หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 16
ขณะเดียวกันนังเตอร์เกย์ผมทอง จอดรถที่หน้าอาคารห้องจัดเลี้ยงอย่างรวดเร็ว ทิพปภารีบลงจากรถทันที
“ขอบใจมากนะเตอร์ที่ขับรถมาส่ง”
“เตอร์ไปด้วยพี่ทิพ เผื่อช่วยอะไรได้”
ทิพปภากับเตอร์ลงมา เชอรี่ยืนรออยู่ หน้าตาร้อนรน
“น้าทิพใช่มั้ยคะ หนูฉันมารอน้าอยู่”
“อ๋อ คุณใช่มั้ยที่โทร.ไปบอก ฉันว่ายายรัญ เกิดเรื่อง...เรื่องอะไรบอกชั้นมาเร็วๆ สิ” ทิพปภาร้อนใจมาก
“ตามหนูมาเถอะค่ะ รัญธิดากำลังแย่”
เชอรี่รีบพาทิพปภากับเตอร์เข้าไปด้านใน ส่วนอีกมุมตรงด้านหน้าเฉิดโฉมโผล่ออกมาดู หน้าตาเหี้ยมเกรียมปนสะใจ ขณะมองตาม
ทักษอรโวยลั่นห้อง
“นี่มันเรื่องตลกใช่มั้ยคะ พี่พีทก็รู้ความจริง แล้วว่ายายนี่มันเป็นยังไง พี่พีทยังกล้าแต่งงานกับผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจคนนี้อีกเหรอ”
ธาริศปราม “หยุดเถอะอร”
“มันอะไรกันตาพีท หนูอรพูดถึงเรื่องอะไร” กันตาถามลูกชาย
“อย่าไปสนใจเลยครับแม่...งานวันนี้มันอาจจะเป็นงานแต่งงานที่เล็กๆ เรียบๆ แต่ผมก็เห็นว่า ในเมื่อเราสองคนต่างก็มีผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมารับรับรู้แล้ว ก็คงน่าจะเพียงพอ ทั้งคุณแม่ของผม แล้วก็...” พีทหันไปมองแพทอย่างขมขื่น “คุณน้าของเจ้าสาว
แพทพูดอะไรไม่ออกรู้ดีว่าพีททำเพราะอะไร น้ำตาคลอแต่กลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหล
“พีท ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะรอตามฤกษ์ที่ได้มาใหม่”
“ขอโทษครับแม่ แต่ผมรอไม่ไหวอีกแล้ว...ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ต้องแต่งเหมือนกัน ฤกษ์ที่ดี ควรเป็นฤกษ์ที่เราสะดวก ไม่ใช่หรือครับแม่”
กันตาถอนใจ “ถ้าทางคุณแพทกับหนูรัญ ไม่มีปัญหาแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ว่าไงครับ คุณน้าแพท” พีทจงใจพูดประชด “คุณน้าคงเห็นแก่ความรักของเรานะครับ เพราะสิ่งที่ผมทำก็เป็นไปอย่างที่คุณน้าต้องการได้ทุกอย่าง”
กันตาหันไปมองแพทรอฟังคำตอบ แพทจำต้องพูดออกไป
“ค่ะ...ชั้น...ยินดี”
รัญธิดามองแพทอย่างงุนงงกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น พีทเองก็อึ้งไป เมื่อแพทยินยอม
“ถ้าอย่างนั้น เราเริ่มพิธีกันดีกว่า” พีทหันมาทางรัญธิดา “เชิญครับรัญ”
พีทจูงรัญพาไปนั่งที่ตั่ง
จังหวะนี้ประตูห้องจักเลี้ยงถูกผลักเข้ามา มีเชอรี่นำมา พร้อมกับเตอร์และทิพปภา
“เดี๋ยวค่ะ รอแขกคนสำคัญอีกคนก่อนซิคะ”
เสียงเชอรี่ดังขึ้น ทุกคนชะงักหันไปมอง
เชอรี่ถอยหลังหลบทางเห็นเป็นทิพปภา กับเตอร์ยืนงงอยู่ รัญธิดากับแพทตกใจ ทิพปภายังงงอยู่ แต่พอเห็นทุกคนแล้ว และเห็นรัญธิดากับพีทอยู่บนเวทีที่มีตั่งรดน้ำสังข์ก็เข้าใจทันที
“แกหลอกฉัน”
ทิพปภาหันหลังจะเดินกลับ แต่เจอเฉิดโฉมยืนอยู่ด้านหลังอีกที
“จะไปไหนละคะ คุณแม่เจ้าสาว”
รัญธิดากับแพทช็อกทันที คนอื่นยังงงๆ ตามไม่ทัน ทิพปภากับเตอร์ตกใจมาก
“เธอเธอพูดเรื่องบ้าบออะไร ฉันไม่รู้เรื่อง หลีกไป ฉันจะกลับบ้าน ไปเตอร์”
“ค่ะ พี่ทิพ”
เตอร์จูงทิพปภาจะเดินออกจากห้อง เสียงเฉิดโฉมดังขึ้น
“ถ้ากลับตอนนี้ เธอก็จะไม่ได้เห็นตอนลูกสาวเธอโดนจับเข้าคุกน่ะซิ”
คราวนี้ทิพปภากับเตอร์ชะงัก เหลียวขวับกลับมามอง เฉิดโฉมชูเอกสารในมือขึ้น
“ฉันจะแจ้งความ ว่ารัญธิดาปลอมแปลงเอกสารของบริษัท...”
