มารกามเทพ ตอนที่ 2
ตกตอนกลางคืน เกรียงศักดิ์เดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับดาราณี มีตาหวานกับนวลออกมารับกระเป๋า ดาราณีถามหาลูกสาว
“น้ำหนึ่งล่ะ”
“อยู่ในห้องค่ะ” นวลบอก
ดาราณีถาม “แล้วพี่คนนั้นมาอีกมั้ย”
“เปล่าค่ะ” นวลตอบ
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์ยิ้มสบายใจก่อนเดินเข้าไปข้างใน ตาหวานหน้าจ๋อย
“สงสารพี่น้ำหนึ่งจัง แต่อย่างว่ารักแท้ย่อมมีอุปสรรค” ตาหวานยิ้มเพ้อ “และตาหวานก็เชื่อว่า...สุดท้ายพี่คนนั้นจะต้องเอาชนะใจท่านได้ค่ะ”
“เพ้อเจ้อ” นวลเดินออกไป
“พี่คนนั้นหล่อจะตาย ถึงถูกด่าว่าเพ้อเจ้อ ตาหวานก็ยอมค่ะ”
ตาหวานยิ้มตามประสาเด็ก ไม่ได้คิดอะไร
เพชรน้ำบุษย์อยู่ในห้องนอน ตามองจ้องโทรศัพท์ แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ ส่งมาสักที เพชรน้ำบุษย์หยิบมือถือขึ้นมาพึมพำ
“ทำไมพี่เพชรไม่โทร.มาซักที”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที เพชรน้ำบุษย์สะดุ้งโหยงตกใจ พอเห็นเบอร์โทร.ก็ยิ้มแฉ่ง รีบรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
เพชรอยู่ที่คอนโด ดวงตาแข็งกระด้าง แต่ปากยิ้ม เสียงหวาน
“ขอโทษจ้ะน้ำหนึ่ง พอดีพี่ยุ่งกับงานทั้งวัน เลยเพิ่งได้โทร.มา”
“แล้วนี่พี่เพชรเลิกงานแล้วเหรอคะ”
เพชรสร้างภาพ “เปล่าจ้ะ...พักให้คนงานไปทานข้าว พี่เลยถือโอกาสโทรฯมาหาน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มดีใจมีความสุข แต่นึกห่วง “งั้นก็แปลว่า...พี่เพชรก็ยังไม่ได้ทานข้าวสิคะ”
“จ้ะ...แต่ไม่เป็นไร พี่อยากคุยกับน้ำหนึ่งมากกว่า เป็นไง..เมื่อเช้า อาหารอร่อยมั้ย”
“อร่อยมากเลยค่ะ”
“งั้นวันหลัง...เดี๋ยวเราไปทานด้วยกัน อ้อ! รถของน้ำหนึ่งได้แล้วนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเลิกงาน พี่จะแวะไปรับน้ำหนึ่งที่บ้าน”
เพชรน้ำบุษย์ตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะพี่เพชร”
เพชรวูบไป “น้ำหนึ่งไม่อยากเจอพี่”
“อยากเจอค่ะ...น้ำหนึ่งมีของจะให้พี่เพชรด้วย แต่...ไปเจอกันที่อู่ดีกว่าค่ะ”
เพชรตาวาว แต่น้ำเสียงออดอ้อนฟังดูเศร้า “อ้อ! น้ำหนึ่งคงไม่อยากให้พี่ไปที่บ้าน ไม่เป็นไรพี่เข้าใจเจอกันที่อู่ก็ได้จ้ะ...ฝันดีนะจ้ะน้ำหนึ่ง”
“ค่ะพี่เพชร..ฝันดีค่ะ” เพชรน้ำบุษย์วางสายสีหน้าไม่สบายใจ “จริงๆ น้ำหนึ่งอยากให้พี่เพชรมาหาที่บ้านค่ะแต่คุณพ่อ...”
ฟากเพชร ยืนอยู่ที่ระเบียงคอนโดพูดกับตัวเองเสียงกร้าว
“ทำกับผู้หญิงไว้เยอะล่ะสิ ถึงได้หวงลูกสาว...ดี หวงเท่าไหร่ยิ่งดี เวลาเจ็บจะได้กระอักเลือด เหมือนกับที่แกทำกับพี่พลอย”
ดวงตาเพชรแข็งกร้าวรับใบหน้าถมึงทึงยิ่งแลดูน่ากลัว
ค่ำคืนนั้นที่บ้านเชิงเขา พลอยกำลังยื่นเช็คให้พจนีย์ ซึ่งพจนีย์มองอย่างลิงโลด ดีใจ ท่าทางร่าเริงสดใส ยื่นมือมารับพร้อมยกมือไหว้
“ขอบคุณมากค่ะพี่พลอย นี่ถ้าพี่พลอยไม่ช่วย เราแย่แน่เลย”
รจนาผู้เป็นน้องสาวยกมือไหว้ตามแต่ท่าทางเรียบร้อยกว่าพจนีย์ “ขอบคุณมากค่ะพี่พลอย”
พลอยยิ้ม ดวงหน้าละไม “ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยๆ กัน”
พจนีย์ประจบ “ถ้าพี่พลอยมีอะไรให้พจน์ช่วย บอกมาเลยนะคะ พจน์ทำให้ทุกอย่าง เพราะพี่พลอยมีบุญคุณกับพจน์”
“คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” พลอยถาม
พจนีย์หัวเราะคิก “จริงสิคะ..เงินตั้งมากมาย พี่พลอยยังให้พจน์ได้เลย” หญิงสาวพูดแบบขำๆ “นี่ถ้าพี่พลอยเป็นผู้ชาย...พจน์ก็ยินดี เป็นของพี่พลอยค่ะ”
พจนีย์หัวเราะร่าเริง แต่รจนาทำหน้าจ๋อย แย้งออกมา
“พี่พจน์ นั่นมันมีแต่ในละคร”
พลอยเยื้อนยิ้ม “อาจไม่ใช่แค่ในละครก็ได้จ้ะ เพราะในโลกนี้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“แต่ถ้าเป็นการแต่งงานล้างหนี้ พจน์ขอแต่งกับพี่เพชรแทนพี่พลอยนะคะ” พจนีย์หัวเราะเขิน “เออ..แล้วพี่เพชรล่ะคะ? หมู่นี้พจน์ไม่เห็นพี่เพชรกลับมาเยี่ยมบ้านเลย”
พลอยยิ้มรู้ทัน “เพชร ติดธุระอยู่ที่กรุงเทพฯ น่ะจ้ะ เสร็จงานก็คงจะกลับ”
“งั้นถ้าพี่เพชรกลับมา พจน์จะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวของโปรดของพี่เพชรมาให้ค่ะ”
รจนามองหน้าพจนีย์ สีหน้าสงสัยว่าพี่สาวชอบเพชรจริงหรือ? ขณะที่พจนีย์มองดูรูปเพชรที่วางตั้งอยู่ในบ้านอย่างเป็นปลื้ม พลอยเหลือบตามองเห็นเข้าใจในสายตาของรจนา
พลอยยิ้มมีเลศนัยขณะตอบสั้นๆ “ได้จ้ะ”
พจนีย์ยิ้มแย้มบอกลา “งั้น..วันนี้พจน์กลับก่อนนะคะ ขอบคุณพี่พลอยมากค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่พลอย” รจนาบอก
สองพี่น้องยกมือไหว้พลอย แต่ตามองดูรูปเพชร พลอยได้แต่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“แล้วเจอกันจ้ะ พจนีย์ รจนา”
รจนา และพจนีย์เดินออกไปแต่ตามองเพชรทั้งสองคน
สองพี่น้องเดินออกมา รจนาถามพจนีย์
“พี่พจน์ชอบพี่เพชรเหรอ”
“โห!ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ใครบ้างจะไม่ชอบ” พจนีย์มองรจนา ถามสัพยอก “หรือแกไม่ชอบ”
“เราเป็นผู้หญิง พูดจาอะไรอย่างนี้น่าเกลียด”
“ปากตรงกับใจ น่าเกลียดตรงไหน ดีกว่าคนแอ๊บแล้วกันน่า”
พจนีย์พูดเปิดเผย รจนาหน้าจ๋อย ระหว่างนั้นทับทิมเดินสวนเข้ามาพอดี สองคนยกมือไหว้
“อ้าว..คุณน้าสวัสดีค่ะ”
ทับทิมรับไหว้ “สวัสดีจ้ะ จะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ..ไว้พจน์จะมาหาบ่อยๆ นะคะ” พูดเหมือนมีเลศนัย รู้อยู่คนเดียวว่าแอบชอบเพชร
ทับทิมรับคำงงๆ ว่าจะมาทำไม “จ้ะๆ"
สองคนเดินออกไปทับทิมมองตามด้วยความสงสัย
ไม่นานหลังจากนั้นทับทิมประคองพลอยให้นอนลงบนเตียง ขณะถาม
“สองคนนั้นมาทำไม”
“มายืมเงินค่ะ จะเอาไปไถ่ที่”
ทับทิมตกใจ “แล้วพลอยเอาเงินจากไหน ไถ่ที่ มันไม่ใช่เงินน้อยๆ”
“ก็เงินที่เค้าโอนมาให้ใช้น่ะค่ะ”
ทับทิมยิ่งตกใจมากขึ้น “อย่าบอกนะ ว่าแกยังเอาเงินจากไอ้เกรียงศักดิ์อยู่”
พลอยนิ่ง แต่ดวงตาแข็งกร้าว ยอมรับอยู่ในที ทับทิมมองอย่างไม่พอใจ ความโกรธแล่นมาเป็นริ้วๆ
“ทำไมแกถึงยอมให้มันเอาเงินฟาดหัว? ทั้งๆ ที่มันคิดจะฆ่าแกแล้วมันก็ยัง ทำให้แกกลายมาเป็นคนพิการแบบนี้ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่เจ็บไม่จำบ้างรึไงพลอย”
พลอยโกรธขึ้นมา พูดเสียงเครือสั่น แต่ดังมาก “ก็เพราะพลอยทั้งเจ็บทั้งจำน่ะสิคะแม่...ว่ามันทำอะไรกับพลอย พลอยถึงต้องเอาจากมัน อย่างน้อย...มันจะได้คิดว่าพลอยโง่ พลอยเชื่อง ยอมทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว...พลอยอยากจะฆ่ามันตลอดเวลา” พลอยกระแทกเสียงตรงคำท้ายๆ “คนเก่งที่ไม่ระวังศัตรู ยังไงมันก็ต้องแพ้”
“แน่ใจนะว่ามันไม่ใช่ข้ออ้าง”
“แม่หมายความว่ายังไง”
“แม่รู้ว่าแกรักมัน ที่แกยอมเป็นเมียน้อย เมียเก็บก็เพราะแกรักมัน แล้วแกคิดเหรอว่าสิ่งที่มันยื่นให้แกเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ จะไม่ทำให้แกผูกพันกับมัน และถึงวันนั้น แกก็จะใจอ่อน”
“แม่กำลังดูถูกพลอย”
“ฉันรู้จักแกมากกว่า...คนเก่งที่ไม่ระวังศัตรูอาจจะแพ้ แต่คนที่ไม่กล้าทำร้ายศัตรูเพราะใจอ่อน อันตรายยิ่งกว่า...”
