สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 6
ค่ำนั้น ขณะที่รณพีร์ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง ประณตกับแดงที่กำลังจะกลับบ้านโผล่มาเจอพอดี วิ่งร้องไห้ตามรถไป ร้องเรียกไป จนรณพีร์ต้องหยุดรถ
“พี่พีร์ ช่วยด้วยๆ”
“มีอะไรครับประณต หน้าตาตื่นมาเชียว ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
“เดชคำแหงให้คนจับพี่ขวัญไปไหนไม่รู้”
“เดชคำแหงเป็นใคร” รณพีร์ชะงักสงสัย
“นักเลงแถวนี้ครับ พี่ดำพี่ผมที่เคยมีเรื่องต่อยกับพี่พีร์ เป็นลูกน้องนายเดชคำแหงครับ” แดงเล่า
“มันบังคับยายไปผ่าตัด ลุงชนะก็โดนมันซะอ่วมเลย ไปอยู่อนามัยตั้งแต่เมื่อวานไม่มีใครไปช่วยพี่ขวัญเลย”
รณพีร์หันมาถามแดง
“แดง แล้วพวกลูกน้องนายเดชกำแหงมันชอบมั่วสุมกันอยู่ที่ไหน”
ประณตกับแดงมองหน้ากัน พยายามคิด
เดชคำแหงยังฝึกตีระนาดต่อไป นภานั่งร้องไห้ห่วงทั้งแม่ ห่วงทั้งลูกสาว กับความกดดันที่เดชคำแหงทำตัวแปลกๆนั่งตีระนาด ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โดยไม่รู้จะเอายังไงกับตน
“พี่เดช อย่าทำอะไรเพียงขวัญของฉันนะ”
“โฮ้ย ลูกสาวนภาก็เหมือนลูกสาวของฉัน ไม่ต้องห่วงน่าสั่งไปแล้ว เดี๋ยวน้าผันผ่าตัดเสร็จ พวกไอ้เหม ไอ้นาถ มันก็เอาตัวเพียงขวัญมาส่งบ้านเองนั่นแหละ”
“พี่เดชต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม”
เดชหยุดตีมองนภา เปลี่ยนเป็นสายตาของความรัก
“ฉันต้องการให้แม่นภารับรักฉัน ฉันมีเมียมาแล้วหลายคน บางคนสวยยิ่งกว่านางสาวสยาม...แต่รู้ไหมฉันไม่เคยลืมความรักครั้งแรก มีคนบอกว่าฉันเล่นเพลงนี้ได้อย่างมหัศจรรย์ มันเป็นเพลงรัก...ทุกครั้งที่เล่น ฉันคิดถึงคนรัก...ฉันคิดถึงเธอ”
นภาอึ้ง ความรักของเดชคำแหง เหมือนคนเดิมสายตาที่มองมา ยังเหมือนเดิม ส่งความรักมากมายตรงมาให้
ในบาร์ที่ซ่องสุมของสมุนเดชคำแหง สมุนนักเลงกำลังเล่นบิลเลียด สรวลเสเฮฮา มีสาวเซ็กซี่ข้างกายตามประสา รณพีร์เข้ามา
“พวกแกเอาเพียงขวัญไปไว้ไหน”
ทุกคนมองมาที่รณพีร์ ที่จู่ๆ บุกเดี่ยวเข้ามาตะโกนเสียงดัง สมุนร้องเฮ กรูกันเข้ามาหา ต่อสู้กับรณพีร์ สาวๆ ร้องกรี๊ดแตกฮือหนีออกไป รณพีร์ต่อสู้กับพวกของเดชคำแหงอย่างไม่กลัว
เดชคำแหงเริ่มตีระนาดเพลงลาวดวงเดือนที่เป็นเพลงรัก อย่างจริงจัง ไม่ใช่การซ้อมแล้ว ไม้ที่ไล่ไป ทำนองงดงาม พระจันทร์สวยงาม สายตาของเขามองนภาที่นั่งอึ้งอยู่ บทเพลงยังต่อเนื่องไปกับคำพูดของเขา
“เพลงรักทุกเพลง มีความเศร้าแฝงอยู่...จะว่าไป เวลารักใคร มันเจ็บปวดมากกว่ามีความสุขนะ เจ็บปวดเพราะเขาไม่รัก เจ็บปวดเพราะรอคอย...เจ็บปวดเพราะเขาไม่รัก”
วิไลรัมภานั่งรถ ที่มีเทวพันธ์ขับ ทั้งสองออกเดินทางมาจากชลบุรีจะไปวังจุฑาเทพ วิไลรัมภา ร้องไห้อย่างหนัก เสียใจจริงๆเรื่องรณพีร์ทิ้งเอาไว้ที่ชลบุรี
รณพีร์มีร่องรอยจากการถูกทำร้ายแต่จัดการทุกคนจนสลบเหมือด เหลือคนสุดท้าย รณพีร์ที่เหนื่อยอ่อน ต่อสู้เพราะความรัก ลากสมุนขึ้นมา กำลังจะซัดด้วยหมัด สมุนยกมือยอมแพ้
“โอ๊ะ อย่าๆ ผมยอมแล้ว ยอมแล้ว”
รณพีร์ตะคอก
“เพียงขวัญอยู่ไหน”
“สวนสนุกในวัด”
รณพีร์ทิ้งสมุน รีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
นภากับ เดชคำแหงนั่งคุยกันที่โถงชั้นล่าง
“ถ้าพี่ไม่ทำอย่างวันนี้ ไม่มีใครพายายไปผ่าตัดได้หรอกถูกไหม พี่จะเข้ามาจัดการเรื่องต่างๆในบ้านนี้ให้เรียบร้อย ทั้งหมดนี้ทำไป เพราะพี่รักนภา”
นภาไม่พอใจ
“รักหรือ ฮึๆ พี่มีอำนาจอย่างทุกวันนี้เพราะ พี่ขายยา เปิดบ่อน ให้คนมั่วสุมจนหมดตัว คนทำมาหากิน พี่ก็ปล่อยเงินกู้ เรียกดอกจนคนไม่มีปัญญาจ่าย คนไหนที่ไม่เล่นการพนัน ไม่พึ่งเงินกู้ พี่ก็เรียกเก็บค่าคุ้มครอง คนที่รู้จักความรัก จะไม่มีวันทำแบบนี้”
“พี่ปกครองคนในอาณาเขตของพี่ ด้วยวิธีของพี่ ขืนปล่อยไป คนอื่นก็มาทำแบบนี้กับเขาอยู่ดี อยู่กับพี่ ให้พี่คุ้มครอง ดีที่สุดแล้ว”
“พี่ใช้อำนาจควบคุมทุกอย่าง แม้แต่ความรัก พี่อยากให้คนบ้านนี้ติดหนี้บุญคุณพี่ พี่จะใช้อำนาจเข้าไปจัดการ อย่างนี่เหรอวิธีของพี่”
“แม้แต่คนรัก พี่ก็ต้องควบคุม เขาจะได้สิ่งที่ดีที่สุดจากพี่ เพราะถ้าพี่ปล่อยเขาไป เขาอาจจะไปทำอะไรผิดๆ เช่นเลือกคนผิดเหมือนเลือกนายอดุลย์” เดชคำแหงสายตาเยาะนภา
“คิดไปเอง คิดไปเองทั้งนั้น มันใช่ความรักที่ไหน สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดของพี่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉัน สำหรับคนในบ้านนี้” นภาเสียงเข้ม
เดชคำแหงหน้าเหี้ยมเยือกเย็น พูดเน้น
“มีรักแล้วแย่งชิง นี่ต่างหากคือรักจริง รักขนาดยอมเป็นคนเลว รักขนาดเสียเขาไปไม่ได้ รักขนาด ไม่ยอมแพ้ใครหน้าไหน ไม่ยอมแพ้ทั้งนั้น คนอย่างพี่มันมีอยู่ในโลกแห่งความจริงนะน้องนภา”
เทวพันธ์ขับมาจอดหน้าวังจุฑาเทพ เปิดประตูให้วิไลรัมภาลงมา
“วันนี้ หนูร้องไห้มากเหลือเกิน”
วิไลรัมภาเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าตา มองตัวเองที่กระจกรถ หลังจากร้องไห้จนพอก็เข้มแข็งขึ้น เธอเชิดหน้า มองวังจุฑาเทพตรงหน้า
“ไม่แล้วค่ะ พอแล้ว พี่ชายพีร์คงเกลียดรัมภามากถึงทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รัมภาและเทวพรหมแพ้ไม่ได้ ไม่มีเวลาเสียน้ำตาอีกแล้ว ไปกันเถอะค่ะคุณพ่อ”
วิไลรัมภาสีหน้าเข้มเดินเชิด เข้าไปในวัง เทวพันธ์เดินตาม
เทวพันธ์และวิไลรัมภานั่งรอ หม่อมเอียด ย่าอ่อนอยู่ในชุดนอนแล้วเดินมาหาอย่างร้อนใจ คิดว่าคงมีเรื่องใหญ่ ทั้งสองจึงถูกตามมายามดึก
“หนูวิไลรัมภา เกิดอะไรขึ้น ชายพีร์ล่ะ” หม่อมเอียดถามอย่างแปลกใจ
วิไลรัมภาร้องไห้ วิ่งเข้าไปกอดย่าอ่อน เป็นการร้องไห้ โดยมีจุดประสงค์คือให้เขาสงสาร ไม่จริงใจเหมือนเมื่ออยู่บนรถ จึงร้องมากกว่าปกติ ย่าอ่อนตกใจ ลูบหัวลูบหลัง
“ตายแล้วแม่คุณ ไม่เอาลูก ร้องไห้ทำไม ชายพีร์ก่อเรื่องหรือคะคุณชายเกิดอะไรขึ้นบอกมาเร็วๆค่ะ”
วิไลรัมภาร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ
งานวัดที่เงียบไม่มีคน ดำกับสมุนรุ่นเด็กเฝ้าทางเข้าอยู่ ยืนคุยกัน มีสุราอาหารครบครัน
“ตกลงพี่เดชเขาจะเอายังไงกับคนบ้านนั้นวะ ไอ้น้องทรยศก็หายหัว อยู่บ้านนั้นมันมีดีอะไร มาอยู่กับพี่เดชคำแหง มีแต่ของดีๆให้กิน ไปไหนมาไหนใครๆก็กลัว”
“เมื่อไหร่พี่เหมจะมาวะ เบื่อว่ะ ไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำเลย”
มอเตอร์ไซค์รณพีร์ขับเข้ามา
“รถใครวะ”
มอเตอร์ไซค์บ้าบิ่น ขับทะลุ ไม้กั้นแล้วเข้าไปจอดในลานงานวัด ดำบอกเพื่อน
“ของสนุกๆมาแล้วไงมึง”
ดำและเพื่อนวิ่งเข้าไปชี้หน้าด่า รณพีร์ลงจากรถ เขวี้ยงหมวกกันน็อคทิ้ง
“นึกว่าใคร คราวที่แล้วกูเผลอหรอก คราวนี้กูไม่เอามึงไว้แน่”
“ฉันไม่อยากมีเรื่อง แค่มารับเพียงขวัญกลับบ้าน”
“ใครบอกว่าเพียงขวัญอยู่นี่ แกมองไปรอบๆสิ แกเห็นเพียงขวัญไหมล่ะ”
รณพีร์มองไปรอบๆมองไม่เห็นใครจริงๆด้วย ดำท้าทาย
“มึงกับกูมาวัดกันด้วยกำปั้น เข้ามาเลย”
ดำเข้าต่อสู้ สมุนเข้าช่วย รณพีร์วิ่งเข้าไปที่ม้าหมุน ต่อสู้กับพวกของดำแบบสองรุมหนึ่งรณพีร์ใช้เสาของม้าหมุนโหนแล้วเตะและยังจับสมุน คนหนึ่งหัวโขกเสาจนสลบไป รณพีร์ถอยมาหาอุปกรณ์ เตะต่อยจนใช้โหลยาดองแถวนั้นฟาดหัวดำ รณพีร์สู้กับดำ ทั้งสองเตะต่อยกันจนดำใกล้สลบเต็มที รณพีร์ลากดำมาแล้วเอาหัวจุ่มน้ำของถังสาวน้อยตกน้ำ
“จะบอกหรือไม่บอก เพียงขวัญอยู่ไหน”
“ไม่...บอก”
ดำเจ็บหนักมากสลบไป
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิ เดี๋ยว ทำไมใจเสาะนักวะ”
รณพีร์มองไปกังวลจริงๆ เพราะไม่เห็นเพียงขวัญ
รณพีร์มองหาในสวนสนุกอันเงียบสงบไม่เห็นใคร ไม่เห็นแม้แต่เพียงขวัญ เขาเป็นห่วงเพียงขวัญมากเดินว้าวุ่นตะโกนเรียกชื่อไปที่มุมนั้นมุมนี้
“เพียงขวัญ...เพียงขวัญ”
เพียงขวัญถูกมัดอยู่ที่ชิงช้าสวรรมองลงมาส่งสายตาให้รู้ว่าดีใจแค่ไหนเธอพยายามดิ้นให้เชือกหลุด รณพีร์เงยหน้ามอง
“รอผมหน่อย”
นาถโผล่มาเห็น
“มึงเป็นใคร นี่เป็นถิ่นพี่เดชคำแหง ออกไปซะ อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”
รณพีร์รีบหลบเพราะเห็นว่านาถมีปืน เพียงขวัญห่วงรณพีร์มาก สมุนชี้ไปที่รณพีร์ที่หลบอยู่
“มันอยู่ตรงโน้น สงสัยกลัวปืนจนฉี่แตกตรงนั้นแหล่ะ”
“ไปลากคอมา คนที่ไม่เคารพพี่เดชคำแหง ต้องโดนสั่งสอน”
สมุนเดินเข้าไป เพราะมั่นใจว่ารณพีร์อยู่ที่ซุ้มขายของตรงนั้น แต่พอโผล่เข้าไปก็ว่างเปล่า
“หายไปไหนวะ”
