มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 11
ชิวิ่งไปที่รถ ขับรถพาปัทม์ออกไป... อุรารัตน์มองตาม ยืนนิ่งไม่ร้องโวยวายใดๆ นงนุชเข้ามาหาอุรารัตน์
“คุณแอรี่เข้มแข็งกว่าที่นงนุชคิดไว้ซะอีกค่ะ ไม่ร้องไห้สักแอะ...”
อุรารัตน์กรี๊ดสุดเสียง
“แอร๊ย... ต้องมีคนรับผิดชอบ”
อุรารัตน์คิดจะเอาเรื่องพ่อเลี้ยงเจง
ขณะที่พ่อเลี้ยงเจงยืนเครียด คิดหาวิธีกำจัดปัทม์ อุรารัตน์ก็บุกเข้ามาโวยวาย
“แผนของคุณพ่อไม่ได้เรื่อง...คุณพ่อเคยบอกว่าจัดการปัทม์ได้ แต่นี่ปัทม์ประกาศเลิกกับแอรี่ แอรี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทุกอย่างพังลงก็เพราะ...”
อุรารัตน์จะด่าต่อ แต่พ่อเลี้ยงเจงตบหน้าฉาดใหญ่
“คุณพ่อ! คุณพ่อตบแอรี่”
ปลัดวราห์เข้ามา พยายามช่วยแก้ปัญหา
“ใจเย็นก่อนนะครับ คุณแอรี่ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิพ่อเลี้ยง”
“เรื่องในครอบครัวฉัน แกไม่เกี่ยว ออกไป” พ่อเลี้ยงเจงตะคอกใส่
วราห์หงอรีบเดินออกไปทันที...
พ่อเลี้ยงเจงบอกกับอุรารัตน์
“เลิกเอาแต่ใจ โวยวายโหวกเหวกทำตัวไร้ค่าได้แล้ว”
“คุณพ่อตบหน้าแอรี่ คุณพ่อทำร้ายคนรักแอรี่ แอรี่เกลียดคุณพ่อ”
“ฉันผิดใช่มั้ยที่ตามใจ ปล่อยให้แกเรียกร้องต่อรอง...แกถึงได้เสียคนทำตัวโง่ไร้สาระแบบนี้”
อุรารัตน์อึ้งที่พ่อเลี้ยงเจงด่า
“ต่อไปนี้แกต้องอยู่ในความควบคุมของฉัน เผื่อแกจะฉลาดเพิ่มขึ้นมาบ้าง”
“มันสายไปแล้วล่ะ แอรี่โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนจากใครอีก”
พ่อเลี้ยงเจงไม่พอใจ
“แต่ฉันเป็นพ่อแก”
“คนที่ใช้เงินเลี้ยงลูกแทนความรัก... เขาเรียกว่าพ่อเหรอคะ”
พ่อเลี้ยงเจงโดนลูกสาวแทงใจดำ ถึงกับอึ้ง
“แอรี่!”
“ตั้งแต่คุณแม่จากไป...คุณพ่อไม่เคยสนใจใยดีแอรี่เลย นอกจากซื้อของมาประเคน ตั้งแต่แอรี่เกิดมาคุณพ่อเคยกอดแอรี่กี่ครั้ง.. คุณพ่อจำได้มั้ย”
“แอรี่... พ่อ”
พ่อเลี้ยงเจงจะเข้ามากอดลูกสาว แต่อุรารัตน์ถอยห่าง
“มันสายไปแล้วจริงๆ ปล่อยให้ความสัมพันธ์เราเป็นแบบนี้เถอะค่ะ”
อุรารัตน์เดินหนีออกไปจากบ้าน พ่อเลี้ยงเจงรู้สึกผิด และโกรธกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“นี่ฉันล้มเหลวทุกอย่างเลยใช่ไหม”
พ่อเลี้ยงเจงควักปืนออกมา.. ยิงกราดภาพถ่ายครอบครัวที่ติดอยู่ในห้อง ปลัดวราห์ยืนมองดูเหตุการณ์ที่มุมหนึ่งของรีสอร์ต แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดอะไรบางอย่าง...
บริเวณล็อบบี้โรงแรมในเมือง อุรารัตน์ยกแก้วไวน์ดื่มหมดแก้ว.....วางแก้วลง...ให้นงนุชรินไวน์
“พอเถอะค่ะ คุณแอรี่เมาแล้วนะคะ”
“ฉันอยากเมา จะได้ไม่ต้องฟังพ่อฉันด่าอีก”
“คุณแอรี่ควรกลับไปขอโทษพ่อเลี้ยงเจงนะคะ ถ้าพ่อเลี้ยงเจงโกรธ อาจตัดพ่อตัดลูก แล้วไล่นงนุชออก”
“แกห่วงฉันรึห่วงตัวเองกันแน่”
“ห่วงตัวเองค่ะ”
นงนุชนึกได้
“ว้าย...คิดดังไปหน่อย ห่วงคุณแอรี่ค่ะ”
นงนุชรีบรินไวน์ให้เพื่อนทันที อุรารัตน์รับแก้วไวน์มาแล้วยิ้มพอใจ อุรารัตน์พูดเสียงดุ“อยากเป็นเลขาฉันต่อ...ก็ออกไป...ไสหัวไป”
“ได้ค่ะ ไม่ขัด ไม่ขวาง... นงนุชกลับไปรอที่บ้านนะคะ คุณแอรี่จะกลับโทร. ตามนงนุชนะคะ นงนุชจะ...”
นงนุชทำท่าจะพูดอีกยาว อุรารัตน์เงื้อมือจะสาดไวน์ใส่ นงนุชรู้ตัวทัน
“หายแว้บค่ะ”
นงนุชเดินหนีออกไป อุรารัตน์ดื่มไวน์จนหมดแก้ว แล้วจะรินไวน์ แต่ปลัดวราห์ยื่นมือมาหยิบขวดไวน์ออกไป … อุรารัตน์เงยหน้ามอง
“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณแอรี่ว่ารู้สึกยังไง มันเป็นเรื่องที่...”
อุรารัตน์พูดสวนขึ้นอย่างรู้ทัน
“อยากดื่มกับฉันก็พูดตรงๆ เบื่อฟัง...”
“รู้ทันซะทุกเรื่อง การได้ดื่มกับคนที่รู้ใจ... ไวน์ขวดละหมื่นก็เพิ่มเป็นหลักแสนได้ คุณแอรี่ว่าจริงมั้ยครับ”
วราห์ถือขวดไวน์ พร้อมจะรินให้อุรารัตน์ เธอมองหน้าเขาแล้วยื่นแก้วให้วราห์รินไวน์ เป็นการแสดงคำตอบรับในการนั่งดื่มด้วยกัน
เวลาผ่านไป วราห์ยกแก้วดื่มจะชนกับอุรารัตน์ แต่อุรารัตน์ไม่ชนด้วย แต่ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่คนสวย คนเก่งและฉลาดอย่างคุณแอรี่ต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตาม...”
อุรารัตน์หยุดดื่ม จ้องหน้าวราห์
“แต่ผมเข้าใจนะครับ เรื่องบางเรื่องเหนือการควบคุม ความรักไม่มีเหตุผล ในเมื่อใจมันรักไปแล้ว ยังไงมันก็รัก...”
