สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 7
ตอนค่ำวันนั้น ชนะมากราบยาย เขาทรุดโทรมไปมาก ผมเผ้าไม่ได้สระยาวยุ่ง หนวดเคราเขียวครึ้ม น้ำท่าไม่อาบหลายวัน แววตายังเศร้า ยายลืมตามาเห็นถึงกับสะดุ้งหน่อยๆ
“อุ๊ยตกใจหมด...นึกว่าผีเรือน นี่พ่อชนะจริงหรือนี่ ทำไมทรุดโทรมอย่างนี้ล่ะพ่อคู้น”
“มีคนบอกว่าแม่จะกลับวันนี้ ผมว่าจะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลตั้งหลายหน แต่ไม่มีกะจิตกะใจออกจากบ้าน”
บุหลันเย็บผ้าอยู่ ส่ายหน้าส่งเสียงดุมา
“งานการอย่างอื่นมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องทำหนัง ความฝันน่ะ กินไม่ได้หรอกนะพี่ มันต้องข้าว...ข้าวมันถึงจะอยู่ท้อง”
“พี่ทำอย่างอื่นไม่เป็น เคยสัญญากับราตรีด้วย จะต้องทำกินรีเป็นหนังให้ได้ แม่ครับ ผม...” ชนะเริ่มฟูมฟาย “ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ เสี่ยเพ้งเลิกถ่ายหนังเรื่องกินรีแล้ว ผมทุ่มเทชีวิต จิตวิญญาณให้กับหนังเรื่องนี้ แต่ผมไม่ได้ทำมันแล้ว ผมอยากตาย”
ชนะร้องไห้โฮๆๆ อย่างไม่อาย
ชนะมาที่บริษัทเสี่ยเพ้ง พนักงานต้อนรับด้านหน้ายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“ผมผู้กำกับชนะครับ ขอพบคุณเหมยฮัวหน่อย”
“คุณเหมยฮัวไม่อยู่ค่ะ อยู่แต่เสี่ยเพ้ง”
ชนะไม่อยากมาแบบเสียเปล่า จึงขอพบเสี่ยเพ้งแทน
ชนะเดินเข้าไปในห้อง เพ้งเห็นหนทางเอาคืนเพียงขวัญ จากคราวก่อนที่ปล้ำไม่สำเร็จ
“เสี่ย”
“เอ็งมาเจรจากับเหมยฮัว ขอทำหนังต่อหรือ”
“ก็เสี่ยไม่คุยกับผมนี่ครับ”
เพ้งหันไปพนักงานที่เดินมาส่งชนะ
“ลื้อไปทำธุระข้างนอกก่อนไป”
พนักงานออกไป เพ้งหวั่นใจเรื่องในอดีต ลองเลียบๆเคียงๆถาม อยากรู้ว่าชนะรู้เรื่องที่เขาพยายามปล้ำเพียงขวัญหรือเปล่า
“ที่ลื้อมาเนี่ย หนูเพียงขวัญเขารู้ไหม”
“เพียงขวัญมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะเสี่ย”
“ตกลงลื้อกับเพียงขวัญนี่มันยังไงกัน บางข่าวก็ว่าคู่รัก บางข่าวก็ว่าญาติ มันยังไงกัน”
“ผมขอโทษที่ปกปิดมานาน จนเกิดเรื่องเข้าใจผิด เขาเป็นหลานสาวแท้ๆของผมครับ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แต่ไม่อยากบอกคนอื่น เดี๋ยวจะหาว่าใช้เส้น”
“มิน่า เพียงขวัญเขาเคยมาขอร้องกับอั้วแล้ว เรื่องให้ลื้อทำหนังต่อ”
ชนะแปลกใจ
“จริงหรือครับเสี่ย”
“เขาไม่เคยเล่ารึ”
“ไม่เคยครับ”
เพ้งฟังแล้วก็พอใจที่ชนะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เพ้งกับชนะกินกาแฟนั่งคุยกัน
“หนังนางเสือสาวยังไม่ได้ฉาย หนังกินรีถ่ายไม่เสร็จ เหมยฮัวอีโมโหไม่ให้อั๊วทำหนังแล้ว ให้ไปทำโรงแรมดาวทองอย่างเดียว”
“งั้นเสี่ยกับคุณเหมยฮัวให้โอกาสผมได้ไหม อยู่อย่างนี้เงินก็สูญ แต่ให้ผมทำหนังต่อ ยังมีโอกาสได้เงินคืนน่ะครับ”
“หนี้สินที่ลื้อติดอั๊ว มันเยอะ อาเหมยฮัว ยังเอ็นดูหนูเพียงขวัญอยู่ อยากให้หนูเพียงขวัญมาถ่ายหนังกินรีให้เสร็จ ลื้อพอจะคุยกับหนูเพียงขวัญให้หน่อยได้ไหม ถ้าสำเร็จหนี้สินระหว่างเราหายกัน”
ชนะสีหน้าดีขึ้น เพ้งกล่อมต่อ
“เราเคยร่วมงานกัน อั๊วเห็นใจลื๊อ เอาอย่างนี้ ลื้อไปบอกเพียงขวัญว่า มีนายทุนคนใหม่เขาให้ทุนทำหนังต่อ พรุ่งนี้อั๊วะจะเอารถไปรับลื้อกับหนูเพียงขวัญ อย่าลืมนะไม่ต้องบอกชื่ออั๊วกับอาเหมยฮัว บอกว่าเป็นนายทุนคนใหม่”
ชนะพยักหน้าหงึกๆ เพ้งยิ้มร้ายกาจ อยากได้เพียงขวัญ เพราะแค้นมาตั้งแต่คราวที่แล้ว ชนะฝันเฟื่อง ตาลอย จะได้กลับไปถ่ายหนังกินรีต่อ เลยไม่ได้มองหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบายของเพ้ง
ประณตกลับมาจากโรงเรียน พร้อมสมุดพก พลางร้องบอก...
“แม่ๆ ผมสอบได้คะแนน 89 % ได้ที่สี่ด้วย ป้านภา พี่ขวัญ ดูสิ”
บุหลันสงสัย หยิบสมุดพกมาดู
“ลูก...ครูเขากรอกคะแนนผิดหรือเปล่าลูก”
ประณตงอน
“แม่อ่ะ”
เพียงขวัญยิ้มชื่นชม
“เก่ง จริงๆ ประณต ความพยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น จำเอาไว้นะ”
บุหลันค่อยหายงง โผเข้ากอด ประณตแววตามีความหวัง
“ผมจะเป็นนักบิน พี่พีร์บอกว่าต้องสอบได้ที่ 1 ถึงจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ พี่พีร์หมู่นี้ทำไมไม่มาเลย เมื่อไหร่เขาจะมาครับพี่ขวัญ ผมอยากเอาสมุดพกนี่ให้พี่พีร์ดู”
เพียงขวัญหน้าเศร้า คนอื่นอึ้งไปหมด
“งานเขาคงยุ่งนะ ประณต”
ขณะเดียวกัน สมุนของเพ้งคนหนึ่ง มามองๆอยู่แถวๆหน้า สืบบางอย่างให้เพ้ง
สมุนกลับมารายงานกับเพ้ง
“แกแน่ใจนะว่าไม่เห็นไอ้พีร์”
“ผมตามดูที่บ้านมาหลายวันแล้ว ไม่เห็นไอ้พีร์จริงๆครับ”
“มันคงเลิกกันแล้วจริงๆ มิน่า พาผู้หญิงคนใหม่ไปเทียวลีลาศ”
เพ้งยิ้มร้าย
“ข้าหมดกับนังเพียงขวัญไปเยอะ ทุกวันนี้ หนังนางเสือสาว หนังกินรียังคาราคาซัง ข้าไม่ยอมเสียเงินฟรีๆโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกโว้ย”
ธราธร ระวีรำไพ มานั่งคุยกับหม่อมเอียด ย่าอ่อน และวิไลรัมภา เรื่องงานแต่งงาน ทั้งคู่ดูรายชื่อแขกที่จะเชิญมางาน
“เป็นยังไงรายชื่อแขก ตกหล่นใครไหม” หม่อมเอียดถาม
“มะปรางไม่ค่อยแน่ใจ เดี๋ยวคงต้องเอาไปให้คุณพ่อดู แต่ท่าทางงานจะใหญ่โตมากเลยนะคะ”
“คุณชายอาทิตย์ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แต่งงานลูกสาวคนเดียวทั้งที ยิ่งจุฑาเทพ คุณชายใหญ่ เปรียบเสมอตัวแทนของท่านพ่อ ของราชสกุล งานนี้ก็ต้องใหญ่เป็นธรรมดา” ย่าอ่อนอธิบาย
กรองแก้วเดินนำแจ๋วเข้ามา ทั้งสองจัดน้ำชาและของว่างมาให้ วิไลรัมภาแทรกขึ้น
“ราชสกุลกับราชสกุล ช่างเหมาะสมงดงามจริงๆนะคะ”
วิไลรัมภามองไปที่กรองแก้วเหยียดๆ กรองแก้วหลบตา จัดสำรับน้ำชาต่อไป รณพีร์เพิ่งเดินเข้ามา หม่อมเอียดจึงบอกให้ทุกคนรู้พร้อมกัน
“หลังจากนั้นสองอาทิตย์ เราก็จะจัดงานของรณพีร์กับวิไลรัมภา แขกก็แทบจะเป็นชุดเดียวกันใช่ไหมอ่อน”
“ค่ะ ตอนแรกเกรงว่าจะเหนื่อย แต่พอนึกไปอีกที ราชสกุลเทวพรหมใกล้ชิดกับทางเราพอๆกับทางคุณชายอาทิตย์ ก็ไม่น่าจะวุ่นวายนัก”
รณพีร์หงุดหงิดเดินเข้ามาพร้อมแสดงความเห็น
“เรามาช่วยกันทำงานแต่งงานของพี่ชายใหญ่ให้สมบูรณ์แบบดีกว่านะครับ เรื่องอื่น อย่าเพิ่งเลยคิดนะครับ”
ย่าอ่อนปราม
“ชายพีร์ หนูรัมภานั่งอยู่ตรงนี้นะ จะพูดอะไรให้เกียรติกันบ้าง”
วิไลรัมภาหน้าเศร้าไปเหมือนน้ำตาจะออกมาคลอหน่วย
รณพีร์ถอนใจพร้อมกับก้มหัวให้วิไลรัมภา
“ขอโทษครับ ผมต้องขอตัวไปทำรายงานส่งผู้บังคับบัญชาก่อน ขอตัวนะครับ”
รณพีร์เดินออกไป หน้าเครียดกันไปทั้งหมด เหมือนบทสนทนาจะชะงักที่ความขุ่นมัว ย่าอ่อนจับมือ กระซิบปลอบใจวิไลรัมภา
“ใจเย็นๆ ยังมีเวลาปราบพยศอีกหลายเดือน ใจเย็นๆ”
วิไลรัมภาพยักหน้าซาบซึ้งที่ย่าอ่อนเข้าใจ หม่อมเอียดหันไปหาธราธร
“คุณชายใหญ่ คุณชายเห็นน้องวันนี้ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้นะ ต้องช่วย ย่าจัดการให้ถูกต้อง”
“คุณย่าอยากให้ผมทำอะไรครับ”
“คุณชายทั้งสี่คน ไม่มีใครรักษาสัญญาให้คุณพ่อ เพราะฉะนั้น ต้องช่วยย่าจัดการเรื่องรณพีร์กับหนูรัมภา ห้ามเข้าข้างน้องเด็ดขาด”
ธราธรถอนใจ มองหน้าลำบากใจกับระวีรำไพรและกรองแก้ว
รณพีร์โทรศัพท์ไปหาปวรรุจ
“พี่ชายรุจ...คิดถึงจริงๆ ทำอะไรอยู่ครับพี่ชายรุจ”
ปวรรุจอยู่ที่บ้านพักสถานทูตไทยในสวิต เขาปรุงอาหารอยู่บนโต๊ะระหว่างคุยโทรศัพท์
“กำลังจะลงไปกินเย็น ท่านหญิงอยากทานสเต็กจิ้มแจ่ว ย่าอ่อนเพิ่งส่งพริกป่นมาให้ ต้องอร่อยแน่ๆเลย มื้อนี้”
“ทำกับข้าวให้เมียกินทุกวันหรือครับ หืม”
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วย ก็มีแต่พี่ที่รู้ว่าท่านหญิงชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ปกติเมื่อก่อนพี่ก็ทำให้พี่น้องกินกันทุกคนแล้วนี่”
รสาเดินสวยเฉิดฉายมาแย่งโทรศัพท์ไปคุย
“คุยกับชายพีร์เหรอค่ะ...ไม่ได้ทำกับข้าวเก่งอย่างเดียวนะ เสื้อผ้า วันไหนใส่ชุดอะไรอากาศหนาวไม่หนาว พี่ชายรุจดูให้หมดเลย รสาน่ะ เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยค่ะ”
รสายิ้มหอมแก้มปวรรุจ รณพีร์ได้ยินเสียง
“เฮ้อ...จะหวานฉ่ำอะไรกัน เกรงใจคนอื่นบ้างสิครับ”
ปวรรุจโทรศัพท์ต่อ รสาไปทำอาหารแทน
“อ่านจดหมายพี่ชายใหญ่ส่งมาให้ เขาบอกว่าน้องมีความรัก คอนเกรทูเลชั่นนะครับ”
“เฮ้อ...เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ”
“ทำไมล่ะ”
“พี่ชายรุจ เขาไม่เคยบอกรักผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดยังไงกับผม”
“ชายพีร์ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้ ต้องให้เกียรติผู้หญิงคนนั้นมากๆด้วยนะ”
“พี่ไม่เข้าใจผม เขายินดีจะเข้ามาในชีวิตผมหรือเปล่ายังไม่รู้”
“นั่นแหละ นายต้องเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ เข้าใจมั้ยครับชายพีร์ แค่นี้ก่อนนะครับถึงเวลากินเย็นแล้ว”
ปวรรุจหันมาคุยกับรสา
“เมื่อกี้หอมแก้มผมเหรอ ทำทุกวันนะครับ แต่ตอนนี้ผมขอหอมคืน”
รสาเขิน
“กินข้าวกันเถอะค่ะรสาหิวแล้ว”
เช้าวันใหม่...ชนะกับเพียงขวัญรอรถที่หน้าบ้าน
“นายทุนคนใหม่นี่ใคร บริษัทเขาอยู่ไหนคะลุง” เพียงขวัญถามอย่างแปลกใจ
“ก็...เดี๋ยวคนขับพาไปเอง นั่นแหละ”
รถมาจอดรับ ทั้งสองขึ้นรถไป
รณพีร์มาหาเพียงขวัญเห็นยายนอนพักผ่อนอยู่
“ยายครับ สวัสดีครับ”
“พ่อพีร์...ขวัญเพิ่มออกไปเดี๋ยวนี้เอง”
“ไปไหนเหรอครับ”
“เห็นว่าไปคุยเรื่องถ่ายหนังอะไรนี่แหละ เดี๋ยวก็คงกลับ”
เพียงขวัญตระหนก เมื่อรถเข้าจอดรถข้างศาลาพักริมทางของถนนนอกเมือง ลูกน้องอีกสองคนรออยู่ ชุดนี้เป็นคนที่เพียงขวัญคุ้นหน้า ชายทั้งสองเปิดประตูรถยืนหน้าถมึงตึงมองสำรวจในรถ เพียงขวัญหน้าตื่น
“พวกเสี่ยเพ้ง”
ชนะชะงักตกใจ
“เสี่ยเพ้ง ทำไมเหรอขวัญ”
“ไอ้ชนะ ลงมานี่”
สมุนคนหนึ่งลากชนะลงจากรถ เพียงขวัญจะหนีลงสมุนอีกคนจับตัวไว้ไม่ให้ลงรถ สมุนเข้าไปต่อย ชนะแล้วถีบกลิ้งตกข้างทาง เพียงขวัญหน้าตื่น
“ลุงนะ...ลุงนะ...”