ปืนจุกไม้ก๊อกถูกยิงออกมาที่ตาเปรี้ยง สมุนลงไปนอน รณพีร์อยู่ที่ซุ้มยิงปืนประทับปืนจุกไม้ก๊อก เล็งมาในฐานะ มือปืนที่ถูกฝึกมา เขาใช้ปืนยิงจุกไม้ก๊อกไปโดนตาของ สมุนอีกคนอย่างแม่นยำ ตามด้วยยิงไปที่นาถ เข้าที่ตาเช่นกัน สามนัดซ้อน
“โอ๊ย”
นาถเจ็บร้องโอ๊ยเอามือจับตา รณพีร์บุกออกมาเข้าไปเตะต่อยต่อสู้ตอนที่นาถเผลอ ใช้ปืนของตนสู้กับนาถจนได้ปืนของนาถมาแล้วเหวี่ยงทิ้งไป รณพีร์ซัดสามคนสลบไป
“มันไม่สำคัญที่ปืนจริงหรือปลอม สำคัญที่ฝีมือโว้ย”
รณพีร์ยิ้มภูมิใจในฝีมือตนเอง
รณพีร์เข้าไปช่วยเพียงขวัญได้สำเร็จ
“เพียงขวัญ ผมขอโทษ ผมผิดนัดคุณ...ผม”
เลือดที่จมูกของเขาไหลออกมา เพียงขวัญเอามือเช็ดเลือดที่จมูกของเขา
“คุณเจ็บตรงไหนอีกบ้างคะ คุณพีร์”
“ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมจะไม่มีวันให้คุณหายไปจากชีวิตผมอีก ผมสัญญา”
“ขอบคุณค่ะคุณพีร์...ขอบคุณ”
ทั้งสองกอดกันอีก
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
คำพูดของรณพีร์เหล่านี้เป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้น
บุหลันเดินไปเดินมาเป็นห่วงแม่มากที่หน้าห้องผ่าตัด เหมนอนหลับไม่เกรงใจใครอยู่หน้าห้องผ่าตัด
“คุณพระคุณเจ้าเจ้าขา ขอให้การผ่าตัดเรียบร้อยด้วยเถอะ”
หมอเดินออกมา
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
บุหลันเดินไปหาคุยกัน
เดชคำแหงยืนมอง นภาเขยิบจะเดินออก
“น้องนภาจะไปไหน”
“ฉันจะไปรอลูกที่ศาลา”
“อยู่ใกล้ๆฉันมันอึกอัดนักหรือไง”
เดชกำแหงพยายามเข้าประชิดนภา รณพีร์เดินนำเพียงขวัญ แดงและประณตเข้ามาในบ้าน
เพียงขวัญวิ่งเข้าไปกอดนภา
“แม่จ๋า”
นภาดีใจมาก กอดตอบ
“เพียงขวัญลูกแม่ หนูเป็นอะไรหรือเปล่า แม่ห่วงหนูแทบตายแล้ว”
“เอ็งเป็นใคร”
เดชคำแหงเผชิญหน้ากับรณพีร์
“จะเป็นใครไม่สำคัญ แต่ผมไม่เลือกเป็นอันธพาลเหมือนคุณ”
“คู่รักหนูเพียงขวัญรึ”
“จะใช่หรือไม่ใช่ ผมก็จะปกป้องเขา ปกป้องคนในบ้านนี้ คุณต้องการอะไร ถึงทำแบบนี้”
“อ๋อ พวกคนหนุ่ม คลั่งความรัก”
“ผมพร้อมแล้ว คุณเข้ามาได้เลย”
รณพีร์เตรียมต่อสู้ เดชคำแหงจับตะพด รณพีร์ขยับจะปกป้องทุกคน เหมกับบุหลันเดินมา สมุนเหมอีกสองคนตามมาด้วย
“แม่”
ประณตวิ่งเข้าไปกอด เด็กๆยังตกใจเรื่องคืนนี้ นภารีบถาม
“บุหลัน แม่เป็นไงบ้าง”
“หมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนโรงพยาบาลระยะหนึ่ง”
เหมหันไปหาเดชคำแหง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับนาย ไอ้คนนี้มันเป็นใคร จัดการมันเลยไหมครับ”
เดชคำแหง เหม และสมุนเตรียมต่อสู้ รณพีร์ไม่กลัว เหมจะเข้าหา เดชคำแหงห้ามไว้ ใบหน้าคิดๆ เดาไม่ออกเหมือนเดิมว่าจะมาไม้นุ่มหรือจะมาไม้แข็ง
“ใจเย็น ไอ้หนุ่มคนนี้มันคงสนใจหนูเพียงขวัญของเค้า ฮึ...เจ็บไปทั้งตัวยังจะบ้าดีเดือด ฮึๆ ถ้าเราตีมันให้ช้ำในตาย หนูเพียงขวัญของข้าคงไม่ชอบใจแน่”
เพียงขวัญสวนทันที
“ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ”
เหมตะคอก
“เฮ้ยวันนี้ พี่เดชคำแหงจ่ายเงินให้บ้านแกไปตั้งหลายตังค์ รู้จักสำนึกบ้างสิ”
“เราไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์คุกคามกักขังฉัน แม่ฉัน และคนในบ้านนี้ด้วย”
เดชคำแหงมองเพียงขวัญ ชอบความดุของหญิงสาว ยิ้มน้อยๆ
“แต่พี่สุขใจจริงๆที่ได้อยู่ใกล้แม่นภาแบบนี้ ฉันอยากให้มันเป็นแบบนี้ทุกวัน”
เดชคำแหงหัวเราะเดินจากไป เหมเดินตาม ทุกคนมองตาม
รณพีร์เดินมาทำท่าจะกลับ เพียงขวัญรีบบอก
“เดี๋ยวขวัญไปต้มน้ำมาทำความสะอาดแผลให้คุณพีร์นะคะ”
นภาเดินมาหา
“พ่อพีร์ น้าไม่รู้จะขอบใจพ่อพีร์ยังไง”
“ไม่เป็นไรครับ เพียงขวัญเป็นเอ้อ...เพื่อนสนิทของผม ยังไงผมก็ต้องช่วย ห่วงแต่ว่านายเดชกำแหงจะไม่เลิกราง่ายๆสิครับ”
“เขาทำทั้งหมด เพื่อแก้แค้นที่น้า ที่ยายเคยปฏิเสธเขา”
“ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้ด้วยนะครับ”
นภาพยักหน้า
“อาบน้ำอาบท่า ทำแผล แล้วค้างที่นี่นะพ่อพีร์”
รณพีร์ชะงัก
“ค้างหรือครับ”
“ดูซิเนี่ย แผลเต็มไปหมด ทำแผล ก็กินยาแล้วรีบนอนซะ เดี๋ยวก่อนไข้จะขึ้น”
“ผมไม่เป็นอะไร ตอนออกลาดตระเวนเจอหนักกว่านี้อีกครับ”
“นี่มันดึกดื่นแล้วนะ”
นภาจะเข้าบ้าน รณพีร์รีบบอก นึกในใจกลับให้โง่รึ
“เอ้อ...ค้างก็ดีครับ ลุงชนะอยู่อนามัย น้าบุหลันไปเฝ้ายาย ที่นี่มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก ผมค้างที่นี่ก็แล้วกันนะครับ”
นภายิ้มให้ อนุญาต
รณพีร์ยังไม่หลับ มองดูพระจันทร์ มุ้งถูกตลบไว้ยังไม่ได้กาง...เพียงขวัญยังไม่ได้หลับ นภาหลับไปแล้ว เพียงขวัญมองพระจันทร์หลังจากกราบหมอนสามครั้งสุดท้าย
เพียงขวัญเดินเอาผ้าห่มมาให้รณพีร์
“เห็นข้างนอกอากาศเย็น ก็เลยเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ค่ะ”
รณพีร์มองนิ่ง
“ขอบคุณมากครับ”
“ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณอีกครั้ง สำหรับวันนี้”
“มันเป็นหน้าที่ ที่ผมต้องปกป้องผู้หญิงของผมครับ”
เพียงขวัญมองอย่างซาบซึ้ง
“นอนเถอะค่ะ...คุณควรจะพักผ่อนได้แล้ว ฉันเองก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน”
เพียงขวัญเขยิบจะเข้าห้อง
“คุณขวัญฝันดีนะครับ แล้วอย่าลืมล่ะ...คุณคือผู้หญิงของผม”
เพียงขวัญยิ้ม ขอบคุณอีกครั้ง ก่อนเดินเข้าห้อง
นภานอนหลับห่างไป เพียงขวัญนอนไม่หลับมองที่ประตู สุขใจและปลอดภัยที่มีเขาอยู่ในบ้านเธอนอนยิ้มมีความสุข เสียงก่อกแก่ก เงาใต้ประตูเริ่มขยับ เพียงขวัญรีบหันหลังให้ทำเป็นหลับ ทั้งที่ไม่มีใครเห็น
รณพีร์เคาะประตู เพียงขวัญมองแม่เห็นแม่นอนอยู่ เธอเลยย่องออกมาเปิดประตู รณพีร์ยืนยิ้มอยู่
“เป็นไงบ้าง นอนหลับไหม ฉันหลับสนิทเลย กี่โมงแล้วเนี่ย”
เพียงขวัญแกล้งทำหาว เสแสร้งกลบเกลื่อน ไก๋ไปเรื่อย นภาง่วงมาก พูดทั้งที่ไม่ลืมตา งัวเงียพูด
“หนาวไหมพ่อพีร์ ยายขวัญเอาผ้าห่มให้พ่อพีร์อีกสิลูก”
“ขอบคุณครับ นอกชานมันหนาวจริงๆด้วย”
เพียงขวัญเดินไปหยิบผ้าห่มมา มองนภา เห็นนภาหลับไปแล้วหันหลังให้ รณพีร์แอบแตะมือ ที่ยื่นผ้าห่มให้ กระซิบเสียงเบา
“ได้นอนในบ้าน ใต้หลังคาเดียวกัน ใจมันเต้นจนนอนไม่หลับ”
เพียงขวัญเอียงอาย
“บ้าสิ”
“ตัวอยู่ข้างนอก แต่ใจอยู่ข้างใน ได้แต่ฝันว่าสักวัน จะไม่มีประตูแบบนี้”
เพียงขวัญอายหนักเข้าไปอีก
“เซี้ยวจริง...ไปนอนได้แล้ว”
เพียงขวัญปิดประตู รณพีร์ยิ้มออกไป
มุ้งตลบลงมาเรียบร้อยแล้ว รณพีร์นอนตะแคงอยู่ มือเล็กๆค่อยๆเข้ามา รณพีร์เขยิบ
“พี่พีร์ ผมเอง”
“คุณประณต มีอะไรหรือครับ”
“ผมกลัวผี แม่ไปนอนเฝ้ายาย เผื่อพวกไอ้เดชมันจะกลับมา นี่ๆผมมาช่วยพี่เฝ้าบ้าน นอนด้วยนะพี่”
ประณตหยิบหนังสติ๊กออกมาสองอัน ส่งให้รณพีร์หนึ่งอันแล้วซุกเบียดลงไปนอนข้างๆรณพีร์
“เอ้าถ้าอย่างนั้นก็รีบนอนเถอะครับคุณประณต พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนไม่ใช่หรือครับ”
ทั้งสองขยับนอน ประณตนอนยิ้มแย้ม สักครู่ก็ได้ยินเสียงหมาหอนมาแต่ไกล ประณตหวาดๆ
วันใหม่...รณพีร์ถูกย่าอ่อนตามมาหาหม่อมเอียดเดินตามกันมา รณพีร์สีหน้าไม่ดีที่ย่าอ่อนถึงขนาดไปตามเอง แสดงว่าเรื่องใหญ่ รณพีร์มาเห็นหม่อมเอียดนั่งหน้านิ่ง จ้องมาที่ตนด้วยแววตาโกรธ เขาคลานเข่าไปหา แล้วก้มหน้านิ่ง
“สุภาพบุรุษ ต่างกับผู้ชายธรรมดาตรงที่ สุภาพบุรุษให้เกียรติผู้อื่น สิ่งที่ทำกับคุณชายเทวพันธ์ ขนาดผู้ชายธรรมดา ยังถือว่าไม่สมควร”
“ตอนผมอยู่ที่โน่น ผมเห็นสิ่งหนึ่งในตัวน้องรัมภาที่มองข้ามมานาน...น้องรัมภาสวยมาก เธอไม่เหมือนวิไลรัมภาเด็กเอาแต่ใจคนเดิม เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผม เธอยอมผม ยอมมากจนไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงคนอื่นจะยอมผมอย่างน้องรัมภาหรือเปล่า”
ย่าอ่อนชะงัก
“ผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงที่ไหน”
“ความรักไม่เหมือนข้าวของ ยิ่งเยอะ ยิ่งดี แบบนั้นคงไม่ใช่ คนที่ไม่สวยจัด อาจสวยที่สุดสำหรับเรา คนที่ดื้อกับเรา อาจทำให้เราพอใจก็ได้”
หม่อมเอียดเข้าใจความหมายที่หลานสื่อ รณพีร์กำลังบอกว่า ไม่ได้รักวิไลรัมภา เขามีคนรักอยู่แล้ว
“คุณย่าครับถ้าผมจะรักน้องรัมภา ผมคงต้องรักที่ตัวเธอเองจิตใจของเธอเอง ไม่ใช่ให้เธอพยายามทำโน่นเป็นนี่ เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ผมรัก”
“ชายพีร์ลืมสัญญาระหว่างเราสองตระกูลไปแล้วหรือ”
“ผมไม่ได้ลืมหรอกครับหม่อมย่า แต่หม่อมย่าจะให้ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักหรือครับ หม่อมย่าให้ผมเลือกผู้หญิงของผมเองไม่ได้หรือครับ...ผมขอตัวขึ้นข้างบนนะครับ”