แพทสวนขึ้นทันที “เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ”
เฉิดโฉมเดินตรงเข้ามาหาแพทใกล้ๆ พูดใส่หน้า
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ แกมันก็พวกเดียวกันร่วมมือกับหลานแก ปลอมเอกสาร”
“ผมบอกคุณแล้วนะเฉิดโฉม ว่าถ้าคุณสร้างเรื่องหลอกลวงอีกครั้ง ผมจะไล่คุณออกทันที” พีทประกาศก้อง
“แต่คราวนี้มันเป็นเรื่องจริงนะคะคุณพีท ในทะเบียนประวัติพนักงาน รัญธิดาลงว่า แม่ตายไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะนี่ แม่ของรัญธิดายืนอยู่ตรงนี้”
ทุกคนฮือฮา ทักษอรฟังด้วยความสะใจอยู่เงียบๆ ชำเลืองมองธาริศที่ยืนช็อก ห่วงใยรัญธิดาอยู่
“ไม่จริง...เธอโกหก...ชั้นเป็นแค่คนใช้ของรัญเท่านั้น” ทิพปภาเถียงสุดเสียง
“เฉิดไม่กล่าวหาใครลอยๆ หรอกค่ะ คราวนี้เฉิดมีพยานมาด้วย”
สาเดินออกมาท่าทางตื่นๆ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทิพปภาสะดุ้ง
“นังสา” ทิพปภาโกรธจัด
“ผู้หญิงคนนี้ยืนยันได้ว่า แม่ของรัญธิกายังไม่ตาย และเคยติดคุกในข้อหาค้ายาเสพติดพร้อมกับเธอ”
ทุกคนช็อกมาก ทักษอรแสดงกิริยาขยะแขยง
“ขอโทษนะนังทิพ...ชั้นไม่รู้ว่าเรื่องมันจะวุ่นวายขนาดนี้...ชั้นก็แค่เล่าไปตามที่เห็น” สาบอก
“โกหก พวกแกมันหาเรื่องใส่ความรัญ มันไม่ใช่เรื่องจริง แม่ของรัญธิดาตายไปแล้ว ฉันจะฆ่าแก”
ทิพปภาปราดเข้าไปบีบคอเฉิดโฉม
กันตาตะโกนก้อง “พอที พอหยุดได้แล้ว” แล้วไอเพราะเจ็บปอดอย่างรุนแรง
ประทิน ฝน และชู เข้าไปช่วยดึงทิพออกมาจากเฉิดโฉม
ทิพปภาสะบัดตัวจากการจับของประทินแล้ววิ่งไปหากันตา คุกเข่ามองหน้าอย่างวิงวอน
“คุณนายขา อย่าไปเชื่อมันนะคะคนพวกนี้มันอิจฉารัญ มันถึงกุเรื่องขึ้นมา ฉันเป็นแค่คนใช้ ไม่ได้เป็นอะไรกับรัญอย่างที่มันพูดเลย รัญธิดาไม่ใช่ลูกฉันจริงๆ เชื่อฉันเถอะค่ะ”
ทิพปภามองกันตาอย่างวิงวอน ทักษอรหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสมเพช พีทมองรัญธิดางงๆ รัญธิดาตัวสั่นไปทั้งตัวตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แพททนไม่ไหว เดินไปหาทิพปภาลงนั่งประคอง
“พี่ทิพอย่าทำแบบนี้เลย คนพวกนี้เค้าเห็นเราเป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น เรากลับบ้านเราดีกว่าค่ะ”
ทิพปภาไม่ฟังสะบัดอย่างแรง “ไม่ๆ นี่มันงานแต่งงานของรัญนะ งานจะต้องไม่ล้ม รัญต้องได้แต่งงานกับคุณพีท” พลางลุกขึ้นถลาเข้าไปหาพีท “คุณพีทคะ มันไม่ใช่เรื่องจริง น้าไม่ได้เป็นอะไรกับรัญธิดาจริงๆ นะ เชื่อน้าเถอะนะ นะ”
พีทยืนนิ่ง
“ใครก็ได้ช่วยจบละครน้ำเน่าเรื่องนี้ให้ทีเถอะ” ทักษอรเหยียดหยัน
ทิพปภาไม่สนอะไรแล้ว รีบเข้าวิ่งไปหาจับแขนทักษอรวิงวอน
“เชื่อชั้นเถอะคะ ชั้นไม่ได้โกหกนะคะ”
ทักษอรสะบัดแขนทันทีอย่างรังเกียจ ทิพปภาทรุดลงคุกเข่าต่อหน้ากันตาอีกที
“คุณนายคะ...ชั้นเคยช่วยคุณนายไว้นะคะ จำได้มั้ยคะ”
รัญธิดาทนมองสภาพของแม่ไม่ไหว น้ำตาไหลพราก พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“พอเถอะค่ะแม่!”
ทุกคนชะงักมองรัญธิดา แม้แต่ทิพปภาก็ด้วย รัญธิดาน้ำตาไหลเป็นทาง เดินมาหาแม่เหมือนตัดสินใจได้แล้ว
“ไม่...อย่ามาเรียกน้าแบบนั้น หนูรัญ....น้าไม่ใช่แม่ของหนู”
รัญธิดายืนนิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงประคองทิพปภาให้ลุกขึ้น
“ทุกคนคะ รัญไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าหรอกค่ะ แม่ของรัญยังไม่ตาย แต่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ผู้หญิงคนนี้ ชื่อทิพปภา เป็นแม่ของรัญเองค่ะ”
เฉิดโฉมสะใจสุดๆ แพทตกตะลึง พีท กันตา และธาริศต่างก็ตกใจ ทักษอรมีสีหน้าเหยียดหยันรู้สึกขยะแขยง
“รัญ!” แพทจะห้าม แต่รัญธิดาบอกต่อ
“และเอกสารพวกนั้น...รัญก็เป็นคนเปลี่ยนเองจริงๆ”
“แค่เรื่องคอยจ้องจะแย่งสามีคนอื่นก็แย่แล้ว แต่นี่กล้าโกหกว่าแม่ตายแบบนี้มันลูกอกตัญูชัดๆ ป้ากันต์ยังอยากให้พี่พีทแต่งงานกับคนแบบนี้อีกเหรอค่ะ” ทักษอรว่า
ทุกคนมองกันตา เหมือนจะให้ตัดสินเรื่องทั้งหมด กันตาเริ่มหายใจขัดเพราะตกใจมากเกิน เลยเหนื่อย
“ฉันดูหนูผิดไปจริงๆ...รัญธิดา”
กันตาบังคับรถให้เลื่อนออกไป รัญธิดา ทิพปภา และแพทมองตามอย่างปวดร้าว แล้วกันตาก็หยุด ไอยกใหญ่อย่างรุนแรง เหมือนจะขาดใจ พีทวิ่งพรวดตามไปประคอง
“แม่ครับ แม่...”
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 16 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา พีทประคองกันตาลงนั่งเอนๆ ที่โซฟาในบ้าน ธาริศกับทักษอรตามเข้ามาด้วย สภาพกันตาหน้าตายังดูซีดเซียว
“เดี๋ยวคุณหมอกำลังมานะครับ แม่แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปโรงพยาบาล”
“แม่ไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจไปหน่อยเท่านั้นเอง นอนพักซักหน่อยก็คงหายแม่ ยังไม่อยากกลับไปโรงพยาบาล”
ทิพปภาเดินอาดๆ ตามเข้ามา ท่าทางยังทุกข์ร้อนหนัก รัญธิดาวิ่งตามมาพร้อมแพทและเตอร์
“แม่คะ อย่าค่ะ” รัญธิดาร้องห้าม
ทุกคนหันไปมอง
“ทำเรื่องเดือนร้อนขนาดนี้แล้วยังกล้ามาอีกเหรอ” ทักษอรด่า
ธาริศดึงเมียไว้
“ไม่ใช่เรื่องของเรานะอร”
ธาริศดึงทักษอรให้ถอยออกห่าง
ทิพปภาตรงเข้ามา ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ยกมือพนมอย่างน่าเวทนา
“เรื่องทั้งหมด มันเป็นความผิดของฉันเอง ต้นเหตุทั้งหมดคือฉัน ถ้าฉันไม่ได้โลภมาก ค้ายา จนต้องติดคุก รัญก็จะไม่กลายเป็นเด็กมีปัญหาแบบนี้ รัญแกน่าสงสารมากนะคะ คุณให้อภัยแกเถอะนะคะ”
กันตามองทิพปภาที่น้ำตาไหลอาบหน้าเป็นทาง แล้วมองรัญธิดาที่มีแพทประคองอยู่ ก่อนจะพูดอย่างเรียบๆ
“ในฐานะ ที่เราเป็นแม่เหมือนกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอดี ว่าเธอรักลูกขนาดไหน เรื่องในอดีตฉันไม่เคยถือสา คนเราผิดพลาดกันได้...แม้แต่เรื่องของรัญธิดากับธาริศชั้นก็ได้ยินข่าวลือมา แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ...แต่การไม่ยอมรับแม่ตัวเอง ทำอายที่มีแม่ติดคุกจนต้องโกหกทุกๆ คน จนปลอมแปลงเอกสารนี่ มันมากเกินไปที่ฉันจะยอมรับเค้ามาเป็นลูกสะใภ้ได้”
“ไม่นะคะ อย่าทำแบบนี้กับลูกของฉันเลย ให้โอกาสรัญเถอะ ฉันกราบขอโทษคุณแทนลูกฉันก็ได้นะ”
ทิพปภาก้มลงกราบเท้ากันตา กันตาดึงเท้าหนี ทุกคนตกใจ รัญธิดาตะลึง สะเทือนใจสุดขีด จนน้ำตาไหลพราก
“แม่จ๋า...”
