หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 14
ฟากรัญธิดาตามหาธาริศทุกที่ แต่ไม่เจอ ในที่สุดตัดสินใจเดินเข้ามาในสถานีรถไฟปากช่อง โคราช สอดสายตามองหาสักครู่หนึ่ง จึงเห็นว่าธาริศที่นั่งเหม่ออยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารมุมหนึ่ง ท่าทางของธาริศดูอ่อนเพลียเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน รัญธิดาถอนใจแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา นั่งลงข้างๆ
ธาริศพูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันมองมา “สถานีรถไฟทุกแห่งก็เหมือนกัน บางคนมาเพื่อพบ แต่บางคนก็กำลังจะจากไป”
“คุณอรมาตามพี่ที่บ้าน พี่ริศมาอยู่ที่นี่ทั้งคืน ใช่มั้ยคะ”
ธาริศไม่ฟัง “วันนั้นที่รัญไปนั่งรอพี่...ถ้าแม่ไม่มาดักพี่เอาไว้ ป่านนี้เราสองคนคงจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มีบ้านหลังเล็กๆ แบบที่เราเคยฝันกันเอาไว้...”
รัญธิดาร้อนใจ “คุณอรรู้เรื่องเราสองคนหมดแล้วค่ะ”
ธาริศยังไม่ฟังอีก “เราจะทาบ้านสีอะไรดีล่ะรัญ สีฟ้าดีมั้ย รัญเคยบอกว่าอยากมีบ้านสีฟ้า”
รัญธิดาทนไม่ไหว เขย่าแขนธาริศ
“พี่ธาริศคะ กลับบ้านเถอะคุณอรรอพี่อยู่”
ธาริศหันมามองรัญธิดา ไม่สามารถทำเป็นไม่รับรู้ต่อไป สีหน้าธาริศหมองจัด
“นึกว่าเห็นแก่รัญเถอะค่ะ อย่าให้รัญต้องได้ชื่อว่าแย่งสามีคนอื่นอีกเลยค่ะ”
ธาริศไม่พูดอะไรอีกถอนใจยาว ยอมรับชะตากรรม แล้วลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ รัญธิดามองตามน้ำตาคลอ รู้ว่าชีวิตต่อไปนี้ คงแยกจากกันโดยสิ้นเชิง
ไม่นานต่อมาธาริศเดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ ทักษอรที่นอนพักที่โซฟา มีรุจรวีนั่งเฝ้าอยู่ ทักษอรเห็นรีบลุกขึ้นดีใจสุดขีด
“พี่ริศ” ทักษอรชะงัก
เมื่อเห็นแพทกับรัญธิดาเดินตามเข้ามาเงียบๆ ทักษอรตาลุกวาว
“นี่แกยังกล้ามาเหยียบบ้านชั้นอีกเหรอ”
รุจรวีรีบขัดจังหวะด้วยการไปหาธาริศ
“ตาริศ นี่ลูกหายไปไหนมา ทั้งคืน รู้มั้ย ว่าแม่กับหนูรัญ เป็นห่วงมาก”
ธาริศไม่ตอบ
“เราตามสามีคุณกลับมาให้แล้ว หวังว่าจากนี้คุณคงไม่ไปวุ่นวายกับยายรัญอีก...ไปเถอะยายรัญ” แพทบอก
“บอกหลานสาวเธอดีกว่ามั้ง ว่าอย่ามายุ่งกับสามีของชั้นอีก”
รัญธิดาก้มหน้างุดด้วยความอับอาย ธาริศเหม่อลอยเหมือนไม่รับรู้อะไรอีก
แพททอดถอนใจ “ดูแลสามีคุณให้ดี อย่ามายุ่งกับหลานฉัน และหลานฉันก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสามีคุณอีก ขอให้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันดูแลคนของฉัน คุณดูแลคนของคุณ”
ธาริศประชดขึ้นมา “คุณแพทพูดเหมือนเราสองคนเป็นสิ่งของ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะดีใจมาก เพราะมันคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก...หลานฉันกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยดี ฉันขอร้องล่ะค่ะ อย่ามาวุ่นวายกับชีวิตของยายรัญอีกเลย”
ธาริศอึ้งไป รุจวรีแหวขึ้น
“จบกันได้หรือยัง อยากให้ขายหน้ากันไปถึงไหน”
ทักษอรสวนออกมา “ยังค่ะ” พลางจ้องหน้าแพท “เธอแน่ใจได้ยังไง ว่าหลานสาวของเธอจะไม่มายุ่งกับพี่ธาริศอีก”
รัญธิดาสุดจะขมขื่น “ขอให้เชื่อเถอะค่ะ...ตั้งแต่นี้รัญกับคุณาริศจะไม่พูดคุยกันอีก ต่อให้เราบังเอิงเจอกัน...รัญก็จะทำเป็นไม่รู้จักกับเค้า”
ธาริศหันขวับมองหน้ารัญธิดาอย่างตัดพ้อ ปวดร้าว
รุจรวีถามลูกชาย “แล้วตาริศล่ะ ว่ายังไง”
น้ำเสียงธาริศเจ็บปวดเหลือแสน “ครับ ผมรับปาก ว่าผมกับรัญจะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน...นับจากวันนี้”
รัญธิดาเจ็บช้ำหน้าตาคลอแต่ไม่หันไปมองธาริศ
“คงพอใจแล้วนะคะ คุณทักษอร”
แพทพารัญธิดาเดินออกไป แต่รัญธิดาหยุดหันไปมองธาริศเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าธาริศไม่ได้มองตามรัญธิดา หัวใจแหลกสลายแล้วขณะเดินกลับเข้าไปในห้อง
รุจรวีถอนใจโล่งอก ส่วนทักษอรยิ้มอย่างเป็นผู้ชนะ
ในเวลาต่อมาพีทจอดรถหน้าบ้านแพท อะตอมลงจากรถ มีแพทยืนรออยู่ อะตอมวิ่งมาหาแม่
“เดี๋ยวยายรัญลงมา ตามสบายนะคะ ไปอะตอม” แพททักหน้านิ่งน้ำเสียงเรียบๆ
อะตอมวิ่งตื้อเข้าบ้าน แพทเดินกลับตามเข้าไป
พีทประชดท่าทีเฉยชาของแพท “ขอบคุณค่ะ ที่พาอะตอมมาส่ง...น้ำใจสักนิดน่ะมีมั้ยคุณ”
แพทหยุดหันกลับมา “ฉันไม่ได้บอกให้คุณมากส่ง เตอร์เค้ามาส่งอะตอมเองได้”
พูดเท่านั้นแพทรีบเดินหนี พีทยังไม่ย้อท้อ
“เดี๋ยวก่อน!”