“ไม่มีวัน! พลอยไม่มีวันใจอ่อน! ต่อให้ตายพลอยก็จะเอาคืน และเพชรก็คือตัวแทนความแค้นของพลอย”
พลอยตะโกนก้อง น้ำตาไหลนอง ด้วยความแค้นใจ
วันต่อมาเพชรยืนอยู่ที่รถของเพชรน้ำบุษย์ ถัดไปด้านนอกคือรถคันเก่าของเพชรที่จอดอยู่ สักครู่มีแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอด และเพชรน้ำบุษย์ก็ก้าวลงมาพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง
“พี่เพชร”
เพชรที่คุยกับเพื่อนอยู่หันมา “อ้าว! มาแล้วเหรอน้ำหนึ่ง” แล้วหันไปบอกกับเพื่อน “ฉันฝากรถไว้ก่อนนะ เดี๋ยวมาเอา” เพชรแตะไหล่อย่างจงใจแต่ทำทีเป็นไม่ตั้งใจ “ปะ น้ำหนึ่ง”
“แล้วค่าซ่อมเท่าไหร่คะ”
“ไม่เป็นไร พี่จัดการแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์มองอย่างเกรงใจปนปลื้ม “แต่…”
เพชรเยื้อนยิ้มทำเป็นใจดี “เล็กน้อยน่า” พร้อมกับเดินนำไปที่รถเพชรน้ำบุษย์ “แล้วนี่ถืออะไรมาเยอะแยะ มะพี่ช่วย”
เพชรจะคว้าของในมือมาถือ เพชรน้ำบุษย์ยิ้มบอก พลางยื่นให้
“น้ำหนึ่งซื้อเสื้อมาฝากพี่เพชรค่ะ พอดี..เห็นพี่เพชรทำงานดึกบ่อยๆ บางวันก็ไม่ได้กลับบ้าน พี่เพชรจะได้เอาไว้เปลี่ยน”
เพชรทำเป็นยิ้มดีใจมองซึ้งๆ “ขอบใจมากจ้ะที่ห่วงพี่”
เพชรรับถุงเสื้อแล้วไปที่รถของตัวเอง โยนถุงเสื้อเข้าไปโดยไม่ได้สนใจ ขัดกับคำพูดหวานๆ แต่เพชรน้ำบุษย์ยังไม่ทันฉุกคิด ก่อนจะเดินย้อนกลับมาหาเพชรน้ำบุษย์ คราวนี้แตะเอวสาวเจ้าเนียนๆ
“ป่ะ รีบไปกันเถอะ..สายแล้ว เผื่อมีเวลาจะได้ไปทานข้าวกัน”
เพชรน้ำบุษย์รู้ว่าถูกแตะเอว สาวน้อยสะเทิ้นยิ้มเขิน แอบมองเพชร รู้สึกอบอุ่น เขาไม่ได้มีท่าทีที่
จะล่วงเกินแม้แต่นิดเดียว เพชรน้ำบุษย์ยิ้มปลื้มเข้าไปใหญ่
บนถนนสวยๆ เส้นนั้น เห็นต้นปีบเรียงรายกันเป็นแถวเป็นแนว สีขาวนวลตาของดอกปีบดูเหมือนกลีบเมฆลอยละล่อง เพชรน้ำบุษย์มองตาเป็นประกายเจิดจ้า
“ดอกปีบสวยจังเลยนะคะ”
“น้ำหนึ่งชอบเหรอ”
“ค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์พูดแค่นั้น เพชรก็เบนรถจอดเข้าข้างทางทันที เพชรน้ำบุษย์งง
“รถเป็นอะไรคะพี่เพชร”
เพชรไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มหวานอบอุ่นให้เพชรน้ำบุษย์ ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ต้นปีบ หยิบใบไม้
ที่พุ่มไม้ข้างๆ มาทำเป็นกรวยกระทงง่ายๆ เอาเศษกิ่งไม้ทำเป็นไม้กลัด ร่างสูงโปร่งของเพชรเอื้อมมือขึ้นไปเด็ดดอกปีบหลายดอกมาใส่กรวย ก่อนเดินมาหาเพชรน้ำบุษย์ที่รถ ยื่นให้
“พี่ให้”
เพชรน้ำบุษย์มองเพชร อึ้ง ตะลึง คาดไม่ถึง ว่าเพชรจะโรแมนติกขนาดนี้ จังหวะนั้นเหมือนมีคนมองมายังสองคน และเอามือถือถ่ายภาพเอาไว้ ขณะที่เพชรเดินอ้อมมาที่รถ ขับออกไป ในใจเพชรไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด แต่เพชรน้ำบุษย์มองเพชรอย่างปลาบปลื้ม ประทับใจสุดจิต
ด้านหลัง เห็นรถคันหนึ่งวิ่งตาม
ขณะที่เกรียงศักดิ์นั่งทำงานอยู่ที่กระทรวง เสียงแมสเสจมือถือดัง เกรียงศักดิ์หยิบมาดู เห็นเป็น
ภาพเพชรยื่นดอกไม้ให้เพชรน้ำบุษย์
“น้ำหนึ่ง”
ดวงตาเกรียงศักดิ์วาววับไม่พอใจมาก
เพชรขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นรถของเพชรน้ำบุษย์ รปภ.ก็วิ่งมาเปิดประตูให้ เพชรขับรถเข้าไป นวลกับตาหวานวิ่งออกมารับตามปกติ
“พี่น้ำหนึ่งได้รถมาแล้ว” ตาหวานตื่นเต้นดีใจ
เพชรกับเพชรน้ำบุษย์ก้าวลงมาจากรถคนละด้าน ในมือเพชรน้ำบุษย์มีกระทงดอกปีบอยู่
ตาหวานมองจ้องจนตาค้าง “พี่คนนั้น”
แต่นวลตกใจมาก “คุณน้ำหนึ่ง” รีบเดินปรี่มาหา “ทำไมทำแบบนี้คะ เดี๋ยวคุณพ่อก็โกรธหรอก” นวลหันมาพูดกับเพชรไม่ดุดัน แต่ร้อนรน “คุณรีบกลับไปเลยค่ะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
เพชรชะงักมองมายังเพชรน้ำบุษย์ท่าทีตกใจ
“ป้านวล..พูดกับพี่เพชรอย่างนี้ได้ยังไงคะ พี่เพชรอุตส่าห์ไปเอารถให้น้ำหนึ่งนะคะ”
“แต่ถ้าคุณท่านรู้ จะเป็นเรื่องใหญ่นะคะ”
เพชรน้ำบุษย์หน้าเสียหนัก โดยไม่เห็นว่าดวงตาเพชรเป็นประกายวาบขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนบอกเสียงนุ่ม
“ไม่เป็นไรจ้ะน้ำหนึ่ง พี่กลับก่อนแล้วกัน” ค้อมศีรษะให้นวล จะเดินออกไป
เพชรน้ำบุษย์เรียกไว้ “พี่เพชร....เดี๋ยวน้ำหนึ่งโทร.หานะคะ”
เพชรหันหน้ามายิ้มให้ เพชรน้ำบุษย์มองตามเพชรตาละห้อย
นวลรีบบอก “คุณน้ำหนึ่ง รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ”
นวลดึงเพชรน้ำบุษย์ ส่วนตาหวานทำท่ายกมือถือใส่เพชรบอกเบาๆ
“เดี๋ยวพี่น้ำหนึ่งโทร.หานะคะ”
“ตาหวาน!”
นวลเอาอีกมือดึงหูตาหวานอย่างแรง ตาหวานร้องลั่น
“โอ๊ย!” พร้อมกับเบิกตากว้างทำเสียงตกใจมาก “พี่คนนั้น”
“ยังจะพี่คนนั้นอีก”
นวลโมโหหันมา ตั้งท่าจะดึงหูตาหวานเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเกรียงศักดิ์ก้าวเข้ามา
“คุณท่าน”
เพชรน้ำบุษย์หันมาหา “คุณพ่อ” รีบบอก “พี่เพชรรีบกลับเร็วค่ะ”
เกรียงศักดิ์กับเพชรเผชิญหน้ากันแล้ว
“ยังกลับไม่ได้!”
เกรียงศักดิ์พูดเสียงเข้มทรงอำนาจ เพชรมองเกรียงศักดิ์แทบจะเรียกว่าจ้องเขม็ง
เกรียงศักดิ์เดินมาหาเพชรน้ำบุษย์ดึงกระทงดอกปีบออกจากมือลูกสาว แล้วยื่นกระทงคืนให้เพชร
“เอาของคุณคืนไป แล้วอย่ามายุ่งกับลูกสาวผมอีก”
เพชรน้ำบุษย์อึ้งตะลึงงัน “คุณพ่อ...”
เพชรมองหน้าเกรียงศักดิ์ ดวงตากร้าวแข็ง แต่พยายามข่มซ่อนความรู้สึกเกลียดชัง เปล่งประกายเป็นแววรั้นและอยากเอาชนะออกมา เกรียงศักดิ์เองก็จ้องมองเพชรไม่วางตา เห็นเพชรไม่รับ เกรียงศักดิ์จึงบอกต่อ
“ถ้าคุณไม่รับจากมือ งั้นเอาจากพื้นแล้วกัน”
เกรียงศักดิ์ปล่อยกระทงดอกปีบจากมือ ดอกปีบสีขาวค่อยๆ ร่วงหล่นลงพื้น เพชรน้ำบุษย์ใจจะขาด น้ำตาร่วงพร้อมๆ กับดอกปีบหล่นถึงพื้นพอดี นวลและตาหวานอึ้งตะลึงงัน ขณะที่เกรียงศักดิ์เดินมา ใช้เท้าเหยียบดอกปีบ และมือของเกรียงศักดิ์ก็คว้าแขนเพชรน้ำบุษย์ดึงเข้าบ้าน
เพชรน้ำบุษย์หันไปมองเพชร น้ำตากบนัยน์ตาแต่ไม่กล้าพูด มีเพียงสายตาที่บ่งบอกว่า ห่วงใย มากมาย ขณะที่เพชรมองตามเกรียงศักดิ์กร้าว ดวงตาคู่นั้นเผยความเกลียดชังออกมาอย่างเด่นชัด
เพชรคิดแค้นอยู่ในใจ “ยิ่งเหยียดหยามกันเท่าไหร่ ลูกสาวคุณก็จะยิ่งเจ็บเท่านั้น...ช่วยไม่ได้ที่เธอเกิดมาเป็นลูกของนายเกรียงศักดิ์ น้ำหนึ่ง”
เกรียงศักดิ์กึ่งดึงกึ่งลากเพชรน้ำบุษย์เข้าไปในบ้าน ก่อนจะเหวี่ยงลูกสาวลงที่โซฟาเบาๆ ก่อนเอ็ดตะโรดังลั่น
“ทำไมไม่เชื่อฟังพ่อบ้างน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ไม่เถียง พยายามอธิบาย “น้ำหนึ่งไม่ได้ทำอะไรผิด น้ำหนึ่งแค่อยากมีเพื่อน”
“พ่อไม่ได้ห้ามน้ำหนึ่งมีเพื่อน แต่น้ำหนึ่งไม่ควรไปไหนต่อไหนกับผู้ชายที่สถานภาพต่างกัน ใครเห็นเค้าจะคิดยังไง ถ้าลูกสาวรัฐมนตรีเกรียงศักดิ์ ไปไหนมาไหนกับกุ๊ย”
เพชรน้ำบุษย์แย้ง “พี่เพชรไม่ใช่กุ๊ย”
“พ่อจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับลูก จะเป็นอะไรก็ช่าง แต่เป็นเรื่องแน่ๆ ถ้าลูกยังไปไหนมาไหนกับมัน”
เกรียงศักดิ์มองดุ เพชรน้ำบุษย์ก้มหน้าร้องไห้ เกรียงศักดิ์เดินกลับออกไป เพชรน้ำบุษย์นั่งร้องไห้
ตาหวานกับนวลแอบมองทั้งเห็นใจ และสงสาร เพชรน้ำบุษย์มองจนร่างเกรียงศักดิ์ลับไป ก็รีบวิ่งออกไปทันที สองคนตกใจ
“คุณน้ำหนึ่งจะไปไหน”
“หรือพี่น้ำหนึ่งจะคิดสั้น วิ่งออกไปให้รถชน” ตาหวานออกอาการจิตตกกลัวมาก “แอร๊ย...”
สองคนวิ่งตามออกไป
เกรียงศักดิ์ขึ้นรถ คนรถขับออกไป เพชรน้ำบุษย์วิ่งออกมา เห็นรปภ.กำลังกวาดดอกปีบใส่ที่ที่ตักผง เพชรน้ำบุษย์วิ่งออกไป ตะโกนสุดเสียง
“อย่า!”