“อย่าทำแบบนี้เลยคุณทิพ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
ทิพปภายังไม่ละความพยายามหันไปมองพีท
“คุณพีทคะ”
พีทหันหน้าหนีไม่อยากสบตา
“ชั้นว่าเธอพาแม่กลับบ้านไปเถอะรัญธิดา คุณป้ากันต์ท่านจะได้พักผ่อน” ทักษอรบอก
แพทกับรัญธิดาค่อยๆ ก้มลงประคองทิพปภาให้ลุกขึ้น ทิพปภายอมลุกขึ้นแต่ยังดิ้นรน
“ปล่อยนะ ชั้นจะอธิบายให้คุณกันต์กับคุณพีทฟัง...”
เตอร์มาช่วยอีกคน ทิพปภาโดนดึงถอยไป แล้วหางตาเหลือบไปเห็นที่ใกล้ๆ มีมีดปลอกผลไม้วางอยู่ในถาด ทิพปภาสะบัดทุกคน แล้วไปคว้ามีดปอกผลไม้ขึ้นมา
“ที่ทิพ!” แพทร้องลั่น
ทิพปภาเอามีดมาจ่อที่ข้อมือ ทุกคนตกใจสุดขีด
“นั่นแม่จะทำอะไร!”
กันตาห้าม “อย่าทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นนะคุณ”
“แม่ขอโทษนะรัญ ที่แม่ทำลายชีวิตของลูกมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต... คนเลวๆ อย่างแม่ไม่ควรเกิดมาเป็นแม่คนเลย”
รัญธิดาใจหล่นวูบ “ไม่นะคะแม่...ไม่จริง”
“ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นเพราะแม่คนเดียว แม่เป็นตั้งปัญหาของลูก...แม่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย”
แพทร้องเสียงหลง “อย่านะคะพี่ทิพ”
ไม่ทันแล้ว ทิพปภาเชือดข้อมือทันที เลือดกระฉูดโดนหน้าแพท และ รัญธิดา ทุกคนในห้องตกตะลึง
“แม่รักลูกมากนะรัญธิดา...”
ทิพปภาล้มลง
“แม่” รัญธิดาตะโกนสุดเสียง
แพทกับเตอร์ทรุดลงประคองทิพปภาไว้
“พี่ทิพ...พี่ทิพ ทำไมถึงทำอย่างนี้”
รัญธิดาช็อก น้ำตาไหลพรากๆ ส่วนกันตาเป็นลมเพราะตกใจ พีทรีบเข้าไปประคอง
“แม่ครับ”
เหตุการณ์วุ่นวายชุลมุน ธาริศรีบไปประคองทิพปภาหันมาบอกเตอร์
“คุณไปเตรียมรถ แล้วก็พาคุณทิพไปโรงพยาบาลเร็ว...”
ธาริศอุ้มทิพปภาออกไป เตอร์กับแพทวิ่งตามไปด้วย พีทสั่งทักษอรเสียงเข้ม
“เรียกรถพยาบาลมาเร็ว อร”
“ค่ะ...”
รัญธิดายังยืนช็อกอยู่ น้ำตานองหน้า กว่าจะได้สติ
“แม่...แม่จ๋า...”
รัญธิดาวิ่งออกไปจากห้อง
เวลาผ่านไปอีก 2-3 เช้านี้อะตอมด้อมๆ มองๆ อยู่แถวกระถางกล้วยไม้ที่ออกดอกสวยงามข้างบ้าน แพทถือตระกร้าใส่อาหารเยี่ยมผู้ป่วยเดินออกมา ส่ายตามองหา
“อะตอมอยู่ไหนลูก”
“มาแล้วครับ”
อะตอมวิ่งมาหาเอามือซ่อนไว้ข้างหลัง
“เอ๊...นั่นเอาอะไรไว้ข้างหลังนะ”
“ไม่มี๊...อะตอมเมื่อยแขนน่ะครับ รีบ ไปกันเถอะครับเดี๋ยวคนป่วยรอ”
อะตอมวิ่งนำออกไป ทำให้เห็นว่าด้านหลังที่ซ่อนอยู่ คือช่อกล้วยไม้ที่มองอยู่เมื่อกี้
“อะตอม นั่นมันกล้วยไม้ของแม่แพทนี่นา”
อะตอมหยุดชะงักหันมามองจ๋อยๆ แล้วค่อยๆ เอาดอกไม้มาจากด้านหลัง ชูให้แพทดูพลางบอก
“ก็เค้าบอกว่า ถ้ามีดอกไม้ไปเยี่ยมคนป่วยแล้วคนป่วยจะสดชื่นเร็วขึ้น อะตอมก็เลย ขอยืมดอกไม้ของแม่แพทหน่อย”
แพทอึ้ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“อะตอมเด็กดี...แม่แพทว่า ป้าทิพจะต้องดีใจแน่ๆ เลยจ้ะ”
อะตอมยิ้มหวาน รัญธิดาเดินออกมา”
“น้าแพทคะ ขอรัญไปด้วยคนนะคะ”
แพทยิ้มรับอย่างดีใจ
ไม่นานต่อมา อะตอมกำลังหอมแก้มทิพปภา ที่นอนอยู่บนเตียง
“ป้าทิพหายเร็วๆ นะครับ อะตอมเอาดอกไม้มาเยี่ยมด้วย สวยมั้ย”
“ถ้าอะตอมหอมแก้มป้าบ่อยๆ แบบนี้ ก็หายเร็วแน่”
“ได้ครับ วันละร้อยทียังได้เลย” อะตอมฉอเลาะ
“ฮือ เอาหน้าเหลือเกินนะเรา” แพทเย้า
พวกผู้ใหญ่หัวเราะกันกับความน่ารักของอะตอม แพทมองไปข้างหลัง เห็นรัญธิดายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ เลยลุกขึ้นดึงมือมาหา
“พี่ทิพคะ รัญเค้ารอจนพี่อาการดีขึ้น...เค้าบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับพี่น่ะค่ะ”
แพทดันหลังรัญธิดาให้เข้าไปใกล้ๆ ทิพปภายิ้มอย่างดีใจ
ครู่ต่อมาสองคนอยู่ในสนามหญ้าสวนสวยในโรงพยาบาล ทิพปภานั่งอยู่ในรถเข็น มีรัญธิดาเข็นรถให้ ใบหน้าทิพปภายิ้มแย้มดูมีความสุข
“เหนื่อยมั้ยลูก ต้องวิ่งไปวิ่งมาดูแม่ทุกวันแบบนี้”
รัญน้ำตาร่วงเผาะทันที
“จนอย่างงี้แล้ว แม่ยังห่วงรัญอีกเหรอคะ”
“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะรัญ แม่เป็นห่วงลูกตลอดเวลา”
รัญธิดาอ้อมไปด้านหน้า ตัดสินใจค่อยๆ ทรุดตัวลงก้มกราบที่เท้าแม่
“รัญขอโทษค่ะ รัญเป็นลูกอกตัญญูจริงๆ รัญทำตัวเลวๆกับแม่ตลอด แม่ตีรัญเลย ตีซิ ตีเลยรัญมันเลว”
รัญธิดาจับมือแม่มาให้ตบตีตัวเอง ทิพปภายั้งมือไว้
“รัญลูกแม่ อย่าทำแบบนี้ลูก หนูไม่ผิด หนูไม่ได้เลว อย่าโทษตัวเอง แม่ต่างหากที่เลว ไม่ดี ไม่สามารถเลี้ยงหนูให้มีความสุขมีหน้ามีตาทัดเทียมคนอื่น ไม่ว่าจะตอนหนูเด็กๆ หรือตอนนี้ แม่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ”
“รัญไม่เคยอยากมีเงิน รัญไม่ได้ต้องการมีหน้ามีตาทัดเทียมคนอื่น ไม่ว่าจะตอนเด็กหรือโต สิ่งที่รัญต้องการคือแม่ รัญอยากให้แม่อยู่ใกล้ๆ คอยกอดรัญเอาไว้ ที่รัญโกรธแม่มาตลอด ไม่ใช่เพราะรัญโทษว่าแม่ทำไม่ดีเลยต้องติดคุก แต่รัญโกรธ...ที่สิ่งที่แม่ทำมันทำให้แม่ต้องจากรัญไปต่างหาก”
