มารกามเทพ ตอนที่ 11
เวลานั้นอลิสกับมินโฮเพื่อนสาว นั่งเม้าท์มอยกันอยู่ริมสระน้ำแห่งหนึ่ง มินโฮอ่านข่าวจากไอแพดไปด้วย แล้วหัวเราะลั่น
“ตรรกะอลิสนี่มันแรว้งงจริงๆ ดูสิ...แม่นังยัยน้ำหนึ่งเข้าโรงพยาบาลเลย
อลิสทำหน้างง “เข้าโรงพยาบาล ขนาดนี้เลยเหรอ?” สาวแสบชะโงกหน้าเข้าไปอ่านด้วย
มินโฮเพื่อนสาวถามด้วยความอยากรู้ “วันนั้นหล่อนไปบอกอะไรคุณหญิงล่ะ”
“บอกว่าน้ำหนึ่งหนีตามผู้ชายไปอยู่ที่ไหน แค่เบา...เบา”
มินโฮตาเหลือก “หนีตามผู้ชายนี่นะ เบา”
“ฮื่อเบา..เบามาก เพราะถ้าไม่เบา ฉันจะต้องไซโคหนักเข้าไปอีก ว่ายัยน้ำหนึ่งมันหลงเข้าไปอยู่ในดงคนบ้า”
มินโฮงงหนัก “ดงคนบ้า?”
“ก็ยัยพลอยบ้าไง” อลิสมองหน้าเพื่อนเหมือนคิดอะไรออก “ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ไม่งั้นคุณหญิงไม่ไปนอนเป็นผักที่โรงพยาบาลหรอก”
อลิสทำหน้าครุ่นคิด สีหน้ากระหายใครรู้ขึ้นมาในบัดดล
ดาราณีนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ดวงหน้าซีดเผือด สภาพน่าสงสาร ดาราณีรู้สึกตัวละเมอออกมา
“อย่าพลอย...อย่า ฉันกลัวแล้ว”
จังหวะนี้ประตูเปิดเข้ามา พร้องกับร่างของอลิสที่หอบกระเช้าเดินเข้ามาเข้ามาใกล้เตียง
ดาราณีพึมพำคล้ายคนละเมอ “อย่าทำฉัน ฉันกลัว”
อลิสรีบวางกระเช้าลงเดินมามองอย่างสงสัย อยากรู้ ดาราณีพึมพำออกมา
“พลอย ฉันกลัว!”
ได้ยินชื่อพลอย อลิสยิ่งตื่นตะลึง
“พลอย” อลิสมองจ้องดาราณีลุ้นใหญ่
“ฉันไม่เคยทำอะไรเธอเลยนะ เธอต่างหากที่ทำฉัน พลอย”
อลิสพยายามจะปลุกเตือนสติ “คุณน้าๆ”
ดาราณีเงยหน้าขึ้นมามอง ในท่าทีสะลึมสะลือ ดาราณี เห็นหน้าอลิสเป็นพลอย
“พลอย”
อลิสตาโตตกใจ ดาราณีเห็นอลิสเป็นพลอย และเหมือนถลึงตาใส่ ดาราณียิ่งกลัว
“อย่าพลอย ฉันกลัวกลัวๆๆๆ” ดาราณีกรี๊ดสุดเสียง
อลิสตกใจ พยายามจะปลอบ ข่มตัวให้นอน “คุณน้าๆ”
พยาบาลเปิดประตูวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “มีอะไรคะคุณ” พยาบาลฉุนหันมาดุอลิส “คุณมารบกวนคนป่วยทำไม”
“เปล่านะ ฉันเปล่า”
“เปล่าอะไรก็เห็นกันอยู่ คนป่วยต้องการพักผ่อน กรุณาออกไปค่ะ”
อลิสมองดูดาราณีทั้งห่วง และสงสัยใคร่รู้ ถูกพยาบาลดุอีก
“กรุณาออกไปค่ะ”
“ค่ะๆๆ” อลิสเดินออกไปทั้งที่สายตายังคลางแคลงใจอยู่
อลิสเดินหนีออกมา กำกำปั้นทำท่าทางแบบมั่นใจมาก
“ตรรกะอลิสไม่เคยพลาด มันต้องมีอะไร? แล้วมันก็มีจริงๆ ยัยพลอยบ้า คุณน้า”
ระหว่างนั้นนวลเดินมาแต่ไกล ในมือถือกระเป๋า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของดาราณีมาด้วย ท่าทางของของนวลเคร่งเครียด อลิสมองอยากรู้อยากเห็น เสียงของดาราณีดังก้องดังหู
“ฉันไม่เคยทำอะไรเธอเลยนะ เธอต่างหากที่ทำฉัน พลอย!”
อลิสหยุดคิด ก่อนเดินย้อนกลับไปด้วยอยากรู้อยากเห็น
ด้านเพชรอยู่ที่ในห้องบ้านไร่เชิงเขา นั่งมองมือถือ เห็นภาพข่าวดาราณีนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล วูบแรก เพชรสะใจ แต่อีกใจก็นึกสงสารน้ำหนึ่ง เพชรเปิดประตูออกมาเจอน้ำหนึ่งนั่งพิงฝาบ้านไม่รู้ตัว
“น้ำหนึ่ง” น้ำหนึ่งไม่หันมามอง นิ่งเงียบ เพชรเอะใจ เรียกอีกเสียงดุ “น้ำหนึ่ง
น้ำหนึ่งพึมพำเบาๆ กอดตัวเองแน่น “หนาว...หนาว”
“น้ำหนึ่ง” เพชรตรงเข้าไปหา จับตามเนื้อตัวเขย่า เพชรสะดุ้ง น้ำหนึ่งตัวร้อนผ่าว ชายหนุ่มเอาหลังมือแตะหน้าผาก
“ไม่สบายนี่”
เพชรอุ้มน้ำหนึ่งเข้าไปในห้อง ห่วงเอามากๆ
น้ำหนึ่งนอนอยู่บนเตียงภายในห้องแล้ว เพชรเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้ น้ำหนึ่งเพ้อ
“คุณพ่อคุณแม่ น้ำหนึ่งขอโทษ”
เพชรนิ่วหน้า เขวี้ยงผ้าทิ้งลงบนเตียง ลุกพรวดขึ้นโกรธจัด จะเปิดประตูออกไปแต่น้ำหนึ่งกลับเพ้อออกมาอีก
“น้ำหนึ่งรักพี่เพชร...”
เพชรหยุดกึก ค่อยๆ หันมามอง น้ำหนึ่งพึมพำทั้งที่หลับ
“พี่เพชรฟังน้ำหนึ่งบ้างเถอะนะคะ”
เพชรมองน้ำหนึ่ง ใจอ่อนยวบ เดินกลับมาหา หยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้ำหนึ่งใหม่
“น้ำหนึ่งรักพี่เพชร”จากนั้นก็แน่นิ่งหลับไป
เพชรมองน้ำหนึ่ง ก่อนคว้ามือมากุมอ่อนโยน “พี่ก็รักน้ำหนึ่ง...ไม่น่าเลย”
เพชรคิดเรื่องของตัวเองด้วยท่าทีหนักใจ ก่อนสลัดความคิดออกบอกตัวเอง
“อย่าโทษพี่พลอย ต้นเหตุไม่ใช่พี่พลอย...แต่เป็นคนพวกนั้น”
ดวงตาเพชรเป็นประกายดุดัน โกรธขึ้นมาอีก
-ตัดไป-
ฉากที่17โรงพยาบาลกลางวัน=ตัดสลับ
นวลถามด้วยความตกใจ
“คุณหญิงบอกว่าเห็นพลอย”
“ใช่..พลอยมาหาฉัน หรือว่า...พลอย..พลอยจะตายแล้ว”
อลิสที่ยืนแอบฟังหน้าห้อง ทำหน้าแบบงงๆ ว่าเป็นไปได้เหรอ ส่วนด้านในนวลเงียบ
“นวลไม่คิดอย่างฉันเหรอ? พลอยมาหาฉัน มาหาตลอด...” ดาราณีทำท่าครุ่นคิด “แล้ววันนั้น ที่บ้าน ที่
พลอยมาหาฉัน พลอยก็บอกว่าพลอยตายแล้ว”
“คุณหญิงอย่าเพิ่งคิดมากไปค่ะ” นวลไม่กล้าพูด
“นวลว่าฉันบ้าเหรอ” ดาราณีถาม ไม่ได้โกรธ แต่ตกใจ
นวลตกใจ และเกรงใจ รีบบอก “ เปล่าค่ะ...นวลไม่ได้คิด เพียงแต่..คุณหญิงอาจจะคิดมากไป เพราะ
วันนั้น...ไฟที่บ้านก็ไม่ได้ดับอย่างที่คุณหญิงบอก”
คราวนี้คุณหญิงนิ่งเงียบ สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
“แต่วันนั้นไฟดับ และฉันก็เห็นพลอยจริงๆ” ดาราณีเริ่มสั่นกลัวขึ้นมาอีก “พลอยบอกว่าพลอยตาย”
นวลกับดาราณีมองจ้องหน้ากัน อลิสก็สงสัยใคร่รู้เหมือนกัน นวลบอกดาราณี
“คุณหญิงอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ...เดี๋ยวนวลจะเช็กให้ค่ะ”
นวลทำท่าจะเดินออกมา อลิสรีบหลบไปทันที กลัวนวลจะเห็นแต่ยังไม่กลับ
นวลเดินออกมา อลิสที่แอบมองนวลตลอดเวลา แอบตามมา นวลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ขอให้เธอใช้เบอร์เดิมนะพลอย”
อลิสเงี่ยหูฟัง
พลอยอยู่ที่บ้านเชิงเขา เสียงโทรศัพท์ดัง พลอยยันกายออกจากรถเข็น เดินไปรับ สายตาเห็นเป็นเบอร์นวล พลอยยิ้มเยาะ หยิบมือถือขึ้นมา
พลอยดัดเสียงเป็นคนแก่ “สวัสดีค่ะ”
นวลไม่คุ้นเสียง “นั่น..เป็นเบอร์พลอยหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ”
“เอ่อ..พลอยเป็นยังไงบ้างคะ ฉันขอสายพลอยหน่อย”
“พลอยมารับสายไม่ได้ค่ะ”
นวลหน้าซีด ใจเสีย “ทำไมคะ”
พลอยพูดช้าๆ ชัดๆ และเน้นทุกคำ แกล้งทำหลอนใส่ “พลอย ตาย แล้ว!”
นวลตกใจมาก “ว่าไงนะคะ พลอยตายแล้ว!”
พลอยกดสายทิ้งทันที
ลิสตาโตตกใจคาดไม่ถึงเหมือนกัน นวลตื่นตกใจ กดสายกลับอีกครั้ง เสียงปลายสายเป็นไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
นวลตกใจ คาดไม่ถึง ว่าดาราณีเจอผี “พลอยตายแล้ว
อลิสงวยงงและตกใจ คิดในใจ
“ยัยพลอยบ้าตายแล้ว เป็นไปได้ยังไง”
ส่วนพลอยยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจ
ด้านพจนีย์หงุดหงิดอยู่ที่บ้าน บ่นบ้าไปเรื่อย
“รจนะรจ ยัยน้องบ้า...จะไปไหนมาไหนก็ไม่บอก”
พจนีย์คว้าหนังสือพิมพ์มาอ่าน เห็นข่าว ดาราณีนอนที่โรงพยาบาล และรูปกรอบเล็กเกรียงศักดิ์ประกอบข่าว
“เตียงส่อแววหัก ดาราณีนอนรพ.ไร้เงาเกรียงศักดิ์”
พจนีย์เพ่งมองดูรูปเกรียงศักดิ์ชัดๆ นึกถึงตอนที่เกรียงศักดิ์ไปหาพลอย
“ก็ว่าอยู่ว่าหน้าคุ้นๆ มิน่า ท่านเกรียงศักดิ์นี่เอง หรือว่า ที่ท่านเกรียงศักดิ์หายตัวไป”
ที่พจนีย์ค่อยๆ ย่องเข้ามาที่บ้านเชิงเขา เห็นเศษมือถือที่ถูกพลอยยิง พจนีย์ก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู
เหตการณืที่พลอยยิงมือถือเกรียงศักดิ์ หัวใจของพจนีย์ยิ่งเต้นระรัว ดวงตาประจักษ์แน่ชัด ที่เกรียงศักดิ์หายตัวไป เกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ
พลอยเลื่อนรถเข็นโผล่พรวดเข้ามา หน้าตาถมึงทึง พจนีย์กรี๊ด
“พี่พลอย!”
“มาทำไม”
“เอ่อ..เอ่อ” พจนีย์ปากคอสั่น จากวันนั้นยังกลัวพลอยอยู่มาก
พลอยดุ เสียงเข้ม “พี่บอกแล้วไง พี่อยากอยู่คนเดียว”
“แต่พจน์ พจน์เป็นห่วง”
“แน่ใจหรือว่าเธอเป็นห่วงพี่ กลับไป พี่อยากอยู่คนเดียว”
“ค่ะ” พจนีย์รับคำ แต่ตามองพลอยด้วยความสงสัย ท่าทางเหมือนไม่อยากกลับไป
พลอยมองตาขวาง อีกใจก็อยากรู้ ว่าวันนั้นใช่พจนีย์มั้ย พลอยถาม “พจน์มีอะไรกับพี่รึเปล่า”
พจนีย์ใจชื้นข้นมาหน่อย ใจก็อยากลองดี แบล็คเมล์
“เอ่อ...วันนั้นมีคนมาถามหาพี่พลอย พจน์จำได้ว่าเค้าคือท่านเกรียงศักดิ์ แต่ตอนนี้ข่าวลงว่าหายตัวไป พี่พลอยรู้มั้ยว่าเค้าไปไหน”
พลอยชักสีหน้า ถามเสียงเข้ม “พี่จะรู้ได้ยังไง” มองจ้องหน้า สงสัยว่าพจนีย์จะเห็นเรื่องวันนั้น
พจนีย์มองจับสังเกต พูดเป็นนัยอย่างถือไพ่เหนือกว่า “ก็วันนั้นเค้ามาหาพี่พลอย”
“แปลว่า...คนที่มาหาพี่...พี่ต้องตามติดเค้าตลอดไปเหรอ”
“พจน์ก็แค่ถามดู ถ้าพี่พลอยไม่เห็นก็ไม่เป็นไร แต่ท่านเป็นรมต. หายตัวไปแบบนี้ เรื่องใหญ่แน่”
“ไม่เห็นจะใหญ่ ท่านอาจจะไปเที่ยวไหนก็ได้”
พจนีย์ตั้งใจเหน็บ “ไม่ก็แอบไปหาอีหนู พวกเมียน้อย”
พลอยโกรธ คำพูดกระแทกใจ “พจน์”
“ทำไมคะ พจน์พูดอะไรผิด ผู้ชายที่หายหัวไปจากบ้านใหญ่ มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ไปอยู่กับเมียน้อย”
พลอยตาวาวโรจน์ เนื้อตัวสั่น “หยุดพูดเดี๋ยวนี้พจน์”
พจนีย์มองเห็นพิรุธ แอบยิ้มยั่วอีก “ทำไมพี่พลอยต้องโกรธด้วยคะ”
“ก็แล้วทำไมพี่ต้องฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย”
พจนีย์อมยิ้ม “เมาท์เรื่องชาวบ้านสนุกดีออกค่ะ...พี่พลอย!”
