xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 12


ค่ำนั้น...มานพออยู่ในโรงสี เขาปลดกระดุมเสื้อออกเหลือเหลือแค่กางเกงยีนส์ตัวเดียว...มานพยืนอยู่ท่ามกลางคนงานโรงสีที่พร้อมจะเป็นคู่ซ้อมให้แต่ละคนฝีมือเอาเรื่อง โหงวจ้องหน้า

“ถ้าแกอยากจะเป็นมังกรที่แข็งแกร่งกว่าไอ้เล้ง ตั้งแต่นี้ไปแกจะเป็นมานพคนเดิมไม่ได้”
โหงวพยักหน้าให้คนงานโรงสีเข้าเล่นงาน มานพตั้งการ์ดเชิงมวยรออยู่แล้ว แต่ฝีมือของมานพยังสู้พวก มันไม่ได้เลยโดนเล่นงานไปหลายหมัด มานพโดนถีบยอดออกกระเด็นไปกระแทกกับลังไม้จนแตกกระจาย ชาญเห็นเจ้านายถูกเล่นงานหนักก็ไม่พอใจ ชักปืนออกมาจ่อหน้าพวกคนงาน “เฮ้ย! ให้พวกแกมาเป็นคู่ซ้อมให้นาย ไม่ได้ให้มาซ้อมนายแบบนี้นะเว้ย”
มานพปราม
“แกหลบไปไอ้ชาญ!”
ชาญชะงักหันไปเห็นมานพลุกขึ้นจากกองเศษไม้ สภาพเลือดกลบปาก ตามตัวมีแผลถลอกเลือดซิบๆ แต่สายตา กราดเกรี้ยวเอาเรื่อง
“คุณมานพ...ถ้าไม่ไหวก็พอก่อนเถอะครับ”
“ฉันยังไหว”
“แต่ว่า...”
โหงวเสียงแข็งใส่ชาญ
“ไม่ได้ยินที่นายแกสั่งเหรอ ถ้าแกคิดแต่จะปกป้องนายแกอยู่แบบนี้ แกจะไม่มีวันเห็นเขา ยิ่งใหญ่”
ชาญเห็นท่าทางมานพเอาจริงเอาจังเลยยอมถอยออกมาให้พวกคนงานทั้งหมดเข้ามาล้อม
“คราวนี้ฉันจะเอาจริงแล้ว พวกแกไม่ต้องยั้งมือ เข้ามาเลย”
พวกคนงานโดนมานพท้าทายก็หันไปมองโหงวอย่างขอความเห็น โหงวพยักหน้าให้เต็มที่ คนงานได้ไฟเขียวจากโหงวก็ร้องเสียงดังปรี่เข้าไปจู่โจม มานพตั้งท่าเหมือนจะใช้เชิงมวยตอบโต้ แต่เมื่อคนงานเข้ามาใกล้ มานพกลับหันไปคว้าดาบที่วางอยู่ใกล้ๆสู้กับคนงานซึ่งเป็นวิธีการที่สกปรกเพราะพวกนั้นมี แค่มือเปล่า โหงวหัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ นี่แหละสายเลือดมังกรที่แท้จริง ถ้าอยากชนะ กติกาคือไม่มี กติกา ฮ่าๆ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของโหงว มานพใช้ดาบเล่นงานพวกคนงาน ฟันพวกมันไปคนละแผลสองแผล จนเลือดสาดเป็นที่สะใจของมานพมาก

วันใหม่...เจ้าสัวเล้งยืนรอมานพอยู่ที่ห้องทำงาน ครู่หนึ่งดวงแขพามานพเข้ามา
“ตานพมาแล้วค่ะคุณ”
“พ่อตามผมมามีธุระอะไรเหรอครับ”
“แฟ้มบนโต๊ะนั่นเป็นข้อมูลโครงการนิคมอุตสาหกรรมเฟสใหม่ที่พ่อตั้งใจจะลงทุนเพิ่ม พ่ออยากให้แกเอาไปดูแล้ววิเคราะห์หาข้อผิดพลาดก่อนที่พ่อจะเอาเข้าประชุม”
ดวงแขกับมานพไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยพากันแปลกใจ
“พ่อจะให้ผมช่วยดูจริงๆเหรอครับ”
เจ้าสัวเล้งหันมาตบบ่ามานพ
“ปัญหาในแกงค์มาเฟียที่พ่อต้องเข้าไปจัดการมันทำให้ไม่มีเวลา หลังจากที่พ่อเห็นความตั้งใจของแกแล้ว คิดว่าคงถึงเวลาที่จะ ให้แกเข้ามาช่วยแบ่งเบา งานของพ่อบ้าง”
ดวงแขแปลกใจ
“หมายความว่าคุณพร้อมจะให้ตานพมาสานต่องานจากคุณแล้วเหรอคะ”
“ใช่...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ ฉันมีเรื่องต้องฝึกตานพอีกมาก เพราะในแวดวงธุรกิจที่ฉันเคย ต่อสู้มา มันเต็มไปด้วยการต่อสู้ทุกรูปแบบ ถ้าตานพไม่แกร่งพอ ทุกอย่างที่ฉันสร้างมา อาจจะต้องสูญสลายในพริบตา”
ดวงแขดีใจ
“ตานพ...ขอบคุณพ่อเขาสิลูก แล้วบอกพ่อเขาแกจะตั้งใจรับคำสั่งสอนทุกอย่าง”
“ขอบคุณครับพ่อ ผมจะเชื่อฟังทุกคำสอนของพ่อเลยครับ”
เจ้าสัวเล้งรู้สึกสบายใจเลยดึงมานพมาเข้ามาสวมกอด
“พ่อรู้ว่าพ่อไว้ใจสายเลือดของพ่อได้เสมอ”
เจ้าสัวเล้งภูมิใจแต่สายตาของมานพกลับแอบยิ้มร้าย ระหว่างนั้นนนท์เข้ามาตามเจ้าสัวเล้ง
“เจ้าสัวครับ”
“ฉันรู้แล้ว...” เจ้าสัวเล้งนอกกับลูกชาย “พ่อฝากงานของพ่อด้วยนะ”
“ครับพ่อ”
เจ้าสัวเล้งออกไปกับนนท์ทิ้งให้มานพกับดวงแขยิ้มชอบใจ

มานพยกปืนเล็งไปที่คนงานที่ยืนหน้าซีดกลัว ในมือถือกระป๋องน้ำอัดลมตัวสั่นงกๆ
“นิ่งๆสิเว้ย แล้วก็รีบๆเอาไปไว้บนหัว”
คนงานตื่นกลัว
“นาย...นายครับ...ผมว่าอย่าทำแบบนี้เลยครับ”
“แกจะเอาเงินมั้ย”
“มะ...ไม่...ไม่แล้วครับ ถ้าเสี่ยงตายแบบนี้เงินมากเท่าไหร่ผมก็ไม่อยากได้แล้ว”
“ฉันให้เพิ่มอีก 2 เท่า นั่นมันก็เท่ากับค่าแรงของแกทั้งปีแล้ว”
“จะเป็นสิบปีผมก็ไม่เอา”
คนงานกลัวจัดรีบวิ่งหนี มานพเลยลั่นไกขู่...เปรี้ยงๆ! กระสุนหลายนัดลงพื้น แต่นัดหนึ่งโดนเข้าที่ขาจนคนงาน ล้มลงไปร้องโอดโอย
“ไอ้โง่เอ้ย...ก็บอกแล้วให้อยู่เฉยๆ...ไอ้ชาญ ! เอาเงินให้มันไป แล้วไปหาพวกที่ใจกล้า มากกว่านี้มาให้ฉันลองฝีมือใหม่”
“ครับคุณมานพ”
ชาญเข้าไปเอาเงินปึกหนึ่งยัดใส่มือคนงาน แล้วช่วยพยุงพามันออกไป มานพหันมาเช็คกระสุนอย่างไม่ใส่ใจ

โหงวยื่นแฟ้มเอกสารของเจ้าสัวเล้งให้ดวงแข
“ฉันวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจของไอ้เล้งให้หมดแล้ว คำแนะนำทั้งหมดฉันเขียนอธิบายไว้ใน นั้น เธอก็แค่เอาไปให้มานพอ่านแล้วรายงานไอ้เล้งไปตามนั้น”
ดวงแขจะรับแฟ้มจากมือโหงว แต่กลับถูกโหงวดึงกลับแบบจงใจแกล้ง
“เดี๋ยวสิ...มาใช้งานฉันง่ายๆแบบนี้ จะไม่มีค่าเหนื่อยอะไรหน่อยเลยเหรอ”
“ไอ้โหงว...แกอย่ามากวนประสาทฉันนะ”
“ฉันพูดจริงๆไม่ได้กวน พวกลูกจ้างมันทำงานให้มันยังได้ค่าจ้าง กุนซืออย่างฉันมันก็ต้อง ได้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ”
“ฉันกับตานพรับปากแกไปแล้วไงว่าโค่นเล้งลงได้เมื่อไหร่ แกจะรวยไม่รู้เรื่อง”
“เรื่องนั้นยังไงมันก็ต้องตามที่ตกลงกันอยู่แล้ว แต่ฉันก็ยังมีอะไรที่ต้องการมากกว่านั้น”

โหงวพูดไปก็มองดวงแขด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย ดวงแขมองมันอย่างชักไม่ไว้ใจ

ชาญได้คนงานคนใหม่มายืนเป็นเป้านิ่งเอากระป๋องเบียร์วางบนหัวแล้วให้มานพยกปืนขึ้นเล็ง

“ยืนเฉยๆ...นิ่งๆ...ถ้าแกขยับล่ะก็...ฉันไม่รับปากว่าแกจะรอดเหมือนไอ้คนเมื่อกี้รึเปล่า”
“เอ่อ...ผม...ผมว่า...ผมไม่เอาแล้วดีกว่า”
“สายไปแล้ว...แกเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”
มานพแตะไกแล้วลั่น...เปรี้ยง! คนงานหงายหลังตึง เลือดพร้อมมันสมองกระเซ็นไปติดกระสอบข้าวที่อยู่ใกล้ๆ กระป๋องเบียร์กลิ้งไปตามพื้น ชาญรีบเข้าไปดูศพคนงานที่ตายคาที่
“ไม่รอดครับคุณมานพ”
มานพหงุดหงิด
“โธ่เว้ย ! ขี้เกียจฝึกแล้วเว้ย หาอย่างอื่นทำดีกว่า”
มานพโยนปืนให้ชาญแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย

โหงวเข้ามาบีบแขนสองข้างของดวงแข แล้วพยายามซุกไซร้ซอกคอปลุกปล้ำ
“อย่านะไอ้โหงว...ปล่อยฉัน...บอกให้ปล่อย”
“ไม่เอาน่า...ผัวเมียกันจะเล่นตัวไปทำไม”
“ฉันไม่ใช่เมียแกแล้ว...ไอ้เป๋”
ดวงแขผลักโหงวอย่างแรงจนเซออกมา โหงวไม่พอใจ
“นังดวงแข...แกคิดว่าคนอย่างฉันจะไว้ใจแกได้เหรอ ที่ฉันต้องไปติดคุกเป็นสิบๆปีเพราะ แกนั่นแหละที่หักหลังฉัน”
“ถ้าแกไม่ไว้ใจฉันก็ไสหัวไปเลย...ฉันกับลูกสองคนก็โค่นไอ้เล้งได้ไม่ต้องพึ่งแก”
“ฮ่าๆ...ถ้าแกสองคนแม่ลูกทำได้อย่างคุยจริงๆ” โหงวหันไปหยิบแฟ้ม “แล้วกับไอ้เรื่อง แค่นี้ต้องมาพึ่งฉันทำไม”
ดวงแขชะงัก
“ทั้งแกกับฉันเราต่างก็รู้ดีว่ามานพเก่งไม่ได้แม้แต่ครึ่งของไอ้เล้ง เพราะฉะนั้นการที่จะให้ มานพเป็นมังกรอย่างไอ้เล้ง ยังไงแกสองคนแม่ลูกต้องพึ่งกุนซือเก่งๆอย่างฉัน”
“แต่...แต่แกเรียกร้องมากเกินไป”
“ก็ฉันเป็นพ่อมัน...อย่าน้อยแกก็ควรให้มันรู้จักเคารพฉันบ้าง”
“แต่สภาพแกไม่เหมาะเป็นพ่อเขา”
“แต่ก็ยังเหมาะกับการเป็นผัวแกอยู่!”
โหงวพูดไปก็ปรี่เข้าไปจับดวงแขมาซุกไซร้อีก ระหว่างนั้นมานพเข้ามาเห็นพอดี
“ทำอะไรน่ะ!”
โหงวชะงักหันมาเห็นมานพยืนมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ตานพ!”
ดวงแขรีบผละจากโหงวเข้ามาหาลูก เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง มานพหางตามองแม่ตัวเองแล้วมองที่โหงว
“ฉันให้แกช่วยดูงานที่พ่อโยนมาให้ฉันทำ แล้วนี่แกทำอะไรอยู่”
“งานนั่นฉันดูให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็อยากได้ค่าเหนื่อยค่าเสียเวลาบ้าง”
มานพหันไปมองที่แฟ้มแล้วหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างละเอียด
“แกไม่ต้องห่วงหรอก ตระกูลของไอ้เล้งยิ่งใหญ่ร่ำรวยขึ้นมาได้ก็เพราะมีฉันเป็นมันสมอง ให้ แกแค่ไปรายงานมันตามที่ฉันเขียนไว้ ไอ้เล้งจะยิ่งไว้ใจแก”
มานพนิ่งครุ่นคิดมองแฟ้มในมือ ดวงแขเกาะแขนลูกชายแล้วกระซิบเบาๆ
“ตานพ...รับปากแม่นะ เสร็จเรื่องนี้แล้ว แกจะช่วยจัดการมันให้แม่”
มานพนิ่งมองแม่กับโหงวอยู่ครู่ก่อนจะแกะมือแม่ที่เกาะแขนตัวเองออก
“ถึงวันนี้พ่อจะยอมไว้ใจผมแล้ว แต่แม่ก็ได้ยินที่เขาพูดว่าเขายังไม่ยอมยกทุกอย่างให้ ผมง่ายๆ แม่ก็ยอมตามใจผัวเก่าแม่ไปก่อนแล้วกัน เพราะผมยังต้องพึ่งเขาอยู่”
มานพพูดอย่างไม่สนใจความรู้สึกของแม่ เดินออกไปทิ้งให้ดวงแขอยู่กับโหงวตามลำพัง ดวงแขอึ้ง
“มานพ...มานพ...ฉันเป็นแม่แกนะ”
โหงวหัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ..สมกับที่มันได้เลือดฉันไปจริงๆ ฉันจะทำให้แกยิ่งใหญ่เป็น มังกรผงาดฟ้าให้ได้...ฮ่าๆ”
โหงวหัวเราะชอบใจแล้วเดินเข้าหาดวงแขที่ไม่มีทางหนีจากเงื้อมือของโหงว

รถเจ้าสัวเล้งมาจอดที่หน้าโกดังท่าเรือ นนท์ลงมาเปิดประตูรถให้
“พวกมันมารอพร้อมกันหมดแล้วครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้ารับแล้วจะเดินเข้าไปแต่นนท์ทักไว้
“เดี๋ยวครับเจ้าสัว...ข้างในนั้นมีแต่พวกที่ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ผมว่าเจ้าสัวควรจะพกติดตัวไว้”
นนท์ยื่นปืนให้อย่างเป็นห่วงเจ้านาย เจ้าสัวเล้งนิ่งมองปืนในมือนนท์

ภายในโกดังมีการชุมนุมรวมตัวกันของพวกหัวหน้านักเลง หัวหน้ามือปืนซุ้มต่างๆ และพวกเจ้าของกลุ่มธุรกิจ ผิดกฎหมายทั้งค้าอาวุธ ค้าผู้หญิง ทั้งหมดล้วนถูกเจ้าสัวเล้งเรียกตัวมาพบและกลับทะเลาะถกเถียงกันเสียงดัง
เจ้าสัวเล้งก้าวเข้ามาอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับนนท์และลูกน้องแต่ทุกคนไม่ได้สนใจเจ้าสัวเล้งเอาแต่เถียงกันไม่หยุด...เจ้าสัวเล้งนิ่งมองทุกคนรอให้หยุดแต่ไม่มีใครสนใจ การทะเลาะกันเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นกระชากคอเสื้อชกหน้า พวกลูก น้องของแต่ละกลุ่มเลยชักปืนออกมาจ่อกันเองตึงเครียดขึ้นทันที เปรี้ยง !!เสียงปืนดังขึ้นด้วยฝีมือของเจ้าสัวเล้งที่ยิงขึ้นฟ้าทำให้ทุกคนชะงัก
“ถ้าพวกลื้อคิดว่าฆ่ากันเองแล้วจะแก้ปัญหาได้ มันก็สมควรแล้วที่ไอ้ตงจะเห็นช่องโหว่ หาเรื่องไล่บี้พวกลื้อจนไม่ได้ทำมาหากิน”
ทุกคนนิ่งไปก่อนจะเริ่มทยอยเก็บปืน
“เจ้าสัวพูดมาแบบนี้แสดงว่าโทษว่าเป็นความผิดของพวกเรา”
“ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยทำมาหากินลำบาก จนวันที่เราต้องยอมอยู่ภายใต้เจ้าสัวนี่ แหละ เพราะไอ้คำสั่งไม่ให้ตอบโต้ไอ้ตง มันถึงได้ไล่ต้อนพวกเราจนจะชิบหายกันหมด”
“เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่พวกเราคนของสี่เจ้าเวหา จะกระทืบไอ้หมาบ้าตงให้จมดิน”

เจ้าสัวเล้งกวาดตามอง
“ถ้าพวกลื้อที่เห็นด้วยอยากไปเปิดศึกกับไอ้ตง อั้วก็จะไม่ว่า ใครอยากไปก็ไป แต่อั้วบอก ได้คำเดียวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น อั้วจะไม่รับผิดชอบและไม่หนุนหลังพวกลื้ออีกต่อไป”
เสียงส่วนใหญ่ถูกขู่ก็พากันชะงักแต่ก็ยังมีที่ไม่เห็นด้วย
“แต่ถ้าเจ้าสัวยังสั่งให้พวกเรางอมืองอเท้ารอให้ไอ้ตงมันดูถูกอยู่แบบนี้ พวกเราก็ไม่ จำเป็นต้องอยู่ใต้กรงเล็บมังกรวารีของเจ้าสัวอีก”

