มายาตวัน ตอนที่ 13 อวสาน
ชลบุษย์เดินลังเลไปมาที่สระว่ายน้ำคอนโด แล้วบ่นพึมพำ
“ฉันเกลียดเธอแต่ ก็ไม่อยากเห็นเธอต้องตกนรกเหมือนกับฉัน”
ชลบุษย์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มองตัดใจไปมา จะกดโทรหาตวันก็ลังเล
เธอนึกถึงคำพูดของเชน
“ไม่ต้องกลัวน่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา หรือคิดจะไปบอกไอ้ปอนมัน”
ชลบุษย์ละล่ำละลักด้วยความกลัว
“ไม่พูดหรอกค่ะ บุษย์ไม่พูดเด็ดขาด”
เชนชอบใจขำลงคอด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก
“ดีมาก”
ชลบุษย์กลัวจนสติแตก มือไม้สั่นจะเปิดประตูรถออกไป
“ฉันไปล่ะนะ”
เชนตวาดสั่น
“ฉันยังไม่อนุญาตให้แกไป”
เชนกดหน้าชลบุษย์แนบบี้ไปกับกระจกหน้าต่างรถ ชลบุษย์กรีดร้องออกมาทั้งร้องไห้ และหวาดกลัวฝังใจสุดชีวิต
ชลบุษย์..ตัวสั่นเทาน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว มองโทรศัพท์มือถือในมือแล้วลดมือถือลง ไม่กล้าโทรบอกเขตต์ตวัน
ภายในรถ มัทนาถอยห่างเชนจนหลังพิงประตูรถ มีอาการสะอื้นจากการร้องไห้อยู่ เชนเช็ดกระบอกปืนไปมา แล้วเหล่มองมัทนา
“จะบอกฉันได้รึยังว่าเอาไข่มุกของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน คนของฉันค้นบ้านเธอทั่วทั้งหลังแล้วก็ยังหาไม่เจอ”
มัทนาอึ้ง
“ฝีมือคุณน่ะเอง”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ฉันนี่แหละที่เป็นคนส่งคนไปลอบยิงเธอ”
มัทนาตกใจมาก นึกไม่ถึง
“ฉันอยากปิดปากเธอ ไม่ให้พูดเรื่องไข่มุกแล้วโยนความผิดให้ไอ้ปอนมัน มีภาพลับทั้งน้องสาวกับพวกนางแบบของมันจะแฉอยู่ไม่ใช่เหรอะ” เชนหัวเราะเยาะหยัน
มัทนาจ้องหน้าเชน น้ำตาท่วมขึ้น ผิดหวังและเสียความรู้สึกที่สุด
“นี่คุณคิดจะฆ่าฉันจริงๆเหรอคะ”
เชนขำออกมา
“ก็ใช่น่ะสิ เธอคิดว่าฉันจะรู้สึกผูกพันกับเธอพิศวาสหลงรักผู้หญิงอย่างเธอลงจริงๆเหรอะ ฉันไม่โง่เหมือนไอ้ปอนมันหรอก” เชนหัวเราะซ้ำออกมาอีก น้ำเสียง สีหน้า แววตาดูถูก
มัทนาน้ำตาไหลออกมา เธอยกมือขึ้นปาด รู้สึกเสียใจที่ถูกหลอก ฃ
“จะว่าไปที่คนของฉันทำงานพลาดมันก็ดี ฉันจะได้ใช้เธอแก้แค้นไอ้เพื่อนทรยศให้มันทรมานมากยิ่งขึ้น” เชนหัวเราะออกมา น้ำเสียงคล้ายคนมีปัญหาทางจิต
มัทนารู้สึกสะพรึงกลัวเชนขึ้นมาจับใจ เชนค่อยๆ เลื่อนมืออีกข้างมาลูบไล้ข้างแก้มมัทนา เธอเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย กลั้นใจด้วยความขยะแขยงและหวาดกลัว เชนสีหน้าสะใจ
“คราวนี้ล่ะไอ้ปอนเอ๋ย มันจะทุรนทุรายยิ่งกว่าถูกไฟเผาทั้งเป็น อย่าหวังว่าจะเอาชนะฉันได้เลยน้องมัน คนรักมัน ฉันนี่ล่ะจะได้ทั้งหมด”
เชนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งลั่นรถ อย่างสาแก่ใจ มัทนาหลับตาปี๋ เบียดตัวชิดประตู ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว
ชลบุษย์ยืนอยู่หน้าห้องพักคอนโดฯของตวัน เธอมีสีหน้าช่างใจไปมา กดกริ่งหน้าห้องพัก
ชลบุษย์ พลางบ่นพึมพำ
“ขอให้อยู่ทีเถอะ”
ทุกอย่างยังเงียบ.. ชลบุษย์กดกริ่งซ้ำอีกครั้ง หันมองซ้ายขวา สีหน้าเริ่มร้อนใจ
ภายในรถ เชนเล็งปืนตรงไปที่มัทนาที่มีสีหน้าหวาดกลัว
“บอกมาได้แล้วว่าไข่มุกฉันอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
เชนตวาดสวน
“โกหก ฉันให้แก แกจะไม่รู้ว่าอยู่ไหนได้ยังไง”
มัทนาตอบทั้งน้ำตา ด้วยความกลัว
“ก็ฉันไม่รู้จริงๆนี่”
เชนปาดมือเข้าบีบคอมัทนาทันที จนเธออึดอัดจะหายใจไม่ออก
“ถ้าแกไม่อยากตายก็บอกมาเดี๋ยวนี้เลย”
มัทนาพยายามจะพูด แต่เสียงไม่ออก เพราะถูกบีบคอเอาไว้ เชนค่อยคลายมือที่กดพอให้พูดได้
“ฉันยกให้น้องสาวไปตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ต ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าน้องสาวเอาไปไว้ที่ไหน”
เชนยอมปล่อยมือที่บีบคอมัทนาออก
“ให้น้องเหรอะ...งั้นเราก็ต้องรอจนกว่าน้องสาวเธอจะกลับมาใช่มั้ย”
มัทนาเจ็บคอ ไอสำลักไปมาเล็กน้อย เชนสีหน้าสะใจ
“ดี มิสเตอร์เท็ตสึคงจะพอใจมาก ถ้ารู้ว่าจะได้สินค้าถึงสองชิ้น”
เชนระเบิดหัวเราะแนวจิตๆออกมาอย่างสะใจ
มัทนาชำเลืองมองเชนแล้วหวาดกลัวร้องไห้ออกมาตลอดเวลา
ชลบุษย์รูดคีย์การ์ดเข้าห้องพักเขตต์ตวัน ชลบุษย์ รีบล็อกห้องเรียกหา
“คุณปอน คุณเอก อยู่รึเปล่าคะ”
ชลบุษย์เดินไปหาตามห้องต่างๆ
“คุณปอนคะ”
ในห้องน้ำรับแขก...เยาะถูกมัดมือมัดเท้ามัดปากทิ้งไว้กลางห้องน้ำ เยาะกรอกตาไปมาเมื่อได้ยินเสียงชลบุษย์
“คุณเอกคะ”
เยาะพยายามจะแหกปากเรียกชลบุษย์แต่เสียงเล็ดลอดออกมาไม่ได้ เยาะพยายามกระดึ๊บตัวไปมา จะมาที่ประตูห้องน้ำ แต่มันห่างและไม่มีแรงมากพอ
มัทนากอดเป้ไว้แน่นชิดประตูอีกฝั่ง มองไปนอกหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิด พร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก เชนพูดหยันๆ
“คิดอะไรอยู่มัทนา นึกอยากให้ไอ้ปอนตามมาช่วยล่ะสิ”
เชนขำหยันตามมาอีกระลอก
เชนปาดมือไปจับคางมัทนาให้หันมาเผชิญหน้า แต่มัทนาพยายามสะบัดหน้าหนีไม่อยากให้เชนเห็นแววตาแห่งความหวาดกลัวของเธอ
“เลิกฝันได้แล้ว ป่านนี้มันคงคิดว่าเธอยังรอให้มันไปรับอยู่ที่สยามสารนั่นแหละ อยากเห็นหน้ามันนักตอนที่มันรู้ว่าเธอออกมากับฉัน คงสะใจพิลึก”
มัทนาร้อยเรื่องราวในใจ รวมความกล้าหันมองหน้าเชน
“คุณชลบุษย์ทำงานให้กับคุณเหรอ”
เชนสะแหยะยิ้มเหยียดปากดูถูก
“ผู้หญิงชั้นต่ำ ข้าทาสที่ซื่อสัตย์”
มัทนาสีหน้าอึ้งๆ
“ไอ้ปอนมันโง่ที่ไปไว้ใจมัน คิดเหรอะว่าหอบหิ้วอีนั่นไปรักษาแล้วจะทำให้มันสำนึกบุญคุณหันมาซื่อสัตย์กับมัน”
มัทนาเจ็บใจแทน ใส่เชนเป็นชุด
“เธอทำเพราะถูกคุณขู่น่ะสิ เธอต้องทำทั้งๆ ที่เกลียดคุณ คุณบังคับให้เธอเสพยา บังคับให้เธอขายตัว ถ่ายรูปอนาจารเธอไว้แบล็คเมล์ให้เธอทำงานให้คุณ”
เชนยิ้มมุมปาก
“เธอได้เห็นภาพพวกนั้นแล้วนี่ สวยมากใช่มั้ยล่ะ นั่นน่ะของสะสมสุดโปรดของฉันเลยนะ” เชนยิ้มปลาบปลื้ม มัทนามีสีหน้ารังเกียจ ขยะแขยงที่สุด
“อย่าเป็นห่วงเลยน่า อีกไม่นานก็จะมีภาพของเธอรวมอยู่ในคอลเล็คชั่นพวกนั้น ชุดแรกฉันจะมอบให้เป็นของขวัญพิเศษกับไอ้ปอน มันคงชอบมาก”
มัทนาขยะแขยงเหลืออด ระเบิดอารมณ์
“คุณมันเลวที่สุด อย่าหวังเลยว่าจะได้ฉวยประโยชน์จากตัวฉัน ฉันยอมตาย”
เชนเงยหน้าหัวเราะชอบใจอย่างต่อเนื่อง มัทนายิ่งรู้สึกหวาดกลัวเชนขึ้นทุกขณะจิต
ชลบุษย์เดินไปเดินมาร้อนรนอยู่บริเวณหน้าห้องโถงรับแขก ตัดสินใจ ลังเลไปมา ในห้องน้ำ เยาะกระดึ๊บๆ ตัวจะมาถึงประตูห้องน้ำแล้ว แต่ก็หมดแรงซะก่อน ชลบุษย์ตัดใจ ตายเป็นตาย หยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาเขตต์ตวัน เธอร้อนใจ เดินไปมารอปลายทางรับสาย
“รับสายสิคะคุณปอน”
ปลายทางกดรับสาย..
