xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรรม ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คู่กรรม ตอนที่ 17

ตกตอนเย็น ชายสองคนเดินวนไปมาที่บ้านไม้ในสวนริมแม่น้ำ ที่เคยเป็นที่ทำการของเหล่าเสรีไทยในไทย ที่แท้เป็นตาบัวตาผลที่วันนี้แต่งตัวดูดีขึ้นกว่าปกติที่เคยเห็น สองเกลอเดินสวนกันไปมาจนน่าเวียนหัว

“ทำไมลูกพี่เล่นนัดซะเย็น” ตาบัวเดินบ่น
“นั่นสิวะ นี่ถ้าข้าหยุดเดิน ยุงมันหามเอาแน่” ตาผลบ่นตาม
จังหวะนั้นชายรูปร่างผอมหน้านิ่ง คนของหลวงชลาสินธุราชก็ปรากฏตัวขึ้น พลางกวาดตามองรอบๆ แล้วตรงเข้ามาหาตาบัวกะตาผล จากนั้นจึงเห็นชายหน้านิ่งเข้ามายื่นอะไรบางอย่างยัดใส่มือให้ตาผล แล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบกระซาบ ตาบัวตาผลฟังแล้วพยักหน้ารับ

ค่ำแล้ว ไฟจากตะเกียงหัวเสาส่องสว่างไปทั่วเรือน กระจาดและใบตองแห้งวางเกลื่อนนอกชาน ข้างๆมีกองละมุดที่แม่อรกับอังศุมาลินกำลังช่วยกันคัดเรียงและนับใส่กระจาดอยู่
“ขนาดใหญ่ได้เท่าไรแล้วลูก”
อังศุมาลินที่เหม่อๆ อยู่ถึงกับสะดุ้ง
“กำลังเพลินๆ ลืมเลย”
“แล้วกัน แม่ว่าหนูไปนอนเสียทีดีมั้ง มันดึกแล้ว ที่เหลือนี่แม่ทำเอง”
“ไม่เป็นไรคะ ช่วยๆ กันดีกว่า จะได้เสร็จเร็ว”
“แล้วนี่พ่อดอกมะลิไปนอนเสียทีไหน ก็เห็นว่าที่พักพังหมด แล้วนี่ก็หอบของมาเสียเยอะแยะน้ำตาลทรายขาวนะดีจัง เพราะในตลาดมีแต่สีรำ แต่กาแฟไม่รู้ใครจะกิน วันหลังหนูก็บอกแกด้วยว่าไม่ต้องเอามา”
ยินเสียงเคาะประตูเรือนดังขึ้น ทั้งสองคนรามือหันไป
อังศุมาลินตะโกนถาม “ใคร”
เสียงโกโบริดังขึ้น “ผมเอง”
อังศุมาลินเปิดประตูออก โกโบริยืนยิ้มให้

ไม่นานนักโกโบริเดินมานั่งลงข้างแม่อร
“ผมเพิ่งเสร็จงาน เลยจะมาเอาเสื้อที่ลืมไว้ที่นี่ครับ”
“แล้วนอนกันยังไงละ” แม่อรเป็นห่วง
“เรือนพักชั่วคราวเสร็จแล้ว พออาศัยนอนกันไปก่อนครับ”
“งั้นพ่อคุณก็มานอนที่บ้านก่อน หรือต้องอยู่ที่อู่ตลอดละ” แม่อรบอก
“คือ…”
โกโบริอึกอักหันไปมองอังศุมาลินที่ทำเฉยนับละมุดนิ่งต่อไป แม่อรเอ่ยขึ้น
“ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดก่อนไป ยายอัง...ไปดูเสื้อผ้าให้หน่อยสิลูก”
อังศุมาลินพูดโดยไม่ยอมมอง “เสื้อผ้ามีในตู้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอแค่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนี่ก็พอ”
โกโบริลุกไป อังศุมาลินนิ่ง อึ้งๆ

ละมุดแต่ละใบบรรจงวางลงกระจาดที่ปูใบตองรอง เป็นอังศุมาลินกำลังทยอยวางละมุดช้าๆ ปากนับไปมุบมิบ เสียงประตูห้องเปิดออกมา
เห็นโกโบริในชุดนุ่งกางเกงขาสั้น มีผ้าขนหนูคลุมตัว เดินออกมาจากห้องอังศุมาลินแล้วเลี้ยวไปนอกชาน แม่อรมองๆ โกโบริแล้วมามองอังศุมาลินที่ยังบรรจงนับละมุดไป ทำไม่สนใจ
โกโบริตักน้ำในโอ่งราดตัว แล้วถูตัวไปมาเก้กัง เพราะแผลที่มือขวา
อังศุมาลินเรียงจนเสร็จ หันไปดึงกระจาดเดิมกลับมาอีก แล้วเริ่มนับใหม่ เสียงอาบน้ำยังดังอีกครู่ก่อนหยุดลง
โกโบริเดินใส่ขาสั้น เอาผ้าขนหนูคลุมตัว กลับเข้าห้องไป แม่อรมองตามโกโบริแล้วมามองอังศุมาลินอีก
“อ้าว นั่นหนูจะนับซ้ำอีกทำไมละ แม่นับไปแล้ว เข้าไปดูพ่อดอกมะลิ หาผ้งหาผ้าให้เขาไป เมื่อกี้นึกว่าจะมาอาบโทงๆ แบบทหารคนอื่นที่เขาว่ากัน”
อังศุมาลินหน้าร้อนผ่าว รีบก้มหน้างุดทำเป็นนับต่อ
“อืม แกดูเรียบร้อยนะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นญี่ปุ่น ก็นึกว่าคนไทยเลย อังไปดูสิไป”
อังศุมาลินจำต้องทำตามที่แม่บอก

ประตูห้องค่อยๆ เปิดออก อังศุมาลินโผล่หน้ามากวาดตามองรอบห้องไปมา แต่ไม่เห็นโกโบริอยู่ อังศุมาลินเดินช้าๆ ตรงไปไขตะเกียงให้สูงขึ้น แล้วค่อยๆก้าวเดินไปที่ฉาก กะจะโผล่หน้าเข้าไปดู แต่แล้วเท้าอังศุมาลินไปสะกิดโดนเท้าโกโบริที่เหยียดยาวมาตรงมุมฉาก
“ว้าย”
อังศุมาลินสะดุ้งยกเท้าถอย รีบปิดปาก
โกโบรินอนหงายเก๋งเหยียดยาวบนพื้นกระดานเปล่าๆ สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว อังศุมาลินพยายามชะโงกเข้ามาดูใกล้ให้ชัด
โกโบรินอนหลับสนิทไม่ไหวติง มองไล่จากอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ขึ้นไปที่หน้าที่หลับเป็นตาย สีหน้าเหนื่อยล้าเต็มที่ มียุงบินมาเกาะที่หน้าผาก อังศุมาลินอึ้ง เวทนา หมอนถูกสอดใต้หัวโกโบริ ผ้าห่มถูกห่มตัวโกโบริ
ครู่ต่อมามุ้งถูกกางเสร็จ แล้วคลี่ลงมาคลุมตัวโกโบริ โกโบริพลิกตัว อังศุมาลินชะงักหยุดมองเหนื่อยใจ
อังศุมาลินถอนใจ รำพึงออกมา “แล้วจะยังไงละนี่”

เสื้อโกโบริที่เพิ่งถอดออก กองขยุกขยุยอยู่บนโต๊ะ ถูกคลี่ออกพับ จนพออังศุมาลินพับเสร็จ เหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าที่เลื่อนเผยอออกมา
เห็นกองเสื้อผ้าที่พับไว้ถูกรื้อหาของ แล้วดึงตัวที่อยู่ข้างล่างกองออกไป มีกระเป๋าเงินเปิดอ้าอยู่ภายในมีเงินติดอยู่ไม่กี่ใบ
อังศุมาลินยืนมอง แล้วหันไปมองโกโบริ คิดอยู่ครู่แล้ว ก้มไปหยิบซองเงินที่ได้มา แล้วดึงธนบัตรออกมาปึกหนึ่ง
อังศุมาลินหยิบกระเป๋าเงินโกโบริขึ้นมา แล้วยัดปึกธนบัตรลงไป แต่มีอะไรบางอย่างร่วงออกมา อังศุมาลินก้มไปหยิบขึ้นมา เป็นรูปถ่ายใบเล็กๆ
รูปถ่ายนั้นโกโบริอยู่ในชุดเครื่องแบบขาวเต็มยศ ยืนยิ้มมีความสุขพร้อมด้วยพ่อในชุดสากล และแม่ในชุดกิโมโนที่ยืนประกบซ้ายขวา
อังศุมาลินก้มดูอย่างพิจารณา จนเผลออมยิ้มเล็กๆ ขึ้นมาไม่ได้