เสียงโวยวายไม่เห็นด้วยเริ่มจริงจังกลุ่มแรกพากันออกไปโดยที่จ้าสัวเล้งไม่ทักท้วง

กลุ่มอื่นๆเลยเริ่มทยอยตามกัน ออกไปจนเหลือที่อยู่ร่วมกับเจ้าสัวเล้งแค่ไม่กี่กลุ่มที่ยังจงรักภักดีอยู่ นนท์หนักใจ
“เจ้าสัวครับ...ถ้าปล่อยให้ไปหมดแบบนี้ มังกรวารีของเราจะอ่อนแอ ตกเป็นเป้าให้ไอ้ตง ขย้ำนะครับ”
“แกพูดถูกอำนาจและความแข็งแกร่งจะเหยียบย่ำผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ยุคสมัยของการเป็นใหญ่ได้ด้วยกำลัง และการเป็นมาเฟียใช่ว่าจะต้องเลวถึงจะเป็นได้ พวกที่ไปสำหรับฉันถือว่าเป็นเนื้อร้ายที่อยากจะตัดทิ้งอยู่แล้ว”
เจ้าสัวเล้งบอกอย่างจริงจัง...ที่หน้าโกดังพรรคพวกซุ้มมือปืนสองสามคนที่ไม่เห็นด้วยกับเจ้าสัวเล้งพากันมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ด้านนอก เบิ้มซึ่งเป็นหนึ่งในนั้น มองไปที่โกดังอย่างครุ่นคิดก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเล้ง

โหงวสวมเสื้อผ้าติดกระดุมเสื้อแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนดวงแขสีหน้าเจ็บใจจัดเแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง สายตามองโหงวอย่างแค้นเคือง พอเห็นจังหวะที่เขากำลังเผลอมือก็ไปคว้าเอาท่อเหล็กจะเล่นงาน โหงวหันมาพอดีจังหวะที่ดวงแขฟาดใส่ เขาจับเอาไว้หมับ
“ฉันรู้จักเธอดีนะดวงแข คนอย่างเธอแว้งกัดได้ยิ่งกว่าอสรพิษ”
“ถ้าแกรู้จักฉันดี งั้นแกก็ต้องรู้ว่าจุดจบแกจะลงเอยด้วยฝีมือใคร”
โหงวหัวเราะ
“ฮ่าๆ รู้ไว้ด้วยนะว่าสิบกว่าปีที่ฉันถูกเธอหักหลังส่งฉันเข้าคุก มันทำให้ฉันมีภูมิคุ้มกัน จากพิษร้ายของเธอ”
โหงวกระชากท่อเหล็กจากมือดวงแขมาโยนทิ้งแล้วตบหน้า...ผั๊วะ! ดวงแขเซล้มลงสู้ไม่ได้เจ็บใจ ระหว่างนั้น โทรศัพท์ของโหงวดัง เขาจ้องหน้าดวงแขขู่ด้วยสายตาไม่ให้ลุกแล้วกดรับสาย
“ว่าไง”
“สวัสดีเฮียโหงว...ตั้งแต่ออกจากคุกมาไม่มีเวลาว่างไปเยี่ยมเยียนพรรคพวกเก่ากันเลย นะเฮีย” เบื้มพูดกวนๆ
“ไอ้เบิ้ม...อั้วได้ยินว่าลื้อกลับไปเป็นมือปืนอีก ถ้าอั้วโผล่ไปแล้วลื้อโดนตำรวจตาม ลื้อจะ หาว่าอั้วคิดไม่ซื่อกับลื้อน่ะสิ”
“สำหรับเฮีย...ฉันไม่มีทางคิดแบบนั้นหรอก ฉันรับปากเฮียไว้ตั้งแต่อยู่ในคุกว่าถ้าเฮียมี อะไรอยากให้ฉันช่วย ฉันยินดีจัดการให้”
“ฮ่าๆ ขอบใจ แต่ตอนนี้อั้วยังไม่มีอะไรต้องพึ่งพาลื้อ”
“แน่ใจเหรอเฮีย...ฉันยังจำเรื่องไอ้เล้ง มังกรวารีที่เฮียเล่าให้ฟังในคุกได้ ถ้าฉันจะช่วยจัด การมันให้ตอนนี้ เฮียจะมีค่าเสียเวลาพอหอมปากหอมคอให้ฉันรึเปล่า”
โหงวชะงัก
“ลื้อทำได้เหรอ”
“ได้สิเฮีย...พวกฉันเพิ่งมีปัญหากับมันมา ตอนนี้ใครๆก็อยากจะฆ่ามัน”
โหงวชอบใจ
“ถ้าลื้อทำได้...อั้วจัดเต็มให้ลื้อแน่”
โหงวกดปิดสายแล้วหัวเราะชอบใจก่อนจะเข้าไปจับคางดวงแขมาเชย
“ไอ้เล้งคิดจะใช้คุณธรรมปกครองพวกมาเฟีย...ไอ้โง่เอ้ย โจรก็คือโจรจะเปลี่ยนให้เป็น สุภาพบุรุษน่ะเหรอ ไม่มีใครคิดจะเอากับมันด้วย หรอก...ฮ่าๆ”

ดุจแพรเดินหน้าตึงเข้ามาในห้องโถง ป้าจั่นพยายามห้าม
“คุณหนูคะ...ใจเย็นๆก่อนสิคะ”
“ป้าไม่ต้องมายุ่ง แพรต้องคุยกับป๋าให้รู้เรื่อง”
“แต่ป้าว่าคุณหนูกำลังร้อน ถ้าคุยกันตอนนี้ จะไม่มีใครฟังใครนะคะ”
“ถ้าแพรพูดแล้วป๋าไม่ฟัง ก็ต้องแตกหักกันไปเลย”
ดุจแพรไม่สนใจเดินเข้าไปเจอตงเดินลงมาพอดี
“กลับมาแล้วเหรอยัยแพร ป๋าบอกแล้วว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขสบายเหมือนอยู่บ้านเรา”
ตงเข้าไปกอดลูกสาวรับขวัญด้วยความดีใจ แต่ดุจแพรกลับปัดมือแรงๆ
“แพรไม่ได้คิดจะกลับมาอยู่ที่นี่ แต่ที่แพรต้องมาป๋าน่าจะรู้ดีว่ามาทำไม”
ดุจแพรเสียงแข็งหน้าตาจริงจังมากทำเอาตงชะงัก ป้าจั่นปราม
“คุณหนูคะ...มีอะไรค่อยๆพูดกันดีกว่านะคะ”
“ป้าเลิกยุ่งกับแพรสักทีได้มั้ย แพรมีเรื่องต้องคุยกับป๋าตามลำพัง”
“ได้...ถ้าแกต้องการ”
ตงไม่พอใจเข้าไปจับแขนลูกสาวแรงๆทำเอาดุจแพรชะงัก

ตงฉุดกระชากแขนพาลูกสาวเข้ามาในห้องผลักลงบนเตียง
“โอ๊ย...แพรเจ็บนะป๋า”
“แกมันเก่งนักไม่ใช่เหรอไอ้ลูกไม่รักดี”
“ถ้าการรักดีของป๋าหมายถึงต้องยอมรับว่าพ่อตัวเองเป็นมาเฟียเลวๆ แพรยอมให้คน ทั้งโลกดูถูกว่าแพรเป็นลูกไม่รักดี”
“ยัยแพร!”
ตงโมโหตบหน้าลูกสาวทันที...เพี๊ยะ! ดุจแพรหน้าหันน้ำตาคลอเบ้า
“เอาสิคะป๋า...อยากตีแพร อยากฆ่าแพรก็ทำเลย เพราะแพรไม่กล้ามีหน้าจะไปเจอ ใครได้อีก แม้แต่กับกิ่งเหมยเพื่อนคนเดียวที่แพรมี ป๋าก็ยังพยายามจะฆ่าเขา แพรไม่ เหลือใครอีกแล้ว ฮือๆ”
ดุจแพรร้องห่มร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ตงเห็นลูกสาวเสียใจก็เริ่มเย็นลงและพยายามปลอบ
“แพรไม่เข้าใจว่าทำไมป๋าต้องทำแบบนั้น”
“แล้วมันยังมีอะไรที่แพรต้องเข้าใจอีก ป๋าใจร้าย ป๋าเป็นฆาตกร”
“ถ้าแพรเรียกป๋าว่าฆาตกร พวกมันก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าแม่ของแพรเหมือนกัน”
ดุจแพรชะงัก
“ป๋าหมายความว่ายังไง”

กิ่งเหมยพยายามคลำทางเดินออกมาจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปศาลเจ้าเพราะตามองไม่เห็นแล้ว เธอเกือบจะสะดุดล้มลงที่หน้าบ้าน เป็นจังหวะที่หยกเข้ามาพอดี
“กิ่งเหมย...นี่เธอออกมาทำไม ทำไมไม่พักอยู่ในบ้าน”
“ฉันจะไปหาอาม่า”
“อาม่ายังอยู่ที่ศาลเจ้าเดี๋ยวก็กลับมา สั่งให้ฉันไปซื้อยาจีนมาบำรุงเธอ กลับเข้าบ้านกัน เถอะ ฉันต้มยาให้แป๊บเดียว”
“ฉันยังไม่อยากกินยาตอนนี้หรอกหยก พาฉันไปหาอาม่าเถอะนะ ฉันขอร้อง”

หยกนิ่งมองกิ่งเหมยอย่างตัดสินใจ

หยกช่วยพยุงพากิ่งเหมยเข้ามาในศาลเจ้า เห็นอาม่านั่งคุกเข่าน้ำตาคลอพนมมือสวดมนต์ขอพรจากเทพ เจ้าให้คุ้มครองกิ่งเหมย
 

“ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่อาม่าเข้ามาคุกเข่าสวดมนต์อ้อนวอนไม่ยอมลุกไปไหน เฝ้าแต่ขอพร จากเทพเจ้า เพราะหวังว่าจะช่วยให้เธอหายจากอาการตาบอด” หยกหันมาบอกกิ่งเหมย
กิ่งเหมยสงสารอาม่าแกะมือหยกที่ช่วยประครองเธอแล้วเดินเข้าไปหา
“อาม่า”
“อาเหมย...ลื้อมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่อยู่ที่บ้าน”
“เหมยเป็นห่วงอาม่า”
“ลื้อจะมาห่วงอาม่าทำไม ไอ้หยก...พาอาเหมยกลับไปกินยาเดี๋ยวนี้”
“กิ่งเหมยไม่ยอมครับอาม่า”
“อาเหมย...ฟังอาม่านะ เทพเจ้าต้องไม่ทอดทิ้งคนดี อาม่าจะสวดมนต์อ้อนวอนอยู่ที่นี่ จะไม่ลุกไปไหนจนกว่าตาลื้อจะกลับมามองเห็นอีก”
“อาม่า...ฮือๆๆ อย่าทำอย่างนี้เลยนะเหมยขอร้อง...ไม่มีอะไรมาทำให้เหมยกลับมามอง เห็นได้อีกแล้ว อย่าให้เหมยต้องเป็นต้นเหตุให้อาม่าต้องล้มป่วยเลยนะ...ฮือๆ”
“อาเหมย…”
อาม่ากอดหลานสาวแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน หยกเห็นแล้วอดเวทนาสงสารจนน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้

ดุจแพรเมื่อฟังสิ่งที่พ่อเล่าก็เถียงเสียงแข็ง
“ไม่จริงป๋าโกหก!”
“ทำไมป๋าจะต้องโกหก ในเมื่อเสียงร้องโหยหวนของเมียป๋ามันยังบาดหัวใจป๋าอยู่ทุกวันนี้”
ดุจแพรนิ่งไปหน้าเครียดแทบไม่เชื่อหู
“แม่ของลูกต้องตายอย่างทรมาน ป๋าถึงต้องตามแก้แค้น”
“แต่คนอย่างอาม่าไม่ใช่คนเลว ป๋าต้องไปทำอะไรเขาไว้ก่อน เขาถึงจำเป็นต้องตอบโต้”
“นี่แกยังคิดเข้าข้างพวกนั้นอีกเหรอ แกอยากอยู่กับพวกมันมากกว่าอยู่กับป๋าใช่มั้ย”
“ถ้าป๋ายอมรับผิดในสิ่งที่ป๋าทำ แพรถึงจะยอมรับว่าแพรคือสายเลือดป๋า”
ตงโกรธมาก
“แกกล้าคิดจะตัดพ่อตัดลูกกับฉัน...แกคิดผิดแล้ว ป้าจั่น”
ตงเรียกเสียงดังได้ครู่ป้าจั่นก็รีบเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับคนรับใช้หญิง
“คะเสี่ย”
“พวกแกทุกคนในบ้านฟังฉันให้ดี ถ้าใครปล่อยให้ยัยแพรก้าวออกไปจากบ้านได้แม้แต่ ก้าวเดียว คราวนี้ฉันจะยิงพวกมันทิ้งเรียงตัว”
ดุจแพรหน้าตื่น
“ป๋า...ป๋าจะขังแพรไว้ที่นี่ไม่ได้นะ”
“แกเป็นลูกสาวฉัน ฉันจะทำอะไรกับแกก็ได้ทั้งนั้น”
ตงขึ้นเสียงแล้วออกจากห้องไป ดุจแพรจะตามแต่ถูกพวกคนใช้หญิงจับตัวเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ...บอกให้ปล่อย...ป้าจั่น...ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้”
ป้าจั่นหน้าเสีย
“ป้า...ป้าขอโทษด้วยค่ะคุณหนู”

ตงเดินหัวเสียออกมาที่หน้าบ้านกำลังจะออกไปข้างนอก
“ไอ้ลูกไม่รักดี ถ้าฉันดัดนิสัยแกไม่ได้ ฉันก็จะไม่เลี้ยงแกอีก”
เก่งเข้ามา
“เสี่ยครับ”
“มีอะไร”
“เรื่องตำรวจที่โดนเราจัดการไปวันก่อน วันนี้จะมีงานสวดศพครับ”
“งานศพตำรวจเหรอ”
ตงครุ่นคิดแล้วยิ้มร้ายออกมา

ธงรบยืนอยู่ใต้สะพานริมน้ำ คนเดียวด้วยอารมณ์สุดเซ็ง ผู้การสมิงเดินเข้ามาหยุดมองหลานชาย
“วันนี้มีงานศพลูกน้องแก แกจะไม่โผล่หน้าไปหน่อยเหรอ”
ธงรบหันมามองด้วยสายตาชิงชัง
“ลูกน้องผมยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อรักษาอุดม การณ์ของตำรวจ แต่ผมกลับเรียกร้องอะไรให้พวกเขาไม่ได้ มันน่าละอายเกินกว่าที่ ผมจะไปกราบขอขมาด้วยซ้ำ”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว แกควรจะให้มันเป็นบทเรียน”
“บทเรียนสำหรับอะไรครับอา...ในเมื่อตอนนี้อาใช้อำนาจสั่งปลดผม”
“ฉันแค่สั่งพักราชการแกชั่วคราว เพื่อให้แกได้มีเวลาคิดว่าถ้ากลับมาอีก แกจะไม่พาลูกน้องไปตายเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง”
“อา! อาเอาแต่ว่าว่าผมทำผิดหาว่าผมดีแต่มุทะลุทำแผนของอาพัง แล้วอาล่ะ...กี่ปีแล้ว ที่ได้แต่นั่งดูพวกมันยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน สายสืบกี่คนแล้วที่ส่งเข้าไปแล้วโดนฆ่า ถ้าอายังขี้ ขลาดตาขาวไม่กล้าตาต่อตาฟันต่อฟันกับพวกมัน...อานั่นแหละที่สมควรเลิกเป็นตำรวจ แล้วยกแผ่นดินนี้ให้พวกมาเฟียไป”
“ไอ้ธงรบ!”
ผู้การสมิงเข้าไปกระชากคอเสื้อธงรบเข้ามาจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ ระหว่างนั้นณรงค์เข้ามา
“ผู้การครับ ผมว่าเราควรจะรีบไปที่งานศพตอนนี้”
“มีอะไรเหรอหมวด”
หน้าตาณรงค์ดูหนักใจจนผู้การสมิงกับธงรบสงสัย

ในศาลาสวดศพ...ตงเข้ามาจุดธูปไหว้เคารพศพจ่าที่หน้าโลงกลางงานศพที่มีแต่ตำรวจเต็มไปหมด ธงรบกับผู้การสมิงและณรงค์เข้ามา ธงรบเห็นก็ของขึ้นปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องแต่เก่งกับพวกลูกน้องของตงมาขวาง
“นี่เหรอวะเจ้าพ่อ เก่งไม่จริงนี่หว่าถึงดีแต่หลบอยู่หลังลูกน้อง”
“พวกแกหลบไป”
เก่งกระซิบ
“เสี่ยครับ...ไอ้หมอนี่แหละครับหมวดธงรบที่พยายามจะจับบ่อนเรา”
ตงนิ่งมองธงรบอยู่ครู่
“หลบไป”
เก่งกับลูกน้องคนอื่นๆเปิดทางให้ตงเดินออกมาประจันหน้ากับธงรบ
“สวัสดีครับหมวด ผมไม่ทราบว่าหมวดไปได้ยินข่าวลือที่เกี่ยวกับผมมาว่ายังไง แต่การที่ หมวดเรียกผมว่าเจ้าพ่อ คนอื่นจะยิ่งเข้าใจผมผิด”
“ไม่มีใครเขาเข้าใจผิดหรอก แกมันก็ไอ้สารเลว นรกชิงมาเกิด ต่อให้มากราบขอขมาคนที่ แกฆ่า มันก็ไม่ช่วยให้แกพ้นขุมนรกได้หรอก”

