สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 8
เช้าวันใหม่...อัทธ์และนักมวยช่วยกันขุดดินปลูกกุหลาบ เหลืออีก 5-6 กระถาง จันท์กระพ้อเดินมามองๆ
“คุณทำอะไรน่ะ”
“คุณบอกซื้อดอกไม้มันแพง ผมก็เลยเอามาปลูกเสียเลย กุหลาบแดงทั้งหมด”
“ทำไมต้องเป็นกุหลาบแดงล่ะ”
“กุหลาบขาวหมายถึงรักบริสุทธ์ เหมาะให้ผู้ใหญ่ กุหลาบเหลืองหมายถึงรักมั่นคง เหมาะให้เพื่อน”
”แล้วกุหลาบแดงล่ะคะ แปลว่าอะไร”
“ผมรักคุณ”
จันท์กระพ้อเขิน
“บ้า”
อัทธ์ตอบเฉยๆ ขรึมๆตามสไตล์ จันท์กระพ้อนั่งลงหน้ามึนๆ อัทธ์หัวเราะท่าทางนั้น
เมื่อมานั่งคุยกันตามลำพัง จันท์กระพ้อเล่าเรื่องเพียงขวัญ กับรณพีร์อย่างอย่างกลุ้มๆ อัทธิ์ถึงกับอึ้ง
“นายพีร์คนนั้นคือ หม่อมราชวงศ์ จุฑาเทพหรือ”
“ใช่...ฉันสงสารขวัญจังเลย ขวัญรำเสร็จต้องลงไปนั่งกับพื้นพินอบพิเทา กับนายพีร์ เอ้ย...คุณชายรณพีร์”
“ขวัญ”
อัทธ์สงสารจริงจัง จันท์กระพ้อแอบมองนิดหน่อย หึงเล็กๆ
“เขาหลอกขวัญทำไม”
จันท์กระพ้อแค้น
“เขาคงเห็นผู้หญิงอย่างเราเป็นของเล่น คบหาสนุกสนาน พอเบื่อเขาก็ไป เขาถึงไม่บอกว่าเขาเป็นใคร หลายเดือนที่ผ่านมา ขวัญนับเขาเป็นเพื่อนสนิท”
อัทธ์ครุ่นคิด
“ไม่ใช่หรอก ขวัญชอบเขา”
“ที่จริงฉันก็รู้สึกอย่างนั้น คนจะคบกัน แค่เป็นเพื่อนยังต้องมีความจริงใจ นี่เป็นคนที่เรามีใจให้ ขวัญคงเจ็บมาก”
อัทธ์ชักมีอารมณ์มากขึ้น ชักโกรธ ชักนั่งไม่ติด ลุกขึ้นทันที
“ผมอยากคุยกับขวัญ วันนี้คงไม่ได้ซ้อม ฝากลาคุณพ่อคุณด้วยไปก่อนนะครับ”
อัทธ์กลับไปทันที
นภาพับดอกบัวอยู่ อดุลย์เข้ามาหา
“นภา เป็นยังไงบ้าง”
นภาเนือยๆ พยักหน้าว่าให้เด็กๆไปพัก เด็กๆออกไป
“ผมเป็นห่วง นายเดชมาอีกไหม”
นภาตอบด้วยเสียงเย็นชา
“อาทิตย์นี้ไม่ได้มา ที่ตลาดเขาพูดกันว่าตำรวจมากวาดล้างแถวนี้”
อดุลย์ดีใจ
“อ๋อ...ผมฝากเพื่อนตำรวจไว้ เขาคงจัดการให้ ผมบอกเขาว่าผมมีเมียมีลูกอยู่แถวนี้”
ทันใดนั้นเสียงเพียงขวัญดังแทรกมา
“เขาไม่ถามกลับหรือคะ แล้วทำไมคุณถึงทิ้งลูกเมียคุณ”
เพียงขวัญนิ่งๆเศร้าๆ เดินเข้ามาเพราะอารมณ์ขุ่นมัว อดุลย์อึ้ง
“ขวัญ”
“ตำรวจกวาดล้างที บ่อนนายเดชคำแหงก็ปิดที พอเรื่องซาเดี๋ยวเขาก็เปิดใหม่ เขาทำแบบนี้
โดนแบบนี้มาหลายรอบแล้ว ไม่ใช่เพราะเพื่อนตำรวจของคุณหรอก”
อดุลย์หนักใจ
“พูดดีๆกับพ่อสักคำมันยากนักหรือไง พ่อไม่ได้ทอดทิ้งลูกแม่ต่างหากที่ทิ้งพ่อ”
เพียงขวัญอารมณ์ขุ่นๆ
“คุณนั่นแหละมายุ่งกับแม่ทั้งที่เมียอยู่แล้ว แม่มีทางเลือกที่ไหนกัน”
“ถ้าหนูไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้เสียที เราก็ไม่มีวันคุยกันรู้เรื่อง”
“ฉันไม่มีวันคุยกับคุณ ผู้ชายเห็นแก่ตัวทุกคน ถือว่าเกิดเป็นผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น คนรวยๆอย่างพวกคุณ คิดอย่างนี้ใช่ไหม”
พอคิดเรื่องตัวเองทั้งเจอพ่อเจ้าชู้จนตัวเองถูกหลอก ถูกทิ้ง มาตอนนี้มีคู่รักก็เจอถูกหลอกถูกทิ้งเหมือนกัน เพียงขวัญน้ำตาจะคลอเลยหันหนี แต่อดุลย์ดึงไว้
“ขวัญ ฟังพ่อก่อน”
“ไม่”
เพียงขวัญพยายามจะหนี เพราะไม่อยากร้องไห้ให้แม่เห็นแต่อดุลย์ดึงไว้
“เมื่อก่อนฉันแค่ไม่อยากยุ่งกับคุณ แต่ตอนนี้ ยิ่งเห็นหน้า ฉันยิ่งเกลียดตัวเอง ยิ่งเกลียดผู้ชายทุกคน”
เพียงขวัญน้ำตาไหลออกมาจนได้ นภาชักผิดสังเกต
“ขวัญ นี่ขวัญเป็นอะไรน่ะลูก”
ขวัญสลัดมือวิ่งออกไปจนได้ อดุลย์แปลกใจ
“นั่นลูกเป็นอะไรของเขาน่ะ นภา”
นภาครุ่นคิด
เพียงขวัญเดินมาที่ศาลา อัทธ์ที่มาจากบ้านจันท์กระพ้อเดินเข้ามาหาด้วยความสงสาร
“ขวัญ”
“คุณอัทธ์”
“พี่รู้เรื่องนายพีร์แล้ว”
เพียงขวัญยิ่งเศร้า
“ขวัญไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทำให้ขวัญ เสียใจจนได้ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับขวัญด้วย”
ค่ำนั้นเมื่อกลับมาที่บ้าน อัทธ์เล่าเรื่องให้อดุลย์ฟัง ระหว่างชงเครื่องดื่มมาให้พ่อ
“ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพหรือ เขาติดต่อซื้อไม้จากเรา” อดุลย์นึกได้
“ผมก็เคยเจอคุณชายคนหนึ่ง ตอนงานเลี้ยงพบปะนักเรียนภาคพื้นยุโรป รู้สึกจะชื่อคุณชาย
ปวรรุจอะไรนี่แหละครับ”
“งั้นนายพีร์นี่เป็นทหารอากาศใช่ไหม”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงป็นคุณชายคนเล็ก”
“คุณชายรรพีร์เข้าออกบ้านนั้นจนเหมือนลูกชายคนหนึ่งของบ้าน นอกจากขวัญคนบ้าน
นั้นยังไม่รู้เรื่องเลย ผมสงสารน้อง”
“เราก็ดูแลน้องให้ดีๆแล้วกัน น้องยังไม่ยอมรับพ่อ ยังไม่ยอมแม้แต่จะคุยกับพ่ออัทธ์คิดยังไง ถ้าพ่อจะตัดสินใจยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของเราให้กับน้อง”
“แล้วแต่คุณพ่อจะเห็นสมควรเลยครับ”
