ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 17
ทางด้านชนิกานต์พากฤติยามาช้อปปิ้งที่ห้างหรู และกำลังหยิบเสื้อผ้าเก๋ไก๋ชุดหนึ่งส่งให้กฤติยา
“ชุดนี้สวย เหมาะกับเธอ”
“ไม่เอา ฉันมีเยอะแล้ว” กฤติยาบอกเนือยๆ
“อย่าปฎิเสธฉันสิ วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันเป็นสปอนเซอร์ ไปลอง”
ชนิกานต์ผลักกฤติยาให้เข้าไปลองเสื้อ กฤติยาจำต้องเข้าไปลอง ชนิกานต์ยิ้มพอใจ ธีรดนย์เข้ามาหาชนิกานต์
“คิดทำอะไร”
“คิดดีทำดี”
ธีรดนย์ยิ้มหยัน “เรื่องดีๆ คิดเป็นทำเป็นด้วยเหรอ”
ชนิกานต์ปรี๊ด ไม่พอใจ “เอ๊ะ...จะเอาไง วีนเหวี่ยงก็ว่าฉัน พอทำดีก็มาเย้ยกันอีก ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วนะ”
“ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องความเดือดร้อนให้คนอื่น”
กฤติยาเดินออกจากห้องลองเสื้อ ชนิกานต์ปราดเข้าไปหา ยิ้มชม
“สวย” ชนิกานต์หยิบอีกชุดส่งให้ “เอาตัวนี้ไปลองอีก”
“พอแล้ว” กฤติยาบอก
“คนนี้ก็อีกคน อย่าทำให้คนสวยโกรธนะ”
กฤติยาจำต้องรับเสื้อผ้าไปลองอีก ชนิกานต์หยิบชุดเดินไปยังห้องลองเสื้อผ้า ธีรดนย์ตาม
“ถามจริง คิดอะไรอยู่”
“ถามจริง..คิดอะไรกับฉันเนี่ย”
ธีรดนย์แปลกใจ หันไปมองอีกที เพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ในห้องลองเสื้อผ้า ชนิกานต์ผลักธีรดนย์ออกไป แล้วปิดประตู ธีรดนย์รู้สึกเขินอาย รีบเดินออกไป
ไม่นานต่อมา 3 คน อยู่ในร้านอาหาร พนักงานเอาอาหารมาวางเสิร์ฟให้ จนอาหารวางเต็มโต๊ะ
“สั่งมาเต็มโต๊ะ กินไม่หมดหรอก” กฤติยา
ชนิกานต์บอก “หมดสิ นี่เป็นการบำบัด ช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง”
“ช่วยได้จริงเหรอ”
“ฉันใช้วิธีนี้ประจำ เวลาเครียด ฉันก็จะกิน กิน กิน กินให้อิ่มท้อง ทำให้อิ่มใจ นอนหลับไม่ต้องคิดมาก เขาเรียกว่ากินบำบัด”
“เพิ่งเคยได้ยินก็คราวนี้ล่ะ”
“ทฤษฏีนี้ฉันคิดขึ้นเอง”
กฤติยาหัวเราะไปกับชนิกานต์ ท่าทีมีความสุขมากขึ้น
“ถ้ากินแล้วไม่หายเครียด ฉันจะพาเธอไปเที่ยว ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ได้ คุณพ่อไปคุยงานอยู่อีกหลายวัน เราตามไปสมทบ ฉันออกค่าใช้จ่ายให้เอง”
“ไม่ต้องดีกับฉันมากก็ได้ ยังไงฉันก็ช่วยปิดบังเรื่องเธอกับธี”
ชนิกานต์นิ่งอึ้ง รู้สึกดีใจที่กฤติยาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
“ฉันจะไม่บอกคุณน้า ไม่บอกคุณอาณวัตร มันจะเป็นความลับของเราแค่สามคน”
ชนิกานต์ดีใจที่กฤติยายอมช่วย
“ขอบใจนะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
“เธอคงกลัวคุณณวัตรมาก”
“คุณพ่อรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ท่านต้องโกรธธีเล่นงานธี อาจจับส่งตำรวจได้ ฉันห่วงเขา”
ธีรดนย์นั่งอยู่มุมหนึ่งในร้าน ได้ยินที่สองสาวคุยกัน ก็รู้สึกดีที่ชนิกานต์เป็นห่วงตน กฤติยาจับมือชนิกานต์
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยู่ข้างเธอ เราเป็นเพื่อนกัน”
ชนิกานต์ยิ้มแย้ม จับมือกฤติยา “เพื่อน”
ธีรดนย์ดีใจที่ชนิกานต์ยอมญาติดี และเป็นเพื่อนที่ดีกับกฤติยา คิดว่าคงไม่เกิดปัญหาอะไรอีกแล้ว
ส่วนสุรัมภานั่งอ่านหนังสือ การดูแลครรภ์อยู่ในสวนสาธารณะ
“ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพเด็กในครรภ์”
สุรัมภาเอามือจับท้องตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้น สุรัมภาพร้อมจะใช้ชีวิต เพื่อดูแลลูกของตนแล้ว
ระหว่างนั้นเพทายเดินเข้ามานั่งคู่ สุรัมภาตกใจ จะลุกขึ้น เพทายดึงมือไว้
“จะไปไหนล่ะที่รัก ฉันมาทวงรางวัล”
“นายต้องการเงินเท่าไหร่”
“เงินนะฉันหาได้ ฉันอยากได้อย่างอื่น”
“นายต้องการอะไร”
“ที่รัก”
เพทายแสยะยิ้มส่งจูบให้ด้วยท่าที่คิดว่าหล่อสุดๆ สุรัมภาผวากลัว รีบลุกเดินหนีไป แต่เพทายลุกขึ้นคว้าแขนไว้
“ไปสนุกด้วยกัน ฉันจะดูแลเธอ รับเธอเป็นแฟนออกนอกหน้า”
“ปล่อยนะ”
“ไม่เอา อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวช้ำหมด”
เพทายจูงมือสุรัมภาจะพาออกไป สุรัมภาดิ้น แล้วร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ”
สุรัมภาผลักเพทายวิ่งหนีไป หาคนที่แถวนั้น
“ช่วยด้วยค่ะ!”
มีผู้ชายคนหนึ่งช่วยกันไว้ เพทายเข้ามา
“เรื่องของแฟน อย่ายุ่ง!”
“ไม่ใช่นะคะ มันจะข่มขืนฉัน”
สุรัมภาโวยวายเสียงดังเอาตัวรอด คนแถวนั้นหันมาดู เพทายจึงวิ่งหนีไป
สุรัมภาโล่งใจที่รอดมาได้ แต่กลัวเพทายจะกลับมาแก้แค้น
ขณะที่สุตาภัญกำลังถือถุงใส่เครื่องประดับเตรียมไปเปิดแผงขายของ เจอชนกชนม์เดินเข้ามาหา
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์ยืนยิ้มเดินเข้ามามีอาการเซเล็กน้อยเนื่องจากเมายาอยู่
“ไปขายของที่ตลาดนัดกัน ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง ฉันขายเองได้”
สุตาภัญปัดมือชนกชนม์ ชนกชนม์ยิ้มแล้วแย่งกระชากถุงมาถือ แล้วตะคอกใส่สุตาภัญ
“ฉันบอกว่าฉันช่วย!! ฉันมันน่ารังเกียจนักรึไง!”
สุตาภัญตกใจและโกรธ “นายเล่นยาอีกแล้ว”
“ไม่ต้องสนใจฉันจะทำอะไร! มันเรื่องของฉัน!”
สุตาภัญพูดดีด้วย “นายกลับไปหาแม่นายเถอะ แม่นายมาหานาย”
ชนกชนม์แปลกใจ “ว่าอะไรนะ”
“แม่นายเป็นห่วงนายมาก เขาพร้อมจะช่วยนาย นายรีบกลับไปหาเขาเขาจะช่วยนายทุกอย่าง”
ชนกชนม์ได้ฟังเหมือนจะซึ้งใจ แล้วระเบิดหัวเราะใส่สุตาภัญ
“เธอมันสร้างเรื่องเก่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นเด็กนิเทศฯ แต่งนิทานเล่นละครหลอกเด็กได้ แต่หลอกฉันไม่ได้!”
“ฉันพูดความจริงนะ”
ชนกชนม์ไม่เชื่อ แถมโวยวายใส่สุตาภัญ
“ฉันไม่เชื่อ! คุณแม่เกลียดฉัน เกลียดตัวซวยอย่างฉัน เขาไม่มีวันมาหาหรือห่วงใยฉัน เธอแค่สร้างเรื่องปลอบใจหาเรื่องผลักไสไล่ส่งฉันไปจากเธอต่างหาก ฉันรู้ทันเธอ ไม่มีใครรักฉันอีกแล้ว รวมทั้งเธอด้วย”
ชนกชนม์โวยวายระบดระบายใส่ พร้อมกับเข้าไปเขย่าตัวสุตาภัญอย่างขาดสติ
สุตาภัญไม่พอใจ หมดความอดทน
“เมายา! ทำตัวแย่! เป็นแบบนี้ไงใครๆ ถึงเกลียดนาย ไม่รักตัวเองแล้วจะเรียกร้องให้คนอื่นมารัก! มันน่าสมเพช!”
“ถ้าเธอรักฉัน ฉันจะเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเธอ!”
ชนกชนม์ยื่นข้อเสนอ สุตาภัญนิ่ง...
“กลับมารักฉัน คนดีของฉัน”
ชนกชนม์เข้าสวมกอด สุตาภัญตกใจ
“นาย…”
ชนกชนม์กอดสุตาภัญ เริ่มลูบไล้ ทำท่าจะจูบสุตาภัญ
“นายจะทำอะไร”
“เป็นของฉัน เธอจะได้รักฉัน”
ชนกชนม์จะกอดจูบ สุตาภัญโกรธจัดผลักชนกชนม์ออก
“ชนม์นายเมาหนักแล้ว ออกไป อย่าทำอย่างนี้!”
ชนกชนม์ดึงดันกอดจูบสุตาภัญ “เป็นแฟนกัน...เธอจะรักฉัน ไม่ทิ้งฉัน”
ธีรดนย์เข้ามากระชากชนกชนม์ออกไป
“ไอ้ชนม์!”
ธีรดนย์ต่อยชนกชนม์เต็มหมัด ชนกชนม์ไม่ทันตั้งตัวจึงสู้ไม่ได้ ธีรดนย์จะเข้าไปซ้ำ สุตาภัญห้ามไว้
“พอแล้วธี”
ธีรดนย์มองชนกชนม์อย่างไม่พอใจ ชนกชนม์นอนกองอยู่ที่พื้น จ้องมองธีรดนย์ไม่วางตา
ขณะเดียวกันชนิกานต์เข้ามาในมหาวิทยาลัย สอดสายตามองหาธีรดนย์ตรงจุดที่คิดว่าจะอยู่
“ธี...”
ชนิกานต์เข้าไปในมหาวิทยาลัย ตามหาธีรดนย์
ชนกชนม์ลุกขึ้นมาจ้องมองสุตาภัญ บอกธีรดนย์
“ธี...ฉันมีเรื่องส่วนตัวต้องคุยกับตา”
“แกเมาหนัก กลับไป ถ้าแกต้องการมอบตัว ฉันพาแกไป...ฉันจะช่วยแก”
ธีรดนย์จะเข้ามาดูแล ถูกชนกชนม์ผลักออก
“ฉันบอกว่าฉันต้องการคุยกับตา!”
