xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 5

ขณะเดียวกันบนเรือนใหญ่ เนียนนั่งกังวลห่วงลูกและกลัวความผิดเรื่องเคยมีลูกผัว เรียมนั่งพิงมองเฉยๆ ไม่ได้ทำด้วย เนียนสลักผลไม้ใจลอยไป พร้อมกับที่ภาพเหตุการณ์ตอนหนักมาหาเนียนแล้วห่วงว่าขุนภักดีจะจับได้ และเนียนบอกว่าทำเพื่อลูก ผุดขึ้นมาในหัว

ทองจันทร์มองหน้าเนียน ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เนียน ใจลอยจริง ทุกวันสลักผลไม้ได้เป็นถาดๆ ไหงวันนี้ สลักมะม่วงกลายเป็นมะนาวไปซะได้”
เนียนตกใจ “อุ๊ย” เผลอทำมีดสะกิดนิ้วตัวเอง
เรียมตกใจ “เนียน เลือดไหลแล้ว
สนเดินยิ้มแย้มเข้ามา ถือถาดขนม มีช้อยอุ้มเทิดศักดิ์ตามหลังมา
“ขนมครองแครงค่ะคุณแม่ คุณเรียม เนียนด้วย สนทำมาฝาก อุ๊ยตายเนียน นั่นทำมีดบาดตัวเองหรือจ้ะ ตาย ๆ ตายจริง”
สนผวาไปหาเนียน จับนิ้วเนียนหยิบชายเสื้อซับเลือดให้ พร้อมกับส่งตายั่วไปให้
“เอ้อ เสื้อคุณสนเลอะเทอะหมดแล้วค่ะ” เนียนตกใจ
“ไฮ้...พูดอะไรกันเสื้อเลอะดีกว่าเลือดเนียนไหลไม่หยุดนะจ้ะ ข้าตกใจ เลยเอาเสื้อซับห่วงเนียนนะจ้ะ เสียเสิ้อตัวเดียวช่างมันปะไรไป”
“เนียนขอบพระคุณค่ะ เนียนขอตัวไปทำแผลก่อนนะคะ”
เนียนดึงมือออกจากสนคลานถอยหลังไป สนยิ้มมองตาม
“ทานขนมนะค่ะ คุณแม่ คุณเรียม”
“ขอบใจจ้ะ ไปหาซื้อมารึว่าทำเองล่ะจ้ะ” ทองจันทร์แกล้งถาม
กบแมวหัวเราะคิกคักเบาๆ มองหน้ากัน
“ซื้อจากแม่ค้า ที่พายเรือมาน่ะสิ” กบว่า
สนหันมาทำตาเขียว สองคนหยุด
“ขอบใจมาก เชิญคุณแม่ทานก่อนคะ เรียม ปวดหลัง ขอตัวไปพักก่อน”
เรียมเดินไปอีกคน สนได้ทีกระซิบพูดแหย่กับทองจันทร์
“คุณแม่คิดเช่นเดียวกับสนไหมคะ ว่าเนียนดูเศร้ามาก ผิดวิสัยคนกำลังจะมีลูก สนน่ะสงสารนะคะ อยากจะช่วยให้หายเศร้า แต่ไม่รู้ว่าจะอย่างไร”
สนกับช้อยแอบสบตากัน
“แม่สนเข้าใจไปเองหรือเปล่า เอ...แต่เมื่อสักครู่เนียนก็ดูเศร้าจริงๆ แหละ ขอบใจแทนเนียนเขานะ เห็นแม่สนแสดงน้ำใจแบบนี้ก็เบาใจแท้ๆ”
ช้อยปรายตามองสนอีกที กบกับแมวมองหน้ากัน
“แต่ข้าหนักใจแฮะนางกบ” แมวกระซิบ
สนหันมาทำตาเขียว แล้วส่งเด็กให้ทอง
“คุณพ่อไม่อยู่ หาคุณย่าก็ยังดีนะลูกนะ”
ทองจันทร์รับเด็กน้อยมาเล่นหัว สนกับช้อยนั่งยิ้มย่องผ่องใส เบิกบานใจสุดๆ

