นางมาร ตอนที่ 11
เชตะวันเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงอย่างเซ็งๆ บวรกับอนงค์ตามมาดูแล้วกระซิบคุยกัน บวรส่งภาษาใบ้ถามอนงค์โทรตามพยาบาลมาใหม่รึยัง
“ฉันโทร.ตามพยาบาลใหม่แล้วน้า แต่เขาว่ายังหาคนไม่ได้ ต้องรอไปก่อน แหม...ยังกะพยาบาลพิเศษมันหาง่ายนักนี่น้า ที่ศูนย์น่ะเขารู้กันทั่วล่ะว่าคุณเชตน่ะอารมณ์ร้ายขนาดไหน”
บวรทำท่าทำทางส่งภาษาใบ้ว่าคืนนี้จะไม่มีพยาบาลนอนเฝ้าคุณเชต อนงค์พยักหน้า
“ใช่คืนนี้ไม่มีคนมานอนกับคุณเชต ฉันก็ไม่ใช่ไม่กังวลอยู่น้า กลัวอาการแกจะกำเริบขึ้นมา”
บวรทำท่าช่วยกันภาวนา ว่าอย่าให้เชตอาการกำเริบขึ้นมาคืนนี้
“น้าจะภาวนา ขออย่าให้อาการคุณเชตกำเริบคืนนี้ใช่ไหม”
เชตะวันได้ยินตลอด เลยโมโห เอาของใกล้มือเขวี้ยงใส่บวรและอนงค์อย่างโมโหร้าย ของเขวี้ยงโดนหัว บวรร้องเอามือกุมหัว อนงค์ตกใจรีบเข้าไปดูอาการบวร แต่เขาทำท่าว่าไม่เป็นไร
“ไม่มีคนเฝ้าก็ไม่ต้องเฝ้า ถ้าอาการกำเริบ มันจะ ต้องตายคืนนี้ก็ให้มันรู้ไป ออกไปกันให้หมดไป๊ ฉันอยู่คนเดียวก็ได้ ไปสิ” เชตะวันโกรธ
เชตะวันเขวี้ยงของอีก บวรกับอนงค์สงสารแต่รู้ว่าเชตะวันกำลังอารมณ์เสียเลยรีบวิ่งออกไป เชตะวันนั่งหน้าเครียดคิดถึงเรื่องพ่อและพายัพ ผีเฟื่องค่อยๆเข้ามาหาเชตะวัน
“ชุน ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า จะไม่ให้เจ้าอยู่อย่างเดียวดายอีกต่อไปแล้วชุน...”
เชตะวันล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผาก โดยมีผีเฟื่องนอนกอดอยู่ข้างๆ ในที่สุดผีเฟื่องก็ได้กลับมาอยู่กับชุนแล้ว
บวรกับอนงค์ เดินออกมา บวรจิ้มหัวต่อว่าอนงค์ที่ไม่รีบติดต่อนางพยาบาลให้เชต
“แหม...น้า ได้ทีก็ว่าตลอดเลยนะ น้าก็รู้ ฉันโทรไปทุกทีเรื่องนางพยาบาลพิเศษ พอรู้ว่าต้องมาดูแลคุณเชตะวัน ทุกคนก็กระเจิงละ เจ้าพระคู๊ณ...ขอให้ได้ใครเป็นผู้โชคร้าย เอ๊ย ผู้โชคดี ได้มาดูแลคุณเชตเร็วๆเถอะ”
บวรทำท่าภาษาใบ้บอกวันนี้แกและฉันต้องรีบทำงานให้มันเสร็จๆ แล้วมานอนเฝ้าคุณเชตกัน
“ฉันรู้แล้ว น้าจะให้ฉันรีบทำงานให้มันเสร็จไวๆเพื่อคืนนี้เราจะได้มาเฝ้าคุณเชตกันใช่ไหมล่ะ”
อนงค์หันไปเห็นแซลลี่ซึ่งก็คือสร้อยในอดีตชาติเดินเข้ามาพอดี เลยทำหน้าเบ้
“สงสัยคืนนี้เราอาจจะไม่ต้องนอนเฝ้าคุณเชตแล้วล่ะ เพราะมีใครบางคนแล่นหน้าบานมาละ”
บวรหันไปดู แซลลี่หยุดทัก
“มายืนเม้าท์เจ้านายอยู่เหรอ อุ๊ย ลืมไปมีใบ้อีกคน ยังเม้าส์ได้ เก่งนะ...ฮ่าฮ่าฮ่า เชตอยู่ในห้องใช่ไหม”
“คะ อยู่ในห้อง แต่ต้องการพักผ่อนอย่างแรง เพราะโดนยิงมา ป่วยคะ”
บวรชี้ไปที่ห้องบอกคุณเชตพักอยู่ในห้อง
“ฉันรู้ว่าเขาป่วย และฉันนี่แหละจะมาเป็นคนดูแลเชตเอง ถอยไป”
แซลลี่ เดินสะบัดตัวออกไปแล้วหยุดหันกลับมา ชี้ไปที่อนงค์
“อ๋อ ทีหน้าทีหลัง เรียกฉันทุกครั้งว่าคุณแซลลี่ด้วยนะ”
“คะ...คุณแซลลี่”
แซลลี่เดินเชิดไป อนงค์หมั้นไส้
“แหวะ คุณแซลลี่ ชื่อนี้เพิ่งตั้งแน่ เพราะหน้าตาเหมือนชื่อซ่าหริ่ม หมั่นไส้”
บวรส่งภาษาใบ้ทำท่าต่อว่าอนงค์ว่า ระวังคุณเชตได้ยินเข้าจะว่าได้ว่าเรานินทาผู้หญิงของเขา
“เชอะ คุณเชตไม่ว่าเราหรอกน้า นังชะนีนี่ก็แค่ผู้หญิงทางผ่าน คุณเชตไม่เอาจริงหรอก เดี๋ยวเบื่อก็เฉดหัวทิ้ง”
บวรส่ายหัวดึงอนงค์ออกไป
แซลลี่วิ่งถลันเข้ามาในห้อง
“เชตขา...พอแซลลี่รู้ข่าว แซลลี่ก็รีบมาเยี่ยมเชตทันทีเลยนะคะเนี่ย”
แซลลี่เข้าเคล้าเคลียนัวเนียเชตะวันทันที
“แซลลี่ อย่าเพิ่งน่า ผมเจ็บแผล”
แซลลี่ดูแผล
“อุ๊ย เชตเจ็บมากมั๊ยคะเนี่ย ให้แซลลี่ดูหน่อยสิ”
“ไม่ต้องหรอกน่าแซลลี่ แล้วเนี่ยตอนคุณเข้ามา เห็นพ่อกับพี่พายัพรึเปล่า”
“ไม่เห็นนี่คะ สงสัยคงออกไปข้างนอกกันแล้วมั้ง”
เชตะวัน เจ็บใจ
“ดี ออกไปกันให้หมด”
“ใช่คะ ออกกันไปให้หมด แซลลี่จะได้อยู่กับคุณตามลำพัง...ดีไหมคะเชต”
แซลลี่ค่อยๆลูบไล้ที่ตัวเชตะวัน
“แซลลี่ ออกไปก่อนเถอะ วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี อยากอยู่คนเดียว”
“อะไรกันคะเชต มีแซลลี่อยู่ด้วยไม่ดีเหรอคะ”
“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าผมอารมณ์ไม่ดีอยากอยู่คนเดียว คุณไม่เข้าใจเหรอ”
“แซลลี่เข้าใจคะ เป็นใครก็ต้องหงุดหงิด อยู่ดีไม่ว่าดีก็มีคนมายิงเชตแบบนี้ แต่ถ้าเชตมีแซลลี่อยู่ด้วย...”
“แซลลี่ ผมอยากอยู่คนเดียว”
“แต่...”
เชตะวันไล่
“ไป...ผมอยากอยู่คนเดียว”
แซลลี่อึ้งพูดไม่ออกน้อยใจ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คว้ากระเป๋าแล้วเดินปังๆออกไป พอได้อยู่
คนเดียว เชตะวันก็ถอนใจยาวแล้วล้มหงายนอนแผ่บนเตียงอย่างสุดเซ็ง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออก
“ว่าไง ไอ้สิทธิ์...”
แซลลี่เดินออกมาจากห้องเชตะวันด้วยความโกรธหงุดหงิด
“ฮึ้ย...เชตนะเชต ไล่เราแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”
แซลลี่กระฟัดกระเฟียด จนกระเป๋าที่ถืออยู่หลุดกระเด็นไปตกพื้น เธอจะหยิบ อยู่ดีๆกระเป๋าก็เคลื่อนไปจับไม่ได้ เธอลองหยิบอีก ก็เคลื่อนออกไปอีก แซลลี่งง
“นี่ใครเล่นตลกกับฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย ผีคงไม่หลอกกลางวันแสกๆหรอกนะ”
แซลลี่เซ็งตัดสินใจก้มลงไปเก็บกระเป๋าอีกครั้ง ค่อยๆเอื้อมมือหยิบให้ลุ้นว่าจะเคลื่อนไปอีกไหม แต่หยิบได้
“ก็แค่เนี้ย คิดว่างานนี้โดนผีหลอกกลางวันซะแล้ว”
แซลลี่หันกลับไป ก็ตกใจกรี๊ดลั่น เพราะมีหน้าและร่างผีเฟื่องอยู่ตรงหน้า แซลลี่ปิดตาร้องลั่น แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องด้วย บวรส่งเสียงกรี้ดด้วยเหมือนกัน แซลลี่ได้ยินมีสติขึ้นก็ค่อยๆลืมตาเหลือบมองให้ดี ก็เห็นเป็นบวรนายใบ้คนงานในบ้านนั่นเอง
“ไอ้บ้า โผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ทีหลังอย่างทำแบบนี้อีกนะนายใบ้ รู้เรื่องไหม ห๊า”
บวรพยักหน้ารู้เรื่อง ขอโทษ
“โอ้ย...วันนี้ฉันซวยจริงๆ มาหาเชตก็โดนไล่ แถมยังมาโดนไอ้ใบ้โผล่มาหลอกให้ตกใจอีก ซวยจริงโว้ย”
แซลลี่ออกไป บวรทำหน้าเซ็งโดนด่า แล้วเมื่อเขาเดินออกไป ร่างผีเฟื่องที่ซ้อนหลังบวรอยู่ ยืนทำหน้าดุมองไปทางที่แซลลี่ออกไป
“อีสร้อย มึงกล้ายุ่งกับผัวข้า! มึงตาย”
ค่ำนั้น เชตะวันแต่งตัวหล่อ เหมือนไม่ได้เป็นคนเจ็บ เดินคุยโทรศัพท์มาที่รถอย่างเร่งรีบ
“เฮ้ย ไอ้สิทธิ์ รอกูแป๊บนึงนะ กูกำลังออกไปแล้ว”
อนงค์รีบวิ่งออกมาหาเขาทันทีมาขวางไว้
“หยุดก่อนคะ คุณเชต จะออกไหนคะ คุณเชตไม่สบายออกไปข้างนอกมืดๆค่ำๆแบบนี้มันอันตรายนะคะ ที่สำคัญอาจมีพวกไม่หวังดีมันมาทำร้ายได้อีกนะคะ”
เชตะวันจ้องหน้า
“นี่...เธอเป็นแม่เป็นเมียฉันเหรอ มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน ฉันจะออกไปไหนมันก็เป็นเรื่องของฉัน”
“แต่อนงค์เป็นห่วงคุณเชตนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วง แต่ถึงฉันอยู่ไปมันก็อันตรายเท่ากัน เธอก็รู้เกิดฉันหลับไปแล้วหัวใจหยุดเต้นเพราะโรคกำเริบขึ้นมาฉันก็ต้องตายอยู่ดี สู้ออกไปข้างนอกมันส์กว่าอีก ฉันไปก่อนนะถอยไป”
“คุณเชตคะ คุณเชต”
เชตะวันพูดจบก็ขึ้นรถไป
“ไม่คิดจะหยุดเลยนะเนี่ยคุณเชต ขนาดเดี้ยงยังจะไปซิ่งอีก เฮ้ย”
อนงค์มองตามรถเชตะวันออกไปอย่างกลุ้มใจ
เชตะวันเต้นอย่างเมามันอยู่กับสาวๆจำนวนหนึ่งในผับ ทั้งๆยังเจ็บแขน สิทธิ์เดินเข้ามา
“ทำตัวเหมือนไม่ใช่คนเจ็บนะแก”
“ถ้ามัวแต่เจ็บก็อดสนุกนะสิ...”
