มนต์จันทรา ตอนที่ 13 อวสาน
ลูกน้องษมากำลังเดินเวรยามอยู่ โดยพวกคนรับใช้เอาเทียนมาวางเพิ่มแสงสว่าง ทันใดนั้นเอง ลูกน้องโศภีก็ลอบเข้ามาทำร้ายด้านหลัง ลูกน้องษมาไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเล่นงานจนสลบไป
คนรับใช้จะร้องโวยวายก็ถูกปิดปาก เอาปืนจ่อจนกลัวสุดๆ ไม่กล้าร้อง
"มัดมันไว้ อย่าให้แหกปากได้ล่ะ รอแลงจับตัวอีนั่นได้ก่อน ค่อยถอย"
พวกลูกน้องรีบจัดการมัดลูกน้องษมา กับคนรับใช้ทันทีอย่างเร่งรีบ
สาระวารีดูร้อนใจกระสับกระส่ายอยู่ในห้องนอนแขก โดยมีอรุณฉายอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องจุดเทียนไขเอาไว้
"สะมาไปทำอะไรของเค้าเนี่ย ช้าจังเลย"
"เดี๋ยวก็มาค่ะคุณ ถ้ามีอะไรป่านนี้คงร้องเสียงดังลั่นบ้านไปแล้ว ยิ่งไฟดับทั้งเกาะแบบนี้ ได้ยินชัดเจนเลยล่ะค่ะ" อรุณฉายบอก
สาระวารีก็ยังไม่คลายกังวล เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น
"มาแล้วค่ะ"
อรุณฉายจะตรงไปเปิดประตูห้อง
"เดี๋ยวค่ะ...อาจจะไม่ใช่"
อรุณฉายชะงักไป
สาระวารีเดินมาที่ประตู
"พี่สะมารึเปล่า"
ที่หน้าห้อง คนงานชายของโศภี 2 คนในชุดโม่ง ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน สาระวารีถามย้ำมาอีกที
"ใช่นายรึเปล่าสะมา"
ลูกน้องคนที่ 1 ตั้งท่าจะเอาตัวกระแทกประตู กะพังเข้าไป ในขณะที่ลูกน้องคนที่ 2 ชักปืนออกมายืนคุมเชิง เตรียมพร้อมเต็มที่
ภายในห้อง สาระวารีเห็นท่าไม่ค่อยดีรีบไปฉวยอะไรในห้องที่พอเป็นอาวุธได้ติดมือ อรุณฉายหน้าตากลัวๆ แต่ก็ทำตามสาระวารี
เสียงประตูห้องถูกกระแทกอย่างแรงดังซ้ำขึ้นมา อรุณฉายตกใจจนร้องออกมา
"ทำไงดีคะคุณวารี"
สาระวารีกระชับอาวุธในมือแล้วเดินไปทางหน้าต่างห้อง
ประตูห้องกระแทกแรงขึ้นมาอีก อรุณฉายกลัวมากรีบไปหลบหลังโซฟา
ที่หน้าห้อง ลูกน้องคนที่ 1 ตั้งท่าจะเอาไหล่กระแทกประตูสุดแรงเกิด ลูกน้องคนที่ 2 เล็งปืนเตรียมพร้อมขู่คนในห้อง
ไม่คาดคิด เงามืดๆ ของพิพัชปรากฏขึ้นด้านหลังลูกน้องคนที่ 2 พิพัชปาดมือเข้าหักแขนกดอัดเข้ากำแพงแย่งอาวุธในมือ ลูกน้องคนที่ 1 จะชักปืนสู้ แต่ลูกน้องษมาที่อยู่ด้านหลังอีก 2 คนจ่อปืนประชิดตัวลูกน้องคนที่ 1
"ทิ้งปืน"
ลูกน้องโศภียอมแพ้แต่โดยดี ลูกน้องษมาแยกย้ายกันเข้าจับตัวลูกน้องโศภีทั้งสองคนเอาไว้ แล้วคุมตัวไป
พิพัชเคาะประตูห้อง
"คุณวารีครับ ผมเอง พิพัช"
ประตูห้องเปิดรับ แต่สาระวารียังกำอาวุธในมือไม่ปล่อย เตรียมพร้อม พอเห็นเป็นพิพัชค่อยผ่อนคลายลง
พิพัชเข้ามาในห้อง
"ไม่ต้องกลัวนะครับ จับพวกมันได้แล้ว"
อรุณฉายค่อยโผล่มาจากหลังโซฟา สีหน้าหวาดกลัว
"ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ล็อกห้องไว้นะครับ"
พิพัชจะออกไป
"พี่สะมาอยู่กับคุณรึเปล่า" สาระวารีถาม
พิพัชกวาดตามองไปทั่วห้อง
"เปล่าครับ... อ้าว ผมนึกว่าอยู่กับคุณซะอีก"
"เปล่าค่ะ คุณสะมาไปช่วยเด็กๆ เตรียมเทียนไขอยู่ในครัวน่ะค่ะ"
พิพัชสีหน้าร้อนใจรีบผุนผันออกไปจากห้องทันทีแล้วปิดประตูกดล็อกให้เสร็จ สาระวารีจะตามออกไป
แต่อรุณฉายรีบไปฉวยข้อมือเอาไว้
"อย่าออกไปค่ะคุณ"
สาระวารีถอนใจพรืดออกมา สีหน้าเป็นห่วงพี่สาวมาก
สาระสะมากำลังวางเทียนรอบๆบ้านให้มีแสงสว่างเป็นแท่งสุดท้าย ตั้งท่าจะเดินกลับไปห้องพัก
ทันใดนั้นเอง แลงก็เข้ามาล็อกคอสาระสะมาจากทางด้านหลังทันที แลงยิ้มเหี้ยม
"คิดว่าจะหนีกูพ้นเรอะ"
สาระสะมาตกใจสุดๆ พยายามตั้งสติ
"นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง"
แลงยิ้มสะใจ
"ไม่มีใครรู้ทางหนีทีไล่เกาะนี้ดีเท่ากูหรอก"
สาระสะมาพูดถ่วงเวลา
"แอบเข้ามาอาจจะง่าย แต่คิดจะลักพาตัวฉันออกไป มันไม่ง่ายหรอก คุณษมาวางคนไว้ทั่วเกาะไปหมดแล้ว"
แลงหัวเราะเยาะ
"แล้วใครว่ากูจะลักพาตัวมึงไปจากที่นี่ล่ะ"
สาระสะมาหน้าเสียไป สัมผัสได้ว่าแลงคิดทำร้ายเธอเพราะ คิดว่าเป็นสาระวารีมากกว่า
"ไอ้ดิตถ์กับนังโศภีตะหากที่อยากได้ตัวมึงเป็นประกัน แต่สำหรับกู กูอยากฆ่ามึง ฆ่าให้ตายอย่างทรมานเหมือนพี่สาวกู"
แลงล็อกสาระสะมาหนักขึ้น ด้วยแรงอาฆาตแค้น สาระสะมาตกใจกลัว
"ทิ้งปืนซะไอ้แลง" พิพัชตวาด
แลงตกใจเหลือบตามอง พิพัชกระชับปืนเล็งมาที่แลง ฝ่ายแลงรีบเบี่ยงเอาตัวสาระสะมาเป็นที่กำบังทันที
แลงตะคอกกลับไป
"อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นกูฆ่าอีนี่ตายคามือแน่"
แลงล็อกคอสาระสะมาแน่นกว่าเดิม เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ พิพัชหน้าเสีย มีสีหน้าเป็นห่วง
แลงพาสาระสะมาไปด้วยเพื่อเป็นตัวประกัน พิพัชตามติดไป อย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
แลงพาสาระสะมาออกนอกบ้านจนมาถึงในสวน โดยมีพิพัชเดินคุมเชิงมาตลอด
"มึงอยากเห็นนังนี่ตายนักรึไง กูบอกให้ถอยไปไง ล่ะ" แลงมองไปรอบๆ เพื่อหาพวกลูกน้องโศภี
พิพัชยิ้มเยาะ
"มองหาใครวะไอ้แลง เอ็งคิดว่าจะมีใครมาช่วยเอ็งอีกรึไง คนของนายใหม่เอ็งถูกข้าจับได้หมดแล้ว"
แลงหน้าเสีย กลัวเหมือนกัน ที่รู้ว่าแผนการทุกอย่างล้มเหลว
"ปล่อยฉันเถอะแลง นายหนีไม่รอดหรอก"
แลงตะคอก
"หุบปาก ถ้ากูไม่รอด มึงก็ต้องตายไปกับกูด้วย"
สาระสะมาชะงักไปด้วยความตกใจกลัว
พิพัชตะคอก
"งั้นก็วัดกันเลย กระสุนใครจะเร็วกว่ากัน"
พิพัชตั้งปืนเล็งใส่หัวแลง แต่แลงใจไม่เด็ดเท่าพิพัช เริ่มกลัวดูเสียขวัญ
ทันใดนั้นเอง สาระสะมาก็ฉวยโอกาสแย่งปืนจากแลง พิพัชตกใจไม่คิดว่าสาระสะมาจะกล้า ตั้งท่าหาจังหวะเข้าไปช่วย แลงไม่ทันตั้งตัว เลยยื้อยุดฉุดกระชากกัน สาระสะมากัดแขนแลงเต็มเขี้ยว แลงร้องลั่นเสียจังหวะ
พิพัชพุ่งเข้าเล่นงานแลงทันทีแบบไม่ปล่อยให้เสียโอกาส สาระสะมาหลุดจากการจับกุมหนีออกมาได้ หกล้มหกลุกไปกับพื้น
แลงและพิพัชเข้าต่อสู้ระยะประชิด พิพัชต้องการจับเป็น เพื่อใช้แลงเป็นพยานเอาผิดตัวผู้บงการ
ขณะทั้งคู่กำลังต่อสู้แย่งชิงปืนและความได้เปรียบกันอยู่นั้น ลูกน้องษมาก็ตามเข้ามาช่วยได้ทัน คนนึงไปคุ้มกันสาระสะมา ลูกน้องษมาอีกคนไปช่วยพิพัช ตั้งท่าเล็งปืนยิงใส่แลง ในจังหวะที่แลงเสียหลักล้มไปกับพื้นพอดี
แลงเหลือบตาเห็น ตกใจกลัวมาก ไม่รอดแน่ พิพัชรีบสั่งห้าม
"อย่ายิง"
แลงอึ้งหันมองพิพัช พิพัชตวัดเท้าเตะปลายคางแลงจนล้มหงายไป
ดิตถ์กับพวกจำนวนมาก กระจายกำลังซุ่มรอจังหวะอยู่บริเวณท่าเรือตราด รถของษมาก็ขับเข้ามาจอด...
ษมา จันเลา และลูกน้องลงจากรถ ท่าทางระแวดระวัง พวกษมามีจำนวนน้อยกว่าดิตถ์เยอะ
ดิตถ์ชักปืนออกมายิงใส่ษมาทันที ษมาโดนยิงเฉี่ยวไปนิดเดียว ษมา จันเลา และลูกน้องรีบชักปืนออกมา แล้วหาที่กำบังยิงสู้ทันที
ในขณะที่พวกดิตถ์ระดมยิงไม่ยั้ง คราวนี้ไม่ปล่อยให้ษมารอดไปได้แน่
ในเวลาต่อมา แลงถูกมัดมือเหวี่ยงลงกับพื้นโถงบ้านษมาที่เกาะยานก... จังหวะเดียวกันกับที่ไฟบ้านสว่าง ตอนนี้ซ่อมไฟได้แล้ว...
