xs
xsm
sm
md
lg

มนต์จันทรา ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มนต์จันทรา ตอนที่ 11

ผ่านเวลาพักใหญ่ ภายโถงบ้านมัทนา เธอสะพายกระเป๋าใส่สัมภาระวิ่งอย่างรีบร้อนตึงตังลงบันไดบ้านมา มัทนาทิ้งเป้โครม วิ่งไปฉวยกระดาษโน้ตที่โต๊ะโซฟา เอาปากกาเขียนบอกพ่อกับแม่ประมาณว่า “มัทไปเยี่ยมพี่วารีที่ตราดนะคะ ถึงแล้วจะโทรหา” มัทนาวิ่งเอากระดาษโน้ตไปแปะตู้เย็นก่อน แล้ววิ่งไปฉวยกระเป๋ามาสะพายแล้วรีบร้อนวิ่งออกจากบ้านไป

มัทนาเดินก้มหน้าก้มตาไปปากทางเข้าหมู่บ้านเพื่อเรียกแท็กซี่ ไม่คาดคิดรถคันหนึ่งเลี้ยวปาดเข้าขวางหน้า มัทนาตกใจร้องลั่นก่อนจะเงยมองพบว่าเป็นเขตต์ตวัน
เขตต์ตวันรีบลงจากรถ มัทนาต่อว่า
“ตกใจหมดเลยคุณปอน มัทเกือบช็อกตายแน่ะ”
เขตต์ตวันทำหน้าดุ
“ทำไมไม่รับสาย ผมเป็นห่วงมากรู้มั้ย”
“ก็มัทรีบมากนี่คะ”
เขตต์ตวันมองกระเป๋าใส่ของ
“นี่จะออกไปไหน”
“มัทจะไปตราดค่ะ”
“ไปทำไม”
มัทนาน้ำตารื้นๆขึ้นมา
“คุณษมาโทรมาบอกว่าพี่วารีได้รับอุบัติเหตุ ได้ยินว่าถังน้ำมันหรือโรงเก็บเรืออะไรนี่ล่ะค่ะระเบิด พี่วารีอาการสาหัส”
เขตต์ตวันตกใจมาก
“มัทพยายามติดต่อพี่สาวพี่วารี แต่ไม่รับสายเลย สงสัยกำลังอยู่บนเครื่อง มัทต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ” มัทนาท่าทางรีบร้อน อดีตพระเอกหนุ่มสวนไปทันที
“ผมไปด้วย”
มัทนาอึ้งไป
“คุณจะไปได้ยังไง คุณต้องทำงาน งานแฟชั่นใกล้จะโชว์แล้วนะคะ”
“ช่างหัวมันเถอะ ยังไงมันก็ต้องเลื่อนอยู่แล้ว เสียเวลาแค่ 3-4 วันไม่เสียหายอะไรหรอก เรื่องคุณสำคัญกว่า”
มัทนามองหน้าเขตต์ตวันอย่างอึ้งๆ ด้วยความซึ้งใจ
“ขึ้นรถสิ”
เขตต์ตวันเปิดประตูรถให้ มัทนาเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย มัทนาซึ้งในน้ำใจมาก
เขตต์ตวันถอยรถตั้งลำแล้วขับออกไปจากหมู่บ้านทันที … ทั้งคู่มุ่งหน้าสู่ตราด

เวลาเย็น ภายในห้องทำงาน ษมากำลังคุยอยู่กับลำแพงอยู่ โดยกูซอกำลังเอาของว่างกับน้ำชามาเสิร์ฟให้ษมา
“ใช้น้ำผึ้งเรอะ”
“ค่ะ ดิฉันเคยได้ยินมาว่า แผลไฟลวกแรงๆ ถ้าทาน้ำผึ้งดีๆ นอกจากจะทำให้หายเร็วแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วยนะคะ”
ษมาพยักหน้ารับ
“เคยได้ยินมาเหมือนกัน”
“งั้นถ้าคุณษมาไม่ว่าอะไร ดิฉันจะไปตีผึ้งด้านหลัง แล้วเอาน้ำผึ้งมาซักขวด จะได้เอาไว้ใช้ทาแผลให้คุณวารีนะคะ”
ษมาระแวงแต่ปั้นยิ้ม
“น้ำผึ้งสดก็ดีเหมือนกัน แต่ตีผึ้งคนเดียวมันลำบากนะ ให้กูซอไปช่วยอีกแรงก็แล้วกัน”
ลำแพงยิ้มดีใจ
“ค่ะ”
ษมาหันไปพูดกับกูซอ
“กูซอ ไปช่วยคุณแม่บ้านเค้าตีผึ้งด้วยนะ เสร็จแล้วก็เอาน้ำผึ้งไปให้คุณวารีเค้าที่ห้อง”
ษมามองตากูซอนิ่ง กูซอรู้ทันว่าษมาส่งซิกอยู่
“ครับคุณษมา”
ลำแพงเดินออกจากห้องทำงานไป โดยมีกูซอตามหลังไป ษมามองตามลำแพงไปด้วยสายตาจับผิด และระวังมากขึ้น

ภายในสวน ลำแพงกำลังปิดฝาขวดน้ำผึ้งที่เพิ่งกรอกเสร็จ ส่วนกูซอโดนผึ้งต่อยตามแขน ตามหน้า จนมีรอยแดงเป็นตุ่มๆเต็มไปหมด กูซอหน้าเหยเก ปวดแสบปวดร้อน ร้องโอดโอยตลอดเวลา
“เสร็จรึยังคุณลำแพง จะได้ไปทายาซะที โดนผึ้งต่อยไปทั้งตัวแล้วนี่”
“เสร็จแล้ว” ลำแพงปิดฝาขวดหยิบขึ้นมา
กูซอหยิบขวดน้ำผึ้งในมือลำแพงมาดูและดมกลิ่น
“น่ากินนะเนี่ย หอมจังเลย ขอไปจิ้มขนมปังซักถ้วยได้มั้ยครับ”
ลำแพงหน้าบึ้งตึง รีบดึงขวดน้ำผึ้งกลับมาทันที
“หน้านี้น้ำผึ้งมันหายาก แล้วน้ำผึ้งของฉันก็เกรดคัดพิเศษ ไม่เหมือนที่ขายกันตามตลาด”

ลำแพงเดินถือขวดใส่น้ำผึ้งเชิ่ดจากไป กูซอรีบตามไป ด้วยความปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว
อ่านต่อเวลา 17.00น.

​ษมากำลังคุยกับกูซออยู่ในห้องทำงานโดยกูซอปวดแสบจากแผลผึ้งต่อย
​“แกต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันแท้ๆ กูซอ” ษมาพูดปนขำๆ
​“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ผึ้งนี่ก็แปลกนะครับ ต่อยผมเอาต่อยผมเอา ไม่ต่อยคุณแม่บ้านมั่งเลย”
​ษมายิ้มบอก
​“ลำแพงคงมีวิธีป้องกัน”
​กูซอดูแผลที่แขนซึ่งโดนผึ้งต่อย​
​“ก็น่าจะบอกกันมั่ง”
​“แล้วตกลง แกคุมอยู่ตลอดเวลารึเปล่า”
​“ตลอดครับ ผมช่วยตั้งแต่ตี ยันคั้นลงขวด แล้วก็ตามเอาไปให้ที่ห้องคุณวารีเลยครับ พอผมเห็นมีคุณพยาบาลอยู่ในห้องด้วย ก็เลยกลับมารายงานคุณษมาครับ”
​ษมาพยักหน้ารับ
​“ฉันเห็นแล้ว”
​“คุณษมาเห็นได้ยังไงครับ”
​“ฉันให้คนแอบไปติดกล้องในห้องวารีไว้แล้ว ต่อไปนี้ ไม่ว่าใครทำอะไรในห้องนั้น ฉันเห็นหมด”
ษมามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นภาพในห้องนอนแขกที่สาระวารีพักอยู่  โดยสาระวารีนอนหลับเหมือนเคย แต่ลำแพงกับอรุณฉายกำลังคุยกันอยู่
​“เอ่อ คุณษมาครับ ผมสงสัยเรื่องน้ำผึ้งน่ะครับ ตกลงทาแผลแล้วมันจะดีขึ้นจริงๆเหรอครับ”
​“ฉันก็เคยอ่านเจอนะว่าน้ำผึ้งมีสารฆ่าเชื้อโรคแล้วก็รักษาแผลติดเชื้อได้  ลองดูก็ไม่เสียหลาย ไม่ได้ผลก็ไม่น่าอันตรายอะไรหรอก”  
​ษมามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พูดต่อ
​“แต่มีอยู่อย่างนึง ที่ต้องระวังในการใช้น้ำผึ้ง”
​กูซออยากรู้มากถาม  
​“อะไรครับ”
​“อย่าให้เจ้าเหลืองลายไปเลียน้ำผึ้งจากตัววารีน่ะสิ”
​ษมาพูดยิ้มๆไม่ได้นึกอะไร กูซอนึกขำๆ
​“จริงด้วยครับ ของโปรดเค้าเลย”
​ในหน้าจอคอมพิวเตอร์  แมวเหลืองลายเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในห้อง  สายตาจับจ้องไปที่ขวดน้ำผึ้งในมืออรุณฉายเขม็ง
​“นั่นไง ขาดคำที่ไหน จมูกมันไวน่าดู”
​ษมาได้แต่ขำๆ เอ็นดูแมวตะกละ
 
​อรุณฉายมองขวดน้ำผึ้งในมือ ด้วยความลังเล โดยมีลำแพงยืนจิกตามองอยู่ใกล้ๆ  
​“ทำไมคุณต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ก็แค่ทาน้ำผึ้งที่แผลคุณวารีเท่านั้นเอง หรือคุณไม่รู้ ว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น เป็นพยาบาลซะเปล่า” ลำแพงหงุดหงิด ยิ้มหยัน
​อรุณฉายถอนใจเซ็งๆ
​“ดิฉันพอทราบค่ะ ว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณดียังไง แต่ดิฉันคิดว่าการจะให้ยา หรือทำอะไรเกี่ยวกับคนไข้  ควรจะได้รับความเห็นชอบจากคุณหมอก่อน”
​“แต่คุณษมาเป็นคนอนุญาตเอง ต่อให้คุณหมออยู่ที่นี่ ก็ต้องทำตามที่คุณษมาสั่งอยู่ดี”
​อรุณฉายชักสีหน้า  ไม่พอใจที่ลำแพงมาเบ่งทับแบบนี้
​“ตกลงคุณจะไม่ทาแผลให้คุณวารีใช่มั้ย งั้นฉันทาเอง”
​ลำแพงจะเข้าไปหยิบขวดน้ำผึ้ง
​“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทาได้ เป็นหน้าที่ของดิฉัน”
​“รู้หน้าที่ก็ดีแล้ว อย่ามาทำตัวมีปัญหาให้มากนัก”
​อรุณฉายไม่ชอบใจลำแพงแต่เก็บอาการ เปิดขวดน้ำผึ้ง รินใส่ถ้วย ก่อนจะเข้าไปขยับตัวสาระวารี
ให้พลิกนอนเอียงข้าง
​“ทาเยอะๆนะคุณ ทาบางๆมันจะไม่ได้ผล”
​เหลืองลายได้กลิ่นน้ำผึ้งเดินเข้ามาเมียงมอง ลำแพงหันไปเห็นตุ่มลายก็ตวาดแว๊ด
​“แกเข้ามาตอนไหนเนี่ยเหลืองลาย ออกไปเลยนะ ไม่ใช่ของกินของแก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
​ตุ่มลายเมียงๆมองๆ  โดนดุเลยไม่กล้าเข้าไปกินน้ำผึ้ง เดินส่ายอาดๆ ออกไป ลำแพงถอนใจส่ายหน้าก่อนหันไปมองทางสาระวารี แอบอมยิ้มมุมปากน้อยๆ
 
​เวลาเย็น บริเวณมุมสนาม แลงกำลังคุยกับลำแพงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
​“แค่ทาแผลไม่ได้กิน กว่าจะตายไม่อีกนานเลยเหรอพี่”  
​“มันไม่มีทางเลือก ฉันรู้นิสัยคุณษมาดี ป่านนี้ในห้องนอนนังนั่น คงติดกล้องไว้ทุกจุดแล้ว  ไม่มีทางที่ใครจะเข้าถึงตัวนังนักข่าวนั่นได้ง่ายๆ หรอก ก็เหลือแต่วิธีนี้เท่านั้นแหละ”  
​“มันจะได้ผลแน่นะพี่”
​“ต้องได้สิ ยาของฉันมีฤทธิ์ร้ายแรงแค่ไหน แกก็เห็นมาแล้วไม่ใช่เรอะ จะให้ตายเร็ว ตายช้าฉันสั่งได้หมด แต่ตอนนี้มันต้องรอเวลา แกอย่าใจร้อน”
​“ก็ฉันกลัวนี่พี่ ฉันอยากให้มันตายเร็วๆ พวกเราจะได้ปลอดภัย”
​ลำแพงถอนใจ  ส่ายหน้าในความขี้ขลาดของน้อง
​“ถ้าแกกลัวมากนัก ก็ติดเรือเสบียงขึ้นฝั่งไปเที่ยวเล่นไป ทางนี้ฉันจัดการเอง”
​“ก็ดีเหมือนกัน แต่พี่แน่ใจนะ”
​ลำแพงยิ้มมั่นใจ
​“ฉันบอกแล้วไง ยาฉันไม่มีพลาด  อีนักข่าวนั่นหมดโอกาสตื่นขึ้นมาฟ้องคุณษมาแน่นอน” ลำแพงสีหน้าสมน้ำหน้าสะใจ
 
​เวลาหัวค่ำ สาระวารีไข้ขึ้นสูง นอนกระสับกระส่าย เหงื่อแตกโทรมไปทั้งตัว เพ้อเพราะพิษไข้
​“อย่า ช่วยด้วย”
​อรุณฉายรีบเข้ามาดูอาการสาระวารีด้วยความตกใจ อรุณฉายสีหน้าเครียดหนัก ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ได้ไง
​“คุณวารี คุณวารีคะ”
​อรุณฉายจับตัวสาระวารีปรากฏว่าตัวร้อนจี๋  เธอตกใจมาก
​“ตัวร้อนจี๋เลย”
​อรุณฉายรีบไปหยิบโทรศัพท์ แล้วกดเบอร์ภายในทันที
​“คุณษมาคะ คุณวารีเป็นอะไรไม่รู้ค่ะ ตัวร้อนจี๋เลยคุณษมา ช่วยมาดูด้วยค่ะ”
​สาระวารีนอนเพ้อเหมือนฝันร้าย ไข้ขึ้นสูง กระสับกระส่ายไปหมด