วราห์ทำเป็นจ้องมองอุรารัตน์เหมือนกำลังสื่อความในใจ อุรารัตน์จ้องมองวราห์แล้วย้อนบอกอารมณ์
“แต่ถ้าไม่รัก มันก็ไม่รัก”
“คงจะจริงอย่างที่เขาเคยพูดกัน ความรักเหมือนกับการจับผีเสื้อ ยิ่งวิ่งไล่ยิ่งบินหนี แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม...ผีเสื้อจะบินมาดอมดมดอกไม้เอง”
อุรารัตน์เข้าหาวราห์
“แล้วคุณเป็นดอกอะไร”
เช่นเดียวกับวราห์ที่เข้าหาอุรารัตน์
“คุณแอรี่ชอบดอกอะไรล่ะครับ”
อุรารัตน์เอานิ้วไล้ไปบนใบหน้าวราห์
“ผีเสื้อแอรี่ไม่ชอบดอกไม้ ฉันชอบกลิ่นใบชา”
อุรารัตน์ฝืนลุกขึ้นด้วยความเมา จะลุกเดินออกไป วราห์เข้าไปประคอง
“ผมไปส่งนะครับ”
“ถึงฉันจะเป็นคนง่ายๆ แต่ได้ฉันยาก”
อุรารัตน์ผลักวราห์ออก แล้วเดินไปเอง แต่เดินเซ...จนล้มลง วราห์รีบเข้าไปดูแลด้วยความเป็นห่วง
ผ่านเวลาซักครู่ ณ ห้องพักในโรงแรม เวลากลางคืน วราห์อุ้มร่างของอุรารัตน์วางไว้บนเตียงในห้องนอน... อุรารัตน์ผลักวราห์ออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน.. ไอ้สุนัขรับใช้”
“ผมเช็ดเนื้อตัวให้นะครับ คุณแอรี่จะได้สบายขึ้น”
“ไม่ต้อง...แกไปรับใช้เฝ้าบ้านให้พ่อฉัน ไปเห่าหอนที่โน่น ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
อุรารัตน์ไล่ตะเพิด แล้วก็นอนด้วยอาการเมา ไร้สติ วราห์มองอุรารัตน์เหมือนกำลังมองด้วยความเป็นห่วง แล้วถอดรองเท้าให้...
วราห์ยืนมองอุรารัตน์ที่หลับแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้
“สุนัขรับใช้ตัวนี้ จะทำตามที่เจ้านายต้องการครับ”
วราห์เดินออกไป อุรารัตน์นอนหลับด้วยฤทธิ์เหล้า
วราห์เดินตรงมาที่ประตูห้อง จับลูกบิดแล้วกดล็อกห้องทันที หันกลับไปมองร่างของอุรารัตน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย
วราห์เดินตรงเข้าไปยังร่างอุรารัตน์ที่หลับไหลไม่ได้สติ แล้วโถมเข้าไปหา
เช้าวันใหม่ที่ไร่ชา รจนาไฉนอยู่ที่ไร่ ปัทม์ขี่ม้าเข้ามาแล้วกระโดดลงมา...
“ขึ้นม้าสิ”
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไปในที่ที่เธออยากไป”
รจนาไฉนพูดแหย่ปัทม์
“คุณไม่ตอบฉันก็ไม่ไป”
เธอทำท่าจะเดินหนีไป เขาตะโกนบอก
“ฉันจะพาไปเที่ยว”
“คุณเนี่ยนะจะพาฉันไปเที่ยว” เธอนึกขำ
“ไม่ไปก็ไม่ต้องไป”
ปัทม์จะจูงม้าออกไป รจนาไฉนเข้ามา
“ฉันจะขึ้นได้ไงล่ะ ถ้าคุณไม่ช่วย...”
ปัทม์จึงดันตัวรจนาไฉนขึ้นไปนั่งบนม้า ปัทม์กระโดดขึ้นตาม แล้วควบม้าออกไป...
ปัทม์ควบม้าพารจนาไฉนมาถึงที่แห่งหนึ่ง ปัทม์หยุดม้า เธอมองไปข้างหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ
กับทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา...เป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามมาก
อ่านต่อเวลา 17.00น.
รจนาไฉนเดินเข้ามายืนมองทุ่งดอกไม้
“ทำไมคุณถึงพาฉันมาที่นี่”
ปัทม์เดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้ กันหน้ามองรจนาไฉน
“เพราะมันเป็นที่สำหรับคนพิเศษ ธรรมชาติสร้างความงามขึ้นมาเพื่อคนที่มีจิตใจงดงาม ถ้าตกอยู่ในกำมือของคนที่ไร้จิตใจ มันคงถูกฉกฉวยผลประโยชน์ ฉันเชื่อว่าเธอจะรักษาและดูแลให้สวยงามเช่นนี้ตลอดไป”
รจนาไฉนอิ่มเอมใจยิ้มให้ปัทม์
“ขอบคุณนะคะที่เชื่อใจฉัน”
รจนาไฉนเดินมองและเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้อย่างมีความสุข ปัทม์ยืนมองเธอด้วยความสุขใจ
รจนาไฉนวิ่งลึกเข้าไปในทุ่งดอกไม้เรื่อยๆด้วยความเพลิดเพลินใจ เธอเดินวิ่งไปแตะกลีบดอกไม้ด้วยความทนุถนอม... พลางสูดหายใจรับอากาศและความสุขเข้าไปเต็มปอด เธอรู้สึกว่ามีใครเดินเข้ามาทางด้านหลัง เธอหันกลับไปเจอปัทม์ยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้ ปัทม์หยิบมงกุฎดอกไม้ขึ้นมา....
รจนาไฉนมองอึ้ง...แปลกใจไม่คิดว่า ปัทม์จะหายไปทำมงกุฎดอกไม้ให้เธอ
“ฉันทำให้เธอ”
รจนาไฉนมองนิ่ง...อึ้ง...แล้วก็ขำออกมา
“หัวเราะอะไร ไม่สวยเหรอ”
รจนาไฉนพยักหน้า ปัทม์ไม่พอใจจะโยนทิ้ง แต่รจนาไฉนรีบห้าม
“แต่ฉันชอบนะ นี่ไม่ใช่มงกุฎดอกไม้อันแรกที่ฉันได้รับ... ถ้าเป็นมงกุฎดอกไม้จากนักจัดดอกไม้ ฉันคงตื่นเต้นไปกับความสวยงาม แต่นั่น...ไม่น่าประทับใจเท่ากับการได้มงกุฏดอกไม้จากเจ้าของไร่ชา...ที่ไม่เคยจัดดอกไม้สักครั้งเดียว”
ปัทม์ค่อยๆยิ้มออกมา แต่ก็เก็บอาการ เธอถอยออกห่าง...แล้วย่อตัวเพื่อรอให้ปัทม์เข้ามาสวมมงกุฎดอกไม้ให้เธอ....
“อะไรของเธอ”
รจนาไฉนรอคอยให้ปัทม์เอามงกุฏดอกไม้มาสวม... ปัทม์ทำตัวไม่ถูก เดินเอามงกุฏดอกไม้มาวางไว้แบบส่งเดช แล้วเดินถอยไป
“คุณไม่เห็นเหรอว่ามันเบี้ยว”
“เรื่องมากจัง”
ปัทม์เข้ามาสวมให้อีกครั้งแบบไม่ตั้งใจ เธอจับมือปัทม์ให้วางมงกุฎให้ตรง ทั้งสองจับมือกัน ทำให้หน้าทั้งสองสบตากันใกล้ชิด ปัทม์หลงเคลิ้มในความสวยของรจนาไฉน
“เจ้าหญิงดอกไม้”
ปัทม์โน้มตัวจูบหน้าผากรจนาไฉนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ เธอเขินอาย วิ่งหนีออกไปกลางทุ่งดอกไม้
ปัทม์มองยิ้มอย่างมีความสุข...