“ฉันไม่อยากฟัง กลับไป!”
พจนีย์มองหน้าพลอย เห็นพลอยโกรธจนตัวสั่นก็ยิ่งพอใจ สองคนจ้องหน้ากัน
พลอยโกรธที่พจนีย์ยืนมองหน้าไม่ไปไหน “ฉันบอกให้กลับไป” แล้วมองหาของข้างกายจะเขวี้ยง
“ค่ะๆๆ” พจนีย์เห็นท่าไม่ดี พลอยเอาจริง รีบถอยออกไป
พลอยกำของในมือที่จะเขวี้ยงพจนีย์แน่น ดวงตาเหลือกลาน เจ็บปวดกับคำพูดของพจนีย์เมื่อครู่เหลือแสน
“ผู้ชายที่หายหัวไปจากบ้านใหญ่...มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ไปอยู่กับเมียน้อย”
คำพูดแทงใจประโยคดังกล่าว ทำให้พลอยประดับหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
วันนั้น พลอยนั่งอยู่กับเกรียงศักดิ์บนโต๊ะอาหารในคอนโด ด้านหน้ามีเค้กวันเกิด พลอยนั่งมองเค้ก สลับกับมองหน้าเกรียงศักดิ์ ด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจ และตื้นตันใจ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู" เกรียงศักดิ์ร้องเพลง พร้อมกับอวยพรหลังพลอยเป่าเทียนวันเกิด "สุขสันต์วันเกิด มีความสุขมากๆ จ้ะพลอย”
“ขอบคุณท่านมากค่ะ...ไว้วันเกิดท่าน พลอยจะทำเค้กให้ท่านนะคะ...” พลอยมองอาหารบนโต๊ะ ด้วยดวงตาเป็นประกายสดใส เหมือนเด็กกำลังประจบผู้ใหญ่ “แล้วก็..จะทำอาหารแบบนี้ให้ท่านทานด้วย”
เกรียงศักดิ์ยิ้มเจื่อนๆ รู้ดีว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตจริง พลอยมองเห็นแววตานั้นก็ใจเสีย
“ทำไมท่านทำหน้าอย่างนี้ล่ะคะ หรือท่านจะทิ้งพลอย...” พลอยโผเข้ามากอดแขนเกรียงศักดิ์ “ไม่นะคะ พลอยไม่ยอมให้ท่านทิ้งพลอย”
เกรียงศักดิ์แตะมือพลอยเบาๆ ปลอบใจ “ไม่เอาน่าพลอย..วันนี้วันเกิดพลอยนะ อย่าพูดอะไรแบบนี้”
“ก็พลอยกลัว...ท่านทิ้งพลอย...ท่านอย่าทิ้งพลอยนะคะ อย่าทิ้งพลอย”
เกรียงศักดิ์เริ่มอึดอัดใจ รู้สึกสงสารมากกว่า พลอยย้ำ อ้อนอีก
“ท่านอย่าทิ้งพลอยนะคะ”
เกรียงศักดิ์แตะมือพลอยอีก จำต้องยิ้มตอบ “จ้ะๆ ฉันไม่ทิ้งพลอย ทานข้าวนะ” แล้วตักอาหารให้เป็นการเอาใจ
พลอยค่อยรู้สึกดีขึ้น เชื่อเกรียงศักดิ์ “ขอบคุณค่ะ....วันไหน ที่เราได้อยู่ด้วยกัน พลอยจะทำอาหารอร่อยๆ
ให้ท่านทานทุกวันเลย”
“จ้ะ พลอยทานเยอะๆ นะ”
เกรียงศักดิ์ตักอาหารให้พลอยอย่างเอาใจ พลอยยิ้มชื่น รู้สึกดีขึ้น และอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
นึกถึงเรื่องนี้แล้วพลอยนั่งน้ำตาไหล สะอื้นฮักๆ เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
อีกเหตุการณ์ วันนั้นพลอยเดินเข้ามาที่กระทรวง เพื่อมาทำงานตามปกติ แต่สายตาคนที่มองพลอยเปลี่ยนไป
หญิงคนหนึ่งกระซิบเพื่อนพอได้ยิน “นี่ใช่มั้ย..ที่เค้าว่าเป็นเด็กท่าน”
“ใช่...จริงๆท่านก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่เด็กมันยั่ว”
“เมียน้อยก็เป็นแบบนี้แหละ หน้าด้าน”
“อยากจะเดินเอาน้ำร้อนไปสาดหน้ามันจริงๆ พวกเมียน้อย” หญิงอีกคนพูดอย่างมีอารมณ์
พลอยได้ยินทุกคำ หน้าซีดเผือด ทั้งเจ็บทั้งอาย รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่เสียงของคนเหล่านั้นดังก้องหู ซ้ำๆ
“เมียน้อยๆๆๆๆๆ”
เสียงนั้นดังหลอกหลอนพลอยประดับ จนต้องเอามือปิดหู ไม่อยากได้ยินเสียงเหล่านั้น
“ไม่...ฉันไม่ใช่เมียน้อย ม่าย”
จังหวะนี้เกรียงศักดิ์ ได้ยินเสียงของพลอยดังแว่วเข้ามา เกรียงศักดิ์ชะงัก รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก สำนึกผิดชอบชั่วดี เวทนา สงสาร ปนเปอยู่ในหัว ในขณะที่พจนีย์ที่กำลังจะย่างเท้าออกไปจากประตูรั้วหันกลับมามองเพราะเสียงร้องนั้น
“อย่าบอกนะว่า ท่านตายไปแล้ว”ดวงตาครุ่นคิด สายตาบ่งบอกว่า ชั้นต้องกลับมาอีกแน่ๆ
ฝ่ายเกรียงศักดิ์นั่งทรุดอยู่ในห้อง หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน สำนึกผิดชอบชั่วดีตีกัน แต่ยังเข้าข้างตัวเองบอก
“ไม่...เราไม่ผิด พลอยต่างหากที่คิดไปเอง...”
อาการอึดอัดเครียดเคร่งพุ่งขึ้นมาอีก เกรียงศักดิ์ ลุกเดินท่าทางหงุดหงิด หาทางออกไม่ได้ เกรียงศักดิ์เดินมาที่ประตูทุบร้องตะโกน
“พลอยเปิดประตูให้ฉัน พลอย”
พลอยที่นั่งน้ำตาไหลอยู่บนรถเข็นได้ยิน เหลียวมองมายังประตูนิ่งๆ เสียงเกรียงศักดิ์ดังแว่วออกมา
“พลอย! เปิดประตูให้ฉัน พลอย!”
พลอยค่อยๆ ลุกเดินจากรถเข็น ตรงมาที่ห้องเก็บของ ยืนอยู่ด้านนอก ขยับตัวเข้ามาแนบชิดติดประตู แต่ไม่ส่งเสียงใดๆ ยืนฟังนิ่งๆ เกรียงศักดิ์ ยิ่งเครียด ยิ่งโกรธ ทุบประตูไม่ยอมหยุด
“พลอย เปิดประตูให้ฉันหน่อย พลอย”
มือพลอยค่อยๆ ไขกุญแจ และโดยที่เกรียงศักดิ์ไม่ทันตั้งตัว พลอยกระแทกประตูเข้าไป กระแทกถูกหน้าเกรียงศักดิ์อย่างแรงจนล้มหน้าคะมำกับพื้น ใบหน้าเกรียงศักดิ์อยู่แทบเท้าพลอยที่ก้าวเข้าไป เกรียงศักดิ์เจ็บ ตะคอกหงุดหงิด
“จะเล่นอะไรอีกพลอย”
พลอยหัวเราะเบาๆ “เล่น...?!! ถูกแล้วที่ท่านเข้าใจว่านี่คือการเล่น”
เกรียงศักดิ์จ้องหน้าพลอย เห็นน้ำตาคลอหน่วยตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักและเทิดทูน และที่สำคัญ
เกรียงศักดิ์เห็นความไม่ปกติอยู่ในนั้น พลอยพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ
“เล่น...เหมือนที่ท่านเคยเห็นพลอยเป็นของเล่น ท่านทำให้พลอยถูกประณาม หยามเหยียด ว่าเป็นเมียน้อย พลอยหน้าด้าน พลอยมันเลว มันชั่ว” พลอยตะคอกใส่ “เกมมันไม่จบแค่นี้หรอก”
พลอยเดินออกไป ปิดประตู กระแทกอย่างแรง แล้วล็อกอย่างรวดเร็ว เกรียงศักดิ์กระโจนไปทุบประตูอีก
“พลอยจะทำอะไรอีก อย่านะพลอย! พลอย!”
ครู่ต่อมาเสียงรถเข็นของพลอยเลื่อนห่างออกไป ห่างออกไป ทุกอย่างเงียบกริบ เกรียงศักดิ์นิ่วหน้า หมดหวังลงไปทุกที
ท่ามกลางความมืดสลัวยามค่ำคืน พลอยลุกเดินขึ้นมาจากรถเข็น ท่าทางเซซัง เหมือนคนอกหักหัวใจสลาย เจ็บปวดกับแผลในใจที่ไม่เคยหาย พร้อมกันนี้พลอยทรุดลงกับพื้น ร้องไห้อย่างคนหมดแรง เสียงร้องไห้ของพลอยดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทุกข์ทนทรมานแสนสาหัส
รุ่งเช้าเพชรมองน้ำหนึ่งด้วยดวงตาอาทร ค่อยๆ หลังมือแตะที่หน้าผาก เห็นว่าตัวน้ำหนึ่งไม่ร้อนแล้ว สีหน้าเพชรดีขึ้น น้ำหนึ่งกระพริบตาถี่ๆ เหมือนคนจะตื่น เพชรรีบลุกขึ้นหันหลัง จัดโน่นจัดนี่ไปเรื่อย ทำเป็นไม่สนใจ น้ำหนึ่งลืมตามองมา เรียกเบาๆ
“พี่เพชร”
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ... ทีแรก..พี่ก็นึกว่าเธอจะตาย” เพชรปากไม่ตรงกับใจ
“แล้วถ้าน้ำหนึ่งตายจริงๆ พี่เพชรจะดีใจเหรอคะ”
“ใช่”
น้ำหนึ่งน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ แต่ก็เข้าใจ “น้ำหนึ่งรู้ว่าพี่เพชรกำลังโกรธ แต่กรุณาฟังน้ำหนึ่งบ้างนะคะ...ที่ผ่านมาคุณพ่อเป็นคนผิดจริง แต่ตอนนี้พี่พลอยกำลังแย่พี่พลอยกำลังหลอกทุกคน พี่เพชรต้องพาพี่พลอยไปหาหมอ”
เพชรฟังแล้วของขึ้น ปราดเข้ามากระชาก ดุ “เธอพูดอะไรของเธอน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งอ้อนวอนขอร้อง พูดดีๆ ด้วย “อย่าเพิ่งโกรธนะคะ....ฟังน้ำหนึ่งก่อน พี่พลอยหายแล้ว..แต่พี่พลอยแกล้งพิการ”
เพชรยิ่งโกรธ “น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งมองมาด้วยแววตาอ้อนวอนขอร้องให้เพชรฟัง และอยากให้เชื่อ “น้ำหนึ่งพูดจริงนะคะพี่เพชร พี่พลอยหายแล้วจริงๆ”
“พี่ไม่เชื่อ ออกไป” เพชรลากน้ำหนึ่งขึ้นมา “ออกไป”
“พี่เพชร”
เพชรดุ “ไม่ต้องพูด...ถ้าเธอใส่ร้ายพี่พลอยอีก เธอจะเจอหนักกว่านี้ ออกไป”
เพชรโกรธจัดลากน้ำหนึ่งออกไป น้ำหนึ่งร้องอ้อนวอน ยังป่วยอยู่แทบไม่มีแรง
“อย่าพี่เพชร อย่า”
แดดยามสายร้อนเปรี้ยง ท่าทางน้ำหนึ่งอ่อนระโหยโรยแรง ขณะยื้อมือเพชร รั้งตัวเอาไว้
“ปล่อย พี่เพชร”
“ไม่ปล่อย”
“พี่เพชร...จะพาน้ำหนึ่งไปไหน”
“ทำโทษ....คนที่ชอบใส่ร้ายคนอื่นอย่างเธอจะได้จดจำ”
เพชรลากน้ำหนึ่งไปที่สระบัว น้ำหนึ่งเห็นยื้อตัวเอาไว้
“อย่า..พี่เพชร..น้ำหนึ่งไม่สบาย อย่า”
เพชรไม่สนอุ้มน้ำหนึ่ง จะโยนลงสระ น้ำหนึ่งกอดเพชรแน่น
“อย่า..พี่เพชร น้ำหนึ่งไม่สบาย”
“ดี! เธอจะได้ตายๆ ไปเลย”
น้ำหนึ่งมองค้อน เพชรมองตาขวาง น้ำหนึ่งแกล้งหลับตาไม่ดิ้น ไม่เถียง ขณะที่เพชรทำท่าจะโยนน้ำหนึ่งลงไป ร่างน้ำหนึ่งแน่นิ่งจนแทบจะหลุดร่วงลงไปจริงๆ จนเพชรต้องรีบคว้าตัวน้ำหนึ่งเอาไว้ก่อนจะตกลงไปในน้ำ เพชรฉงน
“น้ำหนึ่ง”
เพชรมองไม่รู้ว่าน้ำหนึ่งแกล้งหมดสติไปแล้ว
เพชรอุ้มน้ำหนึ่งมาวางลงบนเตียง เช็ดหน้าเช็ดตาให้น้ำหนึ่งอ่อนโยน ทะนุถนอม บ่นตัวเอง
“แกล้งเค้า แล้วต้องมาดูแลเค้า แกจะแกล้งเค้าไปทำไมวะ”
เพชรหงุดหงิดตัวเอง พอมองน้ำหนึ่ง ก็ห่วงใยท่าทีอ่อนโยนลง ได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินออกไป น้ำหนึ่งที่แอบปรือตามอง อมยิ้มหน้าเซียวๆ แอบย่องตามไป
ไม่นานต่อมา เพชรง่วนกับการทำกับข้าวอยู่ในครัว น้ำหนึ่งย่องมาแอบมอง เห็นเพชรหยิบหม้อ หยิบอุปกรณ์ต่างๆ มาทำกับข้าวเก้ๆ กังๆ น้ำหนึ่งมองอย่างซาบซึ้ง จังหวะนี้เสียงมือถือดัง เพชรรับ
“เออว่าไง? ทำข้าวต้มอยู่...แฟนไม่สบาย” เพชรพูดไม่เต็มเสียงนัก
น้ำหนึ่งแอบอมยิ้มขำ
“บ้านไร่ของนายสบายอยู่แล้ว ขอบใจมากที่เป็นห่วง แล้วคุยกัน”
เพชรวางสายไป แต่จากสายตารู้สึกเหมือนคนมอง เพชรหันขวับมามอง น้ำหนึ่งรีบหลบเข้าไปรวดเร็ว
เพชรมองไม่เห็นใคร ส่ายหน้า ทำข้าวต้มต่อแบบเก้ๆ กังๆ ตามประสาคนไม่เคยเข้าครัวต่อไป
น้ำหนึ่งเข้ามานอนที่เดิม ดวงตาหวามไหวเต็มไปด้วยความรัก
“พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง...พี่เพชร รักน้ำหนึ่ง!”
