นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7
ขณะที่ฤทธิ์นอนหลับอยู่ ใครบางคนย่องเข้ามาในห้อง แล้วหยิบกรรไกรจากโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะตรงมาที่เขา กรรไกรถูกเงื้อขึ้นสุดแขนพร้อมแทง แต่ฤทธิ์ลืมตาตื่นแล้วคว้าข้อมือผู้บุกรุกเอาไว้ ก่อนจะเห็นว่าเป็นณัฐชา
“ผู้หมวดนี่คุณจะทำอะไร”
“ฉันต้องรู้คำตอบให้ได้”
“ด้วยการฆ่าผมเนี่ยนะ”
“ถ้าคุณเป็นนักสู้มหากาฬ เลือดคุณต้องไม่ใช่สีแดง”
ณัฐชาปลดล็อกแล้วจะแทงอีก ฤทธิ์รีบกดเธอไว้กับที่นอน
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้เราคุยกันแล้วนี่”
“แต่ฉันยังไม่เคลียร์”
ณัฐชาปลดล็อกแล้วจะแทง ฤทธิ์รีบรวบกอดเธอเอาไว้
“ปล่อยฉัน”
“ผู้หมวด คุณฟังผมก่อน ตอนนี้เราอยู่เรือลำเดียวกัน สิ่งที่เราต้องทำคือช่วยกัน ไม่ใช่ล้วงความลับกันเองแบบนี้”
“ฉันเป็นตำรวจ การสืบคดี มันเป็นหน้าที่ของฉัน”
“แต่ผมเป็นเพื่อน เป็นคนที่ช่วยคุณเอาไว้ ถึงมันไม่มีความหมายกับคุณ แต่คุณก็น่าจะเห็นใจผมบ้างที่โดนคุณหักหลัง”
ณัฐชาอึ้งไปก่อนจะได้สติ
“ฉันขอโทษ”
“ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องสงสัยมากมาย เสร็จงานนี้เมื่อไหร่ ผมจะบอกความจริงกับคุณ”
“คุณพูดจริงเหรอ”
“ผมสัญญา”
ฤทธิ์และณัฐชาไม่รู้เลยว่าขณะนั้นโซเฟียกำลังลอบฟังการสนทนา ผ่านทางช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ โซเฟียมองมาที่คนทั้งสองอย่างไม่ปรารถนาดีเท่าไหร่นัก
ราเมศทราบเรื่องจากปรีดาและไมตรี ก็แปลกใจมาก...
“บริษัทมาดามหลิว พวกคุณแน่ใจเหรอ”
“ครับ พวกผมเห็นกับตาว่าคุณไอริณเข้าไปที่นั่นเมื่อคืน” ปรีดายืนยัน
“หรือว่าจะไปหานายโทมัสก็ไม่ทราบนะครับ สองคนนี่ยิ่งกุ๊กกิ๊กกันอยู่ด้วย แล้วมาป๊ะกันกลางคืนกลางค่ำแบบนั้น สงสัยคง…”
ปรีดารีบเอาศอกสะกิดไมตรี เพราะเห็นหน้าตาราเมศชักเครียด
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก บางทีณัฐชาอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นก็ได้ หรือไม่คุณไอริณก็อาจจะมีแผนอย่างอื่น”
แหลมและบรรดาสมุนมาวิน พากันจ้องไปข้างในครัวครัวภัตตาคารจีน อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ใช่คุณมาวินจริงๆเหรอวะ” แหลมถามอย่างไม่แน่ใจ
“ชัวร์พี่ แต่เปลี่ยนไปเยอะ” สมุนบอก
แหลมมองไปเห็นมาวินที่มีสภาพเหมือนอสูรกาย กำลังกินของสดทุกอย่างที่ขวางหน้า ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และเครื่องใน มาวินบริโภคอย่างตะกละตะกลาม แหลมผะอืดผะอมจะอ้วก
“แหวะ…เอิ่มคุณมาวินครับ”
มาวินหันมาคำรามเลือดเปรอะ แหลมผงะ
“คือผมเองครับไอ้แหลม ไม่ทราบว่าคุณมาวินยังสบายดีอยู่รึเปล่าครับ”
“หิว ข้าหิว”
“เอ่อ เท่าที่เห็นนี่ก็ฟาดไปเยอะแล้วนะครับคุณมาวิน แต่ว่าไม่อยากได้อาหารสุกๆบ้างเหรอครับ กินของดิบแบบนี้ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวท้องเสีย”
มาวินคำรามก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันมาเต็มๆ ยิ่งเห็นชัดว่าสภาพร่างกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากมาย สีผิวนั้นดูม่วงช้ำราวกับซากศพ รอยเส้นเลือดปูดโปนไปทั่วร่างทั้งแหลมและสมุนพากันถอยกรูด
มาวินทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ก่อนจะมองมาที่สมุนคนหนึ่งที่มีพลาสเตอร์แปะอยู่ตรงต้นคอ มาวินยื่นนิ้วที่มีเล็บยาวแหลมมาเขี่ยที่แผลนั้น
“โดนอะไรมา”
“ม...มีดโกนบาดครับเฮีย”
มาวินดึงพลาสเตอร์ออกช้าๆ จนเห็นแผลที่มีเลือดซึมเปรอะอยู่ มันก้มลงสูดกลิ่นอย่างชื่นใจ ขณะที่แหลมและสมุนคนอื่นชักเห็นท่าไม่ดี
“เอ่อ...นี่คุณมาวินคงไม่…”
มาวินคำรามก่อนจะกัดคอสมุนดวงกุดคนนั้น แล้วดูดเลือดราวกับผีดิบแหลมกับพวกสมุนแตกฮือด้วยตกใจ
“เย้ย...คุณมาวิน”
“คุณมาวินกลายเป็นผีดิบไปแล้ว เผ่นโว้ย”
มาวินทิ้งศพสมุนคนแรกลง ก่อนจะหันมาคำรามและโถมใส่คนอื่นๆที่กำลังวิ่งหนี สมุนคนหนึ่งตัดสินใจชักปืนออกมาปักหลักยิงสู้ มาวินพุ่งหาสมุนคนนั้น ร่างของสมุนถูกจับฉีกทีเดียวหัวหลุดกระเด็น...แหลมกับพวกสมุนวิ่งหนีตายออกมาข้างนอก
“พี่แหลมเอาไงต่อพี่”
“อยู่ไม่ได้แล้วโว้ย ตัวใครตัวเผือก”
แหลมและสมุนวิ่งหนีกันไปโดยไม่มีใครสนใจวัฒน์กับลุงโจ ที่เพิ่งเดินสวนเข้ามา มาวินเดินออกมาคำรามอย่างดุดัน แล้วโผเข้าเล่นงานลุงโจกับวัฒน์ทันที ลุงโจตวัดปืนลูกซองยาวที่หิ้วมายิงใส่ตูมจนมาวินผงะ ก่อนจะเดินตามไปยิงซ้ำอีกหลายนัดจนเซถอยไปหลายก้าว แต่แล้วกระสุนก็หมดเสียก่อน
“อ้าวเฮ้ย”
มาวินตบลุงโจทีเดียวกระเด็น
วัฒน์รีบชักดาบซามูไรออกมาและตรงเข้าฟันใส่มาวินทันที
เสียงดาบกระทบผิวมาวินดังแคร๊งเหมือนฟาดก้อนหิน แต่ผิวของมันกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน วัฒน์หน้าเสียขณะที่มาวินตะปบคอวัฒน์ แล้วจับยกขึ้น
“ข้าไม่ต้องเชื่อฟังพรายพิฆาตอีกแล้ว ข้าเป็นอมตะ”
วัฒน์หายใจไม่ออก
“แก...ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า”
มาวินเงยหน้ามองเพราะได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆจากที่นี่สักแห่ง วัฒน์งัดเอากระบองไฟฟ้าที่ซ่อนข้างหลังมากดปุ่มจิ้มใส่คอ มาวินคำรามร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ฤทธิ์ขับรถพาณัฐชาผ่านมาบริเวณหน้าเมมเบอร์คลับ ทั้งคู่พรางตัวเล็กน้อยด้วยการสวมแว่นดำ
“ผมเคยเห็นนามบัตรของคลับนี้ที่บ้านท่านนำชัย ก็เลยให้ชาญลองสืบดู ถึงเจอเบาะแสว่าที่นี่อาจเป็นรังของพรายพิฆาต”
“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณลุงจะถูกขังอยู่ที่นี่”
“ไอริณจะเป็นคนหาคำตอบเรื่องนี้”
ณัฐชาชะงัก
“ไอริณ”
สระว่ายน้ำบ้านนำชัย...กรณ์ว่ายน้ำเสร็จแล้ว กำลังนั่งอ่านหนังสือจิบเครื่องดื่มราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ไอริณเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้และหยิบแก้วเดิมใส่ถาดไป
“จะวางยาพิษผมหรือไง”
“ฉันอยากเจอพ่อ เมื่อไหร่จะได้เจอซะที”
“อย่าใจร้อนสิ”
“ฉันทำตามที่คุณสั่งทุกอย่างแล้ว ถ้าคุณยังขืนดึงเกมอีกล่ะก็ ฉันไม่ยอมแน่”
กรณ์หันมามองไอริณแล้วรวบเอวเธอมานั่งบนตักหน้าตาเฉย ไอริณทำเป็นเฉยแต่สีหน้าบ่งบอกว่าอึดอัดสุดขีด
“ก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง ถ้าคุณรับปาก…ว่าจะตอบแทนผมเป็นพิเศษ”
กรณ์ว่าพลางเอานิ้วเขี่ยที่รอบๆคอเสื้อของไอริณเป็นการสื่อความนัย ไอริณได้แต่หลบสายตาอย่างแค้นๆ และมองไปที่แก้วเปล่าที่อยู่ในถาด
บนดาดฟ้าบริษัทมาดามหลิว ฤทธิ์กับชาญยืนหารือกัน
“สรุปว่าท่านนำชัยถูกขังอยู่ที่คลับนั่นจริงๆ”
“ไอ้กรณ์มันบอกคุณไอริณมาแบบนั้น”
ชาญหนักใจ
“ถ้างั้นก็ยากหน่อย the devil เมมเบอร์คลับไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป ยกเว้นแต่จะเป็นแขกหรือสมาชิกของพรายพิฆาต แถมยังต้องแสกนลายนิ้วมือเพื่อยืนยันสถานะอีกด้วย”
“ผมรู้ ก็เลยให้ไอริณเตรียมบัตรผ่านเอาไว้”
ฤทธิ์ยืนถุงพลาสติกใส่แก้วของกรณ์มาให้ชาญ
“อะไร”
“ลายนิ้วมือของไอ้กรณ์ กับคุณไอริณ”
ชาญทำการลอกลายนิ้วของกรณ์จากแก้ว แล้วสแกนลงคอมพิวเตอร์ ส่วนฤทธิ์แต่งชุดสูทสำหรับไปงานเลี้ยง
“งานนี้ไม่มีกำลังเสริม เราจะปลอมเป็นกรณ์กับไอริณแล้วแอบเข้าไปข้างใน รอจนไอริณได้ตำแหน่งของท่านนำชัยแล้ว เราจะชิงตัวออกมา”
ณัฐชาที่แต่งชุดราตรีสำหรับไปงานเลี้ยงถามขึ้นอย่างสงสัย
“แล้วนายกรณ์ตัวจริงจะไม่เอะใจเหรอ”
ชาญมั่นใจ
“เขาตรวจสอบอะไรไม่ได้ อย่างมากก็คงคิดว่าเครื่องแสกนมีปัญหา”
ลายนิ้วมือปลอมถูกแปะกาวติดที่นิ้วณัฐชา และนิ้วของฤทธิ์
ฤทธิ์กับณัฐชาในชุดราตรี ชาญแต่งชุดคนขับรถสะพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์เดินตาม ทั้งหมดหายลงลิฟต์ไปด้วยกัน ก่อนที่โซเฟียจะปรากฏตัวขึ้นมองตามไป
โซเฟียมาที่ห้องสมุด รายงานให้มาดามหลิวรู้
“รู้รึเปล่าว่าพวกเขาจะไปไหน”
“คิดว่าคงไปช่วยท่านนำชัยค่ะมาดาม”
มาดามหลิวคิดๆ
“ถ้างั้นก็ฉวยโอกาสนี้ ลงมือซะเลย”
โซเฟียพยักหน้ารับ
เมมเบอร์คลับยามราตรี ประดับประดาไปด้วยแสงสี ชาญแต่งชุดคนขับรถ นำรถคันหรูเข้ามาจอดก่อนจะเปิดประตูให้ฤทธิ์และณัฐชาลงจากรถ ทั้งคู่สวมหน้ากากตามธรรมเนียมของทางคลับ หน้าประตูทางเข้าอาคารมีพนักงานต้อนรับกับหน่วยรักษาความปลอดภัย ซึ่งสวมหน้ากากยืนอยู่เรียงราย พนักงานยิ้มแย้มต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับค่ะท่าน กรุณาแสกนรหัสผ่านด้วยค่ะ”
ฤทธิ์กับณัฐชามองหน้ากัน พวกพนักงานกับ ร.ป.ภ.เริ่มมองอย่างสงสัย ฤทธิ์กดหัวแม่มือไปที่เครื่องแสกนก่อนที่ณัฐชาจะกดตาม ภาพบนหน้าจอปรากฏเป็นรูปของกรณ์พร้อมรหัสและไอริณกับรหัสตามลำดับ
“เชิญค่ะ”
ฤทธิ์กับณัฐชาจะเดินเข้าไปแต่แล้ว หน่วยร.ป.ภ.ก็ขยับออกมาขวาง พร้อมยื่นที่ตรวจโลหะ
“ขออนุญาตครับ”
ฤทธิ์พยักหน้า ทั้งเขาและณัฐชาถูกแสกนอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติก็ปลีกทางแล้วผายมือให้ ณัฐชาแอบถามฤทธิ์เบาๆระหว่างเดินเข้าไปข้างใน
“เราไม่มีกองหนุน ไม่มีอาวุธ แล้วจะช่วยตัวประกันได้ยังไง”
“งานนี้เราต้องใช้เทคนิคพิเศษ”
ณัฐชาเหลือบมองฤทธิ์อย่างข้องใจว่าอะไรคือเทคนิคที่ว่า...ชาญมองตามจนแน่ใจว่าฤทธิ์กับณัฐชาเข้าไปในอาคารได้แล้ว เขาก็ขับรถออกไป
ชาญขับรถมาที่ใต้สะพาน แล้วหยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาเปิดเครื่องก่อนจะสวมหูฟังพร้อมไมโครโฟน