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 11
บ้านนพรัตน์ เวลากลางวัน นพรัตน์มองภาพถ่ายที่ถ่ายคู่กับรจนาไฉนด้วยความคิดถึง นพรัตน์หยิบเงินขึ้นมา แล้วมองภาพลูกสาว
“ขอบใจลูกมากที่ส่งเงินมาเป็นค่ารักษาให้พ่อทุกเดือน... พ่อจะใช้เงินให้คุ้มค่ารักษาตัวเองเพื่ออยู่เป็นกำลังใจให้ลูกนานที่สุด"
นพรัตน์กำเงินจะออกไปทำการฟอกไต...หันกลับไปเจอลำเพายืนร้องไห้
“คุณลำเพา...เกิดอะไรขึ้น”
ลำเพาทำทีปาดน้ำตา
“ช่างมันเถอะค่ะ ปล่อยให้เป็นภาระของฉันเถอะ ฉันสร้างความเดือดร้อนให้คุณมากพอแล้ว"
ลำเพาตีหน้าเศร้าจะเดินออกไป นพรัตน์เข้าไปหา
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”
“ฉันเอาสร้อยทองที่มีอยู่ไปขาย หวังจะเอาเงินมาใช้หนี้ เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ฉันถูกโจรวิ่งราวกระเป๋า...มันเอาเงินฉันไปหมดเลย”
ลำเพาทรุดตัวลงร้องไห้โฮ นพรัตน์เครียดและสงสารลำเพา ตัดสินใจยื่นเงินของตนให้ลำเพา
“เอาเงินนี่ไปใช้หนี้เถอะ”
“แต่นี่มันเงินค่าฟอกไตของคุณ”
“ผมยังไม่เป็นอะไรมาก คุณเอาไปใช้หนี้ก่อน” นพรัตน์ยัดเงินให้ลำเพา
ลำเพารับเงินมา
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะหาทางหาเงินมาเป็นค่ารักษาคุณ”
ลำเพาดีใจที่ได้เงินจากนพรัตน์
มุมหนึ่งของบ้าน ลำเพาเดินดีใจที่หลอกเงินจากนพรัตน์ได้
“ในที่สุดฉันก็มีเงินไปทำทุนแล้ว”
ลำเพายิ้มพอใจ ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดของโลมฤทัยก็ดังขึ้น
“แอร๊ย...”
ลำเพาตกใจรีบวิ่งขึ้นไปดูโลมฤทัย
“ลูกพบ...ลูกพบของแม่”
ภายในห้องนอน โลมฤทัยโยนหนังสือพิมพ์ทิ้งโวยวายลั่น
“พบเกลียดนังเพื่อน พบเกลียดมัน”
“อะไรคะลูกพบขา”
ลำเพาหยิบหนังสือพิมพ์มาดูข่าว เป็นข่าวของปัทม์ที่ถูกปล่อยตัว...จากคดียาบ้า
“คุณปัทม์หลุดรอดจากคดีค้ายา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนังเพื่อนละลูก”
“คุณแม่เข้าใจอะไรยากจริง ก็ช่วงที่คุณปัทม์ติดคุก... นังเพื่อนมันคอยเสนอหน้าดูแลคุณปัทม์น่ะสิ เท่ากับมันได้คะแนนจากคุณปัทม์ไปเต็มๆ พบเกลียดคุณแม่ที่สุด”
“เอ้า..แล้วมาพาลโกรธแม่ทำไม”
“คุณแม่ลากพบกลับมากรุงเทพฯ ทำให้พบเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว หนีเอาตัวรอด ปล่อยให้นังเพื่อนกลายเป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างคุณปัทม์”
“ก็แม่คิดว่าเขาทำชั่วจริงๆ นี่ แม่เดินหมากผิดอีกแล้วเหรอ”
โลมฤทัยคิดหาวิธีแย่งชิงปัทม์อีกครั้ง
“พบต้องทำอะไรก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
ลำเพาสงสัยว่าโลมฤทัยจะตัดสินใจทำอย่างไร
บ้านปัทม์ยามค่ำคืน รจนาไฉนยืนมองภาพถ่ายคู่ของเธอกับนพรัตน์
“คุณพ่อคะ... คุณพ่อต้องหายไวไวนะคะ เพื่อนจะทำหน้าที่ของเพื่อนให้ดีที่สุด แล้วจะกลับไปดูแลคุณพ่อ"
ปัทม์เดินเข้ามาเห็นรจนาไฉนมองภาพอยู่พอดี เธอหันไปเจอปัทม์ก็รีบวางกรอบรูปไว้ที่มุมหนึ่งในห้อง
“เธอให้ป้าปยงค์ไปตามฉันมาทำไม”
เธอยิ้มรับไม่ตอบ เข้าไปจูงมือปัทม์ออกไปจากห้อง...
รจนาไฉนจูงมือปัทม์มายืนที่มุมหนึ่งในไร่ชา ปัทม์เดินมองไปด้านหน้า ไม่เห็นอะไร
“อย่าบอกนะว่าจะชวนฉันมาเก็บใบชา”
“ฉันจะมอบของขวัญ...ที่คุณพาฉันไปเที่ยวในวันนี้”
“ของขวัญ”
“ชิ...จันทร์ ได้รึยัง”
ชิกับจันทร์ถือโคมลอยเข้ามา
“เชื่อกันว่า...การปล่อยโคมลอยเป็นการปล่อยเคราะห์ ปล่อยสิ่งไม่ดีงามลอยออกจากชีวิต นอกจากนั้นก็ถือเป็นการลอยโคมไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์"
“งมงายน่า”
ปัทม์จะเดินหนี แต่เธอคว้ามือไว้...
“ฉันขอร้อง...คุณไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ทำให้ฉันสบายใจไม่ได้รึไง”
ปัทม์อึ้งไปนิดหนึ่ง จ้องมองหน้าเธอ
“ให้ฉันมั่นใจว่า คุณจะไม่มีเคราะห์ไม่มีความทุกข์อีก เพราะมันจะทำให้ฉันพลอยทุกข์ไปด้วย"
ชิและจันทร์ถือโคมลอยเข้ามาให้ เธอรับโคมลอยไว้...ชิและจันทร์ถอยออกไป...
“อธิษฐานสิ”
“ไม่”
“งั้นช่วยถือ”
รจนาไฉนให้ปัทม์จับโคมลอยไว้ รจนาไฉนหยิบภาพของนพรัตน์ขึ้นมา พนมมืออธิษฐาน...
ปัทม์เพ่งมองรจนาไฉนที่ไหว้อธิษฐาน เห็นแสงไฟสะท้อนที่ใบหน้า ทำให้เธอดูสวยงามขึ้น เมื่อเธออธิษฐานเสร็จ ลืมตามองเห็นปัทม์จ้องมองอยู่ ปัทม์เขินรีบเฉไฉ
“ปล่อยได้รึยัง”
“คุณช่วยจุดไฟเย็นหน่อยสิ”
ปัทม์จุดไฟเย็นที่ห้อยโคมลอย รจนาไฉนตื่นเต้น ช่วยจับโคมลอยไว้
“ปล่อยพร้อมกันนะ...”