แพทชะงัก แต่ไม่ได้หันกลับมาอีก พีทเลยเดินไปขวางหน้าเพื่อคุยด้วย
“แม่อยากคุยกับคุณ ดูเหมือนจะเรื่องงานแต่งนี่แหละ ผมถึงได้มาที่นี่”
“ทำไมถึงจะคุยกับชั้น...คุณคุยกับยายรัญเอาดีกว่า”
“แต่คุณเป็นคนจัดเตรียมงานนี่นา ไม่ใช่รัญ”
“แต่ชั้นไม่ว่าง เดี๋ยวเรียกรัญให้”
พีทพูดอย่างจริงจัง “เลิกหาเรื่องผมสักพัก แล้วไปหาแม่ผมเถอะ แม่เป็นห่วงมาก อยากรู้ว่าฝ่ายคุณต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า เห็นแก่แม่ผมเถอะนะครับ ผมขอร้อง”
แพทอึ้ง
พีทขับรถมาบนถนนละแวกเขาใหญ่มุ่งหน้าไปบ้านแม่ ภายในรถบรรยากาศเงียบงันทั้งคู่นั่งกันนิ่ง ไม่ค่อยกล้ามองหน้าสบตากันเท่าไหร่ แพทเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด
“ทำไมคุณถึงไม่ให้ยายรัญมาด้วยล่ะ”
“ก็แม่บอกว่าอยากคุยกับคุณไม่ใช่รัญนี่”
“คุยกับเจ้าสาวก็ได้นี่นา แปลกจริงๆ เลย”
พีทถอนใจเฮือก...พูดอย่างจริงใจ “แล้วถ้าผมบอกว่า ผมอยากมากับคุณ คุณจะเชื่อมั้ย”
สองคนนิ่งกันไปครู่หนึ่ง แพทรีบทำเป็นดุ กลบเกลื่อนความในใจ
“อย่ามาล้อเล่นให้เสียเวลา...น่ารำคาญจริงๆ”
พีทถูกด่าเลยมีท่าทีผ่อนคลายลง พูดยิ้มๆ “นี่ผมพูดอะไรไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ”
แพทหมั่นไส้หันมามองตาขวาง
จู่ๆ มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง มีคนซ้อน ขับตามรถพีทมา แล้วพยายามวิ่งตีคู่ขึ้นมาประกบ
แพทบ่นพึมพำ “จะแซงก็ไม่แซง....พิลึกคน”
พีทชำเลืองมองแล้วตกใจ คนที่ซ้อนควักปืนออกมา
“ระวัง! คุณ”
คนขับมอเตอร์ไซค์พยายามจะแซงหน้านิดๆ เพื่อให้คนซ้อนยิงได้ถนัด แพทยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไวเท่าความคิด พีทตัดสินใจดึงเบรคมือเต็มแรง แพทเบิกตาโพลง ตกใจ รถหนุนกลับทิศกะทันหัน ฝุ่นตลบ วายร้ายยิงโดนรถทางด้านหลัง แล้วเลยไปเพราะตั้งหลักไม่ทัน
พีทหักรถเข้าป่าละเมาะข้างทาง คว้าปืนในรถแล้วพาแพทลงมาวิ่งหาที่หลบกระสุน 2 วายร้ายขับตามมา ยิงสู้กันไปมาเล็กน้อย จนรถมอเตอร์ไซค์เลยเข้าป่าไป พีทพาแพทมาหลบต้นไม้ใหญ่ พีทครุ่นคิด
“เราหนีกันไปแบบนี้ไม่ได้หรอก” แพทหันมามองงงๆ
คนร้ายจอดรถ มือปืนวิ่งตามมา มองหารอบตัว ระวังตัว สายตาของมันมองเห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวผูกกิ่งไม้ ยื่นออกมาด้านหลังต้นไม้ใหญ่
“อย่าๆ อย่ายิง ฉันยอมแล้ว ฉันไม่รู้เรื่องด้วยนะ”
แพทยื่นแขนเอาไม้ผูกผ้าเช็ดหน้าโบกไหวๆ คนร้าย ยิ้มสะใจตะโกนสั่ง
“งั้นก็บอกให้ไอ้พีทโยนปืนออกมา”
ปืนถูกโยนออกมาจากต้นไม้ที่หลบกันอยู่
“ออกมาช้าๆ ยกมือขึ้นด้วย” มันสั่งอย่างย่ามใจ
แพทยกมือเดินออกมาเหมือนยอมแพ้โดยดี
“ไอ้พีทล่ะอยู่ไหนหน้าตัวเมีย”
พีทตะโกนมาจากด้านหลัง “ฉันอยู่นี่”
มือปืนหันไป เจอพีทอ้อมมาจากด้านหลังสาวหมัดซัดไปเต็มๆ จนปืนหล่น แพทรีบเข้าไปหยิบออกมา สองคนต่อยกันอยู่ซักพัก แพทลุ้นตัวโก่ง ถือปืนคอยระวัง จนในที่สุดพีทก็ซัดคนร้ายจนหมอบ แพทรีบนำปืนมาส่งให้พีท พีทเล็งปืน
“เลือกเอา ว่าแกจะกินลูกปืน หรือบอกมาว่ามึใครส่งแกมาเก็บฉัน”
คนร้ายที่แท้คือไอ้เดช ลูกน้องกำนัน กลืนน้ำลาย สีหน้าหวาดหวั่น
ขณะเดียวกันที่บ้านกำนัน
“ถ้าไอ้เดชมันส่งข่าวมาว่าจัดการกับไอ้พีทเรียบร้อย เอ็งก็ส่งคนไปเก็บมันต่อได้เลย อย่าให้สาวมาถึงข้า” กำนันสั่งเสียงเข้ม
“ครับ”
ลูกน้องอีกคนหน้าตื่นวิ่งมา
“กำนัน.. ตำรวจนำหมายค้นมากับขอพบกำนัน เอาไงดี”
กำนันตกใจมาก
กำนันหลบตำรวจออกมาทางด้านหลังบ้าน เปิดประตูออกมา แต่ต้องผงะเจอพีทยืนดักอยู่ พร้อมกำลังตำรวจส่วนหนึ่งดักอยู่
กำนันตาเหลือก “ไอ้พีท”
“เสียใจด้วยนะกำนัน ที่ผมยังไม่ตาย แถมยังมาหากำนันถึงที่ อีกด้วย”