เพชรน้ำบุษย์เอามือปัดไม้กวาดออก แล้วรีบเก็บดอกปีบอย่างรวดเร็วด้วยความหวงแหน น้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ นวลกับตาหวานวิ่งออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง สองคนร้องลั่น
“พี่น้ำหนึ่งอย่า” / “คุณน้ำหนึ่งอย่า!”
สองคนเบรกทันทีเมื่อเห็นเพชรน้ำบุษย์เก็บดอกปีบ
“โถ…คุณน้ำหนึ่ง”
นวลกับตาหวานได้แต่มองเพชรน้ำบุษย์อย่างเห็นใจ
ขณะเดียวกันเพชรแอบมองมาจากช่องของรั้วประตู ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ขณะที่อลิสนั่งทานอาหารกับเพื่อนในร้านอาหาร จู่ๆ ก็โวยวายเสียงดัง
“เฮ้อ…ฉันตามหาข้อมูลไอ้ผู้ชายที่ชื่อเพชร ตั้งหลายวัน ไม่เห็นจะมีใครรู้จักมันเลย”
“ก็ไม่เห็นเธอต้องสงสัย ถ้าเป็นลูกหลานไฮโซ ก็ต้องมีคนรู้จัก แสดงว่านายเพชรอะไรนี่มันโนบอดี้” เพื่อนว่า
“แสดงว่ายัยน้ำหนึ่งมันใฝ่ต่ำ ไปคบกับแว้นซ์ที่ไหนแน่ๆ เลย ดี! ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ายัยน้ำหนึ่งมันคบกับใคร ฉันจะได้แฉให้พี่ภาคย์ได้รู้ ว่าเพชรน้ำหนึ่งที่พี่ภาคย์เทิดทูน เอาเข้าจริงมันก็แค่พลอยหุง”
“ตรรกะของเธอ มันเป๊ะอีกแล้วอลิส”
อลิสยกมือตบกันกับเพื่อนอย่างสนุก
คืนนั้นพลอยนั่งร้องไห้อยู่บนรถเข็น เสียงของทับทิมดังก้องในหู
“ฉันรู้จักแกมากกว่า....คนเก่งที่ไม่ระวังศัตรูอาจจะแพ้ แต่คนที่ไม่กล้าทำร้ายศัตรูเพราะใจอ่อน อันตรายยิ่งกว่า...”
พลอยปาดเช็ดน้ำตา แล้วบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“พลอยคนเดิมมันตายไปแล้วแม่...พลอยคนที่หลงรักเค้ามากกว่าตัวเอง มันตายไปแล้ว สิ่งที่เหลือมันคือความแค้น ความแค้นเท่านั้น”
ดวงตาของพลอยกร้าวแข็ง เสียงมือถือดัง พลอยเข็นรถไปหยิบโทรศัพท์ แสร้งพูดเสียงเครือเหมือนคนร้องไห้
“ว่าไงจ๊ะเพชร”
เพชรอยู่ที่ไซต์งาน ถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่พลอยร้องไห้อีกแล้ว”
พลอยปาดน้ำตา ทำเสียงเข้มแข็ง “พี่ไม่ได้ร้องไห้”
“ดีแล้วครับ...ต่อไปน้ำตาจะหมดไปจากพี่พลอย”
พลอยตั้งใจฟัง ขณะที่เพชรพูดบอกอย่างมั่นใจ
“ผมมั่นใจ เหยื่อของเรา ติดกับแล้ว”
พลอยยิ้มออกมาในสีหน้า ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์อย่างสาสมใจ
มารกามเทพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
น้ำหนึ่งอยู่ในห้องนอน นั่งมองดอกปีบกลีบช้ำในกระทงที่ถูกเหยียบย่ำอย่างเสียใจเสียดายน้ำตาไหล ก่อนหยิบมือถือขึ้นมามอง กดไลน์ที่เพชรเคยส่งมาให้ มองดูอย่างอาวรณ์
“พี่เพชร ต่อไปเราสองคนคงไม่มีโอกาสได้พบ ได้เจอกันอีกแล้ว...” น้ำหนึ่งร้องไห้ “น้ำ
หนึ่งคงได้แค่...”
น้ำหนึ่งมองจอมือถือ ก่อนกดส่งไลน์เป็นรูปการ์ตูนร้องไห้ออกไป
เพชรเห็นไลน์ที่น้ำหนึ่งส่งมา มองดูอย่างไม่สนใจไยดี แล้วโยนมือถือทิ้งลงบนเตียง เดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำไป
ส่วนทางฝั่งน้ำหนึ่ง อ่านไลน์ที่ตัวเองส่งไป แต่เพชรไม่ได้ส่งไลน์กลับมา น้ำหนึ่งร้องไห้โฮ
“ขนาดไลน์ พี่เพชรยังไม่กล้าตอบกลับมาเลย...คุณพ่อ..ทำไมใจร้ายกับน้ำหนึ่งอย่างนี้” น้ำหนึ่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ที่ทางเดินหน้าห้องนวลเดินมาหยุดที่ประตู มีตาหวานเดินตามหลังมา ป้านวลเคาะประตูเรียกเบาๆ
“คุณน้ำหนึ่งคะ...คุณน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งเช็ดน้ำตา ตอบนวลเสียงสุภาพเหมือนเดิม แต่เจือเสียงสะอื้น เต็มไปด้วยความเศร้า
“คะ..ป้านวล”
“ได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ คุณน้ำหนึ่งลงมาทานข้าวนะคะ”
“น้ำหนึ่งไม่หิวค่ะ”
ตาหวานช่วยพูด “แต่ วันนี้ป้านวลทำของโปรดของพี่น้ำหนึ่งทั้งนั้นเลยค่ะ”
“พี่ไม่อยากทานอะไร” น้ำหนึ่งแอบประชดนิดๆ “พี่ทานอะไรไม่ลง”
นวลอ้อนวอน “คุณน้ำหนึ่งคะ”
“ขอโทษนะคะป้านวล..น้ำหนึ่งอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวค่ะ”
น้ำหนึ่งลุกมาดับไฟ มองจากด้านนอกลอดช่องประตูเห็นไฟในห้องดับลง นวลกับตาหวานมองหน้ากันจ๋อยๆ ขณะเดินลงมาที่บันได สองคนค่อยๆ เดินห่างออกมาจากห้องน้ำหนึ่ง ตาหวานพูดอย่างเห็นใจ
“พี่น้ำหนึ่งคงจะโกรธที่ถูกท่านดุแน่ๆ เลยป้านวล ถึงไม่ยอมออกมาทานข้าว”
“ท่านทำถูกแล้ว โบราณว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”
ตาหวานยิ้มจนตาหยี “นั่นโบราณ สมัยนี้เค้าบอกรักวัวให้ผูก รักลูกต้องให้ไอแพดจ้ะป้า”
“เฮ้อ…แกนี่ เก่งแต่เรื่องไร้สาระ หัดทำงานซะบ้าง อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัว
ปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”
“บ๊ะ! ป้านวลนี่เอาท์ตลอด สมัยนี้เค้าต้องอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย เปิดwifi ให้เพื่อนบ้านเล่น และที่อินเทรนด์สุดๆตอนนี้...น้ำมาปลากินมด น้ำลดได้ชดเชยห้าพัน อิอิ”
พูดเท่านั้น ตาหวานวิ่งลงบันไดไปตามประสาเด็ก ขณะที่นวลเหลียวมองกลับไปที่ห้องของน้ำหนึ่ง เห็นช่องตามแนวประตูยังมืดเหมือนเดิม
ท่ามกลางความมืด น้ำหนึ่งนั่งร้องไห้มองดอกปีบกลีบช้ำและรอไลน์ที่ไม่ตอบกลับมาด้วยใจที่แหลกสลาย
ด้านเพชรเดินออกมาจากห้องน้ำ มองไปเห็นโทรศัพท์ที่ถูกโยนอยู่บนเตียง เพชรลังเลก่อนเดินมาหยิบมือถือขึ้นมาดูอีก เห็นเป็นไลน์รูปตุ๊กตาร้องไห้สื่อความรู้สึกของน้ำหนึ่ง เพชรมองดู สายตามีทั้งความหยามหยัน สะใจปะปนด้วยความสงสารและเวทนา ก่อนจะเกิดประกายวาบที่ดวงตาเหมือนคิดอะไรออก
เกรียงศักดิ์ที่เพิ่งประชุมเสร็จเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมดาราณี เกรียงศักดิ์รับโทรศัพท์จากนวล ซึ่งโทร.มาจากบ้านรายงานเรื่องน้ำหนึ่ง
เกรียงศักดิ์นั้นหน้าตาเป็นกังวลมาก “ว่าไงนะนวล..น้ำหนึ่งไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่กลางวัน”
นวลโทรศัพท์อยู่ในห้องโถง มีตาหวานประกบข้างตามเคย นวลบอกอีก
“ค่ะ...พอท่านออกไป คุณน้ำหนึ่งก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาเลย ดิฉันอ้อนวอนยังไงก็ไม่ออกมาค่ะ”
เกรียงศักดิ์ถอนหายใจ “โอเค..เดี๋ยวฉันจะรีบกลับ” แล้วกดวางสาย
ดาราณีที่เดินเคียงข้าง มีท่าทีหนักใจ พูดกับเกรียงศักดิ์
“ฉันกังวลจังเลยค่ะคุณ...น้ำหนึ่งไม่เคยเป็นเด็กก้าวร้าว แต่ทำไมตอนนี้ลูกถึงได้แข็งกระด้าง ดื้อเงียบกับพ่อแม่”
“ก็เพราะไปคบกับไอ้กุ๊ยนั่นไง...” เกรียงศักดิ์ลดเสียงอ่อนลง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมคุยกับลูกเอง”
สองคนเดินออกจากโรงแรมด้วยท่าทางไม่สบายใจ แต่ยังไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ขณะที่น้ำหนึ่งนั่งจมจ่อมอยู่ในห้อง เสียงสัญญาณไลน์ดัง น้ำหนึ่งรีบคว้ามือถือมาดูอย่างมีความหวัง
พอกดดูก็เห็นเป็นเพชรส่งไลน์น่ารักๆ มาปลอบไม่ให้ร้องไห้
“พี่เพชร”
น้ำหนึ่งจะตอบกลับไป แต่เพชรก็ส่งไลน์มาอีกหลายๆ รูป ติดๆ กัน มีทั้งแบบท่าสู้ๆ ยกสองมือ รูปอาหาร ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น น้ำหนึ่งสุดจะดีใจ รับทันที
“พี่เพชร”
“เลิกร้องไห้ แล้วก็ทานข้าวได้แล้ว” เสียงเพชรดังลอดออกมา
“น้ำหนึ่งทานไม่ลง”
“น่า...ทานนิดนะ พี่สั่งพิซซ่าไปให้”
“แต่...”
