คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 11 อวสาน
รณพีร์นอนหลับบนเตียงคนไข้ พุฒิภัทรบอกทุกคนที่มายืนฟังอาการอยู่
“ผมเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ชายพีร์ปลอดภัย ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วครับ”
หม่อมเอียดถอนใจ
“โล่งอกไปที”
ย่าอ่อนบ่น
“บ้าจริง ถึงกับ หนีจากโรงพยาบาลไปช่วยนางเอกคนนั้นเชียวเหรอ ไม่รู้จักเจ็บจักจำ”
เทวพันธ์ใส่ไฟ
“ผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่คบกัน คุณชายพีร์มีแต่เจ็บตัวมีแต่ตกต่ำลง ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีก เห็นจะไม่ได้การ ผมว่าเราต้องเร่งการแต่งงานขึ้นมาอีก เขาได้เลิกยุ่งเกี่ยวกันเสียที”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากันว่าจะทำอย่างไรดี
ทางด้านอดุลย์นอนอยู่บนเตียงในห้องคนไข้ เพียงขวัญยิ้มเดินเข้ามาหาแตะแขนพ่อ
“ขวัญลูกพ่อ”
“คุณหมอบอกว่าอาการโรคหัวใจของพ่อดีขึ้นมากแล้ว อย่าลืมกินยาตามเวลานะคะ จะได้หายเร็วๆ”
“แล้วนี่คุณชายพีร์อาการเป็นยังไงบ้างขวัญ”
“ปลอดภัยดีแล้วค่ะ อีกไม่นานก็คงกลับวังจุฑาเทพได้”
อดุลย์จับมือขวัญมาวางแนบอก
“นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้ยินลูกเรียกพ่อว่าพ่อซะแล้ว”
นภาเข้าห้องมาพร้อมของเยี่ยม
“ขวัญขอโทษค่ะ ขวัญเหมือนเด็กกำพร้าทั่วไป กลัวว่าพ่อจะไม่ได้รักเราจริง พ่อเองก็มีพี่อัทธ์
อยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่าหนูมีความสำคัญแค่ไหน พอพ่อมาทำดีด้วย หนูก็กลัว กลัวว่าอีกหน่อย พ่อก็คงไป คงทิ้งหนูให้กำพร้าเหมือนเดิม”
อดุลย์มองลูกอย่างสงสาร
“โธ่ลูก หนูควรเข้าใจเสียใหม่ พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่เพราะชะตาชีวิตบางครั้งก็ทำให้พ่อแม่ทำผิดพลาดได้”
เพียงขวัญยกมือไหว้
“ยังไงหนูก็ต้องกราบขอโทษนะคะ กับเรื่องที่ผ่านมาที่หนูทำพยศกับพ่อ ที่หนูทำเป็นไม่ยอมรับพ่อ ขอบคุณนะคะที่ตามไปช่วยหนู ขอบคุณที่รักหนู ขอบคุณสำหรับความเป็นพ่อที่มอบให้หนู หนูรักคุณพ่อคะ”
พ่อ แม่ ลูก กอดกันอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรก
รณพีรกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงคนไข้ พยาบาลเข้ามาพร้อมปรอทวัดไข้ เห็นอาหาร ยา คนป่วยไม่ได้ถูกแตะต้อง
“ตายจริง ข้าวปลาอาหาร กับยา ก็ไม่ยอมรับประทานแล้วอย่างนี้ จะหายได้ยังไงล่ะคะ”
รณพีร์กระตุกสายน้ำเกลือออก พยาบาลตกใจ
“ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะคุณชาย”
“กรุณาไปเชิญคุณชายหมอพุฒิภัทร มาพบผม บอกว่าผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
รณพีร์บอกหนักแน่น
ขณะเดียวกันหม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งเอนพักผ่อนในโถงจุฑาเทพ คุณชายทั้งสี่เดินเข้ามา พุฒิภัทรเดินนำ ไหว้ย่าทั้งสอง แล้วคุณชายทั้งหมดมองพุฒิภัทร หม่อมเอียดหันไปถาม
“มากันครบ...มีอะไร อ้ำอึ้งอะไรกันอยู่ได้”
พุฒิภัทรพูดขึ้น
“หลังจากฟื้นขึ้นมา ชายพีร์ ดื้อแพ่งไม่ยอมกินข้าวกินยา เขายื่นคำขาดว่าต้องการให้เพียงขวัญมาเป็นพยาบาลส่วนตัวเขาจึงจะยอมกินข้าว กินยาครับ”
ย่าอ่อนไม่พอใจ
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ต้องไปพูดให้รู้เรื่อง ไม่รักตัวกลัวตายหรือไง เอาชีวิตตัวเองไปผูกกับผู้หญิงชั้นต่ำที่คิดจะปอกลอกเรา”
“เท่าที่ผมรู้จักเพียงขวัญ เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างที่คุณย่าคิดหรอกครับ”
ปวรรุจเสริม
“ชายพีร์ถึงกับเสี่ยงชีวิตทำทุกอย่าง เพื่อเพียงขวัญครั้งแล้ว ครั้งเล่าเราคงต้องยอมรับความจริง ว่าเพียงขวัญมีความสำคัญต่อชายพีร์มาก ผมคิดว่าพวกเราควรจะสนับสนุนความรักของคนทั้งคู่ครับ”
หม่อมเอียดแย้ง
“แต่ถึงยังไงจุฑาเทพต้องรักษาสัจจะ สงสารบรรพบุรุษพวกเธอบ้างเถอะ”
ธราธรมองย่า
“หม่อมย่าครับ เป็นจุฑาเทพแล้วยังไง ก็แค่นามสกุลหนึ่งเท่านั้น แต่หม่อมย่าทำให้มันยิ่งใหญ่จนเป็นเหมือนหินถ่วงคอพวกเราไว้ตลอดเวลา”
“คุณชายใหญ่” ย่าอ่อนอึ้ง
พุฒิภัทรเหนื่อยใจ
“หม่อมย่าคงไม่ทราบว่าพวกเราต้องแบกรับคำว่าจุฑาเทพไว้มากแค่ไหน จะคบกับใคร ประพฤติตนอย่างไร จะคบผู้หญิงสักคนก็ต้องคอยห่วงแต่ภาพพจน์ของคำว่า จุฑาเทพ มันน่าอึดอัดเหลือเกิน”
หม่อมเอียดตะลึง
“นี่พวกเธอกล้าพูดคำพวกนี้ออกมาเหรอ”
พุฒิภัทรขอร้อง
“เห็นใจเราเถอะครับ จะหาเพื่อน หาคนรัก หาคนจริงใจ มันยากเหลือเกิน หันไปทางไหนก็เจอแต่คนสนใจที่เปลือกนอก ผมไม่สงสัยเลยที่ชายพีร์จะสู้ขนาดนั้น เมื่อได้พบกับรักแท้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเขา”
ปวรรุจเสริม
“พวกเราสี่คนโชคดี ได้แต่งงานกับคนที่รักในตัวตนของเรา เรามีความสุขที่มีคนเข้าใจ เราจึงอยากให้ชายพีร์ได้รับความสุขแบบนี้เหมือนกัน”
ธราธรยืนยันหนักแน่น
“ในฐานะพี่คนโต ผมคงมีความสุขได้ไม่สนิทใจ ถ้าน้องชายต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”
รัชชานนท์หน้าตาจริงจัง
“เราทุกคนรู้สึกผิดมากครับ ที่จะให้ชายพีร์ต้องรับภาระสัญญาระหว่างจุฑาเทพกับเทวพรหม เราจะอยู่ข้างชายพีร์ไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ครับ ท่านย่า”
ธราธรเสริม
“และพวกเราจะทำตามที่ชายพีร์ขอ จะให้เพียงขวัญมาเป็นพยาบาล ส่วนตัวของชายพีร์ อย่างน้อยก็ในเวลานี้…”
ย่าอ่อนโกรธ
“นี่อะไรกัน พวกเธอตัดสินใจโดยไม่ถามคุณพี่สักคำ คุณพี่อย่ายอมนะคะ”
ธราธรสวนน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ผมในฐานะตัวแทนน้องๆ กราบขออภัยต่อการกระทำครั้งนี้ ความรักเคารพที่มีต่อหม่อมย่าและย่าอ่อนยังเหมือนเดิมทุกประการครับ”
ทั้งหมดยกมือไหว้สองย่าพร้อมกัน แล้วเดินตามกันออกไป สวนกับวิไลรัมภาที่เดินเข้ามาพอดี
คุณชายทุกคนยกมือรับไหว้วิไลรัมภาอย่างลำบากใจ วิไลรัมภาเข้ามาถาม
“มีอะไรกันเหรอคะ หม่อมย่า พี่ชายพีร์จะได้กลับวังรึยังคะ รัมภาตั้งใจจะมาเป็นพยาบาลให้พี่ชายพีร์คะ”
ย่าทั้งสองเงียบ
“หม่อมย่าจะยอมให้ผู้หญิงเต้นกินรำกินมันเข้ามาร่วมชายคา เดียวกันกับพวกเราในวังจุฑาเทพจริงๆเหรอคะ”
หม่อมเอียดคิดอะไรบางอย่างอยู่ วิไลรัมภาไม่ยอม
“จะนั่งเงียบอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
ย่าอ่อนถอนใจ
“หนูรัมภา เราสองคนต้องจัดการให้อยู่แล้ว ใจเย็นๆนะ”
“รัมภาได้ยินที่พี่ชายทั้งสี่พูดหมดแล้ว ที่พูดมาทั้งหมดนั่น ไม่ยุติธรรมกับรัมภา กับเทวพรหมนะคะ”
หม่อมเอียดคิดเรื่องรณพีร์ยอมตายจริงๆ วิไลรัมภาพยายามกล่อม
“หม่อมย่า อย่าใจอ่อนนะคะหม่อมย่าต้องเห็นใจรัมภากับคุณพ่อบ้าง”
