ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 18 อวสาน
กร้าวเดินหัวเสียออกมา กรวิกตามมาต่อว่า
“อากร้าวไปพูดอย่างนั้นทำไมคะ รักแล้วทำไมถึงบอกว่าเกลียด”
“นก อย่าบีบคั้นอาได้ไหม”
“นกไม่อยากเห็นอากร้าวเป็นแบบนี้นี่คะ...” กรวิกทอดถอนใจ “นุชยิ่งโกรธอากร้าวเรื่องรัตนกิจโดนทุบเป็นคอนโดอยู่แล้วด้วย อากร้าวจะให้นุชเกลียดอากร้าวไปตลอดชีวิตเหรอคะ”
กร้าวคิดถึงเรื่องนี้ก็เครียดขึ้นมาอีก
ค่ำนั้น อสิตกับอรชารู้เรื่องจากอนุช อสิตแค้นๆ
“ไอ้กร้าวมันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ”
อรชาหันมาถามอนุช
“เขาต้องอะไรกันแน่”
“นุชก็ไม่รู้ค่ะ...ก็คงเรื่องบุญคุณความแค้นที่ไม่รู้จักจบสิ้นของเขา”
“ถ้ามันจะเอาให้ได้...จะจองล้างจองผลาญกันทั้งชาติพี่ก็จะจัดให้มัน”
อนุชกับอรชาเห็นท่าทีของอสิตก็หวั่นใจ
กรวิกนำเช็คห้าร้อยล้านใส่แฟ้มเอกสารมาให้กร้าวเซ็น
“เช็คที่อากร้าวสั่งให้นกทำค่ะ
กร้าวรับแฟ้มไปเปิดดู
กรวิกหนักใจ “ห้าร้อยล้านมันไม่มากเกินไปเหรอคะอากร้าว เงินจำนวนนี้เราต้องใช้หมุนในบริษัท บริษัทเราจะมีปัญหาสภาพคล่องได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรนก... ถ้าเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ ค่อยหาทางแก้กัน”
กร้าวเซ็นเช็ค กรวิกมีสีหน้าหนักใจ
ทางด้านอรชาเดินออกมาจากในบ้าน แหวนพากร้าวเข้ามา
“คุณอรคะ...คุณกร้าวมาค่ะ”
อรชาเห็นกร้าวก็ชะงักไป
“คุณกร้าว...คุณมาที่นี่ทำไม คุณต้องการอะไร”
กร้าวมองหน้าอรชา อย่างหนักใจ
กร้าวนั่งคุยกับอรชาในห้องรับแขก
“ผมไม่ได้ต้องการอะไร” เขาหยิบเช็คออกมาวาง เลื่อนไปตรงหน้าอรชา “แค่อยากให้คุณรับนี่ไว้”
อรชาหยิบเช็คมาดูก็ตกใจ
“นี่ หมายความว่าไงคะคุณกร้าว”
อสิตกับอนุชออกมาพอดี อนุชตกใจ
“คุณกร้าว...”
กร้าวหันมาเห็นอนุช ทั้งสองสบตากัน ต่างก็รักและคิดถึงกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมรับ อสิตเห็นหน้ากร้าวก็โมโห ตรงรี่เข้าหา
“ไอ้กร้าว แกต้องการอะไร”
อรชารีบลุกขึ้น นำเช็คไปให้อสิตดู
“พี่สิตคะ...คุณกร้าวให้เช็คนี่กับอร”
อสิตกับอนุชเห็นตัวเลขในเช็คก็ตกใจ
“ห้าร้อยล้าน...แกต้องการอะไร”
กร้าวพยายามใจเย็น
“ผมอยากแสดงความเสียใจ เรื่องรัตนกิจ”
“แกจะเสียใจทำไม สมใจแกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่บริษัทของฉันมันพังทลายไม่เป็นท่าอย่างนั้น”
“ผมคิดว่าเช็คนั่นชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดได้”
“ชดเชยงั้นเหรอ มันไม่มีอะไรชดเชยสิ่งที่แกทำกับพวกฉันได้หรอก”
อสิตเอาเช็คมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กร้าวอึ้งไป คาดไม่ถึง
“ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวของฉันแล้ว”
“คุณอสิต เช็คใบนั้นเพียงพอให้คุณเริ่มต้นใหม่ ทำไมต้องทำลายโอกาสตัวเอง”
อนุชสวนทันที
“คุณจะแคร์ทำไม อย่าบอกนะว่าคุณจะมาสำนึกผิดเอาตอนนี้”
กร้าวนิ่งไป พูดไม่ออก อสิตมองหน้ากร้าว
“สำนึกผิดเหรอ...ถ้าสำนึกจริงก็กราบขอขมาฉันสิ”
กร้าวหมดความอดทน
“จะให้ขอขมา แล้วพวกคุณเคยคิดจะขอขมาครอบครัวผมรึเปล่า”
“มันเป็นเรื่องของรุ่นพ่อรุ่นแม่ ฉันกับน้องไม่เกี่ยว ไม่ขอรับรู้อะไรทั้งนั้น”
“ทีทำกับคนอื่นบอกว่าไม่ขอรับรู้ พอคนอื่นเอาคืน จะให้ขอขมา”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้แกมาชดใช้”
“ไม่มีปัญญารักษาสมบัติของตัวเองแล้วยังทำเป็นหยิ่งแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้”
อสิตโกรธ
“ไอ้กร้าว”
อสิตพุ่งเข้าต่อยจนกร้าวเสียหลักล้มไป อรชารีบห้าม
“พี่สิต อย่า”
อนุชโผเข้าประคองกร้าวอย่างเป็นห่วง
“คุณกร้าว...”
ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่อนุชจะรู้สึกตัว ผละออกมา อสิตชี้นิ้วไล่
“แกออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ออกไป”
กร้าวมองอนุช เธอเบือนหน้าหนี เขาจำต้องออกไป อนุชหันกลับมา มองตามเขาไปอย่างเป็นห่วง
คืนนั้น กร้าวมาหาชาติที่บ้านทานตะวัน พอเจอหน้ากร้าวโผเข้ากอดชาติเหมือนคนขวัญเสีย ชาติตกใจมาก
กร้าวพูดด้วยความเสียใจ “ลุงครับ...”
“กร้าว เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“ผมพยายามแล้ว แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าการเป็นคนดี เป็นคนใจเย็น ทำไมมันถึงยากอย่างนี้ ทำไมการให้อภัยคนอื่นมันถึงยากอย่างนี้”
ชาติลูบหัวพูดปลอบเสียงอ่อนโยน “อย่าเพิ่งหมดหวังสิกร้าว กร้าวทำอะไรตั้งหลายอย่างที่แสดงว่ากร้าวยกโทษให้วิชเวทย์แล้ว ทั้งซื้อบ้านคืน หรือค่าเสียหายห้าร้อยล้านนั่น”
“แต่เขาก็ไม่รับ” กร้าวสะท้อนใจ
“นั่นเป็นส่วนของเขาที่เราไปบังคับไม่ได้ แต่ในส่วนของเรา เราค่อยๆลดความโกรธความเกลียดเขา เท่านี้ใจเราก็จะสบายขึ้น” ชาติว่า
“ผมไม่รู้ว่าความพยายามของผมจะมีแค่ไหน ผมทำแล้วตั้งหลายอย่าง แต่นุชก็ไม่เข้าใจซะที”
ชาติถอนใจ พยายามชี้ทางออก “เรื่องนี้ลุงก็ไม่รู้จะช่วยกร้าวยังไง...บางทีอะไรที่ง่ายๆ อย่างพูดคำว่ารัก มันก็แก้ปัญหาได้ทั้งหมดโดยที่กร้าวไม่ต้องไปทุ่มเทเงินทองอะไรเลย”
กร้าวหนักใจ พูดคำว่ารักไม่ได้จริงๆ
ส่วนอนุชอยู่ที่บ้านมโนรมย์ เดินเข้ามาในห้องนอน ทอดถอนใจ
“คุณกร้าว...คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณต้องการอะไรกันแน่”
อนุชเองก็คิดหนัก ด้วยไม่เข้าใจการกระทำของกร้าวเอาเลย ไม่รู้ซาตานร้ายจะมาไม้ไหน?
ตอนสาย กรวิกยกแก้วน้ำมาให้ เห็นกร้าวใจลอย
“อากร้าวยังไม่ได้ดูเอกสารเสนอโปรเจ็คท์ใหม่เลยเหรอคะ”
กร้าวรู้สึกตัว
“กำลังจะดู... มีอะไรด่วนรึเปล่า”
“ตอนนี้ไม่ด่วนหรอกค่ะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานเป็นดินพอกหางหมูเดี๋ยวจะทำอะไรไม่ทัน... เหมือนคนเรา เวลามีอะไรในใจไม่ยอมบอกออกมา ปล่อยให้พอกไว้ก็หนักใจเปล่าๆ”
กร้าวฉงน “นกจะพูดอะไร”
กรวิกยังไม่ทันตอบ จู่ๆ อนุชก้าวพรวดเข้ามา พูดเสียงแข็ง
“คุณกร้าว ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
กร้าวดีใจ แต่เห็นกรวิกอยู่เลยเก็บอาการ “นก ออกไปก่อน”
“ค่ะ อากร้าว... มีอะไรก็พูดกันดีๆ นะคะ”
กรวิกออกไป อนุชมองหน้ากร้าวอย่างเย็นชา
ครั้นพอกร้าวเห็นกรวิกออกไปแล้วก็เข้ามาจับแขนอนุชอย่างเป็นห่วง อนุชเฉยชา คุยได้ไม่กี่คำก็ทะเลาะกัน จนได้
“นุช คุณหายดีแล้วใช่ไหม ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
อนุชสะบัดออก “คุณทำแบบนี้ทำไม... คุณซื้อบ้านคืนให้พวกเราทำไม”
“มันเป็นของคุณ คุณควรได้รับกลับคืน”
“ใช่ แต่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ของของพวกฉัน ฉันหาวิธีอาคืนมาเองได้”
“คุณจะเอาคืนมาได้ยังไง เงินก็ไม่มี ไอ้เสี่ยยศก็โก่งราคาเป็นสองเท่าหรือจะเอาตัวเข้าแลก”
อนุชตบกร้าว “คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว!”
“แต่ผมก็ดูไม่ผิดไม่ใช่เหรอ พวกคุณไม่มีปัญญาจะซื้อบ้านคืน ทำไมต้องทำเป็นหยิ่งด้วย”
“เพราะฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนอย่างคุณ คุณต้องการอะไรคุณกร้าว สร้างบุญคุณความแค้นไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือจะเหยียบกันให้จมดินถึงจะสาแก่ใจคุณ”
กรวิกแอบมามองอยู่มุมหนึ่ง ลุ้นให้กร้าวบอกรักอนุช
“พูดสิคะอากร้าว...บอกนุชไปสิคะ”
อนุชผลักอกกร้าวทุบกร้าวพัลวัน “คุณบอกมาสิว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ จะเอายังไงกับพวกฉันอีก พูดมาสิ”
กร้าวไม่พูด ไม่ตอบโต้ กรวิกทนไม่ไหว เข้ามาขวาง
“พอแล้วนุช!” กรวิกบอกกับกร้าว “อากร้าวบอกนุชไปสิคะ ว่าอากร้าวรู้สึกยังไง”
ต่อหน้าอนุชแค่สองคนกร้าวยังพูดไม่ออก ยิ่งกรวิกเข้ามา กร้าวยิ่งไม่พูดใหญ่
อนุชหันมาจ้องหน้ากร้าวตาแข็งกร้าว
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากพวกฉันอีก เมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบ
กรวิกบอกอนุช “มันจะไม่จบหรอกนุช เพราะอากร้าว ร...” กรวิกจะบอกเองว่ากร้าวรักอนุช
แต่กร้าวสวนขึ้นก่อนเสียงเข้ม “เกลียดพวกวิชเวทย์...ถ้าผมญาติดีกับพวกคุณ พ่อกับแม่ผมคงไม่ให้อภัย”
อนุชเข้าใจผิดไปใหญ่ และรู้สึกผิดหวัง “ฉันว่าไม่แน่หรอก บางทีพ่อกับแม่คุณอาจจะให้อภัยคนอื่นได้ดีกว่าคนอย่างคุณ!
อนุชเดินออกไป กร้าวเป็นห่วงจิตใจอนุช อยากจะตามไป แต่สุดท้ายก็ชะงักไว้ กรวิกขัดใจนัก
กร้าวเดินหัวเสียออกมา กรวิกตามมาต่อว่า
“อากร้าวไปพูดอย่างนั้นทำไมคะ รักแล้วทำไมถึงบอกว่าเกลียด”
“นก อย่าบีบคั้นอาได้ไหม”
“นกไม่อยากเห็นอากร้าวเป็นแบบนี้นี่คะ...” กรวิกทอดถอนใจ “นุชยิ่งโกรธอากร้าวเรื่องรัตนกิจโดนทุบเป็นคอนโดอยู่แล้วด้วย อากร้าวจะให้นุชเกลียดอากร้าวไปตลอดชีวิตเหรอคะ”
กร้าวคิดถึงเรื่องนี้ก็เครียดขึ้นมาอีก
ค่ำนั้น อสิตกับอรชารู้เรื่องจากอนุช อสิตแค้นๆ
“ไอ้กร้าวมันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ”
อรชาหันมาถามอนุช
“เขาต้องอะไรกันแน่”
“นุชก็ไม่รู้ค่ะ...ก็คงเรื่องบุญคุณความแค้นที่ไม่รู้จักจบสิ้นของเขา”
“ถ้ามันจะเอาให้ได้...จะจองล้างจองผลาญกันทั้งชาติพี่ก็จะจัดให้มัน”
อนุชกับอรชาเห็นท่าทีของอสิตก็หวั่นใจ
กรวิกนำเช็คห้าร้อยล้านใส่แฟ้มเอกสารมาให้กร้าวเซ็น
“เช็คที่อากร้าวสั่งให้นกทำค่ะ
กร้าวรับแฟ้มไปเปิดดู
กรวิกหนักใจ “ห้าร้อยล้านมันไม่มากเกินไปเหรอคะอากร้าว เงินจำนวนนี้เราต้องใช้หมุนในบริษัท บริษัทเราจะมีปัญหาสภาพคล่องได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรนก... ถ้าเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ ค่อยหาทางแก้กัน”
กร้าวเซ็นเช็ค กรวิกมีสีหน้าหนักใจ
ทางด้านอรชาเดินออกมาจากในบ้าน แหวนพากร้าวเข้ามา
“คุณอรคะ...คุณกร้าวมาค่ะ”
อรชาเห็นกร้าวก็ชะงักไป
“คุณกร้าว...คุณมาที่นี่ทำไม คุณต้องการอะไร”
กร้าวมองหน้าอรชา อย่างหนักใจ
กร้าวนั่งคุยกับอรชาในห้องรับแขก
“ผมไม่ได้ต้องการอะไร” เขาหยิบเช็คออกมาวาง เลื่อนไปตรงหน้าอรชา “แค่อยากให้คุณรับนี่ไว้”
อรชาหยิบเช็คมาดูก็ตกใจ
“นี่ หมายความว่าไงคะคุณกร้าว”
อสิตกับอนุชออกมาพอดี อนุชตกใจ
“คุณกร้าว...”