“ไอ้ชนม์ ฉันไม่ยอมให้แกทำร้ายตา”
“ฉันต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!” ชนกชนม์เสียงดัง
ชนกชนม์จะเดินตรงไปหาสุตาภัญ ธีรดนย์จับตัวไว้
ชนกชนม์โวยวายเสียงดัง “ปล่อยฉันเว้ย ฉันต้องการรู้ความจริง”
สุตาภัญบอกธีรดนย์ “ปล่อยเขา”
ธีรดนย์หันไปมองสุตาภัญ แล้วปล่อยชนกชนม์ พอเป็นอิสระชนกชนม์เดินตรงมาหาสุตาภัญ
“เธอยังรักฉันไหม”
สุตาภัญอึ้ง ธีรดนย์ยืนมอง รอฟังคำตอบ
“เธอยังมีใจให้ฉันไหม”
“ฉันจะมีใจให้นายได้ยังไง ฉันไม่เคยรักนาย…”
ชนกชนม์ผิดหวังและเสียใจ “โกหก...เธอเคยรักฉัน...เธอเคยต้องการฉัน”
สุตาภัญบอกต่อ “นายทำตัวนายเอง ฉันไม่อยากเสียอนาคตเพราะคนไม่มีอนาคต ฉันใช้ชีวิตทุกวันนี้ก็ลำบากพอแล้ว อย่าให้ฉันต้องแบกรับภาระเป็นแฟนขี้ยาอีก ฉันขอเลือกคนที่เขารักและดูแลฉันได้”
สุตาภัญมองไปยังธีรดนย์
“ฉันจะกลับไปคบกับธี”
ชนกชนม์ไม่เชื่อ “ไม่จริง เธอกำลังสร้างเรื่องเล่นละครหลอกฉัน”
สุตาภัญยื่นหน้าไปหอมแก้มธีรดนย์...ธีรดนย์ยิ้มย่องดีใจ ส่วนชนกชนม์ผิดหวังอย่างแรง
“ธีเป็นผู้ชายที่ฉันจะฝากชีวิตไว้ได้...ไม่ใช่นาย”
สุตาภัญเดินเข้าไปหาธีรดนย์ ทำเอาธีรดนย์ดีใจมาก
ชนกชนม์จ้องหน้าถามธีรดนย์ “แล้วนิกกี้ล่ะ นายต้องดูแลนิกกี้”
“ฉันปรับความเข้าใจกับนิกกี้ได้แล้ว เราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น ฉันรักตาคนเดียว”
สุตาภัญแปลกใจที่ธีรดนย์บอกอย่างนั้น ชนกชนม์หันมายิ้มให้ธีรดนย์...ทั้งน้ำตา
“ดีใจด้วยเพื่อน” แล้วหันมาบอกสุตาภัญ “เธอทำถูกแล้ว คนเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิต...ต่อให้ฉันเลวฉันชั่วยังไง ขอให้รู้ว่า คนเลวคนนี้รักเธอตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ และจะรักเธอตลอดไป”
สุตาภัญอึ้งและซึ้งใจ แต่พยายามเก็บอารมณ์ ไม่แสดงออก
ชนกชนม์มองสุตาภัญแล้วเดินออกไป ธีรดนย์เข้าไปกอดปลอบใจ สุตาภัญมองตามชนกชนม์ด้วยความเสียใจและเป็นห่วง
ชนิกานต์เดินตามหาชนกชนม์ จนเห็นชนกชนม์เดินออกมา ร้องไห้
“ชนม์ นายเป็นยังไงบ้าง”
ชนกชนม์มองมาบอกชนิกานต์
“ตากลับไปคบกับธีแล้ว”
ชนิกานต์อึ้ง แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้
“เธออย่าโกรธ อย่าเกลียดตานะ ตาไม่ผิดหรอก ธียังรักตามาก”
ชนิกานต์เสียใจ
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจไม่ต่างจากฉัน คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี สักวันคงเป็นวันของเธอ”
ชนิกานต์น้ำตาไหล
“ฝากดูแลตาด้วยนะ”
ชนกชนม์ร้องไห้แล้วเดินออกไป ชนิกานต์มองตาม สงสารชนกชนม์และรู้สึกเสียใจกับเรื่องของธีรดนย์กับสุตาภัญ
สุตาภัญร้องไห้เสียใจและสงสารชนกชนม์ ธีรดนย์เช็ดน้ำตาให้ แล้วกอดปลอบใจ
“ชนม์ไม่น่าทำตัวเหลวไหลอย่างนี้เลย”
สุตาภัญได้สติ ถดตัวถอยออกห่างธีรดนย์
“ธี..ตาขอโทษนะที่ต้องอ้างว่าธีเป็นแฟนตา ตาไม่อยากให้ชนม์มากวนใจตาอีก”
“ผมกับนิกกี้เคลียร์กันแล้ว...เราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น...เรากลับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมนะ”
สุตาภัญแปลกใจ เพราะสงสารชนิกานต์
“แล้วนิกกี้ล่ะ”
ชนิกานต์เดินเข้ามา บอกสุตาภัญ
“ฉันก็เป็นเพื่อนที่ดีกับเธอ” มองธีรดนย์ “เพื่อนธีไง”
สุตาภัญแปลกใจ สงสารชนิกานต์
“ตาอย่าโกรธธีเลยนะ ธีเขารักตา ฉันไม่อยากฝืนใจใครอีกแล้ว สู้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คบหากันได้นานดีกว่า อย่าให้ความรักมาทำลายความเป็นเพื่อนของเรา”
ชนิกานต์ยิ้มให้ สุตาภัญแปลกใจ ธีรดนย์พอใจที่ชนิกานต์บอกแบบนี้กับสุตาภัญ
แต่ชนิกานต์กลับรู้สึกเศร้าใจที่ต้องโกหกความรู้สึกของตัวเอง
ตอนค่ำวันนั้น กฤติยาหิ้วถุงเสื้อผ้าเข้ามาในบ้าน กัณฐิกาเข้าไปถามกฤติยาด้วยความเป็นห่วง
“มันพาลูกไปไหน ทำร้ายลูกตรงไหนบ้าง”
กฤติยาขำ ยิ้มให้ “เปล่าค่ะแม่”
กัณฐิกาไม่เชื่อใจ “มันขู่ลูก ลูกไม่ต้องกลัวมัน คุณณวัตรไม่อยู่แม่จะเล่นงานมันให้หนัก!”
กฤติยายิ้มท่าทีแม่ขณะบอก “นิกกี้ซื้อเสื้อผ้าให้แอนค่ะ” พลางโชว์ถุงเสื้อผ้า “แล้วก็พาไปเลี้ยงข้าว แอนซื้อมาเผื่อคุณแม่ด้วยนะคะ”
กฤติยาส่งถุงใส่อาหารให้กัณฐิกา
“แม่ไม่กิน มันต้องใส่ยาพิษหวังฆ่าแม่!”
“แม่เลิกอคติได้แล้ว นิกกี้ปากร้ายแต่ใจดีนะคะ”
“แม่ไม่เชื่อ...มันทำดีกับลูกต้องหวังอะไรตอบแทน บอกแม่มา...มันต้องการอะไร”
กัณฐิกาไม่เชื่อใจชนิกานต์อยู่ดี
กฤติยาไม่กล้าเล่าเรื่องที่ชนิกานต์วิ่งตาม เพื่อขอร้องไม่ให้พูดเรื่องธีรดนย์กับชนิกานต์
“กลับมานะ มาคุยให้รู้เรื่อง!”
กัณฐิกาและกฤติยาแปลกใจว่า ชนิกานต์ทะเลาะกับธีรดนย์เรื่องอะไร
ด้านชนิกานต์เดินตามธีรดนย์ โวยวายลั่นบ้าน
“นายพูดว่าเราเป็นแค่เพื่อนไม่ได้”
“เราเคลียร์เรื่องนี้จบแล้วไง”
“เราตกลงกันสองคน นายไม่ควรบอกตา”
“ฉันจำเป็นต้องบอก ตาต้องเชื่อใจว่าฉันกับเธอไม่มีพันธะต่อกัน...ที่สำคัญ ฉันจะกลับไปคบกับตา”
ชนิกานต์เอาเรื่องชนกชนม์มาอ้าง “นายกำลังทำลายความรู้สึกชนม์”
“เขาเลิกกันแล้ว ตาบอกรักฉันต่อหน้าชนม์ด้วยซ้ำ”
ชนิกานต์ไม่เชื่อ “ตาประชดชนม์!”
“ฉันไม่สน! ฉันจะใช้ช่วงเวลานี้ดูแลตา ตาต้องเปลี่ยนใจมารักฉัน” ธีรดนย์หันมาขู่ชนิกานต์ “เลิกตอแยฉัน ไม่งั้นฉันจะไปจากบ้านนี้”
ขณะที่กัณฐิการีบเดินไป เพื่อไปหาชนิกานต์และธีรดนย์ กฤติยาเข้ามาขวาง
“แม่จะไปไหน”
“สองคนนั่นทะเลาะกัน แม่อยากรู้ว่าเรื่องอะไร”
“ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปยุ่งเรื่องเขาเลย”
กัณฐิกาแปลกใจที่กฤติยากันไว้ “รึลูกรู้ ว่าเขามีปัญหาอะไรกัน”
กฤติยานิ่งงันไป กัณฐิกาไม่ไว้ใจ ดันตัวกฤติยาออก แล้วรีบวิ่งลงไปดู
ฟากชนิกานต์กำลังอ้อนวอนธีรดนย์
“นายอยู่ที่นี่นะ ฉันยอมแล้ว ฉันจะไม่ตื๊อไม่บ่น แต่ฉันขอ..อย่าเป็นแฟนกับตา ฉันเป็นของนาย”
ธีรดนย์ตกใจที่ชนิกานต์พูดเรื่องนี้อีก กลัวกัณฐิกามาได้ยิน
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ก็มันเป็นความจริงนี่ เราเป็นของกันและกันแล้ว!”
ชนิกานต์วิ่งเข้าไปกอดธีรดนย์อย่างรักล้นใจ
กัณฐิกาเดินเข้ามาได้ยิน และเห็นภาพชนิกานต์กอดธีรดนย์ก็ตกใจ
“นิกกี้”
กฤติยาตามเข้ามาเห็นภาพเหตุการณ์ก็ตกใจ
ชนิกานต์รีบผละออกจากธีรดนย์ ทั้งสองตกใจมาก..
“แก!” ชนิกานต์เตรียมเอาเรื่อง
“เธอทำดีกับหลานฉัน ต้องการปิดปากเรื่องนี้ ใช่มั้ยยัยแอน?”
กัณฐิกาหันมาถามกฤติยา กฤติยามองชนิกานต์ไม่กล้าพูด หลบหน้า กัณฐิกาจึงมั่นใจว่าตนคิดถูก
“น่าสมเพช ด่าว่าหลานฉันอ่อยผู้ชาย บุกเข้าหาผู้ชายถึงห้อง แต่เธอมันนังยั่วตัวแม่ อดอยากปากแห้งนักใช่มั้ยถึงกินเด็กในบ้าน!”
ชนิกานต์โกรธแต่เถียงไม่ออก
“คุณณวัตรต้องรู้เรื่องแพศยาของลูกสาว!”
กัณฐิกาพูดจบก็เดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์ เพื่อโทรศัพท์บอกณวัตร
ชนิกานต์ตกใจร้องห้าม “อย่านะ”
ชนิกานต์และธีรดนย์ตกใจ กฤติยากังวล รีบตามกัณฐิกาไป
ส่วนชนกชนม์อยู่ที่ตึกร้าง นั่งทรุดตัวลงร้องไห้ เงยหน้ามองดวงจันทร์
ขณะที่สุตาภัญยืนมองดวงจันทร์ดวงเดียวกัน เสียใจเรื่องชนกชนม์
ชนกชนม์หยิบสร้อยครอบครัวออกมาดู แล้วแกว่งไปมาตรงหน้า นึกถึงเหตุการณ์ตอนชยางกูรกระชากสร้อยโยนทิ้งในวันแข่งรถ โดยไม่รู้ว่าที่แท้สุตาภัญเก็บไว้ได้
สร้อยแกว่งไปมา พร้อมกับเหตุการณ์ ที่สุตาภัญคืนสร้อยให้ ตามด้วยเหตุการณ์ที่ชนกชนม์ใส่สร้อยให้สุตาภัญ และภาพเหตุการณ์สุดท้ายตอนสุตาภัญกระชากสร้อยจากคอ ปาคืนชนกชนม์
ชนกชนม์มองสร้อยตรงหน้า ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
ขณะเดียวกันสุตาภัญยืนมองดวงจันทร์ แล้วร้องไห้ เสียใจไม่ต่างกัน แต่ต้องตัดใจ
“ฉันทำดีที่สุดแล้ว”
สุตาภัญร้องไห้ปลอบใจตัวเอง ที่ต้องตัดชนกชนม์ออกจากชีวิต
ฝ่ายกัณฐิกายกโทรศัพท์จะโทร.หาณวัตร กฤติยาเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไป
“คืนมาให้ฉัน”
กฤติยาขอร้องแม่ “แอนขอเถอะค่ะแม่ เราต้องช่วยปิดเรื่องนี้”
“แกยังมีหน้าไปเข้าข้างมันอีก ฉันจะโทร.บอกให้คุณณวัตรรีบกลับมา เร่งจัดการเฉดหัวลูกไม่รักดีออกไปจากบ้าน มันต้องได้รับกรรมที่ทำไว้กับฉัน”
กัณฐิกาด่าว่าแล้วแย่งโทรศัพท์จากกฤติยามาได้ และจะโทร.อีกครั้ง ชนิกานต์เข้ามาขอร้อง
“อย่าบอกคุณพ่อนะ ฉันขอร้อง”
“หนังหน้าอย่างเธอรู้จักอายรู้จักกลัวด้วยเหรอ” กัณฐิกาเหยียดยิ้ม
ชนิกานต์วิงวอน “แกต้องการอะไร? ฉันยอมแกทุกอย่าง อย่าบอกคุณพ่อ”
กัณฐิกาบอกเสียงกร้าว “กราบเท้าฉัน”
ชนิกานต์ตกใจ กฤติยาเองก็ตกใจ
กัณฐิกาย้อนถาม “ว่าไง...ไหนบอกว่ายอมได้ทุกอย่าง...ทำสิ...ก้มลงกราบที่เท้าฉัน...เท้าของผู้หญิงที่เธอกร่นด่าว่าเป็นโสเภณี!”
ชนิกานต์ไม่พอใจ แต่ไม่มีทางเลือก ชนิกานต์ทรุดนั่งลง แล้วก้มกราบเท้ากัณฐิกา
“จำไว้ เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าอวดเก่งทำโอหัง ถึงฉันไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิด ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงเธอ”
ชนิกานต์กราบเสร็จ คิดว่าจะจบเรื่อง ทว่ากัณฐิกายังกดเบอร์โทรศัพท์ต่อ ชนิกานต์โกรธจัด
“แกทำอะไร? ฉันยอมกราบแกแล้วไง”
“ฉันให้เธอกราบเท้า เป็นการขอขมาในสิ่งที่เคยแผลงฤทธิ์กับฉัน มันคนละเรื่องกับคาวโลกีย์ของเธอ”
ชนิกานต์โกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าด่า “แกหลอกฉัน!”
“อย่ามาชี้หน้าด่าฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจใส่ฉันอีกแล้ว”
กัณฐิกาขู่แรง ชนิกานต์หน้าเสีย กัณฐิกาถือโทรศัพท์แกล้งขู่
“เอ..เอาไงดีนะ จะโทรรึไม่โทร.”
ธีรดนย์ตัดสินใจตามเข้ามา ไหว้ขอร้องกัณฐิกา
“คุณกัณครับ ผมขอร้องครับ ช่วยปิดเรื่องนี้ด้วยนะครับ”
“เธอไม่ต้องกลัว...ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ยัยนิกกี้คงเข้าไปอ่อยให้ท่าเธอ”
“คุณท่านไม่ฟังหรอกครับ..คนที่เดือดร้อนไม่ใช่แค่นิกกี้ แต่รวมถึงผมด้วย”
ธีรดนย์อ้อนวอนขอร้อง กัณฐิกาสงสารธีรดนย์ขึ้นมาทันที
“ได้...ฉันเห็นแก่ธีรดนย์ ไม่ใช่เธอ!”
“ขอบคุณครับ” ธีรดนย์ไหว้แล้วบอกชนิกานต์ “รีบไหว้ขอบคุณคุณกัณสิ”
ชนิกานต์ไม่อยากไหว้ แต่จำใจ จะยกมือไหว้
“ไม่ต้อง...เรายังเคลียร์กันไม่จบ...ตามฉันมา”
กัณฐิกาเดินนำออกไป ชนิกานต์ตกใจว่ากัณฐิกาต้องการอะไร รีบเดินตามไป
กฤติยาและธีรดนย์ก็แปลกใจว่ากัณฐิกาจะทำอย่างไร
ชนิกานต์เดินเข้ามา เห็นกัณฐิกานั่งเก้าอี้ วางมาดเป็นนางพญา
“อย่ายืนค้ำหัวผู้ใหญ่”
ชนิกานต์จำต้องก้มแล้วนั่งลงหน้ากัณฐิกา
“ฉันยอมช่วย เห็นแก่ยัยแอนที่ขอร้อง และธีรดนย์ที่มีน้ำใจช่วยฉัน เธอเห็นไหม คนที่ทำดีมักได้ดีตอบแทน ส่วนคนที่ทำชั่วไว้ ต้องได้รับกรรม”
ชนิกานต์ฉุนที่ถูกโขกสับ “ไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย แกต้องการอะไร”
“พูดกับผู้ใหญ่ พูดให้เพราะ”
ชนิกานต์จำต้องพูดดี “คุณต้องการเงินเท่าไหร่?”
“ไม่จำเป็น..พ่อเธอพร้อมเซ็นเช็คตามคำขอของฉัน”
“แล้วแก...” ชนิกานต์ต้องรีบเปลี่ยนคำพูด “คุณต้องการอะไร”
“อย่ามาระรานรังควาญฉันอีก...ต่างคนต่างอยู่”
“ค่ะ” ชนิกานต์รับคำ
กัณฐิกาเล่นแง่ “อ้อ..ไม่สิ..ตอนนี้ฉันมีอำนาจเหนือกว่า..เอาเป็นว่า ฉันต้องการอะไร อยากได้อะไร เธอต้องเสนอสนองให้ฉัน เป็นขี้ข้ารับใช้ฉัน”
ชนิกานต์ไม่พอใจมาก เก็บอารมณ์ไม่ไหว “มันจะมากไปแล้วนะ!”
กัณฐิกาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาชนิกานต์
“สอนไม่จำ...อย่าค้ำหัวผู้ใหญ่”
กัณฐิกากดตัว ให้ชนิกานต์จำต้องทรุดนั่งลง กัณฐิกายิ้มเย้ยเดินออกไป
ชนิกานต์ไม่พอใจมาก ที่ตกอยู่ใต้อำนาจกัณฐิกา
จวบจนรุ่งเช้าชนกชนม์ยังคงนั่งแกว่งสร้อยไปมาไม่ได้หลับได้นอน
“เธอไม่ต้องการมัน...ฉันก็อยากให้...เป็นตัวแทนฉัน”
ชนกชนม์ตัดสินใจจะเอาสร้อยไปให้สุตาภัญอีก ลุกขึ้นเดินออกไป
ส่วนสุตาภัญเดินมาที่กรอบรูปสุทินและเสาวนิตย์ ยกมือไหว้เตรียมจะออกไปขายของที่ตลาดนัด
“พี่ตาจะไปไหนคะ”
“วันนี้มีตลาดนัด พี่จะไปเปิดแผงขายของ”
“ภาไปช่วยค่ะ”
“ไม่ต้องจ้ะ..วันนี้พี่ขายทั้งวัน ภาต้องดูแลตัวเองดูแลลูกให้มาก”
“ภาไม่ไปก็ได้ ภาจะอยู่บ้าน เก็บกวาดบ้านให้พี่ตา”
“พี่ไปก่อนนะ”
“ขายดีเทน้ำเทท่านะคะ”
“ได้จ้ะ..พี่จะเทให้หมดท่าเลย”
สุตาภัญและสุรัมภาหัวเราะให้กัน สุตาภัญหิ้วของใส่เครื่องประดับออกไป สุรัมภาจะเข้าไปเก็บกวาดห้อง เห็นกล่องใส่เครื่องประดับวางอีกกล่อง
“พี่ตาโก๊ะอีกแล้ว”
สุรัมภาหยิบกล่อง จะเอาไปให้สุตาภัญ
เวลาเดียวกัน ขณะที่ชยางกูรจะเดินออกไป ชลนิภาเดินเข้ามาบอกชยางกูร
“ลูกกูร...ไปช่วยงานแม่ที่บริษัทนะ แม่ดูแลคนเดียวไม่ไหว”
“กูรอยากช่วยคุณแม่ครับ แต่กูรต้องเข้าเรียนให้ครบชั่วโมง แล้วต้องเร่งส่งงานที่ค้างด้วยครับ”
ชลนิภามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “งั้นลูกไปเรียนเถอะ แม่ไม่อยากให้ลูกหมดสิทธิ์สอบ แม่ไปทำงานก่อนนะ”
ชยางกูรเข้าไปกอดหอมแก้มชลนิภา
“กูรเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ”
ชลนิภายิ้มรับแล้วออกไป ชยางกูรดีใจที่ไม่ต้องไปทำงาน
เสียงโทรศัพท์ชยางกูรดังขึ้น ชยางกูรมองชื่อหน้าจอก็ใจคอไม่ดี แต่ต้องรับสาย
“วันนี้ผมจัดการให้เฮียได้แน่!”
ชยางกูรวางสาย คิดวางแผนจัดการนำตัวสุตาภัญ ไปให้ปรัชญา
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 17 (ต่อ)
ส่วนธีรดนย์ซึ่งกำลังจะออกไปข้างนอก ชนิกานต์เข้ามาขวาง
“ไปไหน”
“ไปมหาวิทยาลัย”
“นายไม่มีเรียน นายจะช่วยตาขายของ”
“รู้แล้วถามทำไม”
“ก็แค่ถามให้แน่ใจ”
“ไม่ต้องห้าม”
“ไม่ได้ห้าม”
“ไม่ต้องตาม”
“ทำไมล่ะ ก็ฉันเป็นเพื่อนยัยตา ยัยตาลำบาก ฉันจะไปช่วยยัยตาขายของ ฉันมีจิตอาสานะ”
“เธอไม่ชอบตากแดด ไม่ชอบขายของ ไม่ชอบให้ลูกค้าต่อราคา”
ชนิกานต์จะหาเหตุผลไป “แต่ฉัน....”
“ฉันบอกไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ!”
“ก็ได้ รีบไปรีบกลับนะ”
ธีรดนย์เดินออกไป...ชนิกานต์ไม่พอใจที่ธีรดนย์ห้าม
“ไม่ให้ไป...ก็แอบไปสิเรา”
ชนิกานต์คิดจะแอบตามไปเอง เจอกัณฐิกาขวางไว้
“ไปช่วยฉัน”
ชนิกานต์เซ็งที่ถูกกัณฐิกาบังคับให้ไปช่วยงาน
ชนิกานต์เดินตามเข้ามาในห้องครัว
“จะให้ฉันช่วยอะไร”
กัณฐิกามองดุ
ชนิกานต์ฝืนใจเติมคำ “คะ”
“ฉันอยากทานซุปผัก”
“ฉันทำไม่เป็น”
“แล้วใครกันที่เคยทำซุปประจบสอพลอคุณพ่อ ฉันไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นะยะ”
ชนิกานต์ประชด “ได้ค่ะ คุณผู้หญิงดิฉันจะทำให้กิน”
กัณฐิกามองขู่อีก
“รับประทานค่ะ”
ชนิกานต์เดินไปหยิบเครื่องครัวเพื่อทำซุป ด้วยความไม่พอใจ
กัณฐิกามองเย้ย คิดจะแกล้งชนิกานต์ให้สะใจ
ฝ่ายสุตาภัญถือถุงลงมาที่ใต้ถุนคอนโด จะออกไปขายของ หยุดนิ่ง เห็นชยางกูรออกจากเสา ยืนยิ้มเย้ยอยู่
สุตาภัญตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.เรียกตำรวจทันที
“คุณตำรวจคะ มีผู้ร้าย”
สุตาภัญพูดไม่ทันจบ ชยางกูรเข้ามากระชากโทรศัพท์โยนทิ้ง ลากสุตาภัญไป
“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย”
ชยางกูรเข้าไปปิดปาก แล้วลากสุตาภัญออกไป
ชนกชนม์เดินเข้ามาอีกทาง ไม่เห็นสุตาภัญและชยางกูร
ขณะที่สุรัมภาถือกล่องใส่เครื่องประดับที่สุตาภัญลืมไว้เจอกับชนกชนม์ก็ดีใจมาก
“พี่ชนม์ พี่เป็นยังไงบ้างคะ”
“พี่โอเค....ตาอยู่ไหม พี่เอาของมาฝากให้ตา”
“พี่ตาเพิ่งออกไปขายของเมื่อกี้เองค่ะ พี่ชนม์ไปกับภา เอาของไปให้พี่ตา”
สุรัมภาจูงมือชนกชนม์จะพาไปหาสุตาภัญ ชนกชนม์จับมือสุรัมภาออก
“ไม่เป็นไร ตาเขาไม่อยากเจอพี่แล้ว”
ชยางกูรจับตัวสุตาภัญจะไปที่รถ
“ปล่อยฉันนะ”
สุตาภัญดิ้นรนทำร้ายชยางกูร แล้วจะวิ่งหนีไป ชยางกูรเข้าไปกระชากตัวสุตาภัญแล้วต่อยท้อง จนสุตาภัญจุก ทรุดตัวลง ชยางกูรยิ้มร้ายพอใจ
ชนกชนม์ยื่นสร้อยให้สุรัมภา ฝากไปให้สุตาภัญ
“พี่ฝากภาให้เขาด้วยนะ”
สุรัมภาจะรับสร้อยไว้ แล้วกุมมือชนกชนม์ไว้
“ภายังห่วงพี่ชนม์นะคะ”
ชนกชนม์ยิ้มรับ แล้วเดินออกไป สุรัมภานึกได้ รีบเดินออกไปเอาของให้สุตาภัญ
ฝ่ายชยางกูรเปิดประตูรถ แล้วผลักสุตาภัญเข้าไปในรถ สุรัมภามองหาสุตาภัญ เห็นภาพสุตาภัญอยู่ในรถ ชยางกูรปิดประตูรถก็ตกใจ “พี่ภา”
ชยางกูรเห็นสุรัมภา รีบวิ่งไปด้านคนขับ ขับรถออกไป สุรัมภาวิ่งไล่ตาม
“พี่ตา...ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
ชนกชนม์กำลังจะเดินออกไป ได้ยินเสียงร้องก็วิ่งเข้ามา
“ภา มีอะไร”
“ชยางกูรจับตัวพี่ตาไปค่ะ”
ชนกชนม์ตกใจ ตัดสินใจวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปช่วยสุตาภัญ
ขณะที่ชลนิภาเดินเข้ามาในบริษัท เห็นพนักงานจับกลุ่มคุยกันอยู่มุมหนึ่ง ไม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน ก็ของขึ้น
“พวกเธอทำอะไรกัน ฉันจ้างมาทำงาน ไม่ได้จ่ายเงินให้สุมหัวนินทาเจ้านาย!”
พนักงานหันมามองชลนิภา แต่ยังคงอยู่ที่เดิม
ชลนิภาไม่พอใจ “พูดแล้วยังไม่ทำงาน คิดลองดีกับฉันเหรอ? ฉันจะไล่ออกให้หมด”
พนักงานออกแบบ เดินตรงมาหาชลนิภา
“ดิฉันลาออกค่ะ”
“ฉันไม่เคยง้อใคร! เก็บของออกไป!”
ชลนิภาตะเพิดส่ง พนักงานคนอื่นๆ เดินเข้ามาหา แล้วยื่นซองลาออกต่อหน้าชลนิภา
“พวกเราขอลาออก!”
ชลนิภาตกใจ “พวกเธอรวมหัวจะเรียกร้องขึ้นเงินเดือน”
“ไม่ใช่ค่ะ พวกเราไม่ต้องการเงินเพิ่ม แต่ต้องการเจ้านายที่ให้เกียรติ พวกเราไม่อยากเป็นทาสที่ทำงานตามสั่ง”
พนักงานทุกคนเดินสวนชลนิภาออกไป ชลนิภาตกใจที่ทุกคนลาออกกันไปหมด
ชลนิภามองไปยังห้องทำงานที่ว่างเปล่า เสียใจ
“บริษัทของฉัน!”
แป๋วทำความสะอาดบ้านอยู่ เห็นชลนิภาเดินเข้ามาก็เข้าไปทักทาย
“คุณชลนิภากลับมาเร็วจัง งานคงราบรื่นลูกน้องดูแลกิจการแทนได้ ปีนี้รายได้คงทะลุเป้านะคะ”
ชลนิภาตวาด “หยุดพูด! พวกมันลาออกหมดแล้ว...มันแข็งข้อกับฉัน บริษัทฉันกำลังเจ๊ง!”
“ใจเย็นๆนะคะคุณผู้หญิง”
“แกไม่ชอบขี้หน้าฉันก็ลาออกไป”
“แป๋วลาออกไม่ได้ค่ะ คุณชนกชนม์ขอร้องให้ช่วยดูแลคุณผู้หญิงค่ะ”
ชลนิภารู้ความจริงเรื่องนี้ก็ตกใจ ท่าทีนิ่งลง แต่ยังเป็นทุกข์เรื่องบริษัท มองไปยังภาพถ่ายครอบครัวที่มีชนกชนม์ ธนกรและชยางกูร
“ไม่มีใครอยู่ช่วยฉัน แล้วฉันจะทำงานยังไง”
ชนกชนม์เข้ามาที่ลานจอดรถ เห็นรถชยางกูรจอดอยู่ รีบเข้าไปด้านใน
ธีรดนย์ตกใจเมื่อรู้ว่า ชยางกูรจับตัวสุตาภัญไป
“ชยางกูรจับตาไป”
“ค่ะ พี่ชนม์กำลังไปช่วย”
“พี่จะไปช่วยตา”
“ภาไปด้วยค่ะ”
“ภาอยู่ที่นี่ดีกว่า พี่ต้องช่วยตาให้ได้”
ธีรดนย์หยิบโทรศัพท์โทร.หาชนกชนม์
“ชนม์ ตอนนี้แกอยู่ไหน?”
ธีรดนย์คุยโทรศัพท์หาชนกชนม์ เพื่อจะตามไปช่วยสุตาภัญอีกแรง
ชยางกูรจับตัวสุตาภัญ วางไว้บนเตียงนอน ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง
สุตาภัญค่อยๆ รู้สึกตัว แต่ไม่มีแรงขยับตัวสู้
“แกจับฉันมาทำไม”
“เธอมันเสน่ห์แรง เสี่ยแก่ๆ มันต้องการตัวเธอ”
สุตาภัญตกใจกลัว มองหาว่าเป็นใคร
“ไม่ต้องกลัว ยังไม่ใช่ตอนนี้ ก่อนจะส่งเธอเข้าหอลงโลงกับมันฉันขอตัดริบบิ้น ไอ้ปรัชญามันต้องกินของเหลือจากฉัน”
ชยางกูรถอดเสื้อขยับเข้าไปหาสุตาภัญ
“อย่านะ...อย่า”
“แหกปากให้ตายก็ไม่มีใครช่วยเธอได้”
ชยางกูรเข้าไปปล้ำอย่างหท่นกระหาย สุตาภัญตัดสินใจกัดคอชยางกูรเต็มเขี้ยว ชยางกูรเจ็บปวด
“โอ๊ยยย ฤทธิ์มากนัก”
ชยางกูรตบฉาดใหญ่ สุตาภัญสลบไป ชยางกูรยิ้มย่อง
“ครั้งก่อนเธอรอดเพราะโชคช่วย แต่วันนี้ เป็นวันของฉัน”
ชยางกูรเข้าปลุกปล้ำสุตาภัญ แต่ประตูถูกกระแทกออก
ชยางกูรหันไปมอง ชนกชนม์วิ่งเข้ามากระชากตัวต่อยชยางกูร...