ยินเสียงโกโบริถอนหายใจขยับตัว อังศุมาลินเลยรีบเก็บกระเป๋าและซองเงินเข้าที่

แสงจันทร์สลัวส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน อังศุมาลินกราบพระเสร็จแล้ว ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนเบาๆ ช้าๆ ฉากกั้นในห้องถูกยกออกไป และอังศุมาลินปูที่นอนเพิ่มร่วมมุ้งกับโกโบริ

แต่ตัวโกโบริอยู่นอกที่นอนเหมือนเดิม คือมีแค่หมอนหนุน มีผ้าห่มให้
อังศุมาลินดึงผ้าขึ้นมาห่มคลุมตัวแน่นหนาก่อนจะหันไปมองด้านข้างๆ ช้าๆ
อังศุมาลินหันจ้องมองมา เห็นโกโบรินอนตะแคงหลับนิ่ง อังศุมาลินหันหน้ากลับมานอนปกติ แล้วค่อยๆ ปิดตาลง

เวลาผ่านไป มองจากมุมสูงลอดสอดส่องเข้าไปในมุ้ง เห็นอิริยาบถต่างๆ ของอังศุมาลินที่นอนบนที่นอน แต่โกโบริอยู่บนพื้นเรือน สองคนนอนชิดคนละฟากของมุ้งอยู่ในท่านั้น กระทั่งแสงเปลี่ยนมาเป็นรุ่งสาง
อังศุมาลินนอนนิ่งใต้ผ้าห่มเหยียดตัวตรง โกโบรินอนตะแคงแล้วพลิกหงายตัวมา
อีกจังหวะอังศุมาลินที่นอนนิ่งใต้ผ้าห่มตัวตรง พลางขยับเอียงหัวเล็กน้อย โกโบริตะแคงหันหน้ามาหาอังศุมาลิน
อังศุมาลินนอนนิ่งใต้ผ้าห่มเหยียดตัวตรง โกโบริหงายตัวแล้วดิ้นกระตุกเบาๆ เหมือนฝันร้าย แล้วหันตะแคงหันหน้ากลับหาอังศุมาลิน มือไม้ป่ายเข้าไปใกล้ตัวอังศุมาลิน
อังศุมาลินขยับตัวใต้ผ้าห่ม ตะแคงหันหลังให้โกโบริ โกโบริกลิ้งตัวมือไม้ป่ายเข้าไปใกล้อังศุมาลินเข้าไปอีก
อังศุมาลิขยับตะแคงกลับข้างหันหน้ามาทางโกโบริ โกโบริพลิกขยับตัวหันหลังให้ ทั้งอังศุมาลิและโกโบริ ต่างขยับ พลิก หงาย ตัว กันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขยับคนละที กลายเป็นพลิกตะแคงหันหน้าจนหัวมาชิดหากัน

รุ่งเช้าโกโบริขยับพลิกตัวหงาย รู้สึกตัวตื่น ลืมตามา ตกใจเห็นมุ้ง เห็นตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อ แล้วหันมาเจออังศุมาลินยิ่งสะดุ้ง
อังศุมาลินยังนอนตะแคงหลับตาพริ้มใต้ผ้าห่ม
โกโบริเลยตะแคงตัวมามองยิ้มๆ ก่อนคัดจมูกจนจะจาม รีบยกมือปิดจาม มีเสียงลอดออกมา อังศุมาลินรู้สึกตัว ลืมตามาเห็นหน้าโกโบริตรงหน้า ก็ตกใจ พลิกตัวลุกนั่งพรวดขึ้นทันที
“ขอโทษ ผมไม่ตั้งใจทำให้คุณตื่น”
ไวเท่าความคิดอังศุมาลินรีบสำรวจตัวเองว่าปกติดีใช่ไหม
“เมื่อวานแค่อาบน้ำแล้วว่าจะพักสายตาเดี๋ยวค่อยลุกกลับอู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าหลับไปได้ยังไงตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวเมื่อกี้เอง”
อังศุมาลินรวบจัดผมเผ้าให้เข้าที่ หน้าแดงระเรื่อนิดๆ จากนั้นอังศุมาลินรีบรวบผ้าห่มมาพับ แล้ววางไว้ที่ปลายฟูกจะลุกรวบมุ้งอย่างปกติที่เคย แต่โกโบริกลับขยับตัวมานอนบนที่นอนแทน เลยชะงัก
“เดี๋ยวผมจะเก็บให้ กรุณาให้ผมนอนอีกสักครู่ได้ไหม ได้นอนที่นอนนิ่มๆ แบบนี้ มันดีมากๆ”
อังศุมาลินนึกสงสาร “เชิญค่ะ..อ้อ แล้วถ้าลุก...ก็ทิ้งไว้อย่างนี้นะคะ ฉันจะมาเก็บเอง แล้วเช้านี้จะรับประทานอะไรคะ”
“อะไรๆ ผมก็กินได้”
“กาแฟที่เอามา คนที่นี่ไม่กินกัน”
“ผมกินได้ แต่ที่อู่...ไม่ค่อยกิน เพราะคนชงไม่อร่อย”
โกโบริขยับยันตัวด้วยแขนซ้าย อังศุมาลินไว้ตัวผละถอยหนีแล้วลุกขึ้น
“นี่แขนคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ระบมนิดหน่อย วันสองวันคงหาย เชิญคุณเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”
อังศุมาลินรีบหันเดินไป แอบพึมพำ “ธุระอะไรต้องห่วง”
โกโบริหลับตาลง

ในตอนเช้า โกโบริอยู่ในชุดฟอร์มทหารเรียบร้อย สีหน้าสดใสเปี่ยมสุข ก้าวเดินออกมาจากห้อง มองทอดสายตาออกไปรับแสงแดดสีทองที่ส่องเป็นประกายเข้ามา
อังศุมาลินกำลังกวาดบ้านอยู่ โกโบริที่มองหาอยู่จนเจอพอดี เลยเข้ามายื่นแขนซ้ายไปให้ติดกระดุม
“เสื้อเบิกมาใหม่นี่หลวมไปหน่อย ส่วนกางเกงก็คับไปนิด” พลางส่ายหัวยิ้มๆ
อังศุมาลินเดินมาติดกระดุมแขนเสื้อให้โดยดี ไม่ตอบโต้อะไร
โกโบริถามเสียงเรียบๆ “ตาบัว ตาผลเป็นยังไงบ้าง”
อังศุมาลินมองหน้า แต่ตอบจริงจัง “ไม่ทราบเลยคะ เงียบหายไปเลย”
โกโบริยิ้มบางๆ บอกด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน “เมื่อวานผมพบคุณพ่อคุณด้วย…”
อังศุมาลินเงยหน้ามอง สบตากับโกโบริที่ก้มมองยิ้มๆ มาพอดี
“แล้วท่านก็ถามผมมาว่า อีกนานไหมจะมีหลานให้ท่าน”
อังศุมาลินเม้มปาก หน้าแดงระเรื่อ
“ผมก็เรียนไปว่า ถ้ามี ผมก็ขอให้เป็นผู้ชาย พอถึงเทศกาลผมก็จะแขวนปลาตะเพียนตัวเล็กๆไว้เป็นเครื่องหมาย” โกโบริพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ฮิเดโกะ...หากเป็นไปได้ตอนนี้ ผมอยากให้โลกหยุดหมุน อยากให้เวลาหยุดนิ่ง เพราะ..ผมกำลังมีความสุขเหลือเกิน อย่างน้อยคุณก็แสดงให้ผมเห็นแล้วว่าคุณไว้ใจผม...แค่นี้ก็พอแล้ว”
อังศุมาลินก้มหน้า ซ่อนความสุขในใจ
โกโบริพยายามมองหน้า แล้วจับที่คาง ให้อังศุมาลินหันมาสบตา “อังศุมาลิน...รู้ไหม...ผมกลัวเวลาข้างหน้า เวลาที่ผมสังหรณ์ในใจว่าในวันหนึ่ง...คุณก็จะหลุดลอยไปจากผมชั่วชีวิต”
อังศุมาลินเบือนหน้า จับมือโกโบริออก โกโบริเหลียวมองรอบบ้านๆ ยิ้มออกมาบางๆ
“ไม่ว่าหลับหรือตื่น ผมจำที่นี่ได้แม่นยำเสมอ บ้านไม้ ยกพื้น มีนอกชาน สวนที่มีต้นไม้สีเขียว ดอกไม้ที่ออกดอกสีสดตลอดปี แล้วก็...คุณ”
โกโบริก้มมองอังศุมาลิน ยิ้มๆ
“ผู้หญิงตัวเล็ก...ใจแข็ง และไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร”
อังศุมาลินเสียงแข็ง แหงนมองสบตาสู้ “ไม่จริง”
“นึกว่าคุณจะไม่ยอมพูดกับผมเสียอีก เอาเป็นว่า...คุณรู้จักความรักละ เพียงแต่ไม่ใช่สำหรับผมเท่านั้นเอง”
โกโบริขยับแขนที่อังศุมาลินติดเสร็จแล้วเดินไป แต่หยุดหันมา ยิ้มซื่อๆ อังศุมาลินหันหน้าหนี รีบเดินหนีไป