กร้าวหันมาเห็นอนุช ทั้งสองสบตากัน ต่างก็รักและคิดถึงกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมรับ อสิตเห็นหน้ากร้าวก็โมโห ตรงรี่เข้าหา
“ไอ้กร้าว แกต้องการอะไร”
อรชารีบลุกขึ้น นำเช็คไปให้อสิตดู
“พี่สิตคะ...คุณกร้าวให้เช็คนี่กับอร”
อสิตกับอนุชเห็นตัวเลขในเช็คก็ตกใจ
“ห้าร้อยล้าน...แกต้องการอะไร”
กร้าวพยายามใจเย็น
“ผมอยากแสดงความเสียใจ เรื่องรัตนกิจ”
“แกจะเสียใจทำไม สมใจแกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่บริษัทของฉันมันพังทลายไม่เป็นท่าอย่างนั้น”
“ผมคิดว่าเช็คนั่นชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดได้”
“ชดเชยงั้นเหรอ มันไม่มีอะไรชดเชยสิ่งที่แกทำกับพวกฉันได้หรอก”
อสิตเอาเช็คมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กร้าวอึ้งไป คาดไม่ถึง
“ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวของฉันแล้ว”
“คุณอสิต เช็คใบนั้นเพียงพอให้คุณเริ่มต้นใหม่ ทำไมต้องทำลายโอกาสตัวเอง”
อนุชสวนทันที
“คุณจะแคร์ทำไม อย่าบอกนะว่าคุณจะมาสำนึกผิดเอาตอนนี้”
กร้าวนิ่งไป พูดไม่ออก อสิตมองหน้ากร้าว
“สำนึกผิดเหรอ...ถ้าสำนึกจริงก็กราบขอขมาฉันสิ”
กร้าวหมดความอดทน
“จะให้ขอขมา แล้วพวกคุณเคยคิดจะขอขมาครอบครัวผมรึเปล่า”
“มันเป็นเรื่องของรุ่นพ่อรุ่นแม่ ฉันกับน้องไม่เกี่ยว ไม่ขอรับรู้อะไรทั้งนั้น”
“ทีทำกับคนอื่นบอกว่าไม่ขอรับรู้ พอคนอื่นเอาคืน จะให้ขอขมา”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้แกมาชดใช้”
“ไม่มีปัญญารักษาสมบัติของตัวเองแล้วยังทำเป็นหยิ่งแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้”
อสิตโกรธ
“ไอ้กร้าว”
อสิตพุ่งเข้าต่อยจนกร้าวเสียหลักล้มไป อรชารีบห้าม
“พี่สิต อย่า”
อนุชโผเข้าประคองกร้าวอย่างเป็นห่วง
“คุณกร้าว...”
ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่อนุชจะรู้สึกตัว ผละออกมา อสิตชี้นิ้วไล่
“แกออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ออกไป”
กร้าวมองอนุช เธอเบือนหน้าหนี เขาจำต้องออกไป อนุชหันกลับมา มองตามเขาไปอย่างเป็นห่วง
คืนนั้น กร้าวมาหาชาติที่บ้านทานตะวัน พอเจอหน้ากร้าวโผเข้ากอดชาติเหมือนคนขวัญเสีย ชาติตกใจมาก
กร้าวพูดด้วยความเสียใจ “ลุงครับ...”
“กร้าว เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“ผมพยายามแล้ว แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าการเป็นคนดี เป็นคนใจเย็น ทำไมมันถึงยากอย่างนี้ ทำไมการให้อภัยคนอื่นมันถึงยากอย่างนี้”
ชาติลูบหัวพูดปลอบเสียงอ่อนโยน “อย่าเพิ่งหมดหวังสิกร้าว กร้าวทำอะไรตั้งหลายอย่างที่แสดงว่ากร้าวยกโทษให้วิชเวทย์แล้ว ทั้งซื้อบ้านคืน หรือค่าเสียหายห้าร้อยล้านนั่น”
“แต่เขาก็ไม่รับ” กร้าวสะท้อนใจ
“นั่นเป็นส่วนของเขาที่เราไปบังคับไม่ได้ แต่ในส่วนของเรา เราค่อยๆลดความโกรธความเกลียดเขา เท่านี้ใจเราก็จะสบายขึ้น” ชาติว่า
“ผมไม่รู้ว่าความพยายามของผมจะมีแค่ไหน ผมทำแล้วตั้งหลายอย่าง แต่นุชก็ไม่เข้าใจซะที”
ชาติถอนใจ พยายามชี้ทางออก “เรื่องนี้ลุงก็ไม่รู้จะช่วยกร้าวยังไง...บางทีอะไรที่ง่ายๆ อย่างพูดคำว่ารัก มันก็แก้ปัญหาได้ทั้งหมดโดยที่กร้าวไม่ต้องไปทุ่มเทเงินทองอะไรเลย”
กร้าวหนักใจ พูดคำว่ารักไม่ได้จริงๆ
ส่วนอนุชอยู่ที่บ้านมโนรมย์ เดินเข้ามาในห้องนอน ทอดถอนใจ
“คุณกร้าว...คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณต้องการอะไรกันแน่”
อนุชเองก็คิดหนัก ด้วยไม่เข้าใจการกระทำของกร้าวเอาเลย ไม่รู้ซาตานร้ายจะมาไม้ไหน?
อสิตนึกถึงคำของกร้าวที่พูดจี้ใจดำว่าไม่มีปัญญารักษาสมบัติแล้วยังหยิ่งที่ไม่รับความช่วยเหลือจากเขา อสิตคิดแล้วแค้น ทุบโต๊ะ
“ไอ้กร้าว เป็นเพราะแกฉันถึงต้องอยู่ในสภาพนี้”
อสิตคิดหาทางเล่นงานกร้าวแล้วนึกแผนได้ โทรหาทนาย
“ผมจะฟ้องไอ้กร้าว ศุภกาญจน์ คุณช่วยจัดเตรียมเอกสารไว้ด้วย”
อสิตแค้น
ค่ำนั้น กร้าวเดินออกจากบริษัท นักข่าวกลุ่มหนึ่งที่ดักรออยู่กรูกันเข้าไปสัมภาษณ์และถ่ายรูปรัวทั้งแฟลชและคำถาม กร้าวตกใจ ไม่ทันตั้งตัว
“คุณกร้าวคะ มีข่าวว่าคุณร่ำรวยเพราะโกงเงินคนอื่นจนโดนฟ้อง ตอนนี้คดีมีความคืบหน้ายังไงบ้างคะ”
“ข่าวที่ว่าคุณแม่ของคุณมีปัญหาเรื่องชู้สาวจนต้องฆ่าตัวตายล่ะครับ มันยังไงกันแน่ครับ”
กร้าวโกรธ
“หยุดก้าวร้าวแม่ของผม พวกคุณไม่มีสิทธิ์”
“ผมถามตามข้อมูลที่ได้รับมา”
กร้าวตวาด
“หุบปาก”
กร้าวโกรธมาก กระชากเสื้อนักข่าวชายแล้วชกล้มลง พวกนักข่าวต่างฮือฮาถ่ายรูปเขาตอนชกนักข่าวไว้
วันใหม่มีภาพและข่าวกร้าวตอนชกนักข่าวในรายการข่าว ชาติ พร้อมและขำที่นั่งดูทีวีอยู่เห็นข่าวก็ตกใจ พร้อมหน้าตื่น
“ตาเถร นั่นคุณกร้าวนี่คะ”
อรชาและปรารภอ่านข่าวในไอแพด อนุชเข้ามาเห็นพอดี
“ดูอะไรกันอยู่รึคะ”
อรชากับปรารภอึกอัก อนุชสงสัย อรชาเลยยื่นไอแพดให้อ่านข่าว
“นักธุรกิจหนุ่มเลือดร้อน...คุณกร้าว”
อนุชอ่านแล้วตกใจ
อนุช อรชาและอสิต อยู่ในห้องรับแขก มีหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะหลายฉบับ อนุชหันมาถามพี่ชาย
“ฝีมือพี่สิตใช่มั้ยคะ”
อสิตไม่ยอมรับ
“นุชกับอรพูดถึงเรื่องอะไร”
“ทั้งเรื่องที่ยื่นฟ้องคุณกร้าว ทั้งให้ข่าวเรื่องอดีตของครอบครัวเขา นอกจากพวกเราแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
“ใช่ พี่ทำเอง แล้วจะทำไม”
“หยุดเถอะค่ะพี่สิต ถอนฟ้อง แล้วก็เลิกให้ข่าวซะ”
“ไม่...มันทำร้ายพี่ ทำร้ายน้องพี่ไว้มาก พี่จะเอาคืนให้สาสม พี่จะเล่นมันให้ถึงที่สุด ให้มันอยู่ในสังคมไม่ได้ ไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีกเลย คอยดู”
อรชาแย้ง
“คุณกร้าวทำร้ายเราเพราะแค้นที่คุณพ่อไปทำร้ายคุณแม่ของเขา ตอนนี้เราก็ไม่ต่างจากคุณกร้าว ทำร้ายเขาเพราะความแค้น”
อนุชเสริม
“ใช่ค่ะ แก้แค้นกันไปมาอย่างนี้ มีแต่เสียกับเสีย แล้วเมื่อไรความแค้นระหว่างวิชเวทย์กับศุภกาญจน์ถึงจะจบสิ้นลงซะที”
อสิตโวย
“แล้วจะให้ทำยังไง ให้พี่กราบขอบพระคุณมันที่ทำให้เราหมดสิ้นทุกอย่างเหรอ มันทำให้พี่เกือบจะต้องพิการเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต แทนที่จะบอกให้พี่ถอนฟ้อง พี่ว่านุชควรจะฟ้องมันเพิ่มอีกคดี ข้อหากระทำชำเรา ให้มันติดคุกหัวโตเลย”
อนุชเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะนุช พี่ไม่เข้าใจ หรือนุชกลัวมัน ไม่ต้องกลัวเลย ยังไงมันก็อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้”
“นุชไม่ได้กลัวเขาค่ะ”
อสิตหงุดหงิด ไม่เข้าใจ ลืมตัวเขย่าตัวน้องสาวคาดคั้นเหตุผล
“งั้นทำไมไม่ฟ้อง ทำไมล่ะนุช ทำไม”
อนุชร้องไห้เพราะรักกร้าว อรชารีบห้าม
“หยุดนะพี่สิต”
อนุชร้องไห้ หนีออกไป อรชาไม่พอใจ
“ทำอย่างนั้นคนที่เสียชื่อเสียงก็คือนุชนะคะ”
อสิตหงุดหงิด
“ไอ้โน่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ พี่ไม่เข้าใจเลยว่าอรกับนุชจะปกป้องคนผิดอย่างไอ้กร้าวทำไม”
อสิตเดินหนีออกไปอีกคน อรชาเสียใจที่กลายเป็นแบบนี้
อนุชร้องไห้อยู่ในห้อง อรชาสงสารเข้ามาหา
“นุชร้องไห้เพราะห่วงคุณกร้าวเหรอ”
อนุชอึกอัก
“นุชก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่อร”
“นุชคิดยังไงกับคุณกร้าวกันแน่”
อนุชไม่กล้าพูด
“พี่อรถามทำไมคะ พี่อรก็รู้ว่านุชกับแต่งงานกับเขาเพื่อใช้หนี้เท่านั้น ไม่ได้รักกัน”
“แต่คนเราอยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวันถึงไม่รักก็น่าจะผูกพันกันบ้าง”
อนุชรู้สึกเสียเชิงที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้กร้าวเชยชมแต่เขากับคิดกับแค่แก้แค้น จึงเลี่ยงตอบไปว่ากร้าวเป็นศัตรู อรชาสงสัย
“แล้วถ้าเขาไม่ใช่ศัตรูล่ะ”
อนุชบ่ายเบี่ยงจะรักคนที่รักคนอื่นไม่เป็นได้ยังไง อรชาเข้าใจไม่ถามน้องสาวต่อ
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
การประชุมเสร็จสิ้นลง ชายธงจับมือกับพนักงานอื่นๆ พนักงานออกจากห้องไป ชายธงยิ้มดีใจที่การประชุมวันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี เขามองแฟ้มเอกสารตัวปัญหาแล้วสงสัย
“ใครเอามาให้”
ชายธงคิด แล้วนึกถึงคำพูดของอนุช
“ชายธงดูแลนุชทุกอย่าง นุชอยากทำอะไรให้ชายธงบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี”
ชายธงดีใจ คิดว่าอนุชคอยดูแล
“นุช”
ชายธงมาหาอนุชที่บ้าน เขากุมมือของเธอ
“ขอบใจนุชมากที่ให้คนเอาเอกสารไปให้ผมที่บริษัท นุชช่วยชีวิตผมไว้ทันเวลาพอดี”
อนุชงง
“เอกสารอะไรเหรอ”
“แฟ้มที่ผมลืมไว้บ้านนุชเมื่อวานไง”
อนุชไม่เข้าใจ
“นุชไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายธงลืมไว้”
ชายธงแปลกใจ
“ไม่ใช่นุชแล้วใคร...หรือว่าจะเป็นพี่อร”
“ไม่รู้สิ เอาไว้นุชจะถามพี่อรให้นะ”
ชายธงไม่ได้ติดใจอะไร
“เราหางานให้นุชได้แล้วนะ”
ชายธงเปิดไอแพดให้ดู ข้อมูลตำแหน่งงานที่เขาหาให้ ชายธงกับอนุชยืนสุมหัวกันดูไอแพด ใกล้ชิดกัน กร้าวเข้ามาเห็นอนุชกับชายธงดูใกล้ชิดกันก็ไม่พอใจ เขากระแอม อนุชเห็นกร้าวก็ตกใจ
“คุณกร้าว”
ชายธงไม่พอใจ
“แกมาทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้”
ชายธงทำท่าจะไปไล่กร้าว อนุชห้ามไว้
“อย่าชายธง”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับนุช”
อนุชใจแข็ง
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
กร้าวจริงจัง
“มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ที่ผมต้องบอกคุณ”
อนุชใจอ่อน คิดว่าเขาจะมาบอกรัก...ชายธงแอบมองกร้าวกับอนุชคุยกัน ฮึดฮัด ห่วงอนุชไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับกร้าวอีก...อนุชทำใจแข็ง
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันเหรอคะ”
กร้าวกุมมือ
“กลับไปอยู่กับผมนะครับ ไม่ใช่นางบำเรออย่างที่ผมเคยบอกคุณ แต่ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
อนุชมองตาเขาค้นหาว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอกันแน่
“ทำไมถึงอยากให้ฉันกลับไปอยู่กับคุณ คุณคิดยังไงกับฉันกันแน่”
อนุชรอฟังคำว่ารักจากปากของเขา กร้าวอึกอัก
“ผม...”
กร้าวพูดไม่ออก อนุชเสียใจ คิดว่าเขาไม่รัก
“คุณแค่อยากแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันขอบอกเลยว่าไม่จำเป็น”
“ไม่ใช่นะนุช ผม...”
กร้าวพูดไม่ได้เพราะความรู้สึกผิดต่อแม่
“ถ้าคุณพูดธุระจบแล้ว เชิญคุณกลับไปได้และไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
อนุชจะหนี กร้าวกอดไว้
“อย่าไปไหนนะ อยู่กับผม”
อนุชดิ้นรน
“เพื่ออะไรล่ะ ในเมื่อเราไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผม...”