ชนะพยายามลุก
“ขวัญ....ขวัญ...”
สมุนทั้งสองขึ้นรถไปมีเพียงขวัญอยู่บนรถ รถขับออกไป ชนะสะบักสะบอมถูกทิ้งอยู่ข้างทาง เขาประคองตัวเองลุกขึ้น
เพียงขวัญพยายามหาทางออก
“แกจะเอาฉันไปไหน”
“ไม่เห็นจะต้องถาม เดี๋ยวก็รู้เอง”
สมุนทั้ง 3 หัวเราะกัน
รณพีร์กับนภา ช่วยกันพยุงยายเดินทำกายภาพ
“ยังเจ็บอยู่มั้ยครับ”
“ก็ยังมีแปล๊บๆอยู่นะลูก”
ชนะวิ่งโวยวายมาหน้าตามีร่องรอยสะบักสะบอม
“ช่วยด้วยๆ ไอ้เพ้งจับตัวขวัญไป”
นภาตกใจ
“ว่าไงนะพี่นะ ไอ้เพ้งจับตัวขวัญไป”
ยายตกใจเอามือทาบอก
“คุณพระช่วย”
รณพีร์ตื่นตะลึง
“จับไปที่ไหนครับ”
ชนะรู้สึกผิด
“ไม่รู้...นภาพี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ขวัญมีเรื่องกับเสี่ยเพ้ง”
“ผมไปตามหาขวัญก่อนนะครับ”
รณพีร์รีบวิ่งออกไป นภาวิ่งเข้าไปดูชนะ ยายยกมือพนมท่วมหัว
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองขวัญของยายด้วย”
รณพีร์ถีบประตูห้องพักสองสามห้อง หาตัวเพียงขวัญ แขกในห้องออกมา ไม่ใช่เพียงขวัญ ผู้จัดการโรงแรมเดินตาม โวยวาย
“บอกแล้วไงพี่ เสี่ยไม่ได้มา”
“เสี่ยจับผู้หญิงฉันไปไว้ไหน”
“ผมสาบานได้ เสี่ยไม่กล้าเอาผู้หญิงมาที่นี่แล้วครับ คุณเหมยฮัวสั่งให้เราจับตาดู ไว้”
รณพีร์นึกออก
“บงกช”
รณพีร์รีบวิ่งออกไป
บงกชกำลังโพสท่าถ่ายรูปแผ่นโฆษณา รณพีร์ร้อนรุ่มมาหาจับบงกชเข้ามาถาม
“เสี่ยเพ้งลักพาตัวเพียงขวัญไป มันเอาตัวเพียงขวัญไปไว้ที่ไหน”
บงกชโกรธ
“ไอ้เสี่ยเพ้ง หนอย ไหนมันบอกว่า มันจะมีฉันคนเดียว”
“มันให้คนมาลักพาตัวไป เพียงขวัญไม่ได้เต็มใจ บอกมาเถอะ มันเคยพาคุณไปที่ไหน”
“ฮึ ทำไมฉันต้องบอกคุณ”
รณพีร์ตะล่อมบงกช
“ไม่กลัวเสี่ยหลงเพียงขวัญ จนทิ้งคุณรึ ระหว่างนางเอกกับนางร้าย เสี่ยเพ้งจะยกให้ใครเป็นเบอร์หนึ่ง”
บงกชคิดตาม
“ให้ผมไปช่วยเพียงขวัญ คุณจะได้เป็นนางเอกคนเดียวของเสี่ยเพ้ง อย่าเอาความชิงชังเพียงขวัญของคุณ มาทำร้ายเพียงขวัญ ให้เป็นบาปเป็นกรรม ต่อกันอีกเลยผมขอร้อง”
บงกชนิ่งคิด
เหมยฮัวนั่งด่าเพ้งอยู่เรื่องบัญชีไม่ลงตัว ขณะที่เพ้งรอรับโทรศัพท์อยู่
“นี่เงินอั้ว นี่เงินกู้ธนาคาร เงินอั้วไม่เท่าไหร่แต่ดอกเบี้ยธนาคารน่ะสิ มันวิ่งไล่ตามมาติดๆ”
โทรศัพท์ดัง เหมยฮัวรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” เหมยฮัวยื่นโทรศัพท์ให้เพ้ง “ของลื้อ”
เพ้งรับสายโดยไม่พูดอะไร แล้วกดตัดสาย พยายามหาโอกาสจะออกไป เพราะลูกน้องจับตัวเพียงขวัญไว้ได้แล้ว พอนึกแผนได้ก็ทำทีเป็นคุยโทรศัพท์ต่อ แกล้งพูดเสียงดังทั้งที่ปลายสายไม่มีใครพูดด้วย
“ว่าไง เสี่ยทรงชัยเหรอ...อ๋อๆ เคยได้ยินชื่อ ต้องไปเจอเดี๋ยวนี้ เลยเหรอ อั้วก็ต้องห่วงออฟฟิศ ห่วงเมียอั้ว นี่เมียอั้วอยู่คนเดียวนะเว้ย...อะไรนะนัดเรียบร้อยแล้วเหรอ...ได้ๆไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เพ้งรีบวางสาย
“จะไปไหนอีกแล้ว”
“นัดสายหนังได้แล้ว จะเอานางเสือสาวไปขายตามคำสั่งของเหมยฮัวไง”
“นัดสายหนัง...อั้วเห็นก็นัดสายหนังทุกวัน ไม่เห็นจะขายได้สักราย คอยดูเถอะ ถ้านัดผู้หญิงล่ะก็...”
เหมยฮัว หยิบคัทเตอร์มาเลื่อนเปิด แก้กๆ เพ้งสะดุ้ง เอามือแตะใต้เข็มขัดทันที
“โฮ้ย ใครจะไปกล้า เอาน่า เดี๋ยวจะรีบกลับ”
เพ้งออกจากออฟฟิศขึ้นรถขับออกไป
เพียงขวัญถูกผูกมือไพล่หลังอยู่บนเตียงในห้องนอน ที่บ้านตากอากาศ ศรีราชา...
“อยู่ในนี้ก่อน รอเสี่ยมา”
สมุนออกไป เพียงขวัญเตะถีบ ดิ้นพราดไปมา พยายามจะหาทางหลุดจากเชือกให้ได้
สมุนของเพ้งอีกสองคนมาสมทบสมุนที่นั่งรออยู่หน้าบ้าน คนขับรถเอาเครื่องดื่มมาวางให้ สมุนคนหนึ่งหันมาสั่ง
“ไปหาข้าวมาให้พวกข้า เอาไข่ลวกมาให้เสี่ยด้วย คนนี้เสี่ยหมายปองมานาน คืนนี้จะได้นอนไหม”
ทุกคนหัวเราะ
“แล้วคอยมองๆปากทางด้วยนะ คนอื่นนอกจากรถเสี่ย ห้ามเข้า”
คนขับรถพยักหน้า เดินแยกไป สมุนหันไปสั่งลูกน้อง
“พวกเอ็งแยกย้ายกันเฝ้าทุกจุด ห้ามพลาดเด็ดขาด”
สมุนทั้งหมดแยกย้ายกันไปเฝ้าบ้านหลังนี้ไว้
รณพีร์ขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดบนถนนบนภูเขา มองลงไปเจอบ้านพักเล็กๆ ริมหน้าผา เขาจอดรถไว้แล้วเดินลงไป
ทางด้านเพ้งมาถึงก็ทักทายสมุนที่รออยู่ข้างหน้า
“ที่เอ็งไปจ้างมาเพิ่ม มาจากไหนวะ ฝีมือคุ้มค่าจ้างมั้ยเนี่ย”
“ยังดีกว่ามีแค่ผมสองคนนะครับ เสี่ย”
“เออ...ก็จริง หนูเพียงขวัญอยู่ที่ห้องแล้วใช่ไหม โฮ้ย ครั่นเนื้อครันตัว หนูเพียงขวัญของเสี่ย”
เสี่ยเพ้งหัวเราะหน้าตาหื่นหิวโหย เดินเข้าไปในบ้าน
เพียงขวัญถูกพันธนาการในห้อง เพ้งเข้ามา แสยะยิ้มร้าย
“โถ...โถ น่าสงสาร ใครทำกับนางเอกคนสวยอย่างนี้เนี่ย”
เพ้งเอาหน้าเข้าไปใกล้ชิด
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงที่สุดเลยหนูขวัญของเสี่ย คิดถึงเสี่ยมั้ยแม่กินรีน้อย”
เพียงขวัญขยะแขยงมาก พยายามดิ้น
“ดิ้นๆ น่ารักจริงๆเลย”
เพียงขวัญถีบ เพ้งชอบใจ
“โอ้ย ๆ ดิ้น ๆ อย่างนี้เสี่ยชอบ จะบอกให้ ก่อนหน้านะฉันคลั่งเธอ อยากได้เธอเพราะความรัก แต่หลังจากที่เธอเอาไอ้ผู้ชายคนนั้นมาเล่นงานฉัน ฉันบอกตัวเอง ฉันจะขยี้เธอให้แหลก”
เพ้งหัวเราะร่า เหมือนคนโรคจิต เขาใช้เชือกที่ผูกมือเพียงขวัญอยู่เอาไปผูกกับหัวเตียงให้แน่นขึ้น ดูราวกับว่า บทรักต่อจากนี้ไปจะไม่ปกติ หน้าอันโหดเหี้ยมหื่นกามของเพ้งแลดูน่ากลัวอย่างยิ่ง เพียงขวัญพยายามดิ้นด้วยความหวาดกลัว
ด้านนอก รณพีร์ย่องมาจัดการคนขับรถจนสลบเหมือด แล้วสุมไฟที่กองไม้ ด้านในเพ้งจัดการรัดเชือกหนังที่มือไม่พอ ไปจัดการเชือกที่ขาของเพียงขวัญด้วย ให้มันรัดกับเตียง หญิงสาวร้องไห้ กลัวสุดๆ เพ้งแสยะยิ้ม
“คราวนี้กินรีน้อยของเสี่ยคงบินหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว” เพ้งตบฉาด “เจ็บมั้ย เสี่ยไม่อยากทำหนูอย่างนี้เลย” เขาต่อยท้องเธออีก “ใจเย็นๆ นะ เสี่ยเพ้งจะพาแม่กินรีแสนสวยบินไปเขาไกรราชด้วยกันแล้ว เสี่ยเจ็บแทนหนูเลยนะเนี่ย เจ็บถึงทรวงเลย”
เพียงขวัญพยายามอ้อนวอน
“เสี่ยเพ้ง คุณมีเงินมากมาย คุณก็ไปหาผู้หญิงที่เต็มใจสิ มาทำแบบนี้ทำไม ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เหมือนเธอ ฉันทุ่มเทกับเธอ ปั้นเธอจากดินขึ้นมาเป็นดาว เธอเคยสำนึกบุญคุณไหม เคยเห็นค่าฉันไหม”
“ปล่อยฉัน...ฉันไหว้ล่ะ ปล่อยฉันเถอะนะ ถ้าคุณทำฉัน ฉันต้องตายแน่”
เพ้งถอดเสื้อนอกออก ขึ้นไปอยู่บนเตียงใกล้ชิดเพียงขวัญ
“ปล่อยฉันไปเถอะ คุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้ยังไงก็ได้ อย่าทำฉันแบบนี้เลยนะ ปล่อยฉันไป” เพียงขวัญร้องไห้คร่ำครวญ
เพ้งก้มหน้าจะเข้าไปจูบ เสียงสมุนขัดจังหวะ
“ไฟไหม้ ไฟไหม้”
เพ้งตกใจออกมาดูที่หน้าต่าง มีกองไฟเกิดขึ้นข้างรถคันหรูของเขา
“เฮ้ย...เฮ้ย เอาน้ำมาดับสิวะ ทำอะไรก็ได้”
สมุนเพิ่งวิ่งไป เพ้งจำต้องเดินออกไปจากห้องทิ้งเพียงขวัญไว้เพราะห่วงรถ รณพีร์ที่รอจังหวะนี้อยู่ รีบปีนเข้ามาทางหน้าต่าง
“คุณพีร์” เพียงขวัญตะลึง
รณพีร์จุ๊ปาก แก้เชือกต่างๆ แล้วพาเพียงขวัญออกไปทางหน้าต่าง เข้าไปในป่าอย่างสบายๆ เพราะสมุนแห่กันไปดับไฟที่รถ...สมุนหลายคน ช่วยกันดับไฟ เพ้งโวยวาย
“ดับให้สนิทเลยนะ เฝ้าภาษาอะไรให้ไฟไหม้วะ...ใครมาทำอย่างนี้ว่ะ”
เสี่ยเพ้งสังหรณ์ใจรีบวิ่งกลับไป สมุนสองคนวิ่งหาน้ำกันวุ่นวายเพื่อดับไฟ
อ่านต่อหน้า 2
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เสี่ยเพ้งวิ่งเข้ามาดูในบ้านบนเตียงไม่มีเพียงขวัญแล้ว สมุนวิ่งไปดูที่หน้าต่างเห็นรณพีร์กับเพียงขวัญ อยู่ในป่า ลิบๆ ไกลๆ
“หนูเพียงขวัญของอั้วไปไหน...ไอ้พีร์...”
เพ้งหยิบปืนยาวจากข้างฝา ยิงรณพีร์กับเพียงขวัญจากระเบียงอย่างโมโห
รณพีร์กับเพียงขวัญวิ่งหนีไป เพ้งกับสมุน วิ่งตาม
“มึงสองคนไปดักข้างหน้า”
เพ้งยิงออกไปอย่างบ้าเลือด เปรี้ยงๆ...