ตำรวจหัวหน้าทีมตะโกนบอก “เรามีหลักฐานว่า กำนัน มีส่วนรู้เห็นในการจ้างวานฆ่า คุณพีรภพ...กำนันมีสิทธิ์ไม่พูด แต่คำพูดของคุณจะใช้เป็นการให้การณ์ในชั้นศาล”
กำนันหน้าซีด พีทยิ้มสะใจ
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 14 (ต่อ)
กันตารู้ข่าวจากประทินก็ตกใจมาก รีบตามมาที่โรงพยาบาล พีทกับแพทซึ่งทำแผลเล็กๆ น้อยๆ เสร็จแล้ว ต่างก้มหน้ารับผิด
“จะแต่งงานอยู่ 2-3 วันนี่แล้ว ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ แม่ใจไม่ดีเลย”
“โธ่แม่ครับ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย คุณแพทก็ปลอดภัยดี”
“ใช่ค่ะ แถมตอนนี้กำนันตัวการใหญ่ ก็โดนจับแล้วด้วย แม่นายไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“ไม่ห่วงได้ยังไง นี่ถ้าแม่ไม่บังเอิญถามประทินก็คงไม่รู้เรื่องอีก ตั้งใจจะปิดแม่กันใช่มั้ย”
กันตาขึ้นเสียงเลยไอโขลกๆ ชุดใหญ่จนหอบเพราะเหนื่อย พีทเข้าไปประคองแม่ เอาน้ำอุ่นให้ดื่ม
“ทำไมเด็กพวกนี้ถึงชอบทำอะไรให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อยเชียว” รุจรวีซึ่งตามมาด้วยค้อนแพทขวับ
“หรือว่า เป็นเพราะไม่ได้ดูฤกษ์ยาม ถึงเป็นแบบนี้ งั้นเอาอย่างนี้มั้ย เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อน แม่ขอไปเช็คฤกษ์ดูอีกที”
แพทกะรุจรวีประสานเสียง “ไม่ดีค่ะ”
พีทมองแพทแว่บหนึ่ง แต่แพทหันไม่มองตอบ
กันตาฉงน “ทำไมล่ะ”
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงคะพี่กันต์ แขกเหรื่อเราก็เชิญไปหมดแล้ว ถึงจะมีแต่คนสนิทๆ กัน แต่ก็เป็นแขกผู้ใหญ่ทั้งนั้น เลื่อนไปไม่ดีมังคะ”
“จริงด้วยค่ะ ทุกอย่างก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ เรื่องร้ายๆ ทั้งหมด มันก็จบไปแล้ว คงไม่มีเรื่องอะไรอีกหรอกค่ะ” แพทหันมาพูดกับพีท “จริงมั้ยคุณ”
“แล้วแต่แม่แล้วกันครับ ผมสัญญาแล้วแม่อยากจะให้ผมทำอะไร ผมทำได้ทั้งนั้น”
แพทมองหน้าพีทหงดุหงิดที่พีทพูดแบบนั้น กันตาครุ่นคิดว่าจะตัดสินใจยังไง
ไม่นานต่อมาทักษอรโวยวายลั่นพอรู้เรื่องจากรุจรวี
“อะไรนะคะ ตกลงป้ากันต์เลื่อนการแต่งงานออกไปอีก”
“ป้ากันต์ เค้าเป็นห่วงนะ เค้าอยากให้ตำรวจจัดการส่งสำนวนฟ้องศาลให้เรียบร้อยก่อน เค้ากลัวกำนันจะได้ประกันตัวออกมา แล้วกลับมาเล่นงานตาพีทอีก”
“แล้ว...ทำไมคุณแม่ไม่ช่วยพูดล่ะคะหรือว่า อยากให้งานเลื่อนไปเหมือนกัน....โอ๊ยจะบ้าตาย แทนที่จะรีบ แต่งๆ ไป นังรัญมันจะได้ไม่มายุ่งกับพี่ธาริศอย่างแน่นอน นี่ต้องรออีกถึงเมื่อไหร่”
“ใจเย็นๆ สิ หนูอร แม่ว่าคุณป้ากันต์ไม่ยอมรอนานหรอก เพราะสุขภาพเธอก็แย่เต็มที”
“ไม่ค่ะอรไม่ใจเย็นแล้ว”
“อ้าว!แล้วงานตาธาริศทางนี้ ทางนี้”
“อรไม่ยอมปล่อยพี่ธาริศไว้ที่นี้อีกแล้ว ตราบใดที่นังผู้หญิงคนนั้นยังไม่แต่งงาน..อรไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น”
สีหน้าทักษอรแสนมุ่งมั่น
ทักษอรยืนกรานจะกลับกรุงเทพฯ เด็กยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถ มีรุจรวีมาส่ง ธาริศอย่างเซ็ง
“แม่ต้องอยู่ดูแลป้ากันต์ก่อนนะ แล้วจะตามกลับไปจ๊ะ
“ตามใจคุณแม่เถอะคะ อรไม่สนทั้งนั้น อรไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว...ไว้วันงานแต่งจริง ถ้าว่างอรจะแวะมา”
รุจรวีอึ้งไปเหมือนกันกับลูกสะใภ้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยเดินไปพูดเบาๆ กับธาริศ ที่ยืนหน้าเฉยเมย ไม่ยินดียินร้ายอยู่
“น้องยังโกรธอยู่ อดทนหน่อยก็แล้วกันนะ”
ธาริศยิ้มเยาะให้ตัวเอง
“ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องทนอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอครับ”
ธาริศเดินไปที่รถกำลังจะขึ้นอยู่แล้ว ประทินขับรถกอล์ฟเข้ามา รีบร้อนเรียกหา
“คุณธาริศครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“มีอะไรเหรอ ประทิน”
“ตอนนี้เกิดปัญหาที่ไซต์งานครับ วิศกรที่คุมงาน เค้ามีปัญหากับโครงสร้างที่ออกแบบ คุณพีทให้ผมมาตามคุณธาริศไปดูหน่อยครับ”
ธาริศตกใจ “ไปซิ”
ธาริศจะไปขึ้นรถกอล์ฟทันที ทักษอรร้องลั่น
“ไม่ได้นะคะ ให้คนอื่นดูซิ ไปบอกคุณพีทว่าเดี๋ยว ถึงกรุงเทพฯแล้วจะส่งสถาปนิกคนอื่นมาให้”
“แต่นี่เป็นงานของพี่นะ ถ้าอรทำแบนั้นเราก็ไม่ต้องคุยกันอีก”
ธาริศออกไปกับประทิน ไม่ฟังอรอีก
“พี่ธาริศ ๆ”
“ต้องรู้จักผ่อนบ้างนะหนูอร นี่มันเรื่องงาน อย่าหาว่าแม่สอนเลยนะ แต่ อะไรที่มันตึงเกิดไป แทนที่จะดี มันอาจจะขาดก็ได้นะ”
ทักษอรตาขวาง แต่ไม่ได้โวยวายอะไร มองตามทางที่รถกอล์ฟแล่นออกไป ด้วยท่าทางหมายมาด
“ก็ได้ค่ะ แต่อรจะจับตาดูพี่ธาริศให้ทุกฝีก้าวเลย”
ธาริศมาถึงไซต์งาน กำลังคุยงานกับวิศวกร มีคนงานทำงานอยู่ ท่าทางซีเรียส เอาแบบมากางชี้แจงกัน
รถกอล์ฟเข้ามาจอด ทุกคนหันไปมอง ทักษอรเดินลงมา
“อร...มาทำอะไรที่นี่”
“พี่ริศจะอยู่ทำงานก็ได้คะ แต่อรก็จะอยู่ด้วย..อรจะจับตาดูพี่ทุกฝีก้าว ทนได้ก็ทนไป”
พูดจบทักษอรก็ถอยไปยืนที่ร่มๆ ทำท่าชิลล์ๆ ทุกคนอึ้ง ธาริศกล้ำกลืนความไม่พอใจ
พอธาริศเดินเข้าไปในออฟฟิศ ทักษอรเดินตามมานิ่งๆ ธาริศลงนั่งทำงาน ทักษอรนั่งตามไม่ไกล้ ไม่ไกล หยิบโทรศัพท์หรือไอแพดมาเล่นเกมส์รอ ธาริศถอนใจ
นาฬิกาบอกเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ทักษอรยังมีท่าเพลิดเพลินกับเกมส์ในมือถือ ธาริศทนทำงานไปไม่ไหว ลุกขึ้น ทักษอรเด้งขึ้นมาถามทันที
“พี่จะไปไหน”
“ห้องน้ำ อรจะไปด้วยมั้ย”
ธาริศเดินออกไปเลย ทักษอรลังเล แต่ในที่สุดก็ไม่ยอมตาม
ธาริศออกจากห้องน้ำ ทำท่าจะเดินกลับออฟฟิศ แต่แล้วชะงัก รีๆรอๆ ทอดถอนใจด้วยความอึดอัด
แล้วอดใจไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความ
“ไม่ว่ารัญจะพูดยังไง พี่ก็ยังคิดถึงรัญ”
แต่แล้วก็ตัดใจลบข้อความทิ้งทั้งหมด ธาริศตัดใจปิดโทรศัทพ์แล้วเก็บเข้ากระเป๋า หักห้ามใจตัวเอง เดินตรงไป อีกทาง ที่ไม่ได้กลับออฟฟิศ
พอเดินเลี้ยวออกมาอีกทาง เจอคนงานก่อสร้างสองคน แอบนั่งกิน เหล้าอุกันอยู่ ธาริศดูเวลา ถามเสียงดุ
“นี่...กินเหล้าเวลางานงั้นเหรอ”
คนงานตกใจ พนมมือแต้
“ถ้าไม่กินมันไม่มีแรงนะนาย อย่าบอกคุณพีทเลยนะนาย” คนแรกยกมือไหว้
คนที่ 2 ซึ่งเมาได้ที่แล้วโต้ลั่น “ไม่จริงๆ ไอ้เที่ยงมันโกหก...อย่าไปเชื่อ กินเพราะอยากกินนะ
นาย กินแล้วจะได้ลืมความทุกข์ยังไง”
ธาริศชะงักไปนิด
“กินเพื่อลืมความทุกข์...งั้นเหรอ”
บนโต๊ะอาหารเย็นนั้นแพทตักไอศกรีมแบ่งให้ทุกคน อะตอมตื่นเต้นมองตาโต
“นี่ของอะตอมจ้ะ แล้วนี่ก็ของรัญ”
รัญธิดาดูนั่งเหม่อๆ แล้วก็เศร้าจัด ทิพปภากับแพทมองหน้ากัน ทิพปภารีบเรียก
“รัญ น้าแพทเรียก ทานไอศกรีมซิ”
“อ๋อ ค่ะ”
“เดี๋ยวฮะๆ อย่าเพิ่ง”
อะตอมคว้าขวดวิปครีม มาบีบใส่
“มันต้องแบบนี้...แล้วก็เอาเชอรี่วางลงไป คราวนี้ก็กินได้เล้ย”
“ชอบเสียจริงเชอรี่เนี่ย เอ๊า นี่แม่ยกให้อีกลูกหนึ่ง”
อะตอมหยิบเชอรี่กิน แล้วก็วางลงข้างถ้วย
“ไม่ใช่ตอมชอบคนเดียวนะฮะ อาริศก็ชอบ”
ทั้งหมดชะงัก
“ทำไมหมู่นี้ อาริศไม่มาบ้านเราบ้างก็ไม่รู้ ตอมคิดถึงอาริศจัง” อะตอมว่า
ทิพปภาเสียงแข็งทันที “เค้าไม่ใช่ญาติโยมอะไรของเราจะแวะมาทำไม แล้วก็อย่ามารำพึงรำพันถึงอาบ้าบอ นั้นให้ป้าได้ยินอีก”
อะตอมหน้าเสีย “ตอมก็แค่...อยากให้อาริศมากินไอติมด้วยกันเท่านั้นเอง อาริศใจดีออก จริงมั้ยพี่รัญ”
ทิพปภาดุ “เอ๊ะ ป้าบอกแล้วไงว่าอย่าพูด”
“พี่ทิพ! อะตอมไม่รู้เรื่องด้วยนะคะ” แพทร้องบอก
ทิพปภารู้สึกตัว แต่พลั้งปากดุหลานไปแล้วไม่รู้ทำไง
“เออ...ป้าขอโทษ....ป้าอิ่มแล้ว ไปล้างจานละ”
ทิพปภาออกไป แพทรีบปลอบอะตอม