ทิพปภาน้ำตาไหลพราก “โธ่รัญ...แม่ขอโทษ...ขอโทษนะลูก”
“แม่อยู่กับรัญ อย่าทิ้งรัญไปไหนอีกนะ รัญรักแม่”
ทิพปภาผวาตัวเข้ากอดรัญธิดา มีความสุขที่สุดในชีวิต สองคนยิ้มให้กันทั้งน้ำตา เมื่อได้ปรับความเข้าใจกัน ทิพปภาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนและเต็มตื้น
“ต่อไปนี้เราจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียทีนะ ส่วนเรื่องคุณพีท…” ทิพปภาตั้งใจจะบอกว่า...แม่จะจัดการ
รัญธิดารีบบอก “รัญไม่ได้รักคุณพีท มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลอกตัวเองอีกต่อไป รัญอยากแต่งงานกับเค้าก็เพื่อวิ่งหนีอดีตเท่านั้น ตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้ว”
“ลูกยังรักคุณธาริศอยู่...ใช่มั้ย” รัญธิดาเงียบ ทิพปภาบอกต่อ “งั้นลูกก็ควรบอกเรื่องของอะตอมกับเค้า”
“ไม่ค่ะ ตอนนี้เค้ากำลังจะมีลูกกับคุณอร มีครอบครัวใหม่ รัญไม่อยากทำลายชีวิตครอบครัวของเค้าคุณอรเธอไม่ได้ผิดอะไร ให้เรื่องมันจบไปแบบนี้ก็ดีแล้ว นับแต่นี้ไป เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ทิพปภาสะท้อนใจกอดรัญธิดาอีกครั้ง ด้วยความสงสารจับจิต
“โธ่ชีวิต.....รัญลูกแม่”
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 16 (ต่อ)
วันต่อมาภายในห้องทานอาหารที่วิลล่าของธาริศและทักษอรในรีสอร์ท ทักษอรจิบน้ำส้ม ที่น้อยสาวใช้จากกรุงเทพฯ เสิร์ฟให้ พร้อมของว่าง และคอยดูแล
ทักษอรลืมตัวว่ากำลังสวมบทคนท้อง แทบจะบ้วนน้ำส้มออกมา พลางหันมาเฉ่งน้อย
“อี๋ย์ น้ำส้มอะไร ทำไมมันเปรี้ยวปรี๊ดเข็ดฟันขนาดนี้ ใครจะกินไปลง ฉันไม่ ชอบกินอะไรเปรี้ยว ๆ บอกไม่เคยจำ เดี๋ยวก็เอาราดหัวเสียเลย”
“เอ่อ...ก็คุณธาริศสั่งให้เตรียมให้คุณอรค่ะ บอกว่าคนท้องชอบกินของเปรี้ยว” สาวใช้บอก
ทักษอรชะงักนึกขึ้นได้ เสียงเบาลงไปนิดหนึ่ง “ไปคั้นมาให้ฉันใหม่ เอาแบบเดิมที่ฉันกินประจำ แล้วก็ไม่ต้องสาระแนนบอกพี่ธาริศนะเรื่องนี้” บ่นบ้าตามเรื่อง “อุตส่าห์ให้มาจากกรุงเทพฯ นึกว่าจะได้เรียกใช้สอยง่ายๆ....ไม่ได้เรื่อง!”
น้อยลอบทำหน้าเซ็งนิดหนึ่ง
“ค่ะ”
“เอาแก้วน้ำส้มไปเปลี่ยน...เดี๋ยวๆ แล้วนี่พี่ธาริศกินข้าวแล้วเหรอ”
“คุณธาริศไม่อยู่ค่ะ ออกไปตั้งแต่เช้า” สาวใช้บอก
“ไปไหน ทำไมไม่บอกฉัน หรือว่าแอบกลับไปหานังรัญ”
ทักษอรลุกพรวดขึ้นทันที เดินไปหยิบโทรศัพท์
ธาริศเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้า จอดรถหน้าสปาของรุจรวีแล้ว กำลังเดินมาตามฟุตบาท ผ่านร้านรวงต่างๆ คุยโทรศัทพ์ไป
“พี่มาหาคุณแม่น่ะอร”
ทักษอรคุยโทรศัทพ์จิกธาริศ
“แล้วทำไมถึงบอกอรก่อน อย่าให้อรรู้นะว่ากลับไปหานังรัญ”
ธาริศทอดถอนใจ “ไหนอรสัญญาแล้วไงว่าเราสองคนจะเริ่มต้นกันใหม่ ถ้าขืนทำแบบนี้มันก็ไม่จบหรอก”
ทักษอรอ่อนลง สำนึกได้ขึ้นมา “โอเคค่ะ งั้น...พี่ก็ซื้อตับบดที่ร้านข้างๆ สปามาให้ด้วยก็แล้วกันนะคะ”
“อรทำแบบนี้เพราะอยากจะเช็คว่าพี่มาจริงหรือเปล่าใช่มั้ย อรไม่ชอบตับบด”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ...อรอยากกินจริงๆ ก็คนท้องนะอยากกินอะไรที่ไม่เคยกิน แหม พูดแล้วน้ำลายสอขึ้นมาทันที...พี่ธาริศ...พี่ธาริศ ทำไมเงียบไปล่ะ เกิดอะไรขึ้น พี่ธาริศ”
ธาริศยืนนิ่งเมื่อเห็นมีกุญแจคล้องประตูสปา รีบวางโทรศัทพ์เข้ามาดู งงว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ มีมือมาแตะ
ตัวธาริศเบาๆ ธาริศหันไปเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“คุณชื่อธาริศใช่มั้ยคะ”
ธาริศงวยงง “ใช่”
“มีคนฝากจดหมายไว้ให้คุณ”
ผู้หญิงคนนั้นยื่นจดหมายให้ ธาริศรับมางงๆ ว่าจดหมายใคร
ทางด้านพีทจับมือกันตาที่นอนอยู่บนเตียง กันตาอาการดูแย่มาก แต่ยังพยายามฝืนยิ้มกับลูก
“หมอบอกว่าแม่มีน้ำในท้อง ต้องเจาะน้ำออก แม่จะได้สบายขึ้น”
กันตายกมือขึ้นลูบแก้มพีท “อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ไม่หล่อเลยลูกแม่...เรื่องธรรมดาจะตาย แม่ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ”
“ถ้าผมไม่ให้ประทินรับแม่ออกไปงานวันนั้น แม่อาจจะไม่ทรุดลงแบบนี้”
“ลูกก็รู้ ว่ามันไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น...ถ้าจะโทษคงต้องโทษโรคภัยในตัวแม่นี่แหละ...ตั้งแต่วันนั้นเจอครอบครัวนั้นบ้างหรือเปล่า”
พีทส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แม่ขอโทษนะ ที่เอาแต่อารมณ์บอกยกเลิกการแต่งงานไปโดยพลการ แม่ไม่ได้ถามความสมัครใจของลูกเลย...แต่แม่ขอถามสักคำเถอะนะว่าพีทรักรัญธิดาจริงๆ หรือเปล่า... หรือแค่จะแต่งงานเพื่อเอาใจแม่”
พีทเงียบอยู่อย่างนั้น กันตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
กันตาสะท้อนใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้น พีทก็ใจร้ายกับหนูรัญมากนะลูก...”