​ผ่านเวลาซักครู่ อรุณฉายเดินยกกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวออกไปไว้ในห้องน้ำ ษมานั่งหน้าเป็นห่วง คอยจับมือสาระวารีอยู่ใกล้ๆ อรุณฉายเดินกลับมา
​“ยาลดไข้คุณได้ผลนะ ตัวเย็น ไม่เพ้อแล้ว”
​อรุณฉายจับตัวสาระวารีไปมาให้แน่ใจว่าไม่มีไข้  ก่อนจะหยิบเครื่องวัดความดันมาพันที่ข้อแขนสาระวารี จะตรวจความดันต่อ
​“แต่ผมไม่เข้าใจว่าวารีเป็นอะไรกันแน่ คุณพอรู้รึเปล่า”
​อรุณฉายหนักใจสุดๆ
​“ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ เมื่อตอนเย็นยังดีๆอยู่เลย ดิฉันวัดไข้ก็ปกติ  แล้วอยู่ๆก็ไข้ขึ้นสูงแถมยังเพ้ออีกก็คงต้องรออาจารย์หมออเนกมาตรวจดูพรุ่งนี้น่ะค่ะ เราถึงจะรู้ว่าคุณวารีเป็นอะไรกันแน่”
​ษมากำลังหนักใจมาก ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของษมาก็ดังขึ้น ษมาดูเบอร์ แล้วรับสายของสมบูรณ์
​“ว่าไงครับลุง”
​“คุณมัทนามาถึงแล้วนะครับ เพิ่งวางสายไปเมื่อกี้เอง”
​“แล้วพักที่ไหน... ทำไมไม่พาไปที่รีสอร์ตของเราล่ะ”
​“เห็นเค้าว่าถึงโรงแรมแล้วครับคุณษมา”
​“คุณมัทนามากับใคร … งั้นพรุ่งนี้ลุงรีบพามาที่ยานกเลยนะ ครับ ขอบคุณมากครับ”
​ษมากดตัดสาย ยิ้มออก สีหน้าดูมีความหวังขึ้นมาถ้าเพื่อนสนิทมาเยี่ยม วารีฟื้นขึ้นมาคงดีใจ
มีกำลังใจขึ้นมาก
 
​โรงแรมแห่งหนึ่งที่ตราดตอนกลางคืน เขตต์ตวันและมัทนากำลังคุยกับพนักงานต้อนรับอยู่ที่เคาน์เตอร์
​“เช็กอินครับ  ขอ 2 ห้องติดกัน”
​มัทนารีบเสริมทันที
​“ไม่พ่วงนะคะ”
​เขตต์ตวันเหลือบตามองมัทนาแล้วอมยิ้ม
​“ต้องขอโทษจริงๆนะคะ เผอิญวันนี้ทัวร์ลง  เหลือห้องพักว่างแค่ห้องเดียวจริงๆ ค่ะ”
​เขตต์ตวันตอบกลับไปทันที
​“ห้องเดียวก็ได้ครับ”  
​เขตต์ตวันหยิบบัตรเครดิตยื่นให้ มัทนากรอกตาไปมาเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดใจอยู่เหมือนกัน
 
​ผ่านเวลาซักครู่  เขตต์ตวันยื่นนิ้วไปกดลิฟท์ก่อนหันมาพูดกับมัทนา ระหว่างรอลิฟท์
​“มัทนอนหลับให้สบายเถอะ  ผมนอนในรถได้”
​มัทนาเกรงใจ
​“จะดีเหรอคะ”
​“ก็ดีกว่าเสียเวลาไปตระเวนหาโรงแรมอื่นครับ เหนื่อยแล้ว”
​เขตต์ตวันหันไปทำเป็นมองรอลิฟท์ แกล้งหาวยกมือขึ้นปิดปาก แต่สีหน้าลุ้นๆ ว่ามัทนาจะแสดงน้ำใจอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า มัทนาลังเลไปมา เห็นว่า เขตต์ตวันคงง่วงและเหนื่อย ขับรถมาตั้งไกล เลยตัดสินใจพูด
​“ที่จริงคุณปอนนอนที่โซฟาในห้องก็ได้ค่ะ”
​เขตต์ตวันยิ้มดีใจ แต่แกล้งหุบยิ้มหันมามองหน้ามัทนา  
​“จะดีเหรอ”
​มัทนาสีหน้าลำบากใจ
​“มันก็ไม่ดีหรอกค่ะ แต่มัทไว้ใจคุณปอน ถ้าคุณปอนคิดจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับมัท  มัทก็คงไม่รอดมาจากภูเก็ตหรอกค่ะ”
​“ผมดีใจนะที่ได้ยินแบบนี้”
​ลิฟท์เปิด...มัทนาฝืนยิ้มแหยๆ ดูกระอักกระอ่วนใจ รีบหนีเดินเข้าลิฟท์ เธอไม่ทันระวังสะดุดประตูลิฟท์ที่ยังเปิดไม่สุด เสียหลักถลาไปกระแทกผนังด้านในลิฟท์โครมใหญ่  มัทนาได้แต่ฝืนยิ้มเจื่อนๆ อายๆ
​เขตต์ตวันยิ้มส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนตามเข้าลิฟท์ไป
 
​เขตต์ตวันเปิดประตูห้องพักกว้าง มัทนายืนสะพายเป้ไม่ขยับ ได้แต่กรอกตาไปมา อยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าห้องพักพร้อมผู้ชาย เขตต์ตวันยิ้มอย่างเข้าใจ
​“คุณนอนพักให้สบายเถอะ ผมไปนอนที่รถได้  แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เช้าแล้วล่ะ”
​มัทนาแอบดีใจ รีบรับข้อเสนอทันที
​“ก็ตามใจค่ะ”
​มัทนารีบเดินเข้าห้องจะดึงประตูปิด เขตต์ตวันจับประตูไว้ทันที เธอตกใจ แทบกลั้นหายใจ เขตต์ตวันยื่นหน้าไปพูดใกล้ๆ
​“คุณรีบไปอาบน้ำซะ”
​มัทนาตาเบิกกว้าง
​“ผมจะได้อาบน้ำต่อ”
​มัทนากลัวๆ ยังไงก็ผู้ชาย มากันสองต่อสองด้วย
​“ได้ค่ะ”
​มัทนาวิ่งจู๊ดสะพายเป้เข้าห้องน้ำไปด้วยเลย เขตต์ตวันขำๆ ก่อนตามเข้าไปดึงประตูห้องปิด

​มัทนาในชุดนอน เดินทางออกมาจากห้องน้ำ ชะโงกมองหาไปที่เขตต์ตวันที่นอนกอดอก ผล๋อยหลับอยู่ที่โซฟารับแขก มัทนาพูดบอกลอยๆ
​“เสร็จแล้วค่ะ”
​เขตต์ตวันหลับสนิทเพราะความเพลีย มัทนาในชุดนอนเดินมาดูตวันใกล้ๆ
​“คุณปอน  อาบน้ำได้แล้วค่ะ”
​เขตต์ตวันยังคงหลับสนิท
​“คุณปอน”
​เขตต์ตวันนอนไม่กระดิกเลย
​“คงเหนื่อยมาก  หลับเป็นตายเลย”
​มัทนาคิดช่างใจไปมา แล้วถอนใจ เดินสะพายเป้กลับไปที่เตียงนอน มัทนาหยุดที่ข้างเตียง สีหน้าใช้ความคิดบางอย่างก่อนขึ้นเตียงนอนไป
​ที่โซฟารับแขก เขตต์ตวันนอนหลับตา แต่อมยิ้มที่แท้ก็แกล้งนอนหลับ  โดยเห็นมัทนากำลังวุ่นวายระวังภัยด้วยการนอนบนเตียง แล้วเอากระเป๋าสัมภาระวางทับกลางลำตัวก่อนห่มผ้าทับอีกชั้น
 
​บรรยากาศในบ่อนเล็กๆของดิตถ์ แลงกำลังเล่นไฮโลอยู่ แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสีย จนหงุดหงิดไปหมด
​“ทำไมวันนี้มันซวยยังงี้วะ”
​ดิตถ์เดินเข้ามาหาแลงจากทางด้านหลัง แล้วตบบ่า ยิ้มแย้ม
​“อย่าใจร้อนนักซิ ยิ่งใจร้อนมันก็ยิ่งเสีย”  
​แลงถอนใจ  เซ็งสุดๆ
​“ผมหมดตูดแล้ว ขอยืมเงินต่อทุนหน่อยได้มั้ยครับคุณดิตถ์”
​ดิตถ์ยิ้มพอใจ
​“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ  เราคนกันเอง”
​ดิตถ์หันไปสั่งลูกน้อง
​“เฮ้ย ไปจัดมาให้ไอ้แลงมันซักสองหมื่นซิ”
​“ครับนาย”
​ดิตถ์ตีสนิทโอบบ่าแลงมานั่งที่โซฟาใกล้ๆ ลูกน้องคอยเสิร์ฟเครื่องดื่มให้
​“มานั่งจิบอะไรเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยไปแก้มือ”
​แลงถอนใจเซ็ง หยิบเครื่องดื่มมาถือเอาไว้
​“ตกลง เรื่องนังนักข่าวนั่นไปถึงไหนแล้ว จริงๆฉันก็กะจะช่วยแกเก็บมันอยู่หรอก แต่ดันมีคนตัดหน้าเล่นงานไอ้ษมาซะก่อน เลยเสียจังหวะ”
​“ก็ไอ้เรื่องนักข่าวนี่ล่ะครับคุณดิตถ์ ทำเอาผมจะบ้าตายอยู่แล้ว  พี่ลำแพงวางยาฆ่ามัน แต่ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะตาย ผมกลัวว่าไอ้ษมามันจะรู้ความจริงซะก่อน”
​ดิตถ์ฟังเรื่องทั้งหมด แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

​โศภียิ้มเจ้าเล่ห์
​“ถ้าแกกลัวมากนัก ก็เก็บไอ้ษมามันซะก่อนเลยซิ จะรอให้มันมาเชือดทำไม”
​ดิษฐ์พาแลงมาพบโศภีที่บ้านพักกบดาน
​แลงเครียดหนัก
​“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากนะครับคุณโศ  แต่ไอ้ษมามันร้ายแค่ไหน คุณก็รู้  ยิ่งบนเกาะมีแต่พวกมันทั้งนั้น จะไปทำอะไรได้ล่ะครับ”
​“ก็วางยาอย่างที่พี่แกทำไง กำจัดทั้งไอ้ษมาทั้งนังนักข่าวพร้อมกันไปเลย”
​แลงอ่อนใจสุดๆ
​“พี่ลำแพงไม่มีวันฆ่าไอ้ษมาหรอกครับ หลงรักมันซะขนาดนั้น เว้นแต่ไอ้ษมามันจะเอานังนักข่าวนั่นเป็นเมีย”  
​ดิตถ์และโศภีหันไปสบตากัน
​“แต่ถ้านังนั่นตาย พี่ลำแพงก็หมดคู่แข่ง แล้วจะฆ่าไอ้ษมาไปทำไมล่ะครับ”
​โศภีหัวเราะเยาะ
​“พี่แกนี่มันฝันกลางวันแท้ๆ ถึงไม่มีนังวารี ไอ้ษมามันก็ไม่เอาพี่แกหรอก แต่คิดๆดู ถ้าฆ่าไอ้ษมามันยากนัก  ฆ่านังนักข่าวนั่นมันก็ไม่เลวเหมือนกันนะ”
​“ไม่ลงไม่เลวอะไร นักข่าวนั่นตายไปก็เท่านั้น ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย”
​“ก็ไม่แน่  ดูเหมือนษมาจะรักแม่คนนี้มากเหลือเกิน ทุ่มกายถวายหัวปกป้องมันซะขนาดนั้น” โศภีน้ำเสียงเจ็บใจผสมอิจฉาลึกๆ
​“ทั้งรักทั้งหลงเลยล่ะครับ  ว่าที่คุณนายคนใหม่ของเกาะยานกแน่นอน”
​โศภีสีหน้าหมั่นไส้
​“แล้วถ้าอยู่ๆ นังวารีตายคาเกาะยานกขึ้นมาล่ะ นายว่า ษมายังมีแก่ใจอยากทำคาสิโนอยู่อีกมั้ย
อาจจะหมดกำลังใจไปเลยก็ได้นะ”  ​
​ดิตถ์คิดตาม ก่อนจะยิ้มร้ายๆ เห็นด้วย
​“ไม่ลองไม่รู้ ตอนนี้โอกาสเราริบหรี่เต็มทนแล้ว คิดอะไรได้ก็ต้องลงมือเลย เผื่อจะเจอช่องทางอะไรมั่ง  ยังไงก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ รอดูความสำเร็จของมัน” ดิตถ์สีหน้าหงุดหงิด หัวเสีย
​แลงเริ่มมีความหวังที่จะรอด สีหน้าดีขึ้นทันตาเห็น ในขณะที่โศภีอมยิ้มร้ายๆ พร้อมกับใช้ความคิดวางแผนการไป
 
​กลางดึก สาระวารีนอนกระสับกระส่ายไปมา เหมือนกำลังฝันร้าย อรุณฉายผล๋อยหลับไปข้างๆเตียง
สีหน้าสาระวารีดูตื่นกลัว เหงื่อแตกท่วมหน้า
​ในอดีต กลางวันวันเกิดเหตุ สาระวารีค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา เธอมีสีหน้า ท่าทางเจ็บๆ ก่อนจะรู้สึกเหม็นกลิ่นน้ำมันเข้าเต็มจมูก เธอแหงะหน้าไปมองเห็นน้ำมันกำลังไหลต่อเนื่องมาเป็นทางเหมือนลำธารน้ำไหลเล็กๆ กำลังคืบคลานจะถึงกองเปลวไฟใกล้ๆ ตัวเธอ
​สาระวารีมีสีหน้าตกใจสุดชีวิต เธอพยายามลุกขึ้นหนีตามสัญชาติญาณ แต่มึนหัวไปหมด  พอลุกขึ้นได้ก็ล้มลงอีก น้ำมันไหลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  อยู่ห่างจากผ้าติดไฟอีกไม่มากแล้ว เธอเหลือบไปมองที่ผ้าติดไฟ แม้จะยังมึนเบลออยู่ แต่ก็รู้ว่าอันตรายร้ายแรงใกล้เข้ามาแล้ว
​สาระวารีกัดฟันลุกขึ้น วิ่งหนีไปทางทะเลด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ เพื่อจะหนีเอาชีวิตรอด
​น้ำมันไหลมาจนถึงผ้าติดไฟ  ทันใดนั้น ไฟก็ลุกพรึ่บ แล้วลามต่อไปที่ถังน้ำมันในโรงเก็บเรืออย่างรวดเร็วทันที เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จนโรงเก็บเรือพังพินาศในพริบตา
 