รณพีร์จูงเพียงขวัญวิ่งมาตามทางหนีขึ้นหน้าผา แล้วชะงัก เพียงขวัญหันมาถาม
“ทำไงดี หน้าผา”
รณพีร์มองไปน้ำทะเลด้วยสายตา ว่าโดดลงไปแล้วจะเป็นอย่างไร ก่อนจะหันมาจ้องหน้าหญิงสาว
“คุณเชื่อใจผมไหม ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอันตราย”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณต้องไปกับผม ผมรักคุณที่สุด”
รณพีร์หันไปมองข้างล่าง เห็นกลุ่มของพวกเพ้งและสมุนขยับตัวมาใกล้ แต่ละคนมีปืน รณพีร์จับมือเพียงขวัญ สายตาเต็มไปด้วยความรัก
“ฉัน ฉัน...อ๊าย”
รณพีร์ลากเพียงขวัญให้กระโดดหน้าผา ลงไปด้วยกัน ร่างของสองหนุ่มสาวกระโดดลงมาจากหน้าผาชันลงสู่ท้องทะเล ตูม พร้อมเสียงกรี๊ดของเพียงขวัญที่ดังลั่น เพ้งกับสมุน วิ่งมาถึงหน้าผา
“นี่มันสองกระโดดลงไปหรือเปล่าวะ”
“ใครจะบ้าโดดลงไปเสี่ย มีแต่ตายกับตาย”
สมุนมองลงไปที่น้ำทะเลไม่เห็นใคร ที่พื้นหินก็ไม่มีคน สมุนอีกคนเห็นด้วยกับเพื่อน
“นั่นสิ ไม่เห็นใครนะเสี่ย”
เพ้งคิดๆ
“ถ้ากระโดดไปอย่างนี้ไม่รอดแน่เลย แม่กินรีน้อยของเสี่ยจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”
เพ้งและสมุนหันกลับไปเดินหาในป่าต่อ
ใต้ชะง่อนผา เพียงขวัญกับรณพีร์ตัวเปียกปอนปลอดภัยปีนขึ้นมาซ่อนตัวอยู่ คนบนหน้าผามองลงมาไม่เห็น รณพีร์พยายามมองขึ้นไป เห็นว่าบนผาไม่มีคน จึงประคองเพียงขวัญออกมาแล้วเลยเดินไปตามชะง่อนหิน
เพ้งเดินอยู่ในป่า ริมถนน เลาะตามถนนไป สมุนเดินมาสมทบส่ายหน้าบอก
“ค้นจนทั่ว ไม่มีครับ”
สมุนอีกคนเข้ามาบอก
“ผมเห็นพวกชาวบ้านขับรถขึ้นมาดู คงได้ยินเสียงปืน ถ้าตำรวจแห่กันมาจะแย่นะเสี่ย”
“โธ่โว้ย ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันดีกว่า ฉิบหายแล้วหนีอาเหมยฮัวมา สายแล้ว อีต้องไม้เชื่อแน่ๆว่าคุยกับสายหนังนานขนาดนี้”
เพ้งตัดสินใจกลับไปอย่างหงุดหงิด
รณพีร์กับเพียงขวัญค่อยๆปีนมาตามหิน ใช้เส้นทางใต้หน้าผามาเรื่อยๆจนหลุดจากโขดหินมาเจอทราย รณพีร์มองไปแล้วคิด เพียงขวัญทรุดนั่งด้วยความเหนื่อยเริ่มเจ็บเท้า
“คุณตามมาเจอได้ยังไง คุณหายไปตั้งหลายวัน ฉันคิดว่าคุณไม่มาแล้ว”
“ทำไมคิดว่าผมไม่มาล่ะ”
“ไม่รู้สิคะ”
“ผมไม่มีทางทิ้งคุณไปไหน คุณไหวไหมครับนี่ขาคุณแพลงใช่ไหมครับ แต่ยังไงเราก็ต้องไปต่อ ไปหาหมู่บ้านใกล้ๆนี่ก่อนดีกว่า”
เพียงขวัญซาบซึ้งลึกๆในใจ แต่ทั้งสองมีเรื่องกันอยู่ในใจ ยังไม่สนิทใจ
ฟ้ามืดสนิทแล้ว เพียงขวัญเดินมาเริ่มเจ็บมาก กระเพลกทรุดลง รณพีร์มาดูที่เท้าของเธอมีแผลมากขึ้นบริเวณเท้า มิน่าเธอถึงเดินแปลกๆ เจ็บๆ เขาจับที่ข้อเท้า เพียงขวัญร้อง
“โอ้ะ”
“นี่คุณเจ็บที่เท้าก็ไม่บอก”
รณพีร์ให้เพียงขวัญขี่คอ
รณพีร์พาเพียงขวัญมานั่งที่เพิงของชาวประมง แถวนี้ไม่มีคนเลย
“เราจะทำยังไงดีค่ะ ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เราจะกลับบ้านกันยังไง”
“รอถึงตอนเช้าจะดีกว่า น่าจะมีคนผ่านมาบ้าง เราน่าจะหาทางออกจากที่นี่ได้”
“รอถึงเช้าเลยเหรอ แม่กับยายคงห่วงขวัญแย่เลย”
รณพีร์มอง และอมยิ้ม เขานึกถึงอัทธ์ขึ้นมา
“แค่แม่กับยายหรือครับ หรือว่ามีผู้ชายคนอื่นด้วย”
เพียงขวัญนึกถึงวิไลรัมภา
“แล้วคุณล่ะ คืนนี้ไม่ได้กลับบ้าน ผู้หญิงคนนั้นคงคอยห่วงอยู่สินะ”
ทั้งสองเริ่มมีแง่งอนกันเริ่มแสดงอารมณ์ภายในที่คุกรุ่นมานาน
รณพีร์เหลือบมองเห็นถุงยาเส้นกับไม้ขีดที่สอดอยู่บนขื่อ
รณพีร์เอาฟืนมากองไว้กับทราย เพียงขวัญช่วยหิ้วฟืนอีกกองตามมา เธอวางลงแล้ววางแรงไป มันกระเด็นไปโดนเท้าของรณพีร์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงขวัญ ขยับลงไปจะช่วย รณพีร์จ้องหน้าขณะถาม
“ทำไมต้องทำร้ายจิตใจผมด้วย วันนั้นที่คุณกับนายอัทธ์เต้นรำกัน”
“คุณต่างหากที่ทำร้ายจิตใจฉัน ทีคุณเต้นรำกับผู้หญิงคนนั้น อย่ามาพูดเฉไฉดีกว่า”
รณพีร์เงียบ
“คุณเจ็บเป็นคนเดียวหรือไง คุณมีหัวใจฉันก็มีหัวใจ”
เพียงขวัญวางไม้ขีด ค้อน รณพีร์ไม่สน หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาจุดไฟ เพียงขวัญหันมาสนใจเพราะเห็นตรานั้นคาอยู่
“นี่เอาผ้าเช็ดหน้า มาจุดไฟทำไม”
“ไม้มันชื้นไป เอามาเป็นเชื้อไฟเท่านั้นเอง”
“เสียดายแทนคนที่เขาอุตส่าห์ปักชื่อบนผ้าเช็ดหน้าให้คุณ” เพียงขวัญชี้ให้ดูที่ตราปัก
“แค่ยี่ห้อผ้าเช็ดหน้า...” รณพีร์ชักงงเอง มองดู “ย่าผมซื้อมาเตรียมให้ตั้งหลายผืน จะเสียดายไปทำไมล่ะครับ”
เพียงขวัญอึ้ง มองหน้ารณพีร์ พยามสุมไฟให้ติด ไม่มีพิรุธอะไร เพียงขวัญครุ่นคิด ตราผ้าเช็ดหน้าหรือจริงหรือ ไม่ใช่ชื่อผู้หญิงผู้ชายหรือ มันยังไงกันแน่นะ เธอได้แต่งง แต่ไม่ยอมปริปาก
กองไฟถูกจุดขึ้น รณพีร์อยู่บนแคร่ สะบัดผ้าเก่าๆ
“ไม่สกปรกเท่าไหร่ พอห่มนอนได้ คุณรีบนอนเถอะ จะได้มีเวลาฝันหวานถึงพ่อเลี้ยง หนุ่มหน้าเข้มคนนั้นนานๆ”
เพียงขวัญโกรธ
“คุณเอาไปเถอะ คุณได้ฝันถึงสาวหน้าหวานคนที่คุณเต้นรำด้วยไง”
“ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นน้องสาว เขาเป็นญาติกันน่ะ”
“น้องสาว”
“ทำไม คิดว่าเขาเป็นคู่รัก ของผมเหรอ ถ้าผมมีคู่รักแล้ว ผมจะมาวุ่นวายกับคุณทำไม ตกลงที่คุณอารมณ์ไม่ดีนี่เพราะหึงผมใช่ไหมล่ะ”
“แล้วที่คุณหายไป เพราะคุณอัทธ์ งั้นสิ”
“ผมน่ะ เลิกงานปั๊บ ก็โผล่มาหาคุณ ทุกครั้งมันยังไม่บอกอีกหรือ ว่าผมห่วงคุณแค่ไหน แต่คุณนี่สิ โกหกผม อ้างว่าไปทำงาน สุดท้ายผมเจอคุณอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น เต้นรำอย่างมีความสุข”
“วันนั้นฉันไปทำงานจริงๆ แต่เกิดความเข้าใจผิด นัดผิดพลาด”
“คุณพูดจริงเหรอ”
ทั้งสองคนเริ่มได้มีโอกาสเคลียร์ รณพีร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
กลางดึกคืนนั้น...เพียงขวัญนอนที่มุมหนึ่งของแคร่ รณพีร์นั่งยามริมกองไฟ หันมองเพียงขวัญ ลุกเอาเสื้อหนังไปห่มให้อย่างเป็นห่วง
เช้าวันใหม่...เพียงขวัญงัวเงียตื่นขึ้น ส่วนรณพีร์ปิ้งปลาอยู่ พอเห็นว่าเพียงขวัญตื่นแล้วจึงเอาอาหารใส่ใบตองมาวางให้ เธอออกมานั่งข้างๆ เขาที่หาดทราย
“น้ำสะอาดอยู่ข้างคุณนั่นแหละ ล้างหน้าล้างตาก่อนสิครับ”
รณพีร์ชี้ไปที่แกลลอนน้ำมันเครื่องสังกะสีตัดครึ่งใส่น้ำสะอาด เพียงขวัญเดินไปล้างหน้า
“อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ”
“คุณไปเอามาจากไหนคะ”
“เจอชาวประมงเพิ่งเอาเรือเข้ามาตรงโน้น ผมขอซื้อเขามา
“เจอชาวบ้านแล้วหรือคะ” เพียงขวัญดีใจ
“ครับ เดี๋ยวเขาจะเอารถขึ้นมารับเรา ตอนนี้เขาเอาปลาเข้าไปส่งที่ตลาดก่อน”
รณพีร์เอาปลาย่างมานั่งกิน เพียงขวัญหยิบขึ้นมากิน ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาของความรักมากขึ้น
“ผมดีใจที่ได้อยู่กับคุณได้ดูแลคุณ เป็นอย่างนี้ทุกวันคงจะดี”
เพียงขวัญอาย
“ดีอะไรคะ ถูกไล่ล่าตามฆ่าเกือบตาย ไหนจะต้องมาอยู่ลำบากลำบน อย่างนี้อีก”
รณพีร์หัวเราะ
“อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณยังเชื่อใจผมอยู่”
เพียงขวัญอายมาก
“ตอนที่เราโดดหน้าผาเมื่อวาน เราสองคนอาจตาย แต่เราก็รอดมาได้ เราสองคน ยังเชื่อใจกันอยู่ใช่ไหมครับ เรายังรักกันอยู่ ใช่มั้ยครับ”
เพียงขวัญอึ้งไป คิดตาม ความสัมพันธ์ตอนนี้ดีขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ถึงกับเคลียร์ ตามที่เขาบอกจริงๆ
เพียงขวัญเดินเขย่งมานั่ง ดูแผลที่ขาของตน รณพีร์เดินมาจับขาถามอาการ
“ยังเจ็บอยู่เหรอคะ”
เพียงขวัญเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยยังชั่วแล้วคงแค่ข้อเท้าพลิก”
เพียงขวัญหดเท้ากลับ รณพีร์ดึงเท้าเธอมาอีก ล้วงขวดยาเหลืองในกระเป๋ากางเกง
“ยานี่ ชาวประมงเขาให้มา เขาบอกเป็นน้ำมันเหลืองตำรับโบราณ กันเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ แก้ฟกช้ำลดบวมลดปวดด้วยครับ ใส่แผลก็ได้”
รณพีร์ทาไปพูดไป เพียงขวัญเห็นรอยแผลระหว่างที่ปืนเขา เธอก็เลยเอายามาทาให้บ้าง หญิงสาวทายาให้ที่มือของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“คุณเจ็บเพราะฉันอีกแล้ว ฉันขอโทษ ขอบคุณมากนะคะคุณพีร์”
“ทำไมต้องขอโทษ ผมยินดีจะเจ็บแทนคุณทั้งชีวิต เพียงขวัญ”
ทั้งสองสบตากัน หญิงสาวก้มหน้าอายๆ ขณะเดียวกันนั้นชาวประมงโบกไม้โบกมือเรียก
“ฮู้...รถมาแล้วครับคุณ”
เพียงขวัญกับรณพีร์ดีใจ หันมองกันด้วยความสัมพันธ์ดีขึ้น
รณพีร์ประคองเพียงขวัญเข้ามาในบ้าน ประณตเห็นก่อนตะโกนลั่น
“มากันแล้ว พี่ขวัญหายไปไหนเนี่ย หายไปทั้งคืนเลย”
“แม่”
เพียงขวัญโผเข้าไปหานภา ที่เดินออกมาพร้อมกับชนะ ยาย และบุหลัน
“ขวัญลูกแม่ แม่นอนไม่หลับทั้งคืนเลยรู้ไหม” นภากอดลูกสาวอย่างห่วงใย
ชนะหน้าสลด
“ลุงขอโทษนะขวัญ ขวัญเป็นอะไรหรือเปล่า แล้ว...ไอ้เพ้งมัน...”
รณพีร์แทรกขึ้น
“ผมไปช่วยขวัญทันพอดีครับ ไอ้เพ้งไม่ทันได้ทำอะไรขวัญ”
ยายยกมือไหว้ท่วมหัว
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองคนดี สาธุ”
บุหลันเข้ามาถาม
“แล้วทำไมต้องหายกันไปทั้งคืน”
“บุหลัน” นภาปราม
“เราถูกพวกนั้นไล่ล่าเลยต้องรอจนเช้า ค่อยติดรถพวกชาวประมงกลับมาเอารถผมได้ครับ” รณพีร์อธิบาย
นภาพยักหน้าเข้าใจ
“มิน่าสะบักสะบอมกันไปหมดทั้งสองคน ทำไมใจร้ายใจดำกันได้ขนาดนี้ คนเรานะคนเรา”
ชนะถอนใจ
“ลุงเองก็ไม่รู้จักหลาบไม่รู้จักจำ ทำไมไปลงอุบายโง่ๆของไอ้เพ้งอีกจนได้ ลุงขอโทษนะขวัญ”
“ขวัญผิดเองค่ะที่ไม่ได้เล่าให้ลุงฟัง เพราะคิดว่ามันคงไม่กล้าทำอีก ที่ไหนได้ มันไม่ยอมเลิกรา มันหาว่าขวัญเป็นเด็กอกตัญญูไม่ยอมตอบแทนบุญคุณมัน”
นภาหน้าเครียดๆห่วงลูก
“แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดี เกิดมันแค้นขึ้นมาอีก มันมิหาเรื่องยายขวัญอีกหรือ”
ชนะแค้นเดินออกไป รณพีร์สังเกต เดินตาม
ชนะเดินไปเปิดลังที่มีมีดหลายชนิด มีปืนหลายขนาด ซึ่งเป็นอาวุธที่เป็นของประกอบฉากทั้งนั้น ลุงชนะหยิบมีดอันหนึ่งเอาเหน็บเอว แล้วเดินออกไป รณพีร์โผล่มาดักหน้า
“คุณชนะ จะทำอะไร”
“ผมจะไปจัดการกับไอ้เพ้ง”
รณพีร์มองเห็นที่เอว
“มีด...”