ปัทม์จับโคมลอยไว้อีกด้าน
“หนึ่ง...สอง...สาม”
รจนาไฉนปล่อย...โคมลอยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีไฟเย็นห้อยเป็นหาง...ประดับไว้อย่างสวยงาม
“สวยจัง”
รจนาไฉนเห็นโคมลอยลอยห่างไปไกล ก็วิ่งตามโคมลอยไป
“เธอจะไปไหน”
รจนาไฉนวิ่งตามมองโคมลอย มายังมุมหนึ่งในไร่ชา
“ไม่เคยเห็นเหรอ”
“เคยเห็นในทีวีแต่ไม่เคยลอยของจริง สวยจัง”
ปัทม์พูดแหย่รจนาไฉน
“ตกลงเป็นของขวัญสำหรับฉัน รึเพื่อความสุขของเธอกันแน่”
รจนาไฉนเขินอาย
“อย่าชวนคุยสิ...โคมลอยไปไกลแล้ว”
ปัทม์เห็นว่ารจนาไฉนชอบโคมลอยมาก ก็คว้ามือรจนาไฉน...แล้ววิ่งไป
ปัทม์พารจนาไฉนมายืนในจุดที่เป็นมุมสูงในไร่ชา เพื่อจะได้เห็นโคมลอยได้ชัดขึ้น เธอรู้สึกดีที่ปัทม์ทำเพื่อเธอ เธอยืนมองด้วยความสุข...ปัทม์พลอยมีความสุขไปด้วย
“มันลอยไปด้านโน้นแล้ว ฉันจะพาไป”
“ขอแค่ได้เห็นแสง...ช่วยสร้างความหวังให้กับชีวิต แค่นี้ก็สุขใจแล้ว ฉันไม่อยากเห็นตอนมันตก”
“เธอนี่เรื่องเยอะนะ”
รจนาไฉนไม่สนใจปัทม์
“เมื่อกี้อธิษฐานอะไร”
รจนาไฉนหยิบภาพถ่ายออกมา...
“ฉันขอให้พ่อฉันหายป่วย”
“ทำไมเธอถึงได้รักพ่อเธอนักหนา ทั้งๆที่เขาไม่ใช่...” ปัทม์พูดแค่นั้น แล้วยั้งไว้
“ถึงพ่อนพรัตน์เป็นเพียงพ่อเลี้ยง แต่พ่อรักฉันไม่ต่างจากลูกแท้ๆ ฉันไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้ชายคนไหนเท่ากับพ่อนพรัตน์ บางครั้ง สายเลือดก็ไม่ใช่ข้อจำกัดในความรัก”
ปัทม์เข้าใจความรู้สึกของเธอมากขึ้น....และรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ... ปัทม์เข้าสวมกอดทางด้านหลัง รจนาไฉนอึ้ง...
“ถึงสายตาคนทั่วไปจะมองว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าขาดความรัก แต่ในความเป็นจริง เธอกลับมีวิธีคิดที่ทำให้ความรักที่มีเต็มเปี่ยม มากพอที่จะแบ่งปันให้คนรอบข้าง”
ปัทม์จับตัวเธอให้หันหน้ามาหาเขา
“ฉันไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมใครๆ ถึงรักเธอ”
ทั้งสองคนมองกันด้วยสายตาที่ลึกซึ้งในจิตใจ
“รจนาไฉน...เธอรักฉันไหม”
รจนาไฉนจ้องมองปัทม์ เขารอคอยคำตอบ...เธอไม่กล้าตอบ ปัทม์ตัดสินใจจะจูบเธอ ทั้งสองเคลื่อนใบหน้าจนเกือบจะจุมพิตกัน แต่แล้วเธอก็ถอยห่าง เลี่ยงจะกลับบ้าน
“กลับกันเถอะค่ะ”
ปัทม์ได้สติ...ยิ้มให้รจนาไฉน เขาพร้อมจะรอคอยคำตอบจากเธอต่อไป
อ่านต่อเวลา 17.00น.
โลมฤทัยตัดสินใจ หิ้วกระเป๋าเพื่อจะเดินทางไปเชียงราย
“ลูกพบจะไปไหน”
“ขึ้นเชียงรายค่ะ”
“ใจเย็นก่อนลูก ค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้ แม่ขึ้นไปด้วย”
“ช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ พบจะปล่อยให้นังเพื่อนชนะใจคุณปัทม์ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
โลมฤทัยจะออกไป แต่นพรัตน์มาขวางไว้
“หยุดซะทีเถอะ ให้พี่สาวเรามีความสุขบ้าง อย่าไปทำร้ายพี่เพื่อนอีกเลย”
“มันไม่ใช่พี่สาวพบ”
ลำเพาแทรกทันที
“และมันก็ไม่ใช่ลูกสาวฉัน”
“คุณจะจงเกลียดจงชังลูกเพื่อนไปถึงไหน...เอาแต่เข้าข้างลูกพบจนเสียนิสัย”
“คุณพ่อรักมันมากกว่าพบ”
“พ่อไม่เคยรักใครมากกว่าลูกตัวเอง”
“แล้วทำไมคุณพ่อต้องคอยห่วงใยมัน”
“ความเมตตาอารีเราให้กันได้ ใช้แค่ใจไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย”
“ไม่ค่ะ แม้แต่ใจ...พบก็ให้มันไม่ได้ เพราะมันเป็นศัตรูของพบ มันแย่งคนที่พบรัก”
“ลูกก็ทำตัวให้มีคุณค่า ให้คนอื่นมารักลูกสิ ดีกว่าเสียเวลาไปแย่งชิงคนรักของพี่สาวตัวเอง”
“คุณพ่อเข้าข้างมันอีกแล้ว พบเกลียดคุณพ่อ”
โลมฤทัยออกอาการกรี๊ด ท่ำาจะชัก...
“คุณนพรัตน์ เห็นมั้ย คุณกำลังจะฆ่าลูก”
“ลูกพบ... พ่อขอโทษ”
นพรัตน์เข้ามาหาโลมฤทัยด้วยความเป็นห่วง แต่โลมฤทัยผลักนพรัตน์ออกไป
“พบเกลียดคุณพ่อ ออกไป”
ลำเพาตกใจ รีบพาโลมฤทัยเข้าไปในห้อง ไม่มีใครสนใจนพรัตน์
นพรัตน์พยายามจะลุกขึ้น แต่ก็เจ็บ...หน้ามืด..เซล้มลง....
รจนาไฉนและปัทม์กลับเข้ามาในบ้าน ปยงค์รายงานทันที
“คุณรจนาไฉนคะ คนที่กรุงเทพฯ โทรมาค่ะ บอกว่าคุณพ่อคุณป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล”
“คุณพ่อ”
รจนาไฉนตกใจและเป็นห่วงนพรัตน์มาก
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 11
ภายในห้องนอน รจนาไฉนร้องไห้ที่มุมหนึ่งในห้อง สายตามองไปที่รูปถ่ายคู่ระหว่างตัวเองกับนพรัตน์ ปัทม์เข้ามาปลอบใจ
“อย่ากังวลไปเลย ท่านถึงมือคุณหมอแล้ว ถ้าได้รับการฟอกไตเหมือนทุกครั้ง ท่านก็จะปลอดภัย"
รจนาไฉนแปลกใจ
“คุณทราบได้ยังไงว่าคุณพ่อเป็นโรคไต”
ปัทม์อึกอัก
“คุณแม่เคยเล่าให้ฟัง ท่านรู้มาจากคุณลำเพาอีกที”
รจนาไฉนยังคงร้องไห้และเป็นห่วงนพรัตน์ ปัทม์เข้ามาเช็ดน้ำตาให้
“หยุดร้องไห้แล้วรีบเข้านอนซะ”
“คุณจะให้ฉันข่มตานอนหลับได้ยังไง ในเมื่อคุณพ่อ...”
