xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรรม ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คู่กรรม ตอนที่ 20

เช้าตรู่ อังศุมาลินลืมตาตื่นขึ้นมา เหลียวมองไปรอบห้อง กระพริบตา แล้วต้องอึ้ง เมื่อพบว่าตัวเองหลับซุกอกโกโบริอยู่ แถมหนุนแขนโกโบริอย่างสบายใจ

อังศุมาลินขยับ แต่กลัวโกโบริตื่นเลยชะงักค้าง และนอนนิ่งอยู่เช่นนั้น แล้วในที่สุด ก็หลับไปใหม่
โกโบริยิ้มพรายทั้งที่ตายังหลับ นอนท่าเดิมไม่กระดิกกระเดี้ย

เวลาผ่านไป ช่วงตอนกลางวัน อังศุมาลินนั่งมองปลาในโหลของโกโบริ ใจลอย คิดมาก โกโบริยืนไพล่หลัง ส่องดูหนังสือ ขุนช้างขุนแผน เล่มใหญ่และหนังสือเรียนกับหลายๆ เล่ม ในตู้หน้าห้องยายศร
ส่วนยายนั่งตำหมากอยู่
“หนังสือพวกนี้ คืออะไรครับ”
“อ๋อ..หนังสือวรรณคดีไทย”
“วรรณคดี อา..วรรณคดี..สนุกไหมครับ”
“สนุกสิ” ยายว่า
โกโบริเมียงมอง “เรื่องไหน...สนุกที่สุดครับ”
ยายศรมองไป ขำๆ พลางบอก “สนุกที่สุด..ก็ต้องขุนช้างขุนแผน”
“อา..ขุนช้าง ขุนแผน เป็นยังไงครับ”
“ก็มี...ขุนช้าง เป็นคนรวย หัวล้าน นิสัยขี้โกง...กับขุนแผน เจ้าชู้ รูปหล่อ มีเมียเยอะ แต่สองคนนี้ เขารักผู้หญิงชื่อนางพิมพิลาไลย”
โกโบริทวน “โอ...พิมพิลาไลย”
“อัง...ยัยอัง..มาเล่าให้พ่อดอกมะลิฟังหน่อยสิ”
อังศุมาลินหันมา “ยุ่งจริง...” งอแงสุดฤทธิ์ “จะอยากรู้ไปทุกสิ่งทุกอย่างเลยใช่ไหม”
“ใช่!” โกโบริยิ้มแฉ่ง แก้มแทบแตก
อังศุมาลินค้อนขวับ แล้วก็ลุกมา ถามขึ้น
“จะฟังเรื่องขุนช้างขุนแผนหรือคะ”
โกโบริหยิบหนังสือออกมา ทำแขนตรง ยื่นมาตรงหน้าอังสุมาลิน “ฮื่อ..สอนหน่อยครับ” พลางทำท่าโค้ง
อังศุมาลินหันมามองหน้ายายศร หัวเราะร่วน “สอนเรื่องนี้..ตายพอดี..เล่มออกใหญ่โตมโหฬาร”
“อ่านให้แกฟังหน่อยสิ แกจะได้รู้ว่ากลอนของไทยมันไพเราะขนาดไหน” ยายศรบอก
“แต่ต้นจนจบเลยหรือคะ...” อังศุมาลินทำหน้าทดท้อ
“เอาตรงที่ยายเคยคั่นๆ ไว้สิ ยายคั่นบทกลอนที่ยายชอบ ที่เพราะๆ ไว้หลายอันเลย หนูอ่านอันไหนก็ได้ให้แกฟัง” ยายว่า
โกโบริโค้ง ทำหน้ามีชัย “ได้โปรดครับ”
อังศุมาลินทำหน้าหมั่นไส้ แกมเอ็นดู

ที่ศาลานั่งเล่น ยามเย็น ลมพัดมาเบาๆ โกโบรินอนเล่นพังพาบอยู่ พลางพับกระดาษโอริกามิ ที่เอากระดาษที่ตัดๆ เป็นสี่เกลี่ยมจัตุรัส มาพับเป็นนกบ้าง เป็นดอกไม้บ้างรอฟัง
อังศุมาลินนั่งพิงเสามุมหนึ่ง ถือหนังสืออยู่ในมือ
“อ่านสิครับ คุณยายบอกแล้ว...ให้คุณอ่านให้ผมฟัง” โกโบริเร่งในมือพับอะไรไปตามเรื่อง
อังศุมาลินสัพยอก “ถ้าไม่อ่าน จะฟ้องคุณยายใช่ไหม”
โกโบริยิ้มแฉ่ง “แน่นอนเลย”
อังศุมาลินยื่นมาให้ “เอ้า เลือกที่มีกระดาษคั่นไว้ จะให้อ่านตรงไหน เลือกเองเลย”
โกโบริเอาไปดู แต่ในสถาพกลับหัว แล้วพลิกมา หน้าที่คั่นไว้ ยื่นมา
“หน้านี้”
อังศุมาลินยิ้มขำ แล้วพลิกอ่าน
“โอ้พ่อพลายสายสวาทของน้องเอ๋ย”
โกโบริฉงน “พ่อพลาย...คืออะไร”
“พ่อพลาย..เป็นชื่อคน...” อังศุมาลินอ่านใหม่ “โอ้พ่อพลายสายสวาทของน้องเอ๋ย”
โกโบริซักอีก “สายสวาท แปลว่าอะไร”
“สุดที่รัก…” อังศุมาลินบอก
โกโบริยิ้ม ทำหน้าชอบอกชอบใจ จำไว้ “ขอบคุณ...”
อังศุมาลินมองจับสังเกต ว่าโกโบริมีเล่ห์อะไรหรือเปล่า โกโบริหันมา มองตอบ หน้าซื่อใส
อังศุมาลินอ่านต่อ “มิเคยจะห่างเหสิเน่หา นอนหอด้วยน้องสองเวลา”
โกโบริตั้งใจฟังมาก
“พ่อเคยพาพิมพูดพิไรวอน
นั่น นี่ ซี้ซิกสัพยอก
ยั่วหยอกมิใคร่ให้ไปไกลหมอน
แขนซ้ายเคยให้เมียหนุนนอน...”
ระหว่างนั้นภาพตอนอังศุมาลินตื่นขึ้นมา พบว่าตัวนอนหนุนแขนโกโบริผุดขึ้นในหัวแว้บๆ
อังศุมาลินนึกแล้วอึ้งไป
อังศุมาลินพยายามอ่านต่อ
“เห็นเมียร้อน...พ่อก็พัด...กระพือลม”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่โกโบริพัดวีให้ตน ตอนตนเล่นขิม ผุดขึ้นมาอีก
อังศุมาลินอึ้ง ส่วนโกโบริทำหน้าซึ้ง อ่อนโยน ยิ้มหวานสุดๆ
อังศุมาลินรู้สึกทนอ่านต่อไปไม่ได้ จี้ใจดำสุดๆ ในที่สุด ปิดหนังสือลง รีบลุก
“อ้าว..ทำไมล่ะ” โกโบริงวยงง
“ชั้นเหนื่อยแล้วอยากไปเดินเล่น”
พูดจบอังศุมาลินก็ลุกเดินหนีไป

โกโบริมองกระดาษที่ตัวเองพับเป็นดอกไม้ แล้วเหลียวมองตามอังศุมาลินไปแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ยังคงนิ่งอยู่ในท่านั้น

ส่วนที่บริเวณท่าน้ำในตัวเมืองนครสวรรค์ ยามเช้าผู้คนพลุกพล่านพอสมควร เรือขนส่งสินค้า เรือรับจ้างกำลังแล่นสวนกันไปมาในลำน้ำ