หม่อมเอียดเงียบ วิไลรัมภาไม่ยอมแพ้รุกอีก
“ถ้าเป็นแบบนี้ คนข้างนอกจะมองจุฑาเทพเป็นพวกตระบัดสัตย์ แล้วที่ท่านชายวิชได้สั่งเสียเอาไว้ล่ะคะ”
หม่อมเอียดเครียดลุกเดินออกไป วิไลรัมภาตกใจกับทีท่า
“หม่อมย่า”
วิไลรัมภากับย่าอ่อนสบตากัน ย่าอ่อนไม่รู้จะทำยังไงดี
เทวพันธ์ยืนฟังสิ่งที่วิไลรัมภามาเล่าแล้วโมโห
“บ้าจริง สี่คุณชายประกาศเข้าข้างเพียงขวัญอย่างนั้นได้ยังไง”
“ย่าเอียด ย่าอ่อนก็นั่งกันเงียบ นี่คนอย่างวิไลรัมภาจะต้องยอมแพ้ นังเพียงขวัญจริงๆเหรอคะพ่อ”
“พ่อน่ะมีบุญคุณกับเขาแค่ไหน พ่อเสี่ยงตายช่วยท่านชายวิชเอาไว้ พวกนี้มันอกตัญญูจริงๆ”
“พี่ชายพีร์ใช้อาการป่วยเป็นข้ออ้าง ต้องการให้นังเพียงขวัญเข้ามาเป็นพยาบาลส่วนตัว ทำอย่างนี้รัมภายอมไม่ได้นะคะคุณพ่อ ตอนนี้คนทั้งพระนครรู้กันทั่วแล้วว่ารัมภากับพี่ชายพีร์ ยังไงก็ต้องแต่งงานกัน ซึ่งมันก็ควรจะเป็นไปตามนั้นใช่มั้ยคะคุณพ่อ”
วิไลรัมภาออกความเห็นอย่างหมายมาด
เย็นนั้นประณตทำการบ้านอ่านหนังสือ เคร่งเครียดอยู่ เพียงขวัญเพิ่งกลับมาจากกองถ่ายกินรี
“พี่ขวัญ พี่จันท์กระพ้อไม่มาส่งเหรอครับวันนี้ แล้วพี่พีร์เป็นยังไงบ้างครับ”
เพียงขวัญพยักหน้าให้
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็หายแล้ว ขยันจังนะเรา นี่พี่ซื้อไข่หงส์มาฝาก”
“ไม่ขยันไม่ได้ซิครับ คราวนี้สอบไล่แล้วพี่ขวัญ เอ้อ พี่ขวัญ ก่อนพี่กลับมามีผู้หญิงสี่คนมาหาพี่ สวยๆทั้งนั้น เพื่อนดารารึเปล่าก็ไม่รู้พอรู้ว่าพี่ไม่อยู่ เขาก็เขียนจดหมายฝากไว้ครับ”
ประณตหยิบจดหมายให้ นภามอง เพียงขวัญเปิดจดหมายอ่าน
“ถึงคุณเพียงขวัญ พวกเรามีเรื่องสำคัญอยากพบคุณมาก ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่กรุณามาพบพวกเราด้วยนะคะ”
วันใหม่...เพียงขวัญเดินเข้าร้านกาแฟ กรองแก้วเชิญให้นั่ง
“พวกคุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ”
“วันนี้ที่จริงพวกเรามีเรื่องจะมาขอร้อง”
“คุณชายรณพีร์ขอให้เรามาค่ะ เธออยากให้คุณไปเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ทุกวันนี้เธอไม่ค่อยยอมรับอาหาร และปฏิเสธการกินยาค่ะ” ระวีรำไพบอก
เพียงขวัญชะงัก
“จริงหรือคะ”
กรองแก้วเอาโปสการ์ดมาให้เพียงขวัญ
“คุณยอดยศฝากมาให้ค่ะ คุณชายพีร์เขียนไว้ก่อนขึ้นบิน”
เพียงขวัญรับมาอ่าน
‘…เพียงขวัญที่รัก วันนี้ผมจะขึ้นบินแทน ยอดยศสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเขา ชีวิตของเขามีค่า และจำเป็นต้องดำเนินต่อไป แต่สำหรับชีวิตของผม มีไว้เพื่อคุณ และประเทศชาติเท่านั้นในเมื่อไม่มีคุณแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ผมจะใช้ทุกนาที เพื่อปกป้องอธิปไตย เพื่อทดแทนคุณแผ่นดินเกิด และหากผมไม่ได้กลับมา ขอให้คุณจำไว้ รณพีร์รักเพียงขวัญตลอดไป’
เพียงขวัญอ่านแล้วหน้าสลดลง สร้อยฟ้าพูดขึ้นเครียดๆ
“คุณก็น่าจะรู้ ชายพีร์รักคุณมากนะคะ สร้อยเชื่อว่าในเวลานี้คุณเพียงขวัญจะเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดให้ชายพีร์ คุณชายพีร์รอคุณอยู่นะคะ”
วรรณรสาช่วยกล่อมอีกคน
“ถ้าได้รักใครสักคน และคนนั้นรักตอบก็นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว แต่การได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก มันยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อีกนะคะ คุณขวัญอย่าปล่อยให้คุณชายรณพีร์สู้คนเดียวอีกต่อไปเลยนะคะ”
เพียงขวัญครุ่นคิด
รณพีร์นั่งพักอยู่ หน้าตาแช่มชื่น เมื่อวรรณรสาเล่าเรื่องให้ฟัง
“เพียงขวัญเธอว่ายังไงบ้างครับ หญิงสร้อย”
สร้อยฟ้าทำหน้าเศร้า รณพีร์สลดตาม
“เพียงขวัญเขา...ปฏิเสธผมเหรอครับ”
สร้อยฟ้าหันกลับไปเปิดประตู ทำท่าเหมือนจะเดินออกแต่กลับ ดึงแขนเพียงขวัญเข้ามา
“เพียงขวัญ”
รณพีร์จับมือดึงเข้ามาใกล้ เพียงขวัญฝืนไว้
“อย่าค่ะ ฉันแค่มาทำหน้าที่พยาบาลส่วนตัวถือว่าตอบแทนบุญคุณเท่านั้น”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ผมคิดถึงคุณจนจะตายอยู่แล้ว ขอหอมที”
เพียงขวัญดันตัวเขาออก
“อย่าค่ะ คุณชาย”
เพียงขวัญอาย สร้อยฟ้าขำ
“ยังมีข่าวดีอีกอย่างนะคะ คุณชายภัทรอนุญาตให้คุณชายพีร์กลับบ้านได้แล้ว คุณไม่ต้องทนอุดอู้ที่โรงพยาบาล ดีใจไหมคะ”
“ดีใจยิ่งกว่าดีใจอีกครับ” รณพีร์ขยับตัวเริ่มเจ็บ “โอ๊ย”
เพียงขวัญเป็นห่วง
“คุณพีร์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
รณพีร์รีบลุกจากเตียง แล้วหน้ามืดเซทรุดนั่ง ทุกคนตกใจ
"คุณชายพีร์"
หม่อมเอียดนั่งอยู่กับย่าอ่อน ขณะที่แจ๋ว กับสมศรี หอบถุงยามา
“ชายพีร์ได้กลับบ้านเสียที ส่วนคุณพี่ชายภัทรจัดยามาให้หอบเบ้อเร่อ ชายภัทรว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ แต่ยังไงเสียก็ดีกว่าอยู่โรงพยาบาลนะคะ” ย่าอ่อนเล่า
“แล้วยัยนั่นมาหรือเปล่า”
“คุณเพียงขวัญเธอไปรับคุณชายพีร์มาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ลงไปช่วยคุณแก้วทำอาหารอ่อนๆ ให้คุณชายกับหม่อมค่ะ” สมศรีรายงาน
ย่าอ่อนเบ้หน้าเกลียดชัง
“ฮึ เข้ากันดีกับพวกศรีสะใภ้ น่าหมั่นไส้”
หม่อมเอียดเงียบ
“หรือว่าดิฉันจะลงไปจัดการอะไรสักหน่อยดีไหมคะ อบรมความเป็นจุฑาเทพสักนิด เผลอๆยายนั่นอาจจะทนไม่ได้”
หม่อมเอียดห้ามไว้
“อย่าเลย ดูๆไปก่อน สักพักแล้วกัน”
ย่าอ่อนงง พวกคนแอบยิ้ม เมื่อเห็นว่าหม่อมเอียดมีท่าทีอ่อนลง
รณพีร์นอนพักบนเตียง เพียงขวัญป้อนข้าวให้
“คุณชายพีร์ อยู่ที่วังนี้มาตั้งแต่เด็กใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ ผมก็วิ่งเล่นอยู่แถวนี้ตั้งแต่จำความได้ล่ะครับ จะมีช่วงห่างไปบ้างก็ช่วงที่ผมไปเรียนที่อังกฤษ พี่ชายใหญ่กลัวผมจะเป็นลูกแหง่ของย่าอ่อนก็เลยบังคับให้ผมไปเรียนด้วย”
“มีบ้านเป็นวังรู้สึกยังไงบ้างคะ”
เพียงขวัญมองไปรอบๆ รณพีร์ถอนใจบางๆ
“ก็แค่เสา เพดานที่ใหญ่กว่าของคนอื่น แต่ของพวกนี้ให้ความอบอุ่นคนไม่ได้หรอก ผมชอบบ้านคุณมากกว่า”
“บ้านฉันเหรอคะ”
“น้านภา อบอุ่นเหมือนเป็นแม่คนได้ทั้งโลก คุณยาย ประณต น้าบุหลันดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ”
เพียงขวัญซึ้งใจ
“ขอบคุณค่ะ ที่มองพวกเราดีขนาดนั้น ช่วงที่ขวัญต้องดูแลคุณพีร์ คงต้องใช้เวลากว่าจะคุ้นเคยกับวังจุฑาเทพของคุณ ถ้าขวัญทำอะไรผิดพลาดขัดใจ คุณชายพีร์ช่วยตักเตือนขวัญด้วยนะคะ”
รณพีร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จับมือเพียงขวัญจะจูบ เธอชักมือออก
“ทำอย่างนี้ขัดใจผมนะเพียงขวัญ”
รณพีร์จับมือเธอมาจูบอย่างทะนุถนอม
มุมเก็บยา...ขวดยาหลายขนานวางอยู่เต็ม มีสติ๊กเกอร์ปะไว้หมด กรองแก้วอธิบาย