​สาระวารีสีหน้าหวาดกลัว  ดิ้นแรง กระสับกระส่ายหนัก เหมือนกำลังฝันร้ายที่กลัวมาก อรุณฉายที่ผล๋อยหลับไปข้างๆเตียงสะดุ้งตื่น
​“คุณวารี  เป็นอะไรคะ”
​สาระวารีดูสงบลงเล็กน้อย อรุณฉายรีบเอาผ้าชุบน้ำมาซับตัวเพื่อคลายความร้อนให้เธอ สาระวารีค่อยๆ สงบลงนอนหลับนิ่งๆไป  ฝันร้ายในความคิดได้ผ่านไปแล้ว
 
​เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในห้องทำงาน ษมากำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  โดยมีพิพัชอยู่ใกล้ๆ
​“ผมเข้าใจครับคุณหมอ แต่อาการวารีแปลกมากเลยนะครับ ...แล้วไม่มีคุณหมอท่านอื่นว่างเลยเหรอครับ … โอ.เค.ครับ ผมจะรอดูอาการตามที่คุณหมอบอก  แต่ถ้าเห็นท่าไม่ดี ผมจะรีบพาวารีไปพบคุณหมอเลยแล้วกัน  ขอบคุณครับ” ษมากดตัดสาย
​“หมออเนกมาไม่ได้เหรอครับ” ​
​“เมื่อคืนมีโรงงานพลุระเบิด  คนเจ็บเป็นร้อยเลย ก็เลยไม่มีหมอคนไหนว่างมาดูวารีให้”
​“เปลี่ยนหมอโรงพยาบาลอื่นดีมั้ยครับ”
​ษมาคิดอยู่ครู่นึง
​“เอาไว้จำเป็นจริงๆก่อนแล้วกัน  ฉันเชื่อมือหมออเนกแล้ว หมอก็ดูแลวารีมาตั้งแต่แรก ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนหมอตอนนี้”
​ขณะนั้นเอง  ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จันเลาจะยิ้มแย้มเปิดประตูเข้ามา
​“จ่าบูรณ์พาคุณมัทนากับคุณเขตต์ตวันมาถึงแล้วครับ”
​“รีบไปเชิญขึ้นมาที่ห้องรับแขกเลย”
​“ครับ” จันเลาล่าถอยกลับออกไป
​ษมายิ้มดีใจมาก ในที่สุดมัทนา และเขตต์ตวัน ซึ่งเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดในการดูแลสาระวารี
ก็มาถึงซะที
 
 
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.

​มัทนาเข้ามากุมมือเพื่อนรักที่ยังนอนหลับอยู่  เธอสงสารรุ่นพี่คนสนิทจนน้ำตาคลอเบ้า ษมา และ เขตต์ตวัน สีหน้าเครียดๆ เดินตามมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เขตต์ตวันถามอย่างเป็นห่วง
​“ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณวารียังไม่ฟื้นเลยเหรอครับคุณษมา”
​“ก็มีรู้สึกตัวบ้าง แต่สะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแล้วก็หลับต่อครับ แต่ที่ผมห่วงคือ พวกที่จะฉวยโอกาสทำร้ายวารีตอนนี้มากกว่า” ษมาพูดพลางถอนใจหน้าเครียด
​มัทนาและเขตต์ตวันรู้สึกแปลกใจ
​“นี่ขนาดอยู่บนเกาะส่วนตัวของคุณแล้ว ยังจะมีคนมาทำร้ายพี่วารีอีกเหรอคะ”
​“ที่จริงผมก็ไม่อยากระแวงแบบนี้หรอกนะครับ เพราะคนของผมอยู่กันมานาน ไว้ใจได้ แต่ระยะหลังมันมีอะไรแปลกๆเยอะ ผมเลยต้องกันไว้ก่อน”
​“เพราะยังงี้นี่เอง คุณถึงอยากให้มัทมาช่วยดูแลคุณวารี” เขตต์ตวันบอก
​“ครับ ไม่มีใครที่ผมจะไว้ใจให้ช่วยดูแลวารี เท่ากับคุณมัทอีกแล้ว”
​“ยังมีพี่สะมาอีกคนค่ะ มัทพยายามติดต่อแล้วแต่ติดต่อไม่ได้เลย สงสัยจะไปบิน”
​ขณะนั้นเอง  เหลืองลายก็เดินร้องแง๊วๆเข้ามาหา เผื่อจะได้กินน้ำผึ้ง มัทนาหันไปมองตามเสียงเห็นตุ่มลาย
​“น่ารักจังเลย”
​มัทนารีบอุ้มเหลืองลายขึ้นมากอดเล่นทันที
​“ชื่ออะไรคะคุณษมา”
​“เหลืองลายครับ แต่วารีเค้าเรียกว่าตุ่มลาย”
​“อ๋อ เจ้าตัวนี้เองเหรอ น่ารักขนาดเนี้ย พี่วารีเอาไปเมาท์ได้ไงว่าเป็นแมวผี”
​ษมาและเขตต์ตวันขำเบาๆ มัทนาก็เล่นกับแมวไป ษมาผันมือเชิญให้เขตต์ตวันไปนั่งคุยกันที่เก้าอี้มุมห้อง อดีตพระเอกหนุ่มเดินไปนั่งพร้อมถามไปด้วย
​“แล้วตกลงที่คุณวารีบาดเจ็บคราวนี้ เป็นเพราะมีคนลอบทำร้ายรึเปล่าครับ”
​“คราวนี้คงไม่ใช่หรอกครับ น่าจะเป็นอุบัติเหตุมากกว่า  วารีน่าจะแอบไปสูบบุหรี่”  
​มัทนาชะงักไปหันมองไปทางเขตต์ตวัน
​“แล้วถังน้ำมันมันรั่วพอดี ก็เลยเกิดระเบิดขึ้น”
​มัทนาปล่อยแมวตัวอ้วน รีบเดินไปเถียงแทนทันที
​“ไม่จริงหรอกค่ะ พี่วารีเลิกบุหรี่ได้แล้ว”
​ทั้งสองคนหันมามองทางมัทนา
​มัทนาสีหน้ามั่นใจ น้ำเสียงหนักแน่นบอก
​“พี่วารีเลิกได้แล้วจริงๆ นะคะ  มัทไม่เชื่อว่าพี่วารีจะกลับไปสูบอีก”
​“แต่ผมเห็นวารียังพกกลักบุหรี่ติดตัวอยู่เลยนะครับ” ษมาบอก
​“เลิกแล้วจริงๆค่ะ มัทกับพี่มี่แอบจับตาดูมาพักใหญ่แล้ว เอ้อ มัทเคยถ่ายคลิปพี่วารีเอาไว้ให้พี่มี่ดูด้วยค่ะ”
​มัทนาหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดหาคลิปแล้วเดินไปหาษมา... มัทนาเปิดคลิปให้ษมาดู เขตต์ตวันขยับมาดูด้วย
​คลิปผ่านโทรศัพท์มือถือของมัทนา...สาระวารีกำลังเอาบุหรี่ที่ตนซื้อเก็บไว้ในล็อกเกอร์ไปทิ้งถังขยะที่มุมหนึ่งในสยามสาร สาระวารีรู้ตัวหันมามองจ้องกล้อง ทำหน้าดุใส่
​“ถ่ายอะไรมัท เดี๋ยวเหอะนะ กะอีแค่เอาบุหรี่มาทิ้ง จะถ่ายทำไม”
​“ก็ถ่ายไว้ให้พี่มี่ดูน่ะสิคะ จะได้มีหลักฐานยืนยันว่าพี่วารีเลิกบุหรี่ได้แล้วจริงๆ”
​สาระวารีจ้องมัทนา เท้าสะเอว
​“เลิกได้ก็เพราะรำคาญพวกเธอนั่นแหละย่ะ”
​มัทนาแซวๆ
​“จริงเร้อ ไม่ใช่เพราะใครบางคนหรอกเหรอ”
​สาระวารีเขินเลยทำฟอร์มโกรธ
​“พี่ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้นแหละ”  
​สาระวารีเก็บกลักบุหรี่มาใส่กระเป๋าสะพาย
​“อ้าว  เก็บไว้ทำไมอีกล่ะพี่  ทิ้งไปเลย”
​“ขอเก็บไว้ดูต่างหน้าหน่อยเถอะ  แค่นี้ก็หักดิบสุดๆ แล้ว”
​“เปิดให้ดูหน่อย มีบุหรี่รึเปล่า”
​สาระวารีสีหน้าหงุดหงิดปนเซ็ง เปิดให้ดู
​“มีสิ แต่เธอจะเอาปากกามาเขียนทำตำหนิไว้เลยก็ได้  พี่ไม่สูบแน่นอน”
​“แล้วจะเก็บไว้ทำไมล่ะคะ”
​สาระวารีทำหน้ากวนๆ
​“เอาไว้ดม”
​เสียงมัทนาขำๆ ดังแทรกขึ้นมา สาระวารีปิดกลักบุหรี่
​“พอให้หายคิดถึง..คนอย่างสาระวารี ทำอะไรทำจริงย่ะ” สาระวารีเชิ่ดใส่กล้อง
​“แล้วรักใครรักจริงด้วยรึเปล่าคะ”
​“หยุดถ่ายได้แล้ว”
​สาระวารีตรงเข้าจักจี๋คนถ่าย กล้องไหว กวาดถ่ายกระจายไป จนคลิปตัดไป
​พอดูคลิปเสร็จ  ษมาก็หน้านิ่งไปทันที มัทนาเก็บมือถือ
​“หลังจากวันนั้นมัทก็แอบดูเรื่อยๆ นะคะ  พี่วารีไม่เคยสูบบุหรี่อีกเลย บุหรี่ในกลักก็เหลือเท่าเดิม”
​“เค้าอาจจะเอามวนใหม่มาใส่แทนก็ได้” เขตต์ตวันบอก
​“ไม่ใช่หรอกค่ะ มวนเดิมค่ะ เพราะมัทแอบเอาปากกาติ๊กเล็กๆ เอาไว้ทุกมวน”
​“ค้าก็ซื้อซองใหม่มาสูบเลยก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องใช้บุหรี่นี่เลย” เขตต์ตวันพูดพลางยักไหล่
​มัทนาจ้องหน้าเขตต์ตวัน
​“พี่วารีไม่ใช่คุณเอกชัยเพื่อนซี้คุณปอนนะคะ  จะได้เจ้าเล่ห์ขนาดนั้น”
​มัทนามีสีหน้าเคืองๆงอนๆ เขตต์ตวัน ษมานิ่งเครียดอย่างใช้ความคิด
​“ผมเชื่อเหมือนที่คุณมัทพูดนะครับ”
​มัทนาย่นจมูกใส่เขตต์ตวันเล็กน้อย เขตต์ตวันหันไปพูดกับษมา
​“ถ้าคุณวารีเลิกได้จริงอย่างที่ทุกคนมั่นใจ เรื่องคราวนี้ก็คงไม่ใช่อุบัติเหตุแล้วล่ะครับ”
​ษมาหันไปมองสาระวารีด้วยความสงสาร แล้วเดินเข้าไปหาสาระวารีที่เตียง เขตต์ตวันและมัทนาหันสบตากัน ษมาเข้าไปนั่งข้างเตียง ลูบผมสาระวารีอย่างทะนุถนอม สีหน้าแววตารู้สึกผิด
​“ผมขอโทษนะวารี  ทั้งเรื่องระเบิด เรื่องยา  มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นคนของผมเองที่ทำร้ายคุณ  ขอให้ผมแน่ใจก่อนเถอะว่ามันเป็นใคร ผมไม่ยอมให้คุณเจ็บตัวฟรีแน่นอน”
​ษมาแววตาดุดันเอาจริง

มนต์จันทรา ตอนที่ 11 (ต่อ)

​ผ่านเวลาเล็กน้อย บริเวณทางเดินในบ้าน ษมากำลังคุยกับจันเลาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
​“เป็นเหมือนที่ผมคิดจริงๆ เรื่องคราวนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ คุณษมาจะให้ผมจัดการยังไงก็สั่งมาได้เลยนะครับ”
​“จับตาดูไว้เหมือนเดิม ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน เกิดไม่ใช่ขึ้นมา จะกลายเป็นแหวกหญ้าให้งูตื่นไปซะเปล่าๆ”
​จันเลาคิดตาม  แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
​“ได้ครับคุณษมา”
​ขณะนั้นเอง พิพัชก็เดินหน้าเครียดเข้ามาหา
​“คุณษมาครับ พวกนายดิตถ์กับคุณโศภี เริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้วนะครับ”
​ษมาหน้าเซ็ง
​“คราวนี้อะไรอีกล่ะ”
 
​ดิตถ์เดินลงจากโรงพัก โดยมีลูกน้องตามประกบและตำรวจเดินตามมาดูแลความปลอดภัยให้
นักข่าวจากนสพ.ท้องถิ่น ทีวีภูมิภาค  ข่าวเคเบิ้ลกรูเข้าไปรุมสัมภาษณ์ดิตถ์ทันทีที่ออกมา ดิตถ์ยิ้มแย้มบอก
​“ใจเย็นๆ ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ ผมแค่ต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ ก็เลยขอเข้ามามอบตัวกับทางตำรวจเท่านั้นเองครับ”
​นักข่าวคนที่ 1ถาม
​“แล้วทำไมถึงเพิ่งมามอบตัวล่ะคะ ทั้งๆที่เรื่องแชร์เครื่องสำอาง เกิดมาได้ซักพักแล้ว”
​ดิตถ์ปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
​“ผมตกใจน่ะครับ ไม่คิดว่าคนทำมาหากินสุจริตอย่างผม จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ พอตั้งสติได้ ผมก็เลยอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง”
​นักข่าวคนที่ 2 ถาม
​“แต่คนที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าคุณดิตถ์อยู่เบื้องหลังนะครับ”
​ดิตถ์หน้านิ่ง ยิ้ม
​“ทุกอย่าง เอาไว้ไปว่ากันในศาลแล้วกันนะครับ”
​ขณะนั้นเอง โศภีใสชุดสวยเด่นก็เดินเข้ามาแบบจงใจแย่งซีน นักข่าวคนที่ 1เหลือบตาเห็น
​“คุณโศภี”
​นักข่าวรีบพุ่งไปที่โศภีแทน ดิตถ์มองไปทางโศภีอย่างงงๆ เหมือนกัน  จะมาไม้ไหนของเธอเอง
โศภียิ้มแย้มรับนักข่าวอย่างจงใจ
​นักข่าวคนที่ 1บอก​
​“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะคุณโศภี  ทำไมหายหน้าหายตา ไม่ออกงานเลยล่ะค่ะ”
​โศภียิ้มแย้ม
​“คิดถึงพี่กันเหรอคะ  คือตอนนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับพี่เยอะแยะไปหมดเลย ได้เจอพี่ๆน้องๆนักข่าววันนี้ก็ดีค่ะ โศจะได้ถือโอกาสแก้ข่าวซะเลย  เรื่องแรกที่อยากพูดมากที่สุดก็คือเรื่องสัมปทานคาสิโนเกาะพระฮาม”
​นักข่าวสนใจยื่นไมค์  ยื่นเทป อัดสัมภาษณ์ให้ใกล้ที่สุด ดิตถ์ ยิ้มๆ ส่ายหน้า อารมณ์ประมาณ แม่คนนี้รู้จักใช้โอกาสจริงๆ
​“โศไม่ได้สัมปทานแทนคุณษมานะคะ เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูล ตอนนี้... คาสิโนที่เกาะพระฮามยังเป็นของคุณษมา คุณษมายังเป็นเจ้าของสัมปทานแต่เพียงผู้เดียว  โศไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นเลยค่ะ”
​โศภียิ้มแย้มให้นักข่าวถ่ายภาพและรอคำถามต่อไป
 