“ไอ้ชนม์”
ชนกชนม์เข้ามาต่อย ชยางกูรคิดสู้ แต่ชนกชนม์โกรธมาก ต่อยไม่ยั้ง ชยางกูรนอนหมอบคาพื้น ชนกชนม์หยุดต่อย เข้าไปหาสุตาภัญที่นอนสลบ
“ตา”
ชนกชนม์อุ้มสุตาภัญออกจากโรงแรม เจอธีรดนย์วิ่งเข้ามา
“ตา ตาเป็นอะไร”
“ตาสลบไป...ตาปลอดภัยแล้ว”
“เอามาให้ฉัน ฉันพาตากลับเอง”
ชนกชนม์ส่งสุตาภัญให้ ธีรดนย์อุ้มสุตาภัญออกไปด้วยความเป็นห่วง ชนกชนม์มองตาม แล้วนึกโกรธชยางกูร หันตัวเดินกลับไปที่ห้องพัก
ชยางกูรพยายามจะลุกขึ้น แต่แล้วชนกชนม์เข้าไปต่อยซ้ำ
“ฉันเตือนนายแล้วอย่ายุ่งกับตา อย่าทำชั่วอีก”
ชนกชนม์จับชยางกูรขึ้นมาต่อยไม่ยั้ง จนชยางกูรทรุดตัว ชนกชนม์ก็ดึงตัวขึ้นมา
“แกไม่เคยหลาบจำ แกมันชั่วไม่เคยเปลี่ยน”
“ฉันไม่อยากทำ...มันบังคับฉัน”
“ใครบังคับแก?”
“เสี่ยที่บ่อน ฉันเอาเงินไปใช้หนี้มัน แต่มันโกงเพิ่มหนี้แล้วบังคับให้ฉันจับตัวตาไปให้มัน ไม่งั้นมันจะฆ่าฉัน”
ชนกชนม์นิ่งอึ้ง แล้วก็ต่อยชยางกูรล้มลง
“ฉันไม่เชื่อ เลิกโกหกเอาตัวรอดสักที”
“ฉันพูดความจริง” ชนกชนม์เข้าไปขอร้องพูดดีด้วย “พี่ชนม์ เชื่อฉัน ฉันเป็นน้องพี่”
“ทุกครั้งที่นายมีปัญหา ฉันพร้อมช่วยนายเสมอ เพราะฉันเชื่อและหวังว่านายจะกลับตัวกลับใจ แต่นายแสดงให้ฉันเห็นแล้วว่า...เป็นไปไม่ได้”
“ปล่อยฉันไป..ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ฉันพยายามทำดีกับนาย นายไม่เห็นค่า ถ้าฉันทำชั่วกับนาย นายคงจะสำนึกและคิดได้”
ชยางกูรตกใจ “แกจะทำอะไร”
“ฉันจะแจ้งตำรวจให้จับนาย กฎหมายเท่านั้นที่จะลงโทษให้นายสำนึก”
ชยางกูรหน้าซีด ตกใจและหวาดกลัว
ครู่ต่อมา ชนกชนม์เดินออกมาคุยโทรศัพท์กับตำรวจ
“ผู้ร้ายจับผู้หญิงมาข่มขืน อยู่ที่ห้อง...” ชนกชนม์ระบุหมายเลขห้องพัก
ชนกชนม์วางสายแล้ว แล้วหันกลับเข้าไปมองยังห้องพักของโรงแรม น้ำตาไหลพราก เสียใจที่ต้องลงโทษชยางกูร แต่จำเป็นต้องทำ ก่อนจะเดินออกไปจากโรงแรม
ส่วนชยางกูรถูกจับมือมือมัดเท้าด้วยผ้า อยู่บนเตียง
“ไอ้ชนม์ ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน!”
ชยางกูรตะโกนลั่นห้อง คิดหาทางเอาตัวรอด
ฝ่ายชนิกานต์ทำซุปเสร็จ ส่งให้กัณฐิกา
“ซุปผักของเธอ....รับประทานซะ”
ชนิกานต์จะถอดผ้ากันเปื้อนเพื่อเดินออกไป
“ฉันเปลี่ยนใจล่ะ ฉันอยากทานข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ”
“ฉันตำน้ำพริกไม่เป็น...ฉันทำไม่ได้”
“จริงสิ...เมนูนี้ยากไป..งั้นเอาง่ายๆแล้วกัน ขอโรตีมัสมั่นแซลมอน”
“เธอแกล้งฉัน!”
“ทำตามที่ฉันสั่ง! ฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมง”
ชนิกานต์ตกใจ “ครึ่งชั่วโมง”
“ไม่เสร็จเป็นเรื่อง!”
กัณฐิกาขู่พร้อมกับยิ้มหยันแล้วเดินออกไป ชนิกานต์โกรธอยากจะเอาตะหลิวในมือปาใส่ กัณฐิกาหันมา ชนิกานต์เปลี่ยนเป็นไหว้ทันที กัณฐิกายิ้มเย้ยแล้วเดินออกไป
“ยัยแม่มดบ้า! ฉันทำไม่เป็น!”
กฤติย้าเดินเข้าไปขอร้องกัณฐิกา
“แม่เลิกแกล้งนิกกี้เถอะ”
“ใครดีฉันก็ดีชอบ ใครร้ายก็ต้องร้ายหนัก!”
“ถ้านิกกี้ทำอาหารไม่ได้จริงๆล่ะ แม่จะทำไง?”
“ฉันก็จะเพิ่มบทลงโทษให้มันสำนึกว่าการถูกโขกสับเป็นยังไง?”
กัณฐิกามองนาฬิกาแล้วยิ้มเย้ย
“หมดเวลาแล้ว มันยังไม่ทำมา แม่ต้องไปเล่นงานมัน”
ชนิกานต์ถือถาดใส่อาหาร มีฝาครอบมา
“อาหารที่สั่งมาแล้วค่ะ”
กัณฐิกาแปลกใจไม่คิดว่าชนิกานต์จะทำได้ทัน กฤติยาดีใจที่ชนิกานต์ทำสำเร็จ
“เธอเก่งจัง ดูสิ...น่าทานรึเปล่า”
กฤติยาจะเปิดฝาครอบ กัณฐิกาห้ามไว้
“อย่าเปิด! มันอาจใส่กบคางคกมาแกล้งฉัน!”
ชนิกานต์พูดเสียงหวาน “กรุณาเอาความคิดตัวเองมาคิดแทนนิกกี้สิคะ นี่ค่ะ”
ชนิกานต์เปิดฝาครอบ กัณฐิการะวังตัวแจ
อาหารในถาด คือโรตี มัสมั่นแซลมอน
“เป็นไปได้ไง”
“คนสวยทำอะไรก็ได้ค่ะ โอเคนะคะ”
“ฉันไม่เชื่อ เธอไม่ได้ทำเอง”
“ค่ะ นิกกี้ไม่ได้ทำ นิกกี้ไปซื้ออาหารแช่แข็งหน้าหมู่บ้านมาเวฟ จบไหมคะ”
กัณฐิกาไม่พอใจ “เธอผิดคำสั่ง ฉันต้องลงโทษ”
ชนิกานต์โวยกลับ “อยากกินฉันก็หาให้กิน อย่าเรื่องมาก”
“เธอกล้าด่าฉัน!”
ชนิกานต์นึกได้ก็ตกใจ “ฉันขอโทษ”
“ไม่อยากให้ฉันเอาเรื่อง ก็ทำงานไถ่โทษ!”
ชนิกานต์เซ็งที่ถูกทำโทษ กฤติยาแปลกใจว่ากัณฐิกาจะให้ทำอะไร
ส่วนสุตาภัญนอนอยู่บนเตียงในห้องพักที่อพาร์ทเม้นต์ ค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตาตื่น
“ตา”
สุตาภัญเห็นธีรดนย์ก็ดีใจ
“ตาปลอดภัยแล้วนะครับ”
“ธี”
สุตาภัญโผเข้ากอดธีรดนย์ทันที ร้องไห้ดีใจที่รอดมาได้
“ไม่ต้องร้องนะครับ ผมอยู่กับตา ตาไม่ต้องกลัว”
ชนกชนม์ยืนอยู่หน้าห้อง เห็นภาพเหตุการณ์ ก็ไม่อยากเข้าไป ตัดสินใจเดินออกไป สุรัมภาเห็นชนกชนม์ แปลกใจที่ชนกชนม์เข้ามาในห้อง
ขณะที่ชนกชนม์จะเดินออกไป สุรัมภามาเรียกไว้
“พี่ชนม์ขึ้นไปหาพี่ตาสิคะ พี่ตาคงดีใจที่รู้ว่าพี่ชนม์ไปช่วยไว้”
“อย่าเลย ตาไม่อยากเห็นหน้าพี่หรอก แล้วอีกอย่าง มีธีคอยดูแล ตาคงมีความสุข” ชนกชนม์จะเดินออกไป
“แล้วพี่ชนม์จะไปไหน”
“ไปในที่ที่เหมาะกับคนไม่รักดี คนเลวอย่างพี่”
สุรัมภาจับมือชนกชนม์ “ภาเป็นห่วงพี่นะคะ”
“ขอบใจมากภา...พี่จะจดจำไว้ ในวันที่พี่ไม่มีใคร” ชนกชนม์ลูบหัวสุรัมภาเบาๆ “ยังมีผู้หญิงคนนี้รักและเป็นห่วงพี่”
สุรัมภาฟังแล้วรู้สึกดี
“พี่ฝากดูแลตาด้วยนะ...รักพี่สาวคนนี้ให้มากๆ”
ชนกชนม์ยังคงฝากความห่วงใยถึงสุตาภัญ สุรัมภารู้สึกเศร้าใจ ที่ชนกชนม์รักสุตาภัญมาก
สุรัมภาฝืนยิ้มให้ ชนกชนม์เดินออกไป สุรัมภามองด้วยความเศร้าใจ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนหน้าห้องมองเลขที่ห้องพัก ตรงตามที่ชนกชนม์แจ้งไว้
“ห้องนี้ที่พลเมืองดีแจ้งไว้!”
ตำรวจมองหน้ากันแล้วผลักประตูเข้าไป แต่ภายในห้อง ไม่มีใคร นอกจากเศษผ้าที่กองอยู่และเศษแจกันแตก ตำรวจแปลกใจ
ที่แท้ชยางกูรเดินก้มหน้า เพื่อหลบหนีออกจากโรงแรม นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ชยางกูรดิ้นหนี มองเห็นแจกันบนโต๊ะ จึงดิ้นปัดมือที่ถูกมัด แจกันตกพื้นแตกกระจายชยางกูรดิ้นลงมาที่พื้น คลานเข้าไปหยิบเศษแจกันตัดผ้าที่มืดมือ ชยางกูรเอาเศษแจกันมาตัดผ้าที่เท้า
ชยางกูรเดินมาหน้าโรงแรม เงยหน้าขึ้นด้วยความแค้นชนกชนม์
“ไอ้ชนม์! แกประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉัน!”
ชยางกูรคิดแก้แค้นชนกชนม์อย่างสามสม
ชนิกานต์เดินมาถือสายน้ำ รดต้นไม้
“ฉันไม่น่าพลาดเลย ต้องมาทำงานตามยัยแม่มดสั่ง”
กัณฐิกาเข้ามาต่อว่า
“นินทาอะไร!”
“เปล่า”
“เป็นไง พอจะสำนึกรึยังว่าการถูกกดขี่ห่มเหงมันรู้สึกยังไง”
“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย สนุกจะตาย มีความสุ๊ขความสุข!”
ชนิกานต์แสร้งตีหน้าสุข ทั้งๆ ที่ใจทุกข์มาก
“เหรอจ๊ะ งั้นรดน้ำเสร็จไปปัดกวาดเช็ดถูห้องนอนฉัน!”
ชนิกานต์ตกใจ “ไม่นะ”
“น้อยไป? งั้นไปล้างรถ ขัดห้องน้ำ ซักผ้าม่านด้วย!”
กัณฐิกาเย้ยชนิกานต์ จะเดินออกไป ชนิกานต์เจ็บใจ เหลืออด ฉีดน้ำใส่กัณฐิกา
“ว้าย...แกแกล้งฉัน!”
“ขอโทษค่ะ นึกว่าต้นไม้!”
กัณฐิกามองเสื้อผ้าตัวเองด้วยความโมโห “ต้นไม้บ้านแกสิสีแดง!”
