มายาตวัน ตอนที่ 11
หัวค่ำต่อเนื่อง บริเวณโถงบ้านมัทนา วาสิฏฐีเดินยิ้มแย้มยกน้ำมาเสิร์ฟให้เขตต์ตวันที่นั่งคุยอยู่กับพ่อแม่และสาวิตรีที่โซฟา เขตต์ตวันยิ้มให้
“ขอบคุณครับ”
วาสิฏฐียิ้มรับไปนั่งข้างๆ สาวิตรี แม่ถอนใจส่ายหน้า
“ไปซุ่มซ่ามล้มอีท่าไหนก็ไม่รู้”
เขตต์ตวันฝืนยิ้ม
“คงรีบร้อนไม่ทันระวังน่ะครับ”
“ดีนะที่แค่หัวกระแทกขอบถนน ไม่ถูกรถชน” พ่อบอก
เขตต์ตวันได้แต่ฝืนยิ้ม ดื่มน้ำกลบพิรุธไป จำต้องโกหกไปก่อน ไม่อยากให้ทุกคนตกใจ
“เดี๋ยวนกกลับมาต้องให้ช่วยดูแผลให้อีกที” สาวิตรีบอก
เขตต์ตวันชะงักไปเล็กน้อย
“คุณนกนี่ใครเหรอครับ”
“ลูกสาวอีกคนน่ะค่ะ เป็นพยาบาล” แม่บอก
เขตต์ตวันฝืนยิ้มไปมา ชักกังวล
“เอ่อ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ขอตัวกลับเลยนะครับ”
เขตต์ตวันยกมือไหว้ พ่อแม่รีบรับไหว้ เขตต์ตวันยิ้มให้สาวๆ พร้อมลุกขึ้นยืน สาวิตรีสะกิดแขนวาสิฏฐีให้พูด
“เราขอถ่ายรูปกับคุณตวันหน่อยได้มั้ยคะ”
แม่ปากไม่ตรงกับใจนักบอก
“ดึกแล้วคุณเค้าจะรีบกลับ”
“ไม่เป็นไรครับ มุมไหนดีครับ”
พ่อรีบลุก เดินนำไปยืนรอก่อนเลย
“มุมนี้เลยครับ จัดเรียบร้อยแล้ว”
“คนแรกเลยนะพ่อ” วาสิฏฐีแซว
พ่อยิ้มเขินเล็กน้อย
“คุณเค้าจะได้ไม่เสียเวลา”
ทุกคนก็สลับกันเข้าไปถ่ายรูปคู่ รูปหมู่กับเขตต์ตวันที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง
เขตต์ตวันเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป สายตาทุกคนในบ้านแอบมองตามไปอย่างปลาบปลื้ม
วาสิฏฐีดูตื่นเต้นจับมือกับสาวิตรีแน่น
“เค้าน่ารักนะพ่อ เป็นกันเองจังเลย”
พ่อยิ้มแย้มพยักหน้ารับ วาสิฏฐีขำๆ
“บ้านเรานี่บ้าดาราเหมือนในหนังเลยนะคะ”
พ่อกับแม่ยิ้มค้างไป แม่วางฟอร์ม
“พ่อกับแม่รับแขกไปตามมารยาทจ้ะ”
ลูกสาวสองคนยิ้มกระเซ้า แม่เขินๆ ทิ้งค้อนใส่ลูก
“ไปข้างบนกันเถอะพ่อ”
พ่อแซวซ้ำ
“ไปดูรูปที่ถ่ายเมื่อกี้เหรอ”
แม่เขินๆ ตีแขนพ่อ ทุกคนขำๆกัน
ขมจอดรถซุ่มอยู่ในซอยของหมู่บ้านมัทนา กำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับเชนอยู่ ขมสีหน้ากลัวๆ
“ผมขอโทษครับนาย ผมจะไม่ให้พลาดอีกแล้วครับ”
เชนน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“มึงสนิทกับไอ้เปลวดีไม่ใช่เหรอ ถ้ามึงพลาดอีก คราวนี้มึงได้ลงนรกไปเป็นเพื่อนมันแน่”
เชนตัดสายไปอย่างหัวเสีย ขมกดตัดสาย กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ สีหน้าหวาดกลัว
ขมสีหน้าสงสารเพื่อนจับใจ หน้าครุ่นคิดนึกถึงโชคชะตาเพื่อน
“ไอ้เปลว”
หัวค่ำวันหนึ่ง ในห้องนอนบ้านพักที่ภูเก็ตใกล้บ้านเขตต์ตวัน....ชายผอมเกร็งหนังหุ้มกระดูกกำลังถูกไม้หน้าสามฟาดใส่ไม่ยั้ง จนล้มกลิ้งไปกับพื้น...สภาพดูไม่ได้แล้ว เลือดอาบ สะบักสะบอม เชนหน้าตาโรคจิตใส่ถุงมือ ขบฟันแน่น ตามไปจิกหัวเปลวที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาดู
ขมอยู่ในกลุ่มลูกน้องนั้น รีบหันมองไปทางอื่น ทนมองสภาพเพื่อนไม่ได้ ที่เห็นเชนจะใช้ไม้ฟาดกลางหัวซ้ำอย่างไม่ปรานี
เชนสติแตกบ้าคลั่งแบบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาไม่หยุดอยู่แค่นั้น หากแต่กระทืบซ้ำไม่ยั้งพร้อมหัวเราะชอบใจดังออกมา ขมทนไม่ไหว
“พอเถอะครับนาย ไอ้เปลวมันตายแล้ว”
เชนยอมหยุด เดินตาขวางมาหาลูกน้อง เสียงเหี้ยมเกรียม แววตาดุดัน
“พวกมึงจำเอาไว้ ใครที่คิดทรยศกู มึงต้องเจอจุดจบยังงี้เหมือนกัน”
เชนตาขวางมองทุกคนเหมือนหมาบ้า แล้วเดินนำออกไป ลูกน้องทุกคนกลัวหัวหด ขมมองไปที่เพื่อน ด้วยสีหน้าเวทนา
ก่อนคืนนั้น ขมและเปลวนั่งคุยปรับทุกข์อยู่หน้ากองไฟ มีขวดเหล้าวางทิ้งไว้ข้างๆ
เปลวมีอาการเมามึน
“ไอ้เชนแม่งเหมือนคนบ้า กูว่ากูโหดยังแพ้มัน ผีห่าซาตานมาเกิดชัดๆ”
ขมหันมองหน้าเพื่อนที่ระบายความขับข้องใจ
“กูมันแมงดาค้ากาม หากินบนง่ามขาผู้หญิง แต่ก็รู้คุณโว้ยไม่เคยตบตีทารุณจนตายคามือคาตีนอย่างมัน กูเห็นคนอื่นฆ่าคนตายกับมือมาเยอะ แต่ไม่เหมือนมัน มันยังกะไม่ใช่คน ฆ่าตายคามือแท้ๆ ยังหัวเราะสะใจเหมือนคนบ้า”
ขมเห็นด้วย
“นั่นสิ มันต้องบ้าแน่ๆ เหมือนพวกโรคจิต”
เปลวสีหน้าเจ็บแค้น
“ซักวันกูต้องหนีมันให้พ้น แต่ก่อนไปกูต้องทำให้มันกระอักเลือด ให้สมกับที่มันใช้พวกเราเหมือนหมาข้างถนน นึกจะเตะก็เตะ นึกจะถีบก็ถีบ”
“มึงจะทำได้เหรอวะ มันฉลาดเป็นกรด พวกมันก็เยอะ แค่คิดตีตัวจากมันก็สั่งเก็บมาตั้งเท่าไหร่แล้ว” ขมบอก
เปลวสะแหยะยิ้ม มั่นใจ