ชนะเอาออกมาจ่อ รณพีร์ตกใจ
“ลุง”
ชนะพูดอย่างโกรธแค้น
“ต้องมีใครจัดการกับมันสักคน สองหนแล้วที่มันทำกับขวัญอาจจะมีหนที่สามก็ได้”
รณพีร์ส่ายหน้า ชนะอัดอั้นมาก เสียใจมาก ตะโกนออกมา
“ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านนี้ ผมช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย วันๆสร้างแต่เรื่อง สร้างแต่หนี้สิน ผมจะไปฆ่ามัน”
ชนะเข่าอ่อน นั่งลงกับพื้น โกรธแค้น เครียด รณพีร์ครุ่นคิด
“ผมว่า...ผมมีวิธี เราไม่ต้องไปฆ่าใคร ไม่ต้องแจ้งตำรวจ เราก็จัดการมันได้”
ชนะหยุดเศร้า สนใจขึ้นมาทันที
ค่ำนั้น เพ้งกับสมุนทั้งสองนั่งอยู่ในร้านอาหาร เพ้งแค้นๆ
“ยิ่งนึกยิ่งแค้น หนูขวัญหลุดมือไปได้ อยู่ใต้จมูกแล้วแท้ๆ อีกนิดเดียว”
“เห็นเขาว่าไอ้นายพีร์มันเป็นทหาร มันจะเอาเรื่องเราไหมเสี่ย”
“โฮ้ย ไม่กลัวหรอก ใครจะกล้าบอกวะว่าโดนผู้ชายลากไป อั๊วแค่สงสัยบ้านตากอากาศนั่น เพิ่งซื้อ ทางเข้าก็ยากเย็น มันตามไปถูกได้ไงวะ หมาที่ไหนมันคาบข่าวไปบอก”
บงกชเดินมาได้ยินชะงักเท้า สมุนออกความเห็น
“มันคงสะกดรอยเราไป”
“แสดงว่าพวกเอ็งไม่ดูให้ดี ไอ้โง่อั๊วะเลยพลาดจากหนูเพียงขวัญเลย” เพ้งตบหัวสมุน “นี่แน่ะ นี่...นี่ ตัดเงินดีไหมเนี่ย” เพ้งหันไปเห็นบงกช “เอ๊า หนูบงกช”
สมุนก้มหัวออกไป บงกชแกล้งถามทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตั้งใจไม่บอกอยู่แล้วว่าตนเป็นคนบอกทางให้รณพีร์ไป
“หนูขวัญทำไมหรือคะเสี่ย ได้ยินที่เมื่อกี้พูดถึงนี่คะ”
“ขวัญเขิญอะไรกั๊น มาๆกินข้าว อยากกินอะไรวันนี้”
บงกชหน้าบึ้ง โกรธเรื่องที่เพ้งยังวุ่นวายกับเพียงขวัญ
“ไม่หิว อยากคุยเรื่องงานมากกว่า ไหนบอกว่ามีหนังให้ฉันเล่น”
“วันนี้อารมณ์ไม่ดีแฮะ...คนสวยๆทำหน้าบูดอย่างนี้ไม่เอาสิ ถ้าไม่กินไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า”
“ไม่อยากไป เพิ่งมาถึงขี้เกียจนั่งรถไกลๆ”
“บงกชของเสี่ย...งอนอะไรเสี่ยอีกล่ะ”
“ไหนบอกว่ามีฉันคนเดียว บอกมานะ ซ่อนใครไว้อีกบ้าง จะชวนมาปั้น...มาปล้ำ อีกกี่คน”
“มีที่ไหนกัน…พูดซี้ซั้ว”
“ถ้าเสี่ยไม่เปิดหนังให้ฉัน เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”
บงกชลุก ทำท่าจะกลับ เพ้งชิงพูด
“เสี่ยมีบทแล้ว เพิ่งไปขอนิยายมาจากอาจารย์สมชาติ ท่านรับปากแล้วว่าจะเขียนบทให้ เสี่ยจะให้หนูเป็นนางเอก”
บงกชยิ้มออก
“จริงหรือ...เรื่องเป็นยังไง หนังชีวิต หรือว่าหนังบู๊”
“อยากรู้ก็ตามมา ไม่ตามก็ไม่เล่า”
เพ้งวางเงินจ่ายค่าเครื่องดื่มแล้วเดินไป บงกชกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“เสี่ยๆ เดี๋ยวสิ”
วันใหม่...ชนะพาศักดามาที่บริษัทของเพ้ง ศักดาเป็นหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ลูกจีน มีวิชาการตลาดในสายเลือด คิดเลขเร็วและเก่งมาก ทั้งสองนั่งรออยู่สักครู่เหมยฮัวเดินเข้ามาหา
“อาชนะ กล้านัดอั๊ว แปลว่ามีเงินมาจ่ายหนี้แล้วใช่ไหม”
“ฉันพานายทุนใหม่มา มาขอซื้อหนังจากคุณเหมยฮัว”
เหมยฮัวมองศักดา
“ใครเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้า”
“ผมชื่อศักดา เพิ่งเรียนจบ ชอบดูหนัง อยากลงทุนทำธุรกิจนี้ดูสักตั้ง”
“ไก่อ่อนสอนขัน” เหมยฮัวมองอย่างดูถูก
“คุณศักดาสนใจจะซื้อหนังนางเสือสาว ไปขายต่อสายหนัง แล้วก็ขอซื้อฟิล์มหนังกินรีที่ถ่ายไปแล้ว จะเอาไปถ่ายต่อ”
เหมยฮัวยิ้มเจ้าเล่ห์
“นางเสือสาวน่ะ สนุกมากนะ มีคนติดต่อมาแล้วด้วย ถ้าจะขายต้องได้ราคา”
ศักดาหน้าตาจริงจัง
“บอกตัวเลขมาเลย”
เหมยฮัวเปิดสมุดบัญชีแล้วดีดลูกคิดแล้วเขียนใส่กระดาษให้ดู ศักดารับมาดู ส่ายหน้า
“ราคานี้ เราไม่มีทางมีกำไร”
ศักดาเอาให้ชนะดู ชนะโวยวาย
“ขูดเลือดขูดเนื้อกันชัดๆ คุณขายเองก็ไม่ได้ราคานี้หรอก”
“เอาอย่างนี้ ผมมีข้อเสนอ ถ้าคุณยอมลดราคาลงครึ่งหนึ่ง ผมจะบอกข้อมูลสำคัญให้”
เหมยฮัวชะงัก
“ข้อมูลอะไร มีค่าขนาดนั้น”
“ถ้าคุณรู้ข้อมูลนี้ คุณจะประหยัดเงินในกระเป๋าอีกมาก อืม...เอาเงินไปทำหนังได้สักสามเรื่องเลยล่ะ”
เหมยฮัวเริ่มสนใจ
“เอ๊ะ...ข้อมูลอะไรของลื้อ”
“เสี่ยเพ้งแอบยักยอกเงินคุณไปซื้อบ้านริมทะเลหลังใหญ่เบ้อเร่อ แค่นั้นไม่พอ เสี่ยยังติดผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง ไม่สงสัยรึ เงินของคุณหมู่นี้ มันขาดๆหายๆ”
เหมยฮัวลุกขึ้นทันที โมโหมาก
“ซื้อบ้าน ติดผู้หญิง มิน่า”
“ขายผมครึ่งราคา เอาที่อยู่ไป รับรองคุ้ม”
ชนะยุยง
“คุณเหมยฮัว ไม่รู้จักสายหนัง ขายเองไม่ได้ ให้เสี่ยไปขาย ก็เอาไปให้ผู้หญิงหมด”
ศักดากล่อม
“ฟิล์มกินรีนั่นก็เหมือนกัน ทิ้งเฉยๆ ก็มีแต่สูญกับสูญ เช็คอยู่นี่ ผมพร้อมเซ็น ขายเถอะครับ”
ศักดาหยิบสมุดเช็คขึ้นมา เหมยฮัวยังจมอยู่กับความแค้น
“ไอ้เพ้ง มึงตาย”
เพ้งกับบงกชคลุมโปงกันอยู่ หัวเราะระริกระรี้อยู่ในโปงที่บ้านพักริมผา เพ้งตะโกนออกมาให้สมุนข้างนอกได้ยิน
“ก้นหายระบมหรือยัง เดี่ยวเสี่ยหายเหนื่อยจะนวดให้อีกนะ”
“เสี่ยขาแล้วหนังเรื่องใหม่ที่จะให้หนูเป็นนางเอกเมื่อไหร่จะเปิดคะ ช่วงนี้หนูไม่ค่อยมีงาน”
“กำลังดูอยู่ อาเหมยฮัวยังดูงบประมาณอยู่”
เท้าผู้หญิงคนหนึ่งเอาถาดเข้ามาวาง เพ้งตะโกนบอกโดยไม่ได้สนใจ
“เออ ขอบใจ วางเสร็จออกไป ปิดประตูด้วยนะโว้ย”
เพ้งยื่นมือออกไปตัวยังอยู่ในโปง จับของบนถาด ไม่มีน้ำเย็น มีแต่ มีดโกน เพ้งหน้างงๆว่าไอ้ของที่คลำเจอนี้มันคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าอะไร เขาโผล่หน้าออกมาจากผ้า มาดูให้แน่ว่าบนถาดมีอะไรเจอหน้าเหมยฮัวซึ่งเป็นคนที่ยกถาดเข้ามา
“อีแก่” เพ้งสะดุ้งเฮือก
เหมยฮัวหยิบมีดโกนบนถาดขึ้นมา
“หิวกระหายมากหรือ ไอ้แก่ตัณหากลับ คนอย่างลื้อ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสินะ”
“เฮ้ยอย่าๆ”
เพ้งโดดลงจากเตียงวิ่งหลบไปที่ประตู แต่พอเปิดประตู สมุนเข้ามาจับ
“เฮ้ยมาจับอั๊วทำไม พวกลื้อเป็นลูกน้องอั๊วนะเว้ย”
“เงินเดือนพวกมัน อั๊วเป็นคนจ่าย มันเป็นลูกน้องอั๊ว”
สมุนเสียงอ่อย
“ขอโทษนะเสี่ย เราทำเพื่อความอยู่รอด”
สมุนจับตัวเพ้งล็อกไว้ เหมยฮัวย่างสามขุมเข้าหาบงกช
“นังดาวยั่ว คิดว่าฉันโง่หรือไง ชอบแย่งผัวชาวบ้านนัก นี่แน่ะ”
เหมยฮัวสับมีดโกนลงมา บงกชร้องวี้ด...วิ่งหนี เหมยฮัวไล่ต้อนเข้ามุม
“แกหนีฉันไม่พ้นหรอก”
บงกชไหว้เหมยฮัว
“ฉันสาบาน จะไม่ยุ่งกับเสี่ยอีก อย่าทำฉันเลยนะจ๊ะ”
“หน้าตาก็สะสวย แต่หน้าด้านแย่งผัวชาวบ้าน ฉันจะทำให้แกเสียโฉมแย่งผัวใครไม่ได้อีก”
เหมยฮัวกรีดมีดโกนใส่หน้าฉับๆ บงกชเอามือจับหน้าแล้วมาดูมีเลือดติดมือ เธอร้องลั่น
“อ๊าย...เสี่ยช่วยด้วย ฮือ”
บงกชทรุดตัวลงร้องไห้ เสียโฉมหมดอนาคต มีรอยกรีดที่หน้า เหมยฮัวสะใจ
“โฮ้ย มันจะไปช่วยใครได้ ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย”
“อาเหมยฮัวยอดรัก ให้อภัยผัวนะจ๊ะ ผัวจะเลิกเจ้าชู้โดยเด็ดขาด จะมีอาเหมยฮัวคนเดียว” เพ้งอ้อนวอน
เหมยฮัวดึงผ้าขนหนูเพ้งหลุด
“ลื๊อจะทำอะไรน่ะอาเหมยฮัว”
เพ้งตื่นกลัวตัวสั่น เหมยฮัวหน้าเหี้ยม
“ก็ทำให้ลื๊อมีเมียคนเดียวอย่างที่พูดไง ลื๊อจะมีเมียอื่นไม่ได้อีกตลอดชีวิต”
เหมยฮัวสับมีดโกนลงมา
“ย๊าก...” เพ้งแหกปากร้องลั่น
อ่านต่อหน้า 3
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เช้าวันใหม่...บุหลันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มีภาพเหมยฮัวถือมีดโกนหน้าตาดุดันประกอบ บุหลันอ่านเนื้อข่าว
“เมียผู้อำนวยการสร้างหนังหึงโหด ตัดเจ้าโลกผัว แถมกรีดหน้านางเอกทรงโตชู้รัก วิ่งโร่เข้าโรงพยาบาลกลางดึก งานนี้ไม่ตาย แต่คงเลี้ยงไม่โต”
นภาหันมาถาม
“หนังสือพิมพ์เขียนเกินจริงหรือเปล่าคะ”
“แบบนี้มันก็มาทำอะไรเพียงขวัญไม่ได้แล้วใช่ไหม”
ชนะสะใจ
“ทำเพียงขวัญ ทำผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่ได้อีกแล้ว”
นภาและบุหลัน ถอนใจ สบายใจ บุหลันหันมาหาชนะ
“จบเรื่องไอ้เพ้ง แล้วเรื่องทำหนังล่ะ”
“พ่อพีร์กับเพื่อนที่ชื่อศักดา จัดการให้แล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” ชนะยิ้มสดใสกว่าทุกวัน
ศักดาเอาฟิล์มมาวางบนโต๊ะ ซื้อมาจากเหมยฮัวเรียบร้อย
“คุณเหมยฮัวขายเนกาทีฟฟิล์มให้เราครึ่งราคา แต่เธอบอกว่าหนี้สินของคุณชนะเธอไม่ยอมลด นี่ครับรายละเอียด”
ชนะรับเอกสารจากศักดาไปดู
“ค่าข้าวของที่เสียหาย จากการถ่ายทำโน่นนี่น่ะครับ”
เพียงขวัญเข้ามาถาม
“ตกลงคุณอยากทำหนังจริงๆ หรือคะคุณศักดา”
รณพีร์ตอบแทน
“ศักดาเป็นเพื่อนนักเรียนของผม เขาจบการตลาดจากอเมริกา เป็นลูกเจ้าสัวแถวเยาวราช มีเงินถุงเงินถัง ไม่อั้นใช่ไหม”
“ถ้าคุ้มกับการลงทุน” ศักดาพูดเรียบนิ่ง
รณพีร์ทำหน้าว่าที่ตกลงกันไง ศักดาเลยสาธยาย
“พี่น้องผม เขาดูแลร้านทองของพ่อแม่ ผมก็อยากลองกิจการใหม่ๆดูบ้าง ผมสืบราคามาหมดแล้วก่อนไปคุยกับคุณเหมยฮัว ได้เนกาทีฟฟิล์มหนังมาในราคาครึ่งเดียวแบบนี้ น่าจะมีกำไร”
ชนะหันไปพูดกับรูปราตรี
“ราตรี...ผมจะได้ทำหนังต่อแล้ว ผมได้ทำหนังกินรีต่อแล้ว”
ศักดางง คนอะไรพูดกับข้างฝาก็ได้ด้วย
“เขาพูดกับใครครับ”
รณพีร์กับเพียงขวัญหัวเราะ
“ป้าดิฉัน ภรรยาลุงชนะ”
ศักดาเพิ่งมองเห็นรูป พยักหน้า เพิ่งเข้าใจ
“คุณเริ่มเตรียมงานถ่ายทำกินรีต่อได้เลย ส่วนเรื่องหนี้สิน ผมจะช่วยดูแลให้”
ชนะอึ้ง
“จะจ่ายหนี้สินให้ผมด้วยหรือ”
“ผมไม่อยากให้คุณห่วงหน้าพะวงหลัง คุณจะได้ทำงานอย่างสบายใจ”
ศักดาชี้ไปที่ข้าวของประดิษฐ์ข้างๆตัว ชนะดีใจ
“จริงหรือครับ”
“ผมน่ะลูกพ่อค้า เดี๋ยวหนังเสร็จผมก็ได้คืน คุณแค่เชื่อผมทำตามแผนผม คุณต้องรอด คุณมีความสามารถ”
ชนะหน้าตื่น
“ผมมีความสามารถ...เกิดมาเพิ่งมีคนพูดกับผมแบบนี้ ขอกอดที”
ชนะกอดศักดาน้ำตาซึมๆ ศักดางงๆ รณพีร์กับเพียงขวัญยิ่งขำ
“มีแต่คนด่าผมว่าไอ้เพี้ยน ไม่มีใครพูดแบบนี้กับผมเลย ซึ้งครับซึ้งมาก”
ชนะเช็ดน้ำตา ศักดาทำหน้าแปลกๆ เพียงขวัญหันมาหารณพีร์
“ฉันติดหนี้คุณเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
รณพีร์ยิ้มให้ ทั้งสองสบตากัน วิไลรัมภากับไฉไลที่ตามรณพีร์มายืนแอบดูอยู่มุมหนึ่ง วิไลรัมภากำหมัดแค้นๆ
วิไลรัมภา กับไฉไล มาพบพิมพรรณ ที่ร้านอาหาร
“เขายังไปมาหาสู่กับยายเพียงขวัญอยู่” ไฉไลจีบปากจีบคอเล่า
วิไลรัมภาแค้นๆ
“รู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว ยังมายุ่งกับพี่ชายพีร์อีก”
ไฉไลขัดขึ้น
“เอ...ที่เห็น คุณชายพีร์มาหาเขาเองไม่ใช่หรือคะ”
วิไลรัมภาดุ
“ไฉไล”
พิมพรรณหันมาถาม
