม่หาย เพราะคาดไม่ถึง อารักษ์มองเกริกอย่างจริงใจ แววตาขอโทษ
สองคนเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนั้น สองป้าเดินผ่านมาเห็น ก็ตะลึงตกใจ
ตั๊กแตนร้อง “ตาย..ผัวเก่ากับผัวใหม่”
“มาป๊ะหน้ากันอย่างนี้...หมายความว่ายังไง”
สองป้ามองอยากรู้มาก
ภายในร้านแห่งนั้น อารักษ์กับเกริกมองหน้ากัน ต่างคนต่างนิ่ง เกริกถาม
“คุณมีอะไรก็พูดมา”
อารักษ์เอ่ยขึ้น “ผมอยากจะขอกรรณนรี”
เกริกมองหน้าอารักษ์อาการตื่นตะลึง
สรวงพาสุดามาถึงบ้านพักตากอากาศแล้ว ตกกลางคืนสุดายืนกอดอกมองฟ้ามองพระจันทร์ด้วยท่าทางสงบมากขึ้น สรวงเดินมาทางด้านหลัง เอาผ้ามาคลุมไหล่ พร้อมกอดสุดาอย่างประจบ
สุดามองหน้าลูกชายถามเสียงอ่อนโยน “สรวง..สรวงรักแม่มั้ยลูก”
“รักสิครับ..ผมรักแม่สุดหัวใจ สุดชีวิตของผมเลย”
สุดาหันมามองลูก ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ก็นึกหวั่นๆ “สรวงไม่กลัวแม่แล้วเหรอลูก”
“ผมไม่เคยกลัวคุณแม่”
สุดาเสียงเครือ สั่น “กลัว...สรวงกลัว แม่รู้บางทีสรวงก็คิดว่าแม่เป็นคนใจร้าย ใจดำ โหดร้ายทารุณ...แต่มันเป็นเพราะภาพิศนะลูก ภาพิศเข้ามาทำลายครอบครัวเรา”
สรวงปลอบ “เรื่องทุกอย่างมันจบไปแล้ว คุณแม่อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะครับ ผมขอร้อง”
สรวงมองสุดาด้วยสายตาอ้อนวอน สุดามองนิ่ง ทั้งสงสาร เห็นใจ และเข้าใจความรู้สึกของลูก
“ใช่..เรื่องมันจบไปแล้ว....ต่อไป แม่จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก...แม่จะเป็นแม่ที่ดีของสรวงเหมือนเดิม”
“ครับแม่” สรวงกอดสุดาแน่น
“แม่รักสรวง..รักสรวงที่สุดลูก”
สุดากอดสรวงอย่างหวงแหน เสมือนเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิต ขณะพูดต่อ
“แต่แม่ก็รู้..สรวงรักกรรณนรี”
สรวงมองสุดาไม่เข้าใจว่าจะพูดอะไร สุดามองสรวงบอกต่อ
“แต่แม่ขอนะลูก...สรวงจะรักใครก็ได้ แม่ไม่ห้าม แม่ขอแค่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่กรรณนรี”
สายตาของสุดาที่มองมา อ้อนวอนร้องขอ จนสรวงก็ได้แต่เงียบงันลำบากใจ
ที่หน้าบ้าน กรรณนรีกับกาวินทร์จะเดินเข้ามาในบ้าน สองป้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
ตั๊กแตนทักก่อน “ไปไหนกันสองคนพี่น้อง ทำไมถึงเพิ่งกลับมา”
กาวินทร์งง “จะกลับมาตอนไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับป้า”
“ไม่ได้เกี่ยวกับป้าหรอก แต่เกี่ยวกับเราสองคน” จักจั่นชี้กาวินทร์กับกรรณนรี
กรรณนรีสงสัย “มีอะไรป้า”
จักจั่นรีบบอก “ก็ท่านอารักษ์มาหาพ่อเราน่ะสิ”
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างตกใจ
เกริกถูกซัก หน้านิ่ง ครุ่นคิด บอกลูก
“ใช่...ท่านอารักษ์มาหาพ่อที่บ้าน”
กาวินทร์ยิ้มขื่น “อย่าบอกนะว่ามาตามหาแม่”
“เปล่า..เค้าไม่ได้มาหาแม่ แต่มาหากาว”
กรรณนรียิ่งตกใจ “มาหากาว”
“เค้ามาขอกาวกับพ่อ”
กรรณนรีหน้าซีดหนัก ขณะที่กาวินทร์ตาเขียวขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันบุญยิ่งคุยโทรศัพท์ หน้าซีดตกใจ
บุญยิ่งสุ้มเสียงไม่สบายใจ “ถ้าฉันว่าง..ฉันจะไป” วางสายเลยอย่างงๆ
ภรตเดินเข้ามา ถามอย่างแปลก “มีอะไรครับพ่อ”
“อารักษ์โทร.มาบอก...ที่บ้านจะมีงานมงคล...งานมงคลของอารักษ์ กับกาว”
ภรตหน้าซีดตกใจอีกคน
แฉล้มอ่านข่าวหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ด้วยสีหน้าตกใจ จังหวะนั้นภาพิศเดินเข้ามาพอดี แฉล้มรีบวางหนังสือพิมพ์ลง เลื่อนรถเข็นไป แกล้งหยิบโน่นหยิบนี่ ถามหลบหน้าหลบตา
“ไปเยี่ยมลูกมาเหรอ? วันนี้ลูกคุณเป็นไงมั่ง”
“ยังอยู่ในเตาอบเหมือนเดิม ว่าแต่คุณเป็นอะไร”
แฉล้มแกล้งทำไก๋ ไม่รู้ไม่ชี้ “เป็นอะไร”
ภาพิศไม่ตอบ แต่เดินมาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
“มีข่าวดีไม่หยุดสำหรับพลตรีอารักษ์...แว่วว่าเร็ววันนี้จะมีงานมงคล กับสาวน้อยกรรณนรี”
ภาพิศหน้าซีดเป็นกระดาษ
สรวงอยู่บ้านพักตากอากาศ เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงรับ
“สรวงครับ”
“ดิฉันเองนะคะคุณสรวง” เป็นภาพิศที่โทร.มา
สรวงดีใจระคนแปลกใจ “คุณภาพิศ”
สุดาเดินมาได้ยิน ชื่อภาพิศตกใจ แอบฟัง ขณะที่ภาพิศถาม
“ท่านอารักษ์จะมีงานมงคลกับกรรณรีหมายความว่าอะไร”
สรวงงง “อะไรนะครับ”
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้”
“ผมมาต่างจังหวัด ไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย”
“แต่ข่าวมันออกมาโครมๆ ว่าท่านอารักษ์จะมีงานมงคลกับกาว...ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้คุณสรวง คุณยอมได้ยังไง”
สรวงตกใจมาก “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ”
ภาพิศกร้าว “ฉันไม่ยอม ได้ยินมั้ยฉันไม่ยอม”
ภาพิศวางสาย สรวงกลุ้ม แฉล้มร้องเสียงหลง
“ปั๊ดโธ่คุณเอ๊ย..ทำไมใจร้อนอย่างนี้ คุณโทร.ไปหาคุณสรวงทำไม”
ภาพิศนึกได้แต่ไม่ยอมรับผิดตามเคย “ก็จะให้ฉันอยู่เฉยๆ ได้ยังไง? ไอ้อารักษ์ ไอ้บ้า รู้ทั้งรู้ว่ากาวเป็นลูกฉัน คุณสรวงก็รักกาว มันยังทำอย่างนี้อีก”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ..คุณคิดว่าพี่เกริกจะยอมเหรอ”
คราวนี้ภาพิศนิ่ง แฉล้มว่าต่ออีก
“ฉันว่างานนี้ท่านอารักษ์ทำเพื่อสับขาหลอกคุณหญิงสุดา แต่คุณพลาดที่คุณโทร.ไปหาคุณสรวง เกิดคุณหญิงสุดาอยู่ด้วย เค้าก็รู้สิ..ว่าคุณยังไม่ตาย”
“ช่างมัน ดีซะอีก นังสุดามันจะได้คิดว่ามันเป็นบ้า มันประสาท ที่เห็นผีฉันตลอดเวลาน่ะ”
เห็นภาพิศดื้อดึง แฉล้มมองอย่างอ่อนใจ
สรวงยืนเครียดอยู่ สุดาเดินมาเลียบๆ เคียงๆ ถาม
“ตะกี้ใครโทร.มาเหรอลูก”
“คุณภาพิศครับ”
สุดาแทบช็อก ตื่นตะลึง หูไม่ได้ฝาด
“ภาพิศ”
“ครับ” มองงๆ เมื่อเห็นท่าทางสุดาแปลกๆ
สุดาพยายามคุมสติ “เค้ามีอะไรเหรอลูก”
สรวงปิดแม่ “ก็โทร.มาถามทุกข์สุขธรรมดาเรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว คุณแม่อย่าคิดมากนะครับ ไม่มีอะไรหรอก”
สุดาฝืนยิ้ม “จ้ะ” แต่แววตากังวลไม่คลาย ว่าภาพิศตายหรือไม่ตายกันแน่
ที่มุมหนึ่ง สุดาถามตัวเองในใจ
“นี่ภาพิศมันยังไม่ตายเหรอ? งั้นที่ผ่านมา ก็แปลว่า..เราประสาทน่ะสิ....เธอเป็นบ้าเหรอสุดา”
สุดาหน้าตาเลิ่กลั่ก คิดว่าตัวเองประสาทจริงๆ จนต้องเดินไปหยิบยามากิน ท่าทางตื่นๆ
ด้านสรวงกลุ้มใจไม่หาย เรื่องอารักษ์ กรรณนรี คิดอยู่ในใจ
“คุณพ่อกับกาวจะทำอะไร”
สรวงได้แต่ถามตัวเองอย่างคาใจข้องจิต
ขณะเดียวกัน ภรตกับมาลินีมานั่งกินข้าวด้วยกัน
“งานมงคลท่านอารักษ์กับกาว...แปลว่า..ท่านอารักษ์จะแต่งงานกับกาว”
“พี่ก็เข้าใจอย่างนั้นล่ะ”
“ทำไมกาวทำแบบนี้? แล้วอาเกริก พี่แก้ว”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่..พ่อบอก งานมงคลบ้านท่านอารักษ์เกิดขึ้นแน่นอน”
สุขหฤทัยกับสมหญิงคุยกันอยู่เรื่องงานแต่งที่รู้ข่าวมา
“ฤทัยยังคิดไม่ออกเลยนะคะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านอารักษ์จะแต่งงานกับยัยกรรณนรีได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิ...คุณหญิงสุดาไม่ว่าอะไรเหรอ”
สุขหฤทัยนึกได้ “คุณหญิงแม่ไม่อยู่ เป็นไปได้ว่าคุณหญิงแม่อาจจะไม่รู้ค่ะ”
สองคนมองหน้า คิดตรงกัน
รุ่งเช้า สุขหฤทัยกับสมหญิงหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมสุดาถึงที่
“ฤทัยบอกว่าคุณหญิงมาพักผ่อน ดิฉันเป็นห่วงเลยตามมาเยี่ยมค่ะ” สมหญิงทักทาย
สุดายิ้ม “ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่เครียดๆเลยมาพักผ่อนเท่านั้นเอง”
“คุณหญิงแม่คงจะเหงา งั้นฤทัยจะอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“ขอบใจจ้ะขอบใจ
สุดายิ้มแย้ม ท่าทางสดชื่นขึ้น สรวงมองสงสารแม่ สุขหฤทัยมองสรวง อย่างไม่เข้าใจ
ครู่ต่อมาสรวงยืนกอดอก ท่าทางเคร่งเครียดอยู่อีกมุม สุขหฤทัยเดินตามมา สรวงบอก
“ฤทัย..พรุ่งนี้ผมมีธุระ คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่หน่อยได้มั้ย”
“ได้สิคะ....ฤทัยตั้งใจอยู่แล้ว”
“ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ งั้นพรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางแต่เช้าเลย”
สรวงเดินเข้าไป สุขหฤทัยเหวอ
“อ้าว! ปล่อยให้ยืนคนเดียวอีกแล้ว ดีนะที่ตอนนี้ฤทัยไม่ได้รักสรวง ไม่งั้นช้ำใจตาย”