แลงเห็นพวกลูกน้องโศภีที่มากับตน ถูกจับมัดนั่งเกลื่อนอยู่กับพื้นโถงครบถ้วน แต่ละคนฟกช้ำดำเขียว โดนกันมาไม่ใช่น้อย
พิพัช สาระสะมา กับบรรดาลูกน้องษมายืนล้อมมองดูอยู่ แลงดูอย่างหวาดกลัวเพราะจนมุมแล้ว พิพัชสีหน้าเจ็บใจ
"เตรียมตัวเข้าไปอยู่ในคุกเถอะไอ้แลง ไอ้เนรคุณ"
แลงแม้จะกลัวมาก แต่ยังฟอร์มพูดเสียงดังข่ม
"ถึงฉันติดคุก เจ้านายแกก็ไม่รอดหรอก ป่านนี้โดนพวกคุณดิตถ์ถล่มตายคาท่าเรือไปแล้ว" แลงขำกวนประสาท
พิพัชและสาระสะมาสบตากันเล็กน้อย พิพัชสั่งลูกน้อง
"มัดปากมันเอาไว้ พูดมากนัก"
พิพัชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาษมา สาระสะมารอฟังอยู่ข้างๆ ลุ้นๆ
"ติดมั้ยคะ"
"ไม่รับสาย เดี๋ยวผมโทรหาจันเลาก่อน"
พิพัชกดโทรเบอร์ใหม่ไป แลงหัวเราะชอบใจออกมา พิพัชเหล่มองแลง ขณะรอจันเลารับสาย
ลูกน้องษมาผูกปากแลงได้สำเร็จ สาระวารีแอบฟังการสนทนาอยู่ที่มุมโถง สีหน้าเป็นห่วง
พิพัชหน้าเครียด บอกสาระสะมา
"ไม่รับสายเหมือนกันครับ"
สาระสะมาชักร้อนใจ
"จะมีอะไรรึเปล่าคะ"
พิพัชลองโทรศัพท์กลับไปหาษมาใหม่ แลงมีแววตาสะใจ สาระวารีที่แอบฟังการสนทนาอยู่ เป็นห่วงษมามาก มีสีหน้าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ รีบเดินกลับไปทางหลังบ้าน
สาระวารีเดินเร็วไปทางหลังบ้าน อรุณฉายเดินสวนออกมาพร้อมถาดอุปกรณ์ทำแผลต่างๆ พอดี
"อ้าว จะไปไหนคะคุณวารี"
"ห้องน้ำค่ะ...คุณอรุณรีบไปทำแผลให้คนงานเถอะค่ะ"
"ค่ะๆ"
อรุณฉายไม่ติดใจอะไรรีบเอาอุปกรณ์ทำแผล ไปช่วยคนงานของษมาที่ได้รับบาดเจ็บ สาระวารีหยุดมองซ้ายขวา แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก็แอบลงบันไดไปทางหลังบ้านทันที
บริเวณท่าเรือ ษมา จันเลาและพวกลูกน้องกำลังยิงต่อสู้อย่างดุเดือด แต่พวกดิตถ์มีมากกว่า และเตรียมตัวมาดีกว่า เลยระดมยิงจนพวกษมาย่ำแย่ไปตามๆกัน จันเลาคอยป้องกันษมา ไม่ทันระวังตัว อีกด้านษมาช่วยยิงคนร้ายที่อ้อมมาอีกทาง หมายจะยิงจันเลาได้ทัน คนร้ายตายคาที่
ดิตถ์กำลังฮึกเหิมเพราะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ดิตถ์เห็นพวกตนได้เปรียบก็ยิ่งมั่นใจ ตะโกนสั่ง
"ใครฆ่าไอ้ษมาได้กูมีรางวัลค่าหัวให้"
ลูกน้องดิตถ์มีกำลังใจระดมยิงไม่ยั้ง ษมาจะยิงตอบโต้แต่กระสุนของตนหมด
"ทางนี้ครับ"
จันเลายิงคุ้มกันษมาพาหลบไปทางอื่น ลูกน้องษมาดาหน้าเข้ายิงคุ้มกันเจ้านาย ถอยร่นไปทางซอยข้างๆท่าเรือ
กูซอกับลูกน้องษมาอีกคน ตรวจยามผ่านมาถึงท่าเรือเกาะยานก กูซอเห็นเงาคนตะคุ่มๆ ที่ท่าเรือ เปิดไฟฉายส่องไปทันที
"ใครวะ อย่าขยับนะโว้ย"
คนๆนั้นหันหน้ามาเป็นสาระวารีนั่นเอง กูซอนึกไม่ถึง
"คุณวารี มาทำอะไรครับ"
สาระวารีร้อนใจสุดๆ
"นายมาก็ดีแล้วกูซอ ฉันจะไปหาคุณษมาที่ตราด กูซอช่วยขับเรือพาฉันไปหน่อยสิ"
"แต่คุณพิพัชห้ามไม่ให้ออกไปไหนนะครับ ให้ทุกคนรออยู่ที่นี่จนกว่าจะติดต่อคุณษมาได้"
" ฉันทนรอฟังข่าวเฉยๆ ต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้านายไม่ช่วยขับเรือให้ ฉันจะขับไปเอง บอกไว้ก่อน ฉันขับเรือไม่เป็นนะ ถ้าเรือคว่ำฉันจมน้ำตายขึ้นมา หาทางแก้ตัวกับคุณษมาเอาเองแล้วกัน"
สาระวารีเดินนำเอาแต่ใจไปลงเรือเลย กูซอกลัวความผิด ร้องเรียกสาระวารี ก่อนสั่งลูกน้อง
"รอด้วยครับคุณวารี แกรีบไปบอกคุณพิพัชเร็วๆ เลย ข้าจะขับเรือช้าๆ ถ่วงเวลาเอาไว้"
สาระวารีตะโกนเร่งมา
"เร็วๆ ซิกูซอ"
"ครับ ๆ"
กูซอรีบตามสาระวารีไปลงเรือ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
จันเลาและเหล่าลูกน้องคุ้มกันษมา ล่าถอยหนีไปทางตรอกซอกซอยบริเวณท่าเรือ ยังมีการยิงตอบโต้ ไล่ล่าของอีกฝ่ายตามมา ไม่หยุดยั้ง ดิตถ์มีสีหน้าสาแก่ใจ
"มึงหนีกูไม่พ้นหรอก"
พวกดิตถ์ยิ่งได้ใจ ยิ่งล่าอย่างหนัก
ทันใดนั้นเอง ก็มีกระสุนยิงมาจากทางด้านหลังของพวกดิตถ์ จนดิตถ์กับลูกน้อง ต่างหลบกันกระเจิง
ดิตถ์กระโจนหลบหันมอง ตาเบิกโพลง อย่างตกใจมาก พลางบ่นพึมพำ ฃ
"เสียท่ามันอีกจนได้"
ด้านหลังพวกดิตถ์คือตำรวจกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา ลูกน้องดิตถ์ยิงตอบโต้ไป
ทางษมา จันเลาและลูกน้องคุ้มกันษมามาอยู่จุดที่ปลอดภัย จันเลาถอนใจโล่งอก แอบต่อว่าอยู่ในที
"ผมบอกแล้วว่าแผนการคุณเสี่ยงเกินไป"
"แล้วมันสำเร็จมั้ยล่ะ จับได้ยกแก๊งค์เลย"
ษมาสีหน้าสะใจ มองไปที่ลูกน้องดิตถ์ยอมทิ้งอาวุธให้ตำรวจเข้าจับกุม
ษมารีบเดินนำกลับไปหาตำรวจ พร้อมยกมือเหนือหัวสองมือกลัวจะมีการเข้าใจผิด เพราะบริเวณนั้นมันมืดๆ จันเลาและลูกน้องเดินตามประกบคุ้มกันษมา ยกมือสองมือเหนือหัวตามษมาเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจำได้ เดินเข้ามาหาษมา
"คุณษมาปลอดภัยนะครับ"
"ครับ นายดิตถ์ล่ะครับ จับตัวมันได้มั้ย"
ษมากวาดตามอง แต่ไม่เห็นตัวดิตถ์ จันเลาเข้ามารายงาน
"ไม่มีไอ้ดิตถ์ครับ สงสัยมันจะหนีไปได้"
จันเลาสีหน้าเซ็ง แต่ษมามีสีหน้าเจ็บใจมาก
กูซอขับเรือออกมาจากยานกมายังกลางทะเลได้เล็กน้อย เขาจงใจขับช้าๆเพื่อถ่วงเวลาให้พิพัชตามมาทัน
"ทำไมขับช้านักล่ะกูซอ" สาระวารีถาม
"มันมืดแล้วน่ะครับ"
สาระวารีเหล่มองกูซออย่างไม่เชื่อ เพราะกูซอชำนาญเส้นทางจะตายไป
ทันใดนั้นเองก็มีเรือเร็วแล่นมาขนาบข้างเรือกูซอและสาระวารี กูซอยิ้มดีใจคิดว่า พิพัชตามมาช่วย
สาระวารีมีสีหน้างงๆ
ผิดคาด เป็นเรือของลูกน้องโศภี...ลูกน้องเอาปืนจี้ กูซอและสาระวารีต่างตกใจ
"หยุดเรือ" ลูกน้องคนที่ 1 บอก
กูซอทำตามคำสั่ง ลูกน้องคนที่ 2 คนข้ามไปยึดเรือกูซอ...กูซอต่อสู้ขัดขืน สาระวารีถูกจับตัวล็อกแขนเอาไว้
"กูซอ ระวัง"
กูซอถูกลูกน้องโศภีชกหงายตกน้ำไป ลูกน้องโศภีไล่ยิงกูซอไม่ยั้ง สาระวารีตะโกนลั่น
"กูซอ"
ลูกน้องโศภีเอาผ้ามามัดปากสาระวารีแล้วจับตัวไป เรือทั้งสองลำแล่นจากไปในความมืด
พิพัชและสาระสะมารีบร้อนเดินลงจากบ้านมาที่หน้าสนาม ลูกน้องษมาประคองกูซอกลับมารายงานหน้าตาตื่น
"พวกมันจับตัวคุณวารีไปแล้วครับ"
พิพัชสีหน้าหงุดหงิด ส่ายหน้าไปมา สาระสะมาร้อนใจ
"รีบตามไปช่วยเร็วๆ สิคะคุณพิพัช"
"ผมให้ไอ้เพิ่มมันสะกดรอยตามไปแล้วครับ ผมมั่นใจว่ามันคงไม่ทำร้ายคุณวารีหรอกครับคุณสะมา น่าจะใช้เป็นตัวประกันมากกว่า"
สาระสะมาห่วงน้องจนโมโห
"หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวซะเรื่อยเลย" สาระสะมาถอนใจพรืดออกมาด้วยความเป็นห่วง
โทรศัพท์มือถือพิพัชดังขัดขึ้นมา เสียงเรียกเข้าเฉพาะของษมา พิพัชมีสีหน้าดีใจ ดูเบอร์โชว์ซ้ำให้ชัวร์
พิพัชบอกสาระสะมา
"คุณษมาโทรมาแล้วครับ"
พิพัชรีบกดรับ ดีใจที่ษมาปลอดภัย
ษมากำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่โถงบ้านพักส่วนตัวที่รีสอร์ต
" เป็นอย่างที่เราคาดไว้ไม่มีผิด แต่เสียดาย ไอ้ดิตถ์มันหนีรอดไปอีกจนได้ .... ลูกน้องมันให้การสารภาพหมดแล้ว พยานหลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ รอดยาก"
พิพัชเดินเลี่ยงมาคุยโทรศัพท์กับที่มุมสวน
"ผมว่าคืนนี้คุณษมาพักที่รีสอร์ตก่อนเถอะครับ ปลอดภัยกว่าเดินทางกลับมาที่ยานก"
ษมายังมีสีหน้าเป็นห่วงอยู่
"ที่ยานกไม่มีอะไรแน่นะ"
"ครับ"
"คุณวารีกับคุณสะมาล่ะ"
พิพัชหน้านิ่ง จำใจต้องโกหกไป
"หลับไปแล้วครับ"
"แสดงว่าคราวนี้ เป้าหมายของมันคือฉันคนเดียวคงกะปิดบัญชีให้ได้"
พิพัชตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องโกหก
"ก็คงเป็นยังงั้นล่ะครับ"
ษมาสีหน้าสบายใจขึ้นหน่อย
"งั้นทางยานกฝากนายด้วยฉันจะอยู่ช่วยตำรวจตามล่าไอ้ดิตถ์ทางนี้ไปก่อน"
"ครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ คุณษมา หมาจนตรอกอย่างไอ้ดิตถ์ อันตราย อย่าประมาทเป็นอันขาด ... ครับ... ครับ..."