ดวงตาของน้ำหนึ่งมีความหวังและกำลังใจในการสู้ ก่อนจะเคลิ้มหลับไปจริงๆ
ส่วนด้านนอก เพชรครุ่นคิด เสียงของน้ำหนึ่งดัง
“ฟังน้ำหนึ่งก่อน พี่พลอยหายแล้ว..แต่พี่พลอยแกล้งพิการ”
“เป็นไปไม่ได้”
เพชรนิ่วหน้า และไม่เชื่อเด็ดขาด
มารกามเทพ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นวลเดินออกมาจากห้องของหมอ ดวงหน้าของนวลซึมเศร้า น้ำตาคลอ เสียงหมอดังก้อง
“ตั้งแต่ครึ่งร่างอาการตอบสนองของคุณหญิงไม่มี”
นวลตกใจ “หมายความว่ายังไงคะ คุณหญิงเป็นอัมพาต”
“ต้องรอดูอาการก่อนครับ..อาจจะไม่รุนแรงขนาดนั้นก็ได้..อาจเป็นแค่อัมพฤกษ์”
นวลหน้าตาไม่ดีเลย
คืนนั้นนวลเปิดประตูเข้ามา หน้าตาไม่ค่อยดี ดาราณีถาม
“หายไปไหนมาตั้งนาน นวล”
นวลมองคุณหญิง ไม่กล้าบอกสงสาร แต่ดาราณีกลับไพล่ถามถึงเรื่องพลอย
“แล้วพลอยเป็นยังไง” นวลเงียบ อึดอัดใจอีก ดาราณีเร่งเร้า “ทำไมไม่พูดนวล” คุณหญิงมองลุ้น ใจเต้นระรัวขณะถามย้ำ “พลอย..พลอยตายแล้วใช่มั้ย ใช่มั้ยนวล”
นวลนิ่งไปนิด ก่อนบอก “ค่ะคุณหญิง พลอยตายแล้ว”
ดาราณีพึมพำหน้าซีดเผือด “พลอยตายแล้ว แปลว่า พลอยมาหาฉันจริงๆ” ดาราณีเริ่มลนลานท่าทีหวาดผวา “แปลว่า พลอยมาหาฉันจริงๆ”
ดาราณีกับนวลมองหน้ากัน สายตาประหวั่นพรั่นพรึง ดาราณีกลัวมาก
“พลอยต้องแค้นฉัน แค้นฉันมาก นวลฉันกลัว กลัว”
ร่างของดาราณีสั่นสะท้าน โผเข้ากอดนวลแน่น พร่ำรำพัน
“กลัว...ฉันกลัว ว้าย”
ร่างของดาราณีร่วงตกจากเตียง นวลปราดเข้าไปหาประคอง กลัวดาราณีเจ็บ
“คุณหญิงเป็นยังไงบ้างคะ? เจ็บมากหรือเปล่า”
ทว่าดาราณีนั่งนิ่งๆ รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ปากสั่นระริก
“นวล....ทำไม? ทำไมฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันไม่เจ็บ ฉันไม่ปวด..นวล!”
นวลไม่กล้าตอบ ดาราณีดูสีหน้าของนวลก็รู้ ดาราณีร้องกรี๊ด สะเทือนใจมาก
“ฉันเดินไม่ได้ใช่มั้ยนวล ฉันเดินไม่ได้ใช่มั้ย” ดาราณีร้องไห้ฟูมฟาย
นวลร้องไห้ด้วย กอดดาราณี “คุณหญิงยังมีนวลค่ะ คุณหญิงยังมีนวล”
“ทำไมนวล? ทำไมมันต้องเกิดขึ้นกับฉัน? ทำไม?”
ดาราณีร้องไห้โฮๆ
นักปราชญ์เปิดประตูเข้ามา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
นวลร้องไห้เดินออกมากับนักปราชญ์ ขณะที่นักปราชญ์บอกกับนวล
“เรื่องคุณหญิง...ผมเสียใจด้วยจริงๆ”
นวลนิ่ง รู้อยู่เต็มอกเรื่องดาราณีเกิดขึ้นเพราะพลอย ตัวนวลยังไม่รู้แต่สงสัย เรื่องพลอย และเพชร
อารมณ์โกรธ อยากหลบเลี่ยงเรื่องพลอย พูดบอกนักปราชญ์
“ท่านไม่น่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างไอ้เพชรเลย ไม่งั้น ท่านก็ไม่ต้องเป็นอย่างนี้”
“ผมมีวิธีล่อไอ้เพชรให้มันติดกับเราอีกครั้ง แต่ป้านวลต้องรับปากผมก่อน”
“อะไรคะ”
“ป้านวลต้องให้การกับตำรวจ ยืนยันเหมือนเดิมว่า ไอ้เพชรเป็นคนยิงตาหวาน แล้วผมจะเอาคืนไอ้เพชรให้ท่าน ให้คุณหญิงทุกอย่าง รวมทั้งพาน้องน้ำหนึ่งกลับมาด้วย”
นวลนิ่ง นักปราชญ์ถามย้ำ
“ป้านวลว่ายังไงครับ”
“ได้ค่ะ ...นวลจะยืนยันกับตำรวจเหมือนเดิม ไอ้เพชร เป็นคนยิงตาหวาน จนตาย!”
นักปราชญ์ยิ้มโล่งใจ
เวลาเดียวกันเพชรมองชามข้าวต้ม สลับกับมองน้ำหนึ่งที่นอนหลับอยู่
“ข้าวต้มเย็นหมดแล้ว ยังไม่ตื่นอีก”
เพชรมองน้ำหนึ่ง ถอยออกมานั่งห่างๆ แหงนมองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า นึกถึงทับทิม และเหตุการณ์ตอนที่ นวลบอกทับทิมไม่ได้อยู่
“แม่อยู่ที่ไหน”
ดวงตาของเพชรมีแต่แววกังวล เพราะเป็นห่วงทับทิม กลุ้มกับปัญหารุมเร้าทุกอย่าง
ทับทิมที่เพชรกำลังคิดถึง นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องคุมตัวของบ้านร้าง พยายามคิดหาทางออก ทับทิมมองออกไปเห็นลูกน้องของอารีย์อยู่กันเต็ม คอยเฝ้าทุกจุด
ทับทิมหน้างอหงุดหงิด อารีย์เปิดประตูเข้ามา ผู้หญิงสองคนมองกันตาขวาง ทับทิมด่า
“ปัญญาอ่อนที่สุด..กะอีแค่เรื่องผู้ชาย..ก็ต้องจับกันมาขังไว้”
“ฉันจะไม่เกลียดเธอขนาดนั้นหรอกทับทิม ถ้าเธอไม่ได้เป็นศัตรูลูกชายฉัน”
“ฉันไม่เคยทำอะไรลูกชายคุณ...มีแต่ลูกชายคุณทำร้ายฉัน ทำร้ายลูกฉัน”
“ใช่...ลูกชายฉัน ผิด แต่เธอเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่คนเป็นเมียบ้างมั้ย...สามีเข้าข้างผู้หญิงคนอื่น จนยอมทำร้ายลูก”
“เพราะพี่บัติรู้ไงว่าอะไรผิดอะไรถูก” ทับทิมเยาะ
“แต่มันใช้ในชีวิตจริงไม่ได้” อารีย์หยัน
“ได้สิ...ถ้าคุณมีคุณธรรมพอ”
“คุณธรรม แลกกับการที่ให้ลูกชายไปติดคุกน่ะเหรอ? มันมีแต่ในนิยาย ทับทิม”
“ก็นั่นแหละที่เค้าเรียกกัน คนเลว!”
อารีย์ตบดังผลัวะ ทับทิมเหลียวขวับมามองตาเขียว โกรธ อารีย์มองข่ม
“ฉันยอมเลวเพื่อลูก..เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า...”
ทับทิมมอง อยากรู้ว่าอารีย์จะพูดอะไร อารีย์ว่าต่อ
“ฉันจะให้เงินเธอกับลูกก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่เธอกับลูกต้องหนีไป หมดอายุความแล้วค่อยกลับมา”
ทับทิมหัวเราะลั่น) โถๆๆๆ คุณอารีย์ ช่างมีน้ำใจที่แสนจะอารีย์สมชื่อ แต่ชีวิตคนทั้งคน มันไม่ง่ายขนาด
นั้นหรอก โดยเฉพาะลูกฉันไม่ได้ผิด ฉันไม่ยอม ลูกแกต่างหากที่จะต้องเข้าคุกนังอารีย์
ทับทิมกระโจนเข้าหาอารีย์ เงื้อมือตบอย่างแรง ลีลาของสองคนแตกต่างกัน ทับทิมลุยแบบชาวบ้าน จิก ข่วน ทุกกระบวนท่า แต่อารีย์มีชั้นเชิง แบบเมียเจ้าพ่อ เด็ดขาด อารีย์กระชากผมทับทิมอย่างแรง อีกมือหนึ่งเอาปืนจ่อที่หัว
ทับทิมมองปืนใจหายวับ ร้องลั่น “อย่า!”
นักปราชญ์เปิดประตูเข้ามา “กำลังอยากขอเสียงอยู่พอดี”
“แกจะทำอะไร”
“ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง...”
นักปราชญ์หยิบมือถือขึ้น ทับทิมมอง ใจเต้นรัว นักปราชญ์โทร.หาใครบางคน
ค่ำนั้นน้ำหนึ่ง ลืมตาขึ้นมา เห็นเพชรนั่งอยู่ น้ำหนึ่งแอบยิ้มในดวงตา เพชรเฝ้าเธอ เพชรถามดุ
“ตื่นแล้วเหรอ? กินข้าวซะ จะได้กินยา”
น้ำหนึ่งแอบอมยิ้มอ้อน “น้ำหนึ่งไม่มีแรง กินไม่ไหว”
“ไม่กิน ก็ตาย”
“พี่เพชรจะให้น้ำหนึ่งตายจริงๆ เหรอ” เพชรเมินหนี “แน่ใจนะ ถ้าน้ำหนึ่งตายจริงๆ พี่เพชรจะไม่เสียใจ” น้ำหนึ่งแกล้งเพชร “ได้....ถ้าพี่เพชรอยากให้น้ำหนึ่งไปตาย น้ำหนึ่งจะไปจริงๆ”
พูดจบน้ำหนึ่งก็แกล้งวิ่งออกไป เพชรคว้าตัวเอาไว้
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“ก็พี่เพชรอยากให้น้ำหนึ่งตาย...”
สองสายตาประสานตากัน น้ำหนึ่งบอกเสียงหวาน
“ทุกคนครั้งที่เห็นสายตาพี่เพชร น้ำหนึ่งรู้..พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง พี่เพชรจะไม่มีวันทำร้ายน้ำหนึ่ง”
“เพ้อเจ้อ” เพชรเมินหน้าหนี
น้ำหนึ่งคว้าคอเพชรเอาไว้ ดันหน้าเพชรให้หันมา “ไม่ได้เพ้อเจ้อค่ะ..พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อ..พี่เพชร
ก็หันมามองน้ำหนึ่งสิคะ...”
เพชรไม่หัน กลัวสายตาตัวเองจะแพ้สายตาน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งอ้อน
“สิคะ....มองตาน้ำหนึ่ง แล้วพี่เพชรจะรู้ เราสองคนรักกันมากแค่ไหน”
น้ำหนึ่งมองอ้อน เพชรห้ามใจตัวเอง แต่ห้ามไม่ได้ ค่อยๆ หันมา สองคนสบตากัน สายตาของทั้งเพชรและน้ำหนึ่ง ต่างเห็นแต่ความรัก ห่วงใยอยู่ในนั้น สายตาของเพชรอ่อนโยนลง แพ้ใจตัวเอง
น้ำหนึ่งยิ้มทั้งน้ำตา “พี่เพชรเชื่อแล้วใช่มั้ยคะว่าเรารักกัน เรารักกันมาก เรา...!”
น้ำหนึ่งพูดได้แค่นั้น เพชรก็ก้มลงมาจูบ รวดเร็ว แรงรักท่วมท้นล้นอก เสียงมือถือดัง เพชรสะดุ้ง รู้สึกตัว
ได้สติ ว่าไม่ควรเผลอตัวแสดงความรักต่อน้ำหนึ่ง เพชรคว้ามือถือมารับสาย ยินเสียงของทับทิมแผดดังก้องออกมา
เพราะทับทิมมองนักปราชญ์เขม็ง “แกโทร.หาใคร”
“ลูกชายแกไง ไอ้เพชร”
ทับทิมกรีดร้อง “อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
เพชรที่รับโทรศัพท์อยู่ ถึงกับอึ้งตะลึงงัน
“แม่”
น้ำหนึ่งตกตะลึง หันมามองเพชรอย่างตื่นเต้น
ทางด้านอารีย์ยังเอาปืนจ่อหัวทับทิมอยู่ ทับทิมมองนักปราชญ์กลัวใจจะขาด นักปราชญ์หัวเราะขณะพูดสายกับเพชร
“แกได้ยินแล้วใช่มั้ย ถ้าไม่อยากให้แม่แกเป็นอะไร เอาน้ำหนึ่งมาให้ฉัน”
เพชรเหลียวขวับไปมองน้ำหนึ่ง ขณะที่พูดสาย น้ำหนึ่งมองมาท่าทีงวยงง ไม่เข้าใจ จู่ๆ เพชรกระชากมือน้ำหนึ่งอย่างแรง
“มานี่!”
เพชรลากน้ำหนึ่งออกไป คราวนี้จริงจัง ดุดันมาก จนน้ำหนึ่งตกใจ
“พี่เพชรจะพาน้ำหนึ่งไปไหน”
เพชรตวาด “เลิกถามซะที ขึ้นรถ!”