“ดิฉันติดชื่อให้ครบทุกขวดแล้ว คงไม่ยากนะคะ”
“จัดยาให้คุณชายพีร์ คงไม่เท่าไหร่ แต่ดิฉันต้องเป็นคนเอายาไปให้หม่อมย่าท่านด้วยเหรอ ท่านเห็นหน้าดิฉัน จะไม่อารมณ์เสียหรือคะ”
“คุณชายทั้งหลายต้องการให้เป็นอย่างนั้นค่ะ ท่านว่า ยิ่งห่างกัน ยิ่งไม่เข้าใจกัน ท่านอยากให้คุณขวัญได้ลองปรนนิบัติหม่อมย่าด้วยตัวเอง เผื่อหม่อมย่าจะใจอ่อนนึกเอ็นดูคุณขวัญบ้าง”
“ค่ะ...ลองดูก็ได้ค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงย่าอ่อนดังขึ้น
“ช่างจัดการกันเสียจริ๊ง ไม่มอบหน้าที่ดูแลวังนี้ให้เขาไปเลยล่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 11 อวสาน (ต่อ)
กรองแก้วยิ้มแห้ง ย่าอ่อนเดินเข้ามามองเพียงขวัญดุๆ แจ๋วตามมาด้วยแกล้งเข้าไปทำความสะอาด แต่หูคอยฟัง
“ดิฉันต้องมาดูแลคุณชายพีร์ที่นี่ ถ้าคุณอ่อนจะใช้งานอะไร ดิฉันยินดีค่ะ”
ย่าอ่อนมองเพียงขวัญหัวจรดเท้า
“เสื้อผ้านั่นตัดเองหรือ”
“ค่ะ”
“แล้วอาหาร ใครทำ ที่บ้านเธอน่ะ”
“ดิฉัน แม่กับน้าช่วยกันทำค่ะ”
“ซื้อของสดจากตลาดหรือ”
“ค่ะ”
“ไม่มีอะไรเหมือนชายพีร์สักอย่าง” ย่าอ่อนเน้นคำ “คนละระดับอย่างเห็นได้ชัด เรามีช่างเสื้อ ประจำตัว มีร้านผ้าประจำ ร้านผัก เนื้อ หมู ต้องจัดมาเป็นพิเศษต้องให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น รายละเอียดเล็กๆน้อยๆทุกอย่าง เป็นเครื่องเชิดชูเกียรติยศเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรักษาเอาไว้ เราเป็นราชสกุลเก่าแก่จะให้มาด่างพร้อยในยุคสมัยของเราไม่ได้”
กรองแก้วแอบถอนใจ
“ฉันอยากให้เธอเข้าใจ ถ้าชายพีร์แต่งงานไปกับวิไลรัมภาก็ไม่มีอะไรจะต้องปรับตัว แต่ถ้าแต่งงานกับเธอ เธอสองคนหรือแม้แต่พวกเราต้องปรับตัวกันอย่างขนานใหญ่”
“ดิฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากขนาดนั้นหรอกค่ะ หน้าที่ของดิฉันตอนนี้คือดูแลอาการป่วยของคุณชายพีร์เท่านั้น”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี ฉันขอให้หล่อนจำเอาไว้ว่าการแต่งงานกับคนในระดับเดียวกัน มีแต่ประสานประโยชน์ขอโทษเถอะที่ต้องพูดตรงๆ แต่งงานกับคนในระดับอย่างเธอ มีแต่เธอที่ได้ประโยชน์แต่ชายพีร์” ย่าอ่อนเน้นคำ “มีแต่ เสียกับเสีย”
ย่าอ่อนส่งสายตาร้ายกาจมาหาเพียงขวัญ กรองแก้วถอนใจ แจ๋วหน้าเสีย เพียงขวัญทั้งเศร้า ทั้งอึดอัด
วันใหม่...คนสวนเปิดประตูวังให้รถเก๋งคันหรูขับเข้ามา อัทธ์และอดุลย์ลงจากรถ
“สวัสดีค่ะ มาพบใครคะ” สมศรีเดินมาถาม
อดุลย์ยิ้มแย้มบอก
“ผมมาพบหม่อมเอียดครับ”
อัทธ์ถามทันที
“คุณเพียงขวัญมาที่นี่หรือเปล่าครับวันนี้”
“อ๋อ มาค่ะ รู้จักคุณเพียงขวัญด้วยหรือคะ”
“ผมเป็นพ่อของเพียงขวัญ”
สมศรีอึ้ง
“เชิญค่ะ...เชิญข้างใน”
สมศรีนำอดุลย์ อัทธ์เข้ามาในห้องโถง หม่อมเอียดกับย่าอ่อน นั่งรออยู่แล้ว อัทธ์กับอดุลย์ยกมือไหว้
“เชิญค่ะ...เชิญนั่ง” ย่าอ่อนเชื้อเชิญ
“ผมชื่ออดุลย์ เจ้าของบริษัท เชียงใหม่ค้าไม้ครับ”
หม่อมเอียดนึกๆ
“เคยได้ยินชื่อ วังจุฑาเทพของเราซื้อไม้จากคุณใช่ไหมคะ”
“ครับ เราเป็นผู้ผลิตไม้เจ้าใหญ่ที่สุดในประเทศครับ ยินดีรับใช้หม่อมทุกเมื่อนะครับ”
ปวรรุจเดินเข้ามา ย่าอ่อนแนะนำ
“ชายรุจพ่อเลี้ยงอดุลย์”
ปวรรุจเห็นอัทธ์
“อ้าว...คุณอัทธ์ มาได้ยังไงครับเนี่ย”
อัทธ์ลุกขยับเดินไปจับมือกับปวรรุจ
“คุณชายรุจ สบายดีนะครับ”
“สบายดีครับ”
ย่าอ่อนแปลกใจ
“รู้จักกันด้วยหรือ”
ปวรรุจยิ้มแย้มบอก
“เจอกันที่อังกฤษงานเลี้ยงนักเรียนไทยภาคพื้นยุโรปครับ คุณอัทธ์ไปเรียนทำไม้ที่เดนมาร์กครับ”
ย่าอ่อนพยักหน้าพอใจมาก
“ที่แท้ก็เป็นเพื่อนกัน เที่ยงนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะคะ”
“ขอบคุณครับ บังเอิญว่าวันนี้ ผมจะมาเรื่องลูกสาว”
หม่อมเอียดชะงักงงๆ
“ลูกสาว”
เพียงขวัญช่วยแจ๋วยกเครื่องดื่มออกมา เดินนำ เพียงขวัญตกใจชะงัก
“คุณพ่อ พี่อัทธ์ มายังไงกันคะ”
ย่าอ่อนอึ้ง
“เพียงขวัญ ลูกสาวคุณหรือคะ”
อดุลย์ยิ้มแย้มบอก
“คุณชายรณพีร์ กับผมและอัทธ์ รู้จักกันดี เจอกันบ่อยครับ...วันนี้พ่อกับพี่มาเยี่ยม...คุณชายเป็นยังไงบ้างล่ะขวัญ”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่ยังเจ็บแผลอยู่ เดินมากยังไม่ได้”
อัทธ์ชื่นชม
“คุณชายรณพีร์เป็นลูกผู้ชายกล้าหาญมาก อุตส่าห์ไปช่วยคุณแม่นภากับขวัญ”
ย่าอ่อนกับหม่อมเอียดยังงงอยู่
“ไหนใครว่าเธอเป็นลูกกำพร้า” ย่าอ่อนหันมามองหน้าเพียงขวัญ
เพียงขวัญก้มหน้า ไม่ตอบ อดุลย์ตอบแทน
“เพียงขวัญเป็นลูกสาวผมกับแม่นภาเขาชอบทำตัวไม่สมฐานะ จริงๆแล้วเขาเป็นเจ้าของบริษัทของผมครึ่งหนึ่งร่วมกับนายอัทธ์ ผมแวะมาเยี่ยมคุณชายพีร์ ต้องการมากราบหม่อมเอียดและคุณอ่อน หวังว่าท่านทั้งสองจะเห็นแก่ผมให้ความเมตตาลูกสาวของผม”
หม่อมเอียดอึ้งๆ
“อ้อค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ ที่อนุญาตให้เพียงขวัญมาดูแลชายพีร์ ขอบคุณมากค่ะ”
“ขวัญเป็นเด็กดี ตัวเท่านี้เลี้ยงดูครอบครัว โดยไม่ยอมรับเงินจากผม แค่นี้คงบอกได้แล้วมั้งครับ ว่าเธอไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน”
อัทธ์เสริม
“เพียงขวัญน้องสาวผมเป็นเด็กดีครับถึงเธอจะเป็นดาราที่ได้ชื่อว่า เป็นพวกเต้นกินรำกินแต่เธอ
ไม่เคยทำอะไรที่ด่างพร้อยเสื่อมเสียเลยครับ ผมยืนยันครับ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากันอึ้งไป กับการพูดตรงๆของอดุลย์ ปวรรุจเห็นบรรยากาศที่เครียดขึ้น จึงพูดขึ้น
“ที่จริงวังจุฑาเทพ ต้อนรับคุณเพียงขวัญมานานแล้ว ตราบใดที่อยู่ที่นี่ เราจะดูแลเธออย่างดีที่สุด ไม่ต้องห่วงนะครับ...เพียงขวัญ พาคุณพ่อกับคุณอัทธ์ไปเยี่ยมชายพีร์ดีไหมครับ”
อดุลย์กับอัทธ์มองหน้ากัน พยักหน้า อดุลย์หันมาบอกสองย่า
“เราสองคนขอตัวนะครับ”
ทั้งสองเดินตามเพียงขวัญไป ปวรรุจตามไปด้วย หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอึ้งไป กับข้อมูลใหม่ แจ๋วเปรยๆออกมา
“และแล้ว ความจริงก็เปิดเผย เธอคือลูกสาวเศรษฐี”
สมศรีหันมาปราม
“นังแจ๋ว”
ย่าอ่อน ทองสุข สดใส มิ่ง นั่งเล่นไพ่ผสมสิบกันอยู่ในบ้านทองสุข ย่าอ่อนดูกังวลๆ ทองสุกถาม
“เอ้าแม่อ่อน จะเอายังไงต่อล่ะจ๊ะ”
ย่าอ่อนสะดุ้ง จัดการจั่วไพ่
“มีอะไรคิดนักหนา เดี๋ยวเถอะ บวกเลขผิด โดนกินไม่รู้ตัวนะคุณ” ทองสุขเตือน
“ที่บ้านมีเรื่องยุ่งๆหน่อยน่ะ”
มิ่งส่ายหน้า
“เรื่องสะใภ้อีกล่ะสิ คุณพี่อ่อนก็มีแต่เรื่องนี้”
ทองสุขตัดบท
“โฮ้ย จะไปถือสาหาความอะไร แก่ๆกันแล้ว ปลงๆเสียบ้างเถอะ”
“ทำมาเป็นพูดดี ไว้เป็นสะใภ้ตัวเองบ้างเถอะ จะรู้สึก นี่กี่โมงแล้ว ตายล่ะ เดี๋ยวนังแจ๋วมันมาตามไปตลาด ฉันไปก่อนล่ะ”
