xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 10

ขณะเดียวกัน ภายในครัววังจุฑาเทพ กรองแก้ว สมศรี และแจ๋วทำครัวอยู่ พร้อมกับเปิดฟังวิทยุกันตลอดเวลา เพราะห่วงรณพีร์ พอเสียงประกาศข่าวออก ทั้งสามก็หยุดงานพุ่งเข้าไปล้อมวิทยุ

“การปะทะที่แนวชายแดนเวียงพูคำยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง การสู้รบแต่ละครั้งกินเวลา หนึ่งชั่วโมงบ้างสองชั่วโมงบ้าง กองกำลังกบฏเจ้า วีระวงศ์ ยังคงแข็งแกร่งไม่มีทีท่ายอมแพ้ เนื่องจากได้รับความช่วย เหลือเรื่องอาวุธหนักจากประเทศที่สามเป็นจำนวนมาก กองทัพแห่ง เวียงพูคำและกองทัพไทย ได้เพิ่มกำลังทหารและอาวุธเข้าไปในพื้นที่ โดยตั้งใจว่าจะสลายกองกำลังของกบฏเจ้าวีรวงศ์ในครั้งนี้ให้สำเร็จ ภายในสามวัน”
ส่วนหม่อมเอียดกับคนอื่นๆ ในวัง ต่างนั่งฟังวิทยุอย่างเครียดๆ เช่นกัน

รณพีร์ขึ้นบิน แปรรูปขบวนบินและทำการยิงค่ายอีก สื่อสารกับวิทยุ รณพีร์ ขึ้นเวรบินตลอดเวลาแทบไม่พักเลย

เช้าวันใหม่...เพียงขวัญมาไหว้พระในโบสถ์จุดธูป ประณตที่มาด้วยกันถามขึ้น
“เรามาไหว้พระ มาขอพรให้พระคุ้มครองพี่พีร์ใช่ไหมครับ”
เพียงขวัญหน้าเศร้า ดึงประณตเข้ามากอด ทั้งสองคนนึกเป็นห่วงรณพีร์จับใจ

พิมพรรณ ทำความสะอาดเช็ดฝุ่นอยู่ในบ้านพักของยอดยศ จู่ๆ มือไปโดนรูปยอดยศหล่นลงมาแตก พิมพรรณตกใจมาก

พิมพรรณนั่งคุยกับยอดยศที่มุมหนึ่ง เธอนั่งร้องไห้น้ำตาไหล จนเขาต้องปลอบอยู่
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เป็นไร”
“แต่พี่ยอดโดนข้าศึกยิงเครื่องบินเกือบตกมาทีนึงแล้วนะคะ อย่าลืม ถ้าไม่ได้คุณชายพีร์ช่วยไว้ก็คง...”
รณพีร์เดินมาเห็น ตกใจที่พิมพรรรณร้องไห้
“คุณพิม ร้องให้ทำไมครับ มีเรื่องอะไรอะไรหรือครับ”
ยอดยศยิ้มๆ เอ็นดูพิมพรรณ
“รูปฉันที่บ้านเขาหล่นลงมาแตก เขาไม่ยอมให้ฉันขึ้นบินวันนี้”
“โบราณเขาว่า คนกำลังจะมีงานมงคล ต้องระวังเรื่องโชคร้าย พี่ยอดกำลังจะแต่งงานนะคะ ถ้าพี่เป็นอะไรไป พิมจะทำยังไง”
“แต่พี่เป็นทหาร พี่ไม่บินได้ยังไง”
“คุณพ่อบอกว่า วันนี้เป็นการรบครั้งใหญ่ ทหารไทยและทหารเวียงตั้งใจตีค่ายให้แตกภายในวันนี้ ที่สำคัญฝั่งทหารกบฏ มีอาวุธที่ทันสมัยกว่าเรา”
ทั้งสองเงียบ
“เห็นไหม ต้องมีการปะทะครั้งใหญ่แน่ แล้วพี่ยอดก็ขึ้นบินวันนี้พอดี”
“คุณพิมไม่ต้องห่วงครับผมจะขึ้นบินแทนเอง ไอ้ยอดเดี๋ยวฉันไปคุยกับผู้การให้”
รณพีร์เดินไปทันที
“ไอ้พีร์ เดี๋ยวสิ”
ยอดยศเดินตาม

ยอดยศเดินตามมาคุยกับรณพีร์
“แกบินมาหลายวันติดต่อกันแล้ว แกต้องพักบ้าง”
“เดี๋ยวจะไปนอนสักงีบ แต่เย็นนี้ฉันขอ ฉันบินจนรู้พิกัดในค่ายหมดแล้วเอาเหอะน่า ไม่มีอะไรหรอก กลับไปหาคุณพิมไป๊ เดี๋ยวพรุ่งนี้แกค่อยมาเปลี่ยนเวร”
รณพีร์ยืนยัน ด้วยการเดินหนีไป
เย็นนั้น...พระอาทิตย์กำลังจะตกดินฟ้าสวยงาม ที่ลานบินมีการเตรียมตัวขึ้นบิน ทหารต่างๆมาล้อมเครื่องบินรบ เตรียมสิ่งต่างๆ รณพีร์อยู่ที่ล้อกเกอร์กำลังเขียนการ์ดหลังรูป รูปแรกเป็นรูปของหม่อมเอียด ย่าอ่อนกับคุณชายทั้งห้าคน รณพีร์เขียนบางอย่างไว้ที่หลังรูป รูปที่สอง เป็นรูปเพียงขวัญ รณพีร์เขียนข้อความลงในรูปเพียงขวัญ
“เพียงขวัญที่รัก วันนี้ผมจะขึ้นบินแทนยอดยศ สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเขา ชีวิตของเขามีค่า และจำเป็นต้องดำเนินต่อไป แต่สำหรับชีวิตของผม มีไว้เพื่อคุณ และประเทศชาติเท่านั้น ในเมื่อไม่มีคุณแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ผมจะใช้ทุกนาที เพื่อปกป้องอธิปไตย เพื่อทดแทนคุณแผ่นดินเกิด และหากผมไม่ได้กลับมา ขอให้คุณจำไว้ รณพีร์รักเพียงขวัญตลอดไป”

รณพีร์เหน็บรูปทั้งสองไว้ที่ประตูล็อคเกอร์ด้านใน มองเห็นได้ชัด

พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที รณพีร์เดินขึ้นบันไดเครื่องบิน ขันติขึ้นไปที่เครื่องบินอีกลำ เครื่องบินบินขึ้นท้องฟ้าออกไปทีละลำ รณพีร์กับขันติ ต่างสื่อสารกับศูนย์วิทยุตามปกติ

ค่ำนั้น ค่ายกบฏถูกล้อมกรอบ ยิงต่อสู้กันวุ่นวาย เกิดระเบิดขึ้นตามมุมต่างๆ เครื่องบินรบบินผ่าน พร้อมยิงปืนกล ลงมา ขันติเข้าลุยโจมตี รณพีร์รีบคุ้มกัน ทางค่ายด้านล่ายิงต่อสู้ ด้วย ปตอ. มุ่งหมายยิงไปที่เครื่องบินบนฟ้า...วีระวงศ์ ถือปืนวิ่งออกมาตะโกนลั่น “สู้มัน”
วีระวงศ์ใช้ปืนกลยิงต่อสู้..เครื่องบินรณพีร์ถูกยิงจนได้ ไฟที่แผงหน้าปัดวูบวาบช็อต รณพีร์พูดวิทยุ
“MAY DAY! MAY DAY”

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เพียงขวัญนอนไม่หลับเดินออกมาที่ศาลา อย่างกังวลใจ เธอมองท้องฟ้า เห็นเครื่องบิน บินออกไป
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนที่นอนๆอยู่สะดุ้งตื่น สังหรณ์ใจบอกไม่ถูก พากันมาที่ห้องพระ เพื่อไหว้พระขอพรให้รณพีร์ปลอดภัย
“พี่ฝันร้าย” หม่อมเอียดพูดขึ้นมา ขณะที่นั่งพนมมือ
“น้องก็เหมือนกัน”
“ขอให้ดวงพระวิญญาณของบรรพบุรุษ ช่วยปกป้องคุณชายรณพีร์ด้วยเถิด”
ทั้งคู่กราบพระอย่างกังวลใจมาก

วิไลรัมภา เอาชุดราตรีมาทาบที่ตัว แทนชุดแต่งงาน ซ้อมเต้นรำ สนใจแต่เรื่องแต่งงาน ฝันหวาน ครวญเพลง เต้นรำอยู่คนเดียว มีความสุขไม่ได้สนใจข่าวสารหรือตัวรณพีร์เลย

จ่าละมัยนั่งคุยกับเพื่อนๆ สถานการณ์ตึงเครียดไปหมด วิทยุภายในแจ้งข่าวมา
“แจ้งเหตุเครื่องบิน F86-F เซเบอร์ สังกัดฝูงบินที่ 13 กองบินน้อยที่ 1ถูกยิงตกขณะปฏิบัติภารกิจ ทราบชื่อนักบินคือ เรืออากาศโท ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ”
จ่าละมัยตกใจมาก

ขันติกลับมาจากการปฏิบัติการนั่งอยู่ พร้อมทหารหลายนาย หน้าตาตึงเครียดมาก แล้วรายงาน ขันติสภาพเหงื่อแตก ทรุดโทรมเหมือนจะร้องไห้ ตกใจยังไม่หาย ผู้การปลอบ
“ในสนามรบไม่มีใครผิดหรอก เธอทำดีที่สุด”
“พวกมันใช้ปตอ.ยิงครับ ผู้หมวดรณพีร์มัวแต่ระวังให้ผม เลยโดนยิงเสียเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหมวดพีร์เป็นห่วงผม เขาคงไม่ถูกยิง ผมผิดเอง มัวแต่ฮึกเหิมที่ได้ปฏิบัติการจริงเป็นครั้งแรก”
ผู้การยืนเครียด แต่ใจเย็นกว่ามาก