เชตะวันเคล้าเคลียกับสาวๆ สิทธิ์มองแล้วส่ายหน้าแล้วเข้านัวเนียกับสาวๆด้วย สาวๆกรี๊ดกร๊าดอย่างสนุกสนาน
เนตรอัปสร ปารมี ทิพย์ และหมอก้องเดินมาที่ผับ
“ทำไมเราต้องมาเที่ยวที่อย่างนี้กันด้วยล่ะคะหมอ หมอก็รู้ว่าเนตรไม่มีเงิน” เนตรอัปสรไม่อยากเข้า
“ก็หมอบอกแล้วไงว่าหมอเลี้ยงเอง”
ทิพย์แทรกเข้ามา
“เนื่องในโอกาสอะไรคะหมอ”
“โอกาส...เอ้อ...ปลอบใจนะโมไง”
เนตรอัปสรเข้าใจ
“อ้อ...โอกาสปลอบใจคนตกงาน”
ปารมีเจือความน้อยใจ
“แล้วเลี้ยงปานกับทิพย์ด้วยรึเปล่าละคะหมอ หรือว่าหมอเลี้ยงยายนะโมคนเดียว”
“เลี้ยงสิ เลี้ยงทั้งสามคนเลย”
ทิพย์ฉีกยิ้ม
“หมอใจดีจัง”
“ไปนะโม เข้าไปสนุกกันให้เต็มที่เลย ลืมเรื่องงานซะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
หมอก้องลากแขนเนตรอัปสรจะเข้าผับ ทิพย์วิ่งไปคล้องแขนหมอก้องอีกข้างอย่างนึกสนุก ปล่อยให้ปารมีเดินมองตามหลังหมอก้องกับเนตรอัปสรไปอย่างแอบน้อยใจที่เขาไม่สนใจเธอเลย สนใจแต่เพื่อนเธอ
เนตรอัปสรเหลียวกลับมามอง เห็นปารมีเดินอยู่คนเดียว ก็เลยวิ่งกลับมาดึงแขนให้เดินไปพร้อมกันทั้ง 4 คน
เชตะวันกับสิทธิ์กำลังเริงร่าอยู่ท่ามกลางสาวๆ กลุ่มเนตรอัปสรเข้ามาหาที่นั่ง
“ต๊าย...นั่นคุณเชตะวันนี่”
ทิพย์ชี้ชวนให้เนตรอัปสรกับปารมีดู เนตรอัปสรงงๆ
“ใคร”
เนตรอัปสรเห็นเชตะวันกำลังสำราญกับสาวไม่สนใจใคร ทิพย์ยิ้มแย้มบอก
“หนุ่มหล่อ ติดอันดับ 10 ผู้ชายเพอร์เฟ็คของนิตยสารพราวไง รูปหล่อ พ่อรวย และโสด”
เนตรอัปสรกับปารมีขำทิพย์ แต่หมอก้องทำหน้างอ
“เกรงใจกันบ้างสิทิพย์ หมอนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ”
ทิพย์ยิ้มแหย
“แฮะ แฮะ ขอโทษค่ะหมอ พอเห็นหนุ่มหล่อ ทิพย์ก็ลืมตัวทุกที แต่ไม่ไหวละ คนนี้เขาลือกันว่า...เสือร้ายตัวฉกาจเลยละ”
เนตรอัปสรไม่ชอบใจเชตะวันขึ้นมาทันที สาวคนหนึ่งที่เต้นอยู่กับเชตะวัน กระซิบบอกอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มพยักหน้า สองสาวเดินแยกไป เขามองตามมาแล้วเห็นเนตรอัปสร จึงชูแก้วเหล้าให้อย่างเชิญชวน แต่เนตรอัปสรรีบหันหน้าหนี พอดีกับสองสาวเดินผ่านกลุ่มเนตรอัปสรไปยืนสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ ขณะเดียวกัน มีหญิงสาวสองคนเข้ามาใหม่แล้วชะงักเมื่อเห็นเชตะวัน ชี้ชวนกันดู กลุ่มเนตรอัปสรได้ยินที่สองสาวพูดกัน
“นั่นคุณเชตะวันใช่มั๊ยน่ะ”
“ไหนๆ อ๋อ...ใช่”
“ต๊าย...โชคดีแล้วสิ”
“ถ้าคิดจะจับเขาล่ะก็ เลิกคิดได้เลย เสือผู้หญิงอย่างเขา ไม่มีทางยอมให้ใครจับง่ายๆหรอก”
“ไม่ลองก็ไม่รู้”
แล้วหญิงสาวคนนั้นก็ปลดเสื้อเพื่อโชว์เนินอกมากขึ้น แล้วตรงไปที่กลุ่มเชตะวัน หญิงสาวอีกคนตามไป กลุ่มเนตรอัปสรมองตามไป สองสาวเข้าไปทักทายเชตะวัน แล้วร่วมวงเต้นกับเขา ยั่วยวนสุดขีด
“เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก” ปารมีเปรยออกมา
แล้วสักครู่ สองสาวคู่เต้นของเซตะวันก็เดินกลับไปหาเขา พร้อมแก้วเครื่องดื่ม เห็นหญิงสาวสองคน กำลังเข้านัวเนียกับเชตะวันอยู่
“อี๊...ไม่รู้ซะแล้วว่าของของใคร”
สองสาวพุ่งเข้าไปกระชากหญิงสาวที่มาใหม่ทั้งสองออกมาจากเชตะวันแล้วตบไม่ยั้ง ทิพย์บุ้ยหน้าไป
“นั่น เป็นเรื่องแล้วไง”
หญิงสาวทั้งสองไม่ยอมแพ้ ตบสู้ จึงเกิดการตบกันอย่างชุลมุน แต่เชตะวันกลับยืนหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นผู้หญิงตบกันเพราะแย่งตน ไม่คิดจะเข้าไปห้ามแต่อย่างใด ปารมีหมั่นไส้
“แล้วดูตัวต้นเหตุสิ ไม่คิดจะเข้าไปห้ามเลยนะนั่น”
“ผู้ชายหลงตัวเองก็เป็นอย่างนี้แหละปาน” เนตรอัปสรเบ้ปากใส่เชตะวันอย่างไม่ชอบหน้าทันที
“กลับเถอะค่ะหมอ เนตรหมดสนุกซะแล้ว”
เนตรอัปสรเดินออกไปเลย หมอก้อง ปารมี และทิพย์ เลยต้องตามกลับไปด้วย เชตะวันยังยืนมองผู้หญิงตบกันอย่างสำราญใจเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสี่คนเดินมาที่หอพักของปารมีและทิพย์ เนตรอัปสรขอโทษเพื่อนๆ
“ขอโทษด้วยนะที่ฉันทำให้ทุกคนต้องหมดสนุกไปด้วยน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะโม ฉันเข้าใจเห็นผู้หญิงตบตีแย่งผู้ชายกันอย่างนั้น ฉันก็หมดสนุกเหมือนกันละ” ปารมีแอบเหลือบมองเนตรอัปสร “ยังไงชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันจะแย่งผู้ชายกับใครแน่นอน”
ทั้งหมดมาถึงหน้าห้อง ปารมีไขห้องเปิดไปเห็นเป็นห้องพักเล็กๆ
“หมอว่า...ห้องนี้มันเล็กเกินไปสำหรับสามคนนะ ถ้าไม่รังเกียจ ไปอยู่บ้านหมอมั๊ยนะโม”
เนตรอัปสรอึ้ง ส่วนปารมีแอบน้อยใจที่หมออาทรเนตรอัปสรอย่างออกนอกหน้า
“เอ้อ...”
ทิพย์ขัดขึ้น
“คงไม่ดีมั๊งคะหมอ หมอเป็นหนุ่มโสด ขืนยายนะโมไปอยู่บ้านหมอ คนเขาจะได้นินทาเอาน่ะสิ”
เนตรอัปสรพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ก็ขอบคุณหมอนะคะที่มีน้ำใจ”
ทิพย์หาว
“หมอกลับไปได้แล้วค่ะ ทิพย์ง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าด้วย”
สามสาวเดินเข้าห้องไป หมอก้องมองตามเนตรอัปสรไป ปารมีเป็นคนปิดประตูห้องเห็นสายตาที่หมอก้องมองเนตรอัปสรแล้วสะท้อนใจ
“กู๊ดไนท์นะคะหมอ”
ปารมีปิดประตูเลย หมอก้องถอนใจแล้วเดินกลับไป
ปารมีหันกลับเข้ามาในห้อง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นว่าทิพย์ยืนมองเธออยู่
“ปาน เธอชอบหมอก้องใช่มั๊ย”
ปารมีนิ่ง ทิพย์ทำหน้ากลุ้มใจ
“เวรกรรม...”
เนตรอัปสรก็เข้ามา แต่ไม่รู้เรื่องอะไร
“ฉันต้องขอบคุณเธอสองคนมากเลยนะ...ที่ให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ แต่อย่าห่วงเลย ฉันจะไม่รบกวนพวกเธอนานหรอก ฉันจะรีบหางานใหม่ทำให้เร็วที่สุด”
ปารมีโอบบ่าเนตรอัปสร
“ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกน่านะโม เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ยังไงๆฉันก็จะไม่มีวันทิ้งเธอ หรือทำร้ายเธออย่างแน่นอน”
เนตรอัปสรน้ำตาซึมแล้วเลยดึงตัวปารมีมากอด ทิพย์ยืนมองเพื่อนสาวสองคนกอดกัน แล้วแอบกลุ้มใจไม่รู้รักสามเส้าระหว่างเพื่อนนี้จะจบลงยังไง
เชตะวันกลับมาที่บ้าน เขาตรงเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เพื่อให้สร่างเมา พอเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นในกระจกว่ามีผู้หญิงในชุดโบราณ คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา เชตะวันหันขวับไปมองข้างหลังทันที แต่ไม่เห็นใคร
“สงสัยจะเมา”
เชตะวันเดินออกมาจากห้องน้ำเดินตรงไปที่เตียง เอาเครื่องช่วยหายใจใส่ให้กับตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอน แล้วปิดไฟ ไม่นานก็หลับไป ผีเฟื่องยืนมองเขามาจากปลายเตียงนั่นเอง
วันใหม่...เนตรอัปสรคุยโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ
“ไม่มีตำแหน่งว่างเลยหรือคะ ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ”
เนตรอัปสรวางสายลงแล้วเอาปากกาขีดในกระดาษซึ่งเป็นชื่อโรงพยาบาล และคลินิกหลายแห่ง แต่ละรายชื่อถูกปากกาขีดฆ่าชื่อออกไปจนเกือบหมดทุกชื่อแล้ว เนตรอัปสรพยายามโทรหางานใหม่ทำ แต่ไม่ได้เลยสักที่ เธอถอนใจน้ำตาซึมด้วยความกลัดกลุ้มกับโชคชะตาตัวเองแล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น เธอรับสายเสียงเนือยๆ หมดแรงใจ
“สวัสดีค่ะ เนตรอัปสรพูดค่ะ...”