เพชรฉุดกระชากลากน้ำหนึ่งขึ้นรถปิดประตูปัง แล้วขับรถทะยานออกไปรวดเร็ว
ส่วนภายในบ้านร้าง ทับทิมมองอารีย์อย่างหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็กรีดร้องเสียงดังลั่นไม่ยอมหยุด
“อย่า..อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
“ไม่ต้องกลัว..ถ้าลูกแกคืนน้ำหนึ่งให้ ทุกอย่าง จบ มานี่” นักปราชญ์เข้ามาลากทับทิม
“ไม่” ทับทิมไม่ยอม
“จะไปดีๆ หรือจะไปแต่วิญญาณ!” อารีย์ขู่
ทับทิมผวามองปืนในมืออารีย์เขม็ง นักปราชญ์เดินเข้ามาลากตัวทับทิมออกไป อารีย์เดินตามออกไป
นักปราชญ์ลากทับทิมออกไปยังหน้าบ้านร้าง
“ปล่อยฉันๆ”
“ปล่อยแน่...ถ้าลูกชายแกมา”
ทับทิมมองนักปราชญ์อย่างหยามหยัน รู้ทัน “ทำยังกับฉันโง่...แกไม่มีทางปล่อยพวกฉันไปเด็ดขาด”
นักปราชญ์หัวเราะอีก “เก่งนี่...หวังว่าลูกชายแก จะฉลาดเหมือนแก”
“ไอ้เลว!” ทับทิมเอื้อมมือตบนักปราชญ์ดังผลัวะ
นักปราชญ์โกรธกระชากทับทิมสุดแรง “แก”
อารีย์ร้องห้าม “อย่าทำอะไรมัน นักปราชญ์”
นักปราชญ์ขัดใจ “ก็มัน...”
“แม่บอกให้ปล่อย”
นักปราชญ์จำต้องปล่อยมือออกจากทับทิม ทับทิมสะบัดตัวออกห่าง แต่ไม่กล้าวิ่ง เมื่อเห็นลูกน้องของอารีย์อยู่กันเป็นแผง อารีย์ยิ้มหยันขณะมองทับทิม
“ฉันน่ะอารีย์สมชื่อ เพราะฉะนั้น ฉันจะปล่อยเธอ...”
นักปราชญ์หงุดหงิด จะห้าม “แม่!”
อารีย์ยกมือปรามนักปราชญ์ หันไปบอกทับทิม “ฉันจะปล่อยเธอ วิ่ง..วิ่งไปเลย” อารีย์หยิบปืนขึ้นมา ทับทิมมองปืนหน้าซีดเผือด “ถ้าเธอหนีได้ เธอรอด แต่ถ้าไม่...” อารีย์ยกปืนขึ้นมา เตรียมลั่นไก “เธอคงรู้ใช่มั้ย ว่าสภาพศพเธอจะเป็นยังไง ไป๊!”
อารีย์ยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยง ทับทิมวิ่งหนีสุดชีวิต นักปราชญ์หัวเราะชอบใจ
“วิ่งให้เร็วกว่านี้อีก นังทับทิม วิ่งให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นแก ตาย!”
กลุ่มอารีย์นักปราชญ์ตามทับทิมไป
ท่ามกลางความมืดมิด ทับทิมวิ่งเตลิดหนีมาถึงซอยเปลี่ยว อารีย์ ลูกสมุนและนักปราชญ์วิ่งไล่จี้ตามมาติดๆ ด้านหน้าของทับทิมคือถนนใหญ่ อยู่ไม่ไกลนัก ทับทิมเร่งฝีเท้าสุดชีวิต พุ่งออกไปที่ปากซอยด้วยความหวัง จังหวะเดียวกันนั้นรถสิบล้อคนหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ทับทิมกรีดร้องสุดเสียง
“แอร๊ยยย”
อารีย์ นักปราชญ์ และสมุนทุกคนเห็นเป็นช่วงข้างรถสิบล้อเบรกเอี๊ยดสนั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่คนขับรถสิบล้อผัวเมียสองคนจะวิ่งลงมาดูท่าทีตกใจ กลุ่มของอารีย์ก็ยิ่งตกใจ
“มันถูกรถชน” อารีย์ว่า
“นังทับทิม มันมีสภาพไม่ต่างจากเพื่อนไอ้เพชรหรอก” นักปราชญ์สะใจ
ทุกคนมองอย่างไม่ยี่หระ ขณะที่อารีย์สั่งเสียงกร้าว
“รีบหนีเร็ว!”
กลุ่มของอารีย์ผละตัวสลายโต๋หนีไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงรถสิบล้อที่จอดนิ่งในยามค่ำคืนกลางทางสามแยกแห่งนั้น
ด้านเพชรขับรถมาตามทางเปลี่ยว ด้วยความเร็วสูงราวกับจะบิน สายตาก็กวาดมองสองข้างทางเพื่อหาโกดังสถานที่นัด น้ำหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“พี่เพชรมองหาอะไร”
“เงียบได้มั้ยน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งเงียบ น้ำเสียงและหน้าตาเพชรดุดันจนน้ำหนึ่งกลัว เพชรกวาดตามองต่อไปอีกสักระยะ จนแลเห็นเป็นโกดังร้างแห้งหนึ่ง ลักษณะตรงตามที่นักปราชญ์บอก เพชรเลี้ยวรถเข้าไปทันที
เพชรขับรถพาน้ำหนึ่งมาจอดที่โกดังสถานที่นัด น้ำหนึ่งงงอยู่อย่างนั้น เพชรลากน้ำหนึ่งลงจากรถ
“ลงมา”
น้ำหนึ่งยื้อตัวเอาไว้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนที่บ้านไร่ มันดูจริงจัง และน่ากลัวนัก
เสียงหัวเราะไม่คุ้นหูดังขึ้น เพชรกับน้ำหนึ่งหันไปมอง เห็นนักปราชญ์หัวเราะ
น้ำหนึ่งเริ่มจับทางประเมินสถานการณ์ “พี่นักปราชญ์” แต่ยังงงๆ ว่านักปราชญ์มาทำไม? เกี่ยวอะไร?
นักปราชญ์มองจ้องหน้าเพชร แต่เยาะเย้ยน้ำหนึ่ง “นี่หรือจ๊ะคนที่น้องน้ำหนึ่งรักสุดชีวิต จนยอมหนีตาม...แต่สุดท้ายมันกลับเอาน้องน้ำหนึ่งมาเป็นตัวประกัน”
น้ำหนึ่งมองเพชร ตื่นตระหนก กลัวจริง “หมายความว่ายังไงคะ”
เพชรมองนักปราชญ์ ถามเสียงเข้ม “แม่ฉันอยู่ไหน”
“พี่คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยจ๊ะน้องน้ำหนึ่ง ว่าหมายความว่าอะไร?” นักปราชญ์เย้ยหยันอีก “ยังไง ผู้ชายคนนี้ก็เห็นน้องน้ำหนึ่งเป็นแค่ของแลกเปลี่ยนอยู่ดี” จังหวะนี้นักปราชญ์หันมาทางเพชรบอกเสียงเข้ม “ส่งน้ำหนึ่งมา”
“พาแม่ฉันมาก่อน”
“แม่แกมีที่ไหน” นักปราชญ์เล่นแง่
เพชรงง นักปราชญ์หัวเราะร่า
“โปรแกรมเลียนเสียงทุกวันนี้มีเยอะแยะไป แกนี่มันโง่จริงๆ”
“ไอ้!” เพชรโกรธจัด
นักปราชญ์ยกปืนขึ้น “ส่งน้ำหนึ่งมา ไม่งั้นแกตาย”
“ไม่”
น้ำหนึ่งพยายามสะบัดจากเพชร “ปล่อย! น้ำหนึ่งไม่ใช่ตัวประกันของใคร ปล่อย”
เพชรกระชากน้ำหนึ่ง เสียงดุดัน “ หยุด”
“ไอ้เพชร” นักปราชญ์เล็งปืนมาที่เพชร
เพชรดึงตัวน้ำหนึ่งมาบังตัวเองที่ด้านหน้า “แกกล้า ก็ยิงสิ”
น้ำหนึ่งเสียใจมาก คาดไม่ถึง “พี่เพชร”
“ไอ้เพชร”
เพชรเย้ย “แน่จริง! ก็ยิงสิ!”
น้ำหนึ่งร้องไห้ “พี่เพชร ปล่อยน้ำหนึ่งนะปล่อย”
เพชรตะคอก “หยุด” แล้วหันไปบอกกับนักปราชญ์ “แกกล้าก็ยิงเลย ถ้าไม่...แกกับฉันได้เจอกันอีกแน่ ไอ้เลว”
เพชรพาน้ำหนึ่งออกไป นักปราชญ์ไม่กล้าทำอะไร เพราะเพชรเอาน้ำหนึ่งเป็นตัวประกัน
น้ำหนึ่งถูกผลักเข้ามาในบ้านล้มลงจนร้องไห้
“ทำไมพี่เพชรทำน้ำหนึ่งอย่างนี้”
“พ่อเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง” เพชรตะคอกเสียงดุดัน “เธอต้องอยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะหาแม่เจอ”
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ” น้ำหนึ่งย้อน
เพชรเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เชยคาง “ก็สาแก่ใจเธอแล้วไง เธออยากอยู่กับฉัน” เพชรมองอย่างเหยียดหยาม
น้ำหนึ่งตบหน้าเพชรอย่างแรง เพชรหันมาตะคอกโกรธ
“น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งร้องไห้ ด้วยความเสียใจ “นับวัน..พี่เพชรยิ่งใจร้าย ไม่มีเหตุผล”
“ไม่มีเหตุผล” เพชรกระชากเข้ามาโกรธ “แล้วแม่ฉันทั้งคน พี่ฉันล่ะ”
“งั้นพี่เพชรก็ไปเห็นกับตาสิ..พี่พลอยไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่พลอยเดินได้ ได้ยินมั้ย..พี่พลอยเดินได้”
น้ำหนึ่งตะโกนใส่หน้าเพชร เพชรกระชาก
“อย่าใส่ร้ายพี่พลอย”
“ถ้าพี่เพชรคิดว่าน้ำหนึ่งใส่ร้าย พี่เพชรก็ไปดูพี่พลอยให้เห็นกับตาสิ ไปเลย”
“ได้...ฉันจะไปดูพี่พลอยให้เห็นกับตา ถ้าเธอใส่ร้ายพี่พลอย เธอเจอดีแน่น้ำหนึ่ง”
สองคนมองหน้าท้าทายกัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร
ขณะเดียวกันพลอยเดินออกมาจากบ้านเชิงเขาท่ามกลางความมืดมิด พุ่งตรงไปที่รถ ร่างตะคุ่มของพลอยในเงามืดช่างแลดูน่ากลัว
บรรยากาศทั่วทั้งในโรงพยาบาล คืนนี้ดูเงียบเหงา วังเวง และดูน่ากลัว ภายในห้องพักฟื้นของดาราณีก็เช่นกัน นาฬิกาที่ติดผนังบอกเวลาตีสาม เสียงดังติ๊กต็อกๆ
ท่ามกลางความมืดสลัว แลเห็นว่าดาราณีนอนหลับแต่หลับไม่สนิท เปลือกตาขยับอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องคิดค้างในใจ จังหวะหนึ่งนวลที่นอนเฝ้าดาราณีอยู่มุมห้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา บ่นอุบ
“มาปวดท้องอะไรตอนนี้”
นวลลุกขึ้น มองไปที่นาฬิกา เห็นเป็นเวลาตีสาม นวลหน้าแหย
“ตีสาม..ผีออก อย่าคิดมากนวล...ไม่มีอะไรหรอก”
นวลลุกเดินไปเปิดประตูออกนอกห้องไป ก่อนจะปิดเบาๆ
พลอยมาถึงแล้วยืนหลบมุมอยู่หน้าห้องดาราณี พลอยมองจนร่างของนวลลับหายออกไป
ลูกบิดประตูห้องของดาราณีค่อยๆ ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างของพลอยที่เคลื่อนตัวไปยังเตียงนอนอย่าง
ช้าๆ ยืนจ้องมองดาราณี
ราวกับรู้สึกตัวว่ามีคนจ้อง ดาราณีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา และเห็นพลอยยืนค้ำหัวอยู่ ดาราณีปากคอสั่น ตกใจแทบช็อก เสียงก็แทบไม่มี
“พลอย”
พลอยบอกเสียงเย็นยะเยือก “ไปอยู่ด้วยกันคุณหญิง”
“ไม่..พลอย ฉันไม่ไป...ฉันไม่ไป” ดาราณีเอาผ้าห่มคลุมปิดหน้า “อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว...เราจะไปอยู่ด้วยกัน...” พลอยแตะมือดาราณีผ่านผ้าห่ม
ดาราณีสะดุ้งโหยงกรี๊ดสุดเสียง “ฉันไม่ไป....”
พลอยสะดุ้งเสียงดาราณีดังโหยหวน
จังหวะนี้ที่ด้านนอกตามทางเดินในโรงพยาบาล นวลวิ่งมาเพราะได้ยินเสียงดังมาจากทางห้องดาราณี
“คุณหญิง”
พลอยรีบเปิดประตูเร้นกายหายไปอย่างรวดเร็ว ลับร่างของพลอย นวลวิ่งมาถึงเปิดประตูและเปิดสวิทช์ไฟ
ร่างของดาราณีภายใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านจนน่าตกใจ นวลตรงเข้ามาจับตัวดาราณีเรียกสติ
“คุณหญิงๆ”
ดาราณีเนื้อตัวสั่น นวลเรียกสติอีก
“คุณหญิงคะ...นวลเองค่ะ”
ดาราณีค่อยๆ ลดผ้าห่มออกเห็นเป็นนวลก็ผวาตัวกอดนวลเนื้อตัวสั่น
“นวล..ฉันกลัว นวล!”
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่มีอะไร”
“มีสิ...มี..ตะกี้พลอยมา..พลอยมาหาฉันอีก!”
นวลมองมาด้วยความสงสาร และเห็นใจ “ไม่มีค่ะคุณหญิง...ไม่มีจริงๆ”
ดาราณีมองหน้านวลตาขวาง “นวลว่าฉันบ้าเหรอ? ฉันไม่ได้บ้านะ ไม่ได้บ้านะ”
นวลกอดดาราณีเอาไว้พร้อมพูดปลอบประโลม “ค่ะๆๆ คุณหญิงไม่ได้บ้า”
ดาราณีร้องไห้พร่ำรำพันออกมา “ฉันไม่ได้บ้า ๆๆๆ”
พลอยที่อยู่หน้าห้อง ยืนฟังอย่างสงบ แต่ดวงตาไหวระริก มีชีวิตชีวา
“ใครที่มันว่าฉันบ้า มันจะต้องบ้าเหมือนฉันทุกคน”
พลอยยิ้มชื่น แต่น้ำตากลับไหลรินออกมาอาบสองแก้ม
อนิจจา...มันเป็นน้ำตาแห่งความทุกข์ระทมโดยแท้
มารกามเทพ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ขณะที่น้ำหนึ่งถูกขังอยู่ในห้อง มองเห็นเพชรขับรถแล่นห่างออกไป น้ำหนึ่งถอนหายใจเฮือก หันกลับมามองทั่วห้อง เห็นหม้อหุงข้าว ปลากระป๋อง ไข่เค็ม อาหารแห้ง สารพัด
“นี่กะจะขังลืมหรือยังไงเนี่ย เฮ้อ! น้ำหนึ่งจะรักคนบ้า ใจร้าย ไม่มีเหตุผล อย่างพี่เพชรไปทำไม?”