ชายธงเข้ามา
“ไอ้กร้าว ไอ้เลว ปล่อยนุชเดี๋ยวนี้”
ชายธงชกกร้าวล้มลง เขาปกป้องอนุช
“นุชไม่ใช่ผู้หญิงที่แกจะทำอะไรก็ได้”
ชายธงจะไปเล่นงานกร้าวอีก อนุชห้ามไว้
“อย่า”
ชายธงชะงัก
“นุชห้ามเราทำไม คนอย่างมันสมควรโดนซะบ้าง”
“เรื่องของนุช นุชจัดการเอง”
อนุชหันไปว่ากร้าวเอง แต่ฝืนใจพูดทั้งน้ำตา
“คุณไปซะ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน
ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
กร้าวมองอนุชกับชายธงแล้วเสียใจ เข้าใจผิดคิดว่าอนุชรักกับชายธง
“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตคุณอีก ขอให้มีความสุข”
กร้าวเสียใจ ออกไป อนุชเสียใจ ร้องไห้ ชายธงเห็นเธอร้องไห้ก็โกรธที่กร้าวทำร้ายอนุชครั้งแล้วครั้งเล่า ชายธงกำหมัดแน่น คิดแผนสั่งสอนกร้าว
ชายธงจ้างแก๊งอันธพาลให้จัดการกับกร้าว เขาส่งรูปกร้าวไปที่มือถือของหัวหน้าแก๊ง หัวหน้าแก๊งดูรูปในมือถือแล้วยกมือถือมาพูดสาย
“ได้รับแล้ว”
ชายธงที่ยืนคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งที่บ้านอนุช
“มันชื่อกร้าว ศุภกาญจน์ เจ้าของศุภกาญจน์กรุ๊ป”
หัวหน้าแก๊งตอบชายธง โดยมีลูกน้องอีก 3 คนอยู่บริเวณนั้นด้วย ท่าทางโหดเหี้ยมไม่แพ้กัน
“ขืนทำอย่างที่คุณบอก มันเอาตำรวจมาลากคอพวกผมเข้าคุกแน่”
“คิดว่ามันจะกล้าประจานตัวเองเหรอ...”
หัวหน้าแก๊งอึ้งไป ชายธงพูดต่อ
“...แต่ถ้ามันทำจริง ก็ซัดทอดมาที่ผมได้เลย”
หัวหน้าแก๊งคร่นุคิดก่อนตัดสินใจ
“จะเอาอย่างนั้นก็ได้”
ชายธงปิดมือถือหันมา เห็นอนุชเดินเข้ามาพอดี
“คุยอะไร หน้าเครียดเชียว”
“ปละเปล่า...”
ชายธงหลบสาบตา พยายามซ่อนพิรุธไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองสั่งให้คนไปทำร้ายกร้าว อนุชมองชายธง อย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร
ค่ำนั้น กร้าวอยู่ที่ริมรั้วบ้านอนุช เขาเดินกลับไปกลับมาครุ่นคิดอยู่ข้างรถตนที่จอดแอบอยู่ กร้าวบ่นตัวเอง
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น...ทำไมไม่พูดออกไปตรงๆ”
กร้าวขัดใจตัวเอง ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นอนุชกับชายธงเดินออกมาพอดี เธอเดินออกมาส่งชายธงที่รถ
“ขอบใจมากนะที่อยู่เป็นเพื่อน”
ชายธงตอบด้วยความเป็นห่วง
“แน่ใจนะว่านุชอยู่คนเดียวได้”
“เดี๋ยวพี่สิตพี่อรก็กลับมาแล้ว”
ชายธงพยักหน้ารับรู้ เดินออกมา...กร้าวที่แอบมองอยู่พูดกับตัวเองออกมาด้วยความไม่พอใจ
“กลับไปได้ก็ดี”
กร้าวครุ่นคิดตัดสินใจ
“เอาก็เอา...ลองอีกครั้ง”
กร้าวขยับตัวทำท่าจะเดินไปหาอนุช ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาดักหน้าเขาก่อนประตูรถจะเปิดออก หัวหน้าหน้าแก๊งที่ชายธงติดต่อมาเดินลงมาจากรถ พร้อมลูกน้อง เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังกร้าว
“จะไปไหน”
กร้าวระวังตัว
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
ขาดคำ ลูกน้องก็กรูกันเข้ามาชกต่อย กร้าวตอบโต้อย่างไม่กลัว อนุชที่ออกมาส่งชายธงขึ้นรถ ได้ยินเสียงเอะอะรีบออกมาดูเห็นกร้าวถูกรุมทำร้ายก็ตกใจ
“คุณกร้าว”
อนุชจะออกไปช่วย ชายธงเห็นอย่างนั้นรีบลงจากรถมายื้อตัวอนุชไว้
“อย่าออกไปนุช อันตราย...”
ชายธงเข้าไปรวบตัวอนุชไว้ไม่ให้ออกไป กร้าวชกต่อยกับพวกคนร้าย ตอนแรกดูเหมือนว่าจะสู้ได้
แต่พอถูกรุมก็เสียท่า อนุชเห็นกร้าวกำลังจะเสียท่าร้องไห้ บอกให้ชายธงออกไปช่วย
“ช่วยคุณกร้าวด้วยชายธง...ชายธงช่วยคุณกร้าวด้วย”
ชายธงอึกอัก...กร้าวถูกจับล็อกแขนขา หัวหน้าแก๊ง เข้ามารุม อนุชเห็นชายธงอึกอัก ก็ร้องวิงวอนขอให้ชายธงช่วย
“โทรเรียกตำรวจสิชายธง โทรเรียกตำรวจ”
“เราคงทำแบบนั้นไม่ได้”
อนุชอึ้งไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไง”
ชายธงไม่พอใจ
“ก็หมายความว่าเราจะไม่มีวันช่วยมันเด็ดขาด แล้วเราก็ไม่ยอมให้นุชออกไปช่วยมันด้วย”
ชายธงพูดเสร็จก็ฉุดตัวอนุชเข้าไปในบ้าน อนุชดิ้นสู้ร้องเรียกกร้าวด้วยความเป็นห่วง
“ปล่อยนุชเดี๋ยวนี้ชายธง...”
ชายธงไม่สนใจ ฉุดตัวอนุชกลับบ้านไป อนุชร้องเรียกกร้าวอย่างใจเสีย
“คุณกร้าว คุณกร้าว”
ทันใดนั้นกร้าวที่ถูกรุมซ้อมสะบักสะบอมก็ได้ยินเสียงอนุชร้องดังมา เขาหันไปมองตามเสียงเห็นชายธงฉุดตัวอนุชเข้าบ้านไป
“อนุช”
กร้าวฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง สะบัดตัวคนร้ายที่ล็อกแขนขาเขาอยู่ก่อนจะชกสวนพวกมันคนละหมัดสองหมัดจนพวกมันล้มกลิ้งไม่เป็นท่า กร้าวรีบวิ่งมาหน้าบ้าน อนุชเห็นอย่างนั้นก็สะบัดชายธง ที่ล็อกตัวอยู่ออกก่อนจะวิ่งไปหากร้าวที่หน้าประตู
“คุณกร้าว”
“อย่านุช”
ชายธงรีบตามอนุชออกไป กร้าววิ่งมาถึงหน้าประตูรั้วบ้านเป็นจังหวะเดียวกับที่อนุชมาถึงพอดี ทั้งสองจะจับมือกันแต่ถูกหัวหน้าแก๊งกระชากตัวกร้าวออกไป
“เก่งนักเหรอ”
หัวหน้าแก๊งต่อยกร้าว ก่อนลูกน้องจะเข้ามารุมกระทืบ อนุชกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
ชายธงเข้ามารวบตัวอนุชออกไป
“ไปกับเราเดี๋ยวนี้นุช”
“เราไม่ไป ปล่อยนุชชายธง”
“เราไม่ปล่อย”
ชายธงกอดอนุชไว้แน่นไม่ยอมปล่อย กร้าวถูกซ้อมทรุดลง ก่อนจะถูกพวกมันลากตัวขึ้นรถไป อนุชเห็นกร้าวถูกซ้อม ร้องห้ามคนเหล่านั้น
“อย่าทำอะไรคุณกร้าว ปล่อยเค้า ปล่อย”
อนุชร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ ชายธงที่กอดอนุชอยู่เห็นอย่างนั้นรู้สึกไม่ดีเริ่มแน่ใจว่าตัวเองว่าทำถูกหรือเปล่า
อนุชเดินเข้าไปถามชายธงทั้งน้ำตา
“ทั้งหมดเป็นฝีมือชายธงใช่มั้ย”
ชายธงรู้สึกเสียใจ เบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบ อนุชไม่เข้าใจเข้าไปทุบตีชายธงทั้งน้ำตา
อนุช
“ชายธงทำอย่างนี้ทำไม ทำร้ายคุณกร้าวทำไม ทำไม”
ชายธงไม่สู้ พยายามรวบมืออนุชที่ทุบตีตนอยู่ อธิบายทั้งน้ำตา
“เราทำแบบนี้ทำไมเหรอ เราทำทุกอย่างก็เพื่อนุช”
อนุชอึ้ง หยุดทุบตีชายธง ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ทำเพื่อเรา”
“ใช่ มันทำร้ายนุชก็เหมือนทำร้ายเรา เราจะมอบบทเรียนอย่างสาสมให้มัน”
อนุชอึ้ง
“บทเรียนอะไร”
ชายธงน้ำตาไหล
“มันชอบใช้กำลังข่มเหงนุช ทำร้ายคนไม่มีทางสู้...เราจะทำให้มันรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน”
อนุชอึ้ง
“ชายธง”
อนุชอึ้ง คิดไม่ถึงว่าชายธงจะทำแบบนี้
รถแก๊งอันธพาลขับมาจอดในป่าข้างทาง ลูกน้องเหวี่ยงกร้าวที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมล้มลงไป หัวหน้าแก๊งหันไปสะบัดหน้าให้สัญญาณลูกน้อง
“ถ่ายคลิป”
ลูกน้องที่รอท่าอยู่ใช้โทรศัพท์มือถือที่เตรียมไว้ถ่ายคลิป กร้าวเห็นอย่างนั้นก็ถามอย่างกลัว ๆ
“จะทำอะไร”
“ได้ข่าวว่าชอบทำร้ายผู้หญิงใช่มั้ย”
หัวหน้าแก๊งปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกง กร้าวตกใจจะถอยหนี แต่ลูกน้องเข้ามาล็อกตัวเอาไว้ กร้าวที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมร้องโวยวายอย่างคนไม่มีทางสู้
“แกมันบ้าไปแล้ว ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย”
“จะให้ปล่อยก็ได้ แต่ต้องหลังจากนี้”
หัวหน้าแก๊งลูบริมฝีปากหน้าหื่น แล้วต่อยท้อง กร้าวจุกตัวงอ ก่อนลูกน้องอีกคนจะกระโดดทุบไปที่คอ กร้าวทรุดลง หัวหน้าแก๊งเข้าไปกระชากเสื้อกร้าวจนกระดุมขาดหมด เขาสลบไป หัวหน้าแก๊งหันไปสั่งลูกน้อง
“จัดฉากให้มันเหมือนโดนจริง ๆแล้วอย่าลืมถ่ายไว้ด้วย”
ลูกน้องแยกย้ายกัน จัดท่าทางกร้าวที่สลบอยู่
ในห้องนั่งเล่น...อนุชเข้าไปทุบตีชายธงด้วยความโกรธ
“ชายธงทำแบบนี้ได้ไง ชายธงบ้าไปแล้ว...ชายธงบ้าไปแล้ว”
ชายธงสวน
“ใช่เราบ้า บ้าเพราะต้องการปกป้องศักดิ์ศรีนุช”
“แต่นุชไม่ต้องการ”
“แล้วที่มันข่มเหงนุชล่ะ”
อนุชลุกขึ้นมาสวนแรง
“คุณกร้าวไม่ได้ข่มเหงนุช”
“แล้วที่นุชเสียใจล่ะ ทำไม”
“นุช...นุช...”
อนุชสับสนใจตัวเอง ทั้งรักทั้งเกลียดและรู้สึกอับอายที่ตัวเองเผลอตัวเผลอใจให้เขา ทั้ง ๆ
ที่เขาคิดกับตนเพียงเพราะต้องการแก้แค้น...อรชาหิ้วถุงพะรุงพะรัง เพิ่งกลับมาจากซื้อของ เดินผ่านมาพอดี
หยุดฟังด้วยความสนใจ...ชายธงเห็นอนุชสับสนยิ่งไม่เข้าใจว่า เธอรู้สึกยังไงแน่
“นุชทำไม”
อนุชตัดสินใจพูดออกมา
“นุชใจง่ายเองชายธง...นุชใจง่ายเอง”
อนุชปล่อยโฮออกมาอย่างสิ้นหวัง อรชาที่แอบฟังอยู่ตกใจ ชายธงตะลึง
“นุช”
ชายธงเข่าอ่อนแทบยืนไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวตัดพ้อถามอนุชด้วยไม่เข้าใจ
“นุชจะบอกว่ายอมให้มันย่ำยีงั้นเหรอ”
“อย่าถามอะไรนุชอีก นุชไม่อยากฟัง นุชไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว”
ชายธงผิดหวัง
“หรือว่า...นุชรักมัน”
อนุชชะงักไปตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“อย่าถามเรื่องนี้นุชอีกชายธง นุชขอร้อง”
ชายธงเจ็บปวดใจ
“เราเข้าใจแล้ว เราเข้าใจแล้ว”
ชายธงเดินออกไป อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง อนุชร้องไห้อย่างสิ้นหวัง อรชาที่มองอยู่รู้สึกสงสารน้องจับใจ
ชาติชะเง้อมองดูกร้าวตรงประตูทางเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเห็นขำวิ่งถือโทรศัพท์ไร้สายออกมา ชาติรีบถาม
“เป็นไงได้เรื่องมั้ย”
“โทรหาทั้งคุณคณิตคุณนกแล้วก็เพื่อนคนอื่น ๆไม่มีใครรู้เลยค่ะว่าคุณกร้าวไปไหน”
ชาติขัดใจ
“ไปไหนทำไมไม่บอก ต้องให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“จะให้ขำโทรแจ้งตำรวจหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้อง”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพร้อม ร้องเสียงดัง
“คุณกร้าว...ใครก็ได้ช่วยคุณก้าวด้วย”
ชาติกับขำ หันไปตามเสียง ทางประตูหน้าบ้าน
ขำเข็นรถชาติเข้ามาที่หน้าบ้าน ชาติถามพร้อมอย่างร้อนใจ
“กร้าวเป็นอะไรพร้อม”
ขำที่กำลังเปิดประตูรั้ว ท่าทางตกใจ พร้อมละล่ำละลักบอก
“คุณกร้าวค่ะคุณกร้าว...”
ประตูรั้วค่อย ๆ เปิดออก กร้าวที่ถูกซ้อมสภาพสะบักสะบอมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเดินเข้ามา 3 -
4 กร้าว ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ชาติเห็นอย่างนั้นร้องเรียกด้วยความตกใจ
“กร้าว”
พร้อมกับขำ ช่วยกันประคองกร้าวที่ล้มอยู่ ให้ลุกขึ้น
อรชาวางหูโทรศัพท์หันมาบอกอนุชที่รอฟังข่าวอยู่
“ตำรวจบอกว่าเจอตัวคุณกร้าวแล้ว ตอนนี้อยู่บ้าน”
อนุชดีใจจะรีบวิ่งออกไปหากร้าวแต่อรชารั้งไว้
“จะไปไหนนุช มืดแล้ว”
“อย่าห้ามนุชอีกเลยนะคะพี่อร นุชเป็นห่วงคุณกร้าว”
อรชาชั่งใจแต่พอเห็นสีหน้าแววตาเป็นห่วงของน้องสาวก็เข้าใจ พยักหน้ารับ
“เดี๋ยวพี่คุยกับพี่สิตเอง รีบไปรีบกลับแล้วกัน”
อนุชดีใจ
“ขอบคุณพี่อรมากนะคะ”
อนุชพูดจบรีบวิ่งออกไป อรชามองตามด้วยความสงสาร
อนุชเดินเข้ามาในบ้าน เห็นรถพยาบาลจอดอยู่ก็ใจคอไม่ดี ก่อนจะเห็นคณิตเดินมากับชาติ ก็ดีใจ รีบเดินเข้าไปหา เธอไหว้ชาติ
“สวัสดีค่ะป๋า คุณกร้าวเป็นยังไงบ้างคะ”
ชาติกับคณิตหันมองหน้ากันด้วยความหนักใจ
กร้าวนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนอน ใบหน้าลำตัวมีรอยบาดแผลถูกซ้อม อย่างหนัก ชาติ อนุช คณิต พร้อม ขำ ยืนมองอยู่อย่างเป็นห่วง คณิตหันมาบอกอนุช
“คุณนุชไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเช็คร่างกายเจ้ากร้าวละเอียดแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ว่าแผลทางใจนี่สิครับ หนัก”
อนุชมองกร้าวด้วยความเป็นห่วงจะร้องไห้
“คุณกร้าว...”
ชาติหนักใจ
“ลุงพูดเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาล”
“งั้นเดี๋ยวนุชดูแลคุณกร้าวเองค่ะ”
“อย่าลำบากเลย ป๋าว่าจะจ้างพยาบาลพิเศษ”
“แต่คุณกร้าวเจ็บตัวเพราะนุช ให้นุชดูแลคุณกร้าวนะคะ”
ชาติสงสัย
“หนูรู้เหรอว่าเจ้ากร้าวไปมีเรื่องกับใครมา”
อนุชนึกถึงคำพูดชายธง...
“มันชอบใช้กำลังข่มเหงนุช ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ เราจะทำให้มันรู้สึก อย่างนั้นเหมือนกัน”
คำพูดของชายธงทำให้อนุชรู้สึกไม่ดี ร้องไห้ออกมา
“นุชไม่ดีเองค่ะป๋า”
ชาติปลอบ
“เอาเถอะ ๆ ไม่ต้องร้องไห้ ป๋าไม่ถามแล้ว”
พร้อมหันมาบอก
“มีอะไรเรียกป้ากับขำมันได้นะคะคุณนุช”
“ขอบคุณค่ะ”
คณิต ชาติ พร้อม ขำเดินออกไป อนุชเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ เตียงจับมือกร้าวที่หลับอยู่
ขึ้นมากุม
“คุณต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันแท้ ๆ”
อนุชร้องไห้ออกมาด้วยความเป็นห่วง
ขณะเดียวกันธารินอยู่ที่บ้านชายธง เธอกระสับกระส่ายเดินกลับไปกลับมารอชายธงด้วยความเป็นห่วง เธอดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่าเที่ยงคืนกว่าแล้ว
“ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมา”
ธารินชะเง้อมองหา ทันใดนั้นก็เห็นชายธงเดินเมาเข้ามาก็ตกใจ
“พี่ชายธง”
ธารินรีบเข้าไปประคอง
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมเป็นแบบนี้”
พอชายธงเห็นธารินก็คิดว่าเป็นอนุช เขาจับแขนธารินคาดคั้นถามด้วยความเสียใจ
“ทำไม ทำกับเราแบบนี้ ทำไม ทำไม”
ธารินตกใจคิดว่าชายธงรู้แล้วว่าตนแอบทำสิ่งต่าง ๆ ให้เขา
“พี่ชายธงรู้แล้วเหรอคะว่ารินทำ รินขอโทษค่ะ รินไม่ได้ตั้งใจ”
ชายธงไม่รู้เรื่อง
“ทำไมทำกับเราแบบนี้ นุช นุช”
ธารินได้ยินชื่ออนุชก็น้ำตารื้นขึ้นมา ด้วยความน้อยใจ
ชายธงนอนเมาอยู่บนโซฟา ธารินเดินถืออ่างใส่น้ำและผ้าขนหนูมาเช็ดน้ำตา มองเขาที่นอนอยู่ด้วยความน้อยใจ ก่อนจะรวบรวมสตินั่งลงข้าง ๆ เช็ดเนื้อตัวให้เขา ชายธงเพ้อออกมา
“นุช เรารักนุช เรารักนุช”
ชายธงกอดธาริน
“รินก็รักพี่ชายธงนะคะ”
ธารินกอดตอบเขาน้ำตาไหลออกมา
กร้าวนอนร้องไห้เพ้อถึงตอนประสิทธิ์ข่มขืนแม่
“อย่า...อย่า... อย่า...”
อนุชที่ฟุบหน้านอนหลับอยู่ข้างๆ จับมือเขามากุมไว้
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะคุณกร้าว ไม่เป็นไรแล้ว”
กร้าวอาการสงบลง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
กร้าวนอนฝันร้าย ร้องไห้ออกมาเพราะถูกย้ำปมในอดีต อนุชสงสาร
“โธ่ คุณกร้าว”
อนุชกอดปลอบด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
เช้าวันใหม่...อสิตหาอนุชไม่เจอ เข้ามาเจออรชา
“อร นุชไปไหนตั้งแต่เมื่อคืน โทรหาก็ไม่รับ”
อรชาอึกอัก ลำบากใจ ไม่รู้จะตอบยังไง
“นุช...เอ่อ”
อสิตสงสัย
“อรรู้ใช่มั้ยว่านุชไปไหน”
อรชาพูดไม่ออก
“อร...”
อสิตจับไหล่น้องสาวคาดคั้น
“อรมีอะไรปิดบังพี่กันแน่ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้”
อรชาลำบากใจ
“อรบอกไม่ได้ อย่าบังคับอรเลยนะคะ”
อสิตโมโห
“ทำไมบอกไม่ได้”
ปรารภเข้ามาห้าม
“พอเถอะครับพี่สิต อย่าฝืนใจคุณอรเลย”
อสิตผลักปรารภออกไป
“รภไม่ต้องยุ่ง นี่มันเรื่องในครอบครัว” เขาหันมาคาดคั้นอรชาต่อ “ว่าไงอร”
ปรารภห้าม
“พอเถอะครับ”
อสิตมองหน้าอรชาและปรารภแล้วนึกรู้
“อย่าบอกนะว่านุชอยู่กับไอ้กร้าว”
อรชาและปรารภต่างตกใจ อสิตนึกรู้ โกรธมาก รีบออกจากบ้านไป
“พี่สิต แย่แล้วค่ะคุณรภ พี่สิตต้องไปบ้านคุณกร้าวแน่”
อรชาและปรารภรีบตามอสิตออกไป
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
กร้าวลืมตาตื่นขึ้น เจออนุชนอนกอดอยู่ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นุช”
อนุชรู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นเขาฟื้นแล้วก็ดีใจ
“คุณกร้าว คุณฟื้นแล้ว”
อนุชผละจากเขา กร้าวใจหาย ดึงเธอไว้
“คุณจะไปไหน อย่าไปนะนุช” เขาขยับแล้วเจ็บ “โอ๊ย”
อนุชตกใจ รีบประคอง
“อย่าเพิ่งลุกสิคะ ฉันแค่จะไปบอกป๋าว่าคุณฟื้นแล้ว ทุกคนเป็นห่วงคุณมากนะคะ”
“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
กร้าวกอดอนุชไว้แน่น ดีใจที่เธอกลับมา อนุชอึ้ง นิ่งให้เขากอด
“ตอนที่ถูกทำร้าย ผมคิดว่าผมคงต้องตายโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าคุณอีกแล้ว”
อนุชและกร้าวกอดกันด้วยความรักและโหยหา
อสิตเข้ามาที่สนามหน้าบ้านกร้าว โวยวายลั่น
“ไอ้กร้าว ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกด้วยมือฉันเอง”
อรชากับปรารภตามมา อรชาเข้าไปดึงพี่ชาย
“กลับบ้านเราเถอะค่ะพี่สิต อย่าก่อความวุ่นวายเลย”
อสิตสะบัด
“ปล่อยพี่”
ชาติ พร้อม ขำ ออกมาดู อนุชประคองกร้าวออกมา อสิตดีใจ
“นุช”
อนุชตกใจ
“พี่สิต”
อสิตคว้าแขนอนุช
“มันจับตัวนุชมาใช่มั้ย ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้”
อนุชขืนตัว ไม่ยอมไปกับอสิต
“ไม่มีใครจับตัวนุชมาทั้งนั้น นุชมาเองค่ะ”
อสิตตกใจ
“นุชไปยุ่งกับมันอีกทำไม ทั้งๆ ที่มันทำร้ายนุชสารพัด”
“คุณกร้าวไม่สบายเพราะนุชเป็นต้นเหตุ นุชอยากอยู่ดูแลเขา”
อสิตชะงัก
“ดูแลมันทำไม มันทำร้ายคนอื่นไว้เยอะ สมควรโดนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“นุชทิ้งเขาไปไม่ได้ค่ะ”
อสิตโมโห
“พี่ไม่เข้าใจ มันทำกับนุช ทำกับครอบครัวเราขนาดนี้ ทำไมยังทำดีกับมัน คนอย่างมัน ไม่สมควรได้รับความเห็นใจจากใครทั้งนั้น”
“ผมขอร้อง ให้นุชอยู่ที่นี่เถอะ อย่าพานุชไป”
กร้าวจับมืออนุชไว้ อสิตโกรธ
“เอามือสกปรกของแกออกไป อย่ามาแตะต้องตัวนุช”
อสิตชกกร้าว อนุชกรี๊ดลั่น
“คุณกร้าว”
อสิตตามไปซ้ำ อรชาตกใจ
“พี่สิต อย่าค่ะ”
ปรารภจับตัวไว้ อสิตโดนจับตัวไว้ ชกไม่ได้ ก็เอาไม้ฟาดกร้าวไม่หยุด ปรารภก็จับไม่อยู่
มุมหนึ่งหน้าบ้าน ชาติหน้าเครียด พร้อมกับขำห่วงกร้าว พร้อมหันมาถาม
“ทำไงดีคะคุณชาติ เรียกตำรวจมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เจ้ากร้าวทำกับเขาไว้เยอะ มันกำลังรับกรรมของมัน”
พร้อมชะงัก
“คุณชาติไม่ห่วงคุณกร้าวเหรอคะ”
“คิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ฉันเจ็บยิ่งกว่ามัน แต่คนเราหนีเวรกรรมไม่พ้น ต่อให้ปกป้องมันวันนี้ วันหน้ามันก็ต้องโดน”
พร้อมและขำพูดไม่ออก ชาติห่วงหลาน แต่ต้องใจแข็ง
ปรารภจับตัวอสิตที่อาละวาดอยู่ อนุชเข้าไปกอดกร้าวไว้ ปกป้องเขา อสิตตวาด
“นุชหลบไป”
อนุชพยายามห้าม
“อย่า พี่สิต อย่าทำเขา”
กร้าวพยายามผลักอนุชออก เพื่อปกป้องแต่เธอไม่ยอมไป
“นุชออกไป มันอันตราย”
“ไม่ นุชไม่ไปไหนทั้งนั้น”
อสิตยั้งมือ กลัวโดนน้อง
“นุชหลีกไป”
“ไม่ค่ะ อย่าทำอะไรเขา เขาไม่สบายอยู่”
อสิตเสียใจ
“นุชจะปกป้องมันทำไม ทั้งๆ ที่มันทำร้ายนุชสารพัด”
อนุชพนมมือไหว้ขอร้องพี่ชาย
“นุชขอร้องนะคะพี่สิต อย่าทำอะไรคุณกร้าว”
อสิตเจ็บใจที่อนุชดันปกป้องกร้าว
“ได้ ถ้าไม่อยากให้มันตาย นุชต้องกลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้”
กร้าวใจเสีย
“อย่าไปนะนุช ผมยอมตาย อย่าไป”
กร้าวดึงมืออนุชไว้ อสิตพยายามถีบกร้าว
“ถ้าแกอยากตาย ฉันจะสงเคราะห์ให้”
“อย่าพี่สิต นุชยอมแล้ว นุชจะกลับ”
กร้าวดึงอนุชไว้ อสิตดึงอนุชอีกทาง อนุชจำต้องปล่อยมือจากกร้าว เพื่อความปลอดภัยของเขา อสิตดึงอนุชออกจากบ้านไป กร้าวล้มลุกคลุกคลาน เจ็บตัวอยู่ตามไม่ไหว อรชารี่เข้าไปประคอง
“คุณกร้าว”
ปรารภมองอรชาที่ดูแลกร้าวอย่างห่วงใยก็เจ็บปวดใจ กร้าวเสียใจที่อสิตพาอนุชไปจากเขาจนได้
อสิตดึงมืออนุชเข้ามาในบ้าน อนุชร้องไห้อยู่อย่างนั้น อสิตตวาดลั่น
“จะร้องทำไม อย่าเสียน้ำตาให้คนอย่างไอ้กร้าว มันไม่มีค่าพอ”
อรชาและปรารภตามมา อรชาต่อว่าอสิต
“พี่สิตไปทำร้ายคุณกร้าวทำไม ทำแล้วมันได้อะไรขึ้นมา”
อสิตเสียใจ
“อรว่าพี่เหรอ ทั้งๆ ที่พี่ทำเพื่อปกป้องนุช”
“แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรไปทำร้ายเขาอย่างนั้น มันไม่ถูกต้อง”
“พี่ทำไม่ถูกแล้วที่ไอ้กร้าวทำกับเรามันถูกแล้วเหรอ พี่ไม่เข้าใจทั้งนุชทั้งอรเป็นอะไรกันไปหมด เข้าข้างคนเลวอย่างไอ้กร้าวทำไม”
อรชาเถียง
“คุณกร้าวไม่ใช่คนเลว เขาทำไปเพราะแค้นเรา”
“มันหาข้ออ้าง พี่ก็แค้นมันเหมือนกัน งั้นพี่ก็ทำอะไรก็ได้สิ”
อรชาอึ้ง
“พี่สิต”
“มันทำอะไรกับเราไว้ ลืมหมดแล้วเหรอ ดูพี่สิ ที่พี่ต้องเป็นแบบนี้เพราะใครเพราะมันคนเดียว ทำไมอรกับนุชไม่เห็นใจพี่บ้าง แต่กลับไปเห็นใจศัตรูหรือว่าอรก็รักมันอีกคน”
อรชาโกรธ
“พี่สิตอย่าหาเรื่องอรนะคะ อรเตือนพี่สิตดีๆ นะคะ”
“ไม่ต้องมาเตือนพี่ พี่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร”
อนุชร้องไห้เสียใจที่พี่ๆ ทะเลาะกัน
“พอเถอะค่ะ พี่อร พี่สิต อย่าทะเลาะกันเลย” เธอชี้รูปพ่อ “ถ้าคุณพ่อรับรู้ได้ท่านจะรู้สึกยังไงที่เราสามคนพี่น้องมีปัญหากันอย่างนี้”
ปรารภรีบเสริม
“นุชพูดถูกนะครับ อย่าทะเลาะกันเลยครับ”
อสิตและอรชาพูดไม่ออก อนุชพูดต่อ
“เรื่องที่เกิดขึ้น นุชผิดเองทั้งหมดค่ะ คุณกร้าวไม่ได้บังคับให้นุชไปที่บ้านเขา แต่นุชไปเอง ถ้าจะโทษ ก็โทษนุชเถอะค่ะ”
อนุชร้องไห้ เดินหนีออกไป อสิตไม่เข้าใจทั้งอนุชและอรชา อรชาและปรารภไม่สบายใจ
ปรารภเข้ามาปลอบอย่างมีระยะห่าง และตัดพ้ออรชาอยู่กลาย ๆ
ค่ำนั้น...อรชาเข้ามาหาพี่ชายในห้อง อสิตไม่สบายใจเรื่องอนุช
“นุชเป็นไงบ้าง”
“เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง แล้วก็ร้องไห้ค่ะ”
อสิตร้อนใจ ห่วงน้อง
“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมนุชต้องอยากกลับไปอยู่กับไอ้กร้าว ทั้งๆ ที่นุชก็รู้ว่ามันทำร้ายครอบครัวเรา”
อรชาเข้าใจอนุช เพราะเธอก็เคยรักกร้าวแม้ว่าเขาจะร้าย
“อรรู้ค่ะ ว่าทำไม”
อสิตสงสัย อรชาเสียงจริงจัง
“เพราะนุชรักคุณกร้าวค่ะ”
อสิตตกใจ
“รักไอ้คนชั่วนั่นน่ะนะ ไม่จริง พี่ไม่เชื่อ”
“มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วค่ะ”
“ทำไม ทำไมนุชต้องไปรักคนอย่างนั้น มันมีอะไรดี”
“ความรักเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายค่ะ แต่พี่สิตน่าจะเข้าใจนะคะ เพราะพี่สิตก็เคยมีความรัก พี่สิตตอบได้มั้ยคะ ว่าทำไมพี่สิตถึงรักพี่ลิต้าล่ะคะ ไม่ว่าพี่ลิต้าจะทำร้ายพี่สิตขนาดไหน พี่สิตก็เกลียดพี่ลิต้าไม่ลง และพร้อมที่จะอภัยให้เขาเสมอ”
อสิตอึ้ง พูดไม่ออก
“พี่...”
“ความรู้สึกของนุชในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของพี่สิตหรอกค่ะ และที่นุชเสียใจ เพราะนุชรู้อยู่เต็มอกว่ารักคนที่ไม่ควรรักเข้าแล้ว”
อสิตทรุดลงนั่ง สงสารอนุช
“พี่ควรจะทำยังไงดีอร พี่เกลียดไอ้กร้าว พี่เกลียดมัน พี่ยอมรับมันเข้ามาอยู่ในครอบครัวเราไม่ได้”
อรชากุมมือพี่ชาย
“อรก็อดโกรธเกลียดคุณกร้าวไม่ลงในสิ่งที่เขาทำกับเรา แต่พี่สิตลองชั่งใจดูว่าระหว่างความสุขของนุชกับความโกรธเกลียด ความแค้นที่พี่มีต่อคุณกร้าว สิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน”
อสิตสับสน คิดไม่ออก
“พี่ต้องเลือกเก็บสิ่งหนึ่งไว้ และทิ้งอีกสิ่งหนึ่งไปค่ะ อรพูดได้เท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่สิตค่ะ”
อรชาออกไป อสิตคิดหนัก ยากที่จะตัดสินใจ
ชายธงนั่งเศร้า รู้สึกท้อแท้ พลางบ่น
“ทำดีก็ไม่ได้ดี!”
ธารินแอบมองอย่างเป็นห่วง มองกล่องของขวัญในมือท่าทีลังเล
ชายธงนั่งอยู่ สาวใช้หญิงนำกล่องของขวัญมาให้ เขารับมามองแปลกใจ แล้วลองแกะดู ข้างในมีตุ๊กตานางฟ้ามีปีก อยู่ในชุดขาว ถือคฑาอยู่ด้วย
ชายธงมองตุ๊กตานางฟ้าอย่างสงสัย แล้วนึกถึงอดีต...
ในวัยเด็ก ธารินนั่งเศร้า เสียใจที่แข่งเปียโนแพ้ ชายธงเดินมานั่งด้วย
“ทำไมน้องรินไม่ซ้อมเปียโน”
ธารินท้อ
“ซ้อมแล้วก็แข่งแพ้อยู่ดี”
ชายธงยื่นตุ๊กตานางฟ้าให้ ธารินมองแล้วเฉยๆ
“ถ้าจะเอาตุ๊กตามาล่อให้ไปซ้อมเปียโน น้องรินมีเต็มห้องแล้วค่ะ”
“แต่ตุ๊กตาตัวนี้ไม่เหมือนตัวอื่นนะ”
ธารินแปลกใจ
“ตุ๊กตาตัวนี้เป็นตุ๊กตา...นางฟ้าเสกให้เข้มแข็ง”
“นางฟ้าเสกให้เข้มแข็ง”
“พ่อพี่เคยบอกว่าไม่มีใครไม่เคยแพ้ แต่ล้มแล้วต้องลุกขึ้นสู้ใหม่”
ชายธงทำท่านำตุ๊กตาเสกที่หน้าผากธาริน
“รินได้พรจากนางฟ้าแล้ว แข่งเปียโนคราวหน้ารินต้องชนะแน่”
ธารินดีใจ
“จริงเหรอคะพี่ชายธง”
“จริงสิ”
ชายธงยื่นตุ๊กตาให้ ธารินดีใจ รับไป
“เราไปซ้อมเปียโนกันเถอะ”
ธารินมีกำลังใจ จับมือชายธงที่ยื่นมาให้ สองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ชายธงนั่งมองตุ๊กตาแล้วนึกได้
“หรือว่าจะเป็น...ริน”
ชายธงรีบร้อนออกไปที่หน้าบ้าน แล้วร้องเรียก
“ริน อยู่ที่ไหน พี่รู้นะว่ารินอยู่แถวนี้”
ธารินหลบอยู่ ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้า ชายธงมองตุ๊กตานางฟ้า เชื่อว่าต้องเป็นธาริน แต่เมื่อไม่เห็น เขาจึงเดินเข้าบ้าน ระหว่างนั้นเห็นสร้อยข้อมือของธารินหล่นอยู่ที่พื้น ก็หยิบมาเก็บไว้ด้วยสีหน้าระบายรอยยิ้ม
อนุชร้องไห้ พูดกับรูปพ่อ แม่อยู่ในห้องนอน
“คุณพ่อคุณแม่ขา เขาเป็นศัตรูของวิชเวทย์ เขาทำร้ายทุกคนในบ้านเรา นุชควรจะเกลียดเขาใช่มั้ยคะ”
อนุชเสียใจ ฝืนใจตัวเองไม่ได้ อรชาแอบแง้มประตูเข้ามามองอย่างสงสารน้อง ก่อนเดินกลับมาหา
“นุชเป็นไงบ้าง” อสิตถามอย่างเป็นห่วง
“เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง แล้วก็ร้องไห้ค่ะ”
“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมนุชต้องอยากกลับไปอยู่กับไอ้กร้าว ทั้งๆ ที่นุชก็รู้ว่ามันทำร้ายครอบครัวเรา”
อรชาเข้าใจอนุช เพราะเธอก็เคยรักกร้าวแม้ว่าเขาจะร้าย
“อรรู้ค่ะ ว่าทำไม”
อสิตสงสาร
“เพราะนุชรักคุณกร้าวค่ะ”
อสิตตกใจ
“รักไอ้คนชั่วนั่นน่ะนะ ไม่จริง พี่ไม่เชื่อ”
“มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วค่ะ”
“ทำไม ทำไมนุชต้องไปรักคนอย่างนั้น มันมีอะไรดี”
“ความรักเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายค่ะ แต่พี่สิตน่าจะเข้าใจนะคะ เพราะพี่สิตก็เคยมีความรัก พี่สิตตอบได้มั้ยคะว่าทำไมพี่สิตถึงรักพี่ลิต้าล่ะคะ ไม่ว่าพี่ลิต้าจะทำร้ายพี่สิตขนาดไหน พี่สิตก็เกลียดพี่ลิต้าไม่ลง และพร้อมที่จะอภัยให้เขาเสมอ”
อสิตอึ้ง พูดไม่ออก
“พี่...”
“ความรู้สึกของนุชในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของพี่สิตหรอกค่ะ และที่นุชเสียใจ เพราะนุชรู้อยู่เต็มอกว่ารักคนที่ไม่ควรรักเข้าแล้ว”
อสิตทรุดลงนั่ง สงสารอนุช
“พี่ควรจะทำยังไงดีอร พี่เกลียดไอ้กร้าว พี่เกลียดมัน พี่ยอมรับมันเข้ามาอยู่ในครอบครัวเราไม่ได้”
อรชากุมมืออสิต
“อรก็อดโกรธเกลียดคุณกร้าวไม่ลงในสิ่งที่เขาทำกับเรา แต่พี่สิตลองชั่งใจดูว่าระหว่างความสุขของนุชกับความโกรธเกลียด ความแค้นที่พี่มีต่อคุณกร้าว สิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน”
อสิตสับสน คิดไม่ออก
“พี่ต้องเลือกเก็บสิ่งหนึ่งไว้ และทิ้งอีกสิ่งหนึ่งไปค่ะ อรพูดได้เท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่สิตค่ะ”
อรชาเดินกลับออกไป อสิตคิดหนัก ยากที่จะตัดสินใจ
อนุชยืนเหม่ออยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น อสิตเปิดเข้ามา อนุชเห็นหน้าอสิตก็รู้สึกผิดต่อพี่ชาย
“นานแล้วนะที่เราสองพี่น้องไม่ได้คุยกันอย่างเปิดอก”
“พี่สิตมีอะไรรึคะ”
“พี่มีเรื่องอยากถามนุช พี่อยากฟังจากปากของนุชเอง”
อนุชสงสัย
“นุชรู้สึกยังไงกับไอ้..เอ่อ..นายกร้าว นุชรักเขารึเปล่า”
อนุชยังปากแข็ง
“ไม่ค่ะ นุชไม่ได้รักเขา นุชเกลียดเขา”
อสิตมองอย่างจับผิด
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิคะ นุชจะรักเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาทำร้ายพี่สิต หลอกลวงพี่อร นุชรักเขาไม่ลงหรอกค่ะ นุชเกลียดเขาด้วยซ้ำ”
อนุชพูดไปร้องไห้ไป พรั่งพรูความอัดอั้นตันใจออกมา
“นุชเกลียดที่เขาป่าเถื่อน ชอบใช้กำลัง เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่เคยเชื่อใจใคร เกลียดที่เขารักใครไม่เป็น นุชเกลียดเขา นุชเกลียด”
อนุชพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้โฮ อสิตมองอนุช น้ำตาคลอ มองออกว่าอนุชรักกร้าวอย่างที่อรชาพูด เขาเข้าไปกอดน้องสาวไว้
“พี่อยากให้นุชรู้ไว้อย่างหนึ่ง พี่มีน้องสาวแค่สองคน พี่ยอมได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของน้องพี่”
อสิตเช็ดน้ำตาให้ อนุชมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจว่ากำลังจะทำอะไร
วันใหม่...อสิตพา อรชา อนุชและปรารภมาที่บ้านกร้าว ชาติออกมาต้อนรับ พร้อมกับขำตามมาด้วย
“พี่สิตมาที่นี่ทำไมคะ” อนุชถาม
อสิตไหว้ชาติ ไม่ตอบคำถามน้องสาว แต่ตะโกนเลย
“ไอ้กร้าว แกอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้”
กร้าวออกมา เห็นหน้าอนุชก็ดีใจ
“นุช”
“คุณกร้าว”
ทั้งคู่ต่างสบตากันด้วยความรัก อสิตเข้าไปใกล้ จ้องหน้ากร้าวดุๆ
“พี่สิตคะ” อรชาปรามๆ
อนุชบอกอย่างไม่สบายใจ
“พี่สิตอย่าทำร้ายคุณกร้าวอีกเลยนะคะ นุชสัญญาว่านุชจะไม่ยุ่งกับคุณกร้าวอีกค่ะ”
“สิ่งที่แกทำกับครอบครัวฉันมันเกินที่ฉันจะยกโทษให้แก แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าความรู้สึกของฉัน นั่นก็คือความสุขของนุช...ผมจะยกโทษให้ ในทุกสิ่งที่ทำกับผม กับครอบครัวผม และอยากขอโทษแทนคุณพ่อที่ท่านได้ล่วงเกินคุณแม่ของคุณ ถือว่าเราหายกัน สิ่งที่ผ่านไปแล้วให้มันแล้วไป ตกลงมั้ย”
ทุกคนพากันอึ้งกับสิ่งที่ชาติพูด กร้าวไม่เข้าใจ
“ทำไมคุณถึงยกโทษให้ผมง่ายๆ”
“ผมทำไปทุกอย่างเพื่อคนที่ผมรัก”
ชาติและทุกคนพากันยิ้มดีใจ อสิตยอมยกโทษให้กร้าว
บริเวณสนามหญ้าที่บ้านกร้าว มีการจัดโต๊ะเก้าอี้อย่างง่ายๆ แต่สวยงาม ที่พื้นปูพรมผืนใหญ่ มีโต๊ะเล็กและมีโกศใส่เถ้ากระดูกของพ่อ และแม่กร้าววางอยู่สองโกศคู่กัน ชาตินั่งเป็นประธาน และเป็นพยาน อสิต อรชา และอนุชคุกเข่าต่อหน้าโกศกระดูก
“ผม อสิต วิชเวทย์ และน้องๆ ขอเป็นตัวแทนของคุณพ่อ กราบขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพ่อของพวกเราเคยล่วงเกินท่านทั้งสอง และขอให้อโหสิกรรมต่อกัน”
อสิต อรชาและอนุชกราบพร้อมกัน กร้าวมองภาพตรงหน้า น้ำตาคลอ ชาติกล่าวขึ้น
“อาล่ะ ต่อไปนี้ก็ขอให้อภัยให้กันในทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผ่านมาก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ขอให้ทุกคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ ต่อไปนี้ขอให้หมดทุกข์หมดโศก”
“อรดีใจที่สุดที่วิชเวทย์ กับศุภกาญจน์เข้าใจกันซะที”อรชาโล่งใจ
“ยังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย” ชาติบอกทุกคน
เมื่อกลับมาที่บ้าน...อนุชคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ชาติบอกกับทุกคนว่า...