เรือรับจ้างลำหนึ่งแล่นมาส่งผู้โดยสารชาวบ้าน 2 คนขึ้นฝั่ง ชาวบ้านส่งเงินให้ก่อนก้าวขึ้นท่า ชายรับจ้างรับเงินไว้
“ขึ้นดีๆ ระวังๆ นะป้า”
ชาวบ้านขึ้นจนหมด ชายรับจ้างกำลังจะคัดเอาเรือออก พลันมีมือมาคว้าหมับที่แขน จึงหันไปมอง
ที่แท้เป็นวนัสสวมหมวกปิดบังใบหน้า
“พี่ชาย เดี๋ยว ข้ามไปสถานีรถไฟหน่อย”
“อา..ไปคนเดียวรึ” ชายคนพายเรือถาม
คุณชายวิชญา และอรุณเดินมาสมทบ
วนัสบอก “สาม..พี่”
“หน้าไม่ใช่คนแถวนี้ละสิ”
วนัสยิ้มๆ ไม่ตอบ รีบถามราคา “เท่าไหร่พี่ ไปเถอะ”
“สิบสลึง”
วนัส หันไปมองคุณชายวิชญา และอรุณ
คุณชายตกลง “ได้ลุง ไปๆ”
อรุณหันไปคว้าหยิบเป้สัมภาระ ส่งให้วนัสและคุณชาย ทั้งสามจะก้าวลงเรือ มีเสียงใครคนหนึ่งเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณสามคน”
วนัส คุณชายวิชญา และอรุณหันขวับมา เห็นตำรวจภูธร 4 นาย ยืนจังก้าอยู่ 1 ในนั้นบอก
“ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
สามคนอึ้ง นิ่งไป

เช้าวันต่อมา ขณะที่อังศุมาลินนั่งร้อยมาลัยเป็นรูปตัวกระแตตรงชานเรือนบริเวณยกพื้น โกโบริแต่งเครื่องแบบเสร็จ เดินออกมา สั่งเป็นชุด
“คุณอย่าซักผ้านะ แล้วก็เลิกลงสวนด้วย ยังไงผมจะส่งทหารมาช่วย ผมต้องไปดู..ว่าเครื่องจักรที่สั่งไป มาถึงหรือยัง ถ้าไม่มีอะไร ผมจะรีบกลับบ้าน”
“ค่ะ” อังศุมาลินหันมารับ
“ถ้าเวียนหัว ก็ให้นอนพัก อย่าลุกไปไหนมาไหน อย่าลงไปที่ท่าน้ำ อย่าออกไปข้างนอก” โกโบริเดินมาถึงบันได มองดูบันได แล้วหันกลับมาอีก “บันไดหน้านี่มันชัน ไม่จำเป็น อย่าขึ้นๆ ลงๆ คนเดียว เดี๋ยวจะตกลงไป เข้าใจไหม”
อังศุมาลินทำหน้าทำตาประชด “รับทราบค่ะ”
โกโบริหันมา เห็นแม่ และยายมองอยู่ รีบยิ้มแล้วโค้งให้ ก่อนจะหัน เดินเร็วๆ ลงไป
ยายหัวเราะเบาๆ “เห็นเขาเป็นผัวเมียกันมานัก จะรักเหมือนพ่อรักพิมหามีไม่”
ยายศรร่ายกลอนเสร็จก็หัวเราะขำอารมณ์ดี
อังศุมาลินหันมา ทำหน้านิ่ว งอนๆ ปนท่าทีขวยเขิน เป็นเชิงบอก... อย่าล้อได้ไหม
“อ๊าว..ยายพูดกลอนขุนช้างขุนแผนไง..ไม่ได้หรอกหรือ” ยายศรเฉไฉ
จากนั้นแม่อร และยายหัวเราะกันไป อังศุมาลินยิ้มๆ ร้อยดอกไม้ต่อ

ขณะเดียวกัน บนโต๊ะประชุม ที่กองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น ทุกคนหน้าตาคร่ำเครียด นากามูระเดินไปมา
“ตอนนี้รัฐบาลใหม่ของ พันตรีควง อภัยวงศ์ มีแต่รัฐมนตรีที่ฝ่ายสืบราชการลับของเราหมายหัวไว้ว่าเกี่ยวข้องกับองค์กรต่อต้านญี่ปุ่นทั้งนั้น ดังนั้นนโยบายของกองทัพนับจากนี้ เราจะแข็งกร้าวต่อทุกทีท่าที่ไม่เป็นมิตรกับกองทัพ”
บรรดานายทหารญี่ปุ่นระดับสูงฟังตัวตรงนิ่ง
“และขอให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อม ที่จะปรับเปลี่ยนทุกหน่วยให้รองรับกำลังพลอีกกว่าห้าหมื่นนายที่จะเข้ามาสมทบจากสิงคโปร์ในสัปดาห์หน้า เพราะจากนี้กองพลน้อยที่ 29 ของเราจะถูกยกระดับเป็นกองทัพที่ 39เราจะพร้อมรับมือกับการรุกหนักจากสัมพันธมิตรนับจากนี้”
นายทหารทุกคนรับคำพร้อมกันอย่างเข้มแข็ง “ครับผม”
ฮิชิดะเดินเข้ามา ทำความเคารพ
“มีข่าวด่วนครับท่าน
“อะไร ว่ามา” นากามูระถาม
“ที่นครสวรรค์รายงานมาว่า มีสปายสัมพันธมิตรเล็ดลอดเข้ามา ตอนนี้เชื่อว่าอยู่ในการควบคุมของตำรวจไทย ที่บางกอกแล้ว” ฮิชิดะรายงาน
นากามูระหัวเราะเบาๆ “หึๆ...รีบประสานเรื่องไปทางสารวัตรองอาจ ทางเราขอร่วมสอบสวนสปายพวกนี้ด้วย”

นากามูระสั่งการอย่างขึงขัง

คู่กรรม ตอนที่ 20 (ต่อ)

ที่อู่ต่อเรือญี่ปุ่นเช้าวันนี้ แลเห็นธงอาทิตย์อุทัยปลิวไสวเหนือลานรวมพลของอู่ บรรดาทหารมากมายกำลังกุลีกุจอแบกขนของกันไปมา บางส่วนกำลังเร่งสร้างอาคารอยู่วุ่นวาย

เคสุเกะกำลังคุมงานอยู่ตรงท่าเรือ โกโบริเดินเข้ามา
“เคสุเกะ”
โกโบริหน้าตาสดใส ดูอารมณ์ดีมาก
“ไฮ้ ผู้กองโกโบริ..มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“เครื่องตัดเหล็กมาหรือยัง”
“ตอนนี้มาอยู่ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อยแล้วครับ บ่ายนี้ผมจะไปเอา”
“ดี”
โกโบริหันตัวจะเดินไป พลันนึกบางอย่างได้
“เคสุเกะ”
เคสุเกะตกใจ “ฮ..ไฮ้”
“งั้นเดี๋ยวก่อนไปฝากอะไรไปด้วยสิ”
“ครับ”
โกโบริเดินไป เคสุเกะงง

ครู่ต่อมาโกโบริทิ้งตัวนั่งบนโต๊ะในห้องทำงานชั่วคราว คว้ากระดาษขึ้นมาวาง ก่อนหยิบปากกาขึ้นมา คิดไปยิ้มไปสีหน้าเปี่ยมสุขก่อนลงมือตวัดเขียนข้อความตัวหนังสือลงบนกระดาษ
“แม่ครับ ผมมีเรื่องที่อยากจะบอกแม่มากๆและแม่คงรอฟังอยู่แน่ มันคือข่าวดีที่สุดในชีวิตผม ผมกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วแม่ ใช่ครับ ฮิเดโกะภรรยาผมกำลังตั้งท้องแล้ว ตอนนี้ผมแทบไม่เป็นอันทำอะไร คิดถึงวันที่จะได้เห็นหน้าลูกอยู่ตลอด และผมก็รู้ว่าพอแม่ได้จดหมายนี้แล้วคงตื่นเต้นไม่น้อยกว่าผมแน่ ผมอยากให้เขาออกมาเป็นผู้ชาย แต่ไม่ต้องห่วงผมจะต้องพาเขากับแม่ของเขาไปไหว้แม่ที่บ้านให้ได้ แม่อวยพรให้หลานด้วยนะ ฝากความคิดถึงให้พ่อและทุกคน...คิดถึง...โกโบริ”
มีฝีเท้าใครคนหนึ่งก้าวเข้ามายืนในห้อง
“ไฮ้ ผู้กองโกโบริ”
โกโบริเงยหน้ามองเห็นเป็นฮิชิดะ มายืนตรงหน้า
“อา..ฮิชิดะมีอะไร”
โกโบริมีสีหน้าแปลกใจ