“มันต้องมีวิธีสิ กูรู้ว่ามันกลัวคนอยู่คนนึง ถ้าไอ้นั่นมันยอมช่วยกู กูหนีพ้นแน่ แล้วไอ้เชนมันต้องแค้นจนกระอักเลือดออกมาเลยล่ะ”
“ไอ้คนๆนั้นของมึงคือใครวะ” ขมถาม
“เขตต์ตวัน” เปลวสีหน้าสะใจปนมั่นใจ
ขมถอนใจออกมา หน้าตาดูเครียดๆ สีหน้าหวาดกลัว ถ้าทำงานพลาดจะต้องมีจุดจบไม่ต่างจากไอ้เปลวแน่ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในห้องนอน มัทนารู้สึกตัวตื่น ยกมือขึ้นจับแผลมีอาการปวดหัวนิดๆ เธอพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมึนๆไปเข้าห้องน้ำ
เวลาต่อเนื่องมา มัทนาเปิดเข้าไปในห้องนอนน้องสาว เห็นวาสิฏฐีกำลังจัดหนังสือ-ตำรา ให้เข้าที่เข้าทาง
“อ้าว ไม่ไปเรียนเหรอ”
“แม่ให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ เป็นไงมั่ง”
มัทนาเดินเข้ามานั่งที่ปลายเตียง
“ก็ยังเจ็บๆ อยู่ เมื่อวานพี่วารีมาส่งพี่เหรอ”
วาสิฏฐียิ้มกระเซ้า
“สงสัยจะหลับปุ๋ยเพราะความอบอุ่นจนไม่รู้ตัว เค้าอิจฉาตัวกันทั้งบ้าน น่าหมั่นไส้”
มัทนางง
“อะไรของเธอ”
“พระเอกสุดหล่ออุ้มพี่มัทมาส่งถึงบนเตียงน่ะสิ”
มัทนาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“จริงเหรอ”
“สิฏฐีจะมาโกหกพี่ทำไมล่ะ นั่งคุยกับพ่อแม่ตั้งนาน ปลาบปลื้มกันยกใหญ่ พี่มัทมีคู่แข่งแล้วนะ พี่สาแกเขี่ยพี่ศักดิ์ตกกระป๋องไปแล้ว ดีนะพี่นกไม่อยู่ ไม่งั้นพี่มัทได้มีคู่แข่งเพิ่มอีกคนแน่ๆ”
มัทนายิ้มๆ
“ไม่น่าเชื่อเน๊อะ ลูกเป็ดขี้เหร่ประจำบ้านกลับได้แฟนหล่อที่สุด”
มัทนาอึ้งแอบเขิน
“พูดจาไร้สาระ”
“แหม...เห็นสายตาห่วงใยที่เค้ามองพี่มัทแล้วจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ไงคะ”
“พูดมาก เพราะเค้านั่นแหละ ทำให้พี่ต้องมาเจ็บตัวยังงี้”
“ทำไมล่ะ พี่ตวันเค้าอยู่ตอนพี่ล้มหัวกระแทกฟุตบาทด้วยเหรอ”
มัทนาชะงักไปเล็กน้อย
“เค้าบอกงั้นเหรอ”
“อือ เค้าบอกว่าพี่หกล้ม แต่สิฏฐีไม่เชื่อหรอก”
มัทนาหลบสายตา พูดแล้วตัดบท
“เค้าว่าไงก็ยังงั้นแหละ ...จัดห้องเร็วนี่”
มัทนาทำเป็นกวาดตามอง
“แม่กับพี่สาช่วยจัดน่ะสิ สิฏฐีกลับมาเห็นนะ เข่าอ่อนเลยดีนะ มันไม่ทำร้ายคาเมะกับโอชิ”
มัทนาอึ้งเล็กน้อย
“อะไรนะ”
“เต่า 2 ตัวนั่นไง”
วาสิฏฐีชี้ไปที่ตู้ใส่เต่าแล้วบอก
“ตัวเมียชื่อคาเมะ ตัวผู้ชื่อโอชิ”
มัทนายิ้มๆ ก่อนจะมีอาการ
“ปวดหัวจังเลย”
“เอ่อ แม่เตรียมข้าวต้มไว้ให้ พี่มัทไปนอนรอที่ห้องก่อน เดี๋ยวสิฏฐีเตรียมให้จะได้กินยา”
มัทนาพยักหน้ารับ วาสิฏฐีโอบเอวพาพี่สาวออกไปจากห้อง
ภายในตู้ปลาเลี้ยงเต่าของวาสิฏฐี มีเต่าญี่ปุ่น 2 ตัวกับก้อนหินพื้นอ่างที่มีไข่มุกดำนับสิบเม็ดปะปนอยู่กับกรวดหิน
ขมยังจอดรถซุ่มอยู่ในหมู่บ้านดูความเคลื่อนไหวของคนบ้านมัทนา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นมา ขมดูเบอร์โชว์รีบกดรับ
“ครับนาย”
“ได้ของรึยัง”
“ยังเลยครับ เหลือผู้หญิงอีกสองคนยังไม่ออกจากบ้าน”
เชนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถของตัวเอง มีคนขับรถ
“นังนั่นด้วยใช่มั้ย … ดี เมื่อวานไอ้วิทย์เสือกทำพลาด วันนี้มึงก็เช็ดล้างให้เรียบร้อยไม่ต้องรออะไรแล้ว บุกเข้าไปเลย บีบมันให้บอกที่ซ่อนไข่มุกดำแล้วเชือดซะให้หมด อย่าให้สาวมาถึงกูได้”
ขมหน้าซีดด้วยความกลัว
“มึงได้ยินกูสั่งรึเปล่า”
ขมตอบไปอย่างละล่ำละลัก
“ครับ”
เชนสีหน้าแววตาเยือกเย็น สีหน้าอำมหิต
“ของมีค่าอะไรก็ขนมาด้วย ทำเป็นโจรขึ้นบ้าน เจ้าทรัพย์ขัดขืนเลยฆ่าทิ้ง มึงเข้าใจที่กูสั่งมั้ย”
“ครับ”
เชนสะแหยะยิ้มร้ายๆ
“จำไว้นะไอ้ขม ได้ของแล้วเอามาให้กูให้เร็วที่สุด ถ้ามึงคิดทรยศแบบไอ้เปลว กูจะตามฆ่าพวกมึงทั้งโคตร...”
เชนตาเริ่มขวางๆ ยิ้มแปลกๆ เหมือนคนมีอาการทางจิตแฝงอยู่
“มึงก็รู้ดีว่ากูชอบการตามล่ามากแค่ไหน”
เชนขำลงคอเสียงประหลาดๆออกมา
“มึงลงมือทำงานได้เลย กูเชื่อมือมึง ถึงปล่อยให้บินเดี่ยว อย่าทำให้กูผิดหวัง งานสำเร็จกูจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
ขมมีสีหน้าหวั่นใจชอบกล แต่ตอบรีบกลับไป
“ครับนาย”
ขณะนั้นเองรถของเขตต์ตวันก็ขับผ่านหน้าซอยไป ขมจับตามองตามอย่างตกใจ รีบบอกเชน
“แย่แล้วครับนาย”
“มีอะไรวะ”
“ไอ้ตวันมาครับ”
เชนขบกรามแน่นจนหน้าเกร็ง ปากสั่น มือกำแข็ง
“ผมทำไม่ไหวแน่นาย ส่งไอ้วิทย์กับไอ้ชิดมาสมทบผมดีกว่า หรือรอให้ไอ้ตวันกลับไปก่อน”
เชนตวาดแผดสุดเสียง ดุดัน
“ไม่ต้อง”
เชนขำแนวจิตๆตามออกมา ฝ่ายขมสีหน้างงๆ ฟังอีกฝ่าย แต่ก็โล่งอก
“ผมไม่ต้องทำแล้วเหรอครับ”
เชนยิ้มแปลกๆ แววตาแข็ง
“ไม่ต้อง พูดภาษาคนไม่เข้าใจรึไงวะ มึงจับตาดูไว้เฉยๆ...”