​ในเวลาต่อมา โศภีมองห้องโถงอันโอ่โถงแสนสบายของบ้านตัวเอง เธอดูสดชื่นมาก เดินมาทิ้งตัวนั่งแผ่ที่โซฟา
​“ในที่สุดก็ได้กลับบ้านซะที”
​ดิตถ์เดินยิ้มๆ เดินตามเข้ามา
​“คุณนี่ไม่ยอมให้ตัวเองเสียโอกาสเลยนะ  ให้ผมมอบตัวเพื่อหาทางวิ่งเต้น ก็อาศัยกระแสข่าวผม แก้ข่าวลือให้ตัวเอง”  
​ดิตถ์ยิ้มอย่างชื่นชม​
​“แน่นอน  ชีวิตฉันคิดน้อยอยู่เรื่องเดียว ที่คบนายเป็นเพื่อนนี่แหละ”
​โศภีทิ้งค้อนใส่ ดิตถ์ยิ้มๆ เดินหน้ากรุ้มกริ่มเข้าหา
​“ถ้าเป็นเมื่อก่อนลองพูดยังเงี้ย จับปล้ำไปแล้ว”
​โศภีตั้งท่ารังเกียจ
​“ไปห่างๆ เลยไป”
​“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อ” ดิตถ์พูดพลางทิ้งตัวลงนั่งด้วย
​“ก็ต้องรอยืมมือนังลำแพงมันจัดการนังนักข่าวนั่นให้ได้ซะก่อน จากนั้นเราค่อยคิดหาทางอีกที...จะท่าดีทีเหลวรึเปล่าก็ไม่รู้”
​โศภีนึกลังเล ดิตถ์ยกมือแผ่ออก เซ็งๆ คล้ายยอมแพ้
​“โอกาสสุดท้ายแล้ว”
​“ก็ไม่แน่หรอก”  
​โศภีสีหน้าใช้ความคิด หาทนทางขัดขวางษมาไม่ให้สมหวัง

​ภายในห้องนอนแขก มัทนาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดมือเช็ดแขนให้สาระวารีเบาๆ ษมากำลังคุยกับเขตต์ตวันอยู่ใกล้ๆ
​“ผมไม่อยากทิ้งวารีไปตอนนี้เลยครับ แต่ก็เป็นห่วงงานที่พระฮาม”
​“ผมเข้าใจครับ คุณษมาไปทำงานให้สบายใจเถอะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ผมกับมัทจะดูแลคุณวารีให้เอง”  
​“ขอบคุณครับ ทางคุณเองก็ไม่ต้องห่วงว่าเวลาผมไม่อยู่จะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ผมวางคนคุ้มกันพวกคุณไว้แล้ว”
​เขตต์ตวันพยักหน้ารับทราบ
​“ยังไงคุณษมาก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ”
​“ถ้าชีวิตจะต้องคอยระวัง หวาดระแวงอยู่ยังงี้ สู้เลิกทำคาสิโน ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
​ทุกคนหันมองมัทนา
​“พี่วารีเคยเล่าให้ฟังว่าคาสิโนเป็นความฝันของคุณ แต่มัทว่าฝันแล้วต้องเดือดร้อนขนาดนี้  สู้ฝันอย่างอื่นดีกว่า”
​“มัท” เขตต์ตวันส่งเสียงปราม
​มัทนาแอบจ๋อยไปเล็กน้อย ษมาขำๆ
​“ความฝันมันก็ส่วนนึงครับ แต่ความรับผิดชอบที่ผมมีกับลูกน้องก็อีกส่วนนึง คาสิโนที่ผมจะเปิด มันจะสร้างงานสร้างรายได้ให้คนอีกมาก ทั้งทางตรงทางอ้อม ตอนนี้มีคนอีกเยอะอาจจะเป็นพันๆ ที่ฝากความหวังไว้กับความฝันของผม”
​“แต่พี่วารีเกลียดการพนันมาก คุณษมาก็ทราบไม่ใช่เหรอคะ”
​ษมาหน้าจ๋อยลงชำเลืองมองสาระวารี
​“ทราบครับ  แต่ถ้าจะให้ผมเลิกคาสิโนแล้วทิ้งลูกน้อง เพื่อความสุขของตัวเอง ผมว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไป ผมยอมเสียใจผิดหวังคนเดียวดีกว่า”
​เขตต์ตวันยิ้มบางๆไม่พูดอะไร  แต่รู้สึกชื่นชมความคิดษมา
​“มันไกลเกินกว่าจะถอย”
​ษมาหันมองเขตต์ตวัน
​“ครับ ทุกเรื่อง ทั้งคาสิโน ทั้งคุณวารี”
​ษมาชำเลืองมองไปที่สาระวารี ด้วยสีหน้าหนักใจ
​มัทนาอมยิ้มขี้เล่นให้เขตต์ตวัน  เขตต์ตวันทำหน้ากำราบมัทนาแบบเอ็นดูว่า อย่าทะเล้นให้มันมากนัก
ษมายังคงมองไปที่สาระวารี ด้วยสีหน้าแววตาเป็นห่วง ขณะที่เธอยังคงนอนหลับสนิท ไม่รู้เรื่องอะไร
 
​ในเวลาต่อมา ษมาเดินนำไปที่ท่าเรือ พิพัช และลูกน้อง รายล้อมคุ้มกันเต็มที่ แลงคอยแอบดูอยู่
ษมาขึ้นเรือก่อนที่เรือจะแล่นออกไป
​แลงมีสีหน้าเก็บข้อมูลพอหันหลังกลับก็ต้องสะดุ้งโหยงที่เห็นจันเลายืนมองอยู่
​“คุณจันเลา”
​จันเลาพูดหน้านิ่งถาม
​“ทำอะไร”
​แลงรีบปั้นหน้าปกติ
​“ก็ดูว่าใครไปไหนน่ะครับ”
​“แล้วรู้รึยัง”
​“รู้แล้วครับ  งั้นผมไปทำงานต่อนะครับ”
​แลงรีบเดินเลี่ยงไป ด้วยสีหน้าแววตาดูสติแตกมาก กลัวถูกจับได้ อารมณ์ประมาณวัวสันหลังหวะ
 
​เขตต์ตวันยืนรอไปมาอยู่หน้าห้องพักแขก ก่อนตัดสินใจเคาะประตูห้อง
​“ผมเข้าไปได้รึยังครับ”
​มัทนากำลังคุยกับนางพยาบาลอยู่ก็ชะงักไป
​“เชิญค่ะ  เรียบร้อยแล้ว”
​พยาบาลผูกเชือกเสื้อผู้ป่วยจุดสุดท้ายให้สาระวารี
​เขตต์ตวันกลับเข้าห้องมานั่งที่เก้าอี้มุมห้อง หยิบไอแพดขึ้นมาเช็กงานออกแบบไป มัทนาคุยกับอรุณฉายต่อ อย่างสนใจอยากรู้
​“เมื่อกี๊คุณบอกว่าโดนใส่ร้าย เรื่องอะไรเหรอคะ”
​“ก็ก่อนที่พวกคุณจะมา คุณวารีได้รับยาแก้ปวดเกินขนาด  คุณษมาสงสัยว่าดิฉันสะเพร่าน่ะค่ะ แต่ดิฉันไม่ได้ทำจริงๆนะคะ ยาขนาดนั้นคนดีๆยังไม่ไหวเลย แล้วดิฉันจะกล้าฉีดให้คนไข้ได้ยังไง”
​เขตต์ตวันได้ยินคำพูดของอรุณฉาย รู้สึกฉุกใจคิดว่า คำพูดของอรุณฉายเป็นเบาะแสได้
​“แล้วคุณพยาบาลสงสัยว่าเป็นฝีมือใครเหรอคะ”
​“ไม่มีใครยอมรับหรอกค่ะ ต่างคนก็ต่างโทษกันไปมา แต่ดิฉันว่า คุณษมาต้องคิดว่าเป็นฝีมือดิฉันแน่ๆเลย”
​เขตต์ตวันพูดเสริมขึ้นมา
​“ไม่หรอกครับ ถ้าเป็นอย่างงั้น คุณษมาคงส่งคุณกลับไปแล้ว”
​อรุณฉายหันมองไปทางเขตต์ตวัน
​“จริงด้วยค่ะ คุณษมาห่วงพี่วารีจะตายไป ลองให้คุณทำงานต่อ ก็แสดงว่าเชื่อใจคุณ ว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ” มัทนาว่า​
​อรุณฉายเริ่มยิ้มออก  มีคนเข้าข้างก็เลยมีกำลังใจขึ้นเยอะ
​“ดิฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณวารีหรอกค่ะ แต่ไอ้คนที่ดิฉันว่า น่าสงสัยก็อยู่กับคุณษมามานาน  บอกไปคุณเค้าก็ไม่เชื่อ”
​“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ควรต้องบอกก่อนนะคะ” มัทนาแนะนำ
​“บอกไปแล้วค่ะ คุณษมาก็ไม่ได้จัดการอะไร”
​มัทนาสงสัย ซักต่อ
​“ใครเหรอคะ”
​อรุณฉายพูดเสียงเบาลง  เหมือนกลัวลำแพงได้ยิน
​“ก็คุณลำแพง แม่บ้านของที่นี่น่ะสิคะ เค้าเคยเห็นดิฉันฉีดยาให้คุณวารี เค้ารู้หมดล่ะค่ะ ว่าดิฉันเก็บยาที่ไหน แล้วต้องฉีดยังไง แต่คุณแม่บ้านชิงใส่ร้ายดิฉันกับคุณษมาซะก่อน”
​มัทนา และ เขตต์ตวันหันไปสบตากัน  ได้ข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก จากปากคำของอรุณฉาย
 
​ จอคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องพักแขก  ที่อยู่ในห้องทำงานษมา เห็นภาพตวัน  มัทนา และอรุณฉาย คุยกันอยู่ ลำแพงถือไม้ปัดฝุ่นยืนมองดูอยู่ แม้ไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกันแต่ก็อดที่จะระแวงๆ ขึ้นมาไม่ได้ ลำแพงหน้านิ่ง ตาแข็ง ปากกระตุกๆ เพราะความเครียดที่เริ่มก่อตัว

​เกาะยานกตอนหัวค่ำ ลูกน้องษมาเดินเวรยามเพื่อรักษาความปลอดภัยกันเข้มงวดกว่าปกติ ฝ่ายสาระวารีไข้ขึ้นสูง นอนกระสับกระส่าย เพ้อหนัก!! ในขณะที่มัทนาและอรุณฉาย ช่วยกันเช็ดตัวให้สาระวารีกันจ้าล่ะหวั่น แต่อาการยังไม่ดีขึ้น มัทนาห่วงสาระวารีสุดๆ
​“นี่มันอะไรกันคะ เช็ดตัวไม่รู้กี่รอบแล้ว ทำไมไข้ไม่ลดซะที”
​อรุณฉายกลุ้มใจมาก
​“ดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ คราวก่อนให้ยาลดไข้ก็ยังเอาอยู่  แต่คราวนี้ ให้เท่าไหร่ไข้ก็ไม่ยอมลดซะที”
​สาระวารีเริ่มเพ้อหนัก มือตะกุยตะกายเหมือนพยายามจะคว้าอะไรซักอย่าง มัทนาน้ำตาคลอ พยายามจับมือสาระวารีไว้
​“พี่วารี เป็นยังไงมั่งคะ”

​อรุณฉายก็พยายามเช็ดตัวไป
​ด้านหน้าห้องแขก  เขตต์ตวันกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างร้อนใจกับหมออเนก
​“ครับ เช็ดตัวอยู่ครับ … หลายรอบแล้วครับ … คุณพยาบาลให้ยาลดไข้แล้วครับ”
​เขตต์ตวันถามอย่างร้อนใจ...
​“ผมควรทำยังไงต่อครับ”  
​เขตต์ตวันฟังหมออย่างร้อนใจ

​ภายในห้อง ลำแพงปล่อยผมสยายนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข เธอมองดูตัวเองในกระจกอย่างอารมณ์ดีมาก พึมพำบอกตัวเอง
​“พ้นคืนนี้ได้แกก็อึดเกินคนแล้ว”
​ลำแพงยิ้มสะใจ
 