อัทธ์เห็นด้วย
วันใหม่ ชนะพาศักดาเดินดูสิ่งประดิษฐ์ในบ้านข้าวของต่างๆมากมาย เหมือนห้องทดลองคอมพิวเตอร์
“เลิกเถอะครับ ผมขอร้อง ข้าวของพวกนี้ เราทำสู้ฝรั่งเขาไม่ได้หรอกครับ”
ศักดาเดินไปดูข้าวของต่างๆ แล้วชี้อย่างผู้ชำนาญว่าต้องการชิ้นไหนบ้าง
“สิ่งที่ผมอยากให้คุณพัฒนาต่อไป คือบทภาพยนตร์ นักแสดง เอฟเฟ็ค เทคนิคต่างๆในการถ่ายทำอนาคตของภาพยนตร์ไทย จะใช้เทคนิคพวกนี้มากขึ้น คิดดูสิครับ ถ้าเราสามารถถ่ายทำให้ดูจริง คนดูเชื่อในความสมจริงสมจังของหนังเรา คนก็จะมาดูหนังไทยกันมากขึ้นนะครับ”
ชนะเห็นด้วย
“จริงครับ ใช่...ถูกของคุณศักดา”
ศักดานั่งอ่านบทที่ชนะพิมพ์เอามาให้อ่าน ศักดาอ่านจนจบ
“แต่นี่เท่าที่ผมอ่านบทสนุกแล้วนะครับ อาทิตย์หน้าผมว่าถ่ายทำกันได้เลย”
“ผมจะได้กลับไปถ่ายหนังกินรีอีกแล้ว ใช่ไหมครับ”
“เรื่องทีมงานผมจะจ้างมืออาชีพมาเลย ดีไหมครับ”
“ดีครับดี”
เพียงขวัญเข้ามา แทรกขึ้น
“เอ้อ...ขวัญอยากให้ใช้ทีมงานเดิมจะได้ไหมคะ ลุงชนะมีปัญหาไหมคะ”
“ทำไมล่ะ ทีมนั้น มีเรื่องกับหนูอยู่ไม่ใช่หรือขวัญ”
“ที่หนังหยุดถ่ายตอนนั้น เพราะพวกเขาได้ค่าตัวจากเสี่ยเพ้งไม่ครบ เสี่ยเพ้งอ้างนั่นอ้างนี่ พาลไม่จ่ายเงินค่าแรงพวกเขา ขวัญสงสารพวกเขาน่ะค่ะ”
ชนะจำใจ
“เอาก็เอา”
ศักดาเห็นด้วย
“งั้นก็ตามใจคุณขวัญกับคุณชนะครับ วันนี้ชาย เอ้อ...ไอ้พีร์ไม่เห็นมาประชุม”
ศักดามองหา เพียงขวัญเน้น
“คุณชายรณพีร์ คงไม่มาอีกแล้วค่ะ”
ศักดาหน้าเสียเพราะเพียงขวัญเน้นคำพูด ฝืนโกหกต่อ
“คุณชายรณพีร์ ใครหรือครับ”
ชนะงงๆ
“นั่นสิ”
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว”
ศักดาจ๋อย
“ขวัญจะเอาบทพวกนี้ไปท่องนะคะ”
เพียงขวัญเดินออกไป ชนะไม่เข้าใจ
“ความจริงอะไรเหรอครับ”
ศักดาถอนใจ
“เฮ้อ...ก็นายพีร์น่ะครับ ที่จริงคือ ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพ”
ชนะหน้าตื่น
“หา”
ชนะเล่าเรื่องต่างๆ ให้นภา บุหลัน ยาย ประณตฟัง ทุกคนตกใจมาก
“พ่อพีร์ของเราเนี่ยนะเป็นหม่อมราชวงศ์” นภาไม่อยากจะเชื่อ
ประณตงงๆ
“แปลว่าอะไรครับ เป็นเจ้าชาย ท่านชาย แบบนั้นใช่ไหมครับ”
เพียงขวัญจะเดินเข้ามาร่วมวงเลยชะงักเท้าอยู่ตรงนั้น ยืนฟัง ชนะเล่าต่อ
“คุณศักดาบอกว่ารวยมาก เป็นเจ้าของที่ดินสำคัญๆหลายแปลงในพระนครพี่น้องจุฑาเทพเป็นชายห้าคนโด่งดังในวงสังคม ช่วยเหลือชาติบ้านเมืองจนถูกเรียกว่าห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพ”
ยายไม่เข้าใจ
“แล้วเขาโกหกเราทำไม”
ทันใดนั้นเสียงรณพีร์ดังขึ้น
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”
รณพีร์เดินเข้ามา กลางวง ยกมือไหว้ทุกคน เพียงขวัญตกใจ
“ผมจะอธิบายให้ทุกคนทราบความจริง วันนั้นผมมาจอดรถหน้าบ้านเพียงขวัญ เพราะสงสัยว่าเธอมาหลอกเพื่อนผม แบบที่ทุกคนเข้าใจหรือเปล่า แล้ววันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น...ผมไม่ปฎิเสธคุณน้า เรื่องผมเป็นชาวนา เพราะผมกำลังคิดไม่ดีกับขวัญ เข้าใจผิดว่าเธอมาจับเพื่อนผม ผมจึงสมอ้างว่าผมเป็นชาวนาจริงๆ อย่างที่คุณน้าว่าผมยอมรับผิดคิดว่าผมโกหกคนบ้านนี้ทั้งบ้าน ผมขอ...โทษ”
เพียงขวัญออกมาโวย
“บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณ”
เพียงขวัญกลับเข้าไปข้างใน บุหลันเดินออกไป โกรธแบบเกรงๆว่าเขาเป็นหม่อมราชวงศ์ ชนะเดินออกไป ส่วนใหญ่อยู่ในอารมณ์โกรธแต่ควบคุมไว้ เลือกเดินออกไปดีกว่า
“คุณประณตไปดูราวเบ็ตที่ตกกุ้งไว้ก่อนนะครับ”
ประณตออกไปอีกคน รณพีร์มอง นภาได้แต่ถอนใจ แล้วเดินออกไป
“คุณน้า”
รณพีร์เรียกนภา ทุกคนไปกันหมดเหลือแต่ยายนั่งอยู่ รณพีร์กราบที่เท้ายาย
“ผมกราบขอโทษคุณยาย”
“ยายแก่แล้ว เห็นโลกมามาก ไม่มีแรงจะโกรธใครหรอกลูก แต่สำหรับคนอื่นๆในบ้านนี้ คุณชายก็ไปอธิบายให้เขาเข้าใจเองแล้วกัน”
รณพีร์ถอนใจ
ประณตมาที่ริมน้ำวางเบ็ดตกกุ้ง รณพีร์มาช่วยลุยโคลน มือสกปรกจับเบ็ด ประณตซึมๆ ในความเป็นเด็กเขาไม่แน่ใจว่า เขาควรทำยังไงกับคนเป็นหม่อมราชวงศ์ก็เลยถามซื่อๆ ยกมือถวายบังคมแบบลิเก โคลนเปื้อนหน้า รณพีร์เช็ดให้
“คุณประณตโกรธพี่เหมือนคนอื่นหรือเปล่าครับ ที่พี่โกหก”
ประณตนั่งลงครุ่นคิดว่าเอาไงดี แล้วตัดสินใจได้
“ไม่หรอกฮะ คุณชาย พระองค์จะเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า พระองค์รักพี่ขวัญ แค่นี้ผมก็พอใจแล้วพะยะค่ะ”
“ขอบใจมากน้องรัก แต่เราคุยกันเหมือนเดิมดีกว่านะครับ”
“พะยะค่ะ”
รณพีร์ยิ้ม
“ขอบคุณมากที่ประณตเข้าใจ”
รณพีร์เดินหิ้วอุปกรณ์วางเบ็ดเข้ามาเก็บ ผ่านบุหลันที่ตากพริกอยู่
“เห็นใจขวัญมันบ้างเถอะพ่อคุณ กลับไปซะเถอะคะ”
บุหลันส่ายหน้าแล้วเดินไป รณพีร์เดินตามไปดักหน้ายกมือไหว้ ตั้งใจขอโทษทุกคน
“ผมขอโทษครับน้าบุหลัน...กับเรื่องที่เกิดขึ้น”
บุหลันอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะเดินหนีโกรธๆอยู่
รณพีร์เดินเข้ามาหานภาที่นั่งพับเพียบทำครัวอยู่กับพื้น เขาเดินมาคุกเข่าลง ก้มลงกราบกับพื้น
“ผมกราบขอโทษครับน้านภา”
นภาถอยเท้าตัวเองหนีทำตัวไม่ถูก เพียงขวัญเดินออกมา คราวนี้ตั้งใจมาแอบฟัง นภามองหน้า รณพีร์หลบตา ท่าทางเขาคงอยากคุยเลยเปิดอกคุยกัน
“ทำไมคุณชายต้องโกหกเรื่องสถานะตัวเองด้วยค่ะ วันแรกที่มา พอเข้าใจ เพราะดิฉันเอง
เป็นคนทึกทักเองว่าคุณชายเป็นคนพิจิตรเป็นชาวนา แต่วันต่อๆมาล่ะ ทำไมไม่บอกความจริง”
“คุณน้าครับตอนแรกผมคิดว่าผมจะมาที่นี่ กลับบ้านคิดตลอดเวลาว่าจะไม่มาแต่ผมก็ไม่สามารถจะห้ามใจตัวเองได้...คุณน้าครับผมกราบขอโทษ”
นภามองนิ่ง
“ตอนนั้นพอจะดูออกว่าขวัญเป็นคนดี ผมชื่นชมเธอมาก แต่เธอเป็นที่หมายปองของยอดยศเพื่อนสนิทของผม คงไม่เหมาะที่ผมจะมาชอบเธอ ยิ่งคิดหนัก ผมก็ยิ่งอยากเห็นหน้าเธอ เลยต้องมาที่นี่ทุกวัน”
“น้ารู้ ขวัญมีใจให้พ่อพีร์ พ่อพีร์ไม่รู้เหรอรึว่าขวัญจะเสียใจแค่ไหน”
แววตารณพีร์กลายเป็นแววตาของผู้ชายคนหนึ่งที่จริงใจอย่างที่สุด
“ผมกลัวไปหมด ม.ร.ว.รณพีร์ เกิดมาไม่เคยผิดหวังเลยครับ ผมเรียน ผมสอบจนเป็นนักบิน มีแต่ผู้หญิงรายล้อม ส่วนขวัญนับวันยิ่งแสดงออกว่าเธอไม่ต้องการใคร คนสมบูรณ์พร้อมอย่างยอดยศ เธอยังปฎิเสธไม่ใยดี ผมเห็นกับตา”
“คุณเลยคิดว่า ถ้าคุณบอกความจริงเธอจะปฏิเสธคุณ”
รณพีร์พยักหน้า
“ใช่ครับ ผมโง่มากใช่ไหมครับ ผมขอสารภาพว่า พอรู้จักขวัญผมกลายเป็น คนสับสน ไม่ว่าทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปหมด รวมทั้งครั้งนี้ด้วย”
“คุณยอมรับผิดก็ดีแล้ว สำหรับน้า คนทำผิดแล้วยอมรับผิด น้าจะอภัยและให้โอกาสเขาแก้ตัว แต่สำหรับขวัญ น้าไม่แน่ใจ”
“ผมเข้าใจครับ ขอบคุณครับ”
รณพีร์ยกมือไหว้นภาอีกครั้ง
เพียงขวัญรีบเข้าห้องปิดประตู รณพีร์ได้แต่ตามมาเคาะประตู
“ขวัญ...เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ ขวัญ...เปิดประตูเถอะ”
เพียงขวัญนั่งอยู่ในห้อง แววตาแข็งกร้าวไม่หายโกรธ
“ขวัญ ถ้าคุณไม่เปิดประตูออกมาคุยกับผม ผมก็ไม่กลับ”
รณพีร์นั่งลงรอหน้าห้อง
“เพียงขวัญ ผมเอาแหวนมาคืนคุณ แหวนวงนี้ผมตั้งใจที่จะมอบให้กับผู้หญิงของผมคนเดียวและคุณคือผู้หญิงของผม คุณคือผู้หญิงของนายพีร์ ผมคือนายพีร์ไม่ใช่หม่อมหลวง หม่อมราชวงศ์ รณพีร์อะไรนั้น ผมคือนายพีร์คนที่รักคุณสุดหัวใจนะคุณขวัญ เพียงขวัญรับแหวนวงนี้ของคุณคืนไปเถอะนะครับ นะครับขวัญ”
เพียงขวัญนั่งลงไม่เปิด
ค่ำแล้วรณพีร์ยังนั่งรอที่เดิม เพียงขวัญก็นั่งรอแววตาแข็ง ดื้อรั้น ยังไงก็ไม่ออกไป บุหลันกับนภา เดินมาดู คงต้องจัดการบางอย่างแล้ว เพราะหลายชั่วโมงแล้ว บุหลันเข้ามาบอกรณพีร์
“กลับไปเถอะคุณ ฉันเป็นยายขวัญฉันก็ไม่ออกมาหรอก”
นภาเดินไปหารณพีร์พูดเสียงอ่อน
“อยู่อย่างนี้ ฉันคิดว่ามันคงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นหรอก ดิฉันว่าวันนี้กลับไปก่อนเถอะนะ”
รณพีร์เหนื่อยใจกลุ้มมาก แต่ก็เข้าใจ
“ผมขอโทษนะครับ สวัสดีครับ”
รณพีร์ยกมือไหว้ เดินออกไป
เพียงขวัญพอได้ยินว่าเขาไปแล้ว ก็นั่งน้ำตาไหล
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
เช้าวันใหม่...เป็นวันแรกของการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องกินรีต่อ สถานที่ท้องพระโรงเป็นป่า มีแท่น ตกแต่งแนวแฟนตาซี นักแสดงนั่งกันพร้อมประจำที่ ชนะดูแลเตรียมการถ่ายทำ
กลุ่มของเสและประไพศรียังเอาหนังสือพิมพ์เก่ามานั่งล้อมวงดู รูปเพ้งกับบงกช เสพูดขึ้น
“เห็นหนูขวัญแล้วรู้สึกผิดจังเลยว่ะ ยายบงกชนี่ร้ายจริงๆ ใส่ไฟ นินทาด่าเขาใหญ่ว่าแย่งผัวชาวบ้าน แล้วสุดท้ายตัวเองก็มาทำซะเอง ไม่เข้าใจ”
ประไพศรีหันมาบอก
“เอ็งรู้ไหม คุณศักดาเขาบอกว่า เพียงขวัญเป็นหลานแท้ๆของคุณชนะ ที่เขาอยู่บ้านเดียวกันเพราะเป็นญาติกัน ไม่ใช่คู่รัก”
เสชะงัก
“จริงเหรอวะ หน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”
“เขาเป็นลุงเขย หลานสะใภ้กัน”
ทีมงานทั้งหมดมองไปที่เพียงขวัญ ที่กำลังเตรียมตัวเข้าฉากกับนักแสดงอยู่
กล้องเดินบันทึกภาพ นางมโนราห์หน้าเศร้า รำบูชายัญ...เพียงขวัญรำกินรีร่อน ที่กองไฟ ดนตรีไทยเล่นสดคลออยู่ข้างๆ ชนะมีความสุขมากน้ำตาคลอ ขณะมองภาพตรงหน้า
“ราตรี...ฉันบันทึกระบำกินรีร่อนของเธอ ที่สอนเพียงขวัญไว้บนแผ่นฟิล์มแล้วนะ จากนี้ไป คนรุ่นหลังจะได้เห็นระบำชุดนี้ของเธอ”
การถ่ายทำเสร็จแล้ว เพียงขวัญล้างเครื่องสำอาง จันท์กระพ้อคอยดูแล ศักดาเดินมาหา
“เหนื่อยไหมครับวันนี้ คุณขวัญ คุณจันท์”
จันท์กระพ้อ ยิ้มแย้มตอบ
“ขอบคุณนะคะ ที่คอยถามไถ่ เสี่ยเพ้งน่ะมีแต่ด่าๆ กลับบ้านทีหูชา”
“ใช้อารมณ์ไป บางทีก็ไม่ดีนะฮะ งานศิลปะ คนทำต้องมีความสุขก่อน นี่ครับเงินที่คุณจันท์เบิกไว้”
ศักดายื่นให้ จันท์กระพ้อรับมาดีใจ
“คุณศักดา จ่ายค่าเช่าชุดให้เราแล้ว ไม่ต้องสำรองจ่ายแล้วล่ะขวัญ”
เพียงขวัญยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ แล้วทีมงานอื่นล่ะคะ คุณสำรองจ่ายด้วยไหม”
“คุณชนะบอกว่า เสี่ยเพ้งให้เอาบิลมาเบิกตอนสิ้นเดือน ไม่ใช่หรือครับ”
ประไพศรียกของผ่านมา รีบแอบฟัง
“เราเริ่มระบบแบบใหม่ได้ไหมคะ ทีมงานช่างไฟ สวัสดิการพวกนี้ รายได้น้อยอยู่แล้วบางทีต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาทำทุน พอเงินออกจ่ายดอกเบี้ยหมด กำไรไม่มีเหลือ”
จันท์กระพ้อเสริม
“นั่นน่ะซิคะ ทุกหน้าที่สำคัญเท่ากัน เราทำงานกันเป็นทีม เขาเจอเสี่ยเพ้งเอาเปรียบเหมือนเรา ลำบากมาด้วยกันคะ”
เพียงขวัญขอร้อง
“ตกลงสำรองจ่ายให้พวกพี่เขาไปก่อน ได้ไหมคะคุณศักดา”
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะ”
ประไพศรีอึ้งไป เพียงขวัญเป็นคนดีอย่างนี้เลยหรือนี่
ประไพศรี เสและกลุ่มที่เคยเกลียดเพียงขวัญจับกลุ่มคุยกัน
“เพียงขวัญพูดให้เขาจ่ายเงินเราหรือ” เสแปลกใจ
ประไพศรีพยักหน้า
“เออ...ข้าได้ยินเต็มสองหูนี่เลย”
“เห็นมั้ย เรามองคนผิดไปแล้วประไพศรี หลงเชื่อนังบงกช ไปด่าคนดีๆบาปกรรมจริงๆ”
เสตบปากประไพศรี เพียงขวัญกับจันท์กระพ้อ เดินออกมาเจอ กำลังจะกลับทั้งกลุ่มมองมาที่เพียงขวัญ จันท์กระพ้อเห็นเขามอง นึกว่าเขานินทาอีก
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ พี่ประไพศรี พี่เส”
“อูย ยังต้องเก็บของอีกเยอะแหนะครับ กลับไปก่อนเถอะครับ”
ประไพศรียิ้มแย้มส่งขนมให้
“เอานี่ติดกลับไปทานที่บ้านด้วยนะคะหนูขวัญ อร่อยค่ะทำเองเลยนะคะ กลับบ้านดีๆนะคะ”
เพียงขวัญยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ พี่ไพ”
จันท์กระพ้ออึ้งๆ
“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ”
เพียงขวัญดึงจันท์กระพ้อเดินออกไป ไม่เสวนาด้วย กลุ่มของเสอึ้งๆเอาไงกันต่อดี
วันใหม่...รณพีร์มองอาหารตรงหน้า ไม่แตะต้อง กินไม่ลง นั่งเหม่อเศร้า วิไลรัมภา ย่าอ่อนและแจ๋วเดินมาแอบดู
“ถึงกับกินข้าวไม่ลง หมั่นไส้” ย่าอ่อนเบ้หน้า
วิไลรัมภาพูดขึ้น
“เป็นอาทิตย์แล้วใช่ไหมคะ คงยังตัดใจไม่ขาดกระมังค่ะ”
ย่าอ่อนหันไปสั่งแจ๋ว
“นางแจ๋ว ไปจัดซุปไก่มาสักถ้วย เผื่อเธอจะทาน เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป”
วิไลรัมภาขันอาสา
“รัมภาจัดการเองค่ะ”
ย่าอ่อนพอใจ
“ดีลูก ฝึกไว้ ของโปรดชายพีร์เขา”
“รัมภาจะตั้งใจทำอย่างดีที่สุด นี่เป็นโอกาสของรัมภาแล้ว จะได้ดูแลพี่ชายพีร์ ทำให้พี่ชายพีร์ลืมผู้หญิงคนนั้น”
ย่าอ่อนพยักหน้าว่าใช่ วิไลรัมภากระตือรื้อร้นออกไป อยากทำซุปมาก แจ๋วตามไป
วิไลรัมภาเดินเข้ามาในครัว พอเห็นครัว ก็เลิกกระตือรือร้น หน้านิ่ว ขี้เกียจขึ้นมา
“ซุปไก่ ต้องเคี่ยวเป็นชั่วโมง เฮ้อ...อากาศก็ร้อน นี่ยายแจ๋ว”
“ขา”
แจ๋วเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหา กรองแก้วเดินเข้ามาขณะกำลังจะใช้งานแจ๋ว วิไลรัมภาเลยเปลี่ยนเป้าหมาย
“ไม่ต้องแล้วแจ๋ว” วิไลรัมภามองกรองแก้วเกลียดๆ “นี่เธอ...ช่วยทำซุปไก่ให้พี่ชายพีร์ถ้วยหนึ่ง”
แจ๋วหน้าเหวอ
“อ้าวก็ไหน…”
แจ๋วอึ้งกับอาการตีสองหน้าของวิไลรัมภา เมื่อสักครู่พูดตั้งยืดยาวกับย่าอ่อน วิไลรัมภาปรามดุ
“ยายแจ๋ว...ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้แล้ว”
แจ๋วยิ้มแห้งเดินออกไป วิไลรัมภาเย็นชากับกรองแก้วต่อ
“ขอแค่นี้ทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
กรองแก้วเดินไปเตรียมทำ วิไลรัมภาได้ทีเลยข่ม
“ถ้าฉันแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ แปลว่าเราต้องอยู่ด้วยกันเธอกลัวไหม”
“ทำไมต้องกลัวคะ”
“มารตีเป็นพี่ที่ฉันรักมากที่สุด เธอทำให้ชีวิตพี่มารตีพังพินาศ”
วิไลรัมภามองดุ คำพูดกำกวม กรองแก้วหันมามอง สู้ ใจเย็น ถามนิ่มๆ
“แล้วคุณจะทำยังไงกับฉันคะ”
“โฮ้ย...คุณเป็นที่รักของพี่ชายภัทรขนาดนั้น ใครจะไปกล้า แต่การที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับคน
ที่เราเกลียดไปตลอดชีวิต ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เธอจะทนฉันได้ไหมล่ะ”
วิไลรัมภายิ้มร้าย กรองแก้ว นึกขึ้นมาได้ จริงของหล่อน ร้องเฮ้ออยู่ในใจ