รณพีร์คลานเข่าห่างจากหม่อมเอียดพอสมควร ถึงลุกขึ้น เดินออกจากห้องไป หม่อมเอียดหนักใจ
“ชายพีร์กำลังบอกเราว่าถึงยังไง เขาก็ไม่รักหนูรัมภา ชายพีร์มีผู้หญิงที่รักอยู่แล้ว”
ย่าอ่อนคิดหนัก
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ถึงทำให้ชายพีร์หลงใหลได้ขนาดนี้”
“อย่าคิดว่าย่าจะยอมแพ้ง่ายๆนะชายพีร์”
หม่อมเอียดหมายมาด ยังไม่ยอมแพ้
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมาหาผู้การอีกครั้ง ทั้งหมดนั่งสนทนา
“ในเมื่อทหารอเมริกันคนนั้นมีภารกิจอื่น คุณก็ควรหาเหตุผลใหม่ ย้ายเขาไปต่างจังหวัดอีก เพราะคุณรับปากฉันแล้ว” หม่อมเอียดกล่าวเสียงเข้ม
ผู้การหนักใจ
“ขอประทานโทษครับหม่อม ที่ผมทำตามความต้องการของหม่อมไม่ได้”
“เอาอย่างนี้ที่ดินใจกลางพระนคร ของจุฑาเทพยังมีอยากได้ตรงไหนบอกมา”
ผู้การเสียงแข็งกลับ
“งานที่แล้ว ผมโดนผู้ใหญ่ตำหนิ คุณชายรณพีร์เป็นนักบินรบ ต้องอยู่ซ้อมต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดน”
ย่าอ่อนสวนขึ้น
“ผู้ใหญ่คนไหนตำหนิคะ เราจะไปคุยเอง”
“ท่านผู้บัญชาการกองทัพอากาศครับ”
ย่าอ่อนอึ้ง ยิ้มแห้ง ผู้การหน้าเครียด
“ทหาร ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ท่านผบ.ทอ.เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของผม และของคุณชายครับ ไม่ใช่...ผู้บริจาค”
หม่อมเอียดเจอผู้การแข็งใส่ จึงอ่อนลงหลับตาตัดใจ ถอนหายใจเลิกแข็งกร้าว
“ขอบใจผู้การ มาก ที่ช่วยคราวก่อน”
หม่อมเอียดลุกขึ้น จะกลับ ผู้การลุกตาม จะออกไปส่ง ย่าอ่อนรีบบอก
“ไม่ต้องส่ง เราจะออกทางประตูหลัง อย่าให้ชายพีร์รู้ล่ะคะ ว่าเรามา”
“ครับหม่อมเอียด คุณอ่อน”
ผู้การเปิดประตูให้ทั้งคู่ออกไป
รณพีร์นั่งอยู่ในห้องทำงาน ผู้การเดินเข้ามา
“ผู้หมวดรณพีร์ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณ ช่วยไปเตือนเพื่อนคุณด้วย มีรายงานมาจากข้างบนเรื่องหมวดยอดยศ หมวดยอดยศขาดราชการ กินเหล้าเมายาผมให้เวลา 10 วัน ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงผมจะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ฝากด้วยนะ”
รณพีร์นั่งกลุ้มอยู่ที่ศาลา เพียงขวัญนั่งปักชุดลิเกทั้งสองคุยกัน
“เรื่องของเรื่องก็คือ ทุกวันนี้ หน้าผมมันยังไม่มอง ผมจะมีปัญญาอะไรไปเตือนมันได้”
“นี่ฉันเป็นสาเหตุทำให้นายทหารคนหนึ่ง ถึงกับจะหมดอนาคตเลยหรอคะ”
“เกี่ยวกับคุณที่ไหนเล่า คุณไม่เคยชอบมันมาตั้งแต่ต้น”
เพียงขวัญค้อนๆ อายๆ
“ที่จริงมันควรรู้ได้แล้วว่าใครรักมันที่สุด คุณพิม คู่หมั้นของมันยังดูแลมันไม่เคยโกรธมันสักนิด แถมปกปิดพ่อแม่ให้อีก”
เพียงขวัญวางชุดปัก สนใจเรื่องนี้มาก ได้ความคิดบางอย่าง
“คู่หมั้นหรือคะ ฉันนึกอะไรออกแล้ว บอกหน่อยสิคะ ฉันจะนัดคุณยอดยศกับคู่หมั้นออกมาได้ยังไง”
“คุณมีแผนอะไรหรือครับ”
เพียงขวัญยิ้มกริ่ม เธอมีแผนในใจ
จันท์กระพ้อแต่งหน้าแต่งตัวให้เพียงขวัญอยู่ในห้อนอนของเธอ เพราะเพียงขวัญแวะมาหามาให้ช่วยก่อนไปหายอดยศ
ยอดยศรออยู่ในร้านอาหาร พิมพรรณเดินเข้ามาทั้งสองเจอกันอย่างงงๆ
“พี่ยอดมีอะไรหรือคะทำไมถึงนัดน้องพิมมาที่นี่”
“พี่ไม่ได้นัด พิมทิ้งข้อความไว้ที่กองบินให้พี่ออกมาหาไม่ใช่หรือ”
พิมพรรณงงๆ
“เอ้า...คนที่บ้านพิมบอกว่าพี่ยอดฝากข้อความไว้ ไม่ใช่พี่หรอกหรือคะ”
เพียงขวัญเดินออกมา ยอดยศหน้าตึง พิมพรรณตกใจ
“ดิฉันเป็นคนนัดเองค่ะ ดิฉันอยากให้เราสามคนได้คุยกัน...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณพิมพรรณ ดิฉันเพียงขวัญค่ะ”
รณพีร์แอบอยู่มุมหนึ่ง มากับเพียงขวัญ แต่ไม่ออกมาจะแอบฟังอย่างเดียว
“ฉันรู้จักคุณตั้งนานแล้ว” พิมพรรณเย็นชา ไม่ชอบเพียงขวัญ
ยอดยศถามห้วนๆ
“คุณจะคุยกับผมเรื่องอะไร”
เพียงขวัญแอคติ้งนางร้ายทันทีหน้าเชิดแววตาดูถูก
“ดิฉันได้ยินมาว่าคุณเสียใจมากหรือคะ ที่คุณยอดมาสนใจฉัน”
พิมพรรณน้ำตาคลอขึ้นมา สายตาเพียงขวัญดูถูก
“พูดแค่นี้ก็น้ำตาคลอแล้ว เพราะคุณเป็นแบบนี้สินะ ผู้ชายถึงได้เบื่อ แค่ฉันอยู่กับคุณครู่เดียว ฉันยังเบื่อเลย”
ยอดยศโวย
“อย่าพูดอะไรแบบนี้ คุณไม่รู้จักเธอ พิมมาจากครอบครัวที่ดี เป็นลูกคนเดียว เธอมีคนดูแลตั้งแต่เล็ก มันก็แค่นั้น”
เพียงขวัญมองหน้ายอดยศ
“คุณเองก็เถอะค่ะ คนอ่อนแอ ใจโลเล ขอให้รู้ไว้นะ ฉันไม่เคยชอบคุณเลย ฉันสงสัยด้วยซ้ำที่เป็นทหารอยู่ทุกวันนี้ เพราะมีพ่อเป็นนายพลหรือเปล่า”
พิมพรรณเถียงแทน
“ไม่จริงสักหน่อย บินเครื่องบินรบ ใช้เส้นสายได้ที่ไหน คุณไม่รู้หรอก พี่ยอดฝึกหนักแค่ไหน ฉันเห็นเขามาตลอด เขาคือคนที่ฉันภาคภูมิใจ” พิมพรรณมีโมโหเช่นกัน
เพียงขวัญเยาะ
“เหรอ...แล้วตอนนี้ล่ะ เฮอะ...กลิ่นเหล้าลอยมาถึงนี่ ฉันว่าเขาต้องโดนปลดไม่นานนี้แล่ะ คุณยังจะรอเขาอีกหรือ”
พิมพรรณมาดมั่น
“ต่อให้เขาโดนปลด ฉันก็เหมือนเดิม ฉันไม่ได้รักเขาที่ตำแหน่งเหมือนคุณ ฉันรักเขา เขาจะรักฉันหรือไม่ไม่สำคัญแต่ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
ยอดยศหันมามองพิมพรรณอย่างซาบซึ้ง
“พิม”
พิมพรรณมองหน้าเพียงขวัญ
“คุณมาพูดแบบนี้เพราะคุณมีที่หมายใหม่ที่ดีกว่าใช่ไหมล่ะ กำลังทะนงตนสินะ ผู้ชายสูงส่งคนนั้น อย่าคิดนะว่าเราไม่รู้”
รณพีร์ตัวชาเอาแล้วไง เพียงขวัญไม่เข้าใจ
“คุณหมายถึงใคร”
“ผู้หญิงอย่างคุณรักเขาที่ฐานันดรใช่ไหมล่ะ เราสองคนรู้เรื่องคุณกับคู่รักหมดแล้ว”
เพียงขวัญงง ไม่เห็นมีใครสูงส่งฐานันดรนี่นา รณพีร์ร้อนรน ซวยแน่เรา
“ฐานันดรอะไร คุณอัทธ์ที่มีความรวย...หรือว่าคุณพีร์ที่เป็นทหารอากาศ”
พิมพรรณกับยอดยศมองหน้ากัน ชักสงสัย
“นี่คุณไม่รู้หรือว่า...”
พิมพรรณไวกว่า ยกมือมาแตะไม่ให้ยอดยศบอก
“พอเถอะค่ะพี่ยอด เรารู้เช่นเห็นชาติผู้หญิงคนนี้มามากพอแล้ว เราไม่จำเป็นต้องคุยกับเขาอีก”
“นอกจากต้องการให้ผมรู้สึกตัวเอง คุณมีอะไรอีกไหม”
“คุณเข้าใจทุกอย่างเร็วดีนี่ รักษาระดับแอลกอฮอลล์ในเลือดคุณเอาไว้นะ ถูกปลดกลายเป็นคนธรรมดาเมื่อไหร่ คุณจะเห็นรักแท้ของผู้หญิงข้างๆคุณ...เผื่อฉันจะเอาเรื่องของคุณไปทำหนังบ้าง พวกรักตกอับ คนดูชอบ”
เพียงขวัญเดินเชิดออกไป พิมพรรณกับยอดยศ โกรธมาก รณพีร์ถอนใจโล่ง ไม่มีใครหลุดพูดออกมา
เพียงขวัญเช็ดเครื่องสำอาง ดึงขนตาปลอมออก แล้วเดินออกมากับรณพีร์ มองซ้ายมองขวาว่ามีใครตามมาไหม
“เป็นไงบ้างคะ การแสดงของฉัน”
“ผมเพิ่งเห็นการแสดงของคุณวันนี้เอง คุณดูน่ากลัวมากเลย เหมือนนางร้ายในหนังจริงๆ”
“คุณยอดยศชอบผู้หญิงเข้มแข็ง คุณพิมพรรณเป็นผู้หญิงประเภทอ่อนนอกแข็งในค่ะ เธอถึงไม่ยอมแพ้ฉัน ฉันแค่ช่วยกะเทาะเปลือกนอกของเธอออกให้คุณยอดยศเห็นเท่านั้นเอง”
“ผู้หญิงเข้มแข็งที่ยอดยศชอบ ที่จริงก็คือคุณพิมนี่แหละ”
“แต่เรื่องเลิกเหล้า ไม่รู้จะได้ผลไหม ฉันอยากให้เขาโกรธฉันแล้วฮึดสู้ที่จะเลิกมัน แต่ไม่รู้ว่าแผนของเราจะสำเร็จหรือเปล่าไม่รู้”
“ถือว่าคุณพยายามทำดีที่สุดแล้วล่ะครับ”
รณพีร์เพิ่งรู้เวลานี้ว่า วิไลรัมภากับเพื่อนรู้เรื่องเขาแล้ว เพียงขวัญไม่สนใจเรื่องพวกนี้นัก มองนาฬิกาตัดบทเพราะจะรีบไปงาน
“ฉันชินแล้ว วันนี้ต้องรีบไปเล่นละครวิทยุค่ะ รีบไปดีกว่าค่ะเดี๋ยวไม่ทัน
“ผมไปส่งให้ครับ ทันแน่”
ทั้งสองเดินออกไปขึ้นรถ
ยอดยศมาส่งพิมพรรณที่บ้าน
“ส่งพิมแค่นี้นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
พิมพรรณหันหลังทำท่าจะกลับเข้าบ้าน ยอดยศเรียกไว้
“น้องพิมครับ”
พิมพรรณหันหลังกลับยอดยศเดินเข้าไปหา หอมแก้มแล้วเดินออกไป
วันใหม่...รณพีร์มาพร้อมกุหลาบแดงช่อใหญ่ ตั้งใจมาขอโทษ บอกความจริงเพียงขวัญว่าเขาเป็นใคร รณพีร์ให้กำลังใจตัวเองคลายกังวล เข้าบ้านไป อัทธ์นั่งคุยกับเพียงขวัญกับนภา ประณตเล่นเครื่องบินลำใหม่หันมาเรียก
“พี่พีร์ มาดูของเล่นผมสิ พี่อัทธ์ซื้อมาให้”
ประณตอวดของเล่น รณพีร์หงุดหงิดเล็กๆ อัทธ์เข้าทางประณตเหมือนกับตน
“สวยดีครับ”
รณพีร์นั่งลงตรงข้ามอัทธ์ มองหน้ากัน อัทธ์มองช่อกุหลาบสีแดง รู้ว่ารณพีร์เอามาให้น้องสาว อัทธ์หวงเพียงขวัญ มองรณพีร์อย่างหยั่งเชิง ทั้งสองดูนิ่ง มองกันแปลกๆ ประณตมองกุหลาบแล้วยิ้ม
“เอาให้พี่ขวัญใช่ไหมครับพี่พีร์”
ประณตหยิบกุหลาบส่งให้เพียงขวัญ
“เอ้าพี่ขวัญ ของพี่ พี่พีร์เขาเอามาให้”
เพียงขวัญยิ้มให้รณพีร์
“ขอบคุณค่ะ”
ประณตเล่นเครื่องบินออกไป นภาหันมาหารณพีร์
“เอ่อ พ่อพีร์ รู้จักพ่ออัทธ์เขาไว้สิ เขาเป็น...”