เชนเสียงแข็งแฝงความเคียดแค้นชิงชัง
“กูจะจัดการต่อเอง”
เชนหัวเราะน้ำเสียงประหลาดน่ากลัวดังต่อเนื่อง ขมที่ฟังเสียงหัวเราะหลอนๆ น่ากลัวของเชนด้วยสีหน้ากลัวๆ รีบกดตัดสายไป
ขมบ่นพึมพำ
“กูทำงานให้คนบ้าโรคจิตรึไงวะ “ ขมสีหน้าหนักใจปนกลัว
ผ่านเวลาเล็กน้อย วาสิฏฐียกแก้วน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
วาสิฏฐีกระเซ้า
“เหมือนเพิ่งเสิร์ฟไปเลยนะคะ”
เขตต์ตวันยิ้มๆ
“อยู่กันสองสาวเองเหรอ”
“คุณพ่อออกไปธุระนิดหน่อย กำลังกลับมาแล้วล่ะค่ะ แล้วเดี๋ยวเพื่อนๆ สิฏฐีก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนอีก หนุ่มๆ ล่ำๆ ทั้งนั้นเลย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
เขตต์ตวันยิ้มสบายใจหายห่วงขึ้นหน่อย
เสียงเก้าอี้ล้มโครมครามดังขัดขึ้นมา
“มัทเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขตต์ตวันถาม
วาสิฏฐียิ้มแหยๆ
“ไม่หรอกค่ะ เป็นปกติ ไม่งั้นคงไม่เอาหัวไปชนเซิร์ฟบอร์ดพี่หรอกค่ะ”
เขตต์ตวันขำๆ ออกมา
ภายในห้องนอน มัทนาตั้งเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งขึ้น พร้อมนวดต้นขาไปมาเล็กน้อย เธอส่องกระจกดูการแต่งตัวให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง
มายาตวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
วาสิฏฐีขำๆ กับวีรกรรมของพี่สาวที่เขตต์ตวันเล่าให้ฟัง ก่อนจะยิ้มค้างเมื่อมัทนายืนเท้าสะเอวมองอยู่ด้านหลังเขตต์ตวัน
“แล้วมัทเค้าเล่าเรื่องตกต้นไม้ให้ฟังรึยัง”
วาสิฏฐีพยายามบุ้ยใบ้
“ยังเหรอครับ”
มัทนาทำหน้างอน
“นินทาอะไรมัทคะ”
เขตต์ตวันสะดุ้งเล็กน้อย หันมอง
“ถ้าลงมาช้าอีกนิด มัทคงโดนเผาจนเกรียม”
มัทนามองค้อนใส่เขตต์ตวัน
“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่มัท พี่ตวันเค้าเล่าสู่กันฟังแบบเอ็นดูหรอกค่ะ”
มัทนาเดินมานั่งพร้อมถาม
“รอมัทนานมั้ยคะ”
เขตต์ตวันยิ้ม
“คราวก่อนนานกว่านี้เยอะ”
“อ๋อ เดทแรกน่ะเหรอคะ”
มัทนาปรามอย่างอายๆ
“สิฏฐี”
“คุยกันตามสบายนะคะ” วาสิฏฐีรีบเลี่ยงหนีไปทันที
มัทนาจิกตามองตามน้องสาวอย่างหมั่นไส้
เขตต์ตวันถามด้วยความเป็นห่วง
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากรึเปล่า”
“แค่ตึงๆค่ะ ปวดหัวรุมๆ แล้วก็รู้สึกเอียงๆชอบกล”
“กลับขึ้นไปนอนดีมั้ย”
“นอนพอแล้วล่ะค่ะ เอ่อ”
มัทนาหน้าแหยไปเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“มัทขอโทษเรื่องไปอาละวาดใส่คุณเมื่อวานด้วยนะคะ”
“ฉันตะหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเธอก็ไม่ถูกทำร้าย ทรัพย์สินบ้านเธอก็ไม่ถูกทำลาย แต่ฉันก็ดีใจนะ พอมีอะไรเกิดขึ้น เธอวิ่งไปหาฉันคนแรก”
มัทนาไม่กล้าสู้ตานัก
“ประชดรึเปล่าคะ”
เขตต์ตวันยิ้มๆ มองหน้ามัทนาไม่วางตา มัทนาทนมองรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์และสายตาหวานเชื่อมของเขาไม่ไหวจนต้องหลบสายตาอย่างขวยเขิน
ผ่านเวลาเล็กน้อย มัทนาเดินคุยกับเขตต์ตวันมาทางสนามข้างบ้าน
“เมื่อวานฉันโกหกพ่อแม่เธอไปว่าเธอหกล้มหัวกระแทกฟุตบาธ เห็นว่าเพิ่งโดนขโมยขึ้นบ้านก็ไม่อยากให้มีเรื่องไม่สบายใจเพิ่มขึ้นอีก”
“ดีแล้วล่ะค่ะ มัทก็กะจะบอกว่าอุบัติเหตุเหมือนกัน แต่ที่ทำงานนี่สิคะ ต้องตอบคำถามกันปากเปื่อยแน่ๆเลย”
“เธอก็บอกไปสิว่ายิงผิดตัว ฉันได้คุยกับบอกอเธอแล้ว เค้าก็ให้การกับตำรวจไปแบบนั้นเหมือนกัน”
มัทนางง หยุดเดินหันซัก
“คุณไปคุยกับบอกอตอนไหนคะ”
“ตอนนั่งรถมาส่งเธอที่บ้านเมื่อวาน ฉันอยากรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดก็เลยโทรไปหา”
มัทนาเดินนำไปนั่งที่ม้าสนาม
“ตอบยังงั้นก็ดีค่ะ”
“แล้วเธอต้องส่งบทสัมภาษณ์ฉันเมื่อไหร่”
“วันศุกร์ค่ะ”
“โอ้โห ขอเลื่อนเค้าหน่อยไม่ได้เหรอ” เขตต์ตวันนั่งลงข้างๆ
“ไม่ได้หรอกค่ะ งานชิ้นนี้ฉันใช้เวลาทำงานมากเกินไปแล้วความจริงหนังสือออกวันจันทร์ ฉันส่งข่าววันเสาร์ยังทันแต่ข่าวของคุณ บอกอสั่งนักสั่งหนาให้ส่งก่อนเดทไลน์ 1 วัน”
“ทำไมล่ะ”
“เราต้องเอาไปให้ทนายอ่านก่อน กลัวคุณฟ้อง”
เขตต์ตวันขำๆ
“ไม่ตลกนะคะ บอกอกลัวจริงๆ”
เขตต์ตวันนึกแล้วยิ้มๆออกมา
“เอางี้ เธอส่งงานวันเสาร์นั่นแหละ ฉันจะมาเยี่ยมเธอทุกวัน ช่วยอ่านต้นฉบับให้ อย่าลืมสิ ฉันก็จบกฎหมายเหมือนกัน”
“จริงด้วย มัทลืมไปซะสนิทเลย”
“อ่านปุ๊บฉันตอบได้เลย จะฟ้องประโยคไหนมั่ง ทนายที่ไหนก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”
มัทนาหัวเราะสดใสออกมา
“ก็แน่สิคะ เรื่องตัวเองนิ”
มัทนาค้อนใส่ ทั้งคู่หัวเราะขำๆ วาสิฏฐีแอบมองจากมุมบ้านก็ยิ้มแย้มชอบใจ แอบลุ้นไปด้วย
เขตต์ตวันเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน มัทนาเดินตามออกมาส่ง
“ไม่ต้องตามออกมาส่งหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“อย่าดื้อสิ กลับเข้าบ้านไปเลย ปิดประตูล็อกให้ดี ไม่ต้องรับแขกหน้าไหนทั้งนั้น จะมีตำรวจขับรถมาวนดูทุกๆชั่วโมง เข้าใจมั้ย”
“เจ้าค่ะคุณพ่อ” มัทนาจะเดินกลับเข้าไป
เขตต์ตวันนึกได้
“เอ้อ เดี๋ยว บ้านเธอมีปืนมั้ย”
มัทนาทำหน้าขี้เล่น
“มีแต่ปืนฉีดน้ำ โอเคมั้ยคะ”
เขตต์ตวันจ้องหน้าดุ
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะมัท”
มัทนาจ๋อย เสียงอ่อยที่โดนดุ
“ไม่มีหรอกค่ะ”
เขตต์ตวันยิ้มๆ หยิบกระเป๋าหนังสีดำใบเล็กออกมาส่งให้