“พรุ่งนี้กร้าวกับนุชไปจัดการเรื่องหย่ากันให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป ในเมื่อการแต่งงานระหว่างกร้าวกับนุช เกิดขึ้นจากความแค้น ไม่ใช่ความรัก ก็ถึงเวลาแล้วที่จะแก้ไข้ให้ถูกต้อง ว่าไงล่ะ ลุงพูดถูกมั้ย…”
กร้าวและอนุชมองหน้ากันเครียดๆ
อนุชใจหายที่ต้องไปหย่าพรุ่งนี้ กรวิกเดินเข้ามาหา อนุชได้ยินเสียง หันไปเห็นก็แปลกใจ
“นก”
กรวิกมองหน้าอนุชจริงจัง
“ฉันมาเพื่อพูดธุระของฉันเท่านั้น เธอคิดยังไงกับอากร้าวกันแน่”
อนุชอึ้ง
“ทำไมถึงถามฉันอย่างนั้นล่ะนก”
“ฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาถามฉัน ตอบมาตามตรง”
อนุชพูดไม่ออกเช่นกัน เพราะกร้าวทำร้ายครอบครัวเธอมากเกินไป และคิดว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะกร้าวไม่รักเธอ
“ฉันจะคิดยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ถึงยังไงฉันกับอากร้าวของเธอก็ต้องหย่าจากกันอยู่ดี เพราะการแต่งงานของเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักมาตั้งแต่แรก”
กรวิกรำคาญ
“แต่อากร้าวรักเธอ”
“เธอพูดอะไร”
กรวิกเจ็บปวดเมื่อต้องพูดความจริง
“อากร้าวรักเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพูด แต่เขาแสดงออกอย่างนั้นเสมอ เธอเป็นที่หนึ่ง เธอสำคัญที่สุดเสมอสำหรับอากร้าว ทั้งฉันทั้งยายลิต้าพยายามแล้ว แต่ไม่มีใครแทนที่เธอได้”
“ไม่จริงนะนก”
“พี่สะใภ้ เธอรู้ดีที่สุดว่าในใจอากร้าวมีแต่เธอ ยายนั่นถึงอยากกำจัดเธอ อยากให้เธอหายไปจากโลกนี้ เพราะคิดว่าถ้าไม่มีเธอสักคน อากร้าวจะรัก”
อนุชสับสน
“ถ้าเขารักฉัน ทำไมเขาไม่เคยบอกฉัน”
“คำพูดมันสำคัญมากกว่าการกระทำเหรอ”
“อย่างน้อยคำพูด ก็ทำให้ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองไปฝ่ายเดียว”
กรวิกพูดไม่ออก
“ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ฉันอยากให้เธอคิดให้ดีเพราะการตัดสินใจของเธอจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล”
อนุชคิดหนัก
วันใหม่ กร้าวและอนุชนั่งด้วยกันที่สำนักงานเขต เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารให้ กร้าวและอนุชต่างหันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างเจ็บปวดและไม่อยากหย่า
“บอกผมสักคำว่าคุณต้องการอิสรภาพจากผม แล้วผมจะเซ็นใบหย่าให้คุณทันที”
อนุชเจ็บปวด
“มีเหตุผลอะไรที่เราไม่ควรหย่าจากกันล่ะคะ คุณตอบฉันได้มั้ย”
กร้าวอยากจะบอกว่ารัก แต่จิตสำนึกสั่งว่าผิดต่อแม่ กร้าวเงียบ อนุชเสียใจ น้ำตาคลอ
“คุณตอบไม่ได้ แสดงว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะผูกมัดกันไว้ ด้วยกระดาษแผ่นเดียว”
อนุชน้ำตาคลอ เซ็นใบหย่า กร้าวหน้าเครียด เสียใจ น้ำตาคลอเช่นกัน
“ถ้านี่คือความต้องการของคุณ ผมยินดีปล่อยให้คุณเป็นอิสระ”
กร้าวเซ็นใบหย่า เจ้าหน้าที่รับไปจัดการต่อ ทั้งคู่ไม่มองหน้ากัน เพราะกลัวจะร้องไห้ออกมา
ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
คณิตกับกรวิกเดินเล่นด้วยกันในสวนสาธารณะ
“เจ้ากร้าวกลับมาเป็นคนโสดอีกครั้งแล้ว คุณดีใจไหมคณิตแกล้งถามหยั่งกรวิก”
กรวิกนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเอง
“ฉันดีใจเวลาเห็นอากร้าวยิ้ม ดีใจที่เห็นอากร้าวมีความสุข...แต่ตอนนี้ ฉันรู้ว่าอากร้าวไม่มีความสุข แล้วฉันจะดีใจได้ยังไง”
“แสดงว่าคุณเลิกหวังในตัวเจ้ากร้าวแล้วจริงๆ”
กรวิกค้อนขวับ
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง หาว่าฉันคอยแช่งให้สองคนนั้นหย่ากันเหรอ”
คณิตกวน
“หรือว่าไม่เคยคิด”
กรวิกชะงัก
“ก็เคยอ่ะนะ...แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าอากร้าวมีความสุขเวลาอยู่กับนุช”
“แล้วเสียใจรึเปล่า”
กรวิกดุ
“นี่ จะทำโพล์รึไง ถามนั่นถามนี่อยู่ได้”
“ก็อยากรู้นี่ ว่าผมพอจะมีความหวังบ้างรึเปล่า”
“พูดอะไรน่ะ จะบ้าเหรอ”
กรวิกเขิน เดินหนีไปพลางบ่น
“บ้าจริงๆเลย...จะจีบเค้าแล้วมาบอกตรงๆทำไม ไม่มีลีลามั่งเลย ตาทึ่ม”
กรวิกเดินมาอยู่ดีๆ ชายคนหนึ่งเข้ามายื่นดอกไม้ให้
“สำหรับคุณครับ”
ชายคนนั้นให้ดอกไม้แล้วเดินไปเลย กรวิกงง
“เดี๋ยวคุณ มาให้ฉันทำไม”
ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามายื่นดอกไม้ให้
“ของคุณค่ะ”
กรวิกรับดอกไม้งงๆ แล้วมีชาย หญิงอีกคู่นำดอกไม้เข้ามาให้อีก
“สำหรับคุณค่ะ”
“นี่พวกคุณ มาให้ดอกไม้ฉันทำไม”
“เขาฝากมาครับ”
ผู้ชายยิ้มชี้ไป คณิตถือดอกไม้อีกดอก เดินเข้ามาหา
“จะบ้าเหรอ ทำแบบนี้ทำไม ฉันอายนะ”
“ก็เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นหมอทึ่มๆ ไม่มีลีลาขอจีบคุณนะ”
คณิตส่งดอกไม้ให้ กรวิกรวบดอกไม้ไว้แล้วตีใส่คณิต
“คนบ้า”
ทั้งสองมองหน้าแล้วหัวเราะให้กัน
เชิดเดินออกมาแหงนหน้ารับแสงตะวันอย่างพึงพอใจ เพราะถูกจับขังคุกหลายวัน ก่อนจะหันไปตบบ่าขอบใจเพื่อน
“ขอบใจ ที่ช่วยประกันข้าออกมา”
“ของฟรีไม่มีในโลก”
“ข้าไม่ลืมหรอก เงินอยู่กับพวกวิชเวทย์...มันจะเป็นคนชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแทนข้า”
เชิด แค้นพวกวิชเวทย์ ที่เป็นสาเหตุทำให้ติดคุก
อรชากับอนุชนั่งจัดดอกไม้กันอยู่ด้วยกัน
“ขอกรรไกรพี่หน่อยนุช” อรชาบอก
อนุชใจลอยคิดถึงกร้าว
“กรรไกรพี่ล่ะ”
อรชาหันไปเห็นอนุชนั่งใจลอยอยู่ ก็เอื้อมมือไปจับมืออนุชถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
อนุชสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“คะ เมื่อกี๊พี่อรว่ายังไงคะ”
“พี่ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า 2 - 3 วันมานี้เห็นเราซึมไป”
“ปละ...เปล่าค่ะ อาจเป็นเพราะช่วงนี้มีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่อง”
อรชาแซวน้อง
“ไม่ใช่กำลังคิดถึงใครอยู่เหรอ”
อนุชงอน
“พี่สิตพี่อรอยู่ตรงนี้ จะมีใครให้นุชคิดถึงอีกล่ะคะ”
“คุณกร้าวไง”
“พี่อรอย่าพูดชื่ออีกนะคะ นุชไม่อยากฟัง อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันจบๆไปเถอะค่ะ”
“แต่พี่กลัวว่ามันไม่ได้ผ่านไปจริงๆนะสิ เรื่องบางเรื่องมันมีเวลาของมันนะนุช ถ้าเราไม่มีรีบฉกฉวยมันไว้ ปล่อยให้มันผ่านไป เราจะเรียกมันกลับคืนมาไม่ได้อีก โดยเฉพาะความรู้สึกดี ๆ ที่เรามีให้ใครบางคน”
“ถ้าเราแสดงออกฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายไม่พยายามทำอะไรเลย จะให้เราแน่ใจได้ยังไงค่ะว่าเค้าคิดเหมือนกัน”
“วางลงบ้างนะ”
อนุชงง
“อะไรเหรอคะ”
“ทิฐิ”
อรชาพูดยิ้ม ๆ ยกแจกกันดอกไม้ที่จัดเสร็จเดินออกไป อนุชบ่นกับตัวเอง
“ขืนยอมมีหวังถูกโขกสับทั้งชีวิตแน่”
กร้าวที่กำลังอ่านเอกสารงานอยู่จามเสียงดัง คณิตเดินเข้า อดแซวไม่ได้
“สงสัยมีคนคิดถึงอยู่แน่ๆเลย”
“ใครจะมาคิดถึงฉัน”
“มีไม่กี่คนหรอกที่รับมือแกไหว”
กร้าวไม่พอใจที่ถูกแซว
“หมายถึงใคร”
“ลุงชาติ ป้าพร้อมมั้ง”
กร้าวรู้ว่าหมายถึงอนุชก็หงุดหงิด
“อย่ามากวน คนกำลังอารมณ์ไม่ดี”
“งั้นก็...หาคนมาทำให้อารมณ์ดีสิ”
“ฉันทำงานอยู่ไม่เห็นเหรอ”
“เรื่องของเพื่อน ก็เป็นงานของฉันเหมือนกัน อย่าลืมสิคะว่าแกเป็นผู้ชาย ถ้าแกไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนผู้หญิงคนไหนจะกล้า โดยเฉพาะหน้ายุ่งๆ เครียดๆ แบบนี้ คงมีคนอยากคุยด้วยหรอก”
“เรื่องของฉัน”
“แต่โบราณว่าไว้ เวลา วารี นารี...ไม่รอใครนะต่อให้หล่อ รวย ดี แค่ไหนถ้าทำให้ผู้หญิงเขามั่นใจไม่ได้ ระวังจะโดนแคนเซิลนะเว้ย”
คณิตพูดเสร็จเดินออกไป ทิ้งให้กร้าวอยู่คนเดียว ครุ่นคิดถึงอนุช
“ใครจะไปรักผู้หญิงพันธุ์อย่างนั้น”
กร้าวหงุดหงิดคิดถึงอนุช
อนุชช่วย อรชายกแจกันที่จัดเสร็จไปตั้งประดับตามมุมต่างๆ ของบ้าน อนุชจาม อรชาอดแซวไม่ได้
“มีคนคิดถึงอยู่หรือเปล่า”
อนุชงอน
“นินทาสิไม่ว่า ยิ่งปากร้ายๆอยู่ด้วย”
อรชาหันถามน้องด้วยความสงสัย
“ว่าพี่เหรอจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ ว่าคนบางประเภทที่ถือดี คิดว่าคนอื่นจะต้องยอมตลอด”
อรชาแกล้งแซวน้อง
“แล้วที่ยอมไม่ใช่เพราะรักเหรอ”
“ถ้าพี่อรไม่เลิกพูดเรื่องนี้อีก นุชไม่คุยด้วยแล้ว”
“เอาเถอะๆ พี่ไม่พูดแล้วก็ได้ เย็นนี้พี่มีธุระ เฝ้าบ้านด้วยนะจ๊ะ”
“ค่ะพี่อร”
อรชาเดินออกไป อนุชคิดถึงกร้าว บ่นกับตัวเอง
“ทำไมต้องมาวนเวียนอยู่ในหัวฉันด้วย ไม่รักแล้วยังใจร้ายอีก”
กร้าวที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่จามขึ้นมาอีก ก่อนจะชะงักละมือจากงานบนโต๊ะ
“สงสัยจะมีคนคิดถึงจริงๆ”
กร้าวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
อรชาถือซองเอกสารสีน้ำตาลเดินมากับปรารภ ออกมาจากบ้าน
“อรว่าอะไรที่ถอนฟ้องได้ อรก็จะถอน ส่วนอันไหนก็ถอนไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย”ปรารภพยักหน้าเห็นด้วย
“ดีแล้วครับ เลิกแล้วต่อกัน จะได้ไม่มีปัญหากันอีก ว่าแต่คุณนุชไม่ไปด้วยเหรอครับ”
“นุชยังร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อรก็เลยให้อยู่บ้าน...รีบไปกันเถอะค่ะ พี่สิตคงนั่งรอในรถแย่แล้ว”
อรชา ปรารภเดินออกไปด้วยกัน
เมื่อรถอรชากับปรารภ เลี้ยวออกจากบ้านไป เชิดกับลูกน้องอีกสองคนซุ่มดูอยู่ เชิดทำสัญญาณมือให้ลูกน้องอีกสองคนปีนเข้าไป ลูกน้องทั้งสองคนปีนรั้ว เชิดดูลาดเลามองซ้ายมองขวา ก่อนจะปีนตามเข้าไป
โทรศัพท์ดังขึ้น กร้าวรับสาย
“อากร้าวคะ เย็นนี้มีนัดเคลียร์กับพวกวิชเวทย์เรื่องคดีอย่าลืมนะคะ”
“แล้วฝ่ายนั้นมีใครไปบ้าง”
“ทนาย แล้วก็พี่สิต พี่อรมั้งคะ”
กร้าวคิดอะไรบางอย่างแล้วยิ้ม
“งั้นโทรบอกทนายอาด้วยแล้วกัน ทางนั้นเสนออะไรมาให้ยอมทุกอย่าง”
“อ้าว แล้วอากร้าวไม่ไปด้วยเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ อามีเรื่องสำคัญมากว่านั้นต้องทำ”
กร้าววางสาย นึกถึงอนุชแล้วอารมณ์ดี
อนุชเดินคุยอยู่กับพร้อม และขำที่ชาติสั่งให้มาหา
“คุณชาติเป็นห่วงก็เลยให้ป้ากับนังขำมาดูคุณ” พร้อมบอก
“นุชไม่เป็นไรค่ะ ฝากขอบคุณป๋าด้วยนะคะ”
ขำยื่นถุงของฝากให้อนุช
“นี่คะของฝากจากไร่ทานตะวัน...จะได้ไม่ลืมกัน”
อนุชรับของฝาก พลางกระเซ้าขำ
“พี่ขำพูดซะนุชรู้สึกผิดเลยนะเนี่ย”
“ป้ามารบกวนคุณนุชนานแล้ว ป้าขอตัวก่อนนะคะ” พร้อมบอกอย่างยิ้มแย้ม
“ฝากบอกป๋าด้วยนะคะ เสร็จเรื่องวุ่น ๆ นี้แล้ว นุชจะไปเยี่ยมที่ไร่”
“ค่ะ”
อนุชกับป้าพร้อมกอดล่ำลากัน
พร้อมกับขำเดินเลี้ยวออกมาตรงมุมบ้าน เจอพวกเชิดที่ลอบเข้ามาพอดี ทั้งสองกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