“แล้วเขาไปทำอะไรกันคะ”
“เหมือนคุยงานกันค่ะ แต่ดูสนิทสนมกันมาก ความสัมพันธ์คู่นี้ท่าทางจะลึกซึ้งกว่าที่เรารู้” ไฉไลเจื้อยแจ้ว
วิไลรัมภามองหน้า ไฉไลยิ้มจ๋อย ตบปากตัวเองเบาๆ
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะขอโทษ...แหะๆ ไม่พูดแล้ว”
“สัมพันธ์บ้าบออะไร แค่ความหลงชั่วคราว ดูคุณยอดยศสิ ตอนนี้สนใจนังนั่นที่ไหน อีกหน่อยพี่ชายพีร์ก็ลืมมันเหมือนคุณยอด” วิไลรัมภาเข้าใจไปเอง
ไฉไลเห็นด้วย
“ใช่ค่ะใช่...แล้วคุณรัมภาจะทำยังไงต่อคะ”
“มันต้องมีวิธี คนอย่างฉันไม่จนแต้มง่ายๆ หรอก”
วิไลรัมภาครุ่นคิดหาวิธีในใจ หน้าเครียด
ด้านเพียงขวัญกับจันท์กระพ้อมาที่ตลาดกำลังจะเดินเข้ามาในร้าน คุณนายเดินออกจากร้าน ผงะมองหน้าเพียงขวัญ
“เอ้าหนูเพียงขวัญที่เป็นดาราใช่ไหม”
จันท์กระพ้อรีบแทรกมา
“นี่เพื่อนหนูเองจ๊ะ พี่ชอบดูหนังไทยหรือจ๊ะ”
“ชอบมาก ดูทุกเรื่องเลย จำดาราได้ทุกคน มาทำอะไรเนี่ย”
เพียงขวัญยิ้มแย้มบอก
“มารับเสื้อไปปักที่บ้านค่ะ”
“หือ ขยันจังเลย รับปักเสื้อด้วย”
“ช่วยกันกับน้าค่ะ เล่นหนัง อย่างเดียวคงไม่ไหวแน่”
แฟนหนังยิ้มชื่นชม
“น่ารักจริง ไม่ถือเนื้อถือตัวอย่างนี้ รับรองไม่มีอดหรอกจ้ะ ขอลายเซ็นให้พี่หน่อยได้มั้ยจ๊ะ จะเอาไปอวดเพื่อน”
เพียงขวัญเซ็นให้ แล้วเดินเข้าร้านไปกับจันท์กระพ้อ
เพียงขวัญกับจันท์กระพ้อ หิ้วถุงผ้ามาตามทาง
“ขอบใจนะจันท์ อุตส่าห์มาช่วยเราขนของ”
“แหมเป็นเพื่อนกันแค่นี้ เออขวัญไปเที่ยวบ้านฉันไหม”
“ได้สิ ไม่ได้เจอพ่อเธอนานแล้วด้วย”
รถกำพลจอดอยู่ เพียงขวัญเห็นก็จำได้
“รถคุณพีร์นี่”
“คุณพีร์เหรอ”
จันท์กระพ้อมองไปมา ขณะเดียวกันนั้น ขันติกับกำพลเดินเข้ามากรุ้มกริ่ม ขันติยิ้มแย้มถาม
“มีอะไรให้รับใช้ครับ”
จันท์กระพ้อถามกลับ
“รถคุณเหรอคะ”
กำพลพยักหน้า
“ใช่ครับรถพ่อผม ใช้มาจะปีแล้วครับ”
กำพลยิ้มให้จะเดินไป แต่ขันติ หลงใหล อยากคุยต่อ
“ผมชื่อขันติครับ ถ้ายังสงสัยไปคุยต่อในรถไหมครับ บ้านอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปส่ง เอ๊ะหน้าคุณคุ้นจัง”
ขันติมองเพียงขวัญ กำพลดักคอเพื่อน
“ไอ้ตัวแสบ เจ้าชู้ไปเรื่อย เดี๋ยวเขาก็ด่าให้หรอก” กำพลมองจันท์กระพ้อเกรงๆ “ขึ้นรถ ต้องรีบไปเข้าเวร”
กำพลลากขันติขึ้นรถ ขันติยังมองตาม เจ้าชู้ตามประสา กำพลขับรถออกไป เพียงขวัญมองรถยังคาใจอยู่
“รถคุณพีร์แน่ๆ ฉันจำได้”
“เอาไว้ถามคุณพีร์เขาดูสิ”
อัทธ์ซ้อมมวยอยู่ เพียงขวัญเดินเข้ามาพร้อมกับจันท์กระพ้อ มีตะกร้าผลไม้พร้อมกับขนมจากที่บ้าน เพียงขวัญยกมือไหว้ปุ้มปุ้ย
“สวัสดีค่ะพ่อ”
อัทธ์ดีใจที่ได้เจอน้องสาว
“ขวัญ วันนี้ว่างหรือ”
“กล้วยที่บ้านออกลูก แม่กับเด็กๆ ช่วยกันทำข้าวต้มมัดไปขายนี่เอามาฝากพ่อกับพี่ๆนักมวยค่ะ”
ปุ้มปุ้ยพยักหน้าขอบใจ สองสาวเดินไปด้วยกัน
“วันนี้คุณอัทธ์มาซ้อมมวย ฉันอยากให้เธอมาเจอเขาด้วยกัน”
อัทธ์หันมามองยิ้มๆโบกมือให้ทั้งคู่ จันท์กระพ้อค้อน
“ทำไมฉันต้องมาเจอคุณอัทธ์ล่ะ”
“เอ๊า ก็เขาสนิทกับเธอก่อนฉันนี่ แล้ว...แล้วตอนนี้เขามาสนิทกับฉัน ฉันรู้สึกผิดอย่างไรไม่รู้”
“ผิดอะไร คุณอัทธ์เขาเป็น...แค่แฟนหนังของฉัน เธอเป็นเพื่อนฉัน ถ้าเขามาชอบเธอ ฉันก็ต้องดีใจด้วยสิ ถึงจะถูก”
จันท์กระพ้อค้อนให้อัทธ์ที่ซ้อมมวยอยู่
เพียงขวัญทำครัวตามคำสั่งของจันท์กระพ้อ อัทธ์เดินเข้ามารินน้ำดื่ม
“จำได้ว่าคุณชอบอ่านหนังสือ ทำไมมาซ้อมมวยอย่างนี้ล่ะคะ”
อัทธ์ เห็นจันท์กระพ้อรีดผ้ากองโต
“เวลาเจอคนถูกใจ บางทีเราก็อยากรู้จักตัวตนของเขาที่แตกต่างไปจากเรา”
เพียงขวัญมองตาม สังเกตพี่ชาย แน่ใจขึ้นทุกวันว่าเขาคงชอบจันท์กระพ้อ แต่ไม่อยากพูดอะไร
“แล้วน้องล่ะ ถามคุณพีร์เขาหรือยัง ผู้หญิงที่มาด้วยที่ไปลีลาศเป็นใคร”
เพียงขวัญครุ่นคิด ไม่ตอบ
“ทำไมไม่ถามล่ะ”
เพียงขวัญนึกถึงคำพูดของรณพีร์ที่บอกเธอ
‘ตอนที่เราโดดหน้าผาเมื่อวาน เราสองคนอาจตาย แต่เราก็รอดมาได้ เราสองคน ยังเชื่อใจกันอยู่ใช่ไหมครับ เรายังรักกันอยู่ ใช่มั้ยครับ’
เพียงขวัญมองหน้าอัทธ์
“ความเชื่อใจกัน เป็นสิ่งสำคัญใช่ไหมคะ”
“แสดงว่าเชื่อใจเขา ไม่จำเป็นต้องถาม จะบอกพี่แบบนี้ใช่ไหม”
“ก็...เฮ้อ เรื่องพวกนี้น่าปวดหัว ขวัญเห็นจากครอบครัวของขวัญเอง ก็เข็ดแล้ว ขวัญไม่คิดจะผูกพันรักใคร่กับเขาถึงขั้นแต่งงานแต่งการกัน วันหนึ่งเขาก็คงเบื่อไปเอง สุดท้ายก็คงเป็นได้แค่เพื่อน”
“เป็นเพื่อนได้จริงรื้อ เรื่องของหัวใจ น้ำตาตกทุกราย ไม่งั้นจะเรียกว่าความรักหรือ”
เพียงขวัญอึ้งไป เพราะอันที่จริงก็กลุ้มอยู่จริงๆ
เย็นวันนั้น เพียงขวัญทำกับข้าวเสร็จเอามาวาง อัทธ์เดินมาช่วย ปุ้มปุ้ยยังซ้อมให้นักมวยเพลินอยู่ จันท์กระพ้อสั่นกระดิ่งพักกินข้าว
“พ่อ...พี่น้อง กินข้าวได้แล้ว”
นักมวยเดินเข้ามาตักข้าวไปกิน เพียงขวัญจัดกับข้าว อัทธ์ชวน
“คุณจันท์มาทานด้วยกันสิครับ”
“ยังไม่หิว”
จันทร์กระพ้อเย็นชาเดินห่างไปจงใจให้เพียงขวัญกินกับอัทธ์สองคน เพียงขวัญแปลกใจ
“ยายจันท์เป็นอะไรไม่รู้ เมื่อกี้อยู่กับขวัญยังดีๆอยู่เลย”
“โกรธอะไรพี่ไม่รู้ ตั้งแต่กลับจากงานลีลาศไม่พูดกับพี่เลย”
เพียงขวัญงง ยิ้มๆ
“ให้ขวัญถามให้ไหมคะ”
“พี่อยากถามขวัญมากกว่า จันท์กระพ้อเขาชอบผู้หญิงหรือ”
ปุ้มปุ้ยโผล่หน้าออกมาแว้ดใส่ทันที
“เอาที่ไหนมาพูด ลูกสาวข้า ไม่ใช่พวกผิดเพศนะโว้ย ลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงของข้ามา ข้าดูออก ไอ้จันท์มันสวยจะตาย”
อัทธ์หน้าเสีย เพียงขวัญเสริม
“ใช่ค่ะพ่อ จันท์เขาสวยจะตาย คุณคงเข้าใจผิดมั้งคะ”
อัทธ์จ๋อยๆ จำต้องสารภาพ
“เขาบอกผมเองเมื่อคราวที่แล้ว ว่าเขาชอบมองผู้หญิงสวย”
“จริงหรอ ไอ้จันท์ ไอ้จันท์อยู่ไหน”
ปุ้มปุ้ยเดินออกไปเอาเรื่องต่อ เพียงขวัญกับอัทธ์ต้องรีบตาม
จันท์กระพ้อนั่งกินข้าวกับนักมวย ปุ้มปุ้ยโมโห อยากรู้เรื่องเดินมาตะโกนถาม นักมวยทุกคนหยุดชะงักมองมา
“ไอ้จันท์เอ็งบอกทุกคนไปเลย เอ็งชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
นักมวยก้มหน้าขำกันคิกๆ จันท์กระพ้อชะงัก
“พ่อพูดอะไร เสียงดัง อายเขา”
“ไม่ต้ององต้องอาย บอกมาเลย เอ็งชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ทำไมไปบอกคุณอัทธ์เขาว่าชอบผู้หญิง เอ็งพูดอย่างนั้นจริงเหรอ”
“ไปคุยกันสองคนมั้ยพ่อ ถ้าจะพูดกันเรื่องนี้”
จันท์กระพ้อเข้ามาบอกพ่อ หน้าแดงไปหมด จะให้เข้าบ้าน
“เอ๊ะ จะอายอะไรเนี่ย ก็คุยกันตรงนี้แหละ คุยกันให้รู้เรื่อง” ปุ้มปุ้ยหงุดหงิด
เพียงขวัญเข้ามา
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เรื่องนี้ฉันตอบให้เอง ที่ห้องนอนของจันท์กระพ้อน่ะ มีรูปผู้ชายคนหนึ่งติดอยู่ มีใครเคยเห็นไหม รูปใคร” เพียงขวัญยิ้มๆ
นักมวยทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน
“มิตร ชัยบัญชา”
เพียงขวัญยิ้มๆ
“ที่เขาตามขวัญไปกองถ่ายน่ะ เพราะเขาคิดว่าก็อาจจะได้เจอพระเอก คุณมิตร ชัยบัญชาคนนี้แหละ”
จันท์กระพ้ออาย
“ยายขวัญ พูดมากไปแล้วนะ”
อัทธ์ดีใจยิ้มออกมา หายสงสัยกระซิบ
“แปลว่าคุณจันท์ชอบผู้ชาย ที่ลีลาศนั่น คุณแค่แกล้งผม คุณไม่ได้ชอบผู้หญิงจริงๆใช่ไหมครับ”
ปุ้มปุ้ยคาดคั้นลูกสาว
“ว่าไง ไอ้จันท์ ตกลงเอ็งชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ บอกมาซิ”
“พ่อ”
“แล้วมันเรื่องอะไรไปแกล้งคุณอัทธ์เขาอยากนั้น เล่นพิเรนทร์นะเรานี่ บอกมาให้ชัดๆ ประกาศให้ดังๆไปเลยว่า เอ็งผิดเพศจริงหรือเปล่า”
จันท์กระพ้อ อาย และโมโหสุดขีด
“ฉันชอบผู้ชาย ฉันชอบผู้ชาย ฉันชอบผู้ชาย...พอใจกันหรือยังเล่า”
พวกนักมวยขำกันคิกๆ ปุ้มปุ้ยโล่งใจ
“เออก็แค่นั้น เห็นไหมคุณ ผมไม่ได้เลี้ยงลูกผิดเพศเสียหน่อย แหม หลอกให้ตกใจแทบแย่”
อัทธ์ยิ้มถอนใจโล่ง นึกว่าอกหักเสียแล้ว จันท์กระพ้อเดินมาด่าอัทธ์
“คนบ้า แค่นี้ต้องฟ้องพ่อฉันด้วยหรือ”
ขาดคำเธอก็ต่อยท้องเขา อัทธ์จุกแต่ยิ้มต่อ มองตามจันท์กระพ้อ สบายใจขึ้นมาก เพียงขวัญมองหน้าพี่ชายยิ้มไปด้วย
วันใหม่...รัชชานนท์กับสร้อยฟ้า ซึ่งมาพักที่วังจุฑาเทพ กลับเข้ามาหลังจากไปประชุม รณพีร์เดินมาคุยด้วย
“ไปไหนกันมาแต่เช้าครับพี่ชายเล็ก”
“ออกไปประชุมกับท่านผบทบ.มา สถานการณ์ชายแดนไม่ค่อยดี เจ้าวีระวงศ์ไปโกหกประชาคมโลกว่า ถูกโกงราชสมบัติ ที่สำคัญนายพลเซกองแหกคุกมาซ่องสุมกำลังกำลังร่วมกับเจ้าวีระวงศ์อีกด้วย”
“ถ้าอย่างนี้กองกำลังของเจ้าวีระวงศ์แข็งแกร่งขึ้นอีกหรือครับ”
รัชชานนท์พยักหน้า
“พวกมันรุกประชิดชายแดนมากขึ้น จะปะทะกันเมื่อไหร่ยังไม่รู้ เจ้าหลวงรังสิมันต์ อยากให้เจ้าสร้อยอยู่ที่นี่ เพื่อความปลอดภัย”
สร้อยฟ้าเครียด
“เบื่อจริง ทำไมนะ จะต้องเกิดเป็นผู้หญิง สร้อยอยากเกิดเป็นผู้ชาย เป็นทหาร ได้ต่อสู้กับพวกกบฏ ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใจ ห่วงชาวบ้านอยู่อย่างนี้”
“ใจเย็นเถอะ เจ้ารังสิมันต์ ชัชวีร์ของพวกเราเป็นคนฉลาดสุขุม เขากำลังหาทางเจรจากับเจ้าวีระวงศ์ ถ้าตกลงกันได้บนโต๊ะเจรจา สงครามก็ไม่เกิด”
“ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริงๆ สร้อยจะไม่ยอมทิ้งให้พี่ชายกับทหาร พวกชาวบ้าน สู้กันแค่นั้น สร้อยจะกลับเวียงภูคำ”
รัชชานนท์จับมือสร้อยฟ้ารักมั่นคง สายตาจริงจัง
“พี่จะกลับด้วย เราต้องกลับไปสู้ด้วยกัน”
รณพีร์นั่งคุยกับทุกคนต้องการคำปรึกษาจากพี่ๆ กรองแก้วกับสร้อยฟ้า ดูแลอาหารว่างและเครื่องดื่มให้กับเหล่าคุณชาย
“มีอะไรหรือครับชายพีร์” ธราธรหันมาถาม
“ผมกำลังอยากปรึกษาอะไรหน่อยได้ไหมครับพี่ๆคือผมอยากพาเพียงขวัญมาที่วัง มาพบหม่อมย่าครับ”
พุฒิภัทรมองหน้า
“บอกความจริงเขาแล้วหรือว่าชายพีร์เป็นใคร”
รณพีร์เสียงอ่อย
“ยังครับ”
รัชชานนท์ส่ายหัว
“แล้วทำไมยังไม่บอก”
“กำลังจะบอก พอดีมีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นเสียก่อน ตั้งใจว่า จะบอกตอนพามาที่วังนี่แหละครับ”
กรองแก้วพูดขึ้น
“คุณชายรณพีร์ดูไม่มีความมั่นใจเลย เวลาพูดถึงคุณเพียงขวัญ”
ธราธรมองหน้า
“ฟังดูเหมือนน้องกลัว กลัวอะไรรึ”
“กับผู้หญิงที่เคยประกาศต่อหน้าเราว่า เขาไม่คิดจะพึ่งพาใคร เขาจะดูแลตัวเองแล้วยิ่งเราไปโกหกเรื่องฐานะของตัวเองกับเขาไว้ มันก็ต้องมีกลัวกันบ้างล่ะครับ”
“ไม่หรอกชายพีร์พี่ครับคิดว่า ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ย่าเอียด ย่าอ่อนมากกว่าครับ”
วิไลรัมภาแอบฟังอยู่หน้าห้องเพราะประตูไม่ได้ปิด เธอยืนขัดใจอยู่ตรงนั้นกำมือแน่นแต่แอบฟังต่อไป...