ที่บริเวณท่าน้ำบ้านอังศุมาลินยามสาย ชุดฟอร์มทหารถูกขยี้อย่างแรงอยู่ในกะละมัง โดยอังศุมาลินที่ปาดเหงื่อไปมา ก่อนออกแรงขยี้ซักต่อ
ครู่หนึ่งเห็นหัวเรือลอยนิ่งพุ่งดิ่งช้าๆ เข้าไปหาอังศุมาลินที่กำลังก้มหน้าซักผ้ากึ่งหันหลังให้ อยู่ที่ท่าน้ำ มือของชายคนหนึ่งมาคว้าหมับที่เสาท่าน้ำ อังศุมาลินตกใจหันขวับไปเงยหน้ามอง
เห็นตาบัว กะตาผลที่แต่งตัวโก้ดูเป็นชาวพระนคร เต็มที่ ใส่ถุงเท้า รองเท้าหนังสวมหมวก

สองเกลอกระโดดลงจากเรือมา ยิ้มแฉ่ง ดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็นมากๆ

คู่กรรม ตอนที่ 17 (ต่อ)

ตรงบริเวณท่าน้ำบ้านอังศุมาลิน ตอนสาย อังศุมาลินตกใจสีหน้าไม่สู้ดี

“ละ ลุงผล..ลุงบัว”
ตาบัว กะตาผลยังยืนยิ้มยิงฟัน
“ไง แม่อัง ทางนี้เป็นไงกันมั่ง” ตาผลเข้ามาถาม
อังศุมาลินรีบวางมือทิ้งงาน ซึ่งเป็นชุดทหารของโกโบริ หันมองซ้ายขวารีบลุก
“ลุงมาทำไม”
“อ้าว แล้วยังไงเหรอ”
ตาผลงงทำหน้าเหลอหลา พลางขยับผ้าขาวม้าเคียนพุงไปมา
“ไปเร็วรีบขึ้นบ้าน เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า”
ตาบัวงงมั่ง “ก็แล้วทำไมจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยละ แม่อัง”
อังศุมาลินวางงานตรงรี่เข้าไปดันหลัง “โธ่ลุง ก็บอกให้รีบขึ้นเรือน เร็วเข้าแล้วกัน”
“เอ๊ะแล้วมันเป็นยังไง”
ตาผลบ่น ตาบัว สีหน้างงๆ แต่ยอมออกเดินไปโดยดี

อังศุมาลินเดินไล่ประกบหลังตาบัว กะตาผล มาถึงหน้าเรือน พลางเหลียวดูทางข้างหลังไปมา
“เร็วๆลุง แล้วมานี่ มีใครเห็นเข้าบ้างมั้ย”
ตาบัวซัก “เห็นแล้วจะทำไม”
“ไม่ทำไมหรอก...เอ่อ..ลุงไปแวะที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
“ก็ไปขอยืมเรือของพรรคพวกจากฝั่งกะนู้น พายมานี่แหละ” ตาบัวว่า
“ไม่ได้แวะที่ไหนก่อนแน่นะ” อังศุมาลินถามย้ำ
“ก็กะว่าเดี๋ยวจะไป” ตาผลบอก
“งั้นดีแล้ว ลุงไม่ต้องไปไหนแล้ว”
อังศุมาลินรีบเดินนำลากทั้งสองคนขึ้นเรือน
“อ้าว มันเกิดมิกสัญญีอะไรเข้าละ” ตาบัวถาม
ตาผลกะตาบัว มีสีหน้างงๆ กันต่อไป

พอขึ้นมาบนชานเรือน ตาบัว หันไปคว้าลูกละมุดมาคนละใบส่งยื่นให้ตาผล แล้วกัดเข้าปาก
“แหม หวานชื่นใจ” ตาบัวว่าเคี้ยวหยับๆ
อังศุมาลินเดินมานั่งลงห่างๆ มองอย่างระอา
“อย่าเข้าใจผิดนา ว่าเราสองคนอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่” ตาผลออกตัว
“แม่น.. อยู่นู้น...สบายกว่าเป็นกอง” ตาบัวคุย
“แล้วไปอยู่กับใครกันละ” แม่อรถาม
ตาผลตอบท่าทางภูมิใจมาก “พลกะพรรค...ที่อยู่ที่กินแสนสบาย”
“ใช่ ถ้าไม่มีธุระเราจะกลับมาทำไม” ตาบัวว่า
ยายศรสงสัย “ธุระอะไร”
“เอาจดหมายมาให้…” ตาผลบอก
อังศุมาลินถามเร็วรี่ “จดหมายใคร”

ขณะเดียวกันเรือเร็วโกโบริแล่นตรงมาจอดเทียบท่าน้ำ มีพลขับมากับโกโบริ
อังศุมาลินได้ยินเสียงผงะลุกพรวดชะเง้อไปดูที่ช่องนอกชาน
“ลุงเร็ว รีบหลบไปเร็ว..เร็วเข้า”
ตาบัว ตาผล ที่เคี้ยวละมุดต่อถึงกับตกใจ

โกโบริก้าวลงจากเรือขึ้นท่า มองเห็นกะละลังมักซักผ้า ที่มีชุดทหารแช่อยู่ แล้วหันไปมองเรือตาบัวตาผล สีหน้าฉงนเล็กน้อย
ส่วนบนเรือนตาสองเกลอ ลุกเต้นไปมา
ตาผลพูดทั้งที่ละมุดเต็มปาก “ละ..หลบอะไรไปไหน”
ตาบัวมองหน้าตาตื่นเลิกลัก หาทาง “แล้วจะให้ฉันหนีลงหน้าต่างหรือยังไง”
อังศุมาลินคิดออก “งั้นรีบไปที่ครัว เร้ว”

ครู่ต่อมาโกโบริก้าวโผล่หน้ามาที่ประตูเรือน พลางถอดหมวก มองกวาดตามองเล็กน้อย ก่อนมาหยุดยืนยิ้มให้ อังศุมาลินที่ทำกุลีกุจอช่วยเก็บของ ใบตอง กระจาดกับยาย แม่อร หันมามอง
“เมื่อเช้าผมลืมบอกไป วันนี้จะมีนายทหารจากกองบัญชาการมาดูความเสียหายที่อู่ ซึ่งเราอาจต้องต้อนรับพวกเขาที่บ้านนี้ด้วยบ้างนิดหน่อย ทางคุณจะมีอะไรขัดข้องไหม”
“มากันสักกี่คนคะ”
“คงไม่เกินสามคน เดี๋ยวผมจะข้ามไปรับเขา”
“ได้ค่ะ” อังศุมาลินรีบรับปาก
“เอ่อ…”
เหมือนโกโบริมองหาอะไรบางอย่าง อังศุมาลินเห็นท่าไม่สู้ดี แถมโกโบริยังทำท่าจะไปที่ครัว
ยายศรรีบมาขวางไว้ “มีอะไรอีกหรือ พ่อ..หาอะไร”
“เปล่า...ผมนึกว่ามีแขกมาบนบ้านนี้ เห็นมีเรือจอดอยู่”
อังศุมาลินซีดสะอึกไป แม่อรรีบทำลุกชะโงกไปดูที่ท่า
“อ้อ คงเป็นเรือเด็กที่จะมาเอาผักในสวนละมั้ง” แม่อรแก้ให้
“ออครับ..งั้นผมไปล่ะ”
โกโบริหันเดินกลับลงไป
อังศุมาลิน แม่อร ยายศร พากันโล่งเป็นแถบ ก่อนค่อยๆ ลุกเดินไปมองตามออกไปว่าโกโบริไปอู่แน่แล้ว
ตาผลกะตาบัวค่อยๆ เยี่ยมหน้าโผล่ออกมาจากครัว
“มัน..เอ้ย นายช่างเขาไปแล้วใช่ไหมแม่อัง” ตาผลถาม
“ออกมาเถอะลุง”
อังศุมาลินสีหน้าหนักใจ ตาบัวตาผลพลางเดินออกมาจากครัว มาคว้าละมุดกันอีกคนละหมับ
“เฮ้ย ไอ้ผล เห็นทีเราต้องไปกันได้แล้วมั้งว่ะ” ตาบัวว่า
“ใช่ ขืนรอประเดี๋ยวจะไปสวนกับเรือไอ้ยุ่นเข้า” ตาผลบอก
อังศุมาลินเตือน “ลุงอย่าข้ามตรงนี้แล้วกัน พายล่องไปหน้าวัดแล้วค่อยตัดข้ามฝากไป”
“เอ้า...จดหมายเขาฝากมาให้ ไปละ” ตาผลบอก
“ไปละแม่อร แม่อัง คุณยาย”
ตาผลยัดจดหมายใส่มือให้อังศุมาลิน ก่อนพากันเดินเดินหายกันลงไป อังศุมาลิน แม่อร ยายศร มองตาม ส่ายหน้าถอนใจเบาๆ