“ติดตัวเอาไว้”
มัทนารับมารูดซิปเปิดดู เห็นเป็นปืนพกขนาดเล็ก
“ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันไม่ชอบปืน”
มัทนาส่งคืนแต่เขาดันกระเป๋าปืนคืนกลับไป
“ก็ไม่ได้ให้ชอบ ให้เอาไว้ป้องกันตัว”
“ฉันยิงปืนไม่เป็นหรอกค่ะ”
“ฉันไม่ได้ให้เอาไปยิงใคร เอาไว้ใช้ขู่เฉยๆ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ไว้ใจปืนในมือผู้หญิงอยู่แล้ว มันไม่ทำอะไรบู่มบ่ามแน่”
มัทนามีสีหน้าลังเล คิดตาม
“เธอแค่เล็งปากกระบอกปืนไปที่มันเฉยๆ อย่ามือสั่น หรือแสดงอาการว่ากลัวก็พอ”
มัทนายังส่ายหน้าจะส่งคืน เขตต์ตวันถอนใจพร้อมจับกระเป๋าปืนยัดใส่มือมัทนาให้จับเอาไว้ก่อนพูดสีหน้าจริงจัง
“รับไว้เถอะมัท คิดซะว่าเพื่อความสบายใจของฉัน”
“ก็ได้ค่ะ”
“กลับเข้าบ้านไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะรออยู่ในรถจนกว่าพ่อเธอจะกลับมา”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พ่ออยู่หน้าปากซอยแล้ว”
เขตต์ตวันยืนกราน น้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าฉันไม่เห็นพ่อเธอกลับมาถึงบ้านกับตาตัวเอง ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เขตต์ตวันสีหน้าแววตาเป็นห่วงมาก มัทนามองอย่างซึ้งใจ เขินๆกับสายตาของเขา จึงตัดบทเลี่ยงยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“ขอบคุณมากค่ะ”
ไม่ทันคาดคิด เขตต์ตวันสวมกอดมัทนาเอาไว้ เธออึ้ง ขยับตัวไม่ออก
“ฉันดีใจมากที่เธอปลอดภัย”
มัทนาอบอุ่นในอ้อมกอดของเขตต์ตวันอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันอยากจะพาเธอติดตัวไปด้วยตลอดเวลาจริงๆ ฉันคงทนไม่ได้ ถ้าเธอต้องมาเป็นอันตรายเพราะฉันอีกคน”
มัทนาอมยิ้มปลาบปลื้มอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขายังไม่มีทีท่าจะปล่อยจนมัทนาชักเขินอายจนทนไม่ไหว
“มัทจะเป็นอันตรายเพราะหายใจไม่ออกมากกว่าค่ะ”
เขตต์ตวันรีบผละตัวออก ดูเขินๆ เหมือนกัน
เขตต์ตวันทำดุกลบความเขิน
“เข้าบ้านไปสิ”
เขตต์ตวันรีบก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นรถไป มัทนาแอบอมยิ้มเดินเข้าบ้าน เขตต์ตวันสตาร์ทรถแต่ยังไม่ออกรถ จับตามองตามมัทนาตลอด
มัทนาล็อกกุญแจรั้วเหลือบตามองไปทางเขาเล็กน้อย แล้วก็รีบหันเดินเข้าบ้านไปเขินๆ
เขตต์ตวันมองตามจนแน่ใจว่ามัทนาเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้วก็เปิดวิทยุนั่งรอจนกว่าพ่อมัทนาจะกลับมาถึงบ้าน
เขตต์ตวันขับรถออกไปตามซอย ขมที่จอดรถซุ่มอยู่ จับตามองตามไป เขตต์ตวันขับรถเลยผ่านไปไม่ทันสังเกต ขมรอจังหวะแล้วขับรถตามรถเขตต์ตวันไปห่างๆ
เขตต์ตวันขับรถไปตามถนนหนทางชักเอะใจ ที่มีรถญี่ปุ่นรุ่นเก่าตามมาเรื่อยๆ เขาแกล้งเลี้ยวเข้าซอยหนึ่งไป แล้วชะลอรถ ขมก็ขับรถเลี้ยวตามมาอีก เขตต์ตวันมั่นใจจึงแกล้งสปีดเร็วหนี ขมสปีดตาม กลัวคลาดสายตา เมื่อเขาเลี้ยวเลาะเข้าซอยโน้นออกซอยนี้ ขมยังขับรถตามมาติดๆ
เขตต์ตวันเลี้ยวรถออกถนนใหญ่ ตีเลี้ยวต่อเข้าโรงพักหน้าปากซอย ขมเลี้ยวรถมา ชะงักไปเมื่อเห็นเขตต์ตวันขับรถเข้าโรงพัก...ขมรีบขับรถเลยไปอย่างเร็ว
เขตต์ตวันจอดรถที่หน้าโรงพัก มองตามรถขมไป เห็นว่ารถไม่มีทะเบียน...เขตต์ตวันสีหน้าเคร่งขรึมอย่างใช้ความคิด
ลลิสาขึ้นมาจากสระว่ายน้ำของคอนโดฯ สวมเสื้อคลุมว่ายน้ำที่เยาะเตรียมรอรับช่วยใส่ให้อย่างเอาอกเอาใจ ลลิสาทำหน้าดุ
“แกลงมาทำไม”
“เยาะอยากมาเอาใจคุณลิซ่านี่คะ”
ลลิสาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมสระพร้อมพูดไป
“ฉันลากตัวเธอมาจากภูเก็ต เพื่อให้มาเฝ้าคุณปอน เป็นหูเป็นตาแทนฉัน ไม่ได้ต้องการให้มารับใช้ฉัน”
เยาะหน้าจ๋อยปนกลัว
“ก็คุณปอนไม่อยู่ให้เฝ้าแล้วนี่คะ”
ลลิสาไม่พอใจ
“คุณปอนไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ สงสัยไปบริษัทกับคุณเอกมั้งคะ”
“คุณปอนไม่อยู่ที่บริษัทหรอก” เสียงชลบุษย์ดังขึ้น
ลลิสาและเยาะหันไปมองทางชลบุษย์
ชลบุษย์เดินกรีดกรายเข้ามาใกล้
“ฉันเพิ่งกลับมาจากบริษัท แอบได้ยินคุณเอกคุยโทรศัพท์กับคุณปอน”
ลลิสาลุกพรวดถาม
“แล้วคุณปอนไปไหน”
“บ้านมัทนา”
ลลิสาอึ้งไปทันที
“นักข่าวคนนั้นอีกแล้วเหรอคะ” เยาะว่า
ลลิสาโกรธ ตวาดใส่
“เงียบ แล้วไปให้พ้น”
เยาะจ๋อยๆ ทำเก็บของโน่นนี่ไปแอบฟังการสนทนา
“ฉันบอกเธอแล้ว ว่าคุณปอนไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าแม่นี่มาก่อน เตรียมตัวตกกระป๋องถาวรไว้ได้เลยย่ะ” ชลบุษย์สะแหยะยิ้มสมน้ำหน้า ก่อนเดินกลับเข้าไป
เยาะมีสีหน้าเก็บข้อมูลแอบเหลือบตามองไปที่ลลิสาที่จิกตามองตามชลบุษย์ไป ลลิสาสีหน้านิ่งไปอย่างใช้ความคิด
ตอนหัวค่ำ มัทนาพิมพ์งานต้นฉบับอยู่ที่โน้ตบุ๊กอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงเตือนจากมือถือดังขัดขึ้น เธอเหลือบตาไปมองโทรศัพท์มือถือ เห็นว่าเป็นการส่งภาพการ์ตูนผ่านline มาจากเขตต์ตวัน เป็นภาพชี้หน้าดุตามด้วยข้อความว่า “ทำงานเร็วๆเข้า”
มัทนาหน้าตางอนๆ ก่อนจะพิมพ์โต้ตอบกลับไป เขตต์ตวันนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ นั่งดูข้อภาพที่เธอส่งมา เป็นการ์ตูนโกรธจนตัวแดง เขายิ้มๆส่งรูปตอบกลับไป
ทางมัทนาดูรูปแล้วยิ้มๆ สีหน้าจะโต้ตอบเอาคืน ลุกเดินไปกึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียงส่งรูปตอบกลับไป
