xs
xsm
sm
md
lg

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 19

สมุนพรายพิฆาตถืออาวุธคุ้มกันอยู่ห่างๆ ขณะที่ฤทธิ์นั่งอยู่กับพื้นในสภาพถูกโซ่ล่ามแขนไว้ทั้งสองข้าง อยู่ในสภาพสะลึมสะลือใกล้หมดสติ เพราะอาการป่วยจากไวรัสพรายพิฆาต สมุนพรายพิฆาตสองคนเดินเข้ามาหาเขา คนหนึ่งใช้เครื่องตรวจจับโลหะลูบไปตามเนื้อเขาก่อนจะพบวัตถุบางอย่างที่ข้อมือ สมุนอีกคนใช้มีดกรีดที่ข้อมือเขาเพื่อควักเอา ชิฟ อุปกรณ์ติดตามตัวที่ฝังไว้ออกมา

“ชิปติดตามตัว…ถ้าไม่มีไอ้นี่ล่ะก็อย่าว่าแต่ดาวเทียมเลยคุณโทมัส ต่อให้พระเจ้าก็หาคุณไม่เจอ”
สมุนพรายพิฆาตยืนแล้วโยนชิปลงพื้น ก่อนจะกระทืบทิ้งจนแหลกแล้วก็พากันจากไป ฤทธิ์มองเศษชิปตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง จิตใต้สำนึกของเขายามนี้คิดถึงแต่ภาพของณัฐชา...เช้าวันหนึ่งณัฐชามาค้างอยู่กับฤทธิ์ เขาตื่นขึ้นมาและเห็นเธอกำลังนอนตะแคงจ้องหน้าเขาอยู่ พลางเอื้อมมือลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมของเขาอย่างอ่อนโยน
“คุณตื่นแล้วเหรอ...ยังเช้าอยู่เลย”
“เมื่อคืนฉันฝันเห็นคุณด้วยนะ”
“ฝันดีเหรอ”
ณัฐชายิ้ม แล้วเล่าถึงความฝัน ที่บ้านหลังหนึ่งในฝันเธออยู่ในชุดลำลองสบายๆกำลังยืนชมวิวด้วยความเศร้า ก่อนจะร้องไห้ออกมา
“ฉันเห็นบ้านริมน้ำหลังนึง มันสวยงามมาก แต่ตัวฉันกลับยืนร้องไห้อยู่ที่นั่นคนเดียว แล้วจู่ๆ...”
ฤทธิ์มาที่บริเวณบ้านและยิ้มให้ ณัฐชาตะลึงมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“คุณก็มา เดินมาหาฉัน”
“ผมพูดอะไรกับคุณรึเปล่า”
“เปล่า...แต่เรายิ้มให้กัน...อย่างมีความสุข”
ในฝัน ณัฐชายิ้มให้ฤทธิ์ทั้งน้ำตา ก่อนจะโผไปกอดเขาเอาไว้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง...ฤทธิ์นิ่วหน้าล้อณัฐชา
“แค่เนี้ย”
“แต่มันเหมือนจริงมากเลยนะ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น”
“ก็เป็นเรื่องปกตินะ สำหรับผู้หญิงที่มีแฟนหน้าตาดีอย่างผม”
“เว่อร์ ฉันไม่ได้หลงคุณขนาดหรอกย่ะ พ่อเทพบุตร”
ฤทธิ์ทำท่าเก๊กหล่อปั้นหน้าแบ๊วเอียงซ้ายขวา ณัฐชาคว้าหมอนมาฟาดด้วยความหมั่นไส้ ทั้งคู่หยอกล้อกันตามประสาคู่รัก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฤทธิ์ก็รำพึง
“ผมเสียใจณัฐชา แต่ผมคงไม่ได้กลับไปหาคุณอีกแล้ว”
ฤทธิ์เหม่อมองไปด้วยความตรอมใจ

เช้าวันต่อมา ลิซ่ามาเคาะประตูห้องนอนฤทธิ์
“คุณโทมัสคะ คุณตื่นรึยัง”
ไม่มีเสียงตอบ ลิซ่าจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา แต่กลับไม่เห็นฤทธิ์บนเตียง
“คุณโทมัส”
อัศวินอยู่ในชุดนอนแบบเสื้อคลุมแต่ปล่อยชายเปิดอ้าซ่าไม่สุภาพเหมือนฤทธิ์ เขาโผล่มาด้านหลังลิซ่าก่อนจะแปลงโฉมหน้าเป็นฤทธิ์ ลิซ่ารู้สึกเสียวสันหลังจึงหันมองไปและเจอกับฤทธิ์ที่ยืนอยู่ในระยะประชิด
“มีอะไรเหรอจ๊ะคนสวย”
“ผู้กองณัฐชาโทรมาบอกว่า เธอจะเข้ามาสอบถามคุณเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน”
“สอบปากคำอีกแล้วเหรอ ยัยนี่น่าเบื่อจริงๆ เธอว่ามั้ย”
“แต่เธอเป็นแฟนคุณนะ”
“จืดชืด ไร้อารมณ์สิไม่ว่า สู้เธอไม่ได้เลยสักนิด ลิซ่า”
ฤทธิ์ตัวปลอมรุกไล่ลิซ่าไปจนชนขอบเตียงแล้วเสียหลักล้มนอนลงไป เขาโน้มลงกางแขนคร่อมไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น ลิซ่าหวั่นๆ
“คุณโทมัส”
“อย่ากลัวลิซ่า ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ”

ณัฐชาเพิ่งเดินทางมาถึง เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยระดับหัวหน้าเข้ามาต้อนรับ
“อรุณสวัสดิ์ผู้กอง”
“ฉันนัดคุณโทมัสเอาไว้”
“คุณลิซ่าแจ้งให้ทราบแล้วครับ เชิญที่เพนท์เฮาส์ได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ”
ณัฐชาปลีกตัวไปที่ลิฟต์

ลิซ่านิ่งงันไม่กล้าขยับ ขณะที่ฤทธิ์เอื้อมมือมาลูบไล้เธออย่างคุกคาม ลูบมาที่แก้มและผม
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอลิซ่า ที่เธอต้องสวมวิกผมแบบนี้ ก็เพราะเธอคงเบื่อกับเป็นเด็กโคลนนิ่งเต็มที เธออยากแตกต่าง อยากให้ทุกคนจำเธอได้ ว่าเธอคือลิซ่า ไม่ใช่โซเฟีย หรือฝาแฝดโคลนนิ่งคนอื่น”
“คุณโทมัส เลิกเล่นได้แล้ว”
ลิซ่าทำท่าจะลุกขึ้นแต่ ฤทธิ์กลับกดบ่าของเธอเอาไว้
“ฉันจะทำให้เธอแตกต่างจากพี่น้องเธอ เพราะเธอจะเป็นคนเดียว ที่เคยมีอะไรกับฉัน”
ฤทธิ์ก้มลงจูบลิซ่าหน้าตาเฉย เล่นเอาลิซ่ายิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอพยายามดิ้นรนก่อนจะปัดไปถูกของที่ตั้งโชว์อยู่จนล้มลงโครมคราม ณัฐชาได้ยินเสียงก็รีบเปิดประตูเข้ามา
“โทมัส” ณัฐชาเห็นภาพบนเตียงแล้วอึ้ง “ลิซ่า”
ลิซ่ารีบผลักออก เธอมองเขาและณัฐชาด้วยความสับสน ก่อนจะผลุนผลันหนีออกไป ฤทธิ์หันมายักไหล่ยิ้มๆให้ณัฐชา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ณัฐชาแปลกใจ

เสียงนาฬิกาปลุกเก่าๆดังขึ้น ทำให้ฤทธิ์รู้สึกตัว สมุนพรายพิฆาตเข็นรถเข็นที่มีทีวีอยู่มาตรงหน้าฤทธิ์
“ท่านบารอนสั่งว่าพอถึงเวลาเมื่อไหร่ ก็ให้แกดูคลิปนี่”
เมื่อสมุนพรายกดปุ่ม ก็เห็นภาพอัศวินในคลิปวิดีโอปรากฏขึ้น เป็นภาพที่ถ่ายที่ห้องนอนฤทธิ์
“อรุณสวัสดิ์เจ้านาย ถ้ายังไม่ตายก็ดีใจด้วยนะ ตอนนี้คุณไมได้ฉีดยาต้านไวรัสมาสามรอบแล้ว ผมอยากรู้จังว่าคุณจะอึดได้อีกนานแค่ไหน เออแล้วตอนนี้ผมอยู่ที่บลูฟินิกซ์นะ กำลังนอนอยู่บนเตียงของคุณ ใช้ห้องน้ำ แล้วก็แปรงสีฟันของคุณด้วย” อัศวินทำท่าป้องปากกระซิบ “ผมตั้งใจว่าจะใช้ทุกอย่างที่เคยเป็นของคุณเพื่อให้สมบทบาท รวมทั้งแฟนกับเลขาของคุณ แต่นี่ยังเลือกไม่ถูกเลยนะว่าจะเล่นกับใครก่อน ระหว่างลิซ่ากับณัฐชา ฮะๆ ฮ่าๆ”
อัศวินชี้นิ้วใส่จอแล้วหัวเราะเหมือนเดาออกว่าฤทธิ์จะต้องโกรธ ฤทธิ์ขบกรามด้วยความแค้น