กรองแก้วเดินถือชามซุปมา วิไลรัมภาเดินตามมา
“เอามานี่ ฉันจัดการเอง”
กรองแก้วยื่นให้ วิไลรัมภารับไปแล้วเอาไปให้รณพีร์ กรองแก้วยืนมองต่อ
“ซุปไก่ค่ะ” วิไลรัมภามองเยาะกรองแก้ว เลวตาใส ไม่แคร์ “รัมภาทำเอง เห็นพี่ชายพีร์ไม่ยอมทานข้าว ทานรองท้องเสียหน่อยนะคะ”
กรองแก้วจ๋อย อยู่ยากจริงด้วย ยายนี่ ร้ายให้เห็นตรงๆ กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนี้จะอยู่ยังไงดี
“ขอบคุณนะครับ”
รณพีร์ยิ้มแห้งๆ ไม่อยากกิน วิไลรัมภานั่งลงข้างๆ
“ถ้าพี่ชายพีร์ไม่ทาน รัมภาจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ของโปรดไม่ใช่หรือคะ”
รณพีร์ถอนใจ จำต้องตักทาน วิไลรัมภานั่งยิ้มมอง อนาคตภรรยาของคุณชายจุฑาเทพ ดูมีโอกาสมากขึ้น
ส่วนกรองแก้วหนักใจ ถ้าต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนนี้จะทำยังไงกันดี เธอชักกังวล
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ด้านเดชคำแหงเดินเข้ามาในบ้าน นาถหิ้วโปสเตอร์หนังนางเสือสาวเข้ามา นภาตกใจเห็นหายไปนาน
“พี่เดช”
เดชคำแหงยิ้มให้
“ทำไมทำหน้าทำตา สุ้มเสียงตกอกตกใจ อย่างงั้นล่ะจ๊ะ”
เดชคำแหงหัวเราะสนุก นภาไม่เห็นขำ ชนะออกจากครัว มือยังถือจานข้าว เพราะแวะมากินข้าว โผล่หน้าออกมามองๆ ไม่กล้าโผล่มาทั้งตัว เพราะเคยโดนซ้อม เพียงขวัญเดินออกมาพอดี
“เอ้าหนูเพียงขวัญออกมาพอดี มานี่ชั้นมีอะไรให้จะดู” เดชคำแหงทักทาย
เดชคำแหงชี้โปสเตอร์ นาถกางโปสเตอร์ออก ชนะยิ้มดีใจ รีบเข้ามาดูพลางถาม
“โปสเตอร์หนังนางเสือสาว คุณศักดาบอกว่าจะเข้าฉายแล้ว ไปเอามาได้ยังไงเนี่ย”
“ฉันไปขอซื้อมาจากเจ้าของโรงหนัง มาให้พวกเราเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก ชอบไหมหนูขวัญแต่ลุงว่าตัวจริงน่ารักกว่าตั้งเยอะ จริงไหมหนูขวัญ”
อดุลย์เดินเข้ามา พร้อมถุงกระดาษใส่ผ้าชิ้นหลายถุง
“นายเดชคำแหง”
“ดีใจเหรอที่เห็นหน้าฉัน ตำรวจที่แกติดต่อให้หาเรื่องจับฉันน่ะ มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
อดุลย์แค้น ปรายตาไปหาเพียงขวัญ
“ได้ยินนายอัทธ์เขาว่า เห็นพี่ชนะบอกหนูต้องกลับไปถ่ายหนัง ต้องไปโชว์ตัวนางเสือสาว ต้องใช้เสื้อผ้าเยอะ พ่อซื้อมาให้ เนี่ย...ผ้านอกทั้งนั้น ให้บุหลันตัดให้ดีไหมลูก”
เพียงขวัญเสียงขุ่น
“ขอบคุณคะ เอากลับไปเถอะ ขวัญไม่รับ”
เดชคำแหงหัวเราะสะใจเวลาเห็นอดุลย์ถูกเกลียด
“หัวเราะอะไร” อดุลย์เสียงเข้มไม่พอใจ
“ไม่รับของพ่อ แต่ของลุงรับได้ใช่ไหมจ๊ะ ลุงฝากไว้กับผู้กำกับบ๊องนั่น”
“ขอบคุณค่ะ ลุงชนะหนูฝากไว้ด้วยนะค่ะ”
เดชคำแหงหัวเราะสะใจสุดๆ ชนะเดินออกไป
“เอ๊า เอาแล้ว ท่าทาง ทั้งนภากับหนูขวัญจะเลือกผม ไม่ใช่คุณ เสียใจด้วยนะ”
เดชคำแหงกับเหมเดินออก นภาหน้านิ่ว ที่เดชคำแหงพูดเกินไป นภาถอนใจแล้วเดินกลับขึ้นบ้าน
เพียงขวัญกับอดุลย์เดินมาคุยกันที่โถง ชั้นล่าง
“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยคะ คุณกลับไปเถอะคะ”
“เรื่องคุณชายรณพีร์ พ่อรู้หมดแล้ว”
“ดิฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้”
“หนูมีพ่อ พ่อเลี้ยงอดุลย์เป็นเจ้าของปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ไม่มีอะไรด้อยกว่าเขา พ่อจะพาหนูเข้าวังจุฑาเทพ ไปประกาศให้คนที่นั่นรู้ว่าหนูเป็นใคร”
เพียงขวัญยิ้มเยาะ
“ฉันเป็นใครหรือคะ ฉันเป็นกำพร้า พ่อเป็นใครไม่รู้ ฉันชื่อเพียงขวัญ เพราะเป็นขวัญกำลังใจอย่างเดียวของแม่ นี่คือสิ่งที่แม่บอกฉันมา ตั้งแต่เด็ก ฉันเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่พ่อก็ยอมรับผิดแล้วก็ขอโทษหนูไปแล้ว แต่หนูจะให้คนพวกนั้นมาดูถูกหนูอย่างนี้ไม่ได้ ไปกับพ่อนะลูก พ่อจะพาไปคุยกับพวกนั้นให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหนูเป็นใคร”
“คุณนี่แปลก ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นมีอะไรแตกต่างจากคุณ ปกปิดความจริงเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น”
“ถ้าหนูไม่ไป งั้นพ่อก็จะไปเอง วังจุฑาเทพพ่อก็รู้จัก”
อดุลย์จะออกไป เพียงขวัญรีบบอก
“ถ้าคุณไป ฉันจะไม่พูดกับคุณอีก คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉันนะคะ”
อดุลย์ต้องหยุดเท้าหันมามอง เพียงขวัญสีหน้าเอาจริง จนอดุลย์เซ็ง
ช่างเสื้อกำลังวัดตัวธราธร หม่อมเอียด ย่าอ่อน ระวีรำไพ วิไลรัมภานั่งอยู่ด้วยกัน
“ชุดของผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ชุดของน้องมะปรางผมฝากด้วยนะครับคุณน้า ผมอยากอวดเจ้าสาวของผมอยากให้รู้ว่าเธอเป็นคนสวยแค่ไหน”
ธราธรมองมา ระวีรำไพอาย
“พี่ชายใหญ่...”