หม่อมเอียดกับย่าอ่อน เดินกลับเข้ามาที่ห้องโถง หม่อมเอียดไม่สบายใจเลย ทั้งหมดฟังวิทยุคลื่นสั้นอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธราธรรับโทรศัพท์ขึ้นมา ทุกคนในวังเดินมารุมกันหมด เพราะใจไม่ดีอยู่แล้ว นอนไม่ค่อยหลับ
“ผมธราธรพูดครับ...” ธราธรหน้าเสีย ใจหายวูบ แต่ยังใจเย็นมาก “ครับ แน่ใจนะครับว่าไม่ผิดคน ครับขอบคุณมากครับ” ธราธรวางหู “เครื่องบินของชายพีร์ ถูกยิงตก อาการสาหัส ทางโน้นกำลังส่งตัวเข้า
มาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ”
ย่าอ่อนร้องไห้โฮทันที สมศรีต้องเข้าไปประคอง
“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ชายพีร์หรอก”
เสียงล้มห่างไป ทุกคนมองไป หม่อมเอียดลงไปนอนที่พื้นแล้ว ที่แท้ก็แอบมายืนฟังอยู่ เป็นลมไปแล้ว
“หม่อมย่า”
กรองแก้ววิ่งไปประคอง พุฒิภัทรเข้าไปดูอาการของหม่อมเอียด
“ผมจัดการเอง ชายเล็ก ไปบอกถนอมเอารถออก ผมจะไปโรงพยาบาล”
รัชชานนท์วิ่งออกไปตามถนอม พุฒิภัทรอุ้มหม่อมเอียดออกไป ย่าอ่อนร้องไห้ สร้อยต้องประคองไปนั่ง
“อย่าร้องไห้ แข็งแรงไว้นะคะ คุณชายพีร์ต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”

ทุกคนเครียดกันไปหมด

ด้านเพียงขวัญเผลอหลับไป แหวนช่อชัยพฤกษ์ที่หยิบมาถือไว้หล่นจากมือ จนเธอสะดุ้งตื่น

ขณะที่รณพีร์อยู่บนเตียง พยาบาลกำลังส่งตัวเข้าห้องผ่าตัด เร่งรีบเข็นไป รณพีร์งัวเงีย ลืมตาตื่นเป็นระยะ ในห้วงคำนึงของเขา มีสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวในใจคือเพียงขวัญ

พุฒิภัทรออกมาจากห้องประชุมแพทย์ ธราธรและรัชชานนท์ รีบเข้าไปหา พุฒิภัทรเร่งรีบจะเดินหนี เข้าห้องผ่าตัด
“ชายพีร์เป็นยังไงบ้าง” ธราธรจับตัวหันมา
“ค่อนข้างสาหัส กระสุนเข้าที่ชายโครง มีลมรั่วในปอด สิ่งที่น่าห่วง คือเขาเสียเลือดมาก ห้าสิบห้าสิบครับพี่ชายใหญ่ คณะแพทย์ประชุมกันแล้ว ผมจะผ่าตัดน้องด้วยตัวเอง”
ธราธรและรัชชานนท์ อึ้งตกใจมาก รัชชานนท์พยายามตั้งสติเต็มที่
“ผมจะโทรหาพี่ชายรุจ”
พุฒิภัทรเดินจากไป ธราธรนั่งลงเครียดๆ

เช้าวันใหม่...วิไลรัมภารู้ข่าวแล้ว เดินตามเทวพันธ์เข้ามา กรองแก้ว สร้อยฟ้า ระวีรำไพนั่งรอโทรศัพท์อยู่ด้วยกัน
“พี่ชายพีร์ ข่าวนั่นจริงหรือคะ” วิไลรัมภาละล่ำละลักถาม
“เราได้ข่าว เลยรีบมาที่นี่” เทวพันธ์บอก
“ค่ะ คุณชายภัทรกำลังผ่าตัดคุณชายพีร์ที่โรงพยาบาล คุณชายใหญ่และคุณชายเล็ก รอฟังข่าวอยู่” กรองแก้วเล่า
เทวพันธ์หันไปชวนลูกสาว
“เราไปโรงพยาบาลกันเถอะรัมภา”
ระวีรำไพขัดขึ้น
“ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ อีกหลายชั่วโมงเลยค่ะ รอที่นี่จะดีกว่านะคะ”
วิไลรัมภาหน้าเสียกังวล
“ถ้าชายพีร์เป็นอะไรไป การแต่งงานของเราจะทำยังไงล่ะคะ”
สะใภ้จุฑาเทพมองหน้ากัน
“การแต่งงานนี้สำคัญสำหรับพวกเรามาก เทวพรหม คงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกลูก”
เทวพันธ์กอดลูกเข้ามาปลอบ สร้อยฟ้าพูดลอยๆ
“การแต่งงานสำคัญ แล้วคุณชายรณพีร์ล่ะคะ”
เทวพันธ์ไม่พอใจ
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับ”
“หมายความว่าตอนนี้พวกเรา ควรจะห่วงชีวิตของชายพีร์มากกว่าเรื่องอื่นคะ”
ระวีรำไพกับกรองแก้วมองหน้ากัน แอบสะใจ

สร้อยฟ้าและระวีรำไพเดินตามกรองแก้วเข้าไปในครัว กรองแก้วกำลังจะเตรียมอาหารว่างพูดขึ้น
“เจ้าสร้อยกล้าพูดจังเลยนะคะ”
“มะปรางสะใจมากเลยค่ะ นึกว่าคิดไปคนเดียว การแต่งงานสำคัญมาก พูดย้ำอยู่นั่น ตกลงเขารักคุณชายพีร์ หรือเขารักที่จะได้แต่งงานกับคนรวยๆกันแน่”
สร้อยฟ้าถอนใจ
“สงสารคุณชายพีร์ ถ้าต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักตัวตนเรา แต่รักที่เงินและเกียรติยศ น่าเศร้ามากเลยนะคะ”

ชนะหน้าตาตื่นเดินพาศักดาเข้ามาในบ้าน เพื่อบอกข่าวสำคัญกับทุกคน
“ทุกคนอยู่ไหนกันหมด ขวัญอยู่ไหนลูก”
นภากับบุหลันประคองยายออกมา
“รู้ข่าวหรือยัง ได้ยินข่าวหรือยัง”
ชนะมองให้ศักดาพูด
“ชายพีร์ขับเครื่องบินออกไปรบเมื่อวาน ถูกพวกกบฏยิงตก ตอนนี้บาดเจ็บสาหัสอยู่โรงพยาบาลครับ”
เพียงขวัญที่เพิ่งออกมา ทำจานอาหารยายหล่น
“คุณพีร์...คุณพีร์” เพียงขวัญเสียงสั่นเครือ
นภารีบเดินไปหา ไปกอดลูกไว้
“ขวัญลูกแม่ ทำใจดีๆไว้ลูก คุณชายพีร์คงไม่เป็นไรมากหรอกลูก”

เพียงขวัญประหวั่น สิ่งที่กลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)

รณพีร์ใส่เครื่องช่วยหายใจ นอนอยู่บนเตียงในการผ่าตัด พุฒิภัทรผ่าตัดรณพีร์บริเวณช่องอก มีพยาบาลรายล้อม ซับเหงื่อให้เป็นระยะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนรออยู่ในห้องรับรองญาติคนไข้ หม่อมเอียดครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง ย่าอ่อนเดินไปเดินมากลุ้มใจ
“ชายพีร์ ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัดอีกหรือ” หม่อมเอียดหันมาถาม
“ยังเลยค่ะ”
หม่อมเอียดพยุงตัวขึ้นนั่ง ย่าอ่อนเข้าไปช่วย
“นอนต่อเถอะค่ะ ชายภัทรอุตส่าห์เตรียมห้องไว้ให้คุณพี่พักผ่อน”
“จะนอนได้ยังไง”
“ชายภัทรสั่งว่า...คุณพี่ต้องนอน ต้องกิน ต้องไม่กังวลเกินไป อาการของโรคความดันต้องระวังไว้นะคะ”
หม่อมเอียดหน้าเศร้า จะนอนจะไปได้ยังไงในสภาพนี้

เพียงขวัญเร่งรุดมาถามพยาบาลที่เคาเตอร์ เมื่อรู้เรื่องเธอจึงเดินมามองห้องผ่าตัด รู้แล้วว่ารณพีร์ผ่าตัดอยู่ เธอเอามือไปแตะฝาห้อง ส่งกำลังใจไปหาคนที่อยู่ด้านใน
“คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะคุณพีร์ คุณต้องสู้ เพียงขวัญมาอยู่ข้างๆคุณตรงนี้แล้วค่ะ อย่ายอม
แพ้นะคะ คุณคือสุภาพบุรุษชายชาติทหารคุณเป็นนักบิน คุณต้องไม่เป็นอะไรคุณต้องสู้นะคะคุณพีร์”

ธราธร ระวีรำไพ กรองแก้ว เดินไปมาในโถงวังจุฑาเทพ คนอื่นนั่งมุมต่างๆ ลุ้นรอข่าว ตาคอยมองโทรศัพท์เฝ้าโทรศัพท์ที่จะมาจากโรงพยาบาลเรื่องผลการผ่าตัด รัชชานนท์กับสร้อยฟ้าที่ไปสถานทูตกลับเข้ามา
“กองทัพไทยและกองทัพเวียงพูคำทำลายค่ายกบฏสำเร็จแล้ว พบศพเจ้าวีระวงศ์ถูกสะเก็ด ระเบิดตายในสนามรบ เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองครับ”
ธราธรหันมาถาม
“ยืนยันแน่นอนแล้วหรือ ว่าใช่ศพเจ้าวีระวงศ์จริงๆ”
สร้อยฟ้าหน้าตาโล่งใจ
“เจ้าหลวงรังสิมันต์ เป็นคนโทรมาที่สถานทูตเอง สงครามยุติลงแล้วค่ะ เราชนะแล้ว ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตายอีกแล้ว”
ทั้งหมดดีใจมาก กรองแก้วเปรยออกมา
“ถ้าคุณชายรณพีร์รู้คงจะดีใจมาก ที่ภารกิจของเขาสำเร็จ ชาวบ้านอีกมากมายไม่ต้องเดือดร้อนเพราะสงครามอีกแล้ว”
ทั้งหมดเศร้าลงทันที เมื่อนึกถึงเรื่องรณพีร์
“ตามหมายกำหนดการพี่ชายรุจคงมาถึงก่อนเช้ามืด” รัชชานนท์พูดขึ้น

ค่ำนั้น...หม่อมเอียดมีอาการฝันร้ายเรื่องลูกชายและสะใภ้ที่ตาย ฝันไปในคืนที่มีอุบัติเหตุ ภาพในฝันเห็นทั้งสี่คนหัวเราะ เพราะหยกที่อายุน้อยสุด ทันสมัยสุดเล่าเรื่องอะไรบางอย่างอยู่เบาะหลัง ช้องนางหัวเราะ อุบลวรรณและวิชชากร ยิ้มน้อยๆ เป็นครอบครัวสุขสันต์ จู่ๆ มีไฟดวงใหญ่จากรถบรรทุกสาดเข้ามา แล้วพุ่งตรงมาหา ทุกคนในรถตกใจ...