อังศุมาลินดูจดหมายแล้ว ทั้งอึ้ง งง และสังหรณ์อย่างประหลาด

จดหมายในมืออังศุมาลิน สภาพซองจดหมายยับยุ่ยพับ 4 ตอน สีขะมุกขะมอม ถูกคลี่ออก แม่อรมองมานึกสงสัย

“จดหมายอะไรละลูก”
“ไม่ทราบซิคะ ของใครยังไงก็ไม่บอก”
อังศุมาลินเห็นลายมือหมึกหนา สีน้ำเงินจางๆ คำว่า “อังศุมาลิน” ข้างหน้าซอง ก็ร้อนวูบ มือสั่นขึ้นมาทันที
“ของใครลูก”
อังศุมาลินตื่นเต้นไม่แน่ใจ “ไม่..ไม่ทราบคะ...แต่คล้ายลายมือวนัส”
อังศุมาลินรีบร้อนฉีกมุมจดหมายออก ดึงกระดาษจดหมายมากลางออก
จดหมายเขียนด้วยลายมือหวัดไปมา เหมือนรีบร้อนเขียน เห็นจั่วหัวขึ้นต้น “อังศุมาลิน” และข้อความถัดมา
อังศุมาลินกวาดตาอ่าน สีหน้าตะลึงหวามไหว ไล่เรียงข้อความในจดหมาย ราวกับวนัสมากระซิบอ่านข้างๆ หู
“จำลายมือนัสได้ไหม ขณะที่เขียนนี่ นัสกำลังเตรียมปฏิบัติงานอยู่ที่แห่งหนึ่งซึ่งคงบอกไม่ได้ แต่ไม่ไกลจากประเทศไทยนัก”
ที่แท้วนัส นั่งเขียนจกหมายฉบับนี้ที่เต็นท์ในป่าประเทศอินเดียว ท่ามกลางแสงตะเกียง ตอนกลางคืน
วนัสเขียนต่อ
“วันนี้จะมีสายเข้าไปในประเทศไทย นัสเลยรีบเขียนจดหมายฉบับนี้ฝากมา ไม่รู้ว่าจะมาถึงมืออังหรือเปล่า” เขียนถึงตรงนี้ วนัสเงยขึ้น คิดอยู่สักพัก จึงเขียนต่อ “แต่ก็ภาวนาด้วยแรงใจ แรงคิดถึง แรงรัก ให้ช่วยคุ้มครองและนำพาจดหมายฉบับนี้มาถึงมืออังให้ได้ เพื่อจะบอกอังว่า...”
อังศุมาลิน น้ำตาคลอเบ้า ดวงตาไหวระริก เอ่อจวนไหล
“นัสยังคิดถึงและตั้งตารอที่จะมาเจอหน้าอัง หากโชคดี อีกไม่นานนัสจะได้เข้ามาในประเทศไทยแล้ว ฝากบอกทุกคนที่บ้านด้วยว่าไม่ต้องห่วง เขียนได้แค่นี้ล่ะ ไม่มีเวลาแล้ว...คิดถึงสุดหัวใจ...วนัส”
กระดาษจดหมายในมืออังศุมาลินสั่นไหวระริก
ยายศรสงสัย “อะไร..ยายอัง...จดหมายใคร”
อังศุมาลินพูดคล้ายคนละเมอ “วนัส...วนัสค่ะ”
แม่อรตะลึงแกมฉงน รีบคว้ากระดาษในมืออังศุมาลินมาเพ่งดู
“ก็ไหนว่าอยู่เมืองนอกนี่ แล้วนี่ส่งมาได้ยังไง”
“เขาคงกำลังทำงานกับพวกใต้ดินมังคะ” อังศุมาลินว่า
ยายออกอาการตกใจ “แล้วทำที่ไหน ยังไงกันเนี่ย โธ่เอ๊ย อยู่ดีไม่ว่าดีนะ ไปยุ่งกะเขาทำไม”
แม่อรอ่านจบ “แล้วนี่ว่าอยู่ไม่ไกล...มันที่ไหนกัน”
“คงแถวๆพม่า หรืออินเดีย ไม่ก็จีน...” อังศุมาลินคาดเดา
“เฮ้อ...แล้วยังจะเข้ามาอีก เกิดเขาจับได้ละจะทำยังไง” แม่อรวิตกหันไปสบตายายศร ตัดสินใจ “ขอจดหมายนี่นะลูก แม่จะเอาไปให้ลุงกำนันดู”
แม่อรขมีขมันถือจดหมายเดินลงเรือนไป
อังศุมาลินนั่งนิ่งมองเหม่อเหมือนกับจะส่งคำถามออกไปถึงคนที่อยู่แดนไกล ยายศรมองหน้า สีหน้าห่วงใยหลานที่ดูสับสนเหลือแสน


ตกตอนบ่าย บนยกพื้นของชานเรือนถูกใช้เป็นที่รับรอง นายทหารญี่ปุ่น 3 นาย เห็นจานของว่างสำหรับกินกับน้ำชา ซึ่งเป็นข้าวต้มมัดไส้กล้วย มีถั่วดำวางไว้ในจาน ตัดเป็นคำๆ รองด้วยใบตองเจียน กล้วยไข่เชื่อมเคี่ยวจนแห้ง มีกะทิข้นราด ใส่ในถ้วยเล็ก และผลไม้คือส้มโอที่แกะเป็นกลีบเล็ก พอคำ ถูกตักพร่องไปแล้วมากมาย
นายทหารญี่ปุ่นระดับสูง 3 นายพูดคุยสนุกสนาน ยิ้มแย้มกันไปมาในวงน้ำชา โกโบริที่นั่งร่วมวงดื่มชาแบบญี่ปุ่นอยู่ด้วย ต่างหัวเราะอารมณ์ดี
อังศุมาลินเดินมาวางกาน้ำชา ที่ไปชงเพิ่มมาวางลงที่วง สีหน้าขรึม สงบ มีเรื่องในใจ
“รับชาเพิ่มกันมั้ยคะ” อังศุมาลินบอก
โกโบริหันไปส่งภาษาถามพรรคพวก ก่อนหันมาหาอังศุมาลิน พูดยิ้มๆ
“พอแล้ว เขาอิ่มแปล้กันแล้ว เขาบอกว่าอร่อยมาก วันหลังขอมาทานอีก”
นายทหารหันมองอังศุมาลินยิ้มให้ แล้วโค้งขอบคุณกัน
นายทหารคนหนึ่งพูดแซวขึ้นมา ประมาณถ้าผมมีผู้หญิงอย่างนี้กับเขาสักคน ขอไม่กลับญี่ปุ่นไปจนตาย โกโบริยิ้มนิดๆ ทุกคนที่เหลือหัวเราะกันเบาๆ
อังศุมาลินยิ้มตอบ แล้วก้มหน้า แต่ดูขรึม เฉย โกโบริมองๆ ผิดสังเกตในความเฉยที่ไม่มีวี่แววยิ้มหัวขี้เล่นใดๆ

นายทหารญี่ปุ่นกลับไปแล้ว ขณะที่อังศุมาลินจัดวางขนมที่เหลือ แยกไว้ อันไหนเก็บ อันไหนทิ้ง แล้วกลับยืนนิ่งเหม่อลอย ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างครัว
ต้นแขนอังศุมาลินมีมือยื่นมาแตะเบาๆ อังศุมาลินสะดุ้งเฮือกหันไปเห็นโกโบริมายืนอยู่
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
อังศุมาลินไม่ตอบ ส่ายหัวไปมาเบาๆ
โกโบริเป็นห่วงเลยดึงตัวมาใกล้ แล้วใช้หลังมือทาบที่ แขน คอ และหน้าผากเบาๆ
“คุณก็ไม่มีไข้นะ ทำไมดูหน้าเซียวๆ หรือคุณเหนื่อยมากไป เมื่อสายผมก็เห็นกะละมังซักผ้าที่ท่าน้ำ คุณอย่าเอาชุดผมไปซักเลยผ้ามันหนา ทิ้งไว้อย่างนั้น เพราะผมจะเก็บไปให้ทหารซักเอง”
อังศุมาลินรู้สึกถึงความอาทร ความเต็มตื้นภายในจึงพุ่งล้นออกมาเป็นน้ำตาคลอๆ ในดวงตากลมโต
โกโบริงงเล็กน้อย ก่อนใช้มือจับแขนทั้งสองไว้
“ฮิเดโกะ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
อังศุมาลินไม่ตอบ ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ อีก แต่น้ำตากลับเอ่อท้นมากขึ้น
โกโบริรีบรั้งตัวอังศุมาลินเข้ามาโอบกอด ปลอบประโลมเบาๆ
“ต้องมีอะไรแน่ ไม่งั้นคุณจะไม่ร้องไห้อย่างนี้แน่”
อังศุมาลินซบหน้ากับแผ่นอกโกโบรินิ่งนาน
“ฮิเดโกะ บอกผมหน่อยได้ไหม คุณเหนื่อยหรือเบื่อที่ต้องรับรองแขกหรือเปล่า คุณเป็นอะไร”
“ไม่..ค่ะ”
โกโบริแนบคางลงกับศีรษะอังศุมาลินอย่างอ่อนโยน
“รู้มั้ย เมื่อกี้พวกนั้นเขาว่าอะไรผมมา...เขาว่าถ้าผู้หญิงไทยเป็นแบบคุณทุกคน ทหารญี่ปุ่นคงไม่มีใครกลับประเทศกันแน่”
“แต่คุณต้องได้กลับประเทศคุณใช่ไหม” อังศุมาลินมอง ถามด้วยความอยากรู้จริงๆ
โกโบริถึงกับอึ้งไปครู่ มองสบตาจริงจัง
“คุณต้องการให้ผมกลับไป”
อังศุมาลินหลบตาวูบ “คุณสัญญาแล้วว่า…”
โกโบรินิ่งงัน ปวดร้าวในใจขณะพูดออกมา
“จะปล่อยคุณเป็นอิสระ”
โกโบริถึงกับแขนตกลงทันที พลางขยับถอยออกมาเล็กน้อย จ้องมองอังศุมาลินจริงจัง แววตาเศร้าๆ
“ผม...จะรักษาสัญญานั้นเอาไว้แน่ๆ แต่ผมไม่รู้เลย...ว่า จนเดี๋ยวนี้...คุณก็ยังต้องการมันมากขนาดนั้น”