ย่าอ่อนพูดแทรกขึ้น
“เรื่องอาหาร หม่อมพนิดาท่านรับเป็นแม่งานแล้ว ดีใจกันใหญ่ไม่ได้มีงานใหญ่อวดอาหารชาววังมานานแล้ว”
เอียดพยักหน้าพอใจ สมศรีเดินนำรณพีร์เข้ามา เป็นคนไปตามมา
“เอ้ามาพอดี มาวัดตัวเร็วลูก”
“วัดทำไมครับ” รณพีร์ถามเรียบนิ่ง
“คุณน้าเดือน ห้องเสื้อเดือนเพ็ญไงลูก” หม่อมเอียดแนะนำ
รณพีร์ยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้
“เธอจะเป็นคนตัดชุดแต่งงานให้ ทั้งงานชายใหญ่และชายพีร์”
“คุณน้าเดือน เอาแบบมาให้ดูตั้งหลายเล่ม สวยๆทั้งนั้น แต่รัมภายังเลือกไม่ถูกเลยค่ะ”
วิไลรัมภาชี้หนังสือ รณพีร์ชักสีหน้าทันที
“เรื่องแต่งงานของผม ยกเลิกไปเถอะครับ ผมคงไม่แต่งงานหรอกครับ ขอโทษนะครับน้องวิไลรัมภา กราบขอโทษครับหม่อมย่าเอียด”
รณพีร์ไหว้ย่าแล้วเดินออกไป หม่อมเอียดลุกขึ้นโวย
“พูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ชายพีร์ ชายพีร์กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
ย่าอ่อนรีบเตือน
“คุณพี่ใจเย็นๆค่ะ นั่งลงก่อน เดี๋ยวจะหน้ามืดไป เดี๋ยวน้องคุยเอง”
วิไลรัมภาหน้าโกรธมาตลอด มองตาม ธราธรมองหน้ากันกับระวีรำไพกลุ้มๆ
รณพีร์นั่งอยู่ซึมคนเดียวที่ศาลาใต้ต้นไทร ครุ่นคิด สมศรีเอาเครื่องดื่มมาให้ที่โต๊ะน้ำชา
“น้ำมะตูมที่คุณชายอยากรับประทาน หมดค่ะ อิฉันเลยเอาน้ำพุทราจีนมาให้ รับแทนได้ไหมเจ้าคะ”
“ขอบใจมาก สมศรี”
รณพีร์พยักหน้า หยิบไปดื่ม สมศรีเดินออก วิไลรัมภาเดินมานั่งด้วย
“น้ำพุทราจีน อร่อยไหมคะ”
รณพีร์พยักหน้า
“ก็ดีครับ ฝีมือน้องรัมภาหรือครับ”
“พี่ชายพีร์อยากดื่มน้ำมะตูมมาหลายวัน วันนี้ไม่ได้ทาน รู้สึกยังไงคะ”
“ถามทำไมครับ”
“น้ำพุทราจีน แก้วนี้ พี่พีร์ ดื่มรวดเดียวเกือบหมดแก้ว แสดงว่า น้ำพุทราก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำมะตูม ดับกระหาย เอร็ดอร่อยได้เหมือนกัน”
“มีอะไร พูดมาตรงๆเถอะครับ”
“พี่ชายพีร์กับเพียงขวัญเลิกกันแล้ว ทำไมไม่เปิดใจให้รัมภาบ้างคู่แต่งงานหลายคู่ไม่ได้รักกัน แต่พออยู่ๆไป ก็รักกันเอง”
รณพีร์มองหน้า
“น้องรัมภาครับ พี่อยากให้น้องรัมภาทราบไว้แต่งงานกันไปก็ไม่ได้รักกัน พี่รักเพียงขวัญ ถ้าไม่ใช่เพียงขวัญพี่จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต”
วิไลรัมภานั่งช็อค กำมือแน่น รณพีร์เดินจากไป
เย็นวันนั้น เพียงขวัญเดินออกมาหน้าบ้านบ้าน หิ้วตะกร้าจะไปตลาด รณพีร์เข้ามา พอเพียงขวัญเห็นก็ชะงัก
“เพียงขวัญ”
เพียงขวัญเดินกลับ รณพีร์ยืนนิ่ง
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว รณพีร์นอนรออยู่ในรถ มองไปในบ้าน ไม่กล้ารอในบ้าน เกรงใจคนในบ้าน แต่ไม่รู้จะไปไหนดี...เพียงขวัญ มองออกมา แต่ไม่ยอมออกมาคุยด้วย
วันใหม่...ไฉไลพาเทวพันธ์และวิไลรัมภามานั่งที่ร้านอาหารจีนของครอบครัวเธอ เตี่ยเข้ามายกมือไหว้
“สวัสดีครับเป็นเกียรติมากเลยครับ คุณชายเทวพันธ์ อุตส่าห์มาเยี่ยมถึงที่ร้าน ขอบคุณครับ ขอบคุณ”
“เตี่ยของไฉไล เป็นเจ้าของเรือข้ามฟากด้วยนะคะ ร้านอาหารจีนนี้เป็นกิจการใหม่ มีผู้หลักผู้ใหญ่นิยมมาทานเยอะเลยค่ะคุณพ่อ”
ไฉไลชี้ไปที่แขกในร้าน
“อย่างโต๊ะนั้นก็ คุณเทพ เจ้าของกิจการโรงทอผ้า เดี๋ยวบ่ายๆ ท่านส.ส.นิรันดร์ก็จะมาค่ะ จองโต๊ะไว้แล้ว”
เทวพันธ์โอ่ๆ
“ผมรู้จักคนเยอะ จะแนะนำคนมาทานมากๆ จริงสิ คุณเป็นคนจีนอยากเจอท่านทูตจีนไหม ผมไปทานข้าวที่สถานทูตบ่อยว่างๆไปด้วยกันไหมล่ะ”
เตี่ยดีใจมาก
“ท่านทูต...ดีเลยครับดีๆ กราบขอบคุณมากครับ งั้นมื้อนี้ ให้เกียรติผมดูแลท่านนะครับ ผมจะไปจัดอาหารที่ดีที่สุดมาเลยครับ”
เตี่ยออกไป
กองถ่ายกินรีเตรียมงานอยู่ที่อุทยาน เพียงขวัญนั่งรอ จันท์กระพ้อเพิ่งมาถึง
“คุณศักดาบอกว่า กำลังถ่ายฉากอื่นอยู่ เขาจะเริ่มถ่ายขวัญ สามโมงเย็นดึกแน่เลยวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก นั่งรอในนี้ เบื่อก็ไปเดินเล่น อาชีพอย่างเราก็แบบนี้แหล่ะ จันท์”
เพียงขวัญฝนยิ้มแล้วมองเหม่อออกไป
“ขวัญอยากกินอะไรรึเปล่า เดี๋ยวเราไปบอกพี่ไพจัดการให้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกจันท์ แค่มีเธอมาเป็นเพื่อนก็พอแล้ว”
จันท์งง ว่าเพียงขวัญเป็นอะไรไป