ชลบุษย์ น้ำเสียงละล่ำละลัก รีบพูดไปทันที พูดไปน้ำตาไหลไปด้วยความกลัวเชน
“บุษย์เองนะคะ คุณเชนจะจับตัวมัทนาไปขังที่ตึกเชนเพิร์ล คุณปอนรีบตามไปช่วยเร็วๆ นะคะ”
ปลายทางตัดสายไป โดยไม่ตอบกลับมา
ชลบุษย์อึ้งปนงง ย้อนคิดทบทวนไปมา มือไม้สั่นกดตัดสาย หวาดกลัวมากที่กล้าทรยศเชน
ชลบุษย์ร้อนใจเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งออกไปจากห้องคอนโดฯทันที
ภายในรถ มัทนาขบกรามแน่น พยายามสะกดอารมณ์ เชนสะแหยะยิ้ม
“ยิ่งโกรธเธอยิ่งดูมีเสน่ห์รู้ตัวมั้ยมัทนา”
เชนขยับตัวเข้าใกล้ มัทนาขยะแขยงหนีจนเบียดชนประตูรถแล้วชนประตูอีก
“ฉันไม่แปลกใจเลยที่ไอ้ปอนมันหลงเธอจนหัวปักหัวปำ”
เชนส่งสายตากรุ้มกริ่ม
“เวลาอยู่กับเธอ ฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยรู้มั้ย”
เชนเลื่อนมือไปลูบไล้ขามัทนาที่รังเกียจ ขยะแขยง ปัดมือเชนออกอย่างแรง
“ออกไปนะ”
เชนแววตาโกรธ ลุกโชน โผเข้าปลุกปล้ำทันที มัทนากรีดร้องดิ้นขัดขืน ขมแอบมอง สีหน้าถูกใจ
โทรศัพท์มือถือของเชนดังขัดจังหวะขึ้นพอดี เชนผลักมัทนากระเด็นไป เชนขยับกลับมาดูเบอร์โชว์แล้วรับโทรศัพท์ สีหน้าหงุดหงิด
“ว่าไง”
มัทนาหาจังหวะที่เชนคุยโทรศัพท์ แอบเปิดเป้ล้วงมือเข้าไปควานหาอาวุธ แต่ก็ได้มาแค่ปากกาแท่งเดียว เธอมีสีหน้าหงุดหงิดเจ็บใจตัวเองที่ประมาทไม่พกปืนที่ตวันให้เอาไว้ป้องกันตัว
เชนฟังปลายสาย สีหน้าโกรธแค้น เกลียดชัง
“ไม่เคยมีใครที่หักหลังฉัน แล้วรอดไปได้ซักคน”
เชนขบกรามแน่น แววตาอำมหิต
ชลบุษย์รีบเก็บของใช้เท่าที่จำเป็นอย่างรีบร้อนลงกระเป๋าเดินทาง รีบร้อนลากกระเป๋าเดินไปหน้าประตูห้องพัก เปิดประตูออก ก็ตกใจสุดชีวิต ที่เห็นลูกน้องเชน 2 คนยืนรออยู่หน้าห้อง
ยังไม่ทันที่ชลบุษย์จะขยับหรือกรีดร้อง ลูกน้องเชนซึ่งสวมโม่งสวมหมวกปิดบังหน้าตาก็ปาดมีดเข้าแทงชลบุษย์กลางท้องอย่างถนัด ชลบุษย์ตาเหลือกค้างด้วยความเจ็บปวด2 หนุ่มคนร้ายดันชลบุษย์เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูห้องล็อกทันที
เพื่อนๆวาสิฏฐีมาปาร์ตี้บาร์บีคิวกันที่ระเบียงหน้าบ้าน รถเชนขับชะลอๆ ผ่านหน้าบ้านมัทนา...เชนเพ่งมองออกไปสีหน้าไม่พอใจมาก มัทนาแอบยิ้มดีใจที่มีเพื่อนๆ วาสิฏฐีอยู่เยอะแยะที่บ้านพอดี
“นี่มันอะไรกัน”
“น้องสาวฉันคงพาเพื่อนมาทำรายงาน”
เชนกระชับปืนเข้าจี้มัทนาทันที มัทนาสะดุ้งเฮือก เชนขู่เสียงเข้ม
“ทำตัวให้เป็นปกติ ถ้าเธอตุกติก ฉันจะยิงเธอทิ้งทันที แล้วกระสุนที่เหลือ ฉันก็จะใช้ระเบิดสมองคนในบ้านของเธอทีละคน”
มัทนาหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ เชนสั่งคนขับ
“จอดรถข้างกำแพงข้างหน้า”
“ครับคุณเชน” คนขับนำรถไปจอดเทียบข้างกำแพงบ้านมัทนา
เชนสั่งงาน
“ไอ้ขม ถ้ามึงได้ยินเสียงปืนในบ้าน ยิงทิ้งให้หมดทั้งบ้าน”
“ครับนาย”
มัทนาหน้าซีดเผือด หวาดกลัวคนอื่นจะเป็นอันตราย
เชนกระแทกมัทนา ตะคอกใส่
“ลงไปซิ”
มัทนาเปิดประตูรถออกไป เชนตามลงประกบ
“เช็ดน้ำตาให้หมด”
มัทนารีบปาดน้ำตา สะพายเป้อย่างลุกลน
“จำไว้ อย่าแม้แต่จะคิดเล่นตุกติกกับฉันเป็นอันขาด เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอ”
เชนแววตาดุดัน โหดเหี้ยม จ้องใส่มัทนา มัทนากลัวจนใจฝ่อ เชนผลักมัทนาไปแรงๆ
“เดินไป”
มัทนาหน้าซีดเผือดเดินนำไป โดยมีเชนเดินตามประกบด้านหลังทุกฝีก้าว
เพื่อนๆ วาสิฏฐีทั้งชายและหญิงประมาณ 5-6 คนกำลังปิ้งบาร์บีคิวกินกันคุยกันอยู่หน้าบ้านต่างยกมือไหว้มัทนาและเชน ทั้งคู่รับไหว้ มัทนายิ้มฝืนๆ ดูมีกังวล ส่วนเชนยิ้มแย้มแจ่มใส ดูหล่อเป็นมิตรกับทุกคน
“สิฏฐีล่ะ”
เพื่อนหญิงคนหนึ่งบอก
“อยู่ในครัวค่ะพี่มัท”
เชนพยักหน้าให้มัทนา จับข้อศอกพาเดินเข้าไปในบ้าน
เพื่อนๆ วาสิฏฐีมองตามเชนไป
เพื่อนหญิงคนที่ 2 บอก
“ไม่ใช่เขตต์ตวันนี่แก”
เพื่อนหญิงคนที่ 1บอก
“แต่ก็หล่อไม่แพ้กันเลยเน๊อะ พี่มัทนี่เด็ดว่ะ”
กลุ่มเพื่อนผู้หญิงขำๆกัน
แม่มัทนา วาสิฏฐีและเพื่อนๆ ช่วยกันเตรียมอาหาร จัดจาน อยู่ในห้องครัว มัทนาหน้าเครียดๆ เดินนำเข้าครัวมา มัทนาสีหน้าแอบเครียดยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะแม่”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอมัท”
เพื่อนๆวาสิฏฐี หันมายกมือไหว้มัทนา มัทนารับไหว้หน้าเครียดๆ วาสิฏฐีมองหน้าพี่สาว รู้สึกแปลกใจชอบกล
แม่หันมาหามัทนา
“ชวนคุณตวันอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิลูก”
เชนเดินตามมัทนาเข้ามา แม่ยิ้มค้างไปเล็กน้อย ที่ไม่ใช่เขตต์ตวัน เชนยกมือไหว้แม่มัทนา แม่รับไหว้ตามมารยาท
“เพื่อนมัทเองค่ะ สิฏฐีออกมาคุยกับพี่หน่อย”
มัทนารีบเดินนำออกไปไม่อยากให้เชนอยู่ใกล้แม่ของตัวเอง วาสิฏฐีมีสีหน้างงๆ เชนตามมัทนาออกมาที่หน้าห้องครัว เชนพูดเบาๆกับมัทนา น้ำเสียงหมั่นไส้
“รู้สึกแม่คุณจะเต็มอกเต็มใจรับลูกอีตัวนั่นเป็นลูกเขยซะเหลือเกินนะ”
มัทนาสายตาโกรธจะหันด่าเชน แต่วาสิฏฐีออกมาซะก่อน
“มีอะไรคะพี่มัท”
“ไข่มุกดำที่พี่ให้เราตอนกลับจากภูเก็ตยังอยู่ใช่มั้ย ขอพี่คืนก่อนนะ”
“ทำไมล่ะคะ ก็พี่มัทให้สิฏฐีแล้วนี่”
“มันจำเป็น นี่คุณเชน คนที่ให้ไข่มุกพี่ เค้าจำเป็นต้องใช้มันด่วน พี่ขอร้องล่ะ คืนพี่เค้าก่อนเถอะ”
“จะเอาด่วนเลยเหรอคะ”
เชนเสียงแข็ง แนวข่มขู่
“ใช่ ต้องการเดี๋ยวนี้เลย”
เชนจ้องวาสิฏฐี แววตาดุๆ
วาสิฏฐีรู้สึกแปล่งๆ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวสิฏฐีหยิบให้”
วาสิฏฐีเดินไปขึ้นบันไดบ้าน เชนดันหลังมัทนาให้ตามขึ้นไปติดๆ
วาสิฏฐีเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบถุงใส่ไข่มุกของเชนมาส่งคืน เชนดีใจมากรีบรับถุงกำมะหยี่มา พบว่าเป็นถุงเปล่า
“เล่นตลกอะไร ไม่เห็นมีไข่มุกซักเม็ด”
วาสิฏฐีพูดกวนๆ
“ก็ไม่ได้บอกว่ามีนี่คะ ไข่มุกคุณอยู่ในตู้เลี้ยงเต่าโน่นค่ะ”
เชนหน้าตาตกใจ เดินไปดูที่ตู้ปลาเลี้ยงเต่าของวาสิฏฐี
“บ้าชะมัดเลย เก็บขึ้นมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
วาสิฏฐีไม่ชอบเชน
“จะให้ฉันเก็บก็ถอยออกมาสิคะ”
มัทนากลัวเชนเล่นงานน้องสาวจึงปราม
“สิฏฐี พูดจาให้ดีๆหน่อย”
วาสิฏฐีค้อนประหลับประเหลือกเดินมากระชากถุงกำมะหยี่คืนจากเชน แล้วตรงไปควานหยิบไข่มุกดำ
มาจะใส่ถุง เชนเดินมายืนประกบมัทนา เชนตวาดใส่
“เช็ดให้สะอาดก่อน”
วาสิฏฐีถอนใจ บ่นกระปอดกระแปด
“เรื่องมาก”
วาสิฏฐีเก็บไข่มุกดำมาเช็ดแบบขอไปทีแล้วเก็บใส่ถุงไป เชนกัดฟันพูดใส่มัทนา เสียงเบาลงแต่เข้ม
“บ้านเธอถ้าไม่โง่ก็บ้า เอาของมูลค่ามหาศาลมาเป็นหินประดับอ่าง ตาต่ำจริงๆ”
มัทนาจ้องหน้าเชน รวมความกล้าตอบกลับไป
“ต่อให้ร้อยล้านก็ไม่มีค่าอะไรหรอกค่ะ ถ้าไม่ได้มันมาด้วยความบริสุทธ์”
เชนถลึงตาใส่มัทนา เสียงออกคำสั่ง
“ไปเอาพาสปอร์ตของเธอมา อย่าตุกติก ฉันยิงน้องเธอตายคาที่แน่ๆ”
“ฉันไม่มีพาสปอร์ต”
เชนตาดุใส่
“โกหก...เธอเคยไปทำข่าวนักร้องที่เกาหลี กับ ได้รางวัลไปเที่ยวที่ฮ่องกง”
มัทนาเงียบไป เพราะข้อมูลเป๊ะมาก
“ไปหยิบมาเร็วๆ”
มัทนาเดินนำออกไปจากห้อง เชนเดินตามไปยืนรออยู่หน้าห้อง วาสิฏฐีหันมองตาม
“เก็บให้เร็วๆ เลย ฉันต้องรีบไป” เชนสั่งวาสิฏฐี
มัทนาเดินไปเปิดประตูห้องนอนตัวเอง
“เปิดประตูค้างเอาไว้”
เชนล้วงมือไปในแจ็คเก็ต ให้มัทนาเห็นว่าตนจับปืนเล็งไปที่วาสิฏฐีอยู่
มัทนาเปิดตู้เก็บของในห้อง ปลดเป้ หยิบพาสปอร์ตออกมา ก่อนจะเหลือบตาเห็นผ้าบาติกสีส้มที่เขตต์ตวันซื้อให้ตน มัทนาสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย นี่คือขวัญและกำลังใจที่เหลืออยู่ตอนนี้ เธอตัดสินใจเอาไปด้วยก่อนจะเหลือบตาเห็นกระเป๋าหนังใส่ปืนที่เขตต์ตวันให้ตน วางซุกซ่อนไว้อยู่
“เร็วๆ เข้า”
มัทนาตอบเสียงดังกลับไป
“หาอยู่ เจอแล้ว ๆ”
มัทนาเหล่มองไปทางหน้าห้องแล้วรีบเอากระเป๋าใส่ปืนยัดใส่เป้ไปด้วย
วาสิฏฐียื่นถุงไข่มุกดำคืนให้เชน
“อ้ะ เอาคืนไป”
เชนรับถุงกำมะหยี่มาดู
“ครบแน่นะ”
“มีแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ”
เชนหน้าตาไม่พอใจวาสิฏฐี ไม่ชอบขี้หน้า เทไข่มุกออกมานับเม็ด วาสิฏฐีชำเลืองมองหน้ามัทนา สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม มัทนาส่ายหน้าบอกน้องสาวเหมือนกำราบว่า อย่าทำอะไร
เชนเดินไปมองไปตู้เลี้ยงเต่าเอามือควานดูแรงๆ
“เบาสิ เดี๋ยวเต่าฉันก็ตกใจตายกันพอดี”
เชนเห็นว่าไม่เหลือแล้ว ก็เดินหน้าหงิก หันบอกมัทนา
“เราไปกันได้แล้ว”
เชนจับข้อแขนมัทนาพาเดินออกไปจากห้อง มัทนาหันมองวาสิฏฐี สีหน้าแววตา ไม่สบายใจปนกลัว
เพื่อนวาสิฏฐีเดินมาหาที่หน้าห้องพอดี
“พี่มัท โทรศัพท์ค่ะ”
เชนและมัทนาสบตากัน
“บอกไปว่ามัทยังไม่กลับ”
วาสิฏฐีสวนไปทันที
“ทำไมต้องโกหกคนอื่นว่าพี่มัทยังไม่กลับด้วยล่ะ ท่าทางคุณนี่น่าสงสัยจริงๆ เลย”
เชนทำตาดุใส่วาสิฏฐี
“ฉันไม่มีเวลาพอให้มัทคุยโทรศัพท์”
วาสิฏฐีกวนใส่
“จะรีบร้อนไปไหน หนีตำรวจมารึไง”
เชนโกรธปรี๊ดขึ้นหัว ตาดุดัน กัดกรามแน่น มัทนารีบขัดก่อนเชนจะเดือดดาล
“สิฏฐี อย่าเสียมารยาทกับเพื่อนพี่สิ ฉันคุยแป๊บเดียว”
เชนจ้องหน้ามัทนาสายตากำราบว่า อย่าตุกติก มัทนาเดินนำลงไป สีหน้าครุ่นคิดแผนการในใจ
มีคณากำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับมัทนาอยู่
“มัท นี่พี่มี่เองนะ”
“พี่มี่เหรอคะ”
“จ้ะ เดี๋ยวนะ”
มีคณาส่งโทรศัพท์ให้เขตต์ตวัน
“มัทอยู่ที่บ้านจริงๆด้วยค่ะ” มีคณาบอก
เขตต์ตวันหน้าเครียดเป็นห่วงรับโทรศัพท์มือถือไปคุยต่อ
มัทนาเหล่ๆมองเชนที่จับตามองเขม็ง มีวาสิฏฐีกอดอกจับตามองเชนอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“มัท นี่ผมเองนะ คุณปลอดภัยใช่มั้ย”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเขตต์ตวัน มัทนาน้ำตารื้นขึ้นมา อยากร้องไห้โฮ แต่สะกดอารมณ์เอาไว้
“มัท ฟังผมอยู่รึเปล่า”
มีคณา และเอกชัยมีสีหน้าเป็นห่วง ร้อนใจ...
มัทนาเริ่มส่งสัญญาณ
“ค่ะพี่มี่”
“ไอ้เชษฐ์มันอยู่กับคุณที่นั่นรึเปล่า”
มีคณาและเอกชัยรอฟังคำตอบอย่างเป็นห่วง
มัทนาชำเลืองมองเชน
“ค่ะ”
เชนเร่ง
“เร็วๆ”
“มัทพยายามถ่วงเวลามันไว้ก่อนได้มั้ย พยายามให้คนอื่นออกจากบ้าน เดี๋ยวผมจะพาตำรวจไป”
มัทนาบอกเป็นนัยๆ
“อย่ามาเลยค่ะพี่มี่ มัทแวะมาเอาของต้องรีบออกไปธุระต่อค่ะ”
“ไปไหน”
เชนจับแขนมัทนา กระตุก พร้อมทำหน้าดุใส่ มัทนาฉุกคิด รีบตอบกลับไปอย่างใช้ไหวพริบ
“พี่มี่ต้องไปถามคนไข้พิเศษของพี่นก จำได้ใช่มั้ยคะที่เราคุยกันวันนั้น มัทคิดว่าเค้ารู้เรื่องดี”
เชนกระชากหูโทรศัพท์มัทนามาวางสายอย่างเสียมารยาท
วาสิฏฐีมองเชน สีหน้าไม่ชอบมาก
“เราเสียเวลามามากพอแล้ว”
เชนโอบหลังมัทนากึ่งดันพาออกไปจากบ้าน วาสิฏฐีตามติดออกไปทันที
อ่านต่อเวลา 17.00น.