ส่วนที่ชานเรือนบ้านอังศุมาลินเวลาเดียวกัน มีมือกำลังออกแรงกดสอยเย็บกระดุมเสื้อยูนิฟอร์มเนื้อหนา ที่แท้เป็นอังศุมาลินกำลังก้มหน้าก้มตาเย็บไปมาอยู่จนครู่หนึ่ง แล้วเริ่มรู้สึกแปลกๆ ภาพเข็มและชุดที่ปักอยู่ไหวเบลอ
อังศุมาลินรู้สึกมึนเวียนหัว จึงเงยหน้าหลับตาลงสักครู่ แต่ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย วางมือ ขยับหลังพิงเสาเรือนใกล้ๆ ก่อนค่อยยกมือขึ้นมาทาบสัมผัสที่กลางท้องตัวเองเบาๆ ความรู้สึกตื่นเต้นลึกๆ วาบขึ้น เสียงฝีเท้าเดินอยู่ที่บันไดเรือนทำให้ลืมตาขึ้นก่อนหันไปมอง
เห็นตาบัว กะตาผล ในชุดสีกากีกลางเก่ากลางใหม่ พร้อมผ้าขาวม้าเคียนพุง อังศุมาลินประหลาดใจ
“ลุง”
ตาบัวทัก “แม่อัง”
ตาผลถาม “ไปไหนกันหมดละ”
“นี่ลุงมาทำไมกันอีก”
อังศุมาลินรีบวางงานในมือลงทันที ตาบัว กะตาผล มาทิ้งตัวลงข้างๆ เชี่ยนหมากยายที่วางอยู่
“ก็มีข่าวดีมาบอกนะสิ”
ตาผล จ้วงใบพลูขึ้นมาทันที
“แหม พลูหมากสดๆ ทั้งนั้น ไอ้ฝั่งนู้นก็มีแต่แห้งๆ หาก็ยาก”
“แล้วนี่แม่อรกับยายไปไหนกันเสียละ” ตาบัวถาม
“ไปวัด ลุงมีธุระอะไร”
“ก็ไม่เชิง แต่มีข่าวจะมาบอก”
อังศุมาลินรีบเข้าไปเขย่าหัวเข่าตาบัว ไปมา ตาผลยื่นส่งพลูให้ตาบัว
“ลุง บอกมาสิจดหมายฉบับนั้น ลุงไปเอามาจากไหน”
“หา..จดหมายอะไรแม่อัง”
“โธ่ ก็จดหมายที่ลุงเอามาให้คราวที่แล้วนี่ไง”
“อ้อ...” ตาผลหันมองตาบัวเป็นเชิงถาม เอ็งจำได้มั้ยวะ?
“ไม่รู้..เอ็งอ้อ เอ็งก็ตอบ ข้าเปล่า…”
“อ้าวงั้นขอไอ้ผลคิดสักนิด..” ตาผลทำท่าคิด ก่อนกวาดตามองหาของกิน “แล้วนี่ทำอะไรไปวัดละมีเหลือบ้างเปล่า”
อังศุมาลินเริ่มไม่พอใจ
“จดหมายของวนัส...ลุงบอกมา ว่าวนัสฝากใครมาหรือ...เขาเอามาเอง ไม่งั้นลุงก็อย่ากิน” อังศุมาลินงอนใส่
ตาผลร้อง “เอิ้ก...”
อังศุมาลิน ขึงขังจริงจัง ตาผลเจื่อนไป ตาบัวทำไม่รู้ไม่ชี้

ภายในห้องควบคุมตัว กองตำรวจสันติบาล พระนคร ช่วงเวลาตอนกลางวัน
ตัวละครวนัส วิชญา อรุณ หลวงชลาสินธุราช องอาจเ รเว่น พงศ์ ตำรวจผู้คุม2 นาย
ประตูห้องขังเปิดพรวด วนัส ท่านชายวิชญา อรุณ อยู่ในชุดที่โดนจับ 3 คนถูกผลักเข้าไป เสียงประตูปิดลง
“เดี๋ยวๆ สิคุณพี่ตำรวจ..เราคนไทยด้วยกัน..ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” อรุณโวย
ตำรวจผู้คุมไขกุญแจไปโดยไม่สนใจจน พอเสร็จ อีกคนมายืนมองจ้องอยู่
วนัสเข้ามาจับซี่กรงร้องเสียงดัง “พวกผมต้องพบหลวงอดุลย์ ผมขอพบหลวงอดุลย์”
ตำรวจตวาดใส่ “เงียบ โวยวายมากจะถูกจับขังแยกซะนี่ ท่านอธิบดีไม่ว่างมาคุยด้วยหรอก อย่าเรื่องมาก”
จากนั้นตำรวจสองคนหันตัวเดินไปไม่สนใจ
“พวกผมมานี่เพื่อมาช่วยกู้ชาติจากไอ้พวกญี่ปุ่น พวกคุณต้องช่วยผมซิ ได้โปรด พาผมไปหาหลวงอดุลย์...” วนัสร้องตามไป
อรุณตะโกนเรียก “พี่ตำรวจ เดี๋ยวซิพี่...พี่กลับมาก่อน”
“โธ่เว้ย”
วนัสฉุนสุดๆ ทิ้งตัวนั่ง วิชญาทรุดตัวลงปลอบ
“ใจเย็นลำพู”
“แซม กัลกัตตารออยู่นะ ทุกฝ่ายรอการตอบกลับจากพวกเรา” วนัสฮึดฮัด
“ทำไมพวกข้าราชการไทยเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ช่วยกันสู้กับไอ้ยุ่น” อรุณบ่น
“เครื่องรับส่งวิทยุของเราอีก เราไม่น่ายอมพาพวกมันไปขุดเอามาเลย” วนัสฉุนอยู่อย่างนั้น
“เอาน่า..ฉันเชื่อว่าเราจะมีทาง”
ยินเสียงฝีเท้าชายสองคนเดินเข้ามา ทั้งสามรีบหันขวับ ที่แท้เป็น เรเว่น กับ พงศ์ ในชุดลำลองยืนยิ้มเผล่มาให้
“ยินดีต้อนรับสู่พระนคร Appreciation2” เรเว่นทักทาย

ทั้งสามตะลึง คิดไม่ถึง

ฟากอังศุมาลินจ้องหน้าสองเกลอเขม็ง

“ผัดเผ็ดปลาไหล”
“อุ๊ย” ตาผลน้ำลายสอ “เล่นของชอบซะด้วยสิ ฟามจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องลับเลิบอะไรหรอกว้าบัว กะอีแค่จอมอ มันไม่มีค็อก”
“เฮ้ยๆ ผิดกฎพลกะพรรคนะโว้ย” ตาบัวปราม
อังศุมาลินงง “ค็อกอะไรของลุง”
“น่าไอ้บัว” ตาผลขอร้อง พลางหันมาทางอังศุมาลินคุยโอ่ “ค็อกเขาใช้เฉพาะพวกพลกะพรรคน่ะ”
อังศุมาลินงง คิดได้ “โค้ดมั้งลุง ไม่ใช่ค็อก”
“ก็นั่นละ อ่านแบบฝาหรั่งเขา...มีผัดเผ็ดแล้วมีอะไรอีก” ตาผลถามหาของกินต่อ
“บัวลอยกะทิสด”
สองเกลอกลืนน้ำลายแทบจะพร้อมเพรียงกัน
“ลุงบอกหน่อยน่า นี่เราก็เคยทำงานมาด้วยกันนะ”
ตาบัวกะตาผล ชักลังเล มองหน้ากันไปมา
“หรือว่าจริงแล้วลุงไม่รู้...นั่นสิ...ฉันก็นึกแล้ว พวกลุงคงแค่ส่งจดหมายให้เขาเฉยๆ จะไปรู้อะไร” อังศุมาลินยั่ว พูดเหมือนไม่เชื่อน้ำยา
“เฮ้ยๆ มีเรอะลุงไม่รู้ จะบอกให้นา ลุงก้ะไอ้บัวนี่เป็นคนสื่อสารแล้ว อะไรๆ ต้องมาผ่านมือทั้งนั้นแบบ.. อมจอมอไว้ในปากถูกจับได้ก็กลืนเข้าไปเสียเลยก็มี นี่เขาทำมาแล้วทั้งนั้น” ตาบัวคุย
“แม่อังพูดยังงี้มันหมิ่นประมาทพลกะพรรคนะ” ตาผลว่า
“ก็จริงใช่มั้ยละ ลุงก็แค่ทำเป็นรู้โน่นรู้นี่ เพราะจริงๆ ไม่รู้สักอย่าง”
ตาผลของขึ้นหลงกล “ถามมา ถามมา แหม อะไรบ้างที่เจ้าบัวก๊ะเจ้าผลจะไม่รู้”
“ก็แค่เรื่องจดหมายนี่ละ มันยังไง”
“มานี่ฉันเอง” ตาบัวขยับท่า “ก็เรื่องเจ้าหอย เอ้ยมิกกะเต้อไม้เกินนั่นไงแม่อัง คนที่เขาพามันส่งออกนอกประเทศคนนั้นล่ะ”
ตาผลรีบเสียบ “แล้วทีนี้ก็มีพวกพลกะพรรคจากเมืองแขกเข้ามา...แต่โดนตำรวจจับได้ เขาก็เอาจอมอของพ่อวนัสมาให้”
อังศุมาลินตกใจ “จริงเหรอ”
“จริง พวกนั้นเป็นพวกที่เข้ามาชุดแรก แล้วชุดของพ่อวนัสจะตามมา” ตาบัวบอก
อังศุมาลินซักท่าทีตื่นเต้น “เมื่อไหร่”
ตาผลรีบพูดเสียบ “อาจจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้” มองๆ ถ้วยแกง “แล้วแกง...”
“วนัส..อาจจะมาถึงแล้วใช่ไหมลุง” อังศุมาลินถาม
“โอ๊ย เรื่องมันใหญ่...” ตาบัวทำท่าจะพูด
ตาผลรีบเหวี่ยงมือปิดปากตาบัวไว้ อังศุมาลินอึ้ง

