xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 7

ดุจแพรโกรธมากๆกับคำพูดของเขาจนหน้าแทบจะแดงก่ำเอาเรื่อง

“นี่...ให้ผมอยู่แบบนี้นานๆเดี๋ยวผมเป็นหวัดขึ้นมา ผมจะจามใส่หน้าให้คุณติดหวัดผม เลย...คุณหนู”
ดุจแพรเปิดประตูออกมาปั้นหน้าตึง ปั้นปึ่งสุดฤทธิ์ จ้องเขาเขม็ง มือกำหมัดแน่น หยกยิ้มให้เลยโดนเธอชก เข้าดั้งจมูกทันที...โครม หยกหน้าหงาย
“ถ้านายยังมาว่าฉันแบบเมื่อกี้อีกล่ะก็...ฉันเอานายตายแน่”
ดุจแพรเอาเสื้อผ้าหยกมาโยนใส่หน้าแล้วปิดประตู ปัง! หยกจับดั้งจมูกตัวเองมีเลือดกำเดาไหลออกมาด้วยเพราะแรงชก หยกร้องซี้ดเจ็บ
“หมัดหนักชะมัด…ยัยคุณหนูตัวแสบ”

กิ่งเหมยเดินไปเดินมาอยู่แถวตรอกศาลเจ้า ชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่หยกจะมาคำพูดของเขาดังก้องในหัว
“เดี๋ยวนี้ตกกลางคืนทีไร สายตาเธอมองไม่ชัดทุกที ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาพาเธอไปหาหมอ”
“ไม่ต้องหรอก...ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
กิ่งเหมยเริ่มกังวลถึงอาการทางสายตาตัวเอง ระหว่างนั้นสลึงกับอ่างขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา เลยจอดคุย
“มา...มา...มาทำอะไร...แถว...แถวนี้ล่ะ...กิ่ง...กิ่งเหมย”
“มารอ...” หญิงสาวนิ่งไป “เอ่อ...รอเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างจ้ะ”
“จะไปไหนล่ะ...เดี๋ยวน้าไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะน้า”
“ไอ้อ่าง...เอ็งลงจากรถแล้วเดินกลับร้านไป ข้าจะไปส่งหลาน”
“อ้าว...แล้ว...แล้ว...ทำไม...เอ็ง...เอ็งไม่...เดิน...เดินกลับ...เอง...เองวะ”
“ก็เอ็งติดอ่าง กว่าจะขี่มอไซค์ไปส่งหลานถึงที่ ชักช้า เสียเวลา...ข้าไปเร็วกว่า”
“เออ...เออ...จะ...จะ...จริง” อ่างนึกได้ “เย้ย !! กะ...กะ...เกี่ยว...อะไร...วะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะน้า ฉันไปธุระนาน ฉันไปเองดีกว่า...ฉันไปนะ”
กิ่งเหมยรีบเดินออกไปทิ้งสองน้าให้ยืนงงๆ

ตงหงุดหงิดที่โทรศัพท์ติดต่อลูกสาวไม่ได้ ป้าจั่นพยายามถามอย่างเป็นห่วง
“ยังติดต่อคุณหนูไม่ได้อีกเหรอคะเสี่ย”
ตงหันมาตาขวางใส่
“ก็เพราะป้านั่นแหละ คุยกับยัยดุจยังไงถึงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง”
“ป้าขอโทษค่ะเสี่ย...ป้าพยายามจะถามแล้ว แต่คุณหนูไม่ยอมบอกอะไรเลย”
“ก็เพราะตามใจกันจนเคยตัวไง”
ป้าจั่นหน้าเสียจะร้องไห้
“ป้า...ป้าขอโทษค่ะ”
ตงดุ
“จะร้องไห้ทำไม ฉันยิ่งเป็นห่วงลูกอยู่”
ป้าจั่นพยายามกลั้นสะอื้น ระหว่างนั้นเก่งพากิจชัยเข้ามา
“นายครับ”
“อะไร...เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์คุย”
“ผมไม่ได้มาเรื่องอื่นครับเสี่ย ผมมาเรื่องคุณหนูดุจแพร”
ตงมองกิจชัยอย่างสงสัยทันที

หยกใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและยืนรออยู่ที่ห้องโถง ดุจแพรเดินออกมาเห็นหยกยังอยู่
“ยังอยู่ที่นี่อีกทำไมล่ะ”
“ก็อยู่รอขอบคุณคุณหนูน่ะสิครับ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก นายเคยช่วยฉันไว้ พอมีโอกาสฉันก็อยากตอบแทนบ้าง เราจะได้ไม่ต้องมีหนี้ติดค้างอะไรกัน”
“แต่คุณหนูเก่งมากนะครับ ทั้งๆที่ไปมือเปล่าแต่ยังกล้ากับไอ้พวกนั้น”
“บางทีที่ฉันไม่กลัวใคร อาจจะเป็นเพราะป๋าคอยสอนฉันมาตลอดก็ได้”
“แล้วแม่คุณหนูล่ะครับ...อยู่ที่ไหน”
ดุจแพรนิ่ง แล้วเดินไปยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร...แม่เสียตั้งแต่ฉันยังจำความไม่ได้ ป๋าเลยเลี้ยงฉันมาอย่างตามใจทุกอย่าง แค่ฉันเอ่ยปากว่าอยากได้อะไร ป๋าก็ต้องหามาให้ได้ แต่มีอย่างเดียวที่ป๋าให้ฉันไม่ได้”
ดุจแพรพูดไปก็น้ำตาซึมๆ หยกเข้าไปจับบ่าบีบเบาๆอย่างปลอบใจ
“อ้อมกอดที่คุณอยากได้จากแม่”
ดุจแพรชะงักหันกลับมามองเขาอย่างสงสัยที่รู้ใจเธอ
“เธอรู้ได้ยังไงน่ะหยก”
หยกยิ้ม
“คุณหนูกับผมโหยหาสิ่งเดียวกันอยู่น่ะสิครับ”

ดุจแพรชะงักมองหยก อย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเหมือนกับเธอ

ตงยืนรออยู่ที่ห้องโถงกับกิจชัย

“เชื่อผมเถอะครับเสี่ย ไอ้หยกมันอยู่กับคุณหนูแน่นอน มันบอกผมทางโทรศัพท์แต่พอผม จะถามว่ามันอยู่ไหน มันก็ตัดสายผมไปเลย”
ตงหน้านิ่งฟังอยู่ครู่เก่งก็เดินเข้ามารายงาน
“เสี่ยครับ...ยามที่นี่บอกว่าเห็นไอ้หยกกับคุณหนูมาที่นี่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ครับ”
กิจชัยใส่ทันที
“นั่นไง...เห็นมั้ยครับเสี่ย ไอ้หยกมันคิดไม่ซื่อกับคุณหนูจริงๆ”
ตงหันขวับมาบีบปากกิจชัยให้หุบปาก
“หุบปากแกได้แล้ว แล้วก็ไสหัวไปให้พ้น”
กิจชัยจ๋อย
“ผมขอโทษครับเสี่ย แต่ผมเป็นคนพาไอ้หยกมาให้เสี่ยรู้จัก ผมอยากจะสั่งสอนมันให้เสี่ย”
“แกไม่ต้อง...ฉันเอง”
ตงผลักกิจชัยให้ไสหัวไปไกลๆ แล้วเดินตรงเข้าไปข้างในพร้อมเก่งกับลูกน้อง กิจชัยมองตามแล้วแอบยิ้มเยาะชอบใจที่ได้เล่นงานหยก
“ไอ้หยก อยากข้ามหน้าข้ามตากูนัก...โดนซะบ้างเถอะมึง...หึๆ”

ดุจแพรมองหยกอย่างคิดไม่ถึง
“เธอก็กำพร้าแม่เหมือนกันเหรอหยก”
“ผมมีนัดต้องรีบไป...ขอบคุณคุณหนูมากนะครับ
หยกไม่พูดอะไรมากกว่านั้นจะเดินไปที่ประตูแต่ยังไม่ทันเปิดประตู เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ดุจ...นี่ป๋าเองนะ...เปิดประตูให้ป๋าหน่อยสิลูก”
ทั้งดุจแพรและหยกพากันชะงัก ดุจแพรแปลกใจ
“ป๋ารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
หยกครุ่นคิดสังหรณ์ใจไม่ดี รีบห้ามดุจแพรก่อนที่จะเปิดประตู
“คุณหนูครับ...จะให้เสี่ยเห็นผมอยู่กับคุณหนูตามลำพังแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ”
“ถ้าเสี่ยรู้ว่าเมื่อคืนนี้คุณหนูพยายามจะตามสืบเสี่ย เสี่ยคงเสียใจ แต่ก็คงไม่เท่ากับเห็น คุณหนูอยู่กับผมตามลำพังที่นี่ทั้งคืน”
ดุจแพรฟังหยกแล้วนิ่งคิด

ดุจแพรเดินมาเปิดประตูให้พ่อที่รออยู่หน้าห้องพร้อมลูกน้อง
“ทำไมมาเปิดประตูให้ป๋านานนักล่ะ”
ดุจแพรไม่ทันตอบ ตงก็เดินรุกเข้ามาในห้อง พร้อมกับลูกน้อง ทุกคนกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง
“ป๋ารู้ได้ยังไงคะว่าดุจอยู่ที่นี่”
“เรื่องที่ดุจโทรไปโกหกป้าจั่น เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
ตงพยักหน้าให้พวกลูกน้องค้นห้อง ดุจแพรรีบห้าม
“นี่ป๋าจะทำอะไร...บอกให้ลูกน้องหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“มีคนเห็นไอ้หยกอยู่กับลูกสาวป๋าทั้งคืนที่นี่”
ดุจแพรชะงัก เก่งกำลังจะเดินไปดูที่ห้องนอน
“ใช่...ดุจพานายหยกมาที่นี่จริงๆ แต่เขากลับไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว” ดุจแพรรีบอธิบายขัดทันที
เก่งที่กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปดู หยุดชะงักหันมามองตงรอคำสั่ง
“ไอ้หยกมันไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาอยู่กันตามลำพังกับดุจที่นี่”
“เมื่อคืนนี้ดุจไปเที่ยวกับเพื่อน แต่เกิดเรื่องขึ้น ถ้านายหยกไม่มาช่วยไว้ดุจก็คงโดนทำร้าย ไปแล้ว”
“มีเรื่องเหรอ”
“ค่ะป๋า ดุจเห็นเขาบาดเจ็บก็เลยพามาทำแผลให้แล้วก็ให้เขาก็กลับไป”
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงป๋า”
“เรื่องแบบนี้ถ้าบอกไป ป๋าก็ต้องเป็นห่วงแล้วทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ”
ตงนิ่งไปแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องไม่ต้องหาตัวหยก เก่งถอยออกมาจากประตู
“เรานี่นะ...ต่อไปนี้มีอะไรให้พูดกับป๋าตรงๆ อย่าปิดบังป๋า เพราะจะยิ่งทำให้ป๋าห่วง”
“ค่ะป๋า...ต่อไปนี้ดุจจะไม่ทำอะไรให้ป๋าต้องเป็นห่วง เพราะดุจรู้แล้วว่าป๋าของดุจน่ะเป็น ผู้ชายที่ดีแสนดีที่สุดในโลก”
ดุจแพรเข้าไปกอดเอวเอาใจ ตงสงสัย
“ชมป๋าแบบนี้...มันชักยังไงๆนะ”
“ดุจชมจริงๆนะ เพราะนายหยกเล่าให้ดุจฟังว่าป๋าน่ะให้โอกาสคนที่เคยติดคุกมาทำงาน กับป๋า แล้วแบบนี้ป๋าจะไม่เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีได้ยังไง ไปกันเถอะค่ะ ดุจหิวแล้ว”
ดุจแพรควงแขนพ่อพาออกไปจากห้อง

ลูกน้องขับรถมาจอดรอรับที่หน้าคอนโด ตงโอบไหล่ลูกสาวเข้าไปนั่งในรถโดยมีเก่งเปิดประตูให้ ตงหันมามองหน้าเก่งแล้วพยักหน้าให้เป็นคำสั่งที่เก่งเข้าใจ เก่งปิดประตูรถให้แล้วยืนอยู่หน้าคอนโดกับลูกน้องอีกคนหนึ่ง
ที่ประตูหนีไฟออกด้านหลังคอนโด หยกเดินเปิดประตูออกมาคิดว่าพ้นสายตาของพวกเสี่ยตงแล้ว แต่ไป ได้แค่ไม่กี่ก้าวก็เจอเก่งมายืนขวางทาง
“ของที่เขายกเอาไว้ในที่สูง มันหมายความว่าเจ้าของเขาไม่อยากให้ใครไปยุ่ง”

หยกไม่ไว้ใจจะถอยแต่เจอลูกน้องอีกคนเข้ามาจับล็อคตัวเอาไว้

“ฟังฉันอธิบายก่อน”

เก่งไม่ฟังเข้าไปชกหน้าหยกจนหน้าโย้
“พวกที่คิดเล่นของสูง มันก็ต้องเสี่ยงตกลงมาเจ็บหนักหรือไม่ก็ต้องพิการแล้วล่ะไอ้หยก”
เก่งซ้ำเข้าที่ท้องน้อยอีกที หยกจุกสะดุ้งเฮือกหมดสติ คอพับ
กิ่งเหมยไปตรวจตาที่แผนกจักษุแพทย์ในโรงพยาบาล หมอให้เธอแนบใบหน้าเข้าไปที่เครื่องตรวจวัดสายตาเพื่อให้หมอทำการตรวจหาความผิดปกติ หมอตรวจดูจากในจออยู่ครู่ก็มีสีหน้าค่อนข้างแปลกใจจนกิ่งเหมยสงสัย
“มีอะไรผิดปกติเหรอคะหมอ”
“คุณเริ่มมีปัญหาในการมองเห็นเวลากลางคืนรึเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วมีอาการเห็นแสงสว่างวาบคล้ายแสงฟ้าผ่าด้วยรึเปล่า”
“มีค่ะ”
หมอหน้าเครียดมาก
“ถ้าอย่างนั้น...หมอต้องขอตรวจอย่างละเอียดอีกที คงต้องใช้ยา ขยายม่านตาเพื่อดูจอประสาทตา”
“ได้ค่ะคุณหมอ”
หมอหันไปพยักหน้าให้พยาบาลเตรียมจัดการ

กิ่งเหมยตกใจเมื่อรู้ผลการตรวจจากหมอ
“โรคจอประสาทตาเสื่อมจากพันธุกรรม”
“ครับ...ทางการแพทย์เรียกว่าโรคอาร์พี เป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เซลล์รับ แสงที่จอประสาทตาจะค่อยๆเสื่อมจนกระทั่ง...”
กิ่งเหมยพูดต่อทันที
“ตาบอดน่ะเหรอคะ”
“ครับ”
“แล้วมีทางรักษารึเปล่าคะ”
หมอมองหน้ากิ่งเหมยอย่างเห็นใจทำเอาหญิงสาวใจหายวาบ

กิ่งเหมยเดินเหม่อใจเสียมาตามทางเดินในโรงพยาบาล เสียงที่คุยกับหมอเมื่อสักครู่ยังดังแว่วในหัว
“โรคนี้ยังไม่มีการค้นพบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร การรักษาให้หายขาดเลยคงเป็นไปไม่ได้”
“หมายความว่าวันนึงฉันอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วมองไม่เห็นอีกเลย”
“ครับ”
“แล้วฉันยังพอมีเวลาอีกนานมั้ยคะ”
“เท่าที่หมอตรวจพบ อาการคุณอยู่ในระยะที่น่าเป็นห่วงแล้ว...หมอคิดว่าคงอีกไม่นาน”
กิ่งเหมยหยุดเดินแล้วน้ำตาก็เอ่อออกมา เธอแทบจะหายใจต่อไม่ได้ น้ำตานองหน้าอย่างเจ็บปวดทรุดลงไหล่พิง กำแพงร้องไห้อย่างเสียใจ...

ในโกดังท่าเรือ หยกถูกจับมัดติดกับเก้าอี้คอตกหมดสติ จนกระทั่งเก่งเอาถังน้ำมาสาดใส่หน้าทำให้รู้สึกตัว ตงเดินเข้ามายืนมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
“เสี่ย”
“คิดว่าคนอย่างฉันมันหลอกได้ง่ายๆเหรอวะ ไอ้หยก”
หยกโดนตงชกจนหน้าหัน
“ผมไม่ได้คิดจะหลอกเสี่ย”
“แกอยู่กับลูกสาวฉันทั้งคืนสองต่อสอง ยังมาปฏิเสธอีกเหรอ ฉันเตือนแกแล้วใช่มั้ยว่า อย่า แม้แต่จะคิด”
ตงหันไปรับปืนจากเก่งมาส่องหน้าแล้วจะเหนี่ยวไก หยกรีบอธิบายเสียงดัง
“ผมกำลังช่วยไม่ให้คุณหนูรู้ความลับของเสี่ยต่างหาก”
ตงชะงักมองหน้าหยกแต่นิ้วยังแตะอยู่ทีไกปืน
“เมื่อคืนนี้ที่ผับคุณหนูพยายามตามสืบเสี่ย เพราะสงสัยว่าเสี่ยจะปิดบังเรื่องทำธุรกิจ มาเฟีย ผมเลยต้องหาทางกันคุณหนูออกมา”
“คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ”
“คุณหนูพูดอะไรกับเสี่ยไว้ เสี่ยลองคิดดูสิครับ”
ตงหรี่ตามองหยกแล้วคิดถึงคำพูดที่ดุจแพรพูดกับตนที่คอนโด

“ค่ะป๋า...ต่อไปนี้ดุจจะไม่ทำอะไรให้ป๋าต้องเป็นห่วง เพราะดุจรู้แล้วว่าป๋าของดุจน่ะเป็น ผู้ชายที่ดีแสนดีที่สุดในโลก”

ตงสงสัย

“ชมป๋าแบบนี้...มันชักยังไงๆนะ”
“ดุจชมจริงๆนะ เพราะนายหยกเล่าให้ดุจฟังว่าป๋าน่ะให้โอกาสคนที่เคยติดคุกมาทำงาน กับป๋า แล้วแบบนี้ป๋าจะไม่เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีได้ยังไง”
ตงยังส่องปืนไปที่หน้าหยก
“ลูกสาวฉัน เป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของฉัน ถ้ามีไอ้หน้าไหนมาแตะต้องเธอโดยที่ฉันยัง ไม่อนุญาตแม้แต่นิดเดียวล่ะก็...ฉันไม่เอามันไว้แน่”
ตงยอมลดปืนลงแล้วพยักหน้าสั่งเก่ง
“ปล่อยมันได้แล้ว ฉันมีเรื่องต้องคุยกับมันต่อ”
ตงเดินออกไป เก่งเข้ามาแก้มัดเชือกให้ หยกแปลกใจว่าตงต้องการจะคุยอะไรกับเขา

ตงสีหน้าจริงจังอยู่กับหยกที่ถูกเก่งพาตัวออกมาพบ หยกถึงกับตกใจเมื่อได้รับคำสั่งจากตง
“จะให้ผมไปเก็บศัตรูของเสี่ยเหรอครับ”
“ใช่...ฉันไม่อยากใช้พวกมืออาชีพ เพราะประวัติของพวกมันจะทำให้ถูกแกะรอยตามมา ถึงฉันได้”
เก่งขัดขึ้น
“เสี่ยครับ...ไอ้หยกอาจจะดูมีฝีมือ แต่ผมว่าอย่างมันคงไม่เคยฆ่าใครมาก่อน ถ้าไว้ใจให้ มันไปทำงานใหญ่ ผมกลัวว่า...”
ตงฟังเก่งแล้วขยับเข้าไปใกล้หยกจ้องหน้าเขม็ง
“แกเคยบอกว่าอยากยิ่งใหญ่อย่างฉัน แต่ตอนนี้ไอ้เก่งมันดูถูกว่าแกไม่กล้าฆ่าคน แก จะว่ายังไง”
หยกนิ่งหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิด เก่งมองหยัน
“เห็นมั้ยครับ...เอาเข้าจริง มันก็เป็นได้แค่กุ๊ยหางแถว ผมจะหาคนที่ทำงานแทนมันได้มา ให้เสี่ยเองครับ”
ตงยังไม่ตอบเก่งแต่รอให้หยกตอบ เก่งเลยเข้าไปผลักไหล่หยก
“แกไปได้แล้ว”
จังหวะที่เก่งผลักไหล่นั้นเอง หยกจับมือเก่งมาบิดแล้วแย่งปืนจากเอวเก่งมาอย่างง่ายดาย หยกจ่อปืนไปที่หัวเก่ง
“ไอ้หยก...นี่แกจะทำอะไร...อย่านะเว้ย”
“ฉันอาจจะยังไม่เคยฆ่าคนอย่างที่แกว่า แต่ถ้าลองได้ฆ่าใครสักคนแล้ว ต่อไปมันก็คงไม่ ใช่เรื่องยาก”
นิ้วหยกแตะอยู่ที่ไกปืนพร้อมยิงเก่งได้ทุกเมื่อ ทำเอาเก่งหน้าเสีย
“เสี่ยครับ!”
ตงกลับนิ่งไม่ยอมห้ามหยกเพราะต้องการทดสอบ หยกมองหน้าตงอย่างเอาจริงนิ้วแตะไกเตรียมระเบิด สมองจนเก่งคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้ว แต่แล้ว ตงก็เข้ามาจับปืนไว้
“พอได้แล้ว แค่นี้มันก็เชื่อแล้วว่าทำไมฉันถึงไว้ใจเลือกใช้แก”
หยกยอมปล่อยมือให้ตงเอาปืนไป เก่งเจ็บใจรีบกระชากคอเสื้อหยก
“ไอ้หยก!”
ตงตวาด
“หยุด...ปล่อยมันไปได้แล้ว”
เก่งชะงักเพราะเสี่ยสั่งเสียงดังยอมปล่อยคอเสื้อหยก
“เสี่ยต้องการให้ผมลงมือฆ่าใคร” หยกถามนิ่งๆ
“เจ้าสัวเกา หัวหน้าแกงค์พิราบดำ”
หยกอึ้งไปมองตงอย่างแปลกใจ

บริเวณใต้ทางด่วนมุมปลอดคน หยกคุยอยู่กับผู้การสมิงตามลำพัง
“แสดงว่ามันไม่คิดจะสงบศึกอย่างที่มีข่าวออกมา”
“สันดานอย่างเสี่ยตงก็สมกับฉายามันนั่นแหละครับ...เป็นหมาบ้ากัดไม่ปล่อย ผมถึงต้อง วัดใจกับมัน จนเกือบจะต้องฆ่าคนต่อหน้ามันจริงๆแล้ว”
“เธอทำได้ดีแล้วล่ะหยก ให้มันใช้เธอยังดีกว่าไปใช้คนอื่น”
“หวังว่าผู้การคงไม่คิดจะให้ผมฆ่าหัวหน้าแกงค์พิราบดำจริงๆ”
“จะให้เธอทำอย่างนั้นได้ยังไง เราอยู่ฝ่ายกฎหมาย ต้องทำให้พวกมันกลัวกฎหมายให้ได้ เธอเล่นตามเกมส์ของมันไปก่อน ถึงเวลาที่ต้องลงมือเมื่อไหร่ ฉันจะเข้าไปแทรกแซงเอง”
“หวังว่างานครั้งนี้ คงจะทำให้พอมีหลักฐานจัดการมันนะครับ”
“ฉันก็หวังอย่างนั้น เพราะฉันไม่อยากให้เธอต้องอยู่ในสภาพนี้นานๆ ลำพังรับมือกับพวก มาเฟียก็ลำบากแล้ว ถ้าเจอไอ้หลานชายฉันตามรังควาญด้วยอีก มันจะยุ่งไปกันใหญ่”
“หมวดธงรบยังไม่เลิกตามผมอีกเหรอครับ ผมนึกว่าท่านจัดการไปแล้วซะอีก”
“ฉันมีวิธีกันให้เขาไม่ต้องมายุ่งกับเธออีก แต่นิสัยอย่างไอ้หมอนั่น ไม่รู้ว่าจะกันไว้ได้นาน เท่าไหร่”
ผู้การสมิงหนักใจไม่น้อย
ในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง...คนร้ายกำลังช่วยกันแยกชิ้นส่วนรถที่ขโมยมา ระหว่างนั้นหนึ่งในกลุ่มคนร้ายวิ่งเข้า มาพร้อมกับเสียงปืนที่ยิงไล่หลัง..เปรี้ยง ๆ แล้วตะโกนบอกพรรคพวก

“ตำรวจมา...หนีเร็ว”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 7 (ต่อ)


ไม่ทันขาดคำธงรบพร้อมกำลังตำรวจบุกเข้ามา เปิดฉากยิงกับพวกคนร้ายเสียงปืนดังสนั่น
ควันปืนคละคลุ้ง คนร้ายคนแรกถูกธงรบยิงตายคาที่ พวกที่เหลือแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ธงรบรีบไล่ตามเข้ามาในโกดังเก็บอะไหล่ คนร้ายซ่อนตัวอยู่หลังซากรถ ธงรบกระชับปืนตามเข้ามาเห็น หลังไวๆก็ยิงใส่ไม่ยั้ง
“มอบตัวซะดีๆ อย่าคิดขัดขืนการจับกุม”
คนร้ายไม่ฟังกระโจนออกมายิงใส่ ธงรบไม่ทันระวังกระสุนเฉี่ยวแขนไปจนได้เลือด ปืนหลุดมือ คนร้ายได้ทีเดิน เข้ามาเอาปืนจ่อ
“เก่งเหลือเกินนะคุณตำรวจ แต่เก่งเกินไปมันอยู่ไม่ได้นานหรอก”
คนร้ายจะยิงแต่จ่ากับกำลังตำรวจคนอื่นๆบุกเขามาแล้วยิงใส่มัน...เปรี้ยง! ปืนในมือคนร้ายกระเด็น มันรีบคุกเข่าชูมือยอมให้จับทันที ธงรบจับแขนตัวเองที่เลือดอาบเต็มมือ

พยาบาลพันผ้าพันแผลหลังจากเย็บแผลให้ธงรบเรียบร้อยแล้ว
“เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
ธงรบรีบลุกจากเตียงคว้าเสื้อแจ็คเก็ตจะออกไป พยาบาลรีบห้าม
“เดี๋ยวสิคะ หมอสั่งให้หมวดอยู่ดูอาการที่นี่ก่อนนะคะ”
“เย็บแผลแค่นี้เนี่ยนะครับ ผมว่าเอาเตียงคนไข้ไปให้คนที่เขาเจ็บหนักกว่าผมเถอะ”
ธงรบไม่สนใจเดินออกไปทันที จ่าเพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาเจอเขาสวนออกไปก็งง
“อ้าว...หมวด...หมวดจะรีบไปไหนครับ...หมวด”
จ่ารีบตามไป
“เดี๋ยวสิครับ...ทำไมหมวดรีบร้อนออกมาล่ะ หมวดบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ไอ้แผลแค่นี้ผมไม่เป็นอะไรหรอกจ่า แต่ผมมีเรื่องสงสัย”
“สงสัยอะไรครับ”
“ก็ไอ้คดีที่เราเพิ่งไปกวาดล้างแก๊งค์ขโมยรถมาน่ะสิ จ่าไม่สงสัยอะไรเลยเหรอไง”
“จะให้สงสัยอะไรล่ะครับ”
“คดีนี้เราสืบมาตั้งนานแต่ยังไม่เคยสาวไปถึงแหล่งกบดานของพวกมันได้เลย แล้วอยู่ๆ วันนี้ก็มีข้อมูลรั่วมาให้เรากวาดจับได้ยกแก๊งค์”
“โชคเข้าข้างเราไงครับหมวด”
“ไม่ใช่หรอกจ่า...ผมว่ามีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาแทรกแซงกับเรื่องนี้ต่างหาก”
จ่างง
“ถ้าเป็นอย่างที่หมวดว่าจริงๆ แล้วเขาจะทำเพื่ออะไรล่ะครับ”
ธงรบยังไม่ทนจะตอบระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาดังพอดี ธงรบมองเบอร์แล้วแปลกใจ
“ท่านรอง”

ธงรบคุยโทรศัพท์เสร็จกดปิดสายแล้วครุ่นคิด จ่ารีบเข้ามาถาม
“ท่านรองโทรมามีอะไรเหรอครับหมวด”
“ท่านโทรมาชมว่าผลงานจับกุมคราวนี้ผู้ใหญ่พอใจมาก เลยเสนอให้ผมย้ายไปช่วยงาน ท่านที่กรม ท่านว่ามีคดีที่ยังค้างอยู่อีกมาก”
จ่าดีใจกับเจ้านาย
“ก็ถือว่าเป็นข่าวดีน่ะสิครับ”
“ไม่หรอกจ่า...ผมปฏิเสธท่านไปแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะครับหมวด”
“ผมบอกแล้วไง โชคไม่ได้เข้าข้างผม เพราะมือที่มองไม่เห็นนั่นต่างหากที่พยายามไม่ให้ ผมเกะกะขวางทางเขา”
ธงรบพูดไปก็มีสีหน้าไม่พอใจและไม่ยอมแพ้ ส่วนจ่ายังงงไม่หาย
“แต่แค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก”

สลึงกับอ่างกำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์ หยกมาถามหากิ่งเหมย
“กะ...กะ...กิ่งเหมยน่ะเหรอ...หะ...เห็น...เห็นสิวะ”
“ที่ไหนเหรอน้า”
“ใน...ใน...ในตรอก...แต่...แต่เห็น...เห็นเมื่อ...เมื่อเช้านี้”
หยกเซ็งมาก
“โธ่เอ้ยน้า...ฉันหมายถึงตอนนี้”
สลึงส่ายหน้า
“เอ็งคุยกับมันจะไปรู้เรื่องอะไรวะ”
“งั้นน้าก็รู้น่ะสิ”
“เปล่า...ข้าก็ไม่รู้หรอก”
หยกถอนใจเซ็ง
“นี่ตกลงฉันจะได้เรื่องอะไรจากพวกน้ามั้ยเนี่ย”
“พวกข้าเจอกิ่งเหมยเมื่อเช้า ท่าทางเหมือนกำลังรอใครอยู่ แต่พอพวกข้าถามก็ไม่ยอม บอกอะไรแล้วก็รีบไปเลย”
“ฉันผิดเอง ฉันเป็นคนนัดกิ่งเหมยเอาไว้ว่าจะพาไปหาหมอ ป่านนี้คงโกรธฉันแย่แล้ว ฉันไปหาที่อื่นต่อแล้วกัน ขอบใจมากนะน้า”
หยกรีบเดินออกจากร้านไป อ่างสงสัย
“กะ...กะ...กิ่งเหมย...มัน...มันไม่สบาย...เหรอ...เหรอวะ”
“ข้าไม่ใช่หมอ ไม่รู้เว้ย”

“แต่...แต่...ข้า...ข้าอยากรู้”

อ่างยัดประแจที่ถืออยู่ในมือให้สลึงแล้วรีบตามหยกไปทันที

“เดี๋ยวสิเว้ย...ข้าก็อยากรู้เหมือนกันนะเว้ย”
หยกเดินมองหากิ่งเหมยอยู่ในตรอก แต่ระหว่างนั้นเจอธงรบเข้ามายืนขวางทาง
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก”
“ขอโทษด้วยนะครับหมวด ตอนนี้ผมไม่ว่าง”
หยกไม่สนใจเดินผ่านแต่ถูกธงรบจับบ่าไม่ให้ไป
“ฉันอยากคุยกับแกดีๆ อย่าทำให้มันยุ่งยากไปหน่อยเลย”
“ไอ้คำว่ายุ่งยากของหมวด หมายถึงการใช้อำนาจของผู้รักษากฎหมาย บังคับข่มขู่ผู้ บริสุทธิ์รึเปล่า”
ธงรบไม่พอใจจับแขนหยกมาบิดไพล่หลังทันที
“พวกกุ๊ยอย่างแก...ถ้าฉันคิดจะเล่นงานจริงๆ คดีของแกยาวเป็นหางว่าวแน่”
ธงรบออกแรงกับหยกจนเขาเจ็บ ระหว่างนั้นสลึงกับอ่างเข้ามาเห็นพอดี
“ปล่อยไอ้หยกนะครับคุณตำรวจ”
ธงรบหันไปมองแต่ไม่สนใจทั้งสองคน ยิ่งออกแรงบังคับหยก
“ไปกับฉันดีๆ”
“ถ้า...ถ้า...ไม่ปล่อย...หลาน...หลานผม...ผม...ผมเอา...เอาเรื่องแน่”
อ่างถลกแขนเสื้อจะเข้าไปช่วยหลาน แต่หยกร้องห้ามเสียงดังเพราะไม่อยากให้น้ามีปัญหากับตำรวจ
“อย่าครับน้า...ไม่ต้องห่วงผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
หยกยอมให้ธงรบพาตัวออกไป สองน้ามองตามอย่างเป็นห่วง

ธงรบผลักหยกเข้ามาในตรอกแคบๆ
“ฉันจับตาดูแกอยู่ตลอดเวลา ถ้าฉันจะเอาแกเข้าคุกล่ะก็ ป่านนี้แกไม่ได้ออกมาเดินเพ่น พ่านหรอก”
“หมวดอย่ามาขู่ผมเลย ถ้าหมวดจะทำจริงๆ แล้วทำไมผมถึงยังไม่โดนซิวล่ะ”
“แก!”
“มีอะไรกับผมก็รีบๆคุยมา ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก”
“ฉันเคยคุยกับกิ่งเหมย เธอบอกว่าแกเป็นคนดี ถ้าแกเป็นอย่างเธอว่าจริงๆ แกก็ควรหัน มาทำงานกับฉัน”
“อย่างผมเนี่ยนะ ผมจะไปทำงานอะไรให้หมวดได้”
“ฉันอยากจะล้างบางไอ้พวกมาเฟีย ต้องการคนในเป็นสายสืบคอยส่งข่าวให้”
หยกนิ่งไปมองหน้าธงรบที่ดูจริงจังมาก

อ่างรีบกลับเข้ามาในร้านมอเตอร์ไซค์ แล้วรื้อค้นเครื่องมือหาไอ้ที่เหมาะมือจะออกไปลุย สลึงตามข้ามา
“นั่นเอ็งจะทำอะไรวะไอ้อ่าง”
“ข้า...ข้าจะหา...อา...อาวุธ...ไป...ไปลุย...กับ...กับไอ้ตำรวจ...นั่น”
“เฮ้ย...เอ็งอย่าหาเรื่องดีกว่า เดี๋ยวก็ติดคุกหัวโตหรอก”
“ข้า...ข้า...ไม่กลัว”
“ถ้าเป็นสมัยก่อน ข้าไม่ห้ามหรอก แต่ตอนนี้ขืนเอ็งติดคุก มีหวังตายในคุกอย่างเดียว”
สลึงแย่งเครื่องมือจากมืออ่างเอาไปวางที่เดิม
“ไอ้หยกมันไม่ให้เราไปยุ่ง เพราะมันไม่อยากให้เราเดือดร้อน...คิดซะมั่งสิวะ”
อ่างนิ่งไป ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเดินผ่านหน้าร้านมาพอดี อ่างเห็นแล้วนึกขึ้นได้ทันที
“กะ...กิ่งเหมย...มา...มาแล้ว...ข้า...ข้ารู้...รู้แล้ว...ว่า...จะช่วย...ช่วย...ไอ้หยก...ได้...ได้ยังไง”

ธงรบมองหน้าหยก
“ว่าไง...ถ้าเนื้อในแกเป็นคนดีจริงๆอย่างที่กิ่งเหมยเชื่อมั่น แกคงไม่ปฏิเสธงานนี้”
“ถามจริงๆเถอะหมวด คิดดีแล้วเหรอที่มาพูดเรื่องแบบนี้กับผม ถ้าเกิดพวกผมรู้ขึ้นมา ต่อไปนี้หมวดคงเดินตามถนนลำบากแน่”
ธงรบอึ้ง
“นี่แก...” ธงรบเข้าไปกระชากคอเสื้อ “แกขู่จะเล่นงานฉันเหรอ”
“เพราะหมวดดูถูกคนอย่างผมมากเกินไปแล้วไง”
“งั้นสันดานแกมันก็เลวได้โล่ห์ แกไม่ใช่คนดีอย่างที่กิ่งเหมยพยายามพูดให้ฉันเชื่อ”
“ที่หมวดฟังกิ่งเหมย เพราะหมวดชอบเธอ ผู้ชายเราพอหลงผู้หญิงเข้าหน่อย พูดอะไรมา ก็เชื่อไปหมดนั่นแหละ”
หยกพูดยียวนกวนใส่จนธงรบเหลืออดชกหน้าหยกจนกระเด็น หยกเลือดซิบมุมปาก กิ่งเหมยที่มาถึงชะงักหยุดที่ใกล้ๆ คำพูดของหยกทิ่มแทงใจเธอ
“แกมันเลวๆจริงไอ้หยก ทำไม...ทำไมกิ่งเหมยถึงได้ชอบแกนักวะ”
“เพราะผู้ชายดูดีอย่างหมวดมันปากหวานไม่เท่ากับผู้ชายเลวๆอย่างผมมั้ง”

กิ่งเหมยถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเสียใจเพราะคำพูดของเขา ธงรบมองหน้าหยกอย่างเจ็บใจกัดฟันจนขึ้นกราม

“ไอ้หยก แกดูถูกผู้หญิงดีๆแบบคุณกิ่งเหมย ฉันปล่อยแกไปไม่ได้”

ธงรบพุ่งเข้าไปจะเล่นงาน คราวนี้หยกตั้งรับยกการ์ดขึ้นมาป้องก่อนจะสวนหมัดกลับแลกหมัดกับธงรบซัดกันนัว กิ่งเหมยตกใจที่ทั้งคู่ชกต่อยกันเลยรีบออกมาห้าม
“หยุด...หยุดได้แล้ว...พอซะที”
ทั้งคู่หยุดลงไม้ลงมือกันเพราะเสียงห้ามและน้ำตาของกิ่งเหมย เธอร้องไห้เสียใจและวิ่งออกไป
“กิ่งเหมย!”
หยกจะวิ่งตามแต่โดนธงรบกระชากไหล่ไว้
“แกไม่ควรจะไปยุ่งกับเธออีก”
“หมวดนี่มันน่ารำคาญจริงๆ”
หยกปัดมือ แล้วผลักอกธงรบให้หลบไปก่อนจะวิ่งตามกิ่งเหมย

กิ่งเหมยวิ่งร้องไห้มาตามทาง หยกไล่ตามหลังตะโกนเรียก
“กิ่งเหมย...ฟังฉันก่อน...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยไม่ฟังรีบไปต่อแต่เจอสลึงกับอ่างที่ตามมาพอดี
“เดี๋ยวสิกิ่งเหมย คุยกับไอ้หยกมันก่อน”
“เหมยไม่มีอะไรจะคุยกับเขาอีกแล้ว”
กิ่งเหมยรีบวิ่งออกไป หยกตามเข้ามา
“ไอ้...ไอ้หยก...เหมย...เหมย...ร้องไห้...ทำ...ทำไม”
“เรื่องมันยาวน่ะน้า ช่วยกันไอ้หมวดนั่นไม่ให้มันยุ่งกับฉันหน่อยแล้วกัน”
“ดะ...ดะ...ได้...สะ...สะ...บาย...บรือ”
หยกตามกิ่งเหมยไป สลึงกับอ่างหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มร้าย ธงรบวิ่งเข้ามามองหาหยกกับกิ่งเหมย ระหว่างนั้นสลึงเข็นรถเข็นขายผักมาขวางทาง
“หลบไปอย่ามาขวางทาง”
“จะให้หลบไปไหนล่ะครับคุณตำรวจ แถวนี้มันที่ทำมาหากินของพวกเรานะครับ”
ธงรบมองหน้าไม่พอใจจะเลี้ยวไปซ้ายสลึงก็เข็นไปขวาง เลี่ยงไปขวาก็ขวางอีก ธงรบเลยถอยหลังจะไปทางอื่น อ่างก็เข็นรถเข็นขายน้ำอัดลมมาขวางปิดทางไม่ให้ไปอีก
“ระ...ระ...รับโอ...โอ...โอเลี้ยง...เย็น...เย็น...สัก...สักแก้ว...มั้ย...มั้ยครับ”
“หลบไป”
“ใจ...ใจเย็น...เย็น...ผม...ผมเลี้ยง...หมวด...หมวดครับ”
อ่างเอาโอเลี้ยงเข้าไปให้แต่แกล้งทำหกใส่
“ขอ...ขอโทษ...ครับ...ผม...ผมไม่...ไม่...ทัน...ระ...ระวัง”
ธงรบเจ็บใจกระชากคอเสื้ออ่างมาจ้องหน้า สลึงรีบเข้าไปโวย
“รังแกประชาชนคนทำมาหากินแบบนี้...มันไม่ถูกต้องนะครับ...พวกเรา...มาดูตำรวจ รังแกประชาชนเร็ว”
พวกชาวบ้านรุมเข้ามาดู ธงรบเจ็บใจปล่อยมือจากคอเสื้ออ่างอย่างหงุดหงิด

หยกเข้ามาตามหากิ่งเหมยในศาลเจ้า
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
หยกเรียกหาแต่ยังมองไม่เห็นว่ากิ่งเหมยแอบหลบอยู่หลังเสา
“ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ฟังฉันนะ ที่เธอได้ยินมันไม่ใช่อย่างที่ฉันพูดไปเลย”
กิ่งเหมยเอาแต่นิ่งอยู่หลังเสา ชะโงกหน้าไปดูหยกก็พบว่าไม่อยู่แล้ว เธอนึกว่าหยกจะออกไปแล้วคิดผิดเพราะ หยกเข้ามายืนข้างๆเธออย่างเงียบๆ
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
กิ่งเหมยจะไปแต่หยกดึงตัวเธอไว้
“เธอไม่ฟังฉันเลย ฉันมีเหตุผลนะที่ต้องพูดไปแบบนั้น”
“จะเหตุผลอะไรฉันก็ไม่อยากฟัง”
ระหว่างนั้นอาม่าเข้ามาเรียกหาพอดี
“อาเหมย...อาเหมย”
หยกเห็นอาม่ากำลังจะเข้ามาเลยรีบดึงกิ่งเหมยมาใกล้ๆแล้วเอามือปิดปากไม่ให้กิ่งเหมยตอบ
“อาเหมย...อยู่ไหน...อาม่าเห็นลื้อเข้ามาในนี้เมื่อกี้...อาเหมย”
หยกกระซิบ
“ฉันขอโทษนะ แต่ถ้าอาม่าเห็นฉันอยู่กับเธอ อาม่าต้องไล่ตะเพิดฉันแน่ๆ”
กิ่งเหมยพยายามอู้อี้บอกให้เขาปล่อยมือ แต่หยกไม่ยอมปล่อยกลับดึงตัวเธอพาออกไปอีกประตูหนึ่ง อาม่าหันไปมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ทันเห็นหยกพากิ่งเหมยออกไป อาม่าสงสัย
“หายไปไหนแล้วล่ะ...หรือว่าเราจะตาฝาด”

หยกดึงมือกิ่งเหมยพาขึ้นมา กิ่งเหมยไม่พอใจพยายามแกะมือ
“ปล่อยฉันนะหยก...ฉันบอกให้ปล่อย”
หยกไม่ยอมปล่อยซ้ำยังบีบมือแน่นกว่าเดิม
“ไม่...ที่ฉันพูดไปมันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“จะหมายความว่ายังไง ฉันไม่สนใจหรอก”
“ถ้าเธอไม่สนใจแล้วทำไมต้องหนีหน้าฉันด้วย”
กิ่งเหมยนิ่งไป หยกดึงเข้ามาใกล้ๆจนตัวติด
“ฉันไม่อยากให้ไอ้หมอนั่นมาจุ้นจ้านกับชีวิตเรา ฉันเลยต้องพูดไปแบบนั้น”
“เราเหรอ...เธอหมายถึงเธอกับฉันเหรอหยก”
“ใช่”

กิ่งเหมยนิ่งไปมองหน้าหยกแล้วน้ำตาคลออย่างเสียใจ แล้วผลักหยกแรงๆ

“สำหรับฉัน มันไม่มีคำว่าเราอีกแล้ว เธอจะไปทำอะไรมันก็เรื่องของเธอ ไม่ต้องมาแสดง ว่าห่วงฉัน ปล่อยให้ฉันมีชีวิตของฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง”
 

กิ่งเหมยตัดพ้ออย่างเสียใจน้ำตานองหน้า ทำเอาหยกอดแปลกใจไม่ได้
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
กิ่งเหมย สะอื้นเสียใจ
“ไม่...ไม่...ไม่มีอะไร...ฮือๆ”
“กิ่งเหมย...เกิดอะไรขึ้น”
กิ่งเหมยทรุดนั่งลงแล้วยิ่งร้องไห้จนน่าเวทนา หยกยิ่งใจคอไม่ดี
“บอกฉันมานะกิ่งเหมย...เธอเป็นอะไร...บอกฉันมาสิ”
หยกเขย่าตัวกิ่งเหมยให้พูดออกมา ย้ำอีกหลายครั้งจนกิ่งเหมยทนเก็บอัดอั้นไม่ไหวร้องไห้ซบหน้ากับหยก
“หยก...ฉันไปหาหมอมา...หมอบอกว่า...ฉัน...ฉัน...ฉันกำลังจะตาบอด...ฮือๆ”
หยกหน้าเสียอึ้งไปทันที

อาม่ากำลังปิดประตูศาลเจ้าเตรียมตัวจะกลับบ้าน ระหว่างนั้นเสียงดุจแพรดังขึ้นข้างหลัง
“กิ่งเหมยอยู่ที่นี่รึเปล่าคะอาม่า”
อาม่าชะงักแล้วหันไปเห็นดุจแพร อาม่าตกใจมาก
“ลื้อ...”
“หนูดุจแพรค่ะอาม่า เป็นเพื่อนกับกิ่งเหมยแล้วก็...”
อาม่าขัดทันที
“ลื้อไม่ต้องแนะนำตัว อั้วรู้จักลื้อ”
“อ๋อ...กิ่งเหมยคงเล่าเรื่องหนูให้อาม่าฟังแล้วล่ะสิคะ”
อาม่าไม่สนใจตอบคำถามเอาแต่มองผ่านดุจแพรไป ดูว่ามาคนเดียวหรือมากับเสี่ยตงรึเปล่า
“ลื้อมากับใครรึเปล่า”
ดุจแพรงง
“หนูมาคนเดียวค่ะ อาม่ามีอะไรเหรอคะ”
อาม่าค่อยโล่งอกแต่ยังไม่หมดกังวล
“ลื้อมีธุระอะไรกับอาเหมย”
“เรื่องงานน่ะค่ะอาม่า หนูชวนให้กิ่งเหมยไปทำงานด้วยกัน แต่วันนี้ไม่เห็นไปที่บริษัทเลย”
“อาเหมยไม่ทำงานให้ลื้อแล้ว ลื้อไม่ต้องมาตามแล้วก็ไม่ต้องมาหาอาเหมยอีก”
“ทำไมล่ะคะอาม่า”
“ลื้อไม่ต้องถาม พวกอั้วไม่มีธุระอะไรกับลื้ออีกแล้ว ไป...กลับไป”
“แต่ว่า...”
“ก็บอกให้ไปไง...แล้วก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก อั้วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ”
อาม่าจริงจังใส่ทำเอาดุจแพรถึงกับพูดไม่ออก อาม่ารีบเดินออกไปเพราะไม่อยากเจอหน้าดุจแพรอีก

หยกจับมือกิ่งเหมยจะพาออกไป
“จะพาฉันไปไหนน่ะหยก”
“ไปหาหมอ คุยให้รู้เรื่อง มันต้องมีทางรักษาให้เธอหาย ต้องใช้เงินเท่าไหร่ฉันจะช่วยเอง”
“ไม่ต้องไปหรอกหยก ฉันคุยกับหมอมาหมดแล้ว หมอช่วยอะไรไม่ได้”
“ไม่จริง...ฉันไม่เชื่อ”
“ฉันหนีไม่พ้นจริงๆ ฉันต้องเป็นเหมือนแม่...วันนึงเมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นมา โลกที่ฉันเคยรู้ จักก็จะเปลี่ยนไป ฉันจะกลายเป็นคนที่ต้องอยู่แต่ในความมืด ฉันกลัวนะหยก...ฉันกลัว จริงๆ”
กิ่งเหมยเสียใจน้ำตาไหล หยกสงสารอย่างสุดหัวใจดึงกิ่งเหมยมากอดเอาไว้
“ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในความมืด ฉันสัญญานะกิ่งเหมย ฉันจะดูแลเธอ ฉันจะปกป้องเธอ”
หยกกอดเธอเอาไว้แน่น แต่กิ่งเหมยกลับผลักเขาออกไป
“ไม่ต้องหรอกหยก อย่าทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนน่าสงสาร ฉันไม่อยากเป็นภาระให้ใคร”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นกับเธอนะกิ่งเหมย”
“แต่ฉันไม่อยากซ้ำเติมให้ชีวิตเธอต้องแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่นี่หรอก ไม่ต้องตามฉันมานะ หยก แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง แค่นั้นฉันก็ขอบใจเธอมากแล้ว”
กิ่งเหมยตัดสินใจเดินออกไป หยกได้แต่ยืนอึ้ง

กิ่งเหมยเดินลงมาตามบันไดแล้วร้องไห้เสียใจที่ต้องเผชิญหน้ากับความพิการที่รออยู่ หยกโกรธตัวเองหันไประเบิดอารมณ์กับกระถางต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ คว้ามาทุ่มแตกละเอียด เตะ ถังกะลังมังแตก เสียใจที่กิ่งเหมยไม่ต้องการให้เขาดูแลเธอ เพราะความจริงที่เขาไม่สามารถบอกเธอได้

อาม่ากำลังเดินกลับบ้านมาตามทางในตรอกศาลเจ้า แต่ดุจแพรยังคาใจเลยเดินตามมา
“เดี๋ยวสิคะอาม่า”
“นี่ลื้อยังไม่เลิกตามอั้วมาอีก อั้วบอกแล้วไงอาเหมยจะไม่กลับไปทำงานกับลื้อ”
“หนูไม่เข้าใจค่ะ หนูกับกิ่งเหมยเป็นเพื่อนกัน งานที่เสนอให้ก็เป็นงานที่ดี แล้วทำไม…”
“อั้วไม่มีเหตุผลอะไรให้ลื้อทั้งนั้น อย่ามาเซ้าซี้อีก”
อาม่ารีบเดินหนี ดุจแพรยังไม่หยุดตามจนกว่าจะหายข้องใจเลยคว้าแขนอาม่าไว้...

“ไม่ค่ะ...หนูต้องรู้สาเหตุ”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 7 (ต่อ)

อาม่าชะงักที่ถูกจับแขนมีอาการตกใจขึ้นมาทันที
 

“อย่ามาจับตัวอั้ว...ออกไป”
อาม่าเผลอผลักดุจแพรแรงๆจนลงไปชนกองลังกระดาษล้มครืน
“นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ไม่พอใจอะไรก็ใช้แต่กำลัง”
ดุจแพรงง
“หมายความว่ายังไงคะอาม่า”
อาม่าไม่ทันจะพูดอะไรระหว่างนั้นส้มเช้งเข้ามาเห็นพอดี
“ตายแล้ว...เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย คุณดุจแพรเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ลื้อไม่ต้องไปช่วยอี”
ส้มเช้งชะงัก
“อาม่า”
“อั้วเตือนลื้อแล้วนะ อย่ามายุ่งกับอาเหมยกับพวกอั้วอีก…ส้มเช้ง กลับ”
อาม่ารีบเดินออกไป ส้มเช้งมองดุจแพรอย่างสงสารแต่ก็รีบตามอาม่าไปทิ้งให้หญิงสาวงงปนสงสัย

ส้มเช้งพาอาม่าเขามาในบ้าน ให้อาม่านั่งที่โต๊ะแล้วช่วยรินชาให้
“อาม่านะอาม่า ไล่เขาดีๆก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปลงมือกับเขาเลย ปัญหาของรุ่นพ่อรุ่น แม่ มันไม่เกี่ยวกับรุ่นลูกสักหน่อย”
อาม่าชะงักมองส้มเช้งทันที
“นี่ลื้อรู้เรื่องด้วยเหรอ”
ส้มเช้งหน้าเสีย
“เอ่อ...ก็...ก็ไอ้เหมยมัน...”
อาม่าอารมณ์เสียกระแทกแก้วน้ำชาเสียงดัง
“รู้แล้วก็อย่าพูด อย่าทำให้อาเหมยต้อง เดือดร้อน”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว ฉันก็ห่วงไอ้เหมยมันนะอาม่า”
อาม่ายังมองส้มเช้งไม่วางตาเหมือนต้องการใช้สายตาขู่ ส้มเช้งเริ่มกลัวเลยหาทางชิ่ง
“เอ่อ...ฉัน...ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้คลุกข้าวให้แมวเลย ฉันกลับไปก่อนนะอาม่า”
ส้มเช้งยกมือไหว้แล้วรีบชิ่งออกไปทันที อาม่าหันมาหัวเสียเป็นกังวลหันไปมองภาพของลูกสาวกับสามีตัว เองแล้วยิ่งเครียด

ในอดีต...อาเหลาสามีของอาม่าเป็นพ่อครัวในภัตราคารจีน เขากำลังเก็บล้างอุปกรณ์ในครัวหลังเลิกงาน อาม่าเข้ามา
“นี่ลื้อยังอยู่ที่นี่อีกเหรออาเหลา”
“งานอั้วยังไม่เสร็จ ลื้อถึงกับต้องมาตามเลยเหรอ”
“ก็อั้วเห็นว่าดึกแล้ว ลื้อกับอาหงส์ยังไม่กลับบ้านสักที”
“วันนี้ลูกค้าเต็มร้าน เสี่ยเลยให้ปิดร้านดึก”
“แล้วอาหงส์ล่ะ”
“เสี่ยเรียกให้ไปคุย สงสัยจะให้ทิป”
อาม่าฟังแล้วกังวลทันที
“หา...นี่ลื้อปล่อยอาหงส์อยู่กับตามลำพังกับเสี่ยได้ยังไง อั้วเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ อั้วไม่ไว้ใจเสี่ย”
“อั้วว่าลื้อคิดมากน่า เสี่ยอีใจดีกับอาหงส์ ไม่อย่างนั้นจะยอมจ้างคนตาบอดให้มาทำ งานเหรอ”
“แต่อั้วเห็นเวลาที่เสี่ยมองอาหงส์แล้ว อั้วกลัว ได้ยินมาว่าเสี่ยอีเจ้าชู้ด้วย...ลื้อนี่...ไม่รู้จัก ห่วงลูกบ้างเลย”
อาม่าเป็นห่วงเลยรีบเดินออกจากห้องครัวไป

อาม่ากับอาเหลาเดินมาที่ห้องโต๊ะจีนส่วนตัวและได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆของลูกสาวดังมาจากในนั้นก็ตกใจ สองผัวเมียรีบเปิดประตูเข้าไปทันที เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็แทบช็อค อาหงส์ลูกสาวตาบอดของอาม่าเสื้อผ้าหลุดลุ่ย หน้าตาบอบช้ำเลือดซิบมุมปากเพระาถูกตงข่มขืน อาม่าช็อค
“อาหงส์!”
อาม่ารีบวิ่งเข้าไปกอด เอาผ้าปูโต๊ะมาห่มคลุมให้ อาหงษ์ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ส่วนตงได้แต่มองอย่าง ไม่แยแส อาเหลาโกรธมาก
“เสี่ย…นี่…นี่เสี่ยทำอะไรลูกสาวอั้ว”
“เห็นอย่างนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอไอ้เหลา ลูกสาวแกเป็นเมียฉันแล้ว”
อาม่าตะลึง
“อาหงส์!”
“อาม้า...เสี่ย...เสี่ยบังคับหงษ์ หงส์ไม่ยอมเขาก็เลย...ฮือๆ”
อาม่าโกรธมาก
“เสี่ย...อั้วนึกว่าลื้อจะดีกับอาหงส์ แต่ลื้อมันไอ้ชาติชั่ว”
อาม่าหันไปคว้าแจกันจะเข้าไปทุ่มใส่ตง เลยโดนตงตบหน้าฉาดใหญ่ อาม่าเซไปทางลูกสาว แจกันแตกกระจายเสียงดัง อาเหลาโกรธแทนเมียกับลูกจะเข้าไปเอาเรื่องเลยเจอตง หันปืนชี้หน้าทันที
“อย่าดีกว่าไอ้เหลา ฉันไม่อยากเสียกุ๊กฝีมือดีๆอย่างแก”
“เสี่ย!”

“บอกลูกสาวแกกับเมียแกให้หุบปากซะ เรื่องแบบนี้ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตที่ไหน ถึงมันจะ ตาบอดแต่ก็สวยถูกใจฉันจริงๆ รับรองว่าไม่ทิ้งขว้างจะเลี้ยงดูให้เป็นเมียน้อย”

อาหงส์สะอื้น
 

“ไม่เอานะอาม้า...หงส์ไม่เอา เขาตีหงส์ เขาเป็นบ้า หงส์ไม่เอา...ฮือๆ”
อาม่ามองตงอย่างไม่ยอม
“อั้วไม่ยอมให้ลูกอั้วโดนข่มเหง”

“ไม่ยอมเหรอ...หึ”
ตงเข้าไปใช้ปืนตบหน้าอาเหลาจนเลือดกลบปาก
“พวกแกไม่ยอมไม่ได้หรอก แกคงไม่อยากให้ตำรวจรู้ใช่มั้ยว่าไอ้เหลาไม่มีบัตรประชาชน”
สามคนพ่อแม่ลูกตกใจ ตงหัวเราะร้ายกาจจนน่ากลัว
“เลือกเอา จะให้ไอ้หงส์เป็นเมียน้อยฉัน หรือจะให้ไอ้เหลาโดนฉันฆ่าหมกป่า...ฮ่าๆ”

อาม่ากำหมัดแน่นเจ็บใจและเจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านมา...ส้มเช้งเดินออกมาจากบ้านปากก็บ่นไป
“เวลาอาม่าโกรธนี่ดุเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย”
ส้มเช้งบ่นไปก็เจอกับกิ่งเหมยที่กำลังกลับเข้ามาพอดี
“อ้าว...ไอ้เหมย มาแล้วเหรอ หายหัวไปไหนมาทั้งวันวะ”
กิ่งเหมยหน้าเศร้าๆไม่รู้จะตอบยังไงจนส้มเช้งสงสัย
“แกเป็นอะไร...ดูแกแปลกๆนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แกมารอฉันเหรอ”
“เปล่า...ฉันมาส่งอาม่าแก พอดีไปเจอแกกำลังมีเรื่องที่ระหว่างทาง”
กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่ามีเรื่อง...เรื่องอะไร”

กิ่งเหมยถามอาม่าอย่างสงสัย
“ทำไมอาม่าต้องไปไล่คุณดุจแพรแบบนั้นด้วย”
“ก็ไล่ไม่ไป ยังตามเซ้าซี้ไม่เลิก”
“แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรนะคะอาม่า”
“จะรู้หรือไม่รู้อั้วก็ไม่อยากให้อีมายุ่งกับเรา ลื้อไม่เคยเจออย่างที่อาม่าเจอ ลื้อไม่รู้หรอก ว่าไอ้เสี่ยตงมันทำอะไรกับพวกอั้วบ้าง”
“อาม่าก็เล่าให้กิ่งเหมยฟังสิ”
“อั้วไม่เล่า”
“แต่...”
“ลื้ออย่ามาเซ้าซี้ถามอั้วอีก”
อาม่าเสียงดังแล้วลุกจากเก้าอี้ไปยืนหัวเสีย ก่อนจะหันกลับมาถามหลาน
“แล้วนี่ลื้อหายไปไหนมาทั้งวัน”
กิ่งเหมย นิ่งเงียบ
“อั้วถามว่าลื้อหายไปไหนมา”
“อาม่าคะ...คือ...เหมย...”
อาม่ามองสงสัยเพราะท่าทางหลานสาวเหมือนมีเรื่องสำคัญอยากจะพูด กิ่งเหมยตัดสินใจไม่พูด
“เหมย...เหมยไปรับจ้างวาดรูปมาค่ะ”
อาม่ายังมองสงสัย
“ดึกแล้ว เหมยขอตัวนะคะอาม่า”
กิ่งเหมยเดินเลี่ยงออกไป เพราะไม่อยากให้ดูผิดสังเกตมาก อาม่ามองตามคิดว่าไม่มีอะไร

กิ่งเหมยเข้ามาในห้องนอน นั่งลงที่เตียงน้ำตาเอ่อด้วยความเสียใจ
“เหมยขอโทษค่ะอาม่า...เหมยบอกอาม่าตอนนี้ไม่ได้ ในเมื่ออาม่าไม่บอกความจริง เหมยก็ต้องหาความจริงด้วยตัวเอง”
กิ่งเหมยตัดสินใจเอาโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก

ดุจแพรรับโทรศัพท์ที่กิ่งเหมยโทรเข้ามา
“กิ่งเหมย...เกิดอะไรขึ้นเหรอ ฉันไปหาเธอ...แต่ว่า...”
“ฉันรู้เรื่องแล้วค่ะ และต้องขอโทษคุณดุจด้วย”
“ฉันไม่โกรธอะไรหรอก แต่แค่อยากรู้ ทำไมอาม่าเธอถึงไม่พอใจฉันมากขนาดนั้น แล้วยังพูดอะไรแปลกๆด้วย”
“เรื่องนี้ฉันจะอธิบายให้คุณฟัง แต่เราคงต้องเจอกัน”
“ดุจแพร ฉันก็อยากเจอเธอนะ แต่อาม่าเธอห้ามไม่ใช่เหรอ”
กิ่งเหมยนิ่งไปครู่
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ไว้ฉันจะไปเจอคุณเอง”

กิ่งเหมยวางสายไปตัดสินใจเดินหน้าหาความจริงเกี่ยวกับอดีตตัวเอง

วันใหม่...หยกอยู่ในออฟฟิตดุจแพร เขานั่งที่โต๊ะพนักงานก้มหน้าก้มตาใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุคของสำนักงานหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคอาร์พีที่กิ่งเหมยเป็น
แต่ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบทางที่จะช่วยกิ่งเหมยได้ หยกปิดฝาเครื่องอย่างหงุดหงิด
“โธ่เว้ย ! ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียว ในโลกมืดหรอกกิ่งเหมย”
หยกหน้าเคร่งเครียด ระหว่างนั้นดุจแพรเข้ามา
“เป็นอะไรของเธอ ถ้าคอมพ์ในบริษัทฉันพังขึ้นมา ฉันจะให้ป๋าหักเงินเดือนเธอ”
“ผมขอโทษครับ”
ดุจแพรสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า ฉันเห็นท่าทางเธอดูหงุดหงิดมาหลายวันแล้ว”
หยกไม่อยากพูดถึงเดินเลี่ยงไปที่ตู้กดน้ำดื่มดื้อๆ ดุจแพรไม่พอใจเดินตามไปเซ้าซี้
“นี่นายหยก ฉันถามน่ะนายก็ต้องตอบฉันสิ ไม่ใช่เดินหนีฉันแบบนี้”
หยกไม่สนใจกดน้ำดื่มกินทำหูทวนลม
“นายหยก ฉันไม่ใช่พวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน ถ้าไม่อยากพูดฉันก็ไม่อยากรู้”
“ดีครับ การไม่รู้เรื่องคนอื่นซะบ้าง ชีวิตมันจะสงบขึ้นเยอะ”
ดุจแพรอึ้ง
“นายหยก”
ดุจแพรโมโหแย่งแก้วน้ำจากมือของเขามาสาดใส่หน้าเขาทันที หยกหน้าเปียกโชกไปด้วยน้ำ
“อย่าให้มันมากไปนักนะ นายเป็นลูกน้องพ่อ เท่ากับต้องฟังฉันด้วย”
ดุจแพรมองหยกอย่างไม่พอใจ ระหว่างนั้น ตงเข้ามา เก่งเดินตามหลัง
“มีอะไรกันน่ะ”
“ป๋า!”
ตงมองทั้งคู่อย่างสงสัย หยกไม่พูดอะไรเดินเลี่ยงออกไป ดุจแพรมองพ่อ

ดุจแพรกับตงเดินคุยกันมาตามทางเดินในออฟฟิต
“ไว้พ่อจะเตือนๆมันให้ ต่อไปมันจะได้ไม่ทำให้ลูกหงุดหงิด”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป๋า ดุจเริ่มชินแล้วกับความกวนประสาทของเขา ว่าแต่ป๋า มาตอนนี้ก็ดีเลย เวลาพักเที่ยงของดุจพอดี เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน”
“ป๋าก็อยากไปกับดุจนะ แต่น่าเสียดายที่มีงานสำคัญ”
ดุจแพรจ๋อยๆไป
“อ้าว…แล้วป๋าแวะมาหาดุจทำไมเหรอคะ”
“มีคนเขาคิดถึงลูกสาวป๋า ป๋าก็เลยพามาให้เจอกัน เรากับเขาไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
ดุจแพรงงๆ
“ป๋าหมายถึงใครคะ”
ตงยิ้มแล้วมองไปที่หน้าบริษัท ดุจแพรมองตามเห็นอู๊ดดี้ ชายหนุ่มในชุดสูทหรูดูดีพร้อมช่อดอกไม้เบ้อเริ่ม สวมแว่น ดำเท่ห์เก๊กท่าหล่อโบกมือยิ้มหวานให้
“Hi...ลูกปลาน้อย”
“อู๊ดดี้!” ดุจแพรมองอย่างไม่ชอบใจ

ในห้องประชุมที่สามารถมองผ่านกระจกไปเห็นดุจแพรกับตง ที่กำลังคุยทักทายอยู่กับอู๊ดดี้ข้างนอก ห้องได้ถนัด หยกยืนดูอย่างสงสัย ก่อนจะหันมาถามเก่ง
“คนที่เสี่ยพามาเป็นใคร”
“คุณอู๊ดดี้ ลูกชายเพื่อนเก่าของเสี่ย เคยเป็นเพื่อนเล่นกับคุณหนูสมัยยังเป็นเด็ก”
หยกมองอย่างสนใจเพราะเป็นคนแปลกหน้า ที่ไม่เคยมีในข้อมูลที่เคยอ่านมา เก่งเข้าไปตบบ่าหยกแล้วบีบแรง
“แกถามทำไมวะไอ้หยก”
“เสี่ยให้ฉันคอยตามดูคุณหนู คนที่เข้ามาสนิทกับคุณหนูฉันก็ต้องรู้จักไว้”
“คุณอู๊ดดี้เขาชอบพอคุณหนูมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ตอนนี้เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเสี่ยก็ เลยพามาให้เจอกัน”
“ฉันนึกว่าเสี่ยจะหวงลูกสาว ไม่ยอมให้ใครยุ่ง”
เก่งมองหยกเขม็งแล้วดึงคอเสื้อหยกมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ใช่...เสี่ยหวงคุณหนูมาก ยิ่งไอ้พวกล่างๆที่คิดจะเล่นของสูง เสี่ยยิ่งต้องกันไม่ให้ยุ่ง”
หยกจ้องหน้ากลับแล้วแกะมือเก่งออก
“งั้นฉันก็ไม่อยู่ในข่ายที่เสี่ยจะต้องกัน”
หยกผลักเก่งแล้วเดินออกไป เก่งมองตามอย่างหมั่นไส้

อู๊ดดี้ถามย้ำตง เมื่อชวนไปทานข้าวด้วย แต่เขาไม่ไป
“คุณอาจะไม่ไปทานข้าวด้วยกันจริงๆเหรอครับ”
ตงยิ้มแย้ม
“ไม่ล่ะ...อาติดงานจริงๆ”
ดุจแพรหันมาบอกพ่อ
“งั้นไว้วันหลังเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ค่ะป๋า”
“ไม่ต้องรอป๋าหรอกลูก เพื่อนเก่าไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนาน มีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ ป๋าไปด้วยเดี๋ยวจะคุยกันไม่สนุก”
ระหว่างนั้นหยกเดินเข้ามาเพราะเห็นว่าดุจแพรจะออกไป ดุจแพรเลยได้โอกาสหาตัวช่วย
“งั้นดุจให้หยกขับรถพาไปแล้วกันนะคะ"

ตงขัดขึ้นทันที

“ไม่ต้องหรอกลูก อู๊ดดี้เขาน่าจะจำร้านประจำที่เคยไปกินกันได้”

“จำได้ครับอา”
หยกขับมอเตอร์ไซค์มาตามทางอย่างเร็ว รั้งท้ายด้วยธงรบที่ขับรถไล่ตาม ธงรบเห็นหยกไม่ยอมชะลอความเร็วและพยายามจะหนี เขายื่นปืนอกนอกตัวรถแล้วเล็งยิง...เปรี้ยง กระสุนเฉี่ยวหยกไปนิดเดียวทำให้เขาจำเป็นต้องบิดคันเร่งแล้วขับปาดซ้ายขวาเพื่อไม่ให้เป็นเป้านิ่ง ธงรบยิงใส่อีกหลายนัดแต่ก็พลาดหมดทุกนัด หยกอาศัยจังหวะมีรถเลี้ยวออกมาจากแยกข้างหน้าใช้เร่งความเร็วพุ่งทะยานไป ทำให้ธงรบตามไม่ทันต้อง เหยียบเบรคตัวโก่ง คลาดกับหยกไปได้อย่างหวุดหวิด
“ไอ้หยก!” ธงรบลงจากรถมาหัวเสีย

หยกเปิดประตูภัตตาคารอาหารจีนเข้าไป เห็นสภาพร้านเงียบเชียบผิดสังเกต และยังพบกองเลือดที่พื้นซึ่งทำ ให้เขาต้องรีบชักปืนออกมาพร้อมกับได้ยินเสียงทุบประตูดังมาจากทางห้องครัว จึงเอาชะแลงมางัดกุญแจที่ล็อคประตูออก ส้มเช้งออกมาเห็นหยกก็ดีใจ
“ไอ้หยก!”
“ส้มเช้ง...นี่เกิดอะไรขึ้น”
“แกต้องช่วยไอ้เหมย...อย่าให้มันเป็นอะไรนะ”
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมยอยู่ที่นี่เหรอ” หยกถามอย่างตกใจ

ในห้องVIP ตงรินน้ำชาใส่ถ้วยจะล้างปากแต่ชาหมด
“หายหัวไปไหนหมดวะ...เอาชามาเติมหน่อย”
ตงตะโกนเรียกไปได้ครู่ กิ่งเหมยเปิดประตูห้องเข้ามาหน้าตาตื่นกลัว ตงหันไปเห็นก็แปลกใจ
“นั่นเธอ...เพื่อนของดุจแพรนี่”
กิ่งเหมยอึกอัก
“เอ่อ...คือ...คือ”
“มาทำอะไรที่นี่ ยืนอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้”
กิ่งเหมยสายตาหลุกหลิกไปทางข้างๆ ทำให้ตงสงสัย ทันใดนั้นมือปืนผลักกิ่งเหมยเข้ามา แล้วเล็งปืนยิงใส่ ตงทันที...เปรี้ยงๆ
ตงกระโจนหลบ ถ้วยจานบนโต๊ะโดนยิงกระจุย กิ่งเหมยไปซุกตัวอยู่มุมห้องเอามืออุดหูเสียงปืนที่ดังลั่น ตงพยายามจะวิ่งหนีออกจากห้อง แต่โดนมือปืนเอาปืนเอาปืนมาจ่อหัว
“คิดจะหนีเหรอไอ้เสี่ยตง...แกหนีไม่รอดหรอก”
ตงหน้าเหวอเพราะกำลังจะโดนสังหาร แต่ทันใดนั้นหยกเข้ามายิงใส่...เปรี้ยง!
กระสุนเฉี่ยวแขนมือปืนไปนิดเดียว มันเลยหันไปยิงใส่หยกไม่ยั้ง...เปรี้ยงๆๆๆ หยกต้องหลบแล้วยิงสวนกลับไปบ้าง ตงฉวยโอกาสรีบหนี มือปืนเห็นพลาดท่าเสียทีเลยเข้าไปดึงตัวกิ่งเหมย ขึ้นมาเป็นตัวประกัน
“มานี่...แกต้องไปกับฉัน”
มือปืนล็อคคอกิ่งเหมยมาบังแล้วถอยหนี หยกตกใจได้แต่ยกปืนเล็ง
“กิ่งเหมย…ปล่อยเธอนะเว้ย”
“หยก…ช่วยฉันด้วย…หยก…หยก!” กิ่งเหมยร้องอย่างตกใจ

มือปืนฉุดกระชากลากตัวกิ่งเหมยหนีเข้ามาในบริเวณตึกร้าง
“ปล่อยนะ…ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“หุบปาก!”
มือปืนเอามือบีบปากกิ่งเหมยให้หยุดส่งเสียง ระหว่างนั้นหยกตามมา
“ปล่อยกิ่งเหมยดี๋ยวนี้”
กิ่งเหมยชะงัก
“หยก!”
“ปล่อยก็โง่สิวะ...แกนั่นแหละทิ้งปืน...ไม่งั้นฉันจะยิงแขนยิงขานั่งนี่ทีละนัด เร็วสิเว้ย...ทิ้งปืน!”
หยกเจ็บใจกำปืนแน่น เห็นกิ่งเหมยตกอยู่ในอันตรายจึงต้องยอมทำตามโยนปืนทิ้งแล้วชูมือ
“ฉันทำตามที่แกสั่งแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้อะไรด้วย แกจะหนีไปไหนก็หนีไป”
มือปืนมองหยกแล้วยกปืนขึ้นเล็ง
“ฉันไม่ไว้ใจพวกไอ้เสี่ยตงหรอกเว้ย”
มือปืนยิงใส่หยก…เปรี้ยง! กระสุนเฉี่ยวแขนไป หยกเซเข่าทรุดเลือดไหลอาบแขน มือปืนจะยิงหยกซ้ำ กิ่งเหมยร้องห้าม
“อย่าฆ่าเขา”
กิ่งเหมยปัดมือของมือปืนไปทางอื่นทำให้ยิงไม่ถูกหยก มือปืนไม่พอใจตบหน้า…เพี๊ยะ !กิ่งเหมยล้ม มือปืนหันไปจะยิงหยก แต่กิ่งเหมยฮึดลุกขึ้นมายื้อแย่งปืนกับมือปืนไปมา ปืนถูกกดต่ำลงระหว่างเธอกับมือปืน ทันใดนั้นเสียงปืนดัง...เปรี้ยง !! ทั้งกิ่งเหมยและมือปืนหยุดชะงักไปทั้งคู่ หยกตะลึง
“กิ่งเหมย!”

กิ่งเหมยผละออกมาปืนอยู่ในมือเต็มไปด้วยเลือดของมือปืน เพราะกระสุนที่ลั่นเปรี้ยงนัดนั้นลั่นใส่ท้องมือปืน หยกอึ้ง

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 7 จบตอน

“กิ่งเหมย!”

กิ่งเหมยตกใจ
“หยก...ฉัน...ฉันยิงคน”
กิ่งเหมยทำปืนตกหยกรีบเข้าไปประครองเธอเอาไว้ แล้วหญิงสาวก็ตกใจช็อคจนหมดสติในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“กิ่งเหมย!”
มือปืนที่โดนยิงท้องจนเลือดเต็มมือพยายามกระเสือกกระสนหนี ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง!
หยกหันไปเห็นตงที่ตามเข้ามาด้วยความโกรธแค้น ตงยิงใส่มือปืนที่นอนพะงาบๆตามเป็นชุดอีกหลาย นัด...เปรี้ยงๆ จนมือปืนตายคาที่ จากนั้นก็เข้าไปจับแขนมือปืนมาดูรอยสักพิราบดำ
“ไอ้พวกพิราบดำ...คนของไอ้เกา ไอ้สารเลว”
ตงอาฆาตแค้นแล้วหันมาที่หยกกับกิ่งเหมย
“ขอบใจนะไอ้หยก โชคดีที่แกมาทันไม่งั้นฉันคงโดนเก็บไปแล้ว” ตงมองที่กิ่งเหมย “แล้วนั่น เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ตกใจจนหมดสติไปครับเสี่ย”
“แกเองก็บาดเจ็บ...มา...ฉันช่วยเอง”
ตงเข้าไปช่วยอุ้มกิ่งเหมยแล้วพาเดินออกไป หยกมองตามตงแล้วมองไปที่ศพมือปืนอย่างหนักใจ

มานพอุ้มดุจแพรที่หมดสติเข้าในห้องพักโรงแรม เขาวางเธอลงบนเตียง ดุจแพรไม่รู้สึกตัวแน่นิ่ง มานพลูบแก้มเธอเบาๆบนผิวที่อ่อนนุ่ม แล้วสัมผัสเส้นผมยกขึ้นมาสูดดมความหอม สายตาจิกร้ายหมายจะย่ำยี มานพถอดเสื้อตัวเองออกโชว์กล้ามเป็นมัด และกำลังลังจะลงมือปลดกระดุมเสื้อของดุจแพร แต่ระหว่าง นั้นเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ
“โธ่เว้ย…ใครวะ ขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง”
มานพไม่สนใจจะปลดกระดุมเสื้อดุจแพรต่อ แต่เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุดจนเขารำคาญรีบลุกไปเปิดพบโหงวยืนอยู่
“นี่แก…แกรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ไอ้ชาญมันเล่าให้อั้วฟังหมดแล้ว ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ อย่าไปยุ่งเลย”
“นี่แกสั่งฉันเหรอไอ้เป๋ แกกล้าดียังไงมาสั่งฉันวะ”
“อั้วเตือนลื้อดีๆนะ เพราะอั้วไม่อยากให้ลื้อหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว”
มานพไม่พอใจผลักอก
“ฉันเป็นเจ้านายแก...แกต่างหากที่ต้องฟังฉัน...ไปให้พ้น”
มานพปิดประตูใส่หน้าโหงว แล้วเดินกลับมาที่ดุจแพรเตรียมจะข่มขืนต่อ
“รอเสร็จเรื่องสนุกของฉันเมื่อไหร่ แกโดนฉันเล่นงานให้เป๋อีกข้างแน่”
มานพขึ้นไปที่เตียงลูบหน้าลูบตาหญิงสาวแล้วเริ่มซุกไซร้หน้าลงที่ซอกคอ แต่ก็ได้ครู่เดียวมานพก็โดนโหงวตามเข้า มาจิกผมกระชากหัวขึ้นมา
“อั้วสั่งให้ลื้อหยุด ลื้อก็ต้องหยุด...ไอ้มานพ”
โหงวชกเข้าที่ท้องมานพอย่างแรงทีเดียวมานพจุกตัวงอแทบหมดแรง
“ไอ้...ไอ้เป๋…นี่แก”
มานพพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่ก็ถูกโหงวจับข้อมือมาบิดแล้วจ้องเขม็งดุใส่
“อย่าคิดสู้อั้วเลยไอ้มานพ เวลาที่อั้วเห็นลื้อพยศใส่ไอ้เล้ง อั้วโคตรชอบใจเลย แต่ถ้าลื้อ มาทำแบบนั้นกับอั้ว…อั้วไม่ชอบ!”
โหงวจับมานพบิดแขนจนร้องลั่น ระหว่างนั้นดวงแขตามเข้ามาเห็นเข้าก็รีบห้าม
“ปล่อยมานพเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันจะสั่งสอนมัน เธออย่ามายุ่ง”
โหงวจัดการทุบต้นคอมานพทีเดียวฟุบหมดสติไป ดวงแขตกใจ
“ตานพ !”
“มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ฉันจะลากคอมันออกไปอบรม”
“แกไม่มีสิทธิ์ทำกับตานพแบบนี้”
“ฉันเป็นพ่อมันจะไม่มีสิทธิ์ได้ยังไง...เธอนั่นแหละจัดการทางนี้ด้วย”
ดวงแขมองไปที่ดุจแพรที่นอนไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยาสลบ

ในห้องทำงาน ตงกระชากคอเสื้อเก่งมาตะคอกใส่หน้า
“หมายความว่ายังไง แกตามหาลูกสาวฉันไม่เจอเหรอ”
“ไม่มีใครเห็นว่าคุณหนูหายไปไหน ไปกับใคร คุณอู๊ดดี้เองก็ไม่เห็น ผมก็เลยไม่รู้ว่า...”
ตงไม่พอใจตบหน้าเก่งหน้าหันเลือดกลบปาก
“แกไม่ต้องมาอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไร ฉันไม่สนใจว่าแกจะต้องพลิกแผ่นดินหายังไง ถ้าพาลูกสาวฉันกลับมาไม่ได้ พวกแกก็เตรียมตัวตายได้เลย...ไป!”
เก่งรีบออกไปตงหันมาหัวเสีย

กิ่งเหมยรู้สึกตัวขึ้นบนที่นอนในห้องที่ตกแต่งอย่างดีทำเอาเธออดแปลกใจไม่ได้ มีหยกดูแลอยู่ใกล้ๆ
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“หยก!”
กิ่งเหมยโผกอดเขาอย่างดีใจ หยกลูบหัวลูบหลังปลอบใจ

“ไม่เป็นไรนะ เธอปลอดภัยแล้ว”

“แล้ว...ที่นี่ที่ไหน”
 

หยกไม่ทันจะตอบ ตงก็เข้ามา
“บ้านของฉันเอง”
กิ่งเหมยชะงักมอง ตงที่หน้าตาเป็นมิตรเข้ามาหาเธอ
“ฉันเห็นว่าเธอหมดสติเพราะช่วยเหลือฉัน ฉันก็เลยพามาพักที่นี่ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ
“แล้ว...แล้วมือปืนคนนั้น…”
“ฉันให้ลูกน้องจัดการไปแล้ว”
“แล้วไม่แจ้งตำรวจเหรอ”
ตงนิ่งไม่ตอบหันไปมองหยกให้เป็นคนอธิบายเอง
“นี่เป็นเรื่องภายในที่เสี่ยต้องจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
ตงเข้าไปจับบ่ากิ่งเหมยแล้วบีบเบาๆ
“เธอเป็นเพื่อนลูกสาวฉัน ก็เหมือนว่าเป็นลูกสาวฉันคนหนึ่ง แต่บังเอิญว่ามาอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย สิ่งที่เธอเห็นวันนี้อาจจะเป็นเรื่องน่า ตกใจ แต่มันก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าฉันจะขอให้เธอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอจะว่ายังไง”
ตงเพิ่มน้ำหนักบีบไหล่เหมือนต้องการขู่ กิ่งเหมยชะงักหันไปมองหยกที่พยักหน้าให้เธอตามน้ำตามสิ่งที่ ตงขอเธอ
“ดะ...ได้ค่ะ”
ตงยิ้มพอใจ
“ดีมาก...ต่อไปนี้ถ้าเธออยากได้อะไรเธอบอกฉันเลยนะ ฉันจะถือว่าเธอเป็น ลูกสาวฉันคนหนึ่ง”
ตงหัวเราะชอบใจแล้วหันไปตบบ่าหยก
“ขอบใจแกด้วยนะหยก แกไปส่งกิ่งเหมยแล้วค่อยมาคุยกับฉัน ถึงเวลาที่ฉันจะต้องพึ่ง ฝีมือแกแล้ว”
“ครับเสี่ย”
ตงออกไปทิ้งให้กิ่งเหมยอยู่กับหยกตามลำพัง

หยกพากิ่งเหมยมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านตง กิ่งเหมยเดินตามมาแต่หยุดหันกลับไป มองด้วยแววตาสนใจ เพราะปมอดีตของเธออยู่ที่ตง ซึ่งเวลานี้เธอได้เข้ามาเฉียดใกล้แล้ว
“กิ่งเหมย”
หยกเรียกแต่กิ่งเหมยยังเหม่อคิดจนเขาต้องเข้ามาแตะบ่า เธอสะดุ้งเฮือก
“เป็นอะไรของเธอน่ะ”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“เธอยังไม่บอกฉันเลยว่าเธอไปอยู่ที่ภัตตาคารได้ยังไง”
“ฉัน...ฉันก็ไปกินข้าวธรรมดา”
หยกมองอย่างสงสัยก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคให้
“ถ้าคิดว่าบอกแค่นั้นแล้วฉันจะเชื่อล่ะก็...เธอคิดผิดแล้ว แต่ไว้ฉันจะถามเธอทีหลัง ตอนนี้ ฉันต้องพาเธอไปส่ง ก่อนที่ส้มเช้งจะปิดอาม่าไม่อยู่”
หยกขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง กิ่งเหมยสวมหมวกกันน็อคแล้วซ้อนท้ายออกไป

ดุจแพรรู้สึกตัวขึ้นมามีอาการเวียนหัวเล็กน้อย เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของ มานพเพราะมีภาพถ่ายของเขาตั้งอยู่ที่โต๊ะ เธอตกใจรีบสำรวจสภาพตัวเอง พบว่ายังอยู่ในชุดเดิม ระหว่างนั้นจำปาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับนำเครื่องดื่มมาให้ ดุจแพรตกใจรีบลุกจากเตียงทันที
“ที่นี่ที่ไหน…แล้วเธอเป็นใคร”
“ใจเย็นๆค่ะคุณ ดิฉันไม่ได้มาทำอะไรคุณนะคะ แค่มาช่วยดูแลคุณ”
“ดูแล...ดูแลฉันเนี่ยนะ”
จำปายิ้มให้อย่างอัธยาศัยดีแล้วเอาถาดเครื่องดื่มไปวางให้ ดุจแพรยังระแวงสงสัยไม่กล้าเข้าใกล้
“แล้วตกลงที่นี่มันที่ไหน”
ดวงแขเข้ามา
“ที่นี่บ้านของมานพ ลูกชายฉันเองจ้ะ”
“บ้านมานพ...ลูกชายคุณ”
“ใช่จ้ะ...ฉันดวงแข ยินดีที่ได้รู้จักเธอ”
ดุจแพรยังมองอย่างไม่ไว้ใจ ดวงแขพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เธอคงกลัวเพราะอยู่ๆก็ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่กับคนไม่รู้จัก แต่ขอให้สบายใจได้ ลูกชาย ฉันฝากให้ช่วยดูแลเธอ รับรองว่าไม่มีใครทำอะไรเธอแน่นอน”
ดุจแพรฟังดวงแข แล้วหันไปมองที่ภาพถ่ายของมานพในกรอบบนโต๊ะ

มานพนั่งคอพับหมดสติอยู่ที่เก้าอี้กลางโรงสี มารู้สึกตัวเมื่อโหงวเอาน้ำมาสาดใส่หน้า
“ไอ้โหงว...นี่แก!”
มานพยังไม่หายโกรธลุกพรวดกำหมัดเข้าไปเล่นงาน แต่เจอโหงวที่ตั้งท่าเชิงมวยรอ มานพพุ่งเข้าไปซัดหมัดนัวรัวไม่ยั้งแต่ทุกหมัดก็โดนโหงวปัดได้อย่างง่ายดาย เพราะเชิงมวยของโหงวเป็นเชิงแบบ บุ๋นคล้ายมวยไทเก๊ก โหงวปัดหมัดจนมานพเสียหลักแล้วโหงวก็กระแทกศอกเข้ากลางลำตัว มานพกระเด็นลงไปทรุดไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้คนแก่ขาเป๋
“อย่าพยายามคิดจะสู้กับอั้วเลยดีกว่า เพราะถ้าลื้อเห็นว่าคนพิการมันไม่มีพิษสง ก็เท่า กับลื้อนั่นแหละที่พิการไร้ฝีมือ”
“แก...ไอ้เป๋ วันนี้ฉันต้องกระทืบแกให้ได้”

มานพหันไปคว้าไม้หน้าสามแล้วพุ่งเข้ากวัดแกว่งเล่นงาน โหงวฉากถอยแล้วตั้งท่าเชิงมวยพร้อมรับมือ

ดวงแขพาดุจแพรเดินเข้ามาที่ห้องโถง

“ตานพน่ะเขาไปพบหนูไม่สบายแล้วก็หมดสติไป แต่เขาไม่รู้ว่าบ้านหนูอยู่ที่ไหน ก็เลย ต้องพามาพักที่นี่แล้วให้ฉันช่วยดูแล”
“แล้วเขาไปไหนเหรอคะ”
ดวงแขยิ้ม
“ทำงานจ้ะ”
ดุจแพรพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเดินมาหยุดดูภาพถ่ายครอบครัวที่มานพถ่ายกับดวงแขและเจ้าสัวเล้ง
“ตัวจริงของหนู สวยสมกับที่ตานพมาเล่าให้ฉันฟังเลย”
ดุจแพรแปลกใจ
“มานพเขาพูดถึงฉันด้วยเหรอคะ”
“จ้ะ...เขาน่ะพูดถึงหนูเป็นประจำ ชอบมาบอกว่าถึงจะเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ทำ ให้เขารู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดเข้าให้”
ดุจแพรชะงักเขิน ดวงแขยิ่งยิ้มชอบใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฉัน แต่ฉันหายไปนานแล้ว ป่านนี้ทางบ้านคงเป็นห่วง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฉันถือวิสาสะดูเบอร์โทรศัพท์จากมือถือของหนูแล้วโทรไป บอกทางบ้านให้แล้ว”
ระหว่างนั้นจำปาพาตงเข้ามาพอดี
“คุณคะ...พ่อของคุณดุจแพรมาถึงแล้วค่ะ”
ตงพอเห็นดุจแพรก็ดีใจรีบเข้าไปสวมกอดลูกสาว
“ดุจ”
“ป๋าคะ”
ดุจแพรกอดพ่อด้วยความดีใจ ส่วนดวงแขแอบยิ้มมุมปากกับแผนการที่ได้วางไว้แล้ว ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งเข้ามา พร้อมกับลูกน้องร้องถามขึ้น...
“ดวงแข...ฉันเห็นมีรถมาจอด แขกใคร”
“ฉันมาเป็นแขกแกเอง...ไอ้เล้ง”
เจ้าสัวเล้งมองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นตง

โหงวใช้มือเปล่าจับข้อมือของมานพข้างที่ถือไม้หน้าสามก่อนที่จะฟาดลง มานพพยายามโถมแรงแต่ก็สู้แรงของโหงวไม่ได้ถูกจับบิดข้อมือจนไม้หล่นจากมือ
“ที่วันนี้อั้วต้องสั่งสอนลื้อ เพราะลื้อมันคิดถึงแต่เรื่องสนุกของตัวเอง ขืนปล่อยให้ลื้อทำ ร้ายลูกสาวไอ้ตง ชาตินี้ลื้อก็ไม่มีวันขึ้นมาใหญ่ได้หรอก”
มานพชะงัก
“แกว่าไงนะ ดุจแพรน่ะเหรอเป็นลูกสาวไอ้เสี่ยตง”
“แผนการของอั้ววางไว้ให้ลื้อหมดแล้ว แค่ลื้อผงกหัวคอยฟังคำสั่ง ลื้อจะได้ทุกอย่างที่ ต้องการ”
“แต่ฉันเป็นเจ้านายไม่ใช่หมารับใช้จะได้คอยฟังแต่คำสั่ง”
“แต่ความหยิ่งผยองพองตัวและบ้าบิ่นมุทะลุของลื้อ มันจะไม่มีวันช่วยให้ลื้อได้ขึ้นไปยิ่ง ใหญ่เป็นมังกรเหนือไอ้เล้งได้หรอก”
“แกมันก็เก่งแต่ปากแหละวะไอ้เป๋”
มานพเล่นสกปรกใช้หัวกระแทกใส่โหงวจนผงะ จากนั้นก็ใช้โอกาสทีเผลอกระหน่ำรุมชกไม่ยั้งอย่างบ้าคลั่ง โหงวโดนไปหลายหมัดจนเป็นฝ่ายถอย มานพได้ใจยิ้มเยาะ
“แกมันสำคัญตัวผิดแล้วไอ้เป๋...แกเป็นขี้ข้าฉัน อย่าริทำตัวเป็นพ่อมาสั่งสอนฉัน”
มานพง้างหมัดจะเล่นงานอีกแต่คราวนี้โหงวเอามือรับหมัดไว้ได้ โหงวจ้องตาเขม็งใส่อย่างเอาจริง
“แก!”
มานพใช้มืออีกข้างชกแต่โดนโหงวจับไว้ได้อีก โหงวจับสองมือมานพมาบิดลงอย่างแรงจนต้องร้องลั่น...
“อ๊ากก”
โหงวตามไปซ้ำด้วยการชกเข้าที่ท้องน้อยอีกทีจนมานพจุกตัวงอเดินโซเซไปมาก่อนจะร่วงลงไปหมอบที่พื้น โหงวเข้าไปจิกหัวมานพที่ตาปรือใกล้จะหมดสติขึ้นมาตะคอกใส่หน้าอย่างฉุนเฉียว
“อั้วไม่ใช่ขี้ข้าลื้อ...แต่อั้วเป็นพ่อลื้อต่างหาก ไอ้มานพ”
มานพตาปรือๆมองหน้าโหงวอย่างสงสัยก่อนจะฟุบหมดสติ

เจ้าสัวเล้งรับรองตงที่ห้องรับแขก แล้วหันไปถามดวงแข
“มานพน่ะเหรอช่วยลูกสาวไอ้ตงไว้”
“ค่ะคุณ”
“แล้วมันไปไหน”
ดวงแขกระซิบ
“ให้เวลาลูกหน่อยนะคะคุณ ตานพน่ะรู้สึกผิดแล้วแต่ยังไม่กล้ามาพบคุณ”
เจ้าสัวเล้งฟังแล้วยกมือปัดให้ดวงแขไม่ต้องพูดต่อ ก่อนจะหันไปคุยกับตง
“ฉันเพิ่งรู้ว่าลูกชายฉันรู้จักกับลูกสาวแก ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นฝ่ายโทรหาแกเองแล้ว”

“ไม่ต้องให้มันยุ่งยากหรอกไอ้เล้ง ลูกชายแกช่วยดูแลลูกสาวฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ แกเลี้ยงลูกได้เป็นสุภาพบุรุษเหมือนแกไม่มีผิด”

“ลูกสาวแกก็สวยนะ...หน้าตาดีทีเดียว นี่ถ้าได้มาเป็นลูกสะใภ้ฉันล่ะก็ แกกับฉันคงได้แย่ง กันอุ้มหลานแน่”
 

“นี่แกเห็นลูกสาวฉันครั้งแรกก็คิดจะทาบทามแล้วเหรอวะ”
“ก็ขอมันตรงๆนี่แหละ เรามันกากี่นั้งกันไม่ใช่เหรอ”
ตงยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะชอบใจเสียงดังไปพร้อมๆกับเจ้าสัวเล้ง แต่ดุจแพรไม่รู้สึกสนุกด้วยรีบลุกพรวดขัดจังหวะ
“ป๋าคะ...วันนี้แพรเพลียมาก ดุจอยากกลับแล้วค่ะ”
ตงหันมาปรามลูกสาว
“ทำไมเสียมารยาทล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกไอ้ตง อั้วคุยกับลื้อสนุกปากเกินไป สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยเราที่พ่อแม่จะ จับแต่งงานกันโดยไม่ต้องถาม” เจ้าสัวเล้งหันไปที่ดุจแพร “ฉันขอโทษด้วยนะ...หนูคงไม่ถือสาคน แก่ๆหัวโบราณ”
ดุจแพรนิ่งไป ตงโอบไหล่ลูกสาวแล้วตอบแทน
“จะถือสาแกได้ยังไง ขอโทษเพื่อนป๋าซะ”
“ไม่เป็นไรน่าไอ้ตง...เห็นลูกสาวแกเป็นแบบนี้ฉันยิ่งชอบ ว่างเมื่อไหร่มากินข้าวด้วยกันนะ ฉันมีแต่ลูกชายไม่เคยมีลูกสาวเลย”
ตงพยักหน้าให้ดุจแพรตอบรับคำเชิญของเจ้าสัวเล้ง ดุจแพรยกมือใหว้
“ค่ะ”
เจ้าสัวเล้งรับไหว้ดุจแพรอย่างรู้สึกถูกชะตา ดวงแขเห็นแล้วแอบยิ้มพอใจ

หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด กิ่งเหมยลงจากรถถอดหมวกกันน็อคคืนให้ ระหว่างนั้นอาม่าออกมา
“นี่ลื้อพาอาเหมยหายไปไหนมาทั้งวัน…หาไอ้หยก”
ทั้งหยกทั้งกิ่งเหมยมองหน้ากันแล้วตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน
“ไปวาดรูป”
“ไปซื้อต้นไม้”
อาม่างง
“ตกลงพวกลื้อไปไหนมากันแน่”
“ไปวาดรูปจ้ะอาม่า”
“แล้วทำไมไอ้หยกบอกไปซื้อต้นไม้”
“คือผมจะไปเลือกซื้อต้นไม้มาขาย ก็เลยไปตามกิ่งเหมยที่กำลังไปรับจ้างวาดรูปให้ไป เป็นเพื่อนช่วยเลือกครับอาม่า”
“อ๋อเหรอ”
อาม่าทำเป็นยิ้มให้แต่กลับตีหน้าดุแล้วหยิกหูทั้งคู่แรงๆทันที
“พวกลื้อโกหกอั้ว ...มานี่เลย”
อาม่าดึงติ่งหูทั้งคู่ลากพาเข้าบ้านทันที...ในบ้านส้มเช้งนั่งหน้าจ๋องรออยู่ อาม่าลากหูสองคนเข้ามา กิ่งเหมยเจ็บ
“โอ้ยๆๆๆ อาม่า…เหมยเจ็บ”
“เบาๆครับอาม่า เดี๋ยวหูผมยาน”
อาม่ายอมปล่อยแต่ผลักให้ทั้งคู่ไปนั่งรวมกันที่โต๊ะ
“พวกลื้อรวมหัวกันโกหกอะไรอั้ว...อาส้มเช้งกลับมาบอกว่าไอ้หยกพาอาเหมยไปเที่ยว แต่พวกลื้อกลับมาโกหกไม่เหมือนกัน”
สามคนหน้าจ๋อยหันมามองหน้ากันโทษกันไปมา ส้มเช้งออกตัว
“ก็แกไม่เตี๊ยมกับฉันก่อนนี่หว่า”
“พอ! ไม่ต้องเถียงกัน บอกความจริงอาม่ามาเดี๋ยวนี้นะว่าพวกลื้อหายไปไหนกันมา”
กิ่งเหมยหนักใจเอาไงดี หยกเลยตัดสินใจลุกขึ้นพรวด
“ผมขอโทษด้วยครับอาม่า...ผมเองที่ผิด ที่ต้องให้กิ่งเหมยโกหก”
“หมายความว่าลื้อจะพูดความจริง”
“ครับอาม่า”
“ว่ามา”
“ที่ส้มเช้งบอกมาถูกแล้วครับ ผมพากิ่งเหมยไปเที่ยวจริงๆ แต่ผมอยากไปกันสองต่อสอง”
หยกหยุดนิดนึงแล้วหันไปจับมือกิ่งเหมยมากุม ทำเอากิ่งเหมยตกใจ
“ผมก็เลยไล่ให้ส้มเช้งกลับ เราจะได้อยู่กันตามลำพัง ไม่มีก ข ค”
กิ่งเหมยหน้าเหวอ ไม่คิดว่าหยกจะอ้างแบบนั้น อาม่าถึงกับตกใจ
“ไอ้หยก...นี่ลื้อ...ลื้อกับอาเหมย”
“ใช่ครับอาม่า”
กิ่งเหมยรีบแกะมือแล้วผลักอกหยกจนเซ
“ไอ้บ้าหยก!”
กิ่งเหมยงอนแก้มป่องรีบเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งหยกให้ยืนฉีกยิ้มรับหน้ากับอาม่าที่ชักสีหน้าเอาเรื่อง

หยกรีบวิ่งออกมาที่มอเตอร์ไซค์ กระโดดขึ้นคร่อมอานคว้าหมวกกันน็อคมาสวมอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อาม่าถือไม้กวาดตามออกมาฟาดใส่
“นี่แน๊ะ…อั้วให้ลื้อกลับมาคบอาเหมย แต่ไม่ได้หมายความให้ลื้อมาจีบอาเหมยของอั้ว”
“ก็กิ่งเหมยน่ารักนี่อาม่า”
“ไอ้หยก!”
“ผมไปล่ะอาม่า”
หยกรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป อาม่าโยนไม้กวาดทิ้งอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้กะล่อน ไอ้จิ๊กกะโล่”

ดวงแขรีบเข้ามาในโรงสี แล้วตกใจที่เห็นสภาพมานพนอนไม่ได้สติ

โปรดติดตามตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น