ภาพิศกบดานอยู่ที่บ้านแฉล้มเดินไปเดินมาเครียด
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ พี่เกริกปล่อยให้กาวแต่งงานกับไอบ้าอารักษ์ได้ยังไง”
“เค้าบอกว่างานมงคล”
ภาพิศฉุนไม่หาย “งานมงคลก็หมายถึงแต่งงานน่ะแหละ”
“ถ้าคุณอยากรู้ก็ไปถามพี่เกริกเองสิ มาบ่นให้ฉันฟัง ฉันจะตอบได้ยังไง”
“งั้นเดี๋ยวฉันมา”
ภาพิศคว้ากระเป๋าเดินออกไป แฉล้มเข็นรถตามร้องลั่น
“โธ่เอ๊ยคุณ..ใจร้อนอีกแล้ว เดี๋ยวก็โดนพี่เกริกตะเพิดออกมาหรอก น่าจะรู้พี่เกริก เค้าเป็นคนคิดอะไรถ้วนถี่ ไม่ทำอะไรบ้าๆ เหมือนคุณหรอก”
ภาพิศไม่หยุด แฉล้มได้แต่ถอนหายใจระอาเหลือ
ขณะที่เกริก เก็บข้าวเก็บของ งมอยู่กับต้นไม้ตามประสา ภาพิศเดินหน้าบึ้งเข้าไป
“พี่เกริก”
เกริกมองมาด้วยสายตาเย็นชา “มีอะไร”
“ฉันอยากรู้ทำไมพี่ยอมให้กาวแต่งงานกับไอ้อารักษ์”
“ก็คงจะเหมือนตอนที่นุดีจะไปจากพี่มั้ง..ห้ามไม่ได้” เดินเข้าบ้านไป
ภาพิศปรี๊ด “พี่เกริกๆ” เดินตามเข้าบ้านไปเร็วรี่
เกริกเดินไม่สนใจ ภาพิศตามไปโวยวาย
“ฉันไม่ยอมนะพี่ ฉันไม่ยอม”
“ลูกเป็นของพี่....พี่ย่อมเลือกทางเดินให้ลูกมีความสุขที่สุด”
“ลูกจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อท่านอารักษ์”
เกริกบอกเสียงเข้ม “พี่ไม่สน ว่าท่านอารักษ์จะเป็นใคร มีประวัติยังไง พี่รู้แค่ว่าสิ่งที่พี่ทำ กาวจะมีความสุขที่สุด”
ภาพิศร้องไห้โฮ “กาวจะมีความสุขได้ยังไง”
“พี่ยืนยันสิ่งที่พี่ทำ กาวจะมีความสุข ถ้าเธอจะมาด้วยเรื่องแค่นี้กลับไป ยังไงพี่ก็ตัดสินใจแล้วและตัวกาวเองก็ยินดี”
“ยังไงฉันก็ไม่ยอม ให้กาวแต่งงานกับไอ้บ้าอารักษ์เด็ดขาด”
ภาพิศประกาศกร้าว แล้วผลุนผลันออกไป เกริกถอนหายใจ พึมพำคนเดียว
“ก็ใครว่ากาวจะแต่งงานกับอารักษ์ พี่ไม่ได้วิปริตขนาดนั้นหรอกนุดี”
กรรณนรีกับกาวินทร์เดินเล่นอยู่ริมน้ำสวย กรรณนรียิ้มบางๆ สีหน้ามีความสุข
“กาวคิดไม่ถึงจริงๆนะพี่แก้ว ว่าพ่อจะใจดีขนาดนี้”
“เพราะพ่อรักกาวไง..พ่อเลยทำทุกอย่างได้เพื่อกาว แล้วนี่นิคกับมะยมรู้เรื่องยัง”
“ยัง...เขิน”
“รีบบอกเถอะ เพื่อนจะได้ดีใจด้วย ที่เห็นกาวมีความสุข”
กรรณนรียิ้มหยิบมือถือขึ้นมา
มะยมร้องเสียงดังลั่นพอฟังความจากปลายสายจบ
“อะไรนะแกจะแต่งงาน”
นิคหันขวับมามองอย่างสนอกสนใจ
กรรณนรียิ้มละไม พยักหน้าให้
“ฮื่อ”
“ดีใจด้วย” มะยมหน้าแหยๆ “แต่ก็หวังว่า..ทุกอย่างมันจะราบรื่น...บอกตรงๆ ฉันกลัวคุณหญิงสุดาว่ะ”
เช้าวันต่อมาสรวงบอกสุดา ฤทัย สมหญิง
“ฝากแม่ด้วยนะครับฤทัย คุณน้า”
สมหญิงกับสุขหฤทัยรับคำอย่างยินดี สุดาเสียอีกที่หน้าหม่น
“ทำไมต้องมีงานด่วนตอนนี้ด้วยนะลูก”
“ด่วนจริงๆ ครับแม่ เสร็จธุระแล้วผมจะรีบกลับมา”
สุดายิ้มใจดี “เดินทางปลอดภัยจ้ะสรวง”
สรวงขับรถออกไปลับตาแล้ว สุดายิ้มสุขใจ สมหญิงกับสุดามองหน้ากัน คันปากยิบๆ
สองแม่ลูกกระซิบกระซาบกันอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านพักตากอากาศ
“ฤทัยคันปากยิบๆ เลยค่ะคุณแม่…”
“แม่ก็อยากบอก ท่าทางคุณหญิงไม่รู้เรื่องนะที่ท่านอารักษ์จะแต่งงานกับยัยกรรณนรีน่ะ”
“สรวงคิดอะไรของสรวง ฤทัยไม่เข้าใจจริงๆ”
สองแม่ลูกหน้าย่น คันปาก
ขณะที่กรรณนรีกำลังจะเดินออกจากบ้าน ดวงหน้าเปื้อนยิ้มท่าทีโล่งใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็น
สรวง แต่ก็คลี่ยิ้มหวานออกมาอย่างดีใจ
“คุณสรวง”
สรวงเปิดฉากประชด “ยิ้มขนาดนี้ คงจะดีใจล่ะสิที่จะได้แต่งงาน”
กรรณนรียิ้มเป็นนัย “ค่ะ”
“ทำไมเธอเป็นคนแบบนี้” สรวงขึ้นเสียงกระชากแขนกรรณนรีเข้ามาหา
กรรณนรียิ้มหวานไม่ถือสา “เป็นคนแบบไหนคะ”
“ก็เกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว เธอยังจะแต่งงานกับพ่อฉันอีก”
“ใครบอกล่ะคะ ว่าฉันจะแต่งงานกับพ่อคุณ”
“แล้วเธอแต่งกับใคร”
“ไปถาม..พ่อคุณเองสิคะ..คุณสอระวง”
กรรณนรียิ้มทะเล้น สรวงหงุดหงิด
สรวงเดินก้าวเร็วๆ เข้าไปในห้องโถง เห็นอารักษ์อยู่กับทีม wedding planner สรวงเดินหน้างอเข้าไปหา
“คุณพ่อ”
อารักษ์ยิ้มระรื่น “เอ้าสรวง..มาทำไมล่ะเนี่ย..พ่อกะจะเซอร์ไพร์สซักหน่อย”
สรวงฉงน “เซอร์ไพร้ส์? เซอร์ไพร์สอะไรครับ”
“ก็งานแต่งงานของลูกกับกาวไง...”
สรวงตกตะลึง
กรรณนรีเดินยิ้มเข้าไปในออฟฟิศ สตาร์อินเทรนด์ จ๋า มะยมเข้ามาสวมกอดยินดี
“ดีใจด้วยจ้ะว่าที่เจ้าสาว”
“ตอนแรกพี่ตกใจมาก...แต่พอมะยมบอกความจริงเท่านั้น...พี่ขนลุกซู่เลย ดีใจด้วยจ้ะ” จ๋ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ..ว่าแต่พี่จ๋า..ยินดีรับกาวเป็นพนักงานเหมือนเดิมมั้ยคะ”
“ยินดีสิจ๊ะ แต่ต่อไปกาวเป็นคุณนาย สบายไปแล้ว จะมีเวลามาทำงานเร้อ” จ๋าแซวเอา
“อาชีพนักข่าวเป็นอาชีพที่กาวรัก ยังไงกาวก็จะทำค่ะ” กรรณนรียิ้มพราย
มะยมแซวอีก “แต่ว่าที่สามีจะยอมเร้อ”
“ยอมสิ...ใช่ป่ะกาว” นิคเย้า
“ไม่รู้..ยังไม่ได้คุยกันเลย..ป่านนี้เจ้าตัวคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นเจ้าบ่าวน่ะ”
ทุกคนหัวเราะสุขใจ โดยไม่รู้ว่าคนของนาแอบมาถ่ายรูปมะยม
สรวงเดินออกมายิ้มมีความสุข เสียงของอารักษ์ดังก้อง
อารักษ์พูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “พ่อไม่ได้โกหก เพราะมันเป็นงานมงคลของพ่อและกาวจริงๆ แต่ที่พ่อจำเป็นต้องปิดบัง เพราะพ่อรู้นิสัยแม่ดี แม่ไม่มีวันยอมให้สรวงแต่งงานกับหนูกาวอย่างเด็ดขาด”
สีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด สรวงกลุ้มใจขึ้นมาอีก
ส่วนที่บ้านของนาเวลานั้น...นากำลังมองดูรูปมะยมในมือถือที่ลูกน้องเพิ่งส่งมาให้
“นังนี่เองที่ชื่อมะยม....” นัยน์ตาวาววับ “แกถูกดองในโหลแน่นังมะยม”
ไม่นานนัก ขณะที่มะยมเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นนามองมาอย่างเอาเรื่อง มะยมไม่รู้จักแต่ถูกนาจดสายตามองมาเขม็ง มะยมจะเดินหลบ นาก็มาขวาง แต่กระนั้นมะยมยังไม่รู้ตัว บอกพาซื่อ
“ขอโทษค่ะ
มะยมจะเดินหลีกไปอีกทาง นาก็ขวางทางอีก มะยมมองสงสัย นาไม่พูดอะไร ตบผลัวะเข้าที่หน้ามะยมเต็มแรง มะยมร้องลั่น
“โอ๊ย ตบฉันทำไม”
นาพูดใส่หน้า “สันดานเมียน้อย ถูกจับได้พูดอย่างนี้ทุกคน แกตายนังมะยม”
ไม่รอช้า นาพุ่งเข้าหามะยม ตบอีกฉาด มะยมงง ไม่ทันตั้งตัวถูกตบไปหลายที
กรรณนรีกับนิค และจ๋าทำงาน พนักงานคนหนึ่งวิ่งมาบอกหน้าตาตื่น
“ใครก็ไม่รู้ มาตบมะยมใหญ่เลย”
ทุกคนตกใจ หน้าตาตื่นวิ่งออกไปเลย
ขณะนั้นนากระชากผมมะยมตบไม่ยั้ง มะยมร้องไห้ ทั้งงง เจ็บ อาย และตกใจระคนกัน
“ปล่อยฉันนะคุณปล่อย”
นากระชากผมมะยม “ไม่ปล่อย”
พนักงานส่วนต่างๆ มากมายวิ่งออกมาดู นาประกาศก้อง
“มาแค่นี้มันน้อยไปนะ ไปเรียกให้หมดมาทั้งโรงพิมพ์เลยไป นังมะยมมันแย่งผัวฉัน”
“ไม่จริง...ฉันไม่เคยแย่งผัวใคร” มะยมเถียง
“ไม่ต้องมาแก้ตัว นังเมียน้อย”
ขาดคำนาตบมะยมอีกฉาด กรรณนรี นิค และจ๋าวิ่งออกมา กรรณนรีวิ่งไปผลักคุณนาอย่างแรง
“ปล่อยเพื่อนฉันนะ”
ด้วยแรงผลัก นาเซถลาจนต้องปล่อยมะยม ส่วนมะยมเองก็ซวนเซ ทำท่าจะล้มลงนิคคว้าตัวมะยมเอาไว้ได้ทัน กรรณนรีด่านา
“เพื่อนฉันไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร”
“ใช่..คนที่มาตามเพื่อนผม คือผัวคุณต่างหาก” นิคเสริม
นาเยาะ “ต๊าย! ออกรับแทน ดี! จะได้รู้..ว่าหน้าด้านกันทั้งโรงพิมพ์”
กรรณนรีโกรธจนลืมตัว จัดจะถลันเข้าหา “คุณ”
นาลอยหน้าท้าทาย “เอาเล้ย..เข้ามาเล้ย”
กรรณนรีจะถลันเข้าหานา ถูกจ๋าดึงไว้
“อย่ากาว”
“ปกป้องกันดีนัก..อย่าคิดว่าฉันจะทำอะไรไม่ได้” ชี้หน้ามะยม “นังมะยม ถ้าแกมายุ่งกับผัวฉันอีก ฉันจะฟ้องแก”
นาเดินฉับๆ ออกไป มะยมวิ่งร้องไห้เข้าไปด้านในอับอาย
“ไอ้นพ”
นิคขบกรามอย่างโกรธแค้น คำรามออกมาแล้ววิ่งโร่ออกไปทันที
ไฟมาร ตอนที่ 18 (ต่อ)
มะยมวิ่งเข้ามาร้องไห้เข้ามาในออฟฟิศ จ๋าวิ่งตามมา
“มะยม”
เพื่อนร่วมงานแต่ละคนเหลียวมามองมะยมเป็นตาเดียว
มะยมทั้งตกใจ อับอาย เนื้อตัวสั่นเทา “ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยใครนะ ไม่ได้เป็น”
มะยมคว้ากระเป๋าวิ่งออกไป กรรณนรีร้องเรียก
“มะยม”
กรรณนรีจะวิ่งตาม อารามรีบร้อนไม่ทันดู จึงชนเก้าอี้ที่ขวางอยู่อย่างแรง จนล้มลง
“โอ๊ยยย!”
จ๋าตกใจ “กาว”
กรรณนรีร้องโอดโอย เพราะขาเจ็บ จะตามแต่ตามไม่ไหว
นพนั่งทำงานอยู่ในห้อง นิควิ่งพรวดพราดเข้าไป นพตกใจ
“อะไรกันคุณ?