“เอ๊าเดี๋ยวสิ จู่ๆก็ไป โฮ้ย คนกำลังจะกิน เบื่อจริง” มิ่งเซ็งมาก
ธราธรกับระวีรำไพนั่งคุยกันในสวน เรื่องรวบรวมอาจารย์ สำหรับคณะใหม่
“สาขาวิชาที่น้องมะปรางกำลังคิดก่อตั้ง ถือว่าเป็นสาขาที่ใหม่มาก สำหรับวงการการศึกษาของไทยเลยนะคะ”
“ค่ะ เราคงต้องรวบรวมคณะอาจารย์ และนักวิชาการเข้ามาช่วยเสริมกันเยอะเลยคะ”
เพียงขวัญประคองรณพีร์เข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่ครับพี่ชายใหญ่”
“น้องมะปรางเขากำลังรวบรวมข้อมูล สำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ที่กำลังจะเปิดใหม่อยู่…”
“อ๋อ ถ้ามีอะไรเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ หรือ วิชาการแสดงอะไรเนี่ยให้เพียงขวัญเขาช่วยประสานให้ได้นะครับ น้องมะปราง”
“ขวัญยินดีนะคะที่จะมีส่วนช่วยงานคุณมะปราง”
ระวีรำไพดีใจ
“ดีเลยคะ อุ้ย....คุณย่าอ่อน”
ย่าอ่อนรีบเดินเข้ามาจากหลังวัง มองทางโถงใหญ่ เห็นไม่มีใคร รีบเดินสาวเท้าอย่างรวดเร็วหันไปเห็นทั้งสี่คน ตกใจสะดุ้งมีพิรุธ รีบปล่อยผ้าถุงแกล้งทำเดินช้า สวยสง่า รณพีร์ถามขึ้น
“ไปไหนมาครับ ย่าอ่อน”
ย่าอ่อนอึกอัก
“เออ… ไปเอาจดหมาย”
“จดหมายที่ไหนครับ…ตู้ไปรษณีย์อยู่หน้าบ้านทางโน้นนี่ครับ”
ย่าอ่อนรีบตัดบท
“เอ้าหรือ แก่แล้วมันเลอะๆ ไปก่อนนะ”
รณพีร์แกล้งพูดขึ้น
“เอ หรือไปเอาจดหมายบ้านคุณนายทองสุข”
ย่าอ่อนเดินเซสะดุด รณพีร์ยั่วหน้าตาเฉยต่อไป
“สะดุดเลย ระวังนะครับ”
ไพ่ที่ซ่อนไว้หล่นลงมาทั้งสำรับ ธราธรขำ
“มาครับผมพาคุณย่าไปส่งที่เรือนดีกว่า”
ธราธรจะไปประคองโดนตวาดแว้ด
“ไม่ต้องๆ มีอะไรคุยก็คุยกันไปเถอะ”
ย่าอ่อนรีบเดินเข้าบ้านไป
ปวรรุจกับวรรณรสาจัดการเอกสารแฟ้มและหนังสือใส่กล่อง เตรียมส่งไปเมืองนอก เพียงขวัญประคองรณพีร์เข้ามา
“จัดของเตรียมเดินทางกลับกันแล้วหรือครับ”
“หนังสือกับเอกสารจะส่งลงเรือไปล่วงหน้าก่อน พี่จะลางานมาใหม่ตอนงานแต่งงานพี่ชายใหญ่ไง”
“แล้วก็ตามด้วยงานแต่งงานของผมกับเพียงขวัญ”
เพียงขวัญรีบขัด
“คุณชายคะ ฉันไม่เคยพูดนะคะว่าจะแต่งงานกับคุณ”
รณพีร์ไม่สน
“คุณไม่พูด ผมพูดคนเดียวก็ได้”
วรรณรสายิ้มขำ
“คุณชายรณพีร์ ที่ร่าเริงสดใส คนเก่ากลับมาแล้ว”
“พี่ชายรุจเป็นทูต ทั้งชีวิตคงไม่ได้อยู่บ้าน แต่โชคดีที่พี่ชายรุจมีคุณรสาไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็ไม่มีวันเหงา”
“ใช่ค่ะ รสาอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้มีพี่ชายรุจอยู่ด้วยก็พอแล้ว”
วรรณรสาเข้าไปโอบปวรรุจ รณพีร์แซว
“หวานกันจังนะครับ ผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ต่อไปผมก็จะมีครอบครัวของตัวเองเหมือนกัน ผมจะดูแลเพียงขวัญของผม ไม่ให้แพ้พี่ชายรุจคอยดูแล้วกัน”
รณพีร์โอบเพียงขวัญเข้ามาไม่ให้น้อยหน้า ปวรรุจมองน้องชาย
“ที่มานี่ จะมาพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ ไอ้ตัวแสบ”
“คุณนี่ขี้ตู่จริงๆ...ขอตัวไปจัดยาให้หม่อมย่าก่อนนะคะ”
เพียงขวัญพยายามผลัก วรรณรสาและปวรรุจขำ
เพียงขวัญเอายามาให้ หม่อมเอียดที่เอนหลังอยู่
“ยาหลังอาหารค่ะ”
“แผนของพวกคุณชายเขาให้เธอเอายาเข้ามา ถามหน่อยเธอมีแผนเอาอกเอาใจฉันยังไง”
“คุณท่านเป็นคนฉลาด ใช้แผนไหนๆก็ไม่สำเร็จหรอกค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ”
เพียงขวัญยิ้มให้ ไม่คิดประจบ หม่อมเอียดเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน...นั่งลง...”
เพียงขวัญเดินกลับมานั่ง หม่อมเอียดตั้งคำถามลองใจต่อไป
“งานแต่งงานชายพีร์กับวิไลรัมภายังไม่ได้ยกเลิก วิไลรัมภาไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าพลาดการแต่งงานครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นจะพินาศเพราะเธอ เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ทุกวันนี้ แค่คุณชายรณพีร์ยอมกินอาหาร ยอมกินยา แค่นั้นก็หมดหน้าที่ของดิฉันแล้ว เกินไปจากนี้ ดิฉันไม่อยากคิดค่ะ”
หม่อมเอียดมองหน้าเพียงขวัญ นึกนิยมอยู่ในใจ
เย็นนั้น วิไลรัมภาถือโถซุปเข้ามา เพียงขวัญหันไปบอกรณพีร์
“คุณรัมภา ขวัญขอตัวก่อนนะคะ”
วิไลรัมภาพยายามกลั้นความรู้สึก
“รัมภาเอาซุปมาฝากค่ะ จะทานเลยไหมคะ”
“ขอบคุณครับน้องรัมภา วางไว้ก็ได้ เดี๋ยวเพียงขวัญจะจัดการให้พี่เองเธอเป็นพยาบาลประจำตัวของพี่”
วิไลรัมภามองหน้ารณพีร์ เสียใจน้อยใจถึงที่สุด
“พี่ชายพีร์ตัดสินใจแล้ว ใช่ไหมคะ พี่ชายพีร์เลือกเพียงขวัญแทนที่รัมภาแล้วใช่มั้ยค่ะ”
“พี่ขอโทษ พี่รู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกผิดที่สุดกับน้องรัมภา”
วิไลรัมภาน้ำตาไหลลงมาช้าๆ วางโถซุป
“งั้นฝากซุป ไว้ตรงนี้นะคะ”
วิไลรัมภาเดินร้องไห้ออกไป
เช้าวันใหม่...วิไลรัมภานั่งร้องไห้ต่อหน้าหม่อมเอียดและย่าอ่อน เทวพันธ์เดือดร้อนมาคุยด้วยเสียงแข็ง
“จุฑาเทพทุกคนคงลืมสัญญาของท่านชายวิชไปแล้ว สิ่งที่ผมกับท่านชายวิชมีต่อกัน คือหนี้ชีวิต ชีวิตแลกด้วยชีวิตแต่งงานแค่นี้ ผมขออะไรที่มากไปหรือครับ”
ย่าอ่อนขัดขึ้น
“อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงงานแต่งงาน ยังมีเวลาแก้ปัญหา”
“ไม่มีแล้ว ชายพีร์จะหนีงานแต่งงานอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ตอนนี้เขาเพิ่งหายป่วยคุณพี่ก็ยังออดๆแอดๆขอทางเราคิดก่อนได้ไหมคะ”
“เหลือหนทางสุดท้าย หม่อมป้าควรออกคำสั่ง ถ้าชายพีร์ไม่แต่งงานกับรัมภา ต้องถูกไล่ให้ออกไปจากวัง ต้องถึงขนาดนั้นเขาถึงจะรู้ว่าหม่อมป้าเอาจริง ชายพีร์ผูกพันกับพี่น้องมาก เขาอาจจะได้สติขึ้นมาบ้าง”
หม่อมเอียดฟังอยู่พูดขัดขึ้น
“ชายพีร์เองเสนอตัวว่าจะออกไปใช้ชีวิตกับเพียงขวัญ นอกวังจุฑาเทพ วิธีนี้ขู่เขาไม่ได้หรอก”
วิไลรัมภาโวยวายทันที
“หม่อมย่าพูดแบบนี้ หม่อมย่าไม่สนับสนุนเราแล้วใช่ไหมคะ”
เทวพันธ์ไม่พอใจ
“จู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็มาชูคอดูแลชายพีร์ในวัง ถ้าหม่อมป้าไม่อนุญาตก็คงไม่มีใครกล้า บอกมาตามตรงเถอะครับ หม่อมป้าคิดยังไงกันแน่”
“อย่างที่อ่อนบอก เรายังมีเวลาอีกหลายเดือนฉันขอใช้เวลานี้ไตร่ตรองอะไรอีกสักหน่อย”
หม่อมเอียดลุกขึ้นจะเดินหนี
เทวพันธ์กับวิไลรัมภามึนกับทีท่าหม่อมเอียด ย่าอ่อนก็งงเหมือนกัน
อ่านต่อหน้า 3
คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 11 อวสาน (ต่อ)
เมื่อกลับมาที่วังเทวพรหม เทวพันธ์ และวิไลรัมภา นั่งเครียดอยู่กับมารตี
“เฉยเมยแบบนี้ จงใจปฏิเสธเราชัดๆ” มารตีไม่พอใจมาก
เทวพันธ์ครุ่นคิดอย่างหนักใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น หม่อมป้าไม่เคยเป็นแบบนี้”