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนรออยู่ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เข็นคนทั้งสี่เรียงหน้าผ่านไปทีละคนๆ ทุกคนหมดสติ ทั้งคู่ยืนช็อก มือจับกันมองรถเข็นแต่ละคันที่ผ่านไป...รถเข็นทั้งสี่เข้าห้องผ่าตัด หมอและพยาบาลหลายคนวิ่งกรูตามกันไปเพราะต้องใช้บุคลากรมาก ย่าอ่อนยืนร้องไห้โฮ ทำอะไรไม่ถูก หม่อมเอียดรีบตามไปที่หน้าห้องผ่าตัด

ดึกมากแล้ว...หม่อมเอียดกระสับกระส่ายเพราะความฝัน พึมพำออกมา
“ชายวิช...ชายวิช”
หม่อมเอียดสะดุ้งตื่นขึ้นมองไปรอบๆ เห็นย่าอ่อนนอนหลับอยู่ แล้วก็ทอดถอนใจ นอนไม่หลับอีกเลย กังวลกลัวว่าประวัติศาสตร์จะย้อนรอย

ธราธรนั่งรอที่โซฟา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาสะดุ้งตื่นรีบรับสาย
“สวัสดีครับ ผม ธราธร พูดสายครับ...ชายภัทร ชายพีร์เป็นยังไงบ้าง”
พุฒิภัทรตอบกลับมา
“ผมผ่าเอาสะเก็ดกระสุนออกไปหมดแล้วครับ แต่ชายพีร์เสียเลือดไปมากคงต้องรอดูอาการอีกสองสามวันครับ”
ธราธรกำโทรศัพท์แน่น ไม่ใช่ข่าวดีเลย
“ยังไม่ปลอดภัยอีกเหรอ”
พุฒิภัทรจำใจตอบ

“ยังครับ...แต่ผมจะดูแลชายพีร์ให้ดีที่สุดครับ”

พิมพรรณจัดขนม ใส่กล่องอาหาร ยกกระติกน้ำร้อน หมุนฝาปิด ยอดยศเข้ามาหน้าเครียด พิมพรรณ ยืนขึ้นยิ้ม ชูขนมกับกระติกน้ำร้อน

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ของเยี่ยมคุณชายพีร์ คุ้กกี้เนย กับชาร้อน ของโปรดของเธอ ตามที่พี่ยอด...”
ยอดยศฝืนยิ้ม เดินเข้ามาหาพิมพรรณ หยิบกล่องขนมกับกระติก จากมือเธอวางบนโต๊ะ พิมพรรณมองงงๆ เขาจับไหล่เธอ
“มีอะไรเหรอค่ะพี่ยอด”
“เมื่อเย็นพี่แวะไปดูอาการไอ้พีร์เขายังไม่รู้สึกตัวเลย อยู่ในห้อง icu คุณหมอยังไม่อนุญาตให้เยี่ยม”
พิมหน้าเศร้า มองของเยี่ยมบนโต๊ะ
“เป็นความผิดของพิมเอง คุณชายพีร์ต้องมาเจ็บครั้งนี้ เพราะความอ่อนแอ เอาแต่ใจตัวเองของพิม พิมไม่น่าโง่งมงาย กับความเชื่อเรื่องลางสังหรณ์ บ้าๆอะไรนั่นเลย”
พิมพรรณยกมือแตะเช็ดน้ำตา ยอดยศจับมือเธอมากุมเอาไว้ทั้งสองมือ
“พิมไม่ได้ผิด แล้วก็ไม่ได้บ้าอะไรด้วย สิ่งที่พิมทำ สิ่งที่พิมพูด ก็เพราะพิมเป็นห่วงพี่ รักพี่ ที่ชายพีร์ต้องมาบาทเจ็บครั้งนี้เพราะเขาเป็นเพื่อนพี่ ห่วงพี่รักพี่เหมือนพิม ถ้าจะมีคนผิดก็คือตัวพี่คนเดียวเท่านั้น พี่เสียใจจริงๆ”
พิมพรรณยกสองมือประคองแก้มยอดยศ สบตากัน กอดกัน

ย่าอ่อนพยุงหม่อมเอียดออกจากห้องพักไปตามทาง ทั้งสองผ่านมุมพักรอมุมหนึ่ง ทั้งสองมองไปที่เก้าอี้
“ตอนที่ชายวิชกับคนอื่นๆเข้าไปในห้องผ่าตัดคืนนั้น ทุกคนอาการสาหัสสามวัน ฉันมานั่งรอ
ตรงนี้ นั่งร้องไห้ แล้วพวกเขาก็มาบอกฉันทีละคน...คนแรกชายวิช จากนั้นก็อุบลวรรณ ช้องนาง แล้วก็แม่หยกเป็นคนสุดท้าย”
ย่าอ่อนได้ยินอย่างนั้นก็น้ำตาคลอ พยักหน้าว่าจำได้
“นึกถึงคืนนั้น คืนที่ชายวิช อุบลวรรณ ช้องนาง แล้วก็แม่หยก ต้องจากเราไปมันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“น้องจำได้คะคุณพี่” ย่าอ่อนจับมือ “เราสองคนไม่ได้เป็นย่าแก่ๆ เข้าวัดเข้าวาเหมือนเพื่อนๆ”
หม่อมเอียดพยักหน้าเข้าใจ
“ตั้งแต่วันนั้น เราสองคนต้องเปลี่ยนเป็นพ่อ เป็นแม่ ให้กับเด็กทั้งห้าคน ชายพีร์จะไม่เป็น
อะไรใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ ชายพีร์จะต้องไม่เป็นอะไร ชายพีร์ต้องอยู่กับพวกเรา”
ย่าอ่อนดึงหม่อมเอียดเข้ามากอด ปลอบใจกัน

เช้าวันใหม่...ธราธรกับปวรรุจ เดินมาหาพุฒิภัทร
“นี่วันที่สองแล้ว ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ” ธราธรถามทันทีอย่างเป็นห่วง
พุฒิภัทรนั่งอ่านรายงาน วางแฟ้มลงเครียดมาก
“ผมเห็นความเจ็บความตายทุกวัน แต่เวลาที่เป็นน้องเราไม่ง่ายเลยครับ”
ธราธรจับไหล่พุฒิภัทร ปวรรุจปลอบ
“ง่ายหรือยาก ชายภัทรทำดีที่สุดแล้ว เป็นไงบ้าง พักผ่อนบ้างรึเปล่า”
พุฒิภัทรหันหนีน้ำตาคลอ ไม่เคยอ่อนแออย่างนี้เลย

เพียงขวัญเข้ามาในโรงพยาบาลเห็น วิไลรัมภากับเทวพันธ์โวยกับพยาบาลที่เคาน์เตอร์อยู่
“พวกคุณรักษายังไง ผ่าตัดแล้วต้องดีขึ้นสิ ไหนคุยว่าเป็นหมอฝีมือดี”
“ตกลงว่าวันนี้ยังเข้าเยี่ยมคุณชายรณพีร์ไม่ได้ใช่รึเปล่า” วิไลรัมภาถามเสียงแข็ง
พยาบาลพยักหน้าเกรงๆ
“ค่ะ”
เพียงขวัญรีบหลบ สองพ่อลูกไม่เห็นเพียงขวัญ

เทวพันธ์กับวิไลรัมภาเดินเข้ามาในห้องพักไข้ตรงมาหาหม่อมเอียดกับย่าอ่อน วิไลรัมภาเอาของเยี่ยมวาง
“แอปเปิ้ลจากเยาวราชคะ รัมภาตั้งใจเอามาเยี่ยมพี่ชายพีร์ แต่เสียดายยังเยี่ยมไม่ได้ รัมภาเป็นห่วงพี่ชายพีร์จริงๆนะคะ พี่ชายพีร์เป็นยังไงบ้างคะ”
หม่อมเอียดยิ้มให้
“ขอบใจมากนะจ๊ะหนูรัมภา”
เทวพันธ์เข้ามาถาม
“ท่านป้าเองไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ แต่ถ้าฉันเจ็บตายแทนชายพีร์ได้ ฉันก็ยอม”

ยอดยศเดินมาเปิดล็อคเกอร์รณพีร์ เจอรูปครอบครัวจุฑาเทพ และรูปเพียงขวัญ เหน็บฝาตู้
มีข้อความด้านหลัง ยอดยศปลดออกมา

ยอดยศมาที่วังจุฑาเทพนั่งคุยกับรัชชานนท์ เขาเอารูปทั้งสองส่งให้ รัชชานนท์พลิกดู

“ผมยังไม่เอาไปให้เพียงขวัญ ผมอยากให้พี่ๆดูก่อน”