“หมวดชักจะกล่าวหาผมมากเกินไปแล้ว ผมตั้งใจมาที่นี่เพราะได้ยินสื่อออกข่าวว่ามี ตำรวจดีๆถูกฆ่าตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่ผมเป็นประชาชนที่อยู่ได้ด้วย ความเสียสละของเจ้าหน้าที่ ผมเลยเอาพวงหรีดมาแสดงความเสียใจและตั้งใจมา มอบทุนการศึกษาให้กับลูกเขา”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 12 (ต่อ)
 

ธงรบเจ็บใจ


“เก็บพวงหรีดไว้ใช้ในงานศพของแกเถอะไอ้สารเลว”
ธงรบปรี่เข้าไปกระชากเอาพวงหรีดของตงที่วางอยู่ข้างโลงศพมาโยนใส่หน้าทันที ผู้การสมิงต้องรีบเข้าไปดึงธงรบออกมา
“พอได้แล้วธงรบ...หยุดบ้าได้แล้ว”
“อาไม่ต้องมาสั่งให้ผมหยุด อานั่นแหละที่ควรจะต้องหยุดมัน”
“ฉันทำแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ หมวด...พาเขาออกไป”
ณรงค์เข้ามาล็อคตัวพาธงรบออกไปโดยที่ธงรบยังมีท่าทางฮึดฮัด ผู้การสมิงหันไปมองตงด้วยความรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยไปกว่าหลานชาย แต่ต้องอดกลั้นขบกรามจนขึ้นสัน

กิ่งเหมยยืนรออยู่หน้าศาลเจ้า หยกเดินออกมาหา
“อาม่าบอกให้ฉันพาเธอกลับไปที่บ้าน ไหว้เจ้าเสร็จแล้วอาม่าจะตามกลับไป”
“แต่ว่า...”
“ฉันว่าปล่อยให้อาม่าทำตามความเชื่อของเขาไปเถอะ อย่างน้อยเขาทำแล้วก็ช่วยให้เขา สบายใจขึ้นมาได้บ้าง”
กิ่งเหมยน้ำตาคลอ
“ฉันนี่มันแย่จริงๆเลยนะหยก ถ้าฉันแก้แค้นให้แม่ให้อากงได้ อาม่าก็คงจะมี ความสุขมากกว่านี้”
“แต่ถ้าเธอบอกความจริงกับฉันมาตั้งแต่แรก มันก็จะไม่ลงเอยแบบนี้”
“ฉันไม่อยากเอาความทุกข์ของฉันไปวางไว้บนบ่าของเธอหรอกนะหยก”
“แต่ถ้าไม่มีเธอแล้วฉันจะมองดาวดวงนั้นกับใครล่ะ”
“หยก…ฉัน…” กิ่งเหมยน้ำตาไหลอาบสองแก้ม “เลือดในตัวฉันครึ่งนึงเป็นของคนที่ฆ่าแม่ฉันเอง แล้วฉันยังเป็นคนพิการมองไม่เห็นอีก ชีวิตฉันแทบจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วนะ”
กิ่งเหมยน้ำตานองหน้าอย่างเสียใจ หยกดึงเธอมาเช็ดคราบน้ำตาแล้วกอดปลอบใจ
“ไม่หรอกกิ่งเหมย...โลกของเธอไม่ได้มืดมิด ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเธอ จะเป็นแสงสว่าง เหมือนดาวนำทางให้เธอเอง”
“หยก…”
หยกกอดกิ่งเหมยอย่างอ่อนโยนสร้างความมั่นใจให้คนรักอย่างเต็มที่

ธงรบเดินไปเดินมาหงุดหงิดมีณรงค์คอยเฝ้าไว้ไม่ให้เข้าไปอาละวาด
“หมวดมาเฝ้าผมแบบนี้ ผมถามหน่อยเถอะ หมวดไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ถึงได้ปล่อย ให้มันมาประกาศศักดาว่าเจ้าพ่ออย่างมันตำรวจหน้าไหนก็ทำอะไรไม่ได้แบบนี้”
“อย่าถามว่าผมแค้นมันมั้ย เพราะผมยิ่งกว่าคุณอีกหมวด แต่เสี่ยตงมันเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่ได้ หลักฐานเล่นมันชนิดมัดไม่หลุด ก็เหมือนยิ่งเอาน้ำมันไปราดกองไฟ”
ผู้การสมิงเข้ามา
“สันดานมันยิ่งตอบโต้ มันจะยิ่งบ้าคลั่งกัดไม่เลือกเหมือนหมาบ้า ที่ฉันเสียมือ ดีๆไปหลายคนก็เพราะเคยคิดแบบที่แกคิดอยู่นี่แหละ และฉันก็ไม่อยากให้ศพรายต่อ ไปเป็นแก”
ธงรบนิ่งคิด ณรงค์มองหน้า
“ผู้การพูดถูกแล้วนะครับหมวด ไว้ใจให้ผู้การจัดการมันตามแผนของผู้การ”
ผู้การสมิงสายตามุ่งมั่น
“ฉันรับปากว่าฉันจะกอบกู้ศักดิ์ศรีตำรวจ และจะให้แกกลับเข้ามาทำงานเหมือนเดิม ช่วงนี้แกไปพักผ่อนก่อน อย่ามาหาเรื่องทำให้งานฉันเสียอีก”
ธงรบอ่อนลง
“ครับอา”
ผู้การสมิงเห็นธงรบยอมเชื่อฟังแล้วก็พากันเดินออกไปพร้อมกับณรงค์ ธงรบจิกหน้าร้ายมองตามผู้การสมิง
“ขอบคุณครับอาที่ยึดเอาตราตำรวจของผมไป ทีนี้แหละ อาจะได้เห็นว่าถ้าปลดปอกคอเสือแล้วปล่อยให้เข้าป่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง”

หยกเดินจูงมือกิ่งเหมยเดินมาตามทางในตรอก เขาคอยระวังเรื่องทางให้เธอ
“เดินตามมาดีๆนะ ระวังแถวนี้ด้วย ผิวทางมันขรุขระ เดี๋ยวจะสะดุดล้ม”
“เธอจับมือฉันจูงเดินไม่ยอมปล่อยแบบนี้ ฉันจะสะดุดล้มไปได้ยังไง”
“ใครจะไปรู้ขนาดตอนเธอเป็นปกติเธอยังซุ่มซ่ามเลย”
“หยก...เธอเนี่ย!”
กิ่งเหมยงอนไม่พอใจสะบัดมือออกจากมือเขา
“ฉันจะเดินเอง”
“ไม่เอาน่าฉันก็พูดเล่น”
“แต่ฉันพูดจริงๆนะ ฉันไม่อยากคอยให้เธอจูงมือเดินไปตลอด ฉันต้องพยายามเอง”
“ก็ได้...แต่เอาไว้พยายามทีหลังแล้วกัน นี่มันจะมืดแล้ว ป่านนี้ส้มเช้งคงรออยู่ที่บ้านเธอ แล้ว ฉันขี้เกียจฟังยัยนั่นบ่นใส่ฉัน”
หยกไม่ยอมให้กิ่งเหมยเดินเองเข้าไปจับเธอให้ขึ้นมาขี่หลังเขา
“ขี่หลังฉันเป็นม้าส่งเมืองแบบนี้แหละเร็วดี...เกาะแน่นๆนะ...ฮี้ๆๆๆ”
หยกร้องเป็นเสียงม้าแล้วแบกเธอพาวิ่งไปตามทางในตรอก กิ่งเหมยร้องวี้ดว้าย

หยกแบกกิ่งเหมยขึ้นหลังวิ่งมามาตามทาง หญิงสาวร้องมาตลอดทาง
“ไอ้บ้าหยก เบาๆหน่อย อย่าเร็วนักสิ...เดี๋ยวฉันตก”
“กลัวตกก็กอดแน่นๆสิ”
“แน่นๆใช่มั้ย...นี่แน๊ะ”
กิ่งเหมยแกล้งกอดคอเขารัดแน่นๆเลยทำให้เขาหายใจไม่ออก
“อ๊อก ! มันแน่นไป...ฉันหายใจไม่ออก”
“สมน้ำหน้า...อยากแกล้งฉันเอง...นี่แน๊ะ”
กิ่งเหมยกอดหยกแน่นขึ้นไปอีกจนเขาโซเซมาหยุดที่หน้าบ้านแล้วปล่อยเธอลง
“ถึงบ้านฉันแล้วเหรอ”
“ถึงแล้ว...แต่ฉันเกือบจะตายเนี่ยสิ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องแบกฉันมา หาเรื่องเองนี่...เป็นไงหลังทรุดรึเปล่า”
กิ่งเหมยยื่นมือออกไปจะสัมผัสดู แต่หยกจับมือเธอเอาไว้แล้วให้ฝ่ามือเธอมาแนบที่แก้มตัวเองแทน
“หลังฉันมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่แก้มฉันสิที่อยากได้รางวัล”
กิ่งเหมยเขินหน้าแดง
“บ้า...อย่ามาน้ำเน่านะหยก”
“อยากได้จริงๆ ไม่ได้น้ำเน่า”

“นี่พูดจริงเหรอเนี่ย”

“ก็จริงน่ะสิ นั่งรถเมล์ยังต้องเสียค่ารถเลย แล้วขี่ม้ามาเนี่ยจะไม่ให้กำลังใจม้าหน่อยเหรอ”

กิ่งเหมยนิ่งไปครู่อายๆ
“ก็ได้...เห็นว่าม้าไม่พยศหรอกนะ เอียงแก้มมา”
หยกรีบจับมือกิ่งเหมยให้สัมผัสแก้มตัวเองเพื่อให้เธอรู้ว่าแก้มเขาอยู่ตำแหน่งไหน กิ่งเหมยค่อยๆยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ
“พอแล้วนะ ทีหลังไม่ขี่แล้วม้าตัวนี้...ม้าชีกอ”
หยกหัวเราะขำที่กิ่งเหมยอาย ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นธงรบยืนมองด้วยสายตาดูไม่น่าไว้ใจ หยกชะงักไป กิ่งเหมยสงสัยเห็นหยกเงียบไป
“มีอะไรเหรอหยก...ใครมาเหรอ”
“เปล่าไม่ได้มีใครมาหรอก...เธอเข้าบ้านไปเถอะ ส้มเช้งคงรออยู่ข้างในแล้ว”
“แล้วเธอล่ะ เข้าไปกินข้าวด้วยกันสิ”
“ติดไว้ก่อนแล้วกันนะ ฉันมีธุระ”
“ก็ได้”
กิ่งเหมยยิ้มรับแล้วใช้มือคลำประตูเดินเข้าไปในบ้าน ธงรบเดินเข้ามามองอาการของกิ่งเหมยอย่างแปลกใจและอยากรู้
“เกิดอะไรขึ้นกับกิ่งเหมย...ทำไมเธอ…”
“ชู่ววว์ ผมว่าหมวดคงไม่ได้มาหาผมเพราะอยากรู้เรื่องของกิ่งเหมยหรอก”
ธงรบมองหน้าหยกคิดไม่ผิดว่าต้องรู้ว่าเขามาพบหยกด้วยเรื่องอะไร

หยกถูกธงรบกระชากคอเสื้อ แล้วจับกระแทกกับกำแพงอย่างแรง บริเวณตรอกศาลเจ้า
“เกิดอะไรขึ้นกับกิ่งเหมย แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“กิ่งเหมยเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเพราะได้รับพันธุกรรมมาจากแม่ ตอนนี้เธอตาบอด มองไม่เห็นอะไรแล้ว”
ธงรบอึ้ง
“ฉันมีเพื่อนหลายคนที่เป็นหมอ ฉันจะพากิ่งเหมยไปพบ”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกหมวด โรคนี้ยังไม่ค้นพบวิธีรักษา”
“แต่แกจะปล่อยให้กิ่งเหมยเป็นแบบนี้ได้ยังไง แกไม่สงสารเธอเหรอ”
“ขอบคุณหมวดที่เป็นห่วงคนรักของผม แต่กิ่งเหมยไม่ต้องการความสงสารเพราะเธอมี ผมเป็นดวงดาวคอยคุ้มครองและนำทางให้เธออยู่แล้ว”
หยกยืนยันให้ธงรบไม่ต้องเป็นห่วงกิ่งเหมย แล้วแกะมือเขาที่จับคอเสื้ออยู่ออก
“เอาล่ะ...หมวดเลิกสนใจเรื่องแฟนชาวบ้าน แล้วว่าธุระของหมวดมาดีกว่า”
พูดแล้วหยกก็เดินหนีอย่างไม่ใส่ใจ
“หยุดนะนายหยก ฉันไม่ได้มาขอร้องให้แกช่วย แต่มันคือคำสั่งของฉันที่แกต้องทำตาม”
“หมวดจะเอาอำนาจอะไรมาสั่งผม ในเมื่อตอนนี้หมวดกับผมไม่มีอะไรต่างกัน”
ธงรบชะงัก
“นี่แก!...แกรู้เรื่องของฉันด้วยเหรอ แกรู้ได้ยังไง”
“ผมจะรู้ได้ยังไงมันไม่สำคัญหรอก แต่ถ้าผมเป็นหมวด ผมจะไม่หาเรื่องใส่ตัวอีก ผมจะ ไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัวถือเป็นการพักผ่อนซะดีกว่า”
“ไอ้หยก”
ธงรบเจ็บใจ ตามไปกระชากคอเสื้อหยก แล้วซัดเปรี้ยงเข้าหน้าตูมเดียวกระเด็นเลือดซิบมุมปาก
“ถ้าแกรู้ว่าฉันถูกพักราชการก็แสดงว่าพรรคพวกแกก็ต้องรู้...นั่นมันยิ่งดีสำหรับฉันเลย”
ธงรบยิ้มร้ายแล้วชักปืนออกมาจ่อ
“ไอ้เสี่ยตงมันต้องแค้นที่ฉันบุกไปบ่อนมัน และมันก็ต้องไม่ปล่อยให้ฉันลอยนวล ป่านนี้มันคงมีคำสั่งให้เล่นงานฉัน เปิดหน้าไพ่แบบนี้ก็ดีจะได้ลุยกันให้เต็มที่”
“คุณมันบ้าไปแล้วหมวด...ผมเตือนคุณจริงๆนะ คนอย่างเสี่ยตงไม่ใช่คนที่คุณคิดจะชน ก็ชนได้ง่ายๆ ถ้าเบื่อชีวิตอยากตายก็ไปโดนสะพานดีกว่าจะได้ไม่ต้องทรมาน”
“ฉันไม่ได้อยากได้ความหวังดีจากแกเว้ยไอ้หยก ฉันอยากให้แกพาฉันเข้าไปถึงตัวไอ้ เสี่ยตงต่างหาก”
“ผมไม่พาหมวดไปหรอก”
“แต่แกต้องพาฉันไป”
“งั้นอยากไปก็ไปเอง ผมไม่ชอบพาคนไปตาย มันจะเป็นบาปติดตัว”
หยกยืนยันปฏิเสธเดินเลี่ยงไม่สนใจปืนที่ธงรบจ่อขู่ ธงรบเลยต้องยิง...เปรี้ยง!กระสุนเฉี่ยวแขนหยกแม่นราวจับวาง หยกล้มลงเลือดไหลลงมาตามแขนหน้าตาเจ็บปวด ธงรบตามเข้าไปเอาเท้ายันหน้าอกไม่ให้เขาลุกขึ้นหน้าตาเอาเรื่อง
“ถ้าแกยังปฏิเสธฉันอีก ฉันรับประกันเลยว่าอีกนัดนึงจะไม่เฉี่ยวแขนแกแล้ว แต่มันจะฝัง อยู่ในตัวแกแน่นอน”
หยกมองธงรบอย่างเจ็บใจ
“พาฉันไปหาเจ้านายแกเดี๋ยวนี้!”