นภาจะบอกว่าเป็นพี่ เพียงขวัญชิงพูดก่อน
“เพื่อนคนหนึ่งที่ฉันนับถือค่ะ”
นภามองเอ็ดเพียงขวัญ ไม่ยอมรับอัทธ์เป็นพี่ชาย
“น้องขวัญนับถือ ผมก็พอใจแล้วครับคุณแม่”
รณพีร์ตาขุ่น อัทธ์เรียกนภาว่า แม่...
“ที่จริงเราเคยเจอกันแล้ว”
“จำได้ครับ”
นภาหันมาชวนอัทธ์
“คุณอัทธ์ไปช่วยแม่หน่อย แม่นึ่งขนมเอาไว้”
อัทธ์มองรณพีร์ ยิ้มแล้วเดินออกไป
วิไลรัมภา พิมพรรณ ไฉไลนั่งสนทนากัน พิมพรรณเล่าเรื่องให้ฟังแล้ว วิไลรัมภาแปลกใจ
“แม่ดารานั่น ไม่รู้สถานภาพที่แท้จริงของพี่ชายพีร์หรือคะ”
“คิดว่าอย่างนั้นนะคะ”
“แล้วทำไมพี่ชายพีร์ไม่บอก”
“พิมคิดว่าคุณชายไม่จริงจังกับผู้หญิงคนนี้ค่ะ”
“เข้าใจละ คิดจะเคี้ยวเล่นแล้วคายทิ้ง ก็เลยไม่บอก ถึงเวลาก็หนีมาแต่งงาน ยายผู้หญิงหน้าโง่ ก็ตามไม่เจอ ถูกไหมคะ” ไฉไลออกความเห็น
วิไลรัมภา ดวงตาพราว มีความหวัง พิมพรรณคิดๆ
“ฟังดู ไม่ใช่นิสัยคุณชายพีร์เลย แต่นึกเหตุผลอื่นไม่ออกค่ะ”
วิไลรัมภาเบ้หน้า
“นังนั่นขนาดไม่รู้ ยังทะเยอทยานขนาดนี้ นี่คงคิดจะหลงหลักปักฐานกับพี่ชายพีร์ ถึงได้มาว่าคุณยอดกับพิมเสียๆหายๆ”
ไฉไลเสริม
“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยก็ดีนะคะ จะได้รุมด่ามัน ผู้หญิงอะไรหน้าด้านไม่มียางอาย”
วิไลรัมภาขัดขึ้น
“ออกโรงด่ามันตอนนี้ พี่ชายพีร์ที่กำลังหลงมัน จะหันมาต่อว่ารัมภา รัมภาไม่อยากเสี่ยง”
“แล้วคุณจะทำยังไงคะ”
“หาทางดับฝันมัน ให้มันละอายแล้วเดินออกไปเอง คราวนี้ พี่พีร์ก็ด่ารัมภาไม่ได้ คุณพิม คุณถักไหมพรมเก่ง ช่วยหน่อยสิคะ”
พิมพรรณงง วิไลรัมภามีแผนอะไร
เพียงขวัญนั่งปักแจกันดอกไม้อยู่ที่ศาลา
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้ นึกอะไรขึ้นมาคะ”
“คุณอัทธ์มาที่นี่บ่อยหรือ” รณพีร์หงุดหงิดมาก
“เธอมาทำงานที่กรุงเทพ นานๆมาที พอดีวันนี้มานั่งเล่นตั้งแต่เช้า”
“เขามาจีบคุณหรือ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“ผมไม่เชื่อ ทำไมต้องประจบแม่คุณขนาดนั้น”
“แม่กับเขามีบางอย่างผูกพันกัน”
“ผูกพันมาถึงคุณด้วยใช่ไหม ผมเห็นสายตาที่คุณมองเขา”
เพียงขวัญอึดอัด ไม่อยากพูดไพล่ไปถึงอดุลย์และรู้สึกอายเสมอเวลาบอกว่าแม่เป็นเมียน้อย มีอัทธ์เป็นพี่ชาย
“เลิกพูดเรื่องเขาได้ไหมคะ ฉันไม่อยากพูดถึง ฉันขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
เพียงขวัญลุกหนีไปซะเฉยๆ รณพีร์ไม่เข้าใจ
“ขวัญ นี่คุณอารมณ์เสียเรื่องอะไร”
เพียงขวัญไม่ยอมหันกลับมา เดินดุ่ยๆต่อไป อัทธ์เดินมาทางด้านหลังรณพีร์ ถือถาดขนมกับกาแฟมาด้วย
“เขาไม่อยากให้คุณตาม ก็อย่าตามเลย ไปนั่งคุยกันดีกว่า”
รณพีร์มองหน้าอัทธ์
รณพีร์นั่งรอที่ศาลา อัทธ์ถือถ้วยกาแฟมาสองแก้วกลายเป็นว่าอัทธ์เป็นเจ้าของบ้าน รณพีร์เป็นแขกไปซะงั้น
“กาแฟมาจากเชียงใหม่ ของดีครับ ลองดูสิ”
“ผมเข้าออกบ้านนี้มาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับบ้านนี้มากกว่าผมเสียอีก”
“คุณพูดว่าเข้าออกบ้านนี้หลายครั้ง คุณมีจุดประสงค์อะไรหรือครับ”
“ผมจะตอบคำถามคุณ เมื่อคุณยินดีที่จะตอบคำถามผม”
“ลองถามสิครับ”
“คุณกับเพียงขวัญเป็นอะไรกัน”
อัทธ์สีหน้าเข้ม เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้โดยสายเลือด เขาจงใจวางท่าเหนือกว่า ข่มรณพีร์
“เพียงขวัญเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตผม ผมไม่มีเวลามากรุงเทพ มาดูแลเธอบ่อยนัก แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ ถ้าคุณทำให้เธอเสียใจ คุณเจอผมแน่”
อัทธ์หน้านิ่ง รณพีร์ก็หน้านิ่ง ในใจคุกรุ่นพอๆกัน
อัทธ์เดินยิ้มมาในครัวมองเพียงขวัญที่ทำครัวอยู่
“คุยอะไรกันมาคะ ยิ้มอะไรน่ะ”
“แกล้งให้นายคนนั้นหัวเสีย ฮึๆ โกรธจนหน้าเขียวหน้าแดง ตลกชะมัด”
“นี่เย็นมากแล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถไฟนะคะ”
“เมื่อกี๊ยังดีๆ พอนายคนนี้มาก็ไล่เลยนะ เห็นเขาบอกว่าเขามาแทบทุกวัน เขาเป็นแฟนเราเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน เขาก็ช่วยดูแลเราอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน”
อัทธ์หัวเราะ
“ถ้าจะโทษ ก็โทษตัวเองเถอะ ที่เธอไม่ยอมเปิดเผยว่าพี่เป็นพี่ของเธอคราวนี้พี่จะใช้ความเข้าใจผิดพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ จะกันท่าผู้ชายทุกคนให้ออกจากชีวิตน้องเลย...ดีไหม”
“ไม่มีใครมาสนใจขวัญหรอกน่า เขาก็แค่เพื่อนสนิท”
“ไม่เชื่อ...พี่จะสั่งทุกคนในบ้าน ห้ามพูดว่าพี่เป็นใคร เราก็เหมือนกันห้ามบอกเขา จะหัวเสียยังไงก็ห้ามบอกเข้าใจไหม พี่กลับก่อนนะ”
อัทธ์บีบจมูก เพียงขวัญหัวเราะสะบัดตัวออก
“เจ็บนะ ไป๊ กลับไปได้แล้วค่ะ”
“ดูแลตัวเองดีๆนะคนสวย”
รณพีร์เข้ามาเห็นพอดี เพียงขวัญผลักอัทธ์ออกไป แตะเนื้อต้องตัวชัดเจน รณพีร์เจ็บใจ
“อยากต่อยหน้าคนโว้ย”
วันใหม่...รณพีร์ วิไลรัมภา หม่อมเอียด ย่าอ่อนทานอาหารอิ่มพอดี วิไลรัมภาส่งผ้าพันคอไหมพรมให้รณพีร์โกหกหน้าตาย
“รัมภาถักเองค่ะ หนาวแล้ว เกรงพี่ชายพีร์จะจับไข้ แถวดอนเมือง ลมแรง”
“ขอบใจมากจ้ะ ผมต้องขอตัว หม่อมย่าแล้วก็น้องรัมภา พี่ต้องขึ้นไปเขียนรายงานส่งผู้การ ขอตัวนะครับ”
รณพีร์ปลีกตัวไปย่าอ่อนบ่น
“คุยกับน้องแป๊บๆ หาเหตุหนีซะแล้ว”
หม่อมเอียดหันมาถามวิไลรัมภา
“หม่อมเทวพันธ์หายเคืองชายพีร์หรือยังจ๊ะหนูรัมภา”
“คุณพ่อเข้าใจดีค่ะ ย่าอ่อนคะ คอยดูให้พี่ชายพีร์สวมผ้าพันคอของรัมภาก่อนออกไปข้างนอกทุกครั้งจะได้ไหมคะ”
ย่าอ่อนแปลกใจ
“ผ้าพันคอผืนนั้น มีอะไรหรือจ๊ะ”
วิไลรัมภายิ้มอย่างมั่นใจ ดูน่ากลัวขึ้นทุกวัน ทุกคนไม่รู้ว่า ที่ปลายผ้าพันคอมุมหนึ่งปักอักษรย่อชื่อของ รณพีร์และวิไลรัมภาเอาไว้
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันใหม่...ย่าอ่อนเปิดลิ้นชัก เอาผ้าเช็ดหน้าเก่าทั้งเซ็ตออกมา แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าใหม่ทั้งเซ็ตที่แลดูคล้ายกัน เข้าไปไว้ใหม่ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าของรณพีร์ ย่าอ่อนยิ้มพอใจ เมื่อมองผ้าเช็ดหน้าเหล่านั้น
รณพีร์แต่งตัว สวมชุดลำลอง จะออกไปหาเพียงขวัญเห็นย่าก็ยิ้มให้
“อ้าว...คุณย่าอ่อน”
“จะออกไปข้างนอกเหรอลูก ไปเที่ยวไหนเหรอ”
“ครับ ผมนัดเพื่อนไว้”
“จะไปเที่ยวไหนกันล่ะ แล้วทำไมต้องขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยล่ะ เนื้อหุ้มเหล็กมันอันตรายนะลูก”
“ผมไม่ได้ขี่เร็วหรอกครับคุณย่าอ่อน ชมนกชมไม้อากาศดีจะตาย”
ย่าอ่อนมองรณพีร์ฉีดน้ำหอม รู้ว่าโกหก ต้องนัดผู้หญิงไว้แน่ แต่ไม่แย้ง หยิบผ้าพันคอวิไลรัมภาในตู้มาพันคอรณพีร์
“ผ้าพันคอใหม่เหรอครับ ผมว่าวันนี้ไม่หนาวเท่าไหร่นะครับ”
รณพีร์แกะผ้าพันคอออก
“ตอนนี้พอยังมีแดดอยู่มันก็ยังไม่หนาว นี่มันเข้าหน้าหนาวพอแดดร่มลมตกมันจะหนาวนะลูก พันเอาไว้จะได้อุ่นห้ามถอดล่ะชายพีร์ ไม่งั้นย่าโกรธ” ย่าอ่อนทำตาวาว ดุ
“ครับผู้การอ่อน ผมไปล่ะครับ”
รณพีร์ไหว้ ขยับออก ย่าอ่อนเรียกไว้
“เดี๋ยวชายพีร์ ขอย่าหอมหลานรักหน่อย”
“ขับรถดีๆนะลูก”
“ครับคุณย่าไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
ย่าอ่อนค้อนรณพีร์ จัดแจงพันผ้าพันคอให้ใหม่ รณพีร์ยอมย่าแต่โดยดีเดินออกไป ย่าอ่อนยิ้มพอใจ
ยายนอนพักฟื้นจากการผ่าตัดเข่าอยู่ในโรงพยาบาล เพียงขวัญถักไหมพรมเสร็จ ถึงปมสุดท้าย ตัดเก็บไหมเรียบร้อยแล้วเอาผ้าพันคอสวมให้ยาย เพราะสองสามวันนี้เข้าฤดูหนาว
“เร่งทำทั้งคืน ปีนี้คงจะหนาวครบสามเดือนเหมือนทุกปีนะยายนะ”
“ขอบใจลูก”
ยายอาการดีขึ้น แต่หลับๆ ตื่นๆตามประสาคนป่วย รณพีร์เข้ามาหา ยกมือไหว้แล้วจับยายทักทาย
“เป็นไงครับวันนี้ เมื่อยไหม มือนวดมาแล้วนะครับ”
“กำลังรอพอดีเลยลูก”
รณพีร์ที่หิ้วปิ่นโตกับถุงไหมพรหมมาด้วย เดินไปหาเพียงขวัญ กระซิบกันใกล้ชิดอ้อนๆ
“ผมซื้อไหมพรมมาเพิ่มให้ครับ อยากให้คุณถักเสื้อหนาวให้บ้าง”
ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อน วางของให้
“ไม่ต้องอ้อนหรอกค่ะ กะว่าจะถักให้อยู่แล้ว ผ้าพันคอคุณสวยดีนะคะ” เพียงขวัญยกชายผ้าพันคอดู “ถักเก็บปลายเรียบร้อยเชียว”
เพียงขวัญเห็นอักษร P & R ตรงชายผ้าคอพัน เอะใจเล็กน้อย รณพีร์ไม่เห็น และรำคาญผ้าพันคอนี้เลยถอดออกวาง รณพีร์เดินกลับไปหายาย
“จะกินข้าวหรือจะนวดก่อนดีครับ”
รณพีร์คุยเล่นกันต่อไปไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ้าพันคอตัวเองมีชื่อคนอยู่ แต่เพียงขวัญติดใจ คาใจมองอักษรบนผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น
รณพีร์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เพียงขวัญป้อนข้าวยาย
“กินข้าวก่อนนะคะยายเดี๋ยวจะได้กินยา”