ค่ำนั้น...รณพีร์นอนมีสายระโยงระยาง ย่าทั้งสอง และพี่น้องทั้งหมดรอเวลาอยู่ด้านนอกห้อง รัชชานนท์ยื่นโปสการ์ด ใบที่เป็นรูปครอบครัวจุฑาเทพให้ปวรรุจอ่าน

“ถึงพี่ชายทั้งสี่...ขอบคุณพี่ชายใหญ่ที่สู้จนท่านย่ายอมให้ผมเป็นทหาร ขอบคุณที่ทำหน้าที่พ่อให้ผม พี่ชายรุจพี่ใจดีกับผมรองจากย่าอ่อน พี่ดูแลตัวเองบ้างนะไม่ต้องดูแลพวกเราตลอดเวลาหรอกครับ พี่ชายภัทร ถ้าผมเป็นอะไรไปพี่คงเป็นคนรักษาผมแน่ ผมรู้นิสัยพี่ พี่เป็นหมอที่ดีที่สุด อย่ากังวลนะครับ พี่ชายเล็ก ทุกนาทีที่เราสนุกด้วยกันตั้งแต่เด็ก ผมจำได้ทั้งหมดครับ ผมแค่อยากบอกว่าผมภูมิใจที่ได้เกิดเป็นน้องของพี่ๆ ภูมิใจที่เราได้ทำทุกสิ่งร่วมกัน ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจุฑาเทพ รักพี่ชายทุกคนครับ...ผมจำหน้าท่านพ่อกับหม่อมแม่แทบไม่ได้เลย แต่ผมอยู่กับท่านย่าทั้งสอง ด้วยความรัก ความกรุณา และความอบอุ่นที่ท่านย่ามอบให้ผมผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าผมเป็นคนที่ขาดพ่อกับแม่ผมรำลึกถึงบุญคุณของท่านย่าทั้งสองเสมอ กราบแทบเท้าท่านย่าทั้งสองด้วยความรักและเคารพอย่างสูง”
ทุกคนฟังอย่างปวดร้าว


หม่อมเอียดกับย่าอ่อนออกมาสูดอากาศด้านนอก เพื่อคลายเครียด ย่าอ่อนเดินกลุ้มๆ หม่อมเอียดเศร้าทั้งหมดเดินมาเจอเพียงขวัญนั่งรอหน้าห้อง ICU เพียงขวัญอยู่ห่างไป ไม่เห็นทั้งคู่ หน้าเศร้าหมองรอคอย

เช้าวันใหม่...เพียงขวัญนั่งซึมอยู่ที่สวนหย่อมโรงพยาบาล อัทธ์มาพร้อมกับจันท์กระพ้อชะเง้อมอง เพียงขวัญเงยหน้ามาเจอยิ้มให้
“พวกเรารู้ข่าวคุณชายรณพีร์จากหนังสือพิมพ์ ขวัญได้เยี่ยมคุณชายพีร์รึยัง”
เพียงขวัญส่ายหน้า
“ขวัญไม่กล้าขอเข้าเยี่ยม แต่พยาบาลบอกว่าคุณชาย ยังไม่ฟื้นเลย”
อัทธ์กับจันท์สบตากันสงสารเพียงขวัญ อัทธ์แตะมือปลอบ
“พี่เชื่อว่าคุณชายพีร์เขารอขวัญอยู่ เขาต้องไม่เป็นอะไรขวัญต้องเข้มแข็งไว้”
เพียงขวัญชะงักอึ้ง
“พี่อัทธ์”
อัทธ์กอดเพียงขวัญ จันท์กระพ้อมองอย่างห็นใจ

เพียงขวัญเดินมาตามทางในโรงพยาบาล ทันใดนั้นเสียงของสร้อยฟ้าดังขึ้นจากข้างๆ
“คุณเพียงขวัญคะ”
เพียงขวัญเห็นว่าเป็นสร้อยฟ้า กับรัชชานนท์ เธอหน้าเสียถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สร้อยฟ้าดึงแขนไว้ ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ดิฉันชื่อสร้อยฟ้าคะ เป็นพี่สะใภ้ของคุณชายรณพีร์ ส่วนคนนี้คือคุณชายเล็กคะ”
เพียงขวัญอึ้ง นึกได้ คลายมือสร้อยฟ้าออก
“เจ้าหญิงสร้อยฟ้า”
“อย่าเรียกสร้อยอย่างงั้นเลยคะ สร้อยไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแล้วคุณเพียงขวัญมาเยี่ยม คุณชายพีร์ใช่มั้ยคะ”
เพียงขวัญอึกอัก หลบตาอย่างไม่สบายใจ
“ถ้าคุณไปเยี่ยม ชายพีร์คงดีใจ แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในห้อง ไอ ซี ยูเพื่อรอดูอาการ”
“คุณชายเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“คุณไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ชายภัทรรับรองว่าชายพีร์จะต้องหายเป็นปกติแน่ ผมเองก็เชื่อ เพราะน้องชายหัวแข็งของผมคนนี้ไม่ตายง่ายๆหรอกครับ”
สร้อยฟ้าพยักหน้าเห็นด้วย
“คุณเพียงขวัญอย่ากลัวไปเลยนะคะ พรุ่งนี้ชายภัทร อนุญาตให้ญาติสนิทเข้าเยี่ยมได้ คุณขวัญ มาช่วงบ่ายก็ได้”
รัชชานนท์ยิ้มสนับสนุน เพียงขวัญซึ้งใจ
“ขอบพระคุณพวกคุณมากนะคะ”

วันต่อมา เพียงขวัญเดินวนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยรณพีร์ ประตูแง้มออก วรรณรสากับปวรรุจเดินออกมา วรรณรสาทักทาย
“คุณเพียงขวัญใช่ไหมคะ ดิฉันรสาค่ะ ภรรยาคุณชายปวรรุจ เจ้าสร้อยฟ้าให้ดิฉันมารอรับคุณเข้าไปเยี่ยมพี่ชายพีร์ เชิญค่ะ”
“ขอบพระคุณค่ะ”
เพียงขวัญเข้าไปเยี่ยมรณพีร์ เธอมองสภาพของเขาบนเตียง วรรณรสาแนะนำ
“นี่คุณชายปวรรุจค่ะ”
เพียงขวัญยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
ปวรรุจยิ้มรับ
“อย่ากลัวไปเลยครับ ชายพีร์จะต้องหาย”
วรรณรสาหันมาหา
“พี่ชายพีร์รักคุณมากนะคะ ถ้าเธอรู้ว่าคุณมาเยี่ยม เธอคงจะดีใจแน่ๆ เราได้ยินเรื่องของคุณจาก
พี่ชายพีร์มามาก ไม่คิดว่าจะได้พบคุณในสถานการณ์แบบนี้”
เพียงขวัญขยับจะลุก วรรณรสายิ้ม ร้องห้าม
“เข้าไปใกล้เธอสิคะชายพีร์คงอยากได้กำลังใจจากคุณ เธอคงอยากให้คุณทำอย่างงี้มานานแล้ว”
เพียงขวัญเกาะกุมมือรณพีร์ ร้องให้แผ่วเบา เธอยกมือของเขาแนบหน้า ปวรรุจมองอย่างเห็นใจ
“เท่าที่ดู ผมเชื่อว่าคุณเองก็รักชายพีร์มาก”
“คุณเพียงขวัญคงไม่ทราบว่าก่อนฉันกับพี่ชายรุจจะแต่งงานกัน ฉันเองก็เคยหลอกพี่ชายรุจ เหมือนกันว่าเป็นลูกพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง...ฉันเชื่อว่าพี่ชายพีร์คงรู้สึกเหมือนฉันในตอนนั้น การบอกความจริงกับคนที่เรารักช่างยากเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเราอยากหลอกลวงเขาเพื่อความสนุกหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะกลัวว่าถ้าพูดความจริงออกไป เราอาจจะสูญเสียเขา ยิ่งรักมากก็ยิ่งกลัวมาก ชายพีร์ไม่กล้าบอกคุณก็คงเป็นเพราะเธอไม่อยากเสียคุณไป”
ปวรรุจขอร้อง
“ยกโทษให้ชายพีร์เถอะครับ การมีทิฐิเหนือคนที่คุณรักไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย การที่ได้อยู่ร่วมกับคนที่เรารักและรักเรา คือความสุขที่สุดของชีวิตแล้วล่ะครับ”
เพียงขวัญร้องให้สะอึกสะอื้น
“คุณขวัญร้องให้ทำไมคะ พี่ชายพีร์รักคุณมาก คุณเองก็รักเธอแค่นี้ก็พอแล้วนี่คะ”
“ดิฉันเป็นแค่เศษดินต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับคุณชายผู้สูงส่งหรอกคะ”
“คุณคิดไปเองต่างหาก ฐานะและชาติกำเนิดเป็นแค่สิ่งภายนอก ที่คนสมมุติขึ้น หัวใจรัก ต่างหากล่ะคะที่สำคัญกว่า”
เพียงขวัญยิ้มขมขื่น น้ำตาร่วงไม่ขาดสาย ปวรรุจ กับวรรณรสา ปล่อยให้เพียงขวัญได้อยู่กับรณพีร์ตามลำพัง เวลาผ่านไปจนใกล้หมดเวลาเยี่ยม หม่อมเอียดเดินนำธราธรกับ ระวีรำไพ จะมาเยี่ยมรณพีร์ มาถึงหน้าห้องผู้ป่วย เห็นเพียงขวัญร้องไห้ข้างรณพีร์ก็ชะงัก ธราธรพูดขึ้นเบาๆ
“หม่อมย่าครับ”
“ย่าไม่รบกวนชายพีร์ดีกว่า คืนนี้ให้เขานอนพักผ่อนไปก่อน พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาเยี่ยมชายพีร์ใหม่”

หม่อมเอียดบอก

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)