“ผมอยากมีความรักเหมือนพ่อกับแม่ ที่รักกันจนตายจากกันไป”
กันตาอ้าแขนออก พีทโผเข้ามาสู่อ้อมกอดแม่ กันตาลูบผมลูกชายอย่างแสนรัก
“งั้นลูกก็ต้องแต่งงานกับคนที่ลูกรักซิจ๊ะ ถามใจตัวเองให้ดีก่อนซิว่า ลูกรักใคร”
กันตาบอกราวกับรู้ใจลูกชายสุดที่รัก พีทกอดแม่สีหน้าครุ่นคิดตรึกตรอง
ธาริศอยู่ในสวนสาธารณะเปิดอ่านจดหมายออกอ่าน พบว่าเป็นลายมือของรุจรวีผู้เป็นมารดา
ก่อนหน้านี้ รุจรวีนั่งเขียนจดหมายจนเสร็จ พับใส่ซอง แล้วหยิบรูปธาริศที่วางอยู่บนโต๊ะติดมือมาด้วยครู่ต่อมารุจรวีอยู่ในชุดเดินทาง นั่งมาในรถแท็กซี่ เช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมา นึกถึงถ้อยคำที่ตัวเองเขียนบอกลาลูกชาย
“ธาริศ...มีคนชวนแม่ไปเปิดสปาที่เบลเยี่ยม แม่คิดว่ามันเป็นลู่ทางที่ดี ขอโทษที่แม่ขี้ขลาดเกินกว่าจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูก...แม่คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของแม่ น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตแม่ เพราะถ้าแม่ยังอยู่ แม่คงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปบงการชีวิตลูกอีกเหมือนที่ผ่านมา เมื่อคิดย้อนไปแล้วเรื่องที่มันเกิดขึ้น ก็เพราะ....แม่ ต่อไปนี้แม่ขอคืนชีวิตที่เหลือให้กับลูก ลูกพูดถูกว่าลูกควรจะได้เลือกทางเดินชีวิตของลูกเอง...ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่ก็ยังรักลูกเสมอ”
เวลานั้นธาริศอ่านจดหมายจบ หยิบเช็คในซองจดหมายขึ้นมาดู แล้วอ่านต่อ
“...เงินจำนวนนี้แม่ได้จากการขายสปา คงมากพอที่จะคืนศักดิ์ศรีให้กับลูก เผื่อวันไหน ที่ลูกไม่อยากตกต้องเป็นเบี้ยล่างหนูอรอีก
รักลูกที่สุด”
ธาริศทรุดลงนั่งหมดเรี่ยวแรง ทั้งรู้สึกผิดและคิดถึงรุจรวี อย่างรุนแรง
เวลาเดียวกันนั้น พีทยืนรออยู่หน้าลิฟท์ก่อนจะก้าวเข้าไปเมื่อลิฟท์เปิดออก ประตูลิฟท์กำลังจะปิด มีเสียงดังขึ้น
“รอด้วยค่ะ”
พีทกดลิฟท์รอ แพทวิ่งเหนื่อยๆ เข้ามา
แพทพูดโดยไม่ทันมอง “ขอบคุณค่ะ”
พีทตกใจเมื่อเห็นเป็นแพท ด้านแพทเองก็อึ้งเมื่อเห็นเป็นพีท โดยเพิ่งกลับจากเยี่ยมทิพปภา ขณะที่ประตูกำลังจะปิด แพทรีบกดปุ่มเปิดแล้วก้าวออกไป พีทจับแขนไว้
“ผมไม่กัดหรอกน่า คุณจะลงข้างล่างไม่ใช่เหรอ”
แพทสะบัด
“ฉันไม่อยากใช้ลิฟท์เดียวกับคุณ”
แพทตั้งท่าจะออก แต่ถูกพีทดึงเข้ามาแล้วกดลิฟท์ปิดทันที
“อย่ามาเรื่องมากน่า”
แพทกดปุ่มเปิด อย่างโมโห
“ชั้นจะทำอะไรก็เรื่องของชั้น”
ประตูไม่ทันเปิด พีทก็กดปุ่มปิดประตูอีก แพทเงยหน้ามองโกรธๆ แล้วกดเปิด พีทก็กดปิดอีก
แพทตั้งท่าจะกดอีก พีทตีมือแพททันที
“เฮ้ย นี่คุณมาตีฉันทำไม”
“ก็คุณน่ะทำตัวเป็นเด็กไปได้ กดไปกดมา เดี๋ยวลิฟท์ก็เสียพอดี นี่มันลิฟท์โรงพยาบาลนะคุณ มีจิตสาธารณะช่วยกันรักษาหน่อยซิ แล้วคุณรู้มั้ยว่ากดลิฟท์แต่ละครั้ง มันสิ้นเปลืองพลังงานไปเท่าไหร่ รู้จัก รักษ์โลกบ้างนะคุณ”
แพทเจอพีทใส่เป็นชุด งงไปเหมือนกัน เลยต้องยอมอยู่ในลิฟท์ต่อ ลิฟท์เลื่อนขึ้นไปได้นิดก็ชะงัก ไฟในลิฟท์กระพริบๆ แล้วไฟดับวูบ
แพทร้องลั่น “ว้าย...อะไรน่ะ”
ไฟสว่างอีกครั้ง ลิฟท์หยุดนิ่ง แพทหน้าตาตื่น
“ลิฟท์ค้าง” พีทบอก
แพทตื่นตกใจ
เตอร์เดินเลี้ยวจากมุมตึกมา แล้วงงๆ เมื่อเห็นที่หน้าลิฟท์ มีพยาบาลและช่างมุงกันที่ลิฟท์ท่าทางวุ่นวาย
“เกิดอะไรขึ้นฮะเนี่ย”
“ลิฟท์ค้างน่ะค่ะ มีคนติดอยู่ในนั้น”
เตอร์ทำหน้าตกใจ ลิฟท์อีกตัวหนึ่งข้างกันเปิดออก เฉิดโฉมถือกระเช้าผลไม้จะมาเยี่ยมกันตา เห็นคนมุงเลยถาม
“มีอะไรกันเหรอคะเนี่ย”
“ลิฟท์ค้างน่ะสิ ไม่รู้ยายแพทติดอยู่ในนั้นรึเปล่า มันพึ่งออกมาเลย...” เตอร์บอกแกมบ่น
เฉิดโฉมกลับหัวเราะชอบใจ เบ้หน้าใส่ “อุ๊ยตาย น่าสนใจจัง...สมน้ำหน้า”
“มันไม่ใช่ เวลามาเยาะเย้ยกันนะ ยายแพทมันกลัวที่แคบซะด้วยสิ”
เตอร์หยิบโทรศัพท์มากดหาแพท แต่เป็นเสียงไม่มีสัญญาณ เฉิดโฉมทำท่าชอบใจ วางกระเช้า รอดูเหตุการณ์ทันที
ส่วนในลิฟท์ แพทออกอาการตื่นตกใจโวยวายไม่หยุด แต่พีทยืนพิงลิฟท์นิ่งๆ อย่างใจเย็น
“ตั้งนานแล้ว ทำไมไม่มีใครมาช่วยเราสักทีล่ะ” แพทกดปุ่มเสียงในลิฟท์ถี่ๆ อย่างร้อนใจ “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”
“ใจเย็นๆ น่าคุณ เค้าก็รับรู้แล้วเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เค้าก็มาช่วยเองแหละ”
“แน่เหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยสะดวกเลย หรือว่าอากาศกำลังจะหมด จริงๆ ด้วยเรากำลังจะตาย เพราะขาดอากาศหายใจ”
พีทหัวเราะหึๆ “คุณนี่ช่างสร้างเรื่องจริงๆ อันที่จริง ผมไม่ควรจะให้คุณขึ้นลิฟท์มาด้วยเลย...ผมน่าจะรู้ว่าทุกครั้งที่เจอกับคุณมันจะต้องเกิดเรื่อง...”