มายาตวัน ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
“มัท มัท” เขตต์ตวันกดตัดสาย สีหน้าใช้ความคิด
“วางสายไปแล้วเหรอคะ” มีคณาถาม
เขตต์ตวันพยักหน้ารับ หิรัณย์เคาะประตูห้องรีบร้อนเข้ามา
“ผมเช็กได้แล้วครับ รถทะเบียนนั้นไปทางหมู่บ้านเสริมสุข”
เขตต์ตวันหน้าเครียด ร้อนใจ
“มันพามัทออกไปจากบ้านแล้วครับ”
“ไปนานรึยังครับ”
“เดี๋ยวนี้เลยครับ”
หิรัณย์รีบไปโทรศัพท์หาทีมของตำรวจของเขาที่มุมห้อง
มีคณามองตามมีสีหน้าร้อนใจ เขตต์ตวันนึกตามคำพูดของมัทนา แล้วนึกได้จึงรีบบอกเอกชัย
“คนไข้พิเศษของพี่นก เอก โทรหาบุษย์ที่ออฟฟิศซิ”
เอกชัยรีบโทรมือถือเข้าออฟฟิศทันที เขตต์ตะวันล้วงหาโทรศัพท์มือถือไปมา ไม่เจอ มองหาไปตามโต๊ะในห้อง ไม่เจอ
“หาอะไรเหรอคะ” มีคณาถาม
“โทรศัพท์มือถือครับ ไม่รู้ไปวางไว้ที่ไหน”
มัทนาและเชนจะเดินออกไปจากรั้วบ้าน วาสิฏฐีรีบวิ่งตามออกมา
“พี่มัท”
เชนหันมองตาขวาง
มัทนาห่วงน้อง กลัวเชนจับไปด้วย สั่งห้ามทันที
“เธอไม่ต้องออกไปส่งพี่หรอก ไปอยู่กับเพื่อนเธอเถอะ”
“พี่จะไม่บอกแม่ก่อนเหรอว่าจะไปไหน”
มัทนาน้ำตาท่วมตาเอ่อคลอเบ้า ไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับมาอีกรึเปล่า เธฮสะกดอารมณ์ไว้ ตอบกลับไป
“บอกแม่ว่าพี่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
มัทนารีบเดินไปก่อนน้ำตาจะไหล เชนหน้านิ่งเหล่มอง ไม่ชอบใจวาสิฏฐี ก่อนพามัทนาไปที่รถ
วาสิฏฐีชะเง้อมองตามไป คนขับรถรอเปิดประตูให้มัทนาอยู่...ขมยืนคุ้มกัน เชนประกบมัทนามาถึงรถ
เชนพูดใส่มัทนา
“ถ้ามีโอกาสฉันต้องปราบพยศน้องสาวเธอแน่ คงจะได้รู้ว่าพี่สาวหรือน้องสาว ใครจะเด็ดกว่ากัน” เชนขำหื่นๆ
มัทนาเหลือบตามองเชนสายตารังเกียจ น้ำตาท่วมตาอยู่ก็ไหลออกมา เชนไม่รู้สึกอะไร จับมัทนากดเข้ารถไป แล้วดันไปแรงๆให้ขยับไปอีกฝั่ง ก่อนตนจะขึ้นรถไปนั่ง
ขมและคนขับรถรีบแยกย้ายขึ้นรถแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว วาสิฏฐีจับตามอง สีหน้าไม่ไว้วางใจ ท่องเลขทะเบียนรถท่องเอาไว้
เอกชัยมารายงานเขตต์ตวันหลังจากโทรกลับไปออฟฟิศ
“บุษย์ไม่ได้เข้าออฟฟิศ มือถือก็ปิด”
เขตต์ตวันร้อนใจ
“แกจะโทรหาบุษย์ทำไมวะ”
“มัทบอกใบ้มาว่าบุษย์รู้เรื่อง”
เอกชัยไม่พอใจ
“นี่บุษย์ยังกล้าหักหลังเราไปร่วมมือกับไอ้เชษฐ์มันอีกเหรอะ”
เขตต์ตวันมีสีหน้าผิดหวังอยู่เหมือนกัน หิรัณย์และมีคณาเดินกลับมาหาตวัน
“ผมให้ลูกน้องตามแล้วนะครับ ถ้าได้ความคืบหน้าแล้วจะติดต่อกลับมา” หิรัณย์บอก
“ขอบคุณมากครับไ เขตต์ตวันบอก
“งั้นฉันลองไปหาบุษย์ที่คอนโดดีกว่า เผื่อจะนอนหลับอยู่เราเลยติดต่อไม่ได้” เอกชัยบอก
“ถ้าเจอตัวแล้วรีบโทรหาฉันทันทีเลย” เอกชัยพยักหน้ารับแล้วรีบออกจากห้อง
เขตต์ตวันร้อนใจมาก บอกหิรัณย์
“ผมทนรอฟังข่าวอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกครับ”
เขตต์ตวันผุนผันออกไปจากห้อง มีคณาร้อนใจ
“คุณตวันจะไปไหนคะ”
เขตต์ตวันออกจากห้องไป ไม่ทันได้ตอบ หิรัณย์ไม่ค่อยสบายใจ
“ผมตามไปดีกว่า”
หิรัณย์เดินไปที่ประตู มีคณาตัดสินใจ
“ขอฉันไปด้วยคนได้มั้ยคะ”
หิรัณย์หยุดกึก หันมาจ้องตาส่งตาหวานให้มีคณา
“ด้วยความยินดีเลยครับ”
สารวัตรหิรัณย์เปิดประตูโค้ง ผันมือเชิญ
มีคณาอดเขินไม่ได้ อมยิ้ม รีบเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างเร็ว หิรัณย์ยิ้มๆ รีบตามออกไปติดๆ
ผ่านเวลาซักพัก เอกชัยกึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมโทรศัพท์หาชลบุษย์ตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่รับสาย เอกชัยดูหงุดหงิดเล็กน้อย เขามาถึงหน้าห้องชลบุษย์ กดกริ่งรัวอยู่หน้าห้องพัก ไม่มีการตอบรับเช่นเดียวกัน เอกชัยทุบประตูห้องพักโครมๆ
“คุณบุษย์ อยู่ในห้องรึเปล่า..คุณบุษย์”
บรรยากาศยังเงียบกริบ เอกชัยรีบวิ่งไปทางลิฟท์
ในห้องพัก...ชลบุษย์ถูกแทงเลือดอาบ นอนตาเบิกโพลง ตายอยู่บนเตียง
เอกชัยวิ่งพรวดเข้าห้องพักเขตต์ตวันมา
“คุณบุษย์ อยู่รึเปล่าครับ”
เสียงกระแทกประตูห้องน้ำดังโครมๆ ให้ได้ยิน เอกชัยงงๆ กับเสียง มองหา ประตูห้องน้ำถูกถีบจากข้างในโครมๆ อีก เอกชัยรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องน้ำ ตกใจมากที่เห็นเยาะถูกจับมัดปาก มัดเท้า มัดมืออยู่ในห้องน้ำ เยาะหมดแรง นอนหงายยกเท้าถีบประตูอยู่
ทันทีที่เยาะเห็นเอกชัยก็ร้องไห้ปล่อยโฮด้วยความกลัว เขารีบพยุงเยาะนั่ง แกะผ้ามัดปาก เยาะร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว พูดไม่ออก
“เกิดอะไรขึ้นเยาะ”
“เยาะได้ยิน เยาะได้ยินค่ะคุณเอก”
“ได้ยินอะไรเยาะ”
เยาะยังตื่นกลัว ร้องไห้ไป พูดไป
“คุณบุษย์ ๆ โทรบอกคุณปอนให้ไปช่วยมัทนา”
เอกชัยถามอย่างร้อนใจ
“ไปช่วยที่ไหน”
เยาะร้องไห้โฮ กลัวมาก ทิ้งตัวไปซบเอกชัย เอกชัยต้องกอดปลอบประโลมเอาไว้ให้หายตื่นตกใจซะก่อน
คนขับรถเชน ขับรถมาจอดด้านหลังตึกเชนเพิร์ล เชนลงจากรถอย่างเร่งรีบกลัวคนเห็น ขมลากมัทนาออกมาจากรถตามมา มัทนารีบฉวยเป้มากอดไว้แน่น ก่อนจะกวาดตามองตัวตึกอย่างเก็บข้อมูลหาทางหนีทีไล่
“รีบเอารถไปจอดที่อื่น แล้วแกดูลาดเลาไว้ก่อน”
“ครับ”
เชนมองซ้ายขวาแล้วดึงมัทนาเดินไปทางด้านหลังของตึก
เชนดันมัทนาขึ้นบันไดไป
“เร็วๆ สิ”
มัทนาเดินมาถึงประตูที่ปิดกั้นบันไดอยู่
“จะพาฉันไปดาดฟ้าเหรอ”
เชนยิ้มมุมปาก พูดสั่งงานทางโทรศัพท์มือถือ
“ไอ้ชิด เปิดประตูด้วย” เชนกดตัดสาย
ประตูตรงหน้าถูกเปิดเข้าไป ทำให้เห็นว่ามีอีกชั้น
“ฉันเห็นตึกมี 3 ชั้นไม่ใช่เหรอะ”
“ตาไวดีนี่ มองเผินๆ อาจเห็นว่า 3 ชั้น แต่ฉันออกแบบสร้างไว้หลอกตาซ่อนชั้นที่ 4 เอาไว้”
มัทนาอึ้งไป เชนสะใจ
“เธอคิดว่าที่ฉันหนีรอดมาได้ทุกครั้ง มันเพราะอะไรล่ะ”
มัทนาหน้าเสียไป หมดหวัง ทางรอดริบหรี่เต็มที
“ไอ้พวกหน้าโง่มาค้นร้านเชนเพิร์ล ก็ขึ้นได้แค่ชั้น3 ไม่มีใครรู้ว่าหรอกว่าชั้น 4 ต้องขึ้นจากทางอื่น” เชนหัวเราะชอบใจในความความฉลาดของตัวเอง
“ที่กบดานคุณอยู่ที่นี่เอง”
“แกรู้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ขึ้นไป” เชนผลักหลังมัทนาดันขึ้นไป
มัทนาถูกเหวี่ยงเข้าห้องนอนมาอย่างแรงจนสะดุดล้ม เป้หลุดไถลไปกับพื้น เธอตกใจรีบจะไปเก็บเป้
เชนก้าวมาขวางทาง เล็งปืนจ่อใส่เธอไว้ซะก่อน มัทนาตกใจ ยกมือยอมแพ้ เชนออกคำสั่ง
“ลุกขึ้น ไปยืนหันหน้าเข้ากำแพง”
มัทนางงๆ เชนตะคอก
“เร็วซิ เดี๋ยวยิงหัวกระจุยเลยมึง”
มัทนากลัวๆ รีบไปยืนหันหน้าเข้ากำแพง เชนล้วงเอาไข่มุกดำออกมาแล้วหาที่ซ่อน เชนขู่เสียงดัง
“อย่าหันมานะมึง”
ขณะเชนหาที่ซ่อนไข่มุกดำไป มัทนาถาม
“ฉันไม่เข้าใจ คุณกับคุณปอนก็โตมาจากข้าวก้นบาตรวัดเดียวกัน ทำไมต้องจ้องทำลายคุณปอนด้วย ทำไมคุณไม่รักกัน”
ไม่คาดคิดเชนตรงเข้าจิกผมมัทนากระชากมาจ้องหน้าด้วยแววตาแข็ง ดูเกรี้ยวกราด
“มึงหยุดพูดเรื่องเฮงซวยนี่ซะที โลกนี้มันไม่มีหรอก ไอ้ความรักความจริงใจ มันเป็นโลกของผลประโยชน์
มึงกำลังโดนไอ้ปอนหลอกใช้อยู่ ไม่รู้ตัวรึไงอีโง่” เชนเหวี่ยงมัทนาไปทางเตียงด้วยความโกรธ
มัทนาถลาไปตามแรง ล้มฟาดไปบนเตียง เชนสีหน้าอาฆาต
“ชีวิตกูไม่เคยได้รับความรักความจริงจากใคร มีแต่ความหลอกลวง หาประโยชน์จากตัวกูทั้งนั้น”
“ไม่จริง คุณป่านรักคุณ”
เชนหยุดกึก ตาเบิกโพลง ระเบิดความกดดันออกมา
“รัก รัก รักหยุดพล่ามซะทีเถอะ ไอ้สัตว์โลกเพศเมียมันรักแต่เงิน ไม่เคยรักใครจริงหรอก ฉันถึงได้ตอบแทนพวกมันอย่างสาสม”
มัทนาถอยหนีไปจนสุดเตียงด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เชนขำหยัน
“ดูแม่ฉันสิ แม่สุดแสนประเสริฐ เมาหัวราน้ำ เล่นไพ่ผลาญเงินพ่อฉันไม่พอ ยังเอาไปเลี้ยงพระเอกลิเก มันขนของทุกอย่างไปบำเรอไอ้เวรนั่น มันทำลายชีวิตพ่อฉัน” เชนเสียงทวีความดังขึ้นด้วยความเกลียดชังสะสม “เพราะมันนั่นล่ะที่บีบบังคับให้พ่อฉันฆ่าคนตาย แล้วพ่อก็ต้องแขวนคอตายในห้องขัง” เชนแววตาเจ็บช้ำ น้ำตาท่วม พูดด้วยน้ำเสียงกดดัน
“มันทำให้ชีวิตฉันพังพินาศ” เชนน้ำตาไหลออกมา ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนใกล้คลั่ง
มัทนาสัมผัสอารมณ์ได้ เริ่มกลัว ค่อยๆ ขยับลงจากเตียงจะหนี เชนจับตามองมัทนาตาวาว
“มึงจะหนีไปไหน”
มัทนาตกใจกรีดร้องจะวิ่งหนีไปทางประตูห้อง เชนพุ่งไปขวางทางอย่างคล่องแคล่ว หัวเราะแบบมีอาการทางจิต จ้องมัทนา ทำท่าเหมือนเสือจะตะครุบเหยื่อ
“จะหนีไปไหน หรือว่าชอบอุ่นเครื่องก่อน”
มัทนาหลบไปจนติดมุมห้อง เชนค่อยๆ ก้าวย่างเข้าไปหาอย่างช้าๆ ด้วยสายตาอำมหิต มือข้างหนึ่งถือปืน มืออีกข้างค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่าง ช้าๆ
“แต่ฉันชอบนะ หนีไปเรื่อยๆ มันมีรสชาติขึ้นเยอะ สะดุ้งนิดดีดดิ้นหน่อยอย่างเธอนี่ มันถึงจะถึงใจ” เชนยิ้มสะแหยะ พุ่งเข้าใส่ทันที มัทนากรีดร้องพุ่งตัวหนีไปอย่างหวุดหวิด เชนขบกรามแน่น สีหน้าเคียดแค้นเจ็บใจ
มัทนาเหลือบตาเห็นต้นไม้ปลอมขนาดย่อมที่ตั้งโชว์อยู่มุมห้อง มัทนารวมแรงทั้งตัวที่มียกต้นไม้ขึ้นเหวี่ยงฟาดใส่เชน ขณะที่เชนหันกลับมาพอดี... กระถางต้นไม้ปลอมฟาดเข้าที่ขมับและใบหน้าซีกซ้ายของเชน จนกระถางแตกกระจาย เชนทรุดฟุบนิ่งไปกับพื้น ปืนกระเด็นหลุดมือออกมาที่พื้น
มัทนาหวาดกลัวหายใจไม่ทั่วท้องรีบวิ่งไปหยิบปืนของเชน แล้วฉวยเป้ของวิ่งออกมาจากนอกห้องอย่างรวดเร็ว
เชนนอนคว่ำหน้านิ่งหมดสติไป เลือดไหลซึมเป็นทาง
มัทนาออกมาจากห้อง วิ่งหนีไปในบริเวณทางเดินระหว่างห้องพัก เธอมือสั่นๆเอาปืนเชนเล็งขู่ชิดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า
“ยกมือขึ้น ไม่งั้นฉันยิงจริงๆด้วย”
ชิดยกมือขึ้น
“ถอยไป” มัทนาสั่ง
ชั้นบนมีห้องนอนอยู่ 3 ห้องอยู่เรียงกัน ขมวิ่งทะเล่อทะล่าขึ้นบันไดมาเพราะได้ยินเสียงดัง มัทนาเล็งปืนไปที่ขม ขมรีบยกมือขึ้นเหนือหัว
“ไปยืนรวมกันตรงโน้น”
ขมจับตามองมัทนา แกล้งกระโชกเข้าใส่ข่มขู่ มัทนาเหนี่ยวไกปืน กระสุนเฉียดขมไปเส้นยาแดงผ่าแปด
ขมหน้าตื่นตระหนกใจฝ่อไปทันที มัทนาเองก็ตกใจ แต่สะกดความกลัวเอาไว้
“อยากตายก็เข้ามา”