คืนนั้น...เพียงขวัญเข้าไปเยี่ยมร่างระโยงรยางค์ของรณพีร์ เธอเข้าไปกระซิบ ร้องไห้อย่างหนัก

“ขวัญรักคุณพีร์ นี่เป็นรักเดียวในชีวิตของขวัญ อย่าทิ้งขวัญไปนะคะขวัญจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณ ขวัญรักคุณ ขวัญขอโทษ”
รณพีร์ ดวงตาขยับไปมา เพียงขวัญยังกระซิบต่อ
“ได้ยินไหมคะ ฉันรักคุณ ฉันขอโทษ”
เพียงขวัญร้องไห้ราวกับจะขาดใจ มือรณพีร์กระดิกยกขึ้น พยาบาลวิ่งเข้ามาดู อินเตอร์คอมหาคุณหมอ รณพีร์หรี่ลืมตาเห็นเพียงขวัญรางเลือน รณพีร์น้ำตารินลงมา พูดยังไม่ได้

วันใหม่...เพียงขวัญ อัทธ์ จันท์กะพ้อทานของว่างคุยกันอยู่ในศาลาบ้านเพียงขวัญ
“คุณชายรณพีร์เขาเห็นหน้าขวัญไหม เขารู้ไหมว่าขวัญเข้าไปหาเขา” จันทร์กระพ้อถาม
“ขวัญก็ไม่รู้ แต่คุณชายพีร์จับมือขวัญแน่น”
อัทธ์มั่นใจ
“พี่ว่านี่คือพลังความรัก ที่ขวัญมีให้คุณชายพีร์ ถึงทำให้เขารู้สึกตัว”
“แค่เห็นว่าเขารู้สึกตัวขวัญก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะ อีกไม่นานถ้าเขาหายดีแล้ว เขาก็จะมีความสุขได้แต่งงานกับคุณวิไลรัมภา และขวัญไม่ควรไปยุ่งอะไรกับชีวิตเขาอีก”

รณพีร์ดีขึ้นมาก พุฒิภัทรตรวจอาการ
“ความดันเลือดปกติ แต่น่าจะเจ็บแผลอยู่อีกระยะใหญ่”
“เพียงขวัญ เขามาเรียกผม”
พุฒิภัทรแปลกใจหันไปถามพยาบาล
“มีผู้หญิงมาจริงหรือ”
“ค่ะ...คุณเพียงขวัญที่เป็นนางเอกหนังดิฉันจำไดค่ะ”
“เสียงร้องไห้เหมือนจะขาดใจนั่น เรียกผมตื่น เขาบอกรักผม บอกว่าผมเป็นรักเดียวของเขา เขาขอให้ผมมีชีวิตต่อไปเพื่อเขา...ขวัญเขายกโทษให้ผมแล้ว เขาไม่โกรธผมแล้ว...เขาไม่โกรธผมแล้ว”
พยาบาลอีกคนเดินเข้ามาพร้อมแจกันดอกไม้
“มีคนเอาดอกไม้มาฝากเยี่ยมคุณชายรณพีร์คะ”
รณพีร์มองไปที่แจกัน พุฒิภัทรเอาการ์ดมาเปิดอ่านให้ฟัง
“ผมกับเพียงขวัญ เราเป็นพี่น้องกัน เพียงขวัญรักคุณชายคนเดียวมาตลอด ลงชื่อว่า...อัทธ์”
รณพีร์ยิ้มกว้าง อุปสรรคหมดไปแล้ว
“พี่ชายภัทร เขาโกหกผม เขาเป็นพี่น้องกันเขาไม่ได้จะแต่งงานกับคุณอัทธ์ โอ๊ะโอ๊ย”
รณพีร์เจ็บที่อก พุฒิภัทรยิ้มไปด้วย
“อย่าเสียงดัง อย่าขยับตัว หยุดพูดได้แล้ว”

รณพีร์นอนยิ้ม ดีใจมาก พุฒิภัทรยิ้มดีใจไปด้วย

ในห้องพักหม่อมเอียด...สองคุณย่ารู้ข่าวแล้ว รัชชานนท์นั่งอยู่ด้วย

“มีข่าวลือไปทั่วว่าชายพีร์หาย เพราะเพียงขวัญมาเยี่ยม เฮอะ...พูดกันไปเรื่อย หายเพราะชายภัทรรักษาต่างหาก” ย่าอ่อนเบ้หน้า
รัชชานนท์หยิบรูปเพียงขวัญออกมา
“ผมอยากให้คุณย่า อ่านข้อความบางอย่างหลังรูปนี้ครับ”
รัชชานนท์เอาการ์ดรูปเพียงขวัญให้ ย่าอ่อนรับรูปใบของเพียงขวัญ อ่านออกมาดังๆ เพื่อให้หม่อมเอียดได้ยินด้วย
“เพียงขวัญที่รัก วันนี้ผมจะขึ้นบินแทนยอดยศสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเขา ชีวิตของเขามีค่าและจำเป็นต้องดำเนินต่อไป แต่สำหรับชีวิตของผม มีไว้เพื่อคุณ และประเทศชาติเท่านั้น ในเมื่อไม่มีคุณแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ผมจะใช้ทุกนาทีเพื่อปกป้องอธิปไตย เพื่อทดแทนคุณแผ่นดินเกิด และหากผมไม่ได้กลับมา ขอให้คุณจำไว้รณพีร์รักเพียงขวัญตลอดไป”
หม่อมเอียดตกใจ
“จงใจออกไปตายเนี่ยนะ”
รัชชานนท์พูดขึ้น
“น้องรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆครับ คุณย่า”
ย่าอ่อนโวย
“สิ้นคิด ชายพีร์หลงผู้หญิงคนนั้นหัวปักหัวปำ ทำตัวแบบนี้ได้ยังไง แล้วพวกเราล่ะไม่มีความหมายเลยหรือ ย่าสองคนน่ะ เหนื่อยแค่ไหนรู้ไหมกว่าจะเลี้ยงเขาขึ้นมาได้ อาสาไปรบบ้าบิ่นแบบนั้น”
ย่าอ่อนหัวเสียหนัก รัชชานนท์กอดปลอบให้ใจเย็น

วันใหม่...เพียงขวัญเดินเข้าโรงพยาบาลมา วิไลรัมภาเร่งเข้ามาถามพยาบาล เพียงขวัญเห็นจึงหลบ
“พี่ชายพีร์ปลอดภัยแล้ว พี่ชายพีร์ปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ”
พยาบาลยิ้มแย้มบอก
“พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ ย้ายไปห้องปกติ แล้วค่อยเยี่ยมนะคะ”
วิไลรัมภายิ้มโล่งใจ เพียงขวัญยิ้มออกมาสบายใจเหมือนกัน เธอเดินออกไป ตัดสินใจไม่มาอีก

รณพีร์ย้ายเข้าห้องปกติแล้ว พยาบาลเอาข้าวของมาวาง รณพีร์มองไปรอบๆ ดีใจที่ดีขึ้น
“มีผู้หญิงมาเยี่ยมผมอีกไหม”
“มีค่ะ มารอคุณตั้งแต่เช้า พอดีกำลังย้ายห้องเลยถูกห้ามไว้” พยาบาลหันไปเห็นก็ตกใจ “เอ้าเข้ามาได้ยังไง ยังไม่อนุญาตเลย”
รณพีร์มีหวังมองตามไป เป็นวิไลรัมภาที่เดินเข้ามา
“พี่ชายพีร์”
รณพีร์ยิ้มแห้ง ผิดหวัง
“รัมภาดีใจที่สุด หลายวันที่ผ่านมา รัมภาจะตายเสียให้ได้ วันนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยค่ะ”
วิไลรัมภา แทบจะกอด รณพีร์ยิ้มให้อย่างมีมารยาท แจ๋วเดินเข้ามาพร้อมปิ่นโต
“อาหารมือแรกที่ไม่ใช่น้ำเกลือ เป็นน้ำซุปไก่แสนอร่อยจากวังจุฑาเทพค่ะคุณชาย”
แจ๋ววางไว้ รณพีร์เรียกมากระซิบที่หู จากนั้นแจ๋วพยักหน้าแล้วเร่งออกไป วิไลรัมภามองตามสงสัยนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถาม
“ทานซุปเลยดีไหมคะ”
รณพีร์พยักหน้า

แจ๋วเดินหาเพียงขวัญไปตามทาง ก้มมองผู้หญิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ผมและหุ่นคล้ายเพียงขวัญ จนสามีข้างๆ โวย

แจ๋วเดินมองไปมาต่อไปตามทาง

เย็นนั้น สมศรีกับกรองแก้วทำครัวกันอยู่ แจ๋วเล่าเรื่องให้ฟัง กรองแก้วแปลกใจ

“คุณชายรณพีร์ให้ไปตามหาเพียงขวัญ ทั่วโรงพยาบาลเลยเหรอ”
แจ๋วพยักหน้า
“ค่ะ...พอกลับไปรายงานว่าตึกหน้าไม่มี แกก็ไม่พอใจให้ไปหาตึกหลัง ไปกระซิบบอกแกว่า
ตึกหลังไม่มีแกก็ให้ไปดูตึกข้างๆ”
สมศรีถอนใจ
“มิน่า ไอ้เราก็ร้อรอ คุณกรองแก้วจะไปตลาด ไม่ต้องไปพอดี”
“คุณชายพีร์ไม่ยอมให้กลับ แกยืนยันว่าคุณเพียงขวัญต้องแอบมาดูแกแกว่าแกฟื้นได้เพราะ คุณเพียงขวัญมาเยี่ยม คุณเพียงขวัญต้องมาอีก”

พุฒิภัทรมองจานซุปข้าวโพดยังอยู่เต็ม ถ้วยยาก็ยังอยู่ การประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าวก็ไม่กิน ยาก็ยังไม่กินอีกรึ ไม่อยากหายเร็วๆเหรอชายพีร์”
“เพียงขวัญมาไหมครับพี่ชายภัทร”
“ถ้ามาก็ต้องเห็นสิครับ”
“วันนั้นพี่เห็นเธอไหม เธอมาจริงๆใช่ไหม แล้วทำไมเธอไม่มาอีก”