ส่วนอีกฟากหนึ่งในพระนคร
รถสันติบาล ที่มีนายตำรวจยืนอยู่ 2 นาย และรถของหลวงชลาสินธุราชจอดอยู่สองคัน ณ ริมถนนจุดหนึ่ง อันเงียบเชียบ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
หลวงชลาสินธุราชยืนรออยู่ สารวัตรองอาจและป๋วยเดินเข้ามา ทั้งสามอยู่ในชุดลำลอง
คุณหลวงหันมาถาม “เป็นยังไงบ้าง”
องอาจมีสีหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ตอบ ก่อนผายมือไปทางป๋วย
คุณหลวงกระตือรือร้นมาก “เข้ม เรียบร้อยใช่มั้ย”
“ผมได้พบรู้ธแล้ว สาส์นของลอร์ดเมานท์แบตเทนได้ถึงมือหัวหน้าขบวนการเสรีไทยแล้ว” ป๋วยบอก
“จริงเหรอ เยี่ยมมาก ผมดีใจจริงๆ”
คุณหลวงชลาสินธุราชเนื้อเต้น เข้าไปจับไม้จับมือป๋วยอย่างชื่นมื่น สารวัตรองอาจเองก็ยิ้มเบิกบาน
ที่แท้ “ลอร์ดเมานท์แบตเทน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ชาวอังกฤษ” นั่นเอง
ป๋วยว่าต่อ “แต่ที่เยี่ยมไปกว่านั้น”
สองคนสนใจหันขวับมาหาป๋วยทันที
“ผมได้รับอนุญาตให้ส่งวิทยุติดต่อกับฐานทัพที่อินเดียได้แล้ว”
“หา...”
“เราจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว” สารวัตรองอาจดีใจ
ทั้งสามจับไม้จับมือชื่นมื่นกันไปมา
“ออ พญานาค แล้วสามคนที่มาจากนครสวรรค์” คุณหลวงถามเร็ว
ป๋วยซักอีกคน “เป็นยังไงกันมั่ง”
สารวัตรองอาจมีสีหน้าหนักใจ “ท่านอธิบดีให้ควบคุมไว้ต่างหาก” พลางหันไปทางป๋วย “เพราะทางญี่ปุ่นขอเข้าขอสอบปากคำด้วย”
ป๋วยตะลึง “อะไรนะ”
คุณหลวงซักต่อ “เมื่อไร”

สารวัตรองอาจไม่ตอบ ได้แต่ทอดถอนใจ

คู่กรรม ตอนที่ 20 (ต่อ)


ด้านตาบัวกะตาผลเหลียวซ้ายแลขวา แล้วก้มหน้าลงมา เล่าด้วยเสียงกระซิบกระซาบ ตาผลกระแอมวางมาด
 
“แอ้ม..คือระยะนี้ทางพลกะพรรคกำลังเตรียมทำแผนที่ให้ทางโน้นมาทิ้งลูกระเบิด แม่อังรู้ไหมล่ะ เขากะให้ลงแถวบางกอกน้อย ตะพานพระรามหก หัวลำโพงเนี่ยอะไรที่สำคัญๆพวกเนี้ย”
อังศุมาลินถอนใจเล็กน้อย “เราก็แย่ซิลุง”
“แต่ก็ต้องทำ เพราะเค้าจะตัดทางกะมะนาคม ที่ผ่านมามันขัดข้องทางเทคกะนิ๊ก ทิ้งทีไรพลาดทุกที” ตาผลบอก
ตาบัวเสริม “ก็อย่างที่เจ๊กขายขวดมันเล่าไง ว่ามันไปนอนดูระเบิดลงกลางเจ้าพระยาตูมๆ ที่ใต้สะพานพุทธ ระเบิดก็ไม่ลงสะพาน เพราะมีมือใหญ่ๆมาปัด สงสัยจะเป็นมือยักษ์วัดโพธิ์”
ตาผลแย้ง “เฮ้ย ก็มันขัดข้องทางเทคกะนิ๊กโว้ย เขาเลยต้องให้พวกพลกะพรรคทางนู้นเข้ามาดูนี่ไง ก็นี่ละที่จะมาบอกล่ะ ว่าพ่อวนัสเขาจะมาเร็วๆ นี้”
อังศุมาลินอึ้งไป
“จริงหรือลุง”
“ปัทโธ่ มีหรือจะไม่จริง” ตาผลว่า
อังศุมาลินเงียบไป
“แล้วนี่แม่อังกำลังทำอะไรละ” ตาบัวถาม
อังศุมาลินไม่ได้ยิน มือกำชายเสื้อฟอร์มไว้แน่น จนปลายเข็มสะกิดนิ้วโดยไม่รู้สึกตัว มารู้อีกทีเห็นรอยเลือดซึมเข้าไปเนื้อผ้าเป็นดวง
“แต่เห็นเขาว่า มาคราวนี้พ่อวนัสจะมาประจำอยู่ที่นี่เลย” ตาผลบอก
อังศุมาลินรีบพับเสื้อฟอร์มใส่ลงตะกร้าโดยเร็ว
“พอพ่อวนัสมา แล้วแม่อังจะว่ายังไง” ตาบัวถาม
อังศุมาลินนิ่งไป ก่อนตอบช้าๆ “ก็ไม่มีอะไรนี่ลุง”
ตาบัวรีบบอก “ฮื้อ เขารู้กันหัวคุ้งท้ายคุ้งว่า พ่อวนัสชอบแม่อัง ใครๆ เขาก็ว่าพ่อวนัสกลับมายังไงก็ต้องมาแต่งกับแม่อัง ตอนแม่อังมาแต่งกับนายช่าง เขายังซุบซิบกันเลยว่า พ่อวนัสมาแล้วจะว่ายังไง”
“แต่ป่านนี้พ่อวนัสคงรู้แล้วมั้ง” ตาผลว่า
อังศุมาลินวิตก สงสารวนัส “รู้ได้ยังไง”
ตาบัวรีบบอก “ก็มิกกะเต้อไม้เกินที่เพิ่งได้ออกไปนั่นไง ที่พวกพลกะพรรคว่ากันน่ะ เห็นว่าพ่อวนัสขันอาสาเข้ามาเองเลยนะ บอกว่าคุ้นกับภูมิประเทศแถวนี้ดี”
อังศุมาลินใจหายวูบ
“ลุง หากวนัสเข้ามา ลุงต้องอย่าปล่อยให้เขามาแถวนี่นะ มันอันตรายเกินไป”
“อ้าว ทำไมละ ถ้าเขามาถึงเขาก็ต้องแอบมาหาพ่อหาแม่ หาแม่อังจนได้แหละ”
“บ้านเรากำลังถูกเพ่งเล็งอยู่ ถ้าเขาจะมา ให้ลุงมาบอกนัดฉันกันเสียก่อน อย่าลืมนะลุง ไม่งั้น...ต้องเกิดเรื่องร้ายแรง”
ตาบัวรับคำ “แล้วจะบอกให้”