ยายไอ รณพีร์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเดินมาให้เพียงขวัญแล้วช่วยดูยาย เพียงขวัญรับผ้าไปเช็ดให้ยาย เช็ดเสร็จ เห็นชื่อที่ผ้าเช็ดหน้า รูปสัญลักษณ์เหมือนกันก็เอะใจมองรณพีร์ เธอแอบกังวลเล็กๆ
รณพีร์ไปคุยกับหมอ ที่ผ่าตัดให้ยาย เพราะอยากรู้อาการ หมอนำฟิล์มเอ็กซเรย์ขายาย มาอธิบายให้ฟัง รณพีร์ค้อมหัวให้หมอ
“ขอบคุณนะครับ ถ้ารู้ว่าการผ่าตัดปลอดภัยผมก็สบายใจ”
อัทธ์หิ้วตะกร้าผลไม้เดินมาหา เพียงขวัญเห็นก็ยิ้มให้
“คุณอัทธ์”
“พี่มาเยี่ยมคุณยาย”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
ทั้งสองมองไปที่ยายเห็นหลับอยู่
“คุณยายหลับหรือ พี่กลัวว่าขวัญจะมีปัญหาเรื่องเงินค่ารักษาน่ะ เงินพอไหม”
“เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ นายเดชคำแหงเขาออกค่ารักษาให้ทั้งหมด”
“เดชคำแหง” อัทธ์งงว่าใคร
เพียงขวัญเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง อัทธ์ไม่สบายใจ
“นายเดชคำแหงคนนี้ ใช้วิธีจับตัวขวัญไป เพื่อให้ยายมาผ่าตัดเนี่ยเหรอ”
เพียงขวัญพยักหน้า
“ฟังดูไม่ค่อยดีเลย แล้วเขาจะมาทำอะไรขวัญกับคนที่บ้านอีกไหม”
ยายงัวเงียตื่น
“เอ๊า พ่ออัทธ์”
อัทธ์หันไปถาม
“คุณยายเป็นไงบ้างครับ”
“โฮ้ย เบื่อ นั่งๆนอนๆ”
“อดทนหน่อยนะครับ อีกสองสามวันคุณยายก็จะได้กลับบ้านแล้ว”
รณพีร์เดินเข้ามา หน้าบึ้งทันทีที่เห็นอัทธ์
“สวัสดีครับ”
รณพีร์ค้อมหัวให้ อัทธ์คิดๆเรื่องเดชคำแหง อยากคุยกับพ่อ เลยขอตัว
“ผมกลับก่อนดีกว่า คุณยายจะได้พัก หายเร็วๆนะครับ”
อัทธ์เดินออกไป รณพีร์มองๆ เพียงขวัญที่เดินไปดูแลยาย หึงๆงอนๆ
อัทธ์มาคุยกับอดุลย์ที่บ้าน อดุลย์หน้าเครียด
“นายเดชคำแหงนั้นมาลักพาตัวเพียงขวัญไปหรือ”
“เราจะทำยังไงดีล่ะครับ ผมชักเป็นห่วงน้อง”
เพียงขวัญซ้อนมอเตอร์ไซด์รณพีร์ กลับมาที่บ้าน รณพีร์คล้องผ้าพันคอ เพียงขวัญเห็น P&R อีกครั้ง เธอมองอย่างสังเกต...ทั้งสองลงจากรถ
“วันนี้อากาศร้อนจัง”
“ที่จริงคุณน่าจะนั่งรถนายอัทธ์กลับ รถเก๋งสบายกว่ารถผมเยอะ”
“คุณอัทธ์มาเกี่ยวอะไรคะ”
รณพีร์เซ็งขี้เกียจจะพูดเหมือนกัน น้อยใจเล็กๆ อะไรจะสนิทกันขนาดนั้น
รณพีร์นั่งซ่อมตะหลิวกระทะ ที่มุมหนึ่งในครัว ตามประสาคุ้นเคย เหมือนลูกชายบ้านนี้ บุหลันทำครัวกับเพียงขวัญ คุยกันได้ยินกันสองคน
“พ่อพีร์มาหาทุกวันๆ เขาเคยชวนหนูไปบ้านเขาไหม”
“ทำไมหรือคะ”
“ผู้ชายที่พาเราไปบ้านไปช่อง เจอพ่อแม่ญาติพี่น้อง ถึงจะพูดได้ว่าเขาจริงใจกับเรา”
“หนูไม่ค่อยอยากคิดเรื่องพวกนี้ วันๆ จะหาเงิน หางานก็ยุ่งพออยู่แล้ว”
“นายอดุลย์น่ะ วันสู่ขอ เอาผู้ใหญ่ที่ไหนไม่รู้มาขอ วันแต่งงาน บอกว่า แม่เขาไม่สบาย มางานไม่ได้ ผ่านไป สามสี่เดือนโน่นแน่ะ พี่นภาถึงเอะใจแอบตามไปดูบ้านที่เชียงใหม่ เจอเมียหลวง เจอนายอัทธ์ตัวกระเปี๊ยก นั่งชื่นมื่นอยู่ สามคนพ่อแม่ลูก”
เพียงขวัญอึ้งไป มองรณพีร์...นี่เราจะมีจุดจบเหมือนแม่ไหม
อัทธ์เดินเข้ามาที่หน้าค่ายมวยเห็นปุ้มปุ้ยยืนอยู่ อัทธ์ขยับเอาช่อดอกกุหลาบซ่อน แล้วเดินเข้าไปหาปุ้มปุ้ย
“สวัสดีครับ”
“หวัดดี มาหาไอ้จันทร์มันเหรอ”
“ครับ แต่วันนี้ผมมีพระลอดลำพูนมาฝากคุณพ่อด้วยนะครับ”
อัทธ์ยื่นพระให้ ปุ้มปุ้ยอึ้งๆ
“ฮะ...เมื่อกี้เรียกว่าอะไรนะ”
“โธ่...จันทร์กับผมก็เหมือนเพื่อน เหมือนพี่เหมือนน้องกันน่ะครับ เรียกว่าพ่อ ผมว่าสมควรที่สุดแล้วแหละครับ”
ปุ้มปุ้ยพยักหน้า สนใจพระลอดลำพูนรีบหยิบกล้องมาส่อง
“ไอ้ดอกไม้ที่ซ่อนไว้เมื่อกี้ไปหยิบมาไป๊”
นักมวยในค่ายออกกำลังกันอยู่ อัทธ์เดินเข้ามาพร้อมช่อกุหลาบ เจอหน้าจันท์กระพ้อก็วางให้ จันทร์กระพ้อปากพูดอย่าง ใจคิดอีกอย่าง
“ซื้อมาให้อีกและ คราวหน้าไม่ต้องซื้อมาก็ได้ เอาเงินมาให้ฉันดีกว่า เสียดายเงิน”
อัทธ์หน้านิ่งๆเรียบๆ พูดน้อยๆ เท่าที่จำเป็น เดายากว่าเขารู้สึกอย่างไร
“ถ้าไม่เอากุหลาบ เอาดอกรักไหม”
จันท์กระพ้อที่ทำความสะอาดแจกันอยู่สะดุ้ง หันมามองอัทธ์ว่าจะเอายังไงกับตนกันล่ะเนี่ย อัทธ์ยังยิ้มเหมือนเดิม ไม่พูดมาก
“ไม่เปลืองเงินด้วยครับ”
จันท์กระพ้อยิ้มแห้งๆ อายๆ อัทธ์เอ็นดู นั่งมองเพลิน เริ่มแสดงออกอย่างจริงจังว่าจะจีบแล้วนะ
จันท์กระพ้อปากบอกว่าไม่ชอบ แต่เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เธอยกดอกกุหลาบขึ้นมาดมอย่างปลื้มใจ แล้วเอาดอกไม้มาวางหัวบนนอน ซึ่งตรงนั้นมีดอกกุหลาบแห้ง หนึ่งช่อวางอยู่ในโถใสๆ จันท์กระพ้อมองดอกไม้เหล่านี้ มีความสุขมาก เพราะที่จริงก็ชอบอัทธ์
จันท์กระพ้อนุ่งกางเกงแต่งตัวกระฉับกระเฉง เดินลงมาจากชั้นบน จะออกไปซ้อมมวย โทรศัพท์บ้านดังขึ้นเธอเดินไปรับสาย
“ค่ายมวย ส.สามเสนจ้ะ”
วิไลรัมภาโทรจากโถงบ้านพิมพรรณคุยโทรศัพท์กับจันท์กระพ้อ พิมพรรณฟังด้วย
“ดิฉันได้เบอร์โทรศัพท์คุณมาจากบริษัทหนัง คุณจันท์กะพ้อเป็นคนรับงานให้คุณเพียงขวัญใช่ไหมคะ ดิฉันอยากจ้างคุณเพียงขวัญมารำน่ะค่ะ”
“งานอะไร ที่ไหนจ๊ะ...ตั้งไกล...ต้องขอบวกค่ารถเพิ่ม อีกร้อยหนึ่งนะคะ เป็นหกร้อยบาท รำ 1 ชั่วโมงเต็ม”
“ค่ะ...ตกลงหกร้อยบาท วันเสาร์นี้ มาถึงเที่ยงตรงนะคะ ถามหาดิฉัน...ดิฉันชื่อ...วาสนา”
วิไลรัมภาวางสายแววตาร้าย พิมพรรณนิ่งสงบจิตใจครุ่นคิดกังวล
จันทร์กระพ้อสอนมวยอัทธ์ ใช้เท้าเขี่ยขาของเขาให้ย่างสามขุมให้ถูกต้อง
“ถนัดขวาต้องใช้ขาซ้ายเป็นหลัก” แล้วเธอก็ใช้เท้าเตะขาอัทธ์ให้เข้าที่ “ขาตรงเป็นไม่บรรทัดอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนเขาเตะร่วงหรอก เอาใหม่ ตั้งการ์ดใหม่ ย่อขาถ่วงน้ำหนักให้ดี”
จันทร์กระพ้อให้มือตบไปที่หมัดของเขา อัทธ์ไม่ทันตั้งการ์ด หมัดจึงกระแทกโดนหน้า
“ให้มันแข็งแรงหน่อยสิ เขาเอาไว้กันคู่ต่อสู้ นี่อ่อนเป็นนางรำเชียว”
ปุ้มปุ้ยมองคิดๆ แล้วเดินเข้ามา
“มา...พ่อฝึกต่อให้เอง ไอ้จันท์เองไปเตรียมกับข้าวกับปลาได้แล้วปะ เดี๋ยวชวนคุณอัทธ์เค้ากินข้าวเที่ยงด้วย”
จันทร์กระพ้อเดินก้าวไปข้างหลังอัทธ์ 1 ก้าว แล้วใช้แม่ไม้โดยใช้เท้าเกี่ยวไปด้านหลังน่องของเขาใช้ศอกผลักเขาล้มก้นจ้ำเบ้า
“จะหัดมวยหูตามันต้องไวซิ”
จันทร์กระพ้อเดินออกไป ปุ้มปุ้ยยื่นมือให้อัทธ์
“ลุก...ลุก...ไอ้ทิด เอาใหม่...เอาใหม่”
อัทธ์ยิ้มเจื่อนๆ
ช่วงกลางวัน สองคนนั่งกินข้าวด้วยกัน จันท์กระพ้อกินไปมองอัทธ์ไป
“คุณทำกับข้าวอร่อยดีนะครับ”
“ของพื้นๆ คุณนี่ไม่ต้องมาทำปากหวานชมฉัน ชมฉันตลอด ไม่อร่อย ก็บอกไม่อร่อยได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
อัทธ์มอง
“ทำยังไงดีนะถึงจะได้กินข้าวกับคุณทุกมื้อ กินกับข้าวฝีมือคุณทุกวัน”
อัทธ์มองหน้า สายตาจริงจังเพราะไม่ใช่คนเจ้าชู้เป็นลักษณะของคนเคร่งขรึม มีความเป็นผู้ใหญ่ ความนิ่งๆ จริงจังของเขาทำให้จันท์กระพ้อเขิน
“ก็ต้องมาเป็นนักมวยที่ค่ายพ่อฉันสิ คุณจะทำได้เหรอ”
จันท์กระพ้อเมินหน้าหนี อัทธ์ค่อยยิ้มออกมาพอใจ
“ผมว่ามีอีกวิธีหนึ่งนะ”
“วิธีอะไรคะ”
“คุณกับผมมาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต”
“บ้า” จันท์กระพ้อ
เช้าวันใหม่...เดชคำแหงเล่นระนาดมีความสุข เขาไม่ค่อยได้เล่น แต่พอได้มาเล่นใหม่ก็เลยตั้งใจเล่น เพลงเพราะมาก แดงแอบอยู่มุมหนึ่ง เอาไม้ระนาดเก่าๆตีต้นกล้วยผ่าครึ่งตาม จดจำไว้อยู่มุมหนึ่ง มองเดชคำแหงไป ตีตามไป สายตาและสมองเร็วมาก เพราะแดงไม่รู้หนังสือแต่เป็นอัจฉริยะเรื่องดนตรี ขณะเดียวกัน อดุลย์เดินตรงเข้ามาหาเดชคำแหง
“ผมได้ข่าวว่าคุณลักพาตัวลูกสาวผม”
เดชคำแหงวางไม้ตี มองหน้า สะใจที่เขามาโวย นภาเดินมาพอดี มองอย่างตกใจมาก
“คุณอดุลย์”
“ผมไม่ได้คิดจะทำอันตรายเพียงขวัญ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น น้าเขาก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาล แล้วนภาก็คงไม่รู้ว่า ผมต้องการอะไร”
“แล้วคุณต้องการอะไร”
“เพลงเมื่อกี้ชื่อ ครวญหา...ผมเล่นให้เขาฟังเพื่อบอกว่า ผมยังรักเขา คนในครอบครัวนี้ พวกเขาจะมีผมดูแลตลอดไป”
เดชคำแหงมองนภาด้วยความรัก นภาก้มหน้าอึดอัด อดุลย์โมโหชี้หน้าด่าเสียงดัง
“คุณมันคนบ้า บ้าอำนาจ มีใครเขาทำอย่างคุณบ้าง”
เหมเดินเข้ามาหา เอามือจับปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแจ๊คเก็ตหน้าโหดข่มขู่ อดุลย์ตกใจไปเหมือนกันเมื่อเห็นปืนที่ซ่อนอยู่ เดชคำแหงยิ้มเยาะ
“อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่คนที่ได้เปรียบกว่าเสมอ แล้วคุณล่ะดีกว่าผมแค่ไหน ระหว่างใช้อำนาจกับคำโกหก นภาบอกพี่ซิ อะไรเจ็บกว่ากัน”
เดชคำแหงหันไปถาม นภามองอดุลย์ด้วยความรู้สึกเห็นด้วยว่าเขาพูดถูก
“ที่คุณทำทั้งหมดนี้เพราะอยากล้างแค้นผม ที่ผมแย่งนภามาจากคุณ และคนของผมก็เคยทำร้ายคุณใช่ไหม” อดุลย์โวยต่อ
“น่าสมเพช มีลูกมีเมีย แต่ดูแลปกป้องไม่ได้ อยากจะรู้ ถ้าวันไหน น้องนภาเกิดใจอ่อนกับเพลงรักของผมขึ้นมา คุณจะทำยังไง”