เช่นเดียวกับทางด้านเขตต์ตวันไปนั่งบนเตียงเหมือนกัน ส่งรูปโต้กลับไป
ทั้งสองคนหยุดทำงาน นั่งบนเตียงสนุกส่งรูปปะทะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย ทั้งคู่ต่างยิ้มแย้ม ดูสนุกและมีความสุขดี
เขตต์ตวันมีสีหน้าลังเล ใช้ความคิดไปมา... เลือกรูปกระต่ายขาว ตาเป็นรูปหัวใจแดง เขียนตัวอักษรว่าI love you.... แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจกดส่งรูปนี้ไป
มัทนาอึ้งไปทันทีที่ได้รับรูปดังกล่าว ไม่นาน … เขตต์ตวันส่งข้อความตามมาทันที “โทษทีส่งผิด” แล้วตามด้วยรูปการ์ตูนหมีแพนด้านอนหลับมีข้อความgood night
มัทนาทำเหยียดปากใส่งอนๆ แต่ก็แอบอมยิ้มดีใจ ทางด้านเขตต์ตวันอมยิ้มกริ่มแล้วลุกไปทำงานต่อ ด้วยสีหน้าอารมณ์ดี สบายใจ
มายาตวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
วันใหม่ เขตต์ตวันแต่งตัวหล่อพร้อมกระเช้าผลไม้มายืนกดกริ่งหน้ารั้วบ้านมัทนาแต่เช้า พ่อมัทนาเดินยิ้มแย้มออกมารับ เขายกมือไหว้ พ่อรับไหว้ยินดีต้อนรับ
“มาแต่เช้าเลยนะครับ”
“รบกวนรึเปล่าครับ”
“ไม่เลยครับ พ่อกับแม่หยุดงานอยู่บ้านเป็นเพื่อนมัทเค้า”
พ่อเปิดประตูรั้วให้
“เชิญครับเชิญ”
“ขอบคุณครับ”
เขตต์ตวันถือกระเช้าผลไม้เดินเข้าบ้านมา
มัทนากำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ใส่ชุดอยู่กับบ้านสบายๆ วาสิฏฐีวิ่งพรวดเข้าห้องมัทนามา
“พี่มัท”
มัทนาตกใจ
“อะไร”
“พี่ตวันมาอีกแล้ว”
“ที่กดกริ่งเมื่อกี้น่ะเหรอะ พี่นึกว่าหนังสือพิมพ์มาส่งซะอีก”
วาสิฏฐียิ้มกระเซ้า
“มาก่อนหนังสือพิมพ์อีกพี่ พี่สาวเรานี่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ย เช้าถึงเย็นถึงเลย”
มัทนาเขินๆ รีบแก้ตัว
“เค้ามาตรวจต้นฉบับย่ะ”
มัทนารีบลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า วาสิฏฐีกระเซ้าอีก
“ทำไรอ้ะ เปลี่ยนชุดใหม่เหรอ”
มัทนาเขินจัดเดินกลับมาตีหยิกน้องสาว วาสิฏฐีวิ่งหนีไปทั่วห้อง มัทนาวิ่งไล่หยิกแก้เขินไป
บริเวณโถง เขตต์ตวันนั่งคุยกับพ่อที่โซฟารับแขก แม่เดินยิ้มแย้มออกมาตาม
“เชิญทานข้าวด้วยกันค่ะคุณตวัน”
“ขอบคุณครับ”
เสียงเก้าอี้ล้มโครมดังลงมาให้ได้ยิน
“สงสัยมัทกำลังจะลงมาแล้ว” เขตต์ตวันบอก
พ่อขำๆบอก
“รู้จริง”
เขตต์ตวันยิ้มๆ
“เชิญที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ” แม่บอก
ทุกคนลุกเดินไปทางโต๊ะอาหาร สาวิตรีและศกุนตลาเดินลงบันไดชั้นบนคู่กันมา ศกุนตลาสีหน้าไม่ค่อยไว้ใจนัก
“จะมาทำไมบ่อยๆ”
สาวิตรีขำแล้วบอก
“ความคิดถึงมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ”
“ไว้ใจได้แค่ไหน จะมาหลอกเด็กรึเปล่าก็ไม่รู้”
“คิดมากน่า”
สาวิตรีเดินนำศกุนตลาไปที่โต๊ะอาหาร
“สวัสดีค่ะคุณตวัน”
เขตต์ตวันหันมายิ้มแย้มรับไหว้ ศกุนตลาจ้องหน้าเขตต์ตวันนิ่ง แม่รีบแนะนำ
“นี่นก ลูกสาวอีกคนนึงค่ะ คุณตวันยังไม่รู้จัก”
ศกุนตลายกมือไหว้หน้านิ่ง แต่ไม่ยิ้ม... เขารับไหว้ยิ้มแย้ม สัมผัสได้ว่าศกุนตลาดูไม่เป็นมิตรกับเขาเหมือนคนอื่น
“มาทานข้าวกันลูก”
ทุกคนมานั่งทานข้าว... เขตต์ตวันก็ตักกับข้าวใส่จานให้แม่ไป
“ขอบคุณค่ะ”
ศกุนตลาจับตามองเขตต์ตวัน สีหน้าพยายามใช้ความคิดอะไรบางอย่าง เขาเหลือบตามองเห็นสายตาสงสัยไม่ไว้ใจของศกุนตลา
ศกุนตลารีบหลบสายตาไปทานอาหารต่อ เขตต์ตวันมีสีหน้าติดใจสงสัยบางอย่างอยู่เหมือนกัน
ภายในคอนโดฯ เยาะกำลังเติมน้ำส้มคั้นให้ลลิสาที่โต๊ะอาหาร ชลบุษย์จิบกาแฟ เล่นสมาร์ทโฟนไป ทุกคนรอเขตต์ตวันออกมาทานข้าว เอกชัยแต่งตัวหล่อออกมาที่โต๊ะอาหารก็งงๆ
“โอ้โห วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าแต่เช้าเลย”
“รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านที่ภูเก็ตเลยนะคะ” เยาะว่า
ลลิสาตาดุใส่ เยาะรีบขยับตัวไปรินน้ำส้มให้ชลบุษย์แทน
เอกชัยตีหน้าตายเดินมานั่งหัวโต๊ะ
“รอผมอยู่เหรอครับ ทานกันเลย”
“คุณปอนล่ะคะ”
เอกชัยหน้าตาย
“ออกไปแต่เช้าแล้วนี่”
“ไปไหนคะ” ลลิสาถาม
เอกชัยยิ้มๆ
“อยากรู้จริงๆเหรอ”
“อย่าบอกนะคะว่าไปหามัทนาอีก”
ทุกคนต่างมองไปที่เอกชัย รอคำตอบ เอกชัยยิ้มมองทุกสายตาที่มองมา
“ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่เมียหลวงของไอ้ปอนมันเลย”
เอกชัยทำเป็นขำๆ ลลิสาเริ่มซีเรียส
“ไม่ตลกนะคะคุณเอก”
“ล้อเล่นน่า ซีเรียสไปได้ ปอนมันไปหาคุณมัทจริงๆ อ้างว่าไปตรวจต้นฉบับ”
ลลิสาแสดงสีหน้าท่าทางหึงหวงไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่ชลบุษย์ยังเก็บอาการนิ่งๆ
“ท่าทางปอนมันจะเจอรักแท้ซะแล้ว น่าอิจฉาจริงๆ” เอกชัยแกล้งพูดยั่ว
ลลิสาลุกพรวดจากโต๊ะอาหาร
“ลิซ่าเข้าบริษัทก่อนนะคะ”
ลลิสาเดินคว้ากระเป๋าถือออกไปจากคอนโดฯ อย่างหัวเสีย ชลบุษย์ก็อยูในอารมณ์เดียวกัน
“ฉันขอคุยโทรศัพท์เดี๋ยวนะคะ”
ชลบุษย์ลุกหน้าหงิก แอบหัวเสียเดินไปทางระเบียง เอกชัยยิ้มแบบรู้ทัน
เยาะเดินมารินน้ำส้มคั้นให้เอกชัยต่อ เอกชัยยังนึกสนุก เหลือบตามอง
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด บ้านเราคงได้คุณนายคนใหม่อีกไม่นานนี้แหละ เธอควรปรับสีให้ทันนะเยาะ จะได้ไม่ตกงาน”
“เยาะไม่ใช่จิ้งจกนะคะคุณเอก”
“ฉันหมายถึงกิ้งก่า”
เยาะงอนๆ
“คุณเอกอ้ะ”
“ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