โกโบริพกเอาความน้อยใจ เสียใจติดไป ขณะเดินออกไปจากครัว

คู่กรรม ตอนที่ 17 (ต่อ)

อังศุมาลินเดินออกมาที่ชานเรือน มองหา เห็นโกโบริยืนเหม่อๆ อยู่ที่บันไดบริเวณที่มีกระถางต้นไม้ตั้งอยู่ อังศุมาลินมองๆ คิดๆ แล้วตัดสินใจตามไปยืนข้างหลัง

“ถ้าคุณรักษาสัญญานั้นได้ ฉันก็จะให้สัญญาคุณไว้ข้อหนึ่ง”
“ผมไม่ต้องการ” โกโบริหันมามองหน้า แล้วเดินหนี
“แต่ฉันจะให้ค่ะ” อังศุมาลินบอกในท่าทีจริงจัง น้ำเสียงมุ่งมั่น ขณะตามมาดักหน้าให้โกโบริ สองคนมองหน้ากัน “ระหว่างที่คุณ...อยู่ที่นี่ ฉันก็จะไม่เป็นศัตรูกับคุณอีก! จนกว่า...จะถึงวันที่ฉันขอ...อิสระ”
โกโบริมองมาอย่างท้าทาย “อาทิตย์หน้า หรือมะรืนนี้ หรือพรุ่งนี้”
อังศุมาลินซึมไป “ไม่เร็วอย่างนั้นหรอกค่ะ”
โกโบริหันหลังขวับ
“การแลกเปลี่ยน...ความสุขชั่วคราว กับอิสรภาพของคุณหรือ”
อังศุมาลินอึกอัก “คือ…”
โกโบริหันขวับกลับมาหา หน้าซีดเผือด
“ตกลง...ความสุขชั่วคราวของผม กับอิสรภาพของคุณ”
พูดจบโกโบริยิ้มเยาะตัวเอง
“ที่จริง คุณไม่ต้องยอมทำเพื่อแลกสัญญากับผมก็ได้ คุณคิดหรือว่าชีวิตทหารจะอยู่ยืดยาวไปจนสิ้นสงคราม คุณไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะผูกพันอยู่กับผมไปตลอดชีวิต คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าต้องอยู่กับสิ่งที่คุณเกลียดชังตลอดไป อิสระของคุณขึ้นกับความตายของผม และคุณจะได้มันแน่ๆ”
“ไม่ใช่ค่ะ...โกโบริ คือชั้น...” อังศุมาลินพยายามจะอธิบาย
แต่โกโบริหันตัวเดินออกไปปังๆ แล้วเข้าห้องนอนไปทันที
อังศุมาลินขยับตามไป แต่ก็ไม่เคยง้อใคร จึงหยุดชะงัก ยืนนิ่งอยู่ เซ็งมากๆ

ที่เรือนกำนันนุ่ม จดหมายวนัสในมือกำนันแล้ว กำนันนุ่มสวมแว่น กวาดสายตาอ่านข้อความจดหมายอย่างรวดเร็ว เสียงแม่วันสะอื้นอยู่เบาๆ
แม่วันที่นั่งสะอื้นเสียใจอยู่ไม่ห่าง มีแม่อรนั่งสีหน้าไม่ดีปลอบโยนอยู่ข้างๆ
ครู่ต่อมากำนันละจดหมายลง พลางถอนใจออกมาเบาๆ ยกมือไหว้ท่วมหัว
“เจ้าประคุณ คุณพระคุณเจ้า พระสยามเทวาธิราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยปกปักษ์คุ้มครองไอ้หนูให้มันแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ให้ไอ้หนูทำหน้าที่ให้ประเทศชาติได้สำเร็จอย่างที่มุ่งหมาย ให้ไอ้หนูได้กลับมาบ้านปลอดภัยด้วยเทิ้ด...” กำนันหันไปปลอบเมีย “เอาน่าแม่ ได้รู้ว่าลูกมันอยู่รอดปลอดภัยก็ดีแล้ว ยังไงคนดีอย่างไอ้หนูพระย่อมคุ้มครอง”
แม่อรช่วยปลอบอีกแรง “ทำใจดีๆ น่าพี่วัน พ่อกำนันพูดถูก ฉันเองก็เชื่อว่ายังไงเสียพ่อวนัสต้องไม่เป็นอะไร แล้วก็...จะกลับมาได้แน่”
แม่วันสะอื้น “ฉันก็ไม่อะไรหรอก...ก็ไม่รู้เป็นอะไร พอเห็นลายมือลูกก็กลั้นเอาไว้แทบไม่อยู่ แต่คิดไปถึงวันที่เจ้านัสกลับมาจริงนี่สิ...”
แม่อรฟังแล้วสะอึก เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องอังศุมาลินนั่นเอง
“ฉันน่ะเสียดาย เสียดายเด็กดีๆ อย่างแม่อัง ไม่น่าเลย ต้องไปตบไปแต่งกับ…”
แม่วันพูดไม่ทันจบกำนันนุ่มพูดแทรกกึ่งตัดบท กึ่งปลอบ มองแม่อร อย่างเกรงใจ
“แล้วไปแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะน่า”
แม่วันไม่วายครวญคร่ำ “ก่อนไปไอ้หนูมันก็พูดจาฝากฝังแม่อังกับเราไว้เสียแข็งแรง แล้วถ้ามารู้อย่างนี้เข้า...”
แม่วันพูดต่อไม่ออก ได้แต่สะอื้นไห้ต่อไป
“จะว่าไป...ทางฉันเองก็เป็นผู้ใหญ่ที่ช่วยพูดช่วยสื่อให้สองคนเขาได้ตบได้แต่งกัน” กำนันถอนใจ “เฮ้อ...เอาเถอะแม่ อย่างไปห่วงไปกังวลอะไรให้มากไปเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราไม่มีทางห้ามไม่ให้มันเกิดได้หรอก อีกอย่างทางนั้นเขาก็ใช่ว่าเลวร้ายอะไรที่ไหน ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง หลายเรื่องเขาก็ช่วยเหลือเป็นหนังหน้าไฟแบกรับไว้ไม่ให้แม่อังเดือดร้อน ถ้าไม่ใช่พ่อโกโบริคนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง ถึงไอ้หนูจะมารู้เข้า ฉันก็เชื่อว่าไอ้หนูต้องเข้าใจ”