น้ำหนึ่งนั่งหน้างอ แต่ท้ายที่สุดแววตาของน้ำหนึ่งก็อ่อนลงเพราะรักเพชรล้นใจ
ฝ่ายเพชรขับรถด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะหักรถจอดพรืดเข้าข้างทาง ออกอาการฮึดฮัดรำคาญตัวเอง
“ร้ายก็ร้ายไม่จริง เพชรเอ๊ย!”
เพชรตัดสินใจเลี้ยวรถกลับเร็วที่สุดเพราะเป็นห่วงน้ำหนึ่ง
ฟากน้ำหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาเศร้าซึม กิริยาอาการขัดใจผสมน้อยใจ
“ทำไมๆๆๆๆๆทำไมเป็นคนแบบนี้น้ำหนึ่ง” มองตัวเองในกระจก ด่าว่าตัวเอง “รู้มั้ยเพราะรักคำเดียว เธอกลายเป็นคนอกตัญญู เธอนี่จริงๆ เลยน้ำหนึ่ง” จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เปิดสายบัวราดรดตัวจนเปียกโชก “เลิกบ้าซะที เธอมันบ้าๆๆๆๆ
เพชรไขกุญแจเปิดประตูเข้ามา เสียงน้ำในห้องน้ำดัง แต่ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด เพชรหันขวับไปมอง ก็เห็นน้ำหนึ่งยืนอยู่ในสภาพเปียกโชก น้ำหนึ่งยิ้มทันทีที่เห็นเพชร ลืมหมดทุกสิ่งอย่าง
“พี่เพชร”
“ยิ้มทำไม”
“ก็พี่เพชรไม่ได้ทิ้งน้ำหนึ่ง พี่เพชรกลับมา”
“ที่กลับมาไม่ได้ห่วง...แต่กลับมาเพราะ มีธุระ”
น้ำหนึ่งมองเพชรทั้งน้อยใจ เสียใจ ที่ตัวเองเป็นบ้า ฟุ้งซ่านขนาดหนัก แต่เพชรไม่สนใจ เพชรมองดูเนื้อตัวเปียกปอนของน้ำหนึ่ง สีหน้าฉงน เพชรถามเสียงดุอย่างมีฟอร์ม
“แล้วนั่นทำอะไรน่ะ”
น้ำหนึ่งเงียบ ไม่กล้าบอกความฟุ้งซ่านความในใจของตัวเอง เพชรโกรธ ที่ถามแต่น้ำหนึ่งไม่ตอบ
“แล้วถามทำไมไม่ตอบ เป็นบ้าไปแล้วเหรอถึงได้ทำแบบนี้น่ะ”
น้ำหนึ่งน้ำตาคลอ “ใช่..น้ำหนึ่งมันบ้า บ้าตั้งแต่ไปหลงรักคนอย่างพี่เพชร”
“ทำไม? คนอย่างพี่มันต่ำต้อย จนรักไม่ได้เหรอ” เพชรบันดาลโทสะ พุ่งตรงเข้ามากระชากตัวถาม “หรือต้องสูงส่ง ร่ำรวยไฮโซ เหมือนไอ้นักปราชญ์ เธอถึงจะรักมันได้”
น้ำหนึ่งงง “พี่เพชรพูดอะไร”
“อย่างที่พูด...ถ้าพี่มันต่ำต้อยไม่คู่ควร ก็กลับไปสิ กลับไปหาไอ้นักปราชญ์มันเลยไม่ต้องรอพิสูจน์ความจริง” เพชรเหวี่ยงน้ำหนึ่งอย่างแรงให้ออกไป
“โอ๊ย” น้ำหนึ่งร้องลั่นหันขวับมามองอย่างน้อยใจ “น้ำหนึ่งจะทนไม่ไหวแล้วนะพี่เพชร”
“ไม่ไหวก็กลับไป อ้อ!หรือว่าที่ยัง ทน อยู่ เพราะอยากพิสูจน์เรื่องพี่พลอย”
เพชรคว้าตัวน้ำหนึ่งขึ้นมาใหม่ น้ำหนึ่งโกรธเหมือนกัน ตะโกนออกไปอย่างท้าทาย
“ใช่! เพราะพี่พลอย”
น้ำหนึ่งสะบัดตัวจะหนี แต่ร่างกลับอ่อนยวบล้มลง มือคว้าร่างของเพชรเอาไว้โดยอัตโนมัติ สองคนล้มลงไปด้วยกัน สองสายตาประสานกัน น้ำหนึ่งบอกเพชร
“แล้วถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่น้ำหนึ่งพูด พี่เพชรจะได้รู้ ว่าน้ำหนึ่งทนอยู่กับพี่เพชรเพราะรัก”
เพชรอึ้ง มองน้ำหนึ่งด้วยความสงสาร น้ำหนึ่งน้ำตาไหลพราก ตะโกนใส่หน้าเพชร
“ได้ยินมั้ย น้ำหนึ่งทนอยู่เพราะรัก เพราะห่วงพี่เพชร”
เพชรใจอ่อนยวบ มองเห็นแต่สายตาแห่งความรักของน้ำหนึ่ง เพชรโน้มหน้าลงจะจูบปลอบประโลม แต่แล้วกลับตัดใจ ถอนตัวออกพร้อมบอก
“งั้นก็ไปพิสูจน์ด้วยกัน แล้วถ้าเธอโกหกเรื่องพี่พลอย เธอจะรู้ ว่าพี่ก็โหดไม่แพ้พ่อเธอเหมือนกัน”
น้ำหนึ่งมองเพชร ตาละห้อย
“ไปเปลี่ยนเสื้อ จะได้รีบไป” น้ำหนึ่งนั่งจ้องหน้า ไม่ทำตาม เพชรฉุน “ไม่ไปอีกหรือ อยากให้พี่เปลี่ยนให้”
น้ำหนึ่งพูดย้อนอย่างท้าทาย “กล้ารึเปล่าล่ะ”
เพชรตกใจ “หา! อะไรนะ”
“พี่เพชร กล้าเปลี่ยนเสื้อให้น้ำหนึ่งรึเปล่าล่ะ ถ้ากล้า..ก็เปลี่ยนเลย”
เพชรหงุดหงิด “อย่าคิดนะว่าพี่ไม่กล้า”
“กล้าก็เปลี่ยนให้สิ” น้ำหนึ่งยื่นมือให้..เหมือนเด็กรอพ่อแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้
“น้ำหนึ่ง” เพชรโมโห รู้ว่าน้ำหนึ่งกวน “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่งั้น พี่จะให้เธอไปแบบเปียกๆ อย่างนี้นี่แหละ” จากนั้นเพชรก็ลุกขึ้นจะเดินออกไป
น้ำหนึ่งเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เพชร”
เพชรนิ่ง ไม่ได้เดินออกไป แต่หยุดยืนฟัง น้ำหนึ่งบอก
“น้ำหนึ่งไม่ได้ใจกล้าอะไรหรอกนะ...แต่นี่มันคือการพิสูจน์...และทุกครั้งที่น้ำหนึ่งพิสูจน์ พี่เพชรไม่เคยหักหาญฉวยโอกาสกับน้ำหนึ่งเลย เพราะพี่เพชรเป็นพี่เพชรอย่างนี้ ทำให้น้ำหนึ่งรักพี่เพชร...และน้ำหนึ่งก็เชื่อว่าพี่เพชรรักน้ำหนึ่ง”
เพชรบอกเสียงเรียบท่าทีนิ่งๆ “รีบเปลี่ยนเสื้อแล้วออกไป”
“พี่เพชร” น้ำหนึ่งครางเสียงอ่อนระโหย
“พี่บอกให้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป”
เพชรเดินออกไปก่อนปิดประตู ทิ้งให้น้ำหนึ่งนั่งอยู่ที่เดิม หน้าจ๋อย เพราะเพชรใจแข็งมาก
เพชรเดินออกมารอน้ำหนึ่งที่รถ เสียงของน้ำหนึ่งดังก้องในหู
“น้ำหนึ่งรักพี่เพชร และน้ำหนึ่งก็เชื่อว่า พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง”
เพชรหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ
“ใช่...พี่รักน้ำหนึ่ง”
ด้านพลอยขับรถมาจอดยังสะพานบนถนนสายหนึ่ง พลอยค่อยๆ เดินไปที่สะพาน มือจับที่ขาประคองเอาไว้ เพราะยังไม่หายดี พลอยทอดสายตามองลงไปยังผิวน้ำ ภาพเหตุการณ์ที่ดาราณีนอนอยู่บนเตียง เดินไม่ได้ ผุดขึ้นมาให้ห้วงคิด แล้วน้ำตาของพลอยก็ไหล สำนึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่น้อยนิด ก่อนย้ำกับตัวเอง
“เธอไม่ได้ทำอะไรพลอย เธอไม่ได้ทำอะไร”
ส่วนที่บ้านเชิงเขา เกรียงศักดิ์นั่งหมดอาลัยตายอยากในห้องเก็บของ จังหวะหนึ่งเกรียงศักดิ์มองลอดช่องว่างของประตูออกไปยังภายนอก เห็นแต่ความมืดมิด
เกรียงศักดิ์ ในใจ “เหมือนไม่มีคนอยู่... เธอจะทิ้งฉันให้ ตายอยู่ในนี้หรือพลอย”
เกรียงศักดิ์นั่งกุมขมับ รัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะหมดท่า
รุ่งเช้า รถของเพชรที่มีน้ำหนึ่งนั่งเคียงข้าง แล่นเข้ามาจอดด้านด้านใน ท่ามกลางแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่เริ่มจับที่ขอบฟ้า หากเพชรกับน้ำหนึ่งจะสังเกตสักนิด จะเห็นว่ารถยนต์ของพลอยที่เคยจอดทิ้งไว้ มันไม่มีตรงที่เคยอยู่
สักครู่หนึ่งเพชรเดินเข้ามาภายในบ้าน โดยมีน้ำหนึ่งเดินหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตามมา
“พี่พลอยครับ พี่พลอย”
ทว่าไม่มีวี่แววของพลอย เพชรหันมามองน้ำหนึ่ง แอบหวั่นใจ แต่สีหน้าน้ำหนึ่ง ทั้งดีใจ และโล่งใจ ไม่มีพลอยอย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้โกหก เพชรมองหน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่พอใจ เดินตรงไปยังห้องของพลอย น้ำหนึ่งเดินตามห้องนั้นปิดอยู่ เพชรเคาะประตูเรียก
“พี่พลอยครับ พี่พลอย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ เพชรหันมามองน้ำหนึ่ง
“พี่พลอยอาจจะหลับอยู่ก็ได้”
เพชรตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป กวาดตามอง แต่ไม่มีร่างของพลอยอยู่ในห้อง
สีหน้าของสองคนต่างกัน เพชรหน้าเสีย ใจเต้น น้ำหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย
“พี่พลอยคงอยู่ข้างนอก”
เพชรบอกเสียงห้วน ทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถเข็นของพลอยตั้งอยู่ สีหน้าเพชรเริ่มลังเล ขณะที่น้ำหนึ่งบอก
“พี่พลอยไม่ได้อยู่ที่นี่”
เพชรบอกเสียงห้วน “รู้แล้ว ตาไม่ได้บอด ก็บอกแล้วไง พี่พลอยอาจอยู่ข้างนอก”
“แล้วรถเข็นนี่ล่ะคะ”
เพชรหน้าเครียดพูดแก้เก้อ “ไม่ต้องมาจับผิดทุกเรื่อง”
“พี่เพชรอารมณ์เสียใส่น้ำหนึ่ง เพราะกลัวความจริงใช่มั้ยคะ”
“เรื่องแค่นี้พิสูจน์อะไรไม่ได้หรอกน้ำหนึ่ง เธอก็รู้ พี่พลอยกำลังหัดเดิน และพี่ก็มั่นใจว่า พี่พลอย...กำลังหัดเดินอยู่ด้านนอก”
พูดจบเพชรก็เดินดุ่มๆออกไป น้ำหนึ่งนิ่งคิด มองไปที่รถเข็น มั่นใจเหมือนกันว่าพลอยไม่ได้หัดเดิน แต่ต้องเดินไปไหน น้ำหนึ่งจะเดินออกไป แต่กลับหยุดเหมือนนึกอะไรออก น้ำหนึ่งวิ่งออกไปทันที
น้ำหนึ่งวิ่งมายังที่จอดรถ เห็นแต่รถของเพชรเพียงคันเดียว
“รถพี่พลอยไม่อยู่จริงๆ ด้วย”
น้ำหนึ่งวิ่งย้อนกลับไปตามเพชรรวดเร็ว
เพชรอยู่ที่ด้านนอกบ้าน ตรงบริเวณที่พลอยเคยมาทำกายภาพบำบัด เพชรเดินมาพร้อมตะโกนเรียก
“พี่พลอยครับพี่พลอย”
เพชรหยุดยืน สีหน้าไม่ค่อยดี เมื่อไม่เห็นพลอยอยู่บริเวณนั้น เสียงของน้ำหนึ่งดังก้อง
“พี่พลอยเดินได้...ที่ผ่านมา พี่พลอยหลอกทุกคน”
“ไม่จริง!!”