ในอาบอบนวด...ตงอยู่ท่ามกลางหมอนวดสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อย
“คืนนี้ให้หนูบริการเสี่ยนะคะ...นานๆเสี่ยจะแวะมาทั้งที หนูจัดเต็มให้ถึงใจแน่นอน” หมอนวดบอกอย่างเอาใจ
หมอนวดอีกคนเข้าคลอเคลีย
“หนูด้วยนะคะเสี่ย”
อีกคนเข้ามาแย่งสุดฤทธิ์
“หนูด้วยค่ะเสี่ย...หนูเพิ่งทำนมมาใหม่อยากให้เสี่ยดูเป็นคนแรก”
ตงหัวเราะชอบใจ
“ขอบใจนะทุกคน เสี่ยดีใจจริงๆที่เด็กของเสี่ยอยากทำให้เสี่ยมีความสุข แต่ถ้าเสี่ยรับพวกเราหมดทุกคน เสี่ยคงต้องคลานกลับบ้านแน่ เสี่ยขอเลือกหนูคนนี้ไป กับเสี่ยแล้วกันนะ ส่วนคนอื่นไว้วันหลังทั่วถึงแน่นอน”
ตงต้องเลือกหมอนวดสาวหุ่นดีคนหนึ่งมาโอบเอว หมอนวดดีใจ
“ขอบคุณค่ะเสี่ย รับรองหนูไม่ทำให้เสี่ยผิดหวังแน่”
ตงหัวเราะชอบใจ
“ถ้าผิดคำพูดรู้นะว่าเสี่ยจะลงโทษหนูยังไง...ฮ่าๆ เฮ้ยไอ้เก่ง คืนนี้เอ็ง กับพวกตามสบาย ไม่ต้องตามฉันแล้ว”
เก่งยิ้มรับ
“ครับเสี่ย”

ตงโอบเอวพาหมอนวดสาวสวยเดินเข้าไปข้างใน เก่งกับลูกน้องคนอื่นๆหันมาชื่นชมหมอนวดสาวๆที่เหลือ ชายฉกรรจ์ 3 คนที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ตรงมุมหนึ่งพวกมันมองตงกับพวกลูกน้องสายตาเอาเรื่องและ จ้องหาโอกาสอยู่นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่พวกมันรอ

ในห้องวีไอพี ตงแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุชชี่กับหมอนวดสาวที่เอาอกเอาใจป้อนไวน์แล้วยังนวดเฟ้นอย่างดี

“เป็นไงคะเสี่ย...สบายตัวขึ้นมั้ยคะ”
“ดีมากหนู...สมแล้วที่เป็นเบอร์หนึ่งในอาบอบนวดของเสี่ย”
“เสี่ยทั้งแสนดีแล้วยังเอ็นดูพวกหนูแบบนี้ พวกหนูจะตั้งใจทำงานให้เสี่ยอย่างเต็มที่เลย”
“น่ารักจริงๆนะเราเนี่ย มา...ขอเสี่ยให้รางวัลหน่อย”
ตงดึงหมอนวดมากอดรัด ซุกไซร้นัวเนียหัวเราะต่อกระซิก

ด้านนอก...ชายฉกรรจ์ทั้งหมดพากันเดินเข้ามาหยุดที่หน้าประตู คนหนึ่งเฝ้าที่หน้าห้องส่วนอีกสองคน ชักปืนออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน...ตงกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหมอนวดสาวอยู่ในอ่างจากุชชี่ ชายฉกรรจ์สองคนที่ถือปืนเข้ามาอย่าง เงียบเชียบ พวกมันยิ้มร้ายที่ตงไม่รู้ตัวว่าชะตากำลังขาด มันยกปืนเล็งไปที่ตงและกำลังจะเหนี่ยวไก ตงจับหมอนวดหมุนตัวแล้วใช้ปืนที่ซ่อนอยู่หันมายิงใส่ทันที...
เปรี้ยงๆ!
เสียงปืนดังสนั่น ชายฉกรรจ์สองคนที่ถูกส่งมาฆ่า ถูกยิงทั้งแสกหน้าทั้งเจาะอกตายคาที่ อีกคนที่เฝ้าอยู่หน้า ห้องได้ยินเสียงปืนก็รีบเข้ามา แต่มันก็โดนเก่งกับลูกน้องตงคนอื่นที่รออยู่ในห้องนั้นอยู่แล้วเอาปืนจ่อหัวทันที
“คิดจะลอบกัดเสี่ย...มันไม่ง่ายหรอกเว้ยไอ้กระจอก”
เก่งจะลั่นไกใส่ขมับมันแต่ตงห้ามไว้
“เดี๋ยวไอ้เก่ง...อย่าเพิ่งฆ่ามัน...ฉันมีเรื่องต้องคุยกับมันก่อน”
ตงมองไปที่ชายฉกรรจ์แล้วยิ้มร้าย

บริเวณสระว่ายน้ำ เจ้าสัวเล้งแช่ตัวอยู่ในสระผ่อนคลายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน รอยสักรูปมังกรที่หลังเด่นเป็นสง่าอยู่ในน้ำ พอขึ้นจากสระก็พบดวงแขเข้ามาพร้อมกับผ้าคลุมที่เอามาให้
“คนอื่นๆไปไหนหมด”
“ฉันให้ไปพักหมดแล้วค่ะ ไม่อยากให้มากวนคุณเวลาพักผ่อน”
เจ้าสัวพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้ดวงแขสวมเสื้อคลุมให้ ดวงแขหันไปรินน้ำใส่แก้วดูแลเขาอย่างดี เจ้าสัวรับมาดื่ม ดวงแขถือโอกาสนวดไหล่ให้เพื่อให้ช่วยผ่อนคลาย
“ฉันคุยกับนนท์มาเมื่อกี้นี้ ได้ยินว่าวันนี้คุณเจอปัญหาน่าหนักใจ”
“ใช่...แต่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอ เพราะยังไม่เคยมีใครที่คิดจะเปลี่ยนโจร ให้เป็นสุภาพบุรุษ”
“แต่ถ้าไม่มีใครเห็นด้วยกับคุณ จะทำให้คุณตกที่นั่งลำบากได้นะคะ”
“ตลอดชีวิตฉันกว่าที่จะสร้างมังกรวารีให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้ ฉันไม่ได้เดินมาบน ทางเดินกลีบกุหลาบนะดวงแข”
“ฉันทราบค่ะแต่ที่ฉันต้องเป็นห่วงคุณ เพราะตานพยังต้องเรียนรู้จากคุณอีกมาก”
เจ้าสัวจับมือดวงแขมากุม
“เธอไม่ต้องห่วงหรอกดวงแข คนอย่างฉันชอบเจอปัญหาหนักๆ เพราะมันจะทำให้ฉันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”
นนท์เข้ามา
“เจ้าสัวครับ...เจ้าสัว”
ดวงแขไม่พอใจ
“นนท์..ฉันสั่งแล้วไงว่าเจ้าสัวกำลังพักผ่อน”
“ไม่เป็นไร...ฉันบอกนนท์ไว้เองว่าถ้าเรื่องด่วนให้เข้ามาได้...ว่าไง”
“พวกที่ถอนตัวไม่เข้าร่วมกับเรา ลงขันส่งคนไปฆ่าเสี่ยตงครับ แต่ดันทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ ไอ้เสี่ยตงมันก็เลย...”
นนท์หน้าตาหนักใจจนเจ้าสัวสงสัยอยากรู้

ในบ้านเช่าแห่งหนึ่งพวกคนงานของเครือข่ายผลิต CD เถื่อนทั้งหนังโป๊ หนังละเมิดลิขสิทธิ์กำลังทำงานอยู่ เสียงปืนดังขึ้นจากข้างนอก...เปรี้ยงๆ คนงานคนหนึ่งถูกยิงกระเด็นเข้ามาตายคาที่ พวกคนงานคนอื่นๆรีบ หันไปคว้าปืนพร้อมสู้ แต่เก่งกับพวกลูกน้องตงก็พากันบุกเข้ามาแล้วกราดยิง กระสุนปลิวว่อน ปก CD เถื่อน ถูกยิงจนปลิวไปทั่วบ้านเช่า เลือดนองและเสียงร้องเจ็บปวดดังก้องเก่งหัวเราะชอบใจ
“ไปเว้ย...ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องไปถล่ม”
เก่งสั่งเสียงดัง คนงานคนหนึ่งที่ถูกยิงบาดเจ็บจะลุกขึ้นมายิง เก่งรู้ตัวหันไปยิง...เปรี้ยง กระสุนแสกหน้าตายคาที่

ในผับ...พวกหัวหน้าแก๊งค์เครือข่ายธุรกิจนอกกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยกับเจ้าสัวเล้งนั่งดื่มกันอยู่ ระหว่างนั้นชาย ฉกรรจ์ที่ถูกส่งไปฆ่าเสี่ยตงที่รอดมาได้ โซซัดโซเซล้มลุกคลุกคลานเข้ามาสภาพเลือดเต็มตัว พวกหัวหน้าธุรกิจเครือข่ายผิดกฎหมายเห็นเข้าก็ตกใจแต่ยังไม่ทันทำอะไร ตงกับพวกลูกน้องก็กรูเข้ามาแล้ว เปิดฉากระดมยิงใส่ทันที เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว พวกเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายถูกยิงใส่ร่างพรุนไม่มีโอกาสแม้จะตอบโต้ กระสุนปลิวว่อนควันปืนโขมงได้ครู่ ตงก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลูกน้องหยุดยิง
“หยุด! พอก่อน ฉันยังไม่อยากให้พวกมันตายหมด เหลือไว้เป็นนางกวักเรียกให้ไอ้เล้ง ออกมาหาฉันสักคนสองคน”
ตงยิ้มร้ายก่อนจะเดินเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางความเสียหายและซากศพ ชายคนหนึ่งยังไม่ตายแต่นอนเลือด ท่วมตัวหายใจพะงาบๆ ตงเข้าไปจิกหัวมันขึ้นมา
“คิดจะส่งมือปืนมาลอบกัดอั้วเหรอไอ้พวกสวะ...คนอย่างไอ้หมาบ้าตงถ้าฆ่าตายง่ายๆ มันไม่อยู่ค้ำฟ้ามาถึงตอนนี้หรอกเว้ย...ฮ่าๆ!”

เจ้าสัวเล้งเจ็บใจ ถือปืนเดินหน้าเครียดจะออกจากบ้านพร้อมกับนนท์และลูกน้องอีกหลายคน ดวงแขทำทีว่า เป็นห่วงรีบวิ่งมาขวาง
“คุณคะ...อย่าไปเลยค่ะ ฉันขอร้อง”
“เธอหลบไป”
“ไม่ค่ะ...คุณจะต้องไปสนใจไอ้พวกนั้นทำไม ในเมื่อพวกมันไม่ฟังคุณมันถึงต้องโดน แบบนั้น ก็ถูกแล้วไง”
“แต่ไอ้ตงมันทำเกินไป มันรู้ว่าฉันไม่อยากให้มีคนตาย แต่มันก็ยิ่งทำ”
“งั้นเขาก็ยั่วคุณถูกจุด รู้อย่างนี้แล้วคุณยังจะออกไปหาเขาอีก”
“คนที่เล่นหมากรุกอย่างฉลาดต้องรู้จักทั้งรุกทั้งรับ...ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันต้องรุกบ้างแล้ว”
เจ้าสัวดันดวงแขให้หลบไปแล้วพากันออกไปกับนนท์และลูกน้อง ดวงแขทำทีเป็นร้องเรียกอย่างเป็นห่วง
“คุณ...คุณคะ...คุณ...”
แต่พอเจ้าสัวไปจนลับตาแล้วดวงแขก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะร้ายกาจ
“ทำเป็นเก่ง ถ้าแกอยากไปรนหาที่ตาย แกจะได้ตายอย่างสมใจ...ไอ้เล้ง”

โหงวคุยโทรศัพท์กับดวงแข
“ขอบใจที่ส่งข่าวดีมาให้นะดวงแข...หึๆ!”
โหงวกดปิดสายแล้วหันมาที่กลุ่มมือปืนที่พร้อมจะไปตามเก็บเจ้าสัวเล้ง

“โอกาสมาถึงแล้ว...ชิงลงมือตอนนี้เนี่ยแหละ จัดการส่งไอ้เล้งไปปรโลกซะ”

พวกมือปืนพยักหน้ารับก่อนจะพากันออกไป โหงวชักปืนออกมาแล้วมองปืนในมือพร้อมกับยิ้มที่ร้ายกาจ

ธงรบขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหลังผับ โดยมีหยกนั่งข้างมาด้วย
“ไอ้ตงมันอยู่ที่นี่แน่นะ”
“หมวดเล่นยิงผมซะเลือดโชกแบบนี้ ผมคงไม่หาเรื่องเจ็บตัวมากไปกว่านี้หรอก”
“ก็แกมันหาเรื่องเอง ถ้าบอกกันดีๆฉันก็คงไม่ต้องลงมือกับแก”
“แต่ผมเตือนหมวดแล้ว ถ้าหมวดเข้าไป หมวดจะไม่มีวันได้ออกมาอีก”
“มันฆ่าลูกน้องฉันตายไปสองคนแล้วยังกล้าโผล่ไปกร่างในงานศพอีก ฉันจะเอาชีวิตมัน ไปเซ่นวิญญาณลูกน้องฉันให้ได้”
ธงรบพูดไปก็ชกเปรี้ยงเข้าหน้าหยกทีเดียว หยกนิ่งไปหมดสติ
“ขอบใจที่พาฉันมาส่ง แต่ฉันไม่อยากให้แกเข้ามายุ่งด้วย”
ธงรบทิ้งหยกไว้ในรถแล้วลงจากรถเดินเข้าไปที่ด้านหลังผับ

ลูกน้องตงคนหนึ่งเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ธงรบเดินผ่านเข้ามาพอดี ลูกน้องตงชักปืนออกมาจะเล่นงาน แต่ธงรบใช้เชิงมวยมือเปล่าเข้าไปปลดอาวุธ แล้วเล่นงานมันจนสลบเหมือด ระหว่างนั้นลูกน้องอีกคนกำลังลากศพที่ถูกฆ่าตายในผับเอาออกไปทางหลังผับ ธงรบรีบหาที่หลบแล้วมองตามอย่างสงสัย
หยกที่หมดสติรู้สึกตัวขึ้นมามึนๆ เขาไม่เห็นธงรบอยู่ในรถก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“หมวด!”
หยกพยายามจะออกจากรถแต่พบว่าข้อมือถูกจับใส่กุญแจมือล็อคเอาไว้กับพวงมาลัย หยกร้อนใจเปิดลิ้นชักหน้ารถและที่บังแดดเพื่อหาวัสดุอุปกรณ์มาสะเดาะกุญแจจนเจอคลิปหนีบกระดาษ

ในผับบรรยากาศอึมครึม ธงรบแอบย่องเงียบๆเข้ามาหลบอยู่ใกล้ๆกับเคาท์เตอร์ ตงนั่งรออยู่กับพวก ลูกน้องที่รวมถึงเก่งที่พากันเข้ามาแล้ว
“ไอ้เล้งมันมารึยัง”
“กำลังมาแล้วครับเสี่ย”
ตงยิ้มพอใจ ธงรบยกปืนขึ้นตั้งใจจะลอบยิงตงแต่ระหว่างนั้นลูกน้องตงเดินเข้ามาเห็นพอดี
“เฮ้ย! ทิ้งปืน”
ธงรบตกใจชะงักเพราะโดนปืนจี้ เก่งได้ยินเสียงรีบเดินเข้ามาดูพบว่าเป็นธงรบ แล้วยึดปืนจากมือ
“นึกว่าใครที่แท้ก็หมวดจอมบู๊นี่เอง”
เก่งกระชากคอเสื้อลากตัวมาให้ตง
“เป็นไงมายังไงครับเนี่ยหมวดธงรบ เรื่องบังเอิญหรือว่าตั้งใจที่เราได้มาเจอกันในที่แบบนี้”
“ฉันตั้งใจมาหาแกโดยเฉพาะ เพราะมีของอยากให้แก”
“คงจะเป็นลูกปืนใช่มั้ยครับที่หมวดอยากเอามาให้ผม”
ตงหัวเราะชอบใจก่อนจะรับปืนของธงรบจากเก่งมาถือเล่น
“ผมล่ะไม่เข้าใจหมวดเลยจริงๆ ไม่รู้จะมาโกรธแค้นอะไรผมนักหนา”
“แกฆ่าลูกน้องฉัน ถ้าฉันปล่อยให้แกลอยนวล ชาตินี้ฉันไม่มีวันตายตาหลับ”
เก่งรำคาญเข้าไปทุบหลังจนธงรบทรุดลงกับพื้นแต่สายตาก็ยังจับจ้องแค้น
“ผมเข้าใจความรู้สึกของหมวด ไหนจะเสียผู้ร่วมงาน ไหนจะเสียหน้าที่การงาน เอาเป็น ว่าคนล้มผมไม่อยากข้าม หมวดไปซะ ผมจะถือว่าหมวดไม่ได้มาที่นี่”
“แต่ฉันเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกแกกำลังเย้ยหยันกฎหมาย เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ ไปจนกว่าจะลากคอแกไปด้วย”
“เสี่ยครับ...ถ้ามันอยากตาย ผมว่าจัดให้มันไปเลยดีกว่า”
เก่งกระชากตัวธงรบขึ้นมาให้ตงเป็นคนตัดสิน
“ผมเสียใจด้วยจริงๆนะครับ ไว้งานศพหมวดผมจะขอเป็นเจ้าภาพจัดสวดให้ทั้ง 7 วันเลย”
ตงพยักหน้าให้เก่งลากตัวธงรบออกไป

หยกใช้คลิปหนีบกระดาษสะเดาะกุญแจมือจนหลุด รีบเปิดประตูลงจากรถแต่ทันใดนั้นเสียงปืนดัง ขึ้น...เปรี้ยง! หยกตกใจ
“หมวด!”
ธงรบถูกเก่งยิงจนกระสุนทะลุไหล่เลือดชุ่ม เก่งยิ้มเยาะสะใจ
“เป็นไงล่ะครับหมวด...ขาบู๊อย่างหมวดโดนเข้าไปแบบนี้ถึงกับหน้าซีดเลยเหรอ ฮ่าๆ”
ธงรบกัดฟันกรอดเจ็บใจ
“พวกแกมันก็แค่นักเลงสวะ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกเว้ย”
“ปืนผมจ่อหน้าหมวดอยู่แบบนี้เนี่ยนะ ยังอวดเก่งบอกทำอะไรไม่ได้ ปากดีเกินไปแล้ว”
“ฉันกล้าท้าทายแก เพราะฉันรู้ว่าอย่างแกมันก็แค่ไอ้กระจอก ลองวัดฝีมือกันตัวๆ แกโดน ฉันอัดเละแน่”
“ก็ได้...ถ้าหมวดอยากลองเจ็บตัว ผมจัดให้หมวดได้เสมอ”
เก่งเหน็บปืนเข้าที่เอวแล้วตั้งท่าเชิงมวย ธงรบแอบยิ้มชอบใจเพราะหลอกล่อให้เก่งหลงกล พอมันเข้ามาใกล้ ธงรบก็กำกรวดทรายที่พื้นซัดเข้าหน้า เก่งแสบตามองไม่เห็น ธงรบเลยได้โอกาสเข้าไปถลุงเล่นงานทั้งหมัดเข่า เก่งโดนเล่นงานจนเซ ธงรบจะเข้าไปแย่งปืนจากเอว แต่เก่งกลับจับมือมาบิด
“เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะหมวด แต่ไม่ทันกินผมหรอก”
ธงรบเจ็บใจเลยออกแรงสะบัด แล้วกระแทกศอกกลับหลังเข้าหน้าเก่งจนมันเซจากนั้นก็ฉวยโอกาสวิ่งหนี เก่งชักปืนยิงไล่หลัง...เปรี้ยงๆ!