นิคไม่ตอบ แต่ซัดโครมเข้าที่หน้านพอย่างแรง จนนพซวนเซ นิคตามไปกระชากคอเสื้อ จะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่อีก นพร้องลั่น
“อะไรกันคุณนิค อะไร”
“ไปถามเมียคุณเองแล้วกันว่าอะไร”
นพได้ยินอย่างนั้นก็อึ้ง ตกใจ สายตาไม่เข้าใจ นิคตะเบ็งเสียงใส่
“ไม่ต้องมาทำหน้าโง่ รู้ไว้..เมียคุณเค้าบุกไปตบมะยม”
นพหน้าซีดเผือด
ตกกลางคืน กรรณนรี พยายามกดโทร.หามะยม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย จ๋าถาม
“โทร.ไม่ติดเหรอ”
“ติดค่ะ แต่มะยมไม่ยอมรับสาย”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้....มะยมอาจจะอยากอยู่คนเดียวน่ะ”
กรรณนรีหน้าหม่น จ๋าพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ใจเย็นๆ
ที่คอนโดมะยมคืนนั้น มะยมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง ทั้งเสียใจทั้งอับอาย ระหว่างนั้นนพวิ่งมาเคาะประตูดังปังๆ
ท่าทีนพร้อนรนทั้งเป็นห่วงและเสียใจ “มะยมๆๆ”
มะยมนั่งร้องไห้อยู่ ได้ยินก็ยิ่งตกใจ “คุณนพ”
“เปิดประตูให้ผมมะยม ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
มะยมตะโกนออกไปบอก “แต่มะยมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้วค่ะ กลับไปหาภรรยาคุณเถอะค่ะ อย่าทำความเดือดร้อนให้มะยม”
นพบอกกลับด้วยน้ำเสียงกร้าวแกร่ง “ก็เพราะมะยมเดือดร้อนน่ะสิผมถึงต้องมา...เปิดประตูให้ผม มะยม..เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
มะยมนั่งชั่งใจตัดสินใจ นพอ้อนวอน
“ผมขอร้อง มะยม”
มะยมตัดสินใจเปิดประตู เห็นนพยืนมองมา มะยมสุดจะกลั้น ร้องไห้โฮออกมาอีก นพสงสารจับใจ โดยไม่รู้ว่าตรงมุมลับตามีคนของนา..แอบมองอยู่
พริบตานั้นสารถูกถ่ายทอดไปยังนาซึ่งอยู่ที่บ้าน ในมือกำหูโทรศัพท์แน่น
“อะไรนะ?...มันแอบไปหากันถึงคอนโด”
นาสะอื้นฮักๆ น้ำตาไหลพราก เจ็บปวดรวดร้าวในใจ ถึงนาทีนั้น รู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนแพ้ยับเยิน
มะยมร้องไห้ เดินออกมานอกห้องพลางบอก
“ไปคุยกันข้างล่างดีกว่าค่ะ ที่นี่ไม่เหมาะ”
“ตรงไหนก็ได้ ที่มะยมสบายใจ เพราะผมรักมะยม...ผมขอโทษ...ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
มะยมได้ฟัง ยิ่งหน้าซีด ร่างกายเหมือนไม่มีแรง “ไม่เป็นไรค่ะ..เพราะมะยม” มะยมพยายามจะกลั้นใจพูดว่า...ไม่รัก แต่ร่างร่วงผล็อยเป็นลมไป
นพตกใจร้องลั่น “มะยม..มะยม”
ร่างมะยมจะร่วงลงพื้น นพรับไว้ได้ทัน
เวลาเดียวกันที่ปากซอยบ้านมาลินี ภรตเดินมาส่ง มาลินีถามขึ้นเรื่องกรรณนรี
“ตกลง..เรื่องกาวกับท่านอารักษ์ไปถึงไหนแล้วพี่ภรต”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน....บอกตรงๆ คราวนี้ไม่กล้าถามทั้งแก้ว ทั้งกาวเลย”
“มดก็ไม่กล้า...ช่วงนี้มดกับพี่แก้วก็ห่างกันแล้วด้วย”
ภรตตัดสินใจถาม “มดยังรักแก้วอยู่มั้ย”
จังหวะนั้นกาวินทร์เดินมา มองหน้าสองคน ขณะที่มาลินีบอกชัด
“ไม่แล้วค่ะ มดไม่ได้รักพี่แก้วแล้ว”
กาวินทร์ได้ยินเต็มสองหู ถึงกับตกตะลึง ขณะที่ภรตยิ้ม
“งั้น...ก็แปลว่า..พี่มีโอกาสใช่มั้ย”
มาลินีงงปนตกใจที่ถูกจู่โจม “พี่ภรต”
“ไอ้ภรต”
กาวินทร์คำราม ทะยานเข้ามาเหวี่ยงหมัดใส่ภรต จนร่างซวนเซ และด่าซ้ำ
“ไอ้เพื่อนทรยศ”
ภรตเหลียวขวับ ท่าทีไม่หวั่นเกรง “ทรยศอะไรในเมื่อแกกับมดไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันมีสิทธิ์”
“ไม่มีสิทธิ์โว้ย”
กาวินทร์พาลเหวี่ยงหมัดใส่หน้าภรตอีก คราวนี้ภรตไม่ยอม
“ไม่มี”
สองหนุ่มซัดกันนัว ขณะที่มาลินีร้องกรี๊ดๆ ด้วยความตกใจ
“อย่าค่ะอย่า”
ไม่มีใครฟังมด สองหนุ่มชกกันพัลวัน คราวนี้ภรตชกกาวินทร์จนล้มคว่ำ
“จำไว้แกไม่มีสิทธิ์....เพราะแกไม่ได้รักมด...แต่ฉันรักมด”
มาลินีตกใจ “พี่ภรต”
ภรตเยาะ “ที่สำคัญ....แกก็ได้ยิน” พร้อมกับเดินมาหามาลินี “มดไม่ได้รักแกอีกแล้ว แกนั่นแหละที่ต้องไป”
กาวินทร์เงยหน้าขึ้นมองมาลินีด้วยแววตาอ้อนวอน ภรตจะพามาลินีเข้าบ้านไป กาวินทร์ร้องถามเสียงดัง
“มดจะทิ้งให้พี่อยู่อย่างนี้จริงๆเหรอ?”
มาลีนีหันมามอง เห็นกาวินทร์นั่งหมดสภาพอยู่ที่พื้น มองมาสีหน้าอ้อนวอน มาลินีใจอ่อนยวบ
ความรักยังท่วมท้นล้นใจ มาลินีลังเลสับสน ว้าวุ่นหนัก กาวินทร์ถามย้ำ
“มดจะไปกับภรตจริงๆ เหรอ”
ภรตเรียกจ้องมาลินีเขม็ง “มด”
“พี่ภรตคะ...มดขอโทษ...มดทิ้งพี่แก้วไว้อย่างนี้ไม่ได้ค่ะ”
มดตรงเข้าไปประคองกาวินทร์ให้ลุกขึ้น ภรตภาพสองคนตรงหน้าเสียใจอย่างที่สุด ขณะที่กาวินทร์มองภรตเป็นต่อ
มาลินีประคองกาวินทร์ที่หน้าตาปูดบวมช้ำเข้ามาในบ้าน ประคองให้นอนลงบนโซฟา กาวินทร์ออดอ้อน
“พี่นึกว่ามดจะไม่สนใจพี่แล้วซะอีก”
มาลีนีพูดสุ้มเสียงอ่อนโยน “ยังไง..มดก็ห่วงพี่แก้ว พี่แก้วรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวมดทำแผลให้”
สักครู่หนึ่งมาลีนีเดินไปหยิบเอาผ้าเย็น อุปกรณ์ทำแผลมานั่งลงข้างๆ เช็ดหน้าทำแผลให้
“พี่ดีใจจัง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็..มดบอกแล้วยังไงคะ?..ยังไงมดก็ยังห่วงพี่แก้ว...”
“แล้วภรต” กาวินทร์หยั่งเชิง
“แก้วเห็นพี่ภรตเป็นแค่พี่ชายเท่านั้นค่ะ...” มาลินีซับหน้าให้
“พี่ดีใจที่สุดเลย” คว้ามือมาลินีเอาไว้
มาลินีตกใจ “พี่แก้ว..ปล่อยค่ะ...”
“ไม่ปล่อย” กาวินทร์ยื้อมือไว้
มาลินีดึงออก “พี่แก้ว...”
“บอกสิ..ว่ามดรังเกียจพี่....ถ้ามดรังเกียจ..พี่จะไป”
มาลินีมองหน้ากาวินทร์ใจอ่อนยวบ กาวินทร์จูบที่มือของมาลินีอย่างแผ่วเบา มาลินีใจสั่น ยังมีเยื่อใยเต็มหัวใจ
“อย่าค่ะพี่แก้ว”
กาวินทร์กอดมาลินีเอาไว้กระซิบคำหวานเสียงแผ่ว “ทีแรกพี่ก็ไม่รู้ใจตัวเองหรอกว่าคิดยังไงกับมด...แต่พอเห็นมดไปกับภรตเท่านั้นล่ะ พี่หึง...พี่หวง...แล้วก็รู้ใจตัวเองเดี๋ยวนั้น”
มาลินีมองกาวินทร์ใจเต้นระรัว รอฟังคำตอบ กาวินทร์บอกน้ำเสียงหวานซึ้ง
“พี่รักมด..รักมานาน” จูบที่แก้มมาลียีเบาๆ
“อย่าค่ะพี่แก้ว” มาลินีผลักออก ทว่ามือไม้อ่อนระทวยในทันที
เสือผู้หญิงอย่างกาวินทร์ไม่พูดไม่จา ไล่จูบหนักหน่วงขึ้น ในอาการหวงแหน วินาทีนี้กาวินทร์ไม่ได้รักมาลินี รู้แต่เพียงว่าเขาจะปล่อยมาลินีให้หลุดไปไม่ได้
ส่วนภรต ยืนมองเหม่อทอดสายตาไปยังท้องน้ำ ท่าทีเศร้าและเสียใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างปล่อยวางและปลดปลง
“สุดท้าย...เราก็เป็นได้แค่คนดี..ก็ไม่เหลือใคร”
เวลาเดียวกันขณะที่กรรณนรีจะเดินเข้ามาบ้าน สรวงที่ดักรอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดวงหน้าเปื้อนยิ้ม แต่แสร้งเก๊กขรึมเดินออกมาหา
“คุณสรวง”
“ไง?...ว่าที่เจ้าสาวไม่ยิ้มแล้วเหรอ” สรวงเย้า
“จะยิ้มได้ยังไงคะ? แฟนคุณนพ บุกไปตบมะยมถึงโรงพิมพ์”
สรวงตกใจ กรรณนรีเล่าต่อ
“คุณสรวง...ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว ฉันขอร้องอย่ามีเรื่องแบบนี้นะคะ”
สรวงดึงกรรณนรีเข้ามากอด “ฉันไม่มีทางเอาไฟเข้ามาในบ้านอย่างพ่อเด็ดขาด...ฉันสัญญา”
สรวงกับกรรณนรีกอดกันแนบแน่น สุขใจแต่ไม่เต็มสุข เพราะสายตาของสรวงและกรรณนรี ต่างมีความทุกข์ขมเจือปน เจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านเข้ามา และต้องเผชิญ
ที่บ้านพักตากอากาศ คืนนั้น สุดายืนรอสรวงด้วยท่าทีกระวนกระวาย ปากบ่นพร่ำเรื่อยเปื่อยขณะที่แววตามีแต่ความห่วงใย
“ธุระอะไร ทำไมสรวงกลับมาช้าจัง”
ที่ด้านหลังสุดายามนั้น สุขหฤทัยกับสมหญิง นั่งมองอยู่ สองคนทำทีเป็นจิบเครื่องดื่ม เมาท์มอยตามประสา
“ฤทัยจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ อยากจะบอกคุณหญิงแม่ใจแทบขาดเรื่องท่านอารักษ์จะแต่งงานกับยัยกรรณนรี”
สมหญิงยุส่ง “บอกเลยลูก แม่อยากรู้...คุณหญิงจะเป็นยังไง”
สุขหฤทัยลุกพรวดขึ้น ในจังหวะที่สรวงขับรถเข้ามาพอดี สองแม่ลูกหน้าเจื่อน สุดายิ้มแป้น
เดินลงไปรับสรวง ที่ก้าวลงจากรถ ถามอย่างดีใจ “เหนื่อยมั้ยลูก”
สรวงรู้สึกอิ่มเอมใจเรื่องแต่งงาน แต่พอเห็นหน้าสุดาก็นึกสงสาร
สรวงสวมกอดสุดา ยิ้มอย่างอ่อนโยนแฝงความเศร้าในสีหน้า “เห็นหน้าคุณแม่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ”
สุดาดีใจมาก “ปากหวานจริงลูกแม่..ไป...ไปอาบน้ำ แม่ทำของโปรดของลูกไว้ให้เยอะแยะเลย”
“ครับ” สรวงยิ้มเศร้าเดินไปกับสุดา
สุขหฤทัยบ่นกระปอดกระแปด
“สรวงไม่น่ากลับมาเลยนะคะ อดบอกเลย”
“แม่ว่า บอกไปเลยดีกว่า...แม่สงสารคุณหญิงสุดา..ดูซิ..มีความสุขได้ไม่เท่าไหร่ ท่านอารักษ์ก็สร้างเรื่องอีกแล้ว” สมหญิงว่า
“งั้นไปค่ะ” สองแม่ลูกรีบตามเข้าไปด้านใน
สรวงอาบน้ำอยู่ สายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวไหลรดลงสู่ร่างแกร่ง เหมือนจะเตือนสติ เสียงของสุดาดังก้อง
“แต่แม่ขอนะลูก...สรวงจะรักใครก็ได้ แม่ไม่ห้าม แม่ขอแค่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่กรรณนรี”
สรวงหน้าเครียดได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ “ผมรักแม่...แต่ผมก็รักกรรณนรี ผม..ขอโทษ...”
สรวงยืนนิ่ง ปล่อยให้น้ำไหลรดลงมาอยู่อย่างนั้น ถึงจะอยากแต่งงานกับกรรณนรีมากเพียงใด แต่ก็เสียใจอยู่ดีเมื่อนึกความรู้สึกของแม่
ระหว่างนั้นสุดาจัดเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะรอสรวง สุดายิ้มละไม มีความสุขเหลือล้น เป็นดวงหน้าของแม่ที่รักลูกสุดหัวใจ สมหญิงกับสุขหฤทัยเดินเข้าไป
“รอตาสรวงอาบน้ำก่อนนะคะ ค่อยทานข้าวกัน”
“ดิฉันว่า..คุณหญิงทานก่อนก็ได้นะคะ..เดี๋ยวจะทานไม่ลง”
สุดาหันมามองเชิงถามมีอะไร สุขหฤทัยรีบบอก
“จริงๆ ฤทัยก็ไม่อยากบอกหรอกนะคะ แต่สงสาร ไม่อยากให้คุณหญิงแม่ กินหญ้าแทนข้าว เลยตัดสินใจบอกๆ เลยดีกว่า”
สุดายิ้มขำไม่ถือสา “อยากพูดอะไรก็พูดเถอะฤทัย”
“คุณลุงจะแต่งงานกับนังกรรณนรีค่ะ”
สุดาหันขวับมามอง แววตาตื่นตกใจ
เกริกนั่งอ่านหนังสือเตรียมพิธีแต่งงานอยู่ในบ้าน กรรณนรีเดินเข้ามาหาเอาแก้วนมให้
“นมค่ะพ่อ....ทำอะไรอยู่คะ”
“ดู...ของมงคลในวันแต่งงาน มีอะไรบ้าง วันงานพ่อจะได้จัดให้กาว”
กรรณนรีมองหน้าพ่ออย่างซึ้งใจ โผกอดพ่อ “พ่อขา...กาวถามจริงๆ...พ่อเสียใจมั้ยที่กาวจะแต่งงาน”
“เสียใจทำไมลูก?..พ่อต้องดีใจสิถึงจะถูก”
“ก็คนที่กาวแต่งงานด้วยคือคุณสรวง” กรรณนรีใจหาย ลดเสียงแผ่วลง “ลูกของท่านอารักษ์”
เกริกฟังแล้วหน้าหมองลงไปนิด ก่อนฝืนยิ้มตอบ “พ่อไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...พ่อพอใจแค่...คุณสรวงรักกาว...และกาวก็รักคุณสรวง...พ่ออยากเห็นกาวมีความสุข”
“ขอบคุณค่ะพ่อ...ขอบคุณจริงๆ”
กรรณนรีมองเกริกน้ำตารื้น กาวินทร์ยืนมองอยู่ ยิ้มปลื้มใจกับพ่อและน้อง
ทางด้านสุดากลับมีท่าทีปกติ หยิบโน่นจัดนี่บนโต๊ะอาหาร สมหญิงกับสุขหฤทัยมองหน้ากันอย่างแปลกใจ สมหญิงอดไม่ไหว
“นี่คุณหญิงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ”
สุดายิ้มหยัน “รู้สึกสิคะ...รู้สึกสมเพช นังภาพิศเป็นเมียน้อยฉันไม่พอ ลูกสาว...”