ขมยกมือเหนือหัวเดินไปรวมกับชิด มัทนาเล็งปืนตามตลอด แล้วค่อยๆ ถอย ค่อยๆ ถอย จะหาทางหนีลงบันไดไม่คาดคิดประตูห้องนอน2 เปิดกระแทกใส่มัทนาอย่างแรงจนเสียหลักหน้าทิ่มไป ขมอาศัยความว่องไว ประสบการณ์สูง พุ่งเข้าล็อกแขนมัทนาจับตัวเอาไว้ได้ และยึดปืนเชนคืนไว้ทันที
มัทนาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เหลือบตามองคนที่เดินออกมาจากห้องนอน2เธอตกใจมาก นึกไม่ถึง
“คุณลิสา”
มัทนาและเป้ของเธอถูกขมผลักกระเด็นมาล้มลงที่เตียงนอนในห้องนอน2ลลิสาถือปืนของเชนเอาไว้ ลลิสาสั่งขม
“ไปบอกคุณเชน ว่าฉันคุมตัวมันอยู่ห้องนี้”
ขมล่าถอยออกไป มัทนาจ้องลลิสา
“นี่คุณก็เป็นลูกน้องเค้าเหรอ”
ลลิสาขำๆ
“เรียกว่าเป็นหุ้นส่วนจะถูกต้องกว่า”
มัทนาอึ้งๆ ไปนึกไม่ถึง ลลิสาเล็งปืนไปที่มัทนาขู่ไว้ตลอดเวลา
“ตอนแรกฉันก็ไม่รู้เรื่องเธอหรอกนะ จนคุณเชนบอกความจริงว่าจะหลอกใช้เธอไปเขียนข่าวแฉคุณปอน ให้ฉันช่วยสร้างสถานการณ์เลวๆ ในบ้านให้ แต่เสียดาย เค้ามองคนผิด”
ลลิสาเหยียดปากหมั่นไส้ มัทนาเงียบไปอย่างลำดับเรื่องราวในใจ
“ไหนๆ เธอก็จะถูกส่งออกไปขายนอกประเทศแล้ว”
มัทนาผงะไป สีหน้ากลัวขึ้นมา
“อยากรู้ความจริงก่อนมั้ย ทำไมฉันถึงขัดขวางไม่ยอมให้เธอเข้ามาเป็นเด็กลูกจ้างในบ้าน”
ลลิสาสีหน้าแววตาแข็ง อิจฉาปนหมั่นไส้
“เหตุผลสั้นๆ เพราะเธอมันเด็กและหน้าตาดี”
ลลิสาเดินไปนั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้โซฟามุมห้อง ถือปืนวางไว้ที่ตัก มัทนาจับตามองตามลลิสาตลอด ฟังอย่างเก็บข้อมูล ลลิสายักไหล่แล้วเล่าต่อ
“โอเค ฉันรู้ตัวว่า ยังไงคุณปอนเค้าก็ไม่ยกฉันขึ้นเป็นเมียหรอก ฉันเสนอตัวให้เค้าฟรีๆ เอง แต่เมื่อคุณปอนไม่มีใคร ฉันก็ยังเป็นที่1 เพราะฉะนั้นคุณปอนก็ไม่ควรมีใครทั้งนั้น” ลลิสาจ้องมัทนาด้วยสีหน้าเกลียดชังและยิ้มสะใจ
“แล้วคุณเชนล่ะ”
“ฉันมีนิสัยชอบจับปลาสองมือมาแต่เด็กแล้ว ฉันกลัวความผิดหวัง”
มัทนาสงสัย ถามเรื่องคาใจ
“นอกจากคุณแล้ว คุณปอนไม่เคยมีนางแบบคนอื่นเลยเหรอ ฉันเคยเห็นมาค้างคืนกลับเช้าตั้งหลายคน”
ลลิสาหัวเราะชอบใจ
“หวงแฟนเหรอยะ”
มัทนาหน้าชาไป
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ ไม่มีผู้หญิงหน้าไหนเคยเข้าถึงคุณปอนทั้งนั้น แม้แต่นังบุษย์ ถ้ากลัวแฟนเธอจะสึกหรอ ก็เพราะฉันคนเดียวแหละย่ะ” ลลิสาหัวเราะชอบใจ
มัทนารู้สึกอายๆ ชอบกล แต่ฝืนใจปั้นหน้านิ่งซักต่อ
“แสดงว่าคุณรู้มาตลอดว่าเค้าคือเชษฐ์ ศัตรูคู่อาฆาตคุณปอน”
“แน่นอน แล้วฉันก็คอยอุดรอยรั่วไม่ให้แผนการเค้าแตกก่อนเวลาอันควรด้วย”
มัทนาอึ้งๆ มองหน้าลลิสาที่ฉีกยิ้มสะใจ
ในอดีต เมื่อเยาะแอบใช้โทรศัพท์มือถือของมัทนากับเชนได้ไว้ที่หน้ารั้วบ้านเขตต์ตวัน เยาะรีบส่งให้ลลิสาดู อย่างภูมิใจนำเสนอ
“ นี่ค่ะ” เยาะส่งมือถือให้ลลิสา
“ถึงจะสวมหมวก แต่เยาะก็เลือกถ่ายมุมเห็นหน้าชัดๆ มาได้ค่ะ”
“เอาไปให้ใครดูรึยัง”
“ยังค่ะ เยาะเอามาให้คุณลิซ่าดูคนแรก”
ลลิสาหยิบมือถือเยาะแล้วลุกเดินไปดูที่มุมหน้าต่าง ถ่ายเพิ่มให้เห็นว่าลลิสากดลบภาพเชนออกไปจากโทรศัพท์มือถือเยาะ
ขณะที่มัทนากับเชนมายังร้านอาหารบนเขาในเย็นวันหนึ่ง มัทนารีบเอาเมนูปิดหน้าเมื่อเห็นลลิสาเดินกรีดกรายเข้ามาในร้าน มีบริกรเข้าไปต้อนรับ ลลิสามองมาทางโต๊ะเชนที่นั่งหันหลังให้เปิดอ่านเมนูไป แต่รีบหลบออกไปจากโต๊ะอาหารแล้ว
ที่มุมหนึ่งของร้านอาหาร...ลลิสากำลังต่อว่าเชนซะยกใหญ่ด้วยอาการหึงหวง ไม่พอใจ หมั่นไส้
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย จะเอาใจมันเกินไปหน่อยแล้ว”
“ฉันต้องการซื้อใจมันให้ได้ เราต้องใช้ประโยชน์จากมันอีกนาน”
“ซื้อใจแน่นะคะ ไม่ใช่ถูกใจมันขึ้นมาล่ะ”
เชนขำหยัน
“ฉันไม่โง่ให้เสียการใหญ่หรอกน่ะ”
“คุณไม่โง่แต่ก็เกือบตกม้าตาย ถึงคุณจะรู้มุมกล้องวงจรปิดบ้านมันอย่างดี แต่ก็ไม่พ้นกล้องจากมือถือของเด็กรับใช้ในบ้าน”
เชนอึ้งไปเล็กน้อย
“แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเคลียร์ให้แล้ว” ลลิสาทิ้งค้อนใส่
มัทนาแอบมองจากบริเวณหน้าห้องน้ำ เห็นแค่ลลิสาเดินกรีดกรายออกไปจากร้าน เธอถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
“เกือบไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเหตุการณ์ดังกล่าว มัทนาโกรธแทนเขตต์ตวันอย่างบอกไม่ถูก เธอพูดใส่หน้าลลิสา
“คุณใจร้ายที่สุดเลย นี่แสดงว่าแบบเสื้อผ้าตะวันที่ถูกขโมยมาตลอดก็เป็นฝีมือคุณ”
ลลิสาขำเยาะ
“ไม่น่าถาม”
มัทนาโมโหแทน
“คุณรู้กันกับคุณบุษย์รวมหัวกับคนอื่นหักหลังคุณปอนได้ลงคอ”
ลลิสาสีหน้าสะใจ ลุกพรวดขึ้นเผชิญหน้า
“อย่าเอาฉันไปรวมพวกกับนังสวะชั้นต่ำนั่น ตอนนี้มันตายสังเวยความโง่ของมันไปแล้ว”
มัทนาตกใจมาก
“คุณพูดอะไรของคุณ คุณบุษย์จะตายได้ยังไง”
ลลิสาสะแหยะยิ้มสมน้ำหน้า
ชั่วโมงที่แล้ว ลลิสานั่งอยู่ในรถ เหลือบตามองโทรศัพท์มือถือของเขตต์ตวันที่วางอยู่เบาะข้างๆ มีเสียงเรียกดังขึ้น ลลิสาดูเบอร์โชว์ เป็นเบอร์ของชลบุษย์
“นังบุษย์ อีทรยศ” สีหน้าเจ็บใจมาก
ลลิสาเอื้อมมือไปกดรับสายเปิดสปีคเกอร์โฟนแต่ไม่พูดตอบกลับไป...
ชลบุษย์น้ำเสียงละล่ำละลัก พูดไปน้ำตาไหลไปด้วยความกลัวเชน
“บุษย์เองนะคะ คุณเชนจะจับตัวมัทนาไปขังที่ตึกเชนเพิร์ล คุณปอนรีบตามไปช่วยเร็วๆ นะคะ”
ลลิสากดตัดสายไปเมื่อฟังจบ ลลิสากดโทรศัพท์มือถือตนเข้าหาเชนทันที
“นังบุษย์มันหักหลังพวกเรา โทรเข้ามือถือไอ้ปอนจริงๆ อย่างที่คุณคาดเอาไว้ จะให้ฉันจัดการกับมันยังไงคะ” ลลิสาฟังปลายสาย สีหน้านิ่ง
มัทนาอึ้งสนิท ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงอย่างหมดแรง เชนเปิดประตูกระแทกเข้าห้องนอน2มา เชนมีรอยแตกที่ขมับ แก้มแดงช้ำ รอยเลือดไหลเป็นทางมาเปื้อนเสื้อยังเหลือให้เห็น ลลิสาตกใจ
“ตายแล้ว ไปโดนอะไรมาคะเชน”
เชนสายตาอาฆาตแค้นตรงเข้ากระชากมัทนาขึ้นมาตบคว่ำและเหวี่ยงไปกระแทกผนังห้องอย่างแรง เชนตาขวางมีอาการทางจิต ตรงปรี่เข้าหามัทนาเพื่อซ้อมอย่างโหดเหี้ยม ลลิสาที่รีบเบือนหน้าหลบไม่กล้ามอง
เสียงไซเรนรถตำรวจดังลั่นขึ้นมาให้ได้ยิน เชนหยุดกึกทันที มัทนาหน้าตาบอบช้ำ ปากแตก ตัวบอบช้ำ ร่วงลงกองกับพื้น หมดแรงจะยืน ลลิสาตกใจกลัว
“ตำรวจมาเหรอคะ”
เชนหน้านิ่งถาม
“เอาของที่ฉันสั่งมารึเปล่า”
“เอามาค่ะ”
ลลิสาเดินไปเปิดกระเป๋าถือหยิบสร้อยข้อมือที่ดูแปลกเพราะตัวของมันมีรูสองแถว มีหนามเตยโผล่ขึ้นมา แต่ไม่ได้ยึดกับอัญมณีใดๆ สร้อยเส้นนี้เชนหมายจะเอามาใส่ไข่มุกดำ
มัทนาเจ็บหนักแต่ก็เผยอตามองสร้อยข้อมือลักษณะแปลกๆอย่างเก็บข้อมูล เชนรับสร้อยข้อมือมาพร้อมสั่งลลิสา
“เธอเฝ้ามันเอาไว้ คืนนี้มิสเตอร์เท็ตสึคงมารับตัวมันไป”
เชนมีสีหน้าเสียดาย เมื่อมองไปที่มัทนา
“หนักมือไปหน่อยคงโดนมันกดราคา”
เชนสีหน้าเซ็งๆ เดินออกไปจากห้องนอน2 มัทนาจับตามองตามเชนก่อนจะมีสีหน้าเจ็บปวดร้าวไปทั้งตัว
ตำรวจกระจายกำลังกันล้อมหน้าตึกร้านเชนเพิร์ล มีรถตำรวจเปิดไซเรนจอดอยู่หลายคัน ตวันอยู่กับมีคณาและสารวัตรหิรัณย์ ซุ่มดูรอ ตำรวจเข้าเคลียร์สถานที่ กระจายกำลังเข้าไปในร้านเชนเพิร์ล
ภายในห้องนอน2 มัทนาหน้าตาบอบช้ำ ปากแตก พยายามตั้งสติสะกดกลั้นความเจ็บเอาไว้ ขยับตัวนั่งพิงผนังห้องในท่าที่เจ็บน้อยที่สุด ลลิสาชำเลืองมองก็อดสงสารไม่ได้ แต่ทำใจแข็ง เฉยเมย มัทนาสูดหายใจลึก หลับตา มัทนารวมแรงแข็งใจพูด
“เค้าจะใส่ไข่มุกในสร้อยเส้นนั้น”
ลลิสาหันขวับมาเหล่มอง
“อ้าว ยังพูดได้อยู่อีกเหรอ ทนไม้ทนมือไม่เบานี่...” ลลิสายิ้มเหยียดใส่มัทนา
“ถูกต้อง สร้อยเส้นนี้ทำพิเศษสำหรับใส่ไข่มุกดำ แล้วฉันก็จะเป็นคนใส่มันขึ้นเครื่องไปแคนาดาคืนนี้” ลลิสาสีหน้าภูมิใจ
“แล้วคุณจะได้อะไร”
“ครึ่งนึงหลังจากขายไข่มุกนั่นได้”
“เค้าคลั่งไข่มุกจะตายไป เค้าไม่ขายหรอก เค้าหลอกใช้คุณ”
“อย่าสะเออะมารู้ดีหน่อยเลย”
“พอไปถึงแคนาดา คุณก็จะโดนไม่ต่างจากนางแบบคนอื่นหรอก เป็นสินค้าของเค้า เหมือนตกนรกทั้งเป็น”
ลลิสาขำมั่นใจ
“เค้าไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เพราะฉันมีหลักฐานมัดตัวว่าเค้าเคยฆ่าคนตาย ฉันฝากหลักฐานทั้งหมดไว้กับคนสนิท สั่งเอาไว้แล้วว่าถ้าฉันขาดการติดต่อไปโดยผิดสังเกต ให้เผยแพร่หลักฐานพวกนั้นทันที”
มัทนารวมแรงซัก
“เค้าเคยฆ่าใครตายเหรอคะ”
“สมกับเป็นนักข่าวจริงจริ๊งๆ หาข่าวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต” ลลิสาหัวเราะชอบใจ
“ฉันจะบอกเธอให้เอาบุญ เค้าฆ่านังยุพิน คู่ขาเก่าพระเอกสุดหล่อของเธอไงล่ะ”
มัทนาอึ้ง ลลิสาสีหน้าขรึมไป
“ไอ้เชนมันก็ฆาตกรโรคจิตดีๆ นี่เอง มันถ่ายทั้งภาพทั้งคลิปตอนทำร้ายยุพินเอาไว้ดูเล่น ฉันก็ไม่โง่พอที่จะคบหากับคนแบบมัน โดยไม่หาทางหนีทีไล่ไว้ปกป้องตัวเองหรอก ฉันก็อปปี้หลักฐานทุกอย่างไว้หมด ถ้ามันทำร้ายฉันมันก็ไม่รอด ติดคุกจนตาย”
“หญิงร้ายชายเลว”
“สารรูปยังงี้ยังปากเก่งอีกนะ”
มัทนามีสีหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ยิ้มเหยียด
“ไปแคนาดาคราวนี้ นายเชนคงไม่คิดกลับเมืองไทยแล้วล่ะ”
“อย่ามาทำรู้ดีไปหน่อยเลย”
“นี่คุณอ่านเกมเค้าไม่ออกรึไง ดูง่ายจะตายไป คนที่บ้านฉันก็ชี้ตัวเค้าถูก แต่เค้าก็ยังปรากฏตัวเข้าบ้านฉันหน้าตาเฉย ฉันว่าเค้าต้องไปหาที่กบดานที่แคนาดาแน่ๆ ตอนนั้นถึงคุณจะมีหลักฐานแน่นหนาแค่ไหน เค้าก็ไม่กลัวหรอก”
ลลิสาเงียบไป คิดตามมัทนามันก็จริง
“ถ้าคุณยังไปกับเค้าก็โง่แล้วล่ะ เค้าคงขายคุณทิ้ง เชิดไข่มุกไป เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ ลบเชน ครอส คนเดิมทิ้งไปซะ สร้างคนใหม่ขึ้นมา สุขสบายไปตลอดชีวิต”
ลลิสาหน้านิ่งไปอย่างคิดตาม
“ที่เธอพูดก็มีเหตุผล ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือของเค้าอีก ฉันจะไม่ไปแคนาดา”
มัทนาอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าตนจะหว่านล้อมได้สำเร็จ ลลิสามองมัทนา
“ขอบใจนะที่ช่วยให้ฉันคิดอะไรดีๆได้”
มัทนาค่อยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะรู้สึกเจ็บปากและซี่โครงจนร้องโอดโอยหน้าบูดเบี้ยว
มายาตวัน ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