โกโบริเดินเลี้ยวมาถึงชานบันได ดูเร่งรีบ ก่อนก้าวขึ้นบันได อังศุมาลินชะเง้อมองไปรีบบอก
“โกโบริมา”
ตาบัวกะตาผลร้อง “เฮ้ย”

โกโบริเดินขึ้นมา มองรองเท้าแตะที่วางอยู่ตีนบันได หน้าตาไม่ค่อยสบายใจ ตาบัว กะตาผลเต้นผาง ยักแย่ยักยันจะหาทางหลบยังไงดี โกโบริขึ้นมาถึงพอดี มองมาเครียดขรึม หน้านิ่ง
สองเกลอถึงกับเข่าอ่อน ไปไม่เป็น ยิ้มเก้อเขิน เก้กังอยู่อย่างนั้น อังศุมาลินไม่สบายใจ
“ลุงบัว ตาผลแวะมาเยี่ยมค่ะ”
โกโบริจ้องนิ่ง คิดตรึกตรอง
ตาบัวทักทาย “วะ..หวัดดีนายช่าง”
“ไง ไปอยู่ที่ไหนมาเสียนาน” โกโบริถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
ตาบัวขยับพรวดกระทุ้งตาผลให้พูดบ้าง
“ก็..ปะ ไปอยู่ฝั่งโน้นกะพรรคพวกกัน..แฮ่” ตาผลยิ้มแห้ง
“งานที่ทำ คงสนุกมากนะ” โกโบริถาม
สองเกลอยิ่งยิ้มแห้งลงจืดไปสนิท
“ไม่ ได้ทำอะไรหรอกนายช่าง” ตาบัวว่า
“งั้นรึ”
โกโบริยิ้มเยาะนิดๆ ก่อนจะก้าวเดินมาหยุดใกล้อังศุมาลิน พูดโดยไม่มองตา
“ผมลืมแบบในห้อง”
อังศุมาลินขยับจะลุก
“ไม่เป็นไร ผมเข้าไปเอาเอง”
โกโบริพรวดตรงไปห้องทันที อังศุมาลินมองตาม ตาบัว ตาผล ชะเง้อมองลุ้น

โกโบริเดินเข้ามาในห้อง หันมองหาไปมาทั่ว ก่อนเดินตรงรี่ไปที่โต๊ะ หยิบแบบแปลนขึ้นมาได้จะก้าวกลับออกมา แต่นึกอะไรได้บางอย่าง หันกลับไปมองที่ตู้เสื้อผ้า
โกโบริตรงเข้ามาที่ตู้เสื้อผ้า เปิดค้นที่ชั้นวางเสื้อ แต่มีกระดาษ ซึ่งเป็นจดหมายวนัส ร่วงตกออกมา
โกโบริมองสะดุด ก่อนเอื้อมมือไปคว้าหยิบกระดาษจดหมายวนัสขึ้นมา

โกโบริมอง แล้วกลับกระดาษหมุนๆ ดู อ่านไม่ออก แต่ดูลายมือ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

ฝ่ายตาบัวกะตาผลถอนใจเฮือกๆ ตายังมองตามโกโบริไปที่ห้องนอนอังศุมาลิน

“ข้าว่าดูท่าทางแกพิลึกๆ อยู่นา” ตาบัวว่า
“ข้าก็ว่านายช่างแกชักจะรู้มังวะ” ตาผลบอก 2 คนโต้กันไปมา
“เฮ่ย จะรู้ได้ไง”
“ข้าจะไปรู้เรอะ แต่ลูกกะตาน่ะก็พิกลๆ อยู่แหละ”
“อย่ามาตาขาวไปหน่อยเลยน่า มือชั้นพลกะพรรคแล้ว”
อังศุมาลินรีบขัด ชักรำคาญนิดๆ
“ทำไมเขาจะไม่รู้ ฉันบอกลุงแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาแถวนี้ แล้วนี่ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าอีกจะพาลยุ่งไปใหญ่”
“มันจะเป็นยังไง” ตาผลเง็ง
“ก็ตอนที่ฉันไปรื้อกระต๊อบ โกโบริเขาก็รู้” อังศุมาลินบอก
ตาบัวตาผลอุทานตาโต “ฮ้า”
ตาบัวถามเร็ว “ทำไมรู้ละ”
“ก็...” อังศุมาลินยั้งคิด จึงตอบเลี่ยง “กระต๊อบลุงมันเคยอยู่ตรงนั้นอยู่ดีๆ มันหาย เขาก็รู้นะซิ”
“ถ้างั้นก็มาจับผิดอะไรเราไม่ได้หรอกน่า” ตาผลว่า
“ช่าย มือขนาดนี้ไม่ได้กินเด็ดขาด” ตาบัวคุยอีก
อังศุมาลินเหนื่อยหน่ายใจ ขณะเหลียวมองไปที่ห้อง

ไม่นานต่อมา อังศุมาลินเปิดประตูเข้ามาในห้อง โกโบริรีบวางมือลงสอดจม.นั้นไว้ใต้กองของที่โต๊ะทำงาน แล้วยืนนิ่ง หันหลังให้
“เจอมั้ยคะ”
โกโบริไม่ยอมหันมามอง หน้าซีดมาก “อ๋อ..ผมได้แล้ว”
อังศุมาลินสะดุดจึง รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงตอบที่ฟังแปลกแปร่งไป
โกโบริหันหน้ามาเรียบนิ่ง ยืนกำแบบในมือแน่น
“ลุงผลลุงบัวแกไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็..แค่มาเยี่ยมที่ไม่ได้มาเสียนาน”
“นั่นละ คุณจะลำบาก ทางที่ดีรีบให้แกสองคนกลับไปเสีย ถ้าพวกสารวัตรทหารมาพบเข้าจะโดนสอบกันวุ่น”
“กองทัพสั่งจับแกหรือคะ”
“ก็ไม่เชิง แต่แกเป็นบุคคลที่ต้องสงสัย แต่ถ้าเห็นแกมาวุ่นวายแถวนี้อีก ก็จะโดนเอาตัวไปสอบถามอีกก็ได้ เพราะ...เรื่องที่อู่โดนระเบิดครั้งนี้มันก็น่าคิดอยู่”
“แกคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ” อังศุมาลินออกรับแทน
“คุณรู้ได้ยังไง รู้ไหม...”
“อะไรคะ”
“วันก่อนมีพวกใต้ดินที่ลักลอบเข้ามา...จากต่างประเทศ...ถูกจับได้สามคน”
อังศุมาลินตกใจ “คะ..ว่าอะไรนะคะ”
โกโบริสีหน้าเปลี่ยนไป ขรึมลงทันที

อังศุมาลินซีดเผือดลงทันทียืนโงนเงน ใกล้ๆ ขวดโหลเลี้ยงปลาของโกโบริริมหน้าต่าง อังศุมาลินพูดเสียงเบา แทบเป็นกระซิบ
“จริงหรือคะ”
โกโบริเห็นท่าไม่ดี รีบพุ่งเข้ามาคว้าแขนไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่า นั่งลงก่อนดีมั้ย เดี๋ยวคุณจะล้ม”
“ไม่..ไม่ต้องค่ะ แล้วรู้มั้ยคะว่า พวกนั้นมาจากไหน” อังศุมาลินจดจ่ออยู่แต่เรื่องวนัส
“ผมไม่ทราบ”
“คุณต้องรู้ คุณต้องรู้แน่นอน เพียงแต่คุณไม่บอกต่างหาก กรุณาเถอะคะ พวกนั้นคือพวกที่มาจากอังกฤษหรือเปล่า”
อังศุมาลินแทบทรุดลงคุกเข่า โกโบริไม่ตอบ ได้แต่คว้าพยุงร่างดึงไว้
“กรุณาเถอะค่ะ”
“ผมไม่ทราบ” โกโบริบอก
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยกรุณาแต่เพียงว่า มีคนชื่อวนัสอยู่ในนั้นไหม”
“ก็แปลว่า คุณรู้..ว่าเขาจะมา...”
โกโบริก้มมองอังศุมาลินอย่างขมขื่น
“คุณกำลังรอเขาอยู่...”
อังศุมาลินไม่ตอบ “ฉันต้องการรู้แค่ว่า มีคนชื่อวนัสอยู่ด้วยไหม”
“ผมบอกแล้ว ว่าผมไม่ทราบ”
“แต่ถ้าคุณอยากรู้คุณก็จะรู้เข้าจนได้ กรุณาได้มั้ยคะ ช่วยถามทีว่ามีวนัสด้วยหรือเปล่า”
โกโบริหยั่งเชิง “ถ้าผมตอบว่า..มีล่ะ”
“ไม่ค่ะ ไม่จริง คุณยังไม่ทราบ คุณยังไม่ได้ถาม”
“แล้วทำไมผมต้องไปถามใคร แต่...ถ้ามีเขาด้วยจริง ผมก็น่าจะยินดีอย่างยิ่ง”
โกโบริมองมา พูดอย่างเยือกเย็น อังศุมาลินมองตา โกโบริมองตอบ สายตาเคืองแค้น อังศุมาลินใจหายวาบ
“ไม่! คุณต้องไม่ทำอย่างนั้น”
“แล้วทำไมผมต้องไม่ทำ” โกโบริพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเดิม
“เพราะคุณไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น…”
โกโบริประชด “แต่ผมอาจจะเป็นอะไรอีกหลายอย่างก็ได้”
อังศุมาลินพูดพร่ำขอร้อง “กรุณาเถอะค่ะ กรุณาวนัสด้วย”
“ผมต้องกรุณาเขาแน่...ถ้าพบ”
พูดจบโกโบริก้าวพรวดออกจากห้อง เดินลิ่วไปทันที อังศุมาลินทรุดลงคุกเข่าอยู่กลางห้องสีหน้าเผือดซีด น้ำเสียงโหยหวน ขณะรำพันออกมา
“วนัส...วนัส”