“ต้นไม้ที่ออกดอกไงคะ ดอกเต็มต้น”
กัณฐิกาโกรธจนตัวสั่น “แก”
“ดอกกำลังเหี่ยว....ต้องรดน้ำให้มากๆ”
ชนิกานต์ฉีดน้ำใส่อีก กัณฐิกาตกใจถลันเข้าไปปัดแย่ง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
กฤติยาเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ รีบวิ่งเข้าไปห้าม
“นิกกี้ หยุดเถอะ”
ชนิกานต์นึกสนุกฉีดน้ำใส่อีก กัณฐิกาเข้าไปปัดสายฉีด ดันตัวชนิกานต์ออก ชนิกานต์หัวเราะชอบใจ กัณฐิกาผลักชนิกานต์ออกไป ชนิกานต์ล้มลง หัวไปกระแทกกระถางต้นไม้เต็มๆ
“โอ๊ย”
กัณฐิกาตกใจไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจะเข้าไปดูแล
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
กฤติยาเข้าไปประคองชนิกานต์ลุกขึ้น ชนิกานต์เอามือจับที่หัว มีเลือดติดมือมา
“เลือด!”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เข้าบ้านฉันทำแผลให้”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “ไม่ต้องยุ่ง! คุณพ่อกลับมาฉันจะฟ้องว่าแกจะฆ่าฉัน”
ชนิกานต์โกรธกัณฐิกามาก กฤติยาเป็นห่วง รีบตามไปดูแล
คืนนั้นชนกชนม์นอนเมายา ข้างตัวมีหลอดยาวางอยู่ ชนกชนม์นอนร้องไห้...เสียใจ
ฝ่ายธีรดนย์บอกสุตาภัญ
“ตาอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย....ตากับอยู่ที่อื่นเถอะ”
“ตาย้ายไปไม่ได้หรอก ค่าเช่าที่อื่นแพงมาก ตาต้องประหยัด”
“ธีมีเงินก้อนที่ได้จากคุณท่าน ธีจะเช่าบ้านให้ตากับน้องอยู่”
“เก็บเงินธีไว้เถอะ ตาพอขายของหาเงินได้”
“งั้นธีจะมาหาตาดูแลตาทุกวัน...ธีเป็นห่วงตามากนะ”
สุตาภัญยิ้มดีใจที่ธีรดนย์คอยดูแล สุรัมภาเดินเข้ามาบอกสุตาภัญ
“พี่ชนม์ก็ห่วงพี่ตานะคะ”
“พี่บอกแล้วไงภา เลิกพูดถึงเขา”
“ภาไม่พูดไม่ได้ค่ะ พี่ตาต้องรู้ว่าพี่ชนม์เป็นคนไปช่วยพี่ตา”
สุตาภัญแปลกใจ “อะไรกัน ก็ธีช่วยพี่ออกมา”
“พี่ธีบอกความจริงสิคะ ใครช่วยพี่ตา”
สุตาภัญมองธีรดนย์รอฟัง ธีรดนย์จึงบอกความจริง
“ผมตามไป....ชนม์ช่วยตาไว้ได้แล้ว”
สุตาภัญแปลกใจที่รู้ว่าชนกชนม์ไปช่วยเธอ
“พี่ชนม์ห่วงพี่ตามาก แล้วก็มาบอกลา พี่ตาควรไปหาพี่ชนม์นะคะ”
สุตาภัญเริ่มกังวลใจ แต่ธีรดนย์เป็นห่วงสุตาภัญ
“ดึกแล้ว ตาควรพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยไปขอบใจชนม์...ธีพาไปเอง”
สุตาภัญมองธีรดนย์ พยักหน้ารับ สุรัมภาผิดหวังที่สุตาภัญไม่ไปดูแลชนกชนม์
ส่วนที่ตึกร้างชนกชนม์นอนเมายา
“ไอ้เดช แกอยู่ไหน..ฉันคิดถึงแก แกมารับฉันไปอยู่กับแกด้วย”
ชนกชนม์นอนร้องไห้คร่ำครวญเรียกหาสุรเดช
สุตาภัญนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงชนกชนม์ ในที่สุดสุตาภัญตัดสินใจลุกขึ้น มองสุรัมภาที่นอนหลับพลิกตัวไปอีกด้าน สุตาภัญตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง
สุรัมภาพลิกตัวหันกลับมา ยิ้มดีใจที่สุตาภัญไปหาชนกชนม์
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 17 (ต่อ)
กฤติยาทำแผลให้ชนิกานต์เสร็จ เป็นแผลไม่แตกจึงไม่ได้ตกอกตกใจมาก
“ไม่ถึงกับแตก แค่เป็นแผลนิดหน่อย..ไม่ต้องเย็บ”
“ฉันจะแจ้งตำรวจให้จับมันข้อหาทำร้ายฉัน!” ชนิกานต์ฮึดฮัด
“นิกกี้...ฉันขอนะ เลิกแก้แค้นเอาคืนน้าฉันเถอะ น้ากัณไม่ได้ตั้งใจ”
“ทำหัวฉันแตก เนี่ยนะไม่ได้ตั้งใจ ฉันต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย พ่อเธอรู้เรื่องนี้ ก็ต้องรู้เรื่องนั้น” กฤติยาเตือนสติ
ชนิกานต์เจ็บใจตัวเอง “ฉันไม่น่าพลาดเลย”
“ฉันจะพูดให้น้าเลิกแกล้งเธอ ไม่ขู่เธออีก!”
กฤติยาเดินออกไปจากห้องชนิกานต์ยังคงโกรธกัณฐิกา
“ยังไงมันก็ต้องไหว้ขอโทษฉัน”
ชนิกานต์แค้นจัด ตัดสินใจจะไปเอาเรื่องกัณฐิกา
กัณฐิกายืนรอด้วยความเป็นห่วงอาการชนิกานต์ กฤติยาเดินเข้ามา
“ยัยคุณหนูเป็นไงบ้าง”
“มีแผลนิดหน่อยค่ะ” กฤติยาบอก
“แค่เนี๊ย! ทำสำออยโวยวายยังกะต้องเย็บเป็นร้อยเข็ม”
“แม่..แอนขอล่ะ เลิกแกล้งนิกกี้ได้แล้ว”
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แค่ลงโทษให้สำนึกบ้าง”
“นิกกี้สำนึกผิดแล้ว ต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่กวนใจกันนะแม่”
ชนิกานต์ที่เดินตามเข้ามาจะเอาเรื่องหยุดที่มุมหนึ่ง ได้ยินก็นิ่งอึ้ง แอบฟังต่อ
“แม่เคยสัญญากับแอน ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ตามประสาแม่ลูกไงจ้ะ...แม่จำได้ไหม”
ชนิกานต์ยืนฟังก็ยิ่งตกใจ
“แม่ไม่ลืมสัญญาหรอก...แม่ทำเพื่อลูกได้เสมอ”
กัณฐิกาเข้าไปสวมกอดกฤติยา
ชนิกานต์เดินเข้ามาหา 2 คน
“แกหลอกฉัน”
กัณฐิกาและกฤติยาตกใจมาก
“นิกกี้”
ชนิกานต์รีบเดินออกไป กัณฐิกาวิ่งตามไปทันที กฤติยาเป็นห่วง
ชนกชนม์เดินโซเซด้วยอาการเมายา ตรงไปยังขอบตึกร้าง ชนกชนม์เดินไปยืนที่ขอบตึก สุตาภัญวิ่งเข้ามาหา
“หยุดนะ”
ชนกชนม์หันกลับไปมองสุตาภัญ แปลกใจ
“นายจะทำอะไร”
“ฉันเป็นลูกเทวดา ฉันจะบินกลับสวรรค์!”
ชนกชนม์หันกลับไป สุตาภัญตกใจ วิ่งเข้าไปกระชากตัวชนกชนม์ออกมา ทั้งสองคนล้มลง
ชนกชนม์ลุกขึ้น สุตาภัญต่อว่าชนกชนม์
“นายเป็นบ้าอะไร”
“เธอนั่นแหละที่บ้า!”
“ก็นายคิดสั้น”
ชนกชนม์หัวเราะเยาะใส่ “ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอก ฉันแค่แกล้งเธอ ในเมื่อไม่มีใครรักฉัน ฉันก็ต้องรักตัวเอง ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมครับคุณสุตาภัญ”
ชนกชนม์เดินตรงออกไป สุตาภัญมองตาม
ชนกชนม์เดินมาหยิบหยอดแก้วและไฟแช็ค สุตาภัญเข้ามาจะแย่ง แต่ชนกชนม์ผลักออก
“รักตัวเองด้วยการเสพยาทำลายตัวเอง”
“แล้วจะให้ฉันทำไง ฉันไม่มีใคร ฉันอยู่ได้เพราะมัน มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”
สุตาภัญไม่พอใจ เข้าไปกระชากของมาถือไว้
“มันดีที่สุดงั้นเหรอ”
“เธอทำอะไร”
“นายบอกว่ามันดี ทำให้นายมีความสุข ฉันก็อยากมีความสุขบ้าง”
สุตาภัญจุดไฟแช็ค เอาไฟจะจ่อที่หลอด ชนกชนม์เข้าไปแย่ง แล้วโยนหลอดทิ้งตกพื้นแตก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
สุตาภัญร้องไห้ไปพูดไป “นายมาขัดความสุขฉันทำไม ฉันเองก็มีความทุกข์ ทุกข์ที่ต้องเห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันไม่เคยมีความสุขเลยที่เห็นนายติดยา เลิกเถอะ ฉันขอร้อง ไม่ต้องเลิกเพื่อฉัน แต่เลิกเพื่อคนที่รักนาย พ่อแม่นาย แล้วก็ตัวนายเอง”
ชนกชนม์ทรุดตัวร้องไห้ “ฉันพยายามแล้วนะ ฉันเลิกไม่ได้ ฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้!”
สุตาภัญนั่งลง บอกชนกชนม์
“ฉันจะช่วยนาย ฉันจะเป็นกำลังใจให้นาย ฉันจะอยู่เคียงข้างนาย จนถึงวันที่นายหยุดยาได้”
ชนกชนม์มองสุตาภัญร้องไห้โฮออกมาอย่างตื้นตัน เช่นเดียวกับสุตาภัญโผเข้ากอดให้กำลังใจ สองคนกอดกันกลมร้องไห้โฮอยู่ตรงตึกร้างนั้น
ชนิกานต์เดินหนีเร็วรี่ มีกัณฐิกาวิ่งตามเข้ามาแก้ตัว
“เธอกำลังเข้าใจฉันผิด!”
ชนิกานต์พูดใส่หน้า “เลิกสตรอเบอรี่!! หยุดโกหกว่าเป็นแม่ลูกบุญธรรมได้แล้ว! ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าเธอเป็นแม่ลูกกัน!”
กัณฐิกาตะแบง “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ไม่เชื่อถามยัยแอนสิ จริงไหมหลาน”
กฤติยาบอกชัดๆ “เราสองคนเป็นแม่ลูกกัน!”
กัณฐิกาตกใจ “ยัยแอน”
กฤติยาหันมาทางแม่ “พอเถอะค่ะแม่ แอนเหนื่อยที่ต้องโกหกแล้ว”
“แม่บอกแล้วไงว่าให้คุณณวัตรรู้เรื่องนี้ไม่ได้!”
“สายไปแล้วล่ะ ฉันจะโทรศัพท์บอกคุณพ่อ! ให้คุณพ่อมาหย่าแล้วเฉดหัวพวกแกออกไปจากบ้านฉัน!”
ว่าแล้วชนิกานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดหาณวัตร
กัณฐิการีบแก้ปัญหา “โทร.เลย...ฉันจะได้บอกว่าเธอได้เสียกับคนใช้ในบ้าน”
ชนิกานต์ฉุนขาด “อย่ามาขู่ฉันนะ!”
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันพูดจริง อย่างมากฉันกับลูกก็หาที่อยู่ใหม่ แต่เธอคงโดนหนัก และที่สำคัญ...ธีรดนย์ชายคนรักต้องถูกจับเข้าคุก หรือไม่ก็ถูกไล่ออกจากบ้านนี้ เธอไม่มีวันได้เห็นหน้าธีรดนย์อีก!”
ชนิกานต์หน้าเสีย ตกใจ และกลัวขึ้นมาทันที
“คนฉลาดรู้ดีว่าต้องทำยังไง แลกกันหมัดต่อหมัด แกเสียฉันเสีย แกได้ฉันได้!”
“แกเอาไง”
“เอาเรื่องของฉันกับเธอใส่โลงฝังกลบดินซะ ทุกอย่างจบ”
กัณฐิกายื่นข้อเสนอชนิกานต์...ชนิกานต์ไม่มีทางเลือกอื่น
“ยัยแม่มด!”
ชนิกานต์หัวเสียเดินออกไป
กัณฐิกาโล่งใจที่หาทางเอาตัวรอดได้ หันไปโวยวายใส่กฤติยา
“แกก็ต้องหยุดพูดเรื่องนี้...ห้ามพูดเรื่องนี้อีกเข้าใจไหม”
“ค่ะ”
กัณฐิกาน้ำตาไหล แทบหมดแรงยืน โล่งอกเมื่อสามารถต่อรองกับชนิกานต์ได้สำเร็จ
เวลาผ่านไป เช้าวันหนึ่ง ตรงมุมหนึ่งของอพาร์ตเม้นท์ ชนกชนม์ยืนรออยู่ สุตาภัญเข้ามาบอกชนกชนม์ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หมดห่วงเรื่องคดียาเสพติดแล้วนะ”
“ขอบใจเธอมาก ที่บอกคุณพ่อฉันให้มาเป็นธุระจัดการเรื่องคดี...รวมทั้งเป็นพยานให้ฉัน”
“ก็นายบริสุทธิ์นี่นา ตำรวจเองก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้”
สุตาภัญยิ้มให้ชนกชนม์
“บอกฉันได้ยังเนี่ย...จะพาฉันไปไหน”
“ไปในที่ที่ดีสำหรับนาย”
ชนกชนม์มีสีหน้ากังวลใจ
“ฉันไม่พานายไปขึ้นเขียงหรอกน่า...ไปได้แล้ว”
ชนกชนม์ก้มหยิบเป้ขึ้นมาสะพาย แล้วเดินไปกับสุตาภัญ โดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน?
ส่วนที่คฤหาสน์ณวัตร ขณะที่ธีรดนย์กำลังจะออกจากบ้าน..ชนิกานต์เข้ามา
“ฉันไปด้วย!”