แพทอึดอัดมากขึ้น พยายามหายใจแรงๆ
“แต่ชั้นหายใจไม่ออกจริงๆ นะ”
“งั้นก็นั่งนิ่งๆ อยู่เฉยๆ อย่าโวยวาย โอเค้...”
พีทกดตัวแพทให้ลงนั่งที่พื้นลิฟท์
แพทเริ่มทรุดตัวลงนั่ง หายใจเร็วและแรง แต่เหมือนลมหายใจไม่เข้าปอด เหงื่อแตกพลั่ก พีทลงนั่งชิลล์ๆ ข้างๆ แพทอาการหนักลงอีก หน้าซีดเผือด หายใจทางปากแต่ก็ไม่มีลมหายใจเข้าไป พีทหันไปมองเห็นเข้าก็ตกใจ
“คุณเป็นอะไร หน้าซีดเชียว”
“ฉันไม่ชอบอยู่ที่แคบๆ แบบนี้เลย ฉัน...หายใจ...ไม่ออก...”
พีทมองอย่างตกใจเขย่าตัวเรียกสติ “แพท...คุณแพท”
แพทอาการหนักขึ้นอีก ถึงกับลงนอนที่พื้น พีทตกใจมาก ประคองแพทขึ้นมา
“แพททำใจดีๆ หายใจลึกๆ” พีททุบประตูลิฟท์ร้องเสียงดัง “เร็วเข้าครับ...เปิดประตูเร็วๆ”
แพททุรนทุราย เหมือนพยายามหาอากาศหายใจพีทกดหัวแพทไว้กับอกตัวเอง
“ฟังผมนะ...คุณพยายามหายใจตามผมนะ...หายใจเข้า...หายใจออก...หายใจเข้า หายใจออก” แพทพยายามทำตาม “นั่นละ ดีมาก ผมอยู่กับคุณ เราจะหายใจไปด้วยกันนะ ...หายใจเข้า...หายใจออก”
พีทจับมือโอบกอดแพทไว้ จนแพทเริ่มสงบ หายตื่นกลัว
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 16 (ต่อ)
ขณะเดียวกันเตอร์กับเฉิดโฉมลุ้นกันอยู่ด้านนอกคนละฝั่ง เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง ช่วยกันแงะลิฟท์ เตอร์ร้อนใจไปหมด ห่วงเพื่อนสาว
“เร็วๆ สิครับ...นี่มันนานแล้วนะ”
“นั่นสิ ขืนช้ากว่านี้ เพื่อนอีตานี่คงจะขาดออกซิเจน ตายแหงแก๋แน่ๆ เลย” เฉิดโฉมหัวเราะชอบใจ
เจ้าหน้าที่ค่อยๆ แงะลิฟท์ออก
“เปิดได้แล้วครับ”
เตอร์ดีใจ ประตูค่อยๆ เปิดออก เตอร์วิ่งเข้าไป เฉิดโฉมก็ชะโงกไปดูอย่างสอดรู้สอดเห็น
“ไหน...ตายรึเปล่า”
แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็น พีทกับแพทนั่งกอดกันอยู่ แพทดูอ่อนแรงอยู่
เฉิดโฉมตะลึง “คุณพีท”
“ยายแพท...เป็นอะไรไปน่ะ” เตอร์แหกปากดังลั่น
พีทอุ้มแพทขึ้นมาจากพื้น เฉิดโฉมตาปลิ้นด้วยความอิจฉา
“ดูเหมือนคุณแพทเธอจะไม่สบายนะ คงกลัวที่แคบ”
พยาบาลที่อยู่ด้วย เข้าไปดูแลพาแพทนั่งรถเข็น เอาแอมโมเนียให้ดมทันที
“เป็นยังไงบ้างคะ”
แพทลืมตาขึ้นเพลียๆ “มะ...ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
แพทพยายามลุกขึ้น พยาบาลห้าม
“ดิฉันว่า ยังไงนั่งพักสักครู่ก่อนดีกว่านะคะ เชิญเลยค่ะ”
พยาบาลเข็นรถแพทออกไป เตอร์วิ่งตาม พีทมองตามไป ขยับจะตาม ถูกเฉิดโฉมรั้งแขนไว้
“คุณพีทขา เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงได้ไปอยู่กับยายตัวร้ายนั่นล่ะคะ”
พีทมองหน้าเฉิดโฉมอย่างเย็นชา แล้วเดินลงบันไดไปต่อหน้าต่อตา
เฉิดโฉมหน้าเจือนจ๋อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโมโห
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน พีทต้องตกใจพอได้ฟังที่ทักษอรพูดจบ
“จะไปอังกฤษพรุ่งนี้นี่เหรอ!”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว เรื่องทุกอย่างก็ไม่มีอะไรต้องห่วง อรกับพี่ธาริศก็เลยเห็นตรงกันว่า เราควรจะไปให้เร็วที่สุด”
พีทเหลียวไปมองธาริศ เห็นธาริศนั่งหน้าตานิ่งๆ ดูยอมรับกับชะตากรรม พีทเข้าได้ทันที ว่าทักษอรต้องการปิดจ็อบ
“ก็ดี..เหมือนกัน...แล้วจะไปอยู่นานแค่ไหน”
“อรคิดว่าอรจะไปคลอดลูกที่นั้น...อรคิดว่า พี่ริศกับอรคงจะมีชีวิตที่สงบสุขไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ที่นี่”
พีททอดถอนใจ
“เรื่องงานของพี่พีท ผมมอบหมายให้ลูกน้องดูแลแล้ว”
ธาริศชำเลืองมองทักษอรนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก พีทมองธาริศอย่างเห็นใจ
“ถ้าทั้งสองคนคิดมาดีแล้ว พี่ก็คงได้แต่อวยพรให้โชคดี...เอาเถอะจะไปลาแม่ไม่ใช่เหรอ...เดี๋ยวพี่เคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วจะรีบตามไปนะ”
ธาริศลุกขึ้น ทักษอรลุกตาม เกาะแขนธาริศออกไป
ทั้งคู่เดินเข้ามาตรงที่จอดรถ ทักษอรทำท่าจะเปิดประตูขึ้นรถ ธาริศที่ท่าทางครุ่นคิดตลอดทาง หยุดเดิน
“อร...ไหนๆ นี่ก็เป็นวันสุดท้ายของเราที่นี่แล้ว...พี่มีเรื่องอยากจะขอร้องอะไรสักอย่างได้มั้ยจ๊ะ”
ทักษอรมองอย่างเย็นชา
ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน อะตอมวิ่งเล่นเตะบอลกับเพื่อนๆ ทั้งรุ่นราวคราวเดียวกัน กับรุ่นพี่อย่างสนุกสนาน จังหวะหนึ่งอะตอมเตะลูกบอลออกนอกสนามไปไกล
“ไปเก็บเลยอะตอม” เพื่อนบอก
อะตอมพยักหน้า “รอแป๊บนึงนะ”
อะตอม รีบวิ่งออกไปเก็บลูก ไล่ตามลูกบอลมาอีกทาง ปรากฏว่าลูกบอลถูกธาริศเก็บไว้ได้ อะตอมเงยหน้ามาเห็นเป็นธาริศก็ดีใจ
“อาริศ ตอมคิดถึงจังเลย” อะตอมโผเข้ากอดทันที
ธาริศทรุดลงนั่งกอดอะตอม
“อาก็คิดถึงตอม”