วิไลรัมภาโกรธมาก
“ยายแก่กะโหลกกะลา”
เทวพันธ์ตกใจกับความก้าวร้าว ที่มากขึ้นทุกทีของวิไลรัมภา
“รัมภา ว่าหม่อมย่าหรือลูก”
มารตียุส่ง
“ด่ามันไปเลย...อกตัญญู ขี้โกหก ตระบัดสัตย์ กี่ครั้งแล้วที่ทรยศเทวพรหม”
เทวพันธ์ปราม
“มารตี”
วิไลรัมภาแค้นๆ
“ในเมื่อไม่มีใครช่วยเรา เราต้องหาวิธีเฉดหัวเพียงขวัญออกไปจากวังจุฑาเทพให้ได้ด้วยตัวเอง”
วิไลรัมภาพยายามคิดแผน
เพียงขวัญเด็ดใบกระเพราอยู่ในครัว พิมพรรณกับไฉไลเข้ามา
“คุณพิม คุณไฉไล”
พิมพรรณ กับไฉไล นั่งข้างๆ ไฉไลหยิบพริกมาเด็ดก้านแล้วชวนคุย
“คุณยอดคุยกับคุณชายพีร์อยู่ที่ห้องค่ะ คุยกันเรื่องสงครามมีแต่เรื่องอาวุธ คนตาย เราสองคน
เลยออกมาเดินเล่น”
“อ้อ งั้นก็ดีเลยค่ะ ดิฉันกำลังไปช่วยคุณแก้วเตรียมอาหารกลางวันอยู่ กินมื้อเที่ยงด้วยกันไหมคะ”
“ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณ เรื่องคุณช่วยพี่ยอด” พิมพรรณพูดขึ้น
เพียงขวัญงง
“คุณชายพีร์เล่าความจริงให้เราฟังแล้ว ฉันหลงโกรธคุณตั้งนาน”
“มันผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยค่ะ”
“คนอะไรกัน เสียสละตัวเอง ยอมให้คนอื่นเกลียด ที่จริงก็ไม่น่าสงสัย ทำไมคุณชายรณพีร์ถึงรักคุณ” พิมพรรณกับเพียงขวัญสบตากันแล้วยิ้ม
วันใหม่...ขาไพ่ทั้ง 4 นั่งเล่นกันอยู่เหมือนเคย ย่าอ่อนบ่นๆ
“วันนี้เขม่นตาขวาซะจริง โบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี อ้าว...ฉันกิน”
“ก็เห็นกินเกือบทุกตาบ่นอะไรอยู่ได้” ทองสุขแดกดัน
สดใสนึกได้หันมาบอก
“ฉันต่างหากพอก้าวเท้าออกจากห้อง จิ้งจกทักเป็นทางงวดนี้อย่าลืมนะเจ็ดๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นังลำเจียกมันเอาข้าวผัดมาส่งแล้วมั้ง” มิ่งบอก
“ฉันเอง”
ย่าอ่อนเดินไปเปิดประตู พอประตูเปิดออกมา เจอตำรวจนายหนึ่งยิ้มให้ ย่าอ่อนรีบปิดประตูพุ่งไปที่หน้าต่างปีนลงไปดังจ๋อม ทองสุขตะโกน
“ให้มันเข้ามา”
ตำรวจสามนายกรูกันเข้ามา แล้วทุกคนก็ร้องออกมาพร้อมกัน
“ตำรวจ”
ทุกคนวิ่งออกไป
เพียงขวัญถือสำรับอาหารมาตามทางเอามาเก็บ แจ๋วมาจากข้างนอกหิ้วตะกร้ามาจากตลาด หน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณ...คุณคะ ช่วยหน่อยค่ะ แจ๋วทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
“มีเรื่องอะไรหรือ”
“แจ๋วไปตลาดค่ะ เขาลือกันว่าตำรวจจับไพ่บ้านคุณนายทองสุขแจ๋วรีบไปดู โดนจับหายไปหมดบ้านแล้ว...คุณอ่อน เธอเล่นไพ่อยู่ในวงนั้นด้วยค่ะ”
เพียงขวัญตกใจมาก
ย่าอ่อน ทองสุข สดใส มิ่ง อยู่ในห้องขังบนสถานีตำรวจ สี่คุณนายอยู่ในห้องขังเดียวกัน ข้างๆ มีผู้ต้องขังชาย น่ากลัว มีลายสักพร้อยเมายาอยู่ใกล้ๆ ผ้าถุงของย่าอ่อน ดำไปครึ่งหนึ่ง เพราะลุยน้ำครำไปซ่อนตัว ทองสุขบ่นอุบ
“เล่นบ้านฉันดีๆไม่ชอบ อยากเปลี่ยนบรรยากาศดีนัก”
สดใสถอนใจ
“ที่แท้จิ้งจกในบ้านมันทักเรื่องนี้ อยู่ดีๆต้องมานั่งในคุก”
มิ่งโมโหไม่หาย
“เพราะเธอน่ะแหละให้นางลำเจียกไปซื้อข้าวผัด”
ย่าอ่อนปรามเพื่อนๆ
“ไม่ต้องพูดมากมาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าเราจะออกที่นี่กันยังไง”
สามสาวหัวเราะกัน ย่าอ่อนหน้าเครียดกว่าใคร ตำรวจเดินมาเรียก
“ใครชื่อสดใสครับ”
“ฉัน...ฉันเอง”
“มีคนมาประกันตัวแล้วครับ”
สดใสหันมายิ้มให้เพื่อนๆขาไพ่
“ไปล่ะ สวัสดีนะคะ โฮ้ย พ้นเคราะห์พ้นโศก”
ตำรวจเปิดให้สดใสออกไป มิ่งเปรยๆ
“แม่สดใสเขาเป็นเมียเศรษฐี โดนตำรวจจับมาสามหนสี่หนแล้ว แต่เขามีทะนงทนายเขาเลยเร็ว...ชำนาญว่างั้น”
ตำรวจอีกคนมาอีก
“คุณมิ่ง เชิญครับ”
ตำรวจมาเปิดให้ มิ่งยิ้มแย้ม
“อยู่นี่ค่ะ ไปล่ะนะ ผัวฉันเขาเป็นเพื่อนตำรวจ ฝากเพื่อนมาจัดการคราวหน้าไปเล่นบ้าน คุณนายทองสุกล่ะกัน”
ย่าอ่อนชักใจเสีย ตัวเองยังไม่ได้บอกใครด้วยซ้ำ
“มีคนมาประกันตัวหมดแล้วหรือ”
ทองสุขตะโกนลั่นเรียกตำรวจ
“นี่ ฉันน่ะคุณนายทองสุข เมียนายอำเภอสามโคกนะจะให้ฉันอยู่ในนี้อีกนานเท่าไหร่ยะ”
ตำรวจเดินมาเปิด
“คุณทองสุข เชิญครับ”
ทองสุขยิ้ม ออกไปเริงร่า ย่าอ่อนหน้าเหวอ
“เอ๊าเดี๋ยวสิ แล้วฉันล่ะ”
“ก็ให้คนไปบอกที่บ้านสิ”
“ไม่ได้ จะให้คนที่วัง เอ้อ…” ย่าอ่อนมองไปรอบๆ อาย พูดเบาลง “พวกนั้นรู้ไม่ได้เด็ดขาด คนโบราณเขาถือ เข้าโรงพักมีคดีความอายเขาตาย จะให้คนที่บ้าน โดยเฉพาะคุณพี่รู้ไม่ได้เด็ดขาด”
ทองสุขถอนใจเซ็ง
“ให้ใครรู้ไม่ได้ แล้วจะออกไปได้ยังไง เวลาอย่างนี้ยังมัวแต่เจ้ายศเจ้าอย่างอีกเหรอ”
“เธอช่วยฉันไม่ได้หรือ”
“ก็ต้องออกไปเอาเงินข้างนอกก่อน แค่ฉันคนเดียวก็โดนผัวบ่นหูชาแล้วเอางี้ ให้ฉันออกไปก่อนแล้วเดี๋ยวจะหาคนมาช่วย รอไปก่อนนะ”
ทองสุขออกไป ประตูปิดลงเหลือย่าอ่อนคนเดียว...ห้องขังมืดลง ตำรวจจับผู้หญิงหากินมาขังห้องเดียวกับย่าอ่อน
“ไป ไป ไป๋ ก็บอกให้เลิกขายตัวตั้งนาน”
“ยังไงป้าโดนข้อหาเดียวกันล่ะสิ หาอยู่แถวนี้เหรอ”
ย่าอ่อนมองไป คนเมายา เดินมา ยื่นมือเข้ามาในกรงของตน เมาๆคล้ายจะพูดจะขอนั่นนี่ ดูน่ากลัวน่ารังเกียจปะปนกับคนชั้นต่ำ ย่าอ่อนน้ำตารินลงมา มองกรงขังสกปรกไปรอบๆ ด้วยความกลัว เพราะนี่เป็นการติดคุกครั้งแรก คนเมายาเรียก
“น้องๆตกลง อยู่ที่ไหนออกคุกไปพี่จะเก็บตังค์ไปเยี่ยมน้องนะ”
ตำรวจเดินมา
“คุณอ่อน เชิญครับ มีคนมาประกันตัว”
เย็นนั้น ย่าอ่อนเดินออกมาเจอเพียงขวัญ งงมาก นึกไม่ถึง
“เพียงขวัญ”
“ดิฉันรู้เรื่องจากแจ๋ว เลยรีบมาประกันตัวคุณย่าอ่อน เป็นยังไงบ้างคะ”
เมียตำรวจสองคนเดินมา ปลาบปลื้มเพียงขวัญ
“ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมคะ”
เพียงขวัญยิ้มแย้ม
“ได้สิคะ”
ตำรวจชายแซวกันใหญ่ เริงร่า ไม่ตึงเครียด
“งานการไม่ต้องทำกันล่ะวันนี้ รีดผ้าส่งนายเสร็จแล้วเหรอ”
ตำรวจหัวเราะกันใหญ่ เมียตำรวจ โวยใส่
“หุบปากเลย… พวกเราชอบนางเสือสาวมากค่ะ คุณน่ะบู๊สมจริงมาก”
เมียตำรวจยกมือไหว้ ทักทายย่าอ่อนที่มองไป บรรยากาศดูสบายๆขึ้นไม่ใช่โรงพักที่น่ากลัวอีก ย่าอ่อนมองเพียงขวัญ
“แล้วเรื่องต่อไปเรื่องอะไรคะ” เมียตำรวจถาม
เพียงขวัญยิ้มแย้มบอก
“กินรีค่ะ”
เมียตำรวจอีกคนยิ้มชื่นชม
“แล้วเราจะคอยติดตามผลงานนะคะ”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
เพียงขวัญค่อยๆพาย่าอ่อนเดินเลี่ยงออกไป
ทั้งสองเดินออกมาหน้าโรงพัก เพียงขวัญมองย่าอ่อน ใส่รองเท้าแตะคนละสีมา ย่าอ่อนมองตามตกใจ
“ตายจริงเพิ่งเห็นนะนี่ บ้าจริง”
เพียงขวัญรีบทรุดถอดรองเท้าตัวเองให้ย่าอ่อนใส่
“ใส่ของขวัญก่อนเถอะคะ”
เพียงขวัญเก็บรองเท้าย่าอ่อนมาถือไว้ ย่าอ่อนชักหวั่นๆ
“คุณเอาเงินที่ไหนมาประกันตัวฉัน หรือว่าชายพีร์ ชายพีร์รู้เรื่องนี้รึเปล่า”