ตำรวจกระจายกำลังขึ้นค้นเชนเพิร์ล พนักงานตกใจมารวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์ เขตต์ตวันและมีคณาเดินตามหาในห้องรับรองลูกค้า ห้องโชว์ไข่มุก โน่นนี่ ไปมา หิรัณย์เดินตามหาเขตต์ตวันและมีคณามาก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาจากห้องรับรองคนละห้อง เขตต์ตวันถามอย่างร้อนใจ
“เจอมั้ยครับ”
หิรัณย์หน้าขรึมลง
“ค้นจนทั่วแล้วครับ คุณมัทไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ”
“แล้วนายนั่นล่ะคะ”
“พนักงานบอกว่าวันนี้ยังไม่ได้เข้ามาเลย”
“ยังเชื่อไม่ได้หรอกค่ะ ปกป้องกันมากกว่า”
เขตต์ตวันถอนใจแรงออกมา หน้าเครียด เป็นห่วงมัทนามากขึ้นทุกที
มัทนามีแรงฮึดพยุงตัวเกาะขอบตู้ ลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวัง
“งั้นเรารีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
มัทนาเขยกตัวไปหยิบเป้มาสะพายไหล่ไว้เตรียมหนี ลลิสาหัวเราะเยาะ
“ใครจะหนี”
“ก็เราไงคะ”
ลลิสาหยันบอก
“เราเหรอะ ฉันหนีแน่ แต่ต้องได้สร้อยไข่มุกไปด้วย”
มัทนาอึ้ง
“แล้วฉันล่ะ”
“หล่อนก็ไปทัวร์ญี่ปุ่นตามโปรแกรมที่เชนเค้าจัดไว้ก็ดีแล้วนี่ มานี่เลย”
ลลิสาตรงเข้าไปกระชากตัวมัทนาที่ร้องด้วยความเจ็บ แต่ยังกอดเป้ไว้แน่น ลลิสาชักเอะใจ
“เป้นี่มันมีอะไร ถึงได้หวงนักหวงหนา เอามานี่เลย”
ลลิสาแย่งไป มัทนาไม่มีแรงจะยื้อแย่งกลับ ลลิสารื้อเป้เร็วๆ เจอกระเป๋าใส่ปืน หยิบออกมาดู
“ปืนของคุณปอนนี่”
มัทนาหน้าเสียทันที ลลิสาสีหน้าสะใจมาก
“ขอบใจนะยะ”
ลลิสายึดกระเป๋าปืนไว้ แล้วลากมัทนาเหวี่ยงเข้าห้องน้ำอย่างแรงจนล้มกลิ้งไปกับพื้น มัทนาร้องด้วยความเจ็บที่โดนซ้ำเข้าไปอีก เจ็บจนน้ำตาไหล
“ลาก่อน” ลลิสาปาเป้ที่เห็นว่าไร้ประโยชน์ใส่มัทนาซ้ำไปอีก
ลลิสาปิดประตูห้องน้ำ ล็อคสายยูจากด้านนอก
มัทนากองอยู่กับพื้นห้องน้ำ ปวดร้าวไปทั้งตัวแทบกระดิกตัวไม่ไหว สีหน้าเจ็บปวดมากจนร้องไห้ มัทนาขยับตัวอย่างยากลำบากขึ้นนั่งพิงผนังห้องน้ำ กวาดตามองหาช่องทางหนีไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหลับตาพักความเจ็บปวด
โถงบ้านมัทนา วาสิฏฐีกำลังคุยโทรศัพท์บ้านอยู่อย่างร้อนใจ
“นายคนนั้นหน้าตาไม่น่าไว้วางใจเลยค่ะสารวัตร... ไข่มุกดำค่ะ ก็หลายเม็ดอยู่ค่ะ แต่พี่มัทบอกว่าของปลอมนี่คะ” วาสิฏฐีฟังปลายสายแล้วสีหน้าไม่สบายใจ
สารวัตรหิรัณย์ใช้โทรศัพท์มือถือของมีคณาคุยอยู่กับวาสิฏฐีก่อนถามย้ำกลับไป
“ไข่มุกดำนี่เป็นของผู้ชายที่ไปกับมัทนาแน่ๆ ใช่มั้ยครับ” หิรัณย์ฟังไปก่อนซักต่อ
“น้องช่วยอธิบายลักษณะของไข่มุกดำให้พี่ฟังอย่างละเอียดทีซิครับ”
มีคณาที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ สนใจปนห่วง หิรัณย์ดีใจมาก
“ดีมากเลยครับ เดี๋ยวน้องส่งรูปเข้ามือถือให้พี่เลยนะ ขอบคุณมากน้อง”
วาสิฏฐียิงคำถามมา เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพูดบวกไป
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่สาวน้องยังปลอดภัยดี”
“มี่ขอคุยกับสิฏฐีต่อค่ะ”
หิรัณย์ส่งโทรศัพท์คืน
มีคณาสีหน้าเห็นใจ
“สิฏฐีไม่ต้องกังวลนะ อย่าเพิ่งบอกอะไรคุณแม่นะเดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจ … ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่มีอะไร คุณสารวัตรนี่มือ1 เก่งที่สุดแล้วล่ะ”
หิรัณย์แอบอมยิ้มปลื้มใจ
“รับรองว่าพี่มัทต้องปลอดภัยกลับบ้านแน่นอนจ้ะ จ้ะ มีความคืบหน้ายังไง พี่จะโทรไปบอกทันที แค่นี้ก่อนนะสิฏฐี” มีคณากดตัดสายอย่างไม่สบายใจนัก
“ผมคิดว่าน่าจะใช่ไข่มุกดำของบริษัทคิเรยนะที่ทางญี่ปุ่นตามหาอยู่นะครับ เดี๋ยวรอดูรูปที่น้องสิฏฐีส่งมาก็รู้”
มีคณารับฟังด้วยสีหน้าเครียดๆ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ภายในห้องน้ำ ของก้องนอน2 มัทนาฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง พยุงตัวที่แทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ ลุกขึ้นยืน ปิดฝาชักโครกแล้วนั่งพัก เธอกวาดตาไปรอบๆ ห้องน้ำ หาทางหนี
สายตามัทนาพลันไปเห็นพัดลมระบายอากาศที่มุมผนังห้องน้ำ แล้วเธอเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เอกชัยสีหน้าร้อนใจวิ่งมาหาเขตต์ตวันที่รอฟังความคืบหน้าอย่างกระวนกระวายที่หน้าตึก
“ปอน เจอตัวมัทรึยัง”
เขตต์ตวันหน้าเครียด หันมองเอกชัย
“ยังเลย”
เอกชัยพยายามเล่าเรียบๆ ไม่ให้เครียดจนเกินไป
“เกิดเรื่องที่คอนโดนะ”
“อะไรวะ”
“คุณบุษย์ถูกฆ่าตายในห้องพัก”
เขตต์ตวันตกใจปนเจ็บใจ
“ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ”
หิรัณย์และมีคณาออกมาหาเขตต์ตวัน
“เราได้ความคืบหน้าเพิ่มเติมนะครับ นายเชนอาศัยคุณมัทนาเคลื่อนย้ายไข่มุกดำจากภูเก็ตมากรุงเทพ”
เขตต์ตวันและเอกชัยอึ้งๆกันไป
“เค้าวางแผนรอบคอบมากนะคะ ทำทีมาแอบชอบมัทจนมัทเชื่อสนิทใจ แล้วให้ไข่มุกเป็นของที่ระลึก” มีคณาบอก
“ใช่ไข่มุกที่ไอ้เปลวพยายามมาขายแกรึเปล่าวะ” เอกชัยถามเขตต์ตวัน
“คิดว่าใช่นะ”
“ถึงว่ามีข่าวทางลับว่า ไข่มุกดำขึ้นที่ภูเก็ต แต่แล้วก็หายเงียบไปซะเฉยๆ”
เขตต์ตวันสีหน้าเจ็บแค้น
“แล้วเราจะเอาผิดมันได้มั้ยครับ”
“ได้แน่นอนครับ น้องสาวคุณมัทกับเพื่อนๆ หลายคนเห็นเป็นพยานให้เราได้ นอกจากมันจะโดนข้อหาโจรกรรมไข่มุกข้ามชาติแล้วยังจะโดนข้อหาลักพาตัวคุณมัทอีก”
เขตต์ตวันมีสีหน้าสาปแช่งให้มันหนีไม่พ้น นายตำรวจวิ่งออกมารายงาน
“สารวัตรครับ เจอห้องลับที่ชั้น 3 มีเด็กผู้หญิงถูกขังอยู่หลายคนเลยครับ”
สารวัตรหิรัณย์รีบกลับเข้าไปด้านในเชนเพิร์ล มีคณารีบตามไปทันทีด้วยความรู้สึกห่วงใย เขตต์ตวันและเอกชัยเดินตามเข้าไปติดๆ
มัทนาลองเปิดปิดพัดลมระบายอากาศของห้องน้ำดูไปมา สีหน้าใช้ความคิด มัทนาปิดพัดลมดูดอากาศ พยายามเอามือทุบใบพัดออก จะหาทางเปิดช่องว่างออกไปให้ได้
ตำรวจพาหญิงสาวหลายคนลงมาจากชั้นบนมารวมกันที่ล็อบบี้ บางคนก็ปิดหน้าปิดตาอับอาย หิรัณย์เข้าไปสอบถามรายละเอียดจากเพื่อนตำรวจ มีคณามองดูทุกคนด้วยสีหน้าเห็นใจ มีคณาเข้าไปปลอบ
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ พวกเรามาช่วยพาน้องๆกลับบ้าน ไม่มีใครทำร้ายน้องๆ ได้อีกแล้วนะคะ”
เด็กหญิงที่ดูอายุน้อยสุด ร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้น มีคณาเข้าไปสวมกอดเอาไว้
“ปลอดภัยแล้วค่ะ ได้กลับบ้านแล้ว ไม่ต้องกลัวนะคะ”
เด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้น ยกมือไหว้พร้อมพูด
“ขอบคุณมากค่ะ หนูคิดว่าจะไม่ได้กลับไปเห็นหน้าแม่อีกแล้ว” เด็กสาวปล่อยโฮออกมาอีก
มีคณาดูอิน น้ำตาท่วมตา สวมกอดเด็กเอาไว้แน่น หิรัณย์มองดูมีคณาอยู่เงียบๆ เข้าใจความรู้สึก ก่อนจะเข้ามาบอกกับทุกคน
“รถมารอรับที่ด้านหน้าแล้วนะครับ น้องๆ ตามพี่ตำรวจออกไปได้เลยครับ”
หญิงสาวทยอยตามตำรวจออกไป
“พี่ไปด้วยมั้ยคะ” เด็กสาวถาม
“เดี๋ยวพี่ตามไปจ้ะ” มีคณาบอก
เด็กหญิงค่อยๆ เดินตามแถวออกไป มีคณาซับน้ำตาไปมาเล็กน้อย หิรัณย์เข้ามาบีบไหล่มีคณาเบาๆ ให้กำลังใจพร้อมยิ้มให้ เธอฝืนยิ้มบางๆ ตอบไป ใจห่อเหี่ยวชอบกล
ตำรวจพาเด็กสาวที่เดินเอามือปิดหน้าด้วยความอับอายไปขึ้นรถพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
เขตต์ตวันและเอกชัยยืนหน้าเครียดมองตามไป
เขตต์ตวันสีหน้าเกลียดชังบอก
“ไอ้สารเลวนี่มันจะทำร้ายผู้หญิงไปถึงไหน เมื่อไหร่บาปกรรมจะตามมันทันซะที”
“โชคดีที่ไม่มีมัทอยู่ในกลุ่มผู้หญิงพวกนี้” เอกชัยว่า
“แน่ใจเหรอะว่าโชคดี”
เอกชัยอึ้งไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเชนพามัทนาไปไหน
หิรัณย์และมีคณาเดินออกมารั้งท้ายสุด
“เดี๋ยวผมกับคุณมี่จะแวะไปที่คอนโดคุณนะครับ เผื่อจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมจากการตายของเลขาคุณ”
เขตต์ตวันพยักหน้ารับเนือยๆ มีคณาให้กำลังใจ
“มัทเป็นเด็กดีมาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องคุ้มครองให้น้องปลอดภัยค่ะ”
เขตต์ตวันได้แต่ฝืนยิ้มบางๆ
“มีความคืบหน้ายังไงจะรีบติดต่อมานะครับ”
“ขอบคุณครับ”
หิรัณย์พยักหน้าให้มีคณาแล้วทั้งคู่เดินเลี่ยงไปขึ้นรถ
โทรศัพท์มือถือเอกชัยดังขัดขึ้น...เอกชัยกดรับสายแล้วเดินเลี่ยงไปคุย เขตต์ตวันถอนใจยาวออกมา เครียดจัด เงยหน้ามองฟ้าน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา จนปัญญาไม่รู้จะตามไปช่วยมัทนาได้ที่ไหนยังไง
ภายในห้องน้ำ มัทนาใช้ความพยายามจนเปิดช่องพัดลมระบายอากาศได้ แต่เป็นช่องไม่กว้างนัก พอมือล้วงออกไปได้ เธอมีสีหน้าใช้ความคิดไป ก่อนจะไปเปิดเป้ ค้นหาของ เจอผ้าบาติกที่เขตต์ตวันซื้อให้ เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
มัทนาขยับตัวไปล็อกประตูห้องน้ำจากด้านใน มัทนากลั้นความเจ็บเอาผ้าบาติกมาผูกชายข้างหนึ่งไว้ก่อนจะยัดผ้าทั้งผืนออกไปโบกสะบัดเพื่อขอความช่วยเหลือ บอกตำแหน่งที่ตัวเองอยู่
มัทนายิ้มออกมา พยุงตัวนั่งที่ฝาชักโครก ดึงทิชชูยาวออกมา แล้วหยิบปากกาออกมาจากเป้ คิดจะทำอะไรบางอย่าง
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เขตต์ตวันเดินห่อเหี่ยวหมดความหวังมาทางข้างตึก ไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมองมุมสูงที่มีผ้าบาติกสีส้มโบกไสวตามแรงลมอยู่ เขาถอนใจออกมาจะเดินกลับ
ผ้าบาติกยังปลิวไสว กระดาษทิชชูแผ่นเล็กๆ ปลิวลอยลงมาเรื่อยๆ เขตต์ตวันไม่ทันเห็นจะเดินกลับไปทางด้านหน้าตึก พลันกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งปลิวมาไล้ข้างแก้มต จนเขตต์ตวันต้องหยุดมอง ก้มลงดูที่พื้น ทำให้เขามองย้อนกลับไป เห็นทิชชูหลายแผ่น ตกอยู่กับพื้น และกำลังมีแผ่นใหม่ค่อยๆ ลอยตกลงมา
เขตต์ตวันเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางการลอยของทิชชู เขาเห็นผ้าบาติกปลิวออกมาจากช่องอากาศ
ชั้นบน ดูผิดสังเกต เขาก้มลงหยิบทิชชูมาดู พบว่ามีข้อความเขียนอยู่ทุกแผ่น
“ช่วยด้วย อยู่ชั้น 4 ทางเข้าด้านหลัง มัทนา”
“มัท” เขตต์ตวันดีใจมากวิ่งตะบึงไปทางด้านหลังตึกทันทีอย่างไม่รีรอ
เอกชัยคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับไปที่รถ เห็นรถเขตต์ตวันยังจอดอยู่
“อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอะ”