เพชรไม่ยอมรับ สอดส่ายสายตามองหาพลอย ใจเต้นไม่เป็นส่ำ กวาดตามองหาพลอยซ้ำๆ แต่ก็ไม่เห็น น้ำหนึ่งวิ่งตามมาร้องเรียก ละล่ำละลัก
“พี่เพชรคะพี่เพชร รถ...รถของพี่พลอยไม่อยู่...พี่พลอยต้องเอารถไปแน่ๆ”
เพชรหวั่นไหว แต่ยังคงเถียง “พี่พลอยจะเอารถไปได้ยังไง”
“ได้สิคะ ก็น้ำหนึ่งบอกแล้วไง พี่พลอยเดินได้แล้ว ที่ผ่านมา พี่พลอยแกล้งปั่นหัวพวกเราเฉยๆ”
สีหน้าเพชรเริ่มลังเล หน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนึ่งย้ำอีก
“พี่พลอยไม่อยู่ มีแต่รถเข็น รถก็หายไปอีก พี่เพชรจะให้คิดยังไง”
เพชรยังแถ และเถียงแบบแก้ตัวให้ “พี่พลอย..พี่พลอยอาจจะ...มีคนมาทำร้ายพี่พลอย”
“พี่เพชรห่วงพี่พลอย หรือกำลังหลอกตัวเองอยู่คะ....” น้ำหนึ่งมองจ้องหน้าเพชร “ทุกอย่างในบ้านปกติ มีแต่พี่พลอยที่หาย รถก็ไม่มี”
จังหวะนี้เสียงพลอยดังแทรกเข้ามา
“พี่ให้คนมาเอาไปเช็ก จอดไว้เฉยๆ กลัวมันเสีย”
เพชรกับน้ำหนึ่งหันขวับไปมอง เห็นพลอยเดินพยุงไม้เท้าเข้ามา ท่าทางเหนื่อยล้า เหมือนคนไม่มีแรงเดิน
“พี่พลอย” น้ำหนึ่งประหลาดใจ
พลอยแกล้งพูดแสนดี เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง “ขอโทษ..ที่ทำให้มีเรื่องกัน พอดี วันนี้พี่เดินไกลไปหน่อย”
พูดเท่านั้นพลอยก็ทรุดล้มลงไป เพชรร้องด้วยความตกใจ
“พี่พลอย” พร้อมกับตรงเข้าไปประคองพลอยรวดเร็ว “พี่พลอยเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ยครับพี่พลอย”
น้ำหนึ่งมองตะลึง ตกใจ มันอะไรกันแน่? ชักเขวขณะที่พลอยพูดเสียงอ่อย แทบจะหมดแรง
“พี่แค่เหนื่อย เวียนหัวนิดหน่อย พี่ต้องเดินให้ได้ พี่จะไปตามหาแม่”
พลอยกัดฟัน ลุกขึ้น แล้วก็แกล้งล้มลงไปอีก เพชรรีบคว้าตัวกอดประคองเอาไว้
“แต่ถ้าแม่รู้ พี่พลอยเป็นอย่างนี้ แม่จะยิ่งห่วง”
พลอยน้ำตาคลอ “ชีวิตพี่ไม่มีอะไรสำคัญ เท่าแม่อีกแล้วเพชร พี่ต้องเดินให้ได้...พี่จะไปตามหาแม่ แต่พอพี่หัดเดิน” พลอยเสียงอ้อมแอ้มราวกับว่าน้อยใจเหลือแสน “ก็มีคนว่า...”
“เห็นมั้ยน้ำหนึ่ง เธอทำอะไร”
น้ำหนึ่ง หน้าเสีย ลำบากใจมาก สภาพพลอยกับสิ่งที่เธอพูด เธอเห็น สวนทางกันโดยสิ้นเชิง พลอยบอกเพชรด้วยท่าทีเข้มแข็ง แกมเมตตาใจดีอยู่ในที
“ช่างเถอะเพชร..ไม่เป็นไร...ไม่ใช่แค่น้ำหนึ่งหรอก เป็นใคร ใครก็ต้องคิด คนพิการอย่างพี่ ห้ามทำอะไร ต้องอยู่เฉยๆ อย่างเดียว”
พลอยจะลุกขึ้นอีก แต่แกล้งเป็นลมหน้ามืด
“โอ๊ย!”
เพชรคว้าร่างของพลอยเอาไว้ ดวงหน้าพลอยซีดเผือด ก่อนจะหมดสติไป เพชรเขย่าร่าง เรียกสติ
“พี่พลอยครับ พี่พลอย” แต่พลอยยังคงแน่นิ่ง เพชรหันมาตะคอกน้ำหนึ่ง “เพราะเธอคนเดียวน้ำหนึ่ง”
เพชรอุ้มพลอยเข้าไปด้านในด้วยท่าทีเป็นห่วงมาก น้ำหนึ่งหน้าเสีย
เพชรอุ้มพลอยเข้าไปในห้อง วางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมเป็นห่วง น้ำหนึ่งวิ่งตามเข้าไป เพชรหันมาตวาด หมั่นไส้
“จะตามมาทำไม? โทร.เรียกหมอสิ”
“ค่ะๆๆ” น้ำหนึ่งจะวิ่งออกไป
พลอยพูดเสียงแหบโหย เหมือนคนไม่มีแรง “ไม่เป็นไร..พี่แค่หน้ามืดนิดหน่อย”
เพชรบอกด้วยเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวผมเอายามาให้ พี่พลอยรอแป๊บนะครับ”
เพชรเดินออกไป น้ำหนึ่งหันมามองพลอย แล้วก็แทบสะดุ้ง เมื่อเจอสายตาเย็นเฉียบของพลอยมองอยู่ พลอยไม่พูดอะไร เอาแต่จ้อง ๆ เยาะ ว่าเธอไม่รอดแน่ๆ น้ำหนึ่งหน้าแหย จะเดินออกไป
พลอยบอกนิ่งๆ “จะไปไหน ไม่อยู่ดูต่อล่ะ...จะได้รู้..เพชรรักและห่วงพี่แค่ไหน”
น้ำหนึ่งพูดเตือนสติเพื่อให้พลอยได้คิด ไม่ได้พูดแบบทะเลาะหรือหาเรื่อง
“น้ำหนึ่งรู้มาตลอดค่ะ แล้วน้ำหนึ่งก็รู้ด้วยว่า...ที่ผ่านมา พี่พลอยใช้ความรัก ความห่วงใยของพี่เพชร เรียกร้องความน่าสงสารให้ตัวเอง”
“น้ำหนึ่ง” พลอยโกรธจัด จ้องมองมาตาวาววับ
“น้ำหนึ่งเข้าใจพี่พลอยนะคะ แต่น้ำหนึ่งสงสารพี่เพชร อย่าทำอย่างนี้กับพี่เพชรเลยค่ะพี่พลอย”
พลอยมองไปเห็นเพชรเดินมาข้างหลังน้ำหนึ่งพร้อมยา จึงบีบน้ำตาทันที ย้อนถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ในสายตาน้ำหนึ่ง คนพิการ มันน่าสมเพชเวทนามากใช่มั้ยจ๊ะ พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้อยากพิการ เป็นภาระให้ใคร โดยเฉพาะภาระให้เพชร”
“พูดอะไรกับพี่พลอยน้ำหนึ่ง” เพชรโมโห
“อย่าดุน้ำหนึ่งเลยเพชร น้ำหนึ่งแค่พูดความจริง ถ้าไม่มีพี่...ป่านนี้เพชรกับน้ำหนึ่ง คงแต่งงานอยู่กันอย่างมีความสุขไปแล้ว” พลอยเริ่มสะอื้นไห้อย่างสมบทบาท “นี่เพราะพี่...เพราะพี่คนเดียวที่คอยเป็นภาระให้กับเพชร” จากนั้นพลอยก็ร่ำไห้อย่างน่าสงสาร
เพชรตรงเข้ามาหาพลอย “ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ...ผมไม่มีทางแต่งงานกับน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งหน้าเสีย พลอยน้อยใจผลักเพชรออก
“เพชรไม่ต้องพูดเอาใจพี่ พี่เข้าใจเพชร ถ้าเพชรรักน้ำหนึ่ง เพชรแต่งงานไปเลย” พลอยทอดเสียงอ่อนลง “ไม่ต้องห่วงพี่นะ”
“ผมบอกแล้วไงครับ” เพชรเน้นคำ “ว่าผมไม่มีทางแต่งงานกับน้ำหนึ่ง”
น้ำเสียงของน้ำหนึ่งเจือเสียงสะอื้นขณะบอก “น้ำหนึ่งทราบค่ะ”
“เพชรกำลังทำให้น้ำหนึ่งเกลียดพี่...ออกไปข้างนอก ปรับความเข้าใจกันเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่” พลอยบอก
“ผมจะอยู่กับพี่พลอย”
“พี่อยากอยู่คนเดียว ออกไปเถอะนะ อย่าให้พี่เป็นภาระให้เพชรอีกเลย”
“พี่ไม่เคยเป็นภาระให้ผม”
พลอยปรายตามองไปที่น้ำหนึ่งขณะพูด “ไม่...สายตาคนอื่นไม่ได้คิดอย่างนั้น พี่กำลังเป็นภาระให้กับเพชร ออกไปเพชร ออกไป พี่อยากอยู่คนเดียว”
พลอยผลักไสไล่เพชรให้ไป เพชรฉุนลากแขนน้ำหนึ่งออกไป
“มานี่เลยน้ำหนึ่ง”
พลอยมองตาม ไม่วางใจน้ำหนึ่งเอาซะเลย
เพชรลากตัวน้ำหนึ่งออกมา ก่อนจะเหวี่ยงไปอย่างแรง
“เห็นรึยังว่าเธอทำอะไรกับพี่พลอย”
น้ำหนึ่งยุ่งยากใจ “น้ำหนึ่งทำอะไรคะ? น้ำหนึ่งไม่ได้พูดอะไรซักคำ”
“เธอกำลังว่าพี่พลอยปั้นน้ำเป็นตัว”
“นั่นคือสิ่งที่พี่เพชรคิด แต่ไม่กล้ายอมรับมัน”
“น้ำหนึ่ง” เพชรกระชากตัวน้ำหนึ่งเข้ามา
น้ำหนึ่งมองจ้อง อยากให้เพชรฉุกคิดบ้าง “พี่เพชรรู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร แต่สิ่งที่ถ่วงพี่เพชรเอาไว้คือความเป็นพี่น้อง พี่เพชรไม่กล้าคิดว่าพี่พลอยจะโกหกหลอกลวง พี่เพชรไม่กล้าคิดว่าพี่พลอยจะแกล้งพิการ”
จังหวะนี้พลอยโผล่หน้าจากประตูมาแอบมอง ได้ยินที่น้ำหนึ่งพูดทุกอย่าง ดวงตาของพลอยเป็นประกายวาววับ ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด
“น้ำหนึ่ง” เพชรเองก็โกรธ
น้ำหนึ่งโกรธเหมือนกัน “ไม่ต้องเรียก รู้แล้วว่าชื่อน้ำหนึ่ง ความจำไม่ได้เสื่อม ได้...ถ้าพี่เพชรโกรธเกลียด คิดว่าน้ำหนึ่งสร้างเรื่อง น้ำหนึ่งก็จะไปจากที่นี่”
น้ำหนึ่งจะวิ่งไป แต่เพชรคว้าตัวเอาไว้
“พี่ไม่ให้ไป”
พลอยมองดูด้วยความเสียใจ เห็นสายตาที่เพชรมองน้ำหนึ่ง เป็นประกายแห่งความรัก หวง และห่วง รู้ดีว่าเพชรเองที่ไม่อยากให้น้ำหนึ่งไป น้ำหนึ่งดิ้น
“ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย” เพชรกอดแน่นเข้า “น้ำหนึ่งต้องอยู่ที่นี่...พิสูจน์ความจริงกับพี่”
พลอยน้ำตาคลอ เสียใจ เพชรเองก็อยากพิสูจน์ความจริง น้ำหนึ่งดิ้นไม่หยุด
“ไม่! ในเมื่อพี่เพชรปักใจเชื่อไปแล้ว ว่าน้ำหนึ่งโกหก น้ำหนึ่งจะอยู่ทำไม ปล่อยนะ ปล่อยน้ำหนึ่ง ปล่อยๆๆๆๆ”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
เพชรไม่ปล่อยให้น้ำหนึ่งร้องอีก คว้าตัวน้ำหนึ่งมากอดและประทับจูบลงไปบนริมฝีปาก น้ำหนึ่งดิ้นขลุกขลักไม่ยอม เพชรก็ไม่ปล่อย
พลอยมองภาพตรงหน้า ความเสียใจพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตระหนักชัดว่า ไม่ว่าจะทำยังไงก็ห้ามเพชรไม่ให้รักน้ำหนึ่งไม่ได้ พลอยค่อยผละกลับเข้าไปด้านในอย่างเงียบหงอย
พลอยเดินเข้าไปในห้องปิดประตูกดล็อค ก่อนจะเดินตรงไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงร้องไห้ออกมา รู้สึกอ้างว้าง เดียวดาย เหลือแสน ความเครียดก่อตัวขึ้นภายในใจพลอยอย่างรุนแรง เนื้อตัวพลอยเกร็งสั่นไปทั้งร่าง
“ไม่...เพชรไม่ได้เชื่อน้ำหนึ่ง” พลอยพูดรัวเร็วเสียงสั่น “เพชรเชื่อเรา เพชรเชื่อเรา”
พลอยเครียดถึงที่สุด ชักกระตุกแล้วเกร็งร่างกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน
“ไม่ ม่าย.....”
เพชรได้ยินเสียงพลอยก็ตกใจมาก
“พี่พลอย!”
เพชรผละจากน้ำหนึ่งวิ่งเข้าไปด้านใน
น้ำหนึ่งยืนอึ้ง น้อยใจ และเสียใจ คิดไปเองว่าทุกลมหายใจเข้าออกของเพชรมีแต่พลอย ส่วนตัวเองดูเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย
มารกามเทพ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เพชรวิ่งตรงไปยังห้องของพลอย เคาะประตูเรียกเสียงดัง
“พี่พลอย พี่พลอยครับพี่พลอย”
พลอยไม่ได้ตอบ นาทีนั้นดูพลอยจะจมอยู่ในห้วงทุกข์ จนแทบไม่ได้ยินเสียงใคร พลอยร้องไห้ออกมาโฮๆ
“เพชรรักเรา เพชรต้องเชื่อเรา ไม่มีวันที่เพชรจะเห็นเราเป็นคนไม่ดี”
เพชรที่อยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดนั้น เพชรรู้ถึงความเครียด ความเสียใจของพลอย เพชรนิ่งงันไป ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
ส่วนน้ำหนึ่งเดินร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“เธอไม่มีค่าอะไร รู้ตัวบ้างมั้ยน้ำหนึ่ง?” ลูกสาวรัฐมนตรีผู้หนีตามผู้ชายมาด่าตัวเองในใจ
น้ำหนึ่งร้องไห้อย่างอัดอั้น
เวลาเดียวกันนั้นเกรียงศักดิ์อยู่ในห้องเก็บของ นั่งหมดอาลัยตายอยาก ร้องตะโกนจนเหนื่อย พลอยก็ไม่ปล่อย สองพ่อลูกดื่มกินความทุกข์ อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน แต่ไม่มีใครรู้
ที่คฤหาสน์เกรียงศักดิ์ นวลเข็นรถเข็นพาดาราณีเข้ามาด้านใน ดาราณีกวาดมองภาพที่อยู่ตรงหน้า พูดเสียงแผ่วแบบคนปลงตกแต่น้ำตาคลอ
“ไม่ได้อยู่บ้านหลายวัน....ทุกอย่างยังเหมือนเดิม...มีแต่ฉันคนเดียวที่เปลี่ยนไป”
นวลหน้าสลด ดาราณีกวาดตามองรอบๆ บริเวณบ้าน พูดเสียงแผ่วเบา
“ต่อไป...ฉันคงเดินดูต้นไม้ที่ฉันรักไม่ได้...ก็คงได้แต่นั่งรถเข็น...มอง”
นวลทรุดตัวลงนั่งกุมมือดาราณี “ได้สิคะ...คุณหญิงต้องเดินได้”
“ฉันก็หวังอย่างนั้น...แต่แล้วเมื่อไหร่”
น้ำเสียงของดาราณีฟังดูหดหู่ สิ้นหวังในชีวิต นวลเองก็อึ้ง ตอบไม่ได้ ดาราณีพูดต่อ
“ฉันเคยสมเพชเวทนาพลอยที่ต้องนั่งรถเข็น. มาวันนี้ฉันต้องเป็นฝ่ายมานั่งซะเอง”
“นวลไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผ่านมา คุณหญิงไม่ได้ทำร้ายใคร คุณหญิงเองซะอีก ถูกท่าน ถูกพลอยทำร้าย”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉันทำผิดอะไร ทำไมฉันถึงต้องรับกรรมอย่างนี้?”