​เวลาเช้าตรู่ กับบรรยากาศทะเล  มัทนา เขตต์ตวัน และอรุณฉายต่างนั่งหลับฟุบคนละมุมห้องหลังจากช่วยดูแลสาระวารีกันมาตลอดทั้งคืน สาระวารีนอนหลับสนิทไม่มีอาการทุรนทุรายเหมือนเมื่อคืน
​มัทนารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา รีบลุกมาดูสาระวารีที่เตียง จับแขน แตะหน้าผาก ข้างคอ อรุณฉายเลยรู้สึกตัวตื่นตาม
​“ตัวเย็นลงแล้วค่ะ”
​“เดี๋ยวลองวัดความดันดูก่อนค่ะ เมื่อคืนความดันผิดปกติมาก”
​อรุณฉายลุกไปหยิบเครื่องวัดความดัน มัทนาหันไปหยิบขวดน้ำผึ้งมาวางใกล้ๆ
​“จะทาน้ำผึ้งที่แผลเลยมั้ยคะ”
​“ค่ะ  เดี๋ยวขอวัดความดันก่อน”
​“งั้นมัทช่วยเตรียมน้ำผึ้งให้ค่ะ”
​มัทนาเอาขวดน้ำผึ้งมาเทใส่ถ้วยเตรียมพร้อมไว้ เทเสร็จก็วางขวดไว้ข้างๆ
​น้ำผึ้งของลำแพงที่ค่อยๆ ไหลลงถ้วย เขตต์ตวันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกคน
​“คุณวารีเป็นยังไงมั่ง”
​มัทนายิ้มสบายใจ
​“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
​เขตต์ตวันโล่งอก
​“ค่อยยังชั่ว  งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
​“ค่ะ”
​เขตต์ตวันเดินไปเปิดประตูห้อง ปรากฏว่าเจ้าเหลืองลายนั่งรออยู่หน้าห้อง
​“มีแขกมาเยี่ยมคุณวารีแต่เช้าเลย”
​เจ้าเหลืองลายเดินส่ายอาดๆ เข้าห้องมา มัทนาหันไปมอง ยิ้มแป้น
​“เจ้าแมวหมู น่าฟัดจริงจิ๊ง”
​มัทนาลุกอย่างมันเขี้ยวจะมาอุ้ม แต่ไม่ทันระวัง เลยเดินชนขวดน้ำผึ้งตกแตกกระจายที่พื้น
ทุกคนตกใจ มีแต่เหลืองลายที่ดีใจ วิ่งจู๊ดมากินน้ำผึ้งกับพื้นทันที มันเลียกินอย่างตะกละ มัทนาตกใจ
​“ว๊าย ไม่ได้นะตุ่มลาย เดี๋ยวเศษแก้วบาดคอ”
​มัทนารีบอุ้มตุ่มลายขึ้นมา ไม่ให้กินน้ำผึ้งมากไปกว่านี้ อรุณฉายหยิบทิชชู่ฃ
​“เดี๋ยวดิฉันเก็บเศษแก้วให้ค่ะ”
​“ผมไปเรียกเด็กมาช่วยทำความสะอาดให้ครับ”
​แต่เขตต์ตวันยังไม่ทันก้าวออกไป  เหลืองลายก็มีอาการชัก น้ำลายฟูมปากขึ้นมาทันที มัทนาตกใจสุดๆ
​“ตุ่มลาย เป็นอะไร เศษแก้วเข้าคอแน่เลย”
​เขตต์ตวัน  และอรุณฉายรีบเข้ามาดูอาการทันที
​“มัทฆ่าตุ่มลายแล้ว ทำไงดีคะคุณพยาบาล”
​อรุณฉายเห็นอาการเหลืองลาย  จากประสบการณ์การเป็นพยาบาลก็วินิจฉัยออกทันที
​“ไม่ใช่เศษแก้วค่ะ  อาการตุ่มลายเหมือนโดนยาเบื่อมากกว่า”
​เขตต์ตวันและมัทนามีสีหน้าตกใจ
​“คุณตวันคะ ช่วยตามคนมาช่วยดิฉันหน่อย แล้วก็ขอนม ไข่ไก่ กับสายยางด้วยนะคะ ดิฉันจะล้างท้องให้มัน คุณมัท มาช่วยดิฉันหน่อยค่ะ”
​มัทนารีบอุ้มตุ่มลายเข้าห้องน้ำพร้อมกับอรุณฉายทันที  ในขณะที่เขตต์ตวันรีบออกจากห้องไปตามที่อรุณฉายบอก
​สาระวารีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ในที่สุด ปริศนาก็เริ่มจะคลี่คลายเพราะความตะกละของเหลืองลายบวกกับความซุ่มซ่ามของมัทนา
 
​พวกคนรับใช้ รีบหาไข่ไก่ นมสด  และสายยางขนาดเล็ก วิ่งกันพล่านไปหมด เพื่อเอาไปล้างท้อง
ให้เหลืองลาย แลงมองตามพวกคนรับใช้ด้วยความแปลกใจ
​ขณะนั้นเอง กูซอวิ่งหน้าตาตื่นมา จะไปช่วยเหลืองลายอีกคน แลงรีบจับแขนกูซอ
​“เกิดอะไรขึ้นวะ วุ่นวายกันทั้งบ้านเลย” ​
​“ก็ไอ้เหลืองลายน่ะสิ มันกินอะไรในห้องคุณวารีเข้าไปก็ไม่รู้ ชักตาตั้งเลย  คุณพยาบาลกำลังจะล้างท้องให้มันอยู่เนี่ย นี่ถ้ามันเป็นอะไรไป คุณษมาเอาตายเลย”
​กูซอรีบเดินเลี่ยงไปทันที ในขณะที่แลงหน้าซีดเผือด กลัวจับใจ เพราะรู้แล้ว ว่าเหลืองลายกินอะไรเข้าไป
 

อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.

มนต์จันทรา ตอนที่ 11 (ต่อ)

ลำแพง มีอาการอึ้ง หน้าซีดเผือด เมื่อแลงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่สาวฟังที่ห้องพัก ด้วยสีหน้าท่าทางร้อนใจสุดๆ
“ไอ้แมวตะกละนั่นมันชอบกินของหวานจะตายไป ที่มันชักตาตั้งงั้น เพราะมันต้องกินน้ำผึ้งเข้าไปแหงๆ รีบหนีเถอะพี่ ขืนช้า เราจะไม่รอดเอานะ”
“ที่นี่เป็นบ้านของเรา แกจะให้ฉันหนีไปไหน”
“ยังจะพูดอย่างงี้อีกเหรอพี่ ที่นี่มันเป็นของคนอื่นไปแล้ว ต่อให้มันยังเป็นของเราอยู่ เราก็ต้องหนี ไม่งั้นได้ติดคุกกันหมดนี่แหละ ไปเร็วพี่”
แลงดึงแขน ลำแพงสะบัดมือออก ตวาดแว๊ด
“ฉันไม่ไป ไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่ ตายที่นี่ ที่นี่คือบ้านของฉัน”
“พี่แพง หนีไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า”
ลำแพงสีหน้าขรึมลง
“แกไม่ต้องกลัวไปไอ้แลง ไม่มีใครทำอะไรเราได้ทั้งนั้น ฉันจะบอกคุณษมาเอง ว่าฉันทำทุกอย่างไปเพื่อเค้า เค้าต้องเข้าใจ แล้วก็ไม่ถือโทษโกรธพวกเรา”
แลงเห็นพี่เพ้อเจ้อสุดๆ ก็ทนไม่ไหว
“พี่ไม่ไปก็ตามใจนะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ ฉันไม่อยากติดคุก”
แลงรีบหนีเอาตัวรอดออกไปจากห้องทันที ลำแพงยืนนิ่งสงบ สายตาเลื่อนลอย เหมือนคนที่สติใกล้แตกเต็มทน มุมปากเริ่มกระตุกๆ

แลงกำลังวิ่งตรงไปที่ท่าเรือ เพื่อจะขโมยเรือหนีไป แต่ทันใดนั้น แลงก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อเห็นษมา พิพัช และบรรดาลูกน้องกำลังขึ้นจากเรือ จันเลาเดินเข้าไปหาษมา คุยกันอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ษมาจะเดินนำทุกคนไป
แลงตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าษมาจะมาถึงเร็วแบบนี้ เลยรีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ไปอีกทางทันที

ภายในห้องนอนแขก มัทนา และเขตต์ตวันยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ โดยมีเสียงอรุณฉาย กูซอที่กำลังช่วยกันล้างท้องเหลืองลาย ดังแว่วออกมาจากในห้องน้ำ
“จับแน่นๆสิ มันอาละวาดใหญ่แล้วเห็นมั้ย”
“อยู่นิ่งๆสิเหลืองลาย กำลังช่วยแกอยู่นะ โอ๊ยๆ เจ็บ อย่าข่วนสิ”
มัทนาทำหน้าแหยๆ สงสารเหลืองลายจับใจ ภาวนา
“ตุ่มลาย อย่าเป็นอะไรเลยนะ”
เขตต์ตวันวางมือบนบ่ามัทนาบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
ชั่วอึดใจ อรุณฉายก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำออกมาในสภาพเยินเล็กน้อย หัวกระเซิง ตามเนื้อตัวเลอะทั้งนม ทั้งไข่ไก่
อรุณฉายพูดอย่างเหนื่อยหอบ
“ปลอดภัยแล้วค่ะ ให้เจ้าตุ่มลายมันนอนพักอยู่ข้างในซักครู่ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“งั้นเดี๋ยวขอมัทเข้าไปดูมันหน่อยนะคะ”
“เชิญค่ะ”
มัทนากำลังจะเข้าไป แต่กูซอในสภาพเยินกว่าอรุณฉาย แถมตามหน้า ตามตัว ยังมีแผลโดนเหลืองลายข่วนจนเลือดไหล เดินสวนออกมาซะก่อน มัทนาตกใจ
“โห...”
กูซอแทบเป็นลม
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าคุณษมารักเจ้าเหลืองลายมาก ผมไม่ยอมเจ็บตัวขนาดนี้หรอก”
มัทนายิ้มแหยๆ ยกมือไหว้
“ขอโทษทีนะคะเพราะฉันซุ่มซ่ามแท้ๆ เลย”
กูซอรีบรับไหว้
“อุ๊ย ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องมาไหว้ผมหรอกครับผมขอไปอาบน้ำล้างตัวก่อนนะครับ”
กูซอเดินโทรมออกจากห้องไป โดยมีอรุณฉายตามไปอีกคน มัทนาเลยรีบเข้าไปดูเหลืองลายในห้องน้ำทันที เขตต์ตวันจะตามเข้าไป แต่โทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นซะก่อน
“ครับคุณษมา … ถึงแล้วเหรอครับ ทราบเรื่องรึยังครับ … ตุ่มลายปลอดภัยแล้วครับ”
เขตต์ตวันหยิบขวดเล็กๆที่ใส่น้ำผึ้งออกมา แล้วคุยโทรศัพท์ต่อ
“ผมเก็บน้ำผึ้งที่เหลือเอาไว้แล้ว คุณส่งไปตรวจได้เลย เราจะได้รู้ความจริงกัน ครับ ครับ”
เขตต์ตวันกดตัดสายไป
มัทนาเดินออกมาจากในห้องน้ำ เขตต์ตวันยิ้มบางๆ
“ตุ่มลายเป็นไงบ้าง”
“นอนหมดแรงไปเลยค่ะ โชคดีที่รอดมาได้ ไม่งั้นมัทคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
มัทนาทั้งสงสารและทำหน้าแหยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขตต์ตวันยิ้มๆ
“ใครโทรมาคะ”
มัทนาเดินไปนั่งเฝ้าสาระวารี
“คุณษมา เค้ามาถึงแล้ว ถ้าเรื่องนี้คลี่คลายได้ ก็เพราะฝีมือคุณเลยนะ”
มัทนายิ้มเขินๆ
“มัทไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย”
“ทำขวดน้ำผึ้งแตกทั้งขวดขนาดนั้นยังจะว่าไม่ได้ทำอะไรอีก”
มัทนาทำหน้างอนๆ เขตต์ตวันเดินเข้ามาพูดข้างๆ
“นี่ถ้ามัทไม่ชนขวดน้ำผึ้งแตก ป่านนี้เราก็ไม่รู้หรอกว่าในน้ำผึ้งมียาพิษผสมอยู่”
“ตกลงชมว่ามัทซุ่มซ่ามใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”

เขตต์ตวันขำๆ มัทนาหมั่นไส้ปนเจ็บใจหยิกพุงอดีตพระเอกหนุ่มจนบิด

ลำแพงยืนอยู่คนเดียวที่ริมหน้าผาเกาะยานก เธอมีสีหน้าเหม่อลอย นิ่งสงบ ดูไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ษมา พิพัช จันเลา และกลุ่มลูกน้องษมา ตามเข้ามาหาลำแพง ก่อนจะล้อมเอาไว้ไม่ให้หนี ลำแพงหันมามองหน้าษมาด้วยสายตาเย็นชา แม้ษมาจะโกรธสุดๆ แต่พยายามระงับอารมณ์
“ทำแบบนี้ทำไมลำแพง”
“คุณไม่เห็นเหรอคะ นังผู้หญิงคนนั้นเข้ามาขวางทางของเรา นังตัวมาร มันยั่วยวนทำให้คุณหลง”
ษมาและคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้งไปหมด คิดไม่ถึงว่าลำแพงจะตอบอะไรแบบนี้!!
“วารีไม่ได้ยั่วฉัน ฉันรักเค้าเอง”
ลำแพงแค้นสุดขีด ตะโกนลั่น น้ำตาท่วมตาขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะพูด
“ไม่จริง คุณษมาไม่ได้รักมัน คุณรักฉันคนเดียว ฉันนี่แหละที่จะเป็นเมียคุณ คอยดูแลปรนนิบัติคุณ อยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต”
ลำแพงตาแดงกล่ำ น้ำตาไหลริน ษมาอึ้งๆไป เพราะนึกไม่ถึง ลำแพงพูดทั้งน้ำตา
“เราคือผัวเมียกัน ใครหน้าไหนก็มาแยกเราไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าใครบังอาจ ฉันก็จะฆ่ามัน ฆ่ามันให้หมดทุกคน”
ษมาถอนใจหนักๆ รู้สึกว่าลำแพงเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว
“พอทีเถอะลำแพง อย่าหลอกตัวเองอีกเลย เธอก็น่าจะรู้ ว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอ ฉันรักวารี นอกจากวารีแล้ว ฉันไม่ต้องการใครอีก”
ลำแพงกรี๊ดสุดเสียง สติแตก
“ไม่จริง คุณโกหก คุณรักฉัน รักฉันคนเดียวเท่านั้น เหมือนที่ฉันรักคุณ เรารักกัน อยู่กินด้วยกันมานานแล้ว เรารู้ใจกันดีทุกอย่าง แต่นังผู้หญิงคนนั้น มันล่อลวงคุณไปจากฉัน”
“ฟังนะลำแพง ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันรักสาระวารี”
ลำแพงตัวสั่นด้วยความแค้น ริษยาสุดๆ สติแตกจนคุมไม่อยู่แล้ว เธอร้องแผดเสียงลั่น แล้วชักมีดออกมาพุ่งเข้าใส่ษมาทันที กะจะแทงให้ตายคามือ เพราะเมื่อตนไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้
แต่พิพัช จันเลา รออยู่แล้ว พอลำแพงพุ่งเข้ามา ก็ถูกจับตัวล็อกไว้ทันที จันเลาบิดข้อมือลำแพงจนมีดหลุดมือ ลำแพงร้องโหยหวนดิ้นรนสุดชีวิต แต่พิพัช จันเลาก็ล็อกไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด
“จันเลา เอาตัวไปส่งตำรวจ แล้วให้จัดการไปตามกฎหมาย”
“ครับคุณษมา”
ลำแพงสติแตก กรี๊ดลั่น
“ไม่ คุณจะทำอย่างงี้กับฉันไม่ได้ ฉันรักคุณ ฉันจะไม่ไปจากที่นี่ ไม่ไปจากคุณ อย่าทำอย่างงี้กับฉันเลย คุณษมา”
พิพัช จันเลาไม่สนใจ ช่วยกันล็อกตัวลำแพงไป ษมาได้แต่มองตามด้วยความสังเวชใจ
ลำแพงร้องไห้ ทุรนทุราย ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง จนพิพัช จันเลาจะลากตัวไปก็ลำบาก ษมาเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากเห็นภาพให้สังเวชใจ เขาเดินไปหันมองทางนอกหน้าผาแทน
“อ้าว นั่งร้องไห้ซะงั้น ตอนทำไม่คิด พอจะส่งตำรวจล่ะหมดแรงเลยเหรอ” พิพัชว่า
พิพัช จันเลาจะช่วยกันหิ้วปีกลำแพงให้ลุกขึ้น
แต่ทันใดนั้นเอง ลำแพงก็รวบรวมเรี่ยวแรง ผีบ้าเหวี่ยงตัวออกจากทั้งคู่ หมายพุ่งชาร์จเข้าใส่ษมาทันที กะจะให้ตกเหวตายไปด้วยกันเลย
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ษมาหันมาพอดีในจังหวะที่ลำแพงพุ่งโถมตัวเข้าใส่ ษมาเบี่ยงตัวหลบได้ทันแบบหวุดหวิด ลำแพงพลาดพุ่งตกเหวไปตามลำพังพร้อมเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บช้ำตามมา...
ษมาหันไปมองก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น พิพัช จันเลาและลูกน้องคนอื่น รีบวิ่งไปดูที่ปากเหว
ษมาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อตั้งสติ รู้สึกหดหู่ใจอย่างที่สุด