“เช็กสัญญาณ ได้ยินชัดรึเปล่า”
บรรยากาศในเมมเบอร์เต็มไปด้วยอบายมุข มีสาวงามเต้นกรีดกรายอยู่บนเวที ฤทธิ์และณัฐชามีหูฟังเหน็บอยู่
เสียงชาญดังเข้ามาในหูฟัง
“คุณโทมัส ผู้หมวด ได้ยินผมรึเปล่า”
ฤทธิ์แตะหูฟังที่หู
“ได้ยิน”
ณัฐชาแตะหูฟังที่หู
“ชัดแจ๋ว”
“ข้างในเป็นยังไงบ้าง”
“ในสายตาฉันแบบนี้คงต้องเรียกว่านรกชัดๆ อะไรที่เสื่อมศีลธรรมในนี้มีหมดทุกอย่าง”
ฤทธิ์พูดบ้าง
“แต่ในสายตาผู้ชายบางคน อาจเห็นที่นี่เป็นสวรรค์ก็ได้”
ณัฐชาหันมองหน้าฤทธิ์ดุๆ เขายิ้มทะเล้นให้
“อย่ามัวล้อเล่น เอาอุปกรณ์ที่ผมให้ไปติดตั้งที่ห้องเซิร์ฟเวอร์ เราต้องเห็นความเคลื่อนไหวภายในอาคารทั้งหมดก่อนลงมือ”
“ไม่ลองแฮ็คดูหน่อยเหรอ”
“ตรวจดูแล้ว fire wall หนายิ่งกว่ากำแพงเมืองจีนซะอีก เราต้องใช้ทางด่วน”
ในรถ...มาวินถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา และมีหน้ากากรมยาสลบครอบจมูกอยู่ วัฒน์นั่งคอยเฝ้ามันไม่วางตา ส่วนลุงโจที่ขับรถก็เหลือบมองอย่างหวาดระแวง
“แน่ใจนะว่าเอาอยู่”
“จะกลัวอะไร ยาสลบแรงขนาดนี้ต่อให้ช้างยังล้ม”
“แต่บอสเคยบอกว่าพวกกลายพันธุ์ มันมีภูมิต้านทานสารพิษนะ มันอาจจะดื้อยาเมื่อไหร่ก็ได้”
วัฒน์ตัดรำคาญหันไปหมุนราวเร่งก๊าซยาสลบแรงขึ้น ลุงโจรีบห้าม
“เฮ้ย...เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
“ช่างประไร คนมันตายไปแล้ว จะตายอีกรอบก็ไม่เห็นแปลก”
วัฒน์ยิ้มอย่างเลือดเย็น ลุงโจส่ายหน้าอย่างระอา
กรณ์กับไอริณควงคู่กันมาถึงเมมเบอร์คลับ
“ท่าทางคุณคงดีใจมากสินะที่จะได้เจอพ่อซะที”
“ค่ะ...แล้วคงดีใจมากกว่านี้ ถ้าพวกคุณไม่จับท่านมาอีก”
กรณ์ยิ้มรับ
“แน่นอน ถ้าคุณไม่ลืมตบรางวัลพิเศษให้ผม...คืนนี้”
ไอริณยิ้มเครียด ลึกๆแล้วรู้สึกขยะแขยงกรณ์เป็นอย่างมาก
ปรีดาขับรถมาหน้าเมมเบอร์คลับ ไมตรี ด้อมๆมองๆ
“ใช่แน่เหรอหมู่ ตาไม่ฝาดแน่นะ”
“โธ่จ่า ก็สะกดรอยมาด้วยกัน จ่าก็เห็นว่ารถของคุณไอริณแล่นเข้าไปในนี้”
ไมตรีครุ่นคิด
“the devil เมมเบอร์คลับ เอ...คุณไอริณเข้ามาทำอะไรในนี้”
“ผมว่าเรารีบโทรแจ้งสารวัตรราเมศก่อนเถอะ”
กรณ์กับไอริณกดรหัสผ่าน แต่เครื่องแสกนลายนิ้วกลับขัดข้องบอกว่ารหัสผิดพลาด กรณ์ถามอย่างสงสัย
“มีปัญหาอะไร”
“ขอโทษค่ะ แต่ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าไปในงานแล้ว”
กรณ์โวย
“เข้าที่ไหน ฉันเพิ่งมา” กรณ์ถอดหน้ากาก “ไปตามเอมี่มาพบฉัน”
กรณ์หัวเสีย ขณะที่ไอริณแอบยิ้มเพราะรู้ว่าฤทธิ์กับณัฐชามาถึงแล้ว ไอริณแอบลูบแหวนที่สวมนิ้วอยู่
ชาญเช็กคอมพิวเตอร์และบอกกับฤทธิ์
“ผมได้สัญญาณวิทยุของคุณไอริณ เธอมาถึงงานแล้วพวกคุณต้องรีบลงมือ”
เอมี่รีบเดินไปเคลียร์ปัญหาให้กรณ์ด้านนอก ฤทธิ์กับณัฐชากำลังเดินสำรวจอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง ณัฐชาบ่น
“จะรีบยังไง เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ไหน”
ฤทธิ์บุ้ยหน้าไปที่ยามหนุ่มคนหนึ่ง
“ผมว่าเขารู้นะ”
ณัฐชายังงง ฤทธิ์กระซิบ
“คุณต้องใช้เสน่ห์หญิงให้เป็นประโยชน์แล้วผู้หมวด”
ณัฐชามองเขาอึ้งๆ
ยามหนุ่มกำลังยืนรักษาการณ์อยู่ ณัฐชาเดินผ่านไป เธอชม้ายชายตาให้อย่างยั่วเย้าก่อนจะเดินหายไปในที่ลับตา ยามหนุ่มถึงกับชะเง้อมองตาม
ด้านหน้า เอมี่ต่อว่าพนักงาน
“คุณกรณ์เป็นถึงมือขวาของบอส ขนาดถอดหน้ากากแล้วเธอยังจำเขาไม่ได้อีกหรือไง”
“จำได้ค่ะ แต่เครื่องแสกนยืนยันว่าคุณกรณ์กับคุณไอริณ ผ่านเข้าไปข้างในแล้วนี่คะ”
เอมี่หันมาหากรณ์
“สงสัยเครื่องคงมีปัญหา เชิญหัวหน้าเข้าไปก่อนเถอะค่ะ”
“ฉันจะพาคุณไอริณไปเยี่ยมท่านนำชัย”
เอมี่มองมาที่ไอริณ
ยามหนุ่มเดินตามณัฐชามาถึงทางเดิน และเห็นเธอกำลังยืนรออยู่ด้วยท่าทียั่วยวน
“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับคุณผู้หญิง”
ณัฐชายิ้มก่อนจะชกยามหนุ่มและจับล็อกกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ห้องเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ไหน”
ฤทธิ์เพิ่งตามมาและเห็นณัฐชาอัดยามหนุ่มจนสลบ ฤทธิ์ส่ายหน้า
“ผมให้คุณอ่อยเขา ไม่ใช่อัดเขานะผู้หมวด”
“ฉันอ่อยไม่เป็น อัดเป็นอย่างเดียว” เธอบุ้ยหน้าไปอีกทางหนึ่ง
“ห้องเซิร์ฟเวอร์อยู่ห้องเดียวกับศูนย์ควบคุมความปลอดภัยที่ชั้นใต้ดิน”
ภายในห้องเซิร์ฟเวอร์ ยามคนหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นออกมา สักครู่ฤทธิ์ก็โผล่หน้ามาวิทยุคุยกับชาญ โดยหันไปมองที่กล้องวงจรปิดตัวหนึ่งบริเวณนั้น
“ติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อเรียบร้อย เช็กสัญญาณได้”
ชาญเปิดโปรแกรม เห็นภาพจากจุดต่างๆผ่านทางกล้องวงจรปิดของเมมเบอร์คลับ
“โอเค สัญญาณแจ่ม ผมเห็นคุณแล้ว...ตอนนี้คุณไอริณกับนายกรณ์อยู่ที่ห้องโถง ผู้หญิง
ที่ชื่อเอมี่เพิ่งตามเข้ามา พวกเขากำลังขึ้นลิฟต์”
ชาญกดปุ่มคลิ๊กย้ายไปดูภาพจากในลิฟต์ เห็นเอมี่กดปุ่มไปที่ชั้น 5
“ชั้นห้า”
ฤทธิ์ปลดอาวุธจากยามโยนให้ณัฐชารับไป
“เนี่ยเหรอเทคนิคพิเศษของคุณ”
ฤทธิ์ยักไหล่ยิ้มๆก่อนจะชะงักเมื่อมองเห็นอะไรบางอย่าง ณัฐชามองตามไป ฤทธิ์กับณัฐชาเดินมาดูที่ช่องกระจกตรงประตูของห้องๆหนึ่ง เห็นภายในมีพนักงานกำลังขนย้ายกล่องเดินผ่านไปมา เห็นกล่องใบหนึ่งวางไม่เข้าที่ก็เลยล้มลง ภายในมีน้ำตามัจจุราชซ่อนอยู่ในเครื่องกระป๋อง ณัฐชาพึมพำ
“โรงงานผลิตยาเสพติดของพวกมัน”
“ไว้จัดการทีหลัง ตอนนี้ไปช่วยท่านนำชัยก่อน”
“ไม่ได้ ขืนปล่อยไว้ พวกมันต้องไหวตัวแน่”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”
ณัฐชามองไปในห้องและเห็นถังบรรจุวัตถุไวไฟบางอย่างที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์ของยามซึ่งนอนสลบอยู่
ด้านหลังเมมเบอร์คลับค่อนข้างเปลี่ยว มีเวรยามเดินตรวจตรา รถของลุงโจเพิ่งแล่นมาถึง ลุงโจกับวัฒน์ลงจากรถ วัฒน์บอกพวกสมุน
“พาตัวไอ้มาวินขึ้นไปข้างบน อย่าให้มันตื่นล่ะ ไม่งั้นได้วุ่นวายแน่”
ลุงโจคว้าโทรศัพท์
“ฮัลโหลเอมี่ พวกเรามาถึงแล้ว ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
เอมี่กับกรณ์พาไอริณมาหยุดที่หน้าห้องขังที่ยักษ์เป็นคนเฝ้าอยู่ เอมี่หันมาบอกไอริณ
“ท่านนำชัยอยู่ในห้องนี้ ถ้าเป็นไปได้เราอยากคุณช่วยเกลี้ยกล่อมเขา”
กรณ์เสริม
“ท่านนำชัยเป็นสหายเก่าของเรา ถ้าเขาจะถอนตัว เราก็ไม่ว่าอะไรขออย่างเดียวก่อนไป ให้เขามอบหลักฐานที่เก็บซ่อนออกม แล้วทุกอย่างก็เป็นอันจบ”
“ฉันอยากอยู่กับพ่อตามลำพัง”
ยักษ์มองกรณ์อย่างลังเล
นำชัยถูกคุมขังอยู่ด้วยท่าทีอิดโรย ก่อนจะได้ยินเสียงประตูดังขึ้น และเห็นไอริณเข้ามาในห้อง
“ไอริณ”
“พ่อ”
ไอริณโผมากอดนำชัยด้วยความคิดถึง
“ไอริณ ลูกมาที่นี่ได้ยังไง กลับไปซะ รีบไปเดี๋ยวนี้ ไป”
“ไม่ต้องกลัวค่ะพ่อ พวกเราจะต้องปลอดภัย เชื่อริณนะคะ” ไอริณกอดแล้วกระซิบ “อีกเดี๋ยวจะมีคนมาช่วยพวกเรา”
นำชัยมองอย่างแปลกใจ ขณะที่ไอริณอาศัยที่กอดนำชัยอยู่นั้น เธอบิดหัวแหวนที่สวมอยู่เพื่อเร่งกำลังคลื่นวิทยุ
ชาญเช็กคอมพิวเตอร์ ก่อนจะวิทยุบอกทุกคน
“คุณไอริณยืนยันว่าพบท่านนำชัยแล้ว ลงมือได้”
ขาดคำชาญก็สั่งงานโปรแกรมควบคุมระบบไฟในอาคาร
ไฟฟ้าบริเวณชั้นล่างดับวูบลง แขกเหรื่อของเมมเบอร์พากันแตกตื่น ฤทธิ์กับณัฐชาเพิ่งก้าวออกมาจากด้านหลังทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่ณัฐชาจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“นี่สำหรับโรงงานปลอมคราวก่อน ที่พวกมันหลอกตำรวจไปฆ่า”
ณัฐชาว่าแล้วก็กดหมายเลขโทรศัพท์
สมุนพรายพิฆาตที่ขนของอยู่พากันชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พวกมันพากันมองหาจนเจอโทรศัพท์ของยามที่วางอยู่บนถังวัตถุไวไฟ โดยตัวเครื่องถูกรื้อออกและมีการพ่วงสายไฟจุ่มลงไปในถัง ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นตูม...แรงระเบิดทำให้แขกเหรื่อและพนักงานยิ่งแตกตื่น ต่างพากันหนีตายออกไปด้านนอก ฤทธิ์วิทยุถามทันที
“ชาญ ลิฟต์ยังใช้ได้อยู่รึเปล่า”
แทนคำตอบประตูลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออก ฤทธิ์หันไปยิ้มและชูหัวแม่มือให้กับกล้องวงจรปิด...ชาญพูดผ่านวิทยุ
“เร่งมือหน่อยคุณโทมัส อีกเดี๋ยวตำรวจคงมากันแล้ว”
ไมตรีกับปรีดาลงจากรถมาชะเง้อดูเหตุการณ์ ไมตรีหันมาบอก
“ได้ยินเสียงชัดเลยใช่มั้ยหมู่ เสียงแบบนี้ ชัดเจน”
ปรีดามองๆ
“ข้างในเขามีงานบุญ จุดบั้งไฟกันเหรอจ่า”
“ระเบิดเว้ย รีบโทรบอกผู้กองเร็ว”
ราเมศคุยโทรศัพท์กับหมู่ปรีดาอยู่ที่กองปราบ
“ไม่ได้หรอกหมู่ คราวก่อนพวกเราก็หน้าแหกไปทีนึงแล้วขืนจัดกำลังบุกไปสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ผมมีหวังถูกไล่ออกแน่ ตรวจสอบดูให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยโทรมารายงานผม”
ราเมศวางสายด้วยความสับสนกระวนกระวาย สิงหาผ่านมาพอดี
“มีอะไรรึเปล่าผู้กอง”
“ไม่มีอะไรครับสารวัตร”
สิงหามองราเมศอย่างสงสัย เพราะท่าทางของเขาดูหลุกหลิกชอบกล
อ่านต่อหน้า 2
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ลุงโจกับวัฒน์รีบมาสมทบกับเอมี่ ยักษ์ และกรณ์
“เกิดอะไรขึ้น” กรณ์ถามอย่างสงสัย
“มีคนวางระเบิดโรงงาน” วัฒน์บอก
“แล้วมาวินล่ะ” เอมี่ถาม
วัฒน์บุ้ยหน้าไป
“ถูกขังอยู่ทางโน้น รับรองไม่มีปัญหา”
กรณ์มองไปที่ไอริณที่กำลังกอดนำชัย และแสร้งปั้นสีหน้าตื่นตระหนกเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกรณ์หันมาสั่งลูกน้อง