ธีรดนย์อ้าปากจะห้าม
ชนิกานต์สวนขึ้น “ไม่ต้องห้าม ฉันเป็นเพื่อนชนม์ ฉันอยากไปหาเขา”
“ไม่ได้ว่าไรสักหน่อย ไปก็ไปสิ!”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่ธีรดนย์ยอมให้ไปด้วย กฤติยาเข้ามา บอกชนิกานต์
“นิกกี้ ฉันไปด้วยคนนะ”
“ฉันไม่ร่วมเดินทางกับพวกสิบแปดมงกุฎ”
ชนิกานต์เดินนำออกไปที่ด้านหน้าคฤหาสน์ ธีรดนย์หันไปบอกกฤติยา
“ไปสิ..อย่าไปสนใจยัยนิกกี้เลย”
“อย่าดีกว่า ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ ฝากบอกพี่ชนม์ด้วยนะ ฉันเป็นกำลังใจให้”
ธีรดนย์ยิ้มรับ ชนิกานต์เดินกลับเข้ามาโวย
“คุยกับเด็กเลี้ยงแกะเดี๋ยวก็ติดเชื้อหรอก”
ธีรดนย์เดินออกไป ชนิกานต์มองดุกฤติยา ยังโกรธที่กฤติยาโกหกเรื่องแม่ลูก
กฤติยามองตาม รู้สึกผิดที่ทำให้ชนิกานต์ไม่พอใจ
ที่แท้สุตาภัญเดินนำชนกชนม์เข้ามาบริเวณศูนย์บำบัด ผู้เสพยาเสพติด
“เข้ามาสิ”
ชนกชนม์เดินเข้ามา มองไปด้านหน้า เห็นเป็น ศูนย์บำบัดยาเสพติดบ้านพิชิตใจ
“ที่นี่เป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด บ้านพิชิตใจ จะช่วยทำให้นายเลิกยาเสพติดได้ นายพร้อมจะรับการบำบัดรึยัง”
“พร้อมสิ ฉันอยากกลับไปเป็นชนกชนม์คนเดิม”
สุตาภัญยื่นมือให้ ชนกชนม์จับมือสุตาภัญ แล้วเดินเคียงกันเข้าไปที่ศูนย์บำบัดอย่างมุ่งมั่น
ธีรดนย์กับชนิกานต์รู้เรื่องจากสุรัมภาก็แปลกใจที่สุตาภัญพาชนกชนม์ไปศูนย์บำบัด 3 คนคุยกันอยู่ตรงใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์
“ชนม์ไปที่ศูนย์บำบัด? แล้วคดีความที่ตำรวจตามจับตัวล่ะ” ธีรดนย์ถาม
“พี่ชนม์เข้ามอบตัวแล้ว ตำรวจปิดคดีว่าพี่ชนม์ไม่มีความผิดค่ะ” สุรัมภาบอก
“แต่ชนม์ติดยา ไม่ต้องติดคุกเหรอ” ชนิกานต์สงสัย
“ผู้เสพถือเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่นักโทษ ต้องได้รับการบำบัดรักษาค่ะ” สุรัมภาว่า
“ตาก็เลยพาชนม์ไปบำบัด” ธีรดนย์ถาม
“ค่ะ” สุรัมภาพยักหน้า
ธีรดนย์บอกชนิกานต์ “เรารีบตามไปเยี่ยมชนม์เถอะ”
จู่ๆ ชนิกานต์ทำสีหน้าแปลกๆ รู้สึกวิงเวียนคลื่นไส้ แล้ววิ่งออกไปอาเจียนที่มุมหนึ่ง
สุรัมภาตกใจ “พี่นิกกี้!”
ธีรดนย์แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ชนกชนม์เดินเข้ามาหาสุตาภัญตรงมุมหนึ่งในศูนย์บำบัด ภายหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
สุตาภัญยิ้มให้กำลังใจ “นายต้องอดทนนะ ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน แต่ที่นี่มีเพื่อนเยอะ เจ้าหน้าที่ก็ใจดี มีกิจกรรมกลุ่มให้นายได้ร่วมแลกเปลี่ยน รวมทั้งกิจกรรมฝึกอาชีพ สันทนาการ มันจะช่วยให้นายมีจิตใจที่เข้มแข้ง และเลิกยาได้”
ชนกชนม์กังวลใจ “ถ้าฉันท้อ...แล้วเลิกกลางครันล่ะ”
สุตาภัญยิ้ม พูดให้กำลังใจอีก “ฉันเชื่อว่านายทำได้”
ชนกชนม์มองไปยังศูนย์ ภายในใจยังไม่เชื่อมั่นนัก ยังมีความกังวลใจ
“เธออย่าทิ้งฉันนะ”
“ทิ้งกันได้ไง... มันเป็นหน้าที่ของนางฟ้า”
สุตาภัญยิ้มให้แรงใจชนกชนม์
“ฉันกลับแล้วนะ”
ชนกชนม์ยิ้มให้ สุตาภัญโบกมือลา แล้วเดินไป ชนกชนม์หันกลับไปมองยังศูนย์ นึกหวั่นใจ ไม่รู้ว่าตนจะทำสำเร็จหรือไม่
ชนิกานต์ออกจากห้องน้ำในห้องพักของสุตาภัญ สุรัมภาส่งผ้าขนหนูให้เช็ด
“พี่นิกกี้ปวดหัวรึเปล่าคะ” สุรัมภาถามอาการ
“ไม่อ่ะ...จู่ๆมันก็คลื่นไส้” ชนิกานต์ว่า
“คงจะเครียด คนที่เครียดมากๆ โรคเครียดลงกระเพาะ ทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้”
ชนิกานต์เห็นด้วย “น่าจะใช่ ช่วงนี้พี่นอนไม่ค่อยหลับ”
ธีรดนย์เข้ามาเรียกชนิกานต์
“ไปได้ยัง เดี๋ยวก็หมดเวลาเยี่ยมหรอก”
ชนิกานต์ขอร้อง “ธี...ฉันไม่ไหว”
ธีรดนย์ไม่พอใจ “อะไรกัน! ฉันตั้งใจจะไปรับตากลับด้วย”
ชนิกานต์โวยใส่ “ก็ฉันไม่ไหวจะให้ทำไงล่ะ”
สุรัมภาออกความเห็น “พี่ธีคะ พาพี่นิกกี้ไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวอาการจะหนักกว่าเดิมนะคะ”
ธีรดนย์เซ็ง แต่ไม่มีทางเลือก จำต้องพาชนิกานต์กลับไปบ้าน..
“ฝากบอกตาด้วยนะ พี่มาหา”
“ค่ะ” สุรัมภายิ้มลา
ชนิกานต์หึงไม่พอใจนักที่ธีรดนย์ออกอาการห่วงใย และอยากเจอสุตาภัญเอามากๆ
ธีรดนย์เดินนำออกไปไม่สนใจ ชนิกานต์รีบตามไป สุรัมภาเข้าใจ และสงสารชนิกานต์
ชลนิภารู้สึกตัว แป๋วเข้าไปดูแลใกล้ๆ
“คุณผู้หญิงไม่ต้องเครียดนะคะ ค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้...นี่ถ้าคุณธนกรกับคุณชนกชนม์อยู่ ช่วยคุณหญิงได้มากเลยค่ะ”
แป๋วพูดถึงธนกรและชนกชนม์ ชลนิภามองดุ แป๋วรีบหยุดพูดทันที
“ลูกกูรกลับมารึยัง”
“กลับมาแล้วค่ะ”
ชลนิภาดีใจ
แป๋วบอกต่อ “กำลังจะออกไปอีก”
ชลนิภาแปลกใจว่าชยางกูรจะออกไปไหน รีบออกจากห้องไปทันที
ชยางกูรถือกระเป๋าเดินทาง รีบร้อนจะออกไปจากบ้าน ชลนิภาเข้ามาหา
“ลูกกูร ลูกจะไปไหน”
ชยางกูรหันมาเจอชลนิภาก็ตกใจเล็กน้อย รีบเข้าไปโกหก
“กูรต้องไปออกค่ายที่ต่างจังหวัดครับ”
ชลนิภาแปลกใจ “ออกค่าย! ไหนลูกบอกว่าใกล้สอบ”
ชยางกูรทำเป็นน้อยใจ “คุณแม่ไม่เชื่อใจกูรเหรอครับ”
“แม่แค่แปลกใจ...ลูกไม่ไปได้ไหม แม่อยากให้ลูกอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“ไม่ได้ครับ...คุณแม่ครับ...กูรขอเงินห้าแสน”
“เอาไปทำอะไรตั้งห้าแสน”
ชยางกูรปะเหลาะ “กูรรับปากกับอาจารย์ว่าคุณแม่จะเป็นสปอนเซอร์ให้ค่าย”
“จ้ะ”
ชยางกูรออกไปจากบ้าน ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ชลนิภาเดินออกมามอง แปลกใจ ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา
“อาจารย์คะ ที่คณะจัดค่ายอาสารึเปล่าคะ?” ชลนิภาฟังแล้วตกใจ “อะไรนะ ไม่มีการจัดค่าย! แค่นี้นะคะ”
ชลนิภารีบวางสายทันที ตกใจ เสียใจที่ชยางกูรโกหก
“ลูกกูรไปไหน ทำไมต้องโกหกแม่?”
แป๋ววิ่งเข้ามา อาการตื่นกลัว “คุณผู้หญิงคะ ตำรวจมาค่ะ”
ชลนิภาตกใจและสังหรณ์ใจที่ตำรวจมาที่บ้าน
ฝ่ายธีรดนย์ต่อว่าชนิกานต์ขณะเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์
“เธอมันตัวปัญหา ทำให้ฉันอดไปเยี่ยมชนม์!
“ไม่ต้องเอาชนม์มาอ้าง นายตั้งใจไปหายัยตา!”
“ฉันจะไปหาใครมันก็เรื่องของฉัน!”
ชนิกานต์ไม่พอใจ จะโวยวายต่อ กฤติยาเดินเข้ามา เห็นทั้งสองกลับมาเร็วก็แปลกใจ
“ทำไมกลับมาเร็วจัง”
“นิกกี้ป่วย ฉันเลยต้องพากลับมา” ธีรดนย์ว่า
กฤติยาเดินเข้าหาชนิกานต์ “นิกกี้เธอเป็นอะไรมากไหม ไข้ขึ้นรึเปล่าฉันจะหายาให้”
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน เอามือสกปรกของเธอออกไป!”
กฤติยารีบชักมือออก ชนิกานต์เดินขึ้นบันได เพื่อหนีขึ้นห้อง แต่เดินไปได้เล็กน้อย..รู้สึกวิงเวียน จะเป็นลม
กฤติยามองอยู่ ตกใจ “นิกกี้”
ชนิกานต์จะเป็นลมล้มลง ธีรดนย์วิ่งเข้าไปประคองไว้ได้
“รีบพาขึ้นห้องเถอะ”
ชนิกานต์นอนหลับอยู่บนเตียง ธีรดนย์ยืนมอง จะเดินออกไป กฤติยาหันไปบอกธีรดนย์
“ช่วยห่มผ้าให้นิกกี้หน่อยสิ”
ธีรดนย์จำใจต้องทำตามกฤติยาบอก ห่มผ้าให้ชนิกานต์
“นิกกี้ตื่นมา นายน่าจะพาไปให้คุณหมอตรวจว่าเป็นโรคอะไร”
“จะโรคอะไรก็คงสำออย ขวางทางไม่ให้ฉันเจอตา..ฉันไปก่อนนะ”
ธีรดนย์จะเดินออกไปจากห้อง กฤติยาเข้าไปขอร้อง
“นายน่าจะอยู่ดูแลนิกกี้ นิกกี้ต้องการนาย”
“ฉันจำคำพูดของเธอได้...ถ้าไม่รักอย่าให้ความหวัง มันจะทำให้เจ็บยิ่งกว่าเดิม ฉันกลับไปคบกับตาแล้ว”
กฤติยารู้สึกเจ็บแปลบในใจ แต่ไม่แสดงออก
“นายไปเถอะ ฉันดูแลนิกกี้เอง”
ธีรดนย์ยิ้มให้กฤติยา แล้วเดินออกไปจากห้อง
กฤติยาหันไปจับมือชนิกานต์ เข้าใจความรู้สึกของชนิกานต์และตัวเธอเอง
“รักเขาข้างเดียว มันก็ต้องเจ็บอย่างนี้ละ”
ชลนิภาถามตำรวจท่าทีตกใจ
“คุณตำรวจมีเรื่องอะไรคะ”
“มีคนแจ้งความว่าลูกชายคุณก่อคดีข่มขืน!” ตำรวจบอก
ชลนิภาตกใจ แต่คิดว่าเป็นชนกชนม์ “ชนกชนม์”
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงนายชยางกูร”
ชลนิภาตกใจ “ลูกกูร”
“นางสาวสุตาภัญเป็นผู้เสียหาย นายชนกชนม์ให้การเป็นพยาน ผมต้องการตัวนายชยางกูรไปสอบสวน หากมีความผิดจริง ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามข่มขืนชำเรา มีโทษจำคุก 4 - 20 ปี” ตำรวจแจ้งข้อหา
ชลนิภาตกใจเมื่อรู้ว่าตำรวจตามจับชยางกูร
ส่วนสุรัมภานั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง หยิบสร้อยของชนกชนม์ขึ้นมา มองภาพครอบครัวชนกชนม์...
“พี่ชนม์ต้องสู้ ผ่านมันไปให้ได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่พี่ รอลูกชายแสนดีกลับบ้าน”
สุรัมภายิ้มให้กับภาพครอบครัวของชนกชนม์
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงสุตาภัญ
“ภา...พี่กลับมาแล้วจ้ะ”
สุรัมภาตกใจ รีบเก็บสร้อยซ่อนไว้ทันที
“แป๊บนึงค่ะ”
ประตูห้องเปิดออกสุตาภัญเดินเข้ามาในห้อง..
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“นั่งอ่านหนังสือรอพี่ตานะสิ พี่ตา...พี่ชนม์เป็นยังไงบ้างคะ”
สุตาภัญแกล้งทำสีหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีเดินเลี่ยงไป
“ภาต้องเข้มแข็งนะ คือว่าพี่ชนม์”
สุรัมภาน้ำตาไหล กลัวเกิดเรื่องไม่ดี
สุตาภัญยิ้มเผล่ “พี่ชนม์สบายดีจ้า” แล้วหัวเราะร่า สุรัมภาเซ็งที่โดนอำ
“พี่ตาอ่ะ”
“น้องสาวใครน้อหน้าไม่อาย ร้องไห้โยเยยังกะเด็ก”
“ก็ภารักและเป็นห่วงพี่ชนม์นี่”
สุตาภัญได้ยินสุรัมภาพูด ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
“พี่ขอโทษนะ ...เล่นแรงไปหน่อย”
สุรัมภายิ้มแย้ม “พี่ชนม์โอเค ภาก็ดีใจแล้ว...พี่ตาคิดว่าพี่ชนม์จะเลิกยาได้ไหมคะ”
“ต้องได้สิ ได้กำลังใจที่ดีจากทุกคน...และน้องสาวคนสวยคนนี้”
สุตาภัญโอบกอดสุรัมภา มั่นใจว่าชนกชนม์จะต้องเลิกยาเสพติดได้
เช้าวันต่อมาภายในห้องนอนที่ศูนย์บำบัดใหม่ เสียงกริ่งดังขึ้น เพื่อนในห้องลุกขึ้น ปลุกชนกชนม์
“ตื่นได้แล้วเพื่อน”
“ฉันยังง่วงอยู่เลย” ชนกชนม์ว่า
ชนกชนม์พลิกตัวนอนต่อ เพื่อนดึงผ้าห่มออก
“ถึงเวลาเก็บกวาดห้อง ไปทำกิจกรรมแล้ว”
ชนกชนม์จำต้องลุกขึ้นมา สีหน้าไม่พอใจนัก ที่ต้องตื่นเช้า
ชนกชนม์นั่งอยู่คุยเป็นวงกลมกับเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ ที่ติดยา ทุกคนแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องติดยา เล่าเรื่องของตัวเอง พอถึงช่วงที่ชนกชนม์เล่า ชนกชนม์เล่าสั้นๆ
ชนกชนม์นั่งกินข้าว เพื่อนนั่งกินอย่างอร่อย แต่ชนกชนม์รู้สึกเบื่ออาหาร กินไม่ลง
เพื่อนๆ เตะฟุตบอลกันอย่างสนุก ชนกชนม์นั่งมองด้วยความเซ็ง เกิดอาการเสี้ยนยาขึ้นมาวิ่งเข้ามาในห้องน้าเหงื่อแตกเต็มหน้า
ชนกชนม์เข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวราดน้ำรดใส่ตัว แล้วร้องไห้ด้วยความทรมาน
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 17 (ต่อ)
ทางด้านชนิกานต์เดินลงบันได เข้ามาที่ห้องโถง กฤติยาเข้าไปถามไถ่อาการอย่างห่วงใย
“เช้านี้เป็นไงบ้าง ปวดหัว คลื่นไส้อีกรึเปล่า”
ชนิกานต์ไม่พูดกับกฤติยา เดินหนีไป
“ฉันต้องทำยังไง เธอถึงหายโกรธฉัน”
“ฉันไม่มีวันให้อภัยเพื่อนทรยศ โกหกหลอกลวง”
“ฉันอยากให้เธอเข้าใจฉัน...สวมบทบาทเป็นฉันบ้าง”
ชนิกานต์ด่า “เพ้อเจ้อ” แล้วจะเดินออกไป
กฤติยาพูดต่อ “วันหนึ่งนิกกี้เป็นลูกที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ ใช้ชีวิตในสลัม...”