แล้วเธอก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ
เนตรอัปสร ปารมี ทิพย์ หมอก้อง นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งสี่กำลังเอาน้ำเปล่าชนแก้วฉลองกันด้วยสีหน้าร่าเริงกันทุกคน
“เฮ้”
เนตรอัปสรยิ้มร่าเริง
“ในที่สุด...ฉันก็ได้งานสักที”
ปารมีสงสัย
“เดี๋ยวๆนะโม คนไข้ของเธอนี่ ตกลงเขาเป็นโรคอะไรนะ เขาถึงต้องจ้างพยาบาลพิเศษเป็นส่วนตัวอย่างนี้น่ะ”
“โรคหัวใจหยุดเต้นเมื่ออยู่ในสภาวะหลับ”
“อ๋อ...โรคนี้วงการแพทย์เรียกว่า โรคที่ถูกสาปน่ะ” หมอก้องบอก
ทิพย์งงๆ
“หือ...มันเป็นยังไงคะหมอ”
“คือ...คนที่เป็นโรคนี้มีโอกาสที่หัวใจจะหยุดเต้นในเวลาที่หลับได้ทุกเวลา บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะ ฉะนั้นคนที่เป็นโรคนี้...ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจทุกครั้งที่นอน ไม่งั้นอาจไม่ได้ตื่นอีกเลยก็ได้” หมอก้องอธิบาย
เนตรอัปสรพยักหน้าเข้าใจ
“มิน่า...เขาถึงเรียกว่าโรคที่ถูกสาป เพราะคนที่เป็น...เหมือนถูกสาปจริงๆด้วย”
ปารมียังสงสัยอีก
“แล้วคนที่จ้างเธอเนี่ย เขาต้องรวยมากเลยนะ เขาถึงได้จ้างเธอแพงขนาดนี้น่ะ”
เนตรอัปสรพยักหน้า
“ก็คงงั้นละ”
ทิพย์มองเพื่อนเป็นห่วง
“แล้วเธอต้องไปอยู่บ้านคนไข้ ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึง 8 โมงเช้า ทุกวัน”
เนตรอัปสรพยักหน้า ทิพย์ถามอีก
“ไม่มีวันหยุด”
เนตรอัปสรพยักหน้าอีก ทิพย์ยังคงถาม
“คนไข้ผู้หญิง ผู้ชาย”
เนตรอัปสรส่ายหน้า
“ยังไม่รู้เลย”
ปารมีคิดอะไรขึ้นมาได้
“งั้นก่อนไปรับงาน ฉันอยากพาเธอไปพบใครคนหนึ่งก่อนนะ...ยายนะโม”
เนตรอัปสรสงสัย
“ใครเหรอ”
คุณสรวงเจ้าของสถานปฏิบัติธรรมผู้เชี่ยวชาญในสมาธิฌาน สามารถมองเห็นอดีตชาติมองเห็นกรรมที่ทุกคนทำไว้ แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากไปกว่าคอยเตือนคอยช่วยเหลือในสิ่งที่ถูกต้อง ในอดีตชาติคือศรีเรือน ยิ้มให้เนตรอัปสร และทุกคนอย่างเมตตา
“เพื่อนหนูเองค่ะแม่สรวง เรียนพยาบาลมาด้วยกัน ชื่อเนตรอัปสร หรือนะโมค่ะ” ปารมีแนะนำ
“ชื่อเพราะจริง แล้วมีอะไรจะให้แม่ช่วยเหรอ”
“ยายนะโมเพิ่งจะได้งานใหม่ค่ะแม่สรวง ปานก็เลยอยากจะให้แม่สรวงดูให้หน่อยว่า...นะโมจะทำงานใหม่นี่ได้ราบรื่นมั๊ยคะ จะมีอุปสรรคอะไรรึเปล่า”
คุณสรวงพยักหน้ารับ แล้วแบมือตรงหน้าเนตรอัปสรที่ยังงงๆอยู่ ปารมีพยักหน้าเป็นเชิงให้เนตรอัปสรจับมือกับคุณสรวง เนตรอัปสรเลยวางมือตัวเองลงในมือของคุณสรวง เธอยิ้มแล้วค่อยๆหลับตาลง คนอื่นๆมองหน้าคุณสรวงอย่างลุ้นๆแล้วหน้าคุณสรวงจากที่ยิ้มละไม อ่อนโยนเมื่อครู่ ก็กลับกลายเป็นเครียดๆ คนอื่นๆเริ่มใจคอไม่ดี สักครู่คุณสรวงก็ลืมตาขึ้น มองเนตรอัปสรอย่างห่วงใย
“ลูกกับคนที่ลูกจะไปทำงานด้วยเนี่ย เคยเจอกันมาก่อนมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่...”
คุณสรวงเงียบไป เนตรอัปสรร้อนใจ
“แต่อะไรคะแม่สรวง”
“แม่สัมผัสอย่างอื่นไม่ได้ มันเหมือนกับมีเงาดำๆบางอย่างมาบังไว้ ไม่ให้แม่ได้เห็นภาพอะไร แม่ไม่ค่อยสบายใจกับเงาดำที่ว่านี่เลย...”
เนตรอัปสรหน้าเสียทันที แล้วทุกคนก็มีสีหน้ากังวลกันหมด
นางมาร ตอนที่ 11 (ต่อ)
เย็นนั้น เนตรอัปสรเดินครุ่นคิดอย่างหนักออกมาจากสถานปฏิบัติธรรม ปารมี ทิพย์ หมอก้อง ก็ไม่สบายใจ ปารมีหันมาบอก
“แม่สรวงทักมาอย่างนี้ ฉันไม่สบายใจเลยนะโม”
หมอก้องเห็นด้วย
“นั่นสิ อย่ารับงานนี้เลยดีมั๊ยนะโม หางานที่อื่นเถอะ”
ทิพย์เสริม
“ใช่ๆ แล้วยิ่งเธอต้องไปนอนเฝ้าคนไข้ทุกคืน จะเกิดเรื่องไม่ดีรึเปล่าก็ไม่รู้นะ...”
เนตรอัปสรตัดสินใจเด็ดขาด
“แต่ในเมื่อเรื่องยังไม่เกิด แล้วฉันมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ ฉันก็คงอดตายกันพอดีละ แล้วคนไข้คนนี้เขาก็จ่ายดีมาก ฉันก็ไม่อยากเกี่ยงงาน ทุกคนก็รู้นี่ว่าฉันกำลังต้องการเงินมาต่อชีวิตน่ะ”
หมอก้อง ปารมี และทิพย์พยักหน้าอย่างยอมรับ แล้วพากันถอนใจใหญ่อย่างกังวล ทันใดนั้นคุณ สรวงที่ตามออกมาร้องเรียก...
“เดี๋ยว...”
ทุกคนหันไปมอง คุณสรวงเดินเข้ามาสมทบ แล้วเอาอะไรบางอย่างใส่มือ เนตรอัปสรก้มลงมอง เห็นเป็นพระองค์เล็กๆองค์หนึ่ง
“ใส่ไว้ตลอดเวลาที่ไปทำงานอยู่กับคนไข้คนนั้น อย่าให้หลุดจากตัวเป็นอันขาด อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจะคุ้มครองลูกได้”
เนตรอัปสรยกมือไหว้คุณสรวงอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบพระคุณค่ะ”
เนตรอัปสรกับคุณสรวงยิ้มให้กัน
ค่ำนั้น เชตะวันกอดกับแซลี่อยู่ในสระว่ายน้ำ
“อุ๊ย...เชตนี่มือซนจริงๆเลย”
“งั้นผมเก็บมือก็ได้”
เชตะวันเอามือไพล่หลัง แต่ยื่นหน้าไปจูบแทน แซลลี่หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“เชตนี่ร้ายจริง...” เธอแตะแผลที่แขนของเขาที่ถูกยิง “ยังเจ็บอยู่มั๊ยคะ”
เชตะวันคิดแค้นๆ
“เจ็บ...แต่ไม่ใช่เจ็บตรงนี้นะ เจ็บที่ใจมาก กว่าที่มีคนบังอาจคิดจะเก็บผม” เขาหน้าเครียด แล้วเปลี่ยน เรื่อง “พูดเรื่องเราดีกว่า”
แซลลี่แสร้งงอน
“วันนี้เชตอารมณ์ดีแล้วใช่มั๊ยคะ ถึงไม่ไล่แซลลี่กลับอย่างวันก่อนอีกน่ะ”
เชตะวันหัวเราะ
“แซลลี่ก็รู้ว่าผมเป็นคนอารมณ์แปรปรวนยังจะถือสาผมอีกเหรอ รอผมตรงนี้เดี๋ยวนะ ผมจะขึ้นไปเอาเครื่องดื่มหน่อย”
เชตะวันเดินขึ้นจากสระ ทิ้งแซลลี่ไว้ในสระคนเดียว ในน้ำมีเงาดำๆของอะไรบางอย่างแว่บอยู่ในน้ำ แซลลี่เหลียวมองอย่างตกใจกวาดตามองไปทั่วสระ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
“บ้าจริง สระว่ายน้ำจะมีตัวอะไรได้ยังไง”
ผีเฟื่องอยู่ในน้ำดูน่ากลัวมากจ้องมาที่แซลลี่ และกำลังจะเอามือมาจับที่ขาแต่เชตะวันเดินกลับเข้ามาพอดี
“ผมต้องขอโทษด้วย แต่วันนี้แซลลี่คงต้องกลับไปก่อนเพราะเดี๋ยวผมจะมีคนมาพบ”
มือของผีเฟื่องรีบกลับเข้าไปทันที แซลลี่แกล้งทำแง่งอน
“ใครคะ ผู้หญิงรึเปล่า”
“ผู้หญิง”
แซลลี่ตาคว่ำทันที
“พยาบาลคนใหม่ของผมน่ะ ผมจะต้องสัมภาษณ์ก่อน เพราะไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ให้คนอื่นสัมภาษณ์เดี๋ยวไม่ถูกใจ”
“แซลลี่รอจนคุณเชตสัมภาษณ์เสร็จก็ได้นี่คะ”
“อย่าเลย”
เชตะวันเอาเสื้อคลุมใส่ให้แซลลี่ทันทีเป็นเชิงบังคับให้เธอกลับกลายๆ แซลลี่แอบทำหน้างอไม่พอใจ แต่ไม่ให้เขาเห็น เธอเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในบ้าน ทะลุร่างของผีเฟื่องที่เปียกโชกไปด้วยน้ำไปโดยไม่รู้ตัว ผีเฟื่องมองตามอย่างแค้นเคือง แซลลี่เดินไป
“อีสร้อย...ถ้าเอ็งยังไม่เลิกยุ่งกับผัวข้า เอ็งได้เจอดีแน่”
ผีเฟื่องมองตามอย่างอาฆาต
อนงค์กับบวรเดินเข้ามาเก็บแก้วเครื่องดื่มที่สระ อนงค์มองไปแถวสระเห็นผีเฟื่องยืนตัวเปียก หน้าตาอาฆาตแค้นอยู่ อนงค์ตะลึงทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก จะชัก บวรหันมาแสดงอาการตกใจที่เห็นอนงค์เป็นแบบนี้ เข้าไปจับตัวเชิงถามว่าเป็นอะไรๆ อนงค์ชี้ไปแต่ผีเฟื่องหายไปแล้ว
“ผะ...ผี...ผีจ้ะน้า...”