“แล้วคุณลุง...” สุขหฤทัยถามทันควัน
“แก่จวนลงโลงขนาดนั้นแล้ว อยากสำส่อนก็ตามใจ คนเดียวที่แม่รักและห่วงคือสรวง”
สรวงจะเดินเข้ามาได้ยินพอดี ชายหนุ่มชะงัก ขณะที่สุดาพูดต่อ
“แม่กลัวว่าสรวงจะไปตกหลุมพรางนังกรรณนรีอีก...เพราะผู้หญิงสันดานต่ำมีเลือดเลวๆ อย่างนั้น ไม่มีอะไรคู่ควรกับสรวงแม้แต่นิดเดียว”
สรวงสะอึกยืนนิ่งอยู่กับที่ สุดาเกลียดกรรณนรีเข้ากระดูกดำ
“แต่ความรักมันไม่เข้าใครออกใครนะคะ” สุขหฤทัยท้วง
“แต่ถ้าสรวงเลือกนังกรรณนรี สรวงกับแม่ขาดกัน”
สรวงหน้าซีดสนิท
ทางด้านมะยมนอนหมดสติอยู่บนเตียง มีนพคอยเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ท่าทีอ่อนโยน และทะนุถนอม
“ผมรักคุณ..รักคุณจริงๆ มะยม”
นพรำพึง มะยมหลับสนิทไม่รู้ตัว นพมองอย่างห่วงใย
เช้าวันนี้ ภาพิศตาขวาง ท่าทางโกรธจัด แฉล้มเลื่อนรถเข็นมาหา พร้อมกับยื่นหนังสือธรรมะให้
“หนังสือเล่มนี้ดี๊ดีคุณ..อ่านแล้วทำให้ฉันปล่อยวางได้เยอะเลย”
ภาพิศรับมา แต่เอาหนังสือวางลง “คุณปล่อย แต่ฉันไม่ปล่อย”
“แต่ถ้าคุณไม่ปล่อย ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะทุกข์”
“ก็จะให้ฉันสุขคนเดียวได้ยังไง? ลูกฉันกำลังจะเดินลงนรกไปแต่งงานกับไอ้อารักษ์ พี่เกริกก็ไม่ห้ามซักคำ”
แฉล้มพยายามเตือนสติ “เชื่อฉันสิ..มันต้องมีอะไร”
“มีอะไรก็ช่าง แต่กาวต้องไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงเป็นหนที่สอง”
ที่บ้านอริยะวรรต อารักษ์กำลังพูดคุยอยู่กับทีม wedding planner
“ผมว่าตรงนี้ยังหวานไม่พอ....น่าจะเพิ่มดอกกุหลาบเยอะๆ เอาทุกสีเลย ให้ทุกคนเดินเข้ามาในงานแล้วได้แต่กลิ่นกุหลาบ”
ภาพิศเดินเข้ามาได้ยินพอดี พูดแขวะเน้นทุกถ้อยคำ “ได้กลิ่นอุตรพิตดีกว่ามั้ย...คนจะได้รู้..ว่าท่านมันเหม็น มันเน่า เลว อุบาทว์ ชั่ว”
อารักษ์ตกใจคาดไม่ถึง “ภา”
ทีมงานหันมามองกันเป็นตาเดียว อารักษ์มองภาพิศเสียงเข้มแต่ไม่ดุ
“มาคุยกันทางนี้เลยภา”
อารักษ์เดินนำภาพิศออกไป
อารักษ์เดินออกไปอีกมุมในบ้าน ที่เงียบและเป็นส่วนตัว ภาพิศเดินตาม มองด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์
“อย่าคิดนะว่าฉันมาที่นี่เพราะฉันหึงฉันหวง ที่ฉันมาเพราะฉันทนไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าคนที่ฉันเคยเลือกจะเป็นคนเลว มักมาก วิปริตถึงขนาดนี้
อารักษ์จะอ้าปากแย้ง ภาพิศด่าต่อ
“รู้ทั้งรู้ว่ากาวเป็นลูกฉัน ยังจะแต่งงานกับกาวอีก มีสำนึกความเป็นคนเหลืออยู่ในสายเลือดบ้างมั้ย หรือมีแต่เสนียด ความเลวทราม จัญไร”
อารักษ์จะอ้าปาก ภาพิศตวาด
“หุบปากไม่ต้องพูด พูดอะไรออกมาก็มีแต่ความเหม็นความเน่า ถ้าคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง ช่วยซื้อสำนึกความเป็นคนให้ตัวเองหน่อยเถอะ เพราะสิ่งที่ท่านทำทุกวันนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากสัตว์เลย”
อารักษ์อดไม่ไหว “ภา ฉันรู้ที่ผ่านมาฉันเลวฉันชั่ว แต่…”
ภาพิศไม่ใส่ใจฟัง ควักปืนออกจากกระเป๋า “ไม่ต้องพูด สิ่งเดียวที่ท่านต้องทำคือยกเลิกการ
แต่งกับกาวให้เร็วที่สุด ไม่งั้น กระสุนทุกนัดในปืนกระบอกนี้ มันจะเจาะเข้าไปในหัวของท่าน”
อารักษ์สวนออกมา “จะให้ฉันยกเลิกได้ยังไง”
ภาพิศโกรธจนตัวสั่น “ไอ้อารักษ์” และทำท่าจะเหนี่ยวไก
อารักโพล่งขึ้น “ก็คนที่จะแต่งงานกับลูกเธอ คือสรวง ไม่ใช่ฉัน”
ภาพิศตกตะลึง อึ้ง คาดไม่ถึง
ไฟมาร ตอนที่ 18 (ต่อ)
ส่วนที่บ้านพักตากอากาศเวลาเดียวกัน สุดานั่งอยู่ริมระเบียง โดยมีสรวงคอยเอาอกเอาใจปอกผลไม้ให้ทาน ใบหน้าของสรวงดูมีความสุขอยู่ในที
ระหว่างนั้นสุขหฤทัยกับสมหญิงหิ้วกระเป๋า เตรียมจะกลับกรุงเทพฯ เดินออกมามองหน้ากัน
“คุณหญิงมีคุณสรวงมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว งั้นเราสองคนกลับนะคะ” สมหญิงว่า
“ขอบคุณมากค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” สุดายิ้มเยื้อน
“ขอบใจมากฤทัย” สรวงยิ้มบอก
“แล้วเจอกันค่ะสรวง”
สองแม่ลูกเดินไปที่รถ แต่ตาแอบชำเลืองมองสรวง กับสุดา เห็นสุดายิ้มบอกสรวง
“ทุกวันนี้แม่มีความสุขจริงๆ ลูก...มีความสุขจริงๆ”
สรวงยิ้มแต่สายตาที่มองแม่ มีความสงสารปนอยู่
สุขหฤทัยขับรถมาจอดพรืดข้างทาง ถามออกมาอย่างคาใจ
“ฤทัยว่ามันแปลกมากเลยค่ะคุณแม่....ท่านอารักษ์จะแต่งงานกับยัยกรรณนรี ทำไมสรวงยิ้มอยู่ได้”
“แม่ก็ว่าแปลก กลับถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ สืบให้รู้เลยนะลูก
“ไม่ต้องรอถึงกรุงเทพฯหรอกค่ะ....สืบเดี๋ยวนี้เลย”
สุขหฤทัยหยิบมือถือออกมา กดเบอร์ไปพลางขณะลงจากรถ
กาวินทร์อยู่ที่ออฟฟิศ คุยโทรศัพท์กับสุขหฤทัย ท่าทางหงุดหงิด
“มันจะแปลกอะไร”
“ทำไมจะไม่แปลกคะ...ท่านอารักษ์เคยเป็นสามีแม่คุณ...แต่ตอนนี้จะกลายมาเป็นสามีน้องคุณ..แม่ลูกใช้สามีคนเดียวกัน มันจะไม่แปลกได้ยังไง”
กาวินทร์ฉุน “คุณนี่น่าล้างปากด้วยแอลกอฮอล์ด้วยแล้วกันสกปรก...”
“นี่ด่าฉันขนาดนี้ คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ” สุขหฤทัยกระเง้ากระงอด
กาวินทร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ กะหลอกเล่น “รักสิ...ผมรักคุณเสมอ คุณสุขหฤทัย”
จังหวะนั้นมาลินีเดินถือกระเช้าอาหารเข้ามาได้ยินพอดี หญิงสาวหน้าซีดเผือดมือไม้สั่น วางตะกร้าลงเดินน้ำตาคลอออกไป
ขณะที่สุขหฤทัยยิ้มอย่างพอใจ ออดอ้อน
“งั้นคุณก็บอกฉันมาสิ ทำไมกาวถึงยอมแต่งกับท่านอารักษ์”
“กาวไม่ได้แต่งงานกับท่านอารักษ์ แต่กาวจะแต่งงานกับคุณสรวงต่างหาก”
สุขหฤทัยตกตะลึงตาค้างกับสิ่งที่ได้ยิน
สมหญิงถามย้ำในอาการตกตะลึงไม่ต่างจากลูกสาวนัก
“อะไรนะ....คนที่จะแต่งงานกับยัยกรรณนรีคือคุณสรวง”
“ค่ะ...แก้วบอก...มิน่าท่าทางสรวงถึงได้มีความสุข ไม่ได้เคร่งได้เครียด เพราะรู้ว่าเจ้าบ่าวที่แท้จริงคือตัวเอง”
สมหญิงตกใจ “ต๊ายย!! ถ้ารู้ความจริง คุณหญิงสุดา อกแตกตาย ไม่ก็เป็นบ้าแน่ๆ คุณสรวงไม่น่าทำอย่างนี้เลย”
“ฤทัยบอกแล้ว ความรักไม่เข้าใครออกใคร...เกลียดก็แต่นังกรรณนรี ตอนแรกฤทัยนึกว่ามันจะเป็นเมียน้อย กลายเป็นเมียแต่งไปได้”
“แล้วฤทัยจะยอมเหรอลูก”
สมหญิงถาม สุขหฤทัยอึ้ง ไม่ได้หึงหวงสรวงแล้ว แต่เกลียดและต้องการเอาชนะกรรณนรี
กรรณนรีอยู่ที่ออฟฟิศสตาร์อินเทรนด์ กดมือถือระวิง ติดต่อมะยมกับนิคไม่ได้ทั้งคู่ กรรณนรีหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ทำไมติดต่อทั้งนิค ทั้งมะยมไม่ได้” ลุกขึ้นจะเดินออกไป
จ๋าเดินเข้ามาหา “จะไปไหนกาว”
“ว่าจะไปหามะยมที่คอนโดน่ะค่ะ”
“นิคโทร.มาบอกพี่ ว่ากำลังไปหามะยม”
กรรณนรีมีท่าทีโล่งใจ จ๋ามองมา พร้อมกับยื่นหนังสือชุดแต่งงานให้
“พี่เห็นมีแต่ชุดสวยๆ เลยเอามาให้เผื่อกาวใช้เป็นไอเดีย ใกล้วันงานแล้ว...ห่วงตัวเองบ้างนะกาว พี่เชื่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นิคจะปกป้องดูแลมะยมได้”
จ๋าบอกพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ ขณะที่กรรณนรียิ้มเจื่อน กังวลอยู่ดี
นาภรรยาของนพ เดินฉับๆ เข้าไปในคอนโดของมะยม หน้าตาท่าทางเห็นรังสีอำมหิตแผ่ซ่าน ขณะเดียวกันนิควิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา แม้จะห่างกันพอสมควร แต่นิคก็เห็นหลังนาไวๆ และจำได้ นิคหน้าเสียห่วงมะยม
“มะยม”
นิครีบวิ่งขึ้นคอนโดทันที
นพง่วนอยู่กับการทำข้าวต้มในครัว มะยมรู้สึกตัวขึ้นมา ลุกจากเตียงท่าทางอิดโรย เดินโผเผอย่างงงๆ พอเห็นนพก็ตกใจ
“คุณนพ”
นพหันมายิ้มกุลีกุจอยกชามข้าวต้มมาให้
“เมื่อคืนมะยมไม่สบาย ผมเลยอยู่เฝ้า ทานข้าวต้มนะครับ จะได้ทานยา”
มะยมมองนพอย่างตกใจ นพเห็นสีหน้ามะยมก็ใจเสีย รีบบอก
“ผมเฝ้ามะยมเฉยๆ นะครับ ไม่ได้ทำอะไร...ผมนั่งอยู่ที่โซฟาตลอดคืนเลย”
มะยมหน้าหม่นลง ไม่ได้รังเกียจแต่เกรงใจ และไม่อยากเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ “ขอบคุณมากค่ะ...แต่ตอนนี้มะยมไม่เป็นไรแล้ว คุณนพกลับไปนะคะ”
นพหน้าเสีย “แต่ผมรักมะยม...”
“แต่มะยมไม่อยากเสื่อมเสีย นะคะ มะยมขอร้อง”
นพเข้าใจ “ก็ได้ครับ...งั้นผมกลับก่อน มะยมอย่าลืมทานข้าวนะครับ ผมเป็นห่วง”
ขณะที่นพจะเดินออกไป มีเสียงเคาะประตูดังปังๆๆๆ ที่หน้าประตูนายืนหน้าบูดบึ้ง ตะโกนเรียก
“นังหน้าด้านเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เปิดๆๆๆ”
มะยมตกใจหน้าซีดเผือด นพทั้งโกรธทั้งห่วงมะยม ส่วนด้านนอกนาโกรธจัด
“เปิดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้เปิด ไม่เปิดใช่มั้ย” นาแหกปากตะโกนลั่น “ทุกคนคะ...ออกมาดู
เร็วค่า นังเมียน้อยหน้าด้านมันอยู่ในห้องนี้”
มะยมร้องไห้โฮ ทั้งตกใจ กลัว และเสียใจ
นิควิ่งขึ้นมาตามบันไดหนีไฟได้ยินเสียงนาดังลั่น
“มาเร็ว..นังเมียน้อยหน้าด้านมันชื่อมะยม...”
นิคหน้าซีดเผือดตกใจมาก ชาวคอนโดโผล่หน้าออกมาดูสลอน
“มะยมเมียน้อย” คนหนึ่งเริ่มเปิดประเด็น
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะนังเมียน้อย ออกมา” นาตะโกนไม่หยุดไม่หย่อน
ที่หน้าห้อง ไทยมุงชาวคอนโดโผล่หน้าออกมาดู ส่วนด้านใน มะยมร้องไห้ทั้งโกรธทั้งอาย
เดินพรวดไปที่ประตู บอกนพ
“ออกไปได้แล้วค่ะ แล้วบอกเค้าด้วย เราไม่ได้มีอะไรกัน”
มะยมเปิดประตู นาที่รออยู่แล้วมองเข้ามา พอเห็นนพอยู่หลังมะยมก็โกรธจัด
“นังหน้าด้าน แกแย่งผัวฉัน”
นาปรี่เข้ามาตบมะยมเต็มแรง นพเข้ามาห้ามเสียงดุ
“อย่า..คุณอย่า”
“คนสารเลว”
นาหันมาตบนพเต็มแรง และผลักนพจนล้มลงหัวโขกโต๊ะ นพมึน นาทะยานเข้าหามะยมอีก
“นังเมียน้อย แกตาย” ตบผลัวะเข้าที่หน้ามะยมหลายที
มะยมสะบัดหน้าหันกลับมามองตาขวาง
“เมื่อวานที่ฉันยอมเพราะฉันตกใจ เข้าใจ แต่วันนี้...ฉันไม่ยอม”
มะยมตรงเข้ามากระชากผมนาเอาคืนตบหลายทีอย่างแรง นาล้มร้องโอดโอย
“ช่วยด้วยๆๆๆ นังเมียน้อยมันจะฆ่าฉัน”
มะยมไม่ตาม “ไม่มีใครฆ่าคุณ รู้ไว้ด้วย คนอย่างฉันไม่มีทางเป็นเมียน้อยใคร”
นาแว้ดใส่ “แล้วเอาผัวฉันมากกทั้งคืน มันแปลว่าอะไรนังมะยม”
พร้อมกันนั้นนาลุกขึ้นมาหมายขะตบมะยมอีก นพกัดฟันลุกพรวดขึ้นมา ดึงมะยมเอาไว้
“พอได้แล้ว และคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอย่างนี้...เพราะผมกับคุณเลิกกันไปนานแล้ว”
นิควิ่งมาได้ยิน นาตะลึง
“คุณนพ”
“พอกันซักที ผมไม่ได้รักคุณอีกแล้ว คนที่ผมรักคือมะยม ได้ยินมั้ยคนที่ผมรักคือมะยม” นพพูดเสียงดัง
“ไอ้นพ”
นากรี๊ด ปราดเข้ามาตบนพเต็มแรง นพหน้าหัน ไม่โต้ตอบบอกนิ่มนิ่ง
“ยิ่งคุณทำกับผมอย่างนี้...ผมก็ยิ่งรักมะยม...ขอร้อง..อย่าตามรังควานชีวิตผมอีกเลย”
นามองนพที่ปกป้องมะยมด้วยความร้าวราน ก่อนจะร้องกรี๊ดแล้ววิ่งออกไป นพบอกมะยมอย่างจริงจัง
“ผมขอโทษ..ขอโทษจริงๆ มะยม แต่ผมก็ยังยืนยัน ว่าผมรักคุณ”
มะยมมองนพในอาการตื่นตกใจ นิคมองภาพตรงหน้า แล้วผละออกไปปะปนกับไทยมุง และมะยมก็ไม่เห็นนิค มะยมบอกนพ
“ขอมะยมอยู่คนเดียวค่ะ”
นพพยักหน้าเดินคอตกออกไป มะยมปิดประตูห้องร้องไห้โฮ สับสนเหลือเกินแล้ว
ท่ามกลางแดดเปรี้ยง นิคเดินมาตามฟุธบาท เห็นรถผ่านหลายต่อหลายคัน แต่นิคไม่ขึ้น เดินไปเรื่อยเปื่อย เสียงนพดังก้อง
“พอกันซักที ผมไม่ได้รักคุณอีกแล้ว คนที่ผมรักคือมะยม ได้ยินมั้ยคนที่ผมรักคือมะยม”
นิคว้าวุ่น และรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด
ทางด้านมะยมเดินเศร้ามาตามทาง เสียงของนพ ดังก้องในหัว
“ยิ่งคุณทำกับผมอย่างนี้...ผมก็ยิ่งรักมะยม...ขอร้อง...อย่าตามรังควานชีวิตผมอีกเลย
มะยมสบสันหนัก เสียงนพดังขึ้นมาอีก
“ผมขอโทษ..ขอโทษจริงๆมะยม แต่ผมก็ยังยืนยัน ว่าผมรักคุณ...”
มะยมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ตีกันให้วุ่น ก่อนจะลืมตาขึ้นมา
ดวงตาเด็ดเดี่ยวเหมือนคนคิดอะไรได้
คืนนั้นสุดาเดินออกมารับลมด้านนอก ดวงหน้ายิ้มละไม สรวงเดินมาเอาผ้าคลุมไหล่ผืนสวยมาห่มให้ สุดาถามสรวงท่าทางปกติ
“แม่ได้ข่าวว่าพ่อจะแต่งงาน”
สรวงชะงัก ไม่รู้สุดาจะมาไม้ไหน สุดาถามต่อ
“ทำไมสรวงไม่บอกแม่ล่ะลูก หรือกลัวว่าแม่จะทำใจไม่ได้....” ยิ้มแย้มท่าทีปกติ “แม่ไม่เป็นไรแล้ว พ่ออยากมีใคร ก็ให้เค้ามีไป แต่ที่แม่อยากพูดกับสรวง เห็นรึยังว่ากรรณนรีเป็นคนยังไง สุดท้ายเงินก็ซื้อได้ เหมือนกับแม่ของมัน”
สุดายิ้ม ขณะที่สรวงอึ้ง ตระหนักชัดถึงความความรู้สึกเกลียดชังที่แม่มีต่อกรรณนรีกับภาพิศ เหมือนสองคนนั้นเป็นแค่ขยะ
แฉล้มรู้เรื่องก็หัวเราะร่าบอกภาพิศอย่างอารมณ์ดี
“คุณเชื่อฉันรึยังล่ะ คนอย่างพี่เกริก จะคิดจะทำอะไร เค้าต้องคิดอย่างถ้วนถี่ มีเหตุผล สุดท้ายเจ้าบ่าวของกาวก็เป็นคุณสรวง”
“ท่านอารักษ์บอก ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะกลัวคุณหญิงสุดาไม่ยอม”
แฉล้มฟังแล้วอดหนักใจไม่ได้ “เฮ้อ! ทำยังกับจะปิดคุณหญิงสุดาได้อย่างนั้นล่ะฉันล่ะกลัวจริงจริ๊ง”
“ก็ลองนังคุณหญิงสุดามันทำอะไรลูกฉันสิ...ฉันจะฆ่ามันให้ตาย...ถึงนาทีนี้แล้วกาวต้องมีความสุข ลูกสาวฉันต้องมีความสุข”
ภาพิศบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาด ดวงตามีแต่รอยยิ้ม เมื่อนึกถึงกรรณนรี
เช้าวันต่อมามะยมเดินเข้ามาในออฟฟิศ กรรณนรีหันไปเห็น
“มะยม”
มะยมยิ้มอย่างเข้มแข็ง กรรณนรีเข้ามาสวมกอดมะยมแน่น
“โอเคมั้ย”
“โอเคสิ... ในเมื่อฉันไม่ได้อะไรผิด ทำไมฉันต้องแคร์”
กรรณนรีมองมะยม ส่งกำลังไปให้ มะยมจับมือกรรณนรียิ้มแย้ม
“เราต่างหากเป็นคนให้คุณค่าตัวเองไม่ใช่คนอื่น...ต่อให้ใครจะมองว่าฉันเป็นเมียน้อย แต่ถ้าความจริง มันไม่ใช่ ฉันก็ไม่แคร์”
“แล้วเรื่องของแกกับคุณนพ จะเอายังไง”
นิคเดินเข้ามาพอดี และได้ยิน นิคหยุดฟัง ขณะที่มะยมว่าต่อ
“พ่อฉันเคยมีเมียน้อย และแม่ฉันก็ทุกข์ใจมาก แล้วทำไมฉันต้องไปโยนความทุกข์ให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยล่ะกาว เค้าจะเลิกกันหรือไม่เลิก ไม่เกี่ยวกับฉัน สิ่งที่เกี่ยวกับฉันคือ ฉันจะไม่เข้าไปเป็นมือที่สามของใครอย่างเด็ดขาด”
กรรณนรียิ้มกว้าง “เจ๋งมากเลยเพื่อน”
กรรณนรีกอดมะยมอีก สองคนยิ้มแย้ม นิคยืนยิ้มเหมือนกันรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ก่อนที่นิคจะเดินมากอดมะยม
“เจ๋งมากว่ะมะยม”
มะยมยิ้มรับ นิคกอดให้กำลังใจ แต่สายตาที่นิคมองมะยมยามนี้ มันไม่ใช่สายตาที่เพื่อนมองเพื่อนอย่างเคยแล้ว
ตกค่ำวันนั้น สามเกลอเดินมาที่ริมน้ำ ท่าทางมีความสุข และสบายใจ นิคอยู่ตรงกลางกอดคอสองสาว
“นี่...หมดเรื่องเลวร้ายต่างๆแล้ว แกก็ควรเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานได้แล้วนะกาว”
มะยมเห็นด้วย “จริงด้วย..อย่าลืมวันนั้น คุณสรวงต้องหล่อที่สุด และแกก็ต้องสวยที่สุด”
“ถึงไม่ใช่วันแต่ง คุณสรวงก็หล่อที่สุดในสายตาฉันอยู่แล้ว”
มะยมกับนิคทำหน้าเซ็ง ทำนองแซวว่าเป็นเอามาก สามคนกอดกัน หัวเราะใส่กันอย่างมีความสุข จังหวะนั้นมือถือกรรณนรีดัง
“คุณสรวง” กรรณนรีตื่นเต้น มะยมกับนิคมองหน้ากันแล้วอี๋...อิจฉา
กรรณนรีกดรับ “คะคุณสรวง”
มะยมแย่งมือถือมาเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้วยืนฟัง ยิ้มขำกับนิค
สรวงยืนยิ้ม มองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ที่หน้าบ้านพัก ขณะคุยกับกรรณนรี
“ว่าไงจ๊ะว่าที่เจ้าสาวของผม”
“คุณสรวงล่ะคะ”
“พร้อม....พร้อมจะเข้าห้องแล้ว”
มะยมกะนิค ทำท่ากิ๊วก๊าว กรรณนรีเขินอาย รีบร้อง
“คุณสรวง..พูดอะไรน่าเกลียด”
“น่าเกลียดตรงไหน? ก็ผมจะเข้าห้องจริงๆ นี่...จะรีบนอน พักผ่อนเยอะๆ วันงานจะได้หน้าใสๆ เป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุด สำหรับคุณไง”
กรรณนรียิ้ม มะยมกับนิคร้อง “ว้า” ผิดหวังที่สรวงไม่ได้ยิงมุกทะลึ่งต่อ
“เอ๊ะ..หรือตะกี้คุณคิดไปถึงไหนต่อไหน” สรวงแซวยิ้มตาหยี
กรรณนรีค้อนลมแล้ง “คิดอย่างคุณสรวงล่ะค่ะ...จะรีบเข้าห้อง” กรรณนรีทำหน้าทะเล้น “นอน...พักผ่อนเยอะๆ จะได้สวยๆ สมกับเป็นเจ้าสาวของคุณ”
สรวงยิ้มแป้น “ขอบคุณมากนะกรรณนรีที่อยู่ด้วยกัน....ถึงผมจะไม่ได้เซอร์ไพร้ส์ขอคุณแต่งงานเหมือนเจ้าบ่าวคนอื่นๆ แต่ผมก็มีความรักให้คุณ...และจะอยู่เคียงข้างคุณไปจนตาย...ผมรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณค่ะคุณสรวง” กรรณนรีวางสายยิ้มแก้มแทบแตก
“แฮปปี้เอ็นดิ้งซะที” มะยมว่า
สามคนมองหน้ากัน ยิ้มอย่างเป็นสุข
ด้านสรวงยืนยิ้มอยู่ จนสุดาเดินออกมาตาม สรวงรีบทำหน้าปกติ สุดาถาม
“ดึกแล้วยังไม่นอนล่ะลูก”
“ยังไม่ง่วงครับ”
สุดาดักคอ “ไม่ต้องคิดมากเรื่องนะ แม่ไม่ได้เป็นไร พ่อเค้าอยากจะทำอะไรก็ปล่อยเค้า อ้อ! วันงานถ้าสรวงทำใจได้ จะไปร่วมงานแม่ก็ไม่ว่า...ปล่อยแม่ให้อยู่บ้าน แม่อยู่คนเดียวได้ สบาย”
สุดายิ้มแย้มเหมือนว่าไม่มีอะไรจริงๆ สรวงยิ่งมอง ยิ่งสงสารแม่
เวลาเดียวกันภายในห้องพักของโรงแรมหรู อารักษ์ดื่มกินอย่างมีความสุข โดยมีหญิงสาวมาดูแล
“วันนี้ท่านดูมีความสุขจัง”
“ลูกชายจะแต่งงาน...”
“อ้อ...” สาวนางนั้นยิ้มยั่วๆ “เลยมาฉลองความโสดแทนลูกชาย” เอามือทำปู่ไต่อารักษ์
อารักษ์หัวเราะสุขใจ จับคางหญิงสาวหยอกเอิน “หนูนี่รู้ใจฉันจริงๆ เย..มา..งั้นมาช่วยฉันฉลอง จัดหนักๆ เลยนะจ๊ะคนสวย”
อารักษ์ดึงหญิงสาวมากอดแล้วล้มตัวลงบนเตียง ผ่านเรื่องเลวร้ายมาหนักหนา ใครว่าอารักษ์จะเปลี่ยน จนถึงตอนนี้ความเป็นผู้ชายเจ้าชู้ก็ฝังลึกอยู่ในสันดาน
ชุดสวยๆ มากมาย ที่ภาพิศนำมาลองสวม เพื่อเตรียมใส่ไปร่วมงานแต่งกรรณนรีกับสรวง โดยให้แฉล้มดูชุดแล้วชุดเล่า ภาพิศดูตื่นเต้นใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใส ถามแฉล้มไปมาด้วยคำถามเดิมๆ
“ชุดนี้สวยมั้ยคุณ...”
“โอ๊ยย.. ไม่ต้องลองแล้ว คุณน่ะใส่ชุดไหนก็สวย...นี่ลองยังกับจะเป็นเจ้าสาวซะเอง” แฉล้มแซว
“ก็ฉันอยากสวยที่สุดในวันแต่งงานลูกนี่...”
“คุณจะสวยที่สุดได้ยังไง วันนั้นคนที่สวยที่สุดต้องเป็นหนูกาวสิ เพราะหนูกาวคือเจ้าสาว”
“ฉันอยากให้ถึงวันงานเร็วๆ จัง ตื่นเต้น”
“อีกไม่กี่วันก็ถึงแล้ว...ใจร่มๆ ไปนวดหน้านวดตัวดีกว่า จะได้สวยสมกับเป็นแม่เจ้าสาว”
ภาพิศยิ้มปลื้มดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า สุขใจในความสุขของกรรณนรี
ทางด้านสุขหฤทัยเดินหน้างอง้ำอยู่ที่บ้าน
“ยัยกรรณรียังเป็นเจ้าสาวได้..แล้วฉันล่ะ”
สุขหฤทัยนิ่งคิด หยิบมือถือ กดโทร.หากาวินทร์
เวลานั้นมาลินีนั่งทานข้าวอยู่กับกาวินทร์ ท่าทีกาวินทร์เป็นปกติ ไม่ได้เอาอกเอาใจมาลินีเป็นพิเศษเหมือนคนเป็นแฟนกันและมีอะไรกันแล้ว
มาลินีมองกาวินทร์ พูดอย่างน้อยใจ “มดยังไม่มีชุดไปงานแต่งกาวเลยค่ะ”
กาวินทร์กินข้าวปกติ พูดโดยไม่ได้มอง “มดจะใส่อะไรมาก็ได้ง่ายๆ”
“พี่แก้วไม่อยากเห็นมดสวยเหรอคะ”
“จะสวยทำไมมดไม่ได้เป็นเจ้าสาวนี่”
“มดรู้ค่ะ...แต่มดก็อยากสวยในสายตาพี่แก้วบ้าง...? มดอยากเป็นเจ้าสาว”
คราวนี้กาวินทร์สำลักข้าว เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ มาลินีเห็นท่าทางกาวินทร์ก็เลยถาม
“ทำไมพี่แก้วทำท่าแบบนี้ล่ะคะ”
“พี่ยังไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน”
มาลินีใจหายวาบ “พี่แก้ว”
เสียงมือถือดังขัดขึ้นก่อน กาวินทร์เห็นเป็นเบอร์สุขหฤทัย ก็มองหน้ามาลินีท่าทีอึกอัก มาลินีชำเลืองมองเห็นเบอร์สุขหฤทัยก็น้ำตาไหลริน บอกเสียงกลั้นสะอื้น
“เพราะพี่แก้วรักคุณฤทัยไม่ใช่มด”
“อะไรของมด” กาวินทร์งง
“วันที่มดไปหาพี่แก้ว มดได้ยินค่ะ พี่แก้วบอกรักคุณฤทัย....แต่ที่มดไม่พูดเพราะอยากให้พี่แก้วเคลียร์ตัวเอง..พี่แก้วรู้ตัวเอง ว่ามดคือภรรยาพี่แก้ว”
มาลินีลุกเดินออกไป กาวินทร์มองตามงงๆ
“ประสาท...”กดรับสาย “มีอะไรคุณ”
“ก็...คิดถึง...หรือว่านายไม่คิดถึงฉัน”
“ใช่..ผมไม่ได้คิดถึงคุณ” วางสายทันที
สุขหฤทัยงงเป็นไก่ตาแตก
“ไม่ได้คิดถึงฉัน หมายความว่ายังไง? วอนหาเรื่องซะแล้วนายแก้ว”
สุขหฤทัยโกรธจัด
คืนนั้น ที่ห้องจัดงานแต่งของโรงแรม เห็นทีมงานมาจัดแต่งสถานที่ โดยมีอารักษ์ลงทุนคุมงานแต่งด้วยตัวเอง เดินกำกับโน่นนี่ วุ่นวาย เหงื่อซ่ก แต่สีหน้าและแววตาอารักษ์ดูมีความสุขมาก
สุขหฤทัยเดินมามอง คิดในใจ
“พี่ชายเธอรนหาที่เองกรรณนรี”
สมหญิงถามสุขหฤทัยเสียงหลง ท่าทีตกอกตกใจ
“อะไรนะ...ลูกจะบอกคุณหญิงสุดา เรื่องคุณสรวงจะแต่งงานกับนังกรรณนรี”
สุขหฤทัยยิ้มย่อง “ค่ะ”
“ก็ดี..บอกเลยลูก...เรื่องวุ่นๆ จะได้จบๆ ไม่งั้นปล่อยถึงวันแต่ง ตายแน่ๆ”
“ฤทัยจะบอกวันแต่งเลยต่างหาก ให้คุณหญิงมาอาละวาด สนุกดี”
สุขหฤทัยตาเขียวปั๊ด โกรธ และหมั่นไส้ที่ถูกกาวินทร์หยาม
เวลาต่อมา ภาพิศกำลังแต่งตัว แต่งหน้าสวย ดวงหน้าอิ่มเอิบ ส่วนที่โรงแรมจัดงานกาวินทร์กำลังคุมเกริกแต่งตัวหล่อ ชนิดหล่อที่สุดในชีวิต ท่าทางเกริกเขินๆ เก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคย
“พ่อแต่งอย่างนี้จะดีเหรอลูก”
“ดีสิครับพ่อ...นอกจากคุณสรวง วันนี้พ่อก็ต้องหล่อเหมือนกัน”
“แก้วก็หล่อ”
“ก็หล่อสิครับ งานแต่งน้องผมนี่”
สองคนพ่อลูกหัวเราะอย่างมีความสุข
ที่บ้านแฉล้มภาพิศเดินแต่งตัวสวยเจิด เดินออกมา แฉล้มกำลังหยอกเย้ากับลูกสาวภาพิศ
“โอ้โหคุณ..สวยจัง...อย่างนี้ค่อยสมหน่อยที่ลุกมาแต่งตัวตั้งแต่ตีสี่”
ภาพิศหัวเราะ “เว่อร์ตลอดเลยคุณ” เดินมาหาลูกอุ้ม “แม่ไปงานแต่งพี่กาวก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่มา....” หันมาพูดกับแฉล้ม “ฝากลูกด้วยนะคุณ”
แฉล้มอุ้มลูกของภาพิศไว้ ภาพิศเดินออกไป ก่อนจะหันหน้ามาถาม ท่าทางเศร้าสร้อย
“ถึงลูกจะไม่ยอมรับฉัน..แต่ฉันไม่ผิดใช่มั้ยคุณแฉล้มที่จะไปแสดงความยินดีกับลูก”
“ไม่ผิดหรอก...ไม่ว่ายังไง คุณก็คือแม่ของลูกอยู่ดี” แฉล้มยิ้มให้กำลังใจ
ภาพิศยิ้มขื่นเดินออกไป
ภายในห้องแต่งตัวเจ้าสาวที่โรงแรม ช่างแต่งหน้า และช่างผม กำลังเสริมสรวยให้กรรณนรี ซึ่งอยู่ชุดไทย สีเหลือบทองขับผิวสีขาวผ่องของกรรณนรี จ๋า มะยม และนิค มองกรรณนรีตะลึง
“สวยมากกกก วันนี้กาวสวยที่สุด”
นิคบอก “คุณสรวงเห็นต้องตะลึงแน่ๆ”
“นั่นน่ะสิ เพื่อนสวยมากก สวยจริงๆ สวยจนอยากเห็น เจ้าบ่าวจะหล่อขนาดไหนเนี่ย” มะยมแซว
“ว่าไง...อยากเห็นเจ้าบ่าวหรือเปล่ากาว” จ๋าถาม
กรรณนรีไม่ตอบแต่พยักหน้าอย่างอายๆ
สรวงอยู่ในชุดสูทเจ้าบ่าวหล่อเนี้ยบ อารักษ์ชมไม่ขาดปาก
“วันนี้ลูกพ่อหล่อมากๆ หล่อที่สุดเลย”
สรวงยิ้มแป้น “คุณพ่อก็หล่อครับ”
อารักษ์หัวเราะชอบใจ “หล่อยังไงก็ไม่เท่าเจ้าบ่าว...” เบาเสียงลง “แล้วแม่...ว่าอะไรหรือเปล่า”
สรวงหน้าเศร้าทันที “เมื่อเช้าก่อนออกมา แม่บอกให้พ่อมีความสุข....ผมสงสารแม่...ถ้าแม่รู้ความจริง ผมกลัวแม่จะโกรธ”
“ค่อยขอโทษแม่..แต่ถึงตอนนั้นลูกกับกาวก็เป็นสามีภรรยากันแล้วล่ะ พ่อไม่ห่วงอะไรแล้ว”
สรวงซาบซึ้ง “ขอบคุณครับพ่อ...ที่ทำเพื่อผม”
“ก็สรวงเป็นลูกพ่อนี่ลูก...พ่อรักสรวง”
อารักษ์กอดสรวง.. นพยืนมองอยู่บอกอย่างยินดี
“พี่ดีใจด้วยนะสรวง”
“ขอบคุณมากครับพี่นพ”
สรวงกอดนพขอบคุณ
สุขหฤทัยกับสมหญิงยืนมองอยู่ที่ด้านหลัง
ขณะที่สมหญิงกับสุขหฤทัยเดินออกมาด้วยกัน สุขหฤทัยยิ้มร้ายก่อนหยิบมือถือออกมา
ส่วนที่บ้านอริยวรรต สุดาในชุดทะมัดทะแมงเดินรดน้ำต้นไม้ท่าทางเบิกบานมีความสุข
มือถือดัง สุดารับสาย “ว่าไงจ๊ะฤทัย”
“วันนี้คุณหญิงแม่ไม่มางานเหรอคะ”
สุดายิ้ม “ไม่รู้จะไปดงคนบาปทำไม? สู้อยู่บ้านรดน้ำต้นไม้ยังดีซะกว่า”
“แต่คุณหญิงแม่ต้องมานะคะ”
สุดาชะงัก “ทำไมลูก”
“ก็คนที่จะแต่งงานกับยัยกรรณนรีคือสรวง ไม่ใช่คุณพ่อค่ะ”
“สรวงจะแต่งงานกับนังกรรณนรี”
สุดาตกใจแทบล้มทั้งยืน ดวงหน้าซีดเผือด แต่นัยน์ตาวาวโรจน์ มือที่จับมือถือเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน
ไฟมาร ตอนที่ 18 (ต่อ)
เกริก กาวินทร์ พากรรณนรีในชุดแต่งงานสวยงามเฉิดฉายเดินออกมา ในจังหวะที่ภาพิศเดินเข้ามา สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
“นุดี”
ภาพิศยิ้ม “วันนี้กาวสวยเหลือเกิน แม่มาแสดงความยินดีกับลูก นี่จ้ะกาว...ของขวัญ”
ภาพิศเปิดกล่อง หยิบสร้อยเพชรเลอค่ายื่นให้ กาวินทร์ และเกริก ยืนอึ้ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุด
ออกมาซักคำ เกริกตอบแทน
“ขอบใจมากนุดี...”
ภาพิศกลั้นน้ำตา “สมบัติชิ้นเดียวที่เป็นของแม่จริงๆ...แม่ขอสวมให้ลูกได้มั้ย”
กาวินทร์ กับกรรณนรีมองหน้ากันอึ้งๆ เกริกพยักหน้าให้กรรณนรี
“ให้แม่สวมให้ลูก”
กรรณนรีค่อยๆ หันหลังให้ ภาพิศสวมสร้อยให้น้ำตาไหลริน กรรณนรีน้ำตารื้นแต่ข่มไว้บอกเสียงแผ่วๆ
“ขอบคุณค่ะ”
กาวินทร์กับ เกริก พากรรณนรีเดินไป ภาพิศเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
“แม่เจ็บ...แม่ปวด ที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะแม่ของเจ้าสาว...แต่มันก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับที่ลูกรังเกียจ ลูกไม่ยอมรับว่าแม่คือแม่”
สามพ่อลูกหันมามอง ภาพิศฝืนยิ้มให้
“แต่ไม่เป็นไร แม่เข้าใจจ้ะ..แม่จะทำทุกอย่าง จนกว่าแก้ว กับกาวจะให้อภัย”
กาวินทร์และ กรรณนรีมองหน้าภาพิศ ดวงตาอ่อนลง ท่ามกลางภาวะอึดอัดมะยมวิ่งมา
มะยมยกมือไหว้ภาพิศ “กาว ท่านอารักษ์ให้มาตาม...ได้ฤกษ์แล้ว”
เกริก พา กาวินทร์ กับกรรณนรีเดินออกไปพร้อมมะยม ภาพิศยืนน้ำตาไหลยิ้มปลื้ม
บรรยากาศของงานแต่งงาน หรูหรา และอลังการ บุญยิ่งซึ่งวันนี้อยู่ที่ต่างประเทศโทร.มายินดีกับอารักษ์
“ดีใจด้วยว่ะที่สรวงแต่งงาน ทีแรกฉันตกใจหมด นึกว่าแกจะแต่งเองซะแล้ว”
อารักษ์ทำท่ากระซิบยิ้มๆ “ต้องสับขาหลอกกันนิดนึง บอกตามตรงว่ากลัวเมียว่ะ”
“ไม่เป็นไรมั้ง เนื้อแท้คุณหญิงสุดาก็เป็นคนดี อีกหน่อยเห็นหน้าหลานก็หายโกรธแล้ว” บุญยิ่งว่า
อารักษ์หัวเราะ “หวังว่าฉันจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนั้นนะ บอกตรงๆ กลัวว่ะ”
สองคนหัวเราะกันสนุกสนานไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง ขณะที่บุญยิ่งบอก
“ขอให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดีนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ติดต่อหาที่เรียนให้ภรตยังไม่เสร็จเลย”
“ไม่เป็นไร กลับมาเมื่อไหร่ค่อยฉลองกัน”
“โอเคๆ ฝากแสดงความยินดีกับสรวงด้วยแล้วกัน”
“โอเค...แล้วเจอกัน” อารักษ์บอก
อารักษ์กับบุญยิ่งวางสาย มาลินีเดินมาคนเดียว ท่าทางเด๋อๆ ด๋าๆ ตัดรับภาพ
อีกมุม สุขหฤทัยเดินมากับสมหญิง สุขหฤทัยเห็นมาลินีก็ชะงักคิดแค้นอยู่ในใจ
“นังมด! กะจะมาอ่อยแก้วล่ะสิแก”
สุขหฤทัยเดินตามมาลินีเข้าไป
มาลินีเดินอย่างหงอยๆ เข้าไปข้างในคนเดียว โดยไม่เห็นใครที่รู้จัก สุขหฤทัยตามมาเยาะเย้ย
“ถ้าฉันเป็นเธอฉันไม่มาหรอก”
มาลินีมองมาด้วยความสงสัย ฤทัยมองยิ้มเยาะ
“เพราะฉันคงทำใจไม่ได้...ที่ไม่มีคนสนใจ ขนาดแก้ว...ก็ยังไม่มาให้เธอเห็นหน้า”
มาลินีเชิดไม่ยอมแม้ในใจจะเจ็บปวดเพราะคิดว่ากาวินทร์รักสุขหฤทัย
“ดิฉันมาแสดงความยินดีกับกาว ไม่ได้มาหาพี่แก้ว”
สุขหฤทัยลากเสียงยาวกวน “อ๋อเหรออออ...งั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะงานวันนี้คงจะวุ่นวาย อย่าว่าแต่จะชายตามามอง ต่อให้เธอมายืนอยู่ตรงหน้า แก้วก็ไม่สนใจเธอ” เน้นคำมีเลศนัย “เพราะมีอะไรสนุกๆ รออยู่เยอะเลย”
สุขหฤทัยเดินเชิดไป มาลินีอึ้ง น้ำตาคลอพยายามกลั้นก้อนสะอื้นเดินไปต่อ
กรรณนรียืนตรวจดูความเรียบร้อยการแต่งตัว เสื้อผ้า หน้าผม อยู่กับกาวินทร์ โดยที่กาวินทร์มองน้องด้วยสายตาชื่นชม ในขณะที่มาลินีเดินเข้ามาหา
“พี่ดีใจด้วยนะกาว”
กรรณนรีหันมามองยิ้มแย้ม “พี่มด”
“วันนี้กาวสวยจัง..สวยมาก สมกับเป็นเจ้าสาว”
“เจ้าสาวก็ต้องสวยทุกคน”
มาลินีมองกาวินทร์ขณะพูดกับกรรณนรี “ใช่...เจ้าสาวสวยทุกคน แต่พี่คงไม่มีโอกาสได้เป็น”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะ คนดีๆ น่ารักอย่างพี่มด ต้องได้เป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว” กรรณนรีปลอบ
ช่างหน้าเดินมาหากาว “เติมหน้านิดนึงนะคะน้อง”
กรรณนรีเดินออกไปกับช่างหน้า มาลินีหันมามองกาวินทร์
“พี่แก้วไม่คิดจะคุยกับมดเรื่องแต่งงานเลยเหรอคะ”
กาวินทร์ทำหน้ารำคาญ “ทำไมต้องคุย”
มาลินีตกใจหน้าซีดเป็นกระดาษ “พี่แก้ว”
“เราโตๆ กันแล้วนะมด ถ้าเอาเรื่องแค่นั้นมาโยงถึงเรื่องแต่งงาน พี่ว่ามันไม่ใช่”
กาวินทร์เดินตามกรรณนรีไป มาลินีน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ สุขหฤทัยเดินเข้ามาเย้ย
“ได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ...แก้วไม่มีทางสนใจเธอ...ว่าแต่..เรื่องนั้น มันเรื่องไหนเหรอจ๊ะ”
มาลินีน้ำตาไหลเสียใจมากขึ้น สุขหฤทัยหัวเราะเยาะ
“โอ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งร้องไห้ ฉันไม่พูดก็ได้...ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน ว่าเรื่องนั้นมันเรื่องอะไร”
สุขหฤทัยเดินตามกาวินทร์เข้าไปจงใจเย้ย มาลินีร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว
ทางด้านสุดาขับรถมามือไม้สั่น เหงื่อแตกพลั่ก ดวงหน้าเครียด ถมึงทึง
“ฉันไม่ยอม ฉันไม่มีวันยอมให้สรวงแต่งงานกับแกเด็ดขาดนังกรรณนรี”
สุดาพยายามจะขับรถไปให้ถึงที่หมายไวๆ แต่การจราจรไม่เป็นใจ รถติดเหลือเกิน
“บ้าเอ๊ย! รถจะติดไปถึงชาติหน้ารึไงวะ”
บรรยากาศงานแต่งงานของกรรณนรีอลังการงานสร้างสมใจอารักษ์ ตามมุมต่างๆ ในห้องจัดงานเห็นแขกมากันครบครัน บ้างยืน บ้างคุยกันอยู่ ภาพิศ ยืนรอมองกรรณนรีใจเต้นระทึก
อีกมุมเป็น บุญยิ่ง ภรต มาลินี นพมองมาที่มะยมซึ่งยืนรวมกลุ่มกับจ๋า นิค และเพื่อนๆ สตาร์อินเทรนด์ คนของนายืนมองนพไม่วางตา
ภายในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง นานั่งเสริมสวยอยู่ เสียงโทรศัพท์ดัง นากดรับ
“ว่าไง” นิ่งฟังแล้วของขึ้น “นี่ผัวเฮงซวยของฉันมันยังไปตามนังเมียน้อยอยู่เหรอ? ดี...ฉันจะทำให้มันอับอายยิ่งกว่าเดิมนังมะยม”
นาตาเขียวปั๊ด แรงริษยาเต็มดวงตา
ภายในงาน อารักษ์นำสรวงเดินเข้ามาใบหน้าของสรวงตื่นเต้น ขณะที่เกริกนำทีมเจ้าสาวมา อารักษ์เอ่ยขึ้น
“ถึงเวลาแห่งความเป็นมงคลแล้ว...เชิญเจ้าสาวครับ”
เกริก กับกาวินทร์ พากรรณนรีเดินลงมาจากชั้นบน สรวงมองอย่างตื่นตะลึง กรรณนรีวันนี้ ยามนี้สวยมากมากกว่าวันไหนๆ
เช่นเดียวกันในสายตากรรณนรี สรวงก็หล่อเหลา งดงามมากมาย
สองคนสบตากัน ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข อบอุ่นหัวใจเหลือแสน
ขณะที่กรรณนรีค่อยๆ เดินลงมา และสรวงค่อยๆ เดินเข้าไปยื่นมือให้ มือของกรรณนรีจับมือของสรวงเดินลงมาแขกเหรื่อกิ๊วก๊าวกรี๊ดกร๊าด ภาพิศมองภาพตรงหน้าน้ำตารื้น อิ่มเอมมีความสุข ถึงแม้กรรณนรีจะไม่เห็นว่าตนเป็นแม่ก็ตาม
สุขหฤทัยมองที่บ่าวสาว ด้วยดวงตาเย้ยหยัน ยิ้มเยาะอยู่ในสีหน้า
ด้านสุดาขับรถมาถึง จอดหน้าโรงแรมโดยไม่แคร์ใครเลย เดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว ตะโกนก้องอยู่ในใจ
“ฉันไม่มีวันยอมให้แกแต่งงานกับลูกชายฉันเด็ดขาด นังกรรณนรี”
สุดาเดินก้าวเร็วๆ เข้าไปด้านใน หน้าตาถมึงทึง ไฟแค้น ไฟริษยาคุโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ที่ด้านในตรงมุมพิธี เกริก กับอารักษ์ นั่งเป็นผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ภาพิศอยู่วงนอกเป็นแขกเหมือนคนอื่นๆ แต่กระนั้นสายตาที่มองกรรณนรีก็มีแต่ความชื่นชมยินดี
สรวงมองกรรณนรีสายตาซึ้ง กรรณนรีก็มองสรวง สรวงสวมแหวนให้กรรณนรี ก่อนที่กรรณนรีจะสวมแหวนให้สรวง สองคนแลกแหวนกันและกัน กองเชียร์ ส่งเสียงเชียร์สนั่น
“เจ้าบ่าวหอมเจ้าสาวหน่อย” จ๋านำร่อง
“เจ้าสาวหอมเจ้าบ่าวด้วย” มะยมตาม
“เจ้าบ่าว เจ้าสาวหอมเร็วครับ หอม” นิคเอาด้วย
สรวงมองหน้ากรรณนรี ก่อนที่จะบรรจงหอมที่แก้วแผ่วเบา นิ่งและนาน แต่ละ
คนส่งเสียงกิ๊วก๊าว
“พอแล้ว แก้มเจ้าสาวช้ำแล้ว...” จ๋าตะโกน
มะยมเชียร์ “เจ้าสาวหอมเจ้าบ่าวมั่งดีกว่า เจ้าสาวหอมเจ้าบ่าวเร็ว”
ทุกคนส่งเสียงเชียร์ กรรณนรีมองหน้าสรวงก่อนยื่นหน้ามาหอมแก้มสรวงอย่างแผ่วเบา และรีบ
ถอนหน้าออก กองเชียร์ทุกคนเซ็ง ร้องบอก
“ไม่เอา....เจ้าบ่าวหอมเจ้าสาวน้านนาน เจ้าสาวหอมเจ้าบ่าวนิดเดียวเอง เอาใหม่ๆ”
ทุกคนเฮลั่น “เอาใหม่ๆๆๆ”
สรวงหันมาถามทุกคน “เอาใหม่?” บอกกับกรรณนรียิ้มตาหยี “เค้าให้หอมใหม่”
“คุณสรวง”
“เค้าอุตส่าห์มาเป็นเกียรติให้เรา ทำตามใจแขกหน่อยเถอะคุณ..นะ”
สรวงยื่นแก้มให้กาวอีก....ทุกคนเชียร์ลั่นๆ “หอมๆๆ” กรรณนรียิ้มเขิน ค่อยๆ หอมแก้มสรวง
คราวนี้นานกว่าเดิม ทุกคนเฮ สรวงมองกรรรณนรี ยิ้มบอกอย่างเต็มตื้นในใจ
“ผมรักคุณ…”
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
สรวงยื่นหน้ามาประทับจูบที่หน้าผากของกรรณนรีอย่างแผ่วเบาละมุนละไม นิ่งนาน
“มีความสุขมากๆ นะลูก” อารักษ์บอก
“หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน” เกริกอวยพร
“ค่ะ” / “ครับ” สองคนรับคำ
“ผมสัญญาครับว่าจะรักและดูแลกาวให้ดีที่สุด สมกับที่คุณพ่อยกกาวให้เป็นเจ้าสาวของผม”
“ขอบคุณมากนะคุณเกริก ขอบคุณจริงๆ ที่ไว้ใจยกหนูกาวให้สรวงดูแล”
เกริกยิ้มรับ ภาพิศหน้าสลด น้ำตาซึม ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูด ทุกคนยิ้มแย้มยินดี
สุขหฤทัยวิ่งกระวนกระวายคิดในใจ
“ทำไมป่านนี้คุณหญิงแม่ยังไม่มาอีก”
ระหว่างนั้นสุดาวิ่งเข้ามาถึงชั้นจัดงานแล้ว เห็นแผ่นป้ายบอกอย่างชัดเจนว่า พิธีมงคลสมรส สรวง - กรรณนรี พร้อมทั้งบอกห้องและชั้น สุดาตาวาวโรจน์ รีบวิ่งไป
สรวงกับกรรณนรียิ้มแย้มอย่างมีความสุข อารักษ์บอก
“คราวนี้ก็ถึงเวลาจดทะเบียนสมรส”
สองคนสบตายิ้มให้กัน
ขณะที่มือของสรวงจับปากกากำลังจะเซ็น สุดาวิ่งเข้ามาตะโกนเหมือนคนจะขาดใจตาย
“อย่าตาสรวง”
ทุกคนหันไปมอง เห็นสุดาถือปืนในมือ ไม่ได้เล็งคนอื่น แต่เล็งที่ตัวเอง
“เอาสิ..ถ้าสรวงรักมัน อยากแต่งงานกับมัน ก็แลกกับชีวิตของแม่”
สรวงตะลึง “คุณแม่”
อารักษ์ช็อก “คุณหญิง”
สุดาร้องไห้คร่ำครวญ “เอาสิสรวง เอาเลย ถ้าอยากเห็นแม่ขาดใจตายอยู่ตรงนี้ สรวงก็จด
ทะเบียนกับมันเลย ทำให้แม่ขาดใจตายอยู่ตรงนี้เลย”
ภาพิศตะโกนก้อง “หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะคุณหญิง”
สุดาเหลียบขวับ ตกใจสุดขีด “นังภาพิศ.....นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอ”
“ใช่...และฉันจะไม่ยอมให้แกทำอะไรลูกฉันเป็นอันขาด”
“ก็เข้ามาสิ รับรองวันนี้แกได้ตายจริงๆ แน่” สุดาคำราม
ภาพิศจะเข้าไป เกริกตะโกนห้าม
“นุดี อย่า”
สุดายกมืออีกข้างขึ้น คราวนี้เห็นมือทั้งสองถือปืนข้างละกระบอก สุดายกปืนขู่ทุกคน สรวงใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“วางปืนนะครับคุณแม่...วางปืนลง”
“ไม่....สรวงต้องบอกก่อนว่าจะไม่แต่งงานกับมัน”
สรวงอ้ำอึ้ง ร้าวรานหัวใจอย่างที่สุด สุดาโมโห เห็นแหวนในมือของกรรณนรี โกรธ
“นั่นมันแหวนของฉัน” หันมาเรียกสุขหฤทัย “ฤทัย”
สุขหฤทัยแสร้งตกใจ “ขา..คุณหญิงแม่”
“เอาแหวนของแม่มา”
“ได้ค่ะ”
สุขหฤทัยปราดเข้าไปหากรรณนรี ทุกคนจะขยับ สุดายกปืนขู่
“หยุด ไม่งั้นฉันยิงหัวสมองนังกรรณรีก่อนคนอื่นเลยคอยดู”
ดวงตาสุดากร้าว เอาจริง ทุกคนหยุดกึก สุขหฤทัยเข้าไปดึงแหวนจากมือของกรรณนรี
“เอามานี่” ดึงใหญ่
กรรณนรีร้องไห้ “อย่า แหวนของฉัน”
“ของคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยพยายามจะรูดออก
“อย่า”
กรรณนรีร้องเสียงดัง สุขหฤทัยรูดแหวนออกมาได้สำเร็จ แต่แหวนหล่นกลิ้งไปตามพื้น กรรณนรีร้องไห้ ผลักสุขหฤทัยจนล้มคะมำ และจะตามไปเก็บแหวน
แหวนกลิ้งหยุดนิ่งที่พื้น กรรณนรีตามแต่เกิดสะดุดหกล้ม แต่ก็ยังยื่นมือมาคว้าแหวนไว้ได้ จังหวะนั้นเท้าของสุดาเหยียบลงที่มือของกรรณนรีอย่างแรง พร้อมทั้งขยี้แรงลงไป
“โอ๊ยยยย”
กรรณนรีร้องลั่นเจ็บปวดมาก แล้วเอาอีกมือมาดันเท้าสุดาออก แต่ถูกสุดายกเท้าอีกข้างมาเหยียบที่ต้นแขนของกรรณนรี แล้วกดน้ำหนักลงสุดแรง ภาพิศ เกริก และสรวง ใจจะขาด ร้องพร้อมกัน
สามคน
“กาว”
ภาพิศร้องไห้ใจจะขาดรอนๆ สรวงสะเทือนใจมาก
สุดาบดขยี้เท้า กดน้ำหนักลงมือของกรรณนรี พูดแทบเป็นคำราม
“เอาแหวนฉันคืนมา”
กรรณนรีร้องไห้แต่ไม่ยอมปล่อย สรวงทนไม่ไหวกระโจนมากระชากร่างของกรรณนรีออก แหวนกลิ้งหล่นลงพื้นอีก
สุดาโกรธสุดขีด ยิงเปรี้ยงที่พื้นข้างสรวงกะขู่ ทุกคนร้องกรี๊ดตกใจ
สรวงกับอารักษ์ประสานเสียง “คุณแม่” / “คุณหญิง”
สุดาร้องไห้ออกมา “สรวง”
สุดามองภาพที่สรวงกอดกรรณนรี ใจจะขาดรอนๆ เจ็บปวดรวดร้าว ยกปืนเล็งไปที่กรรณนรี
สรวงอ้อนวอน “ถ้าคุณแม่จะฆ่ากาว ฆ่าผมด้วยนะครับ เพราะผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าคุณแม่จะกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนที่ผมรัก”
สุดาร้องไห้โฮ “สรวง” มือที่ถือปืนสั่นระริก “ได้...ถ้าสรวงรักมัน เลือกมันแม่ก็จะไป”
สุดาโกรธจัด ปาปืนใส่สรวงกับกรรณนรี วิ่งร้องไห้ออกไปทันที สรวงกับอารักษ์ร้องเรียก
“คุณแม่” / “คุณหญิง”
ภาพิศวิ่งตามสุดาไป ตามด้วยสรวงและอารักษ์ นพกับนิครีบเก็บปืน
ท่ามกลางความตะลึงตื่นเต้นตกใจของทุกคน เกริก กาวินทร์ เข้าประคองกอดกรรณนรีที่ร้องไห้อยู่
“คุณสรวง...คุณสรวง”
กรรณนรีร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง และจะตามไป แต่เป็นลมหมดสติอยู่ตรงนั้น
“พากาวมาทางนี้เร็วค่ะ”
จ๋าบอก แก้วรีบอุ้มกรรณนรีตามจ๋าออกไป เกริก และมาลินี วิ่งตาม นิคกับมะยม สีหน้าตื่นตระหนก ตกใจ จะตามไป แต่เห็นสุขหฤทัยคว้าแหวนมาเก็บไว้ มะยมนึกโมโห
“คุณ”
“ทำไม? ฉันเก็บแหวนไว้ให้คุณหญิงแม่ เธอจะทำไม”
สุขหฤทัยเชิดใส่มะยมกับนิค
ระหว่างนั้นสายตาทุกคนมีแต่ความสับสน ระทึกขวัญ และตื่นตกใจไปตามๆ กัน
กาวินทร์อุ้มกรรณนรีวางลงบนเตียงในห้องพักของโรงแรม สีหน้าแต่ละคน หวั่นวิตก ขวัญเสียกันไปกันหมด จ๋ารีบบอก
“ทางโรงแรมตามหมอให้แล้วค่ะ”
“โธ่เอ๊ยกาว”
เกริกคราง ลูบหน้าลูบตากรรณนรีสงสารจับใจ กาวินทร์คำรามออกมาอย่างโกรธจัด
“ผมอยากจะฆ่าคุณหญิงสุดา”
ด้านสุดาเสียใจมากกับคำพูดของสรวงวิ่งหนีขึ้นไปบนดาดฟ้า ภาพิศวิ่งตามขึ้นไปจนทัน บอกน้ำเสียงดุดัน
“โดดลงไปเลยนังสุดา โดดไปเลย”
“นังภาพิศ”
“ไม่ต้องพูดมาก คนอย่างแก อยู่ไปก็รกโลก โดดลงไปตายเลย ไป”
สุดาฉุน “แก”
“ไม่โดดใช่มั้ย”
ภาพิศบ้าเลือดแล้ว ทิ้งกระเป๋าถือ พุ่งเข้าหาสุดา สุดาไม่ทันตั้งตัว และไม่คิดว่าภาพิศจะบ้าระห่ำจึงตื่นตระหนก ภาพิศตรงเข้ามาผลักสุดา
“อยากตายนัก แกโดดลงไปเลย”
“ไม่...ม่ายยย” สุดาร้องสุดเสียง “ปล่อยฉัน”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา อารักษ์ กับสรวงวิ่งขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ภา
พิศผลักสุดาเต็มแรง ร่างของสุดาเสียหลักลอยละลิ่วลงไปยังพื้นเบื้องล่าง สรวงตกใจร้องเสียงหลง
“คุณแม่.....”
อารักษ์ช็อก “คุณหญิง”
ภาพิศหน้าซีด รีบคว้ากระเป๋าถือวิ่งหนีไปอย่างลนลาน
สรวงวิ่งไปชะโงกหน้ามองลงไปยังพื้นล่าง ร้องไห้โฮ
กรรณนรียังคงนอนนิ่ง เสียงเอะอะโวยวายตื่นตกใจดังเข้ามา มาลินีถามเสียงสั่น
“ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกมั้ยคะ”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้ค่ะ”
จ๋ารีบออกไป เกริก กับกาวินทร์บีบมือกรรณนรี เกริกน้ำตาคลอ ร้องไห้ออกมา
เกริกจับมือกรรณนรีที่ถูกสุดาเหยียบจนบวมช้ำลูบเบาๆ
“อย่าเป็นอะไรนะลูก กาว”
ภาพิศวิ่งหนีออกจากโรงแรมอย่างเร็วรี่ สีหน้าตื่นตระหนก และหวั่นกลัว เห็นผู้คนเดินวิ่งกันอลหม่าน ยินเสียงตะโกนลั่น
“คนตกตึกๆๆ”
ภาพิศรีบโบกแท็กซี่หนีไปอย่างรวดเร็ว ยินเสียงไซเรนจากรถพยาบาลดังเข้ามา
ไม่นานต่อมาเจ้าหน้าที่ช่วยกันหามร่างของสุดาที่มีเลือดไหลไม่หยุดขึ้นเปล เข็นขึ้นรถพยาบาลรวดเร็ว
สรวงร้องไห้ อารักษ์แสนเสียใจรีบขึ้นรถ ก่อนที่รถจะวิ่งออกไปรวดเร็ว จ๋ามองภาพตรงหน้าอย่างสลดหดหู่ใจ
กรรณนรีค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา ทุกคนต่างดีใจ
“กาว..กาวเป็นยังไงบ้างลูก”
ทันทีที่ตั้งสติได้ กรรณนรีก็ถามอย่างร้อนรน “คุณสรวง..ละค่ะคุณสรวงอยู่ไหน”
จ๋าเปิดประตูเข้ามาหน้าตาสลดหดหู่
“ข้างนอกมีอะไรครับพี่จ๋า” กาวินทร์ถาม
“คุณภาพิศ ผลักคุณหญิงตกตึกค่ะ” จ๋าบอก
เกริกตกใจมาก “นุดี”
กาวินทร์กับกรรณนรีหน้าซีดเผือด “แม่”
ทุกคนหน้าซีดตกใจตามๆ กัน
ด้านภาพิศนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนรถแท็กซี่ ร่ำร้องในใจ
“ฉันไม่ผิด นังสุดามันอยากตายเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ภาพิศถึงจะแย้งแต่ลึกๆ ก็รู้อยู่ดี หยิบมือถือออกมา
แฉล้มเลี้ยงลูกภาพิศอยู่ รับโทรศัพท์ถาม
“เป็นยังไงบ้างคุณ เจ้าบ่าวเจ้าสาวหล่อสวยสมใจมั้ย”
ภาพิศไม่ได้ตอบ สวนคำออกมา “ฉันฝากลูกด้วยนะ”
“คุณจะไปไหน” แฉล้มงง
“ยังไม่รู้...แต่ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้”
แฉล้มสงสัยหนัก “ทำไม”
ภาพิศเอามือป้องปากไม่ให้แท๊กซี่ได้ยิน “ฉันผลักนังสุดาตกลงมาจากดาดฟ้า”
“คุณ...”
แฉล้มตกใจหน้าซีดเป็นกระดาษ ภาพิศวางสายไป คิดอยู่ในใจ
“เย็นไว้...ภาพิศ เธอไม่ผิด นังสุดามันสมควรตาย”
ส่วนที่ด้านนอกโรงแรม นาเดินเข้ามาสภาพหน้าตาถมึงทึงเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
ขณะที่ทุกคนยังหน้าซีด ตกใจกันอยู่เหตุการณ์ร้ายเมื่อครู่
“ทำไมถึงได้เกิดเรื่องขนาดนี้” จ๋า
สุขหฤทัยซีดหนักกว่าทุกคน รู้สึกผิดอยู่ในที มองไปทางสมหญิง
“คุณหญิงแม่ขา...ฤทัยจะเป็นลม..กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ”
“จ้ะ”
สองแม่ลูกเดินลงบันไดไปอย่างเร็วรี่ สวนกับนาที่เดินหน้ายักษ์เข้ามา มะยมยังไม่เห็นบอกคนอื่นๆ
“ไปหากาวกันเถอะ”
นิคเดินนำไป มะยมกับนพตามหลัง เสียงนาตวาดแหวขึ้นมา
“แกยังไปไหนไม่ได้นังมะยม”
ทุกคนเหลียวขวับ ไปมอง นพตกใจ
“คุณ”
นาเดินขึ้นไปเผชิญหน้ามะยมกับนพ จ้องหน้ามะยมด่า
“ขนาดฉันด่าแกก็แล้ว แกยังกล้าไปไหนมาไหนกับผัวฉันอีก หน้าด้าน”
นาตบมะยมดังฉาด ทุกคนตกใจ นพประคองมะยม
“ถ้าคุณทำอะไรมะยมแม้แต่ปลายนิ้ว เราจะได้เห็นดีกัน” นพกร้าว
นาโกรธมาก “นี่แกปกป้องนังเมียน้อยเหรอ? ได้..ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าแกจะทำอะไรฉันได้”
นาปราดเข้ามากระชากมะยม นพดึงตัวมะยมหนี มะยมร้องออกมาด้วยความเจ็บ นพโกรธ
“อย่านะคุณ อย่า”
นพผลักนาเต็มแรง นิค รีบมาฉุดมะยมออก นาบ้าเลือด
“ไอ้นพ” นาโผนทะยานตามมากระชากมะยม “นังเมียน้อยมานี่”
นาตามมากระชากร่างของมะยมออกมาจากนิค แล้วตบเต็มหน้า ร่าง
มะยมเซถลา นาไม่สะใจ ตามมากระชากและผลักมะยมเต็มแรง
มะยมกรีดร้องสุดเสียง ขณะที่ร่างกลิ้งลงตกบันไดไปมะยมหมดสติในทันที ทุกคนร้องตกใจ
“มะยม”
นพกับนิคกระโจนลงไปหามะยมแทบจะพร้อมกัน นิคปัดมือนพออก
“อย่ามายุ่งกับมะยม”
นิคก้มลงอุ้มร่างหมดสติของมะยมขึ้นมารีบออกไป นามองอย่างสะใจ
นพจ้องมองนาอย่างเกลียดชัง “ถ้ามะยมเป็นอะไรไป ผมจะเอาคุณเข้าคุก”
ขาดคำนพวิ่งตามนิคออกไป หน้าตาเย้ยหยันเมื่อครู่ของนาซีดลงด้วยความเสียใจ
“นี่คุณรักมันมากกว่าฉันจริงๆ เหรอคุณนพ..ฉันไม่ยอมๆ”
นาได้แต่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ท่ามกลางไทยมุงที่มองมาอย่างระทึกใจ
ที่โรงพยาบาล สุดาถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว สรวงร้องไห้ น้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร อารักษ์กอดสรวงเอาไว้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่สรวงโตเป็นหนุ่มที่อารักษ์กอดสรวงแน่นขนาดนี้
ที่ด้านหลัง เกริก กาวินทร์ พากรรณนรีที่ร้องไห้ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามา สรวงไม่ทันเห็นสามคน บอกกับอารักษ์เสียงสั่น
“ถ้าผมรู้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ ผมจะไม่แต่งงานอย่างเด็ดขาด”
กรรณนรีได้ยินสุดแสนจะสะเทือนใจ แก้วกับเกริกบีบมือกาวแน่น ขณะที่อารักษ์ว่า
“พ่อก็ไม่นึกจริงๆ สรวง...ไม่งั้น..พ่อจะไม่ให้สรวงแต่งงานกับกรรณนรีเด็ดขาด”
กรรณนรียิ่งเสียใจหนัก เกริกเองก็เสียใจ แต่วูบหนึ่งรู้สึกโกรธที่เหมือน 2 คน เห็นกรรณนรีไม่มีค่า
เกริกพูดด้วยท่าทีหยิ่งทะนง “ผมขอโทษ”
อารักษ์กับสรวงหันมามองอย่างตกใจ ขณะที่เกริกพูดต่อ
“นุดีผิด ผิดมากที่ทำอย่างนั้น คุณสองคนจะแจ้งความเอานุดีเข้าคุกก็ได้...แต่สำหรับกาว...กาวไม่เกี่ยว กาวเองก็รู้สึกผิด รู้สึกแย่ไม่แพ้คุณ ถ้าคุณสองคนไม่ต้องการกาว ผมขอลูกสาวผมคืน”
กรรณนรีทั้งเสียใจและตกใจ “พ่อ”
“กาว...หยุดร้องไห้ ได้ยินไม่ใช่เหรอ?ว่าเค้าดูถูกไม่ต้องการแก” กาวินทร์ดุน้องสาว
สรวงรีบบอก “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
“แต่คุณก็เป็นคนพูดออกมาเอง ถ้าเลือกได้จะไม่แต่งงาน...” เกริกว่า
“ผมเสียใจที่พ่ออุตส่าห์ยกกาวให้คุณ กาวเองก็พยายามฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับคุณ...แต่คุณก็เลือก...เลือกที่จะทำร้ายหัวใจกาวผมผิดหวังในตัวคุณจริงๆ คุณสรวง” กาวินทร์ตัดพ้อต่อว่า
“กลับกาว” ดันตัวกรรณนรีพากลับ
กรรณนรีขืนตัวไว้ “พ่อ”
กาวินทร์มาช่วยพ่อดันตัวกรรณนรี “กลับ”
เกริกกับกาวินทร์ลากตัวกรรณนรีออกไป สรวงจะตาม
“กรรณรี”
อารักษ์หน้าขรึมดึงมือสรวงไว้ “อย่าสรวง...” สรวงชะงักอารักษ์ว่าต่อ “พูดไปตอนนี้ก็ไม่มี
ประโยชน์ ทุกคนต่างร้อนเป็นไฟ..ไม่มีใครฟังใครหรอก”
สรวงได้แต่มองตามตาละห้อยด้วยความเสียใจ
โปรดติดตาม "ไฟมาร" ตอนที่ 19