แม่อรได้แต่ฟังเงียบๆ นึกสะท้อนใจ

หลายเดือนต่อมา ที่สนามบินกองกำลัง ๑๓๖ กัลกัตตา ประเทศอินเดีย เวลาตอนเย็น

ฝีเท้านายทหาร 3 นายกำลังเดินมา ที่แท้เป็น วนัส ท่านชายวิชาญ และอรุณ อยู่ในชุดนักบินโดดร่มกองทัพอังกฤษ แต่ละคนมีสัมภาระมาเต็มหลัง เดินคุยกันมา ที่ด้านหลัง 3 คน เห็นเป็นโรงเก็บเครื่องบิน และลานกว้างของสนามบินของกองกำลัง ๑๓๖ กัลกัตตา กลางภูเขา ในประเทศอินเดีย
“ตื่นเต้นสิลำพู เงียบมาตลอดทาง” ท่านชายถามวนัส
วนัสยิ้มๆ พลางบอก “นิดหน่อยครับท่าน...เอ้อ แซม” วนัสเรียกชื่อฉายาแทน
“ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องจะได้กลับบ้าน หรือเรื่องพริชาร์ต กับ แอพพรีซิเอชั่น1ขาดการติดต่อ” อรุณว่า
วนัสยิ้มๆ อีก “จะเป็นตายร้ายดียังไง พวกเราก็ต้องกลับไปเหยียบแผ่นดินไทย ถึงตรงนั้นค่อยว่ากัน”
“ถูกแล้วลำพู..มา”
ท่านชายบอก แล้วหันมาหยุดเดิน ทั้งสองหยุดตาม เห็นท้ายเครื่องบิน บี 24 เปิด ramp รอให้ขึ้นอยู่ใกล้ๆ มีนักบินยืนคุยรออยู่สองนาย
ท่านชายวิชาญ ยื่นมือออกมา ทั้งสองยื่นมือมาจับประสานรวมใจ แบบสานมืองัดข้อสามเส้า
ท่านชานมองหน้าทั้งสองสหาย พลางอธิษฐานขอพร “ขอพระสยามเทวาธิราช ได้โปรดคุ้มครองพวกเราแอพพรีซิเอชั่น 2 จงสำเร็จบรรลุผล”
ทั้งสามประสานเสียงพร้อมกัน ดังลั่น “Free Thai”
ฟรี ไทย คือ เสรี ไทย ซึ่งมีความหมายว่าปลดปล่อยประเทศไทย!
ทั้งสามมองหน้ากันมุ่งมั่น มั่นใจ เปี่ยมล้น และมีพลัง

ที่เมืองไทยก็ค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์แลลับเหนือขอบแมกไม้ในสวน ยายศรกำลังกินข้าวอื่ม ดื่มน้ำจากขันเล็กๆ อังศุมาลินเก็บสำรับที่กินอิ่มใส่ถาด
“แล้วนี่แม่เขาทำไมหายไปนานจัง จนค่ำมืดแล้ว” ยายศรถามถึแม่อร ที่ไปบ้านกำนันนุ่มยังไม่กลับ
“คงคุยธุระกับลุงกำนันยาวมังคะ แล้วลุงกำนันคงเลี้ยงข้าวเย็นเสียเลย”
“อืม..แล้วพ่อมะลิเขาไม่กินข้าวเย็นจริงหรือ ยายว่าหนูน่าจะเข้าไปถามเขาอีกทีให้แน่ดีกว่า”
อังศุมาลินที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะ ตรงที่เพิ่งเก็บวงข้าวเย็น กลุ้มใจ

ตะเกียงไขแสงสว่างจ้าไปทั่วบริเวณห้องนอน แลเห็นดินสอแท่งสั้นแท่งยาวเกลื่อน กล่องเครื่องมือเขียนแบบเปิดอ้า จนได้เห็นว่าโกโบริกำลังก้มหน้าคร่ำเคร่งขีดเขียนลงไปบนแบบพิมพ์เขียวใบโตที่ปูวางอยู่เต็มโต๊ะ
อังศุมาลินเข้ามาในห้อง ถามเสียงเย็นชา
“อาบน้ำก่อนไหมคะ”
“เดี๋ยว...” โกโบริคร่ำเคร่งทำงานต่อ
อังศุมาลินเมียงมอง แล้วทำเสียงตวัดใส่ “รับประทานข้าวไหม”
โกโบริพูดโดยไม่ยอมหันมามอง “ผมไม่หิว กินขนมไปเยอะตอนบ่าย ตอนนี้คงต้องขออาศัยทำงานที่นี่ก่อน เพราะที่อู่ผมไม่มีอะไรเหลือเลย แบบพิมพ์เขียวนี่ก็ต้องไปขอมาใหม่”
จากนั้นโกโบริก้มหน้าก้มตาขีดเขียนต่อไป อังศุมาลินเดินเข้ามาตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดหยิบชุด และผ้าเช็ดตัว เหลียวมองโกโบริที่ยังก้มหน้าตา คร่ำเคร่ง หมั่นไส้นิดๆ แล้วค้อนให้หนึ่งวง ก่อนเดินจะกลับออกไป
โกโบริรับรู้จากเสียง เหลียวมองตาม สีหน้าเศร้า ถอนใจ

คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์ข้างแรม ที่เห็นเป็นจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่เหนือเรือนไม้บ้านอังศุมาลิน
อังศุมาลินอยู่ในชุดใหม่ หลังอาบน้ำเสร็จเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ทำหน้าบึ้งตึง พร้อมกับแก้วกาแฟร้อนๆ
ที่มีควันหอมฉุยถูกวางลงบนโต๊ะทำงาน
โกโบริที่ขะมักเขม้นอยู่กับการขีดเขียนแบบอยู่เหมือนเดิม ละสายตามามองเพียงเล็กน้อย
“ขอบคุณ”
อังศุมาลินยืนดูกองดินสอทู่มากมายวางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ เลยยื่นมือไปคว้ารวบขึ้นมาไว้ โกโบริหันมามองเต็มตา
อังศุมาลินบอกเรียบๆ “จะไปเหลาให้ค่ะ”
โกโบริกลับปฏิเสธ “ไม่ต้อง ผมทำเองได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อังศุมาลินตาคว่ำ
โกโบริรีบวางมือทับมืออังศุมาลินไว้
“ฮิเดโกะ...คุณโกรธผมทำไม”
“เปล่า”
“แต่ผมรู้ว่าคุณโกรธผม”
อังศุมาลินดึงมือออกแต่โกโบริกลับรีบตวัดรั้งสะเอวอังศุมาลินเข้ามาไว้ โกโบริแหงนเงยมองหน้าด้วยสีหน้าทุกข์ร้อน
“โกรธเพราะเรื่องเมื่อเย็นหรืเปล่า”
อังศุมาลินมองหน้า ฉงน งวยงงว่าใครโกรธใครกันแน่? แล้วรีบดึงรั้งตัวให้หลุดจากวงแขนโกโบริ
“คุณก็รู้ ทำไมผมถึงพูดไปอย่างนั้น เอาเถอะ ลืมมันเสียผมให้สัญญากับคุณแล้ว และคุณก็สัญญาจะให้ข้อแลกเปลี่ยนกับผม ผมจะพยายามไม่นึกถึงอะไรล่วงหน้าอีก นอกจากวันนี้ในขณะนี้...เราอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข จนกว่าคุณจะ...ขอให้ผมทำตามสัญญา ตกลงไหม”
อังศุมาลินพยายามแกะแขนโกโบริออก แต่โกโบริกลับรั้งแน่นเข้ามาอีก
“คุณอย่าขี้โกงสิ คุณเองเป็นคนให้สัญญานี่ งั้นถ้าคุณโกง ผมก็จะโกงบ้างละ”
โกโบริแนบจมูกลงไปที่ต้นแขนอังศุมาลินอย่างทะนุทะนอม เอามือมากอบกุมไว้โดยนุ่มนวล
“ฮิเดโกะ..ผมรักคุณ ถึงยังไงผมก็ยังรักคุณอยู่ดี หากผมต้องทรมานเพราะต้องรักใครด้วยใจสักคนหนึ่งผมยินดี..แม้เวลาแห่งความสุขจะมีเหลือเพียงน้อยนิด ผมก็จะขอตักตวงเอาไว้เพื่อให้คุ้มกับความทรมานต่อไปในภายหน้า บางที..ผมก็จะได้รำลึกถึงวันนี้เอาไว้เป็นเครื่องปลอบใจตัวเองว่า ผมเคยรู้รสความสุขในรักมาแล้วว่าเป็นอย่างไร ผมยินดีที่จะแลกเปลี่ยนสัญานั้นกับคุณ ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินฟังแล้วเศร้า แต่พยายามยิ้ม “ตกลงค่ะ สักวันหนึ่ง ฉันก็จะอธิบายให้คุณฟังว่าทำไมฉันถึงขอสัญญานี้จากคุณ”
“อย่าเลยฮิเดโกะ หากคุณยิ่งอธิบายมันอาจยิ่งย้ำให้เราเจ็บปวดกันยิ่งขึ้น คุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจของผมเท่านั้นก็พอ ถ้าผมตาย ผมก็จะพาหัวใจรักนี้ของผมไปด้วย แต่คุณ...อาจต้องลำบากหน่อย ที่ต้องอธิบายความให้คนของคุณได้เข้าใจ แต่ถ้าผมเป็นเขา เพียงได้หัวใจรักของคุณ เรื่องอื่นมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป..เราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ดีไหม”
อังศุมาลินน้ำเสียงแจ่มใสขึ้น “ดีค่ะ...ฉันจะไปเหลาดินสอมาให้”
“อืม แล้วคุณแม่คุณไปไหนหรือ ผมเห็นแต่คุณยาย”
อังศุมาลินบอกไม่เต็มเสียง “ไปบ้านลุงกำนันค่ะ”
“ลุงกำนัน...เป็นคนที่ฉลาดมาก” โกโบริพูดอย่างชื่นชม
อังศุมาลินมองหน้า หมายความว่าไง? โกโบริหน้าตาเรียบๆ ก้มลงทำงานต่อ
ปล่อยให้อังศุมาลินงงอยู่อย่างนั้น ว่าที่พูดความหมายคืออะไร
ไม่นานต่อมา ดินสอแท่งแล้วแท่งเล่าถูกเหลาไปมาอย่างประณีต สีหน้าอังศุมาลินเหลาดินสอไปมาย่างเบิกบานในใจ
ครู่หนึ่งดินสอ 4-5 แท่ง ที่ถูกเหลาสวยงาม ถูกยื่นให้โกโบริ
“นี่ค่ะ”
โกโบริหันมา วางมือจากการขีดเขียน ยิ้มรับสดใส
“คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ หรือถ้าง่วงก็นอนได้เลย ไม่ต้องห่วงผม”
“ค่ะ”
อังศุมาลินพลางยื่นหน้าไปดูแบบบนโต๊ะเอียงคอมองไปมาอย่างสนใจ โกโบริยิ้มๆ
“รู้เรื่องไหม ฝีมือผม”
อังศุมาลินสั่นศีรษะ “ทำไมเส้นอะไรมันมากนักคะ นี่เรือหรืออะไร”
โกโบริยิ้มขำ พลางบอก “เรือครับ เรือระบายพล”
อังศุมาลินหัวเราะตาม แกล้งยื่นหน้าเข้าไปดูอีกก่อนถอยออกมามองไปที่แก้วกาแฟ
อังศุมาลินถามคล่องปรื๋อ “ภาษาญี่ปุ่นเรียกนี่ว่าอะไร”
โกโบริตอบแข็งขัน “กาแฟ” พลางยิ้มๆ “คุณนี่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีทีเดียว”
“เสียใจ แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจมันนัก” อังศุมาลินว่าเป็นคำญี่ปุ่น
“ไม่เป็นไร วันหลังผมจะสอนให้คุณเอง มันมีอยู่ประโยคหนึ่งที่คุณควรหัดพูดไว้ก่อนเพื่อนเลย”
โกโบริมองด้วยสายตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม อังศุมาลินไหวตัวทัน
“เอ๊ะมีคนมา”
อังศุมาลินรีบผละเดินออกไป
“อ้าว เดี๋ยวสิ ฟังประโยคนี้ก่อน ไม่ยากหรอก”
อังศุมาลินเปิดประตูออกไป แล้วโผล่หน้าเข้ามา
“เก็บไว้พูดคนเดียวเถอะ”
“วันหลังผมจะสอนให้นะ”