อดุลย์หน้าเสียมองนภา ทำให้เดชคำแหงหัวเราะร่าขึ้นมาอีก
“ฮะฮะฮ่า...ฮะฮะฮ่า”
เดชคำแหงเดินออกไป อดุลย์เครียด นภากลุ้มๆกับท่าทีนั้น
“ถึงเวลาแล้วนะที่ต้องพาลูกออกไปจากบ้านนี้” อดุลย์บอกเครียดๆ
“เขาแวะที่นี่หลายวันแล้ว บางวัน เหมือนแค่มาเล่นระนาด ไม่เห็นพูดกับใคร เล่นเสร็จแล้วก็กลับ เขาคงไม่คิดจะทำอะไรเราอีก”
“คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง จำที่มันทำกับนายชนะไม่ได้หรือ”
“เขาขอโทษ ขอโพยแล้วเขาออกค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลให้ แล้วยังให้คนเอารถไปรับ พาพี่ชนะกลับบ้าน ตั้งแต่เมื่อวาน”
อดุลย์หน้าเข้มเริ่มหึงหวง เสียงขุ่น
“นี่คุณพูดปกป้องนายเดชกำแหงเหรอ เป็นอะไรขึ้นมา ใจอ่อนอย่างที่เขาว่าหรือไง”
นภายังไม่เฉลียวใจว่าอดุลย์หึง
“หรือว่า...ก่อนเจอผม คุณก็เคยรักเขา”
“พูดอะไรของคุณ”
“คนเรานี่แปลกดีนะ ลูกสาวถูกลักพาตัวให้อภัยได้ แต่สามีเก่า พ่อของลูก ให้อภัยไม่ได้”
เพียงขวัญเดินเข้ามาร่วมวง เสียงและหน้าตา โกรธพ่อไม่เลิกรา
“ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ ถูกคนอื่นทำร้ายเจ็บไม่นานเดี๋ยวเดียวก็หาย ถูกคนรักทำร้าย เจ็บตลอดชีวิต”
เพียงขวัญหยิบตะกร้าได้แล้วเดินออกไป
“เพียงขวัญ”
อดุลย์เดินตาม
เพียงขวัญเก็บผ้าที่ตากไว้ อดุลย์ตามคุยขอร้อง แต่เพียงขวัญเย็นชา
“ไปอยู่กับพ่อเถอะนะ พ่อจะหาบ้านใหม่ให้”
“เรื่องบ้านใหม่ฉันคิดอยู่แล้ว ฉันจะทำงานเก็บเงิน หาซื้อบ้านใหม่ให้ยายกับแม่อยู่ด้วยตัวของฉันเอง”
“งั้นเอาอย่างนี้ ไปอยู่ที่บ้านใหม่ก่อน ติดค้างอะไรกันก็จดบัญชีเอาไว้ แล้วค่อยหาเงินมาคืนพ่อแต่ตอนนี้ หนูกับแม่ต้องคิดเรื่องเดชคำแหงให้มากๆนะ”
เพียงขวัญลอยหน้าลอยตาพูด
“หลายวันมานี่ เขาก็เรียบร้อยดี สงสัยเขาจะยังรักแม่”
อดุลย์ฉุนกึก
“พูดแบบนี้ได้ยังไง ถามจริงๆ จงใจจะทำให้พ่อโกรธใช่ไหม ทั้งหนูทั้งแม่เหมือนกันทั้งสองคน เห็นคนอื่นดีกว่าพ่อ”
เพียงขวัญโมโหขึ้นมา โวยกลับ
“คุณรู้จักหึงหวงแม่ แล้วทำไมคุณถึงนอกใจภรรยา คุณเอาเปรียบผู้หญิงได้ยังไง ผู้หญิงก็หึงหวง เจ็บปวด อยากเป็นเจ้าของใครสักคนเหมือนกับคุณนั่นแหละ”
เพียงขวัญค้อนเดินจากไป อดุลย์อึ้ง อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ ปวดหัวไปหมดกับแม่ลูกคู่นี้ อดุลย์เดินตามต่อ
เพียงขวัญเดินหิ้วตะกร้าผ้ามาพับ อดุลย์เดินตามมากำลังจะกลับ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน พ่อจะไปหาตำรวจ พรรคพวกที่เป็นเพื่อนกัน ให้เขามาช่วยดูแลแถวๆนี้ พ่ออยู่เฉยไม่ได้หรอก มีอันธพาลมาเข้าๆออกๆ แบบนี้ พ่ออึดอัดใจตายพอดี”
อดุลย์เดินออกไป
ยอดยศนั่งข้างพิมพรรณ มองคนรักคุยกับพ่อแม่ แววตายอดยศยังซาบซึ้งพิมพรรณไม่หาย พิมพรรณปกป้องศักดิ์ศรีเขาตอนโดนเพียงขวัญหยามเกียรติ
“วันนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่พี่ยอดก็ปลีกเวลามาทานข้าวบ้านเราค่ะคุณแม่”
ยอดยศตัดสินใจได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหน รักเห็นค่าเขา เท่าพิมพรรณ
“คุณหญิง ผมกับพิมหมั้นกันมาเป็นปีแล้ว ผมเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะ...แต่งงานกัน”
พิมพรรณแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หันขวับไปมองเขา
“พี่พร้อมร่วมชีวิตกับพิมแล้วจ้ะ”
แม่ยิ้มดีใจ
“วันเสาร์นี้ ผมจะให้พ่อกับแม่ ไปขอฤกษ์จากท่านเจ้าคุณที่วัดสุทัศน์ ผมบวชเรียนที่นั่นน่ะครับ แล้วจะมาเรียนปรึกษาอีกครั้งหนึ่ง”
“บทอยากจะแต่งขึ้นมา ใจร้อนเป็นไฟเลยนะยอดยศ ต่อไปนี้แม่คงไม่ต้องตามเอาขนมไปฝากที่กองบินอีกแล้วใช่มั้ย”
ทั้งหมดหัวเราะกัน ยอดยศมองพิมพรรณด้วยสายตาสุดรักด้วยความมั่นใจ พิมพรรณ ยิ้มให้ทำท่าจะร้องไห้ดีใจตามนิสัย
พิมพรรณกับยอดยศเดินเล่นกันมา
“หักใจจากเพียงขวัญได้แน่หรือคะ ไม่ใช่แต่งงานแล้ว หวนกลับไปหา”
“ให้อภัยพี่เถอะนะพิม พี่รู้แล้วพิมของพี่คือคนที่รักและดูแลพี่มาตลอด”
ยอดยศแววตาจริงจังจริงใจ พิมพรรณอยากพิสูจน์ให้มั่นใจกว่านี้ ยอดยศกุมมือของเธอแล้วยิ้มจริงใจ พิมพรรณยิ้มออกมา รับรู้ได้ ว่าตนยังรักยอดยศอยู่ ก่อนหน้านี้ เธอจับมือเขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลย แต่วันนี้ รู้สึกแล้ว มันเหมือนวันแรกที่เราจับมือกัน ยอดยศเอามือพิมพรรณวางทาบอก
“หัวใจพี่ยอดเต้นแรง”
ยอดยศพยักหน้า พิมพรรณขี้แยร้องไห้ออกมาอีก
“พิม พี่สัญญา พี่จะไม่ทำให้พิมเสียใจอีก พี่จะรัก จะเทิดทูนพิม ตลอดไป ให้เกียรติเป็นภรรยาพี่นะ”
พิมพรรณหมดข้อกังขา ยอดยศกลับมารักเธอเต็มหัวใจแล้วจริงๆ ยอดยศดึงพิมพรรณมากอด
วังเทวพรหม...วิไลรัมภาคุยโทรศัพท์กับพิมพรรณ
“ขอบใจมากนะพิมที่ช่วยเรา แล้วเจอกันนะ”
พิมพรรณวาสายจากวิไลรัมภา ยอดยศเข้ามา
“คุณวิไลรัมภา เธอโทรมาย้ำให้เราสองคนช่วยทำอะไรให้หน่อยน่ะค่ะ”
“ช่วยทำอะไรจ๊ะ”
พิมพรรณหมุนโทรศัพท์ พลางบอก
“เธออยากให้นัดชายพีร์ออกไปพบค่ะ”
รณพีร์คุยเรื่องงานกับขันติกับกำพล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เพื่อนคนหนึ่งรับสาย แล้วหันมาบอก
“หมวดพีร์ครับ โทรศัพท์ครับ”
รณพีร์เดินมารับสาย
“สวัสดีค่ะ พิมพรรณนะคะ เสาร์นี้ว่างไหมคะ พิมอยากนัดคุณออกมาทานข้าว”
“ทานข้าวหรือครับ”
“พิมจะนัดให้พี่ยอดไปปรับความเข้าใจกับคุณน่ะค่ะ”
ยอดยศเพิ่งรู้ตกใจ อึกอัก ชี้ที่ตัวเอง ยกมือว่าไม่เอา ไม่คุย พิมพรรณแตะมือ พยักหน้าว่าเอาเถอะน่า
“ผมแอบสังเกต มันเลิกเหล้ามาได้หลายวันแล้ว นึกอยู่เหมือนกันว่าจะคุยกับมัน”
“งั้นไปเจอกันนะคะ ไม่ได้เจอกันเป็นสัปดาห์แล้ว”
รณพีร์วางหู ยิ้มๆนึกอะไรได้ ยกโทรขึ้นใหม่หมุนโทร
เพียงขวัญนั่งอ่านบทเตรียมตัวอัดละครอยู่ที่ห้องอัดละคร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพนักงานรับสาย
“อ้อ...อยู่ตรงนี้ค่ะ...คุณขวัญคะ”
เพียงขวัญหันไปมอง พนักงานยกโทรศัพท์โชว์ว่ามีคนโทรหา
“ของคุณค่ะ”
เพียงขวัญเดินไปรับสาย รณพีร์ถามทันที
“ขวัญ วันเสาร์นี้คุณว่างหรือเปล่า”
“ฉันติดงานค่ะ มีคนจ้างไปรำ”
“เสียดายจัง แผนของคุณสำเร็จแล้วนะ ไอ้ยอดกลับไปคืนดีกับพิมไม่พอยังเลิกเหล้าสำเร็จด้วย เลยนัดปรับความเข้าใจกันเสาร์นี้”
เพียงขวัญดีใจ
“จริงหรือคะ ค่อยโล่งใจหน่อย”
“ผมอยากให้เขาเข้าใจว่า ที่คุณทำไปวันนั้น เป็นแค่การแสดง คุณคิดว่า ผมควรบอกเขาไหม เขาจะได้ไม่เข้าใจผิดคุณ”
“อย่าเพิ่งเลย ฉันว่ารอไปอีกนิด เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันและคุณหลอกเขา คนโกหก ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์อะไร ไม่มีใครชอบหรอก”
รณพีร์ยิ้มแห้ง นึกถึงเรื่องโกหกของตนเอง
“จริงสินะครับ ไม่มีใครชอบคนโกหกจริงๆด้วย”
คนในห้องอัดออกมากวักมือเรียก
“ฉันต้องเข้าห้องอัดแล้ว ละครกำลังออกอากาศ แค่นี้ก่อนนะคะ”
เพียงขวัญวางหู รณพีร์คิดๆเรื่องบอกความจริง หน้าเครียดไป
บรรยากาศยามเช้าของค่ายมวยส.สามเสน...จันท์กระพ้อแต่งตัวทอมบอย หิ้วกระเป๋าออกมารออัทธ์จะไปข้างนอก ปุ้มปุ้ยเข้ามาถาม
“วันนี้คุณอัทธ์จะมาไหม”
“รอเขาอยู่เนี่ย เขาจะมารับหนูกับเพียงขวัญไปทำงาน”
“แล้วจะแต่งชุดนี้ไปหรือ แต่งตัวแบบนี้แล้วคุณอัทธ์เขาจะมาแล เอ็งได้ไงวะ”
“เขามาจีบยายขวัญ พูดเป็นหนที่ร้อยแล้ว”
ปุ้มปุ้ยใช้สายตาผู้ใหญ่ มองสองคนนี้แล้วพอเข้าใจ
“มันจะไม่อย่างนั้นน่ะสิ ผู้ชายด้วยกันน่ะ มันดูกันออกโว้ย”
จันท์กระพ้องง
“แปลว่าอะไรพ่อ”
“พ่อเห็นคุณอัทธ์มาค่ายเรา เขามาคนเดียวไม่เห็นพาหนูขวัญมาด้วย ในมือก็มีพระมาฝากข้า
ดอกไม้มาฝากเอ็งแล้วอีกอย่างหนึ่งนะไอ้จันท์ สายตาเวลาที่เขามองเอ็ง อย่างกับกระต่าย”
จันท์กระพ้อคิดตาม...งงหนัก ปุ้มปุ้ยพูดต่อ
“กระต่าย...กระต่ายหมายจันทร์”
จันท์กระพ้อเข้ามาในห้อง คิดเล็กน้อย เปิดตู้หยิบเสื้อผ้าออกมาวาง เป็นชุดลายดอกที่เป็นผู้หญิงอ่อนหวานมากขึ้น...จันท์กะพ้อใส่ชุดใหม่ เข้ามาแต่งหน้าปะแป้ง ทาลิปสติก
อัทธ์มารอสักครู่ จันท์เดินลงมาน่ารักขึ้นกว่าเดิม อัทธ์ตะลึง
“สวยจังเลยครับ”
จันท์กระพ้อยิ้มหน้าบาน
“จริงหรือคะแต่คงสวยสู้ยายขวัญไม่ได้”
“ดอกไม้ในโลกสวยทั้งนั้น ทั้งๆที่หน้าตาไม่เหมือนกัน ส่วนคุณสวยที่สุดในสายตาผม ขวัญก็สวยแบบเขา”
จันท์กระพ้อมีกำลังใจมากขึ้น อัทธ์มองชื่นชอบมากขึ้นทุกวัน
อัทธ์ เพียงขวัญ จันท์กระพ้อไปที่ริมทะเลบางปูด้วยกัน ทั้งสามคนให้อาหารนกนางนวล จันท์กระพ้อร่าเริงร้องเพลง อัทธ์แซว
“เสียงดีนี่ครับ น่าไปอัดแผ่นเสียงขาย”
“โอ้ย...ไม่ต้องยกยอแถวนี้เลย ไม่ใช่ริมแม่น้ำซะหน่อย”
อัทธ์เสียงเบาลง ไม่ให้เพียงขวัญได้ยิน
“ผมไม่ได้ยอ คุณจันท์เสียงดีจริงๆ เสียงกังวานใสเหมือนระฆังแก้ว ดังก้องเข้าไปถึงหัวใจ...”