ชนิกานต์หันกลับมาโวยวายใส่กฤติยา
“ฉันไม่ใช่ตัวละครในนิทานของเธอ!”
กฤติยาพูดต่อ “แม่ของเธอทิ้งเธอให้อยู่กับยาย หวังจะหาผู้ชายดีๆสักคนทำให้ครอบครัวเธอสุขสบาย แล้วแม่ของนิกกี้ก็พบกับเศรษฐีใหญ่ใจดี”
ชนิกานต์โวยหนัก “ฉันบอกให้หยุดพูด!”
กฤติยาพูดต่อ “แต่เขาไม่ยอมแต่งงานกับหญิงหม้ายลูกติด แม่ของนิกกี้จึงบังคับให้นิกกี้เล่นละครเป็นหลาน”
ชนิกานต์โกรธจัดเขย่าตัวกฤติยา “หยุดได้แล้ว...ฉันไม่อยากฟังเรื่องเน่าๆ”
“ใช่...เรื่องเน่าๆ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ แต่เกิดกับฉัน”
ชนิกานต์รู้สึกอ่อนลง ลึกๆ แล้วสงสารกฤติยา
“ถ้าเธอเป็นฉัน...เธอจะทำยังไง”
กฤติยาถาม ชนิกานต์หันมาบอก
“ทำอย่างที่เธอทำนั่นแหละ”
กฤติยารู้สึกดีขึ้นที่ชนิกานต์เข้าใจ และให้อภัยเธอแล้ว สองสาวยิ้มให้กัน
ขณะที่ชนกชนม์นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด เป็นลมหมดสติหน้าฟุบโต๊ะทำให้จานอาหารตกพื้น
เพื่อนเห็นก็ตกใจ “ชนม์”
เจ้าหน้าที่รีบวิ่งเข้ามาดูแล
“ชนกชนม์เป็นอะไร”
“เป็นลมครับ ไม่กินข้าวหลายมื้อแล้ว”
“พากลับห้องไปพัก พี่จะเอายาไปให้”
“ครับ”
เพื่อนๆ เข้าไปช่วยประคองพาชนกชนม์ไปส่งห้องพัก
ด้านสุตาภัญเดินเข้ามาแจ้งเจ้าหน้าที่ตรงโถงของสำนักงาน
“สวัสดีค่ะ ตามาเยี่ยมชนกชนม์ค่ะ”
“นายชนกชนม์ นอนพักที่ห้อง”
สุตาภัญนึกเป็นห่วง “ชนม์เป็นอะไรคะ”
“เป็นลม... ไม่ยอมทานอาหาร คงยังปรับตัวไม่ได้ น้องมาก็ดีแล้ว ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาด้วย”
“ค่ะ”
“รอสักครู่นะ พี่จะไปตามให้”
เจ้าหน้าที่เดินเข้าไป สุตาภัญกังวลใจเป็นห่วงชนกชนม์
เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินมาที่ห้องนอนผู้บำบัดบอกชนกชนม์
“ชนกชนม์ เพื่อนมาเยี่ยม”
ปรากฏว่าเตียงนอนว่างเปล่า เจ้าหน้าที่ตกใจมาก
ที่แท้ชนกชนม์กำลังลอบหนีออกจากตัวอาคารของศูนย์บำบัด
สุตาภัญเข้าไปถามเจ้าหน้าที่อย่างร้อนใจ
“ชนม์ล่ะคะ”
“ชนกชนม์หนีไปแล้ว!”
สุตาภัญตกใจมาก เจ้าหน้าที่หันไปบอกผู้บำบัด
“รีบช่วยกันตามหาเพื่อนเร็ว”
“ครับๆ”
เจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ วิ่งกันออกตามหาชนกชนม์ สุตาภัญเป็นห่วงชนกชนม์
ชนกชนม์วิ่งหนีออกมา กำลังจะวิ่งออกไปจากตัวตึก แต่มองไปเห็นเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ วิ่งผ่านมา ชนกชนม์รีบฉากหลบ
ชนกชนม์รอให้เจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ ออกไปหาที่อื่น มองซ้ายแลขวาจึงรีบวิ่งหนีไป
ชนกชนม์ออกจากที่ซ่อน มองไปยังกำแพงเบื้องหน้า เตรียมวิ่งจะปีนกำแพงออกไป
เสียงสุตาภัญดังขึ้น “ชนม์”
ชนกชนม์หันกลับมาเจอสุตาภัญ ก็ตกใจ ละอายใจ
“ตา”
สุตาภัญผิดหวังและเสียใจที่ชนกชนม์คิดหนี ชนกชนม์รู้สึกผิดมาก
“นายยอมแพ้ไม่ได้นะ”
“ฉันไม่ไหว”
“ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่นายต้องสู้”
“ฉันพยายามแล้ว...มันทรมานเหลือเกิน”
“นายต้องเอาชนะมันให้ได้ แม่นายรออยู่ แม่นายต้องการนาย”
ชนกชนม์ใจหาย คิดถึงและเป็นห่วงชลนิภาขึ้นมา “คุณแม่”
“ตอนนี้แม่นายทุกข์ใจมาก พนักงานในบริษัทลาออกหมดแล้ว”
จริงอย่างที่สุตาภัญบอก เพราะในเวลาเดียวกันนั้นชลนิภายืนมอง ห้องทำงานภายในบริษัทที่เงียบเหงาว่างเปล่า ไม่มีพนักงานทำงานสักคน
ชนกชนม์ตกใจเมื่อรู้เรื่องนี้
“ตำรวจก็ตามจับชยางกูร” สุตาภัญบอกต่อ
ฟากชยางกูรเดินซื้อของกินอยู่ในสวนสาธารณะ ตำรวจเห็นชยางกูรก็จำได้จะเข้าไปจับชยางกูรวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ตำรวจวิ่งไล่กวดตามไป
ชนกชนม์รู้สึกสงสารชยางกูร
สุตาภัญบอกต่อ “แม่นายไม่มีใคร เขากำลังรอนาย รอนายกลับไปดูแลเขา นายเคยบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ? นายไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้ ไม่อยากทำให้แม่เสียใจ นายต้องสู้ สู้เพื่อแม่นาย”
ชนกชนม์รู้สึกผิดมาก ร้องไห้โฮ
“ฉันขอโทษ”
สุตาภัญเดินเข้าไปหาโอบกอดปลอบใจ ให้กำลังใจชนกชนม์
“ฉันจะสู้....สู้เพื่อคนที่รักฉัน..และคนที่ฉันรัก”
ชนกชนม์ให้สัญญา สุตาภัญยิ้มดีใจที่ชนกชนม์ยอมรับการบำบัดเหมือนเดิม
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ ผู้บำบัดยืนมองด้วยความซึ้งใจ เดินเข้ามาห้อมล้อมชนกชนม์
“สู้ๆเว้ยเพื่อน”
ชนกชนม์ยิ้มทั้งน้ำตา พร้อมจะสู้อีกครั้งสุตาภัญดีใจ
ชยางกูรวิ่งหนีตำรวจ กลับมายังโรงแรมที่กบดาน ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัว แต่โชคร้ายเจอลูกน้องปรัชญาดักอยู่ โดยมีชยางกูรเป็นหัวหน้า
ชยางกูรรู้ว่าหนีไม่รอด หันไปขอร้องเพทาย
“เพทาย แกต้องช่วยฉัน”
เพทายถลันเข้ามาต่อยเข้าเต็มหน้าชยางกูร
ครู่ต่อมาเพทายกระชากตัวชยางกูรลงไปนั่งที่พื้น ปรัชญาเดินเข้ามายืนจังก้าอยู่ตรงหน้าชยางกูร
ปรัชญาเตะหน้าเสย ชยางกูรหงายหลัง ลูกน้องจับชยางกูรขึ้นมานั่ง
“ผู้หญิงของเฮียอยู่ไหน” ปรัชญาถาม
“ฉันจับมันได้แล้ว แต่เพื่อนมันช่วยไปได้”
“แกคิดจะสอยผู้หญิงของเฮีย” ปรัชญามองจ้องหน้า
ชยางกูรตกใจที่ปรัชญารู้ว่าตนคิดขืนใจสุตาภัญ ปรัชญาเตะชยางกูรล้มลง ลูกน้องปรัชญาดึงตัวขึ้นมานั่ง
“ตำรวจตามจับฉัน ฉันไม่ทำให้แกแล้ว” ชยางกูรว่า
“ไม่ทำ...ก็รีบหาเงินมาใช้หนี้ 10 ล้าน!” ปรัชญาบอกเสียงเหี้ยม
ชยางกูรตกใจ “แกโกงฉัน”
“เตือนแล้วไม่จำ อย่าพูดคำนี้กับเฮีย!”
ปรัชญาโกรธจัดเตะเสยอีกครั้ง ชยางกูรฟุบหน้าลงกับพื้น ปรัชญาแสยะยิ้มแล้วเดินออกไปลูกน้องตาม
ชยางกูรฝืนลุกขึ้น คลานเข้าไปหาเพทาย
“เพทาย ฉันหาเงินไม่ได้ แกต้องช่วยฉัน...ช่วยพูดให้เฮียปล่อยฉัน”
“ได้...ฉันจะช่วย...ช่วยซ้ำให้สะใจ!”
เพทายต่อยชยางกูรเต็มหมัด ชยางกูรนอนฟุบลงหมดสติไป
เช้าวันใหม่ สุตาภัญ ชนิกานต์ สุรัมภา ธีรดนย์ และกฤติยา รวมตัวกันอยู่ที่มุมกิจกรรมของคณะในมหา’ลัย สุตาภัญบอกทุกคน
“ฉันเรียกทุกคนมาประชุมโดยพร้อมหน้า...เพื่อจะแจ้งข่าวดี”
ชนิกานต์ตื่นเต้น “ข่าวอะไรอ่ะ”
“เราจะไปเป็นจิตอาสาช่วยจัดกิจกรรมให้ชนกชนม์และผู้ติดยาที่ศูนย์บำบัด”
ธีรดนย์ สุรัมภาและกฤติยายิ้มเห็นด้วย และพร้อมจะช่วยเหลือ
ชนิกานต์บ่นอุบ “ข่าวร้ายอ่ะ ฉันกลัว”
“คนติดยาถือเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่ผู้ร้าย” ธีรดนย์เหน็บอย่างหมั่นไส้
“ถ้าทุกคนในสังคมมองว่าเขาน่ากลัว แล้วเขาจะมีกำลังใจกลับมาเป็นคนดีได้ยังไง” กฤติยาเสริม
สุรัมภาแกล้งแซว แหย่ชนิกานต์เล่น “ใช่ค่ะ...ภาว่าพี่นิกกี้น่ากลัวกว่าอีก”
ชนิกานต์หน้าคว่ำ “ยัยภา”
“ภาล้อเล่นค่ะ”
ทุกคนหัวเราะขำ
“ว่าไงคะคุณหนู จะร่วมด้วยช่วยกันไหม”
“เพื่อเพื่อนเพื่อนสังคม...ขอเป็นนางฟ้าเบอร์ห้าสักครั้ง” ชนิกานต์ฮึด
“โอเค เราจะจัดกิจกรรมแข่งกีฬามหาสนุก แล้วทำอาหารเลี้ยง ทุกคนมีหน้าที่ดังนี้”
จากนั้นสุตาภัญก็หยิบแผนงานแจกให้ทุกคนดู ทุกคนก้มหน้าอ่านแผนงาน
สุตาภัญยิ้มพอใจที่ทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจช่วยชนกชนม์
ชนิกานต์เห็นธีรดนย์คอยอยู่ใกล้ชิดสุตาภัญ เอาน้ำบริการสุตาภัญ ก็ขัดใจ
กฤติยาสังเกตเห็นอาการของชนิกานต์ก็ยิ่งสงสาร
เช้าวันเดียวกัน ขณะที่ชลนิภาเข้ามาในบริษัท ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นข้าวของเกลื่อนกระจายเต็มห้อง ชลนิภาตกใจ รีบรุดเดินไปยังห้องทำงาน
พอชลนิภาเปิดประตูเข้ามาในห้อง เจอปรัชญานั่งเหยียดขาไขว้กันอยู่บนโต๊ะทำงาน
“พวกแกเป็นใคร? ฉันจะเรียกตำรวจ”
ลูกน้องปรัชญาชักปืนออกมาขู่ ชลนิภาชะงัก อึ้ง ปรัชญามองปราม ลูกน้องเก็บปืน
“ขอโทษที่มาโดยไม่ได้รับบัตรเชิญ ไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร รู้เพียงว่าลูกชายเธอติดหนี้ฉัน10 ล้าน”
ชลนิภาตกใจ “ฉันให้เงินลูกไปให้หนี้พวกแกหมดแล้ว พวกแกโกงลูกฉัน”
“อย่าเรียกว่าโกง มันเป็นธุรกิจ”
ปรัชญาเดินกร่างเข้าหา ชลนิภาผวากลัว
“ไม่ต้องกลัว...ฉันไม่ได้มาปล้น...แค่มาแจ้งข่าว”
ปรัชญาเดินไปหยิบกรอบรูปชยางกูรกับชลนิภาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“รักลูกอยากอยู่กับลูกนานๆ หาเงินมาใช้หนี้ ไม่งั้นลูกเธอ...”
ขาดคำปรัชญาปากรอบรูปลงพื้น กรอบแตกกระจาย พวกปรัชญาเดินไปจากห้อง ชลนิภาตกใจกลัว ทรุดหยิบภาพชยางกูรขึ้นมามอง ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ลูกกูร...ทำไมทำกับแม่อย่างนี้”
ตกตอนกลางคืนชนิกานต์เดินพล่านทั่วบ้านตามหาธีรดนย์ทั่วบ้าน แต่มาเจอกฤติยา
“เธอเห็นธีไหม”
“เลิกตามตื๊อเถอะ มันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ” กฤติยาเตือน
“ฉันห้ามใจไม่ได้นี่ ไม่เห็นหน้าแล้วนอนไม่หลับ”
“ความรักมันก็เหมือนผีเสื้อ ยิ่งไล่ตามจับ มันก็บินหนี”
“ธีไม่ใช่ผีเสื้อนะ”
กฤติยายิ้มขำในความคิดของชนิกานต์
“ธีเป็นคนทะเยอทะยาน ชอบเอาชนะ ผู้ชายอย่างธีอยากได้อะไร เขาต้องหามาด้วยตัวเอง”
“ว่าแล้วเชียว ธีถึงชอบตา ทั้งๆที่รู้ว่าตามีใจให้ชนม์” ชนิกานต์คิดตาม
“เธอก็ต้องทำตัวใหม่ เป็นนิกกี้ที่มั่นใจ....ไม่ตื๊อไม่วิ่งเข้าหา ไม่โวยวายไม่บ่น ไม่เอาแต่ใจ”
ชนิกานต์ฟังแล้วท้อใจ “ยากจัง”
“รึจะยอมแพ้”
“ถอยได้ไง ก็คนมันรักไปแล้วนี่”
กฤติยายิ้มให้ เห็นว่าชนิกานต์รักธีรดนย์มากก็อยากช่วย ชนิกานต์ยิ้มตอบ พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ธีรดนย์สนใจ
ทุกคนเดินทางมาที่ศูนย์บำบัดแต่เช้า สุตาภัญประกาศบอกทุกคนที่ยืนฟังอยู่ในสนามศูนย์บำบัด มีกฤติยายืนอยู่ด้านข้างสุตาภัญ
“วันนี้ตาและเพื่อนๆ จากชมรมคนรักเด็ก เราจะมาจัดกิจกรรมกีฬาหรรษาให้ทุกคนค่ะ เริ่มจากแข่งวิ่งสามขา..พร้อมมั้ยครับ”
เพื่อนผู้บำบัดร้องรับ “พร้อมครับ”
สุตาภัญบิ้วท์ ราวกับนักร้อง “ขอดังๆ หน่อย”
ผู้บำบัดเสียงดัง “พร้อมครับ!”
“เตรียมตัวได้เลยค่ะ!”
เพื่อนๆไปเตรียมตัวที่จุดสตาร์ท ชนกชนม์เดินเข้ามาหา
“วันนี้ต้องสนุกสุดยอด” พร้อมยกนิ้วหัวแม่โป้งให้สุตาภัญ
ธีรดนย์รีบเข้ามายืนแทรก ประกบสุตาภัญแจ
“แน่นอนอยู่แล้ว แฟนฉันเจ๋งที่สุด”
ธีรดนย์จุ๊บหัวแม่โป้งตัวเองแล้วยกให้ สุตาภัญด่าขำๆ
“ทะลึ่ง”
ชนกชนม์มองแล้วฝืนยิ้มให้ รีบชิ่งเดินออกไป สุตาภัญสังเกตเห็นสีหน้าก็สงสาร
กฤติยาจูงมือชนิกานต์มาที่จุดสตาร์ท
“อย่าลืมเคล็ดลับที่ฉันสอน”
“ไม่โวยไม่บ่นไม่ด่าไม่ว่าไม่ตื๊อ....แล้วก็ไม่หึงไม่หวง”
“ถูกต้องค่ะ...ไปทำงานได้แล้ว”
กฤติยาดันตัวชนิกานต์ให้ไปดูแลผู้บำบัด ชนิกานต์เข้าไปแจกเชือกกับผู้บำบัด
สุตาภัญถือเชือกเข้าไปหาชนกชนม์
“ยังไม่มีคู่เหรอ”
“ครับ โสดสนิท” ชนกชนม์แกล้งถาม “เธอล่ะมีคู่รึยัง”
สุตาภัญเย้า “คิดว่าไง”
“หน้าแบบนี้ไม่มีใครเอาหรอก” ชนกชนม์อำ
สุตาภัญชักสีหน้าไม่พอใจ
“คู่ฉันล่ะกัน ฉันเสียสละเพื่อเธอ”
ชนกชนม์จับมือสุตาภัญ ให้มาแข่งวิ่งสามขาด้วยกัน แต่ธีรดนย์เดินเข้ามา ยื่นเชือกให้สุตาภัญ
“ตาคู่ชนม์ได้ไง ชนม์เขามีคู่แล้ว....” ธีรดนย์ตะโกนเรียกชนิกานต์ “นิกกี้”
ชนิกานต์กำลังแจกผ้าให้ผู้บำบัด เห็นธีรดนย์เรียกก็แอบดีใจ แต่เก็บอาการไว้ ก่อนจะวิ่งเข้ามาด้วยความแปลกใจ
“เรียกฉันทำไม”
“เธอคู่ชนม์”
“แล้วนายล่ะ”
“ฉันคู่ตา”
ชนิกานต์ลืมตัว มองธีรดนย์ ไม่พอใจ กฤติยาส่งสายตาเตือนสติ ชนิกานต์เชิดใส่
“ดีใจจังได้คู่ชนม์...คู่ของฉันต้องชนะคู่ของนาย!”
ชนิกานต์ไม่แสดงอาการหึงหวงใดๆ เข้าไปผูกเชือกกับชนกชนม์ ขณะที่ธีรดนย์เข้าไปผูกเชือกกับสุตาภัญ ชนกชนม์แอบมองสุตาภัญเป็นระยะ
ส่วนกฤติยาเข้าไปผูกเชือกวิ่งกับผู้บำบัด
ทุกคนเข้าไปยืนที่จุดสตาร์ท สุรัมภาถือนกหวีด เดินมาบอกทุกคน
“ทุกคนพร้อมนะคะ”
แต่ละคู่พร้อมจะวิ่งแข่งไปยังเส้นชัย
“ปรี๊ด” สุรัมภาเป่านกหวีด
ทุกคู่วิ่งสามขาไปยังเส้นชัย ธีรดนย์ประคองสุตาภัญไป ชนกชนม์วิ่งคู่ชนิกานต์ กฤติยาวิ่งกับผู้บำบัด บางคู่หกล้ม บรรกาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
คู่ของธีรดนย์เบียดกับคู่ของชนิกานต์ แต่แล้วก็ล้มลงกองกับพื้นทั้งสองคู่
เป็นคู่ของกฤติยากับผู้บำบัดเข้าเส้นชัย
โปรแกรมต่อมาเป็นการแข่งชักคะเย่อ ชนกชนม์จับเชือก พร้อมแข่งชักเย่อ โดยมีชนิกานต์และผู้บำบัดจำนวนหนึ่งเป็นลูกทีม
ธีรดนย์จับเชือก โดยมีกฤติยาและผู้บำบัดอยู่ในทีม ชนกชนม์ประจันหน้าธีรดนย์ พร้อมสู้เต็มที่
สุตาภัญยืนอยู่ตรงกลาง เหยียบเชือกไว้ แล้วเป่านกหวีด
“ปรี๊ด”
สุตาภัญปล่อยเชือก...ธีรดนย์และชนกชนม์แข่งกันชักกะเย่อ มีลูกทีมช่วยดึง.....ชนกชนม์ออกแรงเต็มที่ แต่ธีรดนย์เหนือกว่าเป็นฝ่ายชนะ
สุตาภัญวิ่งเข้าไปจับมือธีรดนย์เป็นผู้ชนะ ชนกชนม์ยืนมอง ใจแป้วรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ด้านชยางกูรนอนซมอยู่บนเตียงในห้องพักของโรงแรม แผลเต็มตัวและเป็นไข้ นอนเพ้อด้วยความทรมาน
“คุณแม่ครับ...ช่วยกูรด้วย ช่วยกูรด้วย”
ชยางกูรน้ำตาไหลริน ร้องไห้ออกมา
ฟากชลนิภานั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหารในคฤหาสน์ใหญ่โต แต่กินไม่ลง รวบช้อนวาง น้ำตาไหล เสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
สุตาภัญประกาศบอกทุกคน พร้อมถือถ้วยรางวัลในมือ
“และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนลอยคอ!”
ทุกคนรับมุก “รอคอย”
“ทีมผู้ชนะเลิศการแข่งขันกีฬามหาสนุกได้แก่....”
ทุกคนรอลุ้นระทึก
สุตาภัญหักมุม “เพื่อความรักและสามัคคี ทุกทีมคือผู้ชนะค่ะ”
ทุกคนร้อง “เย๊!”
จากนั้นทุกคนวิ่งกรูเข้าไปแย่งถ้วยรางวัล อย่างสนุกสนาน
สุตาภัญเห็นทุกคนมีความสุขก็ดีใจ ชนกชนม์ทอดยิ้มส่งมาให้สุตาภัญ
ขณะนั้นเองนิธิวิ่งเข้าไปเล่นเครื่องเล่นในสนาม
นัชชาเรียกไว้ไม่ทัน “ลูกนิธิ ระวังนะลูก”
วีรภัทรเดินเข้ามายืนข้างๆ นัชชา
“ปล่อยลูกเถอะ”
“คุณชวนฉันกับลูกมาบริจาคของเหรอคะ”
“เราจะมาเลี้ยงอาหารผู้บำบัด...ชนกชนม์อยู่ที่นี่” วีรภัทรบอก
นัชชาหน้าตึงไม่พอใจนัก “คุณน่าจะบอกฉันก่อน”
“ไม่เอาน่า คุณยอมรับแล้วว่าไม่ได้รังเกียจชนกชนม์”
“ฉันไม่อยากให้ลูกนิธิเห็นตัวอย่างไม่ดี โตขึ้นลูกจะเป็นเด็กติดยา”
วีรภัทรท้วง พูดให้แง่คิด “ผมกลับคิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดีด้วยซ้ำ แทนที่เราจะสอนว่าโทษของยาเสพติดคืออะไร เราให้ลูกเห็นตัวอย่างชีวิตจริง และลูกก็ควรให้โอกาสคนที่หลงผิดกลับตัว โดยเฉพาะคนนั้นคือพี่ชายของแก”
“ชนกชนม์ไม่ใช่พี่ชายนิธินะคะ”
วีรภัทรถาม “คุณรักผมไหม”
นัชชานิ่งงันไป
“ชนกชนม์เป็นลูกผม คุณควรจะรักแกด้วย ชนกชนม์ไม่ได้เกิดจากคุณ แต่คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่คนหนึ่งของชนกชนม์”
วีรภัทรพูดให้ข้อคิด นัชชาเรียกนิธิกลับมาหา
“ลูกนิธิ มาหาคุณแม่”
นิธิวิ่งกลับมาหานัชชา
วีรภัทรคิดว่านัชชาคงกลับบ้าน วีรภัทรจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในศูนย์บำบัดคนเดียว นัชชายืนมอง ครุ่นคิดตัดสินใจ
กฤติยาประกาศบอกทุกคน ซึ่งนั่งรอทานอาหาร
“หลังจากแข่งกีฬาหมดแรงแล้ว ได้เวลาเติมพลังด้วยอาหาร...รอสักครู่นะคะ”
ผู้บำบัดร้องรับพร้อมเพรียง “ครับ”
กฤติยาเข้าไปช่วยเตรียมอาหาร โดยมีสุรัมภาคอยตักอาหารใส่ถ้วย ชนิกานต์หยิบใส่ถาด จะเอาไปเสิร์ฟ ธีรดนย์เข้ามาหาชนิกานต์
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง ฉันสวยฉันแข็งแรง...ฉันทำได้”
ชนิกานต์ถือถาดเชิดใส่ธีรดนย์ เดินออกไปเสิร์ฟ ธีรดนย์มองตามด้วยความแปลกใจ
“ท่าจะกินยาไม่ได้เขย่าขวด”
กฤติยาชม “นิกกี้เก่งนะ”
“อวดเก่งมากกว่า ทำดีเอาหน้ายัยนี่ไม่เคยพลาด”
กฤติยาตีแขนธีรดนย์ “ปากนะปาก ช่วยตักอาหารด้วย”
ธีรดนย์ช่วยกฤติยาตักอาหาร
ส่วนสุตาภัญกำลังรินน้ำหวานใส่แก้ว เพื่อไปแจกทุกคน ชนกชนม์เดินเข้ามาหา
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง ฉันเป็นเจ้าภาพ นายเป็นผู้รับบริการ”
“ฉันขอบใจแทนเพื่อนๆ ที่พวกเธอมีน้ำใจมาช่วยกัน”
“เชื่อรึยังล่ะ ว่านางฟ้าเบอร์ห้านอกจากสวยแล้วต้องใจดีด้วย”
“ฉันยกระดับให้อีกสี่ขั้น...เป็นนางฟ้าเบอร์เก้า”
สุตาภัญตื่นเต้น “เพิ่มความดีอะไรให้ฉัน”
“ขี้โม้! ขี้คุย! ขี้โว! ขี้โอ่!”
“นาย”
สุตาภัญเข้าไปตี ชนกชนม์จับมือไว้ ทั้งสองมองหน้ากันซึ้งๆ จู่ๆ ธีรดนย์ก็เดินเข้ามาแทรก
“ตาเสร็จยัง”
“พร้อมเสิร์ฟแล้ว”
“ผมถือถาดให้ ตาช่วยเสิร์ฟ โอเค๊”
สุตาภัญยิ้มรับ แล้วเดินออกไปกับธีรดนย์ ชนกชนม์หันไปมองตามเห็นธีรดนย์ถือถาดใส่น้ำ สุตาภัญยกน้ำเสิร์ฟ ทั้งสองช่วยเหลือกันท่าทีมีความสุข
ชนกชนม์บาดตามองความสัมพันธ์ทั้งสองด้วยความเจ็บปวด แต่ต้องพยายามทำใจ และตัดใจ
โปรดติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 18