หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 4
ทางด้านเตอร์กำลังวุ่นวายอยู่กับการเสิร์ฟกาแฟ เทคแคร์ลูกค้าอยู่ในร้าน ก่อนจะเหลือบดูนาฬิกา
“อุ๊ย ตายแล้ว บ่ายสามแล้วเหรอเนี่ย...” เตอร์หันไปบอกเด็กในร้าน “พี่ไปธุระ เดี๋ยวมานะ”
เตอร์รีบจะผลักประตูร้านออกไป แต่ปรากฏว่ามีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน เตอร์วี้ดใส่
“อ๊าย ตาบอดหรือไงย่ะ เปิดสวนเข้ามาได้ ซิลิโคนจมูกชั้นเบี้ยวไป ใครจะรับผิดชอบ” แต่พอเห็นว่าเป็นใคร จึงชะงักทันที “อุ๊ย คุณพีท!”
“ผมมาหาคุณแพท ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ”
“หายายแพท มีธุระอะไรกับเค้าไม่ทราบคะ”
พีทมองหน้าเตอร์งงๆ
“ฉันเป็นเพื่อนรักของยายแพท ถ้าคุณมีอะไรกับยายแพท พูดกับฉันก็ได้”
พีทมองหน้าเตอร์อย่างลังเล
แพทที่ขายังเจ็บอยู่ นั่งชะเง้อคอมองไปที่หน้าโรงเรียนอนุบาลอย่างหงุดหงิด โดยมีอะตอมเล่นอยู่ข้างๆ แพทหยิบโทรศัพท์มาโทร. แต่โทร.ไม่ติด
“ทำอะไรอยุ่นะนังเตอร์
รถพีทแล่นเข้ามาจอดเทียบ พีทลงมาอะตอมเห็นพีทยกมือไหว้
“สวัสดีครับลุงพีท”
แพทมอง งงๆ
“ครับผม ลุงแวะมาทำธุระแถวนี้ ผ่านโรงเรียนอะตอมพอดี ก็เลยคิดได้ว่า น่าจะแวะดู เด็กผู้หญิงที่ตอมเคยเล่าให้ฟังหน่อย หน้าตาจะน่ารักแค่ไหนน่ะ”
อะตอมยิ้มเขินๆ “อ๋อ มะนาว เค้ากลับไปแล้วฮะ”
แพทฉุนกึก “นี่ยังจะกล้าพูดเรื่องนี้อีกเหรอ ฉันยังไม่ได้เอาเรื่องคุณเลยนะ” กระชิบว่าพีทเบาๆ ไม่อยากให้อะตอมได้ยิน “สอนให้ลูกฉันชีกอตั้งแต่เด็ก”
“เดี้ยงขนาดนี้ แล้วยังจะดุอีก เอางี้ไปว่ากันที่บ้านก็แล้วกัน จะกลับบ้านใช่มั้ยคุณขึ้นมาเลย เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
“คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก ฉันมีคนมารับ”
เสียงโทรศัทพ์ดังพอดี มีรูปเตอร์ขึ้นหน้าจอ แพทยิ้มอย่างถือดี
“เพื่อนฉันกำลังจะมารับแล้ว”
เตอร์โทรศัทพ์หาแพทอย่างร้อนรน
“ฮัลโหลแพท เหรอ ทำไงดีลูกค้าที่ร้านเยอะมากเลย ไม่รู้จะมากันทำไมนักเนี่ย...โอ๊ย ใช่ แล้วเด็กก็ทำคนเดียวไม่ไหว ฉันก็ต้องช่วยมัน”
“งั้นเหรอ งั้นแกก็ดูร้านไปเถอะ เฮ้ย ไม่ต้องจะไล่ลูกค้าไปได้ไง...คราวหลังใครจะเข้าร้าน เออ เดี๋ยวฉันหาทางกลับเอง รถประจำทางมีเยอะแยะ”
เตอร์ปิดโทรศัทพ์ นั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบ ในร้านกาแฟมีลูกค้าแค่ไม่กี่คน เตอร์ยิ้มกริ่มวางแผนกะพีท
“ขอโทษนะยายแพท ชั้นแค่อยากให้เธอนั่งรถสบายๆ น่ะ อย่าโกรธกันนะ”
ด้านพีทแอบฟังอยู่ อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเก๊กหล่อเหมือนเดิม มองแพทเป็นทำนองว่าเอาไง แพทหันหลังคิดหนักว่าจะเอายังไงดี
“กลับล้านกันเถอะครับแม่แพท อะตอมปวดท้อง”
อะตอมวิ่งจู๊ดไปขึ้นรถพีททันที พีทยิ้มแล้วตามไป แพทอึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องเดินใช้ไม้เท้ากะเผลกๆ ตามไป
ไม่นานต่อมาพีทขับรถมาจอดส่งที่บ้าน อะตอมรีบร้อนลงจากรถ รีบขอบคุณพีทด้วย โดยที่ไม่ต้องสอน
“ขอบคุณฮะ”
เด็กน้อยวิ่งจู๊ดเข้าไปในบ้านทันที
“ขอบคุณนะคะที่มาส่งเรา”
แพทบอกขณะลงจากรถ
“เดี๋ยวก่อน ผมได้ข่าวข่าวว่าคุณ ลาออกจากงาน เพราะเรื่องเมื่อวาน”
“ฉันเบื่องานก็เลยออกแค่นั้นเอง อย่ามาทำหน้าแบบนั้น มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยสักนิด”
“แต่ผมว่าเกี่ยวนะ คุณบอกผมแล้วว่าคุณมีงานต้องทำ แต่ผมก็ยังลากคุณไปกับผมจนได้”
“โอ๊ย ขอทีๆ อย่ามาดราม่าได้มั้ย ถึงฉันออกจากงาน แต่ฉันก็ไม่อดตายแล้วก็บอกอีกครั้ง ว่าไม่ต้องมารู้สึกผิดอยากรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“นี่ผมพูดจริงๆ เหมือนกัน ผมอยากให้คุณมาทำงานที่รีสอร์ต” พีทว่า
“ฉัน ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ คนอย่างฉันไปสมัครงานที่ไหนใครๆ ก็รับ ฉันหางานเองได้ ...แต่ก็ขอบใจนะที่มีน้ำใจอยากให้ความช่วยเหลือ แล้วก็เรื่องที่มาส่งวันนี้ด้วย เอาล่ะ คุณหมดธุระแล้วใช่มั้ย”
พีทออกจะงงๆ อยู่ ได้แต่พยักหน้า
แพทรีบเดินเข้าบ้าน แต่เสียหลักไม้เท้าลื่น ร่างเซถลาพีทจับแขนโอบไว้ทันก่อนจะล้ม ทั้งคู่หน้าเกือบแนบชิดกัน ตาสบกัน ต่างคนต่างตกใจ
แพทได้สติก่อน สะบัดตัวหลุดออกมา แล้วเดินโขยกเขยกเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
พีทยืนนิ่งส่ายหน้า แล้วเดินตามเข้าไป
พีทเดินเข้ามาเห็นแพทกำลังเก็บของอะตอมอยู่
“วันศุกร์นี้คุณแม่ผมจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่รีสอร์ต คุณจะจัดงานให้เราได้ไหม”
แพทเก็บของโดยไม่มอง “รีสอร์ตคุณก็มีแผนกจัดเลี้ยงไม่ใช่หรอ มาให้ชั้นทำทำไม ฉันไม่ว่าง”
“อย่างน้อยก็ทำเค้กกับขนมให้เราก็ยังดี ใครๆ ก็บอกว่าคุณทำขนมเค้กอร่อย เอ๊ะ หรือว่าไม่อร่อยนะ” พีทยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอ้ย...ขนมของฉันน่ะ ใครได้ชิมก็ต้องติดใจกันทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ทำมาสิ ผมอยากให้แม่ชิม ถ้าหากว่ามันไม่เป็นพิษ”
แพทโมโหเอาหมอนขว้าง พร้อมกับไล่ตะเพิด
“ออกไปนะ ออกไปให้พ้นเลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“นี่ผมพูดจริงๆ นะ แม่ผมท่านอยากจัดงานเลี้ยง ท่านอยากให้คุณรัญไปร่วมงานด้วย แล้วผมก็มีญาติๆ 4-5 คน คุณไม่ต้องห่วงหรอกว่าผมจะพารัญไปทำอะไร”
แพท ตาลุก
“ฉันไม่อนุญาตให้ยายรัญไป”
“คุณกล้าบอกคุณแม่ผมหรือเปล่าละ ตามใจนะ ถ้าคุณไม่ยอมทำขนมให้ คุณก็คงไม่ได้ไปร่วมงาน คิดดูดีๆ ละ”
พีททำหน้ากวนๆ ใส่ ก่อนเดินออกไป แพททำหน้าร้อนใจ อยากจะกรี๊ด
เย็นวันต่อมา งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ริมสระน้ำในฟ้าเคียงดินรีสอร์ต รอบบริเวณสระถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศสวยงามและดูโรแมนติก เห็นบรรดาพนักงานรีสอร์ตช่วยกันเตรียมงานอย่างสบายๆ ดอกไม้ถูกนำมาประดับตามมุมอย่างงดงาม