พิพัชกดตัดสายไปพร้อมถอนใจออกมาอย่างหนักใจ จะเดินกลับไปต้องชะงักเมื่อเห็นสาระสะมายืนจ้องหน้าเขม็ง
"ฉันได้ยินหมดแล้ว คุณโกหกคุณษมาทำไมว่าเราสองคนปลอดภัยดี"
"ผมจำเป็น"
สาระสะมาสวนกลับทันที
"จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของเจ้านายคุณ ส่วนวารีจะเป็นจะตายยังไงก็ช่างใช่มั้ยคะ เห็นแก่ตัวที่สุดเลย"
"ใจเย็นๆ สิครับ คุณษมารู้ตอนนี้แล้วจะช่วยอะไรได้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันพาคุณวารีไปซ่อนไว้ที่ไหน ยังไงเราก็ต้องรอข่าวจากเพิ่มอยู่ดี"
สาระสะมาถอนใจยาวออกมา
"ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงน้องสาวมาก ผมก็เป็นห่วงคุณวารีเหมือนกัน ผมเอาชีวิตเป็นประกันเลย ว่าผมจะต้องช่วยน้องสาวคุณกลับออกมาให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็จะทำ สบายใจขึ้นมั้ยครับ"
สาระสะมาหน้านิ่ง
"ฉันไม่มีทางสบายใจหรอกค่ะ จนกว่าจะได้เห็นวารียืนอยู่ตรงหน้าแล้วเท่านั้น"
พิพัชชักของขึ้น จ้องหน้าสาระสะมา
"จริงๆ คุณวารีควรจะยืนอยู่ตรงนี้กับเรา ถ้าเค้าไม่หุนหันทำอะไรเอาแต่ใจ โดยที่ไม่ปรึกษาพวกเราก่อนแบบนี้"
พิพัชเดินหัวเสียออกไป สาระสะมาแอบจ๋อยไป เมื่อโดนพิพัชตอกกลับกลายๆ ว่า สาระวารีจุ้นจ้านหาเรื่องเดือดร้อนเอง เธอเองก็ห่วงวารีจนอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปหน่อย
สาระสะมาพยายามตั้งสติ เพื่อควบคุมอารมณ์เอาไว้ให้อยู่
มนต์จันทรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
ยามดึกสงัด ดิตถ์ในสภาพเหนื่อยล้านั่งอยู่ในรถที่จอดหลบซุ่มอยู่ในซอยมืดๆ เปลี่ยวๆ กำลังแอบคุยโทรศัพท์มือถือกับโศภี ดิตถ์คอยสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง
"เมื่อไหร่คุณจะมาช่วยผมซะที ผมหนีมาทั้งคืนแล้วนะ"
โศภีกำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่บ้านพักในเกาะแห่งหนึ่ง
"แล้วคิดว่าฉันไม่หนีรึไง โดนรวบได้ทั้งฝูงแบบนั้น คุณคิดว่าฉันจะนอนหลับอยู่บ้านได้อีกเรอะ"
"คุณก็ยังดีกว่าผม อย่างน้อยคุณก็มีเงิน จะหนีไปไหนก็ได้ แต่ผมไม่เหลืออะไรแล้ว คุณโศ คุณคงไม่คิดจะถีบหัวส่งกันตอนนี้หรอกนะ"
"อย่ามางี่เง่าหน่อยเลย ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เลิกระแวงกันซะทีเถอะ"
"แล้วเมื่อไหร่คุณจะส่งคนมาช่วยผมซะทีล่ะ"
"เอางี้ ไปเจอกันที่กรุงเทพละกัน นายคงมีปัญญาหนีเข้ากรุงเทพได้ไม่ยากอยู่แล้ว ที่นั่น ฉันพอมีคนช่วยนายได้"
ดิตถ์มีสีหน้าใช้ความคิด ก่อนถอนใจพรืดออกมา
"ผมมันหมดทางเลือกแล้วนี่ โอ.เค. ถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ ผมจะโทรหาคุณอีกที"
"แล้วถ้าแกซวยถูกจับได้ขึ้นมา อย่าพาดพิงถึงฉันเด็ดขาด เพราะถ้าหมดฉันซักคน คงไม่มีใครมีปัญญาช่วยแกได้หรอก แกได้ติดคุกจนตายแน่" โศภีข่มขู่เอาไว้ก่อนกดตัดสายไป
ดิตถ์กดตัดสายสีหน้าเครียด ใช้ความคิด มองซ้ายขวาก่อน ขับรถหลบหนีต่อไป ขณะที่โศภีสะแหยะยิ้มเหยียดๆ ก่อนหันมองไปทางด้านข้าง ที่สาระวารีที่ถูกจับมัดมือมัดปากอยู่ โดยมีลูกน้องยืนเฝ้าอย่างแน่นหนา
สาระวารีจ้องหน้าโศภีเขม็ง ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ โศภียิ้มหยัน สีหน้าไม่แคร์ เดินกรีดกรายกลับไปทางห้องพัก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอย่างเข้มข้น ขณะนั้นเอง รถยนต์ของดิตถ์ก็ขับเข้ามาตำรวจบอก
"รถเป้าหมายมาแล้ว เตรียมพร้อม"
ตำรวจทุกคนเตรียมพร้อม เผื่อดิตถ์จะแหกด่าน แต่กลับผิดคาด รถของดิตถ์มาจอดหยุดที่ด่านตรวจแต่โดยดี กระจกหน้าต่างด้านคนขับถูกกดให้ลดระดับลงเล็กน้อย
ตำรวจตะเบ๊ะ
"ขอโทษนะครับ ขอตรวจค้นรถด้วยครับ"
คนขับพูดถามออกไป
"มีอะไรเหรอครับ"
"มีสายแจ้งมาว่า รถของคุณมีคนร้ายหนีคดีซ่อนตัวอยู่ ขอเชิญลงจากรถด้วยครับ"
คนขับตกใจรีบลงจากรถทันที คนขับไม่ใช่ดิตถ์ ตำรวจหน้าเสีย คิดไม่ถึงว่าหลงกลแผนการของดิตถ์
บรรยากาศท่ารถทัวร์ ดิตถ์สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าอยู่ เมื่อเห็นทางสะดวก ไม่มีตำรวจอยู่ใกล้ๆ เลยเดินไปที่รถทัวร์ ซึ่งจะไปกรุงเทพ
ทันใดนั้นเอง ประตูรถทัวร์ก็เปิดออก พร้อมกับษมาที่เดินออกมาจากรถทัวร์ ขวางหน้าดิตถ์ไว้ ดิตถ์ตกใจสุดตัว
"ไอ้ษมา"
ษมายิ้มเล็กน้อย
"เรารู้จักกันมานาน ทำไมฉันจะอ่านใจ เดาทางแกไม่ออก"
จันเลากับลูกน้องษมาคนอื่นๆ ที่ปะปนอยู่กับชาวบ้านทั่วไป ล้อมวงกันเข้ามาหาดิตถ์
ดิตถ์หน้าซีดเผือดรู้ตัวว่าจนมุมแล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีผู้โดยสารผู้หญิงกลางคนนางหนึ่ง ท่าทางง่วงๆ เป๋อๆ กำลังจะเดินมาขึ้นรถทัวร์
ดิตถ์รีบฉวยโอกาสเข้าล็อกคอผู้หญิงคนนั้นไว้ แล้วชักปืนออกมาทันที ดิตถ์ตะโกนขู่
"อย่าเข้ามานะโว้ย"
หญิงคนนั้นร้องตกใจ สีหน้าหวาดกลัวมาก ษมาโมโห
"แกมอบตัวซะดีๆ เถอะ"
"มึงหุบปากไปเลย ถ้าไม่อยากเห็นนังนี่ตาย อย่าตามกูมา"
ดิตถ์ลากผู้หญิงคนนั้นไปด้วย หญิงกลางคนนั้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
"ช่วยฉันด้วย"
ดิตถ์ตะคอก
"เงียบ เดี๋ยวกูยิงกรอกปากซะเลย"
หญิงดวงซวยเงียบกริบไปด้วยความกลัว ดิตถ์จับตัวประกันล่าถอยไปทางมุมตึก ษมามองตามดิตถ์ไปด้วยความโกรธจัด สีหน้าใช้ความคิดหาทางจับดิตถ์ให้ได้
ดิตถ์ล็อกคอผู้หญิงวัยกลางคนหนีมาทางด้านข้างท่ารถ โดยมีษมา จันเลาและบรรดาลูกน้องตามมา
ดิตถ์ยิงสกัดษมาโดยไม่สนใจผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย จนพวกษมาต้องรีบหลบ เมื่อดิตถ์มีตัวประกันมาด้วยเลยหนีลำบากกว่าปกติ
ดิตถ์หนีมาจนเห็นชาวบ้านคนหนึ่งกำลังขนของลงจากรถไปส่งที่ร้านค้า เลยผลักตัวประกันออก แล้วหันไปจี้คนขับรถแทน ดิตถ์ตะคอกคนขับลง
"ลงมา"
ดิตถ์กระชากคนขับรถออกแล้วแย่งรถไปขับแทน ก่อนจะรีบขับหนีไป ษมาเห็นดิตถ์ขึ้นรถ ก็รีบวิ่งไปที่รถของตนที่จอดอยู่ข้างๆ กับรถของบริษัท จันเลาจะวิ่งตาม ดิตถ์ยิงสกัดจากในรถมาพอดี จนต้องหลบกระสุนกันวุ่นวาย ษมาขึ้นรถได้ขับรถกวดตามรถที่ดิตถ์ขโมยไปทันที
จันเลาวิ่งตามบอก
"คุณษมารอผมด้วย"
ษมาขับรถไล่ล่าดิตถ์ไปอย่างไม่รอจันเลา
"เร็วเข้า" จันเลาหันไปสั่งลูกน้อง
ฝ่ายจันเลาและลูกน้องษมาไปขึ้นรถอีกคันของบริษัทขับตามไปอย่างเร็ว
ษมากำลังขับรถไล่ล่าดิตถ์ ชนิดไม่ยอมปล่อย ดิตถ์ปาดซ้ายปาดขวา หักเลี้ยวสารพัด ก็ยังสลัดษมาไม่หลุด ดิตถ์ยื่นแขนออกไปนอกหน้าต่าง ใช้ปืนยิงใส่ษมา แต่ษมาก็ขับรถหลบไปได้ ดิตถ์จะยิงซ้ำอีก แต่กระสุนหมด เจ็บใจมาก ปาปืนทิ้งไปที่เบาะข้างๆ
"โธ่โว้ย"
ษมาชักปืนออกมา เล็งไปที่ล้อรถของดิตถ์ ก่อนจะยิงโดนล้อเต็มๆอย่างไม่มีพลาด ดิตถ์ตกใจ รถเสียหลัก จนดิตถ์ต้องชะลอความเร็ว ดิตถ์จอดรถข้างทาง แล้วรีบลงจากรถหนีเข้าสวนข้างทางไปทันที
ษมารีบจอดรถตาม แล้ววิ่งตามดิตถ์ไปอย่างไม่ลดละ
ษมาวิ่งตามดิตถ์เข้ามาในที่ดินรกร้างข้างทาง ษมามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นดิตถ์ ทั้งๆที่วิ่งตามมาติดๆ
ทันใดนั้นเอง ดิตถ์ก็โผล่ออกมาด้านหลัง ใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าเต็มด้านหลังษมาทันที ษมาเสียหลักล้มลง แต่ด้วยความไวพลิกตัวจะยิงใส่ดิตถ์ แต่ดิตถ์รอจังหวะอยู่แล้วเตะมือษมา จนปืนกระเด็นตกคูข้างๆ ไป
ดิตถ์ตามฟาดซ้ำ ษมาหลบทันหวุดหวิด ถีบสวนดิตถ์ขึ้นมาจนดิตถ์กระเด็นไป ไม้ในมือกระเด็นตกไป
ที่พื้น ษมาลุกขึ้นตั้งหลักได้ ดิตถ์หน้าตาเต็มไปด้วยความแค้น เข้าจู่โจมเล่นงานษมาก่อนที่จะตั้งหลักได้
ษมาเป็นมวยกว่าดิตถ์เยอะ เลยประเคนทั้งหมัด ศอกเข่า เข้าไปหลายขนานจนดิตถ์เลือดกบปากล้มคว่ำไปกับพื้น
ดิตถ์แกล้งทำเป็นสลบไป แต่แอบกำไม้ที่ตนทำตกพื้นไว้แน่น ษมาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ดิตถ์ตั้งท่าจะฟาดใส่ษมา แต่ไม่คาดคิด ษมาชักปืนเล็กสำรองออกมาเล็งใส่ดิตถ์ที่ตกใจมืออ่อน ทิ้งไม้ในมือทันที รีบเปลี่ยนท่าที
"อย่ายิง ฉันยอมแล้ว"
ษมาแกล้งขู่
"มาร้องขอตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยเรอะ"
ดิตถ์รีบยกมือไหว้ ปั้นหน้าน่าสงสาร เรียกร้องความเห็นใจ
"ฉันยอมแพ้แล้วษมา อย่ายิงฉันเลยนะ นึกซะว่าเห็นแก่เดชมันเถอะ เดชมันเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ของแกไม่ใช่เหรอ"
ษมาตะคอกสวนกลับ
"ก็เพราะฉันเห็นกับเดชไงล่ะ แกถึงได้ลอยนวลสร้างความเดือดร้อนให้ฉันได้ถึงวันนี้... พอแล้ว จบสิ้นกันซะที"
ขาดคำ ษมาก็เหนี่ยวไก เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณ ดิตถ์หน้าซีดเผือด หลับตาปี๋ ร้องลั่นกลัวตาย หมดฟอร์มทั้งที่ไม่มีฟอร์มอยู่แล้ว ษมาแกล้งยิงเฉี่ยวๆดิตถ์ไปไม่ให้โดน ษมาขำหยัน
"ไอ้ใจเสาะเอ๊ย"
ดิตถ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น จับเนื้อตัวไปมา ดีใจมากที่รู้ตัวว่ายังไม่ตาย
จันเลาและลูกน้องษมา รีบวิ่งตามเข้ามาตามเสียงปืน
"คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ"
ษมาส่ายหน้า ก่อนสั่ง
"จับตัวมันส่งไปส่งตำรวจ ดูซิ คราวนี้จะมีปัญญาดิ้นหลุดได้อีกมั้ย"
ดิตถ์ตกใจจนหน้าซีด มีสีหน้าครุ่นคิด หาทางเอาตัวรอด ลูกน้องษมาเข้าไปจับกุมตัวดิตถ์จะลากพาตัวออกไป
"ษมา...แกต้องช่วยฉันนะ ที่ฉันทำไปทั้งหมด เพราะคุณโศภีบงการฉัน เค้ามีคนหนุนหลังใหญ่ระดับนั้น ฉันกลัวตายเลยต้องยอมทำตามเค้า ทุกอย่าง จริงๆ ฉันไม่เคยอยากได้คาสิโนของแกเลย มันใหญ่เกินตัวฉัน ฉันถูกข่มขู่ให้ทำ ฉันไม่เคยคิดร้ายกับแกเลยนะษมา"
ษมารับฟัง แต่ไม่เชื่อซะทีเดียว
"แกไปให้ปากคำกับตำรวจจะดีกว่า สารภาพความจริงทุกอย่างซะ หนักจะได้เป็นเบา ฉันช่วยแกได้แค่นี้ล่ะ"
ษมาพยักหน้าให้ลูกน้องลากตัวไป ดิตถ์โวยวายขอความช่วยเหลือ
"แกต้องช่วยฉันษมา ฉันเป็นพี่ชายเพื่อนรักแกนะ"
ดิตถ์ยังแหกปากขอความช่วยเหลือตลอด
"ฉันรักแกเหมือนน้องชายนะษมา แกต้องช่วยฉัน ฉันไม่อยากติดคุก"
จันเลาได้แต่ส่ายหน้าสมเพชไปมา
ษมาสีหน้าท่าทางเหนื่อยใจ
"โศภีโดนหักหลังซัดทอดขนาดนี้ คงหายตัวไปตามระเบียบ"
"ดิตถ์มันอาจจะพูดจริงก็ได้นะครับ"
"ต้องฟังหูไว้หู แต่เรื่องโศภีมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังก็พอฟังขึ้น เพราะ ลำพังโศภีคนเดียวไม่น่ามีกำลังคนกำลังอาวุธขนาดนี้"
ษมาสีหน้าหนักใจ จันเลาพยักหน้าเห็นด้วย
"ไปโรงพักกันเถอะ...จะได้กลับยานกซะที"
จันเลาหน้าแหยๆ ตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องพูดแล้ว
"ผมว่าสงสัยเราอาจจะต้องไปที่เกาะปีกในก่อน"
ษมางงๆ จ้องจันเลาเขม็ง
"ไปเกาะปีกในทำไม"
จันเลากลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนบอกความจริง
"คุณโศภีจับตัวคุณวารีไปตั้งแต่เมื่อคืน"
ษมาตกใจมาก เสียงดุดัง
"แล้วทำไมแกเพิ่งมาบอกฉัน"
จันเลาหน้าแหยๆ ตอบเลี่ยงไป
"พิพัชตามไปแล้วครับ"
ษมาไม่พอใจมาก
"นี่พวกแกรวมหัวกับปิดบังฉันใช่มั้ย"
จันเลาก้มหน้านิ่ง กลัวความผิด ษมาสีหน้าผิดหวัง
"ไม่ได้เรื่อง เสียแรงที่ไว้ใจ"
ษมาเดินหัวเสียด้วยความโกรธกลับออกไปก่อน จันเลาหนีซีดแหย รีบตามเจ้านายไป
เกาะยานก พิพัชกับลูกน้องกำลังเดินหน้าเครียดมาที่เรือ เตรียมตัวจะไปช่วยสาระวารี
สาระสะมารีบเดินตามมา เรียกไว้
"คุณพิพัชคะ"
พิพัชหันกลับมามองสาระสะมา
"ได้ข่าววารีแล้วเหรอคะ"
"ครับ เจ้าเพิ่มรายงานกลับมา ว่าพวกคุณโศภีเอาเรือไปจอดไว้ที่เกาะปีกใน"
สาระสะมาห่วงน้องมาก
"ขอฉันไปด้วยได้มั้ย ฉันเป็นห่วงวารี"
"แต่..."