เอกชัยหยิบมือถือโทรหาเขตต์ตวัน มือถือถูกปิดไปแล้ว เอกชัยนึกได้ บ่นพึมพำ ก่อนกวาดตามอง
“ปอนมันลืมมือถือมานี่หว่า... ไปไหนของมันวะ”
เขตต์ตวันวิ่งไปทางด้านหลังตึก ขมที่หลบซุ่มอยู่รีบผลุบหลบทันที แต่ไม่พ้นสายตาเขาที่ชิงเห็นเสียก่อน
“ใคร...ออกมา”
ขมรีบจะหลบหนี เขตต์ตวันกระโจนตาม พุ่งตัวลอยกระแทกขมแบบไม่กลัวเจ็บ ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปกับพื้น ขมไวกว่าตั้งหลักได้จะขึ้นคร่อมชกหน้า แต่เขตต์ตวันว่องไวกว่าถีบขมจนกระเด็นไป
ขมปาดมือไปชักปืนที่เหน็บหลังออกมา แต่ช้าไปก้าว ปากกระบอกปืนหนึ่งถูกเล็งไปที่ขมซะก่อน
“ทิ้งปืน”
ขมเสียท่า ค่อยๆ หยิบปืนออกมา เอกชัยขู่
“เร็ว”
ขมโยนปืนออกมา เขตต์ตวันรีบยึดปืนขมเอาไว้ก่อนเล็งปืนขู่ขม
“ลุกขึ้น”
ขมยอมตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขตต์ตวันจ่อปืนหลังขม
“พาฉันขึ้นไปชั้น 4”
ขมยกมือขึ้นเดินนำ เอกชัยถามงงๆ
“ตึกมี 3 ชั้นไม่ใช่เหรอะ”
“มันตบตาพวกเรา มีทางขึ้นด้านหลัง ที่กบดานของมัน”
เขตต์ตวันทิ่มปืนกระแทกหลังขม “ เร็ว”
เอกชัยเดินตามเขตต์ตวันและขมไป
วงจรปิดที่ซ่อนอยู่ เชนเห็นเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดและพร้อมต้อนรับเขตต์ตวันไว้เป็นอย่างดี
มีคณานั่งรถไปกับสารวัตรหิรัณย์ สีหน้าเคร่งเครียดร้อนใจ
“คนจิตใจแบบนี้ ไม่มีทางปล่อยมัทหรอกค่ะถ้าไม่ใช่ถูกจับกักขังไว้สนองตัณหามันก็ต้องเอาไปขายแน่ๆ ทำไมมัทถึงต้องโชคร้ายแบบนี้ด้วย” มีคณาน้ำตารื้น
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปให้กลุ้มใจไปเลยครับคุณมี่”
“มี่ไม่ได้ด่วนสรุปนะคะ มี่ทำข่าวอาชญากรรมทำนองนี้มาตลอด ไม่มีทางหรอกค่ะที่มันจะปล่อยมัท คุณก็น่าจะรู้ดีกว่ามี่”
“ก็จริงครับ ถูกฆ่าปิดปากยังดีซะกว่า”
มีคณาตกใจ
“สารวัตร”
หิรัณย์แอบแหยเล็กน้อย
“ก็จริงไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่ต้องพูดก็ได้ มี่ลองโทรหามัทอีกทีดีกว่า”
มีคณาล้วงมือไปในกระเป๋าถือหาโทรศัพท์ ไม่เจอ เธอก้มหาร้อนใจ ครั้นนึกได้ก็ใจหาย
“อุ๊ย...มี่ลืมมือถือไว้ที่เชนเพิร์ลค่ะ กลับไปเอาได้มั้ยคะ”
“ต้องกลับไปเอาแน่นอนครับ หายไป คนให้เสียใจตายเลย”
หิรัณย์ยิ้มหวานให้แล้วเปิดไฟเตรียมหาที่ยูเทิร์น มีคณาแอบอมยิ้มปลื้มเล็กน้อย แต่ก็กลับมามีสีหน้าเป็นห่วงมัทนาขึ้นมาแทนที่ทันที
ภายในห้องน้ำ มัทนายังง่วนเขียนทิชชู่อยู่ไปมา ทันใดนั้นก็มีเสียงทุบประตูห้องน้ำดังโครมๆ มัทนาสะดุ้งเฮือก เสียงเชนดังขึ้น
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
มัทนาลนลาน รีบเอาทิชชู่ที่เขียนทิ้งชักโครกกด
“เร็วๆ ถ้าฉันพังเข้าไป เธอจะเจ็บตัวมากกว่านี้”
มัทนารีบเอาเก็บทุกอย่างไปซุกมุม เชนยังทุบประตูโครมๆ มัทนาเปิดล็อกประตูห้องน้ำ ทันทีที่เชนเปิดได้ก็กระชากตัวมัทนาออกมาอย่างไม่ปรานี
“เราจะทำยังไงดีคะ” ลลิสาถาม
“ก็หนีสิอีโง่ จะอยู่รอให้มันเรียกตำรวจมาจับรึไง”
เชนลากมัทนาไปทางประตูห้องแล้วก็หยุดกึกขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้
“รีบไปสิคะ จะรออะไรอีก”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
ลลิสางง
“เปลี่ยนใจอะไรคะ” ลลิสาถาม
มัทนาเหลือบตามองเชนที่มีแววตาร้ายกาจ อำมหิตขึ้นมา
“ทำไมฉันต้องหนีด้วยล่ะ ตอนนี้ก็มีไอ้ปอนกับไอ้เอกแค่ 2 ตัว ถึงเวลาที่ฉันจะได้แก้แค้นให้สาแก่ใจซะที”
เชนสะแหยะยิ้ม ลลิสาไม่เห็นด้วย
“ป่านนี้มันคงโทรเรียกตำรวจมาแล้วล่ะ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ฉันกลัวถูกจับ ฉันจะหนี”
ลลิสารีบไปทางประตู
เชนจิกผมลลิสากระชากเอาไว้อย่างแรง จนลลิสาร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ
“จะไม่มีใครหนีไปไหนทั้งนั้น”
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะเชน”
เชนยึดปืนคืนจากลลิสา แล้วใช้ปืนกระบอกที่ถืออยู่เล็งจ่อไปที่ลลิสา
“ไปนั่งรวมกันที่โน่น”
เชนผลักมัทนานำไป ลลิสาทำหน้างงๆ
“เร็วซิ” เชนตวาด
ลลิสาชักกลัวเดินนำไปนั่งที่โซฟามุมห้อง มัทนาโขยกเขยกเดินมานั่งข้างๆ ยิ้มใส่ลลิสา ลลิสาเหล่มอง
“อีบ้า จะตายอยู่แล้ว ยังยิ้มอยู่ได้”
มัทนาแกล้งกระเซ้าพอได้ยินกันสองคน
“ก็ยิ้มดีใจ สงสัยจะได้เพื่อนไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้ว”
“หุบปากกระโถนของแกไปเลยถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก”
มัทนาอมยิ้มไปมา แล้วก็แอบเหล่มองลลิสาที่เริ่มกังวลกลัวโดนหักหลังอย่างที่มัทนายุ มัทนาแอบลุ้น
ให้ลลิสาหันมาช่วยตน เชนเดินวนไปวนมา กระแทกปืนในมือต่อเนื่อง หน้าตาเครียดคุกรุ่นเหมือนคนสติแตก
เขาคิดวางแผนเล่นงานเขตต์ตวันให้สาสมที่สุด
ขมถูกปืนตัวเองในมือเขตต์ตวันขู่ตามหลังขึ้นมาถึงประตูชั้น 4
“ขึ้นทางนี้ล่ะ”
เอกชัยระแวง กระชับปืนในมือ คอยระวังให้เขตต์ตวันอีกชั้น
“ระวังนะปอน”
เขตต์ตวันดันหลังขม
“เปิดเข้าไปสิ”
ขมเปิดประตูนำเข้าไป เขตต์ตวันและเอกชัยเบี่ยงตัวหลบหลังประตูอย่างระวัง โดยใช้ขมเป็นโล่ แต่ไม่มีใครอยู่ เขตต์ตวันดันขมนำขึ้นไปต่อ
“นำทางไปเร็วๆ”
เขตต์ตวันใช้ปืนขู่ขม เอกชัยคอยกระชับปืนระวังหลังให้
มีคณายิ้มรีบเดินเร็วถือโทรศัพท์มือถือออกจากตึกเชนเพิร์ลมาหาหิรัณย์
“โชคดียังไม่มีใครเอาไปค่ะ”
หิรัณย์มีสีหน้าแปลกใจ สงสัยตามสัญชาติญาณ
“คุณตวันกับคุณเอกชัยอยู่ข้างในรึเปล่า”
มีคณางงๆ
“ไม่มีนี่คะ มีพนักงานแค่คน2คน ที่เหลือเห็นว่าถูกพาตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก”
“แล้วทำไมรถเค้าสองคนยังอยู่ล่ะ”
“ใช่เหรอคะ”
“ผมจำได้ ท่าจะไม่ค่อยดีแล้วนะครับ”
หิรัณย์ชักเอะใจ เดินกลับเข้าไปด้านใน มีคณาร้อนใจปนสงสัยรีบตามเข้าไป
เขตต์ตวันคุมตัวขมมาถึงหน้าประตูห้องนอน2 เอกชัยคุมหลังอยู่
“เรียกคนมาเปิดประตู อย่าลูกเล่น ฉันยิงแกทะลุกะโหลกแน่” เขตต์ตวันขู่ขม
ขมเคาะประตูห้อง
“เปิดประตูด้วยครับ ผมเอง ขม”
ประตูค่อยๆ ถูกเปิดล็อกแง้มเข้าไปเล็กน้อย เขตต์ตวันผลักขมกระแทกประตูเข้าไป ขมล้มกลิ้งไปกับพื้น ประตูห้องเปิดอ้าเข้าไป เขตต์ตวันและเอกชัยหลบคนละข้างประตูอย่างระวังตัว เขตต์ตวันมองเข้าไปเห็นมัทนานั่งหน้าตาบอบช้ำ ปากแตก สีหน้าหวาดกลัวอยู่ข้างลลิสา เขาแทบไม่ได้มองลลิสาเลย เขตต์ตวันตกใจปนห่วงมาก ถลันเข้าห้องไปอย่างลืมตัว
“มัท”
มัทนาไม่ทันจะอ้าปากกล่าวเตือน เชนก็เอาปืนจ่อเขตต์ตวันจากข้างประตูด้านใน เอกชัยจะเข้าไปช่วยแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อโดนชิดที่ซ่อนตัวอยู่อีกห้อง เอาปืนมาจี้หลังเอกชัยไว้
“ไอ้เชษฐ์”
เชนสีหน้าสะใจมองเขตต์ตวัน
“ขอบใจที่ยังจำกูได้ ยินดีต้อนรับสู่ที่ตายของมึงไอ้ปอน...ทิ้งปืนลง” เชนขู่ตะคอก
เขตต์ตวันยอมทิ้งปืนลงกับพื้น ขมรีบมาเก็บปืนไปยึดไว้ ชิดยึดปืนเอกชัยแล้วล็อกแขนไพล่หลังดันเข้าห้องมาไปรวมกลุ่มกับมัทนา
“ปล่อยมัทนาไปซะ เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
ลลิสารีบเสริม
“ฉันด้วย ปล่อยฉันไปเถอะ”
เขตต์ตวันและเอกชัยมองลลิสาอย่างแปลกใจว่า มาอยู่ที่ได้ยังไง
“ถุย พวกผู้หญิง สันดานมันโกหกตอแหลทั้งนั้นล่ะ”
“ปล่อยผู้หญิงไปเชษฐ์ แล้วเรามาตกลงกัน” เขตต์ตวันบอก
เชนท่าทางยียวนกวนประสาท
“โอ๊ะโอ พ่อเทพบุตรผู้เสียสละ” เชนหัวเราะเยาะหยัน
“กูอยากจะอ้วก ทำเป็นอุทิศตัวเพื่อสุภาพ สัตว์ ดีแต่ขอโทษที”
เชนเน้นเสียงแดกดันมองเขตต์ตวันตาขวางบอก
“กูไม่มีอะไรจะตกลงกับมึงแล้ว”
ขาดคำเชนก็กระชากคอเสื้อเขตต์ตวันลากไปที่กระจกบานใหญ่ในห้อง มัทนาและเอกชัยมองตามด้วยความตกใจและเป็นห่วง เชนกระชากเขตต์ตวันมาดูหน้าตัวเองคู่กับเขาในกระจก เชนตะคอกสั่ง
“เอามือไพล่หลังเอาไว้”
เขตต์ตวันยอมเลื่อนมือไปไพล่หลังตามคำสั่ง เชนสั่งขมที่กำลังเอาปืนจี้ขู่มัทนาและลลิสาอยู่
“ถ้าไอ้เวรนี่ขยับตัว ยิงกบาลอีนักข่าวนั่นทันทีเลย”
ขมกระชับปืนเล็งไปที่มัทนา
“ครับนาย”
เขตต์ตวันมองชิ่งกระจกไปมองมัทนา ทั้งคู่สบตากันด้วยความเป็นห่วงกันอย่างสุดซึ้ง เชนหน้าตาโรคจิต จ้องเขตต์ตวัน สายตาโหดฝังแค้น
“สำหรับมึง ปืนมันตายง่ายและเร็วเกินไป” เชนเหน็บปืนเข้าหลัง แล้วล้วงมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขตต์ตวันสีหน้านิ่ง เหลือบตามองมีดพก
เชนกดมีดพกให้เผยมีดที่วาววับ คมกริบ เอกชัยและมัทนาตกใจกลัวปนห่วงมาก
“ไอ้เชษฐ์ ไอ้โรคจิต มึงจะทำอะไรของมึง” เอกชัยถาม
ชิดเห็นเอกชัยด่าเจ้านายก็ล็อกแขนเอกชัยหักแรงๆ จนเจ็บและร้องออกมา เชนตวาดลั่น
“หุบปากไปเลยไอ้หมารับใช้ มึงไม่ต้องใจร้อน ขอเวลากูจัดการลูกพี่มึงก่อน มึงไม่รอดแน่” เชนถลึงตาใส่
เชนปาดมีดพกขึ้นไล้ข้างแก้มเขตต์ตวัน เขายังนิ่งไม่แสดงสีหน้าและอารมณ์วิตกใดๆ
เชนพูดพร้อมไล้ปลายมีดไปหยุดตรงตำแหน่งข้างแก้มระดับหูของเขตต์ตวัน
“นี่คือสิ่งที่กูอยากทำมานานแสนนาน เคยฝันเป็นสิบๆ ครั้งว่าได้ทำยังงี้”
มายาตวัน ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
ไม่สิ้นคำดี เชนก็กรีดมีดจากข้างหูถึงมุมปากขวาของเขตต์ตวันทันที แผลเปิดเลือดแดงฉานไหลเป็นทาง พร้อมเสียงหัวเราะสาแก่ใจของเชนดังสนั่นลั่นก้อง
มัทนากรีดร้องปิดตา ลลิสาหลบตาเอามือแนบข้างแก้ม เสียวขนลุก เข่าอ่อนแทน เอกชัยเจ็บแค้นแทนเพื่อน
“ไอ้เชษฐ์ ไอ้ชาติชั่ว”
ขมใช้กระบอกปืนตบหน้าเอกชัยที่ถูกชิดล็อกแขนไว้จนปากแตก
เขตต์ตวันไม่ร้องซักแอะ เลือดไหลจากข้างแก้มหยดไปเปื้อนเสื้อ ลลิสาสีหน้าหวาดกลัวเชนอย่างเห็นได้ชัด รู้ว่านายนี่มันโรคจิต ฆ่าคนได้หน้าตาเฉย
“หล่อมาก พระเอกของกู” เชนชอบใจ หัวเราะเสียงประหลาด
เอกชัยทนไม่ไหวคำรามในคอ ฮึดฮัดจะไปช่วยเพื่อน แต่ชิดล็อกตัวเอาไว้แน่น
“เอ จะหล่อแค่ข้างเดียวได้ยังไงล่ะ”
มัทนาแผดเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“พอแล้ว พอซะที”
ทันใดนั้นเองมีเสียงไซเรนดังก้องขึ้นมา ทุกคนได้ยิน คนดีก็ดีใจ คนร้ายก็หน้าเสีย ลลิสาดูตกใจมาก “ตำรวจย้อนกลับมาแล้ว”
“กูได้ยินแล้ว” เชนตวาดก้อง
“เรารีบหนีกันเถอะ” ลลิสาบอก
เชนมีสีหน้าใช้ความคิดตรงเข้ากระชากคอเสื้อ เล็งปืนไปที่มัทนา
“มึงลุกมานี่...”