ขุนภักดีเดินทางถึงบางกอกโดยสวัสดิภาพ กำลังนั่งรอท่านพระยาเจ้าของเรือนอยู่ในห้องโถงใหญ่ มีเอกนั่งอยู่ข้างๆ
“นี่แหละคฤหาสน์ของเจ้านายพ่อข้าที่ข้าถูกส่งมาพักที่นี่ตอนมาเข้าโรงเรียนประจำวชิราวุธ เอ็งจำได้ไหมเอก”
“จำได้สิขอรับ คุณเทพร้องไห้งอแงจะยึดกระผมไว้ให้อยู่เป็นเพื่อนด้วย โดนท่านหมื่นกับคุณนายใหญ่เอ็ดตะโรเอาว่า เป็นลูกผู้ชาย ทำไมต้องมีพี่เลี้ยงเกาะติดเหมือนเห็บหมัด” เอกเล่าเรื่องหนหลัง ที่จำได้แม่น
“ข้าเศร้าอยู่สามวันแล้วข้าก็ลืมเอ็งเพราะที่นี่มีอะไรสนุกสนานให้ข้าเล่น เช่นขี่ม้า”
“ท่านขุนเลยได้รางวัลแส้ม้า เอาไปเก็บไว้ที่บ้าน จนทุกวันนี้ ใช่ไหมขอรับ”
ขุนภักดีชะงักกึก ไม่พูดต่อ
ท่านเจ้าพระยาเดินออกมา ท่านขุนก้มลงกราบ เอกทำตาม
“รู้ไหมว่าเรียกมาพบด้วยเหตุใด”
“พอทราบขอรับ เรื่องที่นาของท่านเจ้าพระยาที่ให้กระผมดูแลที่สุพรรณบุรีขอรับ”
“นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ไม่สำคัญดอก ที่นาไม่มีปัญหา ค่าเช่าค่าออนผลประโยชน์ทั้งหลายก็ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งรู้ความจริง จึงต้องพูดกับพ่อขุนภักดี เรื่องส่วนตัวนะ”
ขุนภักดีหันไปมอง เอกรู้ทันที ถอยหลังกรูดออกไปพ้นห้อง
“เรื่อง เมียน้อยของชั้น แม่...บุหลัน”
ท่านขุนสะดุ้งเฮือกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“กระผมได้รับโทษฐานบังอาจไปแล้วขอรับ”
เจ้าพระยาถอนใจ “ชั้นหูเบา หึงหวงจนไม่ฟังอีร้าค่าอีรม”
เจ้าพระยาแตะบ่าท่านขุน
“อย่าตกใจ”

ที่แท้เมื่อครั้งในอดีต สมัยขุนภักดีภูบาลยังเป็นวัยรุ่น อายุไม่ถึงยี่สิบ ร่ำเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเจ้าพระยา
เวลานั้นขุนภักดี หรือเทพกำลังคร่ำเคร่งอ่านตำราเรียนเอาเป็นเอาตายอยู่ในห้องพักบนเรือน จู่ๆ มีมือสวยเนียนขาวมาปิดตาไว้
“ช่างขยันแท้ๆ พ่อภักดีรูปงาม รู้ไหมใครเอ่ย”
ขุนภักดีสะดุ้งหันไปมอง ตกใจมากเมื่อเห็นเป็นบุหลัน รีบเอามือออก
“คุณบุหลัน” ภรรยาของเจ้าพระยา
“จุ๊ๆ อย่าอึงไป เดี๋ยวตาเฒ่าหัวงูมันได้ยินเอา เราจะโดนมันโบย”
“ถ้าเช่นนั้นกรุณากลับออกไปเถิดขอรับ ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคุณจะเข้ามา”
“เหมาะสิ ภักดี เธอรู้ไหม ใจชั้นล่องลอยมาอยู่ในห้องของเธอทุกเช้าค่ำ นับแต่วันที่ชั้นถูกรับตัวมาอยู่ที่นี่ แม้ตัวชั้นต้องภักดีกับท่านเจ้าพระยา แต่ใจชั้นภักดีกับเธอตลอดเวลา ภักดีจ๋า ชั้นรักเธอ”
จากนั้นบุหลันก็โถมเข้ามากอดปล้ำขุนภักดีแบบเอาเป็นเอาตาย
“ไม่ ไม่นะขอรับ”
“ชั้นรักเธอชั้นปรารถนาเธอไม่ใช่ไอ้เฒ่าหัวงูนั่น”
จังหวะนั้นประตูเปิดผาง เจ้าพระยาเข้ามาพร้อมแส้ม้าในมือ กระชากขุนภักดีออกจากเมียน้อย
“ไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไอ้คนอกตัญญู มึงเป็นชู้กับเมียกู”
“ใช่ค่ะ มันนัดบุหลันให้มาเอาหนังสือที่ยืมไว้แล้วมันก็หลอกปล้ำขืนใจ” บุหลันใส่ไฟ
“นั่นปะไรไอ้คนชั่ว” เจ้าพระยาหน้ามืดตามัว หึงหวงเมียคราวลูก