“หม่อมย่าเตรียมการแต่งงานระหว่างชายพีร์กับน้องรัมภาไว้แล้ว อยู่ๆพาผู้หญิงอีกคนเข้ามามันคงเป็นเรื่องใหญ่” รัชชานนท์บอกอย่างหนักใจ
กรองแก้วเสริม
“คุณเพียงขวัญเป็นดารา ในสายตาหม่อมย่า คือผู้หญิงเต้นกินรำกิน จำเรื่องของแก้ว ได้ใช่ไหมคะ”
พุฒิภัทรถอนใจ
“กว่าพี่จะผ่าด่านท่านย่ามาได้ เราสองคนก็แทบตายเหมือนกัน”
รณพีร์หน้าเครียด
“ผมถึงต้องปรึกษาพวกพี่ๆ”
ทุกคนกลุ้ม นี่เป็นเรื่องที่ห่วงอยู่ แล้วสร้อยฟ้าก็ถามขึ้น
“อาทิตย์หน้าวันเกิดหม่อมย่าใช่ไหมคะ”
ธราธรหันมาถามพุฒิภัทร
“สุขภาพหม่อมย่าเป็นยังไงบ้าง”
“คนเป็นโรคหัวใจไว้ใจไม่ได้หรอกครับ”
ธราธรตัดสินใจ
“งั้นรอให้ผ่านวันเกิดไปก่อน แล้วเลือกวันที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า พวกพี่จะได้ช่วยกันพูด แบบนี้ดีไหมครับ”
ทุกคนพยักหน้า รณพีร์รู้สึกดีขึ้น
“ถ้าพี่ๆ ช่วยผม อะไรๆก็น่าจะดีนะครับ”
ค่ำนั้น วิไลรัมภากลับมาที่วังเทวพรหม นั่งดื่มชาคุยกันกับพ่อ
“คุณชายทุกคนจะช่วยกันพูดกับหม่อมย่างั้นหรือ บ้าที่สุด แทนที่จะช่วยกันทัดทานน้อง นี่ไม่เห็นหัวกันเลยหรือไง”
“คุณชายรณพีร์จะไม่มีโอกาสได้บอกหม่อมย่า จะไม่มีทางได้บอกความจริงกับนังเพียงขวัญ”
“หนูจะทำยังไง วิไลรัมภา”
“แผนนี้สำคัญมาก...สำคัญที่สุด พี่ชายพีร์ต้องเลิกกับนังเพียงขวัญ คราวนี้แหละ”
วิไลรัมภายิ้มอย่างมีแผนใหญ่ในใจ
วันใหม่...นภาเอาของมาขายที่ตลาด มีข้าวต้มมัด กล้วยกวน ขนมตาล วางขายอยู่ โดยมีแดงเป็นลูกมือ
“ข้าวต้มมัดไหมครับ ข้าวต้มมัดร้อนๆครับ”
อาเฮียเพื่อนบ้านเดินผ่านมาทักทาย
“ลื้อทำข้าวต้มผัดขายด้วยเหรอ จะขยันไปไหน”
บุหลันกับประณตหาบกล้วยกวน ขนมตาลมาเพิ่มจากบ้าน นภายิ้มแย้มบอกอาเฮีย
“ช่วงนี้ว่างงานรำไม่ค่อยจะมี ต้องหาเงินให้เด็กๆพวกนี้ไปเรียนหนังสือ พอดีต้นกล้วยออกเครือใหญ่ดี ก็เลยทำขนมมาขายนี้แหละจ๊ะ”
ทิพย์เพื่อนบ้านอีกคนแดกดัน
“หมั่นไส้โว้ย ไหนใครว่า ได้ดิบได้ดี เป็นแฟนนักเลงใหญ่ นี่อะไร้ มานั่งตากหน้าขายของ ขายขนมเกะกะอยู่ได้”
นภาโกรธ
“ใครเป็นแฟนนักเลง พี่ทิพย์พูดถึงใคร”
เพื่อนบ้านชื่อสร้อยแทรกขึ้น
“พ่อเดชคำแหง เขาไปมาหาสู่บ้านแม่นภาไม่ใช่หรือ ไหนจะลูกสาวดารา ช่างไฟลากไปทีผู้อำนวยการสร้างลากไปที”
ทิพย์เสริม
“เห็นมีทหารคนหนึ่งด้วยไม่ใช่เหรอ รอรับสินสอดสวยๆ อยู่บ้านไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ”
บุหลันไม่พอใจ
“นังทิพย์ นังสร้อยหาเรื่องเหรอ ไม่มีอะไรจะทำรึยังไง วันๆมัวแต่ตั้งวงนินทาว่าร้ายคนอื่น”
ทิพย์ปรี่เข้ามาหา
“แกก็เหมือนกันนังบุหลัน ผัวทิ้งไปมีเมียน้อย แถมมีลูกติดมาอีกคนใช่ไหมอีสร้อย ฉันพูดเรื่องจริงใช่ไหม แกเลยร้อนตัว”
“ใช่ วิ่งหัวโตไปมาอยู่ในตลาดเกะกะชะมัด”
บุหลันโกรธมาก
“หุบปากเลยนะมึงสองคน”
สร้อยไม่กลัว
“ทำไมมึงจะทำอะไรกู อ๋อถือว่าตัวใหญ่เหรอ”
นภาห้าม
“พอเถอะพออย่ามีเรื่องกันเลย แม่สร้อย แม่ทิพย์ คนบ้านเดียวกัน”
ทิพย์เบ้หน้าเหยียดหยัน
“ใครจะไปอยู่บ้านเดียวกับพวกแก ไม่ถูกผัวทิ้งก็เป็นเมียน้อย แกเป็นคนเดียวยังไม่พอ”
สร้อยเสริม
“สอนกันดีจริงๆ ผู้ชายวิ่งเข้าวิ่งออกให้เต็มบ้านไปหมด นี่มันบ้านหรือว่า...”
“อีทิพย์ อีสร้อย มึง”
บุหลันโมโหจะเข้าไปเล่นงาน สร้อยชี้หน้าขู่
“อย่าเข้ามานะมึง นังบุหลัน กูรุมมึงจริงๆ”
“มึงจะรุมกูใช่ไหม”
ทั้งสองเข้าไปตบกัน บุหลันตบกับทิพย์ ใช้ผักของตนขว้างเพราะบ้าเลือด ทำข้าวต้มมัด และผักเสียหายหมด
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เวลาต่อมา นภากับบุหลันนั่งหน้าบูดให้ยายด่า
“เออดี อุตส่าห์ทำข้าวต้มมัดทั้งคืน กะจะหาเงินเพิ่ม นี่กลายเป็นต้นทุนกำไรละลายหายไปกับโทสะ บุหลันนะบุหลันทำไมเป็นคนแบบนี้”
บุหลันหน้าสลด
“ฉันขอโทษแม่ ขอโทษนะพี่นภา อีทิพย์น่ะสิมาพูดว่าพี่นภาเรื่องนายเดชอย่างนี้ได้ยังไงฉันไม่มีทางยอมมันง่ายๆหรอก”
นภาถอนใจ
“เฮ้อ พี่น่ะชินแล้ว สงสารก็แต่ขวัญ มีเรื่องแบบนี้จะทนฟังคำส่อเสียดจากพวกชาวบ้านได้หรือเปล่า”
เพียงขวัญกำลังขึ้นบ้าน ได้ยินชื่อตน เลยฟังอยู่ที่บันได
“น้อยไปน่ะสิ ไอ้เรื่องทะเลาะกันแค่นี้ เรื่องแฟนยายขวัญต่างหากที่พี่นภาต้องพูดกับนายพีร์ รักจริงก็มาตบแต่งออกไปเสีย ที่รออยู่เนี่ย มีความลับหรือยังไง หรือว่ามีเมียอยู่แล้ว มันยังไงกันแน่”
เพียงขวัญแง้มประตู นภาแย้ง
“ถ้ามีแล้วจะมานั่งเฝ้ายายขวัญทุกวันอย่างนี้ได้ยังไง”
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”
ยายขัดขึ้น
“ผู้ชายมันก็ไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคนหรอก”
เพียงขวัญฟังอย่างกลุ้มๆ
เพียงขวัญกับจันท์กระพ้อเดินเข้ามาเจอวังจุฑาเทพอันใหญ่โตภูมิฐาน มีคนงานมากมาย สองสาวถูกจ้างให้มารำในงานวันเกิดหม่อมเอียด ทั้งคู่หิ้วชุดไทยมาด้วย จันทร์กระพ้อตื่นตาตื่นใจ
“โห...ที่นี่น่ะหรือ วังจุฑาเทพ เคยได้ยินแต่ชื่อ ใหญ่โต สวยงามจริง”
“จันท์ รู้จักหรือจ๊ะ”
“ฉันก็แค่เคยอ่านผ่านๆน่ะ หน้าข่าวสังคมเขาว่า คุณชายจุฑาเทพทั้งห้า หน้าตาดี จิตใจงาม เป็นที่หมายปองของสาวๆทั่วพระนคร”
“คนทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างเรา จะไปอ่านทำไมหน้าข่าวสังคม ชีวิตไม่มีวันได้เฉียดมาเจออยู่แล้ว”
“เอ๊า ก็ต้องมีความรู้ไว้บ้าง ดูอย่างวันนี้สิ ไม่ได้แค่เฉียดนะ ได้เข้าวังเลยล่ะ ตื่นเต้นๆ”
“เราก็เหมือนพวกพี่ป้าน้าอาคนทำความสะอาด คนทำงานพวกนั้นไง แค่มาทำงานประดับบารมีหรูหราของเขา เสร็จแล้วก็ไป มันก็แค่นั้น”
เพียงขวัญมองคนงานต่างๆ รู้สึกต่ำต้อยตามเขาเหล่านั้น คนงานถือของเดินมา
“เอ้า หลบหน่อยครับ มาทำอะไรกันนะ มายืนทำอะไรแถวนี้”
“พี่ เราสองคนมารำจ้ะ นี่งานวันเกิดท่านเจ้าของวัง หม่อมเอียดใช่ไหม”
“เพิ่งมาวังครั้งแรกล่ะสิ ไปที่ห้องที่เขาจัดไว้ให้เลยไป อย่ามาเดินเกะกะ เดี๋ยวเจ้านายมาเห็นเข้า”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
จันท์กระพ้อและเพียงขวัญเดินอ้อมๆ ระวังตัว หิ้วชุดรำเดินอ้อมไป
รณพีร์แต่งตัวอยู่ในห้อง ไม่ได้ปิดประตู แจ๋วเอาขนมมาเสิร์ฟ
“วันนี้หล่อมากเลยค่ะคุณชาย หล่อเป็นพิเศษเลยนะคะ”
วิไลรัมภาในชุดสวยเดินเข้ามา
“งามมากค่ะ สูทเข้ากับตัวพอดี”
รณพีร์หันไปชม
“น้องรัมภาก็สวยมากครับ”
วิไลรัมภาเข้าไปจัดเสื้อผ้าให้รณพีร์
“ชอบชุดนี้ไหมคะชุดที่พี่พีร์ใส่อยู่รัมภาเป็นคนเลือกแบบให้ช่างตัดให้เองค่ะ ย่าอ่อนให้รัมภาหัด เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับพี่ชายพีร์ค่ะ พี่ชายพีร์ชอบไหมคะ”
รณพีร์หน้าเสีย มองชุดตัวเอง
“อ๋อ หรือครับ ย่าอ่อนไม่เห็นบอกเลย”
วิไลรัมภาเดินมาเปิดลิ้นชักหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา
“ผ้าเช็ดหน้าพวกนี้รัมภาก็ปักเอง”
“จริงหรือครับ เอ๊ะ ตัว P&R พีร์กับรัมภา” รณพีร์ค่อยๆนึกแล้วนึกได้
วิไลรัมภายิ้มอายๆ
“มันไม่งามใช่ไหมคะ รัมภาแค่นึกสนุกปักเล่นๆน่ะค่ะ ย่าอ่อนบอกว่าไม่น่าเกลียด ท่านเป็นคนเอาผ้าเช็ดหน้าพวกนี้มาเปลี่ยนกับชุดเดิมให้”
รณพีร์นึกถึงตอนที่เพียงขวัญเคยถามเรื่องยี่ห้อปัก ตอนอยู่ที่ชายหาด
‘นี่เอาผ้าเช็ดหน้า มาจุดไฟทำไม’
‘ไม้มันชื้นไป ก็แค่ผ้าเช็ดหน้าน่ะคุณ’
‘เสียดายแทนคนที่เขาอุตส่าห์ปักชื่อบนผ้าเช็ดหน้าให้คุณ’
รณพีร์เริ่มไม่สบายใจ หน้านิ่วขึ้นมา
“น้องรัมภาไม่น่าลำบากเลยครับ”
วิไลรัมภาพับผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าสูทให้รณพีร์
“ลำบากอะไรกันคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันเป็นเพราะความรักของรัมภาที่มีต่อพี่ชายพีร์นะคะ”
วิไลรัมภามองหน้ารณพีร์ มีแววหมายมาดเอาเรื่อง
รณพีร์ชักสังหรณ์ใจมองหน้าวิไลรัมภาค้นหาคำตอบ
สมศรีเดินนำจันท์กระพ้อกับเพียงขวัญเข้ามาแต่งตัวในห้อง
“คุณเข้ามาแต่งตัวในนี้ก่อนค่ะ อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ”
เพียงขวัญยิ้มแย้มบอก
“มีกระจกแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”
จันท์กระพ้อตื่นตาตื่นใจไม่หาย
“ข้าวของสวยงามไปหมด ดูกระจกนี่สิ เก้าอี้นี่อีก ของดีๆ แพงๆ ทั้งนั้น”
แจ๋วยกของว่างและเครื่องดื่มเข้ามา
“เครื่องดื่มกับของว่างค่ะ”
แจ๋วเดินออกไป จันท์กระพ้อมองขนมอย่างตื่นเต้น
“อู้หู จัดเป็นคำๆน่ารักเชียว เสียเวลาเยอะไหมนี่ เป็นคนใช้ที่นี่คงเหนื่อยเนอะ”
ย่าอ่อนที่รู้เรื่องอยู่แล้ว เดินหน้าเข้มมาเพ่งมองเพียงขวัญไม่วางตา
“เขาเรียกอาหารชาววัง วิถีชีวิตชาววัง คนใช้ไม่มีสิทธ์บ่น”
สมศรีแนะนำ
“คุณอ่อน ท่านเป็นน้องสาวของหม่อมเอียด เจ้าของวังนี้ค่ะ”
เพียงขวัญกับจันท์กระพ้อยกมือไหว้
“ดิฉันชื่อเพียงขวัญค่ะ นี่จันท์กระพ้อ เพื่อนดิฉัน เป็นผู้ช่วยดิฉันค่ะ”
ย่าอ่อนมองเพียงขวัญหัวจรดเท้า
“สวย คล่อง ฉลาด มิน่าเล่า...” ย่าอ่อนยิ้มเหี้ยม “วังจุฑาเทพในสายตาเธอเป็นยังไงบ้าง น่าอยู่ไหม”
“สวย สง่างามมากค่ะ”
“ฉันถามว่าน่าอยู่ไหม อยากมาอยู่ไหม”
อ่อนเน้นคำว่า “อยาก” จนเพียงขวัญมองหน้ากับจันท์กระพ้อ
“ไม่กล้าคิดหรอกค่ะแค่ข้าวของในห้องนี้ห้องเดียว ดิฉันเก็บเงินทั้งชีวิตจะมีปัญญาซื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ซื้อเองไม่ได้ แต่ทางลัดมีนี่ มีเยอะแยะไป ผู้หญิงฉลาด คงคิดแบบนี้สินะ”
เพียงขวัญอึ้งๆงงๆ ไม่เข้าใจความหมาย
“ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป เวลามันตกลงมา เจ็บหนักนะ”
สองสาวมองหน้ากัน ย่าอ่อนมีรังสีอำมหิตบางอย่าง ย่าอ่อนยิ้มเย็นให้ เดินออกไป สมศรีตาม
สองสาวเดินมาคุยกันทันที
“ท่านพูดอะไรน่ะ เวลาท่านมองมา บรรยากาศมันหนาวๆ ยังไงไม่รู้” จันทร์กระพ้อถามหวาดๆ
“ภาษาชาววังกับชาวบ้าน มันคงไม่เหมือนกันมั้งแต่เห็นด้วยนะ ที่นี่น่าอึดอัด ขวัญไม่ชอบที่นี่เลยรีบทำงานแล้วรีบกลับเถอะ”
ย่าอ่อนเดินเข้ามาหาพิมพรรณ และไฉไลที่รออยู่แล้ว
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณเพียงขวัญ” พิมพรรณถาม