ภายในห้องนอนแขก ษมาเอื้อมมือไปลูบผมสาระวารีอย่างทะนุถนอม โดยมีเขตต์ตวัน และมัทนามองดูอยู่ใกล้ๆ
“ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะวารี จะไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดกับคุณอีกแล้ว”
มัทนาถอนใจ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ คุณแม่บ้านจะวางแผนฆ่าคนได้เลือดเย็นขนาดนี้ นี่เค้าโกรธแค้นอะไรพี่วารีนักหนาคะ”
“น่าจะเป็นความอิจฉามากกว่า” เขตต์ตวันบอก
ษมายิ้มเล็กน้อย
“คุณสรุปได้ตรงประเด็นที่สุดเลยครับ”
เขตต์ตวันสีหน้าเศร้าลง
“ประสบการณ์สอนครับคุณษมา คนของผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
เขตต์ตวันถอนใจออกมา มัทนาไม่เข้าใจ มีสีหน้าแปลกใจปนงง
“ถ้าฟังจากที่คุณษมาเล่า ผมเดาว่าแม่บ้านคุณษมาน่าจะมีอาการทางจิต เค้าคงอยากเป็นคุณผู้หญิงเจ้าของเกาะมาก แต่คุณวารีเข้ามาขวางทาง เค้าก็เลยคิดกำจัด”
ษมาพยักหน้ารับ มัทนานึกเป็นห่วงสาระวารี
“คุณษมาคะ พี่วารีทาน้ำผึ้งที่แผลไปตั้งหลายครั้งแล้วจะเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
“ผมคุยกับคุณหมออเนกแล้วครับ คิดว่าน่าจะยังรักษาทัน เดี๋ยวคุณหมอก็มาถึงแล้วล่ะ คุณมัทไม่ต้องห่วงแล้วนะครับสบายใจได้”
มัทนาพยักหน้ารับทราบมองแล้วไปทางสาระวารี
“แต่ก็น่าแปลกนะครับ คุณษมาบอกว่าให้คนจับตาดูไว้ตลอด แม้แต่ตอนที่ตีผึ้งด้วยซ้ำ แล้วยาพิษมันไปอยู่ในน้ำผึ้งได้ยังไง”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ยังไงผมก็ถือว่าเป็นความผิดของผมอยู่ดี เพราะผมไว้ใจคนของตัวเองมากเกินไป วารีถึงต้องมารับเคราะห์ขนาดนี้”
มัทนา และเขตต์ตวัน เห็นษมามองสาระวารีด้วยความห่วงใย ทั้งคู่เลยหันมายิ้มให้กัน ดีใจไปกับสาระวารีที่มีคนห่วงใยขนาดนี้

เพราะความกลัวมาก แลงจึงยอมว่ายน้ำหนีออกจากเกาะยานก แม้จะต้องว่ายข้ามทะเลก็ยอมเสี่ยงตายดีกว่าถูกษมาจับ แลงว่ายน้ำอยู่กลางทะเลจนหมดแรง ไม่รู้จะว่ายได้อีกนานแค่ไหน เรี่ยวแรงจวนจะหมดสิ้นแล้ว แถมกินน้ำทะเลเข้าไปหลายอึก จนระคายคอไปหมด

ขณะที่แลงกำลังแย่ เป็นตายเท่ากัน แลงก็เหลือบเห็นเรือประมง อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เขารวมแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ตะโกน “ช่วยด้วย” ก่อนจมน้ำลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

เวลาบ่าย ษมากำลังคุยอยู่กับจันเลาในห้องนั่งเล่น

“ผมหาดูทั่วเกาะแล้วครับ ไม่เจอไอ้แลงเลย เรือก็อยู่ครบทุกลำ ไม่รู้มันหายหัวไปไหน”
ษมาคิดอยู่ครู่นึง
“มันคงว่ายน้ำออกไป”
“ว่ายน้ำข้ามเกาะเนี่ยนะครับ” จันเลาน้ำเสียงดูตกใจ
“อย่าดูถูกคนที่โตมากับทะเลสิจันเลา เรื่องเอาตัวรอดในทะเล มันเก่งกว่าที่เราคิดเยอะ”
จันเลาคิดตาม แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้างั้นผมจะให้พวกเราตามหาตามเกาะแก่งใกล้ๆ ก็แล้วกัน ถ้ามันไม่จมน้ำตายไปซะก่อน ขึ้นฝั่งเมื่อไหร่มันโดนจับตัวส่งตำรวจแน่”
พิพัชเดินเข้ามาพร้อมกระดาษเอกสารในมือยื่นให้ษมา
“ผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งได้แล้วครับ”
ษมารับกระดาษมาอ่าน ซักอึดใจ นึกไม่ถึง
“พิษต้นยี่โถเหรอ”
“ครับ คงเป็นต้นยี่โถที่ลำแพงปลูกเอาไว้น่ะครับ ผึ้งไปกินน้ำหวานจากดอกยี่โถ ในน้ำผึ้งก็เลยมีพิษปนอยู่ด้วย ร้ายกาจจริงๆผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ใส่ยาพิษในน้ำผึ้ง แต่ตัวน้ำผึ้งตะหากที่เป็นพิษ” พิพัชบอก
จันเลาแปลกใจ
“แต่คุณแม่บ้านก็เอาน้ำผึ้งมาใช้บ่อยๆไม่ใช่เหรอ พวกเราก็เคยกิน แล้วทำไมไม่เห็นมีใครเคยเป็นอะไรเลย”
ษมาคิดตามก่อนตอบ
“น้ำผึ้งที่เรากินน่าเป็นน้ำผึ้งจากที่อื่น แต่น้ำผึ้งต้นยี่โถคงเตรียมไว้ใช้กับเรื่องนี้โดยเฉพาะ”
“ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่ายี่โถมีพิษร้ายแรงทั้งต้น ขนาดเด็กเล็กๆ เลียยางยี่โถที่เปรอะมือนิดเดียวยังตายเลย แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าลำแพงจะเอามาใช้แบบนี้” พิพัชบอก
ขณะนั้นเอง กูซอก็เข้ามาในห้อง
“คุณษมาครับ ตำรวจมาถึงแล้วครับ”
ษมาสีหน้าขรึมลง
“งั้นก็ช่วยกันเอาศพลำแพงขึ้นมาให้ตำรวจเค้าเอาไปชันสูตร”
“ครับ”
ษมาสีหน้าเศร้าๆ
“ทุกอย่างเรียบแล้วก็จัดงานศพให้ลำแพงด้วย ถึงเค้าจะทำความผิดจนไม่น่าให้อภัย แต่ยังไงก็เป็นคนเก่าคนแก่ของฉัน ฉันไม่อยากให้เค้าตาย โดยที่ไม่มีแม้แต่งานสวดศพ”
ษมาถอนใจยาวออกมา ด้วยสีหน้าเวทนาลำแพง

ลูกน้องษมาช่วยกันเอาศพลำแพงขึ้นมาจากเหว แล้ววางบนพื้น โดยมีพิพัช จันเลาและกูซอ ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่ตำรวจก็เข้าไปสอบปากคำ และตรวจที่เกิดเหตุ สภาพลำแพงตายตาค้าง ผิวขาวซีดเผือด ดูน่าสะพรึงกลัวสุด กูซอนึกกลัวจับใจ
“ดึกๆ ผมไม่กล้าเดินแถวนี้แล้วล่ะ ตอนเป็นยังน่ากลัวเหมือนผีดิบ ตอนเป็นผีจะน่ากลัวขนาดไหน” กูซอถอยไปห่างๆ พูดเองขนลุกเอง
“ไร้สาระน่ากูซอ คนตายก็อยู่ส่วนคนตายสิ”
จันเลาบอกพลางหันคุยกับพิพัช
“คุณษมานี่ก็ใจดีจริงๆนะ ทำกับตัวขนาดนี้ ยังเสียเงินจัดงานศพให้อีก”
จันเลาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พิพัชยิ้มรับ
“คุณษมาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ไม่งั้น พวกเราจะทำงานให้แบบมอบกายถวายหัวยังงี้เรอะ”
จันเลาสายตาแข็งกร้าวบอก
“ใครที่มันกล้าทรยศคุณษมา ฉันไม่เอาไว้เด็ดขาด”
พิพัชหน้าตาถมึงทึง เมื่อนึกถึงแลงที่ทรยศแล้วยังเจ็บใจแทนษมาไม่หาย
“ฉันก็เหมือนกัน ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ฉันจะลากคอมันออกมากราบเท้าขอโทษคุณษมาให้ได้”

บรรยากาศสวนกว้างตอนกลางคืน เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ จนแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้า ในความฝัน สาระวารีเดินอยู่คนเดียว มองอะไรก็ไม่เห็นเพราะหมอกลง อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เธอกวาดสายตาไปรอบๆอย่างหวาดกลัวไปหมด
“มีใครอยู่บ้างมั้ย ช่วยฉันด้วย”
สาระวารียิ่งเดิน ยิ่งมองไปรอบๆก็ยิ่งกลัวจับใจ
“ช่วยด้วย ฉันหลงทางช่วยด้วยค่ะ”
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงกระซิบ ดังขึ้นที่ข้างหู
“วารี” - - “ใคร” - - “วารี”
สาระวารีสีหน้าตื่นตกใจ หันมองไปรอบตัว
“อย่ายอมแพ้นะวารี”
สาระวารีได้ยินคำพูดให้กำลังใจ ก็เริ่มสงบลง
“คุณษมา คุณใช่มั้ย”
“คุณต้องสู้นะวารี คุณต้องกลับมาหาผม คุณเป็นคนแกร่ง อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ แบบนี้สิ”
สาระวารีดีใจ เริ่มมีกำลังใจและความหวัง
“ค่ะ ฉันจะกลับไป ฉันจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

สาระวารีตั้งสติฮึดสู้ เห็นเหมือนแสงสว่างมาจากบ้านอยู่ไกลๆ จากที่มืดมิดไปหมด
สาระวารียิ้มดีใจจะเดินกลับไป

ไม่คาดคิดมีมือหนึ่งยื่นมาจับมือสาระวารีเอาไว้ เธอหันขวับกลับไปดูด้านหลังอย่างเร็วไม่มีใคร
ศพลำแพงนอนเหยียดยาวกับพื้น ดีดขึ้นยืนชิดหน้าสาระวารีทันทีไม่ให้ทันตั้งตัว...จมูกชนจมูก ตาจ้องตา
สาระวารีกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจกลัวสุดขีด
สาระวารีร้องลั่น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความหวาดกลัว ษมารีบปลุกทันที
“วารี เป็นอะไรวารี”
สาระวารีได้สติ ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ษมายิ้มดีใจ
“ตื่นได้ซะทีนะ คนขี้เซา”
สาระวารีพอตื่นมาเห็นษมาก็เริ่มสงบลง
“คุณษมา”
ษมาดีใจมากจนน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา จับมือเธอกุมเอาไว้
“ผมห่วงคุณมากรู้มั้ย”
เธอโผเข้ากอดษมาทันที รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของษมา เขาตอบไว้แน่นอย่างทะนุถนอม มีความสุขที่สาระวารีปลอดภัย
“ฉันได้ยิน”
ษมาแปลกใจ
“ได้ยินอะไรครับ”
“คุณบอกว่า... ไม่ให้ฉันยอมแพ้”
ษมายิ้มบางๆ
“ผมดีใจนะครับที่คุณได้ยิน”
สาระวารีน้ำตาไหลออกมา สวมกอดษมาเอาไว้แน่น ทั้งคู่สวมกอดกันอย่างเปิดใจ ต่างถ่ายทอดความรู้สึก รักและห่วงใยให้กันอย่างเปิดเผยที่สุด
ภายในบริเวณบ้านสวนของลุงแลง ในเมืองตราดตอนเช้า แลงนอนมือก่ายหน้าผาก สีหน้าใช้ความคิด ดูซึมๆอยู่บนเตียงในห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น แลงเกิดอาการสะดุ้งหวาดกลัว รีบลุกขึ้นทันที
“ใคร”
ลุงน้ำเสียงหงุดหงิดบอก
“ก็ข้าสิวะไอ้แลง อยู่กันสองคนยังจะทะลึ่งมาถามอีก”
แลงโล่งอก รีบไปเปิดประตูให้ลุงทันที
“มีอะไรเหรอลุง”
“ข้าจะมาตามเอ็งไปช่วยข้าพรวนดินน่ะสิวะ ตั้งแต่มาถึง เอ็งก็เอาแต่อยู่ในห้อง ไม่คิดจะหยิบจับทำอะไรบ้างเลยรึไงวะ”
แลงสีหน้าเซ็ง
“รู้แล้วน่า เดี๋ยวฉันไปช่วย”
“แล้วนี่เอ็งจะบอกข้าได้รึยัง ไปก่อเรื่องอะไรมา ถึงมาหาข้าได้ ร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นหัว”
แลงถึงกับหน้าเสีย อึกๆอักๆ
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงสมบูรณ์ตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน
“เลิศ อยู่บ้านรึเปล่า”
ลุงแปลกใจ
“ใครวะ”
ลุงเดินออกจากห้องไปดู แลงมองตามไปด้วยความสงสัย