ส่วนเหตุการณ์ที่บ้านภักดีภูบาล ในสุพรรณ จู่ๆ สนเดินไปหยิบแส้หางม้าของขุนภักดีที่วางอยู่ มาเหวี่ยงสลัดไปมาอย่างสนุกมือ
“ใครโดนต้องเจ็บแสบเข้าไปในหัวใจแน่ๆ”
เนียนเดินออกมาพอดี
กบกะแมวร้องบอก “ระวังเจ้าค่ะ”
เนียนตกใจ “อุ๊ย”
“แม่สนละก็ คึกคะนองอะไรนักหนา เกือบจะฟาดเอาเนียนเข้าให้แล้ว”
เนียนเดินหลบออกมา สนหัวเราะร่วน ยังเหวี่ยงแส้ไปมา

เหตุการณ์ครั้งเมื่ออดีตในความทรงจำของสองคนยังพรั่งพรูออกมา ขณะนั้นแส้หางม้าของเจ้าพระยา สะบัดโบยมาที่หลังขุนภักดีที่โดนมัดโยงกับต้นไม้ มีบุหลันยืนมองใจหายใจคว่ำอยู่ ขุนภักดีถูกจับถอดเสื้อ แผ่นหลังเลือดสาด เนื้อตัวแตกเป็นริ้วๆ
“มึงจงจำเอาไว้ให้ดี ไอ้ภักดี ไม่มีอะไรที่ลูกผู้ชายแค้นเท่ากับมีคนมาเล่นชู้กับเมีย มึงชั่วมากมาหลอกปล้ำเมียกู ถ้ามึงไม่ใช่ลูกของพ่อมึง กูฆ่ามึงตายแน่ ฐานหยามศักดิ์ศรีกู”
เจ้าพระยาตีจนเหนื่อยหอบ สาแก่ใจ แล้วเหวี่ยงแส้ม้าใส่หลังท่านขุน
“กูมอบให้มึงเอาไว้เตือนใจว่าครั้งหนึ่งมึงอยากเป็นชู้เมียกู รึมึงจะแก้ตัวว่าเมียกูอยากเป็นชู้กับมึงเอง”
ขุนภักดีมองหน้าบุหลันที่กลัวจนตัวสั่นอย่างตกใจ
เจ้าพระยาลากบุหลันเดินออกไปทิ้งให้ ขุนภักดีน้ำตาไหลพรากไม่อาจแก้ตัวได้
“เรื่องบางอย่าง ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงมิอาจเอ่ยความจริงที่ทำลายผู้หญิงคนหนึ่งได้”

เจ้าพระยาดึงตัวเองกลับมา ทอดถอนใจซ้ำๆ
“ก่อนเขาจะตาย เขาขอสารภาพบาปกับชั้นก่อนตายว่า พ่อภักดีไม่เคยอาจเอื้อม แต่เขานั่นแหละหลงรักพ่อภักดี และไม่เคยรักชั้นเลย แถมเกลียดชั้นมากที่ไปทำร้ายพ่อภักดีปางตาย”
ขุนภักดีฟังแล้วเงียบงัน แปลกใจระคนตกใจ เจ้าพระยาตบบ่าท่านขุนเบาๆ
“ขอบใจในความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ทำร้ายผู้หญิง แม้ว่าจะโดนเข้าใจผิด ชั้นเสียอีกที่หูเบา เอาแต่หึงหวง จนลืมนึกไปว่าพ่อภักดีก็ลูกชาติลูกