xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข้อความในรูปแบบนวนิยายจากบทโทรทัศน์ เรื่อง "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์" และรูปภาพในเว็บไซต์ "ละครออนไลน์" เป็นลิขสิทธิ์ถูกต้องที่ บริษัท ไทยเดย์ด็อทคอม จำกัด ได้รับสิทธิ์ในการเผยแพร่จากผู้ประพันธ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ บริษัทผู้ผลิต และสถานีโทรทัศน์ หากบุคลผู้ใด นำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมด ไปเผยแพร่ ในเว็บไซต์, บล็อกส่วนตัว ฯลฯ หรือในรูปแบบใดๆ จะถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 5

เช้าวันใหม่...เหมยฮัวนั่งตรวจบัญชีพลิกไปมา เพื่อจับผิดเสี่ยเพ้ง
 
“อะไรวะ ทีมงานเบิกเงินล่วงหน้าไป ผู้กำกับชนะอีกคน นางเสือสาวก็ยังขายไม่ได้ กินนรีลื้อก็มาหยุดถ่ายทำลื้อทำหนังเจ๊งไปกี่เรื่องแล้ว มาหยุดงานกลางคันอย่างนี้อั้วก็ขาดทุนป่นปี้หมดน่ะสิ”
“ใจเย็นเหมยฮัว ชื่อชั้นผู้อำนวยการสร้างอย่างอั๊ว อีกไม่นานสายหนังมันก็ต้องแห่มาซื้อหนังอั๊วไปฉาย”
“อั๊วให้เวลาลื้อเดือนหนึง ถ้าอั๊วไม่ได้ทุนคืน อั๊วจะปิดบริษัทหนังลื้อ ให้ลื้อไปคุมโรงแรมจิ้งหรีดดาวทอง อย่างเดียว แล้วอั๊วจะหาผู้อำนวยการสร้างคนใหม่”
“เหมยฮัวไม่เอาหน่า เหมยฮัวเห็นแกอั๊วน้า อั๊วรักลื้อน้า อาเหมยฮัวคนสวยของอาเพ้ง”
“อาเพ้ง ลื้อก็อย่างนี้ทุกที อย่าให้อั๊วรู้นะว่าลื้อมีเด็กๆ อั๊วเอาบังตอสับให้เป็ดแหลกแน่ๆ”
เพ้งสะดุ้ง
“อุ้ย! อั๊วจะไปมีใครได้นอกจากอาเหมยฮัวคนสวยของอั๊ว”

ในค่ายมวย... จันทร์กระพ้อล่อเป้าให้นักมวยแย๊บซ้าย แย๊บขวา จันทร์กระพ้อถีบแล้วตั้งท่าย่างสามขุม อัทธ์เข้ามาในมือถือดอกกุหลาบมาด้วย

จันทร์กระพ้อเอาน้ำใบบัวบก กับมะม่วงกวนเข้ามา มีตะกร้าหวายใส่เสื่อผ้าวางอยู่แล้ว
“คุณอัทธ์ มาถึงนี่ได้ยังไงเนี่ย”
“ผมถามคนมาตลอดเลยว่า ค่ายมวย ส.สามเสนอยู่ไหน เกือบสามชั่วโมงแน่ะกว่าจะหาเจอ”
พ่อจันทร์กระพ้อเดินเข้ามา เธอแนะนำ
“พ่อฉัน นี่พ่อปุ้มปุ้ย”
อัทธ์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับผมเป็นเพื่อนคุณจันทร์ครับ”
ปุ้มปุ้ยรับไหว้
“เรียกนังจันทร์ว่าคุณจันทร์ ถือดอกกุหลาบมาด้วย อืม...มาจีบมันเรอะ ถ้าหน้าตาดี ดูดีขนาดนี้ ฉันยกนังจันท์ให้ แถมข้าวสารเอาไหม”
ทุกคนงงกันเป็นแถบๆ จันท์กระพ้ออายมาก
“พ่อ...พูดอะไรก็ไม่รู้”
ปุ้มปุ้ยมองหน้าอัทธ์
“ว่าไงเมื่อไหร่มาขอก็บอกมานะ จะได้เตรียมตัวทัน”
“โฮ้พ่อ...คุณอัทธ์ เขามาจีบยายขวัญ เพียงขวัญเพื่อนหนู”
ปุ้มปุ้ยเซ็ง
“เฮ้อ...กูว่าแล้ว อ้อ...แม่นางเอกเพียงขวัญนั่นน่ะเรอะ”
ปุ้มปุ้ยเลิกสนใจ ไม่ได้ดังใจเดินไปหานักมวยของตัวเองต่อ อัทธ์ขำ จันท์กระพ้ออาย

อัทธ์หิ้วข้าวของเดินตามจันท์กระพ้อเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เธอรินน้ำให้
“โฮ้ย พ่อนี่ไม่ไหว อายเขาแย่ พูดออกมาแต่ละคำ หาว่าฉันขายไม่ออก ต้องยกให้แถมข้าวสาร พ่อที่ไหนเขาเป็นอย่างนี้บ้าง”
อัทธ์หัวเราะใหญ่
“ท่านคงหยอกเราเล่นน่ะ พ่อคุณน่ารักจริงสมชื่อปุ้มปุ้ยเนอะ”
ทั้งสองหัวเราะกัน อัทธ์ดื่มน้ำ
“น้ำอะไรอร่อยจริง”
“ใบบัวบก แก้ร้อนในบำรุงสายตา บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ ฉันทำเอง ทานขนมสิ นี่มะม่วงกวน ฉันก็ทำเอง สะอาด รับรองไม่ท้องเสีย”
“อร่อยอีกแล้ว ทำเองหมดหรือครับ”
จันท์กระพ้อขยับไปจัดเสื้อผ้าที่รีดค้างไว้ให้เข้าที่
“แม่ฉันตายตั้งแต่ยังเด็ก ฉันต้องดูแลพ่อกับดูแลค่ายมวย ทำกับข้าวสามมื้อ ทำทุกอย่างใน บ้านหลังนี้”
อัทธ์มองไป บ้านของจันท์กระพ้อน่ารักเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
“แม่บ้านแม่เรือนตัวจริงเลยนะนี่”
“แม่บ้านแม่เรือนอะไร ผู้หญิงที่ไหน ใครๆเขาก็ทำแบบนี้”
“ไม่ทุกคนหรอก ผู้หญิงสมัยนี้ เขาไปเดินห้าง ดูหนัง เต้นลีลาศกัน”
จันท์กระพ้อชะงักมือ หน้าแดงมองเขา อัทธ์ยังคงมองมาสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มจริงจังจนหญิงสาวเก้อเขิน
“อื้อ...นี่ครับของฝาก กุหลาบสีแดงหอม เหมาะกับผู้หญิงสวยและน่ารักอย่างคุณ”
“สวย...คุณชมว่าฉันสวยหรอ ที่นี่ไม่ใช่กองถ่าย ไม่ต้องหลอกใคร ทำไมต้องเอาดอกไม้มาให้ฉันด้วยล่ะ”
“ไม่ได้หลอกใครสักหน่อย ผมตั้งใจเอามาให้คุณ คุณจันทร์กระพ้อ”
จันท์กระพ้ออึกอักไม่รู้จะรับดีไม่รับดี อัทธ์เลยวางดอกกุหลาบไว้ข้างๆมือของเธอ

อัทธ์เดินมาดูเขาซ้อมกัน
“น่าสนุกจัง ผมมาหัดมวยที่นี่บ้างได้ไหม คุณจันทร์จะสอนผมไหมครับ”
“มาสิ ฉันจะสอนให้”
จันท์กระพ้อลอดเชือกขึ้นเวที อัทธ์พับขากางเกงเรียบร้อยตามขึ้นไป เธอตั้งกาดเตะชายโครงเขาโครม ปุ้มป้ยเดินมาโวยวาย
“เฮ้ย...ไปเตะเขาทำไม ไอ้นี่ เดี๋ยวเขาก็ไม่มาขอเองหรอก”
อัทธ์เจ็บจุก
“โอ้ย”
“เป็นไงเข็ดมั๊ย”
“ไม่หรอกครับได้ครูอย่างคุณจันทร์ นายอัทธ์สู้ไม่ถอย” อัทธ์บอกอย่างมุ่งมั่น

จันทร์กระพ้อเดินมาส่งอัทธ์ที่รถ
“คุณรู้เรื่องเพียงขวัญถูกเสี่ยเพ้งไล่ออกหรือยังครับ เสี่ยเพ้งหาว่าขวัญพาคนมาทำร้าย”
“ขวัญเนี่ยนะพาคนไปทำร้ายเสี่ยเพ้ง...มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ที่ห่วงคือไม่มีงาน แล้วพวกเขาจะอยู่กันยังไง พ่อเอ้อ...คนที่รู้จักเขา พยายามช่วยเหลือ เอาข้าวของไปให้ เขาก็ไม่นับอะไรทั้งสิ้น ผมเองก็จนปัญญา ไม่รู้จะช่วยเหลือเขายังไงดี”
จันทร์กกระพ้อสบตา หลบตาครุ่นคิด

จันท์กะพ้อมาหาเพียงขวัญที่บ้าน เธอเอาเงินมาให้เพื่อน เพื่อช่วยเหลือในยามที่เพื่อนลำบาก
“มวยที่ค่ายชกชนะมาฉันได้เงินเดิมพันมาเยอะ ฉันก็เลยเอามาแบ่งให้ขวัญ”
“แบ่งให้ฉันเหรอ เงินตั้งเยอะ ทำไมไม่เก็บไว้ใช้เองล่ะ”
“เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ เธอกำลังลำบากเอาไปใช้ก่อนเถอะ ฉันรู้คนอย่างเธอไม่โกงฉันหรอก เวลาเธอมีก็ค่อยเอามาให้ฉัน เอาดอกเบี้ยมาให้ฉันด้วย ถือว่าปล่อยเงินกู้ก็แล้วกัน” จันทร์พูดติดตลกน่ารักๆแล้วจะไป “ตกลงไหมจ๊ะ ฉันไปก่อนนะ”
“อ้าวจะรีบไปไหนล่ะ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ”
“ไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่า ทำไงได้ก็คนมันรวยนะขวัญ จะให้กินข้าวบ้านเพื่อน ไม่ไหวมั้งไว้รอเงินหมดก่อนแล้วกันนะค่อยมา ไปล่ะ”
เพียงขวัญมองเงินในมือสับสนนิดหน่อย จันท์กระพ้อเดินกลับไป ประณตเดินเข้ามา เป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์ มองเงินในมือเพียงขวัญ
“พี่จันท์น่าจะรวยจริงนะ เอารถวอลโว่มาคันเบ้อเร่อมีคนขับมาด้วย จอดแอบอยู่แถวหน้าบ้านแน่ะ”
เพียงขวัญเอะใจ
“วอลโว่หรือ”
เพียงขวัญ รีบลุกไป