ลุงแลงเดินออกมาจากบ้านก็เห็นจ่าสมบูรณ์กับลูกน้องษมา 2-3 คน ยืนรออยู่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นสมบูรณ์ ก็รีบยิ้มทักทายด้วยความเกรงใจ)
“อ้าว จ่าบูรณ์น่ะเอง นึกว่าใคร เชิญๆ มาหาฉันถึงบ้านเลย มีอะไรเหรอ” ลุงจะเปิดประตูให้
“จะมาบอกข่าวเรื่องลำแพงน่ะสิ เห็นว่าเลิศเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของลำแพงเค้า ฉันก็เลยมาด้วยตัวเอง”
ลุงหน้าเสียไปเล็กน้อย ปั้นยิ้มให้สมบูรณ์
“แล้วนังลำแพง มันไปก่อเรื่องอะไรเข้าเหรอจ่า บอกก่อนนะว่า ฉันไม่ค่อยมีเงิน ถ้ามันไปก่อความเสียหายอะไร ฉันไม่มีปัญญาจะชดใช้แทนมันหรอกนะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่ฉันจะมาบอกว่าลำแพงตายแล้ว ตอนนี้ศพตั้งอยู่ที่วัดใหญ่”
ลุงตกใจมาก นึกไม่ถึง
“แล้วมันเป็นอะไรตายล่ะ”
สมบูรณ์หน้าเครียด
“แกไปถามตำรวจเค้าเอาเองดีกว่านะ เออ ถ้าเจอเจ้าแลง ก็ฝากบอกมันด้วยแล้วกัน มันขึ้นฝั่งมาตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้คงยังไม่รู้เรื่องหรอก”
“จ่าไปบอกมันเองมั้ยล่ะ มันอยู่ข้างในแน่ะ”
สมบูรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอบใจนะ”
สมบูรณ์กับบรรดาลูกน้อง รีบเข้าไปในบ้านทันที พอเข้าไปก็เห็นแลงกำลังวิ่งหนีไปทางหลังบ้านพอดี
“ ตามเร็ว”
สมบูรณ์กับพวกลูกน้อง รีบวิ่งกวดตามแลงไปทันที ลุงแลงมองตามไปอย่างงงๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ษมากำลังคุยกับพิพัชและจันเลาอยู่ที่ห้องทำงานบนเกาะยานก จันเลามีสีหน้าเจ็บใจบอก
“เสียดาย จ่าบูรณ์เกือบจับตัวมันได้แล้ว”
พิพัชหันไปบอกกับษมา
“แต่มันก็หนีไปได้ไม่นานหรอกครับ ผมสั่งคนของเราให้เฝ้าอยู่ที่งานศพลำแพงแล้ว ถ้าไอ้แลงมันไปงานศพพี่มัน เราต้องมีโอกาสจับตัวมันได้แน่”
ษมาพยักหน้ารับทราบ
“เจ้าแลง น่าจะเป็นสายให้นายดิตถ์กับโศภีอยากที่ผมสงสัยจริงๆนะครับ”
พิพัชสีหน้าติดใจสงสัย
“แต่ไม่น่าเชื่อว่าลำแพงจะร่วมมือด้วย”
ษมาคิดตาม
“ฉันว่าลำแพงคงไม่เกี่ยวหรอก เค้าน่าจะมีอาการทางจิตมากกว่า ก็เลยไล่ฆ่าผู้หญิงที่เข้าใกล้ฉัน ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ ฉันยังมั่นใจลำแพงอยู่ ส่วนเจ้าแลง ตอนนี้ฉันห้าสิบๆ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งเลิกจับตาคนอื่นด้วย”
“ได้ครับคุณษมา”
ษมาลุกขึ้นบอก
“มีอะไรก็แยกย้ายกันไปทำ ฉันจะไปดูวารีหน่อย”

ษมาเดินออกจากห้องไป จันเลามองตามเจ้านายแล้วอมยิ้ม ในอารมณ์ห่วงกันมากของเจ้านาย ส่วนพิพัชได้แต่มองตามด้วยสีหน้าเซ็งๆ กับอาการตกหลุมรักของเจ้านายตัวเอง

มนต์จันทรา ตอนที่ 11 (ต่อ)

ในเวลาต่อเนื่องมา สาระวารีกึ่งนั่งกึ่งนอนเอียงข้างอยู่บนเตียงกำลังทานคุกกี้อยู่ ส่วนมัทนากำลังจัดยาเตรียมน้ำให้สาระวารี เหลืองลายเดินเบียดประตูห้องที่ปิดแง้มๆ ไว้เข้าห้องมา เดินต้วมเตี้ยมๆ เข้ามาหาสาระวารี ทำหน้ายื่นๆเลียปากอยากกินคุ๊กกี้
สาระวารีมองเหลืองลายนิ่ง
“อยากกินเหรอ อ้ะ”
สาระวารีหยิบคุกกี้ยื่นให้ พอเหลืองลายจะเข้าไปกิน แต่พอจะอ้าปากจะงับ สาระวารีก็ดึงคุกกี้กลับทันที
“ไม่ให้”
สาระวารีเอาคุ๊กกี้เข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆยื่นหน้ายื่นตายั่วเหลืองลาย มัทนาต่อว่าแทนแมว
“พี่วารีใจร้าย ไม่ให้กินแล้วยังจะแกล้งตุ่มลายอีก ตุ่มลายเป็นฮีโร่ช่วยพี่วารีไว้จนเกือบต้องตายเลยนะคะ ไม่งั้นป่านนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอก ว่าน้ำผึ้งที่ทาหลังพี่วารีมีพิษ”
สาระวารียักไหล่อย่าฃไม่แคร์
“ก็แค่แมวตะกละ จะมาถือว่าเป็นบุญคุณไม่ได้หรอกนะ”
สาระวารีเหยียดปากใส่แมว อารมณ์เอ็นดูมากกว่าเกลียด มัทนาอุ้มเหลืองลายขึ้นมา)
“อย่าน้อยใจไปเลยนะตุ่มลาย มาเดี๋ยวพี่มัทหาขนมให้กินนะ”
สาระวารีหมั่นไส้สุดๆ
“มันอ้วนจนจะกลิ้งได้อยู่แล้ว ยังจะให้กินขนมอีกเหรอมัท เดี๋ยวก็ตุ่มแตกตายพอดี”
มัทนาหน้าจ๋อย)
“ก็มันน่าสงสารนี่คะ”
“พูดเหมือนเจ้าพ่อนายมันไม่มีผิด สงสารๆ ถ้ามันอ้วนจนเป็นโรคหรือเดินไม่ได้ขึ้นมา ดูซิว่าอย่างไหนจะน่าสงสารมากกว่ากัน”
มัทนามองหน้าสาระวารี แล้วยิ้มๆแบบมีเลศนัย เมื่อเห็นรอยยิ้มเพื่อนรุ่นน้องก็ชักร้อนตัว
“ยิ้มอะไร”
มัทนาขำๆ
“ก็ขำคนปากกับใจไม่ตรงกันน่ะสิ ปากก็ไม่สนไม่ชอบ แต่จำทุกคำพูดเค้าได้ขึ้นใจเลย”
สาระวารีดุกลบเกลื่อน
“เดี๋ยวจะโดน”
“คุณษมาน่ารักจะตายไป ตอนพี่วารีหลับอยู่นะ เค้าเฝ้าพี่วารีไม่ห่างเลยรู้ตัวป่ะ...มัทแอบมองสายตาที่เค้ามองพี่วารีก็รู้ ว่าเค้าห่วงพี่มากขนาดไหน”
สาระวารีอึ้งๆไป สีหน้าขรึมลง
“พี่รู้ ว่าเค้าดีกับพี่มาก แต่มันไปไม่รอดหรอกมัท พี่เกลียดบ่อน เกลียดการพนันเข้ากระดูกดำ พี่ไม่มีทางก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้หรอก”
“มัทว่ามีทางค่ะ แต่พี่วารีเลือกที่จะไม่เดินข้ามมันมากกว่า”
สาระวารีถอนใจ พูดขัดขึ้นมา
“พี่หายคราวนี้ พี่จะไม่กลับมาที่นี่อีก ไม่ติดต่อกับเค้าอีกเลย ทุกอย่างจะได้จบซะที”
ที่หน้าห้องพักแขก ษมากำลังจะมาเยี่ยมสาระวารีได้ยินทุกคำ เลยหยุดฟังอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดแง้มๆอยู่ ษมาได้ยินถึงกับหน้าถอดสี ก่อนจะค่อยๆเดินเลี่ยงกลับไปด้วยความน้อยใจ แต่ก็ต้องทำใจเตรียมรับสถานการณ์ไว้ระดับหนึ่ง
มัทนาปล่อยเหลืองลายมานั่งคุยกับสาระวารีต่อ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ มัทรู้นะคะ ว่าพี่วารีเกลียดการพนันมากขนาดไหน มัทเองก็ไม่ชอบ แต่สำหรับเรื่องคุณษมา มัทว่าพี่วารีใจแคบเกินไปหน่อย”
สาระวารีมีเคือง
“นี่ยัยมัท เดี๋ยวจะโดน เธอเห็นคนอื่นดีกว่าพี่รึไง มาว่าพี่ใจแคบ”
“ก็มันจริงนี่คะ คุณษมาเค้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง แต่พี่วารีก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็เอาข้อเสียข้อเดียว ขอเน้น แค่ข้อเดียวของเค้าที่พี่ไม่ชอบมาตัดสินทุกอย่าง”
สาระวารีค้อนใส่มัทนาอีกขวับ
“มัทถามจริงๆเถอะค่ะ ความรักความจริงใจที่คุณษมามีให้พี่วารี มันไม่มีความหมายอะไรเลยเหรอคะ”

สาระวารีนิ่งไปไม่ตอบ ได้แต่ถอนใจแล้วหลบสายตามองไปทางเหลืองลายแทน มัทนาชำเลืองมอง สีหน้าหนักใจแทนษมาที่เพื่อนรุ่นพี่เป็นคนใจแข็งแบบนี้

เวลาเย็น กลางบรรยากาศงานศพของลำแพง มีชาวบ้านที่รู้จักมาร่วมงานนิดหน่อย บรรยากาศในศาลาสวดศพเลยดูหงอยเหงา แต่รอบๆศาลาเต็มไปด้วยลูกน้องษมา บางคนก็ทำทีเป็นแขกมาร่วมงานศพ บางคนก็แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ เล่นหมากรุก ฯลฯ อยู่ใกล้ๆ
แลงสวมหมวก ปกปิดหน้าตา คอยแอบมองอย่างระแวดระวัง เพราะตนอยู่กับษมามานาน เลยไม่หลงกลง่ายๆ
ทันใดนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับบ่าแลงไว้ แลงสะดุ้งสุดตัว ตกใจสุดๆจนหน้าซีดเผือด

ผ่านเวลาซักพัก แลง ดิตถ์ และโศภีกำลังคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านโศภี
“เอ็งไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว ช่วงนี้อยู่กับข้าไปก่อน ข้ารับรองว่า ไม่มีใครทำอะไรเอ็งได้ทั้งนั้น”
แลงยกมือไหว้
“ขอบพระคุณครับคุณดิตถ์”
“ฉันเสียใจเรื่องพี่สาวแกด้วยนะ โชคร้ายจริงๆที่ต้องมาตกเหวตาย” โศภีบอก
แลงแค้นสุดๆ
“ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่าคนอย่างพี่ลำแพงจะตกเหวตาย มันต้องเป็นฝีมือไอ้ษมาแน่ๆ มันฆ่าพี่ผมแล้วก็จัดฉากให้ตัวเองพ้นผิด”
ดิตถ์ และโศภีหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน แค่นี้ก็หลอกใช้แลงได้แล้ว
“ถึงจะเป็นฝีมือไอ้ษมาจริง ก็ทำอะไรมันไม่ได้หรอก บนเกาะก็คนของมันทั้งนั้น ใครจะยอมเป็นพยานให้แก”
“ผมก็ไม่คิดจะพึ่งตำรวจอยู่แล้วล่ะครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะฆ่าทั้งไอ้ษมา ทั้งอีนักข่าวนั่นเลย”
ดิตถ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วถ้าโอกาสมาถึงแล้วล่ะ”
แลงแปลกใจ
“คุณดิตถ์หมายความว่าไงครับ”
“ฉันจะให้แกคุมคนของฉันไปที่ยานก แกรู้ทางหนีทีไล่บนเกาะนั้นดีกว่าใคร ถ้ามีแกนำทางต้องถึงตัวไอ้ษมาได้ไม่ยาก”
แลงถึงกับตกใจหน้าเสียทันที
“จะให้ผมกลับไปที่นั่นอีกเหรอครับ”
“ใช่ แกก็จะได้ล้างแค้นไอ้ษมาให้พี่สาวแกไงล่ะ อยากให้พี่แกตายฟรีรึไง... ถ้ากำจัดษมาได้ เราก็แฮปปี้กันทุกฝ่าย”
แลงมีสีหน้าใช้ความคิด ดูลังเล ดิตถ์ยิ้มแย้มตบบ่าแลง
“แกไม่ต้องกลัวนะไอ้แลง งานนี้พวกฉันทุ่มสุดกำลัง อาวุธครบมือ ไอ้ษมาไม่มีทางรอดแน่ รวมทั้งนังนักข่าวที่พี่แกเกลียดนักเกลียดหนาด้วย”
แต่แลงยังมีความกลัวมากกว่า ถึงจะแค้นษมาแค่ไหนก็ตาม แลงหน้าแหย ลังเล กระอักกระอ่วนที่จะกลับไปที่เกาะอีก เลยไม่กล้ารับข้อเสนอเต็มปากเต็มคำ โศภีและดิตถ์แอบสบตากันเหมือนอ่านใจออก...
โศภีเหยียดปากอย่างเซ็งๆ ไม่ได้ดั่งใจเลย

เวลาต่อเนื่องมา โศภีเดินกอดอกหน้าหงิกด้วยความโมโหที่สนามข้างบ้าน ดิตถ์เดินตามมาติดๆ
“อยากจะแก้แค้นแต่ปอดแหก สมควรแล้วที่ต้องเป็นขี้ข้าไอ้ษมามัน”
“เอาน่าคุณ คนมันเพิ่งหนีตายออกมาได้ จะให้มันกลับไปทันทีมันก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา ให้เวลาไอ้แลงมันหน่อยเถอะ”
โศภีไม่พอใจ
“พูดยังกะเราเหลือเวลามากนักนี่”
“มันก็คงไม่นานนักหรอกน่า อีกไม่เท่าไหร่ไอ้แลงมันก็ต้องยอมทำตามความต้องการของเราอยู่แล้วล่ะ” ดิตถ์มีสีหน้ามั่นใจ โศภีชายหางตามอง
“ดูจะมั่นใจซะเหลือเกินนะ”
ดิตถ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“แน่นอน ผีพนันอย่างมัน ไม่นานเดี๋ยวก็หนี้ท่วมหัว รับรองว่ามันลืมความกลัวยอมช่วยพวกเราล้างหนี้แน่นอน”
โศภีค่อยยิ้มออก แววตามีแผนการร้ายที่จะเล่นงานษมา