บวรหน้าตื่น มองตามมืออนงค์ที่ชี้ไป ไม่เห็นผีเฟื่องแต่เห็นเสื้อคลุมตัวหนึ่งแขวนอยู่ตรงที่ผีเฟื่องยืนอยู่เมื่อครู่ บวรส่ายหน้าและให้อนงค์มองไปดูใหม่ อนงค์พยายามรวบรวมความกล้า เขม้นตามองอีกครั้ง ก็เห็นเป็นเสื้อคลุมจริงๆ อนงค์หน้าเอ๋อไป
“แต่เมื่อกี้มันไม่ใช่เสื้อคลุมจริงๆนะน้าฉันเห็นเป็นผู้หญิง ใส่ชุดไทยๆ ยืนตัวเปียกๆอยู่ตรงนั้นจริงๆนะ”
บวรทำหน้าดุอนงค์ ให้หยุดพูด เพราะจริงๆแล้วบวรมีจิตสัมผัสได้ อนงค์กวาดตามองไปรอบๆตัวอย่างหวาดๆ
“น้าว่ามั๊ย ตั้งแต่คุณเชตกลับจากไปเที่ยวป่าคราวนี้ บ้านเราก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ หรือว่า...จะมีใครตามคุณเชตมาจากป่าด้วยน่ะ”
บวรตกใจ หายใจหอบถี่ รู้สึกแปลกๆ มองไปรอบๆ อนงค์ตกใจ
“น้ารู้สึกเหมือนฉันใช่ไหม”
บวรพยักหน้า
“อ๊าย...ฉันกลัว ฉันไปก่อนนะน้า”
อนงค์รีบวิ่งออกไป ปล่อยให้บวรอยู่ตรงนั้นมองไปรอบๆ อย่างรับรู้ได้ ผีเฟื่องยืนมองมาที่บวร
หมอก้องขับรถพาเนตรอัปสรมาส่งที่หน้าบ้านเชตะวัน โดยมีปารมีกับทิพย์มาด้วย
“แห่กันมาส่งยังกับไปส่งเด็กเข้าโรงเรียนวันแรกยังงั้นละ” เนตรอัปสรเซ็งๆ
“ก็หมอเป็นห่วงนะโมนี่ ยิ่งแม่สรวงมาพูดอย่างงั้น หมอก็เลยคิดว่าน่าจะมาส่งนะโมให้ถึงที่ จะได้รู้จักบ้านคนไข้พิเศษของนะโม เผื่อมีอะไร วันหลังจะได้มาตามตัวถูก”
หมอก้องจอดรถ เนตรอัปสรรีบห้าม
“ไม่ต้องเดินเข้าไปส่งในบ้านกันหรอก”
ทิพย์ไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะนะโม”
“ก็ฉันไม่อยากให้คนไข้พิเศษของฉัน เขารู้สึกว่าฉันเป็นเด็กไม่รู้จักโตต้องมีผู้ปกครองตามมาส่งถึง 3 คนน่ะสิ”
ปารมีเห็นด้วย
“อืม...จริง งั้นนะโมก็ดูแลตัวเองดีๆนะ”
เนตรอัปสรพยักหน้ารับ แล้วหิ้วกระเป๋าลงจากรถไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง หมอก้องตะโกนตามหลัง
“ถ้ามีอะไร โทรตามหมอได้ทันทีเลยนะ...นะโม”
เนตรอัปสรหันมาพยักหน้ารับ ปารมีก็เป็นห่วงเพื่อนแต่ก็แอบมองหมอก้องที่เป็นห่วงนะโมเหลือกิน แล้วเนตรอัปสรก็เดินเข้าบ้านเชตะวันไป
เนตรอัปสรเดินเข้าบ้านมาไม่เห็นใคร บ้านมืดๆ ไฟไม่เปิดเต็มที่
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นพยาบาลพิเศษค่ะ มีใครอยู่มั๊ยคะ”
เงียบ ไม่มีใคร แล้วก็มีมือๆหนึ่งเอื้อมมือจากมุมมืดแล้วปิดปากเนตรอัปสรไว้ เธอตกใจสุดขีด พยายามดิ้นสุดชีวิตแต่ไม่หลุด
“ปล่อยนะ ฉันมาสมัครเป็นพยาบาล มาจับฉันแบบนี้ได้ยังไง”
คนที่มาปิดปากเนตรอัปสรคือพายัพ เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากปากเธอ เนตรอัปสรหายใจแรงด้วยความตกใจ
“ก็คิดว่าคุณเป็นใครที่ไหนเข้ามาในบ้านเงียบๆ ไม่ให้สุ่มให้เสียง ผมก็เลยจะจับตัวไว้นะสิ”
เนตรอัปสรมองหน้าพายัพอย่างตกใจ
“คุณคือคนไข้ของฉัน”
พายัพยิ้มๆ ยังคิดจะล้อเล่นกับเนตรอัปสรเพราะเมื่อเห็นหน้าเธอก็ปิ้ง
“ใช่...ผมเป็นคนไข้ของคุณ”
ทันใดนั้นเสียงเชตะวันก็ดังขึ้น
“ไม่ใช่”
เชตะวันเข้ามาจ้องหน้าพายัพอย่างเอาเรื่อง พายัพหันกลับมามองไม่กลัว เชตะวันโมโห เดินเข้าไปคว้าข้อมือเนตรอัปสรแล้วลากออกจากตรงนั้นไปเลย เนตรอัปสรตกใจ
“นี่...ปล่อยนะ คุณจะพาฉันไปไหน”
เชตะวันไม่ตอบ แต่ลากเนตรอัปสรไป พายัพ มองตามไปอย่างโกรธที่มาตัดหน้า
เชตะวันลากมือเนตรอัปสรเข้ามาในห้องปิดประตูปัง เธอสะดุ้งหันไปมองประตูที่ปิดแล้วมองเขาอย่างกลัวๆ เชตะวันเดินไปเปิดไฟสว่างทั้งห้อง แล้วพอหันกลับมามองหน้าหญิงสาวแล้วก็ชะงัก
“คุณนี่...หน้าตาคุ้นๆนะ”
เนตรอัปสรมองหน้าเขาอย่างพิจารณาบ้างแล้วก็คิดได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เธอเห็นในผับ เนตรอัปสรตาโต
“คุณนั่นเอง”
เนตรอัปสรหันจะเดินออกจากห้องทันที เชตะวันงง วิ่งไปคว้าข้อมือไว้
“อ้าว...จะไปไหนล่ะ”
เนตรอัปสรสะบัดมือออก
“จะกลับ ฉันไม่รับงานนี้”
เชตะวันโมโห
“ผมก็ยังไม่ได้บอกผมจะรับคุณเข้าทำงานนี่”
“ก็ดี...เพราะคุณคงต้องหาพยาบาลใหม่อยู่ดี”
“จนแล้วยังหยิ่งอีกแฮะ”
เนตรอัปสรโกรธ ตบหน้าเขาผั๊วะ เชตะวันยิ่งโมโหเดือด
“เออ กลับไปเลยนะ”
เนตรอัปสรจะออกไป บวรกับอนงค์วิ่งสวนเข้ามา อนงค์ดึงตัวเนตรอัปสรไว้
“อย่าเพิ่งกลับค่ะคุณพยาบาลขา...อย่าไปไล่เธออย่างสิคะคุณเชต กว่าเราจะหาพยาบาลพิเศษได้...ไม่ง่ายเลยนะคะ รับเธอไว้เถอะคะ เพื่อตัวคุณเอง ขอร้องละคะ”
บวรเข้าไปเกาะแขนเชตะวันไว้ แล้วเขย่าเชิงขอร้องให้รับ อนงค์หันมาหาเนตรอัปสร
“รับงานนี้เถอะนะคะคุณพยาบาล นงค์ขอร้อง”
เนตรอัปสรมองเชตะวัน เขาก็มองเธอ ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างชั่งใจ ในที่สุดก็พูดออกมาพร้อมกัน
“ก็ได้...”
ต่างฝ่ายต่างต้องจำยอม เพราะเชตะวันก็ต้องมีพยาบาลดูแล เนตรอัปสรก็ต้องการเงินยังชีพ อนงค์กับบวรยิ้มออก แล้วทันใดนั้นทุกคนก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆไฟก็ดับพรึ่บลง แล้วประตูห้องก็กระแทกปิดดังปัง อนงค์หวีดร้อง ทุกคนเหลียวไปมองรอบตัวอย่างงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วโดยไม่รู้ตัวผีเฟื่องก็โผล่พรวดเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างเนตรอัปสรกับเชตะวัน โดยผีเฟื่องจ้องหน้าเนตรอัปสรอย่างเกลียดชังสุดชีวิต แต่เนตรอัปสรไม่เห็นผีเฟื่อง
“อีนวล”
ผีเฟื่องพุ่งเข้าไปจะบีบคอเนตรอัปสร พระที่สรวงให้เนตรอัปสรมาและเธอห้อยไว้ที่คอ รัศมีจากพระสว่างวาบขึ้น ผีเฟื่องกรีดร้องแล้วกระเด็นหายไปเลย ไฟสว่างพรึ่บขึ้นมาใหม่ อนงค์ถอนใจเฮือก
แต่แล้วจู่ๆ เนตรอัปสรก็เป็นลมล้มพับไปเลย ทุกคนตกใจ
ยามค่ำคืน...เชตะวันอุ้มเนตรอัปสรมาที่ห้องในห้องพักแขกในบ้านตัวเองอย่างร้อนใจ เขาวางเธอลงบนเตียง อนงค์กับบวรตามมาด้วย
“นงค์ มาดูขยับขยายเสื้อผ้าให้แม่พยาบาลปากดีคนนี้ที บวรไปเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตาแม่นี่ด้วย ไฟดับแค่นี้ ต้องทำเป็นตกใจจนเป็นลมด้วย” เชตะวันหันมาสั่ง
อนงค์กับบวรลนลานทำตามคำสั่ง เชตะวันชยับถอยออกไปยืนดู พออนงค์จะปลดกระดุมเสื้อให้เนตรอัปสร อนงค์ก็หันมามองเชตะวัน ทำหน้าว่าให้ออกไป เขาจึงเดินออกจากห้องไป
“มาวันแรกก็ปะทะเดือดกันแล้ว แล้วนี่ ตกลงคุณเชตจะรับคุณพยาบาลคนนี้เข้าทำงานรึเปล่าก็ ไม่รู้นิ...”
อนงค์บ่นงึมงำๆไปเรื่อย บวรเหนื่อยใจเช่นกัน
ปารมี ทิพย์ หมอก้อง นั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ร้านข้างทาง ทิพย์สนุกสนานกับการกินมากกว่าใคร หมอก้องกินไม่ค่อยลง ปารมีแอบมอง
“หมอ...ขอนะคะ”
ทิพย์เห็นข้าวต้มของหมอก้องเหลือเยอะ ไม่รอคำอนุญาต คว้าไปกินเลย
“ผมกินไม่ค่อยลง”
ทิพย์พูดไปจ้วงข้าวกินตุ้ยๆ
“ห่วงนะโมเหรอคะหมอ วุ๊ย จะต้องไปห่วงทำไม นะโมเขาไปทำงาน แล้วเราก็ไปส่งเขาถึงบ้านถึงช่องที่ทำงาน ไม่ได้เดินทางไปที่เปลี่ยวอะไรสักหน่อย”
“ไม่เปลี่ยวแต่ก็น่ากลัวละ”
ปารมีหันมาถาม
“น่ากลัวยังไงคะ”
“ก็ในบ้านนั้นมีใครบ้างก็ไม่รู้ นายจ้างของนะโมจะนิสัยใจคอเป็นยังไงเราก็คาดไม่ได้ เกิดเขาคิดทำมิดีมิร้ายกับนะโมขึ้นมาล่ะ”
“ดูหมอจะห่วงนะโมมากเลยนะคะ” ปารมีน้อยใจ
ทิพย์ชะงักจากการกิน รับรู้ว่าปารมีออกอาการน้อยใจ มองเพื่อนอย่างเข้าใจและ
เห็นใจ เลยรีบคลี่คลายบรรยากาศ
“อู๊ย...เลิกห่วงนะโมเถอะค่ะหมอ เพราะค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ยายนะโมจะได้น่ะ เดือนนึงได้เท่ากับเงินเดือนของทิพย์กับปานสองคนรวมกันเลยนะคะ สงสัยอีตาคนที่เป็นโรคต้องสาปนี่ต้องรวยโคตร”หมอก้องพยักหน้าเห็นด้วยแล้วหมกมุ่นคิดถึงเนตรอัปสรต่อไป ปารมีมองหมอก้องอย่างน้อยใจ ทิพย์แอบถอนใจ กลุ้มรักสามเส้าระหว่างเพื่อนฝูงกลุ่มนี้จริง
เชตะวันอาบน้ำใส่ชุดนอนแล้ว เดินกลับมาดูเนตรอัปสรเห็นเธอยังนอนหลับอยู่บนเตียง เขายกมือขึ้นลูบแก้มตนเองข้างที่ถูกเนตรอัปสรตบ
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน กล้าทำกับฉันอย่างที่เธอทำเลยยัยตัวแสบ ฮึ”
เชตะวันเห็นเนตรอัปสรไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลย เข้าไปมองหน้าใกล้ๆ ยิ่งมองเขารู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เคลิ้มๆอยู่เขาก็กลับมาเป็นเชตะวันคนเดิม
“ท่าทางจะหลับยาวซะแล้ว เป็นพยาบาลพิเศษประสาอะไร”
เชตะวันส่ายหน้า แล้วเดินออกไป
เชตะวันเดินเข้ามาห้องของตน ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็เอื้อมไปหยิบอุปกรณ์ช่วยหายใจเอาครอบบนหน้าก่อนจะหลับตาลง...แล้วค่อยๆเคลิ้มหลับไป ผีเฟื่องที่มานั่งอยู่ข้างเตียงลูบแขนของเขาเบาๆพลางน้ำตาไหล...เรียกเบาๆ
“ชุน...”