“พี่สั่งพิซซ่าไปให้...น้ำหนึ่งลงมาเอาเร็ว...เร็วเข้า....เค้าไปถึงแล้ว”
น้ำหนึ่งทำหน้างง เดินไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าลงไป เห็นเพชรในชุดพนักงานส่งพิซซ่า นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ จอดขนาบข้างรั้วบ้านน้ำหนึ่ง
น้ำหนึ่งดีใจ “พี่เพชร”
เพชรเงยหน้าที่สวมหมวกกันน็อกขึ้นมองส่งยิ้มให้ด้วย น้ำหนึ่งยิ้มดีใจรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
น้ำหนึ่งวิ่งเร็วจี๋ลงบันได ด้วยท่าทางร่าเริงมีความสุข ผ่านหน้านวลกับตาหวานที่นั่งทุกข์ใจอยู่ สองคนมองอย่างตกใจ นวลถามทันที
“คุณน้ำหนึ่งจะไปไหนคะ”
“รับพิซซ่าค่ะ” น้ำหนึ่งวิ่งไป
สองคนมองตาม ตาหวานตาโตตามประสาเด็ก
“พี่น้ำหนึ่งสั่งพิซซ่า...” ตาหวานทำท่าเอามือลูบปาก “หวานปาก”
นวลทำหน้างง “ปกติคุณน้ำหนึ่งไม่ชอบทานพิซซ่านี่นา แล้วไหงวันนี้อยากกิน”
น้ำหนึ่งวิ่งออกไปหน้าบ้าน เห็นเพชรแต่งตัวเป็นเด็กส่งพิซซ่าขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด บอกตามธรรมเนียม
“เอาพิซซ่ามาส่งครับ”
รปภ.จะไปรับ น้ำหนึ่งตะโกนบอก
“น้ำหนึ่งรับเองค่ะ”
น้ำหนึ่งเดินตรงไปหา เพชรมองน้ำหนึ่งยิ้มหวานซึ้ง น้ำหนึ่งก็มองเพชรยิ้มตอบอย่างดีใจ
“ทานให้อร่อยนะครับ สวัสดีพิซซ่ายินดีให้บริการคุณ รับขนมจีบเพิ่มมั้ยครับ”
น้ำหนึ่งทั้งเขินทั้งอาย รปภ.จ้องมอง น้ำหนึ่งตอบอายม้วน
“รับคะ เอามาส่งทุกๆ วันเลยนะคะ”
น้ำหนึ่งยิ้มถือกล่องพิซซ่าเดินแกมวิ่งเข้าบ้านไป ผ่านหน้านวลกับตาหวานที่เดินออกมา
นวลชะโงกหน้ามองหน้ารั้ว เห็นหลังเพชรขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปไวๆ รปภ. หันมาถามนวลงงๆ
“ป้านวล..สมัยนี้พิซซ่า..เค้าขายขนมจีบพ่วงด้วยเหรอ”
นวลทำหน้างงหันมามองตาหวาน “ว่าไงตาหวานคนอินเทรนด์”
“ไม่เคยได้ยิน แต่อยากรู้...พิซซ่าที่ไหนขายขนมจีบ จะได้สั่งมากินบ้าง อิอิ”
นวลกับตาหวานมองหน้ากัน สุดท้ายเหมือนเก็ตแล้วทั้งคู่
“พิซซ่า...ขนมจีบ!”
สองคนอุทานพร้อมเพรียง แล้วหันขวับมองเข้าไปด้านใน
น้ำหนึ่งปิดประตูห้อง เปิดไฟสว่าง วางกล่องพิซซ่าไว้บนโต๊ะ วิ่งมาที่หน้าต่าง มองออกไป เห็นเพชรถอดเสื้อคลุมส่งให้เด็กส่งพิซซ่าตัวจริง พร้อมยื่นเงินให้ เด็กส่งพิซซ่าขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ขณะที่เพชรยืนมองขึ้นมาที่ห้องน้ำหนึ่งโบกมือให้ พร้อมโทรศัพท์ออก
น้ำหนึ่งรีบคว้ามารับ “คะพี่เพชร”
เพชรยิ้ม “ทานให้หมดนะครับ จะได้มีแรง” แล้วพูดหยอกเย้าทีเล่นทีจริง “หนีคุณพ่อ...ออกมาเจอพี่”
น้ำหนึ่งหัวเราะคิกออกมา เพชรพูดจริงจัง
“อย่าคิดมาก...เรื่องแค่นี้พี่ไม่ท้อหรอก...พี่จะทำให้คุณพ่อน้ำหนึ่งยอมรับเรื่องของเรา”
“ขอบคุณค่ะพี่เพชร”
สองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม สายตาของเพชยฉายแววแห่งความจริงจังมั่นคงและนั่นก็ทำให้น้ำหนึ่งยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นหัวใจ
สองคนไม่รู้ว่าที่อีกมุม เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ ภายในรถอลิสและเพื่อนสาวที่ดักรออยู่นานแล้วยกมือถือถ่ายภาพของเพชรและน้ำหนึ่งเอาไว้
ขณะเดียวกันที่บ้านเชิงเขา ทับทิมเข็นรถให้พลอยชมสวน ร้อมกับหัวเราะก้องสะใจขณะคุยโทรศัพท์กับเพชร
“ป่านนี้นังเด็กนั่นคงเคลิ้มมมม ฝันหวานกับแผนง่ายๆ ที่แกใช้หลอกมัน”
“ผมก็เห็นเค้าปลื้มใจอยู่”
แววตาทับทิมเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “มีโอกาสเมื่อไหร่ รวบหัวรวบหางมันเลย”
เพชรไม่สบายใจ ส่วนพลอยบอกทับทิม
“ขอพลอยพูดกับเพชรหน่อยค่ะแม่”
ทับทิมยื่นมือถือให้ลูกสาว พลอยแสร้งบอกเพชรน้ำเสียงเหมือนจะอาทร
“แต่พี่ไม่อยากให้เพชร ทำลายผู้หญิงคนนั้น”
ทับทิมได้ยินแว้ดมาทันควัน “ทำไมล่ะพลอย? นังนั่นมันจะได้มีตราบาปเหมือนแกไง”
“พลอยไม่อยากเห็นผู้หญิงตายทั้งเป็นเหมือนพลอย..แค่ทำให้เค้าอับอายก็น่าจะพอ” พลอยกลับไปพูดกับเพชร “เพชรได้ยินแล้วใช่มั้ย”
“ครับ..ผมจะทำให้เค้าหนีตามผมมาให้ได้..หลังจากนั้น” น้ำเสียงเพชรฟังดูขมขื่น “เค้าจะตกอยู่ในสภาพเมียน้อย นางบำเรอ เหมือนที่พี่พลอยเคยเจอ”
“พี่กลัวว่าเพชรจะหลงในความสวย ความใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วจะพาลหลงรักเค้าจริงๆ” พลอยพูดดักคอ
“ไม่มีทางครับพี่พลอย ผมไม่มีทางใจอ่อน”
“งั้นต่อไป เพชรจะคุยจะพูดอะไรกับเค้า พี่ขอฟังด้วยได้มั้ย”
“ได้ครับพี่พลอย”
พลอยยิ้มอย่างสบายใจ ขณะที่เพชรมีสีหน้าไม่สบายใจเอาเลย
อลิสกลับถึงบ้าน เปิดรูปที่ปริ้นท์ออกมาดูทีละแผ่น เห็นเป็นภาพของเพชรตั้งแต่อยู่ในชุดพนักงานส่งพิซซ่า ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้าน น้ำหนึ่งออกมารับหน้าตาสดใส จนเพชรอยู่ในชุดธรรมดายืนคุยโทรศัพท์ที่ข้างรั้วบ้านกับน้ำหนึ่งที่อยู่บนบ้าน
อลิสยิ้มด้วยความพอใจ ขณะกรีดรูปภาพในมือ เห็นภาพที่เรียงซ้อนกันเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมด อลิสยิ้มตาวาววับ
“ยัยน้ำหนึ่ง แกเสร็จแน่ๆ”
วันต่อมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อลิสมาดักรอเกรียงศักดิ์ที่มางาน ”ของกินสี่ภาค” ในลานกิจกรรมของห้างแห่งนั้น
แลเห็นจานอาหารจากทุกภาคเรียงรายมากมาย เกรียงศักดิ์ และดาราณีมาร่วมในงาน สองคนทำท่าทานอาหาร โปรโมทงาน ให้นักข่าวถ่ายรูป ก่อนที่จะเดินออกมา ชมงาน อลิสที่รออยู่แล้ว วิ่งเข้าไปหา ไหว้ประจบ
“สวัสดีค่ะคุณอา”
สองคนยิ้มใจดีรับไหว้ ดาราณีทักทาย
“มาเที่ยวงานเหรอจ้ะอลิส”
“อลิสตั้งใจมาหาคุณอาทั้งสองค่ะ”
“มีเรื่องอะไร”
เกรียงศักดิ์ถามอย่างสงสัย ดาราณีเองก็มองด้วยท่าทีสนใจ
สามคนอยู่ในร้านกาแฟในห้าง เกรียงศักดิ์กับดาราณีมองหน้าอลิสอย่างสนใจ อลิสแสร้งทำเป็นลีลา
“อย่าหาว่าอลิสอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ ที่อลิสทำก็เพราะอลิสเป็นห่วง”
“อลิสทำอะไรจ๊ะ” ดาราณีซัก ท่าทีร้อนใจ
“ก็เรื่องน้ำหนึ่งน่ะสิคะ”
เกรียงศักดิ์ร้อนใจและงุนงงสงสัย “น้ำหนึ่งทำอะไร”
อลิสแกล้งถอนหายใจทำท่าหนักใจมาก
“อลิสก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณอารู้เรื่องรึเปล่า”
“อาว่าอลิสมีอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่าจ้ะ” เกรียงศักดิ์ข่มอารมณ์
อลิสลีลาอยู่ คราวนี้ทำหน้าหนักใจ แต่จำเป็นต้องพูด
“ก็เรื่องที่น้ำหนึ่งคบกับเด็กแว้นน่ะสิคะ”
ดาราณีตกใจ “น้ำหนึ่งคบกับเด็กแว้น”
อลิสทำแอ๊บ “จะแว้นหรือกุ๊ย อลิสก็เรียกไม่ถูก...คุณอาดูนี่เองแล้วกันค่ะ”
อลิสหยิบรูปถ่ายของเพชรและน้ำหนึ่งเมื่อคืนออกมาให้สองคนดู เกรียงศักดิ์กับดาราณีหยิบมาดูทีละแผ่น
เห็นเป็นรูปของเพชรในชุดพนักงานส่งพิซซ่า น้ำหนึ่งออกไปรับ เพชรในชุดธรรมดา จอดรถคุยกับน้ำหนึ่งที่ข้างรั้ว และเห็นเป็นเพชรน้ำหนึ่งคุยกัน ขณะที่อลิสเจื้อยแจ้ว ไม่หยุด
“จริงๆ อลิสก็ได้ยินข่าวมาพักหนึ่งแล้วนะคะ ว่าน้ำหนึ่งแอบคบผู้ชาย แล้วก็เป็นผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าด้วย...แต่ไม่คิดเลยจริงๆ ค่ะว่าเมื่อคืน ตอนผ่านไปบ้านคุณอา น้ำหนึ่งจะเห็นผู้ชายคนนั้น”
สีหน้าเกรียงศักดิ์บึ้งตึง ส่วนหน้าดาราณีซีดเผือด อลิสแอบยิ้มสะใจ พูดต่อ
“อลิสเลยแอบถ่ายรูปเอาไว้ นี่ในมือถือก็มีนะคะ...แต่ที่ปริ้นท์ออกมาให้คุณอา เพราะอลิสกลัวว่าจะเห็นไม่ชัดนะค่ะ เดี๋ยวอลิสส่งเข้ามือถือคุณอาเลยยนะคะ”
อลิสทำท่าหยิบมือถือออกมา แต่เกรียงไกรบอกเสียงเข้ม
“ไม่ต้อง ขอบใจมากอลิสที่มาบอกอา”
อลิสแอ๊บทำตาใสซื่อ “อลิสหวังดีกับน้ำหนึ่งน่ะค่ะ” แล้วหลอกด่าน้ำหนึ่ง “ไม่อยากให้เป็นเด็กใจแตก” และจงใจเน้นคำใส่ร้ายโดยพูดเป็นนัย” อลิสอยากให้น้ำหนึ่ง ”เจอ” แต่เรื่อง ”ดีๆ” ค่ะ”
ไม่นานนัก รถของเกรียงศักดิ์แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ เกรียงศักดิ์กับดาราณีหน้าบึ้งตึง ขณะที่ลงจากรถ ในมือเกรียงศักดิ์ถือรูปนับสิบ ถามนวลเสียงแข็งที่วิ่งเข้ามารับ
“น้ำหนึ่งอยู่ไหน”
นวลกับตาหวานตกใจ ทำตัวแทบไม่ถูก นวลตอบตะกุกตะกัก
“อยู่ในห้องค่ะ”
เกรียงศักดิ์และดาราณีเดินลิ่วเข้าไปด้านใน
ส่วนน้ำหนึ่งอยู่ในห้อง ยืนกัดพิซซ่าค้างคืนอยู่ เสียงโทรศัพท์ดัง น้ำหนึ่งรับสายทันที
“คะพี่เพชร”
เพชรอยู่ที่ไซต์งาน คุยกับน้ำหนึ่ง
“พี่มาส่งขนมจีบแล้วจ้ะ”
ที่บ้านเชิงเขา เสียงของเพชรดังลอดออกมาจากโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ พลอยนั่งนิ่งฟัง แต่สีหน้าไม่สบายใจ ทับทิมเองก็ยืนฟังลุ้นๆ ขณะที่น้ำหนึ่งยิ้มมีความสุข
“มาช้าจังเลยค่ะ...เมื่อเช้าน้ำหนึ่งรอก็ไม่มา”
พลอยฟังอยู่ยิ้มพอใจ คิดในใจ น้องชายฉันก็ไม่ได้สนใจแกเท่าไหร่
ส่วนเพชรยิ้ม ขณะตอบน้ำหนึ่ง
“ใจจริงพี่อยากส่ง ”ขนมจีบ” ให้น้ำหนึ่งทั้งวันเลย แต่พี่กลัวน้ำหนึ่งจะเบื่อ เลยค่อยๆ ส่งมา”
พลอยที่ฟังโทรศัพท์ชักไม่พอใจ น้ำหนึ่งตอบเพชรกลั้วหัวเราะ
“น้ำหนึ่งชอบทาน ”ขนมจีบ” พี่เพชรส่งมาได้ทั้งวันเลยค่ะ”
พลอยฟังโทรศัพท์ตาเขียวปั้ด ไม่พอใจมาก กลัวว่าเพชรจะกลายเป็นพวกน้ำหนึ่ง และหลงรักน้ำหนึ่งจริงๆ ไม่ได้หึงหรือหวง
ขณะเดียวกันเกรียงศักดิ์เดินขึ้นบันไดมา หน้าตาบึ้งตึง มีดาราณีเดินตามหลังสีหน้าร้อนใจเหมือนกัน นวลกับตาหวานได้แต่แหงนหน้ามองตาม ร่างสองคนที่เดินพ้นบันไดไป ตาหวานกังวลหนัก
“พี่น้ำหนึ่งเละแน่ๆ”
สองคนมองตามด้วยความวิตก และเป็นห่วงน้ำหนึ่งมาก
มารกามเทพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
น้ำหนึ่งคุยกับเพชรต่อ เจอเพชรถามอ้อนเสียงหวาน
“ทานข้าวหรือยังครับ”
“ยังค่ะ...แต่ทานพิซซ่าเมื่อคืน…” ในมือถือพิซซ่า
“อ้าว!น้ำหนึ่งทานไม่หมด”
“จริงๆ หมดค่ะ...แต่น้ำหนึ่งอยากเก็บพิซซ่าของพี่เพชร ไว้ทานนานๆ”
ประตูถูกเปิดออก เกรียงศักดิ์เดินเข้ามาหน้าตึง ได้ยินพอดี
“น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งตกใจมาก “คุณพ่อ...”