ธงรบกุมไหล่ที่เลือดโชกวิ่งหนีเก่งกลับมาที่รถ พบหยกพอดี
“ไอ้หยก ถ้าคิดจะจับฉันให้พวกแกล่ะก็...ฉันจะสู้กับแกให้ตายไปข้างแน่”
ธงรบคิดว่าที่หยกมาขวางเพราะต้องการจับตัวเขาส่งให้พวกเดียวกันแต่หยกกลับช่วยเหลือเขา
“ผมบอกหมวดแล้วไงว่าอย่าหาเรื่อง หมวดรีบหนีไปเถอะ”
“นี่แก! แกช่วยฉันทำไม”
“ถึงผมจะเป็นพวกเดียวกับพวกนั้น แต่ผมก็ไม่เหมือนมัน หมวดรีบไปเถอะครับ"

ธงรบมองหยกอย่างแปลกใจก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถแล้วขับออกไป หยกมองตามได้ครู่พอเห็นว่าเก่งตามเข้ามายิง ไล่หลัง ก็หาที่หลบเพื่อไม่ให้เก่งรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 12 (ต่อ)

“โธ่เว้ย !” เก่งเจ็บใจ

ลูกน้องตามเข้ามา
“พี่เก่ง”
“ว่าไง”
“พวกเจ้าสัวเล้งกำลังมาถึงแล้ว รีบเข้าไปเถอะ”
“รู้แล้วเว้ย”
เก่งหัวเสียเก็บปืนแล้วเดินตามลูกน้องกลับเข้าไป หยกก้าวออกมามองตามอย่างสงสัย

ตงกระชากคอเสื้อเก่งมาตะคอกใส่หน้า
“ไหนแกคุยว่าจะจัดการไอ้ตำรวจนั่นได้ง่ายๆไง”
เก่งหน้าเสีย
“ขอโทษครับเสี่ย ผมเกือบจะจัดการมันได้อยู่แล้ว แต่...”
“ไม่ต้องมาหาข้ออ้าง...ขี้เกียจฟังเว้ย”
ตงผลักอกเก่งกระเด็นไปทางลูกน้องแล้วหันมาขึ้นเสียงสั่งกับทุกคน
“ทันทีที่ไอ้เล้งมาถึง ใครเล่นงานมันได้ ฉันจะมีรางวัลพิเศษให้”
หยกที่เข้ามาหลบฟังได้ยินคำสั่งของตงก็อดเป็นห่วงเจ้าสัวเล้งไม่ได้

เจ้าสัวเล้งนั่งอยู่ในรถที่มาพร้อมกับนนท์ ระหว่างนั้นนนท์รับสายโทรศัพท์แล้วบอก
“เจ้าสัวครับ...ลูกน้องของเสี่ยตงที่ชื่อหยกมีเรื่องต้องการคุยกับเจ้าสัว”
เจ้าสัวนิ่งไปครู่ก่อนจะเอาโทรศัพท์มารับสาย
“มีอะไรกับฉันเหรอนายหยก”
หยกใช้มือถือโทรมาจากด้านหลังผับ
“ผมโทรมาเตือนเจ้าสัว คุณไม่ควรจะมาเจอเสี่ย เพราะทางนี้วางแผนเล่นงานคุณไว้แล้ว”
“เธอเตือนฉันไม่ให้ไปตกหลุมพรางเจ้านายของเธอ...นายหยก...ฉันควรจะเชื่อคำเตือนนี้ ด้วยเหรอ”
“ถ้าเจ้าสัวไม่เชื่อก็เชิญมาได้ตามสบาย แต่ผมบอกได้คำเดียวว่า นี่จะเป็นตั๋วเที่ยวเดียวที่ เจ้าสัวจะมาแล้วไม่ได้กลับไปหาลูกเมียอีก”
เจ้าสัวนิ่งไปอย่างครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเตือนฉัน เพราะนี่มันคือการ หักหลังเจ้านายเธอ”
“ผมเห็นคนตายมาเยอะมากเกินไปแล้วครับ ผมไม่อยากเห็นอีก”
เจ้าสัวชอบใจคำพูดของหยก แต่ระหว่างนั้นเองที่อยู่ๆรถก็เบรกเอี๊ยดที่กลางถนน...พวกมือปืนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาปาดหน้าแล้วเปิดฉากยิงใส่ด้วยปืนกลสงครามอย่างดุเดือด ลูกน้องเจ้าสัวรีบลงจากรถยิงตอบโต้แต่ก็ถูกยิงตายเพราะสู้อาวุธสงครามไม่ได้ นนท์รีบเปิดประตูมายิงใส่ แต่พวกมันโยนลูกระเบิดเข้าใส่รถคันแรก...ตูม !! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นนท์รีบเข้าไปช่วยเจ้าสัวออกมาจากรถคันหลังที่พวกมันเริ่มระดมยิง
“เจ้าสัวรีบหนีไปก่อนเถอะครับ ผมจะเปิดทางให้เอง”
“ระวังตัวนะนนท์”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์หันไปยิงหลอกล่อเพื่อเปิดทางให้เจ้าสัววิ่งอ้อมออกไปด้านหลัง โทรศัพท์ที่เพิ่งคุยกับหยกตกอยู่ที่พื้นทำ ให้เสียงปืนดังผ่านไปถึงหยก เขาได้ยินเสียงปืนยิงกันสนั่นหวั่นไหวผ่านทางโทรศัพท์
“เจ้าสัวครับ...เจ้าสัว!”
หยกเห็นท่าไม่ดีรีบปิดสายแล้ววิ่งออกไปทันที

มือปืนสองคนไล่ตามเจ้าสัวเล้งมาในบริเวณตึกร้าง
“มันหนีเข้ามาในนี้แน่...เอ็งไปทางโน้น ข้าจะไปดูทางนี้เอง”
มือปืนแยกย้ายกันออกไป เจ้าสัวยืนหลบอยู่พร้อมกับปืนในมือเตรียมพร้อมสู้เต็มที่

มือปืนเข้ามาเดินสำรวจรอบๆมันรู้สึกผิดสังเกตเลยกวาดปืนไปข้างหลัง...ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่พอมันหันหลัง กลับมากลับเจอเจ้าสัวเล้งเอาปืนจ่อใส่
“พวกแกมันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ คิดจะเก็บฉันงั้นเหรอ”
มือปืนเจ็บใจที่เจ้าสัวรู้ตัวมันหันหลังกลับมาแล้วใช้มือเปล่าปัดปืนจนกระเด็นก่อนที่จะใช้มือเปล่างัดเชิงมวยใส่ เจ้าสัวสู้กับมันจนเอาชนะได้ ใช้เชือกรัดคอจนมันแน่นิ่ง แต่ไม่ทันไรเสียงปืนก็ดัง...เปรี้ยงๆ เพราะมือปืนอีกคนโผล่ เข้ามาช่วยยิงใส่ เจ้าสัวกระโจนหลบ จะเข้าไปเก็บปืนที่พื้นแต่มันก็ยิงใส่ไม่หยุดจนต้องถอยหนี
เจ้าสัววิ่งหนีกระสุนจากมือปืนที่ไล่ตามมาแล้วเข้าหลบอยู่หลังกองลังไม้ พอมันเข้ามาใกล้ก็ผลักลังพวกนั้นลงมาใส่ แล้วฉวยโอกาสเข้าจู่โจมแย่งปืนจนแย่งมาได้ ใช้ปืนจ่อมัน แต่ไม่คิดจะฆ่า
“อั้วไม่อยากฆ่าพวกลื้อ ถ้าเปลี่ยนใจเห็นด้วยกับอั้ว อั้วจะไว้ชีวิต”
“มังกรแก่ๆขี้ขลาดไม่มีน้ำยาอย่างแก...ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยหรอกเว้ย”
มือปืนตัดสินใจแย่งปืน จึงยื้อยุดกันไปมาจนกระทั่งเสียงปืนดัง...เปรี้ยงๆๆ ทั้งคู่นิ่งไปก่อนที่มือปืนจะ ถอยออกมาตายคาที่ด้วยน้ำมือเจ้าสัว ระหว่างนั้นโหงวเดินลากขาเป๋ๆเข้ามาพร้อมกับเสียงปรบมือ...แปะๆ
“ลื้อมันเป็นมังกรที่ฆ่าไม่ตายจริงๆไอ้เล้ง”
เจ้าสัวหันไปเห็นโหงวก็อึ้งไป
“เฮียโหงว!”
เจ้าสัวยกปืนจ่อไปที่โหงวทันที แต่โหงวกลับไม่มีทีท่าสะทกสะท้าน
“จะยิงอั้วเหรอ...เอาเลยไอ้เล้ง...ยิงใส่อั้วเลย ถ้าปืนลื้อยังเหลือกระสุนอยู่อีกนะ”
เจ้าสัวลั่นไกแต่ปืนกระสุนหมดอย่างที่โหงวพูดไว้จริงๆ
“ฮ่าๆ! ลื้อมันเก่งไอ้เล้ง...แต่ลื้อก็ยังเก่งไม่เท่าอั้ว”
โหงวชักปืนออกมาแล้วยิงใส่ทันที...เปรี้ยง !! กระสุนทะลุหัวไหล่ไป เจ้าสัวทรุดฮวบ
“ไอ้…ไอ้สารเลว ลื้อฆ่าครอบครัวอั้ว ลื้อพรากทุกอย่างในชีวิตอั้วไป...ถ้าลื้อไม่ ตายด้วยมืออั้ว อั้วไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
เจ้าสัวกัดฟันเจ็บใจลุกขึ้นเดินดิ่งเข้าหาแต่ก็เจอโหงวยิงใส่ที่ขาอีกหนึ่งนัด...
เปรี้ยง!
เจ้าสัวทรุดลงคุกเข่าทั้งแขนและขาถูกยิงจนเลือดโชก แต่เขาก็ยังกัดฟันกรอดจ้องด้วยสายตาพร้อมกินเลือดกินเนื้อ
“โดนขนาดนี้แล้วลื้อยังไม่หยุดอีกเหรอ...ฮ่าๆ แสดงว่าลื้อคงอยากฆ่าอั้วมาก...ได้...อั้วจะ ให้โอกาสลื้อได้แก้แค้นให้พวกลูกเมียลื้อ”
โหงวโยนปืนทิ้งไปแล้วกวักมือให้เข้ามาสู้กันด้วยมือเปล่า เจ้าสัวกัดฟันฟืนความเจ็บปวดพาร่างตัวเองเข้าสู้ แต่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือเพราะเสียเลือดไปมาก โหงวเลยยันโครมแล้วจับขึ้นมาบิดแขน
“อ๊าก!”

โหงวหัวเราะสะใจ

“ฮ่าๆ...รู้จักเจ็บปวดเป็นแล้วเหรอไอ้เล้ง...อั้วจะบอกให้นะ ที่ลื้อส่งอั้วเข้าไปอยูในคุกเป็น สิบๆปี มันยังเจ็บปวดไม่เท่ากับที่ลื้อโดนอยู่ตอนนี้หรอก”
โหงวจับแขนเล้งบิดอีกทีแรงๆแล้วผลักเจ้าสัวลงพื้น และตามไปเอาเท้าเหยียบอกไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
“ลื้อเอาชีวิตลูกเมียอั้วไป เอาชีวิตพราวแสงไป อั้วมันคิดผิดเองที่ส่งลื้อไปติดคุก อั้วน่าจะ ฆ่าลื้อให้ตายไปซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ไอ้สารเลว”
“ฮ่าๆ...ในที่สุดมังกรวารีอย่างลื้อก็ยอมรับว่าคิดผิดเป็นกับเขา ใช่แล้วไอ้เล้ง ลื้อคิดผิดที่ ปล่อยให้อั้วมีชีวิตรอด แต่กว่าจะรู้ตัวว่าลื้อคิดผิดก็แก้ตัวอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะวันนี้ จะเป็นวันตายของลื้อ”
โหงวเล็งปืนเตรียมจะยิงแต่เสียงปืนจากหยกดังเข้ามาก่อน...
เปรี้ยงๆ!
โหงวกระโจนหลบแทบไม่ทันเพราะหยกเปิดฉากเข้ามายิงใส่ไม่หยุด หยกรีบฉวยโอกาสนั้นเข้ามาช่วยพยุงเจ้าสัว
“รีบไปเถอะครับเจ้าสัว”
หยกพยุงเจ้าสัวขึ้นมาแล้งพาออกไปพร้อมกับยิงใส่โหงวไม่ให้ตามมา


รถแท็กซี่ของคมทวนจอดที่ริมฟุตบาทเพื่อส่งผู้โดยสาร
“ขอบคุณที่ใช้บริการครับ”
ผู้โดยสารให้เงินค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถ คมทวนดูเวลา
“รับอีกสักสองคนแล้วค่อยกลับบ้านดีกว่า”
คมทวนกดปุ่มเปิดไฟที่หน้ารถ “ว่าง” แล้วขับออกไปสบายๆ


หยกประคองพาเจ้าสัวเล้งที่เสียเลือดมาจนแทบเดินไม่ไหว
“แข็งใจหน่อยนะครับเจ้าสัว”
“ทิ้ง...ทิ้งฉันไว้เถอะ...นาย...นายหยก”
“ไม่ได้หรอกครับ...คนดีๆอย่างเจ้าสัวไม่ควรต้องมาตายแบบนี้”
เปรี้ยง !!
เสียงปืนดังเข้ามาเป็นโหงวที่ยังตามมายิงใส่ไม่หยุด หยกต้องยิงตอบโต้ใส่กลับไปเพียงแค่ถ่วง เวลาโหงวไปเท่านั้น
“ทิ้งฉันไว้เถอะนายหยก...ฉันไม่อยากให้เธอต้องถูกมันฆ่าตายเหมือนอย่างที่มันทำไว้กับ ลูกเมียฉัน”
“เจ้าสัว...”
หยกตัดสินใจลำบาก ระหว่างนั้นเองรถแท็กซี่ของคมทวนขับผ่านเข้ามา หยกรีบวิ่งออกไปโบกมือเรียกให้หยุด แล้วใช้ปืนจี้ปล้นคนขับ
“ลงมาจากรถ...ฉันต้องใช้รถคันนี้”
ประตูรถเปิดออกมาเป็นคมทวนที่เห็นว่าลูกชายตัวเองกำลังปล้น
“ไอ้หยก !...นี่เอ็ง…”
หยกไม่ทันจะได้อธิบายอะไร โหงวก็ยิงใส่เข้ามา หยกรีบขอความช่วยเหลือจากคมทวน
“พ่ออย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ...ผมต้องช่วยชีวิตเขา”
หยกให้คมทวนดูเจ้าสัวที่บาดเจ็บจนแทบจะหมดสติอยู่แล้ว คมทวนเห็นแบบนั้นเลยรีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้าสัวพาขึ้นรถ หยกยิงใส่โหงวไม่ให้ตามได้ แล้วรีบเข้าไปนั่งในรถออกไปพร้อมกับคมทวน โหงวยิงไล่หลังไม่ยั้งมือจนกระสุนหมด
“โธ่เว้ย...ไอ้หยก...เป็นเรื่องแล้วไง...มันเจอกันจนได้...เว้ย!”


รถแท็กซี่จอดเอี๊ยดที่หน้าโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเอาเตียงมารับเจ้าสัวเล้งที่เลือดท่วมตัวแล้วพาเข้า ไปในห้องฉุกเฉินทันที หยกยืนมองเจ้าสัวที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง จนคมทวนถามจริงจัง
“เอ็งต้องอธิบายให้พ่อฟังว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร...ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร แล้วเอ็งไปถูกใคร ไล่ฆ่ามา”
“ฉันบอกพ่อที่นี่ไม่ได้...กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า”
“ได้...แต่ครั้งนี้เอ็งต้องพูดความจริงกับข้ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นล่ะก็...เอ็งจะไม่ได้เห็น หน้าข้าอีกตลอดชีวิต”
คมทวนผลักไหล่หยกแล้วขู่อย่างจริงจังที่สุดในชีวิต



ดวงแขคุยโทรศัพท์กับโหงว เธอโวยวายด้วยความโมโห...
“พลาดงั้นเหรอ...ไหนแกมั่นใจไงว่าจะจัดการกับเล้งได้ ก็แค่คำคุยโม้โอ้อวด...โธ่เอ้ยไอ้เป๋”
โหงวเจ็บใจ
“ฉันเกือบจะฆ่ามันได้อยู่แล้ว ถ้าไอ้หยกมันไม่โผล่มาช่วยไอ้เล้งไปซะก่อน”
ดวงแขชะงัก
“แกว่าไงนะ...ไอ้หยกที่แกสงสัยว่าจะเป็นลูกของไอ้เล้งน่ะเหรอ”
“ใช่...ตอนนี้มันคงพาไอ้เล้งไปโรงพยาบาล จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของเธอแล้ว”
“ฮัลโหล...ฮัลโหล...โธ่เอ้ย...ไอ้เป๋ ทำงานพลาดแล้วมาโยนให้ฉันเก็บกวาด...ไอ้ทุเรศเอ้ย”
ดวงแขเครียดกับสถานการณ์ทันที


หยกนั่งหน้าเครียดคุยกับพ่ออยู่ในบ้าน คมทวนเสียงดังใส่
“ว่ายังไงล่ะไอ้หยก มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเอ็งถึงต้องตามล่าอย่างนั้นด้วย”
“พ่อครับเรื่องที่ผมจะบอกพ่อมันเป็นเรื่องสำคัญมาก จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ถ้ามันเกี่ยวกับความเป็นความตายของเอ็ง คิดว่าข้าจะปล่อยให้เอ็งมีอันตรายได้เหรอ”
หยกมองพ่อแล้วเดินไปยืนหน้าจริงจังอย่างตัดสินใจ
“ผมเป็นสายให้ตำรวจครับพ่อ”
“เอ็งว่าไงนะ...เอ็งเป็นสายให้ตำรวจ”
“ครับพ่อ ตอนที่ผมต้องติดคุกผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ในกรม ผมตัดสินใจรับทำ งานนี้เพราะต้องการสานต่อความฝันของพ่อกับแม่ให้สำเร็จ”
“แล้วทำไมเอ็งต้องโกหกพ่อด้วย”
“มันเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ถ้าผมถูกจับได้ อันตรายจะมาถึงพ่อและทุกคนที่ผมรู้จัก”
หยกบอกแล้วเข้าไปคุกเข่าพนมมือต่อหน้าคมทวนอย่างเสียใจ
“ผมอึดอัดใจทุกครั้งที่ผมต้องทำให้พ่อเสียใจ ทั้งๆที่ผมตั้งใจทำความฝันของพ่อกับแม่ให้ เป็นจริง ผมกราบขอโทษครับพ่อ”
หยกก้มกราบลงไปที่เท้าของพ่ออย่างรู้สึกผิด คมทวนซาบซึ้งน้ำตาคลอรีบดึงลูกชายขึ้นมา
“ไอ้หยก...ไอ้ลูกรักของพ่อ พ่อนึกว่าพ่อจะเลี้ยงเอ็งมาไม่ดี นึกว่าเอ็งจะเป็นคนเลว ทั้งๆที่ แม่เอ็งฝากฝังเอ็งไว้กับพ่อ ไอ้หยกลูกพ่อ”
คมทวนดึงหยกมากอดแน่นแล้วน้ำตาไหลด้วยความดีใจ หยกอดดีใจด้วยไม่ได้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
“ฉันยึดมั่นในความดี และตั้งใจเป็นดีเพราะคำสั่งสอนของพ่อทั้งนั้นเลยจ้ะ”
สองพ่อลูกกอดกันด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ


วันใหม่...เจ้าสัวเล้งยังอยู่ในอาการที่ต้องเฝ้าระวัง ดวงแขกับมานพเข้ามายืนดูอาการผ่านทางกระจกกั้น โดยมีหมอให้คำอธิบายถึงอาการ
“อาการของเจ้าสัวตอนนี้เรายังต้องเฝ้าระวังกันไปก่อน เพราะเจ้าสัวถูกยิงมาหลายจุด ก่อนจะถูกพามาส่งก็เสียเลือดไปมาก”
“ถ้าอาการทรุดลงไปไม่ดีขึ้นเลย ผมจะเสียพ่อผมไปรึเปล่าครับหมอ” มานพแสร้งกังวล
“หมอยังตอบไม่ได้ครับ ยังต้องรอดูอาการต่อเนื่องก่อน”
“ตานพเขาเป็นห่วงพ่อเขาน่ะคะหมอ” ดวงแขแตะแขนมานพ “พ่อเป็นคนแข็งแรงและใจสู้มาก นะตานพ แม่เชื่อว่าพ่อจะต้องปลอดภัย” ดวงแขหันมาที่หมอ “ยังไงดิฉันฝากคุณหมอดูแลให้ อย่างดีเลยนะคะ”
“ครับ...อ้อ...มีอีกเรื่องครับ ตอนที่เจ้าสัวหมดสติแล้วอาการหนัก เจ้าสัวพูดถึงแต่ชื่อ พราวแสง เรียกหาให้พามาพบให้ได้”

“ฮ่าๆ...รู้จักเจ็บปวดเป็นแล้วเหรอไอ้เล้ง...อั้วจะบอกให้นะ ที่ลื้อส่งอั้วเข้าไปอยูในคุกเป็น สิบๆปี มันยังเจ็บปวดไม่เท่ากับที่ลื้อโดนอยู่ตอนนี้หรอก”

โหงวจับแขนเล้งบิดอีกทีแรงๆแล้วผลักเจ้าสัวลงพื้น และตามไปเอาเท้าเหยียบอกไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
“ลื้อเอาชีวิตลูกเมียอั้วไป เอาชีวิตพราวแสงไป อั้วมันคิดผิดเองที่ส่งลื้อไปติดคุก อั้วน่าจะ ฆ่าลื้อให้ตายไปซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ไอ้สารเลว”
“ฮ่าๆ...ในที่สุดมังกรวารีอย่างลื้อก็ยอมรับว่าคิดผิดเป็นกับเขา ใช่แล้วไอ้เล้ง ลื้อคิดผิดที่ ปล่อยให้อั้วมีชีวิตรอด แต่กว่าจะรู้ตัวว่าลื้อคิดผิดก็แก้ตัวอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะวันนี้ จะเป็นวันตายของลื้อ”
โหงวเล็งปืนเตรียมจะยิงแต่เสียงปืนจากหยกดังเข้ามาก่อน...
เปรี้ยงๆ!
โหงวกระโจนหลบแทบไม่ทันเพราะหยกเปิดฉากเข้ามายิงใส่ไม่หยุด หยกรีบฉวยโอกาสนั้นเข้ามาช่วยพยุงเจ้าสัว
“รีบไปเถอะครับเจ้าสัว”
หยกพยุงเจ้าสัวขึ้นมาแล้งพาออกไปพร้อมกับยิงใส่โหงวไม่ให้ตามมา

รถแท็กซี่ของคมทวนจอดที่ริมฟุตบาทเพื่อส่งผู้โดยสาร
“ขอบคุณที่ใช้บริการครับ”
ผู้โดยสารให้เงินค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถ คมทวนดูเวลา
“รับอีกสักสองคนแล้วค่อยกลับบ้านดีกว่า”
คมทวนกดปุ่มเปิดไฟที่หน้ารถ “ว่าง” แล้วขับออกไปสบายๆ

หยกประคองพาเจ้าสัวเล้งที่เสียเลือดมาจนแทบเดินไม่ไหว
“แข็งใจหน่อยนะครับเจ้าสัว”
“ทิ้ง...ทิ้งฉันไว้เถอะ...นาย...นายหยก”
“ไม่ได้หรอกครับ...คนดีๆอย่างเจ้าสัวไม่ควรต้องมาตายแบบนี้”
เปรี้ยง !!
เสียงปืนดังเข้ามาเป็นโหงวที่ยังตามมายิงใส่ไม่หยุด หยกต้องยิงตอบโต้ใส่กลับไปเพียงแค่ถ่วง เวลาโหงวไปเท่านั้น
“ทิ้งฉันไว้เถอะนายหยก...ฉันไม่อยากให้เธอต้องถูกมันฆ่าตายเหมือนอย่างที่มันทำไว้กับ ลูกเมียฉัน”
“เจ้าสัว...”
หยกตัดสินใจลำบาก ระหว่างนั้นเองรถแท็กซี่ของคมทวนขับผ่านเข้ามา หยกรีบวิ่งออกไปโบกมือเรียกให้หยุด แล้วใช้ปืนจี้ปล้นคนขับ
“ลงมาจากรถ...ฉันต้องใช้รถคันนี้”
ประตูรถเปิดออกมาเป็นคมทวนที่เห็นว่าลูกชายตัวเองกำลังปล้น
“ไอ้หยก !...นี่เอ็ง…”
หยกไม่ทันจะได้อธิบายอะไร โหงวก็ยิงใส่เข้ามา หยกรีบขอความช่วยเหลือจากคมทวน
“พ่ออย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ...ผมต้องช่วยชีวิตเขา”
หยกให้คมทวนดูเจ้าสัวที่บาดเจ็บจนแทบจะหมดสติอยู่แล้ว คมทวนเห็นแบบนั้นเลยรีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้าสัวพาขึ้นรถ หยกยิงใส่โหงวไม่ให้ตามได้ แล้วรีบเข้าไปนั่งในรถออกไปพร้อมกับคมทวน โหงวยิงไล่หลังไม่ยั้งมือจนกระสุนหมด
“โธ่เว้ย...ไอ้หยก...เป็นเรื่องแล้วไง...มันเจอกันจนได้...เว้ย!”

รถแท็กซี่จอดเอี๊ยดที่หน้าโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเอาเตียงมารับเจ้าสัวเล้งที่เลือดท่วมตัวแล้วพาเข้า ไปในห้องฉุกเฉินทันที หยกยืนมองเจ้าสัวที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง จนคมทวนถามจริงจัง
“เอ็งต้องอธิบายให้พ่อฟังว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร...ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร แล้วเอ็งไปถูกใคร ไล่ฆ่ามา”
“ฉันบอกพ่อที่นี่ไม่ได้...กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า”
“ได้...แต่ครั้งนี้เอ็งต้องพูดความจริงกับข้ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นล่ะก็...เอ็งจะไม่ได้เห็น หน้าข้าอีกตลอดชีวิต”
คมทวนผลักไหล่หยกแล้วขู่อย่างจริงจังที่สุดในชีวิต

ดวงแขคุยโทรศัพท์กับโหงว เธอโวยวายด้วยความโมโห...
“พลาดงั้นเหรอ...ไหนแกมั่นใจไงว่าจะจัดการกับเล้งได้ ก็แค่คำคุยโม้โอ้อวด...โธ่เอ้ยไอ้เป๋”
โหงวเจ็บใจ
“ฉันเกือบจะฆ่ามันได้อยู่แล้ว ถ้าไอ้หยกมันไม่โผล่มาช่วยไอ้เล้งไปซะก่อน”
ดวงแขชะงัก
“แกว่าไงนะ...ไอ้หยกที่แกสงสัยว่าจะเป็นลูกของไอ้เล้งน่ะเหรอ”
“ใช่...ตอนนี้มันคงพาไอ้เล้งไปโรงพยาบาล จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของเธอแล้ว”
“ฮัลโหล...ฮัลโหล...โธ่เอ้ย...ไอ้เป๋ ทำงานพลาดแล้วมาโยนให้ฉันเก็บกวาด...ไอ้ทุเรศเอ้ย”
ดวงแขเครียดกับสถานการณ์ทันที

หยกนั่งหน้าเครียดคุยกับพ่ออยู่ในบ้าน คมทวนเสียงดังใส่
“ว่ายังไงล่ะไอ้หยก มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเอ็งถึงต้องตามล่าอย่างนั้นด้วย”
“พ่อครับเรื่องที่ผมจะบอกพ่อมันเป็นเรื่องสำคัญมาก จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ถ้ามันเกี่ยวกับความเป็นความตายของเอ็ง คิดว่าข้าจะปล่อยให้เอ็งมีอันตรายได้เหรอ”
หยกมองพ่อแล้วเดินไปยืนหน้าจริงจังอย่างตัดสินใจ
“ผมเป็นสายให้ตำรวจครับพ่อ”
“เอ็งว่าไงนะ...เอ็งเป็นสายให้ตำรวจ”

“ครับพ่อ ตอนที่ผมต้องติดคุกผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ในกรม ผมตัดสินใจรับทำ งานนี้เพราะต้องการสานต่อความฝันของพ่อกับแม่ให้สำเร็จ”
“แล้วทำไมเอ็งต้องโกหกพ่อด้วย”
“มันเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ถ้าผมถูกจับได้ อันตรายจะมาถึงพ่อและทุกคนที่ผมรู้จัก”
หยกบอกแล้วเข้าไปคุกเข่าพนมมือต่อหน้าคมทวนอย่างเสียใจ
“ผมอึดอัดใจทุกครั้งที่ผมต้องทำให้พ่อเสียใจ ทั้งๆที่ผมตั้งใจทำความฝันของพ่อกับแม่ให้ เป็นจริง ผมกราบขอโทษครับพ่อ”
หยกก้มกราบลงไปที่เท้าของพ่ออย่างรู้สึกผิด คมทวนซาบซึ้งน้ำตาคลอรีบดึงลูกชายขึ้นมา
“ไอ้หยก...ไอ้ลูกรักของพ่อ พ่อนึกว่าพ่อจะเลี้ยงเอ็งมาไม่ดี นึกว่าเอ็งจะเป็นคนเลว ทั้งๆที่ แม่เอ็งฝากฝังเอ็งไว้กับพ่อ ไอ้หยกลูกพ่อ”
คมทวนดึงหยกมากอดแน่นแล้วน้ำตาไหลด้วยความดีใจ หยกอดดีใจด้วยไม่ได้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
ฉันยึดมั่นในความดี และตั้งใจเป็นดีเพราะคำสั่งสอนของพ่อทั้งนั้นเลยจ้ะ”

สองพ่อลูกกอดกันด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ

วันใหม่...เจ้าสัวเล้งยังอยู่ในอาการที่ต้องเฝ้าระวัง ดวงแขกับมานพเข้ามายืนดูอาการผ่านทางกระจกกั้น โดยมีหมอให้คำอธิบายถึงอาการ

“อาการของเจ้าสัวตอนนี้เรายังต้องเฝ้าระวังกันไปก่อน เพราะเจ้าสัวถูกยิงมาหลายจุด ก่อนจะถูกพามาส่งก็เสียเลือดไปมาก”
“ถ้าอาการทรุดลงไปไม่ดีขึ้นเลย ผมจะเสียพ่อผมไปรึเปล่าครับหมอ” มานพแสร้งกังวล
“หมอยังตอบไม่ได้ครับ ยังต้องรอดูอาการต่อเนื่องก่อน”
“ตานพเขาเป็นห่วงพ่อเขาน่ะคะหมอ” ดวงแขแตะแขนมานพ “พ่อเป็นคนแข็งแรงและใจสู้มาก นะตานพ แม่เชื่อว่าพ่อจะต้องปลอดภัย” ดวงแขหันมาที่หมอ “ยังไงดิฉันฝากคุณหมอดูแลให้ อย่างดีเลยนะคะ”
“ครับ...อ้อ...มีอีกเรื่องครับ ตอนที่เจ้าสัวหมดสติแล้วอาการหนัก เจ้าสัวพูดถึงแต่ชื่อ พราวแสง เรียกหาให้พามาพบให้ได้”
“เขาถามหาพราวแสงเหรอคะ”
“ครับ...บางทีถ้าพาเขามาพบเจ้าสัว อาจจะช่วยทำให้รู้สึกตัวเร็วขึ้นก็ได้”
“ค่ะหมอ...ขอบคุณนะคะ”
ดวงแขบอกหมอแล้วรีบเดินออกไป มานพมองตามแม่อย่างสงสัย

มานพเดินตามดวงแขออกมาที่ทางเดินโรงพยาบาล
“แม่...แม่ !บอกผมมาเดี๋ยวนี้ พราวแสงเป็นใคร ทำไมพ่อต้องเพ้อเรียกให้มาพบด้วย”
“ไม่มีอะไรหรอกน่าตานพ ก็คงเป็นพวกอีหนูที่พ่อแกไปซุกเอาไว้นั่นแหละ”
“แม่ทำอย่างกับผมไม่รู้จักนิสัยพ่อ วันๆพ่อเอาแต่ทำงานไม่เคยไปยุ่งกับผู้หญิงที่ไหน”
ดวงแขชะงักอึกอักไม่ค่อยอยากพูดถึง มานพต้องเข้าไปจับแขนบีบแรงๆ
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะแม่”
“ตานพ...แม่เจ็บนะ”
“แม่ก็บอกผมมาสิ”
โหงวเข้ามา
“พราวแสงเป็นผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตไอ้เล้งไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน และเป็นผู้หญิง ที่เล้งมันรักมากที่สุด รักมากกว่าแม่ของแกด้วย...มานพ”
มานพชะงักหลังจากได้ยินโหงวพูดถึงพราวแสง

คมทวนกับหยกจุดธูปไหว้ภาพถ่ายของพราวแสง
“พราวแสง...ฉันให้ลูกมาไหว้เธอวันนี้เพราะอยากให้เธอรู้ว่า ไอ้หยกมันไม่ได้เลือกเดิน ทางผิดเป็นกุ๊ย เป็นอันธพาลอย่างที่ฉันเล่าให้เธอฟัง”
หยกหน้าเหวอ
“อ้าวพ่อ…นี่พ่อชอบมาเล่าว่าฉันเลวให้แม่ฟังเหรอ”
“เอ้า...ก็ที่เห็นข้าเอ็งทำเรื่องเลวๆแต่ละอย่าง ข้าไม่เคยรู้นี่หว่าว่าเอ็งจำเป็นต้องทำ ข้าเลย ต้องมายอมรับผิดอยู่นี่ไง”
“โธ่พ่อ...พ่อไม่รู้แล้วพ่อจะผิดได้ยังไงล่ะ ฉันต่างหากล่ะที่ผิด”
“เออ...เอาเป็นว่าไม่ผิดทั้งคู่ เอ็งไหว้แม่แล้วบอกเขาไปว่าเอ็งยังทำตามความฝันของแม่ อยู่ วิญญาณแม่เอ็งจะได้ไม่ต้องห่วง”
หยกพยักหน้ารับแล้วพนมมือไหว้ภาพถ่ายของแม่

มานพต้องการรู้เรื่องของพราวแสงกับพ่อ จึงเค้นถามเอาจากโหงว
“หมายความว่ายังไงที่ว่าพ่อฉันรักผู้หญิงคนนั้นมากกว่าแม่ฉัน”
“ตานพ แม่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่แกควรจะต้องสนใจ” ดวงแขพยายามตัดบท
“จะให้ผมไม่สนใจได้ยังไง หมอก็เพิ่งบอกเองว่าพ่อเพ้อเรียกหาแต่ผู้หญิงคนนี้ตลอด” มานพย้อนอย่างหงุดหงิด
“ฉันว่าเรื่องนี้ยังไงมานพก็ต้องรู้อยู่ดี ให้รู้ไปเลยก็ดีจะได้ช่วยกันคิดว่าจะเอายังไง”
เมื่อโหงวพูดอยางนั้น ดวงแขได้แต่ถอนใจ มานพถามเสียงเครียด
“มีอะไรที่ฉันต้องรู้...บอกมาให้หมด”
“20 กว่าปีก่อนไอ้เล้งมันหนีรอดการตามล่าของฉันเพราะผู้หญิงที่ชื่อพราวแสง มันหาย ไปด้วยกันอยู่หลายเดือนกว่าที่ฉันจะสืบรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ฉันเลยไปตามฆ่ามันอีก”
โหงวเล่าเหตุการณ์ในอดีต มือปืนบุกไปถล่มเล่นงานเจ้าสัวเล้งกับพราวแสงที่เรือนแพ แล้วพราวแสงถูกยิงตกน้ำ
“ตอนนั้นไอ้เล้งคิดว่าพราวแสงตายไปแล้ว แต่มันไม่เคยรู้ความจริงว่าหลังจากเหตุการณ์ วันนั้นพราวแสงยังมีชีวิตอยู่”
“แล้วแกรู้ได้ยังไง”
“เพราะฉันไปเห็นหยกเลือดมังกร หยกสัญลักษณ์ประจำตระกูลที่ให้ไว้เฉพาะผู้สืบทอด ตระกูลมังกรวารีอยู่ที่ตัวของลูกชายพราวแสงน่ะสิ”
มานพอึ้งไป
“นี่หมายความว่า...มีสายเลือดที่แท้จริงของพ่อฉันอยู่เหรอ”
ดวงแขรีบบอก
“ไม่หรอกตานพ...ก็แค่เรื่องสงสัยของเขาเท่านั้น ยังไม่มีการพิสูจนแน่ชัดว่าไอ้หนุ่มคนนั้น เป็นสายเลือดของเล้งจริงๆรึเปล่า”
มานพขึ้นเสียง
“แล้วแม่มัวทำอะไรกันอยู่ รู้มั้ยว่าถ้ามันเป็นสายเลือดของพ่อจริงๆ แล้วเขารู้ เรื่องขึ้นมา มันจะเกิดอะไรขึ้นกับผม”
“ใจเย็นน่าตานพ...ยังไงเล้งก็ยังไม่รู้เรื่องนี้หรอก เพราะพราวแสงน่ะตายไปแล้ว”
“แต่ผมไม่ไว้ใจ...ผมต้องรู้ให้ได้ว่าสายเลือดของพ่อยังเหลือรอดอยู่รึเปล่า ผมต้องพิสูจน์ เรื่องนี้ เพราะถ้าใช่ขึ้นมา...สมบัติของมังกรวารีต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!”