อัทธ์มองจันท์กระพ้อตาเป็นประกายวิบวับ ทำเอาหญิงสาวเขิน เทอาหารนกทิ้งเล่น ร่วงกราวหมดห่อ มืออ่อนไปซะงั้น จันท์กระพ้อยิ้มกว้าง แต่แล้วอัทธ์หันไปหาเพียงขวัญ เลิกใส่ใจเธอไปเลย
“ใกล้เวลานัดแล้ว”
จันท์กระพ้อหน้าเสียทันที ไม่เข้าใจอัทธ์ บางทีเหมือนจีบตนแต่แล้วก็หันไปสนใจเพียงขวัญ อัทธ์หิ้วถุงใส่ชุดกินรีเดินตามหลังเพียงขวัญ จันท์กระพ้อน้อยใจ ไม่เดินตาม อัทธ์หันมาพยักหน้าเรียก จันท์กระพ้อหน้าบึ้งมองอัทธ์ว่าจะเอายังไงกันแน่ แล้วเดินแซงไป อัทธ์ไม่รู้เรื่องรู้ราวเดินตามไป
ยอดยศกับพิมพรรณนั่งรออยู่ในร้านอาหาร รณพีร์เดินมาหา
“ไอ้ยอด...”
ยอดยศพยักหน้าให้ ยิ้มเจื่อนเล็กน้อยตามประสาไม่ได้คุยกันนาน
“นั่งก่อนค่ะ พี่พีร์”
วิไลรัมภาเดินเข้ามากับไฉไล รณพีร์ตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่
“น้องรัมภา”
วิไลรัมภา ไฉไลยิ้มแย้มให้รณพีร์
“กลัวคุณชายพีร์จะเหงา เลยมากันให้ครบสามสาว ไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”
รณพีร์ยิ้มแห้ง จำต้องตอบกลับไป พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้สาวๆทั้งสอง
“อ้อไม่เป็นไรครับ...เฮ้ยไอ้ยอดเป็นไงบ้างครับ”
“พี่พีร์ไปเต้นรำกันไหมคะ เพลงนี้รัมภาชอบ เต้นเป็นเพื่อนหน่อยนะคะ”
วิไลรัมภาดึงรณพีร์ออกไปที่ฟลอร์เต้นรำทันทีเป็นเพลงสโลว์ รักลึกซึ้ง
เจ้าหน้าที่ยืนคุยกับเพียงขวัญและจันท์กระพ้อที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า อัทธ์ยืนฟังอยู่ด้วย
“ทางเราไม่ได้ติดต่อคุณเพียงขวัญมาแสดงรำนะ วันนี้เราลีลาศตามปกติ”
เพียงขวัญหันมองจันท์กระพ้อ งงๆ
“คนชื่อวาสนาโทรไปค่ะ”
“ถ้ามีงานอะไรผมต้องติดต่อคนเดียวครับ ผมชื่อศกุลตลา”
จันท์กระพ้อยืนยัน
“ต้องมีสิ คิดจะเบี้ยวหรอ เราเสียเวลามาแล้ว จ่ายค่าจ้างมาครึ่งหนึ่ง”
เพียงขวัญรีบกันจันท์กระพ้อออกไป ยิ้มขอโทษเจ้าหน้าที่
“เอ้อ...ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ ไม่รับเงินหรอกค่ะ...คงมีเรื่องเข้าใจผิดน่ะ ไม่มีงาน เราก็กลับกันเถอะ”
“ฉันรับสายเองนะ มันจะผิดไปได้ยังไง”
“เอาเถอะน่า อาชีพอย่างเรา มันก็แบบนี้ เรื่องผิดที่ ไปผิดวัน เรื่องธรรมดา”
อัทธ์ตัดบท
“งั้นถือว่ามาเที่ยวแล้วกัน พี่อยากมาที่นี่นานแล้ว มาเถอะ ทานข้าวเที่ยงก่อน”
จันทร์กระพ้อเห็นดีด้วย
“เสียอารมณ์ชะมัดก็ดีเหมือนกัน ไปเลยคุณสกุลตลาพาฉันไปหาที่นั่งเลย ตอนนี้ฉันเป็นลูกค้าแล้ว”
ท่ามกลางแขกแน่นร้าน ฟลอร์เต้นรำมีคนมาเต้นสนุกสนาน รณพีร์เต้นสโลว์ซบกับวิไลรัมภา เพียงขวัญกับอัทธ์เดินผ่านไป เพียงขวัญเห็นรณพีร์กอดสโลว์ซบกับวิไลรัมภาอยู่บนฟลอร์เธอหน้าเสีย อัทธ์มองหน้าเพียงขวัญแล้วมองที่ฟลอร์สงสารน้อง เดาความรู้สึกได้
“เขามากับใคร เพื่อนหรือ ขวัญรู้จักไหม”
เพียงขวัญส่ายหน้าเศร้าลงไปอีกก้มหน้า จนอัทธ์เดาได้หลายอย่างว่า น้องสาวคงชอบพอกับนายคนนี้ และกำลังเจ็บปวด
“ทำไมต้องทำหน้าเศร้า เวลาแบบนี้ เชิดหน้าเข้าไว้”
อัทธ์จับคางเพียงขวัญขึ้น กระชับที่มือ
“เดี๋ยวเราไปเต้นรำกัน”
อัทธ์หันไปบอกจันท์กระพ้อ
“ผมขอตัวไปเต้นรำกับขวัญก่อนนะ”
“ไปเลยเดี๋ยวฉันสั่งอะไรไว้รอ”
อัทธ์ดึงเพียงขวัญออกไปเต้นรำทันที ทั้งสองเดินไปกลางฟลอร์
“พี่อัทธ์” เพียงขวัญงงๆ
“the show must go on”
ทั้งสองเต้นรำไป เพียงขวัญเต้นตาม อัทธ์พยายามให้กำลังใจน้องสาว
“เวลาแบบนี้ เธอต้องสวยที่สุด สวยให้ผู้ชายคนนั้นเสียดาย สวยให้ผู้หญิงคนนั้นกลัว”
“พี่อัทธ์”
เพียงขวัญซาบซึ้งขอบใจที่เข้าใจ อัทธ์กับเพียงขวัญเต้นรำกันสง่างามไม่แพ้คู่อื่น จันท์กระพ้อเดินออกมามองเห็นเข้า ยืนเศร้าไป...อัทธ์กระซิบเพียงขวัญ
“เอาล่ะนะเตรียมพร้อม...”
เพียงขวัญงงๆ อัทธ์ให้ระวังอะไรและแล้ว อัทธ์ก็เต้นไปใกล้คู่รณพีร์ แล้วจงใจกระทบหลังของเขา จนรณพีร์ตกใจ อัทธ์โค้งให้นิดๆ
“ขอโทษครับ”
วิไลรัมภาชะงัก
“อุ๊ย”
ทั้งสี่คนหยุดเต้น ยืนมองกันตกใจเหมือนโลกหยุด ทั้งหมดมองหน้ากัน
“ขวัญ คุณอัทธ์”
รณพีร์โกรธจัดทันที วิไลรัมภายิ้มสะใจที่เป็นตามแผน
ยอดยศ พิมพรรณ ไฉไลทานอาหารอยู่ ไฉไลมองไป
“อุ๊ยดูนั่นสิคะ เจอกันแล้ว ยายเพียงขวัญเอาผู้ชายที่ไหนมาไม่รู้”
ยอดยศนึกได้
“นายอัทธ์”
ไฉไลเหยียดหยัน
“โอ๊ยผู้หญิงคนนี้ นี่มันหญิงงามเมืองชัดๆ วันไหนไม่ได้นัดกับคุณชาย ก็นัดผู้ชายคนอื่นอย่างนี้หรือคะ”
พิมพรรณปราม
“นี่ไฉไล พูดจาอะไรระวังหน่อย”
“ก็มันจริงนี่เธอ เธอไม่เห็นเหรอยายพิม”
ทั้งสี่คนยังยืนนิ่งอยู่กลางฟลอร์ อัทธ์ถามขึ้น
“มาเที่ยวเหมือนกันหรือครับ”
รณพีร์จ้องหน้ากันกับเพียงขวัญ อึ้งโกรธทั้งคู่ วิไลรัมภารีบหันมาทำเป็นตื่นเต้นใส่เพียงขวัญ
“อุ้ย ดาราหนังหรือเปล่าคะ คุณเพียงขวัญใช่ไหมคะ พี่พีร์รู้จักคุณเพียงขวัญนางเอกสาวดาวรุ่งไหม
คะ มากับคู่รักเหรอคะ แหมน่ารักทั้งคู่เลยนะคะ”
เพียงขวัญยิ้มเจื่อนๆ
“พี่ขอตัวดีกว่า”
รณพีร์โกรธถึงที่สุด เดินออกไป วิไลรัมภายิ้มให้ทั้งสองคนตามประสามารยาทงาม จิตใจดีเหมือนคนเพิ่งรู้จักกันทั่วไป เดินตามรณพีร์ออกไป อัทธ์ปลอบน้อง
“ขวัญ”
อัทธ์กับเพียงขวัญเต้นต่อ เพียงขวัญหน้าเครียดเป็นอย่างมาก
รณพีร์เดินกลับมานั่งหงุดหงิดมาก วิไลรัมภามานั่งตาม ไฉไลพูดอย่างเกลียดชังเพียงขวัญ
“ผู้หญิงหยำฉ่าชัดๆ อยากรู้ที่หน้าบ้านหล่อนติดโคมแดงหรือเปล่า เปลี่ยนผู้ชายเหมือนผ้าเช็ดหน้า ผู้ชายแต่ละคนก็โง๊ โง่ ยอมให้หลอกอยู่นั่น”
ทั้งยอดยศ ทั้งรณพีร์หน้าเสีย พิมพรรณแอบส่ายหน้าว่าไฉไลพูดเกินไปแล้ว ไฉไลเลยอ่อนลง
“ขอโทษค่ะ คุณยอดยศยังดีไหวตัวทัน แต่ไอ้ผู้ชายที่อยู่บนฟลอร์นั่น น่าสงสารนะค่ะ ที่โดนยายกระสือนั่นหลอก”
รณพีร์ต้องมาทนฟังคำดูถูกอีก ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ทั้งโต๊ะตกใจ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
รณพีร์เดินออกไป ไฉไลยิ้ม วิไลรัมภาพยักหน้าขอบใจไฉไล ยอดยศหน้าขรึมๆ ขณะที่พิมพรรณรู้สึกผิด
เพียงขวัญมองตามรณพีร์ หน้าตาเครียด อยากรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทนเต้นต่อจนเพลงจบ
“ถ้าสงสัยในตัวเขา ก็ไปคุยให้รู้เรื่อง ถามเขาตรงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
เพียงขวัญมองหน้าว่าจะดีหรือ
“ไปเถอะ ตามเขาไป”
เพียงขวัญพยักหน้าว่าก็จริง อัทธ์เดินกลับไปที่โต๊ะ
อัทธ์เดินมานั่งกับจันท์กระพ้อที่หน้าบึ้งอยู่
“เต้นรำกันไหมครับ”
จันท์กระพ้อสีหน้ากวนๆ
“รำเป็นแต่กระบี่กระบอง”
อัทธ์งง
“เป็นอะไรครับเมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยผมทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่า”
“เปล่านี่...ผู้หญิงคนนั้นสวยดีเนอะ เสียดายวันนี้ไม่น่าแต่งแบบนี้มาเลยไม่งั้นจะลองจีบซะหน่อย”
อัทธ์มองตาม จันท์กระพ้อนั่งมองผู้หญิงชุดแดงหน้าตาน่ารัก โต๊ะถัดไป เธอประชดด้วยการแกล้งเป็นทอมซะเลย
“จีบผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
อัทธ์อึ้งหน้าเสียใจเสียเหมือนถูกเขาปฏิเสธความรัก ยังไงอย่างนั้น
“แหม...คุณไม่รู้เหรอว่าว่าฉันเคยจีบยายขวัญมาก่อน ฉันชอบผู้หญิงสวยๆ”
จันท์กระพ้อมองผู้หญิงคนนั้นต่อไป อัทธ์เศร้าไปทันที
เพียงขวัญเดินออกไปหารณพีร์ที่ยืนอยู่ด้านนอก จู่ๆวิไลรัมภาโผล่มาขวางไว้
“คุณเพียงขวัญ”
“ค่ะ มีอะไรคะ”
“ตัวจริงสวยจริงๆนะคะ ดิฉันชื่นชมในผลงานของคุณมากเลยนะคะ อยากขอลายเซ็นค่ะ”
วิไลรัมภายื่นสมุดให้เพียงขวัญ แสร้งยิ้ม
“ดิฉันเป็นแฟนหนังของคุณดิฉันชื่อรัมภาค่ะ”
เพียงขวัญสะดุดหู ชื่อ รัมภา เพียงขวัญดูที่ปกสมุด มีตราภาษาอังกฤษ P&R อันเดียวกันกับที่ผ้าพันคอ เธอมองหน้าวิไลรัมภา ผู้หญิงสวยคนนี้ คือเจ้าของผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า อาจรวมถึงเป็นเจ้าของรณพีร์ วิไลรัมภาทำตาใสซื่อ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เพียงขวัญรีบเซ็นให้ แล้วยื่นให้ กำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว
“เปล่านี่คะ ไม่มีอะไรค่ะ”
“รัมภาจะเก็บเอาไว้อย่างดีเลยนะคะ คุณเพียงขวัญ”
วิไลรัมภาเดินกลับไปที่โต๊ะ เพียงขวัญมองไปที่รณพีร์ ซึ่งยืนหันหลังใหญ่อยู่อีกด้าน หันกลับทันที ด้วยความรู้สึกไม่มีอะไรจะพูดด้วยแล้ว ไม่ต้องถามแล้ว
เพียงขวัญเดินตัวชาเหมือนไร้วิญญาณกลับมานั่ง
“คุยกันเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“ไม่รู้จะคุยอะไรค่ะ ก็เลยตัดสินใจไม่คุยดีกว่า”
“ทำไมล่ะ พี่ว่าน่าจะถามกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่าจะได้ไม่มีอะไรคาใจ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณพีร์ควรจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า ในฐานะที่เขาเป็นผู้ชาย”
อัทธ์มองจันท์กระพ้อที่ยังมองหญิงชุดแดงกินข้าว เพียงขวัญชวน
“กลับกันเถอะค่ะ”
“อื้อ กลับเสียทีก็ดีเหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรสนุก” จันทร์กระพ้อมองค้อนอัทธ์ก่อนจะหันไปเรียกบริกร “น้องๆ คิดเงินด้วย”
ทั้งสามคน อยู่ในอารมณ์เดียวกันคือเบื่อๆ เซ็งๆ
ยอดยศบอกกับสาวๆ
“ผมขอตัวไปคุยกับไอ้พีร์ก่อนนะครับ”
พิมพรรณยิ้มแย้ม
“ตามสบายค่ะ”
ยอดยศลุกไป วิไลรัมภากลับมาที่โต๊ะ รายงานผล
“ฉันคิดว่าแผนเราได้ผล พอเห็นตัวอักษรหน้าสมุดนี้ หน้าซีดเผือดเลย”
ไฉไลสะใจ
“หรือคะ สะใจไฉไลจริงๆ คนชั่วๆ สมควรโดนซะบ้าง คงรู้แล้วสินะ คุณชายพีร์มีเจ้าของแล้ว คือ คุณรัมภา”
รณพีร์ยืนเซ็งดูนกอยู่ ยอดยศเดินมาหา
“เขาบอกฉันว่า เขาติดงาน แล้วจู่ๆก็โผล่มากับผู้ชายอื่น”
“ตัดใจจากผู้หญิงอันตรายคนนี้เสียเถอะ”
“เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก ฉันไม่ได้ตั้งใจแย่งเขามาจากแก ที่จริง มันเหมือนเป็นโชคชะตา ที่ผ่านมา ฉันผิดเองที่ไม่บอกแกแต่เนิ่นๆ ฉันขอโทษ”
“ฉันกำลังจะแต่งงาน เรื่องของเพียงขวัญ ที่จริงทำให้ฉันเข้าใจตัวเอง คู่ของฉัน เกิดขึ้นจากพ่อแม่ ฉันเลยไม่รู้ว่า ฉันรักคุณพิมไหม แต่วันที่เขาเถียงเพียงขวัญ วันที่เขายืนหยัดรอฉัน มันทำให้ฉันรู้ใจตัวเอง”
“ดีใจด้วยจริงๆ แกเลิกทำตัวสำมะเลเทเมา แถมมีข่าวดีแบบนี้ ฉันพูดไม่ออกเลยว่ะ”
“เพียงขวัญเขาเลือกนายอัทธ์จริงหรือ หรือเขาแค่สนุกที่ทำให้ผู้ชายหัวปั่น”
รณพีร์เครียด ห่อเหี่ยว ยอดยศเห็นใจ
“ฉันขอตัวไปดูพวกสาวๆก่อนนะ”
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทางด้านบงกชมาเที่ยวที่สถานตากอากาศบางปูเช่นกัน มีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามาทักทาย
“อุ้ย คุณบงกช มาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอค่ะ ขอลายเซ็นต์หน่อยได้ไหมคะ”
บงกชฉีกยิ้ม
“ค่ะ...ค่ะ”
“มาคนเดียวเหรอครับ วันนี้ข้างในเขามีลีลาศด้วยนะครับ”
ชายคนหนึ่งท่าทางเมาๆ เข้ามา
“อ้าวคุณบงกช มาที่โต๊ะผมเลยดีกว่าครับ จะได้ไม่เหงาผมนี่เท้าไฟเลยนะ ช่าช่าช่า รุมบ้า แทงโก้ ผมได้หมด”
บงกชยิ้มเจื่อนๆ มองนาฬิกา
“เชิญพวกคุณก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวดิฉันตามเข้าไป”
รณพีร์ วิไลรัมภา ยอดยศ และพิมพรรณ เดินออกมาด้วยกัน
“ไฉไล ไปไหนล่ะพิม” ยอดยศหันไปถาม
“เธอไปเข้าห้องน้ำอยู่ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมกับไอ้ยอด ไปที่รถก่อนนะครับ”
รณพีร์บอก วิไลรัมภายิ้มแย้มรับคำ
“ค่ะ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วจะตามไปค่ะ”
รณพีร์กับยอดยศเดินไปที่รถด้วยกัน
บงกชเร่งรีบเดินมาหลังร้าน ครู่หนึ่งเพ้งเดินร้อนรนเข้ามา
“เสี่ยขอโทษเสี่ยมาช้าไปหน่อย กลัวหล่อไม่ถึงใจลื้อ”
“ไปกินที่อื่นเถอะค่ะเสี่ย คนเยอะ วุ่นวาย”
“ก็บอกแล้วว่าอย่ามาๆ ที่แบบนี้คนมันเยอะ ลื้อก็จะมา”
“ก็บงกชอยากจะกินข้าว เต้นรำบ้างนี่ค่ะเสี่ย”
“งั้นเดี๋ยวเสี่ยพาไปเต้นนะ...ริมชายหาดด้วยล่ะ”
เพ้งโอบกอดบงกชเดินไปด้วยกัน แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นรณพีร์กับยอดยศยืนมองมา เพ้งมองไม่พอใจ แต่ไม่พูดอะไรพาบงกชเข้าไปในรถทันที
สามสาวเดินตามมาสมทบกับสองหนุ่ม
“ใคร เหรอคะ” วิไลรัมภาถามรณพีร์
เพ้งสังเกตมือของวิไลรัมภาที่จับลงบนตัวรณพีร์ พอจะเดาออกว่าทั้งสองสนิทชิดเชื้อ
“คนเคยรู้จักน่ะ ไปกันเถอะ”
ยอดยศกับรณพีร์เดินนำวิไลรัมภา พิมพรรณ ไฉไล ขึ้นรถออกไป เพ้งมองตามทางกระจกมองข้าง
“มันมากับผู้หญิงคนใหม่”
เพ้งยังโกรธรณพีร์ที่เคยซ้อมตน
บ้านพักชั้นเดียว ขนาดย่อม ตั้งอยู่ที่หน้าผา แยกออกมาจากชุมชนอื่น ด้านหลังเป็นป่า เพ้งแอบซื้อไว้เพื่อพาผู้หญิงมานอน...ในห้องนอน เพ้งนอนกอดก่ายบงกชบนเตียงมีอุปกรณ์ เข็มขัดหนัง สองคนมีผ้าน้อยชิ้น
“เสี่ยหล่อมั้ย ไม่ตอบไม่ต่อนะน้อง”
“หล่อ”
เพ้งตีบงกช
“นี่แนะลื้อโกหก”
“บงกชไม่โกหกแล้ว”
“โกหกอย่างนี้แหละ คนเคยหล่อ ตอนนี้รวยแล้วหล่อน้อยลง”
“เสี่ยขา อย่าลืมนะคะ หนังเรื่องหน้า ต้องให้หนูเป็นนางเอกนะค่ะ”
“ต่อไปนี้หนังทุกเรื่องของเสี่ย จะมีหนูบงกชเป็นนางเองคนเดียวเท่านั้นจ้ะ”
“เสี่ยเพ้งนี่ น่ารักที่สุดเลยค่า” บงกชกอดเอาใจเพ้ง “คราวหน้า เสี่ยอย่าพา หนูมาไกลขนาดนี้อีกนะคะ หนูนั่งรถจนก้นระบมหมดเลย”
“เสี่ยกลัวเมียจะรู้เรื่องของเรา ก็เลยต้องพาหนูออกมาถึงที่นี่ มันไกลหน่อย แต่ก็ปลอดภัย ไหนๆที่หนูว่าก้นระบม เมื่อกี้ก็ไม่บอก เสี่ยประคบให้”
“บ้า”
เพ้งคลุมโปง กอดฟัด บงกชหัวเราะคิก ระริกระรี้
วันใหม่...เพียงขวัญกลับจากที่ออกไปส่งชุดลิเกมา พบเดชคำแหงนั่งตีระนาดอยู่
“อ้าว...กลับมาแล้วหรือหนูขวัญ เห็นเด็กบอกไปส่งชุดลิเกมา เหนื่อยไหมล่ะหนู”
เพียงขวัญยื่นซองให้
“ในซองนี้มีเงิน 500 บาท เป็นเงินผ่อนหนี้ค่าเช่าบ้านงวดแรก”
“พวกเธอติดเงินฉันเป็นก้อน ก็ต้องได้คืนมาเป็นก้อน เศษเงินไม่กี่ร้อย ฉันไม่รับ”
“ครั้งที่แล้วฉันรวบรวมเงินให้แล้ว คุณก็ไม่เอา นี่คุณต้องการอะไรกันแน่”
เดชคำแหงยิ้มๆ บุหลันและนภา ประคองยายเข้ามา เหมเป็นคนขับรถพายายมา หิ้วกระเป๋าเดินทางตามมา
“เอ้ามากันแล้ว น้าผันเป็นไงบ้าง ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลย” เดชคำแหงหันไปทัก
เพียงขวัญเข้าไปช่วยรับข้าวของ จัดเตียงให้ยายนอน
“อยู่ที่ไหนไม่เหมือนอยู่บ้าน ขอบใจนะพ่อเดช ที่ออกค่าผ่าตัดให้”
“ไม่ต้องมา ขอบอกขอบใจ อะไรกับฉันหรอก คนกันเองแท้ๆ ฉันดีใจจะตาย ที่จะได้เห็นน้า เดินปร๋อ ไม่ต้องทรมานอีก”
“พี่เดชเขาแค่ออกเงินค่าผ่าตัดให้ก่อน เดี๋ยวเราจะหาเงินมาคืนเขา ไม่ต้องห่วงนะแม่” นภาบอกยาย
เดชคำแหงยิ้ม บุหลันหันมาหาเพียงขวัญ
“นึกว่าขวัญกับนายพีร์จะไปรับที่โรงพยาบาลซะอีก แล้ววันนี้ พ่อตัวดีหายไปไหนซะแล้ว”
เพียงขวัญเศร้าหนัก ไม่ตอบ เดชคำแหงเบ้หน้า
“เฮอะ สงสัยจะกลัวฉันนะสิ จะมาจีบหนูเพียงขวัญของข้า เจอฉันเข้าหน่อย ทำใจเสาะ แบบนี้ไม่ต้องไปสน คนบ้านนี้ มีเดชคำแหงดูแลแล้ว ไม่ต้องมีใครหน้าไหนมายุ่งอีก”
เพียงขวัญนั้น ในใจลึกๆกลัวว่า รณพีร์คงไม่มาอีกแล้ว
รณพีร์นั่งเศร้า อยู่ในสวนคนเดียว หม่อมเอียด ย่าอ่อน วิไลรัมภา แอบมองอยู่มุมหนึ่ง
“วันนี้วันหยุด ชายพีร์ ไม่ออกจากบ้านไปไหนเหรอ แปลกจริง เจ้าประคู้น เจ้าที่เจ้าทาง เทวดาอารักษ์ ขอให้ผู้หญิงกาฝากคนนั้นมันเปลี่ยนใจเลิกยุ่งกับชายพีร์จริงๆ เถ๊อะ จะถวายผ้าเจ็ดสี ผูกให้รอบวังเลยเชียว” ย่าอ่อนภาวนา
“เดี๋ยวรัมภารีบไปลงครัวเลยดีกว่า วันนี้ท่าทางพี่ชายพีร์ คงจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันแน่ๆเลย”
สามคนออกไป ทิ้งรณพีร์ไว้คนเดียว
เย็นนั้น จันทน์กระพ้อมาหาเห็นเพียงขวัญนั่งซึมอยู่ จันทน์กระพ้อหน้าตื่นเล็กๆเดินรี่เข้ามา
“มีเรื่องอะไรเหรอขวัญ พ่อบอกเธอโทรไปหาฉัน”
จันทน์กระพ้อนั่งลง
“เราแค่อยากมีคนคุยด้วย”
“เธอคุยกับฉันได้ทุดเรื่องแหละ”
“ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะกับเราไปหมด เรื่องของแม่ เรื่องครอบครัว เรื่องเรากับคุณพีร์”
จันทน์กระพ้อมองอย่างเข้าใจ
“อย่าคิดมาเลยขวัญอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด คนเราคิดดีทำดี ไม่มีอะไรมาทำร้ายเราได้หรอก ที่สำคัญเธอจะมีฉันเป็นเพื่อนเสมอ”
เพียงขวัญสบตาเพื่อนค่อยๆ ยิ้ม
“เห็นมั้ยจันทน์แค่ได้คุยกับเธอฉันก็มีความสุขแล้ว...”
พิมขวัญยิ้มอย่างสบายใจขึ้นมาบ้าง
อ่านต่อตอนตอนที่ 7