“เอมี่ เธอเฝ้าตรงนี้เอาไว้ วัฒน์ ยักษ์ แกสองคนมากับฉัน ส่วนลุงโจไปเฝ้าไอ้มาวิน”
ลุงโจหวาดๆ
“ตอนนี้เลยเหรอหัวหน้า”
“ถ้านักสู้มหากาฬบุกมาล่ะก็ เราจะใช้ไอ้มาวินจัดการกับมัน”
ประตูลิฟต์เปิดออก นักรบพรายพิฆาตสองนายที่ดักอยู่รีบสาดกระสุนเข้าไปข้างในก่อนจะพบกับความว่างเปล่า แต่แล้วฤทธิ์กับณัฐชาที่ซ่อนอยู่บนเพดานลิฟต์ก็โผล่มายิงพวกมันจนตายทั้งคู่ทิ้งปืนพกในมือ ก่อนจะหยิบปืนกลของนักรบพรายพิฆาตที่ตายขึ้นมา ณัฐชาชม
“ฝีมือไม่เบาเหมือนกันนี่”
“คุณก็รู้นี่ว่าผมชอบกีฬาทุกประเภท”
ฤทธิ์บุ้ยหน้าไปเห็นเงาศัตรูกำลังวิ่งมาทางหัวมุมทางเดิน
“ลุย”
ฤทธิ์เดินหน้ากราดยิงใส่นักรบพรายพิฆาตที่บุกเข้ามา ขณะที่ณัฐชาคอยปิดท้ายระวังหลังให้กับเขา เธอยิงใส่พวกนักรบที่โผล่มาจากทางแยกด้านซ้ายขวาง...ชาญเห็นเหตุการณ์ผ่านทางกล้องวงจรปิด และเห็นกำลังเสริมอีกชุดกำลังไปสมทบกับชุดแรก
“มีพวกมันอีกห้าคนกำลังบุกมาทางซ้ายมือ รีบทำเวลาด้วยคุณโทมัส ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นผีดิบ”
พวกนักรบพรายพิฆาตพอบุกมาถึงก็โดนฤทธิ์กับณัฐชาระดมยิงทิ้งอย่างรวดเร็ว วัฒน์ ยักษ์ กรณ์ตามหลังพวกนักรบมาก็เอะใจ ยักษ์รีบบอก
“พวกมันดักรอเราอยู่”
วัฒน์คิดตาม
“ทำไมมันรู้ว่าพวกเราจะมาทางนี้”
กรณ์คว้าวิทยุจากนักรบที่ตายขึ้นมา
“เรียกศูนย์ มีใครอยู่บ้างเรียกศูนย์ช่วยตอบด้วย”
ไม่มีเสียงตอบ กรณ์เริ่มเข้าใจ
“ไอ้เลวเอ๊ย”
กรณ์มองไปที่กล้องวงจรก่อนจะยกปืนยิงทิ้งแล้วประกาศก้อง
“มันมีหน่วยสอดแนมแถวนี้ ส่งคนไปลากคอมันออกมา”
ฤทธิ์ได้ยินเสียงรัวปืนของกรณ์ก็เอะใจ หันไปบอกณัฐชา
“คุณอ้อมไปทางอื่น ทางนี้ผมจัดการเอง”
“พูดง่ายนี่ จะให้ฉันอ้อมไปทางไหนไม่ทราบ”
ฤทธิ์พูดวิทยุ
“ชาญ”
ชาญใช้โปรแกรมวิเคราะห์โครงสร้างของอาคาร
“ทางขวามือของคุณน่าจะมีช่องระบายอากาศเชื่อมต่อไปที่จุดคุมขัง ไม่รับประกันนะ แต่โปรแกรมมันคำนวณมาแบบนั้น”
ฤทธิ์มองไปที่ช่องระบายอากาศและบอกกับณัฐชา
“ถ้าช่วยท่านนำชัยได้เมื่อไหร่ คุณกับไอริณรีบหนีไปซะไม่ต้องรอผม”
“คุณจะทำอะไร”
“ก็หนีสิถามได้”
ณัฐชาหมั่นไส้
“ชิ...โชคดีนะ”
ฤทธิ์พยักหน้า...กรณ์ วัฒน์ ยักษ์ยังซุ่มอยู่อีกด้านหนึ่ง
“จะเอายังไงหัวหน้า รอให้มันเปิดฉาก หรือจะบุกไปหามัน” วัฒน์กระซิบถาม
ยักษ์ชักหวาดๆ
“ถ้ามันเป็นนักสู้มหากาฬ แกคิดว่าเราสามคนจะสู้มันได้หรือไงวะ ไอ้วัฒน์ มันไม่ใช่คนธรรมดานะ”
กรณ์ครุ่นคิดก่อนจะวิทยุ
“ลุงโจ เตรียมปลุกมาวินให้ฟื้น แล้วอย่าลืม อุปกรณ์ที่บอสเตรียมไว้สำหรับมันด้วย”
ในห้องขังมาวิน...ลุงโจเอาปลอกคอโลหะสวมที่คอของมาวิน ก่อนจะปิดวาวล์แก๊สยาสลบ มาวินเริ่มลืมตาขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ลุงโจรีบหยิบรีโมทของปลอกคอออกมา
“อย่าซ่านะโว้ยไอ้มาวิน ที่คอของแกสวมปลอกคอไฟฟ้าเอาไว้ถ้าแกขืนอาละวาดล่ะก็ เจอดีแน่”
มาวินคำรามใส่ลุงโจ ดวงตาเรืองแสงในที่มืด
“บอสมีงานอยากให้แกช่วย”
เอมี่ได้ยินเสียงปืนแว่วมาเป็นระยะก็เริ่มกังวล เธอมองไปที่ไอริณซึ่งยังปลอบใจนำชัยอยู่ในห้องขัง
“ไม่ต้องกลัวนะคะพ่อ อีกเดี๋ยวเราก็จะเป็นอิสระแล้ว”
“ใครเป็นคนมาช่วยพวกเรา ลูกบอกพ่อได้มั้ย”
“ณัฐชากับคุณโทมัสค่ะ”
นำชัยแปลกใจ
“มิสเตอร์โทมัส”
ทันใดนั้นเองกรณ์ก็วิทยุมาบอกเอมี่
“เอมี่”
“คะหัวหน้า”
“เป้าหมายของผู้บุกรุก ต้องเป็นท่านนำชัยแน่นอน”
“จะให้ฉันจัดการยังไงคะ”
“ปิดตายห้องขัง อย่าให้มันพาเชลยหนีไปเด็ดขาด”
เอมี่ปิดประตูแล้วกระหน่ำยิงใส่แผงควบคุมจนระเบิด ไอริณรีบผละไปดูอย่างตกใจ
“จะทำอะไรน่ะ ฉันยังอยู่ในนี้นะ ปล่อยฉันออกไป”
เอมี่ส่งจูบแปะไว้ที่กระจกแทนคำตอบ
ยักษ์จะโผล่หน้าออกไปดูว่าคนที่มาเป็นใคร แต่แล้วฤทธิ์ก็ยิงใส่มันจนต้องรีบหดหัวกลับเข้าที่กำบัง ยักษ์ลูบหัวแบบใจหายใจคว่ำ
“ฮึย...เกือบโดนแล้วกู”
วัฒน์สงสัย
“ยิงแม่นขนาดนี้ ท่าทางไม่ใช่คนธรรมดาแน่”
กรณ์คิดแล้วตะโกนออกไป
“ฤทธิ์ ราวี นั่นไงใช่รึเปล่าเพื่อน นี่ฉันเอง ไอ้กรณ์”
แทนคำตอบฤทธิ์กราดยิงใส่ต้นเสียงอีกหลายนัดอย่างดุดัน
“หมดเวลาของแกแล้วไอ้กรณ์ วันนี้ฉันจะปิดบัญชีแค้นซะที”
“โธ่เอ๊ย...ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าบอสเป็นคนสั่งการทั้งหมด”
“บอสตายแน่ แต่คิวของพวกแกต้องมาก่อน”
กรณ์เดินนำยักษ์และวัฒน์ออกมาจากที่กำบัง ฤทธิ์ก็โผล่มาจากที่ซ่อนเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายประจัญหน้ากัน กรณ์ยิ้มหยัน
“อ้าว วันนี้ไม่สวมเครื่องแบบเหรอ นักสู้มหากาฬ”
“วันนี้วันตายของพวกแก ฉันเลยไว้ทุกข์ให้”
กรณ์แค่นยิ้ม บรรยากาศค่อยๆเงียบลง และคาดไม่ถึงว่ากรณ์จะมองปืนในมือของตนแล้วโยนทิ้งไป เล่นเอายักษ์กับวัฒน์หน้าตาตื่น
“ระยะห่างปืนจะทำอะไรแกได้ ฉันว่าเรามารื้อฟื้นความหลังกันดีกว่า”
กรณ์ว่าพลางชักมีดพกออกมา
“เอาแบบใกล้ชิดสนิทสนม ถึงเลือดถึงเนื้อ วัฒน์มองหน้ากันกับยักษ์ก่อนจะทิ้งปืน ยักษ์คว้าดาบสปาต้าของตน ขณะที่วัฒน์ชักดาบซามูไร
“นี่เป็นคำท้า ของอดีตเพื่อนรักเชียวนะโว้ยไอ้ฤทธิ์” กรณ์จ้องหน้า
ฤทธิ์ทิ้งปืนของตน และหยิบมีดพกจากศพของนักรบพรายพิฆาตขึ้นมาควง
“แบบเดียวกับที่พวกแกเคยทำกับฉัน เข้ามาเลย”
กรณ์ยิ้มรับแล้วมองไปที่วัฒน์กับยักษ์
“จะให้หัวหน้าลุยก่อนหรือไง ไปสิ”
ยักษ์แอบมองแบบหมั่นไส้ ขณะที่วัฒน์ซึ่งอยากสู้กับฤทธิ์มานาน ตัดสินใจควงดาบซามูไร
“ฤทธิ์ ราวี”
ขาดคำวัฒน์ก็พุ่งตัวออกไปทันที ฤทธิ์ใช้มีดรับเพลงดาบของวัฒน์ได้อย่างรวดเร็ว
ไอริณพยายามเปิดประตูแต่ไม่สำเร็จ
“เปิดไม่ได้ค่ะคุณพ่อ ท่าทางพวกมันจะปิดตายแล้วจริงๆ”
“พรายพิฆาต มันโหดผิดมนุษย์มนา พ่อผิดเองที่มายุ่งเกี่ยวกับพวกมัน”
นำชัยมองไอริณด้วยความเวทนา ก่อนจะถอดสร้อยพระที่ห้อยคอออกแล้วยัดใส่มือเธอ
“ฟังพ่อให้ดีนะไอริณ เก็บพระนี่ไว้ให้ดีแล้วเอาไปมอบให้ณัฐชา”
“พระนี่มีอะไรซ่อนอยู่เหรอคะ”
นำชัยพยักหน้าก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างเพิ่มเติมกับไอริณ
เอมี่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างก็ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ทางเดิน ทางเดินว่างเปล่าไม่มีใคร ทันใดนั้นฝาช่องระบายอากาศก็ร่วงลงมาที่พื้น ก่อนที่ณัฐชาจะโดดลงมาหาเอมี่แล้วปัดปืนทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ณัฐชาชักปืนตัวเองอกมาแต่เอมี่ก็ปลดทิ้งไปได้เช่นกัน
“เจอกันอีกจนได้ยัยตัวแสบ”
เอมี่เชิดหน้า
“คุณตำรวจ”
สองสาวสบตากันก่อนจะเปิดฉาก ปะทะกำปั้นกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
ไอริณชะเง้อดูเหตุการณ์ผ่านทางช่องกระจกของประตู แล้วหันมาบอกนำชัย
“พ่อคะ ณัฐชามาช่วยเราแล้ว”
นำชัยลุ้นระทึกว่าจะรอดตายหรือไม่
ชาญยังดูภาพเหตุการณ์จากจุดต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์
“เร็วๆหน่อยสิ เดี๋ยวก็หมดเวลากันพอดี"
ระหว่างที่ชาญบ่นอยู่นั้นก็มีนักรบพรายพิฆาตกลุ่มหนึ่งลาดตระเวนมาเจอรถของเขา พวกมันรีบยกปืนเล็งแล้วย่องไปหาอย่างเงียบเชียบ
ในห้องโถงชั้น 6 ของเมมเบอร์ ฤทธิ์ต่อสู้กับวัฒน์ด้วยดาบอย่างรวดเร็วดุดัน วัฒน์ถอยร่นไม่เป็นท่าจนเสียหลักสะดุดศพนักรบพรายพิฆาตล้มลง ฤทธิ์เงื้อมีดจวนแทงเข้าใส่ ยักษ์ตกใจ
“ไอ้วัฒน์”
ยักษ์ควงสปาต้าเข้ามาช่วยสกัดอีกแรง ขณะที่กรณ์กำลังเฝ้าดูการต่อสู้อย่างเคร่งเครียด ก่อนจะวิทยุบอกลุงโจ
“ลุงโจ ปล่อยมาวินออกมา”
ลุงโจถือรีโมทคอยคุมเชิงมาวิน พลางก้าวถอยออกมาจากห้อง
“เป้าหมายของแกคือไอ้โทมัส หลิว หรืออีกชื่อนึงก็คือนักสู้มหากาฬ ไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้ ไป”
มาวินคำรามกึกก้อง
ณัฐชากับเอมี่ออกอาวุธแลกกันอย่างดุเดือด คนละหมัดสองหมัด เอมี่โดนชกจนได้เลือด ก่อนจะตอบโต้ด้วยการยันเท้าใส่ณัฐชาจนกลิ้งไปจุกกับพื้น เอมี่เช็ดเลือด แค้นเพราะห่วงสวย
“นังบ้า แกไม่ตายดีแน่”
ณัฐชาฮึดสู้ คำรามออกมาคำหนึ่งก่อนจะวิ่งโผเข้าชกเอมี่ แต่เอมี่กลับใช้เทคนิคการต่อสู้แบบยิวยิตสูเปลี่ยนเป็นฝ่ายล็อกณัฐชาเอาไว้จนดิ้นไม่หลุดโดนรัดคอจนหายใจไม่ออก
“โถ...คนเก่ง อย่าดิ้นเลยนะ แค่สามนาทีเท่านั้นเอง” เอมี่กัดฟัน เพิ่มแรงบีบ “แค่สามนาที แกตายสนิท”
ณัฐชาพยายามสะบัดตัวออกจากการล็อกของเอมี่ แต่ทำไม่สำเร็จ
ชาญเห็นสภาพของณัฐชาผ่านทางคอมพิวเตอร์ ก็ออกอาการเป็นห่วง
“คุณตำรวจ”
จังหวะนั้นเองที่ชาญเหลือบไปที่กระจกหูช้างและเห็นนักรบพรายพิฆาตกำลังถือปืนย่องมาที่ตน...นักรบพรายพิฆาตส่องปืนเข้ามาทางหน้าต่างก่อนจะพบว่าเบาะคนขับว่างเปล่า ชาญหายตัวไปแล้ว วินาทีนั้นเองชาญก็โผล่มาจากอีกด้านของรถ
“เฮ้ย ทางนี้”
จังหวะที่นักรบพรายพิฆาตก้มลงมอง ชาญยิงปืนสองมือใส่พวกมัน กระสุนเสยใต้คางคนละนัดสองนัดจนตายเกลื่อน นักรบพรายพิฆาตอีกคนที่ซุ่มดูต้นทางอยู่รีบวิ่งมาสมทบ ชาญหันไปยิงใส่พวกมันจนตายเกลี้ยง
ฤทธิ์ต่อสู้กับวัฒน์และยักษ์พร้อมกันอย่างดุเดือด วัฒน์จ้วงดาบแทงใส่แต่กลับถูกมีดของฤทธิ์แทงเข้าเต็มท้อง มันชะงักกึกก่อนจะทรุดฮวบลงไป ยักษ์รีบเข้ามาช่วย
“ไอ้ฤทธิ์ ราวี”
ฤทธิ์หันไปแทงใส่ยักษ์รวดเดียวเกือบสิบแผลอย่างว่องไวเหนือมนุษย์ ขณะที่ยักษ์พยายามกวัดแกว่งดาบต่อสู้ แต่ฤทธิ์ก็หลบไปแทงไปอย่างรวดเร็ว เสียงมีดจิ้มเนื้อดังฉึบๆ ฤทธิ์ตวัดมีดควงเข้าสู่ท่าเตรียมพร้อม ขณะที่ร่างของยักษ์ทรุดลงขาดใจ วัฒน์เรียกกรณ์
“หัวหน้า ช่วย…ด้วย...”