สาระสะมารีบสวนขึ้น
"นะคะ รับรองว่าฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเลย"
"มันอันตรายนะครับ ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีมากขนาดไหน"
"ทิ้งฉันไว้ที่นี่ไม่กลัวมันย้อนกลับมาอีกเหรอคะ อยู่กับคุณฉันรู้สึกปลอดภัยกว่า"
พิพัชมองหน้าเธออย่างช่างใจ เขาถอนใจออกมาพร้อมกับหยิบปืนยื่นส่งให้
"พกติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉิน"
สาระสะมารับปืนมา แล้วมองดูปืนในมือรู้สึกแหยงๆ กลัวๆ เล็กน้อย
"ขอบคุณค่ะ"
พิพัชเดินนำไปขึ้นเรือ สาระสะมารีบตามไปติดๆ
บนเกาะปีกใน โศภีกำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยความหงุดหงิด โดยมีสาระวารีอยู่ใกล้ๆ
"จะบ้าเหรอ เงินตั้งมากมายขนาดนั้นฉันจะไปหาที่ไหน แกไปบอกเจ้านายแกนะ ว่าตอนนี้ฉันกำลังเดือดร้อน เอาไว้ฉันหนีรอดไปได้ก่อน แล้วฉันจะโอนเงินให้ ... แกพูดอย่างงี้ได้ไง ยังไม่ทันไปบอกเจ้านายแกเลย" อีกฝ่ายวางหูไปแล้ว
"ฮัลโหลๆ"
โศภีกดตัดสายไปด้วยความหงุดหงิด
สาระวารีถูกมัดปากอยู่ เหล่มอง มีสีหน้าเก็บข้อมูลอยู่ โศภีเหลือบเห็นพอดี
"มองฉันทำไม"
สาระวารีรีบหลบสายตา นาทีนี้ปลอดภัยไว้ก่อน
"คงหวังอยู่ล่ะสิ ว่าจะมีคนมาช่วยแกได้ ฝันไปเถอะย่ะ ฉันจะบอกอะไรแกให้ เงินบันดาลได้ทุกอย่างในโลกนี้...ฉันหนีได้เมื่อไหร่ แกได้เป็นอาหารฉลามแน่ อย่าหวังเลยว่าจะมีวาสนาได้เป็นเมียษมา" โศภีหัวเราะเย้ยอย่างสะใจ
โศภีเดินกรีดกรายออกไป ก่อนจะหน้าเครียดขึ้นมาพร้อมกดโทรศัพท์มือถือติดต่อประสานงานต่อไป
สาระวารีกวาดตามองหาช่องทางหลบหนี แต่ลูกน้องโศภีก็คุมเข้มอยู่ทั่วบริเวณ
เรือของษมาแล่นฝ่าคลื่นมาด้วยความเร็ว ษมาสีหน้าเครียดยืนอยู่หัวเรือด้วยความเป็นห่วงสาระวารีสุดๆ
จันเลาคอยยืนประกบ ใช้กล้องส่องทางไกล ดูแลความปลอดภัยให้ษมา
สาระวารีแกล้งพิงตัวหลับอยู่ที่ผนังห้อง แต่แอบฟังการสนทนาของโศภีกับลูกน้องอยู่
"ข่าวชัวร์แน่นะ" โศภีถาม
"ครับคุณโศ นายดิตถ์โดนไอ้ษมาจับส่งตำรวจไปเมื่อเช้านี้เองครับ"
"ไม่ได้ความเลย นึกว่าจะช่วยถ่วงเวลาได้ซักหน่อยก็ยังดี"
"นิสัยอย่างนายดิตถ์ ป่านนี้คงสารภาพหมดเปลือก ให้การพาดพิงถึงคุณโศเพื่อเอาตัวรอดแน่ๆ เลยครับ"
โศภีถอนใจหน้าเครียด
"ตอนนี้คุณจะกลับเข้าฝั่งหรือจะออกชายแดนก็คงลำบากขึ้นล่ะครับ"
โศภีสีหน้ามั่นใจ ไม่แคร์ หันไปมองสาระวารี
"จะกลัวอะไร เรามีตัวประกันชั้นดีอยู่ทั้งคน ต่อให้ตำรวจหรือไอ้ษมาตามมา เราก็ยังใช้นังนี่ต่อรองได้อยู่"
ขาดคำ ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาโศภี
"คุณโศครับ แย่แล้วครับ ไอ้พิพัชมันพาคนบุกขึ้นเกาะมาแล้วครับ"
โศภีตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าพิพัชจะตามมาถึงที่นี่ได้
"พาคนไปต้านพวกมันไว้ซิ"
พวกลูกน้องโศภี รีบกรูกันไปทันที โศภีสีหน้าร้อนใจปนกังวลสั่งไล่หลัง
"อย่าให้มันเข้ามาถึงที่นี่ได้เด็ดขาด"
สาระวารีที่ทำเป็นแกล้งหลับอยู่ แต่แอบยิ้มดีใจมีความหวังขึ้นมา โศภีมีสีหน้าใช้ความคิด ก่อนตัดสินใจเดินตรงเข้าไปกระชากสาระวารีขึ้นมา
" แกก็ไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย"
สาระวารีลุกขึ้นตามแรงกระชาก โศภีชักปืนออกมาถือเพื่อไว้ป้องกันตัว สาระวารีเหลือบตามองปืนอย่างใช้ความคิด โศภีกระชากพาเธอหลบออกไปทางหลังบ้าน
บริเวณชายหาด พิพัชกับบรรดาลูกน้องกำลังยิงปะทะกับลูกน้องโศภีอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างใช้โขดหินเป็นที่กำบัง ลูกน้องโศภีกลุ่มที่ได้รับคำสั่งจากโสภีเมื่อครู่ วิ่งกรูกันมาพร้อมอาวุธครบมือเพื่อเป็นกำลังเสริม ฝ่ายโศภีก็เริ่มได้เปรียบ ลูกน้องษมาคนข้างๆ พิพัช ถูกยิงจนล้มบาดเจ็บไปคนหนึ่ง พิพัชจะเข้าไปดูอาการ แต่ถูกยิงใส่จนต้องหลบ แล้วยิงตอบโต้สกัดไป
บริเวณมุมหาด เรือของพิพัชจอดซุ่มอยู่ คนขับเรือสแตนบายประจำหน้าที่เตรียมพร้อมพาสาระสะมาหนีตลอดเวลาเมื่อคับขัน มุมเกาะ หลังโขดหินใหญ่ สาระสะมาหลบอยู่บนเรือมองดูเหตุการณ์ เธอหันมองไปอีกด้านของหาด พร้อมสีหน้าตกใจมาก เธอตัดสินใจ ชักปืนที่พิพัชให้ติดตัวไว้มาถือเอาไว้แล้วแอบลงไปจากเรือไปอย่างเงียบๆ ขณะที่เสียงปืนยิงใส่กันยังดังต่อเนื่อง ทำให้คนขับเรือไม่ได้ยินว่า สาระสะมาหลบลงจากเรือไปแล้ว
ฝ่ายพิพัชและลูกน้องต้านไม่ไหว ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายคน เขาต้องพาลูกน้องถอยกลับออกมา ลูกน้องโศภีฮึกเหิม ระดมยิงใส่พวกพิพัชอย่างหนัก ลูกน้องโศภีควักระเบิดมือออกมา ตั้งท่าจะถอดสลัก
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงปืนดังลั่นยิงใส่ลูกน้องโศภีหลายนัดต่อเนื่อง ลูกน้องโศภีเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ล้มตาย บาดเจ็บ ต่างหนีอย่างไม่เป็นกระบวน
ษมา จันเลา และเหล่าลูกน้อง มาช่วยได้ทันเวลา จันเลาและลูกน้องไล่ล่าเข้าไปเพื่อหวังช่วยสาระวารี
พิพัชหันมองษมา อย่างอึ้งๆ กลัวๆ ที่โกหก
"พวกเราเป็นยังไงบ้าง"
"พลาดท่ามันไปหลายคนครับ"
" รีบไปช่วยวารีกันก่อน ส่วนคดีของเรา เดี๋ยวค่อยสะสาง"
ษมากระชับปืนตามลูกน้องเข้าไปทางบ้านพัก พิพัชแอบเจื่อน ก่อนรีบตามประกบษมาไป
มุมอีกด้านของเกาะ โศภีฉุดกระชากลากถูสาระวารีให้ด้วย
"เร็วๆหน่อยได้มั้ย สำออยอยู่นั่นแหละ" โศภีพูดตะคอก
"รีบนักก็ไปคนเดียวสิ จะเอาฉันไปด้วยทำไมล่ะ"
"ทำปากดีไปเถอะ อีกไม่นานหรอก ...เร็ว"
สาระวารีถูกโศภีกระชากไป ฝ่ายสาระสะมาซุ่มหลบอยู่ที่โขดหิน เป็นห่วงน้องสาวมาก เล็งปืนไปที่โศภี มือไม้สั่น แต่ก็กลัวพลาดโดนน้องสาว สาระสะมาไม่กล้ายิงได้แต่ซุ่มดูต่อไปก่อน
ลูกน้องษมาแยกย้ายกันจับลูกน้องโศภีจับมัดผูกแขนไพล่หลังไว้ จันเลาและพิชัช เข้าสำรวจดูห้องต่างๆ
ษมายืนคุมเชิงอยู่กลางโถงบ้านพัก จันเลาเข้ามารายงาน
"ไม่มีคุณวารีกับคุณโศภีเลยครับ"
ษมาเข้าไปข่มขู่ลูกน้องโศภีคนหนึ่ง
"เจ้านายแกอยู่ไหน"
"ผมไม่รู้"
ษมากระชับปืน กระชากคอเสื้อถาม
"อยากตายใช่มั้ย"
"ไม่อยากครับ ... เมื่อกี้เจ้านายยังอยู่ในบ้านกับผู้หญิงคนนั้นอยู่เลย หายไปไหนแล้ว ผมก็ไม่รู้" ลูกน้องโศภีพูดอย่างกลัวๆ
ษมาหน้านิ่งไปอย่างใช้ความคิด พิพัชวิ่งกลับมาจากทางหลังบ้าน
"ประตูหลังบ้านเปิดทิ้งเอาไว้ อาจจะหนีออกไปแล้วนะครับ"
ษมาสั่งจันเลา
"เฝ้าพวกมันเอาไว้"
ษมารีบร้อนตามไปทางประตูหลังบ้าน พิพัชตามษมาไปติดๆ
มุมอีกด้านของเกาะ โศภีพาสาระวารีมาทางหาดจนเห็นเรือเล็กของตนจอดอยู่ โศภีจะลากสาระวารีลงน้ำเพื่อไปขึ้นเรือ แต่เธอพยายามฝืนตัวเอาไว้
โศภีโมโห ตวาดใส่
"จะเกร็งตัวไว้ทำไมล่ะ"
"จะพาฉันไปไหน"
"ก็หนีไปจากที่นี่น่ะสิ ตามมาเร็วๆ เถอะน่ะ อย่าสงสัยมากนักเลย เดี๋ยวแกตายกลายเป็นผีก็รู้ทุกเรื่องเองแหละ"
โศภีลากสาระวารีลงเหยียบน้ำทะเลไป สาระสะมาเห็นท่าไม่ได้การ เพราะถ้าโศภีขึ้นเรือหนีออกไปได้จะตามหายากขึ้นไปอีก เธอตัดสินใจ เล็งปืนไปทางโศภี เบี่ยงไปทางเรือเพื่อยิงขู่ ถ่วงเวลาไว้เท่านั้น
มนต์จันทรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
เสียงปืนดังเปรี้ยงไปโดนเรือหรือโขดหินสนั่น โศภีตกใจหลบ สาระสะมารีบผลุบหลบหลังโขดหิน
สาระวารีฉวยโอกาสดึงตัวออก วิ่งหนีกลับขึ้นฝั่ง โศภีมีสีหน้าเจ็บใจมาก
"แกจะหนีไปไหน"
สาระวารีวิ่งหนีขึ้นหาดทราย โศภีตามไปจิกหัวเอาไว้ เธอดีดตัวทั้งตัวเข้ากระแทกโศภีที่ยังทรงตัวไม่ดีก็ล้มไปกับพื้นทรายทั้งคู่ เธอหมุนตัวใช้ส้นเท้ากระแทกใส่มือโศภีข้างที่จับปืนสุดแรง จนโศภีร้องออกมา
สาระวารีเอาเท้าเตะปืนให้กระเด็นออกไป โศภีจะไปเอาปืน แต่เธอก็ถีบใส่จนโศภีเสียหลักล้มลงไปอีก
สาระวารีใช้ขาล็อกคอโศภีเอาไว้ ทั้งคู่ต่อสู้ระยะประชิดขนาดนี้ สาระสะมารู้สึกว่า การใช้ปืนในจังหวะนี้เสี่ยงเกินไป สาระสะมาได้แต่คุมเชิงเอาไว้ รอหาจังหวะที่จะออกไปช่วย
สาระวารีและโศภีต่อสู้กันเพื่อไปแย่งปืน สาระวารีสู้โศภีไม่ได้ ถูกมัดมือไพล่หลัง โศภีจิกหัวสาระวารีขึ้นมาได้ เอามือล็อกคอ
"เก่งนักใช่มั้ย"
สาระวารีหายใจไม่ออก พยายามขืนสู้
"ปล่อยวารีเดี๋ยวนี้"
โศภีงงว่า เสียงใคร !! เมื่อหันหน้ามองหน้าก็ตกใจแทบช็อก สาระสะมายืนเล็งปืนอยู่ตรงหน้า...
โศภีหน้าตาช็อก ทำไม... สาระวารีมีสองคน จังหวะทอง..สาระวารีดีดตัวหลุดออกมาได้ ในช่วงที่โศภีอึ้งด้วยความตกใจจนเสียสมาธิ
สาระสะมาเล็งปืนจ่อโศภีเอาไว้ เลยต้องยอม
"วารี ออกมาเร็วๆ" สาระสะมาร้องบอก
สาระวารีรีบดีดตัวลุกไปแล้วล้มลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนและแผลก็ยังไม่หายดี อยู่ด้านหลังพี่สาว
โศภีมองสองสาวสีหน้าเกลียดชัง โศภีถามด้วยความแปลกใจ
"ฝาแฝดเหรอะ"
สาระสะมาขยับเข้าไปใกล้ เล็งปืนขู่
"ลุกขึ้น ยกมือขึ้นด้วย"
โศภีแอบมีหน้าตาเจ้าเล่ห์ตั้งท่าจะลุก แต่ 2 มือกำทรายขณะทำท่าพยุงตัวแล้ว ทันทีที่ลุกขึ้นก็สาดทรายทั้งสองกำมือใส่หน้าสาระสะมาทันที
ทรายเข้าตาสาระสะมาตามแรงลม...จนเธอต้องหลับตาทันที โศภีฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าแย่งปืน สาระวารีบอก
"สะมา ระวัง"
เสียงปืนยิงขึ้นฟ้าดังสนั่นขัดจังหวะ จนทุกคนต้องหยุดมอง ษมาและพิพัชตามมาถึงที่เกิดเหตุ โศภีอึ้งไปทันที
"ษมา"
โศภีจัดเจนกว่าสาระสะมา ฉวยโอกาสแย่งปืนมาได้ แถมจับตัวสาระสะมาล็อกไว้เป็นตัวประกันอีก
"อย่าเข้ามานะ"
"ปล่อยพี่สะมาซะ เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย อยากจะจับตัวประกัน มาจับฉันนี่"
โศภีขำหยันเย้ยๆ
"ถ้าพี่สาวแกตาย แกคงไม่มีวันให้อภัยษมาแน่ๆ ษมาไม่ต้องการแบบนั้นหรอก จริงมั้ยษมา เพราะฉะนั้น
ฉันจับแกหรือนังนี่ก็มีค่าเท่ากัน"
โศภีล็อกแขนสาระสะมาบิดแรงๆ จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ ฝ่ายสาระวารีมีสีหน้าเป็นห่วงพี่สาวมาก พิพัชรีบวิ่งไปคุ้มกันสาระวารี โศภีเบี่ยงตัวเล็กน้อยใช้สาระสะมาบังข้างหน้าตัว จี้ปืนอยู่ด้านหลังตลอด และจับตาดูการเคลื่อนไหวของพิพัชอย่างระวังตัว
ษมาเห็นสาระวารีปลอดภัยคนหนึ่งแล้วก็อุ่นใจขึ้น เขาพูดจาหว่านล้อม
"หยุดเถอะโศภี อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้อีกเลย"
โศภีหันขวับจ้องหน้าษมา
"ลูกน้องคุณถูกจับหมดแล้ว ส่วนนายดิตถ์ก็ให้การสารภาพว่า คุณเป็นคนบงการฆ่าผม"
โศภีสีหน้าเจ็บใจดิตถ์มาก
"นึกแล้วไม่มีผิด"
ษมาพูดข่มขวัญ
"ป่านนี้ตำรวจคงตามล่าตัวคุณทั่วจังหวัดแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจันเลาบอกตำรวจไปรึเปล่า ว่าผมกำลังมาตามตัวคุณที่นี่"
โศภีตกใจมาก
"ปล่อยคุณสะมาซะเถอะ แล้วผมสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคุณ"
"ฉันไม่เชื่อหรอก มีแต่พวกแกทั้งนั้น"
"คุณรู้จักผมดีนะโศภี ผมพูดคำไหนคำนั้น ถ้าคุณปล่อยคุณสะมาตอนนี้ ผมจะยอมปล่อยให้คุณหนีไป แล้วไม่ตามล่าคุณด้วย"
สาระวารีอึ้งๆ หันไปมองหน้าษมา ที่ยอมช่วยพี่สาวตน ยอมปล่อยเสือเข้าป่าทั้งๆที่รู้ว่า จะย้อนกลับมาทำร้ายอีกแน่ๆ โศภีคิดหนัก รู้ว่าษมาพูดจริงเลยยิ่งลังเล
"ไปยอมขนาดนั้นทำไมครับคุณษมา ยังไงเค้าก็ไม่มีทางหนีรอดอยู่แล้ว"
"ฉันไม่อยากเห็นคนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันเป็นต้นเหตุอีกแล้ว ... ว่าไงล่ะโศ"
"ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ว่าคุณจะไม่หักหลังฉัน สู้ฉันจับแม่นี่ไปเป็นตัวประกันไม่เซฟกว่าเรอะ"
ษมายักไหล่
"ก็ตามใจ ถ้าคุณจับคุณสะมาไปด้วย ผมไม่รับรองความปลอดภัยให้คุณนะ คนของผมขับเรือไล่ล่าคุณไม่ลดละแน่ แล้วยังตำรวจที่กำลังเดินทางมาที่นี่อีกล่ะ คุณคิดว่าตัวคนเดียวจะหนีพ้นได้ก็เอาซิ"
โศภีนิ่งไปคิดตาม
"อย่าคิดนาน ถ้าตำรวจมาถึง สถานการณ์เปลี่ยนแน่นอน คุณไม่รอดคุกแน่"
โศภีคิดหนักอยู่ครู่นึง ก่อนจะตัดสินใจแล้วปั้นยิ้ม
"ก็ได้ ฉันจะเชื่อใจคุณอีกครั้ง"
ษมาดูโล่งอก เบาใจขึ้นหน่อย... สองพี่น้องแอบสบตากันด้วยความเป็นห่วง
"ฉันรู้ว่าที่คุณยอมช่วยฉัน เพราะคุณยังไม่ลืมอดีตของเรา ฉันยังเป็นคนสำคัญของคุณเสมอ"
โศภียิ้มหยันๆ พร้อมเหล่มองไปทางสาระวารีอย่างเย้ยๆ
สาระวารีหน้านิ่งไปอย่างเก็บอาการ ษมาได้แต่ถอนใจออกมา ขนาดนี้แล้วยังไม่วายทิ้งระเบิดสร้างปัญหาให้อีก โศภีสีหน้ากวนๆ
"โอเค คราวนี้ถือว่าฉันแพ้ก็แล้วกัน"
โศภีผลักสาระสะมากระเด็นไปข้างหน้า พิพัชรีบเข้าไปประคองเอาไว้ โศภีรีบถอยไปทางเรือ แต่ยังตั้งปืนป้องกันตัวตลอด จันเลาและลูกน้องที่เหลือวิ่งพร้อมอาวุธครบมือตามมาที่เกิดเหตุ ษมารีบหันไปสั่งห้ามทุกคน
"ปล่อยเค้าไป"
"คุณษมาครับ ปล่อยเค้าไปแบบนี้ เค้าต้องย้อนกลับมาเล่นงานเราอีกแน่ๆ"
จันเลารีบเสริม
"เราไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดกับโจรหรอกครับ"
ษมาหน้านิ่งยกมือห้ามเอาไว้ แล้วไม่พูดอะไรซักคำ ได้แต่ขบกรามจนขึ้นสัน โศภีขับเรือเร็วหนีออกไปทันที
พิพัชมองดูโศภีหนีไปได้ต่อหน้าต่อตา แล้วนึกเซ็ง ดูหัวเสียอย่างไม่เห็นด้วย
ทางด้านสองพี่น้องสวมกอดกันแน่น ดีใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ปลอดภัย
ษมามองมาที่สองพี่น้องแล้วยิ้มสบายใจ สาระวารีเหลือบตามองษมา เขายิ้มแย้มให้ เธอยิ้มตอบแต่สีหน้านิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ถูก เธอหลบตาสวมกอดพี่สาวเอาไว้อย่างโล่งอก
ษมามีสีหน้านิ่งขรึมลง เหมือนเดาใจสาระวารีออกว่า จะตัดสินใจยังไงกับความสัมพันธ์ของสองคนต่อไป
เวลาเย็น บนเกาะยานกยามเย็น ษมากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่บ้านพัก
"ผมปลอดภัยดีครับ คิดว่าจากนี้ไปไม่น่ามีอุปสรรคอะไรแล้วล่ะครับ ผมรับรอง ว่าคาสิโนจะเปิดทันกำหนดเดิมแน่นอนครับ ... ครับ ขอบคุณมากครับที่ให้ความไว้วางใจผม ... ครับ สวัสดีครับ"
ษมากดตัดสาย สาระวารีเดินเข้าห้องนั่งเล่นมา ษมายิ้มทักทาย
"ให้ปากคำตำรวจเสร็จแล้วเหรอ"
"ค่ะ ฉันก็เลยจะมาลาคุณ พรุ่งนี้ฉันจะกลับกรุงเทพแล้ว"
ษมาหน้าเสีย สาระวารีไม่สู้ตา
"ขอให้ความฝันของคุณประสบความสำเร็จ ไม่มีอุปสรรคอะไรอีกนะคะ"
สาระวารีจะเดินกลับเข้าไป ษมาพูดลอยๆขึ้นมา
"เราคงมาถึงทางตันแล้วจริงๆ สินะ"
สาระวารีชะงักไปเล็กน้อย
"ผมควรเลิกหลอกตัวเองว่า จะเปลี่ยนใจคุณได้แล้วใช่มั้ย"
สาระวารีหน้านิ่ง น้ำตารื้นๆ ไม่หันกลับมามอง
"โชคดีค่ะ"
ษมาได้แต่มองตามสาระวารีไป รักแต่ต้องตัดใจให้ได้
เวลาต่อเนื่องมา สาระสะมากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนแขก สาระวารีเดินกลับเข้ามาในห้อง เดินมานั่งข้างๆ เตียง สาระสะมาเหลือบตามองน้องสาว
"ตกลงเปลี่ยนใจรึเปล่า"
สาะระวารีส่ายหน้า ดูซึมๆ
"ผู้ชายคนนี้รักนายมากนะวารี"
สาระวารีถอนใจบางๆออกมา แต่ไม่สู้ตาพี่สาว
"เหตุการณ์ตั้งหลายอย่างที่ผ่านมา มันเป็นเครื่องพิสูจน์คุณษมาได้อย่างดี เราไม่ต้องพูดซ้ำอีกแล้วล่ะ นายน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ"
สาระวารีก้มหน้าก้มตา ช่วยพี่สาวพับเสื้อไป
"ทีนี้ก็เหลือแต่นายคนเดียวแล้วล่ะ ว่าจะเอายังไง"
"เราก็ไม่รู้นะสะมา ใจนึงก็อยากจะรักเค้าให้เต็มร้อย เหมือนที่เค้าให้ใจกับเรา แต่มันก็มีเรื่องติดๆ อยู่ในใจ เราก้าวข้ามไม่พ้นซะที"
"เรื่องเดิม"
สาระวารีพยักหน้ารับ
"เราเข้าใจนายนะวารี แต่นายต้องลืมมันให้ได้ ถ้านายรักคุณษมา ต้องอย่าเอาอดีตมาถ่วงตัวเองไว้แบบนี้ ปล่อยให้มันผ่านไปซะ"
"ถ้าเราตัดสินใจเลือกเค้า เราคงต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีคนกี่คนกำลังล่มจมอยู่ในบ่อนของเค้า จะมีเมีย มีลูกอีกกี่บ้านที่กำลังจะตายจากการขาดความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว" สาระวารีน้ำตารื้นขึ้นมา สะท้อนอดีตตัวเองในใจ
"คาสิโนของคุณษมา ไม่เหมือนกับบ่อนที่พ่อเข้าไปเล่นตอนนั้นนะวารี เค้าทำทุกอย่างถูกต้อง ไม่โกงเหมือนบ่อนนั้นซะหน่อย แล้วพระฮามก็ ตั้งอยู่ตั้งไกล ใหญ่โตหรูหราซะขนาดนั้น มันเป็นการคัดสรรไปในตัวอยู่แล้วว่าต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นถึงจะเข้าไปเล่นได้ ไม่ใช่คนหาเช้ากินค่ำ หรือรับเงินเดือนไปวันๆ อย่างพ่อเรา"
"จะบ่อนหรือคาสิโน มันก็แหล่งอบายมุขเหมือนกัน ไม่ว่ารวยหรือจน ก็ฉิบหายวอดวายได้เหมือนกันแหละ"
สาระสะมาจ้องหน้าน้องสาว
"ถ้านายมัวตั้งป้อมอยู่ยังงี้ แล้วนายจะให้คุณษมาทำยังไง ทิ้งความฝันแล้วโยนเงินเป็นร้อยเป็นพันล้านที่เค้ากู้มาทิ้งทะเลเพื่อนายงั้นเหรอ"
สาระวารีเสียงอ้อมแอ้ม
"เราไม่ได้ต้องการขนาดนั้น"
"วารี ทุกวันนี้เรามีม้าแข่ง สลากกินแบ่งออกทุก 15 วัน ยังหวยใต้ดินอีก พวกนี้ไม่ใช่การพนันเหรอ แล้วยังบ่อนเถื่อน บ่อนวิ่ง บ่อนระฟ้าอีกสารพัด ถึงนายจะห้ามไม่ให้คุณษมาสร้างคาสิโน ก็ต้องมีคนอื่นทำอยู่ดี
ดูสิ ขนาดคุณษมาได้สัมปทานมาแล้ว ยังมีคนจ้องจะฆ่าเค้าแย่งสัมปทานหน้าด้านๆ อยู่ทุกวันเลย"
"นายรับค่านายหน้าเค้ามาเท่าไหร่ พูดซะน้ำไหลไฟดับเลย" สาระวารีค้อนใส่พี่สาว
"ไม่ได้เลยซักบาท แต่ถ้าเราทำสำเร็จ เราจะได้เห็นความสุขของน้องสาวเป็นการตอบแทน"
สาระวารีสบตาพี่สาวเล็กน้อย ถอนใจพรืดแล้วตั้งท่าจะลุก สาระสะมาลุกตามถาม
"ตกลงยังไง เราเปลี่ยนใจนายได้มั้ย"