มัทนาลุกมาอย่างว่าง่าย
“ยกมือขึ้นแล้วเดินนำออกไป”
มัทนาสีหน้ากลัวปนแหยยกมือขึ้น จะร้องไห้
“ไปไหน”
เชนตวาดลั่น
“กูให้เดินก็เดินไปซิ”
“มัท ทำตามคำสั่งมัน” เขตต์ตวันบอก
มัทนายกมือขึ้นทำตามคำสั่งไป
“ไอ้ขมไอ้ชิด มึงเฝ้าไอ้อีสองตัวนี่เอาไว้ ใครคิดหนียิงทิ้งให้หมด”
ชิดผลักเอกชัยไปกระแทกกับลลิสาจนล้มไปที่โซฟาทั้งคู่ ขมและชิดเล็งปืนขู่ไปที่ลลิสาและเอกชัย ลลิสากลัวจนหน้าซีดเผือด เชนคุมตัวเขตต์ตวันเล็งปืนขู่มัทนาให้เดินนำออกไปจากห้อง
ตำรวจหลายนายวิ่งกรูไปทางด้านหลังตึกอย่างรีบร้อน สารวัตรหิรัณย์กระชับปืนวิ่งตามรั้งท้ายไปอย่างระมัดระวัง มีคณารีบวิ่งตามติดทันที
“รอมี่ด้วยค่ะสารวัตร”
หิรัณย์รีบหันมาห้าม
“คุณอย่าขึ้นไปเลย”
“ฉันเป็นห่วงมัท”
“แต่ผมเป็นห่วงคุณ”
มีคณาชะงักไปเล็กน้อย
“คุณรออยู่ข้างล่างดีกว่า ผมจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลัง”
“โอเคค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
หิรัณย์ยิ้มให้แล้วรีบวิ่งตามไปสมทบนายตำรวจข้างหน้า มีคณามองตามไปด้วยความเป็นห่วง
ตำรวจหลายนายกระจายกำลังกันอย่างระแวดระวังมาถึงทางขึ้นด้านหลังตึก หิรัณย์ตามมาสมทบ
นายตำรวจที่นำสำรวจไปก่อนกลับมาโบกมือให้ตามขึ้นไป หิรัณย์และนายตำรวจที่เหลือเคลื่อนย้ายกำลังตามขึ้นไปอย่างมีระบบ
มัทนายกมือเหนือหัวเดินนำออกมาที่ดาดฟ้า เชนล็อกแขนเขตต์ตวันตามออกมา พร้อมเล็งปืนขู่มัทนาตลอดเวลา
“มึงเดินมาใกล้ๆ กูนี่”
มัทนาสบตากับเขตต์ตวันที่เลือดยังไหลอาบแก้ม เขาพยักหน้าให้ทำตามคำสั่ง มัทนากลัวค่อยๆ เดินยกมือเข้ามาหา เชนผลักเขตต์ตวันไปอย่างแรง จนเขากระเด็นไปล้มลงกับพื้น เชนเปลี่ยนไปล็อกตัวมัทนาเอาปืนขู่แทน เขามองตาเธอตลอดด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่วางตา เชนค่อยๆ ตีวงอ้อมไปยืนทางริมดาดฟ้า
“ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว แกหนีไม่รอดหรอกไอ้เชษฐ์”
เชนตะคอก คลั่ง
“หุบปาก ถ้าไม่อยากเห็นนังนี่ตกไปเละตายข้างล่าง”
เชนแกล้งเหวี่ยงมัทนาจะให้ตกดาดฟ้าแล้วกระชากกลับมา มัทนาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขตต์ตวันตกใจแทบช็อก เชนหัวเราะชอบใจดังสนั่น เสียงหัวเราะแปลกๆแปล่งๆ บ่งบอกถึงคนมีอาการทางจิต มัทนากลัวมากจนร้องไห้ออกมา
ขมกับชิดเอาปืนเล็งขู่เอกชัย และ ลลิสา ไว้ในห้องนอน 2 ลลิสามีสีหน้าใช้ความคิดก่อนลุกขึ้นสะพายกระเป๋าถือ
“คุณจะไปไหน”
“ก็หนีไปจากที่นี่น่ะสิ”
ขมเล็งปืนขู่
“ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว เดี๋ยวก็ต้องหาชั้นลับนี่เจอ ถ้าไม่รีบหนีตอนนี้ แก 2 คนได้ติดคุกหัวโตแน่”
“แล้วคุณเชนล่ะ”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ พวกแกไม่หนี แต่ฉันจะหนี”
ช่วงชิดกับขมลังเลสบตากัน เอกชัยก็ฉวยโอกาสตวัดเท้าเตะปืนในมือขม ชิดเหนี่ยวไกจะยิงเอกชัย ลลิสาเอากระเป๋าถือฟาดใส่ปืนในมือชิดกระเด็น ปืนลั่นดังสนั่น
ลลิสารีบล้วงกระเป๋าถือเอาปืนของเขตต์ตวันที่ยึดจากมัทนามาถือขู่ชิดและขมทันที
จังหวะเดียวกันนั้นเอง สารวัตรหิรัณย์นำกำลังตำรวจพังประตูเข้ามาช่วย หิรัณย์เล็งปืนใส่ขม สั่ง
“ทิ้งอาวุธให้หมด”
ขมและชิดยอมจำนนแต่โดยดี กำลังตำรวจเข้าไปจับตัว
ลลิสารีบโยนปืนทิ้ง ออกตัว ยกมือไหว้
“ฉันถูกหลอกใช้ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ปล่อยฉันไปเถอะค่ะคุณตำรวจ”
หิรัณย์มองหน้าเอกชัย เขาเห็นกับที่เธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้
“เธอเป็นนางแบบของบริษัทครับ”
ลลิสาอึ้งไปเล็กน้อยที่เอกชัยยอมช่วยออกรับแทน ลลิสาหันมองเอกชัยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
เชนล็อกตัวมัทนาเอาไว้ที่ริมดาดฟ้า แล้วเล็งปืนจ่อไปที่เขตต์ตวัน
“มึงมันตัวมารทำลายชีวิตกูทุกอย่าง เพราะมึงกูถึงต้องไปอยู่กับไอ้ผัวเมียฝรั่งสารเลวนั่น”
“แกเป็นคนอยากไปเอง ใครห้ามก็ไม่ฟัง”
“มึงไม่ต้องมาพูดดี มึงรู้ว่าพวกมันไม่ใช่คนดี มึงถึงไม่ยอมไป แต่มึงไม่บอกกู”
“ฉันก็อยู่กับแกที่วัด เจอเค้าพร้อมกับแก ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเค้าเป็นคนดีหรือคนไม่ดี”
“มึงไม่ต้องมาตอแหลไอ้ปอน มึงอิจฉากู อยากเป็นคนโปรดหลวงพ่อคนเดียว มึงถึงหาทางเสือกไสให้กูไปพ้นๆ วัด”
“เมื่อแกต้องการจะยัดความเลวให้ฉันทั้งหมด ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”
“งั้นมึงก็หุบปากไปเลย...”
เชนระเบิดเสียงอย่างกดดันมาก
“มึงรู้มั้ย ไอ้ฝรั่งชั่วมันทำอะไรกับกูมั่ง”
เชน ตาแดงกล่ำ น้ำตาท่วมตา เจ็บปวดกดดัน เจ็บช้ำและอับอายมาก
ในอดีต ประตูห้องน้ำถูกเปิดเข้าไปช้าๆ พ่อบุญธรรมชาวฝรั่งผู้ชายตัวใหญ่ใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำเห็นมีคนอาบน้ำฝักบัวดึงม่านพลาสติกปิดอยู่ ฝรั่งคนนั้นเอื้อมมือไปกดสวิทช์ดับไฟห้องน้ำ
เชนร้อง “เฮ้ย” ตกใจที่ไฟดับ
ฝรั่งคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำที่มืดสลัว กระชากม่านพลาสติกเปิดออก เชนร้องออกมาด้วยความตกใจ
“พ่อเข้ามาทำไมครับ”
เชนถูกซ้อมจนน่วมหน้าตายับวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวไปซุกอยู่มุมห้องนอนที่มืดๆ สลัวๆ พ่อฝรั่งเดินตรงเข้าไปหาเชน เขาร้องไห้สะอื้น ตัวสั่นกลัว พ่อฝรั่งเดินเข้าหาเชนย่อตัวลงนั่งข้างๆ เชนสีหน้าหวาดผวามาก
พ่อฝรั่งค่อยๆ หยิบซองพลาสติกใสใส่ผงสีขาวๆ โชว์ให้เชนดู เชนมองซองยานั้น สีหน้างงปนสงสัย
เชนนอนหงายพาดบนเตียง หัวเราะอารมณ์ดีอยู่คนเดียว กำลังเมายาได้ที่
“มันหลอกใช้กูขนยา ขายยาให้มัน จนมันร่ำรวย แต่เลี้ยงกูเหมือนหมูเหมือนหมา”
เชนกำลังหลุดเข้าไปในความเจ็บช้ำในอดีต พูดทั้งน้ำตาท่วม มือที่จับมัทนาเผลอคลายออกเล็กน้อย
มัทนาและเขตต์ตวันสบตาและส่งสายตาให้กันคล้ายรู้สึกได้ว่าช่วงเวลานี้ล่ะที่พอมีโอกาสรอด
เชนสีหน้าเก็บกด เจ็บแค้น
“เรื่องอะไรกูจะยอมเป็นหมารับใช้ให้มันเสวยสุขฝ่ายเดียว” เชนสีหน้าสะใจ
“ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้หรอก ทุกอย่างของมันก็กลายเป็นของกู” เชนเงยหน้าหัวเราะร่วนชอบใจอย่างสาแก่ใจ
เขตต์ตวันขยิบตาให้มัทนา เธอรวมแรงใจ แรงกายที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้าย กระแทกหัวด้านหลังสุดแรงเกิดเข้าหน้าเชนจนจมูกแตกเลือดออกมึนไป
มัทนาพุ่งตัวหนีออกมา แต่ร่างกายที่บาดเจ็บหนัก เธอล้มกลิ้งไปกับพื้นเพียงไม่กี่ก้าว เชนเจ็บแค้นโกรธสุดขีด เล็งปืนใส่มัทนาหมายจะฆ่าให้ตาย
เขตต์ตวันกระโดดตัวลอยถีบใส่เชนจนเสียหลักล้มไป ทั้งคู่ต่อสู้ชกต่อยแย่งปืนในมือกัน ผลัดกันรุกผลัดกันรับ มัทนาเหลือบตามองไปอีกทาง ค่อยๆ ขยับตัวห่างไปช้าๆ อย่างไม่ให้ผิดสังเกต
เชนต่อสู้กับตวันอย่างไม่ยอมกัน จนเชนแย่งปืนมาได้ แล้วกระแทกเขตต์ตวันจนล้มไป
เชนหัวเราะชอบใจดังออกมาอย่างสะใจ จ่อปืนเล็งไปที่เขตต์ตวัน เชนสีหน้าแววตา เกลียดชัง
“ลาก่อนไอ้ปอน” เชนขำลงคออย่างสาแก่ใจ
ขณะนั้นเองเชนก็ต้องหน้าเสีย ขำค้างไป เมื่อเห็นหิรัณย์และตำรวจอีก 5-6 นายยืนรายล้อมเป็นครึ่งวงกลมพร้อมเล็งปืนตรงมาที่เชนเป็นจุดเดียว เขตต์ตวันฉวยโอกาสพุ่งตัวให้ห่างจากเชนที่สุด
ตำรวจล้อมวงกระชับเข้ามาทันทีเตรียมยิงทิ้งเชนทันที ตำรวจเล็งปืนขู่
“ทิ้งปืนซะ”
เชนสีหน้านิ่งๆค่อยๆ ลดปืนลง ตำรวจกระชับวงล้อมเข้าไปหาเชน เชนหน้านิ่งแต่สายตาจ้องเขม็งไปที่เขตต์ตวัน สีหน้ามีแววตาอาฆาตแค้น ไม่คาดคิดเชนกลับพลิกปืนขึ้นยิงระเบิดหัวตัวเอง ปัง !
มัทนา...ได้ยินเสียงปืนก็ร้องตกใจยกมือปิดปากหลับตา เขตต์ตวันรีบสวมกอดมัทนาแน่น เธอร้องไห้โฮกอดซบเขาจนตัวสั่นสะท้าน ที่ผ่านวินาทีแห่งความตายมาด้วยกันอย่างหวุดหวิด
เขตต์ตวันเองก็กอดมัทนาไว้แน่นอย่างหวงแหน ราวกับจะไม่ยอมให้เธอต้องเผชิญเหตุร้ายตามลำพังแบบนี้อีกเป็นอันขาด
ตำรวจกระชับปืนไปดูที่ศพ … เชนนอนตายจมกองเลือด ตาเบิกโพลงเพราะความอาฆาตแค้น
เขตต์ตวันเดินประคองออกมาจากตึกด้านหลัง มีคณารีบวิ่งไปหามัทนา เขตต์ตวันใช้ผ้าเช็ดหน้ากดแผลเอาไว้ เธอร้องไห้สวมกอดกับมีคณาที่น้ำตาคลอ
“ปลอดภัยแล้วนะมัท”
มีคณาผละออก ซับน้ำตาให้
“ขอบคุณคุณมี่มากนะครับ สารวัตรเล่าให้ฟังแล้ว ถ้าคุณไม่ลืมโทรศัพท์มือถือ ผม เอก กับมัทคงไม่รอดแน่ๆ”
มีคณาหันไปยิ้มให้เขตต์ตวัน
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ พวกคุณยังดวงดีมากกว่า ที่จริงต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้สารวัตร เค้าเห็นรถคุณกับคุณเอกยังจอดอยู่ เลยผิดสังเกต ถ้าฉันกลับมาคนเดียวคงคิดอะไรไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวแบบนั้นหรอกค่ะ”
เขตต์ตวันยิ้มรับ
“สารวัตรเป็นคนเก่งแล้วก็ดูเป็นคนจริงใจมากนะครับ ยินดีด้วยนะครับ มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมบอก”
มีคณาอมยิ้มเขินๆ
มัทนาจะแซว เสียงดังขึ้นมาลืมตัว
“มัทจอง...โอ๊ย” มัทนาเจ็บปากขึ้นมา
มีคณายิ้มเขิน
“สมน้ำหน้า”
โรงพยาบาลตอนกลางดึก มัทนานอนกระสับกระส่ายบนเตียงผู้ป่วย เหมือนกำลังฝันร้ายอยู่
เขตต์ตวันยื่นมาจับหน้าผาก จับข้างคอมัทนา
เขตต์ตวันเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ข้างแก้มที่โดนเชนกรีดปิดผ้าพันแผลไว้หลังจากทำแผลแล้ว เขาพึมพำด้วยความเป็นห่วง
“ตัวร้อนจังเลย”
มัทนาสะอึกสะอื้นออกมาเหมือนร้องไห้ในฝัน แต่มีน้ำตาไหลออกมาจริงๆ เขตต์ตวันรู้ได้ทันทีว่า มัทนากำลังฝันร้าย เขาปลอบโยนกึ่งปลุกเบาๆ
“สาวน้อย นิ่งซะนะ ไม่มีอะไรแล้ว” เขตต์ตวันเลื่อนมือไปซับน้ำตาให้มัทนา เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ค่อยๆ ลืมตามองเขา เขตต์ตวันยิ้มอบอุ่นให้
“เราตายแล้วใช่มั้ยคะ”
เขตต์ตวันยิ้มบางๆ จับมือมัทนามากุมเอาไว้
“ เรายังไม่ตาย เราอยู่โรงพยาบาลแล้ว เราปลอดภัยแล้วนะครับ”
มัทนายังมึนๆงงๆ
“เรายังไม่ตายจริงๆ เหรอคะ”
“สาวน้อย ผมปล่อยให้คุณตายไม่ได้หรอกนะ ผมรักคุณ”
มัทนายิ้มดีใจ น้ำตาไหล สะอึกสะอื้นออกมา
ฉันตายแล้วจริงๆ ด้วย”
เขตต์ตวันยิ้มบางๆ จับกุมมือมัทนาเอาไว้แล้วเลื่อนหน้าไปหอมหน้าผากมัทนาอย่างรักและเอ็นดูที่สุด
มัทนาหลับตาพริ้ม สุขใจปล่อยให้น้ำตาแห่งความตื้นตันไหลออกมา
บรรยากาศยามเช้าสดใสของสายวันใหม่ พยาบาลยิ้มแย้มกำลังจัดอาหารเช้าให้มัทนา
“ทานเองไหวมั้ยคะ”
“ไหวค่ะ”
“อ้อ เกือบลืม มีคนมาฝากเอกสารไว้ให้ค่ะ”
พยาบาลยิ้มยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้
“ขอบคุณค่ะ”
มัทนารับซองมาแกะเปิดดู สีหน้างงๆ หยิบกระดาษโน้ตด้านในออกมาอ่าน
“เชนตายไปแล้ว หลักฐานพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ฉันยกให้เธอเผื่อจะยืนยันความบริสุทธิ์ให้คุณปอนได้ ลาก่อน ลลิสา”
มัทนาแง้มซองเอกสารดูก็เห็นเป็นภาพถ่าย เป็นแผ่นดีวีดี เป็นทรัมไดรฟ์ ต่างๆ มัทนายิ้มออกมาอย่าง
ดีใจ
เสียงเคาะประตูห้องดัง พยาบาลสาลินีเปิดประตูห้องเข้ามา เธอถือแจกันดอกไม้สดติดมือมาด้วย มัทนาแปลกใจมาก
“พี่สาลินี มาได้ยังไงคะเนี่ย”
ขาดคำ เอกชัยก็เปิดประตูห้องตามเข้ามา
“ผมกับปอนเป็นห่วง ก็เลยจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลมัทไงล่ะ”
เอกชัยยิ้มแย้มหน้าเป็น มัทนารู้ทัน
“ต้องเจาะจงเป็นพี่สาลินีด้วยเหรอคะ คุณเอกไม่ต้องใช้มัทบังหน้าเลย”
มัทนายิ้มแซว สาลินียิ้มเขินๆ
“รู้ทันซะจริง...คืนนี้จะเปิดแสดงแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นใหม่ตวันแล้วนะ”
มัทนาหน้าจ๋อย
“เสียดายจังเลย มัทคงไปไม่ไหว”
“ไม่เป็นไรหรอก มีทุกปีแหละ”
เอกชัยส่งสูจิบัตรให้
“อ้ะ เอามาฝาก สูจิบัตรงานคืนนี้ เราปิดชื่อโชว์เป็นความลับสุดยอด มัทได้รู้ก่อนนักข่าวคนอื่นเลยนะ”
มัทนายิ้มดีใจรับสูจิบัตรมาอ่าน
“ปอนฝากขอโทษที่วันนี้มาเยี่ยมไม่ได้ วันออกจากโรงพยาบาลจะมารับไปส่งบ้าน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณปอนต้องเสียเวลา วุ่นวายเพราะมัทมามากแล้ว ทำงานไปดีแล้วล่ะค่ะ”
มัทนาก้มอ่านสูจิบัตรอย่างอารมณ์ดี
“พี่เห็นชื่อแฟชั่นโชว์แล้วอดปลื้มแทนน้องมัทไม่ได้เลยนะคะ” สาลินียิ้มปลื้มใจ
“มัทนาพาทา วาจาแห่งกุหลาบ”
เอกชัยหน้าเป็นพูดเสริม
“คอลเล็กชั่นหน้าของตวัน จะใช้ชื่อว่า.. “สาลินีนี่นี้ เอกชัยครอง”
สาลินีเขินมากหยิกแขนเอกชัย มัทนายิ้ม
“หยอดไม่ปล่อยเลยนะคะคุณเอก”
เอกชัยยิ้มกริ่ม ชำเลืองตามองสาลินี มัทนาหน้าขรึมลง
“คดีคุณลลิสาไปถึงไหนคะ”
“ปอนเค้าเห็นด้วยกับผม ไม่อยากเอาเรื่อง อย่างน้อยเค้าก็ช่วยชีวิตผมเอาไว้”
“แล้วเค้าจะมาเดินปิดโชว์ให้เรารึเปล่าคะ”
เอกชัยส่ายหน้า
“ผมจ้างพลอยมาเดินแทนแล้วล่ะ นี่ลิสาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หายตัวไปพร้อมกับไข่มุกดำเลย”
มัทนารับทราบข้อมูลเพิ่มเติม ได้แต่ถอนใจออกมา
ลลิสาเดินปั้นหน้านิ่งแต่สายตาแอบกังวลอยู่ที่สนามบินอินชอน ตำรวจนอกเครื่องแบบชาวเกาหลี 2 นายเดินมาประกบลลิสา ล็อกตัวเอาไว้ เธอหน้าตาตื่นตกใจ ในที่สุดเธอก็ลอยนวลไปไม่พ้น
หลายวันต่อมา ณ ถนนสวยงามเป็นแนวต้นสนยาวสุดลูกหูลูกตา ข้างทางเป็นบึงน้ำกว้าง รถคันสวยของเขตต์ตวันจอดอยู่ข้างทาง เขากำลังเปิดประตูให้มัทนาลงมาจากรถ เขตต์ตวันยังมีผ้าปิดแผลที่หน้าอยู่
มัทนาถามด้วยความเป็นห่วง
“แล้วหมอว่าศัลยกรรมจะช่วยให้หายดีเหมือนเดิมมั้ยคะ”
เขตต์ตวันยิ้มกระเซ้า
“ทำไมเหรอ กลัวมีแฟนหน้าบากรึไง”
มัทนาค้อนใส่ หน้างอน
“มัทเป็นห่วงความรู้สึกของคุณหรอกค่ะ คุณเคยเป็นพระเอกหนัง หน้าตาดีมาก อยู่ๆ ต้องมามีแผลเป็นกลางหน้า คุณคงจะอึดอัดใจ”
เขตต์ตวันยิ้มสบายใจ
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่อย่าลืมสิว่าผมอยู่วัดตั้งแต่เด็กโตมากับคำสอนของหลวงพ่อ ผมจำคำสอนท่านได้เสมอนะครับ รูปกายภายนอกไม่สวยงามคงทนเท่าจิตใจที่มั่นคงภายใน...รอยแผลแค่นี้เรื่องเล็ก”
“คุณคิดแบบนี้ได้ มัทก็สบายใจค่ะ”
“ดีซะอีก ถ้าผู้กำกับที่เคยทำงานกันมา ได้เจอผมอาจจะชวนไปเล่นหนังเป็นตัวโกงหน้าบากก็ได้ ผมจะได้เลิกทำตัวเป็นพระเอกคนดี ได้มาไล่ปล้ำนางเอกกะเค้ามั่ง”
เขตต์ตวันแกล้งทำหน้าหื่นๆใส่มัทนา มัทนาขำ ๆ ย่นจมูกใส่ก่อนจะเดินนำไป เขาฉวยข้อมือเธอเอาไว้
“เดี๋ยวสิ ผมมีอะไรจะให้”
มัทนางงเล็กน้อยยอมให้เขาจูงมือพาไปท้ายรถที่มีกล่องของขวัญห่อสวยใบหนึ่งวางอยู่
“ของรับขวัญสำหรับคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เห็นจำเป็นเลย”
“ใครว่าล่ะ จำเป็นมากที่สุดเลยล่ะ แกะดูสิครับ”
มัทนาแกะของขวัญออกดู เห็นเป็นผ้าบาติกสีส้มที่ช่วยชีวิตพับวางอยู่ด้านบน มัทนารีบหยิบออกมากอดแนบอก
“ขอบคุณมากค่ะที่เก็บมาให้มัท ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าผ้าบาติกที่คุณซื้อให้มัท จะช่วยชีวิตมัทเอาไว้”
เขตต์ตวันยิ้มปลื้ม
“ของขวัญไม่ได้มีอย่างเดียวนะครับ”
มัทนางงๆเล็กน้อย กลับไปดูที่กล่องของขวัญ มีกระดาษลายสวยวางปิดบางอย่างอยู่ เธอเปิดกระดาษลายสวยออก พบชุดแต่งงานสีขาวแบบสวยเหมาะกับมัทนามาก มัทนาหยิบชุดขึ้นมาดูเล็กน้อย จนแน่ใจว่าใช่
“ชุดแต่งงาน”
“ครับ ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดของเสื้อผ้าตวันคอลเล็กชั่น มัทนาพาทา”
มัทนาช้อนตามองเขตต์ตวัน
“จะว่าไปมันคือชุดที่ดีที่สุดที่จันทิราเคยออกแบบมาด้วยซ้ำ แต่ชุดนี้ไม่มีการออกโชว์ ไม่มีการวางขาย มีเพียงชุดเดียวเท่านั้น ผมออกแบบไว้เพื่อคุณคนเดียว”
มัทนาได้ฟังน้ำตาท่วมตาขึ้นมาทันทีด้วยความตื้นตันใจ เขตต์ตวันจ้องตาจับมือมัทนา
“มัท แต่งงานกับผมนะครับ”
มัทนาร้องไห้โฮออกมาจนตัวสั่น ไม่มีเสียงจะตอบกลับ ได้แต่สวมกอดเขตต์ตวันร้องไห้โฮ เขาดีใจมากสวมกอดเธอเอาไว้แน่น
ทั้งคู่กอดกันด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาปลาบปลื้มที่ทุกอย่างลงเอยอย่างมีความสุขได้ในที่สุด
สามสาวชนแก้วน้ำหวานกันที่มุมหนึ่งของปาร์ตี้ในคืนหนึ่ง มีคณามองมัทนาก่อนอวยพร
“พี่ขอให้มัทเดินทางไปภูเก็ตด้วยความปลอดภัยนะจ๊ะ”
“แล้วก็ขอให้เขตต์ตะวันยอมให้สัมภาษณ์น้องรักของพี่แบบหมดเปลือกเลย” สาระวารีบอก
“ขอบคุณค่ะ”
สาระวารีบอก “เชียร์”
สามสาวชนแก้วน้ำหวานกันอีกครั้ง
“มัทขออวยพรให้พี่วารีมั่ง”
“ว่ามาเลยน้องรัก”
“มัทขอให้เจ้าพ่อเกาะยานกตกตะลึงในความงามของพี่ แล้วยอมให้พี่วารีได้สัมภาษณ์เป็นคนแรก”
สาระวารีปั้นหน้าสวยบอก
“ข้อนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว” สาระวารีสะบัดผมท่าสวย
มีคณารีบเสริมต่อทันที
“แล้วก็ขอให้เธอมีสติ อย่าไปทำห้าววีนแตกจนเกิดเรื่องขึ้นมาอีกล่ะ”
“นี่ป้าแว่น เธออวยพรหรือหลอกด่าฉันเนี่ย อ้ะ อ้ะ เชียร์” สาระวารีบอก
สาระวารีสีหน้ามั่นใจว่าจะทำงานนี้สำเร็จ ระหว่างชนแก้วกับมัทนาและมีคณา
อวสาน
โปรดติดตามเรื่องราวต่อไปของ “สาระวารี” ได้ใน “มนต์จันทรา” เร็วๆนี้ ที่ละครออนไลน์