ตรงบริเวณโต๊ะอาหารด้านหนึ่งของงาน แพทกำลังเอาคัพเค้กหน้าตาดูน่ากินจัดวางบนจานอย่างสวย รัญธิดาชื่นชมอยู่ใกล้ๆ
“สวยจังเลยค่ะน้าแพท น่ากินที่สุดเลย”
แพทเงยหน้ายิ้มรับ แต่ตากวาดหาคู่ปรับคือพีทอย่างระแวง
“ไม่ได้สิ น้าต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่ ไม่ให้ใครมาว่าได้ว่าขนมของพวกเราไม่อร่อย”
ฝนเดินยิ้มเข้ามา
“โอ๊ย ใครจะกล้าว่าคะคุณ ขนมคุณน้าคุณรัญเนี่ยน่ากินยังกับขนมสวรรค์ ถ้าฝนได้ชิมสักคำคงเป็นบุญที่สุดแล้ว”
แพทหัวเราะ “เดี๋ยวฉันจะเก็บไว้ให้ต่างหากเลยนะจ๊ะ ปากหวานแบบนี้ฟังแล้วชื่นใจที่สุดเลย”
ฝนยิ้มกว้างแล้วมองมาทางรัญธิดา “จริงๆ คุณรัญไม่ต้องมาช่วยตรงนี้หรอกนะค่ะ ไปแต่งตัวสวยๆเตรียมตัวรับแขกดีกว่า เดี๋ยวก็คงทยอยกันมาแล้วล่ะค่ะ”
“จะมีเหรอ ชุดสวยๆ น่ะ” เสียงเฉิดโฉมแหลมเข้ามา
ทุกคนมองเฉิดโฉมที่เดินเข้ามาเป็นตาเดียว เฉิดโฉมทำหน้าอึ้งๆ
“จริงๆ พนักงานอย่างพวกเรา แต่งตัวเรียบๆ แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ จะไปแต่งสวยๆ ทำไม แต่งไปก็สู้คนรวยๆ เค้าไม่ได้หรอก”
“แต่คุณรัญ เป็นคู่หมั้นของเจ้านาย ย่อมมีสิทธิแต่งสวยๆ ได้ เค้าไม่ใช่พนักงานธรรมดาไก่กาอย่าง...” ฝนเว้นวรรค
เฉิดโฉมร้องกรี๊ด “อ๊าย...อย่างใคร พูดดีๆ นะพี่ฝน”
“ก็อย่างฝนน่ะสิ ใช่ไหมคะคุณน้า”
กันตาเดินเข้ามาพอดี แต่งตัวอย่างสวยงาม สง่า และเครื่องประดับตระการตา ยิ้มทักทายรัญธิดา
“หนูรัญ”
ทุกคนเงียบกริบ สำรวมทันที
“มาอยู่นี่เอง ไปแต่งตัวได้แล้วจ้ะ”
“แต่รัญไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนน่ะค่ะแม่นาย รัญไม่นึกว่า...”
เฉิดโฉมแอบยิ้มเยาะ
“ไม่เป็นไร ฉันเตรียมชุดไว้ให้แล้ว”
เฉิดโฉมตกใจ “อะไรนะคะ”
“หนูรัญเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของงานวันนี้ ชั้นก็เลยเตรียมเสื้อผ้าให้เป็นของขวัญของหนูน่ะจ๊ะ ตามชั้นมาทางนี้สิจ๊ะ”
กันตาบอก พลางจูงมือรัญธิดาไปอีกทาง
เฉิดโฉมอ้าปากค้าง แพทมองเฉิดโฉมอย่างสมเพช แล้วเดินโขยกเขยกห่างออกมา
แพทเดินกะเผลกมาอีกมุมของงาน เพื่อหารถจะกลับ
เสียงพีทดังขึ้น “จะกลับแล้วหรอครับคุณน้า”
แพทหันขวับไปเห็นพีทแต่งตัวหล่อลากเดินเข้ามา ในมือมีคัพเค้กอยู่
“ฝีมือไม่เลวนะเนี่ย สวยดี แต่จะอร่อยสมราคาคุยหรือเปล่าก็ไม่รู้” กัดคัพเค้กคำใหญ่ๆ แล้วร้องเสียงดัง “โอ๊ย” ร้อมกับเอามือกุมท้องเหมือนเจ็บปวดมาก
แพทตกใจ “เป็นอะไรน่ะคุณ”
“เปล่า...อร่อยดี ไม่น่าเชื่อ”
“บ้าเอ้ย” แพทดึงขนมมาจากมือพีทด้วยความโมโห “ไม่ต้องกินแล้ว” จัดการปาลงถังขยะแถวๆ นั้น
แล้วแพทก็เดินออกไป พีทหัวเราะชอบใจตามหลัง ประทินเดินเข้ามา
“มีอะไรหรอครับคุณพีท ให้คนไปตามผม”
“ให้คนไปส่งน้าของรัญกลับบ้านด้วย ขาเค้าเจ็บก็เพราะไปกับฉัน ฝากดูแลเค้าด้วยละกัน”
พีทเดินห่างออกมา ประทินมองตามอย่างงงๆ-
ภายในห้องพักแขกในรีสอร์ต รัญธิดาแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ กันตาถึงกับอึ้ง เพราะสวยงามมาก เป็นชุดหรูหราดีไซน์เนี้ยบ รัญธิดาทำท่าเขินๆ ไม่ค่อยมั่นใจ
“สวยจริงๆ ว่าที่สะใภ้ของฉัน”
รัญธิดาเขิน “มันสวยเกินไปค่ะ หนูไม่เคยใส่อะไรที่หรูหราแบบนี้มาก่อน”
“ไม่มีอะไรที่เกินไปหรอกจ๊ะหนู เงินมันบันดาลได้ทุกอย่าง ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็นน่ะนะ”
รัญธิดาอิดออด “แต่ว่า...”
“หนูกำลังมาเป็นคนในครอบครัวของฉัน ฉันอยากจะทำทุกอย่างให้หนูกับตาพีทมีความสุข”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นพีทโผล่เข้ามา
“โอ้โห้ สวยจังเลยรัญ”
“มาก็ดีแล้วพาหนูรัญออกไปเถอะลูก ป่านนี้แขกเหรื่อคงทยอยกันมาแล้วละ”
พีทยิ้มให้รัญธิดาแล้วยื่นแขนให้ รัญธิดาแตะแขนพีทอย่างเขินอาย กันตายิ้มเอ็นดู แล้วเดินนำไป พีทและรัญธิดาเดินตามมา
รถของธาริศแล่นเข้ามาจอด ธาริศกับทักษอรลงจากรถ ทั้งคู่แต่งตัวสวยงาม ทักษอรดูมีความสุขขึ้น
“พี่ขอบใจอรนะที่ยอมมางานแบบนี้ด้วย ป้ากันตาคงจะดีใจที่เจออร”
“อรคิดว่าบางทีเราสองคน คงต้องการเวลาที่จะเริ่มต้นกันใหม่ อรขอโทษที่บางครั้งอรก็โมโหเอาแต่ใจตัวเองเดินไป พี่ริศคงไม่เกลียดอรนะคะ”
ธาริศฝืนยิ้ม “อย่าพูดแบบนั้นเลย เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ทั้งคู่ขยับจะเดิน ประทินเดินแกมวิ่งเข้ามาต้อนรับ
“คุณธาริศ คุณทักษอร สวัสดีครับ”
“คุณประทินยังอยู่อีกเหรอค่ะเนี่ย” ทักษอรทัก
ประทินชะงัก “จะให้ผมไปไหนละครับคุณ”
ทักษอรหัวเราะขำ “อรหมายถึง ดีจริงที่คุณประทินยังอยู่ที่ฟ้าเคียงดินนี่”
ประทินหันมาพูดกับธาริศ “กระเป๋าอยู่ด้านหลังใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจัดการยกไปละกันเที่ยวนี้มาอยุ่หลายๆวันนะครับคุณรีสอร์ตเราจะได้คึกคัก”
ประทินพยักหน้าเรียกพนักงานมาช่วยกันนกกระเป๋าใบใหญ่ๆ จากท้ายรถ ทักษอรยิ้มให้ธาริศ
“ให้โอกาสอรหน่อยนะคะพี่ริศ อรจะพยายามปรับตัวแล้วเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”
ทักษอรควงแขนธาริศอย่างรักใคร่ ธาริศเม้มปากฝืนใจ แล้วเดินควงกันเข้างานไป
บรรยากาศในงานเลี้ยง เริ่มคึกคัก เห็นผู้คนเริ่มทยอยมากัน แต่งตัวสวยหล่อทุกคนธาริศกับทักษอรเดินเข้ามา กันตาเดินมาหา
“ธาริศ ยายอร”
ทั้งคู่หันไปยกมือไหว้กันตา
“ป้ากันต์” ธาริศทัก
“ดีใจจริงๆ ที่หลานมาได้ แล้วแม่ละจ๊ะ”
“แม่ขอตัวครับ บอกว่าติดนัดสำคัญ ฝากขอโทษคุณป้ามาด้วย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่รวีนะเค้านักธุรกิจรัดตัว” กันตามองมายังทักษอร “เป็นไงบ้างยายอร สวยขึ้นทุกวันนะเราเนี้ย”
“คุณป้าละก็ พูดแบบนี้อรเขินแย่”
“แต่ก็ผอมซะเหลือเกินนะเรา มาเที่ยวนี้อยู่หลายๆ วันหน่อยสิ อากาศที่ปากช่องมันอาจทำให้หนุอรเจริญอาหารได้บ้างนะ”
ทักษอรหันไปยิ้มกับธาริศ แล้วจับมือไว้ “เราก็ตั้งใจว่าคราวนี้จะรบกวนคุณป้าอยู่กันหลายวันหน่อยน่ะค่ะ เบื่อกรุงเทพฯ เต็มทน”
“รบกงรบกวนอารายกัน ป้าดีใจละไม่ว่า ตาพีทเองก็คงจะชอบใจ ที่มีธาริศมาอยู่เป็นเพื่อน” มองไปเห็นพีทเข้า “นั้นไงมาพอดี ตาพีทจ๊ะ”
พีทเดินเข้ามาหา ทั้งทักษอร และธาริศยกมือไหว้
“สวัสดีครับพี่พีท ไหนล่ะครับคนสำคัญของพี่”
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลย ไปไหนแล้วหว่า” พีทมองหา
ทักษอรแซว “ดูแลยังไงค่ะพี่พีท ปล่อยให้คู่หมั้นหาย”
ทุกคนหัวเราะกัน บรรยากาศชื่นมื่น
“นั่นไงตาพีท น้องมาแล้ว ทางนี้จ้ะหนู”
รัญธิดาเดินมาทางด้านหลังธาริศ พีทเดินไปหาจับเอาแขนรัญธิดามาคล้องแขนตัวเอง ประกาศตัวเต็มที่
“ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก รัญธิดาคู่หมั้นของผม”
ธาริศกับรัญธิดาสบตากันอย่างจัง
“รัญจ๊ะ นี่ธาริศน้องชายของผม ธาริศเป็นลูกชายของน้ารุจรวีน้องสาวของแม่ แล้วนี่ทักษอร ภรรยาของธาริศจ้ะ” พีทแนะนำสีหน้ายิ้มแย้ม
รัญธิดาตกตะลึง เลือดในกายเหมือนแข็งไปหมดทั่วทั้งตัวแล้ว
ธาริศเองก็ยืนนิ่งตะลึงงัน ตามองแขนรัญธิดาที่คล้องอยู่กับแขนพีท โดยลืมไปว่ามือตนเองก็ถูกทักษอรจับอยู่เช่นกัน
ทักษอร ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยไม่รู้เรื่องราวใดๆ
สีหน้ารัญธิดายามนี้ซีดขาวราวกระดาษ ตกใจถึงขีดสุด
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 4 (ต่อ)
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พีทแนะนำรัญธิดาให้ธาริศและทักษอรรู้จัก ธาริศและรัญธิดาช็อค ตกตะลึง อยู่อย่างนั้น โดยไม่มีใครทันสังเกต
จู่ๆ รัญธิดารู้สึกหน้ามืด ร่างกายสิ้นเรี่ยวแรง ซวนเซไปเล็กน้อย พีทตกใจนิดๆ รีบโอบประคอง
“รัญ! คุณเป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ” รัญธิดาเห็นทุกคนมองมาเป็นตาเดียว “คงเป็นเพราะอากาศร้อนน่ะค่ะ รัญเลยปวดหัวนิดหน่อย”
กันตาเป็นห่วง “ไหวไหมหนูรัญ กลับไปนอนพักก่อนไหม”
รัญธิดาฝืนยิ้ม “หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” พลางพูดกับพีท “ขอตัวไปโทร.หาน้าแพทก่อนนะคะ ว่าถึงบ้านหรือยัง รัญเป็นห่วง”
รัญธิดารีบเดินออกไป
รัญธิดาเดินแกมวิ่งเข้ามาในห้องน้ำอย่างเสียขวัญ แล้วหยุดหอบหายใจบอกกับตัวเอง
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ มันต้องไม่จริง”
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ผุดขึ้นมาในห้วงคิด ตอนเห็นธาริศ และเสียงพีทแนะนำว่าเป็นน้องชาย และ ทักษอรเป็นภรรยา
รัญธิดา น้ำตาคลอ เหตุการณ์ในห้องที่หอพักเช้าตรู่วันนั้นผุดเข้ามาแทนที่
เวลานั้นรัญธิดานอนน้ำตาไหลอยู่ ธาริศเปลือยอก นอนอิงแอบลูบผมรัญธิดาด้วยใบหน้าสำนึกผิด
“พี่ขอโทษนะรัญ พี่ไม่น่ากินเหล้าเข้าไปเลย พี่เสียใจจริงๆ”
รัญธิดายิ้มให้ธาริศ “ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะพี่ริศเมา ก็ช่างมันเถอะค่ะ”
ธาริศลุกขึ้นนั่ง “ไม่ใช่อย่างนั้นนะรัญ มันเกิดขึ้นเพราะพี่รักรัญจริงๆ แต่รัญยังเด็กเหลือเกิน แล้วรัญก็ไว้ใจพี่ พี่ไม่น่าจะทำอย่างนี้เลย แต่พี่ให้สัญญา ว่าพี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง พี่รักรัญ เราจะแต่งงานกันทันทีที่พี่เรียนจบ”
“ใครเค้าจะยอมให้พี่แต่งงานกับเด็กจนๆ ที่น่ารังเกียจอย่างรัญ”
“ใครก็ห้ามพี่ไม่ได้หรอก ถ้ามีใครขัดขว้างเราก็จะหนีตามกันไป พี่สัญญาว่าพี่จะไม่มีวันทิ้งรัญ”
รัญธิดามองธาริศอย่างเชื่อมั่น และมีความหวัง ธาริศดึงรัญธิดาไปกอดแนบอกแกร่ง
อีกเหตุการณ์ตามมาติดๆ ค่ำคืนหนึ่ง รัญธิดาเดินเข้ามาในสถานีรถไฟอย่างมีความหวัง ถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ มาด้วย และเดินพูดโทรศัพท์ ราคาถูกๆ มาตามทาง
“ค่ะ...รัญมาถึงที่สถานีแล้วนะค่ะ รัญจะรอพี่ริศค่ะ ออกมาเร็วๆ นะคะ”
รัญธิดาวางโทรศัพท์อย่างมีความสุข แล้วก้มลงมองท้องของตัวเอง ลูบเบาๆ อย่างมีความหมายแล้วเงยหน้าขึ้นรำพึงเบาๆ
“รัญมีเรื่องสำคัญต้องบอกพี่ริศด้วยค่ะ”
รัญธิดายิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข
เวลาผันผ่านไปสักระยะ นาฬิกาที่สถานีรถไฟหมุนไปเรื่อยๆ รถขบวนต่างๆ ผ่านไปหลายขบวนแล้ว
รัญธิดาเริ่มกระวนกระวาย จนซึมลงเรื่อยๆ
นาฬิกาหมุนบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ รัญธิดานั่งเหม่อ กดโทรศัพท์อีก แต่ได้ยินเสียงฝากข้อความดังออกมา เด็กสาวกดทิ้งอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วนั่งเหม่อซึม น้ำตาค่อยๆ เอ่อ ออกมา รู้ตัวแล้วว่าถูกทิ้งแน่นอน
รัญธิดาดึงตัวเองออกมา มองใบหน้าตัวเองในกระจก มีน้ำตาหยดลงมา แล้วรวบรวมสติ รีบเช็ดออกมาทันที รัญธิดามองตัวเองในกระจก
“มันจบลงแล้วรัญธิดา พอได้แล้ว”
แต่แล้วกลับร้องไห้ออกมาอีกอย่างหนักหน่วง หยุดไม่ได้
ที่โต๊ะเจ้าภาพ อาหารเริ่มเสิร์ฟของกินเล่น เฉิดโฉมเป็นคนเสิร์ฟ ธาริศยังตกตะลึงและมองหารัญธิดา ทักษอรคุยอย่างมีความสุขกับกันตาและพีท
“คู่หมั้นพี่พีทน่ารักดีนะค่ะ คบกันมานานแล้วหรอค่ะพี่พีท”
“ก็...สักระยะนึงน่ะจ้ะ”
“หนูรัญเค้าเป็นเด็กน่าเอ็นดูนะจ๊ะ เงียบๆ เฉยๆ ไม่เปรี้ยวปรู๊ดปร๊าดน่าเวียนหัว เหมือนเด็กคนอื่นสมัยนี้” คำพูดกันตาทำเอาเฉิดโฉมสะดุ้ง รีบถอยออกไป
“ดีจังเลยค่ะ ในที่สุดผู้ชายเจ้าเสน่ห์อย่างพี่พีทก็มาลงเอยที่คนเรียบร้อยอย่าง คุณรัญธิดาจนได้ พี่พีทคงจะรักเค้ามากเลยสินะค่ะ”
ธาริศหันขวับมามองพีททันที รอฟัง
พีทยิ้มจางลงเล็กน้อย “ก็...ต้องมากสิ ไม่อย่างนั้นจะรีบหมั้นอย่างนี้เหรอ แล้วอีกอย่าง นายริศเค้าก็คอยยุพี่ด้วย ใช่ไหมธาริศ”
ธาริศหลบตา “ผมขอตัว ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะครับ เดี๋ยวกลับมา”
ธาริศลุกขึ้นจากโต๊ะเดินออกไปเลย
ทักษอรยิ้มแย้มคุยต่อโดยไม่ทันสังเกต หรือติดใจใดๆ
ที่บ้านแพทเวลาเดียวกัน แพทเพิ่งกลับมาถึง คุยกับเตอร์ ขณะที่อะตอมนั่งดูทีวีอยู่ ไม่สนใจใคร
“ขอบใจมากนะเตอร์ ที่มาช่วยดูอะตอมให้”
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันไปทำติ่งอะไร แต่นี่ทางคุณพีทเค้าก็น่ารักดีเนอะ อุตส่าห์ให้รถมาส่งเธอที่บ้าน เค้าคงเมตตาหญิงขาพิการ อย่างหล่อนแน่ๆ” เตอร์กัดตามประสา
แพทเบะปากทำท่าเซ็งไม่เห็นด้วย
“ขึ้นไปนอนเถอะครับอะตอม”
“เดี๋ยวก่อนแพท นี่แกจะไม่ไปทำงานที่ PEERA RANCHO จริงๆ เหรอ”
“ก็จริงนะสิ จะทำไม”
“แล้วแกจะได้อะไรกัน ลำพังขายเค้กที่ร้านชั้นอย่างเดียวน่ะ มันไม่พอค่าขนมอะตอมหรอกนะยะหล่อน”
“เอาเถอะน่าอย่าห่วงเลย คนอย่างชั้นน่ะเอาตัวรอดได้เสมอแหละเตอร์”
“อย่าดื้อน่าแพท อย่างน้อยๆ ก็ทำไปซักพัก จนกว่าจะหาอย่างอื่นทำได้ก็ยังดี” พลางดูนาฬิกา “ตายแล้ว ชั้นนัดเด็กเอาไว้ ชั้นต้องไปละนะ ตายๆๆ ลืมได้ยังไง นัดสำคัญขนาดนี้ ไปละ”
“เดี๋ยวชั้นไปเปิดประตูให้”
แพทเดินโขยกๆ ตามเตอร์ไป อะตอมตามมาสีหน้าครุ่นคิด แสดงว่าเด็กน้อยฟังมาตลอด
ที่มุมหนึ่งในงานเลี้ยง รัญธิดาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วชะงัก เจอกับธาริศที่ยืนรออยู่ ทั้งคู่สบตากันนิ่งนาน แล้วรัญธิดาได้สติ ขยับจะเดินผ่านเลยไป
“ไม่ได้เจอกันนานจนคุณคงจำผมไม่ได้แล้วละมั้ง”
รัญธิดาชะงัก “ถึงแม้จะอยากลืม แต่เรื่องเลวๆ ที่คุณเคยหลอกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ มันคงจะลืมไมได้ง่ายๆ หรอกค่ะ”
ธาริศจับแขนรัญธิดาไว้ “ผมไม่เคยหลอกคุณ นะรัญธิดา ที่ผ่านมา...”
รัญธิดาตัดบท “ปล่อยแขนดิฉันเถอะค่ะ ก่อนที่ภรรยาของคุณจะมาเห็น”
ธาริศชะงัก ปล่อยมือช้าๆ
“นั่นสินะ คุณเองก็คงจะกลัวว่าคู่หมั้นของคุณจะมาเห็นเหมือนกัน ถามจริงๆ เถอะรัญธิดา คุณไม่กลัวเลยหรอ ว่าวันหนึ่งพี่พีทจะรู้ความจริง ว่าคู่หมั้นของเค้ากับน้องชายเคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน”
รัญธิดาสุดทนตบฉาดใหญ่ที่ใบหน้าธาริศเต็มแรง ธาริศชะงักไป
“ให้มันจบเถอะค่ะคุณธาริศ เรื่องของเรามันไม่มีค่าน่าจดจำเลยสักนิด แล้วตัวคุณก็เหมือนกันคุณไม่เคยมีความหมายอะไรกับฉันเลย จำเอาไว้”
รัญธิดาเดินเข้างานไป ธาริศยืนอึ้ง ปวดร้าว ทักษอรโผล่ออกมาจากอีกทาง ไม่ทันเห็นเหตุการณ์
“พี่ริศ มาอยู่นี่เอง คุณป้าให้มาตามค่ะ เค้าจะเสิร์ฟ Main dish ไปกันเถอะค่ะ”
ทักษอรลากแขนธาริศออกไป
กลางดึกคืนนั้นรถของพีทมาจอดที่หน้าบ้านแพท พีทดับเครื่อง รัญธิดายังคงนั่งนิ่งไม่รู้ตัวเหม่อๆ พีทเลยลงจากรถมาเปิดประตูให้
“ถึงบ้านแล้วครับ”
รัญธิดาสะดุ้ง รู้สึกตัว “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“เป็นอะไรรึเปล่า คุณนั่งเงียบมาตลอดทางเลย”
รัญธิดาหลบตา “เอ่อ...รัญปวดหัวน่ะค่ะ ยังไม่ดีขึ้นเลย”
พีทเอามือจับหน้าผากรัญธิดาอย่างจะวัดอุณภูมิ
“ทำอะไรกันน่ะ” เสียงแพทแหลมเข้ามา
พีทสะดุ้ง ตกใจ หันไปทางแพทยืนจ้องตาเขม็งอยู่ใกล้ๆ
“ฉันถามว่าทำอะไรกัน!”
“รัญขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ ปวดหัวจังเลย”
รัญธิดาเดินเข้าบ้านกัน พีทมองตามแล้วสะดุ้งเพราะแพทมายืนขวางทางสายตามองมาอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมยายรัญถึงได้ปวดหัว”
“เอ้า! ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคุณ ผมไม่ใช่ซินแสนะ”
“คงเป็นเพราะอยู่กับคนบ้าๆ บอๆ อย่างคุณแน่ๆ”
แพทหมั่นไส้ สะบัดหน้าจะเข้าบ้าน
“เดี๋ยวก่อน เรื่องงานว่ายังไง จะไปทำที่โรงแรมผมมั้ย”
“ไม่” แพทบอกเสียงแข็ง
“ทำไมไม่ หรือว่า...” พีทยั่ว ยื่นหน้าไปใกล้ๆ “คุณกลัวผม”
“กลัวคุณ? จะบ้า! ทำไมต้องกลัวด้วย”
“ถ้าไม่กลัวก็ดี ให้มันจริงเถอะ” พีทยื่นหน้าไปใกล้อีก จนแพทต้องผงะออกมา
พีทหัวเราะชอบใจที่แพทเป็นฝ่ายหลบ แล้วเดินไปขึ้นรถและขับออกไป
“ไอ้บ้าเอ้ย...คนบ้าแบบนี้ ยายรัญไปรักลงได้ยังไง๊”
แพททั้งโมโหและหงุดหงิด
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ทักษอรหลับไปแล้ว ขณะที่ธาริศใส่ชุดนอน ออกมาเดินไปเดินมาอย่างกลัดกลุ้ม อยู่ตรงระเบียงด้านหลังห้องพักในรีสอร์ต ตั้งแต่กลางดึกจวบจนเที่ยงคืน
ภาพอดีตผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของชายหนุ่ม ในคืนที่รัญธิดาอยู่ในสถานีรถไฟนั้น ธาริศเดินคุยมือถือมาตามทางด้านในหอพัก มือหนึ่งถือกระเป๋าใบเล็กๆ หน้าหน้าตามีความสุข
“พี่ส่งโปรเจ็กท์เสร็จเรียบร้อยให้แล้วนะ พี่กำลังไปหา...รอหน่อยนะจ๊ะ...ได้...งั้นเดี๋ยวเราเจอกันที่สถานี แล้วตั้งแต่นี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพื่อจะดูแลชีวิตรัญธิดาไม่ให้มีใครมาทำร้ายรัญได้อีก พี่รักรัญนะ”
เช้าวันต่อมา อะตอมในชุดนักเรียนกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร อะตอมดูครุ่นคิดด้วยท่าทีแปลกๆ แพทเดินหอบขนมคัพเค็กหลายๆ ชิ้นมาวางใว้บนโต๊ะแล้วมองขึ้นไปข้างบน
“พี่รัญเป็นอะไรหรือเปล่านะ ทำไมตื่นสายจัง”
แพทเดินขึ้นไปข้างบน อะตอมลุกมาหยิบกล่องขนมเปิดออกดู สีหน้าเด็กน้อยครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น
ครู่ต่อมาแพทเปิดประตูห้องรัญธิดาเข้าไป
“รัญ ทำไมตื่นสายเอาป่านี้ ไม่ไปทำงานเหรอจ๊ะ”
รัญธิดาปรือตามามองแพท ท่าทางเหมือนคนป่วยอาการหนัก
“น้าแพท...รัญปวดหัว”
แพททำท่าตกใจ แล้วเดินไปจับหน้าผากหลานสาว
“ตายแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย...ท่าทางจะเป็นไข้ด้วยนะเนี้ย...คงจะโดนน้ำค้างจากงานเมื่อคืน...รัญ นอนพักนะเดี๋ยวน้าจะโทร.ไปลางานให้ แล้วพอน้าไปส่งอะตอมกับส่งขนมเสร็จ จะรีบกลับมาดูนะ”
แพททำท่าจะออกไป รัญธิดาจับมือแพทรั้งไว้น้ำตาคลอ
“น้าแพท...”
แพทชะงัก “เป็นไร..ปวดหัวมากเลยหรอ...รอเดี๋ยวนะ น้าจะไปหายาให้”
รัญธิดาดึงไว้ “รัญอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด”
แพทตาลุก “ทำไม นายพีทเค้าทำอะไรรัญเหรอเมื่อคืนนี้”
“เปล่าค่ะ...รัญแค่...อยากแต่งงาน รัญอยากจบอดีตเลวๆ ลงเสียที”
แพทชะงักท่าทางอ่อนลง แล้วลงนั่งข้างๆ ข้างเตียง
“ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกรัญธิดา ที่เราจะวิ่งหนีความจริง เราควรจะเคลียร์ตัวเองให้ก่อนสิ่งอื่น...บอกความจริงทุกอย่างกับคุณพีทเค้าไปซะ แล้วเริ่มกันใหม่ เชื่อน้าเถอะ”
รัญธิดานิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“ถ้านายพีทคนนั้นเค้าเป็นคนดีแล้วรักรัญจริง เค้าจะต้องรับได้ แล้วชีวิตของรัญก็จะไม่ต้องมีความลับอีก”
แพทลูบหัวรัญธิดาเบาๆ ด้วยความสงสาร แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
รัญน้ำตาค่ายๆ เอ่อขึ้นมาอีก พลางพึมพำเบาๆ
“มันเป็นไปไม่ได้แล้วค่ะน้าแพท...มันเป็นไปไม่ได้”
เวลานั้นที่สระว่ายน้ำรีสอร์ต ธาริศว่ายน้ำออกกำลังอยู่ พีทเดินร่าเริงเข้ามาในชุดเสื้อคลุมว่ายน้ำมองธาริศที่ว่ายน้ำอยู่ ธาริศหยุดว่ายน้ำขึ้นมาจากสระ พีทถอดเสื้อคลุมแล้วเดินไปนั่งข้างๆ
“นี่คุณอรไม่ออกมาว่ายน้ำด้วยกันหรอ”
“อรเค้าตื่นสายทุกวันแหละครับ...” ธาริศบอก
“พี่จะแวะมาถามว่า วันนี้นายว่างหรือเปล่า พี่จะพาไปดูที่ ที่บอกว่าจะให้นายออกแบบอาคารให้ใหม่น่ะ”
“วันนี้ผมไม่ว่างครับ”
พีทอึ้ง “อ้าว”
ธาริศอธิบาย “เดี๋ยวจะออกไปซื้อของให้อรซักหน่อยนะครับ...คือพอดีมันเป็นวันครบรอบวันที่เรา เจอกันครั้งแรก ก็เลยอยากจะให้เค้าเซอร์ไพรส์หน่อย”
พีทยิ้มพลางแซว “โอ้โห...นายนี่สุดยอดจริงๆ จำได้แม้แต่วันที่เจอกันครั้งแรก มิน่าคุณทักษอรเค้ารักนายจังเลย ต้องเรียนรู้วิธีเอาใจสาวจากนายไว้ซะหน่อยละมั้งเนี่ย”
ธาริศหลบตาวูบ
“ทีนี้...ผมอยากจะขอรบกวนให้ รัญ..เอ่อ....รัญธิดา เค้าช่วยพาไปหน่อยจะได้ไหมครับ”
พีทมีสีหน้าฉงน ทำไมต้องเป็นรัญธิดา “รัญ”
“คือ...เผื่อว่าเค้าจะรู้ใจว่าอรควรจะชอบอะไรน่ะครับ ผมเลือกของให้ผู้หญิงไม่ค่อยเก่งซะด้วย”
“อ๋อ...ได้สิ...เอาเลยรัญเค้าคงเต็มใจไปช่วยนายแน่ๆ”
พีทลุกขึ้นยืน กระโดดน้ำลงไปว่ายอย่างสบายใจ ธาริศค่อยๆ ผ่อนระบายลมหายใจแผ่วเบา
ประทินบอกธาริศที่มาถามหารัญธิดาในออฟฟิศรีสอร์ต
“วันนี้รัญธิดาไม่มาทำงานครับ”
ธาริศช็อก “ว่าไงนะ”
“ทางบ้านรัญธิดาโทรมาแจ้งว่า รัญธิดาเป็นไข้น่ะครับ คงจะโดนน้ำค้างจากงานเมื่อคืนน่ะครับ”
ธาริศอึ้ง ยืนงง
“แต่คุณธาริศไม่ต้องห่วงนะครับ คุณพีทโทร.มาสั่งแล้วให้ผมช่วยหาคนไปเลือกของขวัญให้คุณทักษอร ผมก็เลยคิดว่า...”
เสียงเฉิดโฉมแหลมเข้ามา “เฉิดโฉมเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดค่ะ”
ธาริศหันไปมองเห็นเฉิดโฉมเดินนวยนาดเข้ามาอย่างเฉิดฉายร่าเริง
“เฉิดโฉมยินดีรับใช้ค่ะ ขอให้คุณธาริศสั่งมาเท่านั้น”
ประทินเสริม “เฉิดโฉมเป็นคนคล่องแคล่วมากครับ หวังว่าคุณธาริศคงพอใจ”
ธาริศมองเฉิดโฉมที่ทำท่าน่ารักอยู่แล้วอึ้งไป
ไม่นานต่อมาเฉิดโฉม กุลีกุจอช่วยเลือกของในชอปปิ้งมอลล์ของปากช่องอย่างร่าเริง ธาริศเดินตามเฉิดโฉมมาอย่างเซ็งๆ
“คุณธาริศคิดไม่ผิดหรอกค่ะ ที่มากับเฉิด เฉิดเนี่ยนักช้อปมือหนึ่ง แล้วที่ปากช่องก็มีทุกอย่างเลยละค่ะ คุณธาริศอยากดูของประเภทไหนค่ะ”
“อะไรก็ได้” ธิริศบอกไปแกนๆ
“แหวนเพชรซักวงมั้ยคะ” เฉิดโฉมนำเสนอ
“เยอะไปมั้ง ผมมีแหวนแต่งงานแล้ว เอ่อ...พี่พีทกับคู่หมั้นเค้ารักกันมานานแล้วเหรอ”
เฉิดโฉมเมาท์มันส์ “โอ๊ย แป๊บเดี๋ยวเอง ยายรัญมาทำงานที่นี่ไม่ถึงปี ทุกคนในรีสอร์ต ก็แปลกใจกันทั้งนั้น เสือผู้หญิงอย่างคุณพีท มีผู้หญิงดีๆ สวยๆ มาให้เลือกถมไป แต่กลับเลือกหน้าจืดๆ อย่างยายรัญ อย่าหาว่าเฉิดใส่ไฟเลยนะคะ แต่ใครๆ ก็ดูออก ว่ายายรัญ ตั้งใจจับคุณพีทมาตั้งแต่ต้น รวย หล่อ ขนาดนั้น ใครๆ ก็อยากได้”
ธาริศสะดุดหู “ตั้งใจจับ”
เฉิดโฉมสบโอกาสใส่ไฟใหญ่ “ค่ะ ก็บ้านยายรัญนะธรรมดาจะตายไปค่อนข้างจนด้วยซ้ำ อยู่กับน้าสาวที่เป็นม่าย คงต้องทำงานกันสารพัดกว่าเพื่อหาเงินมาส่งเสียยายรัญให้เรียบจบ คงลำบากกันน่าดู แบบนี้ถ้าไม่หวังเงินแล้วจะหวังอะไร จริงมั้ยคะ”
ธาริศครุ่นคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ก่อนจะควักเงินยัดใส่มือเฉิดโฉม
“คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อแล้วกัน เดี๋ยวผมไปรอที่รถ”
ด้านแพทกำลังพรีเซ้นต์ขนมเค้ก ที่จัดเตรียมไว้แต่เช้ากับแม่ค้าเจ้าของร้านเค้ก
“เค้กโฮมเมดนะคะ ไม่ใส่สารกันบูด ชิมดูได้นะคะพี่ รับรองลูกค้าต้องชอบแน่ๆ หนูรบกวนพี่วางแค่ 10 ชิ้นก่อนก็ได้”
แม่ค้าชิมดู
“รสชาติก็พอใช้ได้นะ” แพทยิ้มแฉ่ง “แต่เค้กที่ร้านก็มีเยอะแล้ว รับของเธอมาขายอีกกลัวจะขายไม่หมดนะซิ ขอโทษทีนะ”
แพทยิ้มค้าง แม่ค้าเดินเข้าร้านไป แพทต้องหอบเค้กออกมา
“รสชาติพอใช้ได้ เหอะ อร่อยเลยล่ะ ไม่รับฝากก็ไม่รับฝากซิ ไปร้านอื่นก็ได้ มันต้องมีสักร้านแหละน่า”
แพทควักโพยลิสท์รายชื่อร้านที่จะฝากขายมาขีดออกไป จังหวะนี้เสียงโทรศัทพ์มีสายเข้ามา แพทดูเบอร์แล้วรีบกดรับ
“ค่ะ คุณครู เอ๊ะ...ว่าไงนะคะ อะตอมแอบมุดรั้วโรงเรียนหนีไป” แพทตกใจสุดขีด
เด็กชายอะตอมในชุดโรงเรียน เดินถือถาดใส่ขนมเค้กตะโกนขายอยู่ข้างทาง
“เค้กอร่อยๆ ครับ เชิญซื้อเค้กอร่อยๆ ครับ”
วัยรุ่น 3-4 คน เดินผ่านชะงัก
“งั้นเหรอ ไอ้หนู งั้นถ้าอร่อย ขอกินฟรีได้หรือเปล่า” 1 ใน 4 ท่าทีเป็นหัวโจกบอก
“กินฟรีไม่ได้ครับ ชิ้นละ 20 บาท”