ด้านตาบัว กะตาผล ยืนโยงโย่ยงหยกอยู่แถวหน้าห้องถึงกับสะดุ้งผาง ที่โกโบริพรวดผ่านหน้าไป ทั้งสองมองตามจนแน่ใจก่อนหันกลับไปดูในห้อง เห็นอังศุมาลินหมอบกองที่พื้น
“อ้าว แม่อัง เป็นอะไรแม่อัง”
สองเกลอประสานเสียง พร้อมกับรีบพรวดเข้าไปประคองอังศุมาลิน
“วนัส วนัส” อังศุมาลินรำพันอยู่อย่างนั้น
“ทำไมแม่อัง มีเรื่องอะไรกันหรือ” ตาผลสงสัย
ตาบัวฉุน “มัน มันทำอะไรแม่อังบอกมา ลุงจะจัดการให้ ชัดช้า ระเบิดลงรอดมาได้ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวพรรคพวกเรามีถมไป เดี๋ยวลุงไปพามาเลย”
อังศุมาลินได้ฟัง ค่อยสงบลงทีละน้อย
“ลุง พรรคพวกของลุงมีมากจริงๆ เหรอ”
“อาว ก็ใช่นะซี พลกะพรรคเรามีทั่วระแหงจะเอาสักเท่าไหร่ละ” ตาบัวบอก
“ถ้างั้น ทำไมไม่รู้ ว่าญี่ปุ่นจับพวกใต้ดินลักลอบเข้ามาได้สามคน”
“ฮ้า เอาที่ไหนมาพูด” ตาบัวตกใจ
“ตะกี้โกโบริบอกฉันเอง”
“จริงเร้อ...”
ตาบัวเหลียวมองตาผลเชิงไม่แน่ใจ
“หรือจะจริง..วะไอ้ผล”
“เออ ไม่งั้นนายช่างแกจะเอาที่ไหนมาพูด” ตาผลว่า
“แล้วที่ลุงว่าวนัสเขาจะมาน่ะ รู้มั้ยมาเมื่อไหร่” อังศุมาลินถาม
“ก็ไม่รู้แน่ ของพรรค์ยังนี้มันสุดแต่ลู่ทาง” ตาบัวบอก
“ลุงบอกว่า...น่าจะมาแล้ว..ไม่ใช่เหรอ”
“ก็เขาก็ว่าเร็วๆ นี้ไง...แต่จะอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้า หรือเดือนหน้าก็ยาก บางทีจู่ก็โผล่เข้ามาก็มี” ตาบัวว่า
“งั้นพวกที่ลอบมาคราวนี้ จะเป็นพวกวนัสได้ไหมลุง”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ”

กลายเป็นว่าทั้งสามคน นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ด้วยกันกลางห้องนั่นเอง

คู่กรรม ตอนที่ 20 (ต่อ)

ฟากโกโบริก้าวเดินลิ่ว มาตามทางเดินในสวน เสียงเดินสวบๆ ไปโดยไม่รีรอ ใบหน้าบูดบึ้งเคียดขึ้ง ขบกรามแน่น ความรู้สึกแทบกระอักเลือดยังไงยังงั้น

จังหวะหนึ่งโกโบริมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งริมคูในสวน จุดที่เคยพาอังศุมาลินมาหลบระเบิดจนสลบ พร้อมขว้างหมัดทุบต้นไม้ไปเต็มแรง
“โว้ย...”
แววตาคู่นั้นบอกความรู้สึกของโกโบริที่เต็มปรี่ด้วยความอึดอัด และอัดอั้น
นึกไปถึงเหตุการณ์ตอนคุยกับอังศุมาลินคำมั่นสัญญา
“คุณสัญญาแล้วว่า…”
โกโบรินิ่งงันไป ท่าทีปวดร้าว “จะปล่อยคุณเป็นอิสระ”
โกโบริถึงกับแขนตกทันที พลางขยับถอยออกมาเล็กน้อย จ้องมองอังศุมาลินจริงจัง แววตาเศร้าๆ

โกโบริเหวี่ยงหมัดข้างเดิมใส่ต้นไม้เต็มแรง คิดเครียดอยู่เรื่องเดิม
“คุณมีคนที่คอยคุณอยู่บ้างไหม” โกโบริหันมา
อังศุมาลินทีแรกก็ตั้งใจฟัง แต่พอโกโบริหันมา ก็ทำหน้าเนือยๆ ใส่ รีบทำเสียงเย็นชาตอบ “มี”
โกโบริก้มหน้ารับสภาพ ปลงๆ
คิดถึงตรงนี้โกโบริเหวี่ยงหมัดข้างเดิม ใส่ต้นไม้เต็มแรงซ้ำลงไป จนมือแตก
เสียงคำพูดร้องขอของอังศุมาลินดังก้อง “กรุณาเถอะค่ะ กรุณาวนัสด้วย”
โกโบริว้าวุ่นจนหัวแทบระเบิด
“อ๊าก...”
โกโบริเอาหัวพุ่งโขกต้นไม้ตรงหน้านั่นเต็มแรง โกโบริค่อยๆ ถอยศีรษะออกมาเลือดไหลหยดอาบซิบ ตาเขม็งแข็งนิ่ง

ส่วนบนชานเรือน บ้านอังศุมาลินยามนั้น อังศุมาลินถึงกับถอนใจ มาทรุดนั่ง สองเกลอมาทิ้งตัวลงตาม
“แล้วทำยังไงดีละลุง”
“นั่นนะซิ” ตาผลหันมาหาตาบัว “เอาไงดีวะไอ้บัว เอ็งอย่ามาทำหน้าจับเจ่าเป็นลิงเฝ้าแป้นหน่อยเลยวะ ว่าไง”
“เฮ้ย เอ็งก็ยังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้ไง เอางี้มั้ย”
อังศุมาลินมีท่าทีกระตือรือร้น “ยังไงลุง”
ตาบัวยิ้มอายๆ ก่อนบอก “เราไปกินผัดเผ็ดปลาไหลกันเสียคนละชามก่อน พออิ่มๆ หัวคิดมันจะได้แล่น”
อังศุมาลินอ่อนใจ “โธ่..ลุง เรื่องกินน่ะเก็บไว้ก่อนเถอะ ถ้าคนที่ถูกจับมีวนัสด้วยจะแย่ เพราะโกโบริเขายิ่ง...”
ตาบัวแทรกขึ้น “นั่นซินะ”
ตาบัวตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนหันไปมองตาผลอย่างผู้รู้
“นายช่างหึงขึ้นมาละงามเชียว”
“เออจริงของเอ็งว่ะไอ้บัว”
อังศุมาลินเซ็ง “เลิกพูดเถอะลุง ฉันยิ่งกลุ้มๆอยู่”
ตาบัวถามขึ้น “แล้วจะทำไงละแม่อัง”
“มีอยู่วิธีเดียวแหละ ลุงรีบกลับไปฝั่งโน้น เอาข่าวนี้ไปบอกพลพรรคของลุงเร็วๆ เข้า เขาอาจสืบได้ว่ามีใครเข้ามาตอนนี้ แล้วถ้าลุงรู้ข่าวก็รีบมาบอกฉัน” อังศุมาลินบอก
“ไปเถอะวะบัว ข่าวนี้มันสำมะคัญ”
“แต่ผัดเผ็ด..มันห่อได้ ไอ้บัวลอยช่างมัน” ตาบัวยังคงห่วงกิน
อังศุมาลินออกความคิด “เอาเถอะลุง รีบๆ เร็วๆ เข้า ในครัวมีกระทงใบตองอยู่ที่ชั้น ลุงเทผัดเผ็ดไปให้หมดเถอะ แล้วก็รีบไป ระวังพวกสารวัตรญี่ปุ่นเห็นเข้าละ ลุงโดนจับได้เป็นโดนด้วยละ”
ตาบัวคุยโว “ฝีมือชั้นนี้แล้ว”
“อย่าลืมมาบอกเร็วๆ นะลุง” อังศุมาลินกำชับ
“รับรอง ได้ข่าวจะรีบมาเชียวแหละ” ตาผลรับปาก
“ไปเว้ย” ตาบัวว่า
จากนั้นตาบัวกะตาผล พากันลุกหายเข้าครัวไป อังศุมาลินพะว้าพะวังแกมร้อนใจห่วงใยถึงวนัส