“ป้าทิพเค้าเหนื่อยนะลูก เลยหงุดหงิดไปหน่อย ตอมไม่โกรธป้าทิพนะ เอางี้เราไปต่อกันดั้มกันข้างบนดีมั้ย”
“ฮะ”
แพทจูงอะตอมไป มีแต่รัญธิดาคนเดียวที่นั่งเงียบ ก้มหน้ามองไอติม แต่น้ำตาไหลมาเป็นทาง
ตกกลางคืนประทินแบกธาริศมาส่งวางลงบนโชฟาในบ้าน ทักษอรปิดจมูกเหม็นอุ
“ผมเจออยู่กับคนงาน ด้านหลัง เลยเอาตัวมาส่งครับ”
“นึกว่าหายไปไหน หากันให้วุ่นวายทั้งรีสอร์ต ที่แท้ก็หายไปกินเหล้ากับคนงาน นับวันยิ่งทำตัวตกต่ำขึ้นทุกที”
“เออ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ประทินออกไปทักษอรเข้าไปดูสภาพใกล้ๆ
“โอ๊ย ทำไมมันเหม็นแบบนี้ พี่ธาริศ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอรไม่ให้นอนในห้องหรอกนะ” ธาริศยกหัวแทบไม่ขึ้น เมาปลิ้น “ถ้าไม่ลุก ไม่ยอมอาบน้ำ ก็นอนอยู่นี้แหละ”
ทักษอรหงุดหงิด ที่ธาริศเมาหมดสภาพ เลยลงนั่งข้าง พยายามจะถอดเสื้อให้ ธาริศรู้สึกตัวนิดๆ พยายามลืมตา แต่ตาหนักมาก ธาริศกลับจับมือทักษอร ฉุดตัวลงมาทับบนอก
“ว้าย อะไรกันเนี่ย”
ธาริศดึงทักษอรมากอด กดหัวอรให้ซบตรงอกอย่างรักใคร่
“อย่าทิ้งพี่ไป อย่าใจร้ายกับพี่เลยนะ”
ทักษอรอึ้ง แต่แล้วค่อยๆ ยิ้มอย่างมีความสุข
“แหมพี่ริศ..อรก็อยู่นี้แล้วไงค่ะ อรไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอก”
ธาริศมองหน้าทักษอร เห็นเป็นหน้ารัญธิดา ยิ้มให้อย่างรักใคร่ ธาริศยิ่งกอดแน่นขึ้นอีก ทักษอรยิ้มอย่างพอใจ เพราะสามีไม่ยอมแตะตัวมานานแล้ว
“พี่รักรัญนะจ๊ะ”
ทักษอรนิ่งอึ้ง ตัวชาวาบ เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ยันตัวลุกขึ้นมองธาริศอย่างเจ็บช้ำ น้ำตาค่อยๆไหลออกมา
“อย่าทิ้งพี่ไปนะรัญ”
ธาริศครวญคร่ำดึงร่างทักษอรลงมาอีก แล้วก้มลงจูบด้วยความรัก
ทักษอรนิ่งรับรอยจูบแต่น้ำตาไหลเป็นทาง ทั้งเจ็บปวดและแค้นใจอย่างรุนแรง
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 14 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ ที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีถูกผ้าแดงเอาไว้ เฉิดโฉมเอาหัวหมูมาวางปักธูปวางลง แล้วก้มลงไหว้ สวดพึมพำ เชอรี่โผล่เข้ามา
“เฉิด”
“ว้าย เชอรี่ มาเงียบๆ ไม่ให้สุ่มให้เสียง คิดว่าเจ้าแม่เสด็จมารับของแก้บนด้วยตัวเอง”
“เธอบนอะไรไว้เหรอ”
“ชั้นก็ขออย่าให้นังรัญ ได้แต่งงานกับคุณพีทน่ะสิ แล้วแกดูซิงานแต่งงานถูกยกเลิก ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ดูซิ พูดแล้วขนลุกเกรียว”
“เค้าแค่เลื่อนไม่ใช่ยกเลิกซักหน่อย”
“แต่อย่างน้อย ฉันก็ยังมีเวลาเพิ่มที่จะทำให้คุณพีทเปลี่ยนใจ” เฉิดโฉมถอนหายใจ “แต่ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว เพราะพูดยังไง คุณพีทก็ไม่เชื่อ...มันเซ็งๆๆๆ ตรงนี้แหละ”
“ก็ถ้าคุณพีทเค้าไม่เชื่อแก แล้วทำไมแกไม่หาคนอื่นที่คุณพีทเค้าเชื่อมาพูดล่ะ”
เฉิดโฉมตาวาวทันที นึกออก
“แกฉลาดมาก เชอรี่ เพื่อนรัก ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ”
เชอรี่เองยังงงอยู่ เหมือนกันเพราะไม่ได้ตั้งใจ
แพทกำลังอธิบายถึงแผนรับแขกโรงแรมกลุ่มใหม่อยู่อย่างเอาจริง เอาจัง ส่วนด้านหลังอะตอมนั่งระบายสี วาดรูปเล่นอยู่ สักพักก็เบื่อ มองไปเห็นแพทเดินห่างออกไปนิดหนึ่ง ชี้โน่นชี้นี่ อะตอมถอนใจเซ็งๆ มองโน่น มองนี่ แล้วนึกขึ้นได้ มองแพทอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งตื้อออกไป โดยไม่มีใครสังเกต
ด้านธาริศยังหลับอยู่ด้วยความเมาอยู่บนเตียง ทักษอรแต่งตัวใหม่ในชุดสวยงามแล้วก้าวเข้ามาหน้าตาปวดร้าว แค้นเคือง
ธาริศขยับตัว ค่อยๆลืมตา แล้วหลับเพราะปวดหัว ทนแสงสว่างไม่ได้
“ตื่นได้แล้ว สายมากแล้วค่ะ”
ธาริศงัวเงียอยู่ “อร...พี่ปวดหัวจังเลย”
“ก็น่าจะปวดอยู่หรอกค่ะ เมามากแล้วยังจะออกแรงอีก”
ธาริศงุนงง “ออกแรง?”