ย่าอ่อนยังไม่ทันตอบ ไฉไลสอดทันที
“เพียงขวัญคนนี้ร้ายกาจเหมือนที่พวกเราบอกไหมคะ”
ย่าอ่อนกังวล หน้าเครียด เดินมานั่ง สายตาคนแก่ บอกให้รู้ว่า เพียงขวัญมีดี ไม่ใช่ผู้หญิงแย่ๆ ที่ไล่ได้ง่ายๆ
“ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าที่ดิฉันคิด”
พิมพรรณชะงัก
“ทำไมคะ”
“ทีท่ามั่นใจ แววตา ฉลาด มั่นคง เป็นตัวของตัวเอง ประสบการณ์ของฉัน ห้าสิงห์จุฑาเทพ พ่ายแพ้ผู้หญิงแบบนี้”
พิมพรรณกับไฉไล พลอยกังวลไปด้วย
“คุณรัมภาอุตส่าห์วางแผนอย่างดี เธอมั่นใจว่าจะตัดสัมพันธ์ทั้งสองคนได้ ถึงให้ไฉไลโทรไปจ้างงานเธอ”
พิมพรรณเสริม
“คุณชายพีร์ปกปิดฐานะที่แท้จริงกับเพียงขวัญ ถ้าวันนี้ ถูกเปิดเผยเพียงขวัญคงโกรธ และเสียใจมาก”
ย่าอ่อนไม่มั่นใจ
“แน่ใจหรือว่าเพียงขวัญจะโกรธแล้วยอมเลิกรา”
วิไลรัมภาเดินมาน้ำเสียงมั่นใจ
“แน่ใจสิคะ ผู้หญิงคนนี้ หวังจะเป็นเมียเอก จะเป็นเมียเดียว เขาหวังจะครอบครองและเป็นที่หนึ่งในชีวิตของพี่ชายพีร์ ถ้าเขารู้ว่าพี่ชายพีร์โกหก รู้ว่าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเธอจะทิ้งพี่ชายพีร์ทันที”
“ถ้าหนูรัมภามั่นใจ งั้นเรามาช่วยกันภาวนา ขอให้ผู้หญิงเต้นกินรำกิน คนนี้พ้นไปจากชีวิตชายพีร์ ขอให้แผนการสำเร็จด้วยเถอะ”
ทั้งหมดหมายมั่นจะทำให้แผนการวันนี้สำเร็จ ยกเว้นพิมพรรณ
กรองแก้วประคองหม่อมเอียด มาหาสมาชิกในครอบครัวที่นั่งรออยู่
“คุณย่ามาแล้วค่ะ”
ระวิรำไพเข้าไปถาม
“เมื่อเช้าเลี้ยงพระ มะปรางไม่ได้มา เหนื่อยไหมคะ”
“ย่าไม่ได้ทำอะไรเลย แม่อ่อนกับสองคนนี้ หนูแก้ว เจ้าสร้อย วิ่งวุ่นตั้งแต่เมื่อคืน ขอบใจมากนะ”
สร้อยฟ้ายิ้มแย้มบอก
“ดิฉันได้แต่ดูแลสถานที่ คุณแก้วต่างหากที่เหนื่อยดูแลเรื่องอาหาร”
“เจ้าสร้อยตั้งใจมาก เมื่อคืนลงมา เมียหาย มองไปอยู่บนต้นไม้” รัชชานนท์พูดขำๆ
“คุณพระช่วย อีกแล้วเหรอจ๊ะ”
ย่าอ่อนส่งสายตาดุมา สร้อยฟ้าเกรงๆ
“เอ้อ คือคนงานตัวใหญ่ กลัวกิ่งไม้หัก ก็เลยขึ้นไปห้อยไฟประดับให้ แต่ขึ้นแค่ครั้งเดียวนะคะ...” สร้อยฟ้าหันไปตีรัชชานนท์เบาๆ “ต้องฟ้องด้วยหรือ”
ทุกคนหัวเราะเพราะสร้อยฟ้ามีประวัติปีนต้นไม้ในวังนี้มาก่อน พุฒิภัทรพูดขึ้น
“ต่อไปผมจะอ่านโปสการ์ดของพี่ชายรุจกับคุณวรรณรสานะครับ” พุฒิภัทรเปิดอ่าน “ถึงตัวจะห่างไกล แต่ดวงใจส่งมาหา รักห่วงใยทุกเวลา กราบหม่อมย่าพระคุ้มครอง”
หม่อมเอียดรับโปสการ์ดจากสวิสมาดู ยิ้มดีใจ
“มีของขวัญด้วยค่ะ ส่งมาถึงเมื่อวาน”
กรองแก้วยื่นกล่องของขวัญให้ หม่อมเอียดแกะดู เป็นผ้าคลุมไหล่ ธราธรยิ้มแย้มเข้ามาหา
“กราบสุขสันต์วันเกิด ขอให้คุณพระคุ้มครอง ให้คุณย่าสุขภาพแข็งแรงนะครับ อันนี้ของขวัญผมกับมะปราง Earl Gray ชาจากอังกฤษครับ”
หม่อมเอียดยิ้มกว้าง
“จำแม่นจริงว่าย่าชอบ ขอบใจลูกขอบใจ”
พุฒิภัทรยื่นให้บ้าง
“อันนี้ของขวัญของผมกับกรองแก้วครับ”
“สวยมากลูก ขอบใจมาก”
หม่อมเอียดยิ้มแย้มรับผ้าซิ่นมา รัชชานนท์เข้ามา
“ของผมกับเจ้าสร้อยฟ้า”
สร้อยฟ้าเปิดกล่องเข็มกลัดให้ดู
“หยกจากเวียงภูคำค่ะ”
“อันนี้ของดิฉันค่ะ คุณพระคุ้มครองนะคะ คุณพี่”
ย่าอ่อนมอบผ้าลูกไม้ให้ หม่อมเอียดรับมาชื่นชม
“สวยมาก ขอบใจนะ”
รณพีร์เข้ามา
“ของผมไม่มีกลอน ไม่มีของฝาก” รณพีร์คุกเข่ากอดหม่อมย่า “ขอให้มีความสุขมากๆนะครับหม่อมย่า”
รณพีร์หอมแก้มหม่อมเอียด ย่าอ่อนประชดประชัน
“ไม่ต้องลงทุน เล่ห์กระเท่ สมเป็นชายพีร์”
รณพีร์ยิ้มแบบน้องเล็กที่ไม่ค่อยแคร์อะไร วิไลรัมภาเข้ามา
“ที่เหลือก็มีแต่ของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อกับรัมภาจัดมาให้ ของขวัญชิ้นนี้สำคัญมากนะคะ ทุกท่านจะได้เห็นตอนที่แขกมากันพร้อมหน้า ช่วงงานเลี้ยงค่ะ”
วิไลรัมภายิ้มร้าย รณพีร์และเหล่าคุณชายกับภรรยามองหน้ากัน หม่อมเอียดกับย่าอ่อนพยักหน้า ย่าอ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะรู้แผนต่างๆแล้ว
เพียงขวัญแต่งตัวใกล้เสร็จ โดยจันท์กระพ้อคอยช่วย ไฉไลกับสมศรีเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ ดิฉันไฉไล คนที่โทรไปจ้างพวกคุณ”
ไฉไลมองเพียงขวัญอย่างเป็นศัตรู เพียงขวัญคุ้นๆ
“เราเคยพบกันไหมคะ”
จันท์กระพ้อนึกๆ
“นั่นสิ...หน้าคุ้นๆแต่นึกไม่ออก”
ไฉไลยิ้มๆ
“ไม่ต้องนึกหรอกค่ะ ฟังนะคะพอแสดงเสร็จ ก็เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่เหมือนเดิม”
“ถ้าหิวก็เชิญที่ด้านหลังโรงครัวได้ ท่านเจ้าของวังท่านจัดอาหารไว้ตรงนั้น ขออย่างเดียว อย่าใช้ทางเข้าออกทางด้านหน้าวัง” สมศรีบอก
เพียงขวัญพยักหน้ารับ
“เข้าใจดีค่ะ ตอนกลับให้ออกประตูหลังวัง”
จันท์กระพ้อเสริม
“เราจะไม่ออกไปเดินเล่นเพ่นพ่าน เกะกะให้คนรำคาญหรอกค่ะ”
“เข้าใจก็ดีแล้วคะ อ้อ...จำไว้อีกอย่าง ส่วนของตรงกลางงานด้านหน้าเป็นที่นั่งสำหรับเหล่า
สมาชิกจุฑาเทพเท่านั้น หม่อมย่าเอียด คุณย่าอ่อน คุณชายทั้งสี่และผู้หญิงของท่าน พอคุณรำเสร็จเดินไปหาท่าน ท่านจะมอบรางวัลให้คุณ จากนั้นคุณก็กลับได้”
เพียงขวัญพยักหน้ารับ
สองสาวเดินเลียบหลังตึก เข้ามาที่เวทีมาเตรียมตัว เพียงขวัญยกมือไหว้เจ้าที่ ไหว้ครูบาอาจารย์ สองสาวไม่สนใจมองที่ศาลาเหล่าจุฑาเทพ ขณะที่รณพีร์ วิไลรัมภาคุยอยู่กับหม่อมเอียด ย่าอ่อนที่นั่น
งานที่จัดขึ้น เป็นงานค็อกเทลกลางวัน แขกเหรื่อผู้ใหญ่ ยืนคุยกัน ทุกคนนั่งประจำที่ ย่าอ่อนเข้ามาบอกหม่อมเอียด
“คุณพี่คะ วันนี้คุณชายเทวพันธ์ อุตส่าห์ให้เกียรติมาเป็น พิธีกรกิตติมศักดิ์เชียวนะคะ”
เทวพันธ์บนเวทีหยิบไมโครโฟน ไฉไล ยอดยศ พิมพรรณ คุยกับกลุ่มที่เป็นแขกหนุ่มสาว เทวพันธ์เริ่มดำเนินงาน
“สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย หม่อมย่าเอียด คุณย่าอ่อน และสมาชิกในราชสกุล
จุฑาเทพทุกท่าน กระผม ม.ร.ว.เทวพันธ์ เทวพรหม ในฐานะพิธีกรของงานครบ 6 รอบของท่านหม่อมย่าเอียด แห่งวังจุฑาเทพ อันเป็นที่รักของพวกเราทุกคนขอเรียนให้ทราบว่าวันนี้เรามีของขวัญพิเศษ ซึ่งกระผม และ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม ลูกสาวคนสวยของผมได้จัดเตรียม เพื่อมอบแด่ท่านหม่อมย่าเอียดขอเชิญทุกท่านพบกับการแสดงชุด ฉุยฉาย พราห์ม ณ บัดนี้ครับ”
รณพีร์นั่งอยู่กับกลุ่มพี่ชาย และพี่สะใภ้ ทุกคนในงานปรบมือ เพียงขวัญออกมารำ รณพีร์ชะงักค้าง ช็อค
“เพียงขวัญ” พุฒิภัทรรำพึง
กรองแก้ว รัชชานนท์ สร้อยฟ้าตกใจ ได้ยินพุฒิภัทรแล้วสงสัยว่าจริงหรือ ธราธรกระซิบ
“คนนี้หรือ”
พุฒิภัทรพยักหน้า หม่อมเอียดไม่รู้จักชื่อ จึงหันมามองทีท่าหนุ่มๆ ย่าอ่อนที่นั่งติดกันยิ้มร้าย กระซิบบอก
“นางรำคนนี้ คือผู้หญิงชั้นต่ำที่ชายพีร์ไปติดพัน”
หม่อมเอียดตกใจ หน้านิ่วทันที
“คุณพี่ทำเฉยไว้ก่อน เดี๋ยวคอยดูอะไรดีๆ”
หม่อมเอียดงง...เพียงขวัญยังตั้งใจรำไม่ได้สังเกตกลุ่มคนดู เทวพันธ์มองเหยียดๆ หลังเวที จันท์กระพ้อเห็นก่อนแล้ว ตกใจมาก
“คุณพีร์”
เพียงขวัญรำไป แสงสะท้อนเข้ามาในตาพร่าพราย คนที่อยู่บนเวทีมักเห็นคนดูไม่ชัด เธอปรับสายตาเพ่งมองไป แล้วหยุดที่รณพีร์ หญิงสาวชะงักมือและเท้า แต่ยังพยายามฝืนยิ้มน้อยๆรำต่อไป วิไลรัมภาสะใจมาก ยิ้มกับเทวพันธ์ หม่อมเอียดงง ย่าอ่อนยิ้มว่าดูไปก่อน ไฉไลยิ้มสะใจเช่นกัน
พิมพรรณกับยอดยศครุ่นคิด มองไปที่รณพีร์ เพียงขวัญ รำต่อจนจบเพลง ผู้ชมปรบมือ เทวพันธ์ออกมาประกาศ
“เป็นอย่างไรบ้างครับ ฝีไม้ลายมือของนางเอกสาวสวยยอดนิยม แห่งยุค ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ และขอเชิญผู้แสดง คุณเพียงขวัญ จันทร์ประดับ ไปรับรางวัลจาก ท่านหม่อมย่าเอียดเจ้าของงานด้วยครับ”
เพียงขวัญกลั้นใจเดินเข้าไปหา คุกเข่าลงกราบ หม่อมเอียดยิ้มร้าย หยิบถุงทองเล็กๆใส่ของที่ระลึกให้ ปลายสายตาของเพียงขวัญสบตารณพีร์ เพียงขวัญถดตัวจะเดินออก เทวพันธ์ประกาศขึ้น
“ยังครับ เนื่องจากเป็นการแสดงที่สวยงามมาก จึงขอให้คุณเพียงขวัญรับ ของรางวัลจาก
สมาชิกจุฑาเทพท่านอื่นๆด้วย เริ่มจาก คุณย่าอ่อน น้องสาวของท่านหม่อมย่าเอียด”
แจ๋วถือพานของที่ระลึก เป็นถุงทองเล็กๆ ให้เหล่าเจ้านายมอบ เพียงขวัญเดินเข่าต่อไปหาอ่อน อ่อนส่งสายตาร้าย เพียงขวัญนิ่งสงบ เดินเข่าต่อไปตามลำดับขั้น รับของแล้วไหว้ เทวพันธประกาศเรียงตาลำดับ
“ม.ร.ว. ธราธร คุณชายใหญ่จากราชสกุลจุฑาเทพและม.ล.ระวีรำไพ คู่หมั้น”
เพียงขวัญรับของเดินเข่าต่อไป
“ต่อไป ม.ร.ว.พุฒิภัทร คุณชายหมอผู้ทรงเกียรติ และคุณกรองแก้ว”
เพียงขวัญเดินเข่าไปหาคุณชายหมอ เงยหน้าขึ้นมองเธอจำได้ พุฒิภัทรมองเพียงขวัญอย่างเห็นใจ ขณะมอบของ เพียงขวัญ ยังนิ่ง อดทน เข้มแข็ง รอเวลาว่าคนต่อๆไปจะใช่อย่างที่คิดไหม เขาจะประกาศชื่อนายพีร์ผู้ชายที่ตนรักว่าชื่ออะไร อยากรู้จริงๆ
“ม.ร.ว.รัชชานนท์ คุณชายเล็ก กับเจ้าหญิงสร้อยฟ้าแห่งเวียงภูคำ”
เพียงขวัญคลานต่อไปอยู่บริเวณข้างหน้ารณพีร์ ทั้งสองสบตา เทวพันธ์ประกาศเสียงดังฟังชัด ทุกคำกรีดลึกใจเพียงขวัญ
“และคนสุดท้าย เรืออากาศโท ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ คุณชายพีร์ คุณชายสุดท้อง แห่งวังจุฑาเทพอันทรงเกียรติ กับคู่หมั้น คู่หมาย หม่อมหลวงวิไลรัมภา เทวพรหม”
ขณะที่ทั้งสองสบตา และแล้วน้ำตาเพียงขวัญค่อยๆไหลรินลงมา จันท์กระพ้อที่อยู่หลังเวทีสงสารเพื่อนจับใจ
“โธ่ยายขวัญ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ให้คนอื่นเห็นนะ”
รณพีร์ลุกขึ้นทันที ยื่นมือมาจะจับเพียงขวัญให้ลุกขึ้นตาม หม่อมเอียด ย่าอ่อนส่งเสียงเบามา ดุ คนอื่นในงานไม่ได้ยิน
“ชายพีร์”
รณพีร์มองมาที่หม่อมเอียด มองเพียงขวัญนั่งลง ตัวชา ยังไม่ยอมให้ของ เพียงขวัญพูดขึ้น
“ถ้าคุณชายไม่มีอะไรให้ดิฉัน ได้โปรดกรุณารับสิ่งนี้ไว้ด้วยค่ะ”
เพียงขวัญปลดสร้อยออกจากคอ แล้วบรรจงเอาสร้อยใส่แหวนวางลงที่ข้างเท้าของรณพีร์ เธอลุกขึ้น ออกไป รณพีร์มองตาม และ ลุกเดินตามทันที อ่อนเรียกเสียงดัง
“ชายพีร์ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ กลับมา...”