เอกชัยยักคิ้วให้ เยาะนิ่งไปอย่างใช้ความคิด เอกชัยทานอาหารไปอย่างอารมณ์ดี ที่เห็นความรักของเพื่อนกำลังไปได้สวย
เขตต์ตวันนั่งตรวจต้นฉบับผ่านไอแพดอยู่ที่โซฟารับแขก แอบเหลือบตามองไปที่มัทนาที่นั่งพิมพ์ต้นฉบับใส่โน๊ตบุ้กไปอย่างตั้งใจ
“อ่านหมดแล้ว หน้าต่อไปได้รึยัง”
“ฉันไม่ใช่เครื่องจักรนะคะ บอกอยังไม่เร่งขนาดนี้เลย”
“จะไม่ให้เร่งได้ไงล่ะ เขียนดีมากอยากอ่านต่อ”
มัทนาเหยียดปากใส่
“เสร็จอีกหน้านึงแล้วเดี๋ยวกด send ไปให้ ตรวจคำผิดให้ด้วยล่ะ เร่งดีนัก”
เขตต์ตวันยิ้มๆ ก้มอ่านต้นฉบับในไอแพดต่อไป แม่ที่แอบมองมาจากห้องครัวได้แต่อมยิ้ม
ผ่านเวลาไป 2 วัน เขตต์ตวันในชุดใหม่มากดกริ่งหน้าบ้าน สีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งเขาและเธอนั่งประจำที่เดิม ทำต้นฉบับและรอตรวจกันไป แม่ยกขนมมาเสิร์ฟ เขารีบลุกไปช่วยยก มัทนานั่งทำงานเหล่ๆ มองอยู่ เช้าวันใหม่... แม่มายืนรอๆ ที่หน้าโถงบ้าน มัทนาทานอาหารเช้าอยู่เหล่ๆ มอง เขตต์ตวันขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน แม่รีบออกไปรับอย่างดีใจ มัทนาแอบเหยียดปากหมั่นไส้
มัทนานั่งทำงานที่เก้าอี้ทานข้าวเหล่มองแม่และเขตต์ตวันที่นั่งทานขนมของว่างที่โซฟาคุยกันไปอย่างถูกคอ
กลางวัน...เขตต์ตวันไปเป็นลูกมือแม่มัทนาช่วยทำขนมอยู่ในห้องครัว เขาคล่องแคล่วมีฝีมือด้านนี้เหมือนกัน มัทนามากอดอกแอบมองอยู่แล้วอมยิ้มที่เห็นทั้งสองคนเข้าขากันดี
มัทนานั่งทำงานต่อไป เขาและแม่ช่วยกันยกขนมหลากหลายชนิดออกมาตั้งที่โต๊ะทานข้าว มัทนาเหลือบตามอง
“พักทานของว่างก่อนลูก”
“อร่อยนะ ผมกับคุณแม่ช่วยกันทำ”
เป็นครั้งแรกที่เขตต์ตวันหลุดเรียกแทนตัวเองว่าผมกับมัทนา อาจจะเพราะอยู่กับแม่และให้ความพิเศษขึ้น มัทนาชายหางตามองเขตต์ตวันเล็กน้อย แม่นั่งนำแล้วบอก
“คุณตวันนี่ทำครัวเก่งนะคะ แต่ยัยมัทนี่สิ ไม่เอาไหนเลย”
เขตต์ตวันยิ้มๆ นั่งลงตาม
“อ้าวแม่ เผาลูกสาวซะแล้ว”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ เป็นลูกผู้หญิงแท้ๆ ทำกับข้าวก็ไม่เป็น เย็บปักถักร้อยก็ไม่ได้เรื่อง ซักผ้าถูบ้านไม่ได้ความซักอย่าง”
มัทนางอนปนน้อยใจ
“ตกลงมัทไม่มีดีซักอย่างเลยใช่มั้ยคะแม่”
“มี ล้างจานพอใช้ได้ ไม่แตกหมด”
เขตต์ตวันหลุดขำๆ ออกมา มัทนาค้อนๆ ใส่ตวันด้วยหางตา
“คุณจะมาเยี่ยมหรือมาให้ฉันโดนแม่ด่ากันแน่”
“ยังไปพาลพี่เค้าอีก...ดูเอาเถอะค่ะคุณตวัน แบบนี้จะมีหนุ่มๆ ที่ไหนมาขอลูกสาวแม่คะ”
มัทนาอายๆปนเขิน
“แม่อ้ะ”
“ก็ไม่แน่หรอกครับคุณแม่ ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะต้องการภรรยาที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนนี่ครับ จ้างแม่บ้านทำอาหารเก่งๆ เอาก็ได้”
แม่ยิ้มๆ
“ค่า ผู้ชายหัวสมัยใหม่”
แม่มองหน้าเขตต์ตวันด้วยสีหน้าสงสัย อยากรู้
“ไม่ต้องการแม่บ้านแม่เรือน แล้วคุณตวันต้องการภรรยาเป็นยังไงเหรอคะ แม่ชักอยากรู้แล้วสิ”
เขตต์ตวันเหลือบตามองไปที่มัทนาที่รู้สึกอายๆ ชอบกล จนต้องหลบสายตามองโน้ตบุ๊ก
“ทุกคนเกิดมามีความถนัดไม่เหมือนกันหรอกครับคุณแม่ หาภรรยาเป็นผู้หญิงเก่งงานบ้านงานครัว ผมว่าหาง่ายกว่าภรรยาที่จะมาเป็นคู่คิดให้เราได้นะครับ”
มัทนาอดที่จะเหลือบตามองเขตต์ตวัน ทั้งคู่สบตากัน
“คนที่เข้าใจเรา เต็มใจช่วยและสนับสนุนเราอยู่ตลอดเวลา แล้วที่สำคัญที่สุด คือพร้อมที่จะเปิดใจให้อภัยเราได้เสมอ ไม่ได้หาเจอกันได้ง่ายๆนะครับคุณแม่”
มัทนาแอบมีน้ำตารื้นๆขึ้นมา ซึ้งใจในความหมายที่เขาพูดถึง แต่พยายามกักอารมณ์เอาไว้
“แม่พอรู้จักอยู่คนนึง สนใจจะแนะนำให้รู้จัก”
แม่มองเหล่มาทางลูกสาว มัทนาหน้าชา เหวอ พูดไม่ออก ไม่คิดว่าแม่จะเล่นมุกนี้ เขตต์ตวันอมยิ้มมองหน้ามัทนา ตาหวานเป็นประกาย
มัทนาปากค้างพูดอะไรไม่ออก เดชะบุญ เสียงกริ่งสวรรค์กดดังขัดขึ้นมาพอดี
“ใครมาก็ไม่รู้” มัทนารีบลุกวิ่งออกไป สะดุดโน่นนี่ดังโครมคราม
แม่ขำๆ
“นี่ล่ะลูกสาวแม่”
“น่ารักนะครับ เหมือนลูกแมว”
เขตต์ตวันยิ้มมองตามมัทนาไปสีหน้าแววตาเอ็นดู
สาระวารีและษมายืนรออยู่หน้าบ้าน มัทนารีบวิ่งออกมาอย่างดีใจ
“ค่อยๆ เดินสิมัท” สาระวารีพูดอย่างเป็นห่วง
มัทนายกมือไหว้ษมา
“สวัสดีค่ะคุณษมา”
ษมายิ้มแย้มรับไหว้ มัทนารีบไขกุญแจรั้ว เปิดประตูบ้านให้
“ดีใจจังเลยพี่วารีมาเยี่ยม มัทกำลังโดนรุม กำลังจะจมน้ำตายอยู่แล้ว”
“ใครมารุมน้องพี่”
ษมามองเลยไป ยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณตวัน”
สาระวารีหันมองไปทางหน้าระเบียง เขตต์ตวันเดินตามออกมาดูด้วยความเป็นห่วงยิ้มแย้ม
ให้ทุกคนและรับไหว้สาระวารี มัทนาแอบถอนใจออกมา
เขตต์ตวันและษมายืนคุยกันอยู่ที่สนามข้างบ้าน
“ผมยังไม่ค่อยวางใจ กลัวพวกมันจะย้อนกลับมาอีก ก็เลยต้องหาเรื่องมาเยี่ยมมัทเค้าบ่อยๆ”
ษมาอมยิ้ม แอบกระเซ้า
“ผมเข้าใจครับ ผมก็แอบใช้วิกฤติเป็นโอกาสแบบคุณบ่อยๆ”
เขตต์ตวันเหล่มองษมาเล็กน้อย ษมาตัดบทเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยทำเนียนๆ
“เสียดายยังจับตัวคนยิงคุณมัทไม่ได้นะครับ”
“ครับ ไม่มีใครเห็นหน้ามันชัดๆ รู้แค่ใส่แว่นตาดำ รูปร่างผอมๆ”
เขตต์ตวันยักไหล่อย่างเซ็งๆ ษมาถอนใจ
“ก็จริงอย่างที่คุณตวันว่า ไอ้คนว่าจ้างมันฉลาดเป็นกรด ไม่มีทางสาวถึงตัวได้เลย”
เขตต์ตวันสีหน้าชิงชัง
“มันรอดไปได้อีกไม่นานหรอกครับ”