“โหย 20 บาท ชิ้นเล็กนิดเดียว แพงอ่ะ ขอชิมก่อนนะว่าอร่อยหรือป่าว” วัยรุ่นมาดนักเลงหยิบเค้กจะกิน อะตอมดึงไว้
“อย่านะ กินฟรีไม่ได้ครับ”
วัยรุ่นหัวเราะชอบใจ แกล้ง เอาเค้กหลบมืออะตอม แล้วแย่งส่งกันเหมือนลิงชิงบอล อะตอมวิ่งวุ่นตามเด็กจนเค้กทั้งกล่องตกพื้นหมด วัยรุ่นชะงักเพราะไม่ตั้งใจจะแกล้งขนาดนั้น อะตอมร้องไห้โฮ
“ขนมเค้กของผม”
มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น “พวกนายแกล้งเด็กทำไม”
ทุกคนหันไป ธาริศยืนนิ่งหน้าตาเอาเรื่อง วัยรุ่นตกใจ วิ่งหนีไปหมด ธาริศหันมามองอะตอมอย่างสงสาร อะตอมยังนั่งร้องไห้มองขนมเค้กที่หล่นพื้นอยู่
“เป็นอะไรหรือป่าวหนู พวกพี่เค้าทำอะไรหรือป่าว”
อะตอมไม่มองมายังธาริศ เอาแต่มองกล่องขนม “ขนม ขนม” พลางถอนสะอื้น
ธาริศสงสาร ลงนั่งข้างๆ หยิบขนมขึ้นมา
“ขนมตกหมดเลย”
“ผมต้องถูกตีแน่ๆ เลย” อะตอมครวญ
ธาริศสบตาอะตอม รู้สึกเอ็นดูเด็กชายตรงหน้าอย่างประหลาด
“ทำไมละครับ”
“ผมเอาเค้กของแม่มา จะเอามาช่วยขาย แต่ขนมตกหมดเลย” เด็กชายบ่น
ธาริศมองอะตอมอย่างสงสาร เช็ดน้ำตาบนหน้าให้
“เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะครับ ขนมเค้กชิ้นละเท่าไหร่ เดี๋ยวคุณอาจะซื้อเองทั้งหมดนี่เลย”
“จริงเหรอครับ”
อะตอมตาโตเป็นประกายเจิดจ้า
ไม่นานนักธาริศขับรถมาส่งอะตอมที่หน้าโรงเรียน
“เอาล่ะ ที่นี่ใช่มั้ยครับ ถึงแล้ว”
“ฮะ” อะตอมบอก
ธาริศมองอย่างเอ็นดู
“การช่วยแม่หาเงินเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่หนีโรงเรียนออกมาแบบนี้อีกนะครับ เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ แล้วก็...” อะตอมไหว้ขอบคุณอย่างสวยงาม “ขอบคุณครับที่มาส่งผม”
“ขอบคุณเฉยๆ ไม่เอา ขอเพิ่มอีกอย่างได้มั้ย” ธาริศยิ้มพลางชี้ที่แก้ม “หอมแก้มอาสักที”
อะตอม โผเข้าไปหอม แล้วยังเหนี่ยวคอธาริศมาหอมเร็วๆ ติดกัน หอมไปนับไป
“1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ตอมให้คุณอา 10 ทีเลย เพราะคุณอาหล่อแล้วก็ ใจดีที่สุดในโลก”
ธาริศหัวเราะเสียงดังชอบใจ
ที่โรงเรียนกำลังวุ่นวายหนัก แพทตอบคำถามตำรวจที่สอบปากคำอยู่ ท่าทีร้อนใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว
“ทำไมไม่มีใครเห็นเลยล่ะคะ ว่าอะตอมหายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
ครูประจำชั้นรีบหลบตา “ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ แต่ว่า...”
จังหวะนี้ครูอีกคนพาอะตอมเดินเข้ามาพอดี
“เจอแล้วค่ะ มีคนพาอะตอมมาส่งไว้หน้าโรงเรียน”
แพทลุกขึ้น ถลาไปหาอะตอม กอดลูกชายไว้แน่น
“อะตอม! เป็นอะไรหรือเปล่า ไปไหนมา รู้มั้ยว่าทุกคนเค้าเป็นห่วง ลูกหนีออกจากโรงเรียนไม่ได้นะ แม่แพทโกรธมากนะที่ลูกทำแบบนี้” อะตอมจ๋อยสนิม แพทหันมาถามครู “แล้วใครเป็นคนพามาส่งค่ะ”
“เค้าไม่ได้บอกชื่อค่ะ บอกแต่ว่าเจออะตอมไปนั่งขายเค้กอยู่ ที่ลานจอดรถหน้าศูนย์การค้าเลยพามาส่ง”
“ขายเค้ก”
แพทอึ้ง งงๆ อะตอมค่อยๆ ล้วงกางเกง ยื่นเงินส่งให้
“เงินค่าเค้กฮะ ตอมอยากช่วยแม่แพทหาเงินค่าขนมครับ”
แพทอึ้งไป “นี่ ลูกหนีโรงเรียนเพราะอยากช่วยแม่หาเงินงั้นเหรอ”
แพทพูดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่ดึงอะตอมมากอดอย่างแสนรัก
หลังเลิกเรียนแพทพาอะตอมแวะมาที่ร้านกาแฟของเตอร์ อะตอมเล่นอยู่ไม่ไกล เตอร์กับแพทคุยกัน
“เป็นไงล่ะ อึ้งละซิ อะตอมก็คงได้ยินเธอพูดเรื่องตกงานนั้นแหละ แกก็เลยกังวลอยากช่วยแม่ คราวนี้ยังจะปากดีหางานเองอยู่อีกมั้ย มีคนช่วยไปทำงานก็เล่นตัวไม่ทำเสียอีก” เตอร์ว่า
“อ๋อ...ที่แท้เธอรู้เห็นเป็นใจกับนายพีทนี่เอง” แพทแขวะด้วยความหมั่นไส้
“ก็ แหม...เค้ามาขอร้องฉันว่าอยากคุยกับเธอ ฉันเห็นเค้าจริงใจก็เลยให้โอกาส” เตอร์ยิ้มกริ่ม
“เชอะ เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนชัดๆ”
“อ่ะ มันแน่นอนอยู่แล้ว น่าสนใจกว่าเยอะ นี่ แล้วตกลงว่าแกว่าไง ฉันว่าคุณพีทเค้าก็เป็นสุภาพบุรุษดีนะ เรื่องนี้เค้าทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้”
“ฉันมีศักดิ์ศรีพอ ไม่ไปเอาเงินจากเค้าให้เค้าดูถูกครอบครัวเราหรอก” แพทบอกอย่างถือดี
“คิดมากไปมั้ยเนี่ย มันคนละเรื่องกันนะยะแม่คุณ เค้ามาจ้างให้เธอทำงานไม่ใช่ให้ไปนั่งสวยอยู่เฉยๆ เธอก็ทำงานให้คุ้มค่าจ้างซิ ฉันถามหน่อยหาการสมัยนี้มันหาง่ายนักเหรอ ไอ้ตะเวนขายเค้กแบบนี้มันจะพอเลี้ยงลูกเหรอ หรือว่าอยากให้อะตอมมันออกจากโรงเรียนมาช่วยหล่อนขายเค้กจริงๆ ยะ”
เจอเพื่อนสาวนังเตอร์ หรือ ปีเตอร์ ใส่เป็นชุด แพทเงียบกริบไม่รู้จะตอบยังไง
เตอร์บอกเสียงอ่อนลง “แพท คิดให้ดีๆ นะ เค้าคงไม่มาตามอัญเชิญแกไปทำงานกันบ่อยๆ หรอก แล้วฉันว่านะ ดีซะอีก ได้ทำงานที่เดียวกันทั้งยายรัญ ทั้งคุณพีท สองคนจะได้อยู่ในสายตาเธอไง”
แพทนิ่งฟัง เกิดพุทธิปัญญา ขึ้นมาทันที “ทำไมฉันไม่เคยคิดถึงข้อนี้นะ”
แพทเริ่มใคร่ครวญครุ่นคิดหนัก
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ขณะเดียวกันธาริศจอดรถหน้าออฟฟิศรีสอร์ตก้าวลงมา แล้วเดินเข้ามาบริเวณหน้ารีเซฟชั่น เฉิดโฉมเดินเข้ามาหาพร้อมส่งดอกไม้ให้
“คุณธาริศขา...คุณหายไปไหนมา เฉิดโฉมรอคุณแทบแย่เลยถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณหายไปไหน”
“ผม...ขอโทษที ผมมีธุระด่วนต้องไปทำ”
“โฉมตกใจหมดเลย ก็เลยนั่งรถสองแถวกลับมารอคุณที่นี่” เฉิดโฉมชูช่อดอกไม้ในมือ “นี่ไงคะ แถ่นแถ้น...ช่อดอกไม้แสนสวยที่จะให้คุณทักษอร”
“ขอบใจมากครับ”
ธาริศไม่สนใจฟัง ทำท่าจะเดินหนี พีทเดินออกมาพร้อมช่อดอกไม้เช่นกัน เฉิดโฉมถลาไปหา