พิซซ่าหล่นร่วงลงจากมือ ขณะที่อีกมือน้ำหนึ่งถือมือถือเอาไว้อยู่
เพชร พลอย และทับทิม จึงได้ยินเสียงทุกอย่าง ทุกคนฟังอย่างระทึกใจ
“นี่มันอะไร”
เกรียงศักดิ์ปารูปนับสิบใส่หน้าน้ำหนึ่ง ท่าทางโกรธจัด น้ำหนึ่งตกใจ มือถือของน้ำหนึ่งหล่นลงบนเตียงแต่ไม่ได้ตัดสาย
น้ำหนึ่งหยิบรูปภาพขึ้นมาดู เห็นเป็นรูปของเพชร ในชุดพิซซ่า และทุกเหตุการณ์ น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือดตกใจมาก เกรียงศักดิ์ตะคอกเสียงดัง
“อร่อยมากใช่มั้ยพิซซ่า”
พูดแค่นั้นเกรียงศักดิ์ก็ปัดกล่องพิซซ่าที่วางอยู่บนโต๊ะทิ้ง น้ำหนึ่งมองอย่างตื่นตะลึง และตกใจ เกรียงศักดิ์เสียงดังเดินเข้าไปตะคอกใส่ใกล้ๆ
“อร่อยมากนักใช่มั้ย”
น้ำหนึ่งเนื้อตัวสั่น ดาราณีได้แต่ยืนตัวสั่นแต่ไม่ห้าม เกรียงศักดิ์ตะเบ็งเสียงดังลั่นห้อง
“ทั้งๆ ที่พ่อห้ามแกไม่ให้คบกับไอ้กุ๊ยนั่น แต่แกก็ยังแอบคบ วางแผนหลอกล่อให้มันมาหา แกทำอย่างนี้มันเหมือนให้ไอ้กุ๊ยนั่นเอาเท้ามาเหยียบหน้าพ่อ”
เพชรฟังด้วยความสลดใจ สงสารน้ำหนึ่ง แต่พลอยและทับทิมสาแก่ใจ ยิ่งได้ฟังเสียงร้องไห้ของน้ำหนึ่งที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ พลอยกับทับทิมก็ยิ่งสะใจ
ดาราณีถามขึ้น
“ทำไมทำอย่างนี้น้ำหนึ่ง”
“น้ำหนึ่งไม่ได้ตั้งใจ”
เกรียงศักดิ์เสียงดังลั่น โกรธขึ้นมาอีก “ไม่ได้ตั้งใจ นี่ถ้าแกตั้งใจ แกคงตั้งบันไดให้มันปีนเข้ามาหาแกถึงห้องใช่มั้ยน้ำหนึ่ง?” เกรียงศักดิ์บันดาโทสะของขึ้น “นี่เองที่เค้าเรียกว่าเสนอตัวให้ผู้ชาย”
น้ำหนึ่งร้องไห้โฮ เพชรสงสารจับใจ ส่วนพลอยสะใจ แต่สะท้อนใจอยู่ในคำพูดนั้นมือของพลอยเกร็ง สั่น
เกรียงศักดิ์ปราดเข้ามากระชากร่างน้ำหนึ่ง คำราม
“ถ้าแกทำตัวง่ายแบบนี้ ผู้ชายมันก็มองแกเป็นแค่ของเล่น”
มือพลอยสั่นระริกยิ่งกว่าเดิม ดวงตาเจ็บช้ำ
เกรียงศักดิ์ด่ากราด “อย่าให้ฉันเห็นแกอยู่กับมันอีก ไม่งั้นมันตาย”
เกรียงศักดิ์เดินออกไปเลย น้ำหนึ่งกลัวจนตัวสั่น ดาราณีพูดเป็นเชิงตำหนิ
“แม่จะไม่ปลอบใจลูก เพราะแม่เห็นด้วยกับพ่อทุกอย่าง” คุณหญิงเสียงเครือ รู้สึกสะเทือนใจ “ไม่มีผู้ชายคนไหน จะรัก จะยกย่อง ผู้หญิงใจง่าย จำไว้นะน้ำหนึ่ง”
ดาราณีเดินออกไป น้ำหนึ่งร้องไห้โฮอยู่เพียงลำพัง
ส่วนพลอยกรีดร้องออกมาสุดเสียง จนน้ำหนึ่งสะดุ้ง เพราะเสียงพลอยดังลอดโทรศัพท์ออกมา น้ำหนึ่งตกใจคว้ามาดู ขณะที่เพชรรีบตัดการสนทนาสามสายทิ้งทันที
พลอยเนื้อตัวเกร็ง ตาเหลือกลานเจ็บปวด ทับทิมตกใจ
“พลอย พลอย เป็นอะไรลูก”
พลอยไม่ตอบ ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่น น้ำตาไหลพราก ภาพแห่งความหลัง ประเดประดังแล่นเข้ามาในความคิดราวสายน้ำ และมันล้วนเป็นความคิดที่เจ็บปวดเหลือใจ
ฉากหนึ่งเกิดขึ้นในห้องทำงานของเกรียงศักดิ์ พลอยยืนหน้าซีด น้ำตาไหล ขณะที่เกรียงศักดิ์ด่าทอต่อว่า
“ฉันจะไม่เสียเวลากับเธออีกแล้วนะพลอย ออกไป”
“แต่พลอยเป็นเมียท่าน และพลอยก็ไม่ยอมให้ท่านทิ้งพลอยไปง่ายๆ”
“แต่เธอเป็นฝ่ายเสนอตัวให้ฉันเอง เธอทำทุกวิถีทางที่จะจับผู้ชาย”
ดาราณีเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำด้านใน มองพลอยอย่างรังเกียจ
“เธอทำตัวเอง...ไม่มีผู้ชายคนไหน จะรัก จะยกย่อง ผู้หญิงใจง่าย จำไว้นะพลอย”
ว่าแล้วก็คล้องแขนเกรียงศักดิ์ “ไปค่ะคุณ”
เกรียงศักดิ์เดินออกไปกับดาราณีโดยไม่สนใจใยดี พลอยร้องไห้ ทั้งเจ็บทั้งอาย
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด พลอยที่นั่งอยู่บนรถเข็น ดิ้นเร่าๆ ทั้งโกรธทั้งเกลียดทั้งแค้นใจ ทับทิมพยายามจับตัวเอาไว้ เพชรโทร.กลับมา เสียงโทรศัพท์บ้านดังลั่น แต่ทับทิมยังยื้อเรียกสติพลอย
“พลอยๆๆ”
พลอยตะโกนลั่น “แกดูถูกฉัน ฉันจะฆ่าแก...ฉันจะฆ่าแก”
พลอยคว้าเอามีดที่วางอยู่แถวนั้น พร้อมเลื่อนรถเข็นไปที่ต้นไม้ใกล้ๆ แล้วใช้มีดฟันที่ต้นไม้
อย่างแรง เห็นยางไม้ไหลออกมา ดูน่ากลัว พลอยกระหน่ำฟันต้นไม้ไม่ยั้ง ทับทิมคว้ามือของพลอยเอาไว้ ร้องห้าม
“พอแล้วลูก..พอ”
พลอยพยายามจะฟันอีก แต่ถูกทับทิมยึดมือเอาไว้แน่น ส่วนเพชรหน้าเครียด ที่ไม่มีคนรับ
โทรศัพท์ เพชรวางสายลงท่าทีกลัดกลุ้ม
ฟากพลอยอ่อนแรง ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พลอยเกลียดมัน มันด่าพลอย พลอยเป็นผู้หญิงใจง่าย อยากมีผัวจนตัวสั่น”
ทับทิมน้ำตาไหล กอดประคองศีรษะพลอยแนบอกตัวเองที่ยืนอยู่
“มันไม่ได้ด่าพลอย มันด่าลูกมัน”
พลอยเถียง “ไม่จริง...” จู่ๆ กรีดร้องเสียงดัง “มันด่าพลอย ..มันด่าพลอย มันด่าพลอย”
ทับทิมทนไม่ได้ กรีดร้องใส่หน้าบ้าง “แล้วที่แกมานั่งร้องกรี๊ดๆ อย่างนี้มันจะช่วยอะไรได้ เลิกตอกย้ำความเจ็บปวดเดิมๆ ซักที” ทับทิมเน้นคำ “แกต้องคิด คิดจะทำยังไงให้ลูกมันต้องเจ็บเร็วกว่านี้ ปวดกว่านี้”
พลอยเริ่มนิ่ง ตั้งสติฟังทับทิม
“วางไม่เป็น มันก็เย็นไม่ได้”
พลอยตาวาว “แม่จะให้พลอยเย็น”
ทับทิมบอกเสียงดุ “ไม่ได้ให้เย็น แต่ให้แกหัดคิด หัดทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนอย่าฟุ้งซ่าน จำไว้ คนบ้าไม่เคยทำอะไรสำเร็จ”
ทับทิมเดินเข้าบ้านไป เพราะนึกฉุนและโกรธเหมือนกัน
ส่วนพลอยนั่งนิ่งเหมือนฟังและคิดตาม พึมพำเบาๆ เหมือนไม่เชื่อ
“คนบ้า..ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ”
ริมฝีปากของพลอยเหยียดยิ้มเยาะออกมา แล้วหยิบมีดขึ้นมาใหม่ คราวนี้พลอยค่อยๆ กด
และกรีดต้นไม้ต้นนั้นให้ยางมันไหลออกมา ค่อยๆ ออกแรงหนักขึ้น หนักขึ้น จนเห็นยางต้นไม้ไหลออกมา ถึงจะเป็นสีขาว แต่กลับดูเหมือนสีเลือด
พลอยแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ขณะปักมีดลงไปอย่างแรงดังฉึก!