ฤทธิ์นั่งจิบกาแฟอย่างใจเย็น ในขณะที่ณัฐชากำลังนั่งจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจนัก ฤทธิ์เหลือบเห็นก็ปั้นหน้าเซ็ง
“ไม่เอาน่าคุณ ทำเป็นยัยเพิ้งขี้หึงไปได้ ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”
“มุขนี้ฉันขำไม่ออกจริงๆโทมัส ลิซ่าก็เหมือนกัน”
“ผมชักเซ็งแล้วสิ คุณว่าธุระของคุณมาดีกว่า”
ณัฐชาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดบันทึกเสียงแล้ววางลงบนโต๊ะ
“ฉันอยากให้คุณลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาตั้งแต่คุณไปถึงที่เกิดเหตุ”
ฤทธิ์มองโทรศัพท์
“ผมไม่อยากบันทึกเสียง”
“จะให้ฉันจดเล็คเช่อร์หรือไง”
ฤทธิ์ยักไหล่
“ได้ก็ดี”
ณัฐชาฝืนยิ้มแบบอึ้งๆ ทำไมวันนี้เขาดูแปลกๆ

ฤทธิ์ถูกโซ่ล่ามแขนทั้งสองข้าง นั่งคอพับอยู่ในโกดังร้าง สมุนพรายพิฆาตคนหนึ่งเดินเข้ามาดู
“เฮ้ย...นิ่งไปตั้งนานแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า...เฮ้ย”
สมุนพรายเข้ามาดูอาการของฤทธิ์ ฉับพลันเขาก็เงยหน้าขึ้นใช้ขาเตะกวาดมันจนล้มลง ก่อนตวัดรัดคอมันเอาไว้ เขาขบกรามแน่นกะจะรัดคอยามคนนั้นให้ตายคาที่
“อโหสิให้ฉันด้วย แต่ฉันต้องไปจากที่นี่”
โชคร้ายที่สมุนพรายพิฆาตอีกคนมาเห็นเข้าเสียก่อน
“นักสู้มหากาฬ ฤทธิ์มากนักนะมึง”
สมุนพรายพิฆาตปรี่เข้าหาฤทธิ์แล้วเอาด้ามปืนกระทุ้งจนเขาสลบไป สมุนที่ถูกรัดคอรอดตายหวุดหวิด

ณัฐชาเดินมาที่ลิฟต์โดยมีฤทธิ์เดินตามมาส่ง ณัฐชารู้สึกอึดอัดระแวงหลังชอบกลเลยหันไป
“ผมทำอะไรผิดรึเปล่า”
“เปล่า แต่ปกติคุณไม่เดินจี้หลังฉันแบบนี้ คุณชอบเดินข้างๆฉัน”
“แหมก็เปลี่ยนวิวกันบ้าง เป็นช้างเท้าหลังก็ work ดีนี่นา”
ณัฐชาเห็นลิฟต์มาก็รีบตัดบท
“แล้วเจอกัน”
ณัฐชาจะเข้าลิฟต์แต่ฤทธิ์กลับคว้าตัวเธอไว้จนเซมาซบเขา
“ทำไมต้องรีบด้วยล่ะ คุณน่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย เราจะได้จู๋จี๋กัน”
“วันนี้ฉันงานยุ่ง”
“ถ้างั้นก็…บายนะ”
ว่าแล้วฤทธิ์ก็ก้มลงจูบณัฐชาแต่เธอรู้สึกได้แต่วินาทีแรกเลยว่ารสจูบของคนรักไม่เหมือนเดิมแม้แต่นิดเดียว ทว่าเธอไม่กล้าพูดอะไรตอนนั้นพอฤทธิ์คลายมือออก เธอก็รีบหนีลงลิฟต์ไปทันที ฤทธิ์มองตามอย่างลำพองใจ

ณัฐชาใช้โทรศัพท์มือถือมากดส่งไฟล์เสียงการสอบปากคำไปให้จ่าสมพร แล้วรีบกดโทรศัพท์โทรหา
“ฮัลโหลจ่า ฉันเพิ่งส่งไฟล์เสียงของคุณโทมัสไปให้ จ่าช่วยพิมพ์รายงานให้ทีนะ แล้วฉันจะรีบกลับเข้าไป”
ณัฐชาลดโทรศัพท์ลงและมองไปที่อาคารบลูฟินิกซ์ อย่างรู้สึกสังหรณ์ใจ อาคารบลูฟินิกซ์ถูกเมฆดำปกคลุมเหมือนบ้านผีสิง

ลิซ่ามุ่งหน้ามาที่ห้องแลป เห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังอธิบายการทำงานของระบบทดลองต่างๆแก่ฤทธิ์
“เกิดอะไรขึ้น”
“คือว่าคุณโทมัสอยากให้ผมอธิบายเรื่องการทดลองต่างๆในห้องแลปของเราครับ”
“อธิบายเหรอ” ลิซ่ามองหน้าฤทธิ์ “คุณอยู่ที่นี่มาก่อนเขาอีกนะ คุณโทมัส”
“ผมก็แค่อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เผื่อจะมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้”
“เช่นอะไร”
“น้ำตามัจจุราช กับวัคซีนต้านไวรัสของพรายพิฆาต”
“แต่ว่าคุณ…”
“นี่ลิซ่า ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องตอบคำถามของคุณนะ ขืนเซ้าซี้อีกล่ะก็ คุณถูกไล่ออกแน่”
ลิซ่าถึงกับอึ้งไป

ในห้องสมุดบลูฟินิกซ์...กระเป๋านิรภัยยังวางอยู่ในห้อง ฤทธิ์เดินเข้ามาดูอย่างไม่พอใจ และกลายร่างเป็นอัศวิน
“นังลิซ่า ขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง” อัศวินชะงักเมื่อเห็นกระเป๋า “นี่มันยังไม่เปิดกระเป๋าอีกเหรอเนี่ย ฮึย”
อัศวินครุ่นคิดอย่างเจ็บใจว่าจะเปิดกระเป๋านิรภัยได้ยังไง

จ่าสมพรนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนที่ณัฐชาจะเข้ามาทัก
“ว่าไงจ่า รายงานได้รึยัง”
“ผู้กองแน่ใจเหรอครับ ว่าไฟล์ที่ส่งมาเป็นเสียงของคุณโทมัส”

“ก็ใช่สิ มีอะไรผิดพลาดเหรอจ่า”

แทนคำตอบจ่าสมพรเอื้อมมือไปเปิดคลิปเสียงที่ว่า
“ตอนเกิดเหตุทุกอย่างมันชุลมุนมาก พอธิชาถูกยิง ผมก็พยายามจะหนีออกมา เลยไม่ทันได้เห็นว่าอัศวินถูกฆ่าตอนไหน”
จ่าสมพรกดปุ่มหยุด
“ไม่ใช่เสียงคุณโทมัส”
ณัฐชาอึ้ง
“เสียงเหมือนนายอัศวิน”
ระหว่างนั้นเองตำรวจก็เข้ามารายงาน
“ผู้กองครับ ทางนิติเวชแจ้งมาว่าศพของผู้หญิงที่ชื่อธิชาหายไปจากห้องเก็บครับผม”
ณัฐชาอึ้งไป

ฤทธิ์รู้สึกตัวอีกครั้งและเห็นสมุนของพรายพิฆาต ช่วยกันขนศพของธิชาเข้ามาไว้ที่เตียง
“พวกแก พวกแกเอาศพธิชามาทำไม”
“ไม่ต้องห่วงคุณโทมัส ท่านบารอนอยากเล่นสนุกกับคุณนิดหน่อย รออีกเดี๋ยวก็แล้วกัน”
สมุนพรายพิฆาตแสยะยิ้ม ขณะที่ฤทธิ์สงสัยว่าพวกมันมีแผนอะไรกันแน่

เจ้าหน้าที่ รปภ.ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ทำการปลดชนวนระเบิดอย่างระมัดระวังมองหวั่นๆ
“จะให้ผมเปิดกระเป๋าในนี้จริงๆเหรอครับ”
ฤทธิ์มองหน้า
“เอาเหอะน่า ฉันเชื่อมือนาย เปิดเดี๋ยวนี้เลย”
เจ้าหน้าที่ค่อยๆเลื่อนรหัสเปิดกระเป๋า ก่อนจะเปิดฝาออกอย่างโล่งใจเห็นน้ำตามัจจุราชสะท้อนแสงเรืองรอง ฤทธิ์ตาลุกวาวเขารีบดันเจ้าหน้าที่ออกไปแล้วคว้าน้ำตามัจจุราชขึ้นมา
“น้ำตามัจจุราช ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จจนได้”
เจ้าหน้าที่แอบมองฤทธิ์ อย่างรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง

ลิซ่าเดินไปหาฤทธิ์ เห็นเจ้าหน้าที่หิ้วกระเป๋านิรภัยสวนมา
“คุณลิซ่า”
“คุณโทมัสให้นายเปิดกระเป๋างั้นเหรอ”
“ครับ...คุณโทมัสบ่นว่าคุณลิซ่าไม่จัดการให้ซะที ผมก็เลยต้องเดือดร้อน” เจ้าหน้าที่นึกขึ้นได้ “เออแต่ก็แปลกนะครับ ที่คุณโทมัสแกลืมรหัสปลดชนวนระเบิด”
“ทำไม”
“มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของคุณโทมัสเองครับ”
ลิซ่ายิ่งรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน

รถของฤทธิ์แล่นมาจอดที่หน้าโกดังร้าง ฤทธิ์ตัวปลอมถือน้ำตามัจจุราชลงมาจากรถ ก่อนจะกลายร่างเป็นอัศวิน...สมุนพรายพิฆาตหลีกทางให้อัศวินเดินเข้ามาในโกดังร้าง ก่อนจะอวดน้ำตามัจจุราชให้ฤทธิ์ดู
“คุณเสร็จผมแล้วคุณโทมัส เกมส์นี้ผมเป็นฝ่ายนะ”
“แกเอาศพธิชามาที่นี่ทำไม”
“กำลังจะบอกคุณอยู่นี่ไง เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำตามัจจุราชที่อยู่ในมือผมเป็นของจริง ผมต้องทดสอบกับใครสักคน”
อัศวินส่งน้ำตามัจจุราชให้สมุนรับไปจัดการ สมุนใช้เข็มฉีดยาสูบยาบางส่วนขึ้นมา ฤทธิ์ตกใจพยายามห้าม
“อย่าบ้านะอัศวิน ธิชาตายไปแล้ว ปล่อยเธอไปซะ”
“ปล่อยไปไหนล่ะเจ้านาย ตายแล้วไปไหน สวรรค์เหรอหรือว่านรก ยมบาล หรือว่าพระเจ้า บอกตามตรงนะ ตราบใดที่ยังเป็นอมตะอยู่บนโลกใบนี้ ผมไม่แคร์ทั้งสองอย่าง”
สมุนส่งเข็มให้ อัศวินรับมาไม่พูดพล่ามอะไรอีกหันไปปักเข็มใส่คอของธิชาทันที
“จับเวลา”
สมุนของอัศวินรีบดูนาฬิกาข้อมือเพื่อจับเวลาการคืนชีพ ฤทธิ์มองแค้น
“แกทำอะไรลงไป”
“ทีนี้จะได้รู้ซะที ว่าบลูฟินิกซ์พัฒนาน้ำตามัจจุราชไปถึงขั้นไหน”
ฤทธิ์มองไปที่ศพของธิชาอย่างตกตะลึง

ลิซ่าคุยโทรศัพท์กับณัฐชา
“คุณลิซ่า ฉันว่าโทมัสเขาดูแปลกๆไปนะ คุณสังเกตบ้างรึเปล่า”
“ใช่ค่ะ เขาเปลี่ยนไปมาก”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ฉันว่าทางที่ดีคุณควรจับตาดูเขาเอาไว้ จับตาทุกฝีเท้า”
“ฉันคงทำไม่ได้หรอกค่ะผู้กอง เพราะว่าตอนนี้เขาออกไปข้างนอกและที่สำคัญก็คืออุปกรณ์ติดตามตัวของเขา จู่ๆก็ใช้การไม่ได้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ณัฐชาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฤทธิ์กันแน่

ธิชาสะดุ้งฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เธอหายใจเฮือกเหมือนคนเพิ่งโผล่จากน้ำ ฤทธิ์หน้าตื่น
“ธิชา”
สมุนพรายพิฆาตหันมาบอก
“สิบนาทีครับหัวหน้า”
“โอ้ว...สุโค่ยว่ะเจ้านาย บอกฉันหน่อยได้มั้ยทำไมแกถึงหยุดค้นคว้าเรื่องนี้”
“ยังไม่ถึงเวลาที่มนุษย์จะเป็นอมตะ โดยเฉพาะถ้ายังแก้ปัญหาเรื่องความกระหายเลือดไม่ได้ ที่สำคัญ…ฉันรู้ว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นอาวุธของพวกแก”
“ทายแม่นนี่หว่า...เอาล่ะเด็กๆ ถึงเวลาเล่นเกมส์กันซะที พวกแกเอานังนี่ไปล่ามไว้ตรงข้ามกับพี่ชายบุญธรรมของมัน”
ร่างของธิชาถูกหิ้วไปวางที่พื้น ก่อนที่สมุนพรายพิฆาตจะล่ามข้อเท้าของเธอข้างหนึ่งไว้ด้วยโซ่
“ส่วนนายโทมัสให้ปลดโซ่ออกหนึ่งเส้น”
สมุนพรายปลดโซ่ที่ล่ามข้อมือฤทธิ์ออกข้างหนึ่ง ฤทธิ์งุนงงว่าอัศวินมีแผนอะไรกันแน่ อัศวินกระแอมก่อนอธิบาย
“กติกาของเรามีดังนี้ ธิชาเพิ่งคืนชีพขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือหาเลือดดื่ม โดยมีเหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือพี่ชายบุญธรรมของเธอเอง และที่น่าสนใจก็คือในเลือดของแกมีไวรัสพรายพิฆาตแพร่กระจายอยู่ทุกอณู ถ้าไม่ดื่มเลือดเธอตาย ถ้าดื่มเลือดเธอติดเชื้อ ส่วนแก...ตาย”
“แกมันสารเลว ไอ้โรคจิต”
“เออใช่ ส่วนแกก็หลงตัวเอง ชอบทำตัวเป็นเทวดา แกมีสิทธิ์อะไรมาขอให้พรายพิฆาตให้หยุดล้างโลกใบนี้ เฮอะ พ่อเศรษฐีไฮโซ จะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยเงินบริจาคเพื่อการกุศล
งั้นเหรอ จะบอกให้นะ เงินของแกมันเปลี่ยนสันดานดิบของคนไม่ได้หรอก แล้วนี่ก็คือบทพิสูจน์”

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 19 (ต่อ)

อัศวินชักมีดพกของสมุนคนหนึ่งออกมาแล้วปาไปปักข้างๆตัวฤทธิ์
“ก่อนที่น้องสาวบุญธรรมของแกจะฟาดแกเป็นมื้อค่ำ ทางรอดทางเดียวของแกก็คือ ฆ่าเธอซะ”
ฤทธิ์แค้น
“แก...แกทำแบบนี้ทำไม...ทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่านี่คือการพิสูจน์ แกเปลี่ยนโลกใบนี้ไม่ได้หรอก”
“เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์ และสัญชาติญาณของสัตว์ทุกประเภทก็คือ การเอาชีวิตรอด”
ธิชาเริ่มมีอาการกระหายเลือด เธอทำท่าจะกัดสมุนของอัศวิน แต่ทุกคนก็ฉากหนีไปอย่างรวดเร็ว ข้อเท้าของธิชาถูกล่ามโซ่อยู่ เธอจึงกัดใครอีกไม่ได้ นอกจากฤทธิ์ที่ข้อมือถูกล่ามโซ่อยู่ตรงหน้า
“ธิชา ฟังพี่ให้ดีนะ ตั้งสติเอาไว้ อย่ากลายเป็นพวกมันเด็ดขาด”
ธิชามองฤทธิ์ด้วยความเสียใจ แต่อีกทางหนึ่งก็เจ็บปวดเพราะอาการกระหายเลือดและการกลายพันธุ์ ที่สุดก็กรีดร้องโหยหวนออกมาราวกับสัตว์ร้าย ฤทธิ์ตะลึง
“ธิชา”
อัศวินหัวเราะอย่างสะใจ หัวเราะเหมือนจะได้ดูฉากตลกครั้งใหญ่

ลิซ่าเข้ามาในห้อง แล้วร้องเรียกหาโปรแกรมจำลองความคิดของมาดามหลิว
“มาดามคะ ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
ภาพโฮโลแกรมของมาดามหลิวปรากฏขึ้น
“ฉันรู้แล้วลิซ่า ผู้ชายคนนั้นอาจไม่ใช่ฤทธิ์ ราวี”
“จริงเหรอคะมาดาม”
“ฉันจะจัดการเขาเอง แต่เธอต้องช่วยฉัน”
ลิซ่าพยักหน้าตกลงตามนั้น

ค่ำนั้น ธิชากำลังเจ็บปวดจากการกลายพันธุ์และกระหายเลือด ฤทธิ์พยายามปลอบเธอ
“อดทนไว้นะธิชา ไม่ใช่ทุกคนที่กลายพันธุ์แล้วจะต้องกระหายเลือดเสมอไป อย่างน้อยก็มีฉันคนนึงที่ไม่เป็นแบบนั้น”
ธิชากัดฟันคำรามด้วยความเจ็บปวด ฤทธิ์มองเธออย่างเวทนา และอดไม่ได้ที่เหลือบมองไปยังมีดที่ปักอยู่

อัศวินเดินกลับมาขึ้นรถและบอกกับสมุน
“อย่าลืมนะ ถ้าไอ้พี่น้องโลกสวยคู่นั้นมันฆ่ามันเมื่อไหร่รีบส่งคลิปไปให้ฉันทันที บอกตามตรง…อยากดูมาก ฮ่าๆ”
อัศวินหัวเราะก่อนจะกลายร่างเป็นฤทธิ์
“ได้ครับหัวหน้า ผมว่าเดี๋ยวมันต้องฆ่ากันแน่”
อัศวินขับรถจากไป สมุนพรายพิฆาตมองกลับไปที่โกดัง

ธิชาจิกกรงเล็บลงไปกับพื้น ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปเรียบร้อย ฤทธิ์ได้แต่เฝ้ามองดูสภาพของเธออย่างสิ้นหวัง สมุนพรายพิฆาตพากันลุ้นอย่างเมามัน
“เฮ้ย เอ็งว่าน้องจะฆ่าพี่ หรือพี่มันจะฆ่าน้องกันแน่วะ”
“แทงข้างน้องเว้ย รับรองมันต้องฟาดพี่มันเป็นมื้อค่ำแน่นอน ฮ่าๆ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเหล่าสมุนพรายพิฆาต ฤทธิ์กำลังมองสภาพของธิชาด้วยความสะเทือนใจ

ลิซ่ากับณัฐชากำลังโทรศัพท์คุยกัน
“จะลงมือเมื่อไหร่”
“คืนนี้ แต่โปรแกรมของมาดามจะพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าเขา ไม่ใช่โทมัสตัวจริง”
“ถ้างั้นฉันขอร่วมวงด้วย ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าโทมัสตัวจริงอยู่ที่ไหนกันแน่”

ที่ล็อบบี้กองปราบมีตำรวจประปราย ส่วนใหญ่ออกเวรกันหมด ณัฐชาสวมเสื้อเกราะเดินลงบันไดมา เธอตระเตรียมอาวุธปืนกะลุยเต็มที่ เสียงจ่าสมพรดังขึ้น
“ผู้กอง”
ณัฐชาหันไปเห็นจ่าสมพร นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่
“อ้าวจ่า นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ นึกว่าออกเวรไปแล้วซะอีก”
“สถานการณ์แบบนี้ผมทิ้งผู้กองไม่ลงหรอกครับ ลุยไหนลุยนั่น”
“งั้นมาด้วยกันเลยจ่า งานนี้มีลุยแน่”
จ่าสมพรยิ้มก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ลง

อัศวินในคราบของฤทธิ์กลับมาที่บลูฟินิกซ์ และพบกับความเงียบเหงาวังเวง ไฟถูกปิดจนสลัว ยามไม่มีเลยสักคน
“ไปมุดหัวที่ไหนกันหมด ก็ดี…จะได้สนุกให้เต็มที่”

ฤทธิ์เดินไปที่ลิฟต์ ก่อนที่ภาพโฮโลแกรมของมาดามหลิวจะปรากฏขึ้นและมองตามไปอย่างประสงค์ร้าย

 
ก่อนหน้านี้ ลิซ่ากับภาพโฮโลแกรมมาดามหลิว ปรึกษากันในห้องสมุด
 
“ฉันจะหาจังหวะแสกนร่างกายของเขา ถ้าเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ปลอมตัวมาละก็ ฉันต้องดูออกแน่”
“แล้วเราจะฆ่าเขาเลยรึเปล่าคะมาดาม”
“เราต้องจับเป็น จะได้สอบถามให้รู้ว่าโทมัสตัวจริงอยู่ที่ไหน”
ลิซ่าพยักหน้า

อัศวินในร่างของฤทธิ์ ยืนอ่านข้อมูลสามมิติเกี่ยวกับการทดลองน้ำตามัจจุราช
“เยี่ยมมาก น้ำตามัจจุราชถูกมาดามหลิวพัฒนาไปอีกขั้น การกลายพันธุ์อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์แล้ว ต่อไปโลกนี้จะไม่มีใครหยุดยั้งพรายพิฆาตได้อีก” เขานึกขึ้นได้ “นอกซะจาก…” เขารีบสั่งการ “ศูนย์ข้อมูล ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับวัคซีนปราบไวรัสพรายพิฆาต ส่งไฟล์มาให้ฉัน”
ภาพสามมิติปรากฏเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างวัคซีนปราบไวรัส
“การทดลองไปถึงขั้นไหนแล้ว”
ทันใดนั้นเองร่างโฮโลแกรมของมาดามหลิวก็ปรากฏขึ้น
“โทมัส”

ฤทธิ์หันมาเผชิญหน้ากับโปรแกรมมาดามหลิวอย่างประหลาดใจ ที่จู่ๆเธอก็โผล่มาเองตอนนี้

รถจ่าสมพรกำลังขับรถฝ่าความมืดมาโดยมีณัฐชานั่งอยู่ข้างๆ เธอเหลือบมองจ่าสมพรแล้วถามออกมาด้วยความสงสัย
“ขอถามเรื่องส่วนตัวได้มั้ยจ่า”
“ครับผม”
“ปกติถ้าเป็นคดีอื่น จ่าจะคอยแสตนด์บาย 24 ชั่วโมงแบบนี้รึเปล่า”
“ผู้กองสงสัยอะไรเหรอครับ”
“ฉันว่าจ่าดูกระตือรือร้นกับงานเป็นพิเศษ ว่ามั้ย”
จ่าสมพรยิ้มเศร้า
“ลูกเมียของผมต้องตายก็เพราะพวกมัน บอกตามตรงนะครับผู้กอง มันไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่หรอกครับ แต่มันคือการล้างแค้น”
ณัฐชาสลดไปเล็กน้อยและไม่ถามอะไรอีก ขณะที่จ่าสมพรนิ่งเงียบไป

ฤทธิ์เดินมาเผชิญหน้ากับโปรแกรมจำลองความคิดของมาดามหลิว
“มาดาม ผมไม่ได้เรียกคุณซะหน่อย”
“ฉันเห็นเธอกำลังค้นหาข้อมูล ก็เลยอยากช่วย”
“ก็ดี ผมอยากรู้เรื่องวัคซีนต้านไวรัสของพรายพิฆาต มันพัฒนาถึงไหนแล้ว”
“ยังอยู่ในขั้นทดลองระดับสาม แต่มีปัญหาค่อนข้างรุนแรง”
“งั้นเหรอ”
มาดามหลิวกวาดมือไปเบื้องหน้า ภาพสามมิติปรากฏขึ้น เป็นภาพของหนูทดลอง
“รายงานระบุว่า หลังจากได้รับวัคซีนเข้าไปไวรัสในตัวหนูทดลองจะลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นแค่สามนาที ก็จะเกิดโยโย่เอฟเฟ็คตามมา”
หนูทดลองจำนวนมากทุรนทุราย ล้มตายเกลื่อน มีไม่กี่ตัวที่รอดตาย
“ไวรัสพรายพิฆาตจะกลายพันธุ์และเพิ่มปริมาณขึ้นเป็นสามเท่า ทำให้สัตว์ทดลองจำนวนมากเสียชีวิต มีเพียงไม่กี่ตัวที่สร้างภูมิคุ้มกันได้สำเร็จ และรอดตาย”
ฤทธิ์ยิ้ม
“สมแล้วที่เป็นไวรัสของพรายพิฆาต ร้ายกาจจริงๆ”
“แต่ก็ยังไม่ร้ายเท่านาย”
ฤทธิ์ชะงักหันมา
“อะไรนะ”
ภาพสามมิติเกี่ยวกับการทดลองหายไป มาดามหลิวจ้องหน้าฤทธิ์
“ฉันแสกนร่างกายของนายแล้ว โครงสร้างของนายไม่ใช่โทมัสแต่นายคือ…อัศวิน”
ฤทธิ์ยิ้มเหี้ยมก่อนจะคืนร่างเป็นอัศวินทันที

จ่าสมพรขับรถมาจอด ณัฐชารีบเปิดประตูเดินนำจ่าสมพรเข้าไปในบลูฟินิกซ์
“เราต้องติดต่อใครก่อนรึเปล่าครับ”
“ไม่ต้องแล้วจ่า ลิซ่ารอเราอยู่ที่ห้องแลป”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ณัฐชาชะงักรับโทรศัพท์”
“ฮัลโหล ใครน่ะ”
“เซอร์ไพรซ์จ้ะเพื่อนรัก”
ณัฐชาตะลึงเธอจำเสียงได้
“ไอริณ”
ไอริณอยู่บนรถแท็กซี่ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
“งงสิท่า พอดีฉันมีงานถ่ายโฆษณา ก็เลยบินด่วนกลับมากรุงเทพ คืนนี้เธอว่างรึเปล่า ช่วยเอาของฝากหน่อยสิ ฉันซื้อของมาฝากเธอเยอะแยะเลยนะ”
ณัฐชาอึ้งก่อนจะเห็นจ่าสมพรชี้นาฬิกาข้อมือถึงนึกได้
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนละกันนะ คือฉันทำงานอยู่ เดี๋ยวโทรกลับนะ”
“อ้าว เดี๋ยวสิณัฐชา ตกลงกันก่อน คืนนี้ฉันจะไปค้างที่ห้องเธอนะ ณัฐชา”
ณัฐชาวางสาย
“มาอะไรกันตอนนี้...ไปต่อจ่า”
ณัฐชารีบนำจ่าสมพรบุกต่อไป

มาดามหลิวโบกฝ่ามือลงอย่างรวดเร็ว ประตูห้องแลปเลื่อนปิดลงทันที
“โปรแกรมของฉันเชื่อมต่อกับระบบทั้งหมดของอาคาร ฉันจะขังแกไว้ที่นี่”
“ถึงไงเธอก็ฆ่าฉันไม่ได้อยู่ดี”
มาดามหลิวยิ้ม
“แน่นอน ฉันทำไม่ได้”
ทันใดนั้นเสียงลิซ่าดังขึ้น
“แต่ฉันทำได้”
อัศวินหันไปเห็นลิซ่าโผล่มาจากที่ซ่อนพร้อมปืนยิงคลื่นไฟฟ้าในมือ เธอเหนี่ยวไกยิงร่างอัศวินจนเซไปชนแผงเครื่องมือบางอย่างทำให้กระแสไฟฟ้าในห้องช๊อตติดๆดับๆ อัศวินกัดฟันคำรามด้วยความเจ็บปวด

ณัฐชากับจ่าสมพรออกจากลิฟต์ และเห็นกระแสไฟติดๆดับๆตลอดทางเดิน
“สงสัยเกิดเรื่องแล้วครับผู้กอง”
“ลิซ่า”
ณัฐชาวิ่งนำจ่าสมพรไปที่ห้องแลปทันที

อัศวินแผดร้องด้วยความเจ็บปวด คลื่นไฟฟ้าฉาบรอบตัว มาดามหลิวสั่ง
“ลิซ่าเพิ่มกำลังไฟอีก เอามันให้อยู่”
ลิซ่ามองที่มาตรวัดของปืน
“พลังงานใกล้หมดแล้วค่ะมาดาม”
อัศวินกัดฟัน
“นังสารเลว พวกแกต้องตาย”
ลิซ่าปรับกำลังไฟยิงที่เหลือไปจนหมด อัศวินโดนช๊อตจนตาเหลือก เลือดไหลออกจมูก ปาก หู
“อ๊าก”
ปืนของลิซ่าดับวูบ ไฟหมดลงพอดี อัศวินเข่าทรุดไปกับพื้น
“ลิซ่า เข้าชาร์จมัน”
ขาดคำมาดามหลิว ลิซ่าคว้ากระบองไฟฟ้าออกมาแล้วเดินดุ่มจะเข้าไปฟาด อัศวินเงยหน้าขึ้น และตะปบข้อมือลิซ่าเอาไว้
“นังตัวแสบ”
ลิซ่าหน้าเสีย รีบออกเพลงมวยเล่นงานอัศวินแต่มันไม่สะเทือนแม้แต่น้อย อัศวินคำรามออกมาก่อนจับร่างลิซ่าโยนไปจนชนข้าวของล้มโครม มาดามหลิวตกใจ
“ลิซ่า”
ลิซ่าโงนเงนลุกขึ้นมา
“มาดาม”
อัศวินคว้าเศษกระจกที่หล่นอยู่ขึ้นมา แล้วเดินไปกระชากวิกผมลิซ่าออก
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าใส่วิก” อัศวินกระชากคอลิซ่า “เธออยากแตกต่างจากฝาแฝดของเธอใช่มั้ยลิซ่า ฉันจะจัดการให้”
มาดามหลิวตกใจร้องห้าม
“อย่า”
อัศวินเอาเศษกระจกบากหน้าลิซ่าจนเป็นแผล ลิซ่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ไม่เอาน่าคนเก่ง ทีเธอเล่นงานฉัน ฉันยังไม่ว่าสักคำ”
มาดามหลิวตวาด
“อัศวิน ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”
อัศวินมองดุ
“เปิดประตู”
“ไม่”
“ถ้าแกไม่เปิด ฉันจะกรีดคอนังนี่”
มาดามหลิวมองอัศวินด้วยความโกรธแค้น
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเจ๊ เธอมันเป็นแค่โปรแกรมนะ ไม่ใช่มาดามหลิวตัวจริงซะหน่อย”
“แกมันโหดยิ่งกว่าไอ้กรณ์ซะอีก”
“เปิดประตู”
มาดามหลิวมองไปที่ประตู ประตูเลื่อนเปิดออก อัศวินขู่
“อย่าตุกติกเชียวนะมาดาม”

อัศวินลากตัวลิซ่าออกไปกับมัน

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 19 (ต่อ)

อัศวินลากตัวลิซ่าล่าถอยออกมาทางเดินหน้าห้องแลปบลูฟินิกซ์
“แผนล่มไม่ท่า หน้าแหกขนานแท้ จริงมั้ยจ๊ะคนสวย”
ลิซ่าได้แต่ข่มกลั้นอารมณ์แค้น แต่ทันใดนั้นเอง เสียงณัฐชาดังขึ้น
“อัศวิน”
อัศวินหันไปและเจอยิงเข้าที่บ่าจนหงายหลัง กระจกในมือหล่นแตกไปกับพื้น
“ลิซ่าหลบ”
ลิซ่ารีบพลิกตัวไปชิดผนัง ณัฐชากับจ่าสมพรกระหน่ำยิงใส่อัศวินหูดับตับไหม้ อัศวินโดนยิงจนเลือดสีเขียวสาดกระเซ็นไปทั่ว ต่อให้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แต่โดนไฟช็อตแถมโดนยิงซ้ำแบบนี้ก็ทรุดลงกระอักเลือดไปเช่นกัน ลิซ่ามัวยืนตะลึงอยู่ด้วยความตกใจ จนภาพเสมือนจริงของมาดามหลิวปรากฏขึ้น
“ลิซ่า ฉีดยาให้มัน”
ลิซ่าได้สติก็รีบดึงเข็มฉีดยาที่พกติดตัวไว้ออกมา และปักใส่คอของอัศวินทันที แต่เวลานั้นอัศวินเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้วชาไปทั้งตัว มันเลยได้แต่ยิ้มให้ลิซ่า ณัฐชามองอย่างสงสัยก่อนจะถาม
“อะไรน่ะลิซ่า”
“ไซยาไนต์ถ้าเป็นคนธรรมดารับรองว่าตายแน่ แต่กับมนุษย์กลายพันธุ์ คงหมดฤทธิ์ไปสัก 2 ชั่วโมง”
ณัฐชาพยักหน้าอย่างโล่งใจที่ลิซ่าไม่ได้ฆ่ามัน ขณะที่จ่าสมพรยังมองภาพจำลองเสมือนจริงของมาดามหลิวไม่วางตา มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากสำหรับอดีตตำรวจภูธรอย่างเขา

ธิชาพยายามหาอะไรเกาะไว้ พยายามจะล็อกตัวเองไม่ให้ขยับไปทำร้ายฤทธิ์ สภาพของเธอเหมือนคนอยากยาเสพติดไม่มีผิดทั้งสั่นทั้งปวดร้าวไปทั้งตัว ฤทธิ์เฝ้าดูธิชาเห็นเธอร้องครางออกมาก็ยิ่งสงสาร
“ธิชา”
“ทำไมพี่ต้องดีกับฉันขนาดนี้ แม้แต่พี่ชายแท้ๆของฉัน ยังไม่สนใจฉันเลย”
“ไม่จริงนะธิชา ชาญรักเธอ”
ธิชาคำราม
“ไม่...เขาด่าฉัน เขาเรียกฉันว่าขี้ยา เขาปล่อยให้ฉันถูกขังอยู่ในคุก เขาเกลียดฉัน”
“เขาแค่อยากดัดนิสัยเธอต่างหาก เขาอยากให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“ไม่จริง เพราะเขานั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องหลงผิด ไปอยู่กับพรายพิฆาต”
ธิชาหลับตาลงนึกทบทวนอดีตที่ผ่านมา
“พวกมันเจอฉัน ตอนที่หนีออกจากบ้าน หนีมาจากนายดอน”
ในอดีต...ธิชาโดยสารมาบนรถของสมุนพรายพิฆาต
“เราจะไปที่ไหน”
“พบท่านบารอน”
ธิชาสงสัย
“บารอน”
“หัวหน้าสาขาของพรายพิฆาต”

สมุนพรายพิฆาตพาธิชาเข้ามาในโกดังและเห็นบารอนยืนเด่นอยู่ เขาชูมือให้เธอราวกับนักบุญผู้เปี่ยมเมตตา
“ธิชา...ธิชาผู้น่าสงสาร มานี่สิ มาหาข้า”
ธิชานึกหวั่นทำท่าจะถอย แต่ก็ถูกสมุนพรายพิฆาตคว้าตัวไว้ แกมผลักให้เข้าไปหาบารอน...ธิชาเดินมาเผชิญหน้ากับบารอนอย่างหวาดหวั่น เขายกมือประคองสองบ่าของเธอ
“จงสาบานตัวเป็นสาวกของพรายพิฆาต แล้วข้าจะให้อำนาจกับเจ้า ต่อไปจะไม่มีใครกล้าทอดทิ้งเจ้าอีก หากเจ้ายอมทำงานให้กับข้า”
ธิชามองบารอนอย่างลังเล
“ว่าไงธิชา”
บารอนให้ธิชาดูภาพของฤดี
“ผู้หญิงคนนี้จะคุ้มครองเจ้า อีกไม่นานจะมีผู้ชายคนนึงมาตามหาเจ้าที่นี่ ผู้ชายคนนั้นชื่อ โทมัส มันเป็นคนของมาดามหลิว คนที่แย่งชาญไปจากเธอ คนที่ทำลายชีวิตของเธอ”

ฤทธิ์อึ้งไปกับเรื่องราวทั้งหมด ขณะที่ธิชาปากคอสั่นเพื่อข่มอาการกระหายเลือดพลางเล่าบทสรุป
“มันรู้ว่าพี่จะมา มันรู้ว่าฉันจะต้องช่วยพวกมันทำลายทุกอย่างที่เป็นของมาดามหลิว”
“ช่างมันเถอะธิชา ทุกอย่างแก้ไขได้ พี่จะช่วยเธอเอง”
“ไม่ทันแล้ว มันสายไปแล้ว”
“ธิชา”
ธิชาคำรามใส่ฤทธิ์ราวกับสัตว์ป่า ฤทธิ์อึ้งไป ขณะที่ธิชาปล่อยมือจากสิ่งที่ยึดเกาะไว้ก่อนหน้านี้ แล้วลุกขึ้นเดินลากโซ่ที่ข้อเท้า ตรงมาหาฤทธิ์
“ฉัน…หิว…ฉันหิวเหลือเกิน”
ฤทธิ์มองธิชาอย่างปวดร้าว ก่อนจะกัดฟันรวบรวมความกล้าหันไปกระชากมีดที่อัศวินปักทิ้งไว้ออกมาขู่
“อย่าเข้ามา”
“พวกมันพูดถูก มนุษย์ก็เป็นแค่สัตว์ที่เห็นแก่ตัว ต้องการแค่มีชีวิตอยู่”
“พอเถอะธิชา”
“ฉันจะกินเลือดของแก ฉันจะฆ่าแก”
ธิชาเดินโซเซตรงเข้ามาทั้งๆที่ฤทธิ์ถือมีดขู่อยู่ตรงหน้า ธิชาร้องไห้

“เอาสิ ฆ่าฉันเลย ถ้าแกทำได้ ก็ลงมือเลย ทำเหมือนกับคนอื่น ทำลายฉัน…ทำลายชีวิตของฉัน”

ฤทธิ์นิ่งงันไป เขานึกถึงภาพอันผูกพันกันเหมือนพี่น้อง ตั้งแต่รับเธอมาอยู่ด้วย เที่ยวเล่น ดูแล และปกป้องเธอ มีดในมือฤทธิ์สั่นระริก เขาทำร้ายธิชาไม่ลง แม้เธอมาทรุดคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้า และเอื้อมมือมาคว้าบ่าของเขา ก่อนจะแสยะเขี้ยว
“ฉันไม่ใช่น้องสาวของแก ไม่ใช่ครอบครัวของแก ฆ่าฉันสิ ฆ่าฉัน”
ฤทธิ์มองหน้าธิชาก่อนจะลดมีดลง ธิชามองเขาอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นสีหน้าฤทธิ์เริ่มปล่อยวาง
“เธอคือน้องสาวของพี่...ธิชา พี่จะพิสูจน์ให้ดู”
ฤทธิ์ว่าแล้วหลับตาลงในสภาพพร้อมตาย ธิชาน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะคำรามกรีดร้องอย่างโหยหวนใส่ ฤทธิ์ยังคงปล่อยวางอยู่ในสภาพนั้น ขณะที่ธิชาดึงมีดไปจากมือของเขาแล้วทันใดนั้นมีเลือดกระเซ็นมาเปื้อนหน้าฤทธิ์ สมุนของพรายพิฆาตที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาดูเหตุการณ์ก่อนจะตกตะลึง ฤทธิ์ลืมตาขึ้น และเห็นธิชาถือมีดอยู่ในมือ ที่คอมีรอยแผลถูกปาดจนเลือดทะลักท่วมเสื้อผ้า
“เลือดของฉันยังเป็นสีแดง ฉันไม่ใช่สัตว์ ฉันเป็น…น้องสาวของพี่”
ฤทธิ์ได้แต่ช็อคไป เมื่อธิชาส่งยิ้มให้เขาก่อนจะทรุดลงซบศีรษะลงที่บ่าและสิ้นใจอย่างสงบ
“ธิชา...ธิชา...ธิชา”
ฤทธิ์กอดศพธิชาก่อนจะร้องไห้ออกมา

ท้องฟ้ามีเมฆดำทะมึนเหมือนจะมีพายุฝนตกลงมา ไอริณนั่งทานอาหารด้วยความหงุดหงิดอยู่ในร้านอาหาร เธอกินอย่างระบายอารมณ์
“เหลือเกินจริงๆยัยณัฐชา เพื่อนอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา มัวแต่ทำงานอยู่ได้”
เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบดังครืนๆ ไอริณหันมองไปนอกกระจก
“ท่าทางฝนจะตกหนักซะด้วย คืนนี้จะไปค้างที่ไหนดีเนี่ย”
ไอริณหันกลับมาแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ไอริณตะลึง

อัศวินเพิ่งได้สติก็เห็นณัฐชากับลิซ่าโผล่มาสอบปากคำ
“ว่าไงไอ้มนุษย์กลายพันธุ์ รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“ถ้าแกยังไม่อยากตายก็บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณโทมัสอยู่ที่ไหน”
อัศวินอ่อนเพลีย
“ฉันไม่รู้ ฉัน...จำไม่ได้ หึๆ”
จ่าสมพรเฝ้ามองอยู่อย่างตึงเครียด ลิซ่าหยิบเข็มฉีดยาออกมาอีก
“ฟังฉันให้ดีนะ คราวนี้ที่ฉันจะฉีดให้แกไม่ใช่ไซยาไนด์ แต่เป็นไวรัสพรายพิฆาต ถ้าแกโดนเข้าไปเมื่อไหร่ แกจบแน่”
อัศวินคิดหนักก่อนจะตัดสินใจ
“อย่าใจร้ายนักสิคนสวย ฉันยอมเธอก็ได้ ตอนนี้นายโทมัสอยู่ที่โกดังร้าง”
“ที่ไหน” ณัฐชาถามเสียงเข้ม
“ที่เดิมที่แกเคยไป แล้วไม่คิดว่าฉันจะย้อนกลับไปอีก ฮะๆ”
ณัฐชาแค้นๆ
“ไอ้เลว...ดูแลทางนี้ด้วยนะคุณลิซ่าฉันจะรีบไปช่วยคุณโทมัส”
จ่าสมพรขัดขึ้น
“เอ่อเดี๋ยวครับผู้กอง ทางนี้ให้ผมจัดการเองดีกว่า ให้คุณลิซ่าไปกับ ผู้กองเถอะครับ”
“อ้าว...ทำไมล่ะจ่า”
“พวกพรายพิฆาตมันล้ำสมัยกว่าพวกเรา ผมคิดว่าคุณลิซ่าน่าจะช่วยผู้กองได้มากกว่าผม ส่วนเรื่องกองหนุนเดี๋ยวผมโทรตามให้เองครับ”
ลิซ่าเห็นด้วย
“ก็จริงนะผู้กอง คุณโทมัสยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ฉันจะเตรียมยาไปรักษาเขา”
“ถ้างั้นคอยเฝ้าให้ดีนะจ่า ครบสองชั่วโมงเมื่อไหร่ รีบฉีดไซยาไนด์ให้มัน”
“ครับ ผู้กอง”

ณัฐชาขับรถพาลิซ่าไปช่วยฤทธิ์ เธอเห็นลิซ่านิ่งเครียดก็ปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงนะคุณลิซ่า ป่านนี้พวกตำรวจคงรออยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าเราไปถึงเมื่อไหร่ คุณโทมัสจะต้องปลอดภัย”
“ฉันเป็นห่วงเรื่องอาการป่วยของเขามากกว่า เขาไม่ได้ฉีดยาต้านไวรัสมา 24 ชั่วโมงแล้ว ในร่างกายของเขาตอนนี้คงมีไวรัสแพร่กระจายเต็มไปหมด ถึงฉีดยาต้านให้เขาก็ไร้ประโยชน์”
ณัฐชาเริ่มหวั่นว่าจะได้ยินข่าวร้าย
“ที่แย่กว่านั้นเราไม่มีน้ำตามัจจุราช จะให้โทมัสกลายพันธุ์อีกรอบ เพื่อสู้กับไวรัสเหมือนคราวก่อนคงเป็นไปไม่ได้”
ลิซ่านึกถึงตอนที่ฤทธิ์กลายพันธุ์รอบสอง เขากระโจนขึ้นมาจากน้ำและฆ่าพวกแหลม...ลิซ่าหยิบกล่องใส่เข็มฉีดวัคซีนออกมาดู
“ความหวังสุดท้ายก็คือฉีดวัคซีนต้านไวรัส ซึ่งยังไม่เคยทดลองกับมนุษย์มาก่อน”
“เธอคิดว่าจะได้ผลรึเปล่า” ณัฐชาถามอย่างกังวล
“มีความหวังไม่ถึง 5 %”
ณัฐชาอึ้งไป ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของลิซ่าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล...นั่นใครพูด”

ลิซ่าท่าทางประหลาดใจ จนณัฐชารู้สึกผิดสังเกต

ณัฐชา เดินนำลิซ่าเข้ามาในร้านอย่างหงุดหงิด เธอเห็นไอริณนั่งหวาดหวั่นอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
“ไอริณ พวกเรากำลังรีบอยู่นะ เธอตามฉันมานี่ทำไม”
ไอริณไม่กล้าตอบ
“พวกเธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า”
ลิซ่ากับณัฐชามองไปและต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าคนที่นั่งอยู่กับไอริณก็คือ ใจทิพย์
“ใจทิพย์”
ลิซ่าแย้งทันที
“ไม่ใช่…พรายพิฆาตต่างหาก”
ใจทิพย์แสยะยิ้ม
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งณัฐชา...นั่งสิ”
ณัฐชาเหลือบมองหน้ากันกับลิซ่า ไม่แน่ใจว่าควรนั่งหรือไม่

ฤทธิ์นั่งมองศพธิชาที่นอนอยู่กับพื้นตรงหน้าเขาอย่างอาวรณ์ ก่อนที่สมุนพรายพิฆาตจะเข้ามาหิ้วไป
“อย่ายุ่งกับเธอ”
สมุนพรายพิฆาตตวาด
“หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
สมุนพรายพิฆาตอีกคนยิ้มหยัน
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกได้ตามเธอไปแน่”
“ถ้าฉันเป็นอิสระเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด”
พวกสมุนพรายพิฆาตพยักพเยิดกันขำๆ และหิ้วศพธิชาไปทิ้งที่อื่น ฤทธิ์ได้แต่มองตามศพของธิชาไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบเห็นมีดยังหล่นอยู่ที่พื้น เขารีบคว้ามันมาซ่อนไว้ข้างหลัง

ภาพโฮโลแกรมของมาดามหลิวปรากฏขึ้น และเฝ้ามองจ่าสมพรที่กำลังนั่งเฝ้าอัศวินที่ถูกมัดอยู่บนเตียง อัศวินเหลือบเห็นมาดามหลิวก็ยิ้มให้ก่อนจะหันไปเย้ยจ่าสมพร
“ไอ้แก่ใจเสาะเอ๊ย ให้ผู้หญิงไปลุย ส่วนตัวเองดันมาเฝ้านักโทษ ป๊อดว่ะ”
“ที่ฉันอยู่นี่ก็เพราะอยากดูหน้า ไอ้พวกที่มันฆ่าลูกเมียฉัน”
“แล้วไง”
“กำลังคิดว่าว่าจะถลกหนังแกดีรึเปล่า”
“ก็เอาสิ ถ้ามีน้ำยาก็เข้ามาเลย”
ขาดคำจ่าสมพรก็ยืนขึ้นอย่างเร็วจนเก้าอี้ล้ม แล้วทำท่าจะรี่ไปหาอัศวิน เสียงมาดามหลิวดังขัดขึ้น
“คุณตำรวจ”
จ่าสมพรเพิ่งเห็น
“คุณ”
“คุณออกไปพักเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
จ่าสมพรมองอัศวินอย่างมีโทสะ ก่อนจะปลีกตัวไป
“จะไปไหนไอ้แก่…ไม่แก้แค้นแล้วเหรอ”
จ่าสมพรหันมาแบบเริ่มจะสุดทน มาดามหลิวตวาด
“อัศวินหุบปากได้แล้ว”

ไอริณ ใจทิพย์ ณัฐชา ลิซ่า เผชิญหน้ากัน…ร่วมโต๊ะเดียวกัน
“เหมือนงานเลี้ยงรุ่นเลยนะ ว่ามั้ย” ใจทิพย์ยิ้มๆ
ณัฐชาแย้ง
“เหมือนนัดกินข้าวก่อนปิดเทอมต่างหาก”
ลิซ่าเสริม
“เทอมสุดท้ายซะด้วย”
ไอริณหันมาถามณัฐชา
“ณัฐชา ตกลงผู้หญิงคนนี้คือใจทิพย์ หรือพรายพิฆาตกันแน่”
ณัฐชามองหน้าพรายพิฆาตในร่างใจทิพย์
“ฉันเผาศพใจทิพย์ไปแล้ว แกเอาร่างของเขามาได้ยังไง”
“ทุกอย่างก็เป็นแค่พลังงานคุณตำรวจ ทุกอย่างที่คุณเห็นไม่ได้มีอยู่จริงแต่เป็นการรวมตัวกันของพลังงานในรูปแบบต่างๆ”
ไอริณสงสัย
“แล้วทำไมต้องเป็นร่างของใจทิพย์”
“เพราะใจทิพย์คือผู้หญิงที่ฤทธิ์ ราวีต้องการมากที่สุด เหมือนกับฉันที่อาจจะเป็นในอนาคต”
ลิซ่าค้อน
“ฝันไปเถอะ”
“ระวังปากด้วย นังเด็กหลอดแก้ว เชื่อมั้ยว่าฉันหักคอแกได้โดยไม่ต้องขยับตัวเลยด้วยซ้ำ”

ลิซ่าฮึดฮัดแต่ณัฐชาคว้าบ่าไว้เป็นเชิงเตือนว่าให้อยู่เฉยๆก่อน

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 19 (ต่อ)

อัศวินยังคงถากถางจ่าสมพร
“เพราะแกมันขี้ขลาดแบบนี้ไง ลูกเมียถึงต้องตายอย่างน่าสังเวช” อัศวินดัดเสียง “พ่อขาช่วยหนูด้วย ถามจริงๆ ตอนที่ลูกแกถูกฆ่า แกทำอะไรอยู่วะไอ้แก่”
“กูจะฆ่ามึง”
จ่าสมพรปรี่ไปชกอัศวินที่โดนมัดอยู่กับเตียง มาดามหลิวห้าม
“คุณตำรวจพอได้แล้ว”
จ่าสมพรปลดสายรัดของอัศวินออก ก่อนจะลากตัวมันลงมาจากเตียง แล้วลงมือกระทืบไม่ยั้ง
“ไอ้พวกพรายพิฆาต มึงฆ่าลูกเมียกู มึงอย่าอยู่เลย”
มาดามหลิวพยายามห้าม
“จ่าสมพร หยุดซะที”
จังหวะนั้นเองอัศวินก็ตะปบข้อเท้าจ่าสมพรแล้วกระชากจนล้มทั้งยืน มาดามหลิวตกใจ
“จ่า”
จ่าสมพรขยับจะชักปืน แต่ก็ช้าเกินไปเมื่ออัศวินพลิกตัวไปคว้าเก้าอี้ฟาดใส่จ่าสมพรจนหัวแตก ปืนกระเด็นหลุดจากมือ

ณัฐชามองหน้าใจทิพย์
“บอกมาสิว่าเธอต้องการอะไร”
“ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฤทธิ์ ราวี ไม่ใช่แค่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่รู้ด้วยว่าเขาจะตายยังไง”
ลิซ่าสวน
“ฝีมือของพวกแก”
“อัศวินเป็นคนละโมบ เรื่องที่เขาทำฉันไม่เกี่ยว ฉันรักษาสัญญาที่ให้ไว้เสมอ สามปีนี้ฉันจะยุติการเคลื่อนไหว”
ไอริณจ้องหน้า
“ถ้างั้นคุณก็ควรพิสูจน์ด้วยการช่วยพวกเรา”
ใจทิพย์ จิบไวน์ในแก้วของตน แล้วมองหน้าสามสาวทีละคน
“ทำไมฉันต้องช่วยศัตรูของฉัน บอกเหตุผลหน่อยได้มั้ย”
ไอริณ ณัฐชา ลิซ่า อึ้งกันหมด
“คุณให้เวลาโทมัสสามปีเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น เพื่อที่ยุติการล้างโลกของคุณ มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องตาย” ณัฐชาอธิบาย
ใจทิพย์จิบไวน์อีก
“อัศวินเป็นลูกน้องของฉัน ถึงเขาจะมีแผนร้าย แต่ก็ไม่ได้ลงมือเหมือนกรณ์ ถ้าฉันช่วยพวกเธอฆ่าเขา แล้วต่อไปจะปกครองลูกน้องได้เหรอ”
ลิซ่าฉุนลุกขึ้นตบโต๊ะ
“เลิกพล่ามซะที ตกลงจะเอายังไงกันแน่ เธอให้เรามาที่นี่ทำไม”
คนในร้านชะเง้อมองมาอย่างแปลกใจ ใจทิพย์หันไปถลึงตาใส่ลิซ่า แล้วใช้พลังจิตบังคับให้ลิซ่านั่งลง ลิซ่าสู้แรงได้ไม่นานก็จำต้องนั่งบ่นงึมงำ
“นังปีศาจ”
ใจทิพย์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะเลื่อนแก้วไวน์ของเธอมาตรงหน้าณัฐชา
“ดื่มซะ”
“ทำไมฉันต้องดื่ม”
“เพราะถ้าไม่ดื่ม เธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” ใจทิพย์เข้ามาจ้องหน้า “ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ณัฐชา”
ใจทิพย์ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างใจเย็น ณัฐชาเหลือบมองแก้วไวน์ ไอริณรีบห้าม
“อย่าดื่มนะณัฐชา ในแก้วอาจมียาพิษก็ได้”
“แต่ฉันเห็นเขาดื่ม”
ลิซ่าส่ายหน้า
“ไร้สาระณัฐชา เขาก็แค่หลอกเธอเท่านั้นเอง”
ณัฐชามองที่แก้วไวน์อย่างครุ่นคิด

อัศวินคว้าปืนของจ่าสมพรขึ้นมา ก่อนจะเดินไปกระชากคอจ่าสมพรให้ลุกขึ้น
“ไอ้โง่”
อัศวินเหวี่ยงตัวจ่าสมพรไปพิงผนัง แล้วเอาด้ามปืนตบ
“ไซยาไนต์มันกดได้แค่พลังพิเศษโว้ย ฉันยังมีแรงอยู่เข้าใจรึยัง ไอ้แก่งี่เง่า”
จ่าสมพรโดนตบจนเลือดสาด หมดทางสู้ อัศวินเอาปืนจ่อที่หัวใจของเขาแล้วง้างนกปืน
“คิดถึงลูกเมียนักใช่มั้ย ได้เลย...เดี๋ยวจะตีตั๋วให้”
มาดามหลิวหน้าตื่น

“อัศวินฉันขอเถอะ ปล่อยเขาไปซะ”

อัศวินมองหน้ามาดามหลิว แต่นิ้วเหนี่ยวไกเปรี้ยง ร่างของจ่าสมพรผงะจะร่วงแต่อัศวินยังหิ้วตัวไว้
“โทษที ตะกี๊ว่าไงนะมาดาม”
มาดามหลิวมองอัศวินด้วยความโกรธ ขณะที่อัศวินหันมามองลำคอของจ่าสมพร
“ขอชาร์จพลังหน่อยนะจ่า”
อัศวินอ้าปากกัดคอจ่าสมพรเพื่อดื่มเลือด จ่าสมพรตาค้างตายทั้งเป็น

ฤทธิ์เห็นสมุนพรายพิฆาตกำลังจับกลุ่มปรึกษากัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน ขณะที่สมุนพรายพิฆาตคนหนึ่งเดินมาหาเขา
“เพื่อนของแกกำลังมาที่นี่ หัวหน้าสั่งให้เรารีบเตรียมการต้อนรับ”
ฤทธิ์นึกสงสัยว่าคนที่มาคือใคร เขาเริ่มมีอาการไอออกมา ไวรัสแพร่กระจายแล้ว