อาม่าตักน้ำเต้าหู้ใส่ถ้วยให้ลูกค้าที่มานั่งรอกินอยู่เต็มร้าน
“อาม่า..น้ำเต้าหู้ไม่เอาเม็ดแมงลักสั่งไปตั้งนานแล้ว ได้รึยัง”
“ใจเย็นๆนะ...อั้วมีแค่ 2 มือ เดี๋ยวเอาไปให้”
“อย่าลืมปาท่องโก๋อั้วด้วยนะอาม่า”
“ปาท่องโก๋ !” อาม่านึกขึ้นได้ “ไอ้หย๋า...ไหม้หมดเลี้ยว”
อาม่ารีบหันไปดูปาท่องโก๋ที่ทอดทิ้งไว้ในกระทะ รีบเอาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเข้ามา
“อาม่าคะ...ให้กิ่งเหมยช่วยดีกว่า”
“อาเหมย...ลื้อออกมาทำไม กลับเข้าไปในบ้านดีกว่า”
“แต่อาม่าทำคนเดียวลูกค้ารอเต็มร้านเลย ให้เหมยช่วยนะ”
“ลื้อจะช่วยได้ยังไงก็ตาลื้อ...”
“เหมยว่าเหมยพอทำได้นะ ถ้าอาม่าวางของไว้ที่เดิม”
“อย่าเลยอาเหมย...มีทั้งน้ำมัน มีทั้งของร้อนๆ”
ลูกค้าส่งเสียงเร่งมา
“เอ้า...อาม่า...น้ำเต้าหู้อั้วจะได้รึยัง...หิวแล้วนะ”
“อาม่าทำคนเดียวไม่ไหวหรอก...ให้เหมยช่วยดีกว่านะ”

อาม่ามองหลานสาวอย่างหนักใจ

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 12 (จบตอน)

อาม่าทอดปาท่องโก๋ในกระทะแต่สายตาเหลือบมองหลานสาวตลอดอย่างเป็นห่วง กิ่งเหมยใช้มือคลำทุกอย่างเพราะคุ้นเคยแต่ค่อยๆทำช้าๆ ลูกค้าเข้ามาสั่ง

“หนู...น้ำเต้าหู้ป้าไม่เอาถั่วเหลืองกับสาคูนะ”
“ค่ะ”
กิ่งเหมยใช้มือคลำแต่ก็ตักผิด
“ผิดแล้วหนู...ป้าบอกไม่เอาถั่วเหลือง แล้วใส่ลงไปทำไม”
“ขอโทษด้วยค่ะ...เดี๋ยวหนูตักให้ใหม่”
กิ่งเหมยรีบตักให้ใหม่แต่คราวนี้โดนน้ำเต้าหู้ลวกมือร้องเจ็บ...
“โอ๊ย!”
“อาเหมย...เป็นยังไงบ้าง เห็นมั้ย อาม่าบอกแล้วว่าอย่าทำๆ”
ลูกค้ารำคาญ
“โอ๊ย...ป้าไม่เอาแล้วล่ะ หยิบผิดหยิบถูกอยู่นั่นแหละ กว่าจะได้กิน ถ้าตาบอด มองไม่เห็น ก็ไปอยู่เฉยๆเถอะ ให้คนตาดีเขามาทำแทน”
อาม่าโมโห
“อ้าว...ลื้อพูดแบบนี้มันปากเสียเกินไปแล้วนะ”
“พูดความจริงมันผิดเหรออาม่า เอาคนพิการมาทำงานแบบนี้ อาม่านั่นแหละที่ใจดำ”
ทันใดนั้นเสียงหยกดังขึ้น
“ถ้าไม่พอใจจะกินน้ำเต้าหู้ที่นี่ก็ไปหากินที่อื่น...ไป!”
หยกขึงขังไม่พอใจ จ้องหน้าเอาเรื่องกับลูกค้าปากเสีย
“ไล่แล้วยังไม่ไปอีก...หรือว่าอยากเจ็บตัว”
“ไป...ไปก็ได้…ไอ้กุ๊ย!”
ลูกค้ากลัวหยกหลายคนเริ่มลุกออกจากโต๊ะ
“อาม่า...ที่สั่งไว้ไม่เอาแล้วนะ”
กิ่งเหมยตกใจ
“เดี๋ยวสิคะ...อย่าเพิ่งไป”
ลูกค้าลุกออกจากร้านไปหมด หยกตะโกนไล่หลัง
“ร้านนี้ขายให้แต่คนดีๆมีน้ำใจ ไม่ต้อนรับไอ้พวกใจแคบดูถูกคนอื่น...จำไว้!”
กิ่งเหมยปราม
“พอได้แล้วหยก!”
หยกชะงักหันไปเห็นกิ่งเหมยน้ำตาคลอเบ้าอย่างเสียใจ
“เธอนั่นแหละที่จะทำให้ทุกคนมองว่าฉันเป็นคนพิการ ต้องพึ่งคนอื่นตลอดเวลา”
กิ่งเหมยร้องไห้แล้วรีบเดินเข้าบ้าน
“กิ่งเหมย!”
อาม่าหันมามองหยกแล้วถอนใจส่ายหน้า

อาม่าเอาบัวหิมะมาทามือให้กิ่งเหมย
“อาม่าทาครีมบัวหิมะให้ลื้อแล้ว เดี๋ยวลื้อก็หาย”
“ขอบคุณค่ะอาม่า”
อาม่าทามือให้หลานสาวไปสายตาก็เหลือบไปมองหยกที่เดินตามเข้ามาเงียบๆมองกิ่งเหมยอย่างเป็นห่วง
“อย่าไปโกรธไอ้หยกมันเลยนะอาเหมย มันก็ห่วงลื้อไม่อยากเห็นลื้อโดนคนอื่นว่า”
“หยกอยู่ในนี้ด้วยรึเปล่าคะ”
“อยู่”
“ขอเหมยคุยกับเขาได้มั้ยคะอาม่า”
อาม่านิ่งไปมองหยกก่อนจะลุกเอาบัวหิมะให้เขา
“ทายาให้เหมยด้วยล่ะ อาม่าจะไปเก็บร้าน”
“ครับอาม่า”
อาม่าเดินออกไปทิ้งหยกให้อยู่กับกิ่งเหมยตามลำพัง

ดุจแพรเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง พยายามใช้โทรศัพท์บ้านแบบไร้สายโทรออกแต่โทรศัพท์ใช้ไม่ได้
“โธ่เอ้ย!”
หญิงสาวหงุดหงิดหัวเสีย โยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ระหว่างนั้นป้าจั่นถือถาดอาหารเช้าเข้ามาพร้อมกับลูกน้องตง
“ป้าเอามื้อเช้ามาให้ค่ะคุณหนู”
“แพรไม่อยากทาน”
“แต่คุณหนูไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะคะ”
“ถ้าป้าห่วงแพรจริงๆ ป้าก็น่าจะรู้นะว่าควรทำอะไรให้แพร”
ป้าจั่นชะงักหันไปมองลูกน้องตงหน้าขรึมๆที่ถูกส่งมาประกบเฝ้า
“คุณหนูคะ อย่าทำให้ป้าต้องหนักใจสิคะ”
“งั้นก็หมายความว่าเดี๋ยวนี้ป้าเออออทุกอย่างตามที่ป๋าสั่งแล้วใช่มั้ย แม้แต่เรื่องงานที่ป๋า ทำมันจะผิดศีลธรรมป้าก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย”
“ป้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคุณหนู”
“แพรเกลียดพวกมือถือสากปากถือศีล แพรไม่ยอมถูกขังอยู่ที่นี่หรอก”
ดุจแพรไม่สนใจจะเดินออกไปจากห้องแต่ลูกน้องตงขวางไว้
“เสี่ยสั่งห้ามคุณหนูออกจากห้องเด็ดขาด”
ดุจแพรตวาด
“หลบไป”
“ไม่ครับ”
“ไม่หลบใช่มั้ย...ได้!”
ดุจแพรผลักลูกน้องพ่อแล้วจะวิ่งออกไป แต่พวกลูกน้องเข้ามาจับตัวล็อคเอาไว้ ดุจแพรดิ้นไม่หยุด
“ปล่อย...ปล่อยฉัน...บอกให้ปล่อย”
พวกลูกน้องตงอุ้มดุจแพรไปไว้ที่เตียง ป้าจั่นพยายามพูด
“เชื่อป้าเถอะนะคะคุณหนู ครั้งนี้เสี่ยเอาจริง อย่าทำให้ทั้งเสี่ยและป้าต้องหนักใจเลย”
“ถ้าป้ายืนยันว่าป้าจะอยู่ข้างป๋า ป้าก็ไม่ต้องมายุ่งกับแพรอีก...ออกไป”
“คุณหนู...คุณหนูอย่าทำอย่างนี้สิคะ”
“แพรบอกให้ออกไปไง...ออกไป!” ดุจแพรขึ้นเสียงจริงจัง
ป้าจั่นกับลูกน้องตง ต้องพากันออกไป ปล่อยให้เธออยู่ห้องคนเดียว ดุจแพรเห็นทุกคนออกไปแล้วจึง
ค่อยๆเอาโทรศัพท์มือถือที่แอบล้วงมาจากกระเป๋าเสื้อสูทลูกน้องพ่อตอนที่เธอ โวยวายจนถูกพวกนั้นจับตัวเอาไว้ออกมา

หยกอยู่กับกิ่งเหมยในบ้าน เขาจะทาครีมบัวหิมะให้

“ฉันทาบัวหิมะให้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันทำเองได้”
กิ่งเหมยแบมือขอให้เขาเอาบัวหิมะให้เธอ
“เธอจะโกรธฉันทำไม ฉันไล่ตะเพิดพวกนั้นไปน่ะดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่กล้ามาดูถูกเธออีก”
“ใช่...ต่อไปจะไม่มีใครกล้าดูถูกฉันอีกเพราะเขากลัวเธอ แต่เขาก็จะมองว่าฉันเป็นแค่คนพิการ น่าเวทนา น่าสงสาร เขาจะไม่เห็นว่าฉันเป็นกิ่งเหมยคนเดิม”
“ใครจะรู้สึกอะไรกับเธอก็ช่างหัวมันสิ เธอจะต้องไปแคร์ทำไม”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันแคร์สายตาของคนอื่น งั้นเธอก็ต้องจับฉันขังไว้ในห้อง ไม่ต้องออกมาใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นไปเลยสิหยก”
“ถ้าทำแบบนั้นได้ฉันก็อยากจะทำ”
กิ่งเหมยอึ้ง
“หยก !...นี่เธอ”
กิ่งเหมยผลักเขาออกไปจากตัวแรงๆจนเขาเซชนเก้าอี้ล้ม อาม่าได้ยินเสียงดังก็รีบเข้ามา
“ไปให้พ้นเลย...ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เธออีก”
“กิ่งเหมย”
“ฉันบอกให้ไปไง...ไปสิ!”
“หยก...อาม่าว่าลื้อออกไปก่อนเถอะ”
หยกยอมทำตามที่อาม่าสั่งมองกิ่งเหมยอย่างเศร้าๆแล้วเดินออกไป อาม่ามองหลานสาวแล้วอดสงสารไม่ได้

หยกหงุดหงิดอยู่ข้างนอกบริเวณหน้าบ้าน อาม่าเดินตามออกมา
“ตอนนี้ลื้อไม่ควรไปพูดอย่างนั้นกับอาเหมยนะ”
“แต่ผมเป็นห่วงกิ่งเหมย”
“อาม่าเข้าใจ ทุกคนก็เป็นห่วงอาเหมยกันหมด แต่ตอนนี้ที่อาเหมยอยากได้ไม่ใช่ความ เป็นห่วงแต่เป็นกำลังใจมากกว่า”
“ผมเป็นกำลังใจให้กิ่งเหมยเสมอนะครับอาม่า”
“แค่ลื้อคนเดียวมันไม่พอหรอกอาหยก...แม่ของอาเหมยก็เป็นแบบนี้ มันไม่เคยยอมแพ้ ต่อโชคชะตาและไม่เคยยอมให้ตัวเองเป็นภาระคนอื่น”
“แต่ผมกลัวว่ากิ่งเหมยจะรับมือกับเรื่องนี้คนเดียวไม่ไหว”
“อาม่าก็ห่วง...แต่เราก็ต้องลองเลิกประคบประหงมแล้วปล่อยกิ่งเหมยต้นนี้ต้านแรงลม ด้วยตัวเองให้ได้”
“ครับอาม่า”
“ขอบใจนะ...อาม่าจะไปบอกอาเหมยให้”
อาม่าจับแขนหยกเบาๆแล้วเดินกลับเข้าบ้าน หยกมองตามอาม่าได้ครู่ก่อนที่โทรศัพท์ตัวเองจะดัง

ดุจแพรใช้โทรศัพท์ที่แอบเอามาจากลูกน้องพ่อตอนชุลมุนมาใช้โทรหาหยก
“รับสายสิ...รับสายฉันสินายหยก”
หยกเดินมาตามทางในตรอกพร้อมกับกดรับสาย
“หยก...นี่ฉันเองนะ”
“คุณหนู”
“นายต้องช่วยฉันนะหยก ป๋าขังฉันไว้ในบ้าน”
“ก็ดีแล้วนี่ครับ อยู่ในบ้านคุณหนูสะดวกสบายทุกอย่าง ที่นั่นเหมาะกับคุณหนูที่สุดแล้ว”
“นี่...ที่ฉันบอกความรู้สึกของฉันไปมันไม่ได้เข้าหูนายเลยเหรอไง”
“หูผมไม่ได้หนวก ได้ยินชัดเจนทุกคำ...แต่จะเข้าใจรึเปล่ามันเป็นอีกเรื่อง”
ดุจแพรอึ้ง
“นายหยก!”

ตงเดินผ่านห้องโถงเข้ามาพร้อมกับเก่ง
“ตอนนี้อาการของเจ้าสัวเล้งยังทรงๆอยู่ที่โรงพยาบาลครับเสี่ย”
“แล้วรู้รึยังว่าเป็นฝีมือพวกไหนที่ชิงตัดหน้าฉันเล่นงานมัน”
“พวกคนในของมันเองนั่นแหละครับ”
“ไอ้เล้ง...มีแต่คนอยากจะฆ่าลื้อทั้งนั้น แต่ลื้อมันก็ดวงแข็งชะมัดยาด ปล่อยมันไปก่อน แล้วกัน จะตายช้าตายเร็ว ยังไงมันก็ต้องตายก่อนฉันแน่”
ตงบอกเก่งแล้วเดินเข้ามาที่ป้าจั่นที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงบันได
“ยัยแพรเป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อคืนนี้มีอาละวาดบ้างค่ะ แต่เช้านี้เงียบไปแล้ว”
“ยัยแพรโดนตามใจมาซะเคยตัว ต้องเอาจริงซะบ้างถึงจะกำราบอยู่”
“แต่น่าสงสารคุณหนูนะคะ ป้าว่าเสี่ยน่าจะผ่อนๆกับคุณหนูบ้าง”
“หยุดเลย...ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมใจอ่อนกับยัยแพรอีกเด็ดขาด”
ตงบอกแล้วเดินขึ้นบ้านไป ป้าจั่นมองตามอย่างเป็นห่วงดุจแพร

ดุจแพรตื้อไม่เลิก หยกพยายามปฏิเสธ
“ผมว่าคุณหนูอย่าทำเรื่องง่ายให้มันยากเลย เชื่อฟังพ่อคุณหนูไปนั่นแหละดีสุดแล้ว”
ดุจแพรนิ่งงันน้ำตาคลออย่างเสียใจ ทำเอาหยกสงสัยที่อยู่ๆเธอก็เงียบ
“คุณหนู...ยังอยู่รึเปล่า”
“ฉัน...ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดกับฉันแบบนี้ ทั้งๆที่ฉันบอกความใน ใจของฉันให้เธอรู้หมดแล้ว แต่เธอก็ยังมองไม่เห็นมัน เธอไม่ต้องช่วยฉันก็ได้หยก...ฉัน จะไม่หวังอะไรจากเธออีกแล้ว”
ดุจแพรเสียใจกดตัดสาย หยกอึ้งไป
“คุณหนู...คุณหนู”
หยกลดโทรศัพท์ลงครุ่นคิดลังเลในใจ อดรู้สึกสงสารดุจแพรไม่ได้เหมือนกัน ภาพในอดีตที่ดุจแพรสารภาพความในใจให้เขาฟังแล้วดึงเขามาจูบแว่บเข้ามา
ดุจแพรฟังหยกต่อว่าแล้วน้อยใจและเสียใจเลยตบหน้าหยกทันที...เพี๊ยะ ! พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
“ใช่สิ...ฉันมันไม่มีดีอะไรสักอย่าง เป็นคุณหนูที่ดีแต่คิดเข้าข้างตัวเอง มีชีวิตสุขสบายโต มาด้วยเงินที่ป๋าไปทำบาปทำกรรมไว้กับคนอื่น อิสระก็ไม่มีทำอะไรก็ไม่ได้ เป็นได้แค่นก ในกรงที่รอให้เขาป้อนข้าวป้อนน้ำ”
“คุณหนู...”
ดุจแพรร้องไห้เสียใจ
“เวลาที่ฉันเรียกร้องอะไรก็เหมือนว่าฉันเอาแต่ใจตัวเอง แต่ถ้าเธอไม่ มาลองเป็นฉัน เธอไม่รู้หรอกว่าฉันอยากมีอิสระมากแค่ไหน”

ดุจแพรร้องไห้ฟูมฟาย แล้วเข้าไปทุบอกหยกไม่หยุดมือ

“เธอไม่รู้หรอกหยก...เธอไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไร...ฮือๆๆ...เธอไม่รู้...เธอไม่เคยรู้เลย...ฮือๆๆ”

ดุจแพรเอาแต่ร้องไห้น่าเวทนาสงสารจนเขาต้องจับมือเธอให้หยุดแล้วมองหน้าอย่างใกล้ชิด
“ผมขอโทษครับคุณหนู...บอกผมมาสิครับว่าคุณหนูต้องการอะไร”
ดุจแพรนิ่งมองหน้าเขาแล้วตัดสินใจจูบที่ปากเขาทันที...หยกอึ้งตะลึง

ดุจแพรนอนร้องไห้เสียใจซุกหน้ากับหมอน ระหว่างนั้นตงมาเคาะประตู
“แพร...นี่ป๋าเองนะ...ทำอะไรอยู่”
ดุจแพรน้ำตายังนองหน้า คว้าหมอนมาปาใส่ประตู
“ออกไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับแพร...แพรไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น”
“ไม่เอาน่าแพร...โตๆกันแล้วอย่าให้ป๋าต้องดุต้องว่าแพรเลย ป๋ารักแพรนะ เราพ่อลูกกัน หันหน้ามาคุยกันดีๆ เราจะได้หาทางออกด้วยกัน”
ดุจแพรนิ่งไปครุ่นคิดบางอย่างขึ้นมา แล้วรีบปาดน้ำตาก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้พ่อ
“แพร...พร้อมที่จะคุยกับป๋าแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะป๋า”
ตงโล่งอก
“ดีมากลูก...ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ ป๋ารู้ว่าแพรเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ”
ตงโอบไหล่ลูกพาเข้าไปนั่งที่เตียง แล้วลูบหัวอย่างเอ็นดูโดยไม่รู้ว่าดุจแพรแกล้งเล่นละครทำเป็นยอมเย็นลง
“ป๋าขอโทษที่ต้องทำกับแพรแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะป๋ารักแพร ป๋าก็คงปล่อยแพรไปไม่ ต้องสนใจใยดี”
“แพรรู้ว่าป๋ารักแพรมาก แพรได้ยินคำนี้มาทุกวันทั้งชีวิต แต่แพรก็อยากให้ป๋าให้เวลากับ แพรบ้าง เพราะนี่ครั้งแรกในชีวิตที่ทำแพรช็อคและเสียใจที่สุด”
ตงถอนใจ
“เอาล่ะ...แค่แพรให้โอกาสป๋าได้พูดคุยดีๆแบบนี้ป๋าก็ดีใจแล้ว ป๋าเองก็ไม่ชอบ กักขังแพรเอาไว้ ถ้าอยู่ในนี้มันอุดอู้ ก็ออกไปเที่ยวไปช้อบปิ้งจะได้สบายใจ”
“ขอบคุณค่ะป๋า”
“เดี๋ยว...แต่ป๋าคงให้แพรไปคนเดียวไม่ได้”
ดุจแพรมองตงอย่างสงสัยว่าจะให้ใครไปกับเธอด้วย

อู๊ดดี้ยืนฉีกยิ้มรอรับดุจแพรอยู่หน้าบ้านพร้อมรถสปอร์ตส่วนตัว มีลูกน้องตงอีกสองสามคนยืนอยู่ด้วย
“พร้อมจะไปกันรึยังจ๊ะลูกปลาน้อย”
ดุจแพรอึ้ง
“นี่ป๋า...จะให้อู๊ดดี้ไปกับแพรเหรอ”
“ทำไมล่ะ ให้อู๊ดดี้ช่วยถือของ คอยเป็นเพื่อนคุย แพรจะได้อารมณ์ดีขึ้นไง”
ดุจแพรแอบบ่น
“เซ็งมากกว่าเดิมน่ะสิ”
ตงได้ยินไม่ถนัด
“ว่าไงนะแพร”
“เอ่อ...เปล่าค่ะป๋า งั้นแพรไปนะคะ”
ดุจแพรทำเป็นยอมไม่มีปัญหาอะไร เดินไปขึ้นรถสปอร์ตของอู๊ดดี้
“ฝากลูกสาวอาด้วยนะอู๊ดดี้”
“ไม่ต้องห่วงครับอา...ไว้ใจผมได้เลย”
อู๊ดดี้ยิ้มชอบใจแล้วไปขับรถพาดุจแพรออกไป ตงมองตามแล้วหันไปที่ลูกน้อง
“พวกแกตามไปดูลูกสาวฉันด้วย”
ลูกน้องรับคำแล้วพากันเดินออกไป ตงยิ้มพอใจ

อ่างกับสลึงอยู่ในร้านมอเตอร์ไซค์ รับถุงน้ำเต้าหู้จากกิ่งเหมยที่เอามาให้
“นี่จ้ะ...น้ำเต้าหู้ของพวกน้า”
สองคนมองกิ่งเหมยแล้วรู้สึกเวทนา
“พวกน้ารู้เรื่องตาของกิ่งเหมยจากไอ้หยกมันแล้ว ทีหลังไม่ต้องเอาน้ำเต้าหู้มาส่งน้าอีก เดี๋ยวพวกน้าไปเอาที่ร้านเอง” อ่างบอกอย่างสงสาร
“ที่นี่กับบ้านกิ่งเหมย ไม่ได้ไกลจนมาไม่ได้นะจ๊ะน้า”
“แต่ถ้าเกิดกิ่งเหมยไปหกล้ม เดินไปตกท่อเอาระหว่างทาง พวกน้าจะรู้สึกผิดนะ” สลึงบอกอย่างเป็นห่วง
“ถ้าเหมยพลาดเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็คือบทเรียนที่เหมยจะต้องจำให้ได้จ้ะน้า ไม่ใช่ ความผิดของพวกน้าเลย”
“แต่ว่า...”
อ่าง จะแย้งแต่ หยกเข้ามาขัดเสียก่อน
“กิ่งเหมยพูดถูกแล้วล่ะน้า ก็แค่ตาบอดมองไม่เห็น ในเมื่อยังเหลือสองมือสอง เท้าที่ยังใช้การได้ แล้วจะต้องมาทำตัวให้ดูน่าเวทนาสงสารทำไม”
กิ่งเหมยชะงัก
“หยก”
“ฉันเข้าใจเธอแล้วนะกิ่งเหมย”
หยกจับมือกิ่งเหมยมา แล้ววางไม้เท้าสำหรับคนตาบอดที่สามารถพับเก็บได้ใส่มือเธอ
“ไม้เท้าสำหรับไว้ช่วยเดิน ฉันไปหาซื้อมาให้เธอ”
กิ่งเหมยรับไม้เท้ามาแล้วดึงส่วนที่พับออกเพื่อเริ่มใช้งาน แต่แกว่งไปแกว่งมาไม้เท้าไปจิ้มขา จิ้มพุงสองน้าจนร้อง ตกใจหัวเราะขำ สลึงรีบบอก
“นี่มันขาน้า”
อ่างขำๆ
“นี่มันพุงน้า...อย่ามาจิ้มแล้วน้าขำ”
“ขอโทษจ้ะน้า...สงสัยฉันต้องฝึกใช้ให้คล่องแล้ว ขอบใจมากนะหยก”
หยกพยักหน้ารับเห็นกิ่งเหมยดีใจก็รู้สึกดี

กิ่งเหมยเริ่มใช้ไม้เท้าเดินมาตามทางในตรอก มีหยก อ่างและสลึงเดินตามมา
“น้าล่ะนับถือความใจสู้ของกิ่งเหมยจริงๆ เห็นตัวกระเปี๊ยกแค่นี้แต่ใจเด็ดชะมัด” สลึงมองกิ่งเหมย อย่างภูมิใจ
“นี่แหละกิ่งเหมย ถ้าไม่เด็ดสะระตี่ จะเอาไอ้หยกอยู่เหรอวะ” อ่างเย้าแหย่
หยกเขินๆ
“พูดอะไรน่าเกลียดน่ะน้า”
“เอ้า...หรือว่าข้าพูดไม่จริง ขนาดคุณหนูลูกเจ้าพ่อทั้งสวย ทั้งรวยเว่อร์มาตามตื้อเอ็ง ต้อยๆ เอ็งยังไม่สนใจเลย”
หยกถอนใจ
“อย่าไปพูดถึงเขาแบบนั้นสิน้า เขาก็น่าสงสารนะ”
“อ้าวเฮ้ย...พอพูดถึงเข้าหน่อย เอ็งเริ่มเปลี่ยนใจแล้วเหรอวะ”
“เปล่านะน้า...ฉันก็แค่บอกว่าเขาน่าสงสาร ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นหรอก”
“ให้มันแน่นะเว้ยไอ้หยก...พวกน้าก็เสือผู้หญิงเก่านะเว้ย ไอ้ความสงสารนี่แหละที่ทำให้ผู้ ชายโงหัวไม่ขึ้นมาไม่รู้กี่รายต่อกี่รายแล้ว”

หยกชะงักไปแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“ฉันไม่เสียเวลาคุยกับพวกน้าแล้วดีกว่า มีเรื่องต้องช่วย กิ่งเหมยอีกเยอะแยะ”

หยกรีบเดินตามกิ่งเหมยไป สลึงยังติดใจสงสัยท่าทางของหยก
“ข้าว่าเมื่อกี้ที่เราพูดถึงคุณหนูนั่น รู้สึกว่าไอ้หยกมันจะแปลกๆไปนะ”
“ก็เอ็งดันทะลึ่งไปชี้โพรงให้กระรอก...ถ้าไอ้หยกเกิดพลาดท่าไปทำให้กิ่งเหมยเสียใจขึ้น มาล่ะก็ ข้าจะตื้บเอ็งคนแรก”
“อ้าว...มาโทษข้าซะงั้น”
อ่างเดินออกไป สลึงยืนเกาหัวงงๆ

ดุจแพรเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งในห้างสรรพสินค้า อู๊ดดี้คอยเดินตามในมือถือถุงข้าวของที่ไปเลือกซื้อมาเต็มสองมือ
“นี่เธอยังเลือกซื้อไม่หมดอีกเหรอลูกปลาน้อย จะเหมาทั้งห้างเลยรึเปล่าเนี่ย”
“ป๋าให้เธอมาเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่ได้บอกให้มาทำตัวเป็นผู้ปกครองฉัน”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าหรอก เห็นเธอกระหน่ำซื้อของแล้วสบายใจฉันก็รู้สึกดีไปด้วย...แต่ว่า…”
“แต่อะไร”
อู๊ดดี้ยืนบิดไปบิดมาเพราะปวดฉี่แต่ไม่กล้าบอก
“อยากเข้าห้องน้ำเหรอ”
อู๊ดดี้พยักหน้ารับ
“ปวดมาตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้ว”
“แล้วมายืนอั้นไว้ทำไมล่ะ”
“ก็...ก็ฉันรับปากป๋าเธอไว้ว่าจะดูแลเธอไม่ให้คลาดสายตานี่”
“แต่ถ้าเธอมายืนบิดเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้าแบบนี้ ฉันอายคนอื่นเขานะอู๊ดดี้”
“งั้นเราไปห้องน้ำด้วยกัน”
“เธอจะบ้าเหรออู๊ดดี้...พูดอะไรทุเรศ เธอเห็นนั่นมั้ย”
ดุจแพรชี้ไปที่นอกร้านให้ดูลูกน้องของพ่อที่ถูกส่งมาประกบดูเธอ
“ป๋าไม่ได้ไว้ใจเธอซะทีเดียวหรอก ไม่งั้นป๋าไม่ส่งลูกน้องตามมาประกบแบบนั้นเหรอ”
“พวกนั้นตามเรามาตลอดเลยเหรอ”
“ใช่”
“โธ่เอ้ย...ฉันนึกว่าคุณอาจะไว้ใจให้คอยดูแลเธอแล้วซะอีก”
อู๊ดดี้ทำหน้าขึงขังจริงจังจะออกไป ดุจแพรได้ทีรีบยุ
“เธอจะไปไล่พวกนั้นให้กลับไป แล้วไปเที่ยวกับฉันสองต่อสองใช่มั้ย”
“เปล่า...ฉันจะเอาของพวกนี้ไปฝากให้พวกนั้นถือแล้วจะแวะไปเข้าห้องน้ำน่ะ”
อู๊ดดี้ยิ้มให้ดุจแพรอย่างซื่อๆเซ่อๆแล้วเดินออกไป ดุจแพรเซ็งเลย

หยกพากิ่งเหมยเข้ามาที่โต๊ะที่เตรียมอุปกรณ์วาดรูปไว้พร้อม บนดาดฟ้า
“เธอให้ฉันขึ้นมาที่นี่ทำไมเหรอหยก”
“มานี่สิ”
หยกจูงมือกิ่งเหมยเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้ากระดานวาดรูปที่ตั้งรอไว้ เขาเอาดินสอถ่านสำหรับวาดรูปวางในมือเธอ กิ่งเหมยอึ้งๆ
“หยก...นี่เธอเล่นอะไรของเธอ”
“เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งโกรธ ฉันไม่ได้คิดจะแกล้งเธอนะกิ่งเหมย”
“แต่ตาฉันมองไม่เห็น แล้วเธอยัง...”
“ฉันรู้...แต่เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเธออยากทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ ไม่อยากให้ใคร เห็นเธอเป็นแค่คนพิการ”
“แต่เธอจะให้ฉันวาดรูปทั้งๆที่ตาฉันมองไม่เห็น...มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“นี่เป็นสิ่งที่เธอรักและทำได้ดีไม่ใช่เหรอกิ่งเหมย ถ้าอุปสรรคแค่นี้ทำให้เธอต้องทิ้งไป ฉันก็คงปล่อยเธอ ให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้”
“แต่ว่า...”
หยกกุมมือเธออย่างให้กำลังใจ
“มันไม่ใช่เรื่องยากที่ไม่มีใครบนโลกนี้ทำไม่ได้หรอกนะ ฉันเคยดูในรายการทีวี มีคนที่เขาตาบอดแต่ก็ยังวาดภาพได้เหมือนคนปกติ ในเมื่อเขา ทำได้แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้ล่ะ”
“แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไง”
“เริ่มที่ฉันก่อนไง”
“เริ่มที่เธอ”
“ใช่...เธอเคยวาดรูปฉันมาแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอจะวาดอีกครั้งก็คงไม่ยาก เพราะหน้าฉัน คงเป็นหน้าที่เธอจำรายละเอียดได้แม่นที่สุด”
“หน้าเหมือนลิงอย่างเธอน่ะเหรอ”
“ใช่...หน้าแบบลิงจั๊กๆนี่แหละ”
หยกแกล้งทำหน้าลิงแล้วร้องเจี๊ยกๆ ทำให้กิ่งเหมยหลุดขำ
“ลิงจั๊กๆเนี่ยนะ…น้ำเน่า”
“แล้วตกลงจะวาดรึเปล่าล่ะ”
“ก็ได้…ยื่นหน้าเธอมาใกล้ๆฉันสิ ฉันอยากสัมผัสอีกครั้ง”
หยกยื่นหน้าเข้าไปให้กิ่งเหมยใช้มือลูบใบหน้าช้าๆเพื่อให้สัมผัสของเธอเก็บทุกรายละเอียดบนหน้าของเขา

ดุจแพรเดินมาตามทางเดินในห้างกอดอกครุ่นคิด อู๊ดดี้เดินตามหลังต้อยๆ คล้อยหลังห่างๆก็มี ลูกน้องพ่อที่คอยเดินตามอีก
“ตามมาเป็นพรวนแบบนี้ แล้วจะหนีไปได้ยังไงเนี่ย” ดุจแพรบ่น
ดุจแพรแกล้งเดินเบี่ยงไปทางซ้ายทุกคนก็เดินตามไปทางซ้าย พอเดินไปทางขวาทุกคนก็เดินตามอีกเหมือน แม่เป็ดเดินไปทางไหนลูกเป็ดก็เดินตามจนเธอเหลืออด
“โอ๊ย...ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ทนอะไรไม่ไหวเหรอลูกปลาน้อย”
“ก็...ก็...” เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ “ก็พวกลูกน้องป๋าฉันน่ะสิ ไม่รู้จะตามมาทำไม เห็นแล้วขวางหู ขวางตา”
“คุณอาส่งมาให้คอยตามเพราะเป็นห่วงเธอนะ”
“แต่ฉันมีเธอมาด้วยทั้งคน ยังต้องห่วงอะไรอีกล่ะ” ดุจแพรเข้าไปควงแขนทำตัวแนบชิดสุดฤทธิ์ “จริงมั้ยอู๊ดดี้”
อู๊ดดี้เจอลูกอ้อนของดุจแพรก็ชะงัก
“นานๆฉันจะมีโอกาสได้ออกมาเที่ยวกับเธอแบบนี้ ไม่ใช่ต้องคอยเป็นเป้าสายตาให้พวก นั้นเอาไปฟ้องป๋า เวลาที่ฉันอยากอ้อนเธอ”
ดุจแพรลูบคางอู๊ดดี้เล่นอีกทำเอาขนลุกซู่
“เธอพูดถูกตรงใจฉันเป๊ะเลย...ฉันพูดไว้แล้วว่าฉันดูแลเธอได้ คุณอาก็ต้องเชื่อใจฉัน งั้นเดี๋ยวฉันไปไล่พวกนั้นให้ไปให้พ้นเอง”
“เดี๋ยวๆๆ...เธอไปไล่ไม่ได้หรอก พวกนั้นทำตามคำสั่งป๋าอย่างเดียว”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ถึงจะได้อยู่กันสองต่อสอง”

ดุจแพรยิ้มอย่างมีแผน
กำลังโหลดความคิดเห็น