“คุณพีท...คุณพีทจะไปไหนคะ”
“ผมจะไปเยี่ยมรัญธิดา” หันมาทางธาริศ “เห็นเค้าว่าเป็นไข้สูง...พี่ไปก่อนะ”
พีทชูช่อดอกไม้ทำเป็นอวดธาริศอย่างขำๆว่าก็ทำเป็นเหมือนกันนะแล้วเดินจากไป
เฉิดโฉมนึกหมั่นไส้พึมพำเบาๆ “เป็นไข้ใจรึว่าออเซาะกันแน่...เชอะ”
ธาริศมองตามพีทที่ขึ้นรถขับออกไป แววตาครุ่นคิด
เย็นนั้น พีทขับเข้าซอยมาจอดหน้าบ้านรัญธิดา พีทลงจากรถเดินเข้าบ้าน โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังรถธาริศ เข้ามาจอดอยู่ห่างออกไป ธาริศมองตามนิ่งๆ
สักครู่หนึ่งพีทลงจากรถพร้อมช่อดอกไม้ กดออดแล้วยืนรอ ทุกอย่างเงียบ พีทกดอีกครั้งทุกอย่างยังคงเงียบพีทชะเง้อมอง
“รถก็อยู่..ยังไงกันนะ”
พีทเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
ด้านในบ้านเวลานั้น แพทใส่หูฟังเปิดเพลงดังลั่น แล้วถูบ้านอยู่อย่างเมามันส์ โดยหันหลังให้หน้าบ้าน ถูจากในบ้านถอยมาหน้าบ้าน
พีทเปิดประตูกระจกมาเห็นแพท
“ขอโทษนะครับผมกดออดแล้วแต่ไม่มีใครมาเปิด” พีทชะงัก เห็นแพททำท่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แถมยังถูไปออกเสต็ปไปเล็กน้อย พีทยิ้มขำๆ
จนพอมาถึงโต๊ะ แพทลงไปนั่งถูใต้โต๊ะ เอาผ้าขี้ริ้วไปเช็ดขัดเก้าอี้อย่างเมามันส์ พีทลงไปนั่งอย่างเงียบๆแพทขยับไหล่เป็นที่สนุกสนาน แถมยังร้องตามอย่างเพี้ยนๆ ดังๆ พีทขำมาก
แพทเงยหน้าเช็ดใต้โต๊ะอย่างคนสะอาดจัด แล้วเห็นพีทจากหางตาชะงักหันขวับมามองหน้าพีทอยู่ในระยะประชิดกับหน้าแพทพอดี แพทตกใจสุดขีดหงายหลังเงิบ
พีทหัวเราะท่าทางของแพทเต็มเสียง
แพทได้สติเอาหูฟังออกจากหู
“คุณ! อีตาบ้า! บุกรุกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง”
พีทยังขำอยู่ “บุกรุกอะไร ผมตะโกนซะคอแทบแตก กดออดด้วยแต่คุณก็ไม่ได้ยิน” พลางหยิบหูฟังจากมือแพทมาฟังใกล้ๆ “โอ้โห! เปิดเพลงดังขนาดนี้ ระวังแก้วหูแตกนะคุณ”
แพทกระชากคืนมา “คุณไม่ต้องมายุ่ง”
เพราะแพทรีบร้อนจะลุกขึ้นยืน หัวเลยไปกระแทกโต๊ะอีก
“โอ๊ย”
พีทตกใจ “ใจเย็นคุณเป็นไรมากรึเปล่า”
พีทลูบหัวให้ พลางก้มลงมาดูใกล้ๆ แพทมองหน้าพีทแล้วผลักหน้าให้ไปไกลๆ
“ไปให้ไกลๆ เลยอย่ามาฉวยโอกาสกับฉัน”
พีทชักฉุน “ผมเนี่ยนะฉวยโอกาส เฮ้อ…ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“ออกไปเลย ออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“คงไม่ได้หรอกครับคุณน้า เพราะผมาเยี่ยมรัญธิดาน่ะครับ”
“อะไรนะ!”
“ผมจะมาเยี่ยมคู่หมั้นของผม” พีทชูช่อดอกไม้ให้ดู
สักครู่ต่อมา สองคนอยู่ในห้องด้วยกัน รัญธิดามองช่อดอกไม้ในมือช็อกๆ
“ขอบคุณนะคะที่อุส่าห์มาเยี่ยมรัญ”
พีทเอื้อมมือไปจับหน้าผากรัญธิดา แพทเปิดประตูเข้ามาพอดีถือถาดน้ำมาให้มองตาขวาง
“ตัวก็ไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว ยังปวดหัวอยู่รึเปล่าครับ”
“นิดหน่อยค่ะ”
แพทกระแอม “กินน้ำกันก่อนนะคะ ยายรัญกินยาเถอะ ครบ 4 ชั่วโมงแล้ว”
พีทกุลีกุจรช่วยประคองรัญธิดาให้นั่ง ตรงเข้าไปป้อนยาป้อนน้ำอย่างตั้งใจ
แพทเข้าไปแยกพีทออกจากหลานสาว “พอแล้ว ฉันรู้สึกมือคุณจะมายุ่งวุ่นวายกับหลานสาวฉันเหลือเกิน นี่ขนาดต่อหน้าฉันยังขนาดนี้ แล้วกลับหลังจะเป็นยังไง”
“คิดมากไปหรือเปล่า ก็แค่ช่วยเหลือรัญธิดาเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดอย่างที่คุณกำลั งใส่ความผม อีกอย่างเราเป็นคู่หมั้น โดนเนื้อโดนตัวกันแค่นี้แค่นี้มันจะเป็นอะไร นี่มันสมัยไหนกันแล้วคุณ ผมว่าคุณกลับไปถูบ้านเหมือนเดิมดีกว่า ปล่อยให้เราสองคนคุยกันเอง ผมมาเยี่ยมรัญต้องการคุยกับรัญ ไม่ใช่คุณ”
แพทเจอใส่แบบจัดหนักเลยปรี๊ดแตก
“แต่นี่มันบ้านฉัน ฉันอยากนั่งที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่มีสิทธิมาสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่ และถึงคุณจะมาเยี่ยมรัญ แต่ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ใหญ่ของบ้านนี้ คุณต้องให้ความเคารพฉันด้วย”
พีทขำ “แล้วผมไม่เคารพคุณต้องไหน”
“ก็ไอ้การที่มือไม่คุณเป็นหนวดปลาหมึก คอยเกาะแกะหลานสาวฉันนี่ไง”
พีทหัวเราะขันๆ “ควรไปหาหมอเสียบ้าง ให้หมอนะ ให้หมอสั่งฮอร์โมนมาให้กินบ้าง จะได้หายพุ่งพล่านลงเสียที”
“นี่คุณว่าฉัน วัยทองงั้นเหรอ”
พีทย้อน “คุณพูดเองนะ
รัญธิดาเห็นท่าไม่ดี จึงพยายามห้าม
“เอ่อ...น้าแพทคะ คุณพีทคะ รัญว่าใจเย็นๆ กันทั้งสองคนดีกว่านะคะ”
แต่...ไม่ได้ผล สองคนประคารมกันต่อ
“อย่ามาห้ามยายรัญ เธอก็เห็นว่านายคนนั้นร้ายกาจแค่ไหน”
“ผมพูดตามที่เห็น ไม่ได้ใส่ความสักนิด คุณน้าคุณคงว่างงานนานเกินไปแล้ว จนมีเวลาหาเรื่องคอยจับผิดคนอื่นทุกฝีก้าวแบบนี้”
แพทโกรธมาก ตั้งท่าจะว่าต่อ แล้วก็เริ่มคิดได้
“จริง ฉันอาจจะว่างงานนานเกินไปจริงๆ อย่างที่คุณว่า” พีทกับรัญธิดามองหน้ากัน งงว่าแพทจะมาไม้ไหนอีก “ถ้าความจำคุณยังดีอยู่ คงจำได้ว่าคุณชวนฉันไปทำงานที่รีสอร์ต”
พีทพนักหน้ารับรู้ “แต่คุณปฎิเสธ”
“ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันอยากไปทำงาน Peera Rancho ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ คงไม่กลับคำนะ”
ด้านธาริศ ตัดสินใจลงจากรถ เดินมาค่อยๆ ชะเง้อมอง เห็นรัญธิดาเดินมาส่งพีทที่รถ ธาริศรีบหลบ
“ความจริงคุณไม่ต้องลงมาส่งผมก็ได้”
“รัญอยากจะ ขอบคุณมากนะค่ะที่คุณพีทยอมทำตามที่รัญขอเรื่องน้าแพท แต่รัญเริ่มกลัวอะไรบ้างอย่าง”
พีทนิ่วหน้าฉงน “รัญกลัวอะไร”
“เอ่อ...รัญกลัวคนจะนินทา ว่าไม่ทันไร ก็ใช้เส้นสายเสียแล้ว”
“แต่ผมว่ารัญกลัวอย่างอื่นมากกว่า” พีทว่า