โทรศัพท์มือถือวางอยู่บนโต๊ะ อัศวินกลายร่างเป็นจ่าสมพรกำลังเช็ดเลือดที่มือกับผ้าเช็ดหน้าก่อนจะกดโทรศัพท์
“ฮัลโหลนี่จ่าสมพรพูด เรื่องกำลังเสริมที่ติดต่อไป เราไม่ต้องการแล้ว ผู้กองณัฐชาสั่งยกเลิกแผน ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด”
มาดามหลิวเฝ้ามองดูจ่าสมพรด้วยความแค้น อัศวินเปลี่ยนเป็นร่างเดิมยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องห่วงนะมาดาม ไวรัสที่ผมปล่อยเข้าระบบคุณจะทำให้ทุกอย่างเป็นอัมพาตชั่วคราว รวมทั้งโปรแกรมของคุณด้วย”
“ผู้กองณัฐชาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“กว่าจะรู้ก็สายไปแล้วมาดาม”
มาดามหลิวมองอัศวินอย่างแค้นใจ ก่อนจะหลับตาลง ไฟฟ้าทั้งหมดในอาคารดับวูบ
“คิดจะ reboot ระบบงั้นเหรอ ก็ได้ ดูซิว่าใครจะเร็วกว่า”
อัศวินหันคว้าปืนยิงคลื่นไฟฟ้ามาสะพายบ่า แล้วรีบเดินทางไปจากที่นั่น

ไอริณ ณัฐชา ลิซ่าโผล่จากที่กำบังมาดูลาดเลา
“ฉันบอกว่าอย่าตามมา เธอก็ไม่เชื่อไอริณ” ณัฐชาบ่น
“แหมก็ฉันเป็นห่วงคุณโทมัสนี่ ก็ไหนเธอบอกว่ามีกำลังเสริมด้วยไง...แล้วนี่หายไปไหนกันหมด”
“ท่าจะไม่ดีแล้วผู้กอง รีบโทรถามจ่าสมพรเถอะ”
ณัฐชาคว้าโทรศัพท์ออกมา แต่แล้วก็มีสายโทรเข้าเสียก่อน
“หมายเลขของบลูฟินิกซ์” เธอกดรับสาย “ฮัลโหล”
โปรแกรมมาดามหลิวยืนหลับตาอยู่ในความมืด
“ผู้กอง อัศวินฆ่าจ่าสมพร ตอนนี้มันหนีไปแล้ว”
ณัฐชาตกใจ
“อะไรนะ แล้วจ่าพรได้เรียกกำลังเสริมรึเปล่า”
“อัศวินมันซ้อนแผนเอาไว้ พวกคุณจะรอช้าไม่ได้ต้องรีบช่วยโทมัสออกมาเดี๋ยวนี้”
ณัฐชาคิดหนัก

สมุนพรายพิฆาต นำแท็บเล็ตมาให้ฤทธิ์ดูเห็นอัศวินกำลังขับรถอยู่พลางคุยผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
“ว่าไงคุณโทมัส ผมรู้ว่าคุณอยากจบเรื่องนี้เต็มที อดทนหน่อยนะ ไม่เกินยี่สิบนาทีผมไปถึงแน่”
“รีบมาก็ดี ฉันกำลังรอแกอยู่”
“เจ๋ง แล้วเจอกัน”
อัศวินวางสาย ขณะที่ฤทธิ์ยังจมดิ่งกับความแค้น แต่อาการป่วยเริ่มหนักหนากว่าก่อนหน้านี้ ฤทธิ์ยังคงไอและมีอาการอ่อนเพลียมากขึ้น

ลิซ่าเดินนำณัฐชากับไอริณมาที่รถ
“นี่จะไม่รอคนมาช่วยก่อนเหรอลิซ่า” ไอริณถาม
“พวกมันอาจรู้ตัวแล้วก็ได้ เราต้องรีบลงมือ”
“คุณโทมัสกำลังป่วยอยู่นะไอริณ ที่สำคัญพวกมันอาจฆ่าเขาเมื่อไหร่ก็ได้”
ลิซ่าเปิดท้ายรถ หันมาบอก
“พอดีฉันพกเครื่องทุ่นแรงมาด้วยนิดหน่อย”
ณัฐชากับไอริณยืนอึ้ง เพราะท้ายรถของลิซ่าเหมือนคลังแสงขนาดย่อม มีทั้งปืน มีด และระเบิด ณัฐชาหันมาหาไอริณ
“ไอริณ เธอไปซะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
“มาถึงนี่แล้ว ฉันไม่ทิ้งเพื่อนหรอก” ไอริณเข้าไปคว้าปืนที่เหมาะมือขึ้น “รีบไปช่วยคุณโทมัสกันเถอะ”
ลิซ่าหันมามองหน้าณัฐชาที่กำลังคิดหนัก

ณัฐชา ไอริณ ลิซ่าต่างพกพาอาวุธเต็มพิกัด โดยเฉพาะลิซ่าที่แบกกระเป๋าใส่เครื่องกระสุนไปด้วยอีกจำนวนหนึ่ง สามสาวมุ่งหน้าจากรถไปที่โกดังของพวกอัศวิน

อัศวินขับรถมุ่งหน้าไปโกดังร้าง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมีแสงสว่างปรากฏขึ้นที่เบาะหลัง เมื่อแสงจางจึงปรากฏร่างของใจทิพย์ ทำให้อัศวินต้องจอดรถ
“ท่านพรายพิฆาต”
“บารอน แกกล้าขัดคำสั่งของฉัน”
อัศวินรีบโกหก
“ได้โปรด ยกโทษให้ข้าด้วยท่านพรายพิฆาต ข้าทุกอย่างก็เพราะความภักดี”
ใจทิพย์ยิ้มหยัน
“ภักดีหรือเพื่ออำนาจ คงมีแต่เจ้าเท่านั้นที่รู้แก่ใจ ขอเตือนไว้ก่อนนะอัศวิน ข้ามองเห็นอนาคตล่วงหน้า และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
อัศวินแคลงใจ
“ท่านพรายพิฆาต”
“เกมนี้เจ้ามาเป็นคนสุดท้าย แต่ทุกอย่างจะปิดฉากลงเพราะเจ้า” ใจทิพย์ยิ้มเหี้ยม “ปิดฉากด้วยความหายนะ และความตาย”
ใจทิพย์หายตัวไป ทิ้งให้อัศวินได้แต่ตกตะลึงสักพักจึงเริ่มรวบรวมสติ
“ไม่จริง ก็แค่คำขู่ มาถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด รถของอัศวินแล่นต่อไป

สมุนพรายพิฆาตที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกพากันแปลกใจ เมื่อเห็นสามสาว...ไอริณ ลิซ่า ณัฐชาเดินถืออาวุธตรงมา
“ล้อเล่นรึเปล่าวะ”
พูดไม่ทันขาดคำห่ากระสุน สาดซัดมาจนสมุนพรายพิฆาตคนหนึ่งกระเด็นไป
“เฮ้ยของจริงนี่หว่า...พวกมันมาแล้ว”
สปอร์ตไลท์ถูกเปิดส่องสว่าง สมุนพรายพิฆาตพากันโผล่มากราดยิงใส่สามสาว ลิซ่ารีบบอก
“แยกกัน”
สามสาวแยกย้ายกันหาที่กำบัง ก่อนลงมือยิงเก็บพวกสมุนพรายพิฆาต

ฤทธิ์ถึงจะป่วยอยู่แต่ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้เบื้องนอกอย่างชัดเจน สมุนพรายพิฆาตคนหนึ่งชะเง้อมอง
“ไอ้พวกโง่ มีแค่หยิบมือทำเป็นซ่า รับรองเดี๋ยวได้ตายกันหมดแน่”
ฤทธิ์ควานมีดที่ซ่อนอยู่ด้านหลังมากุมไว้อย่างเตรียมพร้อม

อัศวินขับรถมุ่งหน้าไปยังโกดังร้าง รำพึงปลอบขวัญตัวเอง
“อนาคตของฉัน ฉันกำหนดเองได้ งานนี้พรายพิฆาตไม่เกี่ยว”
อัศวินเหยียบคันเร่งจนมิด รถทะยานหายไปในความมืด

สมุนพรายพิฆาตกระหน่ำยิงใส่พวกสามสาวที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ จนแทบโงหัวไม่ขึ้นลิซ่าหันมาบอก
“ผู้กอง...ฉันจะปาระเบิด”
ไอริณขัดขึ้น
“ตรงนี้ปาไม่ถึงหรอกลิซ่า”
ณัฐชารีบบอก
“ช่วยกันยิงเปิดทาง”
ไอริณพยักหน้าเข้าใจ ณัฐชา กับไอริณโผล่มากระหน่ำยิงใส่สมุนของพรายพิฆาตขณะที่ลิซ่าก็ถือระเบิดสองมือใช้ฟันดึงสลักออก แล้ววิ่งออกมาจากที่กำบัง สมุนพรายพิฆาตพยายามยิงสกัดเธอเอาไว้ กระสุนสาดถูกพื้นรอบตัวจนพรุน และนัดหนึ่งก็ซัดถูกขาของเธอจนล้มลง ไอริณตกใจ
“ลิซ่า”
ณัฐชาตะลึง
“ลิซ่า”
ลิซ่าล้มลงไปกับพื้น เธอจงใจปล่อยมือให้ระเบิดกลิ้งต่อไปข้างหน้าเดชะบุญ ระเบิดกลิ้งลอดช่องเล็กของบังเกอร์เข้าไป กลิ้งไปถึงปลายเท้าของสมุนพรายพิฆาตที่ซ่อนอยู่ สมุนพรายพิฆาตร้องลั่น
“ระเบิด...พรายพิฆาตจง...”
มันยังไม่ทันได้พูดคำว่าเจริญระเบิดตูมขึ้นมาทันที

โทรศัพท์มือถือดังขึ้น อัศวินรับสาย
“ว่าไง”
“ท่านบารอนพวกมันบุกมาแล้ว เอายังไงดีครับ”
“ฆ่าไอ้โทมัสได้เลย ไม่ต้องรอแล้ว”
“ครับผม”
อัศวินนึกขึ้นได้

“เฮ้ยเดี๋ยว เอาให้ทรมานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

จบตอนที่ 19
กำลังโหลดความคิดเห็น