ธาริศชะงัก ได้สติ ลุกขึ้นนั่งก้มดูตัวเอง แล้วจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมดมองอรที่ยิ้มแย้มอยู่ ธาริศหลับตา รู้สึกผิดมาก
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ เหม็นเหล้าหึ่ง”
“เมื่อคืน...พี่เมามาก” ธาริศบอกเป็นเชิงขอโทษ
ทักษอรกอดแล้วหอม “งั้น เดี๋ยวอรไปสั่งเด็ก ให้เตรียมน้ำส้มคั้นเย็นๆ แก้แฮ้งค์ให้ดีมั้ยคะ”
ทักษอรลุกขึ้นจะเดินออกไป ธาริศนั่งกุมหัว ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไปเมื่อคืน ขณะที่ทักษอรหันมามองก่อนออก ด้วยสีหน้าแววตาสะใจ
“เมื่อคืนพี่ริศทำให้อรมีความสุขมากค่ะ...ขอบคุณนะคะ”
ทักษอรเดินออกไป ธาริศคอตก นึกโกรธตัวเองที่เมาจนไม่ได้สติ
ส่วนอะตอมถือถุงดาษเล็กๆ มาด้วย มองซ้าย มองขวาก่อนเคาะประตูบ้าน พอประตูเปิดออกทักษอรเดินออกมา อะตอมตกใจ
“เข้ามาทำไมที่นี่”
อะตอมยกมือไหว้
“สวัสดีครับ ผมมาหาอาริศฮะ อาอยู่มั้ย” อะตอมหยิบถ้วยเล็กออกมาจากถุงกระดาษ “ผมเอาไอติมมาให้”
ทักษอรโกรธทันที “ใครใช้ให้เธอเอามา”
“เปล่าฮะ ผมมาเอง ผมคิดถึงอา เราเคยไปกินไอติมด้วยกัน”
ทักษอรจี๊ดอีก “ไปด้วยกัน ใครบ้าง รัญธิดาด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ฮะ พี่รัญก็เคยไป อาริศบอกว่าพี่รัญชอบกินไอติมเชอเบทเปรี้ยวๆ”
ทักษอรปรี๊ดทันที “ออกไปเดี๋ยวนี้เลย เอาไอติมของเราไปด้วยไม่มีใครกินหรอก”
อะตอมคอตก หน้าจ๋อย
“ไปซิ ไล่แล้ว มายืนอยู่ทำไมอีก”
อะตอมวิ่งออกไป ชนกับรุจวีที่เดินเข้ามา รุจรวี จับไว้
“อะไรกันหนู”
อะตอมสะบัดตัววิ่งหนีไป
“มีอะไรเหรอ แล้วเด็กนั้นเป็นใคร”
“นังรัญค่ะคุณแม่ มันส่งน้องมันให้มาหาพี่ริศค่ะ ตัวเองมาไม่ได้ ก็ส่งเด็กมาแทน มันมารยานัก”
“ตายจริง ร้ายกาจเหลือเกิน งั้นแม่จะไปเอาเรื่องยายแพท รับปากไว้แล้วทำแบบนี้ได้ยังไง”
“อรไปด้วย ค่ะ”
รุจรวีเดินไป เฉิดโฉมเข้ามาขวางไว้
“ไปหาก็แค่นั้น ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
รุจรวีกับทักษอรงงกับท่าทีของเฉิดโฉม
ทั้งหมดมาคุยกันด้านนอก ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน
“เห็นชัด อยู่แล้ว ว่าสองคนน้าหลานมันร่วมมือกัน อะตอมมันก็ลูกนังแพท ถ้าแม่มันไม่เห็นด้วย เด็กมันจะมาได้ยังไง”
ทักษอรเห็นด้วย แต่ก็ยังฟอร์มอยู่
“เรื่องนั้นฉันเป็นคนตัดสินใจเอง เธอไม่ต้องมายุยงหรอก” ทักษอรด่า
“ใช่ ฉันกับคุณแม่มองออกนะ ว่าเธอเกลียดรัญธิดา ไม่อยากให้มันแต่งงานกับพี่พีทใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่ค่ะ ฉันเกลียดมันมาก แล้วก็ไม่ใจดีเหมือนคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันแอบคบกับสามีคุณ คุณก็ยังเฉยอยู่ได้” เฉิดโฉมเหน็บ
“หุบปากนะ” ทักษอรตวาด
“คุณคิดว่า การที่คุณไม่ยอมเอาเรื่องนังรัญไปบอกคุณพีท ให้มันรีบๆ แต่งงานไป จะเป็นวิธีที่ดีงั้นเหรอ”
“แกไม่ต้องมายุ่งกับชั้น เป็นลูกจ้างก็อยู่ส่วนลูกจ้างสิ” ทักษอรด่าอีก
“คุณคิดว่าผู้หญิงหลายใจอย่างนังนั่นมันจะยอมปล่อยสามีคุณไปง่าย ๆ เหรอคะ” ถูกเฉิดโฉมจี้ใจดำ ทักษอรเริ่มหวั่นไหว “ยิ่งถ้ามันแต่งงานไป มันก็จะกลายมาเป็นญาติสนิทของคุณ คิดดูซิ ว่าโอกาสที่จะเจอกันมันก็มากขึ้น แล้วถ้าแอบมาคบกับคุณธาริศลับหลังทุกคนอีกล่ะ คุณจะทำ”
ทักษอรสติแตก “ไม่มี ทาง...ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม คุณแม่คะ เฉิดไม่ยอมพี่ธาริศต้องไม่กลับไปหานังนั้นอีกนะคะ”
รุจรวีพยายามปลอบใจ “ใจเย็น ๆ ก่อนลูก” พลางหันมาทางเฉิดโฉม “ที่เธอพูดมาทั้งหมด เธอต้องการอะไร หึ”
“ฉันอยากให้คุณร่วมมือกับฉัน...ถ้าเราจัดการตั้งแต่ต้น ฉีกหน้ากากมัน เอามันออกไปจากชีวิตคุณพีทและลูกชายคุณ ก็จะตัดปัญหาที่จะตามมาได้อย่างสิ้นซาก งานแต่งงานระหว่างนังรัญกับคุณพีทจะต้องไม่เกิดขึ้น” พีอาร์สาวแสบหันมาทางทักษอร “คุณว่ายังไง”
ทักษอรคิดตามและเห็นด้วย
ขณะที่พีทกำลังดูคนงานทำงานอยู่ในรีสอร์ต มีใครคนหนึ่งเดินมาหาจากด้านหลัง ก่อนเอามือแตะไหล่เบาๆ พีทหันมาดู
“อ้าว อร นายริศล่ะ ฟื้นหรือยัง ได้ข่าวว่าเมากลิ้งอยู่กับคนงาน”
ทักษอรไม่ตอบ มองพีทอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย ท่าทีซีเรียสและจริงจังมาก
“อรมีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ”
พีทสงสัยว่าเรื่องอะไร
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 09.00 น.
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 14 (ต่อ)
เย็นวันเดียวกันรัญธิดานั่งอยู่หน้าบ้านอย่างเศร้าสร้อย แต่ต้องตกใจเมื่อเจอก้อนอะไรบางอย่างขว้างมาจากนอกรั้ว แล้วตกลงแทบเท้า
รัญธิดามองไปเห็นเป็นกระดาษห่ออะไรอยู่สักอย่าง หันไปมองนอกรั้วเห็นเด็กคนหนึ่งมองเข้ามา แล้วรีบวิ่งหนีไปไวๆ
รัญธิดาหยิบมาแล้วเปิดห่อกระดาษออกดู เห็นเป็นแหวนที่เธอคืนให้ทักษอรไปแล้ว รัญธิดาตกใจวิ่งออกไปดูนอกรั้ว แต่ที่ถนนว่างเปล่า ไม่มีใคร
ขณะเดียวกันตรงหัวมุมถนนในหมู่บ้านอีกมุมหนึ่ง เฉิดโฉมกำลังยื่นเงินให้เด็กที่เป็นคนขว้างกระดาษห่อแหวน
“เอาไป แล้วก็ปิดปากให้สนิทนะ”
เด็กพยักหน้าวิ่งจู๊ดออกไป เฉิดโฉมยิ้มร้ายอย่างสมใจ
จากเย็นเป็นค่ำทักษอรคุยโทรศัทพ์กับเฉิดโฉมอยู่ในบ้าน
“เธอจัดการเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย... ดี...ต่อไปเป็นหน้าที่ของฉันเอง”
ทัษอรวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม หันหลังจะเดินเข้าไป เจอรุจรวีมองมาอย่างอ่อนใจนิดๆ
“หนูแน่ใจแล้วเหรอ ว่าจะเชื่อยายเฉิด”
“ถ้าคุณแม่ ไม่อยากรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้น คุณแม่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้นะคะ”
“หนูอร”
“ในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง ทักษอรไม่อยากได้ตำแหน่งเป็นเมียหลวง...แต่ อรต้องการเป็นเมียเดียว..เท่านั้นค่ะ”
“แต่สองคนนั้นเค้าก็ให้สัญญาแล้วว่า ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
ทักษอรขัดขึ้นทันที “แล้วคุณแม่เชื่อคำพูดของเค้าเหรอค่ะ ถ้านังรัญมันยังวนเวียนอยู่ใกล้ตัวพวกเราแบบนี้ วันนึงถ่ายไฟเก่ามันก็อาจจะปะทุขึ้นมาอีก...อรถึงต้องจัดการถอนรากถอนโคนให้หมด..ไม่ให้มันเหลือมีเชื้อไฟให้จุดติดได้...ขอตัวนะคะ
รุจรวีได้ถอนหายใจ ไม่แน่ใจกับวิธีการของลูกสะใภ้ ชักจะเริ่มอึดอัดตามธาริศนิดๆ
ทักษอรเข้ามาในห้องนอน ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ ทักษอรเข้าไปฟังใกล้ๆประตู ธาริศอาบน้ำฝักบัวอยู่ ปล่อยให้น้ำไหลราดรดลงหัวเหมือนอยากจะลืมเรื่องกลุ้มใจ
ทักษอรไม่มีท่าทีลุกรี้ลุกรนใดๆ เดินไปหยิบโทรศัทพ์ธาริศที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ด้วยสีหน้าชั่วร้าย
ด้านรัญธิดายืนซึมดูแหวนอยู่ในห้องนอน แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงส่งข้อความดัง หยิบโทรศัพท์ดู เห็นว่าส่งมาจากมือถือธาริศ รัญธิดาอึ้ง ลังเล แล้วในที่สุดก็กดดูข้อความ