ฤทธิ์หันมามอง กรณ์เห็นท่าไม่ดีรีบยกมีดในมือปาใส่ แต่ฤทธิ์ปัดป้องไปอย่างรวดเร็ว กรณ์รีบคว้าปืนที่พื้นขึ้นมากราดยิงจนอีกฝ่ายต้องพลิกตัวหลบ อาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนีไปทันที
“หัวหน้า…”
ขาดคำวัฒน์ก็สิ้นใจตามยักษ์ไปอีกคน ก่อนที่ฤทธิ์จะโผล่ออกมาจากที่กำบัง
หน้าห้องขังนำชัย...ณัฐชาถูกเอมี่รัดคออยู่ เธอพยายามสอดมือรั้งแขนเอมี่เอาไว้เพื่อยื้อเวลา ขณะนั้นไอริณก็โผล่หน้ามาดูที่ช่องประตูด้วยความเป็นห่วง
“ณัฐชา อย่ายอมแพ้นะ สู้มัน ณัฐชา”
ณัฐชาย่ำแย่เต็มที เอมี่ยิ้มกริ่มเพราะเชื่อว่าอีกไม่นานณัฐชาต้องหมดลม
กรณ์วิ่งหนีฤทธิ์มาถึงหน้าลิฟต์แล้วรีบกดปุ่ม ฤทธิ์ที่วิ่งตามมาพอเห็นเข้าก็วิทยุบอกชาญ
“ชาญ หยุดลิฟต์ทุกตัว”
ชาญเพิ่งขึ้นรถ กลับมานั่งประจำที่เขารีบกดปุ่มหยุดลิฟต์ โดยอาศัยการสั่งงานผ่านทางเซิร์ฟเวอร์
“จัดการแล้ว”
กรณ์เพิ่งเข้าไฟในลิฟต์และกดปุ่มลงชั้นล่าง แต่ลิฟต์กลับแสดงอาการขัดข้องหน้าจอขึ้นข้อความ error กรณ์หน้าเสียรีบกดปุ่มซ้ำอีกหลายครั้งแต่ไม่ได้ผล ขณะเดียวกันฤทธิ์ก็วิ่งตรงเข้ามา
“ไอ้กรณ์”
กรณ์รีบออกจากลิฟต์ยกปืนกราดยิงใส่ฤทธิ์แต่กระสุนหมดเสียก่อน จึงรีบวิ่งไปผลักประตูบันไดหนีไฟขึ้นไปข้างบน
กรณ์วิ่งหนีมาบนดาดฟ้าก่อนจะจนมุม ขณะที่ฤทธิ์เดินตามขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ไม่เอาน่าเพื่อน ฆ่าคนไม่มีทางสู้ ไม่ยุติธรรมเลยนี่หว่า” กรณ์ใจดีสู้เสือ
“แล้วที่แกฆ่าใจทิพย์ล่ะ มันยุติธรรมตรงไหน คนบริสุทธิ์ตั้งมากมายต้องกลายเป็นเหยื่อของพรายพิฆาต มันถูกแล้วเหรอ”
“แกก็มองไปรอบๆสิ โลกใบนี้…มันสกปรกแค่ไหน มีแต่สงครามไม่เคยหยุดหย่อน วันนี้แกอาจจะคิดว่าฉันเลว แต่วันหน้าคนทั้งโลกจะต้องยกย่องฉัน”
กรณ์ฉวยโอกาสคว้ากระถางต้นไม้มาทุ่มใส่ แต่ฤทธิ์หลบได้และคว้าคอกรณ์เอาไว้
“นี่สำหรับใจทิพย์”
ฤทธิ์เงื้อมีดขึ้น แต่แล้วมือของเขาก็ถูกคว้าโดยมืออันกำยำของใครคนหนึ่ง ฤทธิ์หันไปมองอย่างตกตะลึง
ชาญยื่นหน้าไปดูที่จอมอนิเตอร์อย่างไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้ นั่นมัน…”
ฤทธิ์ตะลึงค้างเมื่อเห็นเจ้าของมือที่ยึดตนไว้คือมาวิน
“มาวิน”
ลุงโจตามลงมาออกคำสั่ง
“ฆ่ามัน”
ขาดคำมาวินก็คำรามลั่น จับร่างของฤทธิ์เหวี่ยงทุ่มไปอย่างไม่ปรานี
ณัฐชากระเสือกกระสนมาเกาะผนังพยายามหนีตาย แต่เอมี่ยังรัดคอไว้ไม่ยอมปล่อย
“หมดแรงรึยังคะคุณตำรวจขา กะอีแค่มือปราบกิ๊กก๊อกต๊อกต๋อยจะมีน้ำยาอะไรมาสู้มืออาชีพแบบฉัน”
ณัฐชาฮึดสู้ ตะเบ็งเสียงร้องเรียกพลังก่อนจะยันเท้าไต่บนผนัง แล้วถีบสุดแรงเพื่อดันร่างของเอมี่ที่รัดคอเธออยู่ด้านหลังไปกระแทกผนังอีกด้านดังโครม เอมี่จุกแทบกระอักเลือด จังหวะนั้นณัฐชาก็เหวี่ยงศอกใส่ด้านหลังต่อเนื่องหลายครั้งจนเอมี่คลายวงแขนจากเธอ ทำให้เธอมีโอกาสตั้งหลัก
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร”
“แก...”
เอมี่เหวี่ยงหมัดหมายจะเล่นงาน แต่กลับถูกณัฐชาปล่อยหมัดสวนเปรี้ยงจนหน้าหัน
ชาญกดปุ่มปลดล็อกการควบคุมอาคารผ่านเซิร์ฟเวอร์ เขารีบถอดเสื้อตัวนอกออกเผยให้เห็นเสื้อเกราะที่สวมอยู่ข้างใน เขาคว้าปืนกลขึ้นมากระชากลูกเลื่อนอย่างเตรียมพร้อม
“ต้องออกโรงจนได้”
เขารีบผลักประตูลงจากรถ มุ่งหน้าไปที่เมมเบอร์คลับทันที
ฤทธิ์พยายามต่อสู้กับมาวิน แต่มีดในมือของเขากลับแทงมันไม่เข้า มาวินจับข้อมือฤทธิ์บิดจนมีดหลุดมือไป ก่อนจะลงมือซ้อมอย่างเมามัน ลุงโจหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆ เสร็จล่ะทีนี้ นักสู้มหากาฬ เอ็งจบเห่แน่”
กรณ์มองฤทธิ์ด้วยความแค้น ก่อนจะเหลือบเห็นกระเป๋าสะพายของลุงโจก็หันไปฉกของ ลุงโจตกใจ
“อะไรหัวหน้า”
“เพื่อความไม่ประมาท มันต้องถอนรากถอนโคน”
กรณ์หยิบระเบิดมือออกมาจากกระเป๋า ลุงโจตกใจ”
“หัวหน้า แล้วไอ้มาวินล่ะ…”
“ช่างมัน”
มาวินกำลังบีบคอฤทธิ์อยู่ ขณะที่กรณ์ปาระเบิดมือเข้าใส่ แต่เสี้ยววินาทีนั้นฤทธิ์เหลือบเห็นเข้าจึงยื่นมือไปคว้าระเบิดไว้อย่างรวดเร็ว มาวินร้องคำรามเป็นจังหวะให้ฤทธิ์ยัดลูกระเบิดเข้าปากของมัน
“แล้วเจอกันในนรก”
ฤทธิ์ออกแรงทุ่มมาวินลงไปจากดาดฟ้า ร่างของมันระเบิดตูมกลางอากาศ แรงระเบิดทำให้ฤทธิ์กระเด็นไป ลุงโจหน้าตื่น
“เวรแล้วไง”
กรณ์ตกใจ
“เผ่นเร็ว”
ฤทธิ์พยายามชันกายลุกขึ้นตาม แต่เพราะบาดเจ็บจากแรงระเบิดทำให้เขาล้มลงไปอีกครั้ง ได้แต่มอง ฤทธิ์เห็นลุงโจกับกรณ์หนีไปด้วยกัน
ผู้กำกับเมธากับตำรวจผู้ติดตาม สอบถามสิงหาอยู่ในกองปราบ
“สารวัตร ตำรวจท้องที่โทรมาโวยกับผม ว่าเกิดการยิงต่อสู้กันที่เมมเบอร์คลับ แต่คนของคุณสั่งห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวจนกว่าพวกเราจะไปถึง”
สิงหาแปลกใจ
“คนของผม ใครเหรอครับท่าน”
“จ่าไมตรี กับหมู่ปรีดาอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาบอกว่าแจ้งเรื่องนี้ผ่านทางผู้กองราเมศ”
สิงหาเริ่มเอะใจ
อ่านต่อหน้า 3
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สิงหาผลักประตูเข้ามาในห้องของราเมศ
“ผู้กอง”
สิงหาชะงักเมื่อพบว่าราเมศไม่อยู่ในห้อง จึงหันไปตะโกนถามคนข้างนอกอย่างเดือดดาล
“มีใครเห็นผู้กองราเมศบ้าง”
พวกตำรวจชั้นผู้น้อยไม่มีใครรู้ เมธารีบบอกกับสิงหา
“จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดารายงานว่าเห็นคุณไอริณเข้าไปที่นั่น ผมว่าบางทีเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับคดีของผู้หมวดณัฐชาก็ได้”
สิงหารีบหันไปสั่งลูกน้อง
“รีบจัดกำลัง ไปที่เมมเบอร์คลับ the devil ด่วน”
ราเมศขับรถมุ่งหน้าไปยังเมมเบอร์คลับ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวดังขึ้น และโชว์เบอร์ว่าคนที่โทรมาคือสิงหา
“สารวัตร” ราเมศรับสาย
“ผู้กอง คุณทำอะไรอยู่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่รายงานผม”
“ขอโทษครับ แต่ผมเกรงว่าจะเป็นหลุมพรางของพรายพิฆาต ก็เลยอยากตรวจสอบดูก่อน”
“ตรวจบ้าอะไรของคุณ เขายิงกันอย่างกับหนังสงครามแล้วคุณไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”
ราเมศตัดบท เขากดปุ่มปิดเครื่องอย่างไม่สนใจ
ณัฐชาเอาสายไฟมัดแขนเอมี่ ก่อนจะคว้าปืน แล้วจิกหัวเอมี่ที่โดนซ้อมจนสะบักสะบอมมาที่ประตู ซึ่งไอริณยืนรออยู่
“เปิดประตู”
“ฉันทำไม่ได้ ประตูปิดตายไปแล้ว ถ้าฝืนเปิดเมื่อไหร่ ระเบิดที่อยู่ในห้องจะทำงาน”
ณัฐชาง้างนกปืน
“อย่าโกหก ฉันสั่งให้เปิดเดี๋ยวนี้”
เอมี่มองดุ
“ไม่”
ณัฐชาเหวี่ยงเอมี่ออกไป ก่อนจะเล็งปืนไปที่แผงควบคุมประตู
“ไอริณหลบ”
ไอริณรีบหลบไปสมทบกับนำชัยที่นั่งดูอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ณัฐชากระหน่ำยิงใส่แผงควบคุมหลายนัดจนระเบิด แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิด เอมี่หัวเราะ
“ฮ่าๆ นังโง่ แกทำอะไรลงไป แกรู้เปล่าแกฆ่าเพื่อนของแก แกฆ่าไอริณ”
ณัฐชาหน้าถอดสี ขณะที่ไอริณเริ่มได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเธอมองหาไปทั่วห้องจนพบว่ามีระเบิดเวลาเชื่อมอยู่กับระบบไฟฟ้าของห้องและมันกำลังเริ่มนับถอยหลังด้วยเวลาที่เหลือออยู่เพียงไม่กี่นาที ไอริณอึ้ง
“ระเบิด” เธอมองไปที่นำชัย “พ่อคะ”
นำชัยซึ่งนั่งเครียดอยู่แต่ต้น…ความจริงเหมือนนั่งหวั่นแต่แรกว่าตนไม่มีทางรอด เมื่อเห็นระเบิด เขาเพียงมองมันอย่างยอมรับความตาย เอมี่ซึ่งนั่งอยู่กับพื้น ระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งด้วยความสะใจ
ในห้องโถงมืดสลัวเพราะระบบไฟฟ้าบางส่วนขัดข้องเสียหายจากแรงระเบิด นักรบพรายพิฆาตที่ตายไปกลายเป็นผีดิบ พวกมันกำลังรุมกัดกินพนักงานไปจนถึงแขกเหรื่อของเมมเบอร์ที่หนีตายไม่ทัน ชาญโผล่เข้ามาแล้วกราดยิงพวกมันจนตายเหี้ยนก่อนจะตรงเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ประตูจะปิด ผีดิบตัวหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาจะกัดชาญ แต่โดนชาญยิงแสกหน้าทันที
“โทษที ลิฟต์ไม่ว่าง”
ชาญกดปุ่มลิฟต์อีกครั้ง ประตูปิดลง
ณัฐชาพยายามต่อเชื่อมสายไฟด้วยความรู้แบบงูๆปลาๆของเธอ แต่ไฟฟ้ากลับลัดวงจรจนช๊อตดังปังขึ้นมา เธอาร้องตกใจผงะล้มก้นจ้ำเบ้า เอมี่หัวเราะในคอเบาๆและส่ายหน้าอย่างสมเพช ณัฐชาคว้าปืนเล็ง
“ถ้าแกหัวเราะอีกที ฉันยิงแน่”
“เอาเลยคุณตำรวจ ไหนๆตอนนี้คุณก็เป็นคนร้ายอยู่แล้วนี่ยิงสิ คุณจะได้เป็นฆาตกรเต็มขั้น”
ณัฐชาอารมณ์เดือด ก่อนจะเห็นชาญโผล่มา
“คุณตำรวจ”
“คุณชาญ”
ชาญมองประตูแล้วชะงัก
“เกิดอะไรขึ้น”
“ประตูเปิดไม่ได้ แถมมีระเบิดเวลาอยู่ข้างในด้วย”
ชาญสบตากับไอริณกับนำชัย ที่กอดคอกันอยู่ในห้องอย่างสงสาร
“ผมจัดการเอง”
ชาญเก็บปืน แล้วงัดมีดพับเอนกประสงค์ออกมาจัดการกับแผงควบคุม ท่าทีเป็นงานของชาญทำให้เอมี่เริ่มรู้สึกกังวล
ฤทธิ์ยังนอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่เพราะอาการบาดเจ็บ
“ใจทิพย์ ผมขอโทษ ผมแก้แค้นให้คุณไม่สำเร็จ...ใจทิพย์”
ฤทธิ์หมดสติไป ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น แสงนั้นใกล้เข้ามาหยุดที่ฤทธิ์
รถของราเมศแล่นมาจอด ไมตรีปรีดารีบวิ่งมาหา ไมตรีถามทันทีที่พบหน้า
“ผู้กอง นี่มันยังไงกันครับ สารวัตรสิงหาบอกว่าผู้กองไม่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้น”
ปรีดารายงาน
“ตำรวจท้องที่บอกว่าถ้าทางเราไม่จัดการอะไร อีกสิบนาทีเขาจะลงมือเองครับ”
“กับดักคราวก่อน พวกคุณลืมแล้วหรือไง” ราเมศมองไป “รอตรงนี้ ผมจะเข้าไปตรวจสอบข้างใน”
ระเบิดเหลือเวลาอีกไม่กี่นาที ชาญต่อวงจรจนประตูสามารถเปิดออกได้ในที่สุด ไอริณดีใจ
“พ่อคะ เรารอดตายแล้ว”
ณัฐชาดีใจไม่แพ้กัน
“ไอริณ คุณลุง”
นำชัยรีบออกมาหา
“ขอบใจมากนะณัฐชา คุณชาญด้วยนะ”
ชาญรีบบอก
“พวกเรารีบไปกันเถอะครับก่อนที่ระเบิดจะทำงาน”
เอมี่โพล่งออกมา
“พวกแกหนีไม่พ้นหรอก”
ณัฐชายกปืนเล็ง
“นังนี่ ยังจะปากดีอีกเหรอ”
ไอริณรีบคว้ามือ
“อย่าณัฐชา ถ้าจะไปจากที่นี่ เราต้องใช้ตัวประกัน”
ณัฐชามองหน้าชาญๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ขณะที่เอมี่มองทุกคนด้วยความเจ็บแค้น
ชาญคุมตัวเอมี่ ส่วนณัฐชาช่วยไอริณประคองนำชัยมาถึงหน้าลิฟต์ ชาญดูนาฬิกาข้อมืออย่างคิดอะไรขึ้นได้
“ระเบิดใกล้ทำงานแล้ว ใช้บันไดปลอดภัยกว่า”
ด้านกรณ์กับลุงโจกำลังลงมาทางบันไดหนีไฟ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนผลักประตูและวิ่งลงบันไดจากด้านล่าง เมื่อชะโงกมองไปจึงเห็นชาญกับพวกกำลังพานำชัยหนีไป
“มันพาไอ้นำชัยหนีไปแล้ว ฆ่ามัน”
กรณ์กับลุงโจช่วยกันกราดยิงลงไปข้างล่าง ชาญตกใจ
“ระวัง”
ทุกคนหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น เอมี่ฉวยโอกาสนั้นกระแทกชาญที่คุมตัวเธอจนล้ม แล้ววิ่งขึ้นไปหากรณ์
“หัวหน้า ช่วยฉันด้วย”
ณัฐชายกปืนจะยิงเอมี่ เธอมีโอกาสจะยิงเอมี่ที่ถูกมัดจากข้างหลังแต่ทำไม่ลง ได้แต่ลดปืนอย่างเจ็บใจ เธอหันไปบอกไอริณ
“ไอริณเธอพาคุณลุงหนีไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ชาญชักปืนสำรองส่งให้ไอริณ
“คุณใช้เป็นรึเปล่า”
ไอริณคว้าปืนมากระชากลูกเลื่อนอย่างทะมัดทะแมง
“ฉันเป็นเพื่อนของณัฐชา คุณอย่าลืมสิ”
ณัฐชายิ้มให้ไอริณอย่างมั่นใจกันและกัน
ประตูลิฟต์เปิด ไอริณถือปืนประคองนำชัยออกมา ห้องโถงยังคงมืดสลัวเพราะระบบไฟใช้ได้เพียงบางส่วน
“ทางนี้ค่ะพ่อ”
“ไอริณ ระวัง”
ไอริณมองไปเห็นซอมบี้หลายตัวกำลังโขยกเขยกตรงมาที่เธอ ไอริณรีบยกปืนเล็ง
“ยิงพวกมันที่หัว ยิง” นำชัยแนะ
ไอริณเหนี่ยวไกยิงหัวซอมบี้จนหงายเรียงตัว
กรณ์แก้มัดให้เอมี่ ขณะที่ลุงโจยิงสู้กับชาญและณัฐชา
“ระเบิดจะทำงานแล้ว เผ่นเถอะ” ชาญหันมาบอกณัฐชา
ณัฐชาพยักหน้าเธอยิงทิ้งท้ายก่อนจะหนีไปพร้อมชาญ เอมี่พอแก้มัดได้ก็รีบแย่งปืนจากลุงโจมาถือ แล้วกระหน่ำยิงตามหลังณัฐชาไปจนกระสุนหมดอย่างแค้นจัด
“นังตำรวจ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กรณ์รีบหลบมุมรับสายอย่างวุ่นวาย เสียงบอสดังมาจากปลายสาย
“พวกมันบุกเข้ามาได้ยังไง”
“บอส ทั้งหมดเป็นแผนของมาดามหลิว ตอนนี้มันพาท่านนำชัยหนีไปข้างล่างแล้ว”
ไอริณพยายามพานำชัยไปที่ทางออก เธอสู้พลางหนีไปพลาง ขณะที่ผีดิบก็วิ่งมาให้ยิงไม่หยุด ตัวที่โดนยิงหัวก็ตายไป ไอ้ตัวที่ไม่โดนหรือโดนแค่เฉี่ยวๆก็ยังวิ่งต่อ ระหว่างนั้นนำชัยเห็นปืนของนักรบพรายพิฆาตที่หล่นอยู่ที่พื้นก็หยิบขึ้นมาช่วยยิงอีกแรง ทันใดนั้นบอสโผล่มาในที่เกิดเหตุและลอบมองนำชัย
“ไอ้คนทรยศ”
ระเบิดเวลาในห้องขังถึงเวลาทำงานก็ระเบิดตูมทันที ไมตรีกับปรีดาต่างแหงนคอมองเปลวไฟจากระเบิดที่พวยพุ่งมาจากบนอาคารอย่างตกตะลึง
“ระเบิดจ่า ระเบิดกันใหญ่แล้ว”
ไมตรีนึกได้
“ตายละวา แล้วผู้กองอยู่ข้างในด้วย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“จ่าเป็นห่วงก็เข้าไปดูสิ”
ไมตรีสะดุ้ง
“เย้ย...ผู้กองเขาสั่งให้อยู่เฉยๆ ไม่จำเป็นเราอย่าเสี่ยงเลยหมู่ เมียผมยังเด็ก ลูกผมก็ยังเล็กอยู่”
ไมตรีแถกเอาตัวรอดแบบปอดๆ ปรีดาได้แต่มองอย่างหมั่นไส้
แรงระเบิดทำให้อาคารสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว ไอริณและนำชัยต่างเซไปคนละทาง ฝุ่นผงและฝ้าเพดานบางส่วนร่วงหล่นจนกลายเป็นม่านละมองราวกับหมอกลง นำชัยสำลักฝุ่นก่อนจะชันกายลุกขึ้น แต่แล้ว…บอสก็โผล่พรวดออกมาราวกับผี
“บอส” นำชัยตะลึงงัน
บอสกลายร่างเป็นนักสู้มหากาฬ พร้อมกับประกาศก้องเป็นเสียงนักสู้มหากาฬ
“จุดจบของแกมาถึงแล้ว”
บอสในร่างนักสู้มหากาฬใช้อาวุธคู่มือแทงใส่นำชัยทันที ไอริณเพิ่งมาเห็นเข้าก็ตกใจ
“พ่อ”
“ไอริณรีบหนีไป...ไป”
ไอริณตะลึงค้าง ขณะที่บอสในคราบนักสู้มหากาฬใช้มีดแทงซ้ำอย่างไม่ปรานี บอสพูดเป็นเสียงนักสู้มหากาฬ
“พรายพิฆาตทุกคนต้องตาย”
“พ่อ...”