ขณะเดียวกันภายในห้องกักบริเวณ ที่กองตำรวจสันติบาล พระนคร ซึ่งเป็นห้องที่มิดชิด ไม่มีรั้วลูกกรง วนัส คุณชายวิชญา และอรุณ มีสีหน้าดีใจ หลังฟังป๋วยเล่าจบ
สามคนถามพร้อมๆ กัน “จริงเหรอพี่เข้ม”
“ใช่”
วนัส คุณชายวิชญา และอรุณ ร้อง “เฮ้” / “เย้” / “วู้” กันออกมา
เรเว่น พงศ์ ยิ้มชื่นมื่นอยู่ใกล้ๆ
“ชู้วๆ...ค่อยๆหน่อย” เรเว่นเตือน
“โอย ลืมตัวไป” อรุณยิ้มๆ
“พี่น้องเราที่กัลกัตตา กับแคนดีคงดีใจกันมากๆ แน่ ทุกคนรอวันนี้กันมานาน” วนัสบอก
“แต่นั่นก็ต้องรอพี่เข้มจัดการเรื่องสถานีวิทยุเสียก่อน” ท่านชาญว่า
“อืม เอาละๆ ผมรับปากจะรีบตั้งสถานีให้เสร็จโดยเร็ว เพราะทางนู้นก็รอฟังสัญญาณจากทางเรามาหลายเดือนมากแล้ว ก็ต้องอาศัยทุกคนมาช่วยให้มันสำเร็จทันการณ์” ป๋วยบอก
“ได้เลยครับพี่” วนัสว่า
“แต่ว่า..ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ราบรื่นนะสิ”
ป๋วยมีสีหน้าหนักใจ
“มีอะไรครับพี่เข้ม”
ท่านชายวิชญาถาม วนัส กับอรุณ ลุ้นรอฟัง
“พวกคุณสามคน ต้องเข้าห้องสอบปากคำกับทางญี่ปุ่น พรุ่งนี้” ป๋วยบอก
วนัส คุณชายวิชญา และอรุณ อึ้ง



บ่ายวันนั้นบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น ถนนสาธร พระนคร แลเห็นนายทหารญี่ปุ่นเดินเข้าออกไปมา ส่วนภายในห้องแม่ทัพนากามูระ โกโบริและหมอโยชิ ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มีฮิชิดะยืนอยู่ริมหนึ่ง
“โกโบริผมแสดงความยินดีด้วยกับข่าวดีของคุณ”
หมอโยชิ และฮิชิดะหันมายิ้มยินดีกับโกโบริด้วย
โกโบริฝืนยิ้ม ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ขอบคุณครับท่าน”
“แต่ถึงยังไงหน้าที่เพื่อชาติและองค์สมเด็จพระมหาจักรพรรดิก็ต้องเหนือสิ่งอื่นใด คุณเองก็ต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม เพราะตอนนี้สถานการณ์ของเราที่พม่ากำลังย่ำแย่ บางทีกองกำลังของเราที่นี่อาจจะต้องเข้าไปเสริมที่พม่าในเร็ววันก็เป็นได้” นากามูระบอก
โกโบริค้อมศีรษะรับ
“ที่ผมเรียกคุณสองคนมานี่ คือ..พรุ่งนี้จะมีการสอบสวนสปายสามคน ที่ลักลอบเข้ามา ผมเลยอยากจะให้คุณทั้งสองคนเป็นตัวแทนของกองทัพ เข้าสอบสวนร่วมกับทางฝ่ายสืบราชการลับของเรา”
โกโบริเงียบงันไป ใบหน้านิ่งเฉยและไร้ความรู้สึก เหมือนใส่หน้ากาก ก่อนค้อมศีรษะรับคำสั่งพร้อมหมอโยชิ

“ไฮ้”

ตกตอนค่ำ ขณะที่อังศุมาลินกำลังนั่งจัดกระดุม เข็ม ด้าย ในกล่องเย็บปัก พยายามสงบใจอยู่ มีแม่อร และยายศรนั่งตัดใบตองกันอยู่ใกล้ๆ

สักครู่หนึ่ง โกโบริเดินโผล่ขึ้นเรือนมา หอบม้วนแบบแปลนมาเต็มมือ สีหน้าเหนื่อยเคร่งขรึม สายตาทอดต่ำ ก้าวเดินเร็ว
แม่อรกะยายศร หันไปมองจะเอ่ยทัก แต่โกโบริกลับเดินลิ่ว ก่อนชะงักหยุดมองมาที่อังศุมาลินที่ทำไม่รู้ไม่เห็นอยู่ แล้วเดินต่อตรงเข้าห้องไป
แม่อรชำเลืองมองตามโกโบริไป ก่อนจะหันมาที่อังศุมาลิน
“เอ เป็นอะไรของแก...” ยายสงสัยถามขึ้นก่อน
“นั่นสิคะหน้าตาไม่ค่อยดี..นี่ยายอัง...”
แม่อรหันมาทางลูกสาว อังศุมาลินที่นิ่งเงียบถึงกับสะดุ้ง
“คะ”
“หนูวางมือ แล้วเข้าไปดูพ่อดอกมะลิเสียหน่อยสิ” แม่อรบอก
“ทำไมคะ..คงไม่มีอะไรหรอก”
“ผิดปกติออกอย่างนี้ ทำไมจะไม่มี” ยายศรว่า
“ทุกทีแกต้องหยุดคุยจ้อ กว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวได้ วันนี้ทำไมรีบเข้าห้องไปเลย รึว่าแกจะไม่สบาย”
อังศุมาลินยังจดจ่อกับกระดุมตรงหน้า เหมือนไม่ได้ฟัง
“อังไป ไปดูแกหน่อยซิลูก”
อังศุมาลินยังคงบ่ายเบี่ยง “เดี๋ยวก่อนก็ได้ค่ะ”
แม่อรมองอย่างจับสังเกต “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
แม่อรถอนใจยาว อังศุมาลินรีบเงยหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยให้ดูเป็นปกติที่สุด
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะแม่”
แม่อรส่ายหน้าเบาๆ มองด้วยสายตาไม่เชื่อ อังศุมาลินรู้สึกว่าคงจะปิดแม่และยายไม่อยู่แน่