“มีคุณตวันคอยดูแลคุณมัทอยู่แบบนี้ วารีเค้าจะได้หายห่วง ยอมตามผมกลับไปตราดได้อย่างสบายใจ”
เขตต์ตวันอึ้งไปเล็กน้อย หันมอง เน้นย้ำอีกครั้ง
“กลับไปตราดพร้อมกับคุณ อย่าบอกนะครับว่าคุณสองคนกำลังจะมีข่าวดี”
ษมาได้แต่ขำๆ แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไปมาให้เดาเอาเอง
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
มายาตวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
สาระวารีจูงมือมัทนามานั่งคุยที่เตียงนอนในห้องมัทนา
“เป็นไงมั่งมัท เจ็บแผลหรือว่าปวดหัวอีกรึเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ ไปให้คุณหมอดูแผลมาแล้ว หมอยังชมเลยว่าแผลหายเร็ว”
สาระวารียิ้มกระเซ้า
“ก็บอกหมอไปสิว่ามีกำลังใจดี”
มัทนาเสียงแข็ง
“พี่วารี”
“คุณตวันนี่เค้าก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ เห็นเป็นพระเอกหนังเกลียดนักข่าว นึกว่าจะขี้เก็กแต่นิสัยใช้ได้เลยนะ”
มัทนาหมั่นไส้
“เจอเค้าแค่ครั้งสองครั้ง ตัดสินได้แล้วเหรอว่าเค้านิสัยดี”
“พี่ไม่ได้บอกซักคำว่านิสัยดี พี่บอกว่านิสัยใช้ได้”
มัทนาเหยียดปากไม่เห็นด้วย
“วันนั้นพี่ก็ยังไม่ไว้ใจหรอกนะ ไม่อยากให้เค้าพามัทกลับมาส่งบ้านหรอก แต่คุณษมาน่ะสิ เค้าบอกว่าเชื่อใจคุณตวันได้ ลากพี่ออกมาจากห้องเลย ร้ายที่สุด” สาระวารีนึกแล้วมีสีหน้าเคืองๆ
“แล้วนี่คุณษมายังไม่กลับเกาะไปอีกเหรอะ เค้าตรวจต้นฉบับเค้าเสร็จแล้วนี่คะ”
“ก็จะกลับอีก2-3 วันนี่ล่ะ แต่พี่คงต้องไปตราดกับเค้าด้วย” สาระวารีแอบเสียงอ่อย
“อ้าว ไปทำไมอีกคะ ไปทำข่าวคาสิโนต่อ หรือว่า … จะกลับไปย้อนอดีตรัก 17 ปีก่อน” มัทนายิ้มกระเซ้า
สาระวารีหยิกแขนมัทนา แอบเขิน
“โอ๊ย เนื้อหลุดแล้วพี่วารี”
สาระวารีสีหน้าหมั่นไส้
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าหัวเจ็บนะ โดนตบเหม่งไปแล้ว”
มัทนาหน้าตูม ขยับตัวห่างเล็กน้อย
“พี่ไปทำสกู๊ปเรื่องพลอยย่ะ บอกออยากให้ทำ”
มัทนาแอบกระเซ้าต่อ ทำหน้านึกๆ
“เอ๊ เหมือนคุ้นๆ ว่าใครไม่ค่อยอยากไปทำนี่นา”
สาระวารีตีตักมัทนาแต่มัทนาหลบทันเลยตีลงเตียงแทน
“พี่ไม่เคยพูดซักคำว่าจะไม่ทำ ยัยมี่ไลน์มาเมาท์ล่ะสิ”
มัทนายิ้มๆ สาระวารีร้อนตัว รีบเคลียร์คอเป็นเอ็น
“คุณษมาเค้าเป็นแหล่งข่าวให้พี่ได้ แล้วเค้า บ้านก็ใกล้ พี่ทำข่าวสะดวก ไม่เสียค่าที่พักด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไม่กลับไปพร้อมกับเค้า”
มัทนานั่งฟังแล้วอมยิ้มไม่เชื่อตลอด สาระวารีหลุดยิ้ม
“อย่ามาทำหน้าทะเล้นใส่พี่นะ”
สาระวารีหยิบหมอนใกล้มือฟาดมัทนาเล็กน้อย
มัทนาถอนใจ ทำหน้าจ๋อยๆ แหยๆ
“โธ่ แก๊งสามทหารเสือสาวของเราแตกซะแล้ว”
มัทนาและสาระวารีสบตากันแล้วต่างระเบิดหัวเราะเสียงใสออกมาพร้อมๆกัน สาระวารีปาตุ๊กตาในมือใส่มัทนา มัทนากอดตุ๊กตาไว้แล้วต่างก็ขำๆ กัน แล้วทั้งคู่ก็นิ่งไป อมยิ้ม สายตาหวานเชื่อม กำลังอินเลิฟด้วยกันทั้งคู่
เขตต์ตวันเลือกรูปไป มัทนาพิมพ์ต้นฉบับจากสมุดโน้ตที่ตนถอดเทปออกมาต่อไป
“ไม่เอารูปนี้ได้มั้ย”
มัทนาชักหน้าหงิก
“ไหนอีกคะ”
เขตต์ตวันแอบจ๋อยๆส่งรูปให้ดู...เป็นรูปเขามองกล้องตรงๆ ยิ้มดูดี แสงสวย หล่อเหมือนนายแบบ มัทนาหน้าเสีย
“รูปนี้ไม่เอาออกได้มั้ยคะ”
“ทำไมล่ะ”
“มัทว่ามันเป็นรูปที่ดีที่สุดที่มัทถ่ายคุณมาเลยนะคะ มัทชอบมาก คุณดูดีออก”
“ไม่เห็นจะดีเลย รูปนี้เหมือนถ่ายแบบมากเกินไป ผมไม่ชอบ เอารูปอื่นเถอะ”
มัทนาชักงอนปนน้อยใจ
“มัทเลือกรูปไหนคุณก็คัดออกหมด จะให้มัทลงแต่รูปแย่ๆรึไง...คุณนี่เอาแต่ใจตัวเองจังเลย รู้มั้ยว่าคนที่ถูกสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เค้าไม่มีโอกาสเห็นรูปก่อนหรอกนะจนกว่าหนังสือจะออก”
“เผอิญผมเป็นคนส่วนน้อย ถือเป็นข้อยกเว้น” เขตต์ตวันยิ้มๆ
มัทนาย่นจมูกใส่ งอนๆ ทำหน้างอ
“เอาน่า อย่าเพิ่งทำหน้างอ ผมขอแค่ 2-3 ใบแค่นี้ล่ะไม่เลือกอีกแล้ว” เขตต์ตวันสีหน้าอ้อนๆเล็กน้อย มัทนาถอนใจพรวดใส่ แย่งไอแพดมาจากมือตวันมา
“มัทจะเลือกรูปที่คุณหน้าตาน่าเกลียดสุดๆ ลงให้หมดเลย”
เขตต์ตวันกระเซ้า
“ผมว่า “ตะวันฉายกลางใจฉัน” ไม่ทำหรอก” เขายิ้มมั่นใจ
มัทนาอายปนหมั่นไส้หยิกแขนเขตต์ตวันอย่างมันเขี้ยว
“โอ๊ย”
มัทนาหน้าหงิกงอนๆ ลุกเดินออกไปจากบ้านเลย
“อ้าว จะไปไหนล่ะ”
เขตต์ตวันมองตามขำๆ ด้วยความเอ็นดู
ผ่านเวลาซักครู่ เขตต์ตวันและมัทนามาเดินเล่นคุยกันที่สวนสาธารณะ รับอากาศสดชื่น คลายสมองจากการทำงานด้วย
“นี่ถ้าไม่กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย มัทไม่ให้คุณดูรูปหรอกนะคะ”
เขตต์ตวันชะงัก หยุดเดิน
“ยังโกรธผมอยู่เหรอ”
“เปล่าค่ะ มัทเคยบอกคุณไปแล้วไงว่าไม่โกรธ ตอนนั้นถ้าเป็นมัทก็คงทำเหมือนกับคุณ บางทีอาจจะแรงกว่าด้วยซ้ำ”
เขตต์ตวันถอนใจออกมา สีหน้าเครียดๆ อัดอั้นตันใจ
“รูปพวกนั้นเหมือนระเบิดที่แขวนอยู่ในหัวของผม ไม่มีทางรู้ว่ามันจะระเบิดขึ้นเมื่อไหร่ที่ไหน มันทรมานผมมาก ผมแทบคลั่งทุกครั้งที่เห็นรูปพวกนั้น”
มัทนาเข้าใจความรู้สึก
“แล้วคุณเผารูปพวกนั้นทิ้งไปหมดรึยังคะ”
เขตต์ตวันพยักหน้ารับ
“ผมเผาไปหมดแล้วล่ะ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร แผ่นอยู่ในมือมัน จะพิมพ์ขายใต้ดินอีกกี่รอบก็ได้ จะเผยแพร่ทางเน็ตยั่วประสาทผมทุกวัน มันก็ทำได้”
อ่านต่อเวล่ 17.00น.