ไอริณกรีดร้องที่เห็นนำชัยสิ้นใจต่อหน้า ก่อนจะหมดสติไป ณัฐชาได้ยินเสียง
“ไอริณ”
ณัฐชากับชาญเพิ่งตามลงมาทั้งคู่ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น แต่ในเวลานั้นบอสได้หายตัวไปแล้ว ชาญรีบเข้าไปหานำชัย
“ท่านนำชัย”
ณัฐชาเข้าไปหาไอริณ
“ไอริณ”
ชาญรีบตรวจอาการนำชัย และพบว่าตายสนิท เขาเอามือลูบเปลือกตาของนำชัยให้ปิดลง ณัฐชาได้แต่เสียใจ
ชาญอุ้มไอริณมาส่งที่รถ แล้วบอกกับณัฐชา
“คุณรอนี่ก่อน ผมจะตามหาคุณโทมัส"
ฤทธิ์ซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่ที่ดาดฟ้าเมมเบอร์คลับ เริ่มได้สติ เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามากุมมือเขา...ฤทธิ์ลุกขึ้นนั่งมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ผู้หญิงคนนั้นก็คือใจทิพย์
“นี่ผมฝันไปรึเปล่า”
ใจทิพย์ยิ้มน้ำตาคลอ
“ฉันคิดถึงคุณ”
“ใจทิพย์ แต่ว่าคุณ...คุณตายไปแล้ว”
ใจทิพย์ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหยุดพรายพิฆาตได้ แม้แต่ความตาย”
ฤทธิ์อึ้งไป
“พรายพิฆาต”
“พรายพิฆาตให้ฉันมาบอกกับคุณ ว่าในอนาคตคุณกลายเป็นนักรบเอกของเขา”
“แต่เขาเป็นศัตรูกับผม”
“คุณไม่มีทางเอาชนะพระเจ้าได้หรอกฤทธิ์ โลกใบนี้ถึงกาลวิบัติแล้วโลกใหม่…จะมีพรายพิฆาตเป็นพระเจ้า”
“ไม่จริงใจทิพย์ เขาล้างสมองคุณ พรายพิฆาตเป็นฆาตกร มันไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่พระเจ้าอะไรทั้งนั้น”
“ถึงขนาดนี้ คุณก็ยังปฏิเสธ”
ฤทธิ์ชะงัก
“ใจทิพย์”
“ฉันรักคุณนะ ฤทธิ์ ราวี”
ใจทิพย์เอื้อมมือมาลูบหน้าเขา ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามา ฤทธิ์รู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด
ชาญใช้โปรแกรมในโทรศัพท์ตามมาถึงบริเวณนั้น
“สัญญาณ GPS มาจากข้างบน”
ชาญเงยหน้ามองไป
ใจทิพย์ยื่นหน้ามาใกล้ๆริมฝีปากของฤทธิ์
“เพราะคุณเป็นอมตะ คุณถึงได้กล้าแข็งข้อกับพระเจ้า แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา คุณคงไม่ทำแบบนี้”
ฤทธิ์นิ่งงัน ขณะที่ใจทิพย์ประทับจุมพิตเขา ฉับพลันนั้นร่างกายของฤทธิ์ก็เหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง พลังงานที่คล้ายมนต์ดำจากร่างของใจทิพย์แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายของเขา ร่างกายที่เคยเปี่ยมล้นด้วยพลังของความเป็นอมตะถูกแปรเปลี่ยน…เซลส์ทุกอณูในร่างกายถูกจัดเรียงใหม่ กลายพันธุ์จากยอดมนุษย์เป็นคนธรรมดา ทันใดนั้นเสียงชาญดังขึ้น
“คุณโทมัส”
ใจทิพย์เหลือบมองไปทางต้นเสียง ก่อนที่ร่างของเธอจะเลือนหายไป ชาญโผล่มาถึงและเห็นฤทธิ์กำลังอยู่ในสภาพเลื่อนลอย
“คุณบาดเจ็บ”
ฤทธิ์มึนงง
“ผมเห็น...ผมเห็นใจทิพย์”
“คุณเจ็บจนเห็นภาพหลอนต่างหาก มาเถอะ เราต้องเผ่นกันแล้ว”
ชาญประคองฤทธิ์ให้ยืนขึ้น
บรรยากาศวุ่นวายด้านหน้าเมมเบอร์คลับมีผู้สื่อข่าวโทรทัศน์กำลังรายงานข่าว และมีเจ้าหน้าที่ทำงานกันขวักไขว่
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ที่ด้านหน้าอาคารของ the devil เมมเบอร์คลับที่เกิดเหตุระเบิดในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบยาเสพติดที่เรียกว่าน้ำสวรรค์ในที่เกิดเหตุและพบหลักฐานหลายอย่างที่ยืนยันว่าองค์กรลึกลับพรายพิฆาตเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งจะมีการสืบขยายผลต่อไปว่า ผู้บริหารและพนักงานของthe devil รวมถึง สมาชิกของเมมเบอร์คลับแห่งนี้ มีส่วนพัวพันกับพรายพิฆาตด้วยหรือไม่”
สิงหาสำรวจที่เกิดเหตุด้วยสีหน้าตึงเครียด เจ้าหน้าที่เก็บศพนักรบพรายพิฆาตที่ตายเพราะถูกยิงแสกหน้าใส่เปลไป
“ทุกคน ผมต้องการรายชื่อพนักงานและลูกค้าของที่นี่ทั้งหมด รวมไปถึงเบาะแสทุกอย่างที่จะโยงใยไปถึงองค์กรพรายพิฆาต ภาพจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่นๆขอให้ส่งมอบกับผมคนเดียวเท่านั้น” สิงหาสั่งการ
ไมตรีกับปรีดาเข้ามารายงาน
“สารวัตร”
“ขอรายงานตัวครับ”
สิงหาไม่พอใจ
“ผมสั่งพวกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามทำอะไรโดยพลการ”
ไมตรีแย้ง
“เอ่อ แต่มันเป็นคำสั่งของผู้กองราเมศนี่ครับ”
ปรีดาเสริม
“ผู้กองต้องการให้พวกเราตามจับผู้หมวดณัฐชาครับ พวกเราก็เลยสะกดรอยตามคุณไอริณมาถึงที่นี่”
“แล้วตอนนี้ผู้กองราเมศอยู่ที่ไหน”
“ผู้กองเข้ามาตรวจสอบข้างในนี้ แล้วก็ขาดการติดต่อไปเลยครับ”
ระหว่างนั้นเองตำรวจนายหนึ่งรีบเข้ามารายงาน
“สารวัตร เราพบผู้กองราเมศแล้วครับ เขาได้รับบาดเจ็บ”
สิงหามองไปเห็นตำรวจอีกนายประคองราเมศออกมาในสภาพศีรษะแตกมีเลือดไหลอาบ
“สารวัตร”
สิงหาได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับราเมศกันแน่
ส่วนโซเฟียกำลังรายงานเหตุการณ์กับมาดามหลิว
“พวกเขากำลังมาที่นี่ค่ะมาดาม ชาญรายงานว่าท่านนำชัยเสียชีวิต แต่เราสามารถทำลายโรงงานของมันได้สำเร็จ”
“ณัฐชากับไอริณล่ะ”
“มาด้วยค่ะ”
“สองคนนั่นเป็นตัวปัญหา เธอจะทำให้ตำรวจกับพรายพิฆาตแห่มาหาพวกเรา”
“ทราบแล้วค่ะมาดาม ฉันจะจัดการเอง”
มาดามหลิวแววตาฉายแววความเหี้ยมออกมา
ในบริษัทมาดามหลิว...ชาญอุ้มไอริณที่หมดสติออกจากลิฟต์ ขณะที่ณัฐชาประคองฤทธิ์ตามหลังมา ไฟตรงทางเดินถูกปรับแสงให้สว่างขึ้น ทำให้ณัฐชาเหลือบเห็นรอยเลือดสีฟ้าบนเสื้อผ้าของเขา
“เอ๊ะ”
ฤทธิ์เหลือบมองมาอย่างสงสัย ณัฐชารีบหลบสายตาแล้วทำเป็นไม่เห็น ระหว่างนั้นโซเฟียก็โผล่มาดักรอ
“โซเฟีย”
“ฉันจะดูแลคุณโทมัสเอง มาดามหลิวอยากพบคุณ”
วันใหม่...ในห้องทดลองบริษัทมาดามหลิว...จอคอมพิวเตอร์เป็นภาพฤทธิ์ที่นอนแช่น้ำยาอยู่สแกนด้วยแสงบางอย่าง จนพบบาดแผลมากมายตามร่างกาย โซเฟียมองผลประเมินแล้วหันมาดูฤทธิ์แล้วถือเข็มฉีดยาเดินมาหาเขา
“คุณบาดเจ็บสาหัส ยานี่จะช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น”
โซเฟียฉีดยาให้ฤทธิ์ทำให้เขาหลับลงอย่างรวดเร็ว โซเฟียมองเขาอย่างมีเลศนัยก่อนจะมองไปนอกห้อง
ในห้องประชุมกองปราบ...สิงหาสอบปากคำราเมศหลังได้รับการปฐมพยาบาลแล้วโดยมีเมธาร่วมสังเกตการณ์
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ผู้กอง คุณหายไปไหนมา”
“พอได้รับแจ้งจากหมู่ปรีดา ผมก็รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพราะกลัวว่าจะเป็นกับดักของพรายพิฆาต”
เมธามองหน้า
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ยคุณถึงได้สั่งห้ามตำรวจท้องที่ เข้าไปในที่เกิดเหตุ”
“ครับผู้กำกับ”
“แล้วตอนที่คุณเข้าไปตรวจสอบข้างใน คุณเจออะไรบ้าง”
“ไม่ครับ เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน ผมก็เลยหมดสติไป”
สิงหามองหน้าราเมศอย่างขัดใจ เมธาก็อึ้งๆไปกับการทำงานที่ผิดพลาดครั้งนี้
สิงหาปรึกษากับเมธาขณะเดินมาด้วยกัน
“เหลวไหลที่สุด...เขาไม่รายงานผม ไม่ยอมให้ท้องที่ทำงาน แถมยังฉายเดี่ยวแบบนี้ แสดงว่าเขาอยากเป็นฮีโร่ ทำงานเอาหน้าชัดๆ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิสารวัตร คราวก่อนที่เขาหลงกลพรายพิฆาตคุณก็โทษว่าเป็นความผิดของเขา คุณเป็นฝ่ายกดดันเขาก่อนนะ”
“สรุปว่าท่านจะไม่เอาเรื่องเขาเหรอครับ”
เมธาหนักใจ
“สภาพจิตใจของราเมศตอนนี้ดูย่ำแย่มาก ผมไม่อยากซ้ำเติม เห็นแก่ผลงานที่ผ่านมาของเขา ผมจะสั่งพักงาน จนกว่าเขาจะมีสติมากกว่านี้”
สิงหานิ่วหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ
ในห้องประชุมกองปราบ...ราเมศนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เขามองเงาตัวเองในกระจก ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะรอยเลือดตรงผ้าพันแผลที่โพกบนศีรษะ แล้วเอามาชิมอย่างสบายอารมณ์ แน่นอนมันไม่ใช่เลือดจริงๆ ราเมศยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
ชาญรายงานตัวกับมาดามหลิว
“รู้ตัวรึเปล่าว่าเธอมีความผิดแค่ไหน ที่ลงมือโดยพลการ”
“ผมขอโทษครับมาดาม แต่แผนการนี้มีคุณไอริณกับหมวดณัฐชาร่วมมือด้วย ผมเลยเกรงว่ามาดามจะไม่พอใจ…”
มาดามหลิวยิ้ม
“ฉันไม่ใช่คนใจแคบนะชาญ เรื่องที่คุณโทมัสสนิทกับณัฐชาหรือไอริณ กับเรื่องงาน ฉันแยกแยะได้”
“ครับ”
“แต่เพื่อยุติปัญหา ฉันว่าเราควรจัดการกับผู้หญิงสองคนนี่ซะที”
ชาญมองมาดามหลิวอย่างไม่เข้าใจ
ชาญเดินกลับห้องสมุดอย่างข้องใจ คำพูดและท่าทางของมาดามหลิวทำให้เขานึกระแวง ชาญเดินคิดสักพักก็ค่อยๆหยุดเดิน และเหลียวมองกลับไปที่ห้องสมุดอย่างสังหรณ์ใจ
ในห้องรับรองในบริษัท ไอริณนอนหลับอยู่บนเตียง ขณะที่ณัฐชานั่งครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้น เธอนึกถึงตอนที่จะเอากรรไกรแทงฤทธิ์เพื่อทดสอบ
‘ผู้หมวดนี่คุณจะทำอะไร’
‘ฉันต้องรู้คำตอบให้ได้’
‘ด้วยการฆ่าผมเนี่ยนะ’
‘ถ้าคุณเป็นนักสู้มหากาฬ เลือดคุณต้องไม่ใช่สีแดง’
ณัฐชานึกถึงตอนที่เธอประคองฤทธิ์และพบว่าเลือดของเขาเป็นสีฟ้า...ณัฐชาเริ่มเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแต่ยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ทันใดนั้นไอริณที่นอนหลับอยู่ก็เริ่มละเมอ
“อย่า...อย่า”
“ไอริณ”
“พ่อ...อย่าฆ่าพ่อฉัน...อย่า”
ไอริณตกใจตื่น ณัฐชารีบเข้ามาดู
“ไอริณ ทำใจดีๆไว้ก่อน”
“ณัฐชา ฉันเห็นนักสู้มหากาฬฆ่าพ่อ”
“อะไรนะ เธอตาฝาดรึเปล่า”
“ฉันเห็นจริงๆ พ่ออุตส่าห์กลับตัวเป็นคนดี ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ บอกฉันมาสิณัฐชา ทำไมนักสู้มหากาฬถึงฆ่าพ่อ”
สีหน้าแววตาณัฐชาขณะพูด เปี่ยมล้นด้วยความแค้น
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ขณะเดียวกันชาญเข้ามาในห้องทดลอง
“โซเฟีย...โซเฟีย...”
ชาญกวาดตามองไปไม่พบโซเฟียในห้อง แต่กลับเห็นฤทธิ์ที่นอนหลับสนิทในอ่างน้ำยา
“คุณโทมัส คุณเห็นโซเฟียรึเปล่า”
ฤทธิ์ยังคงนอนหลับ ชาญเอะใจเดินไปคว้าชีพจรมาจับดูและพบว่าฤทธิ์หลับลึกผิดสังเกต
“ยานอนหลับ”
ณัฐชามาที่ห้องนอนฤทธิ์บนบริษัทมาดามหลิว ทุบประตูห้องอย่างฉุนเฉียว
“คุณโทมัส คุณอยู่รึเปล่า ฉันจะมีเรื่องจะถามคุณ คุณโทมัส”
ไม่มีเสียงตอบ ณัฐชาผลักประตูห้องเขาไป เธอกวาดสายตามองไปรอบๆและพบว่าเขาไม่อยู่
ที่ณัฐชาเริ่มครุ่นคิดอะไรขึ้นได้บางอย่าง
ชาญฉีดยาแก้ให้กับฤทธิ์
“ถ้าผมไม่ฉีดยาแก้ให้คุณ มีหวังคุณได้นอนถึงพรุ่งนี้เช้าแน่คุณโทมัส ใครเป็นคนให้ยานอนหลับคุณ คุณจำได้รึเปล่า”
ฤทธิ์สะลืมสะลือ
“โซเฟีย…โซเฟีย...”