ชนะกับเส ยืนปรึกษางาน ศักดายืนฟังอยู่ด้วย ทีมงานทำงานกันอยู่ ไฉไลเดินถือของตามวิไลรัมภาเข้ามา วิไลรัมภาวันนี้แต่งตัวผู้ดีทุกระเบียบนิ้วสวย สง่างามมาก
“คนไหนเป็นผู้อำนวยการสร้าง” วิไลรัมภาถามเสียงแข็งวางตัว
เสยืนงง ศักดาเดินมาหา
“ผมครับ...ผมชื่อศักดา”
วิไลรัมภาเชิด
“ดิฉันชื่อ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม”
“อ้อ หม่อมหลวง...วิไลรัมภา”
“ดิฉันเป็นแฟนภาพยนตร์ คุณเพียงขวัญอยากจะขอเชิญคุณเพียงขวัญไปทานข้าวกลางวัน คุณจะอนุญาตไหมคะ”
“คุณเพียงขวัญอยู่ด้านโน้นครับ”
ศักดาบอกอย่างงงๆว่ามาทำไม เพราะรู้จักเธอดีอยู่แล้วว่าเป็นคู่หมั้นของรณพีร์
วิไลรัมภาและไฉไลเดินทำเป็นยิ้มจริงใจเดินมาหา จันท์กระพ้อกับเพียงขวัญที่นั่งอ่านบทอยู่
“ดิฉัน ม.ล.วิไลรัมภา”
เพียงขวัญชะงัก
“ม.ล.วิไลรัมภา”
“ฉันเป็นเพื่อน…”
ไฉไลยังพูดไม่จบถูกวิไลรัมภาตัดบท
“เป็นคนสนิท พี่เลี้ยงที่คอยดูแลรัมภามาคะ”
ไฉไลอึ้งไป วิไลรัมภาไม่จำเป็นต้องเหยียดหยามตนขนาดนั้น
“ดิฉันอยากมาเยี่ยม มาให้กำลังใจการทำงานของคุณ นี่ ของขวัญจากดีไซเนอร์ชาวปารีส เพิ่งวางขายที่ห้างหยกฟ้าเมื่อวานนี้ค่ะรัมภาเลยซื้อมาสองใบ กับของตัวเองนี่ไงคะ”
วิไลรัมภาทำเป็นมีไมตรี ยื่นกระเป๋าให้เพียงขวัญ และชี้ให้ดูของตนเองที่เหมือนกันแต่คนละสี
“ดิฉันคงรับไม่ได้”
“รับไปเถอะค่ะ ให้คนของคุณเก็บไว้”
วิไลรัมภายัดใส่มือจันท์กระพ้อ เหมือนเป็นคนใช้
“ไปทานข้าวกันนะคะ ดิฉันขอคุณศักดาไว้แล้วร้านอาหารใกล้ๆตรงนี้เอง เดี๋ยวมาส่งค่ะ”
วิไลรัมภาท่าทางน่ารัก แสนดี ดึงมือเพียงขวัญออกไป เหลือแต่จันท์กระพ้อที่ยืนมอง
วิไลรัมภาเดินจับมือเพียงขวัญมา ไฉไลกลายเป็นผู้ติดตามรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ทั้งสองขึ้นรถคันโก้ออกไป ไฉไลเป็นคนขับ
วิไลรัมภาเดินเฉิดฉายเข้ามาในร้านอาหารมีเพียงขวัญเดินตาม วิไลรัมภาวางท่าเจ้าหญิงจนคนในร้านมองมา เจ้าของร้านรีบออกมาต้อนรับ
“หม่อมหลวงวิไลรัมภา เทวพรหม จัดที่นั่งที่ดีที่สุดนะคะ”
“ได้ครับได้ เชิญทางนี้ครับ”
กัปตันกุลีกุจอเดินนำมานั่ง รัมภาวางท่าเยอะต่อไป บอกบริกรและไฉไล เพียงขวัญมองวิไลรัมภา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตามว่าวิไลรัมภาดูเลิศลอยกว่ามนุษย์ธรรมดา ไฉไลหันมาบอก
“คุณขวัญนั่งเลยค่ะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องอาหารให้คุณรัมภา เธอถูกเลี้ยงมาอย่างดี บางอย่างเธอก็รับประทานได้ บางอย่างเธอก็ไม่ได้ ของคุณกินได้ ทุกอย่างใช่ไหมคะ”
เพียงขวัญยิ้มแห้ง พยักหน้า
“นั่นสินะคะ ไม่งั้นจะเป็นดาราได้ยังไง รัมภาก็อยากทำได้บ้างจังคะ นอนกลางดินกินกลางทราย เขาทำอะไรมาให้ทานก็ต้องทานน่านับถือจริงๆนะคะ”
วิไลรัมภายิ้มหวาน เพียงขวัญอึ้งๆ ก็ฟังเหมือนด่าเหมือนเหน็บอยู่นะ
ทีมงานกองถ่ายเตรียมงานอยู่ ศักดายืนดู รณพีร์เดินมาหา
“คุณขวัญอยู่ไหน”
“อ้าวไอ้พีร์... เมื่อกี้เห็นหม่อมหลวงคู่หมั้นแกมารับออกไป”
รณพีร์ใจหาย
“แย่แล้ว”
ทั้งสามทานอาหาร ไฉไลเอาใจ ตักอาหารให้วิไลรัมภา
“วันนั้นคุณขวัญรำสวยมากเลยนะคะ”
“ขอบคุณคะ”
“ท่านพ่อของรัมภา ม.ร.ว. เทวพันธ์ เทวพรหม เป็นคนให้ไฉไลโทรไปจ้างคุณค่ะ เพื่อเป็นของขวัญให้หม่อมย่าเอียด คุณพ่อของรัมภากับคุณพ่อของคุณชายทั้งห้าเป็นเพื่อนสนิทกัน รัมภาโตมากับคุณชายทั้งห้า”
เพียงขวัญนึกอดีตเมื่อครั้งที่เธอเห็นรณพีร์เต้นรำกับรัมภา และเขายังพูดกับเธอที่ชายหาด
‘คุณเอาไปเถอะ คุณได้ฝันถึงสาวหน้าหวานคนที่คุณเต้นรำด้วยไง’
‘ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นน้องสาว เราเป็นญาติกันน่ะ’
เพียงขวัญโล่งใจ หันมาบอกวิไลรัมภา
“อ๋อ มิน่าถึงเห็นคุณกับคุณพีร์อยู่ด้วยกันที่สโมสรนั่น”
“คุณชายรณพีร์ค่ะ”
“คุณชายรณพีร์บอกดิฉันว่าพวกคุณเป็นญาติ เป็นพี่น้องกัน”
“อุ้ย...เข้าใจผิดแล้วค่ะ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ กับ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม เราเป็นคู่หมั้นกันมาก่อนที่รัมภาจะเกิดด้วยซ้ำไปคะ”
เพียงขวัญอึ้ง มือที่ถือช้อนชะงักค้าง เธอปะติดปะต่อเรื่อง
“ค่ะ เราผูกพันกัน ผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้ งานแต่งงานของเรา กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆนี้คะ เราตั้งใจจะติดต่อคุณขวัญไปรำแสดงความยินดีในงานแต่งงานของเราด้วยนะคะ”
เพียงขวัญใจข้างในแตกเป็นเสี่ยง วางช้อน กินไม่ลงอีกแล้ว
“ครั้งที่แล้วคุณตั้งใจเชิญดิฉันไปรำ เพราะรู้เรื่องฉันกับคุณชายรณพีร์อยู่แล้ว คุณไม่ใช่แฟนหนังของดิฉัน และที่พาฉันมากินข้าวที่นี่ก็เพื่อจะตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง”
ไฉไลยิ้มหยัน
“ฉลาดดีนี่หล่อน ก็ดีนะ ไม่ต้องพูดมาก”
วิไลรัมภายังยิ้มหวาน
“ดิฉันเป็นผู้หญิงจากตระกูลสูงศักดิ์ ดิฉันสู้รบปรบมือกับนางเอกนางรำ อย่างคุณ คงไม่ไหวหรอกค่ะ”
เพียงขวัญยิ้มเยาะให้กับความหวาน หลอกลวงของวิไลรัมภา
“พูดจาดี เอาของมาให้ เชิญมากินข้าว ผู้ดีเขาทำกันแบบนี้นี่เอง ฉันบอกคุณได้เลย ว่าฉันเลิกติดต่อกับคุณชายรณพีร์แล้ว”
“แต่พี่ชายพีร์ ยังตามตื๊อคุณอยู่ ฉันจะเชื่อได้ยังไงคะว่าคุณจะไม่คิดมักใหญ่ใฝ่สูง”
“คนทุกคนมีศักดิ์ศรีนะคะ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งโร่จับผู้ชายต้องถีบตัวเองเข้าไป ในสังคมชั้นสูง ยิ้มหวานให้กัน มือขวาให้ของขวัญแต่มือซ้ายถือมีด ฉันไม่คิดจะทำอย่างงั้นหรอกคะ ที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้ว”
ไฉไลอึ้ง เพียงขวัญลุกขึ้นยืน วิไลรัมภายืนตาม
“ฉันจะให้รถกลับไปส่งคุณที่กองถ่าย”
เพียงขวัญจ้องหน้า
“คุณไม่เหนื่อยเหรอคะที่จะต้องเสแสร้งทำดีกับฉันแบบนี้ แต่ฉันเหนื่อยค่ะ เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ สวัสดีค่ะ”
เพียงขวัญออกไป วิไลรัมภามองตามเกลียดชัง ไฉไลมองตามอย่างเริ่มรู้สึกดีกับเพียงขวัญ
เพียงขวัญเดินกลับมา หน้าตาแย่มาก จันท์กระพ้อเห็น
“อ้าว...ขวัญทำไมกลับเร็วจัง”
“เราไม่เป็นไรหรอก จันท์”
“ลุงชนะถามหาอยู่ให้ไปหาที่กองขวัญรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
เพียงขวัญนั่งเศร้า
ฉากถูกเซ็ทเป็นฉากป่า เชิงเขาไกรลาส พระฤษีนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่บนก้อนหิน มโนราห์และพระสุธนมาจะมาหา จันท์กระพ้อมาดูแลเพียงขวัญ ขณะที่ชนะอธิบาย
“เหตุการณ์ที่เราจะถ่ายเป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากที่ปุโรหิตใส่ร้ายเป่าหูพ่อพระสุธน ว่าถ้าอยากชนะสงครามต้องเอานางมโนราห์มาบูชาไฟเผาทั้งเป็น มโนราห์เสียใจมากเลยฉวยโอกาสตอนรำบูชาไฟ ใส่ปีกหางแล้วบินหนีกลับมาเจอฤาษีที่เชิงเขาไกรลาศตรงนี้ และมโนห์ราจะถอดผ้ากำพลและพระธำมรงค์หรือแหวน ฝากฤาษีไว้ให้พระสุธน”
รณพีร์เดินเข้า ถือแหวนช่อมาด้วย ชนะหันไปเห็น
“อ้าว คุณชายรณพีร์ มาได้ไงเนี่ยครับ”
รณพีร์สบตาเพียงขวัญ เดินมุ่งมั่นเข้ามาหา ชนะหลบทางให้หมู่มวลมองรณพีร์และเพียงขวัญเป็นตาเดียว รณพีร์หยุดอยู่หน้าเพียงขวัญ
“เพียงขวัญ คุณจะโกรธจะเกลียดผมยังไงก็ได้ แต่คุณห้ามไม่ให้ผมรักคุณไม่ได้หรอก ผมรักคุณ ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็น เรืออากาศโท ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพ แต่ผมรักคุณด้วยหัวใจของนายพีร์ ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง”
รณพีร์ใส่แหวนช่อที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพียงขวัญ วิไลรัมภาที่ตามมา โวยวายลั่น
“พี่ชายพีร์ ทำอย่างงี้ได้ยังไงคะ”
รณพีร์เดินกลับไปหาวิไลรัมภา
“รัมภา...พี่ไม่ได้รักรัมภา พี่เห็นรัมภาเป็นน้องสาวของพี่มาตลอดเวลา ผู้หญิงที่พี่รักและจะแต่งงานด้วย คือเพียงขวัญคนนี้คนเดียวเท่านั้น...” รณพีร์หันมาประกาศก้อง “ขอให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักและจะรักตลอดไปคือเพียงขวัญคนเดียว”
ขาดคำเขาก็เดินออกไป วิไลรัมภาช็อก ทำอะไรไม่ถูกได้แต่กรีดร้อง น้ำตาไหลพราก ผู้ต่างมองวิไลรัมภา ไฉไลเข้าไปพยุง
เพียงขวัญนั่งมองแหวนช่อชัยพฤกษ์ตรงหน้าจะเอาไงดี จันท์กระพ้อยังปลาบปลื้มแทนไม่หายที่รณพีร์แสดงความจริงใจขนาดนั้นทำหน้าเหมือนโดนบอกรักเสียเอง
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คุณหม่อมหลวงหน้าหวานนั่นเป็นคู่หมั้นของคุณชายพีร์ แต่คุณชายพีร์ไม่ได้รัก เขาต้องการมาประกาศต่อหน้าขวัญและทุกคน ว่าเขาเธอคนเดียว ขวัญเธอไม่ดีใจเหรอ”
เพียงขวัญไม่ตอบ เอาแต่นั่งมองแหวนช่อชัยพฤกษ์ของรณพีร์อยู่อย่างนั้น
โปรดติดตามตอน ที่ 9