เชตะวันยังนอนหลับนิ่ง
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ข้าอยากกลับไปสู่คืนวันเก่าๆ วันที่เรายังรักกัน วันที่เจ้ากล่าวคำสาบานกับข้า ว่าเราจะรักกันทุกชาติไป”
เฟื่องเปลี่ยนสีหน้าจากเศร้าสร้อยเป็นนิ่งคิด
“แต่ในเมื่อเจ้าจำความหลังครั้งอดีตไม่ได้ ข้าก็จะทำให้เจ้าจำได้เอง...”
ผีเฟื่องเป่าลมแผ่วเบาเข้าที่หน้า เชตะวันรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังบางอย่าง...ภาพในอดีตปรากฏขึ้น... ชุนกับเฟื่องพบกันที่ร้านผ้าแว่บเข้ามาในความฝัน เชตะวันยังคงหลับอยู่ แต่ยิ้มน้อยๆคล้ายคนที่กำลังฝันดี...ภาพที่ชุนโดดผาฆ่าตัวตายกับเฟื่อง แต่เฟื่องเห็นลางๆไม่เห็นหน้ายังไม่รู้ว่าใคร แว่บเข้ามาอีก...เชตะวันส่ายหน้าไปมาอย่างคนที่ฝันร้าย...ภาพที่ชุนตกจากหน้าผาแต่ลงมากระแทกค้างที่ต้นไม้อย่างแรงแว่บเข้ามาอีก...เชตะวันสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นอย่างกะทันหันเหงื่อกาฬชุ่มไปทั้งตัวแล้วเขาก็พบว่า...เช้าแล้ว
“ฝันเหรอเนี่ย อย่างกับเรื่องจริง”
เชตะวันรวบรวมสติ แล้วลุกขึ้นเดินลงจากเตียงไป
อ่านต่อตอนที่ 12
นางมาร ตอนที่ 12
เนตรอัปสรเพิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้น แล้วเหลือบมองไปรอบๆ ตัวอย่างงุนงง ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สักพักจึงค่อยนึกออกจึงรีบขยับตัวจะลุกขึ้นแล้วก็พบว่าเสื้อผ้าบางส่วนถูกปลดคลายออกเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น
เนตรอัปสรรีบใส่กระดุมกลับเข้าที่เดิมอย่างลนลาน แล้วก็จะลงจากเตียงก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อพบว่าเชตะวันนั่งมองเธออยู่ตั้งแต่ต้นจากเก้าอี้ที่มุมห้อง
“คุณ…”
เชตะวันเปิดฉากใส่ทันที
“เป็นพยาบาลพิเศษประสาอะไร มาทำงานคืนแรก ก็นอนหลับอุตุซะแล้ว นี่ถ้าเมื่อคืนอาการของผมเกิดกำเริบขึ้นมากะทันหัน ตายคาบ้านขึ้นมา” เขาชี้หน้าเธอ “มันเป็นความผิดของคุณคนเดียวเลยนะ”
เนตรอัปสรรู้สึกผิด
“ฉัน...ขอโทษ...แต่ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยนะ คงเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้...ฉันคงอดนอนมากไปหน่อยน่ะ”
“อดนอนทำไม”
“ก็...ฉันเครียด นอนไม่หลับ เพราะหางานอยู่นานนะสิ”
เชตะวันหัวเราะเย้ยๆ
“เฮอะ ตกงานเหรอ ตกงานแล้วยังจะทำยโส จะไม่รับงานนี้อีกนี่”
เนตรอัปสรจ้องหน้าเชตะวัน ตาเขียวปั้ดด้วยความโกรธ
“อ๊ะๆ อย่าตบผมอีกนะ ถ้าคุณตบผมอีกครั้งผมเอาคืนแน่”
เชตะวันจับเนตรอัปสรรวบตัวเข้ามาใกล้ประชิดตัวแนบตัว เธอตกใจตา ทั้งสองจ้องหน้ากันโดยเชตะวันยิ้มกวนๆ เนตรอัปสรสะบัดตัวผละออกพยายามระงับอารมณ์โกรธ
“ฉันรู้ละ ทำไมพยาบาลพิเศษของคุณถึงขอออกกันตลอด เพราะความร้ายกาจของคุณนี่เอง” เนตรอัปสรลงจากเตียง “ฉันกลับละ แล้วเย็นนี้จะมาใหม่ แล้วรับรองว่า...ต่อจากนี้ฉันจะเฝ้าดูแลคุณอย่างดี ไม่ให้เป็นอย่างเมื่อคืนนี้อีกแน่”
“ก็ขอให้จริงอย่างที่พูดแล้วกันนะ”
เชตะวันพูดแกมล้อ เนตรอัปสรแอบอายและงอนรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปเลย เชตะวันมองตาม รู้สึกแปลกๆกับเนตรอัปสรอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนในมาก่อนเลยในชีวิต
อนงค์เล่าเรื่องเนตรอัปสร ให้เหล่าคนใช้ฟังอย่างเมามันอยู่ในครัว
“สวยซี๊...ทำไมจะไม่สวย สวยกว่ายายคุณแซลมอน...เอ๊ย...คุณแซลลี่ตั้งเยอะ สวยจนไม่น่ามาเป็นพยาบาลเลย น่าจะไปเป็นดารามากกว่า”
นันไม่อยากเชื่อ
“จริงเหรอ หรือว่าแกพูดจาเว่อร์”
“จริงย่ะ สวยจริง ก็สวยขนาดว่า...คุณพายัพที่สุดแสนจะ เป็น เจนเติ้ลแมน ยังมองตามเลย” แล้วอนงค์ก็ตาเหลือก “ว๊าย...นี่ถ้าเกิดคุณพายัพชอบคุณพยาบาลคนใหม่นี่ขึ้น มา คงมีปัญหากับคุณเชตแน่ๆเลย เพราะคุณเชตน่ะเป็นคนหวงของจะตายไป ของอะไร ถึงจะไม่ชอบ ไม่ใช้ แต่ก็ห้ามใครยุ่งของของเธอเด็ดขาด ไม่งั้น...”
อนงค์ก็ทำท่าชกลมวืดวาด ทำเสียงฮึ่ยๆ รู้ดีว่าเชตะวันเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง นันกระซิบกระซาบถามอนงค์ต่ออย่างอยากรู้
“แล้วแกว่าพยาบาลคนนี้ ตรงสเป็คคุณเชตมั้ยล่ะ”
“คุณเชตเธอมีสเป็คกับใครเขาที่ไหนกันล่ะ ถูกใจใครก็รวบหัวรวบหางหมดละ ใครๆก็รู้ว่าคุณเชตน่ะเป็นคาสโนว่าตัวพ่อเลย”
อนงค์นินทาเรื่องเจ้านายอย่างเมามัน
สายตาของใครคนหนึ่งที่ยืนมองมาจากระเบียงบนบ้าน ดูเนตรอัปสรเดินกลับออกจากบ้านไป โดยมีบวรตามไปเปิดปิดประตูบ้านให้ ทำท่าทางบอกเนตรอัปสรเจอกันเย็นนี้...คนที่ยืนแอบมองดูเนตรอัปสรนั้นคือเชตะวันนั่นเองแล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงทักขึ้นจากทางข้างหลัง
“คนนี้ฉันขอ ได้มั้ยนายเชต...”
เชตะวันหันขวับมาจ้องหน้าพายัพอย่างเคืองๆ
“ขอว่าแกอย่า กิน เขา เหมือนอย่างที่แก กิน พยาบาลพิเศษคนอื่นๆที่ถูกใจแก จนไม่มีใครอยู่กับแกได้นานสักราย ได้มั้ย...”
“คิดจะเก็บเอาไว้ กินเองล่ะสิ”
“เปล่า แกก็รู้ ฉันไม่เคยอยากได้อะไรของแก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือของ”
เชตะวันเบ้ปากไม่เชื่อ
“ผมเชื่อพี่ก็บ้าแล้ว ผมรู้นะว่าพี่เป็นคนส่งมือปืนให้ตามไปเก็บผมที่ในป่าโน่น เพราะถ้าผมตาย พี่ก็จะได้สมบัติในส่วนของผม เป็นของพี่คนเดียวทั้งหมด ใช่มั้ยล่ะ”
พายัพอึ้งแต่ก็ทำหน้าซื่อ
“แกพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง...”
เชตะวันโมโหเดือดที่พายัพทำตัวใสซื่อ
“ไม่รู้เรื่องเหรอ”
ถามจบเชตะวันก็พุ่งเข้าชกพายัพโครม พายัพไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาออกไปอีกห้อง เชตะวันตามติด...พายัพพอตั้งตัวได้ก็พุ่งเข้าชกเชตะวันกลับ สองพี่น้องเลยชกกันอุตลุด อาทิตย์ พงษ์ และบวร วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“เฮ้ย อะไรกันเว้ย” อาทิตย์ตะโกนห้าม
พงษ์กับบวรก็รีบเข้าไปแยกสองพี่น้องที่กำลังชกกันนัวออกจากกันจนสำเร็จ อาทิตย์ถามเสียงเข้ม
“มีเรื่องอะไรกันวะ”
เชตะวันปาดเลือดจากมุมปาก จ้องหน้าพายัพอย่างแค้นเคือง
“ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ ก็แค่หยอกล้อกันตามประสาพี่น้องพ่อเดียวกัน ก็เท่านั้นเอง”
อาทิตย์ไม่เชื่อ
“หยอกล้อบ้าอะไรวะ ถึงต้องชกต่อยกันจนหน้าตาแหกกันอย่างนี้น่ะ มีเรื่องอะไรกันพายัพ”
พายัพหันมองเชตะวันแล้วค่อยหันมาบอกพ่อ
“ไม่มีอะไรครับพ่อ ก็อย่างที่เชตพูดละครับ”
“ถ้างั้นก็ไปๆ แยกย้ายไปทำงานกันได้แล้ว ถึงจะเป็นเจ้าของกิจการเองก็ไม่ควรไปทำงานสาย เพราะลูกน้องมันจะไม่นับถือ แล้วทีหลังก็อย่ามาชกต่อยกันในบ้านให้ฉันเห็นอีก ไป”
เชตะวันกับพายัพแยกย้ายกันไป เชตะวันเหลียวมามองพายัพอย่างอาฆาต อาทิตย์เห็นท่าของเชตะวันที่มองพายัพแล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจในพฤติกรรมของลูกชายเป็นอย่างยิ่ง
อาทิตย์เข้ามาในห้องทำงาน เดินไปหยิบรูปเพ็ญ ภรรยาของเขาขึ้นมามอง
“เพ็ญ...ฉันไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าทำไมฉันถึงได้ไม่รักไอ้เชต เหมือนอย่างที่รักไอ้พายัพมันนะ ทั้งๆที่มันก็เป็นลูกคนหนึ่งของฉันเหมือนกัน...”อาทิตย์ถอนใจเครียดๆ
ผีเฟื่องมายืนมองอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ คุกเข่าลงข้างๆ แต่อาทิตย์ก็ไม่รู้ตัว
“ลูกอยากจะขอ...ขอให้เจ้าคุณพ่อเมตตาชุนบ้าง...ในชาตินี้ จนกว่าจะถึงวันที่ชุนได้ไปอยู่กับลูก...ตามคำสาบาน...นะเจ้าค่ะ”
อาทิตย์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้แต่นั่งถอนใจอย่างอารมณ์เสียกับพฤติกรรมของเชตะวันต่อไป
เนตรอัปสรไขประตูห้องเข้ามาวางกระเป๋า แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะหยิบน้ำออกมากิน แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นของกินนานาชนิดอยู่เต็มตู้เย็น
และที่กล่องของกินกล่องหนึ่ง มีกระดาษโน้ตแปะติดไว้ด้วย เธอดึงกระดาษโน้ตแผ่นนั้นออกมาอ่าน
“กินตามสบายเลยนะเพื่อน เราสองคนหวังว่างานพยาบาลพิเศษในคืนแรกของเธอ กับคนไข้โรคต้องสาป คงจะผ่านไปได้ด้วยดีนะจ๊ะ ปานกับทิพย์”
เนตรอัปสรอ่านจบก็ถอนใจ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อขึ้น
“ผ่านไปด้วยดีกะผีอะไรล่ะ ดันเป็นลมสลบไปไม่ตื่นถึงเช้าเลย แถมฉันยัง...”
เนตรอัปสรถอนใจเมื่อนึกถึงตอนที่เธอตบหน้าเชตะวันเต็มแรง
“เขาไม่ไล่ออกตั้งแต่วันแรกก็บุญแล้ว”
เนตรอัปสรคิดถึงเชตะวันแล้วก็ถอนใจอีก เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น เธอเดินไปเปิดประตูพบหมอก้องยืนอยู่
เนตรอัปสรกับหมอก้อง เดินคุยด้วยกันที่สวนสาธารณะใกล้หอพัก...
“งานคืนแรกเป็นไงบ้างนะโม”
“เอ้อ...ก็...เรียบร้อยดีค่ะหมอ” เนตรอัปสรรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่...หมอมาหาเนตรอย่างนี้ วันนี้หมอไม่มีเวรต้องเข้าหรือคะ”
“มี แต่แวะมาหานะโมก่อน”
หมอก้องคว้ามือเนตรอัปสรมาจับไว้ มองหน้าอย่างสื่อความรู้สึกที่มีต่อเธอ
“หมอเป็นห่วงนะโมน่ะ”
เนตรอัปสรอึ้ง เลยดึงมือออกจากมือของเขามาปิดปากหาว
“เนตร...อดนอนมาทั้งคืน ตอนนี้ง่วงจังเลยค่ะหมอ หมอรีบไปทำงานเถอะค่ะ เนตรก็จะขอตัวไปนอนก่อนเหมือนกัน แต่ก็ขอบคุณนะคะที่หมออุตส่าห์เป็นห่วงเนตร”
“นะโม ไม่ว่านะโมจะมีปัญหาอะไร ขอให้คิดถึงหมอเป็นคนแรกนะ”
เนตรอัปสรพยักหน้ารับ แล้วก็เดินกลับหอพักเลย หมอก้องเดินตามหลังไปอย่างสุดเซ็งที่เธอไม่ยอมเปิดใจรับเขาเลย...
หมอก้องกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างเศร้าๆ เซ็งๆ เดินผ่านหน้าปารมีไปโดยไม่สังเกตเห็นเพราะมัวแต่หมกมุ่นคิดอยู่แต่เรื่องเนตรอัปสรอยู่
“หมอคะ...หมอคะ”
หมอก้องไม่ได้ยินเดินไปไกลแล้ว ปารมีมองตามเสียใจที่เขาไม่เห็นเธอ ทิพย์เข้ามายืนข้างเพื่อนมองตามสายตาไปก็รู้ว่าปารมีเสียใจเรื่องหมอก้อง
“คนเรา...ถ้าเป็นเนื้อคู่กันน่ะนะ ยังไงมันก็ไม่แคล้วกันหรอกนะยายปาน อย่าคิดมาก” ทิพย์พยายามปลอบ
ปารมีได้แต่เศร้าที่หมอก้องไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย ทิพย์สงสารปารมีจับใจ
เชตะวันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในโรงแรมหรูของครอบครัว คิดแล้วเผลอยกมือขึ้นคลำแก้มข้างที่ถูกเนตรอัปสรตบ
“ยายพยาบาลบ้า”
แล้วจู่ๆแซลลี่ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานเชตะวันอย่างถือวิสาสะ สาเลขาของเซตะวันวิ่งตามมา
“เดี๋ยวค่ะคุณแซลลี่”
“ยู้ฮู เชตคะ”
แซลลี่ไม่สนใจที่จะให้สาแจ้งเชตะวันก่อนว่าเธอมาพบ เชตะวันพอเห็นว่าใครมาก็โบกมือให้สากลับไปทำงานได้ สาออกไป แซลลี่โผเข้ากอดจูบอย่างคุ้นเคยแล้วก็ชะงัก
“เอ๊ะ...ทำไมเชตทำหน้าแปลกๆ วันนี้เครียดอีกแล้วเหรอคะหรือว่า...คิดถึงผู้หญิงอื่นอยู่รึเปล่าคะเนี่ย”
“เปล่า ผมแค่...” เชตะวันโกหก “คิดถึงเรื่องที่ฝันเมื่อคืนอยู่น่ะ”
“เชตฝันว่าอะไรหรือคะ”
เชตะวันคิดๆ
“ผมฝันว่า...ผมเป็นคนจีนโบราณ แล้วก็ตาย เพราะกระโดดลงมาจากหน้าผา พอตกลงมากระแทก ผมก็เลยตกใจตื่นน่ะ”
“โถๆ มาๆ แซลลี่จูบปลอบขวัญเชตให้เองค่ะ”
แซลลี่ก็จูบพรมไปทั่วหน้าเขา แล้วนึกอะไรได้
“เอ้อ...แล้วยายพยาบาลพิเศษคนใหม่ของคุณเป็นยังไงบ้างคะ ใช้ได้มั้ย”
เชตะวันเบ้หน้า ถอนใจเสียงดัง
“เฮ้อ อย่าให้ผมพูดเลย มาทำงานวันแรกก็หลับทั้งคืน ไม่ได้ดูแลอะไรผมเลยสักนิด”
“อ้าว...ยังงั้นก็ไล่มันออกไปเลยสิคะเชต”
“ไม่ได้หรอก ช่วงนี้พยาบาลพิเศษหายาก คุณก็รู้ว่าอาการของโรคที่ผมเป็นอยู่ มันจะกำเริบขึ้นมาคืนไหนก็ได้ ถ้าไม่มีคนอยู่ด้วย ผมคงหลับแล้วไม่ได้ตื่นอีกเลย ก็จ้างๆไว้ก่อน หาคนใหม่ได้ค่อยเปลี่ยนคน”
แซลลี่แอบยิ้ม พอใจที่เชตะวันไม่มีทีท่าว่าจะสนใจพยาบาลคนใหม่เป็นพิเศษ
“แล้ววันนี้เชตงานยุ่งมั้ยคะ ถ้าไม่ยุ่ง เราไปช้อปปิ้งกันนะ”
“ยุ่ง คุณไปเถอะ”
ขาดคำเขาเดินไปนั่งทำงานต่อเลย แซลลี่งอนๆ
“ปกติแซลลี่ก็ไม่เห็นเชตจะสนใจงานการเลยนี่คะ ปล่อยให้พวกพนักงานทำกันก็ได้ นะ นะคะออกไปช้อปปิ้งกันเถอะ”
“แต่วันนี้ผมนึกอยากจะขยันทำงานขึ้นมา แล้วถ้าผมคิดจะทำแล้ว คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณไม่ควรจะมาขัดใจผม”
แซลลี่มองเชตะวันที่ก้มหน้าทำงานแล้วถอนใจอย่างสุดเซ็ง ถ้าอยู่ต่อเขาอาจจะโมโหอีก จึงตัดสินใจเดินออกไป
แซลลี่เดินออกมาจากห้องทำงานของเชตะวันอย่างอารมณ์เสีย สาเอ่ยทัก
“จะกลับแล้วหรือคะคุณแซลลี่”
แซลลี่หยุดปรายตามองสาอย่างดูถูกว่าเป็นคนละชนชั้น ไม่พูดด้วย แล้วก็เดินสะบัดหน้าเชิ่ดออกไป สามองตามแล้วส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ
เชตะวันหยุดทำงาน แล้วนั่งนิ่งคิดอะไรอยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือมากดโทรออก...เนตรอัปสรอยู่ในหอพักตกใจ กับสิ่งที่เชตะวันบอก
“คุณจะให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตอนนี้”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่ฉันแค่รับจ้างเฝ้าคุณแต่เวลากลางคืนเท่านั้นนะคะ”
“งั้นวันนี้ผมจ้างคุณเพิ่ม ให้คุณมาเฝ้าผมตอนกลางวันนี่ด้วย”
“แต่...”