อังศุมาลินปิดประตู โกโบริยิ้มเต็มยิ้มจนตาหยี สุขแสนสุข

คู่กรรม ตอนที่ 17 (ต่อ)

คืนนั้น ขณะที่แม่อรซึ่งเพิ่งกลับมาถึงเรือนกำลังนั่งดื่มน้ำ อังศุมาลินเดินออกมาจากห้องพอดี เห็นแม่ หน้าที่ยิ้ม ค่อยๆ เลือนลง เมื่อนึกได้ว่าแม่ไปไหนมา

“ลุงกำนันว่ายังไงบ้างคะ”
อังศุมาลินถามขณะลงนั่งที่ยกชาน
“ก็...พูดกันต่อนานเลย”
“หนูเดาว่าคุณป้าต้องร้องไห้”
“ก็ตามเคยนั่นละ”
แม่อรมาทิ้งตัวลงใกล้ๆ อังศุมาลิน
“แล้วพ่อดอกมะลิล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เขียนแบบอยู่ในห้องโน่น” อังศุมาลินขรึมไป สับสน ว้าวุ่น ด้วยรู้สึกผิด “จดหมายนัส..?”
“แม่ก็ต้องให้พ่อแม่เขาไป จะเอามาเก็บไว้บ้านนี้ได้หรือ ถึง...พ่อโกโบริจะอ่านไม่ออกก็เถอะ”
อังศุมาลินถอนใจ สับสน เดินลงจากเรือนไป

อังศุมาลินเดินมาหยุดยืนมองต้นลำพูริมน้ำ แม่อรตามมามองลูกสีหน้าห่วงใย แต่ก็ขัดใจ แม่อรเข้ามาโอบปลอบลูก
“แม่ว่าเรื่องอย่างนี้มันเป็นบุพเพ เราเคยสร้างสมกันมาอย่างไร มันก็เป็นของมันไปอย่างนั้น ใครจะไปทำยังไงได้ พ่อดอกมะลิก็ยกเสียอย่างเดียวว่าเป็นคนชาติอื่น นอกจากนั้นก็หาที่ติเขาไม่ได้”
อังศุมาลินท้วง “แต่...”
แม่อรบีบแขน ถือโอกาสพูดตักเตือนชุดใหญ่ “เขาเป็นคนดีนะลูก แม่เห็นหนูทำพยศพะเกียรติกับเขาบ่อยๆ ผู้หญิงน่ะ ที่สุดมันก็อยู่ที่แต่งงาน มีครอบมีครัวกันเท่านั้น จะดีหรือเลวยังไงก็ต้องถนอมน้ำใจกันให้มันยั่งยืน นี่เราก็ตบแต่งไปแล้ว เรื่องคุณพ่อเองก็ยังอีหลักอีเหลื่ออยู่ หนูน่ะอย่าเอาแต่ใจตัวเองนัก”
“ก็ ไม่มีอะไรนี่คะ”
“หนูก็ว่าไม่มีไม่มีอะไร แต่ทำไมแม่เห็นพ่อดอกมะลิดูซึมๆ ไป ตอนเจอกันใหม่ๆ แกดูสดใสช่างพูดช่างหัวเราะ แต่หลังๆ มานี่แกดูเศร้า ทำแต่งานๆ ยังกับจะไม่ให้ตัวเองมีเวลายังงั้นล่ะ..สงครามมันเรื่องการเมืองนะลูก หนูอย่าเอาเรื่องการบ้านเข้าไปเกี่ยวกันไม่ได้ แกก็พยายามทำหน้าที่ของแกที่มีต่อชาติให้ดีที่สุด และหนูเองก็ได้ช่วยเหลือบ้านเมืองอย่างที่ผู้หญิงตัวเล็กๆพึงทำได้มาอย่างดีแล้ว แต่เรื่องในบ้านหนูต้องแยกไว้ต่างหาก หนูทำหน้าที่หนูให้กับคนอื่นได้ แต่ทำไมกับคนของเราหนูกลับทำให้ไม่ได้…”
อังศุมาลินรู้สึกวาบขึ้นมาทันที ได้แต่ฟังเงียบๆ เหลือบมองต่ำ
“ลูกผู้หญิงชั่วดีถี่ห่างก็ต้องผัวเดียวเมียเดียว ซื่อสัตย์ต่อกันจนวันตายจึงจะนับว่าประเสริฐคน ไอ้คิดจะแยกร้างกันมันไม่ควร หนูอย่าไปดูพ่อดอกมะลิแกแค่แง่เดียว แม่อยากให้หนูมองดูแกให้มากกว่านี้ แล้วเวลาข้างหน้าอาจทำให้หนูเปลี่ยนใจ”
อังศุมาลินพลางถอนใจยาว
“แล้วพ่อดอกมะลิ แกรู้เรื่องวนัสหรือเปล่า”
“ทราบค่ะ...เขาว่า วันไหนที่หนูต้องการอิสระ...เขาก็จะให้”
แม่อรไม่ใคร่ชอบใจนักเมื่อได้ฟัง
“หึ นี่พ่อดอกมะลิมาพูดอย่างนี้มันไม่ถูก คนเราไม่ใช่ข้าวใช่ของจะมาหยิบยกให้กันง่ายๆ ได้ที่ไหน ทางพ่อวนัสมารู้เข้าแล้วจะว่ายังไง...เราก็ยังไม่รู้”
อังศุมาลินเงียบกริบนิ่งงันไป

ในเวลาต่อมาอังศุมาลิน มองโกโบริที่กำลังนั่งค้อมตัวลงใกล้ จ้องแบบพิมพ์เขียวบนโต๊ะ ขีดเขียนอย่างจดจ่อมียุงกลุ่มหนึ่งเกาะแขนตัวเปล่ง
“คุณง่วงก็นอนเสียเถอะ ไม่ต้องห่วงผมเลย”
โกโบริหันมามอง พลางขยับสะบัดแขนคลายความเมื่อยล้าไปมา ยุงที่เกาะแขนบินแตกฮือ
อังศุมาลินขยับมายืนอยู่ไม่ไกล
“คุณควรอาบน้ำเสียก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยกลับมาเขียนต่อ”
อังศุมาลินเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดดึงผ้าเช็ดตัวและกางเกงขาสั้นประจำของโกโบริออกมา
พอโกโบริเห็นรีบวางมือ แล้วลุกผึงทันที
“ฮิเดโกะ เดี๋ยวผมหยิบเองได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
อังศุมาลินเดินถือเสื้อผ้ามา โกโบริตื้นตันยิ้มเต็มยิ้มสีหน้าเปี่ยมสุข
“ผมจะไม่มีวันลืมวันเวลาเหล่านี้หรอก ถึงมันจะสั้นสักแค่ไหนก็ตาม”
อังศุมาลินก้มหลบสายตา มองผ้าเช็ดตัวและกางเกงในมือ
“ขอโทษ...ผมอาจจะเผลอพูดอะไรไปจนไปกระทบใจคุณเข้า ลืมมันเสียเถอะ ผมก็จะพยายามลืมด้วยเหมือนกันว่าตัวเองมีเวลาน้อยแค่ไหน”
โกโบริรับเสื้อผ้ามา อังศุมาลินเดินเลี่ยงไปทางหลังฉาก