“แม่แพทบอกว่าอาริศงานเยอะ ไม่ว่างมาเล่นกับตอมแล้ว แต่ตอมไม่เชื่อหรอก นี่ไงอาริศกลับมาแล้ว”
ธาริศแสลงใจ “อา...มาลาอะตอมน่ะครับ อามีธุระต้องไปอังกฤษคงจะมาหาตอมไม่ได้อีก”
อะตอมถามซื่อๆ “อังกฤษไกลกว่าเชียงใหม่มั้ย เมื่อก่อนพี่รัญไปเรียนที่เชียงใหม่แม่แพทก็บอกว่าไกล แต่พี่รัญก็กลับมา”
“อังกฤษอยู่ไกลมากกว่านั้นอีก ต้องนั่งเครื่องบินไปไกล อยู่อีกซีกหนึ่งของโลกเลย”
“งั้นเวลาตอมคิดถึงอาริศ ตอมจะทำยังไง”
ธาริศตื้นตันอย่างประหลาด ลูบหัวอะตอมแล้วหยิบเหรียญทองอันเล็กๆ มาคล้องให้
“นี่เป็นเหรียญทองเหรียญแรกที่อาได้จากการเล่นฟุตบอลตอนเด็กๆ อาตั้งใจเอามาให้อะตอม เวลาคิดถึงอา อะตอมก็เอาเหรียญนี้ออกมาดูได้นะ”
อะตอมยิ้มแก้มแทบแตก ไหว้ขอบคุณอย่างดีใจ “ขอบคุณครับ”
ทักษอรเดินหน้ามุ่ยเข้ามา หยุดยืนไกลๆ
“ไปกันได้รึยังคะพี่ริศ อย่าลืมนะคะว่าเรายังจัดกระเป๋าไม่เสร็จ”
“อาต้องไปแล้วล่ะ อะตอมเป็นเด็กดีนะครับ”
“ครับ”
ธาริศเอาเหรียญคล้องคอให้อะตอม แล้วจูบแก้มอะตอมทั้งสองข้าง
ธาริศบอกเบาๆ “อะตอมเป็นลูกผู้ชายต้องคอยดูแล ป้าทิพแม่แพทแล้วก็..พี่รัญให้ดีนะครับ”
“ครับผม”
ธาริศจูบอีกที แล้วตัดใจเดินกลับไปหาทักษอร ที่แดกดันอย่างหมั่นไส้
“หมดแล้วใช่มั้ยคะ ธุระของพี่”
ธาริศพยักหน้า
“อีกหน่อยเราก็มีลูกของเราเองแล้ว ไม่ต้องไปอาลัยอาวรณ์ลูกคนอื่นแบบนี้หรอกค่ะ”
ทักษอรสวมบทแม่ท้องลมต่อ ธาริศไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปดูอะตอมอีกที ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป
อะตอมโบกมือให้หยอยๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ตะโกนบอก
“แล้วคิดถึงอะตอมบ้านนะครับ อาริศ”
อะตอมยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น อย่างน่าสงสาร แล้วมีมือรัญธิดาที่เดินเข้ามาหาแตะด้านหลังเบาๆ
“อะตอม กลับบ้านได้แล้ว.. อ้าวนั่นร้องไห้ทำไม”
อะตอมสะอื้นฮักๆ “อาริศ อาริศจะไปอังกฤษแล้วพี่รัญ”
รัญธิดาหน้าซีด
“ตอมรู้ได้ยังไง”
“อาริศมาลาตอม นั่นไง ฮือๆ” อะตอมตามรถ
รัญธิดามองตามเห็นรถธาริศวิ่งไปไกลๆ รัญธิดาใจหายวับ ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มเอ่อๆ ขึ้นมา ด้วยรู้ว่าสายสัมพันธ์ทั้งหมดต้องจบลงแน่นอนแล้ว
ตกตอนเย็น ขณะที่แพทกำลังเตรียมของไปเยี่ยมทิพปภา รัญธิดาเดินก้มหน้าเข้ามาเศร้าๆ
“ทำไมมาช้าจังเลย เดี๋ยวพี่ทิพก็รอหรอก...” เงยหน้ามาเห็นรัญธิดาคนเดียว “อ้าว...อะตอมล่ะ...”
รัญธิดาซ่อนหน้าหลบตา “อะตอมขอเล่นกับเพื่อนอีกแป๊บนึง เดี๋ยวมาค่ะ”
“แล้วรัญไปตามใจทำไม..เอาใหญ่แล้วนะอะตอมนี่ เดี๋ยวพี่ไปตามเอง...” แพทชะงักเมื่อเห็นท่าทางของหลานแปลกไปจึงถามอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น..เป็นอะไรรึเปล่ารัญ...”
รัญธิดาน้ำตาคลอๆ “เค้าไปแล้วค่ะ”
แพทงง “ใคร...ใครไปไหน”
รัญธิดาน้ำตาหยดริน “พี่ธาริศ...เค้ากำลังจะไปอังกฤษกับคุณอร” แพทอึ้ง “คุณอรเค้าท้องค่ะ เค้ากำลังจะมีลูกด้วยกันค่ะน้าแพท”
รัญธิดาร้องไห้อย่างหมดความอดทน แพทเข้าไปกอดปลอบเหมือนรัญธิดาเป็นเด็กเล็กๆ
รัญธิดาร้องไห้อย่างรุนแรง
ฝ่ายอะตอมนั่งดูเหรียญที่ธาริศให้อย่างเศร้าๆ อยู่ที่บึงน้ำใหญ่ในหมู่บ้าน พอมีเสียงเครื่องบินดังก็เงยหน้าขึ้นดูเห็นเครื่องบินลอยอยู่บนฟ้า
“เอ๊ะ...” คิดถึงที่ธาริศบอกว่าต้องนั่งเครื่องบินไป “อาธาริศอยู่บนนั้นหรือเปล่านะ....” อะตอมรีบตะโกน ”บ๋าย บายๆ อาธาริศ ตอมอยู่นี่ เห็นตอมมั้ยครับ...” เด็กชายตัวน้อยลุกขึ้น “รีบกลับมาเร็วๆ นะ อาธาริศครับ...”
อะตอมวิ่งไป โบกมือไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทันเครื่องบิน จนกระทั่งวิ่งมาใกล้บึงน้ำ ตามัวแต่มองบนฟ้าโบกมือ แล้วก็ก้าวลงไปเพราะไม่ทันดู ตกน้ำดังตูม
อะตอมพยายามตะเกียกตะกาย ช่วยตัวเอง
ราวกับมีสัญญาณลางร้ายบางประการระหว่างลูกกับพ่อถูกส่งถึงกัน เพราะขวดน้ำหอมในห้องธาริศหล่นลงพื้นแตกกระจาย ธาริศตกใจเพราะใจลอยจนมือไปปัดโดน เขาโมโหตัวเอง แล้วก้มลงเก็บ มองไปบนเตียงเห็นกระเป๋าเดินทางถูกเปิดค้างอยู่
ด้านแพทยังกอดปลอบรัญธิดาอยู่ครู่ใหญ่ๆ
“พอเถอะรัญ...เลิกร้องได้แล้ว”
รัญธิดาฮึดท่าทีเข้มแข็งขึ้น ผละตัวออกมาเช็ดน้ำตา
“นั่นสิคะ..ไม่รู้จะร้องไห้ทำไม..รัญอยู่ได้โดยไม่มีเค้ามานานแล้วนี่นา”
แพทมองหลานด้วยความสงสาร
ที่หน้าบ้านเวลานั้นมียามหมู่บ้านมาตะโกนสุ้มเสียงตกอกตกใจ พร้อมทั้งกดออดระรัว
“คุณครับ มีใครอยู่บ้านบ้างครับ” สองคนมองหน้ากัน ประมาณเสียงใครแล้วชะโงกหน้าไปดู
“มีอะไรหรือคะ” แพทร้องถาม
“หนูอะตอมครับ..หนูอะตอมตกน้ำ!”