“เปล่าคะ ฉันรีบกลับบ้านไปเอาเงินที่ได้จากเล่นหนังมา โชคดีช่วงนี้เราพอมีเงินค่ะ ไม่งั้นก็แย่ สรุปว่านอกจากฉัน กับแจ๋วคนบนตึกไม่มีใครทราบค่ะ”
“ขอบใจมาก”
“รีบกลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น”
ย่าอ่อนพยักหน้ารีบเดิน
วันใหม่...เพียงขวัญกับแจ๋วทำของว่างให้รณพีร์ เพียงขวัญทำแซนวิช แจ๋วรินนมใส่แก้ว ย่าอ่อนแอบเดินมาหา ไม่ให้แจ๋วเห็น เข้าไปยืนจนชิดกระซิบกันแอบเอาเงินใส่มือให้
“นี่จ้ะ”
“ค่ะ”
เพียงขวัญรับมา มองสองคนนั้นที่นั่งห่างไป ไม่รู้เรื่อง จึงรีบหยิบใส่กระเป๋ากางเกงกลัวย่าอ่อนเสียหน้า
“ขอบใจมาก ครั้งนี้ฉันติดหนี้เธอ ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงแย่”
วิไลรัมภาเดินเข้ามาเห็นย่าอ่อนกับเพียงขวัญ ยืนชิดกัน มองไม่พอใจ เพียงขวัญหยิบถาดของว่าง แล้วเดินออกไป
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“วันนี้รัมภามีโจ๊กค่ะ ทำมาเผื่อทั้งคุณชายพีร์และหม่อมย่า”
ย่าอ่อนยิ้ม
“ดีเลย แจ๋วมารับไปอุ่นไป๊”
“เดี๋ยวนี้สนิทกับแม่ดารานั่นมากหรือคะ แผนของพวกคุณชายคงได้ผลพากันหลงเสน่ห์นังนั่น จนลืมรัมภาไปแล้วกระมัง”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะจ๊ะ มาเหนื่อยๆนั่งก่อน ดื่มน้ำเย็นๆก่อนไหมย่าทำให้”
วิไลรัมภาหน้าบูด
วิไลรัมภากลับมาวังเทวพรหมฟ้องพี่สาว
“ย่าหม่อมเอียด ดูแปลกๆไปคนหนึ่งแล้ว วันนี้ย่าอ่อนก็เป็นไปด้วยอีกคน ทำท่าเหมือนมีเรื่องอะไรกับนังเพียงขวัญ ดูสนิทสนมกัน น่าหมั่นไส้”
“เป็นไปได้ยังไง ย่าอ่อนเข้าข้างน้องมาตลอดไม่ใช่หรือ”
“พวกคุณชายมาแผนสูง สั่งให้นังเพียงขวัญเป็นคนจัดยาให้หม่อมย่า จะหาเรื่องให้มันได้ใกล้ชิดหม่อมย่า ยายแก่สองคนนั่น มีคนเอาใจเข้าหน่อย ทำเป็นปวกเปียก คนพวกนี้กำลังทรยศเรา”
มารตีคิดอะไรได้
“ก็ให้มันทรยศกันไป เพียงขวัญมีหน้าที่ให้ยาหรือ จัดให้ย่าเอียดใช่ไหม”
“ค่ะ พี่มารตี ถามทำไมคะ”
มารตียิ้มร้าย
“เธอลืมไปแล้วเหรอพี่เคยเป็นนางพยาบาล”
วิไลรัมภามาที่มุมเก็บยาของวังจุฑาเทพ อ่านฉลากยาขวดหนึ่งแล้วเทยาในขวดทิ้ง แล้วหยิบซองยาที่เตรียมมา เทยาเปลี่ยน ยารูปร่างคล้ายกันเพียงแต่มีขนาดใหญ่เล็กต่างกันเมื่อเปลี่ยนยาทั้งขวดใหม่แล้วก็เปลี่ยนยาในถ้วยด้วย วิไลรัมภามองผลงานยิ้ม
“คราวนี้ต่อให้สิบคุณชาย ก็ช่วยแกไม่ได้นังเพียงขวัญ”
แจ๋วแอบดูอยู่มุมหนึ่งโดยที่ วิไลรัมภาไม่เห็น
พุฒิภัทรอยู่ในห้องตรวจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสาย
“สวัสดีครับ นายแพทย์ พุฒิภัทร รับสายครับ...มีคนประสงค์ร้ายกับหม่อมย่า”
ย่าอ่อนยืนคุยกับวิไลรัมภาที่ชุดรับแขก ขนม ข้าวของวางบนโต๊ะ
“ย่าอ่อนขา”
“ขนอะไรมากันเยอะแยะจ๊ะ หนูรัมภา”
“ก็เตรียมมาให้หม่อมย่าเอียด กับ ย่าอ่อนนั่นแหละคะ ของพี่ชายพีร์ก็มีนะคะ”
“ไหนดูซิ…มีอะไรบ้างลูก”
“วันนี้ย่าอ่อนจะออกไปไหนรึเปล่าคะ ถ้าจะไปไหนบอกรัมภานะคะรัมภาจะพาไป”
“โอ๊ย...ไม่หรอกลูก คุณพี่ไม่ค่อยสบาย อยู่เป็นเพื่อนคุณพี่ดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นรัมภาอยู่เป็นเพื่อนคุยนะคะ”
เพียงขวัญเดินเข้ามา จัดยาให้หม่อมเอียด และรณพีร์ ถาดเล็กถ้วยตะไล 2 ใบ เพียงขวัญหยิบยาออกไป รัมภาจิกตามองตาม
แจ๋วเก็บสำรับอาหารออกไป เพียงขวัญเดินมาหาหม่อมเอียด เอายามาให้ เพียงขวัญมองแจ๋วแต่แจ๋วหลบตา
“ยาหลังอาหารของท่านหม่อมย่าเอียดคะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยว เพียงขวัญ…”
เพียงขวัญหันกลับมา
“ขอบใจมากนะ เพียงขวัญ”
หม่อมเอียดมองตามเพียงขวัญออกไป จนถึงวิไลรัมภาที่มองทั้งสองอยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มหวาน
รณพีร์นั่งอ่านหนังสือ เพียงขวัญมาหา ถือยามาให้กับน้ำในแก้ว
“หายไปไหนนานจัง ผมเหงานะ”
“เพิ่งเอายาไปให้ท่านหม่อมย่าเอียดมาค่ะ แล้วนี่ของคุณชายพีร์คะ”
“ขอบคุณครับ”
รณพีร์ยิ้มดื่มน้ำกับยา
คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 11 อวสาน (ต่อ)
หม่อมเอียดนั่งอยู่ที่ตั่งเริ่มหายใจขัด โลกหมุนมือปัดป่ายโดนของบนโต๊ะตกกระจาย หมดสติไป วิไลรัมภา หันมาเห็น ร้องกรี๊ดเสียงหลง ย่าอ่อนหันตาม
“หม่อมย่า”
“คุณพี่”
วิไลรัมภากับย่าอ่อน เข้ามาประคองหม่อมเอียด แจ๋ววิ่งตามเข้ามา หน้าซีดอยู่ที่ประตู พุฒิภัทรวิ่งพรวดพราดเข้ามา เห็นหม่อมเอียดอาการไม่ดี พุฒิภัทรประคอง
“อย่าเพิ่งเข้าไปขอผมตรวจอาการหม่อมย่าก่อน”
ทั้งหมดหน้าเครียด ถอยออกไปสังเกตการณ์อยู่รอบๆ พุฒิภัทรตรวจอาการจับชีพขจรที่ข้อมือ เขาเริ่มเข้าใจว่าอาการเป็นยังไงจับหน้าเรียกสติหม่อมเอียดที่สิ้นสติ พุฒิภัทรจับชีพขจรอีกครั้งที่คอ เขาครุ่นคิด พึมพำ
“คนจัดยา”
เพียงขวัญถูกย่าอ่อนผลักลงนั่ง รณพีร์ตามลงไปอยู่ข้างๆ หมู่มวลยืน นั่ง ล้อมวงเพียงขวัญอยู่ พุฒิภัทรหยิบขวดยาออกมาเทดู งงมาก
“คุณขวัญ คุณไปเอายานี่มาจากไหน” พุฒิภัทรเสียงเครียด
“ยาลดความดันที่คุณหมอให้ไว้ไงคะ”
“ยาลดความดันน่ะใช่ แต่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่ผมเคยให้ไว้ยาตัวนี้แรงกว่าตัวที่ผมให้สีคล้ายกันแต่ปริมาณยาไม่เหมือนกันถ้าหม่อมย่าทานไป ความดันจะลดต่ำมาก จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”
วิไลรัมภาเข้ามาตบเพียงขวัญทันที
“นังงูพิษ แกคิดจะทำร้ายหม่อมย่าหรือ”
รณพีร์ลุกขึ้นกันเพียงขวัญ ธราธรดึงวิไลรัมภาออก
“หยุดนะ น้องรัมภา ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก่อนซิครับ มีเหตุผลหน่อยซิ...เรายังไม่รู้ว่าเรื่องราว มันเป็นยังไงกันแน่”
“ทุกคนก็รู้ก็เห็นกันแล้วนี่คะ ว่านังคนนี้เป็นคนวางยาหม่อมย่า”
เพียงขวัญเถียง
“ขวัญไม่ได้ทำคะ ยาพวกนั้นก็เป็นยาที่คุณชายหมอให้ขวัญเอาไปให้หม่อมย่ากินตามปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละค่ะ”
ย่าอ่อนขยับเข้าหาเพียงขวัญ ฟูมฟาย ต่อว่า
“เธอไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะเพียงขวัญ ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
รณพีร์ไม่เชื่อ
“ขวัญจะทำอย่างที่ถูกกล่าวหาได้ยังไงล่ะครับ มันไม่มีเหตุผลนะครับ”
วิไลรัมภามองเพียงขวัญเอาเรื่อง
“ทำไมจะไม่มีเหตุผลล่ะคะพี่ชายพีร์ ใครๆก็รู้ว่า หม่อมย่าไม่ยอมให้พี่ชายพีร์คบกับเธอ เธอก็เลยแค้น คิดวางยาให้หม่อมย่าตาย หมดหม่อมย่าไปเสียคนหนึ่งทางรักของเธอก็สะดวกโยธิน เธอคิดอย่างนี้ใช่ไหมเพียงขวัญ”
เพียงขวัญหันไปหารณพีร์
“ขวัญไม่ได้ทำจริงๆนะคะ ขวัญสาบานได้”
วิไลรัมภาใส่ไฟต่อ
“ยานี่ พี่ชายภัทรบอกเองว่าเป็นยาอันตราย เธอจะเถียงอะไรอีก พี่ชายพีร์ผู้หญิงคนนี้ ธาตุแท้ เป็นคนจิตใจต่ำ พี่ต้องรู้ความจริงเสียทีนะคะ”