เนตรอัปสรพูดไม่ทันจบ เชตะวันขัดคอเสียก่อน
“อย่าบอกนะว่าคุณต้องนอนกลางวันอีก เพราะเมื่อคืนคุณก็นอนที่บ้านผมซะเต็มอิ่มละนี่ เอ้า ว่าไงล่ะ คิดดีๆนะ ผมไม่ได้ให้คุณมาฟรี”
เนตรอัปสรนิ่งคิด
พายัพกับพงษ์ขับรถมาถึงรีสอร์ตในต่างจังหวัด ดาลัดรีบวิ่งถลาเข้ามารับหน้าตาเบิกบาน
“ต๊าย คุณพายัพจะมารีสอร์ตก็ไม่บอก ดิฉันจะได้จัดห้องไว้เตรียมต้อนรับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณดาลัด ผมไม่ใช่แขก วันนี้แขกเข้าเยอะมั้ยครับ”
“ห้องพักเต็มเกือบหมดเลยค่ะ ขนาดไม่ใช่ไฮซีซั่น นะคะเนี่ย เอ้อ...คุณพายัพมาก็ดีแล้วค่ะ ดิฉันจะได้ปรึกษาเรื่องแผนโปรโมชั่นไตรมาสหน้าด้วยเลย”
พายัพพยักหน้ารับ แล้วเดินนำดาลัดเข้าไปในห้องทำงาน โดยไม่ลืมหันมาสบตากับลูกน้อง พงษ์พยักหน้ารับอย่างรู้กันก็เดินเลี่ยงออกไปโทรศัพท์ พายัพกับดาลัดเข้าห้องทำงานไป เขาทำงานอย่างจริงจังเหมือนคนประกอบอาชีพสุจริตทั่วไป
แซลลี่อยู่ในร้านแบรนด์ดังในโรงแรม เธอชี้ที่กระเป๋ายี่ห้อสุดหรูใบหนึ่ง แล้วบอกคนขาย
“ฉันเอาใบนี้ ลงบัญชีคุณเชตะวันด้วย”
คนขายปฏิเสธ
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเชตะวันไม่ได้สั่งไว้”
แซลลี่กรี๊ดทันที
“อ๊าย แกเป็นใคร เป็นแค่คนขายของ แต่ฉันเป็นแฟนคุณเชตะวันนะ ทำไมจะลงบัญชี คุณเชตะวันไม่ได้ ฉันจะเอากระเป๋าใบนี้”
แซลลี่คว้ากระเป๋าที่ชอบหมับ คนขายรีบยื้อไว้และยืนยัน
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่มีคำยืนยันจากคุณเชตะวัน ดิฉันก็ให้กระเป๋าใบนี้คุณไปไม่ได้”
แซลลี่โมโห ร้องกรี๊ดๆๆ แล้วกระทืบเท้าปังๆ ออกไป คนขายมองตามแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ
นางมาร ตอนที่ 12 (ต่อ)
สาเปิดประตูนำเนตรอัปสรเข้ามาในห้อง
“เชิญคะ คุณเชตรออยู่แล้ว”
สาออกไป เนตรอัปสร เห็นเชตะวันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานที่หันหลังอยู่แล้วหันกลับมานั่งเก็กทำงาน เธอเห็นความขี้เก๊กของเขาจึงรีบพูดก่อน
“เอ้า...ฉันมาแล้ว คุณจะให้ฉันทำอะไรบ้างคะ”
เชตะวันชี้ไปที่โซฟาโดยไม่มองหน้า
“ไปนั่งตรงโน้น”
“ความจริงคุณไม่ต้องจ้างให้ฉันมาอยู่ดูแลคุณตอนกลางวันนี่ก็ได้นี่คะ ตอนกลางวันอย่างนี้ คุณไม่ได้นอนสักหน่อย จะได้กลัวโรคกำเริบ”
“แต่ถ้าผมทำงานเหนื่อยๆ ผมก็อาจจะนอนงีบก็ได้นี่”
“ถึงคุณจะนอนงีบ แล้วเกิดอะไรขึ้น ลูกน้องคุณก็เยอะแยะ เขาคงช่วยคุณทันหรอกค่ะ...ไม่งั้นคุณคงไม่อยู่มาได้จนป่านนี้หรอกค่ะ”
เชตะวันชักโมโห
“เอ๊ คุณนี่ยังไงนะ คุณรับจ้างเป็นพยาบาลพิเศษ ใครจะจ้างคุณให้คอยดูแลเวลาไหน คุณก็ทำไปสิ จะเกี่ยงโน่นเกี่ยงนี่ทำไม ผมจ่ายเงินให้คุณนะ ไม่เอาเหรอ”
เนตรอัปสรเม้มปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมถอยไปนั่งที่โซฟาเงียบๆ กะว่าจะปล่อยให้ เขาทำงานต่อไปโดยไม่กวนสมาธิ แต่กลับถูกต่อว่าซะงั้น
“คนหรือหุ่นยนตร์ นั่งเงียบไม่พูดจา”
“อ๊าว ฉันอุตส่าห์นั่งเงียบๆ ไม่อยากกวนสมาธิคุณทำงาน คุณนี่เอาใจยากจริงนะ มิน่า...ถึงต้องเปลี่ยนพยาบาลบ่อยๆ”
เชตะวันโมโห พุ่งพรวดมาถึงตัวเนตรอัปสรเลย คว้าข้อมือเธอไว้
“ผมจะเปลี่ยนพยาบาลบ่อยแค่ไหน มันก็เรื่องของผม ผมมีเงินจ้างซะอย่าง ใครจะทำไม”
“คุณก็ดีแต่มีเงินนั่นแหละ”
สองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่แล้วแซลลี่ก็โผล่พรวดเข้ามา และมีสาตามมาเรียกอีกแต่ไม่ทัน จนสาต้องออกไปเพราะดูบรรยากาศจะไม่ดี
“อ๊าย แกเป็นใคร เข้ามาในห้องคุณเชตได้ยังไงเนี่ย”
แซลลี่พุ่งเข้าใส่ทันที เนตรอัปสรตกใจจนยืนนิ่งค้างไม่ได้คิดจะหลบ เชตะวันเดาได้ว่าแซลลี่จะตบเนตรอัปสรก็พุ่งเข้าไปคว้ามือรั้งไว้ เนตรอัปสรมองแซลลี่อย่างไม่ชอบใจแต่พยายามสะกดอารมณ์ไว้
“แล้วคุณละคะ เป็นใคร”
“ต๊าย มีย้อน ฉันก็เป็นแฟนคุณเชตนะสิ จะบอกให้นะปกติห้องนี้ถ้าไม่ใช่นังสาเลขาหน้าห้องฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนเข้ามาเด็ดขาด”
“แซลลี่”เชตะวันปราม
“เหรอคะ” เนตรอัปสรหันไปมองเชตะวัน
“ฉันเพิ่งรู้นะคะเนี่ย ถ้างั้นคุณเชตมีแฟนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันค่ะ ส่วนคิวกลางวันวันนี้...ฉันไม่รับเงิน”
เนตรอัปสรเดินออกไปเลย แซลลี่มองตาม เชตะวันจะออกตามไป แซลลี่ดึงไว้แล้วหันมาตะคอกถาม
“ใครคะเชต”
“พยาบาลพิเศษคนใหม่ของผม...”
“พยาบาลคนใหม่ นี่คุณเลือกมันเองเหรอ”
เชตะวันเซ็งที่เนตรอัปสรกลับไป เลยเดินกลับไปโต๊ะทำงาน
“เปล่า...ผมไม่ได้เลือก ท่าทางหยิ่งยะโสแบบนั้น คุณคิดว่าผมอยากจะได้มาดูแลเหรอ คนที่บ้านผมเลือกน่ะ”
“ก็ไม่แน่ เพราะหน้าตามันก็ดีใช่ย่อย”
“เชอะ หน้าจืดยังกับเต้าหู้”
“ก็อย่าให้แซลลี่รู้ละกันคะ ว่าคุณอยากจะกินเต้าหู้ขึ้นมา”
เชตะวันเปลี่ยนเรื่อง
“นี่แล้วคุณกลับมาหาผมอีกทำไมเนี่ย กลับเข้ามาแล้วยังมาทำเป็นคนพาลแบบนี้ผมไม่ชอบนะ”
“อ๋อ...เออ คือ แซลลี่มีปัญหากับพนักงานขายข้างล่างน่ะคะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วก็ได้คะ”
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปได้ละ ผมจะทำงาน”
“ไม่เอา แซลลี่ไม่กลับ เห็นพยาบาลคุณพูดเหมือนคุณต้องการคนอยู่ด้วย ให้แซลลี่อยู่เป็นเพื่อนคุณนะคะ”
เชตะวันอึ้ง เพราะพูดกับเนตรอัปสรว่าอยากมีคนอยู่เป็นเพื่อน
“ตามใจ แต่อย่ารบกวนผมละกัน”
เชตะวันก้มลงทำงานไม่สนใจแซลลี่เลย แซลลี่ได้แต่ยืนงงอึ้งกับพฤติกรรมของเขาและไม่นึกว่า
เนตรอัปสรจะเป็นพยาบาลพิเศษคนใหม่ของเชตะวัน แซลลี่เริ่มระแวงเนตรอัปสร..ขึ้นมาทันที
พายัพเดินออกมาจากห้องทำงาน ดาลัดพูดอย่างชื่นชมออกนอกหน้า
“แหม๊ฅ นี่ถ้าคุณพายัพไม่มา ดิฉันคงคิดแผนโปรโมชั่นไม่ออกหรอกค่ะ”
“ความจริงแผนที่คุณดาลัดวางไว้ก็เข้าท่าดีอยู่แล้วนะครับ ผมแค่มาแนะนำอะไรเพิ่มเติมให้นิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณดาลัดเก่งอยู่แล้ว”
ดาลัดยิ้มร่าดีใจที่พายัพชม พงษ์เดินเข้ามาสบตากับพายัพอย่างรู้กัน พายัพหันกลับไปบอกดาลัด
“ผมขอออกไปดูรอบๆรีสอร์ตหน่อยนะครับ ผมอยากจะสร้างกระท่อมที่พักเพิ่มอีกสักหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันตามคนขับรถกอล์ฟให้คุณพายัพนะคะ”
พายัพสวนทันที
“ไม่ต้องครับ ผมไปเองได้ ขอบคุณนะครับ”
ดาลัดพยักหน้ารับ พายัพเดินออกไปกับพงษ์ ดาลัดมองพงษ์อย่างปลื้มใจที่มีเจ้านายเก่งแบบนี้
พงษ์ขับรถพาพายัพมาที่กระท่อมเปลี่ยวท้ายรีสอร์ต ทั้งสองลงจากรถ กวาดตามองรอบๆดูว่ามีใครผ่านเข้ามาในรัศมีสายตาหรือไม่ เมื่อไม่เห็นใคร จึงค่อยเดินเข้าไปในกระท่อมด้วยกัน...พงษ์เดินนำพายัพเข้ามาในกระท่อมแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องอีกที มีผู้หญิงพม่าจำนวน 3-4 คน ล้วนหน้าตาดี แต่มอมแมม ถูกล่ามโซ่เอาไว้ด้วยกันเป็นพรวน
“สินค้าเราล็อตนี้ คุณภาพดีทั้งหมดเลยครับนาย” พงษ์เต็มใจนำเสนออย่างยิ่ง
พายัพเดินเข้าไปมองหน้าทีละคนอย่างพอใจ มีคนหนึ่งก้มหน้างุดไม่ยอมให้พายัพมองหน้า พายัพเอามือไปเชยคางให้เงยหน้าขึ้น เด็กสาวคนนั้นก็เลยเงยหน้าขึ้นแล้วกัดมือพายัพเต็มแรงอย่างเกลียดชัง พายัพสะบัดหลังมือตบหน้าเด็กสาวคนนั้นผั๊วะ จนฟุบไป
“ฤทธิ์มากจริงนะมึง”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเลือดกบปาก เด็กสาวถ่มเลือดใส่พายัพอย่างเกลียดชัง พายัพเดินจะเข้าไปตบซ้ำแต่พงษ์คว้ามือไว้
“ไปดูของ ก่อนเถอะครับนาย ของต้องส่งให้ลูกค้าคืนนี้”
พายัพลดมือที่จะตบเด็กสาวลง แล้วเดินออกไปกับพงษ์ แต่ยังไม่วายหันกลับมาจ้องหน้าเด็กสาวอีกครั้งอย่างเจ็บใจ
พงษ์พาพายัพมาอีกห้อง มีกระเป๋าหิ้วสีดำใบใหญ่วางอยู่ พงษ์เปิดออกหยิบห่อสีขาวๆออกมาส่งให้ พายัพเปิดห่อออก เอาปลายนิ้วแตะผงยาในห่อเบาๆ แล้วเอาขึ้นแตะลิ้นเพื่อเทสต์
“เป็นไงครับนาย”
“ดี...จัดส่งได้เลย”
“ครับนาย”
“ฉันจะเอารถกลับบ้านบนเขาเลยนะ แล้วแก...จัดการส่งนังเด็กตัวแสบนั่นขึ้นไปให้ฉันที่บ้านด้วย ฉันจะสั่งสอนมัน ให้มันรู้ซะบ้างไว้ฉันเป็นใคร”
หน้าตาพายัพเหี้ยมและหื่น
เนตรอัปสรเตรียมตัวจะออกจากไปทำงาน แต่งตัวไปบ่นไป กับเงาตัวเองในกระจก
“ดันปากดีนักยัยนะโม เขาเรียกออกไปแท้ๆแทนที่จะรับเงิน ดันบอกไม่เอา นี่แหน่ะ นี่แหน่ะ…” เธอตบปากตัวเอ “เมื่อคืนเธอก็พลาดไปมากเลยนะยัยนะโม ดั๊นเป็นลมจนสลบหลับไปทั้งคืน เพราะฉะนั้นคืนนี้เธอก็ควรจะแก้ตัวด้วยการไปให้เร็วๆ เข้าใจมั้ย”