โกโบริหลับตานอนหงายยกมือก่ายหน้าผาก ร่างเหยียดยาวอยู่เต็มฟูก โดยยังไม่เปลี่ยนชุด ดู เหน็ดเหนื่อย กลัดกลุ้ม และท้อแท้
ครู่หนึ่งนั้น เสียงฝีเท้าอังศุมาลินเดินมาหยุดอยู่หลังฉากกั้นเบาๆ อังศุมาลินสังเกตได้ถึงความท้อแท้บางอย่าง ก่อนจะถอยกลับ
พลันโกโบริเหลือบมามองสบตาด้วยแววตาอันเยือกเย็นผิดปกติ อังศุมาลินใจหายวาบ แต่ก็จ้องมองอย่างไม่สะดุ้งสะเทือนกลับไปเช่นกัน
โกโบริพูดบอกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ผมเพิ่งกลับมาจากกองบัญชาการ ผมยังไม่รู้ว่าสามคนที่ถูกจับได้นั้นชื่ออะไร แต่พรุ่งนี้...ผมจะเป็นล่ามสอบสวนพวกเขา”
อังศุมาลินปากซีดสั่นเทาขึ้นทันที
“คุณคงพอใจกับตำแหน่งนี้ อย่างน้อยที่สุด ถ้า..หนึ่งในสามเป็นวนัส ในฐานะล่าม คุณจะแปลไปยังไงก็ได้...”
โกโบริมองนิ่ง ไม่โต้ตอบ ราวกับเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
“งั้นลืมเสียเถอะค่ะ ที่ฉันขอร้องคุณไปเมื่อกลางวันนี้ เราจะไม่ร้องขอความเมตตาอะไรอีก เพราะเท่าที่ให้มานี่ก็มากเกินพอแล้ว”
โกโบริยังคงมองนิ่งๆ แต่อังศุมาลินหยุดไม่ได้แล้ว ความโกรธ ความเกลียด พุ่งขึ้นในหัวอกเป็นริ้วๆ
“แต่ขอให้จำไว้ว่า สักวันหนึ่ง คุณจะได้รับการตอบแทนที่สาสม หาก...วนัสต้องเป็นอะไรไป ฉันก็ทำทุกอย่างให้คุณพินาศเช่นกัน”
โกโบริแทบไม่อยากฟัง รีบพลิกตัวคว่ำหน้าลงกับฟูก อังศุมาลินเหลือบแลมองอย่างร้าวราน

อังศุมาลินถอยหลังมา ก่อนจะหันตัวเดินตรงออกไปที่ประตู แต่แล้วโกโบริกลับเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่
“แผ่นกระดาษที่คุณวางไว้บนโต๊ะ วันหลังควรเก็บเอาไว้ให้ดีหน่อย”

อังศุมาลินสะดุดกึก ใจหายวาบ รีบหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ที่เต็มไปด้วยกองแบบแปลน จากนั้นจึงเหวี่ยงมือกวาดปัดจนแบบกระจายร่วง ในที่สุดจึงเห็นแผ่นกระดาษสีขาวขะมุกขะมอมที่มีลายมือหวัดๆ ของวนัสวางอยู่ใต้สุด
อังศุมาลินตาลุกโพลง
“คุณไปเอาจดหมายนี้มาจากไหน”
อังศุมาลินหันขวับไปเหมือนจะเอาเรื่อง โกโบรินอนนิ่งไม่ไหวติง ทั้งสองต่างอยู่คนละฟากฝั่งของฉากที่กั้นขวางอยู่
“กระดาษแผ่นนี้เป็นของส่วนตัวดิฉัน คุณไปเอามาจากที่ไหน”
โกโบริย้อนนิ่งๆ “คุณเก็บไว้ที่ไหนล่ะ”
อังศุมาลินใจเสีย เหลียวขวับไปทางตู้เสื้อผ้าทันที นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเก็บไว้โดยไม่เอะใจ จนซวนเซไปติดโต๊ะ สีหน้าชอกช้ำ ขมขื่น พยายามพยุงตัว เกาะมุมโต๊ะเอาไว้ให้แน่น
“ฉันผิดเอง ที่คิดไปเองเสมอว่า อย่างน้อยที่สุด คุณก็เป็นศัตรูเพียงคนเดียวที่ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งฉันคิดผิด คุณก็เหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไปนั่นแหละ โหดร้าย ทารุณ เอาแต่ได้ ความจริง..คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกของคุณแม้แต่นิดเดียว”
แลเห็นเงาลางๆ หลังฉากกั้นของร่างโกโบริที่นอนอยู่ เขาขยับไหวกายเล็กน้อยเหมือนจะตอบโต้ แต่กลับนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม
“คุณเคยให้สัญญากับฉัน ถ้าคุณยังมีความเป็นสุภาพบุรุษเหลืออยู่บ้าง ตอนนี้...เดี๋ยวนี้ ฉันขอทวงสัญญานั้น”
โกโบริใจหายวาบ พรวดลุกนั่งขึ้นมาทันที
“ฮิเดโกะ”
“ฉันขอสัญญานั่น สัญญาที่เคยบอกว่า จะให้อิสรภาพแก่ฉันอย่างที่ฉันต้องการ ฉันขอมัน เดี๋ยวนี้”
โกโบริก้าวพรวดออกมาจากหลังฉาก
“ฮิเดโกะฟังผมก่อน”
“ไม่ ฉันไม่ต้องการฟังอะไรอีก” อังศุมาลินเสียงกร้าว
“ผมมีที่ต้องอธิบายให้คุณฟังอีกหลายอย่าง แต่ผมพูดไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องแยกมันออก...จากเรื่องอื่นๆ เข้าใจมั้ยฮิเดโกะ เวลาผมสวมเครื่องแบบ ผมก็ต้องทิ้งอะไรๆ ในชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าความรู้สึก หัวใจ หรือแม้แต่ชีวิตตัวเอง...อย่าว่าชีวิตตัวเองเลย มันหมายถึงชีวิตคนอื่นด้วย เรื่องนี้ผมอธิบายให้คุณฟังไม่ได้ จนกว่า...วันหนึ่งคุณจะรู้เอง”
“ใช่..ฉันจะต้องรู้จนได้ ว่าคุณทำอะไรกับสามคนนั้น”
โกโบริถอนใจยาวและหนักหน่วง “วันนี้คุณคงไม่ยอมฟังอะไรๆหรอกเอาเถอะ ผมจะไปเสียก่อน เผื่อคุณไม่ได้เห็นหน้าผมแล้ว จะสบายใจขึ้นบ้าง”
โกโบริหันกลับไปหลังฉาก คว้าหมวกที่วางอยู่บนฟูกขึ้นมา
อังศุมาลินโต้ตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันบอกแล้วว่าขอให้คุณไป ไป..ไปเสียให้พ้น”
โกโบริก้าวออกมาจากหลังฉากช้าๆ ในมือบีบหมวกทหารเกร็งแน่น
“ผมจะไป” โกโบรินิ่งไปครู่หนึ่ง “แต่ผมจะต้องกลับมาอีก เพื่อพูดกันให้รู้เรื่อง ผมรักษาสัญญาของผมเสมอ ถ้าหากคุณจะขอทวงสัญญานั่นในตอนที่คุณรู้สึกดีกว่านี้ แต่ตอนนี้…”
โกโบริเหลือบมองไปที่ท้องของอังศุมาลินแว่บหนึ่ง
“ผมจะยังทิ้งคุณไปไม่ได้” โกโบริบอก
“หึ หึๆ” อังศุมาลินแสยะยิ้มขึ้นมา “สักวันหนึ่ง...สักวันหนึ่งคุณจะได้รู้ว่า สิ่งที่คุณหวังว่าอยากได้มันนักหนานั้นน่ะ บางที...บางที คุณจะไม่ได้มันเลย ถ้าสามชีวิตนั่นเป็นอะไรไป ฉันขอบอกตรงนี้...ว่าฉันจะเอาชีวิตหนึ่งแลกคืนให้เขา ชดใช้ให้สมกับที่เขาได้รับเคราะห์กรรมเพราะฉัน”
“ที่คุณพูดมานี่ คุณกำลังคิดเองสรุปเอาเองทั้งนั้น” โกโบริเถียง
อังศุมาลินจ้องมองมาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
“เอาเถอะ แล้วเราจะได้ดูกันต่อไปว่า ฉันจะชดใช้ความผิดพลาดอันนี้คืนให้เขาได้หรือไม่”
โกโบริทอดถอนใจ ท้อแท้เหลือแสน “ถ้าคุณต้องการอะไรจากผมก็เอาไปเถอะ”
พูดจบโกโบริก็หันตัวก้าวเดินไปที่ประตู อังศุมาลินไม่ยอมหันไปมอง
“คุณรู้ดีซินะ ว่าคนญี่ปุ่นเขาชดใช้ความพยาบาทกันยังไง แล้วฉันนี่ละ จะใช้วิธีนั้นกับคุณ”
น้ำเสียงและแววตาของอังศุมาลินเด็ดเดี่ยว อาฆาต ในท่าทีแน่วนิ่ง

โกโบริหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินต่อจนออกประตูไปเงียบๆ

โปรดติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น