“พรุ่งนี้เราต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯแต่เช้านะ”
“คุณปัทม์.... คุณอนุญาตให้ฉันไปเยี่ยมคุณพ่อได้”
ปัทม์ยิ้มให้กำลังใจรจนาไฉน
“ขอบคุณค่ะ... ขอบคุณมากค่ะคุณปัทม์”
รจนาไฉนรู้สึกดีขึ้น...แต่ยังอดกังวลใจเรื่องเงินรักษานพรัตน์ไม่ได้
กรุงเทพมหานครยามเช้า ภายในโรงพยาบาลกรุงเทพฯ รจนาไฉนถือช่อดอกไม้เมืองเหนือมาเยี่ยมนพรัตน์ ปัทม์เดินตามเข้ามา... รจนาไฉนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล
“ฉันจะเข้าไปถามหาห้องพักคุณพ่อ คุณรอตรงนี้ก่อนนะคะ"
รจนาไฉนจะไป แต่ปัทม์รั้งมือไว้
“ไม่ต้องหรอก ตามฉันมา”
ปัทม์จูงมือรจนาไฉนเดินไปที่ห้องพัก ซึ่งปัทม์รู้ว่าพักอยู่ที่ไหน เธอเดินตามไปด้วยความแปลกใจ....
ปัทม์เดินนำมาที่หน้าห้อง
“เธอเข้าไปสิ”
“คุณรู้ได้ไงคะว่าท่านพักห้องนี้”
“รีบเข้าไปเถอะ ท่านคงดีใจที่ได้เห็นหน้าคุณ”
รจนาไฉนพยักหน้ายิ้มรับเปิดประตูเข้าไป ปัทม์ยืนอยู่ด้านนอก มองผ่านกระจกหน้าห้องเข้าไป สุขใจที่ได้พาเธอมาเยี่ยมนพรัตน์
รจนาไฉนเดินเข้ามาในห้องเห็นนพรัตน์นอนหลับอยู่บนเตียง เธอเดินน้ำตาคลอเข้าไปหา รู้สึกสงสารและเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลนพรัตน์เลย
เธอเดินตรงเข้าไปที่เตียงด้านใน เอาช่อดอกไม้วางไว้ที่มุมหนึ่งแล้วค่อยจับมือนพรัตน์
“คุณพ่อคะ เพื่อนกลับมาหาคุณพ่อแล้วค่ะ”
นพรัตน์รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง
“คุณพ่อ”
“ลูกเพื่อน....พ่อไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย”
รจนาไฉนจับมือพ่อมาจับหน้าเธอ....เพื่อยืนยันว่าเธอมาหาจริงๆ
“ลูกสาวขี้แยของคุณพ่อ กลับมาแล้วค่ะ”
“พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน”
“เพื่อนก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ”
รจนาไฉนโอบกอดนพรัตน์ด้วยความรักและคิดถึง นพรัตน์รู้สึกผิด
“ลูกต้องทิ้งงานลงมา พ่อสร้างความลำบากให้ลูกอีกแล้วใช่ไหม”
“คุณพ่ออย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เพื่อนเป็นลูกคุณพ่อ จะต้องเหนื่อยหรือลำบากแค่ไหน เพื่อนยอมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้คุณพ่อหายป่วยและมีความสุขที่สุดค่ะ”
ปัทม์ยืนอยู่ที่กระจกตรงประตูห้องพักคนไข้ เห็นความรักที่รจนาไฉนมีต่อนพรัตน์มากมาย
ภายในห้องพักคนไข้ นพรัตน์รู้สึกดีที่รจนาไฉนยังคงรักและกตัญญูต่อเขา
"พ่อได้ฟอกไตทุกเดือนเพราะเงินของลูก พ่อขอบใจมาก"
รจนาไฉนแปลกใจ
"ค่ารักษา"
เธอหันไปมองที่ด้านประตู เริ่มเอะใจว่าปัทม์คงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้... นพรัตน์มองตามสายตาลูกสาวแล้วเห็นปัทม์ยืนอยู่ด้านนอก ปัทม์รู้ว่าทั้งสองคนเห็นตัวเองแล้ว จึงจำเป็นต้องเดินเข้ามาในห้อง...เขาเดินตรงมาหานพรัตน์ ปัทม์ยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณอา"
นพรัตน์รับไหว้ แล้วรู้ทันทีว่าปัทม์เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เขา..
"ผมขอบคุณคุณมากที่..."
"อย่าขอบคุณผมเลยครับ สิ่งที่ผมทำไป...มันเป็นหน้าที่ และเป็นการชดเชยความผิดที่ผมเคยกระทำต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของคุณอา"
นพรัตน์และรจนาไฉนแปลกใจที่ปัทม์ยอมกล่าวขอโทษนพรัตน์
"ผมสัญญาครับ นับจากนี้ต่อไป... ผมจะรักและดูแลรจนาไฉนยิ่งกว่าชีวิตของผม"
รจนาไฉนรู้สึกตกใจและดีใจที่ปัทม์ยกย่องและยอมรับเธอ นพรัตน์ยิ้มด้วยความสุขใจ กวักมือเรียกให้ปัทม์เดินเข้ามาใกล้เขา ปัทม์เดินเข้ามาใกล้ นพรัตน์จับมือปัทม์มากุมมือลูกสาวไว้ น้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลออกมา...
"ไม่มีความสุขไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่า คนเป็นพ่อรับรู้ว่า มีผู้ชายคนนึง พร้อมจะดูแลและปกป้องลูกสาว ฉันฝากรจนาไฉนด้วย"
"ครับ"
ปัทม์กุมมือรจนาไฉนไว้แน่น...เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้กับนพรัตน์.... เธอมองปัทม์ด้วยความสุขใจ....
มุมสวนดอกไม้ในโรงพยาบาล รจนาไฉนเดินเข้าหาปัทม์แล้วนั่งลง ปัทม์แปลกใจ...
"เธอจะทำอะไร”
รจนาไฉนก้มลงกราบปัทม์ ปัทม์รีบเข้าไปประคอง
"คุณปัทม์คะ ฉันขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ"
ปัทม์ยิ้มรับ
"ไม่เป็นไร"
"ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง บุญคุณที่คุณมีต่อฉันและคุณพ่อมันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะทดแทนได้ ต่อไปนี้...คุณจะให้ฉันทำงานอะไร ฉันยอมที่จะทำทุกอย่าง"
ปัทม์ยิ้มประคองรจนาไฉนลุกขึ้น..
"สิ่งที่ฉันทำให้เธอยังน้อยไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับน้ำใจและความจริงใจที่เธอมอบให้ฉันกับไร่ปัทมกุล ต่อไปนี้..เธอไม่ได้ทำเพื่อฉัน และฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอ แต่เราจะทำเพื่อกันและกัน"
รจนาไฉนยิ้มดีใจที่ปัทม์เปิดใจรับเธอ ปัทม์เข้ามาโอบกอดรจนาไฉนด้วยความรัก
โลมฤทัยเดินนำมาในโรงพยาบาล ลำเพาเดินตามเข้ามา
"พบกำลังจะบินไปเชียงรายอยู่แล้วเชียว ทำไมคุณพ่อต้องมาป่วยตอนนี้ด้วย"
"หาเรื่องต้องเสียเงินไม่เว้นวัน แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมารักษา"
ลำเพาไม่พอใจ เร่งเดินไปยังด้านในโรงพยาบาลทันที
รจนาไฉนมองนาฬิกา...