จันท์กระพ้อรีบเดินเร็วมาหาอัทธ์ที่ยืนเกาะหลังคารถอยู่
“เป็นไงครับ เขายอมรับเงินไหม”
“ยอม แต่งงๆ หน่อย ฉันเลยรีบแจ้นออกมากลัวยายขวัญจับพิรุธได้ ไปรีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองขึ้นรถ อัทธ์ดีใจ
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมพาคุณไปกินบะหมี่ราชวงศ์ เป็นของตอบแทน”
“ลาภปากนังจันท์กระพ้อแล้วคราวนี้”
ทั้งสองเข้าไปในรถ แต่ยังไม่ทันสตาร์ท เพียงขวัญเดินมาดักหน้ากระโปรงรถ
“ลงมาทั้งคู่เลย คุณอัทธ์ ยัยจันทร์กระพ้อ”
จันท์กระพ้อยิ้มจ๋อย ความแตกจนได้ เพียงขวัญดุ จันทร์กระพ้อกับอัทธ์ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

เพียงขวัญกอดอกตรงหน้ามีเงิน มีอัทธ์และจันท์กระพ้อยิ้มแห้งอยู่ อัทธ์หน้าเสีย
“เอ้อ อย่าไปว่าคุณจันท์เลยนะ พี่ไปขอร้องเขาเองน่ะ”
“จะให้บอกกี่ครั้งว่าฉันเบื่อคำว่าสงสารเต็มทน เลิกเอาความร่ำรวยของพวกคุณมาโยนใส่หน้าฉันเสียที คุณก็รู้ว่าเงินนี้มันของใคร ฉันเกลียดเจ้าของเงินแค่ไหนคุณก็รู้”
จันท์กระพ้อชะงัก
“เจ้าของเงิน ขวัญเขาพูดถึงใครคะ”
อัทธ์หันมาบอกจันทร์กระพ้อ
“คุณจันทร์รออยู่ที่ศาลานี่ก่อนนะครับ”
จันท์กระพ้องงๆไม่รู้ว่าเขาพูดกันเรื่องอดุลย์ เพียงขวัญเดินออกไป อัทธ์เดินตาม

เพียงขวัญเดินมาสงบอารมณ์โกรธ อัทธ์เดินมาอธิบาย
“พ่อไม่ยอมไปทำงาน อยู่บ้านที่กรุงเทพตลอด เอาแต่บ่นเรื่องขวัญ พี่ทนไม่ได้ เลยรับอาสามาจัดการแทน”
“สุดท้ายคุณก็เข้าข้างเขา เราเคยคุยกันแล้ว มิตรภาพของเราต้องไม่มีเขา”
นภาเดินออกมาจากข้างในบ้าน
“ขวัญคุยกับใครน่ะลูก”
อัทธ์ชะงัก
“คุณนภา”
นภามอง
“คุณคือ…”
“ผม อัทธ์ครับ ลูกชายคุณอดลย์กับคุณแม้นศรี”
นภาตกใจมาก
“ผมรอเวลาที่จะพบคุณนภามาตลอดชีวิต”
อัทธ์ก้มลงกับพื้นกราบที่เท้า นภากระถดหนี
“ทำอะไรน่ะพ่อคุณ”
“สิบแปดปีก่อน คุณไปหาพ่อที่บ้าน พอเห็นว่าพ่อมีแม่กับผม คุณก็ตัดสินใจทิ้งพ่อมา เพื่อความถูกต้อง คุณทำเพื่อผมและแม่ผม จิตใจสูงส่งเด็ดเดี่ยวของคุณ ทำให้ผมไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย”
อัทธ์มองนภา จริงใจ นภาเลยใจอ่อนจับอัทธ์ให้ลุกขึ้น
“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว แล้วนี่ไปยังไงมายังไง ถึงมาที่นี่ได้”

เพียงขวัญ นภา อัทธ์ นั่งคุยกันในบ้าน นภารู้เรื่องแล้ว ยื่นเงินคืนให้อัทธ์
“เอาเงินกลับไปเถอะ อย่าทำให้ฉันกับขวัญเสียใจด้วยเงินก้อนนี้เลยนะคะ”
“ทำยังไงก็ไม่มีทางรับใช่ไหมครับ คุณแม่ เอ้อ...ผมขออนุญาตเรียกคุณแม่เหมือนน้องขวัญได้มั้ยครับ”
“อยากจะเรียกแม่ อยากจะไปมาหาสู่กับขวัญกับบ้านนี้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้เข้าใจเราด้วย”
นภาเด็ดเดี่ยวเหมือนเพียงขวัญ คราวนี้อัทธ์เลยต้องนิ่ง ยอมรับ

จันท์กระพ้อออกมานั่งรอที่ศาลา ประณตนั่งเป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์อยู่ด้วย ประณตเป่าลูกโป่งใบใหญ่แล้วเดินออกไป อัทธ์เดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณอัทธ์”
“เขาไม่ยอมรับเงินครับ ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ”
จันทร์กระพ้อจ๋อยไป
“ฉันก็เลยเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หลอกยายขวัญไปกับคุณด้วย ซวยเลย”
“ถึงวันนี้เราจะทำไม่สำเร็จแผนแตกซะก่อน แต่อย่างน้อยคุณก็มีน้ำใจ ช่วยผมช่วยขวัญมาตลอด ขอบคุณมากนะครับ เอาอย่างนี้ผมจะขอโทษคุณด้วยการพาคุณไปกินบะหมี่ราชวงศ์ด้วยกันนะครับ”
“นี่เรายังไปกันอีกเหรอคะ”
“ครับ” อัทธ์ยิ้มให้

เทวพันธ์มาฟ้องหม่อมเอียด กับย่าอ่อนว่ารณพีร์ติดผู้หญิง ทั้งคู่หน้าบึ้งตึง โกรธมาก
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชายพีร์ทำไม่ถูก มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว ยังไปติดผู้หญิงอื่น บอกมาซิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ย่าจะไปจัดการเอง”
วิไลรัมภาตีหน้าเศร้า
“ถ้ารู้ว่าคุณพ่อจะมาเรียนหม่อมย่า รัมภาคงไม่เรียนให้คุณพ่อทราบเรื่องนี้หรอกค่ะ สงสารพี่ชายพีร์ หม่อมย่าอย่าเอ็ดพี่ชายพีร์เลยนะคะ”
ย่าอ่อนสงสาร
“โถ แม่คุณของย่า แสนดีเหลือเกิน ยังมีใจห่วงพ่อยอดชายตัวดี ผู้หญิงที่ออกไปเที่ยวกับผู้ชายค่ำๆ มืดๆ คงไม่ใช่ลูกผู้ดีมีตระกูลหรอก คุณพี่”
เทวพันธ์เสริม
“ถูกต้องแล้วครับ ผู้หญิงพวกนี้ไม่ควรค่า เราไม่ต้องรู้หรอกว่าหล่อนเป็นใคร ที่จริงชายพีร์คบหาผู้หญิงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องจริงจังกับวิไลรัมภาเท่านั้น”
ย่าอ่อนสีหน้าแวตาจริงจัง
“ถึงเวลาที่ชายพีร์ต้องเลิกลอยไปลอยมา แต่งงานลงหลักปักฐานซะที”
“ใช่ครับ รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้ก้อนกรวดจากข้างถนน เข้ามาชูคอในวังจุฑาเทพ เราควรรีบนำเพชรแท้จากวังเทวพรหม” เทวพันธ์มองวิไลรัมภา “มาตั้งประดับไว้ที่วังจุฑาเทพโดยเร็วนะครับ”
หม่อมเอียดเข้าใจความหมายที่เทวพันธ์เปรียบเปรยว่าเทวพันธ์เร่งแต่งงาน ก็นิ่งไปอย่างครุ่นคิด

หม่อมเอียด ย่าอ่อน เทวพันธ์ วิไลรัมภา มาที่วัด..หลวงพ่อเขียนกระดานฉนวน วันเดือนปีเกิดรณพีร์ กับ วิไลรัมภา คำนวณครู่หนึ่ง จึงบอกฤกษ์
“ลักคณาราศีเกิด คุณชายรณพีร์กับหนูคนนี้ บ่งบอกว่าเป็นคนมีบุญวาสนา เป็นที่นับหน้าถือตา ฤกษ์แต่งงานที่เหมาะสม คือ ราชาฤกษ์ เดือนสิบสองเป็นยังไง”
เทวพันธ์ขัดขึ้น
“เดือนสิบสอง ช้าไปไหมขอรับ”
หม่อมเอียดแย้ง
“อีกแค่ไม่กี่เดือนเองนะคุณชาย”
ย่าอ่อนครุ่นคิด
“คุณชายใหญ่จะแต่งเดือนสิบเอ็ด จัดงานติดๆกัน เหนื่อยหน่อย แต่เอาเถอะค่ะ รีบๆเข้าไว้เป็นดีที่สุด”
หม่อมเอียดเห็นด้วย
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้ ชายพีร์ต้องแต่งงานกับหนูวิไลรัมภาสิ้นปีนี้”
เทวพันธ์พยักหน้าพอใจกับวิไลรัมภา

วันใหม่...เพียงขวัญกำลังเตรียมอาหารตั้งกระทะพัดเตาให้ไฟร้อนขึ้น รณพีร์หยิบผักบุ้งกับตะหลิวมา
“มา ผมช่วย”
“คุณไปนั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ผักบุ้งนี่ตาประณตเพิ่งไปเก็บมาเมื่อเช้านี้เอง”
รณพีร์ไม่ฟังเสียงคว้าตะหลิว เหวี่ยงผักบุ้งลงกระทะน้ำค้างผักบุ้งทำให้เกิดไฟพรึ้บขึ้นมาอย่างแรง น้ำมันกระเด็น
“โอ้ย...”รณพีร์ร้องลั่น
“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วไม่เชื่อว่าให้นั่งเฉยๆ”
รณพีร์ยิ้มแหยๆ
“นิดหน่อยครับ ไม่เป็นไร”
เพียงขวัญรีบไปตักน้ำที่ตุ่มมาลูบให้
“ตรงไหนคะ ตรงไหน”
ประณตท่องกลอน เวนิชวาณิช จากหนังสือ ไม่ได้สนใจรณพีร์กับ เพียงขวัญ
“ความเอยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือเริ่มในสมองตรองจงดี”
รณพีร์ท่องกลอนต่อจากประณต ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่ ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย”
เพียงขวัญเคลิ้ม ทั้งสองสบตากันหวานฉ่ำ

นภาเดินมาจัดยา ให้ยายบุหลันเดินมาด่าให้ฟัง
“นายพีร์อะไรนี่มาได้แทบทุกวี่ทุกวัน ชาวบ้านชาวช่องมาเห็นเข้า ได้เอาไปโพนทะนาอีก ลูกหลานบ้านนี้ไม่รักนวลสงวนตัว”
ยายกับนภานึกรู้ทันที
“พ่อพีร์เขาเข้าตามตรอกออกตามประตู อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ใครจะมาว่าอะไรได้”
“โฮ้ยแม่ เข้าข้างกันจริงๆ ยายขวัญน่ะไม่ค่อยระวังเนื้อระวังตัวจะเสียทีผู้ชายได้ ตอนให้ช่างไฟกองถ่ายขับรถมาส่งบ้านก็ทีหนึ่งแล้ว โดนชาวบ้านนินทาเสีย ๆ หายๆ ฉันล่ะอายคนแถวนี้จริง ๆ”
นภาถอนใจ
“อย่าคิดมากน่าบุหลัน พ่อพีร์เขาก็ดูให้เกียรติยายขวัญหยั่งกับอะไรดี”
“ที่ฉันพูด หวังดี นายพีร์เป็นถึงทหารอากาศ ท่าทางก็แพรวพราว ไม่ต่างจากนายอดลุย์ ฉันไม่อยากจะเชื่อ อยู่มาจนป่านนี้ยังเป็นโสด”
นภาชะงักมือที่ดูแลยาย บุหลันพูดต่อ
“เตือนๆลูกมันบ้างเถอะ เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ถลำใจกายลงไป จะมีจุดจบเหมือนแม่มัน”
บุหลันพูดก็มีเหตุผล นภากับยายเครียดไป

เพียงขวัญทำครัว รณพีร์นั่งสอนการบ้านประณต
“วันศุกร์ จะมีงานวัดแถวนี้ พี่พีร์มาไหมครับ”
“งานวัด น่าสนุกนะ” รณพีร์หันไปบอกกับเพียงขวัญ “ผมไปด้วยนะ วันศุกร์ เสร็จงานคงมาถึงสัก 6 โมงเย็นรอผมด้วยนะครับ”
“บอกฉันทำไมคะ ฉันไม่ได้ชวนคุณซะหน่อย ตาประณตชวนก็ไปกับตาประณตสิ”
รณพีร์ยิ้ม
“ถ้าหนีไปกันสองคน ผมโกรธจริงๆด้วย”
เพียงขวัญทำเมิน รณพีร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม รู้ว่าเธออยากให้เขามา
“เราจะรอแค่หกโมงเย็น เกินกว่านี้ ก็ไปตามหาเราที่งานวัดก็แล้วกันนะ” เพียงขวัญพูดยิ้มๆ
รณพีร์ยิ้มให้ เพียงขวัญเขินๆ

ทันทีที่รณพีร์กลับมาถึงวังจุฑาเทพ กลิ่นซึ่งรออยู่ บอกว่าหม่อมเอียดกับย่าอ่อนต้องการพบ เขาเดินตามกลิ่นไปอย่างแปลกใจ เพราะเห็นว่าค่ำมากแล้ว
“ปกติเวลานี้ หม่อมย่าต้องขึ้นข้างบนแล้วนี่ครับ”
ย่าอ่อนพอเห็นหน้าหลานชายก็พูดขึ้น
“เราสองคนรอพ่อหลานชายตัวดีอยู่ย่ะ รู้ใช่ไหม หมายถึงใคร”
รณพีร์รู้สึกถึงภัยกำลังจะมา ทำกะล่อนน่ารักใส่ย่า
“ย่าอ่อนเมื่อยขาไหมครับ ผมไม่ได้นวดให้ย่าอ่อนมาหลายวันแล้ว”
รณพีร์ขยับตัวจะนวดขา ย่าอ่อนขยับหนี
“ไม่ต้อง”
หม่อมเอียดพูดออกมาตรงๆ
“ชายพีร์ ย่าได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว”
รณพีร์ยังกะล่อนได้ต่อ
“ฤกษ์พี่ชายใหญ่กับน้องมะปรางจะแต่งงานกันแล้วหรือครับ แหม ช่างน่ายินดี คู่นี้เขารอกันมานานแล้วนะครับเนี่ย”
หม่อมเอียดดุ
“อย่ามาทำกะล่อนกับย่า ย่าพูดถึงงานแต่งของชายพีร์กับหญิงวิไลรัมภา”
ย่าอ่อนพูดต่อน้ำเสียงเด็ดขาด
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ชายพีร์ต้องหาเวลาใกล้ชิดหนูรัมภาให้มากขึ้น จะได้สนิทสนมกันมากๆ เพราะอีกไม่กี่เดือน จะต้องแต่งงานกันแล้ว”
รณพีร์ตะลึง
“อีกไม่กี่เดือน หม่อมย่าผม...”
“หลังการแต่งงานของชายใหญ่สองอาทิตย์ ก็จะเป็นการแต่งงานของชายพีร์กับหญิงวิไลรัมภา”
รณพีร์อึ้งหน้าขรึม น้ำเสียงจริงจัง
“หม่อมย่าครับ ผมไม่เคยคิดบอกว่าจะแต่งงานกับน้องรัมภาเลยนะครับ”
หม่อมเอียดเสียงแข็ง
“คุณชายเทวพันธ์เคยช่วยชีวิตท่านพ่อของพวกเธอไว้ ท่านพ่อสัญญาว่าจะตอบแทนท่านด้วยการให้ลูกชายคนหนึ่งแต่งงานกับลูกสาวของคุณชายเทวพันธ์ ตอนนี้ จุฑาเทพเหลือชายพีร์เพียงคนเดียว การแต่งงานของชายพีร์ จำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาสัจจะ รักษาเกียรติของจุฑาเทพ อยากให้คนครหาตระกูลของเราว่าไม่รักษาสัจจะงั้นรึ”
“แต่ผมไม่ได้รักน้องรัมภานะครับ”
“เป็นนายทหาร เป็นหม่อมราชวงศ์ หน้าที่ต้องมาก่อนความรัก ความรับผิดชอบต้องมาก่อนความรู้สึกส่วนตัว ไม่อย่างนั้น อย่ามาเรียกตัวเองว่า สุภาพบุรุษจุฑาเทพ”
รณพีร์อึ้งกับการเน้นย้ำของย่า จนพูดไม่ออก

ย่าอ่อนประคองหม่อมเอียดเดินขึ้นมาที่ห้องที่เตียงนอน
“ชายพีร์ไม่เคยพูดเรื่องความรัก หูตาดูแปลกๆ สงสัยจะหลงแม่คนนั้นขนาดหนัก ผู้หญิงที่วิไลรัมภาเห็น เป็นใครกัน”
“แม่อ่อน เราน่ะเลี้ยงหลานมา ไม่รู้รึ หลานเป็นคนยังไง”
“เป็นยังไงหรือคะ”
“เวลาอยู่กับเรา ชายพีร์ทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู ตามประสาหลานคนเล็ก แต่เนื้อแท้ ชายพีร์เป็นคนดื้อ ฉันคิดเสมอว่า หลานที่จะกล้าขัดคำสั่งฉัน ก็คือ ชายพีร์ นี่แหละ”
“ที่คุณพี่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแพ้ชายพีร์ใช่ไหมคะ อ่อนสงสารหนูรัมภาจริงๆ”
“ฉันเลี้ยงชายพีร์มากับมือ มีรึ ฉันจะไม่รู้วิธีกำราบชายพีร์”
หม่อมเอียดสีหน้ามั่นใจ บังคับให้รณพีร์แต่งงานได้ ย่าอ่อนยิ้มแป้น เชื่อมือพี่สาว

เช้าวันใหม่...หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งรออยู่ในห้องผู้การ
“คุณพี่ขา เรามาพบหัวหน้าชายพีร์ทำไมหรือคะ”
“ชายพีร์เหลวไหลเรื่องผู้หญิง แต่เรื่องงาน มีความรับผิดชอบสูง ฉันจะใช้หน้าที่การงาน ดึงชายพีร์ ให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น”
“คุณพี่ของน้องนี่ เฉียบแหลมที่สุดเลยค่า”
ผู้การเข้ามาไหว้หม่อมเอียดอย่างนอบน้อม
“ขอโทษครับหม่อม ที่เสียมารยาทให้รอ บังเอิญผมติดประชุมสำคัญ หม่อมมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“ฉันอยากให้ผู้การ ส่งหลานชายฉันไปทำงานต่างจังหวัดสักพัก”
“ผมขออนุญาตเรียนถาม เพราะอะไรเหรอครับ หม่อมถึงอยากให้คุณชายไปราชการต่างจังหวัด”
“เรื่องในครอบครัวน่ะ”
ผู้การชะงัก
“เรื่องในครอบครัว แต่อยากให้ผมออกคำสั่งทางราชการหรือครับ”
“ราชสุกลจุฑาเทพ เคยยกที่ดินจำนวนมากให้ทางกองทัพสร้างสนามบิน คราวนี้ ต้องการขอความช่วยเหลือเล็กๆน้อย จะเรียกว่าทวงบุญคุณก็ได้”
ผู้การยิ้มแห้ง
“เอ่อครับ กองบินที่อุดร กับเชียงใหม่ ไม่มีตำแหน่งนักบินว่าง หากหม่อมต้องการให้คุณชายรณพีร์ไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงนี้มีอยู่งานหนึ่ง เหมาะกับคุณชาย”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนยิ้ม แผนนี้สำเร็จ

ในห้องสันทนาการ...รณพีร์เฮฮา เล่นบิลเลียดกับเพื่อนทหาร
“เฮ้ย...เย็นนี้ โลลิต้า สนไหม” เพื่อนชวน
“มีนัดว่ะ จะไปงานวัด”
เพื่อนขำๆ
“งานวัดเหรอ ดูยังไงก็ไม่ใช่ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ นักท่องราตรีตัวยง”
“นักท่องราตรีคนนั้นคงเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้วางเบ็ดจับกุ้ง เก็บผักกระเฉด ซ่อมศาลา เที่ยวงานวัดกำลัง เป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับผม ไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”
ผู้การเดินเข้ามา ทุกคนยืนตรง นายทหารโค้ง ชั้นประทวนยืนตรงเท้าชิดเฉยๆ ผู้การเข้ามาหารณพีร์
“คุณชาย ผมมีภารกิจพิเศษให้คุณทำ คืนนี้ นายทหารอเมริกันจะมาดูงานรการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา ที่ใกล้จะเสร็จ คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดี ช่วยไปทำหน้าที่ดูแลต้อนรับเขาหน่อยได้มั้ย”
รณพีร์ชะงัก
“วันนี้หรือครับ”
“ติดธุระหรือ มีธุระอะไร ก็เลื่อนซะ ทางกองทัพเรือเขาขอมา”
“ครับผม”
“ดีแล้ว ไปเตรียมตัวได้ เดี๋ยวเครื่องจะมารับคุณเวลา 16 นาฬิกาตรง”
“ครับผม”
ผู้การเดินออกไป รณพีร์หน้าเสีย ครุ่นคิด ไม่ได้ไปเที่ยวงานวัดกับเพียงขวัญตามที่นัดไว้

รณพีร์นั่งรถจิ๊บมีธงไทยกับธงชาติอเมริกันติดอยู่มาที่ บ้านพักวีไอพีในฐานทัพ เขาลงจากรถมีนายทหารติดตามมาถือกระเป๋าให้ รณพีร์ผายมือให้นายทหารอเมริกัน ทหารยามสองคน ยืนทำความเคารพ รณพีร์เดินนำนายทหารอเมริกันไป

เพียงขวัญชะเง้อรอรณพีร์ นภา บุหลัน ลงจากข้างบน กำลังจะไปงานวัดกัน เพียงขวัญหันไปถาม
“ยายหลับแล้วหรอคะ”
“จ้ะ พ่อพีร์ยังไม่มาอีกหรือลูก”
บุหลันเบ้หน้า
“ป่านนี้ยังไม่โผล่ เบี้ยวนัดแล้วล่ะยายขวัญเอ้ย น้าเตือนแล้ว ให้ระวังตัวระวังใจกับผู้ชาย ร้อยทั้งร้อย ก็เป็นอย่างงี้ อย่าไปเชื่อลมปากกันง่ายๆ”
เพียงขวัญหน้าเสีย บุหลันพูดจาน่าเกลียด นภาปราม
“นี่แม่บุหลัน” นภาหันไปปลอบเพียงขวัญ “พ่อพีร์เค้าคงติดงานน่ะลูก”
ประณตแต่งตัวหล่อ ประแป้งหน้าผ่อง ลงบันไดมา
“ประณตสุดหล่อ พร้อมแล้วคร้าบ”
ประณตยักคิ้ว เดินเท่ไปรอ หน้าบ้าน บุหลันแดกดันลูก
“โฮ้ย จะไปเล่นหนังหรือไงลูกชายฉัน แต่งซะหล่อเฟี้ยว”
“พี่พีร์ยังไม่มาอีกหรอครับพี่ขวัญ”
นภาหันมาถามลูกสาว
“หนูจะรอพ่อพีร์ก่อนไหม”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเขามา เขาก็รู้จากแดงเองนั่นแหล่ะ ว่าเราออกไปแล้ว ไปกันเถอะค่ะ”
นภาหันไปถามแดง
“แดง แน่ใจนะว่าไม่ไป”
แดงที่ขยัน ถูพื้นอยู่พยักหน้าจริงๆอยากไป นภาบอกเพียงขวัญ
“งั้นเราไปกันดีกว่า” ก่อนออกไปนภาหันมากำชับแดงอีกครั้ง “งั้นฝากบ้าน ฝากยายด้วย เดี๋ยวขากลับจะซื้อขนมมาฝากนะแดง”

แดงพยักหน้าเต็มใจอยู่บ้านเพราะไม่อยากเจอพี่ชาย เพียงขวัญผิดหวัง รณพีร์เบี้ยวนัด เดินไปกับนภาออกไปงานวัด

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 5 (ต่อ)

งานวัดงานฝังลูกนิมิตโดยมีเดชคำแหงนักเลงใหญ่ เป็นประธานจัดงาน เพียงขวัญ ประณต นภา และบุหลัน เดินเข้างาน

“ปีนี้คนไม่เยอะนะ” นภาหันมาคุยกับบุหลัน
“ต้องดึก ๆ จ้ะพี่ คนถึงจะทยอยมาเขามาดูยี่เก เรื่อง จันทรโครพ”
ประณตมองๆหาสลักจิตเดินแยกไป

บุญชัยปิดทองฝังลูกนิมิตอยู่หลังพระ สลักจิตนั่งพนมมือห่างออกมา สลักจิตแต่งตัวน่ารัก ประณตเห็นสลักจิตแล้วรีบเดินไปซื้อสายไหม

เพียงขวัญกับนภาซื้อขนมอยู่มุมหนึ่งนาน บุหลันมองหาลูกชาย
“เอ๊ะ ตาประณตหายไปไหนเนี่ย”
“คงไปหาของกินของเล่นแถวๆนี้แหละค่ะ ปล่อยแกไปเถอะ”
“ปล่อยได้ไงเล่ายายเดี๋ยวก็ได้หลงกันบ้างหรอก”
บุหลันร้อนใจ เดินจ้ำตามประณต เสียงระนาดเบิกโรงลิเกดังมา นภารีบบอก
“ยี่เกจะเล่นแล้ว”
“แม่ไปจองที่นั่งก่อนนะคะ ขวัญไปช่วยน้าบุหลันหาประณตก่อนนะคะ”
นภากับเพียงขวัญแยกกัน เพียงขวัญเดินออกไปทางเดียวกับบุหลัน

บุญชัยนั่งคุยอยู่กับพระ สลักจิตยังคงอยู่บริเวณลูกนิมิตร ประณตมองกลัวๆในมือถือสายไหมมาด้วย สลักจิตหันมองประณตงงๆ ประณตยิ้มค่อยๆเดินมานั่งใกล้ๆยื่นสายไหมให้ สลักจิตสบตาส่ายหน้า
“ไม่ต้องกลัวฟันผุหรอก แต่ก่อนนอนอย่าลืมแปรงฟันก็แล้วกัน”
ประณตค่อยๆเอาสายไหมวางลงข้างๆสลักจิต
“ต้องรีบกินนะเดี่ยวมันละลาย เลอะชุดสวยของเธอไม่รู้ด้วย”
ประณตกินสายไหม สลักจิตมองยิ้มๆ กินสายไหมด้วยในที่สุด ทั้งสองคนเหลือบมาสบตากัน
“โตขึ้นเธออยากเป็นอะไรเหรอ”
“นางพยาบาลแล้วเธอล่ะ”
ประณตคิดไปถึงรณพีร์ ยืดอกพูด
“เราอยากเป็นนักบิน เวลาไปรบถ้าเราบาดเจ็บ เธอต้องทำแผลให้เรานะ”
“ได้สิ...เราจะทำแผลให้เธอเอง”
สองคนยิ้มให้กัน มือบุหลันเข้ามาหยิกหัวไหล่บิดเนื้อประณต
“มานี่...มานี่...มานี่เลย...ตามแม่มานี่เลย เป็นเด็กเป็นเล็กริจีบผู้หญิงเดี๋ยวเถอะ”
“โห...แม่อย่าสิ...แม่อายเขา”
ตาประณตยังคงมองมาทางสลักจิต เพียงขวัญห้าม
“พอเถอะจ๊ะ น้าบุหลันเด็กๆเค้าคุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไปก่อนนะสลักจิต”
สลักจิตยิ้ม ประณตหันกลับมาบ๊ายบาย

นภามาถึงโรงลิเก นางเอกลิเกกำลังรำเบิกโรง คนดูนั่งเช่าเสื่อแล้วไปนั่ง ชายคนหนึ่งเดินถือเสื่อให้เช่า นภาเรียก
“เช่าผืนหนึ่งจ้ะ”
“50 สตางค์”
นภาควักหาเหรียญในกระเป๋า อดุลย์ยื่นมือมาจ่ายค่าเช่าเสื่อ นภาหน้าบึ้งใส่
“ฉันไปหาเธอกับลูกที่บ้าน เด็กแดงบอกว่า พวกเธอมาเที่ยวงานวัด”
นภาทำตัวไม่ถูก ในขณะที่อดุลย์คลี่เสื่อยิ้มให้ นภามองเขา ทั้งสองมาตรงกลางลาน
“คุณไม่ควรมาบ่อยๆนะคะ คุณทำให้ฉันกับลูกอึดอัดใจมากนะคะ โดยเฉพาะยายขวัญฉันสงสารลูก”
“มีแต่คุณเท่านั้นนภา ที่จะโน้มน้าวจิตใจของเพียงขวัญให้ยอมรับในตัวผม ยอมรับผมเป็นพ่อ”
“คุณจะมาเออ...ออไปคนเดียวแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
อดุลย์สายตาวิงวอน
“ผมต้องการให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อคุณ เพื่อลูกของเรา”
ดำซึ่งทำตัวกร่างที่สุด เดินนำเดชคำแหงและสมุนเอกเข้ามา ดำโวยวายนำมา
“เฮ้ย ๆ แถวนี้หลบหน่อยๆ เก็บออกไปเลยเสื่อพวกนี้น่ะ พี่เดชคำแหง จะดูลิเก เจ้าของคณะเขาจองที่ไว้ให้พี่เดชคำแหงแล้ว ไม่มีใครบอกหรือไงวะ” ดำเจอนภา “เอ๊านึกว่าใคร”
เดชคำแหงเดินเป็นนายใหญ่ถือตะพดอยู่ตรงกลาง เดชคำแหงเดินมาเจอนภาก็อึ้งไป หันไปมองอดุลย์ก็อึ้งหนัก ทั้งสามคนต่างตกใจ ไม่เจอกันมานานมากแล้ว
“นภา”
นภาคิดทบทวน
“พี่เดช”
แววตาเดชคำแหงมองนภาเต็มไปด้วยความรัก เขายิ้มออกมา เมื่อนึกไปถึงรักแรกในชีวิตของตน

เมื่อ 18 ปีที่แล้ว อดุลย์พบกับนภาอยู่ในจวนผู้ว่า ขณะที่นภามารำฉุยฉาย แล้วอดุลย์นั่งมองอย่างหลงใหล เดชคำแหงเป็นคนตีระนาดเอก มองนภาอย่างหลงใหลอยู่บนเวทีเช่นกัน

นภาหัดรำตามปรกติ เดชคำแหงเดินมาหา มือถือกระทงจำปีเข้ามาด้วย
“เอ๊าพี่เดช วันนี้มาเล่นระนาดเอกให้เราหรือจ๊ะ”
“จ๊ะ ฉันเดินผ่านจวนผู้ว่า ได้กลิ่นหอมรัญจวน มองไปเห็นดอกจำปีเต็มต้น ฉันเลยเก็บมาให้แม่นภาจ้ะ”
เดชคำแหงยื่นดอกจำปีในกระทงให้ นภาหลบสายตารู้ว่ามีความหมายอย่างไร นภาหลบตา อึดอัด ไม่ได้ชอบเขา ลุงของนภาเดินเข้ามาแบบลุกลี้ลุกลนไม่ชอบเดชคำแหง
“ไอ้เดช...มาก้อร่อก้อติกหลานสาวข้าอีกแล้ว มา...รีบไปก่อน ออกไป”
ลุงด่า แล้วดึงเดชคำแหงออกไป ยายผัน เดินนำอดุลย์มาหานภา อดุลย์มีพี่เลี้ยงเป็นชายท่าทางนักเลงสองคน ตามประสาคุณชายลูกคหบดีทั่วไป
“เชิญค่ะ”
นภากับอดุลย์สบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ เดชคำแหงและลุงแอบมองอดุลย์ อยู่ข้างๆ อดุลย์ไม่รู้

ทั้งหมดคุยกันที่ม้านั่งอีกมุมหนึ่ง ยายแนะนำ
“คุณอดุลย์ ท่านเป็นลูกชายพ่อเลี้ยงอธิปกับเจ้าอิงฟ้า เขาเคยมาดูหนูตอนไปรำที่จวนผู้ว่าจำได้ไหม”
นภาสบตาอดุลย์ เอียงอายเพราะชอบอดุลย์มาตั้งแต่ครั้งนั้น
“จำได้จ๊ะ”
“คุณอดุลย์บอกว่า จะให้บริษัททำไม้ของเขาเป็นผู้อุปถัมภ์ คณะละครเล็กๆของเรา”
นภายิ่งเอียงอาย เดชคำแหงแค้น อดุลย์ยิ้มให้นภา
“แม่นภาจ๊ะ ฉันลงไปติดต่องานที่พระนคร ซื้อน้ำหอมฝรั่งมาฝากแม่นภาจ้ะ”
อดุลย์ส่งขวดน้ำหอมให้นภา
“ขอบคุณค่ะคุณอดุลย์”
นภารับขวดน้ำหอม สายตาทอดมองอดุลย์อย่างพึงพอใจ

ลุงกับเดชคำแหงแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง
“เห็นคุณอดุลย์แล้วใช่ไหม เทียบกับคุณอดุลย์แล้ว เอ็งมันหมาข้างถนน อย่าได้คิดเด็ดดอกฟ้า...เอื้อมให้ตาย เอ็งก็เอื้อมไม่ถึง”
เดชคำแหงเจ็บใจ
“ถึงฉันจน แต่ฉันมีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะช่วงชิงหัวใจนภามาให้ได้”
ลุงแสยะปาก ไม่เชื่อ เดชคำแหงหมายมั่น

เดชคำแหงเล่าจบก็หันมายิ้มให้นภา
“โชคดีจริงๆ วันนี้ฉันได้เจอเพื่อนเก่าตั้งสองคน ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
ทุกคนสบตากัน นภาจะเดินหนี ลูกน้องขยับเข้ามาขวางไม่ให้นภาไป อดุลย์ขยับเข้าปกป้องนภา มองไปรอบๆ ลูกน้องเดชคำแหง ห้าหกคนล้อมตัวเดชคำแหงดูน่าเกรงขาม ทุกคนถลึงตามองมาให้ทำตามคำสั่งของเจ้านาย นภากับอดุลย์ชักกลัวๆ
“ไม่ได้เจอกันตั้งนมนาน ผมก็มีเรื่องอยากจะคุยเหมือนกัน”
อดุลย์กับนภาอึดอัดมองเดชคำแหง

เดชคำแหงเดินนำทุกคนมาที่ร้านกาแฟ คนที่กินกาแฟอยู่พอเห็นเดินเข้ามา บ้างควักเงินจ่าย บ้างจูงลูกเดินหนีออกจากร้าน ดำเดินกร่างเข้าไปในร้าน
“เออดี รู้จักลุกไปเองไม่ต้องให้พูดมาก เฮ้ย...มาเก็บโต๊ะสิวะ ไม่เห็นหรือว่าใครมา”
นภากับอดุลย์มองๆ มีหลายคนที่รู้จักเดชคำแหง และยำเกรงเขาและสมุน
“คุณอยู่แถวนี้หรือ” อดุลย์ถามขึ้น
ดำมองหน้าอดุลย์
“มาจากไหนวะ ไม่รู้จักพี่เดชคำแหง หัวลำโพงถึงสามเสน ถิ่นพี่เขาทั้งนั้น บ้านยายป้านี่ก็เช่าพี่เขาอยู่ด้วยเหมือนกัน” ดำชี้นภา
เดชคำแหงพูดนิ่มๆ
“นภาเช่าบ้านฉันหรือ หลังไหนวะ”
“ก็หลังที่อยู่ริมคลองสุดซอย ที่พี่ยึดมาจากเสี่ยโรงน้ำแข็ง ผมบอกพี่ไปครั้งหนึ่งแล้ว นังคนนี้แหละที่เอาน้องผมไปเป็นคนใช้”
นภาเถียง
“บอกกี่หนแล้วว่าเอาแดงไปเรียนรำไม่ได้เป็นคนใช้”
“มันติดค่าเช่าพี่ด้วย สามสี่เดือนแล้วไม่ยอมจ่าย”
ดำพูดไม่ทันจบ เดชคำแหงตวัดตะพดโดนที่ท้องจุกไป
“ทีหลังอย่าเรียกนภาว่ามันอีก มึงจำไว้”
ดำจ๋อย เปลี่ยนท่าทีทันที
“ครับ...พี่เดชคำแหง”
“ขอโทษนะ เด็กของผมมันหยาบคายไปหน่อย ต่อไปนี้ รับรู้ไว้นะห้ามใครทำหยาบคายกับนภาอีก เพราะนภาคนนี้ เป็นคนสำคัญของนายเดชคำแหง”
เดชคำแหงมองนภาด้วยสายตามีความรักไม่เสื่อมคลาย

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่จวนผู้ว่า เมื่อ 18 ปีที่แล้ว...อดุลย์มองเดชคำแหงตีระนาดให้ผู้ว่าและแขกฟัง ทีท่ามืออาชีพ ผู้ฟังนั่งฟัง เคลิบเคลิ้ม เหมือนต้องมนต์สะกดเพราะเดชคำแหงเก่งมาก เป็นเพลงลาวดวงเดือน ที่อ่อนหวานไพเราะ เพลงจบ ผู้ว่าเดินมาหา
“เอ็งตีได้หวาน ถึงใจจริงๆ นี่รางวัล”
ผู้ว่าหยิบเงินออกมาเยอะทีเดียว อีกหลายคนก็ให้ตาม
“โอโห ได้รับรางวัลโขอยู่นะเนี่ย จะเอาไปทำอะไรล่ะ”
“กระผมคิดว่าจะเอาไปขอผู้หญิงแต่งงานครับ”
ทุกคนหัวเราะ

เดชคำแหงถือห่อเงินเร่งรีบเดินมาหาลุงของนภา
“ลุงจ๊ะ...นี่จ้ะเงิน ฉันจะเอามาเป็นสินสอดสู่ขอนภา”
“เอ๊ะ ไอ้นี่ ใครเขาเอาเงินดุ่ยๆมาขอลูกสาวเขากันวะ”
“ก็ผม...ผมไม่เคยขอผู้หญิง เขาต้องทำยังไงกันล่ะ”
ลุงเอาเงินของเดชคำแหงมานับ
“ถุย เศษเงินแท้ๆ” ลุงโยนคืนให้ “คุณอดุลย์เขาพาผู้ใหญ่มาทาบทามแม่ผันสู่ขอนางนภามันแล้ว”
เดชคำแหงตกใจ
“อะไรนะ”

ลุงชี้ไปที่โต๊ะด้านใน อดุลย์ ผู้ใหญ่ของอดุลย์ ยายผัน นภา พี่เลี้ยงนักเลงของอดุลย์ทั้งหมดนั่งคุยกันอยู่ บรรยากาศทาบทามนภามาแต่งงาน ผู้ใหญ่ของอดุลย์เริ่มพูดคุยไปแล้วมีพานพวงมาลัย
“วันนี้ฉันเห็นว่าเป็นฤกษ์มงคลก็เลยถือโอกาสมาสู้ขอแม่นภาจากแม่ผัน หวังว่าแม่ผันคงไม่ขัดข้องนะจ๊ะ ฉันเห็นว่าพ่ออดุลย์เป็น...”
ทันใดนั้นเสียงเดชคำแหงดังขึ้น
“นภา”
เดชคำแหงเดินเข้าไปทันที ลุงตามแทบไม่ทัน
“ไอ้เดชอะไรของเอ็งเนี่ย”
เดชคำแหงเข้าไปหานภา ทุกคนตกใจ
“อย่าเพิ่งรับปากเขานะ พี่รักนภา รักมานานแล้ว”
“เดช...มาทำอะไรตรงนี้”
ยายผันเกรงใจอดุลย์และผู้ใหญ่
“น้าผัน ให้โอกาสผมบ้าง นี่ไงเงิน ผมเอามาขอนภา”
เดชคำแหงเวลานั้น น่าสงสาร ดูเป็นหนุ่มบ้านนอก ใสซื่อ ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีชาติตระกูล และยากจน ลุงดูถูกดูแคลน
“มึงก็แค่ไอ้คนตีระนาดระจอกๆ อย่าไปสนใจเลยครับมานี่เลยเอ็งทำเขาเสียพิธีหมด”
คนงานของลุงคนหนึ่ง วิ่งมาช่วยลุงจับตัวเดชคำแหงอย่างจำใจเพราะเป็นเพื่อนนักดนตรีด้วยกัน
“ไม่... ผมไม่ไป นภา...นภา”
ลุงมาช่วยสมุนจับเดชคำแหงออกไป เดชคำแหงดิ้น เสียงดังลุงไล่
“ออกไป อย่างดีมึงก็แค่พวกเต้นกินรำกิน มึงจะทำให้นภาเขาลำบาก หัดคิดเสียบ้างสิ”
ระหว่างถูกลากตัว เดชคำแหงคร่ำครวญ
“นภา พี่รักน้องนภานะ”
นภาเห็นใจเดชคำแหง อดุลย์นั้นหนีเมียมาขอผู้หญิง และเพิ่งรู้ว่าเดชคำแหงรักนภาแต่ก็ตั้งใจว่าจะต้องได้นภามาครอบครอง

นักดนตรีที่ลากเดชออกมาที่ถนนยกมือไหว้ขอโทษ เดชคำแหงเก็บเงินเข้าชายพก แล้วเดินเศร้าๆ จะกลับบ้าน คนสนิทอดุลย์เดินตามมา ลุงจ้องหน้าเดชคำแหง
“เอ็งต้องคิดถึงอนาคตดีๆของนังนภามันมั่ง ใครเขาจะมาอยู่กับคนอย่างเอ็งได้ไอ้เดช เลิกคิดเรื่องเอ็งกับนังนภาได้แล้ว จำไว้นะเอ็ง”
เดชคำแหงหันมามอง คนของอดุลย์เดินมาหาบอกกับเขาเสียงเข้ม
“นายข้าชอบผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงก็ชอบนายข้า จะแต่งงานกันเดือนหน้านี้แล้ว”
“นายอดุลย์รักน้องนภาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายอดุลย์เป็นคนต่างถิ่น เป็นคนดีจริงไหม มีลูกมีเมียหรือเปล่า ที่นี่พวกเราไม่มีใครรู้แต่ฉันรักนภาจริง”
คนขออดุลย์สองคนมองหน้ากันกังวลขึ้นมาเพราะทั้งสองคนนี้ ช่วยปกปิดความลับเรื่องอดุลย์มีเมียแล้วเอาไว้ ในขณะที่เดชคำแหงพูดโดยไม่รู้เรื่องมาก่อน
“พูดมากนะมึง”
คนสนิทอดุลย์ไม่พูดพล่ามทำเพลงลงมือซ้อมเดชอย่างหนักจนเดชมีเลือดเต็มปากเต็มหน้าและทรุดลงไปกองกับพื้น คนของอดุลย์จ้องหน้าข่มขู่
“ไปจากเมืองพิจิตรซะไอ้เดช ถ้าพวกกูเห็นหน้ามึงอีกล่ะก็ มึงจะนอนตายอย่างหมาข้างถนน”
เดชคำแหงถูกถีบกลิ้ง ไปอีกครั้ง สองสมุนเดินจากไป เขาถูกทิ้งอยู่ข้างถนน ให้นอนจมกองเลือด

ปัจจุบัน...อดุลย์รู้สึกผิด คนของตนทำร้ายเดชคำแหงบาดเจ็บสาหัส
“ฉันขอโทษ ฉันเสียใจจริงๆฉันไม่เคยรู้เลย คนของฉันทำร้ายนายเดช”
“รุ่งขึ้น ฉันหอบร่างกายที่บอบช้ำ ขึ้นรถไฟ หนีมาพระนคร เร่ร่อนนอนตามข้างถนนบ้าง ศาลาวัดบ้าง”
นภาตกใจ อึ้ง เศร้าใจ สงสาร
“ฉันต่อสู้ฝ่าฟัน เจ็บเจียนตายมาหลายหน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ไอ้หมาข้างถนนจากพิจิตรตัวนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นราชสีห์ ไม่ใช่เศษดินติดเท้าเศรษฐีอย่างคุณอดุลย์อีกแล้ว”
เดชคำแหงยกกาแฟขึ้นมาจิบ
“บ้านหลังนั้นมันเก่าจะพังมิพังแหล่ สองคนผัวเมีย อยู่กันยังไงพ่อเลี้ยงอดุลย์ตกอับหรือไง”
นภายังเศร้า ยืนพูดนิ่งๆ
“เรื่องค่าเช่าบ้านจะพยายามหามาจ่ายคืนให้ ขอตัวก่อนนะ”
นภาเดินออกไปทันที อดุลย์ยอมรับความจริงกับเดชคำแหง
“กับนภามีลูกด้วยกัน เราแต่งงานกันได้ปีหนึ่งเขาถึงรู้ว่าฉันมีลูกมีเมียมาแล้ว เขาก็เลยหอบเด็กในท้องหนีมา โดยไม่บอกฉัน”
เดชคำแหงคิดตาม คาดไม่ถึง ก่อนจะหัวเราะออกมาเยาะอดุลย์
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
“คุณขำอะไร”
“เปล่า หัวเราะให้กับชะตาชีวิต ไอ้เดช คนระนาดกระจอกๆ กลายเป็นเศรษฐีคุมถิ่นนี้ได้ เพราะอยากเอาชนะคนอย่างคุณ ความรักที่มีต่อนภา ความเกลียดที่มีต่อคุณ ทำให้ผมมีวันนี้ ฮึๆ ไอ้เราก็นึกไปว่าจะไปอยู่ดีมีสุข...ที่แท้คุณก็หลอกนภา”
เดชคำแหงตบโต๊ะเปรี้ยงชี้หน้าอดุลย์ สมุนทั้งหลายจับอาวุธต่างๆที่ซ่อนอยู่ทันที เตรียมมีเรื่องตามประสานักเลงมืออาชีพ อดุลย์ขัดขึ้น
“แต่ผมก็รักนภา”
ทุกคนเข้ามาล้อมอดุลย์ สองคนสื่อสารกันทางสายตา...เดชคำแหงและอดุลย์สบตากันนิ่งหลายนาทีตะพดในมือเดชคำแหง ขยับขึ้นลงไปมา สักพักเดชคำแหงก็ยิ้มออกมา
“ผมขอตัวไปดูลิเกก่อนนะ”
เดชคำแหงเดินหัวเราะฮึๆ ยิ้มเยาะเย้ยจากไป เดชคำแหงเป็นคนเข้าใจยากว่า เวลาไหนจะเลว ทำให้ดูน่าสะพรึงกว่านักเลงทั่วไป อดุลย์ไม่พอใจมองตาม

ในห้องประชุมที่ฐานทัพอากาศอู่ตะเภา...สนามบินอู่ตะเภากำลังจะสร้างเสร็จ โรเบิร์ตต้องอธิบายเรื่องเครื่องบิน ให้คณะกรรมการก่อสร้างสนามบินฟัง รวมทั้งชี้แนะแนวทางการพัฒนาการสร้างสนามบิน
ให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ฟัง โดยรณพีร์มาทำหน้าที่เป็นล่าม แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
“ในสถานการจริง เครื่องจะบินต่อเนื่องไม่แน่นอน ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเครื่องบินถูกโจมตีได้รับความเสียหายมา เมื่อแลนดิ้งแล้วเครื่องจะได้แทรคออกด้านซ้ายไปเพื่อให้ลำต่อไปได้มีพื้นที่ลงจอดได้ เพราะหัวรันเวย์ต้องเปิดไฟอยู่ตลอดเพื่อให้นักบินเห็น”

หลังการประชุม รณพีร์เดินออกมา เจ้าหน้าที่เดินมาหา
“ขออนุญาตครับ มีคนมาขอพบหมวด รออยู่ที่บ้านพักรับรองครับ”
“ขอบคุณครับ”
รณพีร์เดินเข้ามาในสโมสรเรือนรับรองเทวพันธ์หันมา รณพีร์ตกใจ
“สวัสดีครับ ท่านอา”
“อ้าว คุณชาย สวัสดีครับคุณชาย”
รณพีร์อึ้งยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ไหว้ด้วยซ้ำ เพราะแปลกใจมาก
“เป็นไงบ้างชายพีร์เหนื่อยไหม อาไม่ได้มาคนเดียวนะ”

เทวพันธ์กับรณพีร์เดินมาที่ชายหาด วิไลรัมภา แต่งตัวสวย ทันสมัยเดินเล่นอยู่ที่ชายหาด
“ผู้หญิงกับทะเล ใครจะละสายตาได้จริงไหม ไม่ได้มาเที่ยวทะเลนานแล้ว รัมภาเขาตื่นเต้นมาก”
รณพีร์นิ่งมอง วิไลรัมภา เป็นภาพประทับใจจริงๆ
“หม่อมย่าท่านกลัวคุณชายมาทำงานแล้วจะเหงา ก็เลยจองเรือนรับรอง ให้ลุงกับลูกสาวมาอยู่เป็นเพื่อน” เทวพันธ์ยิ้ม “ฝากดูแลน้องหน่อยนะ แก่แล้ว นั่งรถมา ปวดไปหมด จะไปเอนหลังหน่อย”
เทวพันธ์เดินไป รณพีร์มองตามแล้วหันหลังไปมองวิไลรัมภา ถอนใจจำต้องเดินลงไปหาเธอ

วิไลรัมภาเดินเกาะแขนรณพีร์มองตา ออดอ้อนฉอเลาะตลอดเวลา รณพีร์เครียดๆ ในใจคิดหาทางจะกลับไปหาเพียงขวัญ
“รัมภาไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพี่ชายพีร์อย่างนี้เลย รัมภามีความสุขจริงๆค่ะ”
รณพีร์ยิ้มแต่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู วิไลรัมภารู้ว่าทำไมจึงพูด
“นัดใครไว้หรือคะ”
“เปล่าครับ แค่ดูเวลาเฉยๆ”
“ตั้งแต่เรารู้จักกันมา รัมภาไม่เคยแม้แต่จะมองผู้ชายคนอื่น รัมภาหวังว่าพี่ชายพีร์จะให้เกียรติรัมภาเหมือนกัน”
“น้องรัมภาหมายความว่าอย่างไรครับ”
“พี่ชายพีร์ก็ทราบว่า ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงามจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดยหวังให้เรารักกัน ถ้าพี่ชายพีร์อยากให้รัมภาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร ก็ขอให้พูดกันตรงๆแต่กรุณาอย่าไปมีผู้หญิงอื่น ให้รัมภาต้องรู้สึกไร้ค่าเสียเกียรติ พี่ชายพีร์จะทำได้ไหมคะ”
ทั้งสองสบตากัน รณพีร์ทำอะไรไม่ถูก

ดำส่งเสียงดังเดินนำสมุนชุดใหญ่เข้ามาที่บ้านเพียงขวัญ นักเลงหลายคนมีอาวุธ บางคนเตะของ บางคนจับของนั่นนี่กร่างวางท่า ไม่เกรงใจ ลุแก่อำนาจมาก เพียงขวัญโผล่ออกมาเป็นคนแรก
“นี่เข้ามาทำอะไรกันในบ้านฉัน พวกคุณเป็นใคร”
“วันนี้ พี่เดชคำแหงเขามาทวงหนี้เองโว้ย”
“พวกเราติดค้างอยู่กี่มากน้อยก็บอกมาสิ”
เดชคำแหงเข้ามา
“เนี่ยเหรอลูกสาวของนภา ที่เขาว่าเป็นนางเอกหนังคนสวย”
นภาประคองยายออกมา ไปเดินเล่นออกกำลังกายมา นภาตกใจที่เห็น
“พี่เดช...เพียงขวัญ มานี่ลูก...มานี่”
เดชคำแหงมองหน้ายาย
“น้าผัน ยังอยู่รึ”
ยายจำไม่ได้
“ใครน่ะ”
เดชคำแหงเดินไปตีระนาด ที่วางอยู่แถวนั้น เขายังคงชอบตีระนาดมาก ฝีมือยังคงดีเป็นนักเลงที่มี
ความเป็นศิลปิน ถึงขนาดที่ทำให้คนรุ่นยายจำฝีมือได้
“นายเดช”
“ฉันเปลี่ยนชื่อเป็นเดชคำแหงแล้ว ลุงผินพี่ชายน้า เขาด่าฉัน ว่าเป็นแค่พวกเต้นกินรำกิน ฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงนภาให้สุขสบายได้ เสียดาย ลุงผินไม่อยู่ซะแล้วก็เลยไม่เห็นฉันในวันนี้”
“นายเดชคำแหง”
บุหลันเก็บผ้าเข้ามาเห็นก็ตกใจ มีประณตและแดงช่วย บุหลัน ทำตะกร้าตกทันทีเพราะเห็นนักเลงมาบุกบ้าน บุหลันรีบวิ่งไปปกป้องยายกับนภา แดงรีบหนีไปแอบเพราะกลัวดำ ประณตหนีไปแอบอีกคนไปอยู่กับแดงซุ่มแอบดู โดยที่คนในบ้านไม่เห็นเด็กสองคนนี้ นาถลูกน้องคนหนึ่งของเดชคำแหถามเสียงเข้ม
“ค่าเช่าบ้านสามเดือน สามร้อยบาทจะเอาอย่างไร”
นภาหน้าสลด
“ช่วงนี้ ลูกสาวฉันไม่ได้ทำงาน เสื้อผ้าที่ตัดส่งเขาก็ได้เงินไม่ครบ เอาอย่างนี้ ฉันจ่ายให้แค่นี้ก่อนนะ”
นภาหยิบเงิน 100 ขวัญหยิบเงิน 200 จากห่อผ้าเช็ดหน้า เพียงขวัญยื่นให้
“นี่ไงค่าเช่าสามเดือนได้แล้วพวกคุณกลับไปได้แล้ว”
เหมหันไปถามเดชคำแหง
“เอาไงครับพี่”
เดชคำแหงมองเงินแล้วยิ้มเยาะ แล้วตีระนาดอีกคราวนี้ มีสมาธิทุ่มเทไปกับการตีระนาด เสียงเพลงอ่อนหวาน มือแกว่งไกวบนรางระนาด เพลงลาวดวงเดือนของเดชคำแหงดังก้อง ลูกน้องงงกันเป็นแถบๆ นี่เราไม่ได้มาลุยเขาหรอกหรือ จู่ๆ มาตีระนาด เหมกระซิบนาถ
“ลูกพี่เขาจะยังไงวะเนี่ย”

ริมทะเล...ลุงชาวประมงกำลังผูกเรือคู่ชีพกับสมอบก มีเข่งปลาที่หามาได้อยู่บนฝั่ง 2-3 เข่ง รณพีร์เดินเข้ามาดูด้วยความสนใจพร้อมวิไลรัมภา
“กลิ่นแรงเหม็นคาวจังเลยนะคะ”
“โห...ของสดๆทั้งนั้นเลย น่าเอาไปปิ้งกินจัง”
“พี่ชายพีร์ชอบของทะเลปิ้งย่างหรอคะ”
วิไลรัมภากุลีกุจอหยิบปลาหมึก ปู ขึ้นมาดู แต่ในใจรู้สึกขยะแขยง รณพีร์ถามลุง
“ขายยังไงครับลุง”
“อยากได้อะไรก็หยิบๆไปเถอะ แบ่งไปกินก็ได้พ่อหนุ่ม”
รณพีร์ยิ้ม
“ขอบคุณครับ”

เดชคำแหงยังบรรจงตีระนาด อารมณ์อยู่ในโลกส่วนตัว จนทุกคนงง เป็นการตี เพลงอันไพเราะ สีหน้าที่พลิ้วหวานตามเพลง ทุกคนได้แต่เงียบฟัง แดงมีอาการเหมือนได้ฟังเพลงทิพย์ ประณตมองอย่างสงสัย
“มัวเอาแต่ตีระนาดอยู่นั่นแหละ พูดอะไรก็ไม่พูด จะเอายังไงของเค้า”
แดงชื่นชม
“เพราะจัง ไม่เคยฟังระนาดเพราะอย่างนี้มาก่อนเลยเนอะ”
แดงตะลึงอึ้ง จดจำทุกเพลงทุกท่อน

ชนะถือปิ่นโตมาส่ง มีอาการซึมเศร้าเหลือตกค้างแต่ก็ยอมลุกมาส่งรับปิ่นโตถึงที่บ้านนี้เป็นบางเวลา เพราะเกรงใจคนบ้านนี้ ระหว่างเดินเอาปิ่นโตมาส่ง เขาเห็นพวกนักเลงเต็มบ้าน ชนะเห็นสมุนเดชบางคนพกคมแฝก มีดปาดตาล
“มีนักเลงมาบุกบ้านนี่หว่า พวกไหนวะ อืม...เดี๋ยวเจอดี”
ชนะก้าวเข้ามา แล้วตะโกนบอกอย่างเข้มแข็ง
“เฮ้ย...ไอ้พวกห้าร้อย นี่มันอะไรกันพกพาอาวุธอะไรเข้ามาในบ้านน้องสาวฉัน เข้ามาทำอะไรกัน... แล้วนี่แก...”
เดชคำแหงวางไม้ตีระนาด จบเพลงพอดีตวัดไม้เท้าขึ้นสะบัดสามออกไป สองสามดอก ชนะล้มครืน เลือดกบปากสลบเหมือด นภา บุหลันและเพียงขวัญร้องกรี๊ด วิ่งเข้าไปหา สงสารชนะมาก
“ลุงนะ”
นภาหันขวับมามองหน้าเดชคำแหง
“นี่อย่ามาทำร้ายคนในบ้านของฉันนะพี่เดช”
“มันเป็นใคร”
บุหลันหันมาบอก
“พี่เขยเรา อยู่บ้านข้างๆ เขายิ่งไม่สบายอยู่”
เดชคำแหงได้ยินดังนั้น พยักหน้าให้เหมมาดูว่ามันตายหรือเปล่า สมุนสองสามคนหิ้วข้าวของเป็นอาหารและของใช้ มาวาง ที่แท้เดชคำแหงเล่นระนาดเพื่อรอคนไปซื้อของมาให้ผู้หญิงที่ตนรักเท่านั้นเอง
“มาแล้วครับข้าวของที่พี่เดชใช้ให้ไปซื้อ ขอโทษครับมาช้าไปหน่อย”
“อยู่กันตั้งเยอะไม่รู้จะพอหรือเปล่า ไว้วันหลังจะเอามาให้อีก เฮ้ย กลับ”
เดชคำแหงมาในรูปแบบทั้งร้ายทั้งโหด เดาไม่ออก เดินออกไป คนอื่นเดินตามเหลือดำรั้งท้าย ทั้งหมดเดินออกไป ดำเดินตามไปเป็นคนสุดท้าย ประณตกับแดงจึงวิ่งออกมา สีหน้ากลัวจนอยากร้องไห้
“แม่”
บุหลันกำชับประณต
“รอตรงนี้นะ แม่จะไปเรียกรถ จะเอาลุงเขาไปอนามัย”
เพียงขวัญกับนภาและเด็กๆยังตระหนกไม่หาย โดยเฉพาะเมื่อเห็นสภาพเลือดโชกใบหน้าของชนะ“แม่รู้จักกับเขาด้วยหรือจ๊ะ เขามาทำแบบนี้กับเราทำไม”
นภากังวล เขาไม่ได้ต้องการแค่เงิน ชีวิตต่อไปจะเป็นยังไง

รณพีร์กับเทวพันธ์นั่งเตรียมรับประทานอาหาร โดยมีวิไลรัมภาเป็นแม่บ้านกับทหารรับใช้คนหนึ่ง ปิ้งอาหารทะเล เพื่อเอามาเสิร์ฟให้คุณชายทั้งสอง วิไลรัมภาเดินไปทำต่อ เช็ดเหงื่อ ร้อนเหนื่อย เทวพันธ์อวดลูกสาวสุดฤทธิ์
“ลุงเลี้ยงวิไลรัมภามาอีกแบบหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งทำครัว ที่เขาทำทั้งหมดนี่ เพื่อชายพีร์นะ”
“ผมไม่อยากให้น้องต้องฝืนตัวเองแบบนี้เลยครับ”
“ผู้ชายเรา จะมีผู้หญิงกี่คนก็ได้ แต่มีเมียได้แค่คนเดียว คุณชายควรเลือกคนที่เหมาะสม เข้ากับครอบครัวเราได้ จะเป็นการดีกว่านะครับ...หม่อมย่าเอียดมีโรคประจำตัว อายุก็มากขึ้น ท่านหวังว่าจะเห็นชายพีร์เป็นฝั่งเป็นฝากับน้องรัมภามากที่สุด มันถึงเวลาแล้วอย่าทำให้ท่านผิดหวังนะครับ ชายพีร์ควรจะทำให้ท่านย่ามีความสุข ใช่ไหมครับ”
รณพีร์ถอนใจ เทวพันธ์พูดก็มีส่วนถูกต้อง วิไลรัมภายกอาหารมา
“นี่ค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ ลองชิมน้ำจิ้มทะเลนี่หน่อยสิคะรัมภาไม่แน่ใจว่าขาดอะไรหรือเปล่า ย่าอ่อนบอกว่าพี่ชายพีร์ชอบ หวานเปรี้ยวกลมกล่อมใช่ไหมคะ”

ค่ำนั้น วิไลรัมภานั่งมองทะเลกับเทวพันธ์ รณพีร์นั่งอยู่ด้วย ทหารรับใช้เข้ามา
“ขออนุญาตครับ”
รณพีร์เดินออกไปพบทหาร ทหารยื่นซองจดหมายให้
“ขอบใจมาก”
รณพีร์กลับเข้ามาพร้อมจดหมายในมือเปิดอ่าน
“ผู้พันโรเบิร์ต ถูกเรียกตัวด่วนไปเวียดนาม จะขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ ผมคงหมดหน้าที่แล้วครับ”
เทวพันธ์งงๆ
“เอ๊า ไหนบอกว่าจะอยู่ตั้งเดือน”
“ไม่ทราบสิครับ คงมีคำสั่งจากหน่วยเหนือ ถ้าอย่างนั้น...”
วิไลรัมภามองกันกับเทวพันธ์ อึ้งไป ต้องรีบจัดการอะไรสักอย่างแล้ว
“รัมภาอยากไปเที่ยวเกาะสีชังค่ะ คุณพ่อเคยไป บอกว่าสวยมาก”
“โอกาสหน้าพี่จะพาไปนะ”
“พี่ชายพีร์จะรีบกลับไปไหนคะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไม่ต้องทำงาน”
“ระยะทางพระนครกับชลบุรีไม่ใช่ใกล้ๆ ไปมาก็ไม่สู้สะดวกนัก”
เทวพันธ์พูดแกมบังคับ
“ชายพีร์พาน้องรัมภาไปเที่ยวเกาะสีชังสิครับ มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว”
รณพีร์คิดถึงนัดกับเพียงขวัญ

สมุนขนของฝากหลายชิ้นเข้าบ้าน ตามมาด้วยเดชคำแหง นภากับบุหลัน กำลังจัดยาให้ยาย ตกใจที่เห็นคณะของเดชคำแหงมาอีกแล้ว ตะพดที่เคยควงเมื่อวาน ทำชนะสลบเหมือด ยังทำให้คนบ้านนี้สยองไม่หาย
“เนี่ยสร้อยข้อมือจากห้างทองเยาวราชเลยนะครับ พี่ซื้อมาฝากนภาที่เหลือเป็นเสื้อผ้าของกินของใช้”
“เอากลับไปเถอะพี่เดช ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
“อย่าให้พี่เสียน้ำใจสิจ๊ะนภา” เดชคำแหงหันไปพูดกับยาย “เออ แล้วนี่ก็ชุดนอนผ้าแพรของน้าผัน น้ายังสอนรำอยู่ไหมจ๊ะ”
“เลิกสอนนานแล้ว ข้อเข่าฉันเสื่อม”
“เอ้าแล้วทำไมไม่รักษาล่ะ”
“ค่าผ่าตัดมันแพง” บุหลันบอก
เดชคำแหงยิ้ม คิดอะไรออก
“ฉันรักเคารพน้าไม่เคยเปลี่ยน ให้ฉันช่วยน้าเถอะนะ ไอ้เหมอุ้มน้าข้าไปที่รถ พาน้าไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล”
ทุกคนตกใจมาก แดงกับประณตวิ่งถือเบ็ดกับข้องเข้ามาแอบดูที่เดิม ไม่มีใครในบ้านมองเห็น ยายกลัวการผ่าตัดมาก ร้องโหยหวน
“ไม่...ฉันไม่ไป”
เหมเดินมาประคองยายกับสมุนคนหนึ่ง นภาตวาด
“ปล่อยแม่ฉันนะ”
เดชคำแหงขอร้อง
“ได้โปรดรับความปรารถนาดี จากมิตรเก่าแก่คนนี้เถอะนภา อย่าให้ฉันต้อง...บังคับข่มขู่”
เดชคำแหงตาลุกวาว น่ากลัว สมุนเริ่มลากยายไป ยายร้องไห้ มือไขว่คว้า จะจับนภาท่าทางดูน่าสงสารเพราะกลัวมาก
“นภา บุหลัน แม่ไม่ไปนะ แม่กลัว”
“แม่...”
นภากับบุหลันเข้าไปหา เหมกับนาถ ผลักทั้งนภาและบุหลันออกไป บุหลันพุ่งเข้าใส่ ทุบตีเดชคำแหง
“นี่ปล่อยนะ ไอ้เดชให้ลูกน้องแกปล่อยแม่ฉัน”
เดชคำแหงเจ็บ เพราะเป็นคนขี้โมโหเลยจับบุหลันเหวี่ยงอัดข้างฝา นภากรี๊ด
“บุหลัน”
นภาวิ่งเข้าไปดูบุหลัน บุหลันตั้งตัวได้ตะโกนเรียกแม่ๆ แล้ววิ่งตามออกไป
“ถ้าพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง...ไอ้นาถ ไอ้ดำพาคนไปดักปากซอย เจอหนูเพียงขวัญ จับตัวเอาไว้”
นาถกับดำ พาสมุนกลุ่มใหญ่ออกไปทันที นภาร้องลั่น
“ไม่...อย่ายุ่งกับเพียงขวัญ”
พวกของนาถไม่สนใจออกไปกันหมด ยายตะโกนด่า
“อย่ายุ่งกับเพียงขวัญหลานข้านะ ไอ้พวกห้าร้อย”
นาถลากยายออกไป บุหลันบอกนภา
“ฉันไปดูแม่นะพี่...แม่ฉันไปด้วย”
บุหลันวิ่งตามแม่ ประณตกับแดงที่แอบฟังมาตลอด วิ่งออกไปทันที โดยไม่มีใครเห็น
“ไอ้แดง ไปเร็ว”
เด็กทั้งสองหลบออกไปจากบ้านได้สำเร็จทางหลังบ้าน เดชคำแหงหันมาหานภา
“นภา เมื่อก่อน ฉันไม่มีโอกาสดูแลเธอ ทั้งที่อยากทำใจแทบขาด ตอนนี้ฉันจะดูแลเธอกับครอบครัวเอง เธอกับครอบครัว ต้องอยู่ใต้คำสั่งของฉัน”
“ฉันไหว้ล่ะพี่เดช จะให้ฉันกราบก็ยอมอย่าทำอะไรลูกขวัญของฉันนะ”

ประณตกับแดงวิ่งมาตามทาง มองหาเพียงขวัญ และถามคนไปตามทาง
“พี่ๆ เห็นพี่ขวัญไหมครับ”
คนถูกถามส่ายหน้า ประณตสั่งแดง
“แยกไปทางโน้น ไปเร็ว หาพี่ขวัญให้เจอก่อนไอ้พวกนั้น”
แดงพยักหน้าวิ่งออกไป
แดงวิ่งออกมาถามคนแถวนั้น
“น้าครับน้า เห็นพี่ขวัญไหมครับ”
คนถูกถามส่ายหน้าแดงคอยมองหา หวังว่าจะเจอเพียงขวัญ

วิไลรัมภาแต่งตัวสวย สวมหมวกปีกกว้าง เดินมากับเทวพันธ์ มานั่งรอรณพีร์มารับไปเที่ยวเกาะสีชัง
“คุณพ่อน่าจะไปด้วยนะคะ”
“พ่ออยากให้ลูกอยู่กับชายพีร์ลำพัง เที่ยวกันให้สนุกนะลูก”
วิไลรัมภายิ้มขวยเขิน เสียงรถขับเข้ามาจอดทั้งสองมองไป เทวพันธ์บอกลูกสาว
“รถมาแล้ว”
“ตรงเวลาพอดี พี่ชายพีร์คงมาแล้ว”
วิไลรัมภายืนปั้นยิ้มสวย รอรณพีร์

สนามบินดอนเมือง...รณพีร์เดินมาในชุดที่เพิ่งมาถึงโดยเครื่องบิน มีเป้ทหารเรียบร้อยขันติทักทาย
“เอ้า พี่พีร์มาได้ไง”
“ฉันปฏิบัติหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องกลับสิ ฝากของไปเก็บที่บ้านพักหน่อย ไปก่อนล่ะ”
รณพีร์โยนข้าวของให้ขันติกับกำพล ขันติแปลกใจ
“เอ๊าจะรีบไปไหน”
กำพลมองอย่างสงสัย
“สงสัยมีความรักว่ะ”
“นั่นสิไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้นี่”
รณพีร์ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป สีหน้ายิ้มแย้มดีใจที่หลุดจากวิไลรัมภามาได้

วิไลรัมภาและเทวพันธ์งง คนเดินเข้ามาไม่ใช่รณพีร์เป็นทหารเข้ามาตะเบ๊ะแล้วรายงาน
“คุณชายรณพีร์ มอบหมายให้ผมพาคุณทั้งสองไปเยี่ยมชมเกาะสีชังครับ”
วิไลรัมภาตกใจ เสียใจมาก
“แล้วคุณชายพีร์ไปไหน”
“ขึ้นเฮลิค็อปเตอร์กลับพระนครไปตั้งแต่รุ่งเช้าแล้วครับ”
วิไลรัมภาโกรธ
“พี่ชายพีร์ทำกับรัมภาอย่างนี้ได้ยังไงคะ คุณพ่อ”
เทวพันธ์แค้นมากกำหมัด เสียงเข้ม
“เราจะกลับพระนคร หม่อมย่าเอียดต้องรู้เรื่องนี้”

เพียงขวัญไปส่งผ้าลิเกมา กำลังเดินกลับมาบ้าน ผ่านตลาดที่อยู่ปากซอย ดำคนเดียวเดินมาดักหน้า
“นายดำ มีเรื่องอะไร”
แดงวิ่งมาเจอรีบแอบ ประณตวิ่งตามมาเจออีกคน
“พี่ขวัญ”
ประณตจะออกไป แดงรีบดึงไว้ จับประณตรวบเข้าที่ซ่อน กลัวถูกจับไปอีกคน เด็กทั้งสองคนแอบดูไม่ให้เขาเห็น
“ถ้าไม่มีอะไรก็หลีกไป ฉันจะกลับบ้าน”
ดำทำท่าผายมือ เมื่อเพียงขวัญเดินผ่านดำ สมุนออกมาดักหน้าหลังเพียงขวัญ ดำยิ้มร้ายถอยออกมา ให้นาถและสมุน ที่โผล่ออกมาจากหลืบฝูงใหญ่ เข้าไปจัดการ นาถเข้ามาต่อยท้องเพียงขวัญ เปรี้ยง...เพียงขวัญสลบ นาถแบกเพียงขวัญขึ้นรถที่สมุนอีกคนขับมาจอด เอาร่างของเพียงขวัญขึ้นรถไป...ประณตตื่นเต้น คิดแผน ดำชี้หน้าบอกคนในร้านที่โผล่ออกมามองๆ เพราะได้ยินเสียง ดำชี้หน้าตะโกนบอกทุกคน
“พี่เดชคำแหงต้องการผู้หญิงคนนี้ ไม่เกี่ยวกับพวกเอ็ง ใครแจ้งตำรวจก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่แถวนี้อีกต่อไป”
รถออกไปเด็กสองคนได้แต่ ร้องไห้แอบมองพี่สาวถูกจับตัวไปอยู่ตรงนั้น

สมุนอีกคนกับบุหลันประคองยายเข้ามาในโรงพยาบาล เหมติดต่อที่เคาน์เตอร์
“ฉันพายายคนนี้มาผ่าตัด นี่เงิน”
เหมหยิบมากองบนโต๊ะ
“เป็นอะไรคะ เอาเงินเก็บก่อนค่ะ ยังไม่ต้องใช้ตอนนี้”
“ขาเจ็บ หรือเท้าเสื่อมอะไรเนี่ย ผ่าๆไปเหอะ”
บุหลันเข้ามาบอก
“เข่าเสื่อมต่างหาก โรงพยาบาลนี้ไม่เคยรักษายาย อยู่ดีๆจะให้มาผ่าเกิดแม่ฉันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”
“หมอที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ รีบๆผ่าจะได้รีบๆเสร็จ ป่านนี้ไอ้นาถ ไอ้ดำ เจอตัวเพียงขวัญแล้ว”

รถเข้ามาจอดที่บริเวณทางเข้างานวัดที่ไม่มีคนอยู่ เพราะวันนี้ไม่ได้เปิดทำการ เงียบมาก ไม่มีคน มีแต่อุปกรณ์เครื่องเล่นกับร้านค้าที่ปิดล็อคไว้ เพียงขวัญที่นอนอยู่หลังรถฟื้นขึ้นมา
“นี่พวกแก”
เพียงขวัญมองไปรอบๆ แล้วสู้เตะถีบ จะออกไปจากรถ นาถโมโห
“โธ่โว้ยอีนี่ นี่แน่ะ”
เพียงขวัญถูกนาถตบสลบลงไปอีก
“ไม่ได้อยากทำอะไรหรอกนะ เพราะพี่เดชเขาสั่งไว้ แต่กูน่ะมือหนัก ตายคามือไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้นะโว้ย...ฮึ่ย ต้องให้ออกแรงอยู่เรื่อย เอาตัวมันลงไป”
ดำมองไปที่เครื่องเล่น ร้านค้า
“เอาไว้ที่นี่หรือพี่นาถ โล่งๆอย่างนี้จะไว้ตรงไหนพี่”
“ก็พี่เดชเขาบอกอยากให้อีนี่อยู่สบายๆ กูคิดไม่ออก ตรงนี้แหละสบาย”
ดำงงๆ กับความคิดลูกพี่ ที่โล่งอย่างนี้จะซ่อนคนไว้ตรงไหนวะ
“แล้ววันนี้เขาไม่มีงานหรือพี่”
“รถปั่นไฟเสีย หยุด 1วัน งานวัดนี่ พี่เดชเขาเป็นคนจัดอยู่แล้ว จัดการอีนี่เสร็จ เอ็งก็ไปเฝ้าปากทาง อย่าให้ใครเข้ามา พอยายมันผ่าตัดเสร็จ เดี๋ยวเหมมันก็ส่งเด็กมาหาเอ็งเอง งานง่ายๆแค่นี้”

นาถมองดำอย่างรำคาญ

อ่านต่อตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น