เขตต์ตวันสีหน้าเจ็บแค้นขึ้นมา มัทนามีสีหน้าติดใจสงสัยขึ้นมา
“มัทยังสงสัยไม่หายนะคะว่ารูปพวกนั้นเข้ามาอยู่ในห้องพักมัทได้ยังไง”
เขตต์ตวันหันมองหน้ามัทนา สีหน้าอยากรู้เหมือนกัน
“ตอนแรกมัทนึกว่าบอกอส่งไปให้ แต่เค้าว่าเปล่า ซึ่งก็จริงนะคะ เพราะว่าซองไม่มีตราประทับอะไรเลย ต้องมีใครซักคนเอามาฝากที่เคาน์เตอร์ พนักงานเลยคิดว่าเป็นรูปที่มัทฝากไปอัดที่ร้านเลยเอาขึ้นไปไว้ให้ที่ห้อง”
เขตต์ตวันฉุกคิด ซักต่อ
“แล้วรูปที่สั่งอัดได้มั้ย”
“ได้ค่ะ อยู่ที่เคาน์เตอร์”
เขาคิดตามอย่างสงสัย
“นอกจากที่บ้านผมแล้ว ที่ภูเก็ตมีใครรู้ว่ามัทเป็นนักข่าวมั่งมั้ย”
“ก็มีแต่พนักงานต้อนรับที่โรงแรมบางคน”
มัทนาฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา แล้วชะงักไป... เมื่อย้อนคิด
วันที่มัทนามาเข้าพักที่โรงแรม “เชน” ชายหนุ่มสูงใหญ่ใส่สูทเนี๊ยบสีเข้มยืนเขียนเอกสารอยู่ก่อนแล้ว
มัทนาบอกพนักงานต้อนรับ
“เช็คอินค่ะ ชื่อมัทนาค่ะ”
เชนขยับตัวออกให้มัทนามีที่สะดวกๆ มัทนาหันไปมองยิ้มมารยาทให้
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมชื่อเชน ครอส ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เชนยื่นมือไปเช็คแฮนด์
มัทนายิ้มแย้มเช็คแฮนด์ตอบ
“เช่นกันค่ะ”
เชนจ้องหน้ามัทนา ส่งตาหวาน
“คืนนี้ให้เกียรติทานข้าวกับผมซักมื้อนะครับ”
มัทนาตาเบิกโพลงเล็กน้อย
“เอ๊ะ แล้วคุณมัทมาทำงานอะไรที่ภูเก็ตเหรอครับ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“บอกได้สิคะ มัทมาทำข่าวค่ะ”
“คุณมัทเป็นนักข่าวเหรอครับเนี่ย มาทำสารคดีเหรอครับ”
“มัทเป็นนักข่าวสายบันเทิงค่ะ มัทมาตามสืบเรื่องคุณเขตต์ตวัน”
มัทนาพึมพำ
“ไม่น่าใช่”
เขตต์ตวันได้ยินเธอพึมพำก็สงสัย
“มีอะไรเหรอ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ”
เขตต์ตวันสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่ทันจะซักต่อ มัทนาก็ชิงเปลี่ยนเรื่องซะก่อน
มัทนาพูดขัดก่อนตวันจะถามต่อ
“แต่ก็แปลกนะคะ ถ้าเพื่อนคุณต้องการให้มัทลงรูปพวกนั้นทำลายคุณ แล้วจะมาดักยิงมัททำไม”
“ผมกับเอกก็แปลกใจเหมือนกัน แต่เราสรุปกันว่ามันคงรู้แน่ว่าคุณคงไม่ลงรูปพวกนั้น และมันก็คงคิดว่าคุณกับผมมีความสัมพันธ์กัน”
มัทนาตาเบิกโพลง รู้สึกหน้าแดงกล่ำ ร้อนวูบวาบไปหมด
“มันเลยต้องการเล่นงานคุณเพื่อให้ผมแค้นใจจนกระอัก”
มัทนากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ไปต่อไม่ถูกเลย อดที่จะแอบคิดในใจไม่ได้
เสียงความคิดของมัทนาดังถาม
“ความสัมพันธ์มันกินความกว้างถึงขนาดไหน แค่เพื่อน คนรู้จัก หรือว่า...จะถามเค้าดีมั้ย”
เขตต์ตวันมองหน้ามัทนาที่มีสีหน้าดูงงๆ เหมือนมีคำถามจะถามเขา
“อย่าถามดีกว่า ถ้าเค้าตอบว่าเราก็แค่คนแปลกหน้าผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เสียใจตายเลย” เสียงความคิดได้ข้อสรุป
เขาจ้องหน้าเธอ
“หน้าตาเหมือนมีคำถาม จะถามอะไรก็ว่ามา”
มัทนาไม่กล้าสู้ตา ดูลุกลี้ลุกลน
“เปล่าค่ะ กลับกันเถอะ”
มัทนาดูประหม่าจะเดินกลับ แต่สะดุดโน่นนี่
“ระวัง”
มัทนาก้มหน้าก้มตารีบเดินเร็วนำกลับไปก่อน เขตต์ตวันมองยิ้มส่ายหน้า ก่อนจะเดินตามติดไป
เวลาหัวค่ำ มัทนานั่งพิมพ์งานใส่โน้ตบุ๊กอย่างตั้งอกตั้งใจที่โต๊ะทำงานในห้องนอน เธอพิมพ์คำสุดท้ายกดไปสุดแรงเกิด ก่อนจะยกมือเฮดีใจสุดๆ มัทนาฉุกคิด
“ลืมเซฟ” มัทนารีบกดเซฟ
“โอ๊ย เสร็จซะที”
มัทนามองผลงานยิ้มแย้ม... ลาก่อนโต๊ะข่าวบันเทิง
มัทนาหยิบโทรศัพท์มือถือจะโทรหาเขตต์ตวันบอกว่า จะส่งต้นฉบับที่เหลือให้ดู มัทนาชะงักไป เปลี่ยนใจรีบเซฟงานใส่ทรัมไดรฟ์
วาสิฏฐีกำลังเพลินให้อาหารเต่าอยู่ไปมา มัทนาเปิดประตูห้องรีบร้อนเข้ามา มองน้องสาวที่ยังไม่ได้อาบน้ำ
“ไปข้างนอกกับพี่เดี๋ยว”
“ไปไหน”
“ไปเถอะน่ะ เดี๋ยวมืด”
มัทนากระชากตัววาสิฏฐีตัวปลิวออกไปจากห้องนอน
ภายในคอนโดฯ เอกชัยเอาถาดใส่ช็อกโกแล็ตนำเข้าหลายยี่ห้อมาวางตรงหน้า วาสิฏฐีตาเบิกกว้าง
“ชอบช็อกโกแล็ตมั้ย”
“ของโปรดเลยค่ะ”
“ไม่พอ เปิดตู้เย็นหยิบเอาเลย”
“แค่นี้ก็ทานไม่หมดแล้วล่ะค่ะ”
“ตามสบายนะ”
เอกชัยเดินไปหาเขตต์ตวันทางโซฟารับแขก พอเอกชัยเดินพ้นไป วาสิฏฐีก็แอบเก็บช็อกโกแล็ตบางอันยัดใส่กระเป๋าไปกินบ้าน เขตต์ตวันกำลังอ่านงานของมัทนาไปก็อมยิ้มไปมา มัทนาจ้องดูสีหน้าอาการของเขาอย่างไม่ละสายตา เอกชัยเดินมานั่งข้างๆ มัทนา
“อ่านยังไม่จบอีกเหรอะปอน”
เขตต์ตวันละสายตามามองหน้ามัทนา
“ชอบมั้ยคะ”
“ส่งอีเมลมาก็ได้ ไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลย”
“ฉันอยากเห็นสีหน้าคุณตอนอ่านบทความของฉันจนจบกับตาตัวเอง จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ”
เขตต์ตวันและเอกชัยยิ้มๆ
“มัทคิดว่านี่เป็นงานสัมภาษณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่มัทเคยเขียนมาเลยนะคะ”
“ออกตัวซะขนาดนี้ ว่าไงวะปอน”
เขตต์ตวันมองหน้ามัทนา
“ผมคิดว่ามันเป็นงานสัมภาษณ์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านเหมือนกัน”
มัทนายิ้มปลาบปลื้ม เขตต์ตวันยังไม่ละสายตาจากหน้ามัทนา เอกชัยแอบเหล่ๆ มองทั้งคู่อย่างจับสังเกต
“ดีใจจังเลย แล้วปกติคุณปอนชอบอ่านงานสัมภาษณ์ของเล่มไหนมากที่สุดคะ”
เขตต์ตวันน้ำเสียงออกแข็งๆ
“ทำไมผมต้องชอบอ่านเรื่องที่นักข่าวไปสอดเรื่องชีวิตส่วนตัวของชาวบ้านด้วยล่ะ”
มัทนาหน้าแหยไป
“ฉบับไหนๆก็เหมือนกัน บางทีเค้าไม่เต็มใจให้สัมภาษณ์ ก็เอามาเขียนเสียๆหายๆ บิดเบือนไปตามที่นักข่าวอยากจะเขียน ผมไม่อ่านหรอก เสียเวลา”
มัทนากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
“ปอนมันไม่เคยอ่านงานสัมภาษณ์ของใครทั้งนั้นแหละ ของมัทนี่แหละเป็นงานแรกที่มันอ่าน”
“อ้าว ไหนว่าเป็นงานที่ดีที่สุดที่คุณเคยอ่านไงคะ”
เขตต์ตวันยิ้ม จ้องหน้ามัทนา
“ก็ดีที่สุดจริงๆ นี่ ถึงจะเป็นงานชิ้นเดียวที่ผมเคยอ่านก็เถอะ ผมเชื่อในสัญชาตญาณของผม ผมว่าดีก็คือดี ดีตรงที่คุณเขียนด้วยความจริง เขียนด้วยฝีมือและความตั้งใจ ไม่จำเป็นต้องเอางานของคนอื่นมาเปรียบเทียบ ผมก็รู้ว่ามันต้องดีที่สุด”
มัทนาปลื้มมากจนแอบน้ำตารื้นๆ เขตต์ตวันก็ยิ้มแย้มจับตามองมัทนาไม่วางตา เอกชัยอดกระเซ้าไม่ได้
“โอ๊ย พระเอกฉลามร้ายของวงการบันเทิงกลายเป็นฉลามเชื่องๆ ไปซะแล้ว”
มัทนาอมยิ้ม
“ก็เกินไป” เขตต์ตวันบอกยิ้มๆ
“เกินที่ไหน”
เอกชัยลุกขึ้นกลัวถูกเตะ ทำเสียงล้อเลียน แข็งๆ
“จากฉันยังงั้นเธอยังงี้ กลายเป็นผมนะครับคุณ โอ๊ย ช็อกโกแล็ตโต๊ะโน้นหวานน้อยกว่าโต๊ะนี้ซะแล้ว”
เขตต์ตวันเขิน จะลุกเล่นงานเพื่อน
“ไอ้เอก”
มัทนาอายม้วน เอกชัยเผ่นแน่บไปหาวาสิฏฐียิ้มๆ ขำๆ ให้กัน แปะมือกันถูกใจ
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.