สาระวารีหันมามองหน้าพี่สาวนิ่งๆ ฝ่ายพี่ลุ้นๆ คำตอบจากน้องสาว
เวลาหัวค่ำ ห้องทำงานษมา เกาะยานก ษมาพิงศีรษะพักไปกับเก้าอี้ทำงาน ดูซึมๆ และเหนื่อยใจ
"คุณษมาอย่าเพิ่งถอดใจสิครับ อุตส่าห์สู้มาถึงขั้นนี้แล้ว"
"ตกลงแกยอมรับคุณวารีเค้าได้แล้วเรอะ"
พิพัชชะงักไปเล็กน้อย
"ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมีอิทธิพลกับคุณได้มากขนาดนี้มาก่อน"
ษมาถอนใจและเริ่มถอดใจ
"แต่มันก็คงเหมือนที่นายเคยพูดนั่นแหละ ฉันกับเค้าเหมือนเดินบนทางคู่ขนาน"
พิพัชหน้าแหยๆ
"ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปก็ได้ครับ"
ษมาขยับตัวนั่งตรง
"ถ้าวารีเค้าใจอ่อน ขี้สงสาร เปลี่ยนใจได้ง่ายแบบนายบ้างก็คงดี"
ษมาลุกขึ้นเดินออกไป พิพัชได้แต่หันมองตามเจ้านายไปด้วยความเห็นใจ
บรรยากาศท้องทะเลกว้างใหญ่ สีสันสดใสยามเช้า สาระวารีกำลังยืนมองไปที่บ้าน อยากเจอษมาอีกซักครั้งก่อนกลับ แต่ษมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาส่งเธอเลย
ในขณะที่จันเลา และกูซอกำลังขนข้าวของของสองพี่น้องลงเรืออยู่ สาระสะมาเดินเข้ามาหาน้องสาว
"เปลี่ยนใจยังทันนะ"
สาระวารีรีบหันกลับมา
"ไปกันเถอะ"
สาระวารีเดินนำไปลงเรือ สาระสะมาได้แต่ถอนใจออกมา ในความใจแข็งของน้องสาว ก่อนเดินตามไปลงเรือ
ษมาแอบมองไปทางท่าเรือจากโถงบ้าน โดยมีพิพัชอยู่ใกล้ๆ
"จะไม่ไปส่งจริงๆเหรอครับ"
ษมาสีหน้าเศร้าๆ
"ไปก็เท่านั้น ยังไงเค้าก็ทิ้งฉันไปอยู่ดี"
พิพัชพูดกระตุ้น เผื่อจะเปลี่ยนใจได้
"คุณวารีคงไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว คุณสองคนอาจจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลยก็ได้นะครับ"
"ที่เราพูดกันอยู่แบบนี้ เหมือนเคยเกิดมาแล้วครั้งนึงนะ ฉันรู้ ฉันถึงไม่อยากไปส่งไง ทำงานต่อดีกว่า มีอะไรต้องสะสางเยอะไปหมด" ษมาถอนใจยาว เดินซึมกลับไปทางห้องทำงาน
เวลาหัวค่ำ ที่หน้าบ้านสาระวารี สาระวารีกำลังเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงโตบนฟากฟ้า เธอในอารมณ์เหงา เศร้านั่งพิงเก้าอี้สนามนั่งเงย ทอดอารมณ์ไปเรื่อย ที่ระเบียง...สาระสะมาแอบมองน้องสาวอยู่ ด้วยสีหน้าเข้าใจและเห็นใจ เลยคิดที่จะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
ษมาเปิดประตูห้องพักแขกอันเป็นห้องพักประจำของสาระวารีเข้ามา... ภายในห้องถูกจัดไว้อย่างสะอาดสะอ้านพร้อมรับแขกคนใหม่ ษมาสีหน้าซึมๆ คิดถึงสาระวารีจับใจ จะเดินกลับออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นมา ษมาดูเบอร์โชว์ที่ไม่คุ้นนัก แต่ก็กดรับไป
"ฮัลโหล"
"ฉันสาระสะมานะคะ"
ษมาดีใจมาก
"ครับ สวัสดีครับ"
"ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ"
" คุยได้ครับ มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ"
สาระสะมาแอบโทรหาษมาอยู่ที่โถงบ้าน
"ไม่มีอะไรให้ช่วย แต่อยากช่วยมากกว่าค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังซึมๆ เศร้าๆ เหมือนน้องสาวฉันอยู่รึเปล่า"
ษมา ฟังปลายสาย ด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
" ก็ประมาณนั้นล่ะครับ วารีทำอะไรอยู่เหรอครับ"
สาระสะมาถอนใจออกมา ก่อนตอบกลับไป
"นอนดูพระจันทร์...ทั้งที่เธอไม่เคยชอบเลยนะคะ ฉันชวนทีไรก็บอกว่า กลัวแปลงร่างเป็นมนุษย์
หมาป่า คุณทำให้น้องสาวฉันเปลี่ยนไปมาก คุณต้องรับผิดชอบนะคะคุณษมา" สาระสะมาพูดขำๆ
ษมาหน้าจ๋อยๆตอบกลับไป
"ผมก็พร้อมรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่วารีเค้าไม่ยอมน่ะสิครับ คุณสะมาพอมีทางช่วยอะไรผมได้มั้ยครับ"
"ไม่มีเหมือนกันค่ะ"
ษมาน้ำเสียงดูหมดหวัง
"อ้าว"
"ฉันตั้งใจโทรมาให้กำลังใจ ว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้แค่นี้นะคะ ฉันคิดว่าอีกแค่อึดใจเดียว คุณจะช่วยพาวารีให้ผ่านความฝังใจ ที่มันเกาะกินใจเธอมาตลอดชีวิตได้แล้ว อย่าทิ้งวารีให้จมกลับไปอยู่ที่เดิมอีกเลยนะคะ"
ษมาสีหน้าจนปัญญา
"ผมก็จนปัญญาครับไม่รู้จะต้องทำยังไงถึงจะเอาชนะใจวารีเค้าได้ซะที"
"อาจจะต้องใช้เวลา ความอดทนและปาฏิหาริย์มั้งคะ"
ษมาถอนใจออกมา สาระสะมายิ้มๆ เล่าให้ษมาฟัง
"ช่วงที่ยังคิดหาวิธีไม่ออกก็ลองขอพรจากพระจันทร์ดูสิคะ ตอนนี้วารีก็นั่งมองอยู่ พระจันทร์ดวงเดียวกัน อาจจะมีปาฏิหาริย์ก็ได้นะคะ"
"คุณนี่ตลกดีนะครับ ผมอายุปูนนี้แล้ว จะให้ไปขอพรจากดวงจันทร์ได้ยังไง ยังไงก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ"
สาระสะมายิ้มเจื่อนๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ฉันเอาใจช่วยคุณอยู่ค่ะ สวัสดีค่ะ"
สาระสะมากดตัดสาย ถอนใจออกมาก่อนเดินออกไปที่หน้าระเบียงบ้านมองน้องสาว สาระวารียังคงนั่งเล่นทอดอารมณ์เงยมองท้องฟ้าไป
"ไม่มีใครเชื่อ ขอเองก็ได้"
สาระสะมาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
คนละมุมบ้าน พี่น้องฝาแฝดสองคน ต่างมองดวงจันทร์ดวงเดียวกัน ขณะเดียวกัน ษมากำลังนอนเล่นที่เก้าอี้ผ้าใบที่หน้าบ้านระเบียงเกาะยานก เขาอุ้มเหลืองลายนอนไว้บนตักลูบขนไปมา เขาเงยหน้ามองพระจันทร์บนฟ้าไปเงียบๆ เหมือนแอบอธิษฐานอะไรซักอย่างในใจ
บริเวณหาดหน้าหมู่บ้านชาวประมงตอนกลางคืน ชาวประมงจะออกเรือไปหาปลาหมึกกัน ชาวบ้านชายหญิงเดินผ่านไปผ่านมาเพื่อทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคน โศภีแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าปอน ๆ ให้ใกล้เคียงกับชาวบ้าน โพกผ้ากันลมไป ไม่ให้คนจำได้ เดินปะปนมากับชาวบ้านแล้วปลีกตัวแยกออกมาหามุมสงบ
โศภีพยายามกดมือถือหาใครซักคน แต่พอชาวบ้านเดินผ่านไปมา โศภีก็ต้องรีบเบือนหน้าหลบหวาดระแวง กลัวคนจำได้ ระหว่างรอปลายทางรับสาย เธอก็เดินไปมุมเปลี่ยวๆ เพื่อฟังและคุยโทรศัพท์
"โศดีใจจังเลยค่ะที่ท่านรับสาย โศพยายามโทรหาท่านเป็นร้อยๆ หนแล้วนะคะ"
เสียงขรึมของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ดังแว่วออกมาจากในโทรศัพท์
"มีธุระอะไร"
โศภีมองซ้ายขวา ก่อนตอบกลับไป
"ตอนนี้ตำรวจกำลังตามล่าตัวโศอยู่ ทรัพย์สินก็ถูกอายัดไว้เกือบหมด จะหนีก็หนีไม่ได้ ท่านต้องช่วยโศนะคะ"
ชายคนนั้นตอบน้ำเสียงนิ่ง
"ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด"
โศภีอึ้งปนตกใจที่ได้ยินแบบนี้ ตอบเสียงขุ่นกลับไป
"ทำไมท่านพูดแบบนี้ล่ะคะ โศเป็นมือเป็นตีนออกหน้าแทนท่านมาตลอด ท่านตะหากที่เป็นคนอยากได้สัมปทานเกาะพระฮาม ไม่ใช่โศ พอโศพลาดขึ้นมา ท่านคิดจะถีบหัวส่งกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ"
"คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ ผมไม่รู้เรื่อง"
โศภีอึ้ง โดนตัดตอนซะแล้ว
"ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน อย่าโทรมารบกวนผมอีก ถ้าผมต้องเดือดร้อนเพราะคุณ คงมีคนที่รักผมตามเล่นงานคุณแทนผมแน่ คุณฉลาด ผมพูดแค่นี้คงเข้าใจ"
ชายผู้นั้นตัดสายไปเลย โศภีรีบเรียก
"ท่านคะ เดี๋ยวค่ะ ท่าน"
โศภีกดตัดสายด้วยความแค้นสุดๆ กำมือถือในมือแน่น ก่อนจะตัดสินใจกดโทรหาอีกเบอร์ ด้วยความจำใจ
"ฉันเอง บอกเจ้านายแกด้วย ว่าอยากได้เท่าไหร่ ฉันจะหาให้ ขอให้พาฉันหนีข้ามชายแดนภายในคืนนี้เลย"
โศภีฟังปลายสาย สีหน้าเคร่งเครียด
หน้าบ้านสาระวารีในตอนเย็นวันหนึ่ง สาระสะมาในชุดแอร์โฮสเตส เดินลงมาจากชั้นบน ยกกระเป๋าเดินทางใบย่อมลงมาด้วยเตรียมจะไปบิน ฝ่ายน้องสาวนั่งซึมๆ ใจลอย อยู่ที่โซฟารับแขก
" เราจะไปแล้วนะ นายอยากได้อะไรรึเปล่า"
สาระวารีนั่งเหม่อ ใจลอย ไม่ได้ยินที่สาระสะมาพูด
สาระสะมาเรียกดังขึ้น
"วารี"
สาระวารีค่อยรู้สึกตัวหันมอง
"อ้าว จะไปแล้วเหรอ"
สาระสะมาหน้าขรึมลง
"ตั้งแต่กลับมาจากยานก นายก็เอาแต่นั่งใจลอย แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับไปทำงานซะที"
"เขียนต้นฉบับให้เสร็จก่อน กลับเข้าออฟฟิศมือเปล่าบ.ก.เล่นงานตายแน่ นายอย่าเพิ่งบอกใครล่ะว่าเรากลับมากรุงเทพแล้ว"
มนต์จันทรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
สาระวารีหน้าซึมๆ ทิ้งตัวพักไปกับโซฟา อาการเหมือนคนอกหัก ไม่มีกะใจจะทำโน่นนี่ สาระสะมาเห็นสภาพน้องสาว ก็วางกระเป๋าแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ชวนคุย
"เราจำเหตุการณ์เรื่องพ่อได้ดีนะวารี ไม่เคยลืมเหมือนกัน"
สาระวารีเหลือบตามองพี่สาวที่หน้าขรึมลง
"เราก็เคยเกลียดการพนันจับใจเหมือนนาย แต่พอโตขึ้นเราถึงได้รู้ว่า ความดีความชั่วบางทีมันก็แยกออกจากกันไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างไม่ใช่มีแค่สีดำสีขาวอย่างที่เราเคยแยกตอนเด็กๆ"
สาระวารีมีสีหน้าคิดตาม ตั้งใจฟังมุมมองของพี่สาว
"แล้วบ่อนก็ไม่ใช่ต้นกำเนิดของการพนันหรอกนะวารี แต่เป็นใจของคนเราเองตะหากที่เป็นบ่อเกิดของการพนัน ใจคนที่มีแต่ความละโมบ ความอยากได้ ส่วนบ่อนหรือคาสิโนก็เป็นแค่ตัวสนองความอยากเท่านั้นเอง"
สาระวารีพูดงึมงำ
"เรารู้"
"นายรู้ แต่ทำไมยังตัดสินใจไม่ได้อีก"
สาระวารีชะงักไปหันมองหน้าพี่สาวที่จ้องตนอยู่ ถอนใจลุกเดินหนี สาระสะมาลุกตาม
"เอะอะจะลุกเดินหนีแบบนี้ไม่ได้นะวารี นายไม่เคยเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้มาก่อน"
สาระวารีหันมามองหน้าพี่สาว จำนน พี่พูดถูก สาระสะมาหน้าเครียด จริงจัง สูดหายใจลึก
"เอางี้นะวารี ถ้าสมัยนั้นที่บ้านเราไม่มีบ่อน นายคิดว่าพ่อจะเอาเงินมาให้แม่มั้ย เราว่าไม่มีทางหรอก พ่อก็คงไปหาทางผลาญเงินที่อื่น แทงหวย ตีไก่ กัดปลา ดีไม่ดีจะชวนเพื่อนมาเล่นไพ่ที่บ้านด้วยซ้ำ คนลองชอบพนันขันต่อแล้วอะไรก็พนันได้หมดแหละ"
สาระวารีเถียงไม่ขึ้น เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาอีกตัว สาระสะมาเห็นน้องเริ่มอ่อนลง ก็อัดเหตุผลต่อเนื่อง
"ทุกวันนี้นายมองดูรอบตัวสิ
"ฟุตบอลก็พนันกันแทบจะทุกนัด เลือกตั้งทีก็พนันว่าใครจะชนะจนแทบจะหมดตัว เพราะฉะนั้นนายอย่าเอาความสุขของตัวเองมาผูกติดกับคาสิโนบ้าๆ นี่หน่อยเลย"
สาระวารีเสียงอ่อยๆ
"เราไม่แน่ใจว่าจะทนได้รึเปล่า"
"แล้วถ้าต้องเลิกคบกับเค้า ไม่ต้องเจอหน้ากันอีกเลย ไม่ต้องติดต่อกันอีกตลอดชีวิต นายคิดว่าทนได้รึเปล่าล่ะ"
สาระวารีเงียบกริบ สาระสะมาเสียงดุ แววตาคาดคั้น
"ตอบมา ทนได้รึเปล่า"
สาระวารีเสียงอ่อย ตอบไม่เต็มเสียง
"ไม่ได้"
"งั้นนายก็คงต้องเลือกแล้วล่ะวารี คนเรามีทั้งดีทั้งชั่วในตัวเองทั้งนั้น ถ้านายรับด้านมืดของคุณษมาเค้าไม่ได้ รับที่เค้าจะเปิดคาสิโนไม่ได้ นายก็เลิกกับเค้าซะเถอะ ช่างน้ำหนักแล้วตัดสินใจซะ อย่าปล่อยให้คาราคาซัง เราไม่ชอบเห็นนายเป็นแบบนี้"
สาระวารีเหลือบตามองหน้าพี่สาว
"หวังว่าเราไปบินกลับมาคราวนี้ เราจะเห็นนายคนเดิมกลับมานะวารี เราเห็นด้วยกับนายอยู่แล้ว ไม่ว่านายจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไง"
สาระวารีน้ำตาคลอๆ ลุกเข้ามากอดพี่สาวเอาไว้ แล้วร้องไห้ออกมา
"เราลำบากใจที่สุดในชีวิตเลยสะมา"
สาระสะมากอดน้องสาวตอบ น้ำตาคลอตามเหมือนกัน
"เราเข้าใจ เรื่องนี้อาจจะดูเล็กน้อยมากสำหรับคนอื่น แต่กับนายคือเรื่องใหญ่ เราเข้าใจนายที่สุด"
สองพี่น้องผละจากกัน ต่างซับน้ำตา ทั้งคู่ยืนมองหน้ากัน ส่งกำลังใจให้กัน
" นายเลิกบุหรี่ทั้งๆ ที่นายติดมันมากได้ เพราะความรักและกำลังใจของเพื่อนๆ แล้วทำไมกะอีแค่ลืมอดีตที่มันผ่านไปตั้งนานแล้ว เพื่อคนที่รักนายมากและนายก็รักเค้ามาก แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ จริงมั้ย"
สาระวารีได้แต่ร้องไห้ออกมา สาระสะมาดึงน้องสาวเข้ามาสวมกอดไว้อีกครั้ง
ตอนหัวค่ำ สาระวารีอยู่ในชุดนอนเดินมาลากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานนั่งลง เตรียมตัวทำงาน เธอกดเปิดโน้ตบุ๊ค เตรียมตัวทำงาน ระหว่างรอเครื่องใช้งานได้ เธอสูดหายใจลึก หลับตาพูดพึมพำ สะกดจิตตัวเอง
"สมาธิจงบังเกิด..เพี้ยง"
สาระวารียกมือสองข้างขึ้นตบกระหม่อมตัวเอง 3 ที แล้วลืมตา เตรียมพร้อมทำงาน...แต่เสียงเตือนว่ามีแชทผ่านแอ็พไลน์ดังขัดขึ้นซะก่อน เธอบ่นพึมพำ
"มารผจญ"
สาระวารีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นไลน์ของเจ้าของโพร์ไฟล์ชื่อ ตุ่มลาย รูปโพรไฟล์เป็นรูปเจ้าแมวอ้วนจอมตะกละ สาระวารีอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะรีบหุบยิ้ม มองดูเห็นว่า ส่งวิดีโอคลิปแปะมาด้วย
สาระวารีลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจกดเปิดคลิปที่ส่งผ่านแอ๊พไลน์ดู
คลิปดังกล่าวเป็นรูปษมาใช้มือถือถ่ายคลิปตัวเองที่บ้านพักรีสอร์ตที่ตราด ษมายิ้มให้กล้องบอก
"สวัสดีครับ ยังไม่ลืมกันนะ รวมความกล้าอยู่หลายวัน ตอนนี้ผมก็ลุ้นอยู่ว่าคุณจะเปิดดูมั้ย"
สาระวารีมีสีหน้านิ่ง แต่แอบดีใจที่ได้เห็นหน้าษมาอีกครั้ง
ษมายื่นแขนไปข้างหน้า ใช้มือถือถ่ายคลิปตัวเองที่ห้องรับแขกบ้านพักส่วนตัวที่รีสอร์ต
" ผมก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่บางทีคุณอาจจะชอบคนทันสมัย สื่อสารแบบเดียวกับคุณ กุ๊กกิ๊กหน่อยๆ เออ ช่างมันเถอะ ผมคิดถึงคุณมาก คิดถึงตลอดเวลาเลย"
สาระวารีมีน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา สัมผัสได้ถึงความจริงใจ
"ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ ผมจะไม่สร้างคาสิโนเด็ดขาด เพราะผมไม่อยากให้คุณเกลียดผม"
ษมาพูดต่อไปไม่ออก แววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง โหยหา และขอความเมตตาส่งผ่านคลิปมา สาระวารีเหมือนสัมผัสความรู้สึกได้ ยิ่งเงียบพูดไม่ออกยิ่งเข้าใจความรู้สึก สาระวารีรีบปาดน้ำตาออกก่อนที่มันจะไหล
ษมากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมา น้ำตารื้นๆ
"วารี ผม..."
ษมาจะอ้าปากพูดคำว่ารัก แต่พิพัชเข้ามาที่โถงบ้านพักซะก่อน
"มากันแล้วครับ"
ษมาตกใจปนอาย รีบกดหยุดการถ่ายวีดีโอ
"ผมเข้ามาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าครับ"
"ช่างเถอะ"
"กำลังคุยกับคุณวารีอยู่เหรอครับ"
"ก็ไม่เชิงหรอก"
"งั้นผมไปรอข้างนอกก่อนนะครับ"
"ไม่เป็นไรหรอก ให้ลูกค้ารอน่าเกลียด..ไปเถอะ"
"ครับ"
ษมาจะเดินตามออกไป ยกมือถือขึ้นมากดดูอีกครั้ง ยิ้มดีใจที่คลิปวีดีโอที่ตนส่งผ่านแอ๊พไลน์ไปให้สาระวารีนั้นได้ถูกเปิดอ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีคำว่าread ขึ้นที่หน้าคลิป ษมาเดินออกไปพบลูกค้าด้วยรอยยิ้ม มีกำลังใจขึ้นมาอีกหน่อย
สาระวารีนอนห่มผ้าบนเตียงแล้ว แต่ยังมีเสียงษมาจากคลิปดังอยู่ จากมือถือของเธอที่วางไว้ข้างๆ หมอน
"ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ ผมจะไม่สร้างคาสิโนเด็ดขาด เพราะผมไม่อยากให้คุณเกลียดผม"
ช่วงเงียบทำให้วารีหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง ที่มือถือตอนษมาพูดว่า “วารี ผม..” แล้วหันไปทางอื่น แล้วกดหยุดภาพไป สาระวารีหน้านิ่งๆ กดเพลย์ซ้ำ แล้ววางมือถือไว้ข้างๆ หมอน
"สวัสดีครับ ยังไม่ลืมกันนะ รวมความกล้าอยู่หลายวัน ตอนนี้ผมก็ลุ้นอยู่ว่าคุณจะเปิดดูมั้ย"
สาระวารีดึงผ้าห่มมาคลุมโปงเลย ว้าวุ่นใจถึงที่สุดแล้ว
หน้าบ้านษมาที่เกาะยานกตอนบ่ายๆ ภายในห้องทำงาน ษมากำลังเซ็นงาน โดยมีพิพัชยืนอยู่ใกล้ๆ ษมาเซ็นเสร็จ ก็ยื่นแฟ้มให้พิพัชรับไป
"มีงานอะไรอีกมั้ย"
"คุณโหมทำงานซะขนาดนี้ ไม่มีอะไรเหลือให้ทำแล้วล่ะครับ"
"งั้นไปเตรียมเรือไป ฉันจะไปพระฮาม"
"ใจคอคุณษมาจะไม่พักบ้างเลยรึไงครับ"
"ฉันไม่เหนื่อย จะพักทำไม"
พิพัชเข้าใจว่า ทำงานหนักให้ลืมวารี จึงกระเซ้าเจ้านาย
"เหตุการณ์แบบนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้วนะครับ น่าจะมาจากสาเหตุเดียวกัน"
ษมาสายตาดุเหล่มองพิพัช พิพัชแอบจ๋อยไป
เสียงโทรศัพท์มือถือของษมาก็ดังขัดขึ้นพอดี ษมาหยิบมาดูเบอร์ เห็นหน้าจอมือถือ ขึ้นชื่อ “วารี” ษมาดีใจมาก รีบร้อนกดรับทันที มือถือแทบหลุดมือ
"ฮัลโหล"
สาระวารีเสียงกวน
"ฉันดูคลิปแล้วนะ คุณส่งอะไรมาเนี่ย"
ษมารีบตอบกลับไปดีใจ
"เห็นคุณเงียบหายไป นึกว่าเปิดดูไม่ได้ซะอีก"
พิพัชแอบอมยิ้มดีใจไปด้วย ษมาเขินลูกน้อง เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง พิพัชหันมองตาม อมยิ้มลุ้นๆไปกับเจ้านายด้วย
ษมาเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับสาระวารีออกจากห้องทำงานมาที่โถงบ้าน
"ผมทำให้คุณรำคาญรึเปล่า"
"ก็ไม่ถึงกับรำคาญหรอกค่ะ แต่มันเชยไปหน่อย ทีหลัง คุณริจะทำคลิป ก็ช่วยให้มันสร้างสรรค์กว่านี้นิดนึง"
"ก็ผมพูดทุกอย่างด้วยความจริงใจนี่ครับ นิสัยอย่างคุณ น่าจะชอบคนตรงไปตรงมา จริงใจๆ มากกว่า"
"ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ใจฉันหน่อยเลย"
ษมาเดินต่อมาหยุดคุยโทรศัพท์มือถือที่หน้าระเบียงบ้าน ทอดสายตามองวิวออกไป สีหน้าษมามีความสุข แค่ได้ยินเสียงก็หัวใจพองโต
"ดูคลิปแล้วรู้สึกยังครับ" ษมายิ้มลุ้น
"เชยค่ะ"
"แสดงว่าคุณไม่ชอบ เฉยๆ กับมัน ไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้นเลยเหรอครับ"
สาระวารีย้ำ เสียงดุๆ
"ฉันไม่ได้บอกซักคำว่าเฉยๆ ฉันบอกว่ามันเชย"
ษมาฟังเสียงจากปลายสาย ทอดสายตามองวิวข้างหน้า สีหน้าซึมๆ แต่แอบลุ้นทุกคำพูดของสาระวารี
สาระวารีน้ำเสียงรื่นเริงขึ้น
"แต่ถึงมันจะเชย ฉันก็ชอบมากค่ะ"
ษมายิ้มออกที่ได้ยินแบบนั้น
ไม่คาดคิด สาระวารีปรากฏตัวออกมาจากหลังแนวพุ่มไม้ที่หน้าบ้าน พร้อมคุยโทรศัพท์มือถือตอบกลับมา
"แล้วถ้าฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงไม่ข้ามน้ำข้ามทะเล มาของ้อผู้ชายถึงบ้านยังงี้หรอกค่ะ"
ษมาดีใจอย่างที่สุด ช็อกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ษมามีน้ำตารื้นขึ้นมาจากความปิติยินดีอย่างกลั้น
ไม่อยู่ ษมาไม่รอฟังอะไรแล้ววิ่งตะบึงลงจากบ้านตรงไปหาสาระวารีทันที
สาระวารีมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา น้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมาเรื่อยๆ ษมาวิ่งตรงเข้าสวมกอดเธอเอาไว้
เธอกอดษมาตอบ น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เช่นกัน
ทั้งสองคนสวมกอดกันแน่นอย่างไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดลอยไปไหนอีก
ษมากอดสาระวารีจนตัวลอยพร้อมยกเหวี่ยงหมุนไปเรื่อยๆ ทั้งสองคนขำๆออกมาอย่างดีใจและมีความสุขทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่ ในที่สุดความรักของตน ก็เอาชนะความเกลียดชังของสาระวารีได้สำเร็จ
นาฬิกาผนังในห้องทำงานไชยวัฒน์ บอกเวลา 4 โมงเย็น ไชยวัฒน์กำลังตรวจต้นฉบับจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันไปมองเครื่องแฟกซ์ที่กำลังมีคนส่งเอกสารมาให้
ไชยวัฒน์ยิ้มแย้มเลื่อนเก้าอี้ไปหยิบแฟกซ์มาอ่าน เมื่ออ่านแฟกซ์ จากรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นเจื่อน และกลายเป็นเครียดไปในที่สุด
มีคณาสีหน้างงๆ เดินมาหามัทนาที่โต๊ะ
"บอกอล่ะ"
"อ้าว มาถามอะไรมัทล่ะคะพี่มี่"
"ก็บอกอเค้าให้พี่มาหาที่โต๊ะมัท บอกมีข่าวใหญ่จะแจ้ง"
"ยังไม่เห็นเลยค่ะ"
ไชยวัฒน์เดินหน้าเครียดเข้ามา
"ขอโทษที่ให้รอนาน"
สองสาวหันไปมอง ไชยวัฒน์ยื่นกระดาษแฟกซ์ให้อ่าน
"เอาไปอ่านกันซะ เตรียมทิชชู่เอาไว้ด้วย"
มีคณาและมัทนาสบตากันงงๆ ก่อนที่มีคณารับแฟกซ์มาจากไชยวัฒน์แล้วเอาไปอ่านกับมัทนา
ทั้งคู่อ่านแฟกซ์ไปอึดใจก็มีสีหน้าตกใจ ไม่อยากเชื่อ
"ไม่จริงหรอกค่ะ มัทไม่เชื่อ"
"ถ้าวารีจะลาออกจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับพวกเราก่อน"
"ที่ไม่ปรึกษาเพราะวารีคงกลัวตัดใจทิ้งเธอสองคนไม่ได้น่ะสิ คุณษมาเลยช่วยจัดการแทน สงสัยเค้าจะกลัววารีเปลี่ยนใจด้วยล่ะ รีบแฟกซ์ด่วนมาเลย"
มัทนาสีหน้าจ๋อยๆ
"แล้วบอกออนุมัติไปรึยังคะ"
"ยังหรอก รอให้หายป่วยกลับมาคุยกันอีกทีก่อน แต่ก็คงต้องเซ็นให้แหละ"
" ก็ต้องยังงั้นล่ะค่ะ"
ไชยวัฒน์เหล่มอง 2 สาว แล้วอมยิ้ม
"แต่ผมมีลางสังหรณ์ว่าจะไม่ได้เซ็นอนุมัติลาออกแค่ใบเดียวน่ะสิ อาจจะต้องเปิดรับนักข่าวใหม่ถึง 3 คน" ไชยวัฒน์ยิ้มกระเซ้าสองสาว มีคณาและมัทนารู้ว่าโดนแซว แต่พยายามเก็บอาการทำไมรู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูเก้อเขินมีพิรุธ มีคณารีบชิ่งด้วยความเขิน
"มี่ขอตัวไปทำงานต่อนะคะ"
เวลาหัวค่ำ ริมทะเลเกาะยานก พระจันทร์เต็มดวง สว่างเด่นอยู่บนท้องฟ้า สาระวารีและษมานอนเก้าอี้ผ้าใบเคียงข้างกัน ต่างจับมือกันไว้ ทั้งคู่ต่างนอนรับลมชมจันทร์ที่ชายหาดหน้าบ้านพักที่เกาะยานก
ษมามองไปที่พระจันทร์บนท้องฟ้าแล้วพูดไป
"คุณรู้มั้ย หลายวันที่ผ่านมานี่ ผมอยู่ด้วยความกลัว กลัวไปต่างๆนาๆ กลัวว่าจะไม่ได้เจอกับคุณอีก"
ทั้งคู่สบตากัน ษมามองสาระวารี พร้อมพูด
"ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจทำให้คุณตัดสินใจแบบนี้"
"อะไรของคุณ คือสาระสะมาค่ะ"
ษมาอมยิ้ม ฟังอย่างตั้งใจ
"เค้าบอกว่าถึงเวลาที่ฉันต้องตัดสินใจเลือกได้แล้ว ว่าจะยอมรับคุณกับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ หรือ ต้องยอมเสียคุณไปตลอดชีวิต"
สาระวารีหลบสายตาเล็กน้อย แอบเขินแล้วบอก
"ฉันเลือกข้อแรก"
ษมายิ้มๆ
"เป็นคำตอบที่ถูกต้องและดีที่สุด"
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้ ษมาจับมือเธอกระชับเอาไว้
"ผมรู้ว่าคุณยังไม่สบายใจเรื่องคาสิโน ถ้าไม่ติดว่าโครงการนี้ลงมือไปแล้วกว่าครึ่ง ผมจะเลิก"
สาระวารีรีบขัดจ้องหน้าษมา พูดจากใจ
"อย่าเลยค่ะ อย่าทิ้งความฝันของคุณเพื่อฉันเลย ฉันจะพยายามยอมรับมันในฐานะที่มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ"
ษมาซาบซึ้งใจมาก
"ขอบคุณมากครับ"
ษมาเลื่อนมือสาระวารีที่จับอยู่มาจุ๊บเบาๆ
"แต่ขอย้ำไว้เลยนะคะ ว่าฉันยังเกลียดการพนันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฉันได้จนวันตาย"
สาระวารีสีหน้าเอาแต่ใจ ดึงมือออก แล้วลุกเดินนำไป ษมายิ้มๆ รีบลุกตามไปจูงมือเอาไว้ เดินคุยกัน
"เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด"
สาระวารีอึ้งไป หยุดกึก หันมองหน้าษมาแล้วขำๆ ออกมา
"ขำอะไร ผมไม่ได้เล่าเรื่องตลกให้ฟังนะครับ ผมจะทำจริงๆ"
"ฉันไม่ได้ขำคุณซะหน่อย ฉันขำตัวเองตะหาก ที่โบราณว่า เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น นี่จริงที่สุดเลยนะคะ ฉันเกลียดการพนัน แต่ก็ต้องมาเจอกับเจ้าของคาสิโน"
ษมายิ้มๆ
"สะมาก็ว่าฉันเปลี่ยนไป"
ษมาหันมองหน้าสาระวารี พูดหน้าตาย
"ก็ไม่เห็นเปลี่ยนเลยนี่ มีแต่สวยขึ้น"
สาระวารีเขิน ชกต้นแขนษมาเบาๆ แก้เขินไป
"เจ็บนะคุณ"
"ก็พูดขัดคอทำไมล่ะ รู้มั้ยคะ เมื่อก่อนฉันเกลียดการมานั่งเล่นรับลมชมจันทร์แบบนี้จะตายไป เคยบอกสะมาด้วยซ้ำ ว่าถ้าต้องมานั่งดูพระจันทร์เหมือนเค้า ฉันคงกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าแน่ๆ"
"พี่สาวคุณน่ารักดีนะ เชื่อเรื่องขอพรพระจันทร์ด้วย"
"เค้าเล่าให้คุณฟังด้วยเรอะ น่าอายจะตาย..."
ษมาพูดกลั้วๆ แบบไม่เต็มเสียง
"ถ้าขอแล้วได้ก็ไม่เห็นน่าอายตรงไหน"
ษมาอมยิ้ม ทำเฉไฉมองไปทางอื่นเพราะเขาเองก็แอบขอไปหนหนึ่งในคืนนั้นเหมือนกัน
สาระวารีชายหางตามมองษมาเล็กน้อย ฟังไม่ถนัด แต่ไม่ติดใจอะไร ก่อนจะถอนใจหนักๆ ออกมา
"ตอนเด็กๆ แม่ชอบร้องเพลงจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า กล่อมเราสองคนพี่น้องนอนทุกคืนเป็นประจำ...ฉันก็เคยขอพรเหมือนกันนะ ไม่ได้อยากได้อะไรเลยนอกจากให้แม่หายป่วย แต่จันทร์ก็ไม่ได้ให้ตามที่ฉันขอ แม่ตายในคืนที่ขอนั่นแหละ" สาระวารีหน้าซึมไปเล็กน้อย
ษมาชำเลืองมองหน้าสาระวารี
"เพลงนี้มีเนื้อว่ายังไงเหรอครับ"
สาระวารีแปลกใจ
"ไม่เคยได้ยินจริงๆ เหรอคะ เพลงจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ใครๆก็รู้จัก"
ษมาส่ายหน้า สาระวารีพูดเนื้อไป
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง...จำได้รึยัง"
ษมายังคงส่ายหน้า
สาระวารีหน้าเคือง แขวะ
"คนไทยรึเปล่า"
"เริ่มคุ้นๆและ แล้วไงต่อ"
" ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า คุ้นรึยังคะ"
ษมายื่นแหวนเพชร ชนิดโคตรเพชร ขึ้นมาตรงหน้าสาระวารี สาระวารีอึ้งไปเล็กน้อย
"วันนี้คุณขอพรสำเร็จ... แต่งงานกับผมนะครับ ก่อนที่ผมจะเดินไม่ไหวซะก่อน"
สาระวารีขำๆออกมา ก่อนจะนิ่งๆไป มองดูแหวนเพชรในมือษมา อยากพูดซึ้งแต่ก็อดเขิน
ตัวเองไม่ได้
"ฉันขอแหวนทองแดงตะหาก ไม่ใช่แหวนเพชรซะหน่อย"
สาระวารีจะเดินหนี ษมารีบล็อกแขนจับตัวเอาไว้
"โอ๊ย เจ็บนะ"
ษมาพูดพร้อมยัดแหวนใส่นิ้ว
"สาวนักบู๊อย่างคุณ ขอแต่งงานนุ่มนิ่มไม่ได้หรอก ต้องโหดๆ ถึงจะสำเร็จ" ษมาล็อคแขน ยัดแหวนใส่นิ้วนางจนสำเร็จ
" น่าจะทำยังงี้ตั้งนานแล้ว เสียเวลาถ่ายคลิปเชยๆ" สาระวารีย่นจมูกใส่
ษมาหัวเราะออกมา นึกไม่ถึงว่าสาระวารีจะยิงมุกนี้ สาระวารีจ้องหน้าษมา น้ำตารื้นๆเคลือบตา
"ขอบคุณที่ยังรักฉันนะคะ"
สาระวารีเป็นฝ่ายเข้าไปหอมแก้มษมาก่อน ษมายิ้มดีใจสวมกอดเธอเอาไว้แน่นกลางชายหาดโดยมีพระจันทร์ดวงโตเป็นสักขีพยาน
สามสาวชนแก้ว จิบน้ำหวานกันที่มุมหนึ่งของปาร์ตี้ ก่อนจะลดแก้วลง มีคณามองมัทนา แล้วอวยพร
"พี่ขอให้มัทเดินทางไปภูเก็ตด้วยความปลอดภัยนะจ๊ะ"
"แล้วก็ขอให้เขตต์ตวันยอมให้สัมภาษณ์น้องรักของพี่แบบหมดเปลือกเลย" สาระวารีบอก
มัทนายิ้มแย้ม
"ขอบคุณค่ะ"
"เชียร์"
สามสาวชนแก้วน้ำหวานกันอีกครั้ง
มัทนายิ้มแย้ม
"มัทขออวยพรให้พี่วารีมั่ง"
"ว่ามาเลยน้องรัก"
"มัทขอให้เจ้าพ่อเกาะยานกตกตะลึงในความงามของพี่ แล้วยอมให้พี่วารีได้สัมภาษณ์เป็นคนแรก"
สาระวารีปั้นหน้าสวย
"ข้อนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว"
สาระวารีสะบัดผมท่าสวย มีคณารีบเสริมต่อทันที
"แล้วก็ขอให้เธอมีสติ อย่าไปทำห้าววีนแตกจนเกิดเรื่องขึ้นมาอีกล่ะ"
"นี่ป้าแว่น เธออวยพรหรือหลอกด่าฉันเนี่ย อ้ะ อ้ะ เชียร์"
สามสาวชนแก้วและจิบน้ำหวานกันอีกครั้ง
"เราอวยพรให้มี่มั่ง"
มีคณารีบสวนทันที
"ขอให้บอกอส่งคนอื่นไปงานแฟชั่นโชว์แทนเราทีเถ๊อะ"
"ไม่มีทางหรอกย่ะ..ฟัง ฟัง...ฉันขอให้เธอได้พบรักในงานก็แล้วกัน"สาระวารีหน้าทะเล้นแกล้งเพื่อน
มีคณาตอกกลับทันที หน้าเหยเก
"ประสาท อวยพรอะไรบ้าๆ ไม่เอา"
สาระวารีขำๆ
"มัทมั่งค่ะ มัทขออวยพรให้งานแฟชั่นการกุศลคราวนี้สนุกประทับใจ มีประเด็นท้าทายให้พี่มีทำข่าวอย่างมีความสุขค่ะ"
"สมพรปากทีเถอะจ้ะ" มีคณาฝืนยิ้มให้มัทนา
"อ้ะๆ จะเมาน้ำหวานอยู่แล้ว จะได้กลับบ้านซะที เชียร์"
สามสาวชนแก้วน้ำหวานกันอีกครั้ง ระหว่างชนแก้ว มีคณาแอบถอนใจด้วยสีเซ็งๆ ไม่อยากไปทำข่าวนี้เลย
อวสาน
.....โปรดติดตามเรื่องราวต่อไปของ “มีคณา” ได้ใน “ฟ้ากระจ่างดาว”.......