"ได้เวลาเดินทางแล้ว... เรารีบไปสนามบินเถอะค่ะ"
รจนาไฉนจะเดินออกไป แต่ปัทม์เข้ามาคว้ามือไว้ เธอแปลกใจ เขาจับมือเธอเดินไปด้วยกัน เสมือนเป็นการเริ่มต้นที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน... ทั้งคู่มีความสุขอิ่มเอมใจ...
โลมฤทัยและลำเพากำลังเดินไปยังบริเวณลิฟท์ ทั้งสองคนกดปุ่มลิฟท์แล้วยืนรออยู่ในบริเวณหน้าลิฟท์นั้น
ปัทม์จูงมือรจนาไฉนเข้าไปในลิฟท์แล้วกดลงไปยังชั้น G ... ประตูลิฟท์ปิด
โลมฤทัยและลำเพายืนรออยู่ที่หน้าลิฟท์ พลางเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขบอกชั้นที่ลดลงเรื่อยๆ เสียงลิฟท์ดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิดออก ปัทม์และรจนาไฉนอยู่ในลิฟท์ตัวหนึ่ง โลมฤทัยและลำเพาหันไปมองภายในลิฟท์ แล้วจึงเดินเข้าไปภายใน ทั้งคู่เดินเข้าไปในลิฟท์อีกตัว ไม่ทันเห็นปัทม์และรจนาไฉนที่เดินออกจากลิฟท์อีกตัว ลิฟท์โลมฤทัยปิดก่อนที่ปัทม์กับรจนาไฉนจะเดินออกมา
ปัทม์และรจนาไฉนจะเดินออกไป
"คุณคะ" เสียงนางพยาบาลเรียกขึ้น
ปัทม์เดินเข้าไปหาพยาบาล...
"รบกวนช่วยเซ็นเอกสารด้วยค่ะ"
ปัทม์บอก
"เธอรอฉันสักครู่นะ”
"ค่ะ"
ปัทม์เดินออกไปกับพยาบาล....
ลำเพาเปิดประตูห้องพักนพรัตน์แล้วโวยวายใส่ทันที
"ฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้องพักพิเศษ คุณย้ายไปพักห้องรวมเถอะ"
"คุณจะโวยวายทำไม ในเมื่อคุณไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท"
ลำเพาแปลกใจ
"บัตรทองพักห้องพิเศษได้ด้วยเหรอ"
"เค้าออกค่าใช้จ่ายให้หมดแล้ว แล้วก็เขียนเช็คไว้ให้คุณ"
"ใครคะ"
นพรัตน์ยื่นเช็คให้ลำเพา..ลำเพามองเช็คตาโต
"ห้าแสน!”
โลมฤทัยแย่งเช็คมาดูอย่างตื่นเต้นดีใจ
"คุณปัทม์ คุณปัทม์มาที่นี่ค่ะคุณแม่"
"เค้ามากับลูกเพื่อน"
"มันคงกลัวคุณปัทม์จะทิ้ง ถึงต้องลากคุณปัทม์มาด้วย" โลมฤทัยบอก
"คุณปัทม์เป็นคนพาลูกเพื่อนมาเอง เค้าตั้งใจมาขอโทษผม"
โลมฤทัยและลำเพาแปลกใจ
"คุณว่าอะไรนะ"
"เค้ายอมรับผิดในเรื่องราวที่ผ่านมา พร้อมจะยกย่องลูกเพื่อนในฐานะภรรยาW
โลมฤทัยและลำเพาได้ฟังก็ยิ่งโกรธและไม่พอใจ
" ต่อไปนี้คุณคงมีความสุขที่ลูกเพื่อนไม่ต้องมาเป็นภาระอีกแล้ว ส่วนลูกพบก็ไม่ต้องลำบากเดินทางไปเชียงรายอีก เพราะคุณปัทม์เลือกคู่ชีวิตแล้ว"
โลมฤทัยเจ็บใจแทบจะกรี๊ด แต่ลำเพาเข้ามาจับตัวไว้
"ใจเย็นค่ะลูกขา"
ลำเพารีบพาโลมฤทัยออกไปจากห้อง นพรัตน์มองตาม แต่ได้ถอนใจกับพฤติกรรมของเมียและลูก
มุมหนึ่งในโรงพยาบาล โลมฤทัยตัวสั่น อึดอัดอยากจะกรี๊ด
"หายใจเข้าลึกๆเข้าใจออกช้าๆ" ลำเพาบอก
"อย่าคิดนะว่าคุณปัทม์เลือกแล้วมันจะมีความสุข พบจะแย่งคุณปัทม์มาให้ได้"
โลมฤทัยเดินออกไป ลำเพาวิ่งตามโลมฤทัยไปอีกทางหนึ่ง
เคาน์เตอร์อีกมุมหนึ่ง ปัทม์ยืนหันหลัง หันหน้ากลับมาบอกพยาบาล...
"ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมฝากด้วยนะครับ"
ปัทม์เดินออกไปหารจนาไฉนที่นั่งรออยู่มุมหนึ่ง แล้วพาเธอออกไป...
"กลับกันเถอะ”
ปัทม์เข้าไปจับมือเธอเดินออกไป
อุรารัตน์ออกมาจากห้องน้ำ มายืนหน้ากระจก...มองดูตัวเอง เธอคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างเธอกับวราห์
ห้องพักโรงแรมเวลากลางคืน ในอดีต วราห์โน้มตัวเข้าหาอุรารัตน์ เข้าซุกซอกคอ เธอรู้สึกตัว พยายามจะผลักวราห์ออก
"แกทำอะไร ออกไป"
วราห์ไม่ตอบ จับมืออุรารัตน์ขึงไว้แล้วก็ซุกไซร์ตัวเธอ แม้เธอจะพยายามขัดขืน แต่ด้วยความเมาจึงสู้แรงวราห์ไม่ได้
อุรารัตน์นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นก็รับไม่ได้ คว้าขวดน้ำหอมปาใส่กระจกแตกกระจายด้วยความโมโห นงนุชเข้ามาในห้องก็ตกใจ
"ว้าย...คุณแอรี่เป็นอะไรคะ คุณแอรี่อาบน้ำอีกแล้วเหรอคะ วันนี้อาบสามสี่รอบแล้วนะคะ"
"ไม่ต้องยุ่งกับฉัน ออกไป"
"ค่ะ" นงนุชจะออกไป ก็นึกได้หันกลับมา
"ว้าย...ลืมค่ะ คุณวราห์มาหาค่ะ"
อุรารัตน์ยิ่งโกรธและเกลียด
"บอกให้มันกลับไป ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน"
"ทำไมล่ะคะ ก็วันก่อนสนิทสนมกัน"
อุรารัตน์คว้าเครื่องสำอางบนโต๊ะปาใส่นงนุชจนต้องหลบพัลวัน
"ค่ะ จะไล่ให้ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"
นงนุชจะออกไป แต่อุรารัตน์คิดบางอย่างได้ เลยตะโกนห้ามไว้
"ไม่ต้อง บอกให้รอฉัน"
"ตกลงจะไล่หรือให้อยู่คะ"
อุรารัตน์หยิบของปาใส่นงนุช
"ทำตามที่ฉันสั่ง!"