“พี่รู้ตัวดีว่าคงอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีรัญ”
รัญธิดาจี๊ดใจอ่านแล้วรีบกดข้อความทิ้งทันที โยนโทรศัพททิ้งไว้บนเตียง เดินห่างออกมาพยายามระงับจิตใจ
สักพักเสียงข้อความเข้ามาอีก รัญธิดามองโทรศัพท์ แต่ไม่ยอมหยิบมาเปิดดู ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่พอเปิดประตูจะเดินออกไปต้องชะงัก ก่อนจะรีบไปเปิดโทรศัพท์ ดูข้อความ
“พี่ขอโทษที่ทำให้รัญเสียใจ...ลาก่อน...ชั่วชีวิต”
รัญธิดาใจหล่นวูบ อึ้ง เงยหน้าขึ้น ครุ่นคิดทั้งงงปนตกใจ พึมพำข้อความสุดท้าย
“ลาก่อน...ชั่วชีวิต”
รัญธิดาก้มลงดูข้อความจากไลน์อีกที มีข้อความขึ้นมาอีกอัน เป็นรูปสะพานแห่งหนึ่งแล้วมีข้อความเขียนว่า
“ถึงเวลาต้องลาจากกันตลอดไป”
รัญธิดาคิดต่ออีกนิดแล้วนึกได้ ช็อก ตกใจมาก จนโทรศัพท์ร่วงจากมือ
“พี่ธาริศ!”
รัญธิดาวิ่งเตลิดออกจากห้องไปทันที
รัญธิดาวิ่งลงมาชั้นล่างหน้าตาท่าทางตกอกตกใจมาก ทิพปภาเดินออกมาจากครัวพอดี เรียกเอาไว้
“ยัยรัญ จะไปไหนนะลูก ค่ำมืดแล้วนะ”
รัญธิดาไม่สนใจฟังเสียงแม่ วิ่งออกหน้าบ้านไปเลย ทิพปภามองงงๆ แล้วนึกอะไรได้ ตะโกนเรียกไปทางชั้นบน
“แพท...ยัยแพท”
ธาริศจอดรถเอี๊ยดหน้าบ้าน แล้วรีบลงมาเจอแพทที่รีบเดินออกมาจากบ้านเหมือนกัน แพทถือกุญแจรถออกมาด้วย
“คุณแพท”
แพทชะงักแล้วเดินออกไปหาธาริศอย่างเย็นชา
“คุณมาที่นี่ทำไมอีก ชั้นคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก”
“ผมคิดว่า มีคนแอบใช้โทรศัทพ์ผมส่งข้อความถึงรัญ ผมอยากมาอธิบายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
แพทชูโทรศัทพ์รัญธิดาขึ้นมา
“นี่ใช่มั้ย ฉันเห็นแล้ว...ชั้นถึงต้องการจะไปถามคุณ ว่าทำอย่างงี้ทำไมอีก”
“ผมไม่ได้เป็นคนส่งข้อความนั้นไป...แล้วรัญอยู่ไหนละครับ”
“ยายรัญหายไป ฉันเจอแต่โทรศัพท์ตกอยู่”
ธาริศตกใจ แล้วก็เริ่มคิด
“ต้องเป็นอรแน่ๆ แต่ผมแปลกใจว่าทำไมเค้าถึงไม่ลบข้อความทิ้งหลังจากส่งแล้ว”
“หรือว่า...เค้าจงใจทิ้งไว้ให้คุณเห็น” แพทว่า
ธาริศนิ่งไป แพทนิ่งไปนิด แล้วนึกออกมีสีหน้าตกใจ
“เรารีบกันเถอะคุณธาริศ”
ธาริศคิดเหมือนแพท
“ไปรถผมเถอะ”
ทั้งคู่ขึ้นรถธาริศไปอย่างร้อนใจ
ส่วนรัญธิดาวิ่งเข้ามาจากปลายสะพานข้างหนึ่ง ซึ่งมีแสงสลัวๆ เฉพาะจุด พีทซึ่งใส่แจ็กเก็ตมีฮู้ดปิดคลุมหัว ยืนอยู่กลางสะพานก้มตัวจับราวสะพานเหมือนกำลังจะกระโดดลงไป รัญธิดาเห็นตกใจมาก
“พี่ธาริศ พี่จะทำอะไร”
พีทนิ่งไม่ตอบ และไม่ยอมหันมา รัญธิดารีบวิ่งเข้าไปทันที
“อย่าทำอย่างนั้นเลยค่ะ พี่ธาริศก็รู้อยู่แล้วนี่คะว่าเรื่องของเรามันจะต้องจบลงแบบนี้”
ร่างนั้นชะงัก อึ้ง มือที่จับตรงสะพานบีบแน่นขึ้น รัญธิดาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับแขนพีทที่เธอคิดว่าเป็นธาริศอย่างปลอบโยน
“ลืมเรื่องเก่าๆ ของเราเถอะค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย พี่ริศก็กลับไปอยู่กับคุณอร ส่วนรัญ...ก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคุณพีท”
“ผมว่าไม่จำเป็นหรอก”
รัญธิดาตกใจในเสียงคุ้นหูนั้น ร่างนั้นหันกลับมาเผยให้เห็นเป็นพีท ซึ่งเอาฮู้ดลง รัญธิดาตกใจเมื่อเห็นหน้าชัดๆ
“คุณพีท”
“ตกลงทุกๆ อย่างที่เฉิดโฉมพูด...มันเป็นความจริงใช่มั้ย”
รัญธิดาอึ้งตะลึง ช็อกคาที่
อ่านต่อตอนที่ 15