ผ่านไปหลายวันแล้ว รณพีร์นอนเศร้า วิไลรัมภามาถึงพร้อมแจกันดอกไม้
“วันนี้รัมภาเอาดอกไม้มาให้ สวยไหมคะการ์ดแต่งงานของเราพิมพ์เสร็จแล้วนะคะ พี่ชายพีร์ ต้องหายทันกำหนดแต่งงานของเราแน่เลย ใช่ไหมคะพี่ชายภัทร”
รณพีร์ได้แต่ยิ้มแห้งให้วิไลรัมภา

เพียงขวัญกับนภาทำครัวอยู่ นภาเปรยๆขึ้นมา
“ป่านนี้เขาจะออกจากโรงพยาบาลหรือยัง อาทิตย์หนึ่งแล้วตอนเขายังไม่ฟื้นไปทุกวัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว ไม่คิดจะไปอีกหรือ”
“เป็นหน้าที่ของคู่หมั้นเขาค่ะ เขาฟื้นแล้วก็หมดหน้าที่ของเราแล้ว”
จันท์กระพ้อเดินเข้ามา ยืนนิ่งไม่กล้าบอก เพียงขวัญหันไปถาม
“เป็นอะไร จันท์ มีอะไรรึเปล่า”
จันทร์กระพ้อตัดสินใจบอก
“วันก่อนคุณอัทธ์เขาฝากดอกไม้ไปเยี่ยมคุณชายพีร์ เขาเขียนจดหมายแนบไปด้วย”
“จดหมายอะไรเหรอ”
“คุณอัทธเขาเขียนจดหมายบอกคุณชายว่า เขากับเพียงขวัญเป็นพี่น้องกันคุณอัทธ์เขารู้สึกผิด ที่โกหกคุณชาย”
เพียงขวัญตกใจ
“พี่อัทธ์นี่ทำอะไรไม่ปรึกษาเลย เขากำลังจะแต่งงาน ที่ขวัญไปเยี่ยมเขา บอกรักเขา ขวัญทำหน้าที่ได้แค่...อืม ก็เหมือนเพื่อนๆของเขาที่ปรารถนาดีต่อเขา ขวัญทำได้แค่นั้น”
เดชคำแหงเดินมา
“คุยกันถึงไอ้หม่อมนักบินคนนั้นหรือ มันทำอะไรหนูขวัญ บอกลุงมาลุงจะไปจัดการให้”
เพียงขวัญ จันท์กระพ้อและนภา ตกใจ

ประณตนั่งทำการบ้านอยู่ เดชคำแหงเดินมาพร้อมของเล่นมาวางให้
“ไอ้หนู ลุงเอามาฝาก”
ประณตมองของสีหน้าเชิด
“ผมไม่เป็นสมุนลุงเหมือนไอ้ดำหรอกนะ ผมจะเป็นนักบิน”
ประณตหยิ่งไม่ยอมแตะของเล่น
“เออๆ ไม่เป็นก็ไม่เป็นสิ ใครจะไปว่าอะไร เนี่ยให้เฉยๆ”
ประณตมองหน้า เชิดใส่อีก
“จริงเหรอครับ”
ประณตดีใจ รีบหยิบของเล่นมาดูทันที เลิกหยิ่ง เอามาเล่น
“พี่ขวัญมีเรื่องกับแฟนหรือ”
“พี่พีร์จริงๆน่ะเป็นคุณชายปลอมตัวมา ที่บ้านพี่พีร์จะให้พี่พีร์ไปแต่งงานกับหม่อมหลวง ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ พี่ขวัญเลยน้อยใจ โกรธใหญ่เลย”

นภาปรุงแกงในหม้อ เดชคำแหงเดินมาหา
“หอมเครื่องแกงจริง เย็นนี้กินข้าวด้วยคนได้ไหมจ๊ะ”
“จะกินก็ได้ แต่รับเงินนี่ไปด้วย”
นภาหยิบซองเงินให้
“ไปเอาเงินเยอะแยะมาจากไหน”
“หนังนางเสือสาว มีกำไร คุณศักดาเพิ่งจ่ายส่วนแบ่งมา”
เดชคำแหงมองเมิน ไม่หยิบ
“ถ้าไม่รับฉันจะย้ายออกนะ”
“มีปัญญาหรือ”
“นายอดุลย์ เขาเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติให้ขวัญ ถ้าไม่รับค่าเช่านายเดชจะไม่เห็นหน้าพวกเราอีก อย่ามาบีบฉันนะ”
เดชคำแหงฟังเรื่องอดุลย์ชักหงุดหงิด
“เดี๋ยวนี้อู้ฟู่ใหญ่ เสียงแข็งเชียวนะ นายอดุลย์ให้เงินได้แต่ปกป้องเพียงขวัญ ไม่ได้หรอก สมัยนี้มีเงินอย่างเดียวไม่พอต้องมีอำนาจด้วย”
“ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจของนาย”
“เรื่องเพียงขวัญกับแฟนหม่อมมันเป็นยังไงกันแน่ มันดูถูกเราหรือ ไอ้พวกผู้ดีพวกนั้นน่ะ”
“ถามทำไม”
เดชคำแหงมองไป เห็นเพียงขวัญปักผ้าอยู่เหม่อๆ มีความเศร้า
“หนูเพียงขวัญก็เหมือนลูกสาวฉัน ใครทำลูกสาวฉันเสียใจ...อืม”
นภาตกใจ
“พี่จะทำอะไร อย่าหาเรื่องนะ”

เดชคำแหงไม่ตอบ แววตามีเลศนัย

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ค่ำนั้น พิมพรรณกับไฉไล เข้ามาที่ร้านอาหาร เทวพันธ์กับวิไลรัมภากับเพื่อนกลางคนกลุ่มหนึ่งนั่งทานข้าวกันอยู่ กัปตันเข้ามาทักทาย

“สวัสดีครับคุณหนู คุณชายเทวพันธ์กับลูกสาวมาอีกแล้วครับ”
ทั้งสองทำหน้าเบื่อๆเข้าไปไหว้
“สวัสดีค่ะคุณชาย”
“เอ๊าหนูพิม หนูไฉไล”
“แวะมาทานข้าวหรือคะ”
“พาผู้ใหญ่มา คุณสิริพงษ์และภรรยา คุณสุเมธและภรรยา แล้วก็คุณเมธีและภรรยา”
วิไลรัมภาบอกเพื่อนทั้งสอง
“เอาการ์ดแต่งงานมาให้ผู้ใหญ่น่ะค่ะ คุณชายรณพีร์ป่วยอยู่ก็จริงแต่กำลังจะหาย ก็เลยชวนคุณพ่อเอาการ์ดมามอบให้ผู้ใหญ่ที่นี่”
“ตามสบายนะคะคุณรัมภา คุณเทวพันธ์”
พิมพรรณกับไฉไล ยิ้มรับ

พิมพรรณกับไฉไลแยกออกมานั่งที่เคาน์เตอร์ คุยกัน
“คุณชายกับคุณรัมภานี่ คงชอบร้านอาหารของไฉไลมากนะ เห็นมาบ่อย”
ไฉไลเบ้หน้า
“ไม่ได้ชอบหรอกค่ะ แค่ฟรีน่ะ”
พิมพรรณงงๆ
“คุณรัมภากับคุณชายพาเพื่อนมา ประมาณอาทิตย์หนึ่งสองสามครั้ง มาถึงก็สั่งอาหารชุดใหญ่ ของแพงๆดีๆ แต่ไม่เคยพูดเรื่องเงินกับพ่อไฉไลเลย อ้างแต่ว่าจะพาพ่อไปหาท่านทูตจีน เอาเข้าจริงก็ไม่เคยพาไป”
“เดี๋ยวเขาก็คงจ่ายให้รวบยอดหรือเปล่า”
“คุณพิม วันนี้ไฉไลขอพูดตรงๆนะคะ ตั้งแต่คบกับคุณรัมภากระเป๋า เสื้อผ้า ข้าวของ ไฉไลออกเงินให้หมดเลยนะคะ พอรู้หรอกค่ะว่าของแค่นี้เพื่อนไม่ควรถือสา แต่คำขอบคุณสักคำคุณรัมภายังไม่เคยพูดเลย”
“อยากให้ฉันพูดกับคุณรัมภาให้เอาไหม”
“ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ ไฉไลผิดเอง ที่อยากมีเพื่อนหรูๆ แต่คุณพิมเป็นลูกนายพล ยังไม่เคยทำ
กับไฉไลแบบนี้บางทีคนเราไม่ควรตัดสินหรอกว่ามาจากสังคมชั้นไหนเราควรตัดสินเขาที่ความดี จริงไหมคะ”

วันใหม่...รณพีร์อาการดีขึ้นแต่ยังมีสายน้ำเกลือโยงอยู่ กำลังเขียนจ่าหน้าซองจดหมาย แจ๋วเข้าห้องมาพร้อมตะกร้าซุปกับผลไม้
“น้ำฝางค่ะคุณชาย โบราณว่าเป็นยาบำรุงโลหิต ทำโลหิตให้เย็นแก้โลหิตออกทางทวารหนักและทวารเบา ทำให้เลือดลมเดินเป็นปกติ รักษาวัณโรค เป็นยาฝาดสมานและรักษาแผล แจ๋วอุตส่าห์กลับไปเอามาจากบ้านนอก ป้าสมศรีมาต้มให้ทั้งคืนเลยนะคะ กรึบเลยค่ะ กรึบๆ”
รณพีร์ฟังอย่างงงๆ รับแก้ววางไว้หัวเตียงเก็บจดหมายใส่ซองยืนให้แจ๋วที่รออยู่ใกล้ๆ แจ๋วปิดซองจดหมายให้
“แจ๋วเอาจดหมายนี่ไปให้คุณเพียงขวัญที่บ้านเธอ ไปจัดการให้เรียบร้อยนะ”
“ค่ะ คุณชาย”
แจ๋วออกจากห้องไป