ธราธรพูดขึ้น
“ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนให้เป็นเรื่องเป็นราว”
พุฒิภัทรบอกกับทุกคน
“มีคนโทรศัพท์มาถึงผมว่ามีคนปองร้ายหม่อมยา เพราะฉะนั้นต้องมีใครคนใดคนหนึ่งในที่นี้เป็นคนทำ”
พุฒิภัทรมองกราด ทั้งหมดเครียดเขม็งมองกันเองไปมา วิไลรัมภากอดแขนย่าอ่อน
“รัมภาว่าไม่ต้องหรอกคะ มันเห็นชัดๆกันอยู่แล้วว่าใครเป็นคนทำ”
“คดีพยายามฆ่า เราคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้เรื่องนี้ต้องให้ตำรวจเป็นคนจัดการ” ธราธรน้ำเสียงจริงจัง
รัชชานนท์ชะงัก
“คดีพยายามฆ่าเนี่ยติดคุกเป็นสิบปีนะครับ พี่ชายใหญ่”
ระวีรำไพขอร้องธราธร
“เรื่องนี้เรื่องในวัง มีแต่คนกันเองทั้งนั้น อย่าให้ถึงโรงถึงศาลเลยนะคะ”
“คนคิดชั่วทำชั่วแบบนี้ มันต้องติดคุกค่ะ” สร้อยฟ้าเสียงแข็งจริงจัง
ธราธรเดินไปที่โทรศัพท์ หมุนโทรศัพท์ หม่อมเอียดเดินเข้ามาพร้อมแจ๋ว ทุกคนหันไปมอง
“หม่อมย่า”
หม่อมเอียดมองเพียงขวัญ
“นี่เขายังไม่สารภาพอีกเหรอ”
กรองแก้ววิ่งเข้าไปประคองมานั่ง
“นี่หม่อมย่าไม่เป็นอะไรแล้วเหรอคะ พี่ชายภัทรบอกว่าหม่อมย่าถูกวางยา”
“หม่อมย่าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ตอนผมมาถึงตรวจอาการหม่อมย่าดูก็รู้ แต่อยากจะรู้ว่าใครเจตนาวางยาหม่อมย่า” พุฒิภัทรอธิบาย
หม่อมเอียดถอนใจ
“ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน แจ๋วเข้ามา เธอเห็นอะไรมา บอกมาซิ…”
“เจ้าค่ะ...คุณวิไลรัมภาเป็นคนเปลี่ยนยานั่นคะ”
วิไลรัมภาโวยวายลั่น
“นังแจ๋ว นังชั้นต่ำ แกมากล่าวหาฉันอย่างงี้ได้ยังไง...บ้าใครจะมาเปลี่ยนยงเปลี่ยนยาอะไร ย่าเอียดคะ พี่ชายพีร์ พี่ชายภัทร์ย่าอ่อนคะ มองหน้ารัมภาซิคะ คนอย่างรัมภาเหรอคะจะวางยาหม่อมย่า”
ทุกคนมองวิไลรัมภา
“นังแจ๋ว แกมากล่าวหาฉันอย่างงี้แกมีหลักฐานอะไร”
“ยาที่คุณรัมภาเปลี่ยนน่าจะยังอยู่ในกระเป๋าถือคุณรัมภานั่นไงคะ”
วิไลรัมภานิ่ง รณพีร์เดินมาหา
“น้องรัมภา ถ้าบริสุทธิ์ใจ พี่ขอดูกระเป๋าได้มั้ยครับ”
วิไลรัมภาส่งกระเป๋าให้ ธราธรรับกระเป๋าจากรณพีร์ไปเปิดเทของออกมาบนโต๊ะ มีแต่ข้าวของกระจุกกระจิก การ์ดแต่งงานปึกหนึ่ง แต่ไม่เห็นหลักฐาน ทุกคนอึ้ง ธราธรหันมาหาวิไลรัมภา
“ขอโทษครับ น้องรัมภา”
ธราธรเก็บของเข้ากระเป๋า
“เห็นมั้ยคะ รัมภาบอกแล้วก็ไม่เชื่อ รัมภาไม่ได้เป็นคนทำพี่ชายใหญ่โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจมา จัดการกับนังวายร้ายตัวจริงได้เลยคะ”
วิไลรัมภาเหลือบมองการ์ดแต่งงาน สร้อยฟ้าสงสัย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ การ์ดแต่งงานของคุณชายพีร์กับน้องรัมภาสวยจัง ขอสร้อยดูหน่อยนะคะ”
วิไลรัมภาหน้าซีดเผือด เข้าแย่งการ์ดจากสร้อยฟ้า ยาตกกระจาย วิไลรัมภาช็อก ทุกคนรู้ความจริงนิ่งไป รณพีร์พยุงเพียงขวัญขึ้นยืน ย่าอ่อนเข้าช่วยประคอง
“ย่าขอโทษนะลูก ที่พวกเราเข้าใจหนูผิดไป”
หม่อมเอียดเรียก
“อ่อน พาขวัญมาหาฉันซิ”
ย่าอ่อนประคองเพียงขวัญเข้าไปหา หม่อมเอียดหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้แตะแก้มที่ถูกตบ
“เจ็บมากมั้ยลูก เก่งมากนะลูกที่อดทนต่อสู้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดเวลาถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะได้เข้ามาเป็นสะใภ้ของจุฑาเทพคนต่อไป”
วิไลรัมภาสติแตก กรี๊ด อาละวาด
“พี่ชายพีร์ หม่อมย่าเอียด คุณย่าอ่อน พี่ๆชายทุกคนคะ รัมภาขอโทษรัมภาทำทุกอย่างไปเพราะรักพี่ชายพีร์นะคะ ยกโทษให้รัมภานะคะ”
วิไลรัมภาพุ่งเข้าไปหาเพียงขวัญ
“อีนังผู้หญิงชั้นต่ำ เต้นกินรำกิน แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมายืนลอยหน้าลอยตาอยู่ในวังจุฑาเทพด้วยซ้ำ ตำแหน่งสะใภ้จุฑาเทพต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น แกนัง…”
วิไลรัมภาเงื้อมือตบเพียงขวัญ
แต่แล้วมือย่าอ่อนจับแขนวิไลรัมภาไว้ แล้วดึงตัวมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะวิไลรัมภา ฉันไม่คิดเลยว่าเด็กที่ฉันรักฉันเอ็นดูมาแต่อ้อนแต่ออก จะกลายเป็นคนใจดำอำมหิตได้อย่างนี้ ฉันเสียใจ และสมเพชในตัวเธอจริงๆ”
วิไลรัมภาตะลึง
“ย่าอ่อน...”
“การกระทำของเธอมันเป็นการกระทำของคนสิ้นคิดจิตวิปลาส ไม่หลงเหลือความเป็นเทวพรหม แม้แต่น้อย ออกไปจากวังจุฑาเทพเดี๋ยวนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก วิไลรัมภา”
หม่อมเอียดหันไปสั่งธราธร
“ชายใหญ่ โทรเรียกคุณชายเทวพันธ์ มารับลูกสาวเขากลับไปได้แล้ว”
วิไลรัมภาอึ้งตะลึงงันสิ้นหวัง
วิไลรัมผิดหวังอย่างมาก เธอเครียดจนถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล...วิไลรัมภานอนในห้องพักฟื้นหลับไปแล้ว พุฒิภัทร กับ เทวพันธ์ยืนข้างเตียง มารตีนั่งอยู่มุมหนึ่งอย่างเศร้าๆ เป็นอีกครั้งที่พ่ายแพ้
“ผมให้คุณหมอดูแลเธออย่างดีที่สุดแล้วครับ ตอนนี้อาการทางร่างกายไม่มีอะไร ยาที่ให้เป็นยาคลายเครียด เธอจะได้นอนหลับพักผ่อนมากๆคอยดูแลอย่าให้เธอคิดมากแล้วกัน”
“อาไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างรัมภาจะกล้าวางยาหม่อมป้า”
พุฒิภัทรตัดบท
“ผมขอตัวนะครับคุณอา...สวัสดี”
มารตีเดินเข้ามาพูดกับพุฒิภัทรด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ
“เรื่องมันไม่จบแค่นี้หรอก ฉันขอสาปแช่งให้จุฑาเทพทุกคนไม่มีความสุขต้องพบกับความวิบัติในชีวิต ที่ผิดสัจจะกับเทวพรหม”
พุฒิภัทรเตรียมออกจากห้อง ก่อนไปเขามองไปทางมารตีที่มีแผลเป็นที่ใบหน้า
“มารตีครับ แผลที่ร่างกายมันมีวันรักษาให้หายได้ แต่ความโกรธเกลียดในใจที่มันเผาเธอกับวิไลรัมภาอยู่มันจะเจ็บปวดทรมานทุรนทุรายไปตลอดชีวิต เธอควรจะหยุดมันได้แล้ว”
พุฒิภัทรเดินออกไป เทวพันธ์หันมามองมารตีกับวิไลรัมภากลุ้มใจ ถึงกับต้องนั่งลง ฝันทุกอย่างสลายแล้ว
หม่อมเอียด ย่าอ่อน ธราธร และรณพีร์ นั่งอยู่ด้วยกันต่อหน้าเทวพันธ์ ในห้องโถงวังจุฑาเทพ
“ฉันเสียใจ ฉันให้ชายพีร์แต่งงานกับรัมภาไม่ได้”
รณพีร์กราบเทวพันธ์
“เราทุกคนไม่สามารถรักษาสัญญาที่ท่านพ่อสั่งเสียไว้ เราไม่สามารถแต่งงานกับเทวพรหมได้แม้แต่คนเดียวพวกเรากราบขอโทษครับ”
ธราธรหยิบแฟ้มมามอบให้
“คุณอาเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตท่านพ่อของเราเอาไว้...ในนี้เป็นบัญชีหนี้สินที่เรามีต่อกัน”
เทวพันธ์อึ้งมองธราธร
“ผมยินดียกหนี้สินให้ทั้งหมดให้ท่านอาครับ” ธราธรแง้มโชว์โฉนด “ที่ดินผืนนี้ปัจจุบันเป็นตลาดที่ทำรายได้ให้จุฑาเทพมาตลอดผมยกให้ท่านอาครับ”
เทวพันธ์ตะลึง
“ยกให้อาหรือ...”
“ท่านพ่อประสงค์ให้เราแต่งงานกับเทวพรหม เพื่อให้พวกเราดูแลคุณอายามแก่เฒ่า ที่ดินผืนนี้ ถ้าไม่ขาย ค่าเช่าจากตลาดจะช่วยดูแลคุณอากับเทวพรหมได้”
เทวพันธ์ยอมแพ้ ถอนใจยอมแต่โดยดี
“ความผิดของผมเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี ผมละอายใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว...อาทำอะไรหลายอย่างกับพวกเรา มากราบขอโทษกันอย่างนี้ สมแล้วที่ใครๆเรียกสุภาพบุรุษ...สุภาพบุรุษจุฑาเทพ น่านับถือมาก...ขอบใจจริงๆ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อน ถอนใจโล่ง
พิมพรรณเข้ามาเสิร์ฟน้ำชา ยอดยศกับไฉไล นั่งจิบน้ำชาอยู่ในสวนบ้านพิมพรรณ ไฉไลหันไปถาม
“พิม...อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งแล้ว อย่าลืมไปลองชุดเจ้าสาวนะที่ร้านเขาฝากมาเตือน พูดแล้วสงสารรัมภาจริงๆ เขาอยากใส่ชุดของเธอมาก”
ยอดยศนิ่งคิด
“ถ้ารัมภาเขาไม่ลุ่มหลงในตัวไอ้พีร์ อยากได้อยากครอบครองทุกอย่างในตัวจุฑาเทพ”
พิมพรรณขัดขึ้น
“จะโทษเธออย่างนั้นก็ไม่ถูก มันเกี่ยวกับความโกรธแค้นพยาบาทของมารตีด้วย วิไลรัมภาเธอเกิดมาในชาติตระกูลที่ดีมีการศึกษา รูปร่างหน้าตาก็สวยงาม เสียดายจริงๆในฐานะเพื่อนอย่างเราคงได้แต่อโหสิกรรมให้เธอได้เท่านั้น”
ยอดยศ พิมพรรณ ไฉไล ครุ่นคิดถึงวิไลรัมภา
วันใหม่...อดุลย์พานภาเดินขึ้นมาบริเวณระเบียงใหญ่ มุมหนึ่งเป็นหิ้งบูชาเศียรพ่อแก่ นภาเหลียวไปมา
“ที่นี่สวยมากค่ะ บ้านใครเหรอคะ”
อดุลย์จับไหล่นภาสองข้างให้หันมาหา
“ผมซื้อเอาไว้ให้คุณกับแม่ผันไว้เป็นที่สอนนาฏศิลป์เด็กๆ อีกหน่อยขวัญจะได้เป็นครูสอนรำเหมือนที่ลูกขวัญกับคุณเคยฝันไว้”
นภาซาบซึ้ง
“เรามาเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกันนะครับ”
วันเปิดตัวหนังเรื่องกินรีงานจัดขึ้นที่โถงหน้าโรงหนัง คนดูรายล้อมรอเปิดตัวหน้างาน นักข่าวรุมล้อมถ่ายรูป เสียงประกาศจากพิธีกรดังขึ้น
“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติ และแฟนๆภาพยนตร์ไทยทุกท่านวันนี้ถือว่าเป็นรอบปฐมทัศน์ของ ภาพยนตร์ไทยเรื่องยิ่งใหญ่ที่ทุกท่านรอคอย...กินรี...และบัดนี้ขอเชิญทุกท่านพบกับผู้กำกับภาพยนตร์เงินล้านคุณชนะ ขึ้นมากล่าวอะไรเล็กน้อย ขอให้เกียรติปรบมือด้วยครับ”
ชนะขึ้นเวที
“สวัสดีครับ ท่านแขกผู้มีเกียรติ ผมขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้
คงไม่สำเร็จไปได้ถ้าไม่มีบุคคลท่านนี้ผู้อำนวยการสร้างของผม คุณศักดา กิจวัฒนะชัย ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”
ชนะดีใจมองคนที่มาดูมากมาย เสกับประไพศรีอยู่ในกลุ่มทีมงาน
“และ ผมอยากจะขอบคุณผู้เป็นแรงบันดาลใจของผมเสมอมา นั่นก็คือภรรยาสุดที่รักผู้จากไป เธอชื่อราตรีครับ ส่วนคนที่มาสานฝันให้กับผมนั่นก็คือ เลือดเนื้อเชื้อไข หลานสาวแท้ๆของเธอ”
ชนะก้มหน้าลงสกัดกั้นน้ำตาของตัวเอง ผายมือ พิธีกรประกาศต่อ
“ขอเชิญทุกท่านพบกับนางเอกภาพยนตร์เรื่องกินรี คุณเพียงขวัญ จันทร์ประดับได้ ณ บัดนี้ครับ”
เพียงขวัญในชุดสวยเดินออกมายกมือไหว้แล้วโบกมือให้กับทุกคน คนดูฮือฮาแฟนภาพยนตร์มอบดอกไม้ นักข่าวถ่ายรูป รณพีร์มองเพียงขวัญแล้วหันมาจับมือย่าอ่อนมากุม หม่อมเอียดยืนอยู่ข้างๆ
“ย่าเอียด ย่าอ่อนครับ ตอนผมเจอเพียงขวัญครั้งแรกเธอก็เป็นนางฟ้าโบยบินลงมาในอ้อมกอดของผมเหมือนที่ย่าอ่อนฝัน...จริงๆนะครับเพียงขวัญของผม สวยจริงๆ ใช่มั้ยครับย่าอ่อน”
ย่าอ่อนยิ้มรับ
“จ๊ะ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ที่สำคัญเธอเป็นคนดี”
นภากับอดุลย์ เดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับ หม่อมเอียด คุณอ่อน คุณชายรณพีร์”
นภายกมือไหว้
“สวัสดีคะ”
ย่าอ่อนยิ้มแย้ม
“นี่เรามากันพร้อมหน้า สมกับเป็นครอบครัวเดียวกันเลยนะ”
หม่อมเอียดรู้สึกผิด
“แม่นภา ที่ฉันเคยผิดพลาดพลั้งปากอะไรไปกับแม่นภา อย่าถือสาหาความคนแก่ๆกับฉันเลยนะ”
นภายิ้มรับ
“ดิฉันลืมมันไปหมดแล้วล่ะคะท่านหม่อมเอียด”
อดุลย์หันมาชื่นชมภรรยา
“ขอบคุณมากนะนภา ที่อุตส่าห์คุณเลี้ยงดูลูกสาวของเราได้ดีขนาดนี้”
นภายิ้มปลื้ม หม่อมเอียดขยับเข้ามาจับมือนภา
“แม่นภา ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ฉันขอเพียงขวัญมาเป็นหลานสะใภ้ของฉันนะ เธอเหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้จุฑาเทพของเราจริงๆ”
นภายิ้มรับ
“ถ้าอย่างงั้น ดิฉันก็ขอฝากหม่อมเอียดเมตตาลูกสาวดิฉันด้วยนะคะ”
รณพีร์ดีใจ
“ต่อไปนี้ ผมก็เรียกแม่นภาได้แล้วซิครับ”
หม่อมเอียดยิ้มสุขใจ
“เพียงขวัญ เธอเหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้จุฑาเทพของเราจริงๆ”
อัทธ์กับจันท์กระพ้ออยู่ในงาน ทั้งสองปลาบปลื้ม อัทธ์หันไปเห็นจันท์กระพ้อน้ำตาคลอ
“เอ๊า คุณร้องไห้ทำไม จันท์”
“ดีใจแทนขวัญ แทนทีมงาน พวกเขาเหนื่อยกันมากนะกว่าจะมีวันนี้ได้”
อัทธ์หยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ จันท์กระพ้อรับไปซับน้ำตา มองทางเวที
“ดีใจแทนขวัญจริงๆนะคะ ดูซิได้ดอกไม้เยอะแยะ สวยๆทั้งนั้น”
อัทธ์เอาช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาจากด้านหลังมาจะส่งให้ จันท์กระพ้อค้อนเล็กๆ มองดอกไม้อายๆ
“คุณเนี่ยเซี้ยวจริงๆ เห็นหน้าฉันทีไรก็ให้ดอกไม้ๆ”
จันท์กระพ้อเอื้อมมือจะรับดอกไม้ อัทธ์ส่ายหน้า
“เปล่า...ไม่ใช่ของคุณนะ ช่อนี้เราจะเอาไปให้ขวัญด้วยกัน”
อัทธ์พาจันท์กระพ้อเดินไปที่เวที ประณต สลักจิต บุหลันและยาย อยู่รวมกันอีกมุมหนึ่ง
“วันนี้พี่ขวัญสวยจริงๆ ประณตว่ามั้ย” สลักจิตมองเพียงขวัญอย่างชื่นชม
ประณตหันมองสลักจิตนิ่ง
“เธอก็สวย…เธอจะเปลี่ยนใจอยากเป็นดาราหนังเหมือนพี่ขวัญมั้ย”
“ไม่ดีกว่า เราอยากเป็นนางพยาบาลจะได้คอยดูแลรักษาเธอไง”
ประณตยิ้มดีใจ
“สัญญานะ…”
“สัญญาจ๊ะ”
ประณตจะเกี่ยวก้อยกับสลักจิต แล้วมีนิ้วก้อยอีกนิ้วเข้ามาเกี่ยว เป็นนิ้วบุหลันนั่นเอง
“สัญญาว่าพวกเธอจะตั้งใจเรียนตลอดไป”
ทางด้านรณพีร์มองเพียงขวัญบนเวที เพียงขวัญยิ้มตอบ
รณพีร์กับเพียงขวัญขับรถเที่ยวด้วยกัน เขาเอื้อมมือมาหยิบแหวนในมือ
“ขวัญ”
“ค่ะ”
“ผมมีความสุขมากรู้ไหม เวลาที่มีคุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้”
เพียงขวัญยิ้ม
“ขวัญก็รู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัย ทุกครั้งที่อยู่ใกล้”
“สัญญานะครับ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนาเท่าไหร่เราก็จะมีกันและกันอย่างนี้”
“คุณพีร์คะ ขวัญไม่เคยรู้สึกดีๆแบบนี้มาก่อนเลย คุณพีร์ทำให้ขวัญรู้จักคำว่า...”
เพียงขวัญพูดยังไม่จบ เขาจูบเธอทันที
“คุณคือผู้หญิงของผม ผมรักคุณ เพียงขวัญ”
รณพีร์โอบกอดเพียงขวัญดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์
โปรดติดตามอ่าน "ดาวเรือง" เป็นเรื่องต่อไป