ชาญเริ่มเอะใจ
ชาญมุ่งหน้าไปหาณัฐชา แต่แล้วก็มีเสียงมาดามหลิวเรียกดังขึ้น
“ชาญ”
ชาญหันมองไปและเห็นมาดามหลิวอยู่กับองครักษ์
“จะไปไหน”
ชาญมองหน้ามาดามหลิวและรู้ดีว่าเธอมีแผนอะไร
ณัฐชาค้นห้องฤทธิ์ทุกซอกทุกมุมจนเจอช่องลับหลังตู้เสื้อผ้าซึ่งเก็บซ่อนเครื่องแบบนักสู้มหากาฬและอาวุธเอาไว้ ณัฐชาตะลึง
“นักสู้มหากาฬ คุณโทมัส”
ทันใดนั้นเสียงโซเฟียดังขึ้น
“ตกใจอะไรเหรอคะผู้หมวด”
ณัฐชาชักปืนหันกลับไป เห็นโซเฟียกำลังยืนมองเธออยู่อย่างใจเย็น
“สิ่งที่มาดามหลิวกังวลมาตลอด ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้”
“นายโทมัสคือนักสู้มหากาฬ พวกคุณช่วยเขาฆ่าสาวกของพรายพิฆาต”
“พวกนอกรีต มันสมควรตาย”
“ไม่ พวกเขาบางคนถูกบังคับให้ทำแบบนี้ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไปตัดสินชีวิตคนอื่น”
“ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ ตำรวจงั้นเหรอ ถ้ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมจัดการกับพรายพิฆาต”
ณัฐชาเห็นท่าไม่ดี
“ฉันจะไปจากที่นี่”
โซเฟียมองหน้าจะเอาเรื่อง ณัฐชาง้างนกปืนขู่
ชาญยังถูกมาดามหลิวขัดขวางอยู่
“ผู้หมวดณัฐชาไม่สมควรตาย”
“เธอคือตัวปัญหา ไอริณก็เหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้ท่านนำชัยตายไปแล้ว สองคนนี่ก็หมดประโยชน์”
“คุณไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเธอ”
“ณัฐชากำลังสืบเรื่องงานของพวกเรา ส่วนไอริณก็เป็นตัวล่อตำรวจกับพรายพิฆาต แค่นี้ยังไม่สมควรอีกเหรอ”
“มาดาม...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” มาดามหลิวชักปืนของยามมาถือไว้ “ถ้าเธอขัดคำสั่ง ฉันจะถือว่าเธอทรยศ”
ชาญอึ้ง คาดไม่ถึงว่ามาดามหลิวจะพูดกับตนเช่นนี้
ณัฐชาใช้ปืนขู่โซเฟียเอาไว้ แล้วค่อยๆล่าถอยออกไปจากห้อง แต่ในขณะเดียวกันไอริณเห็นณัฐชาหายไปนานผิดปกติก็เดินมาตาม
“ณัฐชาเธออยู่แถวนี้รึเปล่า ณัฐชา”
“ไอริณ กลับไปที่ห้อง”
จังหวะนั้นโซเฟียก็เตะปืนณัฐชาทิ้งทันที ปืนลั่นปัง
เสียงปืนทำให้ประสาทของฤทธิ์ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง เขารีบหันหน้าไปทางต้นเสียง...โซเฟียชักมีดออกมาเล่นงานณัฐชา ไอริณเห็นประตูห้องแง้มอยู่ก็ผลักเข้ามาดู
“ณัฐชา คุณโซเฟีย”
ณัฐชารีบบอก
“ไอริณหนีไป”
โซเฟียแทงมีดใส่ณัฐชา จนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้นอุตลุด ไอริณเห็นท่าไม่ดีก็มองไปที่แจกันดอกไม้แล้วคว้ามาฟาดหัวโซเฟียจนสลบไป
“ณัฐชา เธอปลอดภัยรึเปล่า”
“รีบหนีเร็ว”
“เดี๋ยว...คุณโซเฟียทำร้ายเธอทำไม”
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไปเถอะ”
ณัฐชาคว้าปืนแล้วหันไปฉุดแขนไอริณ แต่ไอริณกลับรั้งไว้เพราะเห็นเครื่องแบบของนักสู้มหากาฬเข้า เธอถึงกับตะลึงไปก่อนจะมองมาที่ณัฐชา
“ไม่จริงใช่มั้ย”
“แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ไปเถอะ”
ณัฐชารีบพาไอริณหนีไป สักครู่โซเฟียก็ได้สติเธอรีบใช้โทรศัพท์ภายในสั่งการ
“เรียกศูนย์รักษาความปลอดภัย จับตัวผู้หมวดณัฐชากับคุณไอริณ”
ณัฐชาพาไอริณหนีมาถึงหน้าลิฟต์ พบพวกยามโผล่มาขัดขวาง ณัฐชาต่อสู้สุดความสามารถเพื่อเปิดทางให้ไอริณ
“ไอริณ เข้าไปในลิฟต์ก่อน เข้าไป”
“ไม่...เราต้องไปด้วยกัน”
พวกยามโดนไอริณกับณัฐชาซัดจนกระเจิงไปคนละทาง พอลิฟต์มาถึงสองสาวก็รีบเข้าไปทันที ระหว่างนั้นเองที่ฤทธิ์วิ่งตามมา เขามองดูสภาพเหตุการณ์อย่างงุนงง เขาเอะใจ
“มาดาม...”
ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ฤทธิ์รีบโผไปขวางไว้
“ณัฐชา นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ณัฐชาพอเห็นฤทธิ์ก็รีบชักปืนแล้วถอยห่าง พอๆกับไอริณที่รีบหลบไปหลังเพื่อน ณัฐชาเล็งปืนใส่แค้นๆ
“ถอยไป”
“ใจเย็นๆก่อนผู้หมวด ฟังผมอธิบายก่อน”
“ฉันไม่อยากฟังเรื่องโกหกอีกแล้ว นักสู้มหากาฬ”
ฤทธิ์อึ้งไป วินาทีนั้นเองไอริณก็นึกถึงภาพนำชัยที่ถูกฆ่าแล้วก็สุดทนได้ จากความกลัวกลายเป็นความแค้น เธอแย่งปืนจากณัฐชามาทันที
“ไอริณ” ณัฐชาตกใจ
ไอริณจ้องหน้าฤทธิ์
“ไอ้ฆาตกร”
ไอริณยิงฤทธิ์โดนเข้าที่บ่าจนหงายล้มไปทั้งยืน ประตูลิฟต์เลื่อนปิดลง ณัฐชารีบแย่งปืนจากไอริณ
“เธอจะบ้าหรือไงไอริณ”
“เขาฆ่าพ่อฉัน เขาคือนักสู้มหากาฬ ใช่มั้ยณัฐชา ใช่รึเปล่า”
“ใช่ โทมัสคือนักสู้มหากาฬ”
ไอริณร้องไห้ออกมา ณัฐชาได้แต่พิงผนังลิฟต์ด้วยสับสน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครคือมิตร ใครคือศัตรูกันแน่”
บาดแผลเล็กๆจากการถูกกระสุนของฤทธิ์ค่อยๆหายเป็นปกติ ฤทธิ์ประคองตัวลุกขึ้นด้วยจิตใจปวดร้าวกว่าแผลกาย ทำไมณัฐชากับไอริณถึงเห็นเขาเป็นศัตรู
กรณ์โดนบอสเหวี่ยงจนล้มไปกับพื้น ในห้องทำงานของภัตตาคารจีน เอมี่กับลุงโจรีบเข้าไปประคอง
“หัวหน้า”
เอมี่หันไปหาบอส
“ไม่ใช่ความผิดของพวกเรานะคะบอส ใครจะว่านังไอริณมันจะซ้อนแผนพวกเรา”
“ไม่ต้องแก้ตัว เพราะความประมาทของพวกแกที่ทำให้ฐานทัพของเราต้องพินาศ ทำให้พี่น้องของเราต้องล้มตาย”
กรณ์อ้อนวอน
“ขอโอกาสผมอีกครั้งเถอะบอส ผมสาบานว่าจะแก้แค้นให้ได้”
บอสกระชากคอกรณ์ขึ้นมา
“แน่ล่ะ ฉันจะให้โอกาสสุดท้ายสำหรับแกและถ้าแกยังพลาดอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง”
กรณ์ เอมี่ ลุงโจต่างหวาดหวั่นเมื่อพบว่าพวกตนกำลังอยู่ในช่วงขาลง
บอสเดินออกมาด้านนอก พบแหลมกับสมุนยืนรอรับใช้
“บอส ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ”
“ต่อไปนี้แกดูแลที่นี่แทนมาวิน ถ้ามีปัญหาอะไรให้รายงานฉัน”
“รับทราบครับบอส พรายพิฆาตจงเจริญนะครับ”
บอสเดินหนี…แหลมยิ้มตามอย่างประจบประแจง
“บุญหล่นทับหัวหมา กลายเป็นหัวหน้าจนได้ไอ้แหลม คิกๆ”
แหลมหัวเราะแล้วหันไปพยักเพยิดกับสมุนคนอื่นๆด้วยความสะใจ สมุนคนอื่นแสร้งยิ้มรับแต่ลับหลังตีหน้าเซ็งสุดๆ
โซเฟียรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับมาดามหลิวอยู่ในห้องสมุด ฤทธิ์เดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มาดาม”
“โซเฟีย เธอออกไปก่อน”’
“ไม่ต้อง ผมมีเรื่องจะถามแค่นิดเดียว” ฤทธิ์มองหน้ามาดามหลิว “คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ฉันเตือนเธอแล้ว นิ้วไหนร้าย...ฉันจะตัดทิ้ง”
“ผมก็เตือนคุณแล้วเหมือนกัน ถ้าคุณแตะต้องพวกเธอเมื่อไหร่ เราขาดกันเมื่อนั้น”
ฤทธิ์เดินหนีไป โซเฟียหน้าเสีย มาดามหลิวก็ตกใจเหมือนกัน
ชาญอยู่ประจำที่บนดาดฟ้า แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเหมือนเคย เขากำลังดื่มเหล้าที่ห่ออยู่ในถุงกระดาษ สักครู่ฤทธิ์ก็มาสมทบเคียงข้าง
“นึกว่าขึ้นมาถ่ายรูปซะอีก”
“สภาพแบบนี้ ใครจะมีอารมณ์ถ่าย”
ชาญแบ่งเหล้าให้ฤทธิ์ดื่ม สองคนกลุ้มพอกัน
“ผมจะไปจากที่นี่”
“ถ้าคุณไม่อยู่ แล้วใครจะรับมือกับพรายพิฆาต”
“ไม่รู้สิ คุณละมั๊ง”
“ให้ผมฉีดน้ำตามัจจุราช แล้วแต่งตัวเป็นนักสู้มหากาฬแบบคุณน่ะเหรอ” ชาญแค่นหัวเราะ “ฮึ สงสัยคงดูไม่จืดแน่”
ฤทธิ์ยิ้มก่อนจะทำใจ
“ทุกอย่างต้องมีจุดจบเสมอ อุดมการณ์ของผมกับมาดามต่างกัน ช้าเร็ว…วันนี้ก็ต้องมาถึง...ไว้จัดการกับบอสได้เมื่อไหร่ ผมไปแน่”
พูดจบฤทธิ์ก็ส่งเหล้าคืนให้ ชาญพยักหน้าอย่างเข้าใจ...ท้องฟ้ายามเย็นดูวังเวง
ฤทธิ์และชาญต่างรับรู้ถึงการสิ้นสุดของขบวนการ
หมู่ปรีดาขับรถมาส่งไอริณกับณัฐชาที่หน้าบ้านพักตากอากาศ ทั้งหมดลงมาจากรถ
“ที่นี่ที่ไหนเหรอณัฐชา” ไอริณถามอย่างสงสัย
“เซฟเฮ้าส์ของตำรวจ แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่ซ่อนพยาน คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ฉันต้องมาใช้ซะเอง”
“เอ่อถึงจะเก่าไปนิด โทรมไปหน่อยแต่แถวนี้วิวสวยนะครับคุณไอริณ ตรงโน้นมีบึงสำหรับตกปลาด้วยนะครับ เสบียงผมก็ซื้อมาเพียบคืนนี้จะปาร์ตี้กันก็ยังไหว” ปรีดาบอก
“ขอบใจนะหมู่ แต่ฉันคงไม่มีอารมณ์หรอก”
ไอริณหน้าเศร้า ณัฐชามองเพื่อนอย่างเข้าใจ
ท้องฟ้ามืดแล้ว ไอริณกำลังนั่งจับเจ่าอยู่เศร้าๆ ขณะที่ณัฐชาเอาบะหมี่สำเร็จรูปมาเสิร์ฟ
“ไอริณ ทานอะไรซะก่อนสิ”
“ฉันไม่หิว เธอทานก่อนเถอะ”
ณัฐชาถอนใจก่อนจะเดินเข้ามาปลอบ
“เธอต้องเข้มแข็งนะไอริณ วิญญาณของพ่อเธอคงเป็นห่วงถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้”
“ฉันรู้สึกผิดณัฐชา ถ้าฉันไม่ขอร้องให้พ่อกลับตัว พ่อก็คงไม่ตายแบบนี้”
“ไม่จริงนะไอริณ มันเป็นความผิดของพรายพิฆาต แล้วก็คนที่ฆ่าพ่อเธอต่างหาก เธอต้องคิดหาวิธีจัดการกับพวกมัน ไม่ใช่มานั่งโทษตัวเองแบบนี้”
ไอริณหันมามองณัฐชาอย่างฮึดสู้ เธอเอื้อมมือไปกุมสร้อยพระที่ห้อยคอก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“จริงด้วย ฉันลืมไปซะสนิท”
“ทำไมเหรอ”
“ก่อนตายพ่อให้พระองค์นี้กับฉัน แล้วบอกว่า…”
ไอริณนึกถึงตอนที่อยู่กับนำชัยในห้องขัง นำชัย ถอดสร้อยพระที่ห้อยคอออกแล้วยัดใส่มือเธอ
‘ฟังพ่อให้ดีนะไอริณ เก็บพระนี่ไว้ให้ดีแล้วเอาไปมอบให้ณัฐชา’
‘พระนี่มีอะไรซ่อนอยู่เหรอคะ’
นำชัยพยักหน้าก่อนจะกระซิบบอก
‘ความลับของพรายพิฆาต ท่อน้ำเลี้ยงของพวกมัน’
ณัฐชาพอได้ฟังคำบอกเล่าของไอริณก็เริ่มสงสัย
“ท่อน้ำเลี้ยง หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงิน”
ไอริณไม่แน่ใจเหมือนกัน ณัฐชาลองพลิกดูพระองค์นั้นก่อนจะพบช่องลับที่เปิดออกได้ และพบวัตถุทรงกลมขนาดเล็กมากซ่อนอยู่ ไอริณแปลกใจ
“อะไรน่ะ”
“micro dot มีข้อมูลซ่อนอยู่ในนี้ ถ้าจะอ่านมันเราต้องมีเครื่องมือ”
“ใช้แว่นขยายได้รึเปล่า”
“ไม่...ต้องมากกว่านั้น”
สุชาติขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าลักษณะคล้ายกล่องลงมาจากรถ แล้วเดินตรงไปที่บ้าน
โต๊ะกินข้าวถูกเคลียร์ สุชาติเปิดกระเป๋านำกล้องจุลทรรศน์มาติดตั้ง ก่อนจะอ่าน micro dot ด้วยกล้องจุลทรรศน์และพบเลขที่บัญชีหลายบัญชีด้วยกัน เขาหลีกทางให้ณัฐชาได้ชมบ้าง
“ตัวเลขพวกนี้คืออะไร”
สุชาติหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่ออย่างหนักใจ
“เลขที่บัญชีครับ แต่ละบัญชีมีเงินอยู่หลายสิบล้านซึ่งได้มาจากธุรกิจที่ผิดกฎหมายของพรายพิฆาต รวมทั้งเงินสนับสนุนของสมาชิก”
ไอริณสงสัย
“คุณรู้ได้ยังไง คุณสุชาติ”
“ท่านนำชัยมอบหมายให้ผมจัดการฟอกเงินพวกนี้ เพื่อให้พรายพิฆาตนำมาใช้จ่าย แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเงินทุนของพรรคการเมืองก็เลยไม่ได้ถามอะไรท่าน”
“แล้วถ้าจะให้สาวไปถึงเจ้าของเงิน คุณพอมีทางรึเปล่า”
สุชาติพยักหน้า ก่อนจะมองที่ณัฐชา
“ผมว่าตำรวจคงมีวิธีจัดการกับคดีประเภทนี้”
ณัฐชาคิดสักครู่
“ถ้าเราสั่งอายัติบัญชีเมื่อไหร่ พรายพิฆาตล้มละลายแน่”
ในห้องรับแขกบ้านนำชัย...สุชาติหิ้วกระเป๋าใส่กล้องจุลทรรศน์กลับมาในบ้าน แต่แล้วไฟก็เปิดสว่างขึ้นเห็นกรณ์นั่งรออยู่ก่อน
“ไปเที่ยวไหนมาเหรอคุณสุชาติ ไม่ชวนกันเลยนะ”
สุชาติทำท่าจะหนี แต่แล้วลุงโจกับเอมี่ก็โผล่มาดักไว้
“อย่าทำอะไรผมเลย เรื่องแผนการของคุณไอริณ ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
กรณ์ยิ้มหยัน
“งั้นเหรอ แต่คุณคงรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้”
กรณ์มองไปที่เอมี่ ฉับพลันเอมี่ก็คว้ามีดพกออกมาควง ขณะที่ลุงโจล็อกตัวสุชาติเอาไว้ เอมี่ขู่
“จะบอกดีๆ หรือให้พวกเราแล่เนื้อคุณทีละชิ้น”
ลุงโจมองเย้ย
“หัวเดียวกระเทียมลีบ ผมว่าคุณอย่าซ่าดีกว่ามั้งคุณเลขา”
“ก็ได้ผมบอกแล้ว ผมยอมแล้ว ปล่อยผมเถอะ”
กรณ์พยักหน้าให้ลุงโจปล่อย สุชาติทำเป็นจัดเสื้อผ้า กรณ์จ้องหน้า
“ว่ามา ตอนนี้ไอริณอยู่ที่ไหน”
สุชาติฉวยโอกาสนั้นชักปืนของลุงโจออกจากเอวแล้วผลักลุงโจกระเด็นไป สุชาติเล็งปืนกราดไปมา
“ไอ้พวกบ้า ฉันไม่ยอมเป็นทาสแกเหมือนท่านนำชัยเด็ดขาด”
เอมี่จะเข้าหา
“แก...”
สุชาติยิงขู่
“อย่าเข้ามานะ วันนี้ฉันสู้ตาย”
กรณ์หัวเราะ
“ฮ่าๆ สู้คนเป็นเหมือนกันแฮะ เอาเลยสุชาติฆ่าพวกเราซะ แล้วพรายพิฆาตจะตามล้างแค้นกับครอบครัวของคุณ เอาเลย”
ลุงโจตะคอก
“ทิ้งปืนซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“ฉันไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างของพวกแก ไม่มีทาง”
“ทิ้งปืน”
สุชาติมองไปรอบๆ ทั้งกรณ์ ทั้งเอมี่ ทั้งลุงโจ เขาสู้ไม่ไหวแน่ สุชาติตัดสินใจยกปืนกรอกปากตัวเอง กรณ์ร้องลั่น
“อย่า”
เสียงปืนดังขึ้น ร่างของสุชาติร่วงไปกับพื้น ลุงโจเซ็ง
“เวรเอ๊ย”
เอมี่รีบเปิดกระเป๋าจนพบกล้องจุลทรรศน์
“อยู่ดีๆหิ้วของแบบนี้ออกไปข้างนอก เรื่องหลักฐานคงไม่ใช่คำขู่แน่”
ลุงโจหันมาถามกรณ์
“จะเอายังไงต่อหัวหน้า”
“ที่นี่อาจจะมีหลักฐานอื่นซ่อนอยู่ จัดการซะ”
กรณ์เดินออกมาหน้าบ้านกำลังยืนใช้ความคิด เอมี่ตามออกมา
“ถ้าหลักฐานของท่านนำชัยถึงมือตำรวจเมื่อไหร่ บอสต้องเล่นงานพวกเราแน่ ไหนจะนักสู้มหากาฬที่ตามล่าพวกเราอีก”
“แล้วไง”
“ฉันยังไม่อยากตาย”
“เราสู้บอสกับนักสู้มหากาฬไม่ได้หรอกเอมี่ พวกมันมีพลังพิเศษ”
“แล้วถ้าเรามีเหมือนพวกมันล่ะ”
กรณ์นิ่วหน้ามองเอมี่อย่างไม่เข้าใจ เอมี่ขยับมาบอกใกล้ๆ
“น้ำตามัจจุราชชนิดบริสุทธิ์ จะทำให้พวกเรากลายพันธุ์เป็นเหมือนนักสู้มหากาฬ เหมือนบอส”
“แต่ถ้าโชคร้าย เราอาจจะเป็นเหมือนมาวิน”
เอมี่คิดแล้วก็พยักหน้ายอมเสี่ยง กรณ์คิดตามอย่างลังเล
ศพของสุชาติยังนอนอยู่ที่พื้น ลุงโจจุดไฟแช็กพลางพูดกับรูปของนำชัย
“หวังว่าคงทำประกันเอาไว้นะครับท่าน”
ลุงโจหัวเราะขำก่อนจะโยนไฟแช็กลงบนวัสดุที่จัดเตรียมไว้ เปลวไฟลุกลามไปทั่วบ้าน
วันต่อมา ราเมศหน้าตาเซ็งๆกำลังเดินหอบลังข้าวของจะกลับบ้าน เพราะโดนสั่งพักงานยาว ไมตรีกับปรีดาที่ซุ่มอยู่ก็ส่งเสียงเรียก
“ผู้กองครับ ผู้กอง”
ราเมศหันมา
“จ่า มีอะไร”
ไมตรีเข้ามาบอกเบาๆ
“ความลับครับ ลับสุดยอด”
ปรีดาเสริม
“รู้กันแค่สามคนนะครับผู้กอง”
“ไปบอกสารวัตรสิงหาเถอะ ตอนนี้ผมถูกสั่งพักงานแล้ว”
“ไม่ได้ครับผู้กอง ผู้หมวดณัฐชาเธอสั่งไว้ว่าต้องบอกผู้กองคนเดียวเท่านั้น”
ราเมศชะงัก
“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
ราเมศ ไมตรี ปรีดากำลังหารือกันอยู่ก่อนจะพากันไปทางใดทางหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าขณะนั้นสิงหากำลังแอบจับตาอยู่ห่างๆ
ในห้องน้ำกองปราบ...ณัฐชากำลังกระวนกระวายก่อนที่ราเมศจะโผล่เข้ามา
“ณัฐชา”
“ผู้กอง”
ราเมศปราดเข้าไปดึงตัวณัฐชาไปกอด เล่นเอาอีกฝ่ายตกใจ
“เอ่อ ผู้กองคะ”
“ผมคิดถึงคุณ รู้มั้ยว่าเป็นห่วงคุณแค่ไหน”
“จริงเหรอคะผู้กอง”
“ณัฐชา มีแต่คุณเท่านั้นที่ดีกับผม คุณยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”
ณัฐชายิ้มรับก่อนจะค่อยๆสลดไป เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการราเมศเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอกับฤทธิ์ผูกพันทั้งสุขทุกข์ร่วมกัน จนมีความหมายมากกว่าความประทับใจที่มีต่อราเมศมากมายนัก
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าณัฐชา”
“เรื่องอื่นเราค่อยว่ากันทีหลังเถอะค่ะผู้กอง ตอนนี้ไอริณมีหลักฐานที่จะเล่นงานพรายพิฆาต”
ราเมศชะงัก
“คุณพูดจริงเหรอ”
ณัฐชาพยักหน้า
ไมตรีกับปรีดายืนดูต้นทางซ้ายขวาอยู่หน้าห้องน้ำ แต่แล้วไมตรีก็หันมาเจอสิงหาในระยะประชิด ไมตรีสะดุ้ง
“เง้อ...สารวัตร ผมตกใจหมด”
“พวกนายมาทำอะไรตรงนี้”
“เอ่อนั่นสิหมู่ พวกเรามาทำอะไรกันหน้าห้องน้ำ”
ปรีดาแถไป
“มาทำอะไร อ๋อ...มาห้องน้ำ ก็ต้องใช้ห้องน้ำสิครับสารวัตรมาถ่ายครับ มาถ่าย”
ไมตรีตามน้ำ
“ใช่ครับสารวัตร มาห้องน้ำก็แปลว่าต้องมาถ่ายหรือสารวัตรจะมาหาอะไรทานครับ”
“แล้วรออะไรอยู่” สิงหาพูดหน้าตาเฉย
ไมตรีมองปรีดา
“เอ่อ”
“คือผู้กองราเมศเขาใช้อยู่ครับ”
“ใช่ครับสารวัตร ผู้กองราเมศแกผายลมเสียงดัง ผมกลัวแกเขินก็เลยรออยู่ตรงนี้”
สิงหาแค่นยิ้มเฮอะ ไม่เชื่อหรอก
สิงหาผลักประตูเข้ามาในห้องน้ำอย่างรวดเร็วพร้อมปืนในมือ
“ผู้กอง”
ราเมศล้างมืออย่างใจเย็น
“ครับสารวัตร”
สิงหามองราเมศอย่างจับผิด เขารีบค้นดูห้องน้ำแต่ไม่เจอใคร
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”
ราเมศยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้ สิงหามองไปที่หน้าต่างช่องระบายลมในห้องน้ำที่เปิดอ้าไว้ผิดปกติก็พอเดาได้ ก่อนจะหันมาคาดคั้นราเมศ
“จะหมกเม็ดกับผมเหรอผู้กอง ไม่มีทางหรอกน่า อีกไม่นานผมต้องรู้ให้ได้ ว่าคุณมีแผนอะไร”
ราเมศยิ้มอย่างใจเย็น
ไอริณนั่งอยู่ในห้องรับแขกมองปืนที่ณัฐชาทิ้งไว้อย่างใช้ความคิด เธอนึกถึงความผูกพันในอดีตระหว่างตนกับโทมัส และภาพนักสู้มหากาฬที่ฆ่านำชัย ไอริณนึกถึงตอนที่เธอยิงเขาที่หน้าลิฟต์ และณัฐชารีบแย่งปืนจากเธอ
‘เธอจะบ้าหรือไงไอริณ’
‘เขาฆ่าพ่อฉัน เขาคือนักสู้มหากาฬ ใช่มั้ยณัฐชา ใช่รึเปล่า’
‘ใช่ โทมัสคือนักสู้มหากาฬ’
ไอริณกำปืนด้วยความแค้น
“นักสู้มหากาฬ ถ้าเจอกันอีกเมื่อไหร่ แกตายแน่”
ฤทธิ์กลับเข้ามาในห้องนอน พบว่าช่องลับที่ตนเก็บเครื่องแบบนักสู้มหากาฬกับอาวุธถูกเปิดทิ้งก็เริ่มเข้าใจว่า อะไรทำให้ณัฐชามั่นใจว่าตนคือนักสู้มหากาฬ ฤทธิ์เดินมาดูชุดนักสู้มหากาฬอย่างทำใจ
“ทุกอย่างต้องมีจุดจบเสมอ ไม่มีใครจะอยู่ค้ำฟ้า ไม่ว่าพรายพิฆาตหรือนักสู้มหากาฬ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงวี๊ดๆเล็กดังขึ้นในหัว เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงจนแทบเซ เพราะใจทิพย์จูบเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายบางอย่าง ฤทธิ์ปวดหัวจนทรุดเข่าลงไปกับพื้น เขากุมขมับเพราะรู้สึกเหมือนมีแรงกดที่บีบให้สมองแทบระเบิดออกมาใบหน้าสั่นเทิ้ม เลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากจมูกของเขา ก่อนจะหยดลงพื้น ฤทธิ์ตะลึง
“เลือดสีแดง นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ฤทธิ์เงยหน้ามองหน้าตัวเองในกระจกเงาอย่างไม่เข้าใจ
โปรดติดตามตอนที่ 8