ปารมีกับทิพย์ก็เปิดประตูห้องเข้ามา พอเห็นว่าเนตรอัปสรเตรียมจะออกไปข้างนอก ก็แปลกใจ
“อ้าว...จะไปไหนน่ะ นะโม”
“ไปทำงานสิ”
ปารมีมองนาฬิกา
“เพิ่งจะบ่ายสามเอง ทำไมรีบไป”
เนตรอัปสรเกือบจะหลุดปาก
“ก็เมื่อคืนฉัน...เอ้อ...ไปถึงบ้านคนไข้มันใกล้มืดแล้วใช่ป่ะ เลยไม่รู้ว่าอะไรมันอยู่ตรงไหนบ้าง วันนี้ฉันก็เลยตั้งใจว่าจะไปให้เร็วหน่อย ก่อนจะมืด จะได้ไปเดินดูบ้านดูช่องเขา ให้รู้ว่าอะไรมันอยู่ตรงไหนน่ะ”
ปารมีกับทิพย์พยักหน้าเข้าใจ ทิพย์กวาดตามองห้อง
“โห ทำไมห้องเรียบยังงี้ล่ะ ยายนะโม เธอกวาดถูหมดนี่เลยเหรอ เมื่อคืนก็อดนอนต้องเฝ้าคนไข้ทั้งคืน ทำไมกลางวันไม่นอนพักเอาแรง”
“เอ่อ...ฉันนอนแล้วทั้งวัน เบื่อน่ะ ก็เลยอยากลุกมาทำความสะอาดซะหน่อย ฉันไปละนะ”
เนตรอัปสรรีบออกไป ทั้งสองมองหน้ากันงงๆ กับคำพูดของเพื่อน
เนตรอัปสรเดินออกไปจากหอพักไปทางหนึ่ง หมอก้องเดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง แล้วรีบร้อนเข้าหอพักไป ตั้งใจว่าจะมารับเนตรอัปสรไปทำงาน
ทั้งสองจึงคลาดกันไป
ขณะที่ปารมีกับทิพย์กำลังกินขนมกันอยู่ มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ปารมีเดินไปเปิด
“ลืมอะไรเหรอ นะโม”
ปารมีชะงักเมื่อเปิดมาเจอว่าเป็นหมอก้อง ไม่ใช่เนตรอัปสร
“อ้าว...นะโมไม่อยู่เหรอปาน”
“ออกไปทำงานแล้วค่ะหมอ”
หมอก้องผิดหวังอย่างแรง
“แหม...หมอก็อุตส่าห์รีบมา กะว่าจะมารับนะโมไปส่งที่บ้านคนไข้สักหน่อย เสียเที่ยวซะนี่”
ปารมีเศร้า ทิพย์รีบเข้ามาแทรก หวังคลี่คลายบรรยากาศเศร้าของปารมี
“ไม่เสียเที่ยวหรอกค๊า...หมอ ไหนๆหมอก็มาแล้ว หมอมาทำกับข้าวให้พวกเรากินซะเลย ฝีมือทำกับข้าวของหมอเริ๊ดเลิศ...มา”
ทิพย์ฉุดแขนหมอก้องให้เข้ามาในห้องเลย ปารมีปิดประตูแล้วตามไป...ทิพย์ฉุดหมอก้องเข้ามา ชวนทำกับข้าว
“งั้นเมนูวันนี้เราทำอะไรดีคะหมอ ปานเธอหิวไม่ใช่เหรอ ใช่มะ ใช่ม่ะ”
ปารมีพยักหน้ารับ มองอ้อนวอนให้ทิพย์ช่วยดึงหมอก้องให้อยู่นานๆ
“ปานอยากทานอะไรครับ ผมขอดูในตู้เย็นก่อนนะว่าทำอะไรได้บ้าง”
หมอก้องเดินไปที่ตู้เย็น แล้วหาของที่น่าจะทำอะไรได้ ทิพย์พยักพเยิดดันให้ปารมีไปช่วยเขาหาของและช่วยทำ ปารมีเข้าไปช่วยเลือกของในตู้เย็น
“ได้ละ... ถ้างั้นมื้อเย็นวันนี้ เรามาทำสปาเกตตี้ผัดขี้เมากันนะครับ” หมอก้องดูอุปกรณ์แล้วบอก
“เย้...ทิพย์อยากเมาคะ” ทิพย์ทำท่าเป็นไอ้หนุ่มหมัดเมา
ปารมียิ้มแย้ม
“งั้นปานจะเป็นลูกมือช่วยหมอก้องนะคะ”
หมอก้องยิ้มรับ ปารมีมีความสุขมากรีบหันไปมองขอบใจเพื่อนสาว ทิพย์ทำหลิ่วตาให้พาหมอก้องไปทำอาหารเถอะ และปารมีก็ดึงหมอก้องช่วยกันทำอาหาร โดยปารมีแอบมองและได้ใกล้ชิดหมอก้องอย่างมีความสุข
บวรมาเปิดประตูบ้าน พอเห็นว่าเนตรอัปสรเป็นคนมากดกระดิ่งก็แปลกใจ บวรทำท่าชี้ฟ้ายังสว่างอยู่เลยทำไมมาเร็วจัง เนตรอัปสรหัวเราะเขินๆ
“รีบมาเพื่อแก้ตัวจากเมื่อคืนน่ะค่ะ แล้วเนตรก็อยากเดินดูบ้านด้วย จะได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้รู้ทางน่ะคะ”
บวรยิ้มชอบใจชวนเข้าบ้าน
เชตะวันทำงานเสร็จจะกลับ แซลลี่ที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่รีบลุกขึ้นทันที
“จะกลับแล้วเหรอคะ แซลลี่ไปด้วยนะ แซลลี่อยากไปว่ายน้ำอีก”
เชตะวันพูดตรงๆ
“อย่าเลย วันนี้ผมไม่มีอารมณ์”
แซลลี่เดินเข้ามาประชิดตัวเขาเอาอกเบียด อย่างตั้งใจจะยั่วอารมณ์
“แต่แซลลี่มีอารมณ์นี่คะ แซลลี่นั่งรอคุณตั้งนานล่ะนะ”
เชตะวันล้วงหยิบเอาเงินออกมาปึกนึง ยัดใส่มือแซลลี่
“เอาไปเที่ยวคลับผู้ชายที่คุณชอบก็แล้วกัน...”
เซตะวันเดินออกไปเลย แซลลี่ได้แต่ยืนอึ้ง
“ห๊ะ รู้ได้ไงเนี่ย...ว่าเราชอบเที่ยวคลับผู้ชาย”
อนงค์พาเนตรอัปสรเดินดูบ้าน...
“ขืนให้น้าบวรพาคุณพยาบาลเดินดูบ้าน คุณพยาบาลคงจะรู้หรอกค่ะว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพราะน้าบวรน่ะ...พูดบรรยายเก่งมว๊าก”
อนงค์หัวเราะขำที่ตัวเองได้แดกดันน้าตัวเองอย่างสะใจ เนตรอัปสรเลยพลอยขำไปด้วยทั้งคู่เดินไปด้วยกัน เนตรอัปสรชวนอนงค์คุยเพื่อสร้างความคุ้นเคย
“ในบ้านนี้มีคนอยู่กันกี่คนคะ คุณนงค์”
“อุ๊ย...เรียกนงค์เฉยๆก็พอค่ะ นงค์เป็นขี้ข้าเขา ไม่ใช่คุณนาย บ้านนี้มีนายอยู่ 3 คนค่ะ คือคุณเชตะวัน คุณพายัพพี่ชายคุณเชต แล้วก็คุณอาทิตย์ พ่อคุณเชตกับคุณพายัพ”
“แล้วแม่คุณเชตกับคุณพายัพละคะ”
“ตายหมดแล้วค่ะ ทั้งสองคน”
เนตรอัปสรงง อนงค์เลยรีบอธิบายต่อ
“คุณเชตกับคุณพายัพ คนละแม่กันค่ะ อู๊ย...จะว่าไปแล้ว คุณอาทิตย์นี่ก็เป็น ผู้ชายกินเมีย นะคะ มีเมียกี่คนๆ ตายเรียบหมดเลย”
อนงค์กับเนตรอัปสรเดินคุยกันไปในอาณาบริเวณบ้าน โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งที่แอบมองคนทั้งสองมาจากในบ้าน...ผีเฟื่องยืนมองเนตรอัปสรอยู่มุมมืดๆของบ้าน ตาลุกวาวน่ากลัว
“อีนวล”
บรรยากาศโพล้เพล้...อนงค์ยังพาเนตรอัปสรเดินดูบ้านอยู่ พลางคุยไปเรื่อย เนตรอัปสรเห็นเงาอะไรบางอย่างแว่บผ่านหางตาไป เธอเหลียวมองแต่ไม่เห็นใครเลย เนตรอัปสรงงๆ อนงค์เห็นทำท่าเหลียวหน้าเหลียวหลังผิดปกติก็สงสัย
“มีอะไรหรือคะคุณพยาบาล”
“ฉันรู้สึกเหมือน...มีใครเดินตามน่ะค่ะ”
“อุ๊ย ใครจะเดินตามคะ ตรงนี้มีแต่เราแค่สองคน...เอ้อ...พูดถึงคุณอาทิตย์แล้วก็น่าแปลกใจนะคะ ดูคุณอาทิตย์จะรักคุณพายัพมากกว่าคุณเชต ไม่รู้ทำไม แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ ก็คุณเชตเธอเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัว พ่อแม่ที่ไหนก็คงระอาใจล่ะค่ะ”
แล้วอนงค์ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง
“อนงค์”
อนงค์กับเนตรอัปสรหันขวับไปมองเห็นเชตะวันยืนหน้าถมึงทึงอยู่ อนงค์หน้าซีดจะร้องไห้ เดาได้ว่าเชตะวันคงได้ยินที่เธอนินทาให้เนตรอัปสรฟัง เลยขาอ่อน
“เอ้อ...คุณพยาบาลคะ นงค์ขอตัวก่อนนะคะ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอุ่นแกงค้างไว้บนเตา ป่านนี้ไหม้หมดหม้อแล้วมั้ง นงค์ไปล่ะค่ะ”
อนงค์วิ่งจู๊ดออกไปเลย เชตะวันไม่สนใจอนงค์ แต่มองเนตรอัปสรเขม็ง เธอชักสีหน้าใส่เขา
“ผู้หญิงของคุณมาด้วยรึเปล่า”
“ถามถึงเขาทำไม”
“ฉันยังไม่อยากถูกตบ” เนตรอัปสรดูนาฬิกา “ขอตัวไปเตรียมตัวทำงานก่อนนะคะ รับรองค่ะว่าจะไม่ให้มีอะไรผิดพลาดอย่างเมื่อคืนนี้อีก”
เนตรอัปสรเดินเข้าบ้านไป เชตะวันรีบตามมาตอแย
“เมื่อกลางวัน ผมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้คุณ”
เนตรอัปสรอยากได้แต่มีศักดิ์ศรี
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย”
“แต่อย่างน้อยคุณก็เสียเวลา ต้องออกจากบ้าน เสียค่ารถไปหาผม ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”
“ช่างเถอะค่ะ นิดๆหน่อยๆ”
“ถึงจะนิดหน่อย แต่มันก็เป็นเงินนะ”
เนตรอัปสรชักฉุน
“ค่ะ ฉันมันคนจน คุณไม่ต้องมาตอกย้ำเรื่องเงินกับฉันหรอกค่ะ ฉันรู้ค่าของมันดี”
เนตรอัปสรจะเข้าบ้าน เชตะวันตามมาดึงแขนไว้ ทั้งคู่หยุดทะเลาะกันอยู่ใต้ต้นไม้
“ทำไมคุณดื้อนักนะ ผมจะให้ คุณก็ต้องรับ”
ผีเฟื่องยืนอยู่บนบนกิ่งไม้เหนือหัวทั้งคู่ มองเนตรอัปสรอยู่อย่างเกลียดชัง แล้วหันไปจ้องที่กิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งซึ่งอยู่เหนือหัวเนตรอัปสรพอดี
“คุณมีเงินมากพอที่จะฟาดใส่ฉันตอนไหนก็ได้นี่ ใช่ ฉันต้องการเงิน ต้องการมากด้วย แต่ฉันก็เลือกที่จะรับมันเหมือนกัน”
กิ่งไม้ที่ผีเฟื่องจ้อง หักโพละ กิ่งหล่นลงใส่เนตรอัปสรทันที แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอสะบัดแขนออกจากการจับกุมของเชตะวันเดินเข้าบ้าน เชตะวันขยับตามทำให้เขามายืนแทนที่ตรงจุดที่เนตรอัปสรเคยยืนอยู่กิ่งไม้จึงหล่นลงใส่เขาแทน เชตะวันร้องโอ๊ยแล้วล้มลง เนตรอัปสรหันขวับมามอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ากิ่งไม้ตกใส่เชตะวัน ผีเฟื่องตกใจมากที่เชตะวันต้องมาบาดเจ็บก็เพราะเธอ แต่ก็ไม่อยู่ในสถานภาพที่จะช่วยเหลือหรือแก้ไขอะไรได้
“คุณเชต!!”
เนตรอัปสรวิ่งเข้าไปดูอาการ พบว่าเชตะวันหยุดหายใจไปแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 13