พลอยไม่รู้ว่ารจนาถือปิ่นโตเดินมาชะงัก มองภาพของพลอยอย่างตกใจกลัว ก่อนถดตัวถอยร่นหนีกลับบ้านไป
สองพี่น้องอยู่ที่บ้าน พจนีย์กระชากปิ่นโตจากมือของรจนาพร้อมเอ็ด
“แกนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆเลยยัยรจ กะอีแค่พี่พลอยเอามีดปักต้นไม้ ก็กลัวเนื้อตัว
สั่น
“ก็ท่าทางของพี่พลอยน่ากลัวนี่คะ”
พจนีย์มองน้องแล้วพูดล้อๆ “กลัวเหรอ ดี...งั้นต่อไป” ชูปิ่นโต “พี่จะเอากับข้าวไปให้พี่พลอยเอง แกไม่ต้องไป อยู่บ้านทำหน้าเป็นปลาสำลักน้ำอย่างนี้นี่ล่ะ”
“แต่กับข้าว รจเป็นคนทำนะ” รจนาท้วง
“จะพี่ จะน้องทำก็เหมือนกันล่ะ อีกอย่าง...แกไม่ได้สนใจพี่เพชรอยู่แล้ว จะโชว์ฝีมือทำไม? พี่จะเอาไปเอง ก่อนจะเจอพี่เพชร พี่จะเข้าทางพี่พลอย”
พจนีย์หัวเราะคิกชอบใจ รจนาทำเฉยไม่พูดอะไร
พอพจนีย์ออกจากบ้านไป รจนารีบแอบเดินเข้ามาในห้อง ก่อนกดโทรศัพท์หาใครบางคน พอปลายสายรับ รจนาก็รีบบอกเอาหน้า
“พี่พลอยขา...รจทำกับข้าวอร่อยๆ ไปให้...แต่พี่พจน์จะเป็นคนเอาไปนะคะ”
พลอยบอกห้วนสั้นๆ
“ขอบใจมากจ้ะ” พลอยวางสายอย่างอารมณ์เสีย “ใครเค้าอยากจะกินของของพวกแก”
พลอยเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนเตียง ยังอารมณ์เสีย สืบเนื่องจากตอนกลางวัน
คืนนั้นทับทิมโทร.มือถือคุยกับเพชรเสียงดุ
“วันหลังไม่ต้องให้ยัยพลอยฟังสามสายแล้วนะ ฟังแล้วก็เป็นบ้า”
เพชรที่อยู่คอนโดถามด้วยความเป็นห่วง
“แล้วตอนนี้พี่พลอยเป็นยังไงบ้างครับ”
ทับทิมเสียงอ่อนลง “แม่ให้กินยานอนหลับ หลับไปแล้ว..แล้วเพชรล่ะได้คุยกับยัยเด็กนั่น
หรือยัง”
“ยังเลยครับ”
ทับทิมพูดน้ำเสียงเยาะหยัน “โทร.ไปหามันหน่อยไป...ถูกพ่อแม่ด่าขนาดนี้...แม่ว่า..คนเดียวที่มันต้องการคือแก” ทับทิมสำทับเสียงเจ้าเล่ห์ “หยอดเข้าหน่อย หว่านเข้าหน่อย...ทีนี้...อยากได้อะไร...มันก็เข้าทางแกหมดแหละเพชรเอ๊ย”
ทับทิมหัวเราะแล้ววางสาย
ส่วนเพชรหน้าเครียดมองมือถือในมือตัวเอง ครุ่นคิดว่าจะทำอะไรต่อ แล้วในที่สุดก็ได้แต่ถอนใจ
น้ำหนึ่งหัวใจสลายร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ หยิบรูปตกพื้นขึ้นมาดู มองโทรศัพท์ ไม่มีสายเรียกเข้าจากเพชร น้ำหนึ่งยิ่งเดียวดายว้าเหว่ใจ ได้แต่ก้มหน้าซบหน้าลงแนบเข่าร้องไห้
แต่แล้วน้ำหนึ่งก็ต้อง สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงเรียกเข้า รีบคว้าโทรศัพท์มาดู เห็นเป็นเบอร์เพชร น้ำหนึ่งยิ้มดีใจรีบรับ
“พี่เพชร” น้ำหนึ่งถามรัวเร็ว “พี่เพชรได้ยินใช่มั้ยคะ”
เพชรอยู่ที่คอนโดหน้าหมองเศร้าขณะพูดโทรศัพท์ ใจจริงไม่อยากโทร. เพราะสงสารน้ำหนึ่ง แต่ต้องโทร.
เพชรถอนหายใจ “ครับ” ก่อนจะหยอดซึ้งๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่น้ำหนึ่งไม่ต้องกลัวนะครับ ต่อให้โลกจะถล่ม ฟ้าจะทลาย พี่ก็จะไม่ทิ้งน้ำหนึ่งไปไหน พี่จะอยู่เคียงข้างน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งร้องไห้โฮด้วยความดีใจ
ขณะเดียวกันที่ด้านหน้าห้อง เห็นเพียงเงาของใครคนหนึ่งมาหยุดยืนที่หน้าประตู ที่แท้เป็นเกรียงศักดิ์ ที่ยืนหน้าเครียดปนเศร้า กำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง อย่างเป็นห่วง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงน้ำหนึ่งลอดออกมาว่า
“น้ำหนึ่งใจดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่ได้ยินพี่เพชรพูดอย่างนี้...คุณพ่อคุณแม่โกรธน้ำหนึ่งแล้ว...พี่เพชรอย่าทิ้งน้ำหนึ่งอีกนะคะ”
สีหน้าแววตาของเกรียงศักดิ์ในดวงหน้าที่ฉายความอ่อนโยนเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ
ขณะที่เพชรบอกน้ำหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยความเห็นใจต่อ
“จ้ะ...พี่จะไม่ทิ้งน้ำหนึ่งไปไหน...เราจะร่วมกันฟันฝ่าจนกว่าพ่อแม่น้ำหนึ่งจะเห็นใจดึกมากแล้ว..น้ำหนึ่งนอนซะนะ พรุ่งนี้เราจะตื่น มาพบกันใหม่ หลับฝันดีจ้ะ”
“ค่ะพี่เพชร..หลับฝันดีค่ะ”
น้ำหนึ่งวางสาย ความเศร้าใจไม่เหลือแล้ว มีแต่อารมณ์รักละมุนละไมอบอุ่นหัวใจตาม
ประสาเด็กสาวเมื่อพบเจอแรกรัก
ส่วนเพชรทันทีที่วางสาย ก็เหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียง สีหน้ามีแต่ความเสียใจ เศร้าใจ สับสนปนเปไปหมด
ฟากเกรียงศักดิ์ ยกมือทำท่าจะทุบประตูแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ มือของเกรียงศักดิ์ค้างอยู่อย่างนั้น และกำมือแน่นสั่นระริก ด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง
เกรียงศักดิ์กลับเข้ามาในห้องนอนตะเบ็งเสียงใส่ดาราณีด้วยความโกรธลูกสาวที่ขัดคำสั่ง
“น้ำหนึ่งทำกับเราขนาดนี้ ลูกกำลังลองดี” เกรียงศักดิ์พูดเสียงเข้มขึ้น “ลูกกำลังลองดีกับผม”
“ลูกยังเด็ก ให้เวลาลูกหน่อยเถอะค่ะคุณ”
“เด็กเหรอ...รู้จักคบผู้ชาย มีความรัก มันไม่เด็กแล้ว ลูกคงอยากลองดีกับผมจริงๆ”
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณ พรุ่งนี้อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้”
เกรียงศักดิ์มองมาไม่พอใจ “อะไรๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ คุณยังหวังอย่างนั้นอยู่เหรอ”
“จะเอาอะไรแน่กับใจคนล่ะคะ ลูกก็เหมือนกัน ลูกยังเด็ก ตอนนี้แกอาจจะกำลังสับสน วุ่นวาย พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา แกอาจจะคิดได้ก็ได้...คุณก็รู้...ที่ผ่านมาน้ำหนึ่งไม่เคยเป็นเด็กดื้อรั้น”
“คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ เพราะไอ้กุ๊ยเพชรไง ลูกถึงได้กลายเป็นคนดื้อด้าน...ได้...ถ้าอยากจะลองดี ผมก็จะทำให้ดู”
เกรียงศักดิ์พูดด้วยความโกรธลูกสาว เกลียดเพชรเข้าไส้ ดาราณีมีสีหน้าหนักใจ
รุ่งเช้าน้ำหนึ่งแต่งตัวในชุดจะออกไปทำงาน จะออกจากบ้าน วงหน้าของน้ำหนึ่งไม่เศร้าอีกแล้วเพราะได้กำลังใจจากเพชร พอเห็นนวลกับตาหวาน น้ำหนึ่งก็ถาม
“คุณพ่อ คุณแม่ออกไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
น้ำหนึ่งจะออกไป นวลเรียก
“คุณน้ำหนึ่งคะ...” น้ำหนึ่งหันมามอง นวลพูดต่อ มีความอาทรอยู่ในน้ำเสียงแววตากังวล “ท่านหวังดี คุณน้ำหนึ่งอย่าดื้อกับท่านเลยนะคะ”
น้ำหนึ่งมองมายิ้มๆ “ค่ะป้านวล...น้ำหนึ่งก็เสียใจเหมือนกัน ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ”
“ว้า” ตาหวานหน้างอเสียใจแบบเด็กๆ หมดลุ้น “อย่างงี้ก็แปลว่า...พี่น้ำหนึ่งจะเลิกคบกับพี่
คนนั้นเหรอคะ? โถ!อุตส่าห์ได้เจอชายในฝัน พี่น้ำหนึ่งไม่น่าตัดสินใจอย่างนี้เลย”
“ก็ใครว่าพี่จะเลิกคบ “พี่คนนั้น” ล่ะจ๊ะตาหวาน”
นวลตาโต “หมายความว่ายังไงคะคุณน้ำหนึ่ง....ก็ไหนว่าคุณน้ำหนึ่งเสียใจ”
น้ำหนึ่งบอกอย่างจริงจัง “น้ำหนึ่งเสียใจจริงๆ ค่ะที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ....แต่น้ำหนึ่งกับพี่เพชรตกลงกันแล้ว ว่าเราจะพิสูจน์ความรัก ความจริงใจ จนกว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านจะเห็นใจ”