ดาราณีน้ำตาไหลรินออกมา สงสารชะตาชีวิตตัวเอง
ฝ่ายหมอณัฐกลับเข้ามาบ้านพัก แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อพบว่าอลิสนั่งรออยู่ พร้อมกระเป๋า
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็มาเมื่อเห็น”
หมอณัฐส่ายหน้าระอาเหลือ “ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ อลิสถึงได้มาที่นี่”
“นี่...พี่หมอไม่รู้เรื่องอะไร...ไม่เสียใจอะไรเลยเหรอคะ”
“เสียใจที่อลิสหนีกลับกรุงเทพฯ น่ะเหรอ” หนุ่มหนุ่มยิ้มขำ “ตรรกะอลิส เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว” หมอณัฐเปิดประตูจะเดินเข้าห้อง
อลิสเดินตามบอก “อลิสไม่ได้หมายถึงตัวเอง”
“แล้วหมายถึงใคร”
“คุณพลอยไง” หมอณัฐมองงงๆ อลิสบอกต่อ “คุณพลอยเค้าเสียแล้วนี่คะ”
“อะไรนะ”
“โอ๊ย...พูดตรงๆ ก็ได้ ยัยพลอยบ้า ตายแล้วค่ะ!”
“คุณพลอย”
หมอณัฐตกใจแทบสิ้นสติ เป็นไปได้ยังไง
รุ่งเช้าสองคนพุ่งมาที่บ้านเชิงเขา พลอยบอกหมอณัฐและอลิสด้วยรอยยิ้ม
“ฉันสบายดี”
“อ้าว” อลิสหน้าเหวอ
พลอยมองอลิสแล้วยิ้มไม่ถือสา “อ้าวอะไรคะ รู้สึกว่าคุณอลิสจะแช่งฉันทุกสิ่งอย่าง ฉันอาจจะเป็นคนพิการ...แต่ฉันสบายดีค่ะ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ไม่ตาย”
อลิสงง พลอยคว้ามืออลิสมา
“จับตัวฉันได้นะคะ จะได้รู้ว่าฉันมีเลือดมีเนื้อ ที่คุณเห็นไม่ใช่วิญญาณ”
พลอยดึงมืออลิสจะให้จับตัวเอง แต่อลิสสะบัดมือออก
“ไม่เอา”
“รังเกียจ” พลอยเย้า
หมอณัฐรีบบอก “ไม่มีใครรังเกียจคุณพลอยเลยนะครับ รู้สึกเสียใจ เกรงใจต่างหาก ที่มาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้...หมอต้องขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พลอยถือว่า คำแช่งเป็นการต่ออายุให้พลอย” พลอยหันไปมองอลิส “จะแช่งอะไรฉันอีกมั้ยคะคุณอลิส?”
อลิสยังไม่ทันตอบ หมอณัฐก็คว้ามือเอาไว้แน่น บอกเสียงดุ
“ขอโทษคุณพลอยเร็วอลิส”
อลิสมองอย่างหมั่นไส้พลอย “ขอโทษทำไมคะ อลิสมาพร้อมเรื่องราวดีๆ”
หมอณัฐหงุดหงิด “เรื่องราวดีๆ อะไรของน้อง?”
“เอ๊า! ก็คุณพลอยบอกเองนี่คะ คำแช่งคือการต่ออายุ” อลิสมองจ้องหน้าพลอย พูดเน้นทุกคำ “งั้นฉันก็ขอให้ตายวันตายคืนนะคะคุณพลอยประดับ”
พลอยโกรธจนเนื้อตัวสั่น หมอณัฐก็โกรธอลิสเหมือนกัน
“อลิส”
อลิสเหยียดยิ้มยียวนกวนใส่ “อ๋อ!ไม่ใช่พลอยประดับ ต้องเป็นพลอยบ้า ...งั้น..ตายวันตายคืน ตายเร็วๆ นะจ๊ะยัยพลอยบ้า”
พลอยกรี๊ดออกมา โมโหมาก ทำท่าจะขย้ำอลิส แต่แกล้งลุกจากรถเข็นไม่ได้
หมอณัฐลากมืออลิสเต็มแรง “กลับเดี๋ยวนี้อลิสกลับ หมอขอโทษนะครับคุณพลอย ขอโทษจริงๆ”
หมอณัฐลากแขนอลิสออกไป แต่อลิสยังหันมาล้อเลียน
“ตายวันตายคืนนะจ้ะยัยพลอยบ้า”
พลอยโกรธสุดขีด ทำท่าจะลุกไปขย้ำ แต่หางตาเห็นเพชรเดินสวนเข้ามาเสียก่อน พลอยนั่งรถอย่างเดิม แต่มือไม้สั่น โกรธสุดขีด เพชรมองอลิส ไม่ไว้ใจ กลัวว่าจะมาทำอะไรน้ำหนึ่ง เพราะรู้ว่าสองคนเป็นอริกัน ก่อนจะเดินมาหาพลอย
“เค้ามาทำไมกันครับ”
“มาดู...ว่าพี่ตายรึยัง” พลอยบอก
เพชรฟีงแล้วตกใจ
พลอยแกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจที่ถูกรังแก ถูกแกล้ง
“พี่ไม่เข้าใจจริงๆ เพชร พี่ก็อยู่ของพี่เฉยๆ ทำไมถึงมีคนแช่งชักหักกระดูกพี่อย่างนี้”
“พวกปากเสีย”
“เค้าไม่ได้ปากเสียหรอก แต่เค้าคงเห็น...คนพิการอย่างพี่ ไม่มีประโยชน์ อยู่ไปก็รกโลก วันๆถึงได้มีคนแช่งให้พี่ตาย ไม่ก็ว่า...พี่แกล้งพิการ”
น้ำหนึ่งเดินออกมาได้ยินพอดี มองพลอยด้วยสายตาสงสาร รู้ว่าพลอยป่วย
เพชรกุมมือพลอยเอาไว้ ขณะที่พลอยร้องไห้พร่ำรำพันต่อ
“คงเป็นเพราะเวรกรรม บาปกรรมที่พี่ทำกับแม่ไว้แน่ๆ เลยเพชร พี่ทำให้แม่ทุกข์ใจ...เสียใจ”
เพชรกอดพลอยปลอบ “สาเหตุไม่ได้มาจากพี่พลอย”
“เป็นเพราะพี่...ที่แม่เข้ากรุงเทพฯ ก็เป็นเพราะพี่...แม่ต้องการไปทวงความยุติธรรมในสิ่งที่ท่านเกรียงศักดิ์ คุณหญิงดาราณีทำกับพี่”
สีหน้าของน้ำหนึ่งสลดลงไปอีกเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพชรถอนหายใจหนักหน่วง
“อย่าโทษตัวเองพี่พลอย มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น พี่พลอยต้องเข้มแข็ง เราจะได้ไปตามหาแม่ด้วยกัน”
“จ้ะเพชร...พี่จะเข้มแข็ง...เราจะไปตามหาแม่ด้วยกัน....เราสามคน จะได้อยู่รวมตัวกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนเดิม”
สองคนกอดกัน น้ำหนึ่งแอบมอง สายตาที่มองพลอยมีทั้งความสงสารและสลดใจ ขณะที่พลอยพึมพำ
“แต่พี่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
บ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ธรรมดา ทับทิมนอนอยู่ด้านในบ้านหลังนั้น ตามเนื้อตามตัวมีร่องรอยเขียวช้ำ ถลอกปอกเปิก ทับทิมค่อยๆ ฟื้นรู้สึกตัว ป้าเจ้าของบ้านเดินเข้ามาหาถามอย่างดีใจ และโล่งอก
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคุณ นี่ถ้ายังไม่ฟื้น ฉันคงต้องส่งคุณไปโรงพยาบาล”
“ที่ไหน” ทับทิมถาม ท่าทียังมึนงง
“บ้านฉันเอง”
ทับทิมงงอยู่ “แล้วฉันมาอยู่บ้านป้าได้ยังไง”
“วันนั้นคุณเกือบถูกรถชน” ป้าบอกพร้อมกับเล่าเรื่องให้ฟัง
คืนนั้นลุงขับสิบล้อมา ป้าที่นั่งข้างๆ เห็นทับทิมวิ่งเข้ามาหาสิบล้อ โดยมีกลุ่มนักปราชญ์ไล่ล่า ป้าร้องกรี๊ด
“ระวัง คน!”
ลุงรีบเบรกรถอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับร่างของทับทิมที่นอนแน่นิ่งสลบไป สองคนรีบลงไปดู เห็นทับทิมนอนคว่ำหน้าอยู่ ลุงถอนหายใจโล่งอก
“ตกใจ..นึกว่าเหยียบซะแล้ว เป็นไงบ้างล่ะ”
สองคนรีบตรวจดูตามเนื้อตามตัวของทับทิม ป้าถอนหายใจ
“ไม่ได้เป็นอะไร แต่สงสัย จะตกใจจนเป็นลม...รีบพากลับบ้านเร็ว”
สองสามีภรรยารีบประคองทับทิมขึ้นรถไป
ป้าเล่าจบมองดูทับทิม พูดเสียงอ่อย ลุงเดินมาสมทบ
“ขอโทษนะที่ไม่ได้พาส่งโรงพยาบาล ฉันกลัวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่..อีกอย่าง ฉันเห็นว่าคุณแค่เป็นลม”
“แต่เห็นคุณไม่ฟื้นมาหลายวัน ก็ใจคอไม่ดี ยังคิดอยู่ถ้าวันนี้คุณไม่ฟื้น คงต้อพาส่งโรงพยาบาล” ลุงทำท่าหนักใจ “ถึงตอนนั้น...ถ้าเป็นคดี ก็ค่อยว่ากันล่ะ”
“ลุงกับป้าไม่ผิดหรอก...”
ป้าทำท่าโล่งอก “ขอบใจมากคุณ...ที่เข้าใจ”
ทับทิมดวงตากร้าว พูดเสียงแข็งกระด้าง “ทีแรกฉันก็เข้าใจ ว่าฉันตายไปแล้ว แต่ไม่ยักกะตาย ขอบคุณมากที่ช่วย”
“ไม่เป็นไร แล้วเรื่องอะไร ถึงได้วิ่งทะเล่อทะล่ามากลางถนนขนาดนั้นล่ะ” ลุงถาม
“พวกเดนทรชนมันจะฆ่าฉัน” ทับทิมบอก
ป้าด่า “คนเลว”
“ลุงกับป้าไม่ต้องห่วง ยังไง ฉันเอาคืนมันแน่นอน”
ดวงตาของทับทิมมีแต่ความอาฆาตแค้น
ขณะเดียวกันภายในห้องโถงของคฤหาสน์อารีย์ สมบัติอ่านหนังสือพิมพ์ ด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“เวรกรรมอะไร คุณหญิงดาราณีถึงได้เป็นขนาดนั้น”
“ฉันไม่ยักกะคิดว่าคนอย่างคุณ จะคิดถึงเรื่องเวรกรรม” อารีย์ว่า
“ถึงผมจะไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็น แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายใครเหมือนคุณ ทับทิมเป็นยังไงบ้าง”
อารีย์บอกหน้าตาเฉย “มันตายไปแล้ว”
“คุณอารีย์”
“ทำไม คุณจะทำไมฉัน? ที่พ่อแม่ฉันเอาคุณมาชุบเลี้ยง จนได้ดิบได้ดีเป็นถึงเจ้าพ่อ ยังไม่สำนึกบุญคุณอีกเหรอ”
“บุญคุณทุกอย่าง ถ้ามีการลำเลิก ถือว่าเป็นอันจบสิ้น”
“คุณสมบัติ!”
“ผมทนมามากพอแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะไม่ทนอีก” สมบัติลุกเดินออกไป
“คุณสมบัติ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ คุณสมบัติ”
สมบัติไม่สนอารีย์ นักปราชญ์เดินสวนเข้ามา
“มีเรื่องอะไรครับคุณแม่”
“คุณพ่อเห็นนังทับทิมมันดีกว่าแม่”
“เดี๋ยวผมจัดการเอง”
นักปราชญ์เดินตามพ่อออกไป
สมบัติจะออกจากบ้านแล้ว นักปราชญ์ตามมา
“ถึงพ่อจะเห็นนังทับทิมมันดีกว่าแม่ แต่ผมหวังว่าคุณพ่อคงไม่เห็นไอ้เพชรมันดีกว่าผมนะครับ”
“แม่แกไม่ไม่เห็นหัวพ่อ พ่อไม่ว่า...แต่ถ้าแกไม่เห็นหัวพ่อ...” สมบัติยิ้มเยาะ “พ่อว่า...แกควรพิจารณาตัวเอง ไม่ต้องห่วง..ถึงแกจะไม่นับถือพ่อ...พ่อก็มีหัวใจของพ่อ พ่อไม่ทำร้ายแกหรอก”
สมบัติเดินออกไป สายตานักปราชญ์มองพ่ออย่างไม่ไว้ใจ ไม่สำนึกอยู่ดี
ส่วนที่บ้านพักของหมอณัฐ หมอหนุ่มกำลังต่อว่าอลิสอีก
“ทำไมถึงได้สร้างเรื่องสร้างราวไม่มีหยุด อลิส...ทั้งว่าคุณพลอยบ้า ทั้งแช่งให้คุณพลอยตาย”
“ก็อลิสได้ยินมากับหู อลิสได้ยินกับหูเลยนะ ว่าเค้าตาย”
“อคติ ปิดหูปิดตาคนจริงๆ”
“พี่หมอ!”
“พี่จะไม่ตำหนิอะไรน้องอีกแล้วนะ แต่ขอให้รู้ ยิ่งอลิสให้ร้ายคุณพลอยมากแค่ไหน พี่ยิ่งสงสารคุณพลอยแค่นั้น”
หมอณัฐเดินออกไปที่รถ ขับออกไปทำงาน อลิสแสนจะหงุดหงิดใจ
“ทำไงดีเนี่ยพี่หมอถึงจะลืมหูลืมตาจากยัยพลอยบ้าซักที”
อลิสจัดข้าวของอยู่พร้อมโทรศัพท์ เสียงมินโฮเพื่อนสาวจากปลายสายดังก้องออกมา
“ไม่เห็นจะยาก แกก็รวมหัวกับนังน้ำหนึ่ง แฉยัยพลอยบ้าสิ”
“ยัยน้ำหนึ่ง มันจะร่วมมือกับฉันเหรอ?”