แสงจันทร์นวลผ่องสาดกระทบยอดไม้ริมหน้าต่างที่พลิ้วไหวไปมาตามแรงลม โกโบริอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามามองไป เห็นแก้วกาแฟร้อนกรุ่นเต็มแก้ว ดินสอปลายเหลาแหลมมาเสียบอยู่ในถ้วยแก้ว พร้อมยากันยุงเป็นแท่งธูป ถูกจุดไว้ใต้โต๊ะ
โกโบริในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียว มีผ้าเช็ดตัวเช็ดถูหัวหูไปมายืนนิ่งมองที่โต๊ะ ก่อนหันไปดูที่ฉากกั้นที่ยกมาวางกั้นระหว่าง 2 ฟูก ฟูกของโกโบรินั้นอยู่ฝั่งเดียวกะโต๊ะทำงาน
“ฮิเดโกะ..อาทิตย์หน้าจะมีเรือบินบรรทุกสัมภาระจากญี่ปุ่น คุณอยากได้อะไรไหม กิโมโน ของใช้ผู้หญิง ฮิเดโกะ”
พลางโกโบริเดินมาเขย่งมองข้ามฉากไปมา เห็นแผ่นหลังเป็นเงาๆ ของอังศุมาลินในมุ้งนอนหันหลังอยู่
“ฮิเดโกะ หลับแล้วหรือ”
โกโบริเรียกแล้วยืนรอฟังคำตอบอยู่ครู่ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
ที่แท้อังศุมาลินแกล้งทำเป็นหลับ แต่นอนกลั้นขำอยู่ แล้วค่อยๆ แอบหันไปดูทางฉาก เห็นเงาโกโบริไปนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว

อังศุมาลินยิ้มๆ มานอนตะแคงอย่างเดิม แต่ไม่วายเล็งที่ฉาก ที่กั้นที่นอนอีกอันไว้

ตีสองแล้ว ตะเกียงบนโต๊ะถูกดับลง อังศุมาลินพลิกตัวขดหนาวหลับปุ๋ยมือซุกใต้หมอนอยู่ มือโกโบริ ค่อยๆ บรรจงคลี่ดึงผ้าห่มจากปลายเท้าขึ้นมาห่มคลุมตัวให้

อังศุมาลินซึ่งอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกตัวรีบหันมาปัดมือที่กำลังดึงห่มมาที่ตัวเอง โกโบริที่ดึงผ้าห่มผงะชะงัก
“อ้าว ผมเห็นคุณนอนขดคิดว่าคงหนาว เลยจะห่มผ้าให้”
อังศุมาลินปรือตาง่วงๆ งงๆ “คะ”
“ห่มผ้าเสีย อากาศชักเริ่มเย็น”
โกโบริดึงผ้าห่มให้อังศุมาลินขึ้นต่อ จนจรดต้นคอ แล้วยัดซุกปลายลงที่บ่าอังศุมาลินอย่างแน่นหนา
“หลับต่อเถอะ”
โกโบริมองอังศุมาลินที่ง่วงหลับตาลงพริ้มต่อ เลยโน้มไปจะจุมพิตที่หน้าผาก แต่อังศุมาลินรู้สึกตัวเสียก่อนรีบทำเป็นขยับตัว
“งานเสร็จแล้วหรือคะ”
“ยัง...เห็นว่าดึกแล้ว เลยว่าจะนอน พอดีมาเห็นคุณนอนขดอยู่”
โกโบริฉวยโอกาสเอนตัวลงนอนข้างๆ อังศุมาลิน พลางลูบเส้นผมอังศุมาลินเล่นไปมา อังศุมาลินพยายามจะขยับหลบ แต่โกโบริทำไม่รู้ไม่ชี้
“นี่กี่ทุ่มแล้วคะ”
“ไม่รู้สิ แต่คงดึกมากแล้ว”
“งั้นนอนเสียเถอะค่ะ”
“ใช่ ผมก็ว่าอย่างนั้น”
โกโบริทิ้งตัวลงนอนเบียดข้างอังศุมาลิน อ้อมแขนโอบไว้เหนือศีรษะอังศุมาลิน ถอนใจยาวอย่างสบายใจ
“ฟูกคุณอยู่ทางโน้นค่ะ” อังศุมาลินบอก
“ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่...”
“คุณนอนไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”
โกโบริใช้นิ้วพันผมอังศุมาลินเล่นไปมา ทำเอาอังศุมาลินฉุนพลิกหันมา
“ฉันไม่ได้ห่วงคุณ แต่ฉันว่าคุณ...”
“ทำไมละ ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผมจะนอนที่ฟูกโน้นหรือข้างฟูกนี้ ก็อยู่ใกล้คุณเหมือนกัน”
“แต่ที่นอนคุณอยู่นั่น ไม่ใช่ตรงนี้”
“ฟูกผมไม่มีผ้าห่ม”
อังศุมาลินพยายามข่มอารมณ์ “มีค่ะ ก็..ฉันวางไว้เอง”
โกโบริถามเนือยๆ “ไหนล่ะ”
อังศุมาลินผุดลุกขึ้นนั่ง พลางสะบัดตัวออกจากผ้าห่มแล้วลุก เดินอ้อมฉากไป
โกโบริมองตาม ยิ้มๆ

อังศุมาลินทำหน้ามีชัย ที่เห็นปลายฟูกฝั่งโกโบริมีผ้าห่มวางอยู่จริงๆ อังศุมาลินรีบหยิบคว้าผ้าห่มที่พับอยู่ปลายฟูกขึ้นมาสะบัดให้เห็น
“นี่ไงคะผ้าห่ม เห็นมั้ย...คุณมานอนนี่ได้แล้ว”
โกโบริลุก แล้วยกฉากที่กั้นกลางออกไปให้พ้น เหมือนทำเพื่อมองดูอังศุมาลิน
“ออ มีจริงด้วย”
อังศุมาลินพูดแกมขู่ “คราวนี้นอนได้แล้วนะ”
โกโบริตวัดคว้าตัวอังศุมาลินที่จะเดินหนีกลับไปจนเสียหลักล้มลงบนที่นอนของตน ในอ้อมอกตนพอดี
“ใช่ นอนได้แล้ว”
“ปล่อยค่ะ ฉันจะไปนอนทางโน้น”
“ก็คุณมานี่เอง ช่วยไม่ได้ ทีผมไปขอแทรกนอนด้วยนิดเดียวยังว่า ตรงนี้คุณจะนอนให้เต็มฟูกไปเลยก็ไม่มีใครว่า เพราะผมใจดี และผมขอที่แค่นิดเดียว คุณก็นอนไป”
โกโบริโอบรัดอังศุมาลินไว้เบาๆ อังศุมาลินพยายามดิ้นไปมาแต่ไม่เป็นผล โกโบริหลับตาลง กระซิบบอกเบาๆ “หลับได้แล้ว”
โกโบริขยับเหยียดท่อนแขนสอดรองศีรษะแทนหมอนหนุนให้อังศุมาลิน แล้วขยับตัวให้อังศุมาลินเหยียดนอนได้สบาย อังศุมาลินพลิกหันหลังให้
โกโบริถอนใจดัง กระซิบขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมรักคุณ ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินิ่งเงียบ นอนตัวแข็งไม่ขยับ จนโกโบริดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้วอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมาอังศุมาลินค่อยๆ ยกศีรษะแล้วพลิกขยับตัวจะลุก แต่ทันใดแขนที่สอดรองเป็นหมอนให้ก็พับงอกันไว้ไม่ให้ลุก ใช้อีกแขนหนึ่งรวบดึงให้เข้ามาชิดตัวยิ่งขึ้น
โกโบริพูดอาการง่วงๆ “พวกทหารรู้สึกตัวเร็วกันทั้งนั้นละคุณ อย่าหนีไปไหนเลย”

อังศุมาลิถอนใจเงียบๆ ตะแคงหันหนี แต่ยังนอนหนุนแขนโกโบริ ก่อนจะหลับไปในที่สุด

โปรดติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 18 
กำลังโหลดความคิดเห็น