"ค่ะ"
นงนุชรีบวิ่งออกไป...อุรารัตน์คิดอะไรบางอย่าง
มุมหนึ่งที่บ้านอุรารัตน์ วราห์นั่งรออยู่ อุรารัตน์เดินเข้ามา...
สวัสดีครับ ผมจะมาชวนคุณไปหาอะไรดื่มกัน"
วราห์พูดไม่ทันจบ อุรารัตน์ตบหน้าทันที
"นี่เป็นการทักทายตามประสาคนคุ้นเคยกันเหรอครับ"
อุรารัตน์ยิ่งโกรธตบหน้าวราห์อีก
"ถ้ารู้ว่าคุณมีรสนิยมแบบนี้ คืนนั้นผมคง..."
อุรารัตน์ตบหน้าอีก
"เลิกพูดถึงเหตุการณ์วันนั้น ! มันเป็นแค่ฝันร้ายและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก"
"อย่าปิดกั้นตัวเองสิครับ คุณก็รู้ว่าผมรักและหวังดีกับคุณ ผมอยากรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น"
"ไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ เพราะคุณมันไม่ใช่ ฉันไม่ได้เสียอะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาคิดซะว่าให้ทาน"
"แต่ผม..."
"อย่ามาตอแยกับฉันอีก ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่"
อุรารัตน์ขู่วราห์แล้วเดินออกไป... ปลัดวราห์ยิ้มเย้ย ต้องการเอาชนะอุรารัตน์ให้ได้ วราห์เดินออกมา เจอพ่อเลี้ยงเจงยืนอยู่...
"พ่อเลี้ยง"
พ่อเลี้ยงเจงเข้ามา แต่ไม่ทันได้ยินว่าทั้งสองทะเลาะกันเรื่องอะไร จึงไม่รู้เรื่องในคืนวันนั้น
มุมหนึ่งในบ้านพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเจงถามวราห์
"ฉันไม่ได้เรียกตัว มาที่นี่ทำไม มีธุระอะไรกับลูกสาวฉัน"
"มีร้านอาหารเปิดใหม่ที่ริมดอยนะครับ มีอาหารพื้นเมืองหลากหลาย ผมทราบว่าคุณอุรารัตน์ชอบก็เลยมาชวน"
"ขอบใจแต่ไม่ต้อง ลูกสาวฉันไม่ชอบทานของข้างทาง อุรารัตน์มีรสนิยมพอที่จะเลือกแต่ของดีที่เหมาะสม"
วราห์สลดไปนิด
"ครับ"
"กินอะไรมารึยัง ฉันจะสั่งแม่บ้านให้ทำอาหาร ฉันไม่ปล่อยให้คนของฉันอดอยากหรอก"
"ทานเรียบร้อยแล้วครับ...ผมขอตัวกลับครับ"
วราห์ไหว้ลาพ่อเลี้ยงเจง แล้วเดินออกไป พ่อเลี้ยงเจงพูดไล่หลัง
"ถ้าฉันไม่ได้เรียก ไม่ต้องมา..."
"ครับ"
วราห์เดินออกไป พ่อเลี้ยงเจงมองตาม พอใจที่ปรามวราห์ไว้...
ปลัดวราห์เดินออกมานอกบ้านพ่อเลี้ยงเจง ...หันมองกลับไป
"หยิ่งผยองทั้งพ่อทั้งลูก อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน"
วราห์มีสีหน้าอาฆาตแค้นพ่อเลี้ยงเจงและอุรารัตน์ แล้วขึ้นรถขับออกไป
ถนนหน้าบ้านพ่อเลี้ยงเจง รถของวราห์วิ่งออกไป พูนทวีซึ่งกำลังเลือกซื้อกระเป๋าหรือเสื้อผ้าชาวเขาอยู่ ...หันไปมองรถที่แล่นผ่านไป ก็จำได้ว่าเป็นรถของปลัดวราห์ พูนทวีแปลกใจ ที่เห็นวราห์ออกจากบ้านพ่อเลี้ยงเจง ทันใดนั้น มีรถกระบะอีกคัน วิ่งผ่านหน้ามา พูนทวีมองเห็นศักดิ์นั่งอยู่ด้านในรถ และเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์นั่งอยู่ท้ายกระบะ รถวิ่งเข้าไปในบ้านพ่อเลี้ยงเจง
พูนทวียืนมองด้วยความสงสัย...
เวลากลางคืน ปัทม์จูงมือรจนาไฉนเข้ามาในบ้าน
"วันนี้เธอเดินทางมาเหนื่อยทั้งวัน ขึ้นไปพักเถอะ"
รจนาไฉนยิ้มให้ปัทม์ แล้วเดินไปทางห้องนอน ปัทม์ยืนยิ้ม คิดอะไรบางอย่าง
รจนาไฉนเข้ามาในห้อง รู้สึกดีที่ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอมองหาภาพถ่ายของนพรัตน์
"ภาพถ่ายคุณพ่อหายไปไหน"
เธอมองหาสองสามแห่งก็ไม่เจอ... เธอรู้สึกแปลกใจที่ภาพถ่ายหายไป ปัทม์ยื่นภาพถ่ายใบหนึ่งที่ใส่กรอบสวยงามให้
"ภาพสำคัญของครอบครัวควรใส่กรอบ จะได้ไม่ขาดหรือปลิวหาย"
"ขอบคุณค่ะ"
รจนาไฉนยิ้มรับกรอบรูปจากปัทม์โดยยังไม่ได้มองภาพ เธอเดินออกไป ปัทม์ยืนยิ้มมีอะไรบางอย่างในใจ เธอถือกรอบรูปมาที่บริเวณหัวเตียง ยิ้มดีใจที่ปัทม์ใส่กรอบรูปมาให้
ภาพถ่ายในกรอบรูป เป็นภาพคู่ของรจนาไฉนกับนพรัตน์ แต่มีภาพการ์ตูนเจ้าชายที่ตัดมาจากหนังสือนิทาน แปะไว้ด้านข้างรจนาไฉน...
ปัทม์เดินเข้ามาหารจนาไฉน
"ต่อไปนี้...ชีวิตเธอไม่ได้มีแค่พ่อที่รักเธอเท่านั้น แต่ยังมีเจ้าชายที่จะอยู่เคียงข้างเธออีกคน"
รจนาไฉนยิ้มในความโรแมนติกของปัทม์ ปัทม์ถือปากกาเคมี เข้ามาเขียนชื่อ “ปัทม์” ติดไว้ที่ภาพเจ้าชาย...
เธอยิ้มแล้วแย่งปากกา หันหลังให้ปัทม์ วาดอะไรวางอย่างลงบนกรอบรูป ปัทม์สงสัย
"ทำอะไร"
รจนาไฉนใช้ตัวบังไว้ ไม่ยอมให้ปัทม์เห็น
"วาดอะไร เอามานี่นะ"
ปัทม์พยายามแย่งกรอบรูป แล้วก็แย่งมาได้ ปัทม์มองกรอบรูป แล้วตกใจ..
"เธอ"
ภาพเจ้าชายในกรอบรูป มีเขาสองเขาอยู่บนหัว....
"คุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าชายหรอก.. ท่านมัจจุราช"
"ลบเขาออกเดี๋ยวนี้นะ"
ปัทม์จะเข้าไปแย่งกรอบรูป แต่เธอไม่ให้ แต่ถือกรอบรูปวิ่งหนีทั่วห้อง แล้วต่อว่าปัทม์
"เห็นไหมล่ะ คุณกำลังทำร้ายฉัน คนใจร้ายอย่างคุณต้องเป็นมัจจุราช"
รจนาไฉนวิ่งหนี ปัทม์เข้ามายื้อแย่งภาพ ทำให้รจนาไฉนล้มลงไปบนเตียงนอน
"เธอหนีฉันไม่รอดหรอก"
รจนาไฉนถอยร่นหนีบนเตียง....
"อย่าเข้ามานะ....พญามัจจุราช"
ปัทม์เข้ามาบนเตียง แหย่ถามรจนาไฉน
"บอกมาสิ ฉันเป็นอะไร"
"มัจจุราช"
"ให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ถ้ายังว่าฉันอีก ฉันจูบนะ"
รจนาไฉนอึ้ง ปัทม์จ้องหน้าเธอ
"ฉันเป็นอะไร"
รจนาไฉนจะตอบ
"คุณเป็น..."
ปัทม์เข้าจูบรจนาไฉนทันที... เธออึ้งไปกับจูบแรกที่เต็มไปด้วยความรักอันดูดดื่ม ปัทม์ถอยห่างออกมา แล้วถามรจนาไฉนอีกครั้ง
"ฉันขอเป็นเจ้าชายของเธอได้ไหม"
เธอมองปัทม์ใจหวั่นไหว คิดตัดสินใจ
"เพคะ"
ปัทม์ก้มลงจูบรจนาไฉน...เธอโอบกอดปัทม์ด้วยความรัก
ภายในห้อง ในคืนนั้น มีเรื่องราวของภาพถ่ายในกรอบรูป...ระเบียงห้อง... ชายผ้าม่านที่พริ้วไหวและดวงดาวที่ส่องแสงสว่างกลางท้องฟ้าของปัทม์กับรจนาไฉน
บรรยากาศสายหมอกยามเช้าที่ไร่ชา และความงดงามของทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบานรับวันใหม่อันแสนสดใส...
รจนาไฉนตื่นนอนแล้วหันไปมองปัทม์ที่นอนหันหน้ามาทางด้านเธอ เธอมองสำรวจหน้าตาปัทม์ด้วยความรักและอบอุ่นใจ... เธอค่อยๆเอามือลูบไล้ใบหน้าปัทม์เบาๆ ไม่ให้รู้สึกตัว เธอรู้สึกมีความสุขมากและเข้าไปจูบเบาๆที่แก้มของเขา...แล้วก็นอนมองหน้าปัทม์ด้วยความรัก
วันเดียวกัน ที่หน้าห้องทำงานปวุฒิ เวลากลางวันสารวัตรวุฒิยืนคุยกับจ่า
"ถึงพวกค้ายายังไม่มีการเคลื่อนไหวก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ เราต้องตั้งสายตรวจอย่างต่อเนื่อง"
"ครับสารวัตร"
จ่ารับคำสั่งแล้วเดินออกไป ปวุฒิเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน
ปวุฒิเข้ามาในห้องก็แปลกใจ
"ไม่ต้องสงสัยว่าผมมาทำไม ผมมาแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง"
"พ่อเลี้ยงเจง"
"เมื่อวานนี้ผมเห็นปลัดวราห์เข้าออกบ้านพ่อเลี้ยงเจง ผมว่าปลัดวราห์ก็อยู่ในข่ายที่น่าต้องสงสัย...และตอนนี้พ่อเลี้ยงเจงมีการนำคนต่างถิ่นเข้ามา ผมว่าเขากำลังคิดทำอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นภัยต่อชาติ" พ่อเลี้ยงพูนทวียิ้มให้ปวุฒิ
"ผมพอจะเป็นสายลับ007 ได้มั้ยครับสารวัตร"
"ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล เชิญครับ..."
สารวัตรปวุฒิผายมือเชิญพูนทวีออกไป...
"ยังไปไม่ได้ครับ"
พูนทวีหยิบกระเช้าสตรอเบอรี่วางไว้บนโต๊ะ
"สตรอเบอร์รี่จากไร่ ผมเอามาฝาก"
"เนื่องในโอกาสอะไร"
"เพื่อให้กำลังใจสารวัตร เพราะผมอยากได้ลูกค้าของผมกลับคืนมา"
ปวุฒิมองด้วยความแปลกใจ
"ถ้าตำรวจปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปได้ ไม่มียา ไม่มีคนติดยา ชาวบ้านก็จะหันมาบริโภคผลไม้ในไร่ของผมมากขึ้น เห็นมั้ยครับ ทุกอย่างเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกัน"
พูนทวีนั่งลงที่โต๊ะทำงาน....
"ทานสิครับ คุณเพื่อนเคยทานแล้วชอบมาก เพราะมันสด..หวาน"
ปวุฒิหยุดชะงักทันที พูนทวีจึงพูดต่อ..
"พูดถึงคุณเพื่อนแล้วก็คิดถึงไอ้ปัทม์ ได้ข่าวว่าเพิ่งพาคุณเพื่อนไปเยี่ยมคุณพ่อที่กรุงเทพฯ เห็นเขาสองคนรักใคร่กันดี เพื่อนอย่างเราก็พลอยสุขใจไปด้วย"
พูนทวีทำท่าตกใจ
"ผมขอโทษ...ลืมไปว่าสารวัตรเคยรักคุณเพื่อน ผมเข้าใจครับ คนเราจะเสียใจมากที่สุด เมื่อรู้ว่าคนที่เรารักมีใจให้ชายคนอื่น"
"เวลาพูดอะไรน่าจะคิดสักนิดนะครับ มันไม่ใช่แค่ทำร้ายความรู้สึกผม แต่มันกลับทำร้ายตัวคุณเองด้วย"
พูนทวีอึ้ง แต่ก็ยิ้มสู้ และย้อนกลับ...
"คุณเจ็บ ผมเจ็บ เราเสมอกัน"
"แต่เกมการแข่งขัน ยังไงก็ต้องมีผู้ชนะ"
พูนทวีมองปวุฒิบอก
"และผู้แพ้"
"ตราบใดที่เกมยังดำเนินอยู่ ผมก็มีสิทธิ์จะกลับเป็นผู้ชนะได้เสมอ"
พูนทวียกหัวแม่โป้งให้
"สุดยอดเลยครับ สารวัตรเลือดนักสู้"
"จบเรื่องรึยัง ผมต้องทำงาน"
พูนทวียิ้มรับ
"ไม่ต้องไล่ครับ...ภารกิจของผมเสร็จสิ้นแล้ว ลาล่ะครับ"
พูนทวีจะเดินออกไป แต่กลับมาอีก
"นักสู้คงไม่ชอบทานสตรอเบอรี่"
พูนทวีหยิบกระเช้าสตรอเบอรี่คืน แล้วเดินออกไป... ปวุฒินั่งลง แล้วหยิบภาพรจนาไฉนออกจากกระเป๋ามามอง พร้อมจะสู้ต่อไป...
พูนทวีเดินถือกระเช้าออกมายังทางเดินในสถานีตำรวจ พลางมองกระเช้าสตรอเบอรี่
"ไม่น่าเอามาเล้ย....ทำให้เจ็บ...แล้วก็จุก"
ตำรวจนายหนึ่งกำลังเดินสวนไป...พูนทวีส่งให้..
"ผมเอามาฝาก...อ้อ..พันธุ์นี้จะเฝื่อนๆขมขื่นนะ"
พูนทวีส่งให้แล้วเดินออกไป....ตำรวจรับมาอย่างงงๆ
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.