“อ๊าย”
อนุชเดินเข้ามาถามอย่างตกใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอคะป้าพร้อม”
เชิดเห็นอย่างนั้นสั่งลูกน้อง
“จับมัน”
“ว้าย”
ลูกน้องสองคน จับพร้อมกับขำ
“หนีไปค่ะคุณนุช ไม่ต้องห่วงป้า” พร้อมร้องบอก
“คุณนุชหนีไป”
พร้อม ขำดิ้นสู้ทั้งตบทั้งตีสองคนร้าย อนุชได้สติรีบวิ่งหนีไปโทรแจ้งตำรวจ เชิดเห็นอย่างนั้นรีบวิ่งตามไป
“จะหนีไปไหน”
อนุชตรงไปที่โทรศัพท์ แต่ถูกเชิดวิ่งมาดักหน้ารวบตัวไว้ อนุชตกใจร้องว้าย ก่อนจะกระทืบเท้ามันอย่างแรง แล้วผลักเชิด เชิดไม่ทันตั้งตัวล้มลง อนุชวิ่งหนีไป
ด้านในพร้อมกับ ขำ ทั้งตบทั้งถีบลูกน้องเชิดทั้งสองคนชุลมุน ก่อนขำจะสลัดหลุดจากพวกมันได้ ป้าพร้อมตะโกนบอกขำ
“โทรเรียกตำรวจเร็วนังขำ”
ขำล้วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาโทรลนลาน ลูกน้องเข้ามา
“เก่งนักหรือมึง”
ขำถูกตบกลิ้ง มือถือกระเด็นไป พร้อมที่ถูกลูกน้องอีกคน ล็อกตัวอยู่กัดแขนแรง มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสลัดพร้อมหลุดออก แล้วจะพากันหนี แต่ลูกน้องชักปืนออกมาเล็งขู่
“อยากจะตายหรือไง”
ป้าพร้อมกับขำที่กำลังหนีตาย ชะงักหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว
อนุชวิ่งขึ้นมาข้างบน เข้าห้องโน่นออกห้องนี่ จนเชิดที่วิ่งตามหลังมาติด ๆ เริ่มสับสนว่าอนุชหนีไปทางไหน อนุชแอบอยู่หลังโต๊ะในห้องหนึ่ง เชิดเดินเข้ามามอง
“ยังไงวันนี้แกก็หนีฉันไม่พ้นหรอก จะออกมาดีๆ หรือจะให้ใช้กำลัง”
เชิดชักปืนออกมาส่องเล็งไปทั่ว ๆ ห้อง เดินตรงมาที่อนุชที่หลบุอยู่ อนุชตัวสั่น ขยับหนีด้วยความกลัว
ชิดเดินมาถึงตรงที่อนุชแอบอยู่ในตอนแรก ชั่งใจ ก่อนจะเล็งปืนไป เห็นว่าอนุชไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
อนุชที่อยู่ด้านหลังเชิด คลานหนีไปหลบใต้โต๊ะ ลูกน้องสองคนจับตัวพร้อมกับขำเข้ามา
“จับตัวมันได้แล้วลูกพี่”
เชิดกระชากตัวพร้อมมา
“ ถ้าไม่ออกมาดีๆ อีแก่นี้ตาย”
เชิดเล็งปืนไปที่พร้อม อนุชที่หลบอยู่ แอบดู ตัวสั่นด้วยความตกใจ พร้อมโมโหที่ถูกด่าว่าแก่
“แม่แกสิแก่”
“ปากดีนัก”
เชิดตบพร้อมล้มกลิ้งไป พร้อมสะบัดหน้าหันมา อย่างไม่กลัว
“คุณนุชอย่าออกมานะคะ อย่าออกมา”
“จะลองดีกับฉันก็ได้”
เชิดเล็งปืนไปที่ป้าพร้อม ป้าพร้อมร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ อนุชที่แอบอยู่ คิดสับสนด้วยความกลัว ก่อนจะโพล่งออกไป
“ฉันยอมแล้ว อย่าทำอะไรป้าพร้อม”
เชิดกับพวกหันมาตามเสียง อนุชที่แอบอยู่ออกมาจากที่ซ่อน ป้าพร้อมร้องบอกออกมาด้วยความเป็นห่วง
“อย่าออกมานะคะคุณนุช อย่าออกมา”
อนุชเดินตรงมาที่เชิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านขึ้น เชิดหันไปบอกทุกคน
“ถ้าไม่อยากตายอย่าส่งเสียง”
พร้อม ขำยืนตัวแข็งด้วยความกลัว อนุชเหลือบมองสมุดโทรศัพท์เล่มใหญ่ที่อยู่ใกล้มือเพื่อหาเป็นอาวุธ เสียงกริ่งเงียบไป ลูกน้องที่คุมตัวพร้อมกับขำอยู่บอกเชิด
“เสียงเงียบไปแล้วลูกพี่”
อนุชฉวยจังหวะนั้นคว้าสมุดโทรศัพท์ขึ้นมาทุบไอ้เชิด เชิดเสียหลักเซไป อนุชตะโกนบอกพร้อม ขำ
“หนีไป”
พร้อม ขำผลักลูกน้องทั้งสองคนล้มลง ก่อนจะวิ่งหนีไปออกไปพร้อมกับอนุช เชิดเจ็บตะโกนบอกลูกน้องทั้งสองคน
“พวกแกมันไม่ได้เรื่อง ตามมันไปสิวะ”
ทั้งสามรีบวิ่งกรูกันออกไป เชิดกับลูกน้องตามทัน เชิดจับตัวอนุชไว้
“ฉันบอกแล้วยังไงวันนี้แกก็หนีไม่รอด”
อนุชที่ถูกเชิดล็อกตัวอยู่ ผลักเชิดออก จะหนี แต่เชิดจับไว้ได้ พร้อม ขำที่ถูกจับอยู่กรีดร้องด้วยความตกใจ
“ฤทธิ์มากนักเหรอ นังตัวดี”
เชิดตบหน้าอนุชอย่างแรง จนอนุชล้มลง เชิดจะตรงเข้าไปซ้ำอนุช ขำที่ถูกล็อกตัวอยู่ สลัดลูกน้องออกเข้าไปปกป้องอนุช
“แกจะทำอะไรคุณนุช”
เชิดยิงสวนออกมาด้วยสัญชาตญาณ ปัง !
กร้าวที่เป็นคนกดกริ่งแล้วรออยู่ ได้ยินเสียงปืน หันขวับไปมองทางคฤหาสน์มโนรมย์ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“นุช!”
กร้าวรีบเข้าไปด้านในทันที
ขำที่ถูกยิงทรุดลงกับพื้น อนุช ป้าพร้อมกรีดร้องอย่างเสียวขวัญ พร้อมเข้าไปรวบร่างขำขึ้นมาเขย่าทั้งน้ำตา
“นังขำ นังขำ”
อนุชวิงวอนขอร้องเชิด
“แกอยากได้อะไรเอาไป อย่าทำร้ายทุกคน อย่าทำร้ายทุกคน”
“ฉันต้องการเงินร้อยล้าน” เชิดประกาศ
กร้าวค่อย ๆ ลอบเข้ามาในบ้านอย่างระแวดระวัง พลางโทรแจ้งตำรวจ
“ครับผมได้ยินเสียงปืนดังมาจากคฤหาสน์มโนรมย์...ครับได้ยินไม่ผิดแน่ คุณตำรวจรีบมานะครับ”
กร้าวกดตัดสายมือถือ พลางมองหาอนุชอย่างระแวดระวัง ทันใดนั้น กร้าวก็เห็นรอยเลือดเป็นทางมาจากอีกห้องหนึ่งก็รีบวิ่งไปดูใจคอไม่ดี
อนุชตอบเชิดไปตามความจริง...
“ครอบครัวฉันกำลังล้มละลาย จะมีเงินที่ไหนมาให้พวกแก”
“โกหก”
“ไม่เชื่อก็ไปค้นดูในบ้านได้เลย ฉันก็อยากจะมีเงินร้อยล้านเหมือนกัน จะได้ใช้หนี้ให้หมดๆ ไปซะที”
ลูกน้องไม่พอใจ
“นี่แกชวนฉันมาปล้นพวกถังแตกงั้นเหรอ”
“จะไปรู้เหรอก็เห็นนังตามันมีเงินเป็นร้อยล้าน”
อนุชแปลกใจ
“แกพวกวกเดียวกับพี่ลิต้าเหรอ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นสู่รู้”
ลูกน้องอีกคนถาม
“แล้วคราวนี้จะเอายังไง”
“จะเอายังไง ก็ปิดปากมันสิวะ”
เชิดจะยิงอนุช แต่ลูกน้องเข้ามาขวางเสียก่อน
“เดี๋ยว ไหนๆก็มาแล้วอย่าให้เสียเที่ยว”
ลูกน้องฉุดตัวอนุชขึ้นมา อนุชร้องถามท่าทางกลัวๆ
“แกจะทำอะไร”อนุชร้องอย่างตกใจ
เชิดรู้ว่าลูกน้องจะปล้ำอนุช
“งั้นก็รีบๆเข้า เดี๋ยวพ่อแกก็ได้แห่มาหรอก”
ลูกน้องฉุดตัวอนุชไปหลังพุ่มไม้
“แกจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย”
“คุณนุช”
พร้อมจะเข้าไปช่วยอนุช แต่ถูกลูกน้องฉุดตัวออกไป กร้าวที่แอบอยู่กระชับไม้ในมือ พอลูกน้องโผล่มา ก็หวดใส่อย่างแรง จนมันล้มลง
“โอ๊ย”
ปืนลูกน้องตกลง เช็ดเห็นอย่างนั้นก็ยิงใส่กร้าว แต่กร้าวไวกว่าพลิกตัวหลบ หยิบปืนที่ตกอยู่ ยิงสวนมันออกไป ป้าพร้อมร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เชิดถูกลูกปืน ล้มลง ปืนในมือกระเด็นตกไป กร้าวเล็งปืนไปที่มัน
“อย่าขยับ ถ้าไม่อยากตาย”
กร้าวหยิบปืนส่งให้ป้าพร้อม
“ถ้ามันขยับ ยิงหัวมันเลยป้า”
“ค่ะคุณกร้าว รีบไปช่วยคุณนุชเถอะค่ะ”
พร้อมรับปืนมาเล้งไปที่เชิดด้วยความกลัว
ลูกน้องปล้ำอนุชที่พยายามดิ้นสู้ อนุชสู้แรงไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้
“ปล่อยฉัน ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง”
ลูกน้องปล้ำจูบอนุช เป็นจังหวะเดียวกับที่กร้าวเข้ามาพอดี เขานึกถึงอดีตที่ได้ยินเสียงแม่ร้องดังออกมาจากห้องหนึ่งซึ่งประตูห้องเปิดแง้มอยู่ กร้าวเข้าไปดูเห็นประสิทธิ์กำลังปลุกปล้ำชื่นอยู่ กร้าวโกรธ เข้าไปชกประสิทธิ์พัลวันเท่าที่เด็กชายคนหนึ่งจะมีแรง
‘ปล่อยแม่ผมนะ’
กร้าวนึกถึงความหลัง ก็โกรธสุดขีด เล็งปืนไปที่ลูกน้องทั้งน้ำตา
“ปล่อยตัวอนุชเดี๋ยวนี้ ถ้าแกแตะต้องอนุชแม้แต่เส้นผม ฉันจะทำให้แกเจ็บปวดไปทั้งชีวิต”
เชิดเห็นพร้อมเผลอ มองไปที่กร้าว พุ่งเข้าไปชาร์จแย่งปืน พร้อมไม่ยอมให้ ก่อนจะปืนจะลั่นขึ้นมาหนึ่งนัด พร้อมทรุดลงพร้อมกองเลือด
กร้าวหันขวับมาทางเสียงปืน เชิดวิ่งมา กร้าวยิงปัง!
เชิดโดนยิงล้มลง ลูกน้องตกใจ กร้าวเล็งปืนจะยิงลูกน้อง เพราะเกลียดคนที่ข่มขืนผู้หญิง อยากจะฆ่าให้ตายด้วยมือ จังหวะเดียวกันนั้น ตำรวจก็กรูกันเข้ามา
“หยุดวางอาวุธเดี๋ยวนี้”
กร้าวชะงักหันไปมองตำรวจ อนุชรีบร้องห้าม
“วางปืนเถอะคุณกร้าว”
กร้าวเล็งปืนมาที่ลูกน้อง อยากยิงให้ตายคามือ
“วางปืนลงเดี๋ยวนี้” ตำรวจร้องห้ามอีก
อนุชอ้อนวอน
“คุณไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาแลกกับคุณประเภทนี้ วางปืนลงเถอะคุณกร้าว ฉันขอร้อง”
กร้าวคิดหนัก ลูกน้อง ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลัง แล้วชักปืนออกมาจะยิงกร้าว
อนุชเห็น รีบกระโดดเข้าไปปกป้อง
“คุณกร้าว ระวัง”
อนุชโดนยิงปัง !
กระสุนเฉียดที่หัวอนุช จนหน้าสะบัดหันกลับมาทางกร้าว อนุชค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นมาเหมือนจะขอให้กร้าวช่วย กร้าวเอื้อมไปจะจับมืออนุช แต่แตะได้แค่ปลายมือ ก่อนอนุชก็หงายหลังล้มไป กร้าวร้องเรียกอนุชออกมาสุดเสียง
“นุช....”
กร้าวพุ่งเข้าไปรวบตัวอนุชกอดทั้งน้ำตา ตำรวจวอเรียกรถพยาบาล อีกส่วนเข้ามาเคลียร์พื้นที่
กร้าวเขย่าร่างอนุชที่เลือดเต็มหน้าด้านที่โดนกระสุนเฉียด
“ใจดีๆไว้ คุณต้องไม่เป็นอะไร คุณต้องไม่เป็นอะไร”
อนุชมองหน้ากร้าวอย่างพร่าเลือน เพราะคราบน้ำตา
“ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องจะบอกคุณ ผม...รักคุณ...”
แต่อนุชไม่ทันได้ยินคำว่ารักจากปากกร้าว สติก็ดับวูบไปก่อน
100 วันผ่านไป...ที่วัดแห่งหนึ่ง อนุชแต่งหน้าอ่อนมากๆ นอนในโลงศพ เด็กวัดนำผ้าขาวมาคลุมหน้าอนุช พระสวดทำพิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย อรชา ปรารภ กรวิก นั่งพนมมือร่วมในพิธี ฟังพระสวด ทุกคนที่มาร่วมงานอยู่ในชุดขาว
อรชาร้องไห้เสียใจ อสิตปลอบ
“อย่าร้องสิอร เราต้องเข้มแข็ง ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบไปแล้ว ต่อไปนี้เราควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสิ่งที่เหลืออยู่ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สูญเปล่า ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าความแค้นไม่เคยสร้างประโยชน์กับใคร มีแต่เผาทำลายชีวิตเราเอง”
“ค่ะ พี่สิต”
อรชากลั้นน้ำตา โอบไหล่อรชาไว้อย่างปลงๆชีวิต
หลังเสร็จพิธี อรชาเก็บข้าวของ ดูความเรียบร้อย ปรารภเข้ามาช่วย
“ผมช่วยนะครับ”
อรชายิ้มรับ ปรารภแอบมองอรชาลองหยั่ง
“ความจริง ถ้าไม่นับเรื่องความเจ้าคิดเจ้าแค้น นายกร้าวก็มีส่วนดีอยู่เหมือนกันนะครับ”
“อรว่าไม่มีใครดี แล้วก็ไม่มีใครเลวไปทั้งหมดหรอกค่ะ สำคัญที่ว่า เราจะให้อภัยกันได้มากน้อยแค่ไหน”
“คุณอรคงอภัยให้นายกร้าวหมดแล้วใช่ไหมครับ” ปรารภถาม
“ค่ะ อรอภัยให้คุณกร้าวหมดแล้ว อรเหนื่อยกับการแก้แค้นเอาคืนกันเต็มทนแล้ว”
ปรารภแอบตัดพ้อ
“มันคงง่ายนะครับ ถ้าเราจะอภัยให้คนที่เรารัก”
อรชาชะงัก
“คุณรภหมายความว่ายังไงคะ”
“คุณอรรักนายกร้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
อรชาประชด
“ใช่ค่ะ อรรักคุณกร้าว ได้ยินอย่างนี้พอใจรึยังคะ”
อรชาจะเดินหนี ปรารภจับแขนอรชาไว้
“เดี๋ยวสิครับคุณอร ผมไม่ได้ว่าถ้าคุณอรจะรักใคร ผมแค่เป็นห่วง...”