นวลเหวอทันที “คุณน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งยิ้มล้อๆ “น้ำหนึ่งไปทำงานก่อนนะคะป้านวล...ตาหวาน”
น้ำหนึ่งเดินออกไป ตาหวานยกมือทำท่าฮึด
“มันต้องอย่างนี้สิคะพี่น้ำหนึ่ง ฮึ้ย”
ตาหวานยิ้ม ออกอาการลุ้นมาก แต่นวลทำท่าหนักใจ
“โธ่เอ๊ย!คุณน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งนั่งอยู่ในรถโดยมีคนขับรถ ขับพาน้ำหนึ่งออกไป
ส่วนด้านหลังเพชรซึ่งจอดรถดักรออยู่ รีบขับรถตามไป โดยไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังมีรอมอเตอร์ไซค์อีกคันดักซุ่มรออยู่ และขี่ตามรถเพชรไปเช่นกัน
มารกามเทพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ขณะที่น้ำหนึ่งนั่งอยู่บนรถที่ขับแล่นมาบนถนนสายหนึ่ง เสียงสัญญาณไลน์ดัง น้ำหนึ่งรีบคว้ามือถือมาเปิดดู เห็นเป็นรูปสติ๊กเกอร์คนทำท่าทักทาย
น้ำหนึ่งส่งสติ๊กเกอร์กลับไป มีเสียงเข้ามาอีก คราวนี้เป็นตัวหนังสือ
น้ำหนึ่งอ่านเบาๆ “น้ำหนึ่งทำงานวันแรก พี่จะไปส่งน้ำหนึ่งนะครับ”
น้ำหนึ่งทำหน้าฉงน ตอบกลับไป
“ได้ยังไงคะ”
เพชรส่งไลน์กลับมาเป็นข้อความ
“น้ำหนึ่งก็...หันมามองข้างหลังสิ”
น้ำหนึ่งหันขวับไปมอง เห็นเพชรขับรถตามหลังอยู่ น้ำหนึ่งมองเพชร ยิ้มอย่างดีใจ เพชรโบกมือทักน้ำหนึ่ง ก่อนทำท่าให้น้ำหนึ่งรีบหันกลับมากลัวคนขับรถเห็น น้ำหนึ่งหันหน้ากลับมาเหมือนเดิม นั่งอมยิ้ม แอบมองเพชรจากกระจกด้านหน้า ทำท่าปกติเพื่อไม่ให้คนขับรถสังเกต แต่นั่งยิ้มและส่งไลน์ตลอดทาง เด็กสาวมีความสุขหวานไหวไปกับความรักมากๆ
ไม่นานต่อมา คนขับรถส่งน้ำหนึ่งที่หน้าบริษัท คนขับบอก
ไตอนเย็นผมมารับนะครับ”
“น้ำหนึ่งมีธุระ เดี๋ยวกลับเอง”
“ไม่ได้ครับ ท่านสั่งให้ผมคอยอำนวยความสะดวกให้คุณน้ำหนึ่งทุกอย่าง”
น้ำหนึ่งพยักหน้าแกนๆ แบบยอมจำนน คนขับรถขับออกไป น้ำหนึ่งหันไปมองเพชรที่จอดรถอยู่ด้านหลัง ยิ้มให้ แต่ไม่กล้าเดินไปหา เพราะรถของที่บ้านยังติดอยู่แถวนั้นอยู่ เพชรโบกมือทำท่าให้น้ำหนึ่งเข้าออฟฟิศ น้ำหนึ่งอิดออด เพชรโทร.มาน้ำหนึ่งรับ
“คะพี่เพชร”
“เข้าไปทำงานได้แล้วจ้ะ”
น้ำหนึ่งอิดออดมองเพชรตาละห้อย “แต่น้ำหนึ่งอยากคุยกับพี่เพชร”
“พี่ต้องไปทำงาน น้ำหนึ่งเองเพิ่งมาทำงานวันแรก ก็ต้องรีบไปทำงานเหมือนกัน ตอนเย็น...เดี๋ยวพี่มารับกลับบ้าน แล้วเจอกันจ้ะ”
น้ำหนึ่งยิ้มหวาน “แล้วเจอกันค่ะพี่เพชร”
เพชรโบกมือให้น้ำหนึ่งอีกที ก่อนรถจะเคลื่อนตัวไป น้ำหนึ่งมองตามรถของเพชรจนเห็นปะปนไปกับรถคันอื่น น้ำหนึ่งถึงเดินเข้าตึก ระหว่างนั้นมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่ตามเพชรและน้ำหนึ่งมาตั้งแต่บ้าน หยิบมือถือขึ้นมาคุยกับใครบางคน ขณะขี่รถตามเพชรต่อไป
ฟากนิ้งยังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอน ลุกขึ้นมากรี๊ด
“แอร๊ยย..อิน ฟิน จิกหมอน” ไม่พูเปล่าทำท่าทางไปด้วย “ทำไมพี่เพชร โรแมนติกขนาดนี้”
น้ำหนึ่งเดินคุยโทรศัพท์ ขึ้นออฟฟิศพร้อมรอยยิ้ม
“พี่เพชรดีกับเค้ามากจริงๆ เลยนิ้ง”
“อย่างนี้รักตายเลยใช่ป่ะ”
“ใช่..พี่เพชรทำให้เค้ามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย”
“งั้นก็...สู้เพื่อรักต่อไปนะน้ำหนึ่ง”
“จ้ะนิ้ง...เค้าจะสู้เพื่อรัก...เพราะเค้ารักพี่เพชร รักจริงๆ”
“เค้าว่าพี่เพชรต้องรักตัวมากกกก...ไม่งั้น..พี่เพชรไม่ทำขนาดนี้หรอก”
น้ำหนึ่งยิ้มเขินอาย ทั้งดีใจ ทั้งปลื้มใจ “พี่เพชรคือ คนในฝัน ของเค้าจริงๆ”
น้ำหนึ่งวางสาย สีหน้าอิ่มเอม มีความหวัง และมีความสุขมาก
ด้านเพชรจอดรถแล้วเดินเข้าไซต์งาน เพื่อนทัก
“วันนี้มาสายจังเพชร”
“เมื่อเช้ามีธุระนิดหน่อย มีอะไรรึเปล่า”
“นายโทร.มาบอก ให้นายไปไซต์งานที่ระยอง” เพื่อนบอก
“โอเค...งั้นถ้าทางนี้มีอะไร นายโทร.บอกแล้วกัน”
“โอเค”
เพชรเดินกลับมาขึ้นรถ แล้วขับออกไป มอเตอร์ไซค์ที่ตามมาตั้งแต่เช้า ขับตามไป
เพชรขับรถมาตามทางมุ่งหน้าไปไซต์งานที่ระยอง พอถึงจังหวะทางเปลี่ยว ไม่ใช่ทาง
หลัก เพชรเห็นรถกระบะตามมาประกบเบียดแซง ไร้เหตุผล
“ขับรถประสาอะไร”
เพชรพยายามขับรถใจเย็น หลีกเลี่ยงการปะทะ แต่แล้วรถกระบะคันนั้นกลับปาดมาขวาง
หน้า แทบชน เพชรเบรกหัวทิ่ม ร้องออกมาด้วยความโมโห
“เฮ้ย!
เพชรก้าวลงมา คนร้ายในรถกระบะก็ลงมา ไม่มีการพูดอะไรทั้งนั้น พอลงมาถึงมันก็กรูกันลงมากระชากร่างเพชรเข้ามาอัด เพชรพยายามสู้ แต่เป็นสามรุมหนึ่ง เพชรสู้ไม่ไหว ร่างร่วงผล็อยลงไปนอนกองกับพื้น หนึ่งในคนร้ายทำท่าจะยกเท้ากระทืบอีก อีกคนที่เป็นหัวโจกร้องห้าม
“พอแล้ว! เดี๋ยวมันตาย”
“แต่” อีกคนทำท่าอยากกระทืบซ้ำ
“ท่านบอก “แค่สั่งสอน” กลับ”
หนึ่งในคนร้ายเตะเพชรอีกโครม ก่อนเดินขึ้นรถขับออกไป เพชรขบกรามแน่นได้ยินเต็มสองหูโกรธจัด
“ท่าน!”
สีหน้าเพชรมีแต่ความคั่งแค้น ปะปนไปด้วยความเจ็บปวด ทั้งกายและใจ
ส่วนเกรียงศักดิ์ และดาราณีเดินเคียงข้างใบหน้ายิ้มแย้ม ออกงานคู่กันตามปกติ วันนี้ออกงานในห้างหรู งานเสร็จสิ้นลง ผู้คนยกมือไหว้ล่ำลา เกรียงศักดิ์ยิ้มละไม ท่าทางอารมณ์ดี
ระหว่างเดินออกมาที่รถ ดาราณีถามพร้อมรอยยิ้ม
“หายโกรธลูกหรือยังคะ”
เกรียงศักดิ์เยื้อนยิ้มอ่อนโยน “ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไร แค่เป็นห่วงน้ำหนึ่งมากกว่า คุณก็รู้...”
“รู้สิคะ...ฉันถึงอยากให้คุณใจเย็นๆ...วัยขนาดน้ำหนึ่ง ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ต้องใช้ไม้อ่อน เพราะถ้าใช้ไม้แข็ง ลูกจะเตลิด”
“ผมจะพยายามใจเย็นให้มากกว่านี้...ขอบคุณมากที่เมื่อคืนให้สติผม ไม่งั้นป่านนี้ไอ้หมอนั่น เละไปแล้ว”
“ฉันรู้ว่าคุณพูดไปเพราะโมโห เอาเข้าจริง...คุณทำร้ายใครไม่ได้หรอกค่ะ งั้นเดี๋ยวเสร็จงานแล้ว พาลูกไปทานข้าวนะคะ”
“เดี๋ยวผมโทร.หาลูกเดี๋ยวนี้เลย”
สองสามีภรรยายิ้มให้กัน ก่อนเดินขึ้นรถ คนขับรถขับรถออกไป ขณะที่เกรียงศักดิ์หยิบ
มือถือขึ้นมา
ขณะที่น้ำหนึ่งทำงานอยู่ เสียงมือถือดัง น้ำหนึ่งรับ
“คะพี่เพชร...” นิ่งฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจ “อะไรนะคะ ตอนนี้พี่เพชรอยู่โรงพยาบาล....ถูกรุมทำร้าย น้ำหนึ่งจะรีบไปเดี๋ยวนี้คะ” น้ำหนึ่งหันไปทางเพื่อน “เรามีธุระด่วน กลับก่อนนะ”
น้ำหนึ่งรีบคว้ากระเป๋าเดินตัวปลิวออกไปจากออฟฟิศอย่างร้อนใจ
ฟากเพชรนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล วางมือถือลง เพชรบาดเจ็บมากเอาการ ใบหน้าเขียวช้ำ ปูดบวม ต้องให้น้ำเกลือ ดวงตาของเพชรเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เสียงคนร้ายดังก้องในหัว
“พอแล้ว!เดี๋ยวมันตาย”
“แต่” อีกคนทำท่าอยากกระทืบซ้ำ
“ท่านบอก “แค่สั่งสอน” กลับ”
เพชรมั่นใจว่าเป็นฝีมือเกรียงศักดิ์ โกรธแค้นมากๆ ขบกรามแน่ คำรามออกมา
“ไอ้เกรียงศักดิ์ ไอ้เลว....”