หน้าบ้านพักษมาที่เกาะยานกตอนหัวค่ำ สาระวารีเดินยืดเส้นยืดสายออกมาที่สนาม เธอยังดูเพลียๆแถมเจ็บหลัง เลยต้องเดินช้าๆ ใช้มือเกาะกำแพงไปเรื่อยๆ เธอกำลังจะไปทางสวน ขณะนั้นเองก็เหลือบเห็นกูซอกับคนรับใช้ 2-3 คน จับกลุ่มคุยกันไปเช็ดจานชามกันไป
คนรับใช้คนที่ 1ถามด้วยความกลุ้มใจ
“เค้าว่าสัมปทานของคุณษมามีปัญหาเหรอวะไอ้กูซอ แล้วตกลงจะได้เปิดบ่อนมั้ยวะเนี่ย”
“เค้าเรียกคาสิโนป้า”
“จะเรียกว่าอะไรก็ช่างเถอะ ตกลงมันได้เปิดรึเปล่าล่ะ”
“ได้สิป้า ไม่น่าเกิน 3-4 เดือนหรอก”
คนรับใช้คนที่ 2 ยกมือท่วมหัว
“ช่วยยังชั่ว เจ้าประคู้น ขอให้ได้เปิดได้ทีเถอะ หลานๆที่บ้านฉันจะได้มีงานทำซะที ประวัติมันไม่ค่อยดี มีแต่คุณษมานี่แหละ ที่ยอมให้โอกาสพวกมัน”
คนรับใช้คนที่ 1ยิ้มแย้ม
“ลูกชายข้าก็รอออกจากงานมาขับเรือรับส่งลูกค้าไปบ่อนอยู่นี่แหละ จะได้ไม่ต้องโดนเจ้านายมันโขกสับซะที”
“ส่วนฉันนะ กะจะไปฝึกเป็นเจ้ามือกะเค้ามั่ง คุณษมาจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ด้วยนะ เดือนๆได้เป็นแสน ฉันจะมีเงินแต่งเมียแล้วโว้ย” กูซอยิ้มกริ่มมีความหวัง
คนรับใช้คนที่ 3 พูดขำๆ
“บวกเลขหลักสิบให้ถูกก่อนเถอะวะไอ้กูซอ”

พวกคนรับใช้พากันหัวเราะครึกครื้น ในขณะที่กูซอหน้าหงิกสุดเซ็ง สาระวารีสีหน้าขรึมลง คนอื่นมีความหวังกับคาสิโน มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่ไม่อยากให้มันเปิด

สาระวารีเดินสีหน้าใช้ความคิดประคองตัวกลับมา ในหัวคิดถึงแต่เรื่องของตนกับษมาตลอดเวลา
จนมาถึงเรื่องที่มัทนาคุยกับตน ปรากฏขึ้นในหัวอย่างชัดเจน
“ก็มันจริงนี่คะ คุณษมาเค้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง แต่พี่วารีก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็เอาข้อเสียข้อเดียว ขอเน้น แค่ข้อเดียวของเค้าที่พี่ไม่ชอบ มาตัดสินทุกอย่าง”
สาระวารีค้อนใส่มัทนาอีกขวับ
“มัทถามจริงๆเถอะค่ะ ความรักความจริงใจที่คุณษมามีให้พี่วารี มันไม่มีความหมายอะไรเลยเหรอคะ”
“นั่นใครน่ะ”
ษมาน้ำเสียงตะคอก สาระวารีตกใจหันไปมองตามเสียงเห็นษมาเดินเข้ามาหา
“อ้าว วารี คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วคุณอรุณล่ะ”
“คุณอรุณเค้าไปทานข้าวค่ะ ฉันก็เลยออกมาเดินเล่น คุณไม่ต้องไปดุพี่เค้านะคะ ฉันเบื่อนั่งๆนอนๆ ก็เลยออกมาเอง”
ษมาหน้าบึ้งตึง
“คุณนี่ไฮเปอร์จริงๆ ดีขึ้นหน่อยก็ซ่าเลยนะ”
สาระวารีหน้าหงิก
“ฉันเดินได้ไม่ดีรึไง หรือว่าคุณอยากให้ฉันนอนหงิกอยู่บนเตียงทั้งวัน ฉันออกมาเดินเล่นแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับขึ้นห้องแล้ว ไหนคุณบอกว่าปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จับเจ้าแลงไม่ได้ ก็ไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกคุณ แล้วคุณก็ยังไม่แข็งแรงด้วย ทางที่ดี ไม่ควรออกมาเดินคนเดียว”
“เจ้าค่ะ ต่อไปจะไม่ออกมาเดินคนเดียวอีก พอใจรึยังเจ้าคะ”
ษมายิ้มเล็กน้อย สาระวารีหน้าขรึมลง)
“พรุ่งนี้คุณจะไปส่งคุณตะวันกับมัทกี่โมงคะ”
“ก็ซักเจ็ดโมงเช้า”
“ฉันขอขึ้นฝั่งด้วยนะคะ”
ษมาเป็นห่วง
“อย่าเพิ่งเลยดีมั้ย”
“ฉันอยากไปขออโหสิกรรมคุณลำแพง”
ษมาอึ้งไป ไม่คิดว่าสาระวารีจะคิดแบบนี้
“ให้ฉันไปด้วยคนนะ”
ษมามีสีหน้าลังเล เป็นห่วงทั้งสุขภาพและความปลอดภัย

เวลาสาย บริเวณวัด บนศาลาสวดศพ ธูปสองดอก ถูกปักลงบนกระถาง โดยมีษมาและสาระวารีเป็นคนปักธูป ก่อนจะไหว้โลงศพลำแพง มีจิณห์วราอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่ลูกน้องษมา ยืนล้อมศาลาอยู่ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้ษมา และสาระวารี
สาระวารีนิ่งมองรูปถ่ายลำแพงที่ตั้งหน้าโลงศพอยู่ครู่นึง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ฉันอโหสิให้คุณทุกอย่าง อย่าเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันอีกเลยนะคุณลำแพง"
สาระวารีจะลุกขึ้น จิณห์วราเข้าไปช่วยพยุงแล้วเดินคุยกันออกไปนอกศาลา
"ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ดูผู้หญิงคนนี้เป็นคนเงียบๆ ไม่พูดไม่จาแต่กลับเลือดเย็นได้ขนาดนี้ แถมยังวางแผนได้แนบเนียนชนิดฆาตกรมืออาชีพยังอายเลย"
ษมาถอนใจ
"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับที่เค้าทำแบบนี้"
จิณห์วราตกใจ
"นี่เค้าเคยฆ่าคนตายมาก่อนเหรอคะ"
"ครับ พอเรื่องน้ำผึ้งมีพิษกระจ่างขึ้นมา ผมก็เอะใจ เพราะคุณภูผาเจ้าของเกาะยานกคนเก่า มีอาการป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด จนต้องขายเกาะให้ผม พอผมติดต่อกลับไปที่ครอบครัวเค้า ก็เลยรู้ว่าก่อนตาย
เค้าชอบทานน้ำผึ้งของลำแพงมาก"
สาระวารีสงสัย
"แล้วทำไมลำแพงถึงต้องฆ่าเค้าด้วยล่ะคะ"
"ก็คงเหตุผลเดียวกันนั่นล่ะ เค้าคงแอบชอบคุณภูผาอยู่ พอคุณภูผาไม่สน เค้าก็เลยกำจัดทิ้งซะ ต่อไปถ้ากำจัดคุณไปได้แล้ว ผมยังไม่สนใจเค้าอีก เค้าก็คงใช้น้ำผึ้งพิษฆ่าผมต่อ"
จิณห์วรานึกตามแล้วสยดสยอง
"งั้นก็ต้องถือว่าคุณษมากับวารี โชคดีมากๆเลยนะคะที่รอดมาได้"
"ครับ เราโชคดีมาก" ษมาถอนใจออกมา

สาระวารีหันกลับไปมองในศาลาสวดศพอีกครั้ง เห็นรูปลำแพงที่หน้าโลงศพ...แม้แต่รูปถ่าย สีหน้ายังดูนิ่งๆ เย็นชาจนน่ากลัว

ผ่านเวลาเล็กน้อย จิณห์วราค่อยๆประคองเพื่อนรักนั่งลงที่ศาลาท่าน้ำ

"ช้าๆ แก"
สาระวารีนั่งลง ด้วยท่าทางยังดูอ่อนเพลีย
"ดูสภาพแกแล้ว สงสัยคงอีกนานแหละกว่าจะหายสนิท"
"รอให้หายสนิทไม่ไหวหรอก ตกงานพอดี พอคล่องตัวกว่านี้หน่อย ฉันก็เผ่นแล้ว คิดถึงบ้าน"
จิณห์วรานึกขึ้นได้
"เอ้อ จ่าสมบูรณ์ไปรับพี่สะมามาเยี่ยมแกแล้วนะ"
สาระวารีตกใจมาก
"พี่สะมารู้เรื่องนี้แล้วเหรอ"
"อ้าว แกเจ็บเกือบตาย จะไม่ให้ฉันบอกพี่แกได้ยังไง ฉันโทรไปฝากเรื่องเอาไว้ เมื่อคืนพี่แกบินกลับมาก็เลยโทรหาฉัน"
สาระวารีสีหน้าเหยเก ดุเพื่อน
"คราวนี้ฉันจะเจ็บยิ่งกว่าโดนระเบิดหลายเท่า จะทำอะไรทีหลังปรึกษากันก่อนรู้มั้ย"
จิณห์วราโดนเพื่อนดุ ก็ดูจะจ๋อยๆไป สาระวารีถอนใจพรวดออก ดูกลัวและเกรงสาระสะมามากอยู่เหมือนกัน...สาระวารีมีสีหน้าใช้ความคิด

เวลาบ่าย สาระวารีนอนห่มผ้านิ่งบนเตียง ภายในห้องพักแขก ษมาเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
"เป็นอะไรเหรอวารี"
พยาบาลล้างอุปกรณ์ต่างๆ เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เลยกระเซ้า
"ป่วยการเมืองน่ะค่ะ" อรุณฉายยิ้มๆ บอก
ษมาทำหน้างงๆ
"คุณวารีกลัวพี่สาวค่ะคุณษมา นี่ขอให้ดิฉันจัดยานอนหลับให้เลยนะคะ"
อรุณฉายพูดขำๆ
"ฉันพูดจริงๆนะคุณอรุณ พี่สะมาดุมาก ฉันต้องโดนซักไซ้ยิ่งกว่าให้ปากคำกับตำรวจแน่ๆ ดีไม่ดีนะ จะโดนสั่งให้ลาออกจากงานด้วย" สาระวารีถอนใจออกมาอย่างกังวล
ษมายิ้มเอ็นดู อรุณฉายยิ้มแย้ม
"พี่สาวคุณวารีดุมากเลยเหรอคะ"
"อย่าเรียกว่าดุเลยค่ะ เรียกว่าเฉียบขาดจนเลือดเย็นมากกว่า จริงๆแล้ว เค้าก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่ฉันมาเป็นนักข่าว ฉันถึงต้องคอยปิดๆไว้ ไม่ให้รู้ว่าบางงานมันเสี่ยงขนาดไหน"
ษมาขัดคอ
"ไม่ใส่ร้ายพี่สาวเกินไปหน่อยเหรอ คุณสะมาออกจะใจดี มีเหตุผลจะตายไป"
"ต่อหน้าคนอื่นน่ะสิคะ คุณไม่รู้จักสะมาดีพอ ไอ้รอยยิ้มหวานๆ ท่าทางใจเย็น นิ่งๆ ยังงั้นแหละ รู้มั้ยว่าเวลาเอาจริง มันอสูรกายชัดๆ"
"เดี๋ยวผมจะฟ้อง"
สาระวารีย่นจมูกใส่ษมา เธอหันไปพูดกับอรุณฉาย
"อย่าลืมตามที่เตี๊ยมกันไว้นะคะคุณอรุณ จะมาถึงรึยังก็ไม่รู้ ชิงหลับก่อนดีกว่า"
สาระวารีรีบนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มทันที ษมามองสาระวารีด้วยรอยยิ้มเอ็นดูกำลังหลงสุดๆ

รถตู้ของสมบูรณ์เลี้ยวเข้ามาจอดที่บริเวณท่าเรือ สมบูรณ์ลงมาเปิดประตูรถตู้ให้สาระสะมาลงมา
ลูกน้องษมาคนหนึ่ง รีบเข้ามารับหน้าทันที ลูกน้องยกมือไหว้
"สวัสดีครับลุง"
สมบูรณ์รับไหว้ มองหาเรือ
"เรือล่ะ"
"เครื่องมันเกเรนิดหน่อยครับลุง ให้ช่างดูอยู่ อีกเดี๋ยวก็คงมาครับ"
สมบูรณ์พยักหน้ารับ หันไปพูดกับสาระสะมา
"หนูสะมา ไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้นะ เรือยังไม่มา เดี๋ยวเรือมาเมื่อไหร่ แล้วลุงเดินไปตาม"
สาระสะมายิ้มรับ
"ค่ะ ลุงบูรณ์"
สาระสะมาเดินเลี่ยงไป

บริเวณท่าเรือ แลงเดินสวมหมวกทรงขอทานปิดบังหน้าตา พอเห็นชาวบ้านผ่านไปผ่านมา ก็รีบหลบทันที
ระแวงไปหมดว่าจะเจอคนของษมา เขามีท่าทางหวาดกลัว ต้องคอยดูอย่างระแวดระวังตลอดเวลา
ขณะนั้นเอง แลงก็เหลือบไปเห็น สาระสะมา ที่คิดว่าเป็นสาระวารีกำลังเดินดูของที่ขายอยู่บริเวณท่าเรืออย่างเพลิดเพลิน แลงกลัวมากรีบหลบทันที เพราะกลัวษมาจะมาด้วย
สาระสะมาเดินเล่นดูของขายไปจนแน่ใจว่า สาระสะมาเดินดูของคนเดียว โดยไม่มีเงาของษมาแม้แต่น้อย
แลงจับตามองตาม สีหน้าใช้ความคิด ลังเลว่าจะเอาไงดี

สมบูรณ์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่รอเรือมา ลูกน้องษมาคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปหา
"เรือมาแล้วครับจ่า"
"แกช่วยไปเอาของคุณผู้หญิงจากในรถตู้ ไปขึ้นเรือด้วย"
"ครับลุง"

ลูกน้องเดินเลี่ยงไป สมบูรณ์ลุกขึ้นมองหา แต่ก็ไม่เห็นสาระสะมา

จบตอนที่ 11

อ่านต่อตอนที่ 12 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น