ย่าอ่อนมองคนอื่น เกรงใจ แขกในงานมองหน้ากัน บรรยากาศนิ่ง เงียบงัน ยอดยศและพิมพรรณมองด้วยสายตาสงสารทั้งสองคน ธราธร เรียกเบาๆ เตือนสติไฉไล
“คุณไฉไล”
ไฉไลสะดุ้ง รีบเข้าประจำหน้าที่
“อ้อ...การแสดงชุดที่สอง จะเป็นการแสดงจากเด็กนักเรียนที่หม่อมเอียดเป็นผู้อุปการะดูแลนะคะ โรงเรียนแรก โรงเรียนนาฏศิลป์สัมพันธ์ค่ะ”
เด็กนักเรียนขึ้นมารำ แขกเลิกสนใจเรื่องรณพีร์ แต่กลุ่มของจุฑาเทพ เครียดไปตามๆ กัน
เพียงขวัญเดินออกมาครุ่นคิดถึงอดีต ว่าตนโง่แค่ไหน ไม่เฉลียวใจเลย ทั้งเรื่องรถของกำพล...เรื่องที่ยอดยศ พิมพรรณเผลอเรียกคุณชาย...เรื่องเก็บผัก ตกกุ้ง ที่รณพีร์ทำไม่เป็น...คำพูดของย่าอ่อนที่ถามเธอว่าอยากมาอยู่วังนี้ไหม
เพียงขวัญเดินไปปาดน้ำตาไป รณพีร์เดินตามมาจับมือ
“เดี๋ยวก่อนขวัญ เดี๋ยวก่อน ฟังผมก่อน”
“ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
เพียงขวัญเดินไป รณพีร์จับไว้อีก
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ชายรณพีร์ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยรู้สึกต้อยต่ำขนาดนี้มาก่อน
เลย วังที่แสนสวย...คุณที่แสนจะสูงส่ง”
เพียงขวัญพูดไปร้องไห้ไป
“ผมพยายามบอกคุณหลายครั้ง แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องพูดก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันมันเป็นแค่ของเล่น เห็นของเล่นมีชิวิตมีความรู้สึก คุณยิ่งสนุก คุณลืมไปหรือเปล่า ฉันเป็นคนที่มีหัวจิตหัวใจ ไม่ใช่ของเล่นของใคร”
“มันไม่ใช่อย่างงั้นขวัญ...เรื่องมันเริ่มจากพิมพรรณขอให้ผมไปช่วยยอดยศ ให้ผมพูดกับคุณให้คุณตัดสัมพันธ์กับไอ้ยอด ผมมีหน้าที่แค่นั้น แต่หลังจากนั้นมันเป็นเรื่องของเรา...มันเป็นเรื่องของเราสองคน”
“คุณคิดว่าฉันหลอกคุณยอดยศ คิดว่าฉันชอบปั่นหัวผู้ชาย จนคุณไม่อยากบอกฐานะ ที่แท้จริงของคุณฉันพอเข้าใจ แล้วหลังจากนั้นล่ะ ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คุณก็เล่นละครหลอกฉันตลอดเวลาเลยเหรอคะ คุณเห็นฉันเป็นอะไร”
“ช่วงเวลาดีๆที่เราอยู่ด้วยกัน มีความหมายกับผมมากเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก มากที่สุดในชีวิตของผม ผมอยากบอกความจริง แต่ผมไม่กล้า ผมกลัวไปหมด เป็นครั้งแรกที่ผมหมดความมั่นใจ ผมกลัว...กลัวที่จะเสียคุณไป”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่า การที่คุณไม่บอกความจริงกับฉัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเบื่อ คุณจะได้หายตัวไป คนอย่างคุณ ทำแบบนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว”
“ไม่นะขวัญ ผมไม่ใช่...ผมไม่ใช่คนแบบนั้น...”
ย่าอ่อนเดินตามมา
“เขาเป็นคนแบบนั้น ฉันเป็นย่าเขา ฉันรู้ดี หรือถ้าเธอไม่เชื่อ เธอไปค้นดูหนังสือพิมพ์ฉบับไหนก็ได้ คุณชายรณพีร์กับสาวสังคมทั้งพระนคร มีข่าวไม่เว้นแต่ละวันเชียวล่ะ”
รณพีร์อึ้ง
“ย่าอ่อน”
ย่าอ่อนเหยียดหยัน
“โถน่าสงสาร หยุดร้องไห้เถอะ ผู้หญิงเราก็เป็นอย่างนี้ เป็นเหยื่อของผู้ชายเจ้าชู้ เดี๋ยวฉันจะให้คนรถพาเธอกับเพื่อนไปส่ง”
จันท์กระพ้อเดินหอบเสื้อผ้าตามมา เตรียมกลับบ้าน ได้ยินพอดี เพียงขวัญมองหน้าย่าอ่อน
“คงไม่ต้องหรอกค่ะ นางรำอย่างฉันต้องออกไปทางประตูด้านหลังวังเท่านั้น ข้างในนั่น
เป็นสังคมของเทวดานางฟ้า ดิฉันไม่ควรไปเดินบนแผ่นดินเดียวกันด้วยซ้ำ จากนี้ไปเราจะไม่เจอกันอีก กราบขอบพระคุณคุณผู้หญิง มากนะคะสำหรับงานในวันนี้ กราบสวัสดี”
เพียงขวัญเดินออกไป จันท์กระพ้อโกรธๆ รณพีร์จะเดินตามออกไป ย่าอ่อนขวาง
“กลับเข้าไปในงาน แขกเหรื่อเยอะแยะ”
อีกมุมหนึ่งวิไลรัมภาปรากฏตัวมาดู ยืนยิ้มเยาะอยู่ห่างไป รณพีร์เซ็งมองตามเพียงขวัญ ย่าอ่อนยิ้มพอใจ
เย็นนั้น เพียงขวัญกลับมาบ้านโดยมี จันท์กระพ้อมาส่งเพราะเป็นห่วงเพื่อน
“ส่งเราแค่นี้แหล่ะจันท์”
“ขวัญ เราอยู่เป็นเพื่อนได้นะ”
“เราไม่เป็นไรหรอกจันท์ ขอบคุณมากนะ ที่อุตส่าห์ไปเป็นเพื่อนเรา”
สองคนสบตากัน เพียงขวัญไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ระบายความอัดอั้นที่ประสบมาทั้งหมด จันท์กระพ้อกอดไว้ เพียงขวัญทิ้งของในมือกอดตอบ
เพียงขวัญเดินเข้าบ้านมา นภาทักทาย
“กลับมาแล้วหรือลูก เป็นไงบ้าง วังจุฑาเทพ คงได้รางวัลมาพอสมควรสินะ
“แม่ หนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่”
“เหนื่อยล่ะสิลูกอาบน้ำอาบท่าให้สบาย แล้วเดี๋ยวกินข้าวเย็นกันนะลูก แม่ทำน้ำพริกไว้ให้หนูด้วย”
“ค่ะแม่”
เพียงขวัญเดินขึ้นบันไดไป เธอเข้าห้องปิดประตูได้ก็หมดแรง นั่งลงกับพื้นกอดเข่า ช็อค เสียใจ
รณพีร์นั่งหมดแรง แยกตัวออกมามุมหนึ่งห่างจากผู้คน ไม่มีอารมณ์พบหน้าใคร เศร้าและเครียด...กลุ่มคุณชายและภรรยา ส่งแขก กราบลาผู้ใหญ่ต่างๆอยู่หน้าบ้าน แขกแต่ละคนทยอยกันกลับ
“กราบขอบคุณมากครับ กราบขอบคุณครับ” ธราธรไหว้ลาแขกผู้ใหญ่
ค่ำนั้น หม่อมเอียด ย่าอ่อน เทวพันธ์ วิไลรัมภา ไฉไล นั่งคุยกันอยู่ที่โถงวังจุฑาเทพ
“ทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามแผน” วิไลรัมภาบอกอย่างมั่นใจ
เทวพันธ์พึงพอใจ
“เทวดาอารักษ์ของวังจุฑาเทพ คงคุ้มครองลูกหลานอยู่ ขอให้เหลือบริ้นไร ออกไปจากชีวิตพวกเรา”
หม่อมเอียดหันมาหาย่าอ่อน
“นี่แผนแม่อ่อนรึ”
“อ่อนเพิ่งทราบเช้าวันนี้เองค่ะ ตอนหนูไฉไลเขามาตามไปดูเพียงขวัญ”
เทวพันธ์มองหน้าแล้วรับสมอ้างแทน
“แผนของผมเองครับ รัมภาเขาใสซื่อ ไม่ถนัดอะไรแบบนี้หรอกครับ”
หม่อมเอียดตัดบท
“เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันนะ ที่ช่วยกันจัดงานในวันนี้”
ธราธรกับน้องๆนั่งคุยกันอย่างเครียดๆ
“การแสดงนั่น คุณชายเทวพันธ์กับลูกสาวเป็นคนจัดมา คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
รัชชานนท์พยักหน้ามั่นใจ
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น ต้องใช่แน่ๆ”
พุฒิภัทรรู้สึกผิด
“ผมไม่น่าร่วมมือกับชายพีร์โกหกเพียงขวัญเลย”
กรองแก้วรู้สึกเห็นใจเพียงขวัญ
“เธอดูน่าสงสารเหลือเกิน ฉันคิดว่าฉันเข้าใจเธอนะคะ”
ระวิรำไพเสริม
“คุณชายพีร์ก็เหมือนกัน มะปรางไม่เคยเห็นเธอเศร้ามาก แบบนี้เลย”
“เราจะอยู่เฉยๆอย่างนี้หรือคะ” สร้อยฟ้าไม่สบายใจ
ธราธรคิดหนัก
“ต้องใจเย็น เรื่องนี้เรื่องใหญ่ พวกเราไม่อยู่เฉยแน่ แต่พวกเราล้วนมีชนักติดหลังที่ไม่ยอม
แต่งงานกับผู้หญิงจากเทวพรหม เพราะฉะนั้น จะทำอะไรพวกเราต้องใจเย็นๆ”
รณพีร์นั่งเศร้าอยู่ในห้อง ยอดยศเคาะประตู แล้วเปิดเข้าไป รณพีร์ยกมือขอร้อง เขานั่งคิดอะไรตรงนี้มาทั้งวันแล้ว ไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น
“ขอฉันอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉันไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น”
ยอดยศจำต้องเดินกลับไปหาพิมพรรณ ที่ยืนรออยู่หน้าประตู
“อีกไม่นาน คุณชายจะลืมผู้หญิงคนนั้น เหมือนพี่ยอด”
ยอดยศมีอาการลังเล ใจอ่อน ตอนเห็นทั้งสองคนเผชิญหน้า ในใจลึกๆสงสารทั้งสองคน
“พี่กับเพียงขวัญ พี่เป็นฝ่ายหลงเธอ เธอไม่เคยสนใจพี่ แต่วันนี้จากที่ดูสายตาทั้งสองคน เขาเหมือนจะรักกันจริงๆ”
“พี่ยอด ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ จู่ๆเป็นอะไรขึ้นมา พอเห็นท่าทาง เห็นน้ำตาเขาเลยใจอ่อนหรือคะ”
“พี่คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ที่จริงเพียงขวัญเป็นผู้หญิงที่วางตัวดีมาก เขาไม่ได้จ้องจับผู้ชายเหมือนที่ทุกคนคิด และถ้าไอ้พีร์กับเพียงขวัญ เขารักกันจริงๆ ล่ะ”
“แต่คู่หมายของคุณชายรณพีร์ คือคุณวิไลรัมภาเพื่อนเรานะคะ” พิมพรรณท้วง
“แต่ไอ้พีร์ไม่ได้รักคุณรัมภา และเราก็เป็นเพื่อนของไอ้พีร์เหมือนกัน”
ยอดยศพูดจากใจ พิมพรรณคิดตาม
อ่านต่อตอนที่ 8