xs
xsm
sm
md
lg

สภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 1

รณพีร์ในชุดนายทหารอากาศหล่อเหลา เพิ่งกลับมาจากกองบิน มีกระเป๋าหนังถือติดมือ วิ่งมาตามทาง เพื่อมาตามนัดในค่ำคืนวันศุกร์ กับบรรดาพี่ชายที่ห้องใต้โดมวังจุฑาเทพ

แต่ครั้นมาถึง ทั้งห้องกลับว่างเปล่า ไม่มีใคร ความคุ้นชินทำให้เขาหลงเลือนว่า บัดนี้ พี่ชายทั้งสี่ ต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว นายทหารอากาศรูปงามนึกไปถึงเรื่องราวในอดีต ตอนอยู่กันครบหน้าทั้ง 5 สิงห์ รณพีร์จดจำได้ว่า ธราธร นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ ยิ้มแย้มกับเขา
“ชายพีร์เป็นไงบ้างเรา เมื่อไหร่จะเลิกเป็นพ่อมาลัยลอยไปลอยมาสักที”
รัชชานนท์ถามกวนๆ
“น้องสะใภ้คนสุดท้องของจุฑาเทพอยู่ที่ไหนนะครับ ฉันอยากเห็น”
“คุณชายพีร์เคยรู้จักความรักมั้ยครับ” ปวรรุจเย้าแหย่ขำๆ
รณพีร์ทอดถอนใจ
“มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมนะครับ ความรักมันเป็นอย่างไรครับ”
พวกพี่ๆนั่งพูดคุยกันเรื่องรักคืออะไร ทุกคนมีความสุข ที่ได้พูดถึงความรักของตัวเอง มีแต่รณพีร์คนเดียว หน้างงที่สุด เขาพูดอะไรกัน...ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมด้วยเลย...
ปวรรุจ พูดถึงความรักกับเขาว่า...
“ความรักสำหรับพี่...พี่ว่าพี่เหมือนคนบ้า เวลาเขายิ้ม พี่ยิ้มกว่าเขาอีก แต่ถ้าเขาโกรธ พี่จะใจหายวูบเลย ในหัวคิดแต่ว่า ถ้าเขาโกรธเราไม่หาย เราต้องตายแน่ๆ”
“ส่วนความรักสำหรับพี่ เหมือนพี่...” รัชชานนท์นิ่ไปนิดคิดๆ “อืม...ไม่มีอะไรขาด ไม่มีอะไรเกินสำหรับคนอื่นอาจมากไป น้อยไป แต่คนนี้ มันพอดีไปหมด พอดีสำหรับเรา”
“หา...”
รณพีร์ทึ่งว่าขนาดนั้นเลยหรือ พุฒิภัทรพูดขึ้นบ้าง
“ของพี่”
รณพีร์หันมามองพี่ชายตาโต
“เฮ้ย...คุณหมอก็มีกับเขาด้วยหรือ”
“พี่เคยเชื่อในหลักเหตุผล แต่ความรักเป็นเรื่องเดียวที่หาเหตุผลไม่ได้”
“โห”
รณพีร์มองไปทีละคน พี่ชายทั้งสี่ยังนั่งยิ้ม ตาเคลิ้ม เมื่อคิดถึงคนรักของตน รณพีร์เป็นคนเดียวในห้องที่หน้ายุ่งต่อไป

“รณพีร์ที่ควรจะรู้จักความรักมากที่สุด กลายเป็นคนไม่รู้อะไรหรือนี่ แย่แล้ว” รณพีร์พึมพำออกมา ยามนี้ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์รู้สึกเหมือนโดนลูบคม เสียเหลี่ยมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อตั้งสติได้ว่าเวลานี้เขาอยู่ตามลำพัง จึงพูดเสียงดังกับตัวเอง
“กระผม เรืออากาศโท ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพ ขออนุญาตไปเที่ยวคนเดียวก็ได้ครับ”

แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ในร้านโลลิตา...นักท่องราตรีเต้นรำกันอย่างสนุกสนานกับวงดนตรี นักร้องร้องเพลงฝรั่ง รณพีร์เดินนำกัปตันเข้ามานั่ง ด้วยคุ้นเคยกับสถานที่นี้ดีอยู่ รณพีร์หลับตา พยายามทำใจให้สบาย แต่แล้วคำพูดของธราธรก็แทรกเข้ามาอีก
‘ความรักสำหรับพี่นะ ไม่เหมือนตกหลุมแบบที่เขาพูดๆกัน แต่มันเหมือนอืม...จู่ๆก็มีดอกไม้บานขึ้นรอบๆตัวเรา บานทุกๆครั้งที่เขาปรากฏตัว’
รณพีร์ลืมตาดู เห็นหน้าสาวคนหนึ่งแล้วนิ่วหน้า
“มันยังไม่ใช่”
รณพีร์หันไปจับหน้าสาวคนอื่นบ้าง จับหน้าทีละคน
“นี่ ก็ไม่ใช่...นี่ก็ยังไม่ใช่”
กัปตันมองรณพีร์งงๆว่าเป็นอะไรไป แล้วเขาก็มองตามเสียงฮู้วของชายหนุ่มแถวๆเวทีนักดนตรี ผู้หญิงที่เป็นนักร้องของโลลิต้าขึ้นมาร้องเพลง หนุ่มๆกรูกันเข้าไปที่ข้างเวที ชงโคนักร้องคนสวยเริ่มร้องเพลงมองอะไร กัปตันสกุลตลาเข้ามาต้อนรับรณพีร์
“สวัสดีครับคุณชายพีร์ วันนี้เพื่อนคุณชายมากันหลายคนเลยนะครับ อยู่ด้านหน้าฟอร์นะครับ”
“กัปตันสกุลสบายดีนะครับ”
“เชิญครับๆ คุณชาย”
หมวดก้อหันมาเห็นรีบชวน
“สวัสดีครับพี่พีร์นั่งด้วยกัน นั่งด้วยกัน นั่งเลยคุณชายมุมนี้น่าจะเหมาะ ทางหญิงผ่านคุณชาย”
รณพีร์นั่งมองนักเต้นสาว เต้นไปหันมามองรณพีร์ สองสาวนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆวิจารณ์ความหล่อของเขา อีกสาวเดินเหล่มามอง แล้วเดินไปหาเพื่อนที่นัดไว้ ส่วนสาวอีกคนเดินมากระซิบรณพีร์ยิ้มๆแล้วเดินกลับไป
บนเวทีชงโคขึ้นร้องเพลงมองอะไร กลุ่มเพื่อนๆชวนรณพีร์ดู ชงโคร้องเต้นสนุกสนาน เขาเริ่มถูกใจ...อีกมุมมีหนุ่มขี้เมาสามคนเริ่มเข้าไปลวนลาม
“เหนื่อยมั้ยจ๊ะ มานั่งพักในใจพี่มั้ยคะ”
นักเที่ยวขี้เมาลวนลามจับมือ ชงโคพยายามสะบัดอย่างสุภาพ นักเที่ยวเริ่มลวนลามนักขึ้น รณพีร์ลุกขึ้น
“คุณครับกรุณาสุภาพกับสุภาพสตรีหน่อยมั้ยครับ”
นักเที่ยวผลักอกรณพีร์
“มึงเป็นใครวะ มายุ่งอะไรด้วยผู้หญิงคนนี้ของกู”
นักเที่ยวขยับจะลวนลามอีก รณพีร์เข้าขวาง นักเที่ยวสะบัดมือหลุดและเรียกเพื่อนอีก 2 คนเข้ามารุม ผู้คนเริ่มแตกตื่น กลุ่มเพื่อนรณพีร์จะขยับช่วย หมวดคึ้ดห้าม
“ไอ้เต้ย มึงอย่าไปเดี๋ยวมัยตาย”
หมวดก้อยิ้มๆ
“ปล่ยพี่พีร์เขาเถอะ”
กลุ่มเพื่อนนั่งดูอย่างสบายใจ รณพีร์ซัดสามคนหมอบ กัปตันสกุลตลา บ๋อย พนักงาน ช่วยลากนักเที่ยวขี้เมาสามคนออกไป กัปตันสกุลตลาหันมาบอกแขก
“ไม่มีอะไรแล้วครับทุกคน เรามาสนุกกับเสียงเพลงกันต่อดีกว่านะครับ...เริ่มต่อได้เลย”
ชงโคร้องเพลงมองอะไร ส่งสายตามองขอบคุณรณพีร์ที่กำลังกลับไปที่โต๊ะ บรรยากาศสนุกสนาน

วันใหม่...รณพีร์กับชงโคนั่งอยู่ในร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติก ทั้งสองทานข้าวนั่งมองหน้ากันอย่างหลงใหล
“คุณนี่สวยจังเลยนะครับ ยิ่งมองยิ่งสวย”
“เขาว่ากันว่า วังของคุณชายใหญ่โตมาก เรากินข้าวเสร็จไปเที่ยววังของคุณชายกันไหมคะ”
รณพีร์ชะงัก หมดอารมณ์โรแมนติก เสไปกินน้ำ แล้วหาทางออกไปที่จานอาหาร
“กุ้งนี่ตัวใหญ่จังเลย ผมแกะให้ดีไหมครับ”

อีกวัน...ในสวนสาธารณะ รณพีร์อารมณ์ดีมีความสุขได้อยู่กับสาวสวย
“เขาว่ากันว่า ห้าสิงห์จุฑาเทพ ไม่ได้หน้าตาดีอย่างเดียว หน้าที่การงานก็ดี ร่ำรวยทุกคน โดยเฉพาะพี่ชายของคุณชายเป็นเจ้าของห้างหยกฟ้าด้วยใช่ไหมคะ ชงโคอยากเห็นพี่ๆของคุณค่ะ”
รณพีร์ยิ้มๆ อยู่หน้าเหี่ยว เซ็ง

“อ้อ...ครับ ได้สิครับ”

ร้านโลลิต้ายามค่ำคืน...วงดนตรีบนเวทีร้องเพลงช้า What a wonderful World คู่เต้นรณพีร์ ชงโค และคู่อื่นๆ สโลซบในอารมณ์รักโรแมนติก

“คุณชายคะ”
“มีอะไรครับ”
“ถ้าสมมุติชงโคได้แต่งงานกับคุณชาย ชงโคจะได้เป็นหม่อมไหมคะ พ่อแม่ชงโคจะได้เข้าไปอยู่ในวังไหม ชงโคไม่อยากร้องเพลงแล้ว เป็นหม่อมของคุณชายไม่ต้องร้องเพลงก็ได้ใช่ไหมคะ”
เพลงจบพอดี คราวนี้รณพีร์ ยิ้มกว้าง ปล่อยมือจากชงโคออกมายืนประจันหน้า บอกอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้ม
“หม่อมนี่ต้องเป็นชายา หรือภรรยาหม่อมเจ้านะครับ ถ้าน้องชงโคคนงามอยากเป็นหม่อมต้องไปเป็นเมียของหม่อมเจ้าครับ ไม่ใช่หม่อมราชวงศ์อย่างผม”
รณพีร์โค้งหัวให้แล้วยิ้ม แล้วหน้าบึ้งเดินจากไปเลย ชงโคหน้าเหวอ
“เอ้าคุณชายไปไหนคะ คุณชาย”
ชงโคยืนงงว่าพูดผิดตรงไหน

รณพีร์เล่าเรื่องชงโคให้พี่ชายฟัง ธราธรกับพุฒิภัทรหัวเราะร่วน
“ที่ชายพีร์เล่ามาทั้งหมด สรุปว่าจบเหมือนเคย ไม่มีใครฝ่าด่าน หัวใจของชายพีร์ได้” ธราธรสรุป
รณพีร์ถอนใจบาๆ
“ก็มันน่าเบื่อจริงๆนี่ครับ ถ้าเป็นพวกลูกสาวผู้ดี ก็เงียบ อายเขิน เหมือนตุ๊กตาที่ตั้งเอาไว้เฉยๆ อยู่ด้วยเกินสามครั้งมันก็ไม่ไหวนะครับพี่ชายใหญ่ ถ้าเป็นพวกเปิ๊ดสะก๊าดหน่อย ก็เหมือนยายชงโคนี่แหละครับ อยากเป็นหม่อมอยู่วัง เหมือนๆกันหมด”
“ชายพีร์ไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน อืม...” พุฒิภัทรนิ่งคิด “คงไม่ดีนัก”
ทั้งสามชะงัก รู้ทันทีว่าคือเรื่องอะไร ขณะเดียวกันนั้นแจ๋วเข้ามาในห้อง
“คุณชายรณพีร์ขา หม่อมท่านให้มาเรียนเชิญค่ะ”
ทั้งสามเครียดทันที
“แย่แล้ว!”
รณพีร์กังวลขึ้นมาทันที

รณพีร์ ย่าอ่อน หม่อมเอียด นั่งคุยกันที่โถงวังจุฑาเทพ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อคืน ย่านอนหลับ...ฝันดีมาก ฝันถึงนางฟ้า” ย่าอ่อนพูดขึ้น
“นางฟ้า อะไรเหรอครับ นางฟ้าตกสวรรค์เหรอ”
ย่าอ่อนหยิกที่น่อง รณพีร์ร้องโอ๊ย ถดหนีอย่างกะล่อน
“นางฟ้าจริงๆ”
ย่าอ่อนนึกถึงภาพในฝัน...รณพีร์อยู่ในชุดสูทขาวยืนเท่อยู่ท่ามกลางฉากสีขาว จู่ๆ วิไลรัมภาในชุดนางฟ้าลอยมาแล้วตกลงมาในอ้อมกอดของเขารณพีร์หันไปรับไว้ได้ หน้าของย่าอ่อนยิ้มเคลิ้มกับฝันตนเอง มาก
“ฝันอันนี้เป็นลางบอกเหตุว่า เบื้องบนจะประทานนางฟ้ามาเป็นหลานสะใภ้ของย่า”
“ผมจะไปหานางฟ้ามาทำไมอีก ผมมีย่าอ่อนกับย่าเอียด ก็เหมือนนางฟ้าของผมแล้ว”
รณพีร์ทำท่าจะนอนตักย่าอ่อน ประจบตามสไตล์
“นี่อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งทำเป็นเล่น”
ย่าอ่อนกระถดหนีหัวรณพีร์กระแทกเปรี้ยงลงบนพื้นเบาๆ ร้องโอ๊ย ย่าอ่อนหันไปหาหม่อมเอียด
“คุณพี่ขา ฝันลางดีแบบนี้แปลว่า ชายพีร์กำลังจะได้ออกเรือนเหมือนกับพี่คนอื่นๆนะคะ”
หม่อมเอียดคิดตาม...
“ก็คุณย่าบอกเอง คู่ของผมเป็นนางฟ้า เราจะไปหานางฟ้ามาจากไหนล่ะครับ”
รณพีร์หันไปหยิบขนมมาใส่ปาก ไม่ค่อยสนใจ สบายๆเหมือนเคย
"ก็หนูวิไลรัมภาไงเล่า” ย่าอ่อนโพล่งออกมา
รณพีร์สำลักขนม ไอแค่กๆ
“ใช่...หม่อมหลวงวิไลรัมภา เทวพรหม” หม่อมเอียดคิดตาม สนใจมาก
ย่าอ่อนเสริม
“ชื่อของเธอแปลว่านางฟ้าไงคะคุณพี่ นางฟ้าในฝันของน้องประพิมพ์ ประพาย คล้ายหนูวิไลรัมภาจริงๆค่ะ”
หม่อมเอียดมองหน้ารณพีร์
“ที่จริงถ้าชายพีร์แต่งงานกับวิไลรัมภาเร็วๆนี้ก็ดีเหมือนกัน ย่าจะได้ตายตาหลับ สัญญาระหว่างเทวพรหมและจุฑาเทพ จะได้จบสิ้น...ตั้งแต่ท่านชายวิช พ่อของเราตายไป ย่าต้องเลี้ยงดูเราทั้งห้าคน ถึงตอนนี้แต่ละคนมีงานมีการ กำลังจะมีเหย้ามีเรือน ที่เหลือสุดท้ายก็คือคำสัญญาข้อนี้แหละ”
ย่าอ่อนตัดบท
“เสาร์อาทิตย์นี้ เราเชิญคุณชายเทวพันธ์กับ หนูรัมภามาทานข้าว คุยกันเรื่องงานแต่งงานดีไหมคะคุณพี่”
หม่อมเอียดพยักหน้าเห็นดีด้วย
“ก็ดีนะ ย่าออกจะเบื่อเรื่องเที่ยวเตร่ของชายพีร์เต็มทน แต่งงานไปเสีย จะได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น”
รณพีร์ลุกขึ้น หน้าตาตื่น เสียงดังมาก แสร้งมองนาฬิกา
“โอ๊ะๆ โอ๊ย ตายแล้วครับ หม่อมย่า”
หม่อมเอียดหน้าตื่นตกใจ
“อะไรกันชายพีร์ ตายอะไร ใครตาย”
ย่าอ่อนกับหม่อมเอียด จับอกตกใจ
“เข้าเวร...ผมต้องไปเข้าเวร เพิ่งนึกออก วันนี้มีประชุมกับผู้การด้วย แย่แล้วไอ้พีร์ กราบลาครับหม่อมย่า ลานะครับคนสวย”
รณพีร์หอมแก้มย่าอ่อน วิ่งหายไปทันที หม่อมเอียดส่ายหน้าระอา
“กะล่อนนัก มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ถ้าฉันเอาเธอไม่อยู่นะชายพีร์ เขาคงไม่เรียกฉันว่านางสิงห์แห่งจุฑาเทพหรอก”
สีหน้าหม่อมเอียดหมายมาด
“แปลว่าคุณพี่เห็นด้วยกับฝันบอกเหตุของดิฉันใช่ไหมคะ”
หม่อมเอียดพยักหน้า
“ถึงเวลาที่เราต้องจัดการชายพีร์อย่างจริงจัง เราพลาดการเป็นทองแผ่นเดียวกันของสองตระกูลมาถึงสี่ครั้ง สี่คู่ เราจะพลาดไม่ได้อีก ชายพีร์ต้องแต่งงานกับวิไลรัมภาเท่านั้น”

ย่าอ่อนพยักหน้าเห็นด้วย หมายมาดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

วันใหม่...เครื่องบินจอดเรียงรายที่ฐาน นายทหารช่างและทหารที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมตรวจเครื่องบิน เพื่อนำเครื่องขึ้น ตราของเครื่องบินเป็นเสือสง่างาม ขันติกับกำพลรอดูอยู่ที่ศูนย์ควบคุม ดูการฝึกบินประจำวันของรณพีร์ ทั้งสองนึกถึงคำพูดของรณพีร์ที่สอนพวกเขา

‘การได้เป็นนักบินขับไล่ไอพ่น F86F สังกัดกองบิน 1 แห่งกองทัพอากาศไทย ถือเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิตชายชาติทหาร’
รณพีร์ สวมเรย์แบนเดินผ่านพระอาทิตย์ตก เท่สุดๆมาในชุดนักบิน ขันติยิ้มชื่นชม
“พี่พีร์เท่สุดๆไปเลยว่ะ”
ไม่นานนักเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า...รณพีร์ขับอย่างมั่นใจ

รณพีร์เดินนำ กำพลกับขันติ สองหนุ่มมานั่งห้องพักผ่อนนักบิน รณพีร์ถือเอกสารชาร์ทการบิน 2 อัน ข้อสอบที่ขันติกับกำพลเพิ่งส่งให้มาดูด้วย สองหนุ่มลุ้นว่า รณพีร์จะตอบว่าไง
“เป็นไงครับพี่ เราสองคนสอบผ่านข้อเขียนของพี่หรือเปล่า” ขันติถาม
“ผ่านคนหนึ่ง”
กำพลลุ้นๆ
“ใครครับ”
“กำพลผ่าน ขันติ ไม่ผ่าน”
กำพลยิ้ม ขันติเซ็ง

รณพีร์กับกำพลเดินคุยกันมาที่จอดรถ กำพลบอกอย่างดีใจ
“อย่างนี้ผมก็ได้ขับ Jax แล้วซิครับ”
รถสองคันจอดอยู่ จากัวร์สวยเท่หรูของรณพีร์กับรถเก่าของกำพล รณพีร์หยิบกุญแจรถโยนให้กำพล
“เอ้า...เอาไป อาทิตย์หนึ่งตามสัญญา”
กำพลดีใจสุดๆ
“ได้ขี่จากัวร์แล้วโว้ย ขอบคุณครับ ไปล่ะไอ้ขันแตก”
ขันติวิ่งตามมา
“เฮ้ยกูไปด้วย”
ทั้งสองจะรีบไปขึ้นรถ กำพลนึกอะไรได้หยิบกุญแจยื่นให้รณพีร์
“นี่กุญแจรถผมครับ เผื่อพี่พีร์จะไปไหน”
รณพีร์ชี้ไปที่รถ
“ไอ้แก่ของแกเนี่ยนะ”
“เอ๊า...เครื่องมันยังดีอยู่นะพี่ เอาน่า เผื่อไว้”
กำพละกำลังจะเดินออก ขันติตะโกน
“เฮ้ยๆรอกูด้วยโว้ย”

รณพีร์จะออกจากห้องพักเห็นพิมพรรณกับไฉไล เดินสวนเข้ามา ไฉไลมองรณพีร์เคลิบเคลิ้ม
“คุณพิมพรรณ คุณไฉไล มาพบยอดยศหรือครับ”
”ฉันมาพบคุณชายค่ะ ต้องการคุยกับคุณ”
พิมพรรณแค่เริ่มก็น้ำตาคลอแล้ว รณพีร์เป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรครับ นั่งก่อนซิครับ”
พิมพรรณมองไปที่รูปของสามเสืออากาศในชุดนักบินกอดคอกันที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะ รณพีร์ ชัชวีร์และยอดยศ พิมพรรณมองเศร้าๆ
“คุณชายรณพีร์ คุณชัชวีร์และคุณยอดยศ เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน พวกคุณรักกันมาก”
“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาเถอะครับ”
พิมพรรณร้องไห้โฮออกมา พูดออกมาไม่ได้ ส่ายหน้าน้ำตาร่วงอยู่ตรงนั้น รณพีร์ตกใจ
“นี่มันอะไรกันครับคุณไฉไล”
ไฉไลแฉแหลก
“คุณยอดยศน่ะค่ะ หมั้นกับคุณพิมแล้วแท้ๆ ยังนอกใจไปมีคนอื่น”
รณพีร์ชะงัก
“คนอื่นที่ว่าใครครับ”
“ยิ่งพูดยิ่งแค้น ดาราหนังชื่อเพียงขวัญน่ะค่ะ ผู้หญิงเต้นกินรำกิน ไปคว้ามาได้ยังไง เทียบกับลูกสาวนายพลอย่างพิมไม่ได้สักนิด”
รณพีร์อึ้งๆ
“นี่เรื่องจริงหรือครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย”
พิมพรรณน้ำตาไหลอาบแก้ม
“มีคนเห็นพี่ยอดไปเฝ้าแม่ดาราคนนี้ที่กองถ่ายหลายครั้งแล้ว พอพิมถามเธอก็โกรธ หาว่าพิมจับผิด”
“ไปเฝ้าที่กองถ่ายเลยหรือครับ มิน่า หายหน้าไป...ไม่เจอเลย”
“คุณชายพีร์ ช่วยพูดกับพี่ยอดทีนะคะ พี่ยอดรักและสนิทกับคุณชายมาก ถ้าคุณพูดกับเธอ เตือนสติเธอ พี่ยอดต้องฟังคุณแน่ๆ”
รณพีร์ชะงักไปนิด
“ผมน่ะหรือครับ”
พิมพรรณแววตาวิงวอน
“ค่ะ...เห็นใจพิมเถอะนะคะ ทุกวันนี้พิมกินไม่ได้นอนไม่หลับ พ่อแม่ก็เอาแต่ถามเรื่องแต่งงาน พิมไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ ฮือๆ”

พิมพรรณร้องไห้อย่างหนัก ไฉไลต้องไปกอด รณพีร์มองอย่างสงสารพิมพรรณ

วันใหม่...รณพีร์ขับรถของกำพลไปที่บ้านพักอุทยานในป่า ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เมื่อจอดรถที่ลานขอดรถแล้ว เขาเดินตามแนวน้ำตก เห็นทีมงานย้ายไฟ นักแสดงสมทบเดินสายไฟมา

ฉากในกองถ่ายภาพยนตร์ในป่า มีสระอโนดาตสวยงาม ดูเป็นหนังแฟนซี รณพีร์เดินเข้ามาในบรรยากาศโรงถ่ายวุ่นวายเตรียมถ่ายฉากสำคัญ

ผู้กำกับชนะ กับทีมงานเตรียมตัว ส่วนเพ้งนอนหลับกรนคร่อกอยู่ที่เก้าอี้ห่างไป ชนะออกคำสั่ง
“เอาล่ะนะ พร้อมไหมทุกคน กล้องพร้อมไหม ไฟพร้อมไหม ไอ้ชาติดูเครื่องชักรอกกูดีๆนะ อย่าพลาดนะ เอาล่ะ กล้องพร้อม...แอคชั่น”
รณพีร์เดินมาถึง ขนนกสีทองอันหนึ่งไร้ที่มาใดๆจู่ๆ ลอยจากฟ้าลงมาโดนที่เสื้อ เขาหยิบขนนกดู รณพีร์มองตามขึ้นไปข้างบน เพียงขวัญในชุดกินรีสีขาวทองติดสลิงสวยงามราวกับนางฟ้าลอยตัวสวยงามลงมาราวกับนกร่อนช้าๆลงมา จนมาอยู่เหนือหัวของรณพีร์ ทั้งสองประจันสายตา เพราะสลิงมาค้างเอาตรงนี้...รณพีร์ เกิดเคมีในร่างกายบางอย่าง จนร้อนไปทั้งตัวเมื่อสบตากับเธอ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเพียงขวัญ ที่รู้สึกเช่นเดียวกัน
“นางฟ้า” รณพีร์พึมพำ
คนทำชักรอกวุ่นวายกับเครื่องหน้าตาประหลาดของตน
“เฮ้ย สลิงค้าง”
คนชักรอกเข้าไปกดๆ จับๆ ที่เครื่องหน้าตาประหลาดแบบไทยประดิษฐ์วุ่นวาย ชนะวิ่งไปที่เครื่องชักรอกของตัวเอง
“เฮ้ย...ให้มันลงไปที่สระอโนดาตสิวะ ค้างอยู่ตรงนั้นได้ไง โธ่โว้ยก็ปุ่มนี้ไงเล่า บอกให้หมุนเส้นนี้เส้นนี้”
เสียงครืนดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องวี้ดจากทีมงานดังขึ้น เพ้งสะดุ้งตื่นทันที
“เฮ้ย”
ร่างของเพียงขวัญถลาอย่างรวดเร็วจากที่ค้างอยู่เข้าไปกอดรณพีร์ เพียงขวัญอยู่บนตัวเขาพอดี ทั้งสองตกใจ รณพีร์มองหน้าเพียงขวัญใกล้ๆ ยิ่งดูยิ่งสวยถึงกับรำพึงออกมา
“นางฟ้า”
เพียงขวัญงงไม่เข้าใจคำพูด แต่เข้าใจสายตาที่มองมา ได้แต่เขิน ก้มหน้า แล้วนึกได้ว่าอยู่บนตัวรณพีร์
“ขอโทษค่ะ ปล่อยฉันลงได้แล้วค่ะ”
เพียงขวัญพยายามลุกอย่างยากลำบาก เพราะชุดและสายสลิงที่ติดตัวอยู่
“ผมช่วยครับ”
รณพีร์ช่วยจับแต่เพียงขวัญปัดมือ สะบัดออกเหมือนรังเกียจ แต่จริงๆคืออายและหวงตัว
“ไม่ต้องค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
รณพีร์ตกใจ รีบดึงมือตัวเองออก อย่างเกรงใจ
“ขอโทษครับ”
ทั้งสองยืนขึ้นได้ รณพีร์อยากสานต่อด้วยการแนะนำตัว
“คือผม...”
ชนะวิ่งเข้ามาขวางกลางทันที โวยใส่รณพีร์
“คุณเข้ามาได้ยังไง กองถ่ายกำลังทำงานนะครับ”
ผู้ช่วยเข้าไปกันรณพีร์ให้ออกห่างไปจากเพียงขวัญ
“คนที่ไม่เกี่ยวข้องเชิญออกไปก่อนครับ เชิญทางนี้ครับ”
ชนะพาเพียงขวัญไปกองใหญ่ ผู้ช่วยลากรณพีร์ที่มองเพียงขวัญอย่างอาลัยอาวรณ์ออกไป
“หนูเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผมขอโทษนะครับ...โฮ้ยมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกันเนี่ย”

รณพีร์ถูกกันออกมายืนข้างบงกชที่แต่งตัวคล้ายเพียงขวัญ เตรียมเล่นเป็นกินรีพี่สาวเพียงขวัญ เตรียมเข้าฉากอยู่ สายตารณพีร์ยังมองแต่เพียงขวัญไม่วางตา ผู้ช่วยกำชับรณพีร์
“รอตรงนี้นะครับ ห้ามเข้าไปยุ่งใน set อีกเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาดนะครับเข้าใจไหม”
ผู้ช่วยวิ่งกลับไปวุ่นกับเพียงขวัญ บงกชอิจฉาริษยาเพียงขวัญที่ได้ตำแหน่งนางเอกไป ระบายอารมณ์ให้รณพีร์ฟังทันที เธอเดินเข้ามาข้างๆเขา
“ฮึ...ผิดคิวหน่อยเดียว วุ่นทั้งกอง ก็อย่างว่าล่ะนะ นางเอกคนสวยเจ็บขึ้นมา ผู้อำนวยการ ผู้กำกับ เห็นทีจะกินข้าวไม่ลง”
รณพีร์งงๆ
“อะไรนะครับ”
“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ”
“ผมมาหาคน เอ้อ...ไม่ทราบรู้จักยอดยศไหมครับ”
“อ๋อ คนที่เป็นนักบิน คุณเป็นนักบินด้วยหรือคะ”
“ครับ ผมชื่อ เอ้อ...พีร์ครับ”
“ดิฉันชื่อบงกช เคยดูหนังฉันไหมคะ”
รณพีร์ไม่คุ้น แต่แสร้งว่ารู้จัก
“อ๋อ...เอ่อ...ครับ”
บงกชพยักหน้าเข้าใจ ดูเป็นคนมีไมตรี
“คุณยอดยศมาทุกวัน ทุกคนในกองรู้จักดี คุณไปรอตรงโน้นกับฉันก็ได้ค่ะ”

บงกชเดินนำไป รณพีร์เดินตาม ตามองเพียงขวัญตลอด

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ทั้งสองเข้ามานั่งพัก รณพีร์มองไปเห็นเพ้งและชนะ ยังห้อมล้อมเพียงขวัญอยู่ ผู้ช่วยชายคนหนึ่งกำลังพยายามแกะสลิงออกจากตัวของเพียงขวัญ แต่เงื่อนที่ผูกติดหลังมันซับซ้อนมาก แกะยากเย็น บงกชเซ็งมาก

“ฮึ...ป่านนี้ยังไม่เสร็จเรื่อง วันนี้คงไม่ได้สักฉาก”
“นั่นนางเอกหรือครับ สวยดีนะครับ”
“สวยสิคะ สวยมากจนผู้ชายวุ่นทั้งกอง คนเสื้อลายนั่นเสี่ยเพ้งเจ้าของหนังทำท่าจะเลื่อนเจ้าหล่อนจากนางเอก ขึ้นเป็นเมียผู้อำนวยการอยู่รอมร่อ”
เสี่ยเพ้งโวยวายชนะเรื่องสลิงไม่หยุด รณพีร์มองตาม นิ่วหน้าว่าเพ้งเนี่ยนะ
“แต่พวกช่างไฟที่ไปส่ง เขาว่าแม่นางเอกหน้าใสน่ะ อยู่บ้านเดียวกับคุณชนะผู้กำกับ มิน่า จากดาวรุ่งกลายเป็นนางเอกชั่วข้ามคืนเพราะย้ายบ้านไปอยู่รวมกับผู้กำกับนี่เอง”
รณพีร์เลื่อนสายตาไปมองชนะ ยิ่งนิ่วหน้าอีก
“เฮอะ ผู้หญิงสมัยนี้ ใครมีเงิน มีผลประโยชน์ให้ก็ไปทั้งนั้น เพื่อนคุณ คุณยอดยศก็ เป็นลูกนายพลใช่ไหมคะ ตาสีตาสาคนธรรมดายายเพียงขวัญไม่สนหรอกค่ะ”
รณพีร์อึ้งไป
“เพียงขวัญ”
“นักบินอย่างคุณยอดยศคงไม่ถึงกับมาช่วยยกฉากหรอกค่ะ เธอมาติดแม่ดาราคนนี้ คุณไม่ทราบหรือคะ”
รณพีร์ลุกขึ้น บงกชแปลกใจ
“เอ้า...ทำไมคะ จะกลับแล้วหรือคะ”
รณพีร์ขบกราม บงกชมองไปเห็น
“เอ้า คุณยอดยศมาพอดี”
ยอดยศเดินถือถุงขนมนมเนยมา รณพีร์เรียก
“เฮ้ย ไอ้ยอด”
ยอดยศมองภาพตรงหน้า เพียงขวัญถูกล้อม ตกใจมาก ทำขนมหล่นพื้น ไม่เห็นรณพีร์ ไม่เห็นใครทั้งนั้น
“คุณเพียงขวัญ เป็นอะไรไป”
ยอดยศวิ่งผ่านหน้ารณพีร์ไปหาเพียงขวัญไปล้อมนางเอกอีกคน รณพีร์งงที่ยอดยศไม่เห็นตน
“ไอ้ยอด”

ช่างกล้องทยอยเก็บกล้อง ยอดยศแทรกทุกคนเข้าไปล้อมเพียงขวัญเช่นเดียวกับเพ้งและชนะ ยอดยศเขาถามอย่างเป็นห่วง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับนี่”
ชนะหันมาบอก
“คุณเพียงขวัญตกจากเครื่องชักรอกน่ะ”
เพ้งโวยวาย
“บอกลื้อหลายหนแล้ว ให้ถ่ายแบบธรรมดา ใช้มุมกล้องซ้อนเอาเหมือนคนอื่นเขาก็ได้”
ชนะจ๋อยๆ
“ผมกำลังประดิษฐ์เครื่องมือแบบโขนชักรอก ถ้าผมทำได้จะเป็นของใหม่สำหรับวงการภาพยนตร์ไทยบ้านเราเลยนะครับ”
“หนังคราวที่แล้วก็ทำอั๊วเจ๊งไปรอบหนึ่งแล้ว ก็เพราะไอ้เครื่องมือพวกนี้”
เพียงขวัญแทรกขึ้น
“เสี่ยคะ ถ้าตัวกินรี นางเอกเรื่องนี้ลอยได้เหมือนนกจริงๆอย่างที่คุณชนะเขาเสนอ คนก็จะเอาไปพูดๆกัน หนังก็จะมีคนมาดูเพิ่มขึ้นนะคะ โอ๊ยเจ็บ”
เพียงขวัญสะดุ้งเพราะคนแกะสลิงทำเพียงขวัญเจ็บที่หลัง เพ้งตรงเข้าไปผลักผู้ช่วยคนนั้นออกไปทันที
“เฮ้ยแกะดีๆสิวะ มานี่อั้วแกะเองเดี๋ยวเนื้อขาวๆเป็นรอยหมด อั๊วไม่ยอมนะ”
เพียงขวัญห้าม
“อย่าค่ะอย่า มันติดอยู่กับเอ่อ...เดี๋ยวมันจะขาดนะคะ คุณชนะช่วยหน่อยค่ะ”
รณพีร์ได้ยินทุกอย่าง อึ้งกับสายตาของเพียงขวัญที่มองชนะเหมือนไว้ใจมาก ชนะจะเข้ามาตามสายตาขอร้องของเพียงขวัญ เพ้งผลักชนะออกไป เข้าไปวุ่นวายกับหลังขาวๆของเพียงขวัญต่อไป
“โฮ้ย ผมแกะเอง...ผมมือเบา”
ยอดยศเข้ามา
“เสี่ย...ผมว่าให้จันทน์กระพ้อ ผู้หญิงด้วยกันมาทำดีกว่าไหมครับ คุณจันท์อยู่ไหนคุณจันท์”
ยอดยศมองหา ตัวก็เข้าไปขวาง เพ้งไม่พอใจ
“เอ๊ะ คุณนี่ มาวุ่นวายอะไรด้วย ออกไป”
เพ้งผลัก ยอดยศชักฉุน
“เฮ้ย แค่นี้ต้องผลักด้วยหรือวะ”
จันทน์กะพ้อมือถือข้าวกับกาแฟเพิ่งไปซื้อกลับมา วิ่งมาถึง ยังอยู่ห่างๆตะโกนเรียก ห่วงๆ
“ขวัญ”
เพ้งโวยใส่ยอดยศ
“ก็คุณไม่เกี่ยว นี่มันกองถ่ายของผม คุณนั่นแหล่ะมาจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง”

“พูดอย่างนี้คงอยากมีเรื่อง มานี่เลย ไอ้คนฉวยโอกาส”

ยอดยศสติแตกลากคอเพ้งออกมาจากตัวเพียงขวัญ คนร้องวี้ดกัน เพ้งงงๆ ลอยตามมือยอดยศออกมา ขนาดสาวทอมอย่างจันทน์กะพ้อ ยังตกใจทำอะไรไม่ถูก เพียงขวัญร้องห้าม

“คุณยอดยศ หยุดนะ คุณยศ”
“ฉันอดทนกับแกมามากพอแล้ว ไอ้เสี่ยเพ้งวันนี้ขอทีเถอะวะ”
ยอดยศเหวี่ยงหมัดออกไป รณพีร์ล็อคแขนยอดยศไว้ทันหมัดของยอดยศ จู่ๆ ก็ไปหยุดที่กลางอากาศ ด้วยมือของรณพีร์ที่มายืนขวางกลางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สกัดความบ้าของยอดยศไว้อยู่หมัด ก่อนที่หมัดมันจะลงไปที่หน้าของเพ้ง รณพีร์จับหมัดของยอดยศไว้ก่อนด้วยมือของตน ยอดยศพยายามดึงมือออก รณพีร์ยังบีบไว้
“ศึกหน้านางหรอวะ”
ยอดยศหันหน้ามามอง
“ไอ้พีร์”
รณพีร์มองเพียงขวัญดุๆ เพียงขวัญอึ้งๆ อายๆ
“ไม่สมาร์ทหรอก ผู้หญิงเขาอึดอัดใจเปล่าๆ ที่สำคัญสถานที่ตรงนี้เป็นที่ของเขา แต่เราน่ะส่วนเกิน ยังไงใจเย็นหน่อย คุณน่ะ…” รณพีร์ชี้จันทน์กะพ้อ “อย่ามัวตกใจ มาจัดการคุณนางเอกของคุณสิครับ”
จันท์กระพ้อรีบมาจัดการเพียงขวัญ ปลดสลิงที่หลังแทนผู้ชายทั้งหลาย
“ขวัญไม่เป็นไรใช่มั้ย ฉันตกใจหมดเลย”
รณพีร์บอกเพ้ง
“ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย” เขาหันไปบอกชนะ “ขอโทษด้วยครับ มานี่ มากับฉัน”
รณพีร์เข้าไปล็อคคอยอดยศไปด้วยกัน เพ้งตะโกนไล่หลัง
“โธ่โว้ย ไอ้ยอดยศ ฝากไว้ก่อนนะมึง พวกแกทั้งหมดฟังฉันนะ อย่าให้ไอ้ยอดยศคนนี้มันเข้ามาที่กองถ่ายอั๊วะอีก ได้ยินไหม”

รณพีร์ลากยอดยศมาคุยกันสองคน พยายามเรียกสติเพื่อนกลับมา
“มานี่ มานี่เลย นั่งลงคุยกัน”
ยอดยศไม่ยอมนั่ง ยังโวยวาย
“ไอ้พีร์ นายไม่เข้าใจ ไอ้เสี่ยนั่นมันฉวยโอกาสผู้หญิงเขามาหลายหนแล้ว เดี๋ยวๆก็ เสื้อยับ เดี๋ยวก็ผมไม่สวย มันแต๊ะอั๋งคุณขวัญประจำ”
“นางเอกก็ต้องเป็นลูกจ้างของนายจ้างซึ่งก็คือเสี่ยนั่น แล้วนายล่ะเป็นอะไรกับนางเอกคนนั้น อยู่ๆ มาเดินเพ่นพ่านในกองถ่ายเค้าอย่างนี้”
ยอดยศอึกอัก
“ฉันเป็น...ฉันเป็น...เอ้อ...”
ยอดยศอึ้งไป รณพีร์จ้องหน้า
“เกือบเดือนมานี่ ฉันไม่เห็นหน้านายเลย วันๆหนีงานมาขลุกอยู่ที่นี่ ถามจริงๆ นายยังจำได้อยู่ใช่ไหมว่านายน่ะมีคู่หมั้นแล้ว ต้องให้บอกไหมว่าคู่หมั้นนายชื่ออะไร”
ยอดยศอึ้งไป
“คุณพิมเขาไปบอกนายหรือ”
“จะบอกหรือไม่บอกไม่สำคัญ แต่เป็นลูกผู้ชาย คำว่าความรับผิดชอบน่ะมีไหม”
“เห็นใจฉันหน่อยสิวะ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ฉันก็อยากคิดให้ดีก่อน แล้วถ้าเกิดฉันกับคุณพิมไม่ได้รักกันจริงๆ มาหย่ากันทีหลัง จะเสียใจกันไปเปล่าๆ”
“นายนี่มัน...ตอนที่นายหลงคุณพิม นายก็มานั่งเพ้อว่าขาดคุณพิมไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ฉันได้ยินกับหู มันแค่ปีที่แล้วนี้เองนะโว้ย”
ยอดยศ ดูหน้ามืดตามัว ไร้เหตุผล จนรณพีร์อ่อนใจ
“ก็...ก็...กับคุณขวัญ...ฉันก็รักเขานี่นา รักเขาตั้งแต่วันแรกเห็นเลย”
ยอดยศเริ่มเพ้อไปถึงอดีต
“วันนั้นฉันเจอเขาข้างทาง”

ในอดีต...เพียงขวัญรถเสียอยู่ข้างทาง เธอกำลังเหยียบแม่แรงคล่องแคล่วเปลี่ยนยางเอง มีเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถยืนอยู่ข้างๆ ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นผู้หญิง ยอดยศขับรถมามอง ยิ้มๆ ขำๆ...ยอดยศวิ่งลงจากรถมาช่วย เพียงขวัญยิ้มแย้มให้

รณพีร์ฟังเรื่องเพียงขวัญ คิดตาม ยอดยศปลื้มมาก
“ผู้หญิงอะไร เก่งชะมัดเลย เปลี่ยนยางเองก็ได้ ไม่ต้องง้อผู้ชาย นายเคยเห็นหรือวะผู้หญิงที่เปลี่ยนยางเป็นน่ะ”
“พอเจอกันวันนั้นแล้วเขาพูดอะไรกับนาย นายกับเขาคบกันถึงไหน เขารู้ใช่ไหมว่านายเป็นลูกนายพล”
“ฉันก็มาหาเขาที่กองถ่าย เขาก็พูดกับฉันนะ เพียงแต่ งานเขามาก เราก็เลยยังไม่ไปถึงไหน แต่ของพรรค์นี้มันต้องใช้เวลาใช่ไหมล่ะ”
รณพีร์คิดตามอย่างหนัก
“แสดงว่ายังไม่ลึกซึ้ง ถ้านายรู้เช่นเห็นชาติเขาว่าเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี นายจะยอมเลิกกับเขามั้ย”
ยอดยศชะงัก
“หมายความว่าไง”
รณพีร์ตบไหล่ยอดยศ ก่อนจะเดินออกไป
“ฉันก็แค่อยากรู้ เสียงลือเสียงเล่าอ้างมีหรือจะสู้เห็นด้วยตา ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงที่มีค่าพอ ที่จะสู้คุณพิมได้จริงหรือเปล่า ฉันจะพิสูจน์ให้แกเห็น”

รณพีร์เดินไป ยอดยศยืนงง

เพียงขวัญนั่งพักดื่มน้ำ จันทน์กะพ้อเดินเข้ามาหา

“เสี่ยเพ้งสั่งหยุดกองถ่ายแล้วบอกว่าให้คุณลุงนะ ซ่อมเครื่องชักรอกให้เสร็จก่อน ยายบงกชบ่นใหญ่ว่าวันนี้มาเสียเที่ยว”
“แล้วลุงนะล่ะ”
“โดนตัดเงิน หักค่าเสียหายที่วันนี้ถ่ายไม่ได้”
เพียงขวัญถอนใจ
“อีกแล้วหรือ ถ่ายเสร็จจะเหลือเงินค่าตัวเท่าไหร่ล่ะนี่”
“เดี๋ยวจันท์ไปช่วยเขาเก็บของก่อนนะ ขวัญไปรอที่บ้านพักอุทยานก่อนแล้วกัน จะได้พักสักงีบ ตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสามไม่ใช่เหรอ”
เพียงขวัญพยักหน้าเดินแยกกับจันท์ จันท์กลับไปที่กองถ่าย

บ้านพักอุทยานมีอยู่หลายหลัง กองถ่ายนอนพักกันที่นี่ เพียงขวัญนั่งลงที่หน้ากระจก เห็นกระป๋องนมร้อยเชือกวางอยู่ เพียงขวัญหยิบขึ้นมาดู แล้วจับเชือกตามออกไป ปรากฏว่ามันยาวออกไปที่ประตู เดินตามไปที่ประตู มองออกไป ก็เห็นแค่ว่าปลายของมันเลี้ยวไปตามหลืบ ตามทางในโรงถ่าย มองไม่เห็นปลายกระป๋องนมที่ควรจะมีอีกด้าน เพียงขวัญเลยยกกระป๋องมาแนบหู และได้ยินเสียงตามสายมา...เสียงรณพีร์อู้อี้ผ่านโทรศัพท์กระป๋องนมเสียงละเหี่ยเหมือนใกล้ตาย
“ช่วยด้วย ผมโดนระเบิด คร่อก”
รณพีร์ทำเสียงเหมือนตายไปแล้ว เพียงขวัญสะดุ้งตกใจมาก ปล่อยกระป๋องลงแกร๊งกับพื้น แต่แล้วก็หยิบขึ้นมาฟังใหม่ด้วยความสงสัยเลยตัดสินใจสาวเชือกตามไปดูด้วยความสงสัย

เพียงขวัญสาวเชือกอันยาวเหยียดมาเรื่อยตามทาง สีหน้าอยากรู้ เธอสาวเชือก ผ่านทางแคบๆของโรงถ่ายไปเรื่อยๆจนเจอมือหนึ่งถือกระป๋องนมอีกด้านของเชือกยื่นออกมาเสนอให้ ในกระป๋องมีกุหลาบแดงปักอยู่ ดนตรีแรง เพียงขวัญตะลึง รณพีร์โผล่ออกมาจากที่ซ่อน พร้อมกระป๋องนมอีกด้านปลายทาง
“คุณนั่นเอง”
“ดอกไม้สวย สำหรับคนสวย”
เพียงขวัญยิ้มให้ รับดอกไม้มาจากในกระป๋อง รณพีร์มองเพียงขวัญแบบชายเจ้าชู้ ที่ย่ามใจเมื่อเห็นเพียงขวัญยิ้ม เขาครุ่นคิดในใจประเมินเพียงขวัญ
‘กุหลาบแดง สยบผู้หญิงได้ทุกคน ดูท่าทางไม่ยากเท่าไหร่’
“ขอบคุณนะคะ ฉันกำลังจะหาตัวคุณ ดิฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยค่ะ”
“โอ...ใช่...ผมโดนระเบิดกำลังจะตาย”
รณพีร์ทำท่าเพลียร่วงลงไปนั่ง เพียงขวัญเส้นลึก ไม่ยักขำ เริ่มมึนกับผู้ชายคนนี้มันจะอะไรเยอะนักหนา
“โดนระเบิด หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมเป็นนักบินทิ้งระเบิด แต่ตอนที่คุณร่วงลงมา คุณเหมือนเอาระเบิดทั้งลูกมาวางไว้ที่หัวใจของผมและตอนนี้มันกำลังระเบิดเปรี้ยงใหญ่กลางใจตรงนี้”
เพียงขวัญไม่คล้อยตาม
“ตอนแรกกังวลว่าคุณจะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ ท่าทางคุณคงแข็งแรงดี เอาเป็นว่า ขอบคุณแล้วกันนะคะ”
เพียงขวัญเดินหนี
“เอ้าเดี๋ยวสิครับคุณๆ”

รณพีร์เดินตาม

เพียงขวัญเห็นเขาจีบ จึงเริ่มออกห่างอย่างจริงจัง

“เดี๋ยวสิครับคุณ”
“ฉันจะไปหาที่เงียบๆท่องบท ขอตัวนะคะ”
“คุณรับกุหลาบผมแล้ว ผมอยากถามว่าคุณจะไปทานข้าวกับผมได้ไหมครับ ผมชื่อ...เอ้อ เรียกผมว่าพีร์ก็ได้”
เพียงขวัญมองรณพีร์หัวจรดเท้า จู่ๆก็ยิ้มแต่แล้วเพียงขวัญก็หุบยิ้มพรึ่บหย่อนดอกกุหลาบลงในถังขยะข้างๆ รณพีร์อึ้งมองกุหลาบร่วงไป
“ฉันรับมันเพราะนึกว่าคุณเป็นแฟนหนังทั่วไป แต่ถ้าทำให้คุณเข้าใจผิดเป็นอื่น ก็ขอโทษ ฉันไม่รับนัดคนแปลกหน้าค่ะ ลาก่อนนะคะ”
เพียงขวัญเดินมาที่ลานจอดรถอุทยาน รณพีร์ตามติด
“บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้จักผมดีพอ ก่อนจะบอกชื่อและตำแหน่งที่นำหน้าให้คุณตกใจ ผมขอเชิญคุณไปนั่งรถเล่นก่อน นี่รถของผม จากัวร์ของผมจอดอยู่ตรงนี้”
เพียงขวัญมองยิ้มๆขยับเดินต่อ รณพีร์เข้ามาขวาง
“เอ้อเดี้ยวครับ”
เพียงขวัญเดินหนี รณพีร์ขวาง
“เอ้อเดี๋ยวครับ”
“อะไรอีกล่ะคะ ถ้าคุณรุ่มร่าม ฉันจะเรียกให้คนช่วยนะคะ”
“ผมเป็นเพื่อนยอดยศ”
เพียงขวัญอึ้งไป
“เพื่อนคุณยศ”
รณพีร์เปลี่ยนบทบาท เล่นบทใหม่ ขรึมดุ
“ใช่...ผมเป็นเพื่อนของยอดยศ คู่รักของคุณ”
เพียงขวัญชะงัก
“คู่รัก”
รณพีร์มองว่าเธอจะทำหน้ายังไง เขาครุ่นคิดในใจ
‘ตอบปฎิเสธ หรือตอบรับดีล่ะคนสวย’
เพียงขวัญโมโห
“ดิฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“เอ้าหรือครับ แล้วผู้กำกับคนนั้นล่ะครับ”
“คุณชนะ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพ”
“โอ...ผมเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ที่แท้คุณก็เป็นคนรักของเสี่ยเพ้งนี่เอง”
มือเพียงขวัญกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ พยายามสะกดใจ หันหนี
“เอ้าคุณจะไปไหนครับ”
เพียงขวัญเน้นทุกคำจนรณพีร์หน้าชา
“อย่าเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิงด้วยการดูถูกเขา มันเป็นวิธีที่โง่และสิ้นคิด อย่าให้ฉันเจอคุณอีกนะคะ ฉันเรียกยามจัดการกับคุณจริงๆด้วย”
เพียงขวัญเดินจากไปทันที รณพีร์ยืนอึ้งกับคำด่า ครุ่นคิดจะเอาไงต่อดี

จันท์กระพ้อหิ้วข้าวของส่วนตัวของเพียงขวัญ จะกลับบ้านพัก รถปิคอัพของเสช่างไฟผ่านมา
“พี่ๆ จะไปบ้านพักใช่ไหมขอติดรถไปด้วยคนสิ จะไปดูขวัญเขาหน่อย ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง”
“โฮ้ย...เสี่ยเขาดูแลอย่างดี จะไปเป็นอะไร้ ใช่สิ พวกเราไม่มีหน้าสวยๆ อกงามๆอย่างหล่อนนี่”
เสโกรธจริงจัง จันท์กระพ้อยืนงง...บงกชนั่งข้างๆคนขับยิ้มร้าย พอใจในผลงานที่ยุเอาไว้
จันทน์กะพ้อโมโห
“อ้าวๆ พูดให้ดีๆนะพี่เสเดี๋ยวได้ชกปากกันมั้งหรอก”
“มาๆๆตามมาชกเลย”
เสเคลื่อนรถออกไปไม่รับจันทน์กะพ้อ บงกชยุงยงต่อ
“สมน้ำหน้า เสี่ยเขาต่อว่าพวกช่างไฟใหญ่โต หาว่าทำให้สลิงค้าง ฉันฟังแล้วแค้นแทน มันความผิดพี่ที่ไหนกัน ความผิดยายเพียงขวัญแท้ๆ นี่ถ้าเสี่ยเขาตัดเงินพี่ๆ ฉันจะช่วยโวยวาย ให้รู้ดำรู้แดงไปข้างหนึ่ง”

เสส่ายหน้า ถอนใจเครียดไปกับเรื่องที่บงกชนินทา

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

รถไฟเข้ามาจอด ทีมงานรับข้าวจากประไพศรีซึ่งเป็นแม่ครัว จันทน์กะพ้อดินมาหาแม่ครัวหน้าดุ

“พี่ไพ ขอข้าวให้ขวัญหน่อย ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ข้าวหมด”
ประไพศรีค้อนโกรธ จับหม้อข้าว หม้อแกง ปิดฝาแน่น ไม่ยอมให้จันทน์กะพ้อแตะ
“จะหมดได้ยังไง ก็จันทน์เห็นพี่ไพตักให้คนอื่นอยู่เดี๋ยวนี้”
“แล้วยังไง แม่นางเอกคนสวย มีผู้ชายมาเยี่ยมเยอะแยะ ไปใช้เสน่ห์มารยาขอเอาจากผู้ชายพวกนั้นสิ” ประไพศรีโวยเสียงดัง
“พูดดีๆก็ได้ ทำไมต้องมาว่ากันเสียๆหายๆด้วย”
ประไพศรีถลึงตาสู้ ไม่ยอมให้ดูหม้อ จันทน์กะพ้อโมโห
“ฮึ่ย ไม่เอาก็ได้”
จันทน์กะพ้อเดินหนี บงกชเดินออกมาจากหลืบแอบฟังอยู่ พอใจ
“เฮอะ มีหน้ามาขอ ตัวเองทำให้พี่ประไพศรีถูกตัดเงินแท้ๆ”
ประไพศรีหันมาหาบงกช
“เสี่ยเพ้งจะตัดเงินพวกเรา ไปให้แม่นางเอกจริงหรือคุณบงกช”
ประไพศรีเปิดหม้อ ตักข้าว ตักแกง เตรียมเป็นชุด มีอาหารเพียบ
“จะจริงหรือไม่จริง เดี๋ยวรอดูตอนจ่ายเงินนะพี่ไพ เสี่ยเขาจะอ้างนั่นอ้างนี่ไม่จ่ายพี่ เพราะเขาจะเอาเงินไปให้แม่เพียงขวัญนี่ล่ะ กำลังหลงหัวปักหัวปำทีเดียว”
ประไพศรีส่ายหน้า ค้อนๆ โกรธๆ บงกช สะใจ

จันทน์กะพ้อเดินมาโกรธไม่หายเจอเพียงขวัญ สวนออกมา เพียงขวัญตั้งใจจะออกไปหาที่นั่งท่องบท
“เอ้า จันทน์ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“เบื่อปากคน”
“ใครทำอะไรให้หรือ”
“พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด พี่เสช่างไฟ วันก่อนก็คุยดี พี่ไพที่ทำครัวก็อีกคน วันนี้ประชดประเทียดใหญ่ หาว่าขวัญมีอะไรกับเสี่ยเพ้งบ้าง มีอะไรกับคนนั้นคนนี้บ้าง คิดบัดสี”
เพียงขวัญหน้าเสียสะเทือนใจแต่เก็บงำไว้ จันทน์กะพ้อถอนใจเซ็ง
“เฮ้อ ช่างมัน เรื่องไม่จริงทั้งนั้น รีบๆทำงานให้เสร็จๆไปดีกว่า”
จันทน์กะพ้อเดินออกไป จะไปทำงานต่อในบ้าน ไม่ได้สังเกตว่า เพียงขวัญเสียใจมากกับเรื่องที่เธอบอก

เพียงขวัญเดินหน้าเศร้ามาในสวน อยากอยู่เงียบๆ เบื่อๆ รณพีร์เดินมาเจอ
“อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน”
“ทำไมมีอะไรอีกล่ะ”
เพียงขวัญจะเดินหนี รณพีร์เดินมาขวาง
“ที่จริงผมอยากคุยกับคุณเรื่องยอดยศ”
“คุณยอดยศทำไม”
รณพีร์เห็นเธอเชิดใส่เขา เลยตัดสินใจพูดความจริง
“คุณรู้ไหม ยอดยศมีคู่หมั้นอยู่แล้ว พิมพรรณเป็นลูกสาวท่านนายพล พ่อแม่เขาเป็นเพื่อนกัน มีฐานะ มีเกียรติยศคู่ควรกันทุกประการ”
เพียงขวัญงง ตกใจ
“นี่คุณ...”
“เขาทั้งสองกำลังจะแต่งงาน ถ้าเพียงแต่คุณไม่ใช้เสน่ห์อันร้ายกาจมาทำให้ยอดหัวปั่น ป่านนี้ทั้งสองคงได้สมรักสมรสไปแล้ว คุณรู้ไหม คู่หมั้นของเขาเวลานี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเสียใจแทบปางตายเพราะคุณ”
ความเจ็บปวดของเพียงขวัญ เพิ่มสูงขึ้น เธอนั่งลงเหนื่อยอ่อน ทำไมทุกอย่างล้วนพุ่งมาที่ตน ทั้งที่ไม่มีอะไรเป็นจริงเลย
“คุณกำลังจะว่าฉันกับคุณยอดยศ...แล้วยังมี เสี่ยเพ้ง มีแม้กระทั่งคุณชนะ”
“ใช่...ผมไม่ใช่แฟนหนังคุณ ไม่ได้มาเพราะหลงเสน่ห์คุณ ผมต้องการมาบอกให้คุณปล่อยยอดยศไปซะ เพื่อเห็นแก่ผู้หญิงตาดำๆคนหนึ่ง”
เพียงขวัญ ลุกขึ้นยืน จากอ่อนแรงกลับเป็นฮึดสู้ อย่างเข้มแข็ง
“ดิฉันเข้าใจแล้ว ถ้าพูดตรงๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง มาสิ มาด้วยกัน”
เพียงขวัญสีหน้าเด็ดขาดเรียกรณพีร์ให้ตามมา รณพีร์งงๆ

ในล็อบบี้บ้านพักอุทยาน...คนงานเดินไปเดินมาเก็บของอยู่ เพียงขวัญเดินมา เจอยอดยศ เขาดีใจมากรีบบอก
“คุณเพียงขวัญ ปล่อยให้ผมรอตั้งนาน เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวช้าจัง แล้วทานอะไรหรือยังครับ ผมแวะไปซื้อขนมที่หยกฟ้ามาฝากเลยนะครับ เสียดายทำหกหมดเพราะไอ้เสี่ยนั่น”
รณพีร์ที่เดินตามมารีบหลบเข้าหลืบไม่ให้ยอดยศเห็น รณพีร์แอบฟัง ได้ยินทั้งหมด เพียงขวัญจ้องหน้ายอดยศ
“คุณยอดยศ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ดิฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” น้ำเสียงขอเธอ เด็ดขาด เย็นชา กล้าแข็ง
ยอดยศอึ้งตะลึงงัน
“คุณขวัญ...เกิดอะไรขึ้น ทำไมพูดแบบนี้กับผมล่ะครับ”
“ได้โปรดเชื่อฉัน อย่ามาที่กองถ่ายนี้อีก ความเป็นเพื่อนของเราจบกันแค่นี้”
“คุณขวัญ”
ยอดยศเสียใจมากช็อค เข่าอ่อน ลงนั่งแถวนั้น เพียงขวัญพูดเสร็จเดินกลับมามองหน้ารณพีร์ที่ยืนซ่อนอยู่ พูดเสียงเบาไม่ให้ยอดยศได้ยิน
“ได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม ดิฉันพยายามเต็มที่แล้ว นอกเหนือไปจากนี้คุณต้องดูแลเพื่อนของคุณเอง และฉันหวังว่าจะไม่เห็นทั้งคุณ ทั้งเพื่อนของคุณ ในชีวิตฉันอีก”
เพียงขวัญเดินจากไป รณพีร์ยังงงๆ รู้สึกผิดคาด เพียงขวัญควรเป็นผู้หญิงเลวไม่ใช่หรือ ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้

ผู้หญิงคนนี้ทำให้ตนเอง ทึ่ง อึ้งและงงมาก

จันทน์กะพ้อเดินมาหาเพียงขวัญที่นั่งอ่านบทหนึ่งปึกอยู่ เพียงขวัญดูเหมือนกำลังสนใจกับงานและลืมเรื่องนั้นไปแล้ว จันทน์กะพ้อหันไปสนใจดอกไม้ข้างทาง เพราะสวนมุมนี้สวยและเห็นว่าเพียงขวัญไม่เป็นอะไรและกำลังท่องบท

“กินรีน้อยไร้เดียงสา บินสู้ลมหนาว ปีกหางอ่อนแรง จนแทบทนไม่ไหว”
เพียงขวัญขรึมลง
“น้ำตานกน้อยหลั่งริน สู้ลมสู้ฝน ยังพอไหว ให้สู้จิตใจต่ำช้าของมนุษย์ จะเอาแรงที่ไหนไปสู้”
จันทน์กะพ้อพูดขึ้น
“บทดูเศร้าๆนะ ในเรื่องพระสุธนมโนราห์ นางกินรีถูกใส่ร้าย จนต้องรำมโนราห์บูชาไฟ เพื่อพิสูจน์ตนเองใช่ไหม นึกว่าในหนังจะไม่พูดถึงเสียอีก ขวัญ...จันทน์เดินไปขอไข่จากเจ้าหน้าที่อุทยาน ต้มไว้ให้แล้ว กินข้าวกับไข่ต้มไปก่อนนะ”
เพียงขวัญน้ำตาไหลลงมาโดนที่บทเป็นหยดๆ จนกระดาษเป็นดวง รณพีร์แอบมองอยู่ตกใจ ที่จู่ๆ เพียงขวัญคนเข้มแข็งเมื่อครู่เริ่มหลั่งน้ำตา บรรยากาศที่ดูว่าไม่มีอะไร พลิกผัน เพียงขวัญสะอื้นฮัก ด้วยความกดดันภายในของสาวน้อยที่ถูกใส่ร้าย ทั้งที่ตนเองเพียงแค่พยายามจะทำงาน แต่กลับดูสกปรก และน่ารังเกียจสำหรับคนรอบข้าง เพียงขวัญร้องไห้น่าสงสารจนจันทน์กะพ้อเข้าไปกอด
“ขวัญเป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม”
เพียงขวัญส่ายหน้า ไม่ยอมบอกร้องไห้ออกมาอีก
“ขวัญบอกเราสิ ถ้าไม่พูดออกมาแล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะ”
รณพีร์นิ่วหน้าด้วยความอึดอัด เพราะอยากรู้เหมือนกัน เมื่อกี๊เข้มแข็งอยู่ดีๆ ตอนนี้ร้องไห้ทำไม
“ขวัญเข้าไปที่บ้านพักเถอะ เดี๋ยวใครผ่านมาเห็นเข้า อย่าให้ใครเห็นน้ำตาของเรา...ไปเถอะ”
จันทน์กะพ้อสีหน้าแค้นๆพาเพียงขวัญไป รณพีร์เดินออกมามองบทที่ทิ้งไว้ที่มีรอยคราบน้ำตา เขาสะเทือนใจกับการร้องไห้ครั้งนี้เพราะเขารู้สึกว่าเขาเป็นต้นเหตุ รณพีร์ใช้มือจับ นิ้วจับไล้ไปที่หยดน้ำตาที่เปียกเป็นดวงบนกระดาษนั้น สงสาร...และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

บ้านที่เพียงขวัญอาศัยอยู่ เป็นบ้านเช่าริมแม่น้ำ เธออยู่กับนภา ผู้เป็นแม่ บุหลัน น้าสาว และยายซึ่งอายุมากแล้ว บุหลัน นั่งถีบจักรประจำ ปักเลื่อม ซ่อมตัดชุดลิเก อีกด้านเป็นลานกว้าง นภาใช้เป็นที่ฝึกเต้นเสา ซึ่งเป็นการฝึกจังหวะเท้าของการเล่นโขนให้กับเด็กๆในชุมชนซึ่งมาเรียนโขนกับเธอ เด็กเหล่านี้บางคนก็ออกงานได้แล้ว เด็กที่มาเรียนมีทั้งหญิงและชาย บางคนก็นอนที่นี่ บางคนก็ไม่นอน เพียงขวัญเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เพิ่งกลับมา ประณตที่เล่นของเล่นอยู่ วิ่งมาต้อนรับ
“พี่ขวัญกลับมาแล้ว”
“เป็นไงประณต เล่นอะไรอยู่”
ประณตโชว์ของเล่นโบราณ เพียงขวัญยิ้มเดินไปที่ตั่งที่ยายเอนนอนประจำ สภาพยายป่วยเจ็บออดๆแอดๆ เดินไม่ค่อยได้
“ยายจ๋า เป็นไงบ้างจ๊ะวันนี้”
“โฮ้ย คนแก่ สังขารไม่เที่ยงน่ะลูก เหนื่อยไหม ขวัญ”
“ผมช่วยเองครับ”
ประณตทิ้งของเล่นมาช่วยขวัญถือกระเป๋าเข้าไปข้างใน บุหลันเย็บผ้าเป็นคนปากบ่นตลอดเวลา แต่ละประโยคฟังไม่ได้ จนคนในบ้านคุ้นชินไม่ถือสา
“หายไปสองสามคืน นึกว่าหนีตามผู้ชายไปแล้ว”
“ขวัญบอกน้าแล้วนี่จ๊ะว่าไปถ่ายหนัง”
นภาที่ดูเด็กเต้นเสาเมื่อครู่เดินมาทักทาย
“บุหลันนี่ หลานมาเหนื่อยๆ พูดมากจริง ดำไปเลยนะลูก งานหนักหรือจ๊ะ”
บุหลันเบ้หน้า
“โฮ้ย...น้อยไปสิ รู้ไหม แม่เราน่ะ ไปเก็บเด็กมาเลี้ยงอีกแล้ว”
เพียงขวัญมองไป เห็นเด็กเร่ร่อนผมยาวสกปรกคนหนึ่งนั่งกินข้าวอย่างมูมมามอยู่มุมห้อง นภาเก็บมาหมาดๆ เด็กคนนี้ชื่อไอ้แดง อายุแก่กว่าประณต ดูเศร้าและเงียบ ยอมกลายเป็นลูกกระจ๊อกของประณตที่ชอบทำท่าเป็นผู้ใหญ่ ประณตเดินมาหาไอ้แดง ตบหัวเบาๆ วางท่าเป็นผู้ใหญ่ เจ้ากี้เจ้าการข่มเด็กใหม่
“ไอ้แดง กินเสร็จแล้วต้องล้างชามด้วยนะ แล้วอย่าสะเออะขโมยของไม่งั้น เอ็งเจอนี่”
ประณตชูปืนไม้คู่กายของตนขู่แดง
“ข้าวสารหมดอีกแล้ว ฉันก็เย็บผ้างกๆ ทำงานจนดึกดื่นทุกวัน หาพอพวกมันกินที่ไหนกัน” บุหลันบ่นๆพยักเพยิดไปที่เด็กสิบคนที่เต้นเสาอยู่ “แล้วนี่ได้เงินมาไหม”
เพียงขวัญส่ายหน้า
“หนังยังถ่ายไม่จบ ไม่มีใครเขาให้เงินหรอกค่ะ”
“เออดี คราวนี้ ได้กินกรวดคั่วเกลือกันบ้างล่ะ” บุหลันหงุดหงิด

เพียงขวัญนั่งลงเริ่มเย็บผ้า ปักเลื่อมบนชุดลิเกอยู่คนเดียว
“ถ้าปักชุดนี้เสร็จ เราก็ไปเบิกเงินป้าไหวที่คณะลิเกได้ อ้อพรุ่งนี้ขวัญ ไปออก ไทยโทรทัศน์ น่าจะได้เงินเลย จะได้ใช้เป็นค่าข้าวสารกับค่าเทอมประณตด้วย”
นภาเข้ามามอง
“มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหมลูก กลับมาที่บ้านน่าจะพักบ้างนะลูก”
เพียงขวัญไม่สนใจนั่งปักผ้าต่อ สีหน้ามีความสุขที่จะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว
“มะรืนนี้ มีถ่ายแผ่นโฆษณาด้วยนะแม่ จะได้มีเงินพายายไปหาหมอพอดี”
เพียงขวัญทำไป ยิ้มไป นภามองลูกสงสาร ที่ทำงานหนัก

ยามค่ำคืนพระจันทร์สวยงาม เหนือวังจุฑาเทพ...ที่ห้องโถง รณพีร์ในชุดนอน กางเกงแพรนั่งฉีกบทที่เคยมีรอยน้ำตา เป็นแผ่นๆ ออกมาพับเป็นนก ซึ่งเป็นตัวแทนของเพียงขวัญ ชายหนุ่มเพลิดเพลินกับการพับนก

เพียงขวัญหลับไปขณะปักเลื่อมชุดลิเก แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา มุ่งมั่น ลุกขึ้นทำต่อทันที จะเอาให้เสร็จคืนนี้
รณพีร์นอนไม่หลับบนเตียง นั่งมองนกที่ติดเป็นโมบายเหนือเตียง ราวกับโคมไฟนกกระดาษ ที่ลอยเหนือหัว

รณพีร์นอนมอง จิตใจว้าวุ่น ตาค้างทั้งคืน

วันใหม่...เพียงขวัญนั่งปักผ้าจนเช้า

“เสร็จจนได้”
เพียงขวัญหาวนอน ลุกขึ้นยืนมองพระอาทิตย์ยามเช้าอันสวยงาม แล้วเศร้าลง ยังไม่ลืมเรื่องที่ถูกใส่ร้ายในกองถ่าย

รณพีร์เดินมาเปิดวิทยุ หาวๆเพลียๆ แล้วมานั่งลงกินข้าวต้มที่แจ๋วกำลังจัดให้ วิทยุเก่าคลาสสิค ส่งเสียงอู้อี้โฆษณาถ่านไฟฉายตรากบแล้วตามด้วยเสียงโฆษณา เพลงแขกบรเทศ
“วันนี้ขอเสนอรายการของ สถานีโทรทัศน์ของบริษัทไทยโทรทัศน์...จากนั้นพบกับละครพันทางอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ขุนศึก จากบทประพันธ์ของ ไม้ เมืองเดิม นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยศิริ อารีย์ นักดนตรี จำรูญ หนวดจิ๋ม ทัด เอกทัต วันนี้ขอเสนอนักแสดงสาวดาวรุ่ง เพียงขวัญ จันทร์ประดับ ให้เกียรติมารำกินรีร่อน”
รณพีร์ลุกขึ้นยืนทันทีหลังได้ยินชื่อเพียงขวัญเพราะใจลึกๆ อยากไปหาอีก
“เฮ้ย”
แจ๋วสะดุ้งตาม
“เฮ้ยๆ ตาเถรยายชี”
รณพีร์จะรีบออกไป ก้าวไปได้สองสามก้าว ก็ชะงักเท้า
“จะไปทำไม เราทำหน้าที่เสร็จแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปเจอเจ้าหล่อนอีก” เขาทรุดตัวลงนั่ง “อยู่เฉยดีกว่าเรา”
แจ๋วสอดขึ้น
“ค่ะ อยู่เฉยๆดีกว่า รับประทานข้าวต้มร้อนๆ ให้สบายใจดีกว่าค่ะ”
รณพีร์มองหน้า
“เธอรู้เหรอ ว่าฉันคิดอะไรอยู่”
แจ๋วยิ้มแหยๆ
“ไม่รู้ค่ะ เห็นคุณชายพีร์พูดคนเดียว แล้วก็เลยพูดด้วยค่ะ...นายว่าขี้ข้าพลอยยังไงล่ะค่ะ”
แจ๋วตลกหน้าตาย ไม่สนใจหันไปจัดเครื่องดื่มให้ต่อ รณพีร์ค้อนๆเดินกลับมานั่ง เซ็งต่อ คิดลังเล ไปดีไม่ไปดี มีอาการว้าวุ่นไม่หายง่ายๆ

ในห้องส่งถ่ายทอดโทรทัศน์ ตรงหน้าจอมอนิเตอร์ คุณเทิ่ง สติเฟื่อง ยืนเตรียมตัวข้างโต๊ะที่มีวิทยุ ทีวีวางอยู่ คุณเทิ่งยกวิทยุอันหนึ่งขึ้นมาเสมอหน้า คล้ายเอาหูกำลังแนบ เตรียมหมุนปุ่ม เจ้าหน้าที่ทำสัญญาณ
“5 4 3 ...เดินกล้อง”
คุณเทิ่งหมุนปุ่ม ทำหน้าเคลิ้มกับเพลง
“แชนแนลเอ ลำโพงซ้าย แชนแนลบี ลำโพงขวา ทุกบาทคุ้มค่าด้วยธานินทร์ ถ้าท่านมีวิทยุธานินทร์ติดบ้านสักเครื่อง ท่านจะ ส...บ...ม...ย...ห ฟังละครก็ดี ฟังเพลงก็เริ่ดสะแมนแตน ตอนนี้ นายห้างธานินทร์ ฝากแนะนำโทรทัศน์รุ่นใหม่ ภาพชัดแจ๋ว ดูไทยโทรทัศน์ หล่อระเบิดสวยระเบิดกันหมดทู้กคน อย่าลืมนะครับ ก่อนจะเด็ดสะมอเร่กันไป ชีวิตนี้ต้องมีโทรทัศน์ธานินทร์ติดบ้านไว้สักเครื่อง ตอนนี้ขอเชิญชมการแสดงระบำกินรีร่อน โดย นักแสดงสาวสวย เพียงขวัญ จันทร์ประดับ”
ภาพทีวีแพนไปที่กระถางดอกไม้แล้วเป็นการแสดงของเพียงขวัญรำกินรีร่อน รณพีร์แอบย่องเข้ามาแอบดูเพียงขวัญถึงสถานีโทรทัศน์จนได้
เพียงขวัญรำอย่างสวยงาม รณพีร์มองเพลิน ชื่นชมแล้วเผลอยิ้มออกมา สักพักรณพีร์สะดุ้งตบหน้าตัวเองเบาๆ ให้ หยุดยิ้ม หยุดๆๆแล้วกลับไปยืนดู ทำหน้าเครียดต่อ

เพียงขวัญเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาจากห้องแต่งตัว ฝ่ายบัญชีเดินมาหา เพียงขวัญยิ้มทัก
“มีงานอะไรให้ทำ เรียกใช้หนูได้นะคะ”
“อาจจะมีละครชุด ให้มาแสดงสมทบ ทำได้ไหมคะ”
“ทำได้สิคะ...จะร้อง รำ หรือเล่นละคร หนูทำได้หมดเลยค่ะ ขอบพระคุณนะคะที่ให้โอกาส”
เจ้าหน้าที่ยิ้มชื่นชม
“หนูนี่น่ารัก ดาราหนังเขาถือตัวไม่มาเล่นโทรทัศน์ มีแต่หนูนี่ล่ะ”
“อะไรที่ได้เงินมาสุจริต ไม่เบียดเบียนใคร ดิฉันทำทั้งนั้นค่ะ”
เจ้าหน้าที่เอาซองให้ ยื่นสมุดให้เซ็น เจ้าหน้าที่เดินจากไป เพียงขวัญเปิดซองดีใจที่ได้เงินมา คลี่เงินมองทีละใบราวกับของมีค่า รณพีร์แอบมอง

หลังจากนั้น เพียงขวัญก็ตรงไปยังโรงถ่ายโฆษณา เธอถ่ายแผ่นโฆษณายาสีฟัน ทีมงานดูแลอยู่
“นี่ๆ โฮ้ย ท่าของหนูมันเชย เอาท่านี้สิ”
ผู้กำกับทำท่าให้ดู ทั้งตลก ทั้งเชย ดูฮาๆ เพียงขวัญทำตาม กล้องบันทึกฟิล์มไว้หลายใบ เพียงขวัญรู้สึกว่ามีคนมองหันไปดู รณพีร์หลบแว้บ เพียงขวัญมองไม่เห็น ได้แต่สงสัย แล้วหันไปทำงานต่อ รณพีร์โผล่มาใหม่เขามีความสุขที่ได้แอบมองเพียงขวัญ สายตาบ่งบอกความรัก...ตกหลุมรัก

เพียงขวัญเดินเข้ามาบ้าน ในมือถือถุงข้าวสาร และขนมเด็กเห็นเด็กๆเต้นเสากันอยู่ที่ลานบ้าน เด็กสามคนเห็นเพียงขวัญ วิ่งมารับ รณพีร์สะกดรอยตามมา
“บ้านอยู่นี่เอง ทำไมคนเยอะจัง”
รณพีร์เข้าใจแล้วว่าทำไมจึงต้องหาเงินขนาดนั้น

เพียงขวัญเดินมาตามทางในตลาด จนมาถึงร้านของชำ เจอเฮียจัดของอยู่ เพียงขวัญเอาเงินให้
“เฮีย นี่ค่าข้าวสารที่ติดไว้ แล้วก็ของวันนี้ด้วยค่ะ”
เฮียหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลมาใส่ข้าวสารเป็นกระป๋องๆให้
“วันนี้กลับเร็วนะ”
“ฉันจะขอรบกวนเฮีย พักนี้บางทีต้องไปถ่ายหนังต่างจังหวัด ถ้าคนที่บ้าน มาขอซื้ออะไร เฮียให้เขาเชื่อไปก่อน แล้วฉันจะมาจ่ายให้”
“ถ้าไม่เยอะก็ได้อยู่ ถ้าเยอะ เฮียก็ไม่ไหวเหมือนกันนา”
“ขอบคุณค่ะ”
เพียงขวัญเดินไป รณพีร์แอบมองหลบมุมหนึ่งครุ่นคิดในใจ

"อืม...หาเงินมาดูแลคนในบ้าน"

วิไลรัมภาสวยงามน่ารัก แต่งหน้าแต่งตัวอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทางมั่นใจ เธอมองตนเองในกระจกยิ้มภูมิใจตนเอง รำพึงในใจ

‘ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม ทายาทวังเทวพรหมผู้สูงศักดิ์ สวย สดใส สง่า มีคุณค่ายิ่งกว่าผู้หญิงทั้งพระนคร’
สีหน้าของวิไลรัมภาบอกความหยิ่งในตัวเอง เทวพันธ์เดินมาหา
“พร้อมไหมลูก”
“ม.ล.วิไลรัมภา พร้อมที่จะเข้าวังจุฑาเทพมาตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ”
เทวพันธ์ยิ้มพอใจ

เทวพันธ์กับวิไลรำภาเดินเข้ามามอง วังจุฑาเทพที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทั้งสองหยุดมองอย่างมีเป้าหมาย เทวพันธ์แน่วแน่
“เราพลาดมาสี่ครั้งแล้ว เกษรา ต้องแต่งงานไปกับใครที่ไหนไม่รู้ แทนที่จะเป็นธราธร”
วิไลรัมภาพูดต่อ
“แม่กระถิน พลาดจากปวรรุจ”
“มารตีพลาดจากพุฒิภัทร...ศินีนุชพลาดจากรัชชานนท์ เทวพรหมต้องยอมจำนนมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่จุทาเทพต้องทำตามสัญญา”

แจ๋วเดินเข้ามาหาสองพ่อลูกอย่างนอบน้อม
“เชิญคุณชายเทวพันธ์ และคุณวิไลรัมภาที่เรือนท่าน หม่อมเอียดได้เลยค่ะ”
“ไปลูก” เทวพันธ์บอกทันที


ในโถงวังจุฑาเทพ สองพ่อลูกนั่งคุยกับย่าอ่อนและหม่อมเอียด สมศรีกับแจ๋วนั่งอยู่หลังย่าอ่อน
“มาวังจุฑาเทพทีไรคิดถึงท่านชายวิช เพื่อนที่ผมรักที่สุด ทุกๆทีในวังนี้ผมรู้สึกคุ้นเคยจริงๆครับ”
ย่าอ่อนเอะใจบางอย่าง กระซิบกับแจ๋ว
“ไปเชิญคุณชายรณพีร์มาเร็วเข้า”
แจ๋วออกไป หม่อมเอียดเองก็รู้แล้ว ยิ้มแห้งๆนิ่งมอง เทวพันธ์ย้ำคำ
“ความรักเคารพที่ผมมีต่อท่านชายและวังจุทาเทพ หม่อมป้าคงยังไม่ลืม”
“ใครจะไปลืมได้ คุณชายเสี่ยงชีวิตช่วยท่านชายวิชเอาไว้” หม่อมเอียดพูดเรียบนิ่ง
“ท่านชายวิช สัญญากับผมว่า จะให้ลูกหลานของเราสองตระกูล ได้ร่วมเรียงเคียงหมอนอย่างน้อยก็คนหนึ่ง”
ย่าอ่อนแทรกขึ้น
“วันก่อน คุณพี่เรียกรณพีร์มาคุยแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“อ๊ะ ยังไม่ลืม ได้ยินใช่ไหมวิไลรัมภา พ่อบอกแล้วว่า หม่อมย่าทั้งสองไม่มีทางลืมหนูหรอก”
เทวพันธ์หันมาพูด ย่าอ่อนรับคำ
“ไม่ลืมหรอกจ้ะ คุณชาย”
ย่าอ่อนยิ้มแห้งๆแล้วหันมากระซิบสมศรีที่นั่งถัดไป
“สมศรีไปตามคุณชายพีร์เอาสมบุญไปด้วยนะ”
สมศรีรีบไป เทวพันธ์หัวเราะดังลั่น วิไลรัมภายิ้ม หม่อมเอียดเครียดขึ้นมาเล็กน้อย รู้แล้วว่าเทวพันธ์มาเร่งการแต่งงาน

สมบุญ สมศรี แจ๋วเดินตามหารณพีร์ทั่ววัง แต่ไม่เจอเลยสักที่ สมบุญตะโกนเรียก
“คุณชายรณพีร์ คุณชายอยู่ไหนครับ”
แจ๋วตะโกนด้วย
“คุณชายพีร์ขา”
สมศรีตะโกนอีกคน
“คุณชายพีร์ อยู่ไหนคะคุณชาย”

รณพีร์รู้แกว ย่องหนีไปตามหลืบต่างๆ หนีทั้งสามคนได้อย่างคล่องแคล่ว

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

รณพีร์ย่องมาจนเจอกุญแจรถของตนเองวางอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เขาพุ่งไปจะหยิบแต่มือยังไม่ทันถึง เห็นประกาศในหนังสือพิมพ์สยามนิกร เป็นชื่อเพียงขวัญ รณพีร์ชะงัก หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านแทนที่จะหยิบกุญแจรถ

“6 ก.ค.นี้ เชิญรับฟังละครวิทยุ คณะบุษปะเกศ เรื่องนางเสือสาว นำแสดงโดย เทพ ทินกร อรชร จิตแก้ว และดารารับเชิญ นางเอกจากภาพยนตร์เรื่องนางเสือสาว...เพียงขวัญ จันทร์ประดับ”
รณพีร์พูดออกมา ยิ้มแบบจะไปหาอีก
“เล่นหนัง ถ่ายแผ่นโฆษณา ออกโทรทัศน์ ไปเล่นละครวิทยุอีก ไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแม่คุณ”
สมบุญโผล่มาปาดหน้าหยิบกุญแจรถไปหมับ
“นี่แน่ะ ผมยึดกุญแจรถทุกคันไว้หมดแล้ว คุณชายไปไหนไม่สำเร็จได้หรอกครับ ไปหาหม่อมท่านดีๆเถอะ เชิญครับ”
รณพีร์เซ็ง

รณพีร์เข้ามากราบเทวพันธ์ วิไลรัมภายกมือไหว้รณพีร์เรียบร้อย อ่อนหวาน
“วันนี้อยู่บ้านหรือคะ”
“ครับ”
“วันนี้รัมภามีเรื่องจะมาชวน เอ้อ...ไม่ทราบเป็นผู้หญิงพูดไป จะไม่งาม”
วิไลรัมภา มองเทวพันธ์ ถามความเห็นแบบเด็กใส อ่อนโลก
“พูดไปเถอะลูก ไม่ได้ไปพูดกับผู้ชายที่ไหน พูดกับพี่ชายพีร์เขา คนกันเอง”
รณพีร์ยิ่งยิ้มยากเย็น ทำไมจ้องจับเราขนาดนี้นะ
“วันเสาร์นี้ที่โรงละครแห่งชาติมีโขน ตอนสุพรรณมัจฉา รัมภาอยากดูก็เลยไปเข้าแถวซื้อ กว่าจะหาบัตรมาได้ ว่าจะมาเรียนเชิญทุกๆ คนให้ไปด้วยกันค่ะ” วิไลรัมภาทำเป็นอายๆ
หม่อมเอียดหันมาถาม
“ชอบอะไรพรรค์นี้เหมือนกันรึ”
วิไลรัมภาพยักหน้าน้อยๆ หม่อมเอียดยิ้มพอใจ ถูกใจ
“ผิดกับเด็กสมัยนี้ เห็นฟังเพลงฝรั่งให้ครืดไป”
เทวพันธ์รีบอวยลูกสาว
“หนูรัมภาชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ผมพยายามเลี้ยงดูเขาให้อ่อนโยนอ่อนหวาน ด้วยศิลปะไทยของเรานี่ล่ะครับ”
“ย่าชอบมาก เสียแต่ไม่มีใครไปซื้อบัตร ไม่มีใครพาไป ชายพีร์ไปด้วยกันสิลูก แวะไปรับหนูวิไลรัมภาที่บ้านตอนเช้าดีไหม”
รณพีร์รีบทำหน้าตาตื่น
“โอ๊ะ วันเสาร์นี้ ผมต้อง...” หม่อมเอียดวางท่าดุ ตัดบทบอกทันที
“วันเสาร์หยุดงานอยู่แล้ว ถ้ามีนัดอื่นยกเลิกให้หมด ถ้าไม่เชื่อฟังกัน ได้เห็นดีแน่”
เสียงและท่าทางของหม่อมเอียดทำให้รณพีร์จ๋อย ตอบได้คำเดียว ด้วยความจำใจ
“ครับ”
เทวพันธ์ อ่อนและวิไลรัมภายิ้มทันที สมใจทุกคน ยกเว้นรณพีร์

วิไลรัมภากับเทวพันธ์เดินเข้าไปในวัง หัวเราะร่วนกันอย่างอารมณ์ดี
“ฮะฮะฮ่า เป็นไง แผนการของพ่อ เข้าทางหม่อมย่าเอียดยังไงก็สำเร็จ หม่อมเอียดชอบละเม็งละคร ทำในสิ่งที่ท่านชอบ หนทางชนะอยู่ไม่ไกล”
“รัมภาจะขยันตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่ย่าเอียด ย่าอ่อนชอบ จะได้เอาใจท่านถูก”
“ดีมาก ถ้าลูกเป็นสะใภ้วังจุฑาเทพ ทุกคนก็จะเกรงใจ วังเทวพรหมของเราจะได้กลับมารุ่งเรือง ไม่ซอมซ่อ อับเฉาอยู่อย่างนี้”
เทวพันธ์มองไปรอบๆของวังที่ดูคร่ำคร่าเมื่อเทียบกับวังอื่น หมายมั่นในอนาคต

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินคุยกันมา เพื่อมานั่งในสวน
“วันนี้คุณพี่เด็ดขาด สมใจน้องมากค่ะ”
“ศักดิ์ศรีของคนคือรักษาสัจจะ ชีวิตของฉันก็เหลือเรื่องนี้เรื่องเดียวที่จะทำให้ท่านชายวิช ถ้าเราบิดพลิ้วเขา ตายไป ฉันจะกล้าไปพบหน้าท่านชายได้ยังไง”
“เทวพรหม เป็นราชสกุลแท้เหมือนกับเรา ได้เกี่ยวดองกันก็ถือเป็นเรื่องสมควร เราสองคนอายุมากขึ้นทุกทีจะอยู่อีกนานแค่ไหนไม่รู้ได้ รีบๆจัดการเสีย จะได้นอนตายตาหลับนะคะคุณพี่”
“ชายพีร์ไม่เหมือนพี่น้องคนอื่น เจ้าชู้ประตูดินไม่เข้าท่า เกิดไปคว้าผู้หญิงหยำฉ่ามาเป็นเมีย จะทำยังไงกัน ไม่ต้องห่วงแม่อ่อน คราวนี้ฉันเอาจริง”

ทั้งหม่อมเอียด และย่าอ่อนหนักใจ

รณพีร์อยู่ในรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเพียงขวัญเอนนอน รำพึงกลุ้มๆ

‘วิไลรัมภา ชาตินี้ฉันจะหนีเธอพ้นไหม อนาคตคุณชายรณพีร์ยังไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้ยิ่งกว่า ก็คือ ปัจจุบันรณพีร์มาทำอะไรที่นี่ ตรงนี้’
รณพีร์ถอนหายใจ เซ็งตัวเอง ทันใดนั้นเสียงนภาดังขึ้น
“นี่หยุดนะหยุด อย่ามายุ่งกับเด็กของฉันนะปล่อยๆ”
รณพีร์สะดุ้งมองไป

แดงกับนภาถือของมาจากตลาด มีตะกร้า มีห่อหนังสือพิมพ์ผักหญ้า ติดมือมา นภามือจับแดงข้างหนึ่ง ดำพี่ชายของแดงมายื้อตัวแดงคืน กำลังจับมือแดงอีกข้าง แต่แดงไม่อยากไป ร้องไห้แบบไม่มีเสียงเกาะนภาอยู่ ทั้งนภากับดำกำลังยื้อแย่งตัวของแดง
“นี่มันน้องผม คุณเอาน้องผมไปเป็นคนใช้คุณไม่ได้”
“ฉันไม่ได้เอามาเป็นคนใช้ ฉันเอาแดงมาเรียนรำต่างหาก พ่อแม่เธอสองคนทิ้งเธอไปหมดแล้ว ถ้าฉันไม่เอาเขามาเลี้ยง โตขึ้นก็ติดผงขาว กลายเป็นอันธพาลเหมือนเธอ”
ดำดุ กระชากตัวแดงมา นภาไม่ยอม ยื้อกันไปมา
“แต่ผมจะให้มันอยู่กับผม มันเป็นน้องผม มันเป็นน้องผม”
“ไม่...เธอเองก็เหมือนกัน วันๆเสพยา ขโมยของชาวบ้าน สักวันก็ต้องโดนตำรวจจับ เธอเลี้ยงน้องไม่ได้ อยากเลวก็เลวไปคนเดียว”
“โธ่โว้ย พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าเอาน้องคืนมา”
ดำผลักนภาลงไปกองกับพื้น นภากำลังจะหัวฟาด รณพีร์เข้ามารับไว้
“เฮ้ย ทำอะไรวะ”
ดำชักมีดพกออกมา
“ค่อยๆ พูดกันก็ได้ ทำไมต้อง...”
“กูเป็นเด็กใคร พวกมึงรู้ไหม อยากมีเรื่องกับพี่เดชคำแหงหรือไงวะ”
รณพีร์จ้องหน้าดำ
“ยุคนี้นี่มันอันธพาลครองเมืองจริงๆ เด็กเลวอย่างแก เหมือนเชื้อโรคขยายพันธุ์เร็วนัก”
“เอาน้องกูมา”
ดำถือมีดข้างหนึ่ง เข้ามาดึงแดงด้วยมืออีกข้าง รณพีร์เข้าไปเตะมีดจากมือ แล้วต่อสู้กับดำ สองสามยก จนสามารถกดดำลงกับพื้นได้ รณพีร์ค้นมีด ค้นสนับมือ อาวุธต่างๆจากตัวดำแล้วเขวี้ยงทิ้งไป ก่อนจะหันไปคว้าเชือกแถวนั้น มารัดมือดำไว้ อย่างคล่องแคล่ว
“พกอาวุธ ทำร้ายผู้หญิง แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย อยากใช้กำลัง อยากฝึกอาวุธถูกกฎหมาย ก็ไปเป็นทหารโน่น”
รณพีร์ผูกดำไว้กับเสา
“ไปครับคุณน้า”
ดำร้องลั่น
“เฮ้ยปล่อยกู...ปล่อย เดี๋ยวกูจะฟ้องลูกพี่กู ปล่อยๆ”
รณพีร์ช่วยนภาเก็บของแล้วลากทั้งแดงทั้งนภาจากไป ทิ้งดำ ให้ถูกผูกไว้กับเสา ดิ้นพราด

รณพีร์ นภา แดง มาถึงหน้าบ้าน
“ข้าวของเสียหายหมดเลย”
รณพีร์มองถุงข้าวของที่ช่วยหิ้วมา นภาหันมาบอก
“ช่างมันเถอะ ว่าแต่พ่อหนุ่มเป็นอะไรไหม แดง...เป็นอะไรไหมลูก”
แดงส่ายหน้า ก้มหน้าเศร้าเหมือนเดิม แอบสะอื้น นภามองเสื้อผ้าของรณพีร์ สกปรกจากการต่อสู้
“เลอะเทอะหมดเลย บ้านน้าอยู่นี่ ไปล้างเนื้อล้างตัวในบ้านก่อน”
นภาชี้ไป รณพีร์หน้าตื่น
“หา...บ้านนี้หรือครับ”
นภาหันไปเห็นรถจอดอยู่
“เอ๊ะ...นี่รถใคร”
“รถผมเองครับ”
รณพีร์มีพิรุธ
“ผม เอ้อ...หม้อน้ำรั่ว...ใช่ครับ หม้อน้ำรั่ว เลยขับเข้ามาขอน้ำเติมหน่อย ก็พอดีได้ยินเสียงคุณน้า”
“เป็นคนพิจิตรหรือ”
“ครับ”
นภาชี้ไปที่วัตถุมงคล เป็นรูปหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่ติดที่คอนโซลรถ ที่กำพลนับถือ
“เห็นบูชาหลวงพ่อเงิน”
รณพีร์นิ่งนึกถึงกำพลที่เปลี่ยนรถกับเขา...รณพีร์ยิ้มแห้งๆ ทำให้นภาเข้าใจไปว่า รณพีร์เป็นชาวนายากจนมาจากพิจิตร
“ครอบครัวชาวนาเหรอลูก...ชื่ออะไรล่ะลูก”
“ชื่อเอ้อ พีร์ครับ”
“มาๆ เข้าบ้านก่อน วันนี้ถ้าน้าไม่ได้พ่อหนุ่มล่ะแย่เลย มาๆ เข้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน”

รณพีร์เดินตามนภาและแดงเข้าบ้านไป

รณพีร์เข้ามาที่โถงบ้าน มองสิ่งต่างๆ เห็นยาย เอนนอนบนตั่งประจำ ห่างไปนอกชานเรือน นักเรียนกำลังฝึกเต้นเสาสองสามคน อยู่แถวนั้น นภาแนะนำ

“นี่แม่ของน้า”
รณพีร์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณยาย”
“โน่น น้องสาวน้า ชื่อบุหลัน ...นี่พ่อพีร์จ้ะ”
นภายิ้มแย้ม บุหลันหน้าบึ้งรับไหว้แกนๆ ไม่ชอบคนแปลกหน้าโดยเฉพาะผู้ชาย นภาเดินนำรณพีร์เข้าไปที่ตุ่มน้ำ
รณพีร์ตักน้ำในตุ่มตรงทางขึ้นนอกชาน ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ จะก้าวขึ้นบ้านตามนภา ประณตออกมาจากในบ้าน พร้อมปืนของเล่นในมือ ทำหน้าขึงขัง
“นายเข้ามาในบ้านนี้ได้ยังไง”
รณพีร์หน้าเหรอ นภาหันไปบอก
“พี่เขามากับป้า”
“มาทำอะไร บ้านอยู่ไหน ชื่อเสียงเรียงนามอะไร บอกมา”
ประณตเล็งปืนใส่รณพีร์ นภาดุ
“ไปเล่นซนที่อื่นไปประณต...พ่อพีร์ น้าไม่รู้จะตอบแทนพ่อพีร์ยังไง เอาเป็นว่าเติมน้ำในหม้อน้ำเสร็จ”
“หม้อน้ำ” รณพีร์งงแล้วก็นึกได้ “อ้อครับ”
“ทำเสร็จแล้วอย่างเพิ่งไป เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะ”
นภาไม่สนใจประณต เดินเข้าบ้านจะรีบไปทำข้าวเย็น ประณตบอกตามหลัง
“ป้านภาอ่ะ ผมไม่ได้เล่น ผมกำลังทำหน้าที่ปกป้องผู้หญิงในบ้านนี่แน่ะ นี่แน่ะ”
ประณตยิงดังแป๊ะๆ รณพีร์ ทำท่าเจ็บที่หัวใจ ประณตเด็กแสบไม่ขำ
“ไร้สาระ เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่รึ”
เพียงขวัญเดินมากับชนะ
“เอ๊ะ... รถคันนี้ เหมือนคุ้นๆ นะ รถคันนี้”
ชนะแปลกใจ
“รถใครเหรอ เข้ามาในบ้านก่อนนะ”
รณพีร์เห็นเพียงขวัญเข้าบ้านของชนะที่อยู่ติดกัน

รณพีร์ใจร้อนเป็นไฟ เดินวนรอบบ้านของชนะหาช่องแอบดู ประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท รณพีร์มองซ้ายมองขวา ตั้งใจแอบดูเขาเดินไปที่หน้าต่างแต่มันปิดสนิททุกบาน เขาเซ็งมากจะเดินต่อแต่ได้ยินเสียง เพียงขวัญกับชนะดังมาจากในบ้าน
“หนูกลัวค่ะ”
“ไม่ต้องกลัว...ดูหน่อยน่า ดูให้เต็มตา”

รณพีร์ตกใจมาก ว้าวุ่นร้อนรน เดินต่ออีก

ในบ้านชนะมีอุปกรณ์ทำระเบิดเป็นแบตตารี่ต่อสายวางอยู่กลางบ้าน สายยาวออกไปทางประตู

“นี่ๆ คอยดูนะ” ชนะเดินไปเปิดประตูอยากโชว์ของเต็มแก่ “ทำได้แล้ว หนูต้องคอยดู เดี๋ยวจะทำให้ดู”
สายตารณพีร์เห็นประตูเปิดออกตรงหน้าเขารีบเดินหลบ สายไฟยาวออกไปตามพื้น รณพีร์ไม่ได้สังเกต ไปยืนตรงมุมหนึ่งปลายสายไฟพอดี ชนะกดระเบิด ระเบิดบึ้มตรงหน้ารณพีร์ โคลนสีดำกระเด็นขึ้นมาโดนหน้ารณพีร์แปะเต็มหน้า ชนะโวยวายลั่น
“เฮ้ย สูตรผิด ทำไมไม่มีควัน...อีกสักสองทีวะ”
ชนะมองไม่เห็นคน สนใจแต่อุปกรณ์ตัวเอง รณพีร์ร้องห้าม
“เฮ้ยอย่า”
ไม่ทันเสียแล้ว ชนะกดระเบิดเป็นลูกที่สองและสาม ตูมๆ ควันออกมา เป็นกลุ่มควันสีดำ ติดกันรอบๆตัวรณพีร์สองลูกซ้อน ราวกับยืนอยู่กลางสมรภูมิ ชนะดีใจ
“ควันออกแล้ว เอ๊ะ...แต่เป็นสีดำ ขอลองอีกที”
รณพีร์ตะโกนลั่น
“เฮ้ย...พอแล้ว”
ชนะกับเพียงขวัญสะดุ้งเฮือก
“เสียงคน...ตายแล้ว”
“ตายเหรอ ไม่ตายหรอก มันแค่ระเบิดเอฟเฟกซ์”
รณพีร์ปาดโคลนสีดำบนหน้าออกอย่างยากลำบาก ปัดฝุ่นสีดำบนหัวออกด้วย
“อย่าเพิ่ง มานี่เร็ว ไปดูเขาก่อน”
เพียงขวัญลากชนะออกมา ด้านนอก รณพีร์ยืนหน้าดำ เพียงขวัญเพ่งมอง
“คุณนั่นเอง”
ชนะจับหัวใจโล่งอก ยังตกใจไม่หาย
“แกอีกแล้ว มาทำอะไรแถวนี้”
ชนะทั้งไหว้ ทั้งทำท่าบูชาพระคริสต์ขึ้นลงแถวหน้าอก ดูมั่ว ๆ รณพีร์ยืนมึน หูอื้อ นภาวิ่งมา ตามด้วยประณต
“ตายแล้วพ่อพีร์ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ประณตวิ่งมาถึง ชี้ขำ
“เอ้า...ไปตกถังถ่านที่ไหนมาครับ ฮะฮะฮ่า”
“โฮ้ย ไม่ตายหรอก เอฟเฟ็คท์ เอาไว้ถ่ายหนังน่ะ ขอโทษนะพ่อหนุ่ม” ชนะคิดต่อ “ทำไมควันดำ มันต้องขาว เราผสมอะไรผิดนะ เดี๋ยวไปลองใหม่ก่อน ดินประสิว 1 ช้อน หรือสองช้อน สายไฟต้องเพิ่ม ใช่ลองเพิ่มดู”

ชนะยังคิดเรื่องสูตรระเบิดของตน เดินพึมพำไป จะไปค้นคว้าต่อ ไม่ค่อยสนใจใคร ตามประสาคนสติเฟื่อง

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น