รัญธิดากับแพทตกใจสุดขีด
ไวเท่าความคิด แม่จริงแม่เทียมวิ่งเข้ามาตรงบึงน้ำ หน้าตาตกใจสุดขีด โดยไม่คิดชีวิต
แพทร้องเรียก “อะตอมๆ”
เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่ง กำลังอุ้มพาอะตอมขึ้นมาจากบึงน้ำ อะตอมหน้าซีดเผือด เหมือนไม่มีสติ แพทถลาไปกอด
“อะตอม ลูกแม่...เป็นยังไงบ้างลูก...”
“ถอยไปก่อนครับ..ถอย”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวรีบผายปอด กู้ชีวิตให้อะตอมอย่างคล่องแคล่วคุ้นชิน บรรยากาศชุลมุนวุ่นวาย แพทร้องไห้ปลุกอะตอมตลอดเวลา
“ตื่นสิลูก...อะตอม อะตอม”
ในขณะที่รัญธิดายืนตัวแข็งทื่อ มองภาพอะตอมที่ไม่ได้สติอยู่ นัยน์ตาเบิกโพลงตกใจสุดขีดรำพึงรำพันอยู่กับตัวเอง
“ไม่ ไม่”
พร้อมๆ กับที่ภาพจำเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เมื่ออดีตผุดขึ้นมาในห้วงคิด
เมื่อ 5 ปี ก่อน รัญธิดานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ตรงลานหน้าบ้าน อะตอมในวัยเกือบขวบ นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ กับของเล่น รัญธิดาไม่ได้สนใจนัก เอาของเล่นให้เล่น แต่ตาอ่านหนังสือ แพทเดินออกมาจากในบ้าน
“รัญดูอะตอมด้วยนะ น้าจะออกไปซื้อของปากซอย”
รัญธิดาพยักหน้ารับแกนๆ แต่ไม่เงยหน้า
“เดี๋ยวเอานมให้อะตอมกินด้วยนะ” แพทกำชับบอกแล้วออกไป
คราวนี้รัญธิดาเงยหน้าขึ้น เห็นอะตอมนั่งเล่นเฉยอยู่ จึงลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไป
ไม่ไกลนักตรงสวนหน้าบ้าน มีบ่อน้ำเล็กๆ อยู่ด้วย อะตอมค่อยๆ เดินเตาะแตะไปที่บ่อน้ำ...ท่าทางน่าหวาดเสียว
พอรัญธิดาเดินถือขวดนมมา มองไปไม่เห็นอะตอมที่เดิม
“อะตอม!”
รัญธิดาสอดตามองหาอีกที เห็นในบ่อน้ำ น้ำกระเพื่อม เหมือนมีอะไรดิ้นอยู่ รัญธิดาตกใจจนทำขวดนมหล่น
“อะตอม!”
รัญธิดากระโจนลงไปในน้ำ ท่าทางตกใจสุดขีด
แพทเข้าประตูมาเห็นเหตุการณ์ ของหล่นจากมือหน้าซีดขาว
“อะตอม...”
รัญธิดาช้อนอุ้มอะตอมขึ้นมาจากน้ำ แพทปราดเข้ามาแย่งอะตอมไปจากมือดุอย่างโมโห
“รัญดูอะตอมยังไงถึงได้เป็นแบบนี้ แย่จริงๆ”
“อะตอม อะตอม ฟื้นสิลูก”
แพทเอาอะตอมวางลงที่พื้น ก้มลงเป่าปากผายปอดทันที
รัญธิดามองภาพตรงหน้าด้วยความเสียใจ ก้มลงมองดูสองมือของตัวเองอย่างเจ็บปวดรวดร้าวที่ไม่สามารถช่วยอะไรลูกชายได้
รัญธิดาดึงตัวเองกลับมา เหมือนจะซ้ำรอยเดิม เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนั้น แหงนหน้าอะตอมขึ้นมา อะตอมสำลักน้ำพรวด แพทร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เจ้าหน้าที่เอาตะตอมขึ้นเปล ทุกอย่างดูจะเคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ บรรยากาศอึงอลไปหมด
ไม่นานต่อมารัญธิดากำลังยืนมองอะตอมที่นอนหลับอยู่ในห้องผู้ป่วย ของโรงพยาบาล แพทนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ทิพปภาซึ่งยังอยู่ในชุดคนไข้เดินเข้ามา พลางถาม
“อะตอมเป็นไง”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่...”
แพทบอก พร้อมกับปรายตาเหลือบไปมองรัญธิดา ทิพปภามองตาม เห็นรัญธิดายืนตัวแข็งน้ำตาไหลพราก อาการยังช็อกๆ อยู่ ขณะคร่ำครวญออกมา
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี รัญไม่เคยดูแลอะตอมได้เลย...รัญไม่ควรเข้าใกล้อะตอมอีก...”
ทิพปภาเข้ามากอดรัญธิดาเอาไว้
“ไม่เอาลูก มันไม่จริง อย่าลงโทษตัวเองอีก มันไม่ใช่ความผิดของหนู”
“ถ้ารัญพูดแบบนี้ น้าก็ไม่สมควรดูแล อะตอมอีกต่อไปเหมือนกัน เพราะน้าดูแลอะตอมไม่ดีพอ อะตอมถึงได้ตกน้ำแบบนี้ รัญ...ต่อไปนี้ เรามาช่วยกันดูแลอะตอมดีกว่านะ”
รัญธิดามองแม่กับน้า ที่คอยปลอบใจและให้อภัยตัวเอง ก็ค่อยๆ สงบลง
อะตอมฟื้นขึ้นมาพอดี แต่ดูอ่อนแรงอยู่มาก “แม่แพทครับ”
“นั่นไง คนเก่งฟื้นแล้ว”
ทุกคนขยับตัวไปข้างๆ เตียง พอเห็นหน้าแพท รัญธิดา แล้วทิพปภา เด็กน้อยก็ยิ้มแฉ่งให้ทุกคน
“ป้าทิพ แม่แพท พี่รัญ อยู่กันพร้อมหน้าเลย”
“ฟื้นแล้วเหรอ ตัวแสบ...ซนนักนะเราน่ะ” แพทน้ำตาคลอๆ “เกือบจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว...”
อะตอมจามทำจมูกฟุดฟิด พร้อมกับเอามือขยี้จมูกแรงๆ
“อย่าอามือขยี้จมูกซิครับ..เอากระดาษนี่...”
อะตอมเอามือออก ปรากฏว่าที่มือเปื้อนเลือดนิดหนึ่ง จมูกอะตอมมีเลือกกำเดาไหลออกมานิดหน่อย
“อ้าว!! เลือดกำเดาออกเสียแล้ว แหงนหน้าขึ้นนะ เดี๋ยวแม่แพทกดไว้ให้”
รัญธิดาดึงทิชชูส่งให้ แพทรีบเอามาเช็ด แต่พอเอาทิชชูออก เลือดกลับไหลออกมาอีก และคราวนี้ไหลเยอะมากขึ้น และไหลไม่หยุด
รัญธิดามองหน้ากับทิพปภาใจไม่ดี รีบดึงกระดาษมามากกว่าเดิมส่งให้อีก แต่เลือดก็เหมือนเยอะขึ้นเรื่อยๆๆๆ จนเลอะไปทั้งหน้าอะตอม
“อะตอม...นี่มันอะไรกัน..อะตอมบอกป้า” ทิพปภาตกใจสุดขีด
ทุกคนตกใจ รัญธิดาถลาเข้าไปกดออดหัวเตียง
“คุณพยาบาลคะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
อะตอมเลือดไหลไม่หยุด ทุกคนหน้าตาตื่นตระหนกตกใจไปเป็นแถบ
อ่านต่อตอนที่ 17