รัญธิดาตกใจ “คุณพีท”
“ผมรู้ว่ารัญก็คงดูออกมั้ง ว่าเมื่อกี้ทำไมน้าคุณเค้าก็รับปากไปทำงานกับผม”
พีทมองเข้าไปให้บ้าน รัญธิดามองตาม
แพทแง้มม่านดูสองคนอยู่
“คราวนี้แหละ ฉันจะได้คอยจับตามองนายไม่ให้คลาดสายตา”
แพทยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ ใช้สองนิ้วชี้ไปที่ตาตัวเอง และที่พีท ประมาณฉันจับตามองนาย
พีทมองมาไปเหมือนสองคนสบตากัน พีทยักไหล่นิดๆ เหมือนไม่แคร์
เสียงอะตอมดังขึ้น “แม่แพทครับ อยู่ไหน”
“อยู่นี่ครับ ตอมจะเอาอะไร”
แพทเลยต้องปิดม่านเดินไปหาอะตอม
พีทจับมือรัญธิดาไว้ พูดให้กำลังใจ “อย่ากังวลไปเลยนะรัญทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น”
“ยังไงคะ รัญยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“การที่น้าคุณยอมไปทำงานกับผม ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร แต่ผมถือว่ามันก็เป็นสัญณาณที่ดีนะว่าเค้ายอมเปิดใจรับผมบ้างแล้ว ผมจะใช้โอกาสนี้แสดงให้เค้าเห็น ว่าผมจริงใจกับรัญจริงๆ แล้ว อีกไม่นานเค้า
ต้องอนุญาตให้เราแต่งงานกัน”
“แล้ว...ถ้าเป็นตัวรัญเองล่ะคะ ที่ไม่ดีพอสำหรับคุณพีท”
“เป็นไปไมได้หรอก ผมเลือกรัญ เพราะสำหรับผมรัญเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมนอกจากวางตัวดี มีมารยาท แล้วก็ยังรักนวลสงวนตัวอีก เพราะฉะนั้น ไม่มีวันที่คุณจะไม่ดีพอสำหรับผม”
รัญธิดายิ่งหนาวหนัก ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจะเปิดเผยความจริงต่างๆ ตามที่แพทแนะนำไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ ที่ให้เกียรติรัญขนาดนี้”
“ผมพูดอย่างที่ผมรู้สึกจริงๆ ผมเชื่อว่ารัญจะต้องเป็นแม่ และภรรยาที่ดีได้แน่ๆ”
พีทจับมือรัญธิดาขึ้นมาจูบเบาๆ รัญธิดาพยายามฝืนยิ้มรับ
“ผมไปนะครับ”
พีทขึ้นรถแล้วขับรถออกไปเลย รัญธิดายืนส่งจนรถพีทลับตา จึงหันกลับเดินเข้าบ้าน เสียงคุ้นหูดังขึ้น
“แหมฉากเมื่อกี้ ดูโรแมนติกจังเลยนะ แต่เสียดายนางเอกสำส่อนไปหน่อย”
รัญธิดาหันไปเห็นธาริศที่แอบดูอยู่ ก้าวเดินออกมา
“คุณธาริศ” รัญธิดากวาดตามองรอบๆ กลัวใครมาเห็น “คุณมาได้ยังไง”
“มายังไง มันไม่สำคัญ เท่ากับ...มาทำไมหรอก ตอนนี้ไม่ได้มีคนอื่นอยู่แล้ว ไม่ต้องเล่นละครกันดีกว่ารัญ”
ธาริศเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ รัญธิดาตัดสินใจถอยหลังก่อนจะวิ่งหนี ธาริศไวกว่าจับไว้ลากตัวรัญธิดามาอีกทาง
ธาริศลากรัญธิดาซึ่งขัดขืนเข้ามามุมหนึ่งในสวนหน้าบ้าน
“ปล่อย ฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ก็เอาซิร้องเลย หรือว่าจะโทรตามพี่พีทกลับมาดีล่ะ ก็ดีเหมือนกันจะได้เล่าให้พี่พีทฟังเสียเลยว่าเราเคยสนิทสนมกันแค่ไหน” ธาริศจ้องหน้า
“คุณพูดเรื่องอะไร ฉันจำไม่ได้ รัญธิดาเด็กผู้ใหญ่โง่ๆ คนนั้นได้ตายไปแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณหลอกให้ฉัน ไปรอที่สถานีรถไฟ”
ธาริศรู้สึกผิดขึ้นมา “รัญ พี่ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นนะ คือ…พี่...”
รัญธิดาตัดบททันที “พอเถอะ ไม่ต้องรื้อฟื้นอีกแล้ว เรื่องพวกนั้นฉันลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้เราสองคนต่างก็ชีวิตของตัวเอง คุณเองก็มีภรรยาแล้ว ส่วนฉันก็กำลังจะเป็นพี่สะใภ้ของคุณ ปล่อยให้เรื่องในอดีตมันผ่านไปเถอะ”
“รัญ ลืมไปหมดแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่...มันก็แค่ เรื่องเล่นๆ ตลกขำๆ ตอนวัยรุ่นเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรกันฉัน แม้แต่นิดเดียว”
ธาริศเจ็บจี๊ดในใจ คิดไม่ถึงว่ารัญจะพูดแบบนี้ “ไม่มีความหมาย นั่นซินะ แล้วนี่...ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมมาหาคุณทำไมกัน” ธาริศปล่อยรัญธิดา ร่างของเขาเซซังไป “ผมได้ข่าวว่าคุณไม่สบาย คุณไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“ฉันสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” รัญธิดาบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“งั้นก็...ขอโทษที่มารบกวน”
ธาริศเดินออกไป จู่ๆ อะตอมก็วิ่งพุ่งเข้ามากอดไว้
“คุณอาสุดหล่อ มาหาผมหรือฮะ”
ธาริศเห็นหน้าอะตอมจำได้ ยิ้มรับแม้จะแปลกใจ
รัญธิดาออกอาการตกใจเมื่อเห็นสองคนรู้จักกัน “อะตอม”
“อะตอม? นี่หนูอยู่ที่นี่เหรอ” ธาริศแปลกใจ
“ฮะ บ้านผมอยู่ตรงโน้น”
“งั้น” ธาริศหันไปมองรัญธิดา “ผู้หญิงคนนี้คือ...แม่ของหนูนะซิ”
รัญธิดาถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินที่ธาริศพูด ธาริศมองรัญธิดาอย่างคาดคั้น
เสียงแพทดังขัดขึ้น “อะตอม รัญ อยู่ไหนกัน”
“ไม่ใช่ฮะ นี่น้ารัญ เป็นน้าของผม ผมเป็นลูกแม่แพท”
ว่าแล้วอะตอม หันไปเรียกแพท
“แม่แพท ตอมอยู่นี่ฮะ กับน้ารัญ”
แพทเดินเข้ามาสองคน พลางถาม
“ออกมาทำอะไรกันตรงนี้สองคนน้าหลาน แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วนะ”
“แม่แพทครับ คุณอาคนนี้ไงครับที่ซื้อเค้กของอะตอมหมดวันนั้น”
อะตอมหันกลับมาจะแนะนำธาริศ แต่ปรากฏว่าธาริศไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว อะตอมเลยงง
“ไหนใครเหรอ? รัญ” แพทถาม
“ใครก็ไม่รู้คะ เค้ามาถามทางนะคะแต่ไปแล้ว อะตอมคงจำผิด เราเข้าบ้านเถอะค่ะ ค่ำแล้ว ยุงทั้งนั้น”
รัญธิดารีบพาแพทกับอะตอมเข้าบ้าน แต่อดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ ขณะที่ธาริศแอบหลบอยู่หลังต้นไม้ มองตามสามคนไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
อ่านต่อตอนที่ 5