“ก็ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ ยัยน้ำหนึ่งคงไม่อยากมีพี่สะใภ้เป็นคนบ้าหรอก”
อลิสนิ่งคิด
รุ่งเช้าฝ่ายอลิสค่อยๆ ย่องลอบเข้ามาในบ้านเชิงเขา เสียงมินโฮเพื่อนสาวดังก้องในหู
“อีกอย่าง แกก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่ายัยพลอยบ้าเกี่ยวอะไรกับท่านเกรียงศักดิ์ เพราะฉะนั้นอยากรู้แกต้องจัดไป บุกไปที่บ้านเชิงเขาเลย”
อลิสกวาดสายตามองหาน้ำหนึ่ง
“แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน นังน้ำหนึ่ง”
อลิสกวาดสายตามองหาน้ำหนึ่ง พอไม่เห็นใคร ก็ย่องเข้าไปอีก
ด้านเพชรเดินออกมาเผชิญหน้ากับน้ำหนึ่ง สองคนมองหน้ากัน เพชรจะเดินหนี
“พี่เพชรไม่กล้าอยู่เผชิญหน้ากับน้ำหนึ่ง กลัวอะไรคะ”
“อย่าหาเรื่อง”
“เวลาพี่เพชร ให้คำตอบไม่ได้ พี่เพชรต้องทำท่าอย่างนี้”
“อย่าทำเป็นรู้ดี”
“พี่เพชรเองก็รู้ดีทุกอย่าง...แต่ทำตัวไม่รู้” น้ำหนึ่งพูดแทงใจดำ
“น้ำหนึ่ง” เพชรฉุนกึก
“พี่เพชรคะ น้ำหนึ่งพยายามใจเย็น จนดูเป็นเหมือนผู้หญิงหน้าโง่ เพื่อพี่เพชร พี่เพชรจะใจเย็น ฟังน้ำหนึ่งบ้างไม่ได้เหรอคะ”
เพชรนิ่ง ดวงตาสับสน น้ำหนึ่งอ้อนอีก
“กรุณาฟังน้ำหนึ่งบ้างเถอะค่ะ...ถึงน้ำหนึ่งจะพูดจาซ้ำซาก น่าเบื่อ แต่ที่น้ำหนึ่งทำ เพราะพี่พลอย”
เพชรหันมามอง สายตาบอกว่าจะฟัง น้ำหนึ่งพูดต่อ
“พี่พลอย..ต้องรักษา...พี่พลอย ต้องเยียวยาจริงๆ ค่ะ”
“น้ำหนึ่งจะให้พี่เชื่อว่า พี่พลอยแกล้ง พี่พลอยบ้า”
พลอยที่มองอยู่ ดวงตาเบิกโพลงขึ้นมา มองน้ำหนึ่งตาขวาง ไม่พอใจมาก น้ำหนึ่งพูดต่อ
“หมอเท่านั้น จะให้คำตอบได้”
“หมอณัฐไง”
“น้ำหนึ่งไม่ได้ว่าหมอณัฐไม่ดี ไม่เก่ง...แต่หมอณัฐ”
เพชรสวนคำออกมาทันที “น้ำหนึ่งกำลังว่าหมอ...”
“อย่าหาเรื่องให้น้ำหนึ่ง แต่พี่เพชรคงเคยได้ยิน ความรักบังตาคนทุกคน หมอณัฐก็ไม่เว้นเหมือนกัน”
เพชรนิ่ง น้ำหนึ่งอ้อนวอน
“นะคะพี่เพชร ให้โอกาสน้ำหนึ่ง ให้โอกาสตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใครค่ะ เราสองคนจะทำเพื่อพี่พลอย พี่เพชร ต้องพิสูจน์ทุกอย่างด้วยตัวเอง”
ด้านเกรียงศักดิ์ มองรอบๆ ตัว เห็นทุกอย่างเหมือนเดิม บรรยากาศห้องทึมๆ เหมือนอยู่ในห้องขัง เกรียงศักดิ์เอามือกุมหัวตะโกนอย่างคนบ้าคลั่ง
“อ๊าก”
เพชร น้ำหนึ่ง และพลอยหันขวับตามเสียงที่ได้ยินแว่วๆ มาตามสายลม ไกลๆ พลอยหน้าซีด น้ำหนึ่งถามเพชร
“พี่เพชรได้ยินมั้ยคะ”
“เสียงใคร” เพชรฉงน
เสียงของเกรียงศักดิ์ร้องขึ้นมาอีก ฟังดูโหยหวน พลอยสะดุ้ง
“ดังแว่วๆ ไปดูกันค่ะพี่เพชร”
น้ำหนึ่งคว้ามือเพชร พากันตามเสียงไป พลอยหน้าซีดเผือด กลัวความลับแตก
พลอยหน้าตาเลิ่กลั่ก กลัวความลับเรื่องเกรียงศักดิ์จะแตก เพชรกับน้ำหนึ่งวิ่งมา พลอยรีบบีบน้ำตา เดินไปเผชิญหน้า
“น้ำหนึ่งมองพี่ในแง่ร้ายไม่พอ ยังพูดให้เพชรเข้าใจผิดพี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พลอยจงใจบีบคั้นอารมณ์ให้ตัวเองแลดูน่าสงสาร “ใช่...พี่เป็นคนบ้า เป็นคนบ้า พอใจมั้ยจ้ะน้ำหนึ่ง โอ๊ะ”
พูดจบพลอยก็แกล้งชักในทันที ไม่ใช่ชักธรรมดา แต่ชักแบบล้มลงไปชักกับพื้นเหมือนอาการป่วยกำเริบ
เพชรตกใจ “พี่พลอย” รีบถลาเข้าไปประคองช่วยพลอย
“พี่พลอย”
เพชรกับน้ำหนึ่งหันไปสนใจพลอยมากกว่าเสียงแว่วๆ ที่ได้ยิน
ด้านพลอยชักใหญ่ เพื่อเรียกร้องความสนใจ น้ำหนึ่งกวาดสายตามองหา สิ่งที่จะเอามาให้พลอยกัด ก่อนจะคว้ากิ่งไม้ที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมา ยัดใส่ปากให้พลอยกัด เห็นยางสีขาวๆ ไหลออกมาจากริมฝีปากของพลอย พลอยชะงัก รับรู้รสสัมผัสได้ อาเจียนออกมาทันที
เพชรตกใจมาก “พี่พลอย..พี่พลอยเป็นอะไร”
พลอยไม่ตอบ ได้แต่โก่งคออาเจียนออกมา ท่าทางผะอืดผะอม เพชรรีบคว้ากิ่งไม้นั้นขึ้นมาดู จึงพบว่า กิ่งไม้นั้นมียางสีขาวไหลซึมออกมาตามรอยฟันของพลอย เพชรเงยหน้าขึ้นมอง เห็นต้นลีลาวดีอยู่ด้านบน เพชรตกใจ
“ลีลาวดี”
พลอยตะลึง เหมือนคิดอะไรออก
ครั้งนั้นในอดีต พลอยกำลังยืนรออยู่ในสวน นวลเดินออกมาพร้อมแก้วนม
“อ้าว! ตะกี้ คุณหญิงนั่งอยู่นี่ ไปไหนล่ะ”
พลอยพูดจาตอบเรียบร้อย “ไม่ทราบค่ะ ตอนพลอยมาก็ไม่เห็นคุณหญิงแล้ว”
“งั้นเธอรออยู่นี่ล่ะ ฉันจะไปเรียนคุณหญิง”
นวลวางแก้วนมลงกับโต๊ะ ก่อนเดินเข้าไปด้านใน พลอยกวาดสายตามอง รอบๆ ไม่เห็นใคร พลอยยิ้มมีแผนในใจ ขณะเอื้อมมือไปดึงกิ่งลีลาวดีลงมา
พลอยคิดในใจ “พลอยไม่ใจร้าย ขนาดเอาชีวิตคุณหญิงหรอก...ขอแค่คุณหญิงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ท่านจะได้อยู่กับพลอยคนเดียว”
แลเห็นเป็นยางสีขาวค่อยๆ หยด ลงมา พลอยทำท่าจะเปิดฝาแก้วนมออก นวลก็ส่งเสียงเข้ามา
“คุณหญิงต้องดื่มนมเยอะๆ นะคะ จะได้แข็งแรง”
พลอยหน้าเสีย รีบเหวี่ยงกิ่งลีลาวดีทิ้งทันที
พลอยนึกเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเนื้อตัวสั่น ปากคอสั่น ท่าทางหวาดกลัวอย่างหนัก
“อัมพาตๆ” พลอยส่ายหน้า ผะอืดผะอม แหวะยางออกมา)
เพชรกะน้ำหนึ่งตกใจเรียก “พี่พลอย!” พร้อมกัน น้ำหนึ่งจะโผเข้ามาหาพลอย เพชรตวาดผลักร่างน้ำหนึ่งออก
“หลีกไป”
ร่างของน้ำหนึ่งล้มลง ขณะที่พลอยอาเจียนจนหมดแรง ทำท่าจะแน่นิ่งไปเพชรอุ้มพลอยขึ้นพาเดินเข้าไปข้างใน น้ำหนึ่งลุกขึ้นจะตาม เพชรดุอีก
“ไม่ต้องตามเข้ามา ไม่มีใครอยากเห็นหน้าเธอ” เพชรอุ้มพลอยเข้าไป
น้ำหนึ่งมองตามด้วยความเสียใจ และยังแอบตามเข้าไป เกรียงศักดิ์ตะโกนเท่าที่แรงจะมี
“พลอย เปิดประตูให้ฉันพลอย”
นาทีนั้น ไม่มีใครสนใจเสียงแว่วของเกรียงศักดิ์แล้ว
พลอยอยู่ในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างปากเอายางออกอย่างเร็ว โดยมีเพชรประคอง
เพชรรู้สึกผิด “ผมขอโทษครับพี่พลอย..ผมขอโทษ”
พลอยแทบหมดแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น “เพชรไม่ผิด”
เพชรนึกโมโหขึ้นมาอีก “น้ำหนึ่ง...เพราะน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งที่เดินตามเข้ามาชะงัก เพชรหันมาเห็น ดุ
“ยังจะตามมาอีก” เพชรโมโหมาก เดินไปลากน้ำหนึ่งออกไปอย่างแรง
พลอยเหลียวขวับมามอง กลัวเพชรจะออกไป จึงทำท่าจะเป็นจะตายอาเจียนออกมาอีก
“โอ๊ก”
เพชรหันกลับมามองพลอยเป็นห่วง ก่อนหันมาบอกน้ำหนึ่ง
“เธอจะไปไหนก็ไป อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป๊” น้ำหนึ่งจะร้องไห้ เพชรตะเพิด “ไป๊”
เสียงเกรียงศักดิ์ดังแว่วมา “ปล่อย”
พลอยตกใจ รีบตะโกนเอาเสียงกลบ “อย่าเพชร..อย่าไล่น้อง”
“ไม่ไล่ได้ยังไง? น้ำหนึ่งเอากิ่งลีลาวดีให้พี่พลอยกัด”
น้ำหนึ่งหน้าเสียอีก “น้ำหนึ่งขอโทษ..น้ำหนึ่งไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ”
“คำก็ไม่ตั้งใจ สองคำก็ไม่ตั้งใจ เลิกพูดได้แล้ว ฉันรำคาญ!” เพชรลากน้ำหนึ่งออกไป “เธอจะไปไหนก็ไป ไป๊”
ร่างน้ำหนึ่งเซถลาออกไป พลอยกลัวมาก กลัวน้ำหนึ่งจะได้ยินเสียงเกรียงศักดิ์
“อย่าใจร้ายกับน้อง...เพชร”
พลอยรีบคว้าไม้เท้า ประคองตัวเองนั่งรถเข็น เข็นออกไปอย่างรวดเร็ว เพชรมองตามท่าทีระอา
“บอกไม่ให้ผมใจอ่อน พี่พลอยนั่นแหละที่เป็นคนใจอ่อน”
เพชรได้แต่ทอดถอนใจ
ด้านเกรียงศักดิ์ยังคงตะโกนเป็นระยะ
“พลอย ปล่อยฉัน พลอย!”
น้ำหนึ่งได้ยินเสียงแว่วอีก ทำหน้าเลิ่กลั่กกวาดสายตามอง พลอยเลื่อนรถเข็นเข้ามา
พลอยท่าทางร้อนรน “รีบไปสิน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งงง “ไปไหนคะ”
“ไปไหนก็ได้..ก่อนที่เพชรจะตามออกมา ไม่งั้นเธอโดนดีแน่”
“ถ้าพี่เพชรจะลงโทษน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งก็ยอม เพราะน้ำหนึ่งทำพี่พลอย”
พลอยยิ่งโมโห “นี่ เลิกแอ๊บได้แล้ว...หน้าตาอย่างเธอยังไงก็แอ๊บไม่ขึ้น”
น้ำหนึ่ง ถูกด่าแรง ตกใจอีก “พี่พลอย”
“ไม่ต้องมาตกใจ หน้าเธอมันร้าย ตาเธอมันร้าย ต่อให้เธอแอ๊บแค่ไหนก็แอ๊บไม่ขึ้นหรอก ไม่เหมือนกับฉัน” ว่าแล้วพลอยก็โชว์ลีลาแอ๊บตัวแม่ ทำหน้าตาท่าทางน่าสงสาร พูดน้ำเสียงปรานี “ไป..รีบไป...ฉันไม่อยากให้เพชรว่าเธอมากกว่านี้”
จังหวะนี้เพชรเดินหน้าตึงออกมา พลอยเห็นรีบบอกน้ำหนึ่ง
“ไป..เพชรมาแล้ว รีบไปสิ ไป”
เพชรเดินมาถึงดุน้ำหนึ่งอีก “ว่าอะไรพี่พลอยอีก”
“เปล่าจ้ะน้องไม่ได้ว่า” พลอยหันมาทางน้ำหนึ่ง “รีบไปสิ”
น้ำหนึ่งมองเพชรแล้วเหนื่อยใจ จึงผละออกไปทันที พลอยถอนหายใจโล่ง แต่เพชรแอบมองน้ำหนึ่งห่วงอยู่ในที
ขณะที่น้ำหนึ่งจะเดินออกมานอกบริเวณบ้าน ท่าทางครุ่นคิด
“พี่พลอยจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
น้ำหนึ่งผิดสังเกตท่าทางร้อนรนของพลอย
“ต้องมีอะไรแน่ๆ”
น้ำหนึ่งจะกลับเข้าไป อลิสโผล่เข้ามา เห็นน้ำหนึ่งก็ร้องเรียก
“น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งหันขวับ แปลกใจที่เห็นอลิสที่นี่ และงงที่เห็นอลิสยิ้มร่าด้วยความดีใจ
อ่านต่อตอนที่ 12