สีหน้าเพชรไม่เหลือเยื่อใยความสงสารให้น้ำหนึ่งอยู่เลย
เกรียงศักดิ์นั่งอยู่บนรถโทรศัพท์หาน้ำหนึ่ง ดาราณีถาม
“ลูกไม่รับสายเหรอคะ”
“สายไม่ว่างเลย...เดี๋ยวผมโทร.ใหม่”
เกรียงศักดิ์กดโทร.ใหม่ น้ำหนึ่งกำลังจะเดินออกนอกออฟฟิศ เสียงมือถือดัง กดรับด้วยสีหน้ากังวล “คะคุณพ่อ”
เกรียงศักดิ์นั่งอยู่บนรถกับดาราณี บอกกับน้ำหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น้ำหนึ่งเย็นนี้เลิกงานแล้ว...เดี๋ยวพ่อกับแม่รับไปทานข้าวนะลูก”
“เอ่อ...น้ำหนึ่งไปไม่ได้ค่ะ...วันนี้เพิ่งทำงานวันแรก...มีงานกองเต็มเลย...ไว้วันหลังนะคะ”
เกรียงศักดิ์หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่งแต่ยังยิ้มได้ “งั้นตั้งใจทำงานนะลูก”
น้ำหนึ่งหน้าจ๋อยเสียใจเหมือนกันที่โกหกแต่ห่วงเพชร “ค่ะ”
เกรียงศักดิ์บอกด้วยเสียงอ่อนโยน “น้ำหนึ่ง..พ่อกับแม่...รักหนูมากนะลูก”
“ค่ะ...คุณพ่อ”
น้ำหนึ่งมีสีหน้าสับสนวุ่นวายใจอย่างที่สุด แต่ตัดสินใจเดินออกไปพร้อมโทรศัพท์
“พี่เพชรรอน้ำหนึ่งเดี๋ยวนะคะ...น้ำหนึ่งจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ขณะเดียวกันที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง อลิสนั่งทานข้าวกับเพื่อนสาวเกย์คนสนิทลูกไล่คนเดิม ท่าทางมีความสุขมากๆ
“สมน้ำหนึ่งยัยน้ำหนึ่ง ป่านนี้วิ่งแจ้นไปเฝ้าไอ้กุ๊ยเพชรที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ”
เพื่อนบอกขำๆ “ร้ายว่ะอลิส”
อลิสหัวเราะชอบใจ “ร้ายที่ไหน...ก็แค่ เบา..เบา”
เพื่อนสาวลดเสียงเบาลง “แล้วถ้าเค้ารู้ว่าแกเป็นคนทำล่ะ”
อลิสโวยลั่น “โอ๊ย! จะรู้ได้ยังไง๊ ในเมื่อฉันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่สำคัญ ฉันย้ำกับคนของฉันแล้วย่ะ ให้กรอกหูให้ไอ้เพชร ว่า ”ท่าน” เป็นคนสั่งให้ทำ”
เพื่อนสาวเอ่ยขึ้น แดกดันตามประสา “ตรรกะอลิสนี่เทพมากเลย ยิงปืนนัดเดียว นกร่วงมาทั้งฝูง”
อลิสหัวเราะชอบใจใหญ่ “ฉันมั่นใจ ไอ้เพชรมันเอาคืนท่านแน่ๆ บอกได้คำเดียว นังน้ำหนึ่ง...เละๆๆ”
อลิสหัวเราะอย่างสะอกสะใจมาก
ด้านน้ำหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วย เห็นเพชรนอนเจ็บอยู่บนเตียง น้ำหนึ่งวิ่งถลาเข้ามาหาเพชร เกาะที่ขอบเตียงร้องไห้โฮ
“พี่เพชร”
“น้ำหนึ่ง”
“พี่เพชรเจ็บมากมั้ยคะ”
“เจ็บกายไม่เท่าไหร่...แต่พี่เจ็บที่หัวใจ...ถ้าต่อไป...พี่จะไม่ได้เจอน้ำหนึ่งอีกแล้วจริงๆ” เพชรตัดพ้อ
“ทำไมคะพี่เพชร” น้ำหนึ่งใจคอไม่ดี มองเพชรเขม็ง อยากรู้เรื่องใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เพชรแกล้งหันหน้าหนีทำเป็นสะเทือนใจ “ก็...คุณพ่อของน้ำหนึ่ง...คง..คง” เพชรแสร้งทำเป็นพูดอย่างยากเย็น “ไม่พอใจ”
น้ำหนึ่งคิดเป็นตุเป็นตะ นึกถึง ตอนที่เกรียงศักดิ์ขู่ ว่าถ้าเห็นสองคนอยู่ด้วยกันอีก จะเอาเพชรถึงตาย
“นี่หมายความว่า...ที่พี่เพชรเป็นอย่างนี้ เพราะคุณพ่อของน้ำหนึ่งใช่มั้ยคะ”
เพชรแกล้งทำเป็นเบือนหน้าหนี ไม่อยากพูด นั่นยิ่งกระตุ้มต่อมอยากรู้ จนน้ำหนึ่งเขย่ามือเพชรร้องไห้ถาม
“ใช่มั้ยคะ ที่พี่เพชรเป็นอย่างนี้ เพราะฝีมือคุณพ่อน้ำหนึ่งใช่มั้ย”
เพชรทำท่าลำบากใจ หันหน้าหนี น้ำหนึ่งยิ่งกดดัน เขย่าร่างเพชรคาดคั้น
“ใช่มั้ยคะพี่เพชร” เพชรไม่ตอบ น้ำหนึ่งบอกน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “น้ำหนึ่งจะไปพูดกับคุณพ่อ”
น้ำหนึ่งจะผละไป เพชรหันมาคว้ามือน้ำหนึ่งไว้
“อย่าน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งหันมา “พี่เพชร”
เพชรดึงน้ำหนึ่งมากอด ทำทีเป็นปลอบประโลม
น้ำหนึ่งกอดเพชรแน่นทั้งสงสารและเห็นใจ ความรู้สึกที่มีต่อเพชร ท่วมท้นอยู่ภายใน เพชรแกล้งปลอบเสียงอ่อนโยน อบอุ่น แต่ดวงตาแข็งกร้าว
“อย่า...อย่าทำอย่างนั้น...ที่คุณพ่อทำเพราะท่านรักและหวังดีกับน้ำหนึ่ง”
“แต่พี่เพชร...” น้ำหนึ่งมองทั่วร่างเพชร ด้วยความสงสาร
เพชรดันตัวน้ำหนึ่งออก มองอย่างเทิดทูน “พี่เข้าใจคุณพ่อน้ำหนึ่ง เพราะถ้าเทียบกับน้ำหนึ่งพี่มันก็แค่คนธรรมดา ต่ำต้อย” เพชรพูดพร้อมกับเชยคางขึ้นมา “แต่น้ำหนึ่ง เป็นเหมือนดอกฟ้า สิ่งที่ท่านทำมันถูกแล้ว”
“จะถูกได้ยังไง ให้คนมาทำร้ายกัน..คุณพ่อใจร้าย ใจร้ายที่สุด” น้ำหนึ่งร้องไห้โฮ
“ไม่เอาครับ น้ำหนึ่งอย่าร้องไห้” เพชรเอามือเช็ดน้ำตาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่ยืนยันสิ่งที่ท่านทำ มันถูกแล้ว....” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว “เพราะถ้าพี่เป็นท่าน พี่ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อตัดขาด ผลักไส คนที่ไม่คู่ควรน้ำหนึ่ง ออกไปจากชีวิต”
น้ำหนึ่งได้ฟังเหมือนใจจะขาดรอนๆ “แปลว่าต่อไป...พี่เพชรจะไม่ติดต่อกับน้ำหนึ่ง”
เพชรกลับส่ายหน้า “พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น...แต่พี่จะทำทุกอย่าง...เพื่อให้ตัวเองทัดเทียมเท่ากับน้ำหนึ่ง คุณพ่อท่านจะได้เห็นใจ”
“พี่เพชร” น้ำหนึ่งหลงคำหวาน มองอย่างตื้นตันและซาบซึ้งใจมาก
เพชรลูบหน้าปัดผมให้ท่าทางใจดีมาก “เป็นเด็กดีของคุณพ่อนะครับ....” จู่ๆ แกล้งร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
“พี่เพชร” น้ำหนึ่งร้องไห้โฮ สงสารจับใจ
“พี่ไม่เป็นไร” ปากบอกไม่เป็นไร แต่แกล้งทำหน้าตาเจ็บปวดมาก “ไม่เป็นไร”
“ยิ่งพี่เพชรดีอย่างนี้ น้ำหนึ่งยิ่งไม่ยอม”
น้ำหนึ่งบอกอย่างเด็ดเดี่ยว แล้ววิ่งออกไป เพชรทำเสียงตกใจร้องเรียกไว้
“น้ำหนึ่งๆๆ”
แต่น้ำหนึ่งไม่ยอมหันกลับมา
ลับหลังน้ำหนึ่งเพชรยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างสาแก่ใจ
น้ำหนึ่งที่หน้าตายังบวมช้ำ เต็มไปด้วยคราบน้ำตาวิ่งเข้าบ้านมา ถามนวลทันที
“คุณพ่ออยู่ไหน”
“ห้องนั่งเล่นค่ะ” นวลบอก
“เห็นท่านบ่นว่า....พี่น้ำหนึ่งไม่ยอมไปทานข้าวด้วย...”
น้ำหนึ่งไม่ฟัง วิ่งไปในบ้าน ตาหวานอ้าปากค้าง
“อ้าว!ยังเล่าไม่จบเลย”
นวลมองตามเด็กสาวด้วยความไม่สบายใจ ตัดสินใจเดินตามมาดู ตาหวานย่องตามไปด้วย
ขณะที่เกรียงศักดิ์กับดาราณีนั่งดูทีวีกันอยู่ในห้องโถง ท่าทางผ่อนคลาย น้ำหนึ่งวิ่งเข้ามา ตามมาด้วยนวลและตาหวานที่หลบมุมแอบฟัง ดาราณีเห็นน้ำหนึ่งก็ถาม
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
เกรียงศักดิ์ตกใจ เห็นน้ำหนึ่งร้องไห้ “อ้าว! แล้วเป็นอะไรน้ำหนึ่ง?ลูกร้องไห้ทำไม”
“ร้องไห้เพราะคุณพ่อ” น้ำหนึ่งว่า
เกรียงศักดิ์ตกใจ “เพราะพ่อ”
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์มองหน้ากันงุนงง ดาราณีถามต่อทันที
“คุณพ่อทำอะไรหนูลูก”
“คุณพ่อไม่ได้ทำหนูหรอกค่ะ แต่คุณพ่อให้คนไปทำร้ายพี่เพชร”
เกรียงศักดิ์ฉงน ดาราณีมองหน้าสามี ท่าทางไม่แน่ใจ นวล และตาหวานตกใจ ขณะที่น้ำหนึ่งร้องไห้คร่ำครวญ ด้วยถูกความรักบังตา
“ทำไมคุณพ่อใจร้ายใจดำอย่างนี้คะ ถ้าพี่เพชรตาย คุณพ่อจะทำยังไง หรือไม่เป็นไร เพราะคนต่ำต้อยด้อยค่าอย่างพี่เพชร ต่อให้ตายยังไงก็ไม่มีค่าอยู่แล้ว”
“น้ำหนึ่งพูดอะไร พ่อไม่รู้เรื่อง” เกรียงศักดิ์งวยงง
“คุณพ่อไม่ต้องปฏิเสธค่ะ น้ำหนึ่งรู้ความจริงหมดแล้ว” น้ำหนึ่งสะอื้น “นี่ขนาดพี่เพชรนอนเจ็บขนาดนั้น...พี่เพชรยังไม่เคยว่าคุณพ่อซักคำ” เด็กสาวเสียงดังใส่ผู้เป็นพ่อ “มีแต่คุณพ่อคนเดียวนั่นแหละ จะฆ่าจะแกงพี่เพชร”
“นี่แปลว่าลูกไปหามันมาอย่างนั้นน่ะเหรอ”
น้ำหนึ่งเถียงอย่างไม่กลัวเกรง “ค่ะ..น้ำหนึ่งถึงได้รู้ได้เห็นไงคะ...” พร้อมกับตะโกนลั่น “ว่าคุณพ่อใจร้าย คุณพ่อใจดำ”
“นี่ขัดคำสั่งพ่อใช่มั้ย” เกรียงศักดิ์โกรธจัด “แกนี่เลี้ยงดีไม่ได้จริงๆ น้ำหนึ่ง” ตะโกนสั่งเสียงดัง “เอารถออก”
เกรียงศักดิ์คว้าแขนลูกสาวเต็มแรง น้ำหนึ่งตกใจ
“ปล่อยน้ำหนึ่งนะคะ ปล่อย”
ดาราณีถามเสียงสั่นท่าทีตกใจ “คุณคะ..ดึกดื่นป่านนี้แล้วจะพาลูกไปไหนคะ”
“ก็ในเมื่อพูดดีๆ ไม่ฟัง ฉันจะพาน้ำหนึ่งไปอยู่ที่ไร่ ให้มันรู้ไป ว่าไอ้หมอนั่นมันจะตามไปหาน้ำหนึ่งได้อีก”
เกรียงศักดิ์ลากลูกสาวไป น้ำหนึ่งดิ้นรนขัดขืนร้องกรี๊ดๆ ดาราณีตามมาดู นวลกับตาหวานมองตามใจระทึก ตาหวานถามเสียงสั่น
“ไอ้หมอนั่น คนเดียวกับพี่คนนั้นใช่มั้ยคะ”
“เออ”
นวลตอบ ท่าทางอยากเขกกะโหลกตาหวานที่สุด
เกรียงศักดิ์ลากน้ำหนึ่งขึ้นรถตู้ ทันทีที่ประตูปิด คนขับรถก็ออกรถทะยานไปทันที
“ทำไมต้องทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วยน้ำหนึ่ง”
ดาราณีมองตาม หัวอกผู้เป็นแม่เจ็บปวดปานว่าจะขาดใจ
โปรดติดตาม "มารกามเทพ" ตอนที่ 3