“ค่ะ อรน่าเป็นห่วงจริงๆเพราะดันไปรักคนที่ไม่สนว่าอรจะรักใคร คุณกร้าวเขายังคิดจะต่อสู้แย่งชิงเพื่อคนที่เขารัก ผิดกับบางคนที่ยอมยกคนรักให้คนอื่นง่ายๆ”
อรชาเดินหนีไป ปรารภยังอึ้งๆ ทบทวนสิ่งที่อรชาพูด
“หมายความว่า...”
ปรารภดีใจ รีบตามไป
“คุณอร...เดี๋ยวครับ...คุณอร....”
อรชาเดินหนี ไม่ยอมหันกลับมามอง ปรารภคิดแผน แกล้งทำเป็นล้มลงไป
“โอ๊ย”
อรชาหันมามอง ตกใจ เห็นปรารภล้มอยู่ก็รีบเข้ามาช่วย
“คุณรภเป็นอะไรคะ”
ปรารภยิ้ม
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
อรชารู้ว่าโดนหลอก
“คุณรภ”
เธอจะผละไป ปรารภดึงไว้
“เดี๋ยวสิครับคุณอร...ผมรู้แล้วนะ ว่าคุณอรห่วงผม”
“เอาความห่วงใยของคนอื่นมาล้อเล่น ต้องให้เจ็บจริงๆซะบ้าง”
อรชาแกล้งทุบตี ปรารภยิ้มรับ รวบมือเธอไว้
“คุณอรรักผมเหรอครับ ถึงได้มือเบากับผมขนาดนี้”
อรชาแกล้งงอน
“เรื่องอะไรอรจะรักคนที่ไม่คิดจะต่อสู้เพื่ออร”
อรชาผละออกมา ปรารภรีบลุกตาม
“ผมสู้เพื่อคุณอรมาตลอดนะครับ แต่การต่อสู้ของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่น...”
อรชาชะงัก
“ที่ผ่านมา ผมรู้ตัวว่าไม่คู่ควรกับคุณอร...ไม่ว่าคุณอรจะรักตอบหรือไม่รัก ผมก็ไม่มีสิทธิจะเรียกร้อง”
“สิทธิที่จะรักไม่ได้อยู่ที่สมบัติภายนอกนี่คะ...แต่ใครมีความรักที่ยิ่งใหญ่ เขาก็สมควรได้รับความรักตอบ”
“ถ้าคุณอรรักตอบผม ผมก็โชคดีมากกว่าใคร โชคดีกว่าถูกล็อตเตอรี่อีกนะครับ”
อรชาหัวเราะขำๆ รู้สึกมีความสุขในสิ่งที่ได้ฟัง ทั้งสองคนเดินจับมือกันเดินเล่นไปตามเส้นทางที่สวยงาม
“เมื่อไหร่ครับ ที่คุณอรรู้ตัวว่ารักผม”
อรชาส่ายหน้า
“อรก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งที่อรมีปัญหา คุณจะอยู่ข้างๆอรเสมอ มันทำให้อรเคยชินกับการที่ต้องมีคุณ”
“แสดงว่าแผนของผมก็ได้ผลน่ะสิครับ หมั่นมาให้คุณอรเห็นหน้าบ่อยๆพอผมไม่อยู่ คุณอรจะได้คิดถึง”
“อ๋อ นี่คุณก็จอมวางแผนเหมือนกันเหรอคะ”
“ล้อเล่นน่ะครับ...”
ปรารภหันมากุมมืออรชาไว้ทั้งสองมือ
“มันแค่เป็นความสุขใจของผม ที่ได้อยู่เคียงข้างคุณอร...ผมสัญญา จากนี้ผมจะไม่ไปไหน จะอยู่ข้างคุณอรแบบนี้ตลอดไป ต่อให้ไล่ก็ไม่ไปครับ”
“ดีแล้วค่ะ ต่อให้ไล่ก็อย่าไปนะคะ”
ปรารภหัวเราะ
“ครับ”
ทั้งสองหัวเราะให้กัน แล้วสบตากันซึ้งใจ ปรารภดึงอรชามาโอบกอดไว้ด้วยความรัก อรชาอยู่ในอ้อมกอดของปรารภอย่างอบอุ่นใจ
เมื่อธารินเดินเข้ามาที่บ้าน เธียรรีบเข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“หนูริน แย่แล้ว ไอ้ชายธงมันหายตัวไป ลุงติดต่อมันไม่ได้เลย”
“คุณลุงใจเย็นๆก่อนนะคะ มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าคะ”
เธียรส่ายหน้า
“ไม่มี แต่ชายธงมันอกหัก ลุงกลัวมันจะคิดสั้น”
ธารินตกใจ
“พี่ชายธง..คุณลุงดูในห้องรึยังคะ พี่ชายธงทิ้งจดหมายหรืออะไรไว้รึเปล่า”
“ยังเลย”
“งั้นรินขึ้นไปดูให้ค่ะ”
ธารินรีบวิ่งไป เธียรมองตาม แล้วยิ้มออกมา
ธารินวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ มองหาร่องรอยที่ชายธงอาจจะทิ้งไว้ ธารินมองไปที่โต๊ะแล้วชะงัก
ที่โต๊ะมีบลูเบอรี่ชีสพายที่เธอทำให้เขาวางอยู่ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นโน้ตของชายธงอยู่บนโต๊ะ ขนมทับไว้บางส่วน ธารินหยิบขึ้นมาอ่าน
“ขอทำใจที่ใต้ต้นไม้...”
ธารินตกใจ
“พี่ชายธงจะผูกคอตาย”
หญิงสาวรีบวิ่งออกไปที่บริเวณสวน ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ พลางร้องไปด้วย....
“พี่ชายธง อย่าทำอะไรโง่ๆนะ”
ธารินมองหา แต่ไม่เจอชายธง
“พี่ชายธงไม่อยู่...พี่ชายธง..”
แมวขาวเดินเข้ามา ธารินมองแปลกใจ เดินเข้าไปหา เห็นกระดาษโน้ตพับอยู่ที่สายรัดคอแมว เดินไปแกะดู แล้วอ่าน
“กลับเข้าบ้านเถอะคนดี จะไม่มีเงาของพี่อีกแล้ว...นี่มันอะไรกัน พี่ชายธงอยู่ไหนกันแน่”
ธารินวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอย่างร้อนใจ
“คุณลุงคะ...”
เสียงดนตรีดังขึ้น ธารินชะงัก หันมองทางต้นเสียง แล้วเดินไปดูอย่างแปลกใจ พบว่าชายธงกำลังเล่นดนตรีเพลงรักเพื่อบอกรักเธอ ธารินมองชายธง น้ำตารื้น เมื่อเขาเล่นดนตรีจบลง จึงลุกมาหา แล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ร้องไห้ทำไมล่ะครับ”
“ก็คุณลุงบอกว่าพี่ชายธงจะคิดสั้น แถมรินเจอจดหมายลาตายของพี่ชายธง รินตกใจหมด...”
ชายธงหัวเราะ
“จดหมายลาตายที่ไหน”
ธารินหยิบขึ้นมาให้ดู
“นี่ไง พี่ชายธงเขียนว่าจะมีเงาของพี่ชายธงแล้ว”
“ก็ถูกแล้วไง... รินเคยบอกว่ารินจะขอเป็นแค่เงาของพี่ แต่ตอนนี้พี่ไม่ให้รินเป็นแล้ว”
ธารินอึ้งไป
“พี่ชายธง...”
“เราจะเป็นแสงสว่างให้กัน รินไม่ได้เป็นเงา แต่จะเป็นตัวตนของพี่”
ชายธงหยิบแหวนออกมา คุกเข่าตรงหน้าธาริน
“กลับมาเป็นคู่หมั้นของพี่อีกครั้งได้ไหม”
ธารินน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน พยักหน้ารับ ชายธงลุกขึ้น สวมแหวนหมั้นให้ ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุข เธียรโผล่หน้ามามอง ยิ้มอย่างชื่นใจ
กร้าวยืนเหม่ออยู่ในบ้าน ชาติเดินเข้ามาหา....
“คิดอะไรอยู่”
“ผมกำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาครับลุง ผมไม่คิดเลยว่าความแค้นในใจผม มันจะเผาทำลายทั้งคนรอบข้างและตัวผมได้มากขนาดนี้ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมที่ผ่านมาลุงถึงคอยห้ามไม่ให้ผมแก้แค้น”
“ลุงดีใจที่กร้าวคิดได้ไม่ใช่ปล่อยให้ความแค้นเผาผลาญตัวเอง จนตายทั้งเป็นเหมือนกับลิต้า”
กร้าวคิดถึงลิต้าที่หน้าเสียโฉมและติดคุกแล้วทอดถอนใจ และเมื่อคิดถึงอนุชก็เศร้ายิ่งกว่า
“แต่กว่าจะคิดได้ มันก็สายเกินไปแล้ว”
“ไม่มีคำว่าสายเกินไป ถ้ากร้าวรู้สึกว่ายังมีอะไรที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำก็ทำซะ อะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ จงกล้าที่จะพูดออกไป”
กร้าวพยักหน้ารับคำ
เจ้าหน้าที่คุมตัวลลิตาหน้าตาเสียโฉมจากการถูกรถชนเข้าคุก เธอพยายามดิ้นรน โวยวาย ไม่ยอมรับความจริง
“ปล่อยฉัน ฉันไม่ได้ผิด ปล่อย!”
ประตูลูกกรงปิดลง ลลิตาเขย่าลูกกรง
“สิต คุณกร้าว ช่วยลิต้าด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยด้วย ฉันไม่อยากอยู่ในนี้”
ลลิตาทรุดลงนั่งเกาะลูกกรง รับความจริงไม่ได้ ร้องไห้คร่ำครวญ ลลิตาร้องไห้
“เป็นเพราะนังนุชคนเดียว มันทำลายชีวิตฉัน เพราะมันคนเดียว”
ห้องขังชายอีกแห่ง ...เชิดเขย่าลูกกรง แต่ก็ไม่สามารถออกไปจากห้องขังได้
“ปล่อยกู ปล่อย! ปล่อยโว้ย!”
“เงียบ” ตำรวจใช้กระบองเคาะลูกกรงให้เชิดเงียบ
อรชาเดินกลับเข้ามาในบ้านวิชเวทย์ แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“กลับบ้านเราซะทีนะนุช”
อนุชตามเข้ามา
“ค่ะ พี่อร อยู่โรงพยาบาลตั้งนาน คิดถึงบ้านจะแย่แล้ว”
“ทำพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายแล้ว ถือว่าอนุชคนเก่าที่มีแต่เรื่องร้ายๆ ได้ตายไปแล้ว ต่อไปนี้พี่ขอให้เป็นอนุชคนใหม่ ที่มีแต่ความสุขและมีแต่สิ่งที่ดีในชีวิตนะจ๊ะ”
อนุชไหว้ รับพรจากอรชา
“ขอบคุณค่ะพี่อร ขอบคุณที่ดูแลนุชมาตลอด”
อนุชกอดอรชาอ้อนๆ สองพี่น้องหัวเราะคิกคักสดใส กร้าวเข้ามา ทั้งคู่เห็นกร้าวก็อึ้ง
“คุณกร้าว”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“มีอะไรก็บอกมาสิคะ”
กร้าวอึกอัก พูดไม่ออกอีก
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปซะ”
อนุชเดินหนี กร้าวไม่สบายใจ
“รีบตามไปสิคะ อรเอาใจช่วยนะคะ”
กร้าวยิ้มกับอรชาแล้วตามอนุชออกไป อรชามองตามลุ้นๆ
อนุชเดินไปที่สวน กร้าวตามมาติดๆ
“นุช”
อนุชชะงัก กร้าวตัดสินใจพูด
“ผมขอโทษที่ทำร้ายคุณและครอบครัวคุณมาตลอด เพียงเพื่อต้องการแก้แค้น จนทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ มากมาย จนผมเกือบจะต้องเสียคุณไป”
อนุชรอฟัง
“แค่นี้เหรอคะที่จะพูด”
กร้าวพูดไม่ออก
“เรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะค่ะ ฉันไม่ติดใจอะไร คุณสบายใจได้ ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
อนุชจะเดินหนี กร้าวตัดสินใจพูดออกไป
“ผมรักคุณ”
อนุชอึ้ง ชะงัก ไม่คิดว่ากร้าวจะพูด
“ไหนคุณเคยบอกว่าเกลียดฉัน”
“เมื่อก่อนผมเคยเกลียดคุณ เกลียดความปากดีอวดเก่งของคุณ เกลียดน้ำตาคุณเวลาที่คุณร้องไห้ เกลียดทุกอย่างที่เป็นคุณเพราะมันทำให้ผมอ่อนแอ จนเกือบจะล้มเลิกการแก้แค้นหลายครั้ง”
กร้าวยิ้ม
“แต่ตอนนี้ผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าผมรักคุณ และจะรักคุณทุกวัน ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน วันนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไร ผมก็จะรักคุณ”
“แล้วถ้าอีกหน่อยฉันแก่ ฉันอ้วน คุณยังจะรักฉันมั้ย”
“ไม่ว่าจะอ้วนขึ้น จะแก่ จะหูตึง หรือวันหนึ่งคุณจะจำผมไม่ได้ ผมก็จะรักคุณ ผมรักคุณเพราะคุณสอนผมให้รู้จักการให้อภัยและสอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก”
กร้าวกุมมืออนุช
“ผมรักคุณ นางฟ้าของผม”
อนุชแอบยิ้มเขิน แล้วนึกได้ แกล้งงอนใส่
“ฉันรอให้คุณพูดคำนี้มาตั้งนาน นานจนเลิกรอแล้ว...คุณมาบอกตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ตอนนี้ฉันเกลียดคุณ ฉันจะแก้แค้นคุณที่ปล่อยให้ฉันรอนาน”
“ได้เลย ผมจะไม่หนีไปไหน ผมยอมให้คุณแก้แค้นตลอดชีวิต”
กร้าวกอดและหอมแก้มอนุช ท่ามกลางสายตาของ อรชากับปรารภที่ยืนคู่กันอย่างแนบชิด รวมทั้ง คู่ของชายธง กับธาริน คณิตและกรวิกที่เริ่มคบหาดูใจกัน และพากันมาร่วมเป็นสักขีพยานกับความรักของทั้งคู่
ชาติ พร้อมและขำได้พากันมาร่วมยินดีด้วยเช่นกัน ต่างปลาบปลื้มไปกับหนุ่มสาวทุกคู่ ที่ถูกเล่ห์ร้ายแห่งเสน่หาเล่นงาน แต่สุดท้ายก็ลงเอยกันได้ อย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์
โปรดติดตามอ่าน "มายาสีมุก"