แจ๋วเดินเข้าบ้านมา เพียงขวัญเห็นเดินเข้าไปหา
“สวัสดีคะ”
แจ๋วยื่นซองจดหมายให้
“คุณชายรณพีร์ให้เอาจดหมายนี่มาส่งให้คุณเพียงขวัญค่ะ”
เพียงขวัญงง
“ขอบคุณค่ะ”
“หมดหน้าที่แล้ว งั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ...”
แจ๋วกลับออกไป เพียงขวัญเปิดอ่าน
‘…เพียงขวัญครับ ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ผมขอยืนยันกับขวัญอีกครั้งว่าผมจะแต่งงานกับคุณเท่านั้น ผมยินดีจะออกจางวังจุฑาเทพเพื่อมาใช้ชิวิตอยู่กับคุณ ผมจะขอดูแลคุณด้วยเงินเดินทหารของผม กรุณามาพบผมที่โรงพยาบาลอีกซักครั้งนะครับ รัก...รณพีร์…’

เพียงขวัญนั่งอยู่กับนภาที่ระเบียงบ้าน
“แม่คะ ขวัญจะทำยังไงดี”
“แม่ว่าขวัญน่าจะไปพบคุณชายพีร์ตามที่เธอขอ คุณชายพีร์บาดเจ็บเกือบตายครั้งนี้ ขวัญก็มีส่วนด้วยนะลูก”

เพียงขวัญครุ่นคิด

พุฒิภัทรนั่งทำงานที่โต๊ะ กรองแก้วเปิดประตูเข้ามาพร้อมอาหารว่าง

“คุณชายภัทร วันนี้ทำข้าวเกรียบปากหม้อ กับสาคูไส้หมูรับประทานกันที่วังกรองแก้วก็เลยเอา
มาฝากย่าเอียด ย่าอ่อน ส่วนกล่องนี้ของคุณชายคะ”
กรองแก้วแกะสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบออกมา เสียงโทรศัพท์ดัง พุฒิภัทรรับสาย
“สวัสดีครับ พุฒิภัทร รับสายครับ...คุณเพียงขวัญ”
“คุณชายหมอคะ ขวัญขอความกรุณาคุณชายหมอช่วยจัดการให้ขวัญได้เยี่ยม คุณชายพีร์ด้วยคะ”
“ครับ ได้ครับ”
พุฒิภัทรวางสาย หันมาสบตากรองแก้ว พุฒิภัทรอมยิ้ม
“ชายพีร์เขาขอให้เพียงขวัญมาเยี่ยม เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เขาหน่อย”
“ไม่กลัวหม่อมย่าทราบแล้วจะโดนเอ็ดเอาเหรอคะ”
“ก็นี่ไง มันถึงต้องเป็นหน้าที่ของพี่ ที่ต้องจัดการให้เขา”
“ความจริงชายพีร์กับเพียงขวัญเขาก็ดูจะรักกันมากนะคะ ถ้าไม่มีอุปสรรคอะไร ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันมาก ตั้งแต่ชายพีร์เขาคบกับคุณเพียงขวัญ ดูเขาจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ ถ้าคุณเพียงขวัญ เขาไม่ได้เป็นคนดีจริง คุณชายพีร์คงไม่เลือกหรอกคะ”
กรองแก้วป้อนสาคูไส้หมูให้พุฒิภัทร
“ไอ้ชายพีร์เลือกคนไม่ผิด เหมือนที่ฉันเลือกที่จะรักคุณไง”

รณพีร์ครึ่งนั่งครึ่งนอนอ่านนิตยสารอยู่ ได้ยินเสียงเคาะประตู เดชคำแหงยิ้มกริ่ม ถือกล่องขนมเดินเข้ามา รณพีร์ชะงัก
“นายเดชคำแหง”
“ทำหน้าอย่างนั้น มันดีใจหรือตกใจกันแน่ คุณชาย”
“เปล่าทั้งสองอย่าง ผมแปลกใจต่างหาก ที่คนอย่างคุณมาเยี่ยมผมถึงที่นี่”
“ไม่ได้มาเยี่ยม มาคุยด้วย คุณรักลูกสาวผมหรือเปล่า”
รณพีร์งง
“ลูกสาว”
“เพียงขวัญไง เขาเหมือนนภาตอนสาวๆ เขาน่าจะเกิดเป็นลูกผมกับนภาไม่น่าเกิดเป็นลูกนายอดุลย์เลย”
“ผมรักเพียงขวัญยิ่งกว่าชีวิตของผม”
เดชคำแหงเดินไปที่หน้าต่าง
“คุณเป็นถึงคุณชาย หม่อมย่าผู้หลักผู้ใหญ่ของคุณ จัดคู่มั่นคู่หมายให้คุณ คุณกำลังจะแต่งงาน ฉันเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์”
เดชคำแหงหันกลับมาจ้องตารณพีร์
“แล้วทำไมแกยังมายุ่งกับลูกสาวฉัน เฮอะ ไอ้หม่อมนักบิน”
“ผู้ใหญ่จะทำอะไรก็เรื่องของท่าน ข่าวมันก็แค่ข่าว แต่เรื่องจริงคือผมจะแต่งงานกับเพียงขวัญ”
“งั้นแกต้องต่อสู้เพื่อความรักของคุณ ต่อสู้ให้คนอื่นได้เห็นเอาให้พวกนั้นมันยอมแพ้ใจแกให้ได้”
เดชคำแหงเอากล่องขนมวางไว้ให้
“ของฝากจ้ะ”
เดชคำแหงหัวเราะร่าเดินออกไป รณพีร์งง

เพียงขวัญกับนภา หิ้วตะกร้าผลไม้ ดอกไม้ มาเยี่ยมรณพีร์ เหม นาถเข้ามาล็อคตัวโปะยาสลบ เพียงขวัญ กับนภา ตะกร้าผลไม้กระจายเต็มพื้น ทั้งคู่ช่วยกันอุ้มเพียงขวัญกับนภาขึ้นรถออกไป

อดุลย์มาหานภา เห็นบุหลันเก็บสำรับ ประณตช่วยแม่อยู่โผล่หน้ามาดู
“เผอิญพี่ผ่านมาธุระแถวนี้ เลยซื้อขนมมาฝากขวัญกับนภาเขานะครับ”
“ไม่อยู่ทั้งคู่ครับ” ประณตมองขนม “ผมรับไว้แทนก็แล้วกัน”
ประณตเอาของไปเก็บ

ค่ำนั้น...รณพีร์ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ พยาบาลเข้ามาวัดความดัน
“คุณชายหมอพุฒิภัทร ให้ดิฉันมารอรับคุณเพียงขวัญนางเอกคนสวยเข้ามาเยี่ยมคุณชายพีร์ แต่ยังไม่เห็นมาเลยคะ”
พยาบาลวัดความดันเสร็จ หันไปเก็บของเห็นกล่องขนม
“นี่ขนมเจ้าอร่อยนี่คะ คุณชายจะรับเลยมั้ยคะ”
พยาบาลเปิดกล่องขนม จดหมายหล่น รณพีร์รีบหยิบมาอ่าน
“เพียงขวัญเป็นของมีค่า ในเมื่อแกไม่เห็นค่า แกจะไม่ได้เห็นเพียงขวัญอีก ฉัน นภา และเพียงขวัญ เราจะไปเที่ยวกันตามประสาพ่อแม่ลูก ที่ไร่ตาลยอดด้วน จังหวัดชลบุรี”

อดุลย์เดินอย่างเร่งรีบ ตามทางเดินในโรงพยาบาล เดินสวนกับพยาบาลจากห้องรณพีร์
“ห้องคุณชายพีร์อยู่ด้านไหนครับ”

อดุลย์เข้าประตูมาอย่างเร่งรีบ เห็นรณพีร์กำลังแกะสายน้ำเกลือออกจากแขน
“เพียงขวัญกับ นภาไม่ได้อยู่ที่บ้าน”
“โดนเดชคำแหงจับตัวไปครับ” รณพีร์บอกเครียดๆ

เดชคำแหงนั่งอยู่ที่เฉลียงหน้ากระท่อมกลางทุ่ง เป่าขลุ่ยเพลินใจชมทิวทัศน์ นภากับเพียงขวัญ เอนนอนหน้ากระท่อมเพราะฤทธิ์ยาสลบ เพียงขวัญตื่นขึ้นมา
“แม่ๆ”
นภางัวเงียตื่น
“ขวัญลูกแม่ ขวัญเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่จ้ะ ขวัญไม่เป็นอะไร”
เดชคำแหหยุดเป่าขลุ่ย
“ตื่นกันแล้วหรือจ๊ะ มานี่สิ ต้องหิวกันแล้วแน่ๆ”
นภากับเพียงขวัญ เดินมาหาเดชคำแหง
“นี่จับฉันมาทำไม นี่พี่บ้าไปแล้วหรือไงพี่เดช”
“มองไปรอบๆสิ สวยไหม บรรยากาศดีจะตาย มากินข้าวด้วยกันสิฉันฝันมานานแล้ว ว่าจะได้
อยู่ที่นี่ กินข้าวกับคนที่ฉันรักที่สุดซึ่งก็คือแม่นภา ตอนนี้ฉันมีคนที่ฉัน เมตตาเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ก็คือลูกเพียงขวัญ”
เดชคำแหงชี้ไปที่สำรับอาหารอย่างดีวางอยู่ เพียงขวัญเหลียวไปมา
“ที่นี่ที่ไหน”
“ที่ดินที่ฉันซื้อเอาไว้อยู่ตอนบั้นปลายของชีวิต แม่นภากับลูกจะให้เกียรติมาอยู่กับฉันที่นี่ได้ไหม”
นภาเสียงเขียว
“พาฉันกับลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ พี่เดช”
เดชคำแหงหัวเราะร่า
“จะรีบกลับไปไหน อีกไม่นานก็จะได้เห็นอะไรดีๆด้วยกันแล้ว”
นภางงๆ
“เห็นอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“เห็นว่าคนบางคน มันจะกล้าพิสูจน์รักแท้ของมันมั้ย”

สองแม่ลูกสบตากันงงๆ

อดุลย์ขับรถโดยมีรณพีร์นั่งคู่ เขาใส่เสื้อผ้าของอดุลย์ รณพีร์เจ็บแผลแต่อดทน

“จริงๆคุณชายไม่ต้องมาก็ได้ คุณก็ยังบาดเจ็บอยู่ มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องดูแลครอบครัวของผม พูดกันตามจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย คุณชายก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในเกมของไอ้เดชคำแหงมันเท่านั้น”
“คุณอดุลย์ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกผมอย่างนี้ ความรักของผมที่มีให้เพียงขวัญมันยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก แม้แต่ชีวิตนี้ผมก็สละเพื่อเธอได้”

พุฒิภัทรนั่งหน้าเครียดคุยกับผู้การกองปราบ พยาบาลยืนให้การ คุณชายทุกคนมองพยาบาล
“คุณชายหมอคะ ดิฉันกราบขอโทษจริงๆคะ ดิฉันไม่น่าพลาดเลยเป็นเวรของดิฉัน” พยาบาลหันมาหาพุฒิภัทร
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก แต่ที่สำคัญชายพีร์เขาหายไปไหนของเขานะ”
นายตำรวจในเครื่องแบบคนหนึ่งเข้ามาในห้อง ชิดเท้า โค้ง
“ผู้การครับ ผมเจอหลักฐานชิ้นสำคัญครับ”
ผู้การรับจดหมายยับๆมาดู
“ไอ้อันธพาลตัวกลั่น เดชคำแหงนี่เอง”
รัชชานนท์แปลกใจ
“ว่าไงครับชายพีร์ อยู่ที่ไหน พวกเราจะไปกับตำรวจด้วย”
“ขออนุญาตครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณชายทุกคนผมขอเอาเกียรติของผู้การกองปราบเป็นประกันว่า ผมจะพาตัวคุณชายรณพีร์กลับมาโดยปลอดภัย…”
ผู้การหันไปหานายตำรวจ แล้วรีบออกไปด้วยกัน

เช้าวันใหม่...อดุลย์ขับรถมาถึงไร่ตาลยอดด้วน บรรยากาศยามเช้าทางเข้าไร่สวยงาม ทั้งสองขับรถช้าๆผ่านประตูทางเข้า ลูกน้องเดชคำแหงหลายคนถือปืนคุมเชิงอยู่ แต่ปล่อยให้เข้าตามสบายอดุลย์แปลกใจ
“พวกมันจะเอายังไงกับเรากันแน่”

เดชคำแหงตีระนาดยามเช้า ไม้ตะพดวางข้างกาย นภากับเพียงขวัญนั่งอยู่ใกล้ๆลูกน้องจำนวนมากรายล้อมอยู่ มีผลไม้ เครื่องดื่ม อดุลย์ขับรถเข้ามาถึง รณพีร์กับอดุลย์ ลงจากรถ รณพีร์ยังไม่หายดี นภากับเพียงขวัญเห็นจะลุกไปหาถูกสมุนกดไหล่ให้นั่งที่เดิม
“คุณอดุลย์”
“คุณพีร์”
เดชคำแหงหยุดเล่น วางไม้และตบมือ
“ไม่น่าเชื่อว่ายิงปืนไปแค่นัดเดียวได้นกมาตั้งสองตัว สุดท้ายคุณชายนักบินก็มาจริงๆ น่านับถือน้ำใจมากยังเจ็บแผลอยู่ไม่ใช่เหรอ”
รณพีร์ขยับจะเดินเข้า อดุลย์ประเมินสถานการณ์ เห็นสมุนมีอาวุธครบมือ
“ฉันจะไม่ขอพูดอะไรให้มากความ ฉันจะมาตามนภาเมียของฉัน และเพียงขวัญลูกสาวของฉันกลับบ้าน”
“แกไม่มีสิทธิพูดคำนี้ คนอ่อนแอหัวใจโลเลอย่างแกตลอดเวลาที่ผ่านมาแกก็มีความสุขกับเมียหลวง แกทอดทิ้งนภา แกทอดทิ้งหนูเพียงขวัญมาโดยตลอด และอย่างนี้แกยังมีหน้ามาเรียกนภาว่าเป็นเมีย เรียกหนูเพียงขวัญว่าเป็นลูกอีกเหรอ ไอ้อดุลย์ ฉันซะอีก ความรักของฉันที่มีต่อนภามันหนักแน่นมั่นคงมาตลอดเวลา ฉันกับนภาและเพียงขวัญ เราตกลงกันว่าจะสร้างครอบครัว ลงหลักปักฐานกัน ณ ที่ดินแห่งนี้”
เดชคำแหงหัวเราะก่อนหันมาทางรณพีร์
“ไอ้หม่อมนักบินถ้าแกรักลูกสาวฉันจริง แกต้องมาช่วยสร้างอาณาจักรนี้ด้วยกันตกลงมั้ย”
นภาลุกยืน สมุนจับไหล่จะให้นั่งอีก นภาตบ สมุนอึ้งไป นภาดึงเพียงขวัญเดินเข้าไปตรงกลางระหว่างเดชกับอดุลย์ รณพีร์
“ฉันกับลูกไม่เคยคิดจะมาอยู่กับพี่เดชที่นี่ อย่ามาพูดจาเหลวงไหล เพ้อเจ้อ”
“น้องนภาเธออย่าโกหกตัวเอง น้องนภาก็รู้ว่าไม่มีใครรักน้องนภามากเท่าพี่”
อดุลย์มองหน้าเดชคำแหง
“ยอมรับความจริงซะเถอะนายเดชคำแหง ฉันได้ชดใช้ความผิดบาปของฉันที่ได้ทำกับลูกกับเมียด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวมาทั้งชีวิตแล้ว มาถึงวันนี้ ฉันได้เขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูกเพียงขวัญ ฉันกับครอบครัวกำลังจะมีความสุขกัน ปล่อยพวกเราไปเถอะนายเดชคำแหง”
“ปล่อยแน่ แต่ฉันจะปล่อยได้แต่วิญญาณของแกร่างของแกจะถูกฝังอยู่ที่นี่ และจะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่แม้แต่สักคนเดียว”
อดุลย์โกรธ
“แกมันบ้า นายเดชคำแหง”
รณพีร์เดินเข้าไปป้องกันเพียงขวัญกับนภา สมุนขยับมาทางเดชคำแหงรอคำสั่ง เดชคำแหงยิ้ม
“แกจะทำอะไรไอ้หม่อมนักบิน”
สมุนปลดเชฟปืน ขยับจะเข้าชาร์ต เดชคำแหงขยับหยิบปืนตบกับพื้นสั่ง
“หยุด เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวฉัน นภา อดุลย์พวกแกคนไหนขืนแตะตัวพวกเขาแม้แต่ปลายเล็บมันคนนั้นจะต้องตายด้วยน้ำมือของฉัน”
เดชคำแหงยื่นมือหยิบมีดปาดตาลสองเล่ม จากใต้รางระนาด โยนมีดปาดตาลเล่มหนึ่งไปทางอดุลย์ เขารับมีดได้ เดชคำแหงขยับลุกจากรางระนาด
“ใครชนะ คนนั้นได้เป็นผู้ครอบครองน้องนภา”
นภาตกใจ
“พี่เดช จะฆ่ากันไปทำไม มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”
อดุลย์ ชักมีดปาดตาล
“นภา ฉันหวังว่าเธอคงให้อภัย สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้ทำลงไป ขอบคุณมากที่เลี้ยงลูกของเราให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีได้อย่างนี้”
เพียงขวัญตกใจร้องออกมา
“พ่อ”
อดุลย์ซึ้งลูกเรียกพ่อเป็นครั้งแรกเขาหันไปหารณพีร์
“คุณชายรณพีร์ ชายชาติทหารอย่างคุณต้องพาลูกกับเมียผมกลับบ้านให้ได้ ดูแลครอบครัวผม รักเพียงขวัญให้มากๆ”
เดชคำแหงโดดถีบ อดุลย์เบี่ยงหลบได้ แต่หน้าเขาก็ได้เลือดจากคมมีด เขาเอามือปาดเลือด อดุลย์พุ่งปาดแทงแบบคนไม่มีชั้นเชิงการต่อสู้แทงโดนเสื้อเดชคำแหงขาด เดชคำแหงมองเสื้อที่ขาด อดุลย์ได้จังหวะเงื้อจะแทง แต่โรคหัวใจเขากำเริบ ล้มทรุด เดชคำแหงจะฆ่าอดุลย์
รณพีร์ ยิงเข้ามือที่ถือมีดของเดชคำแหงจนบาดเจ็บ สมุนเข้าหา รณพีร์รีบพานภากับเพียงขวัญไปหลบแถวรถ ลูกน้องเล็งยิง รณพีร์จัดการกับสมุนตายไป รณพีร์ขยับไปที่รางระนาด เดชคำแหงขยับไปหยิบปืน รณพีร์ไปคว้าไม้ตะพด เดชคำแหงยื้อไว้ ปลอกมีดหลุดออกมา รณพีร์ได้เปรียบแทงเดชคำแหงบาดเจ็บ เดชคำแหงขึ้นไกปืนจะยิงรณพีร์ นภา เพียงขวัญ ลุ้น เป็นห่วงรณพีร์ และอาการของอดุลย์ ตำรวจมาทันเวลายิงเดชคำแหง นภากับเพียงขวัญวิ่งเข้าหาอดุลย์

เดชคำแหงเห็นนภากับอดุลย์รักกัน น้ำตาไหลรินด้วยความเสียใจ และสิ้นใจในที่สุด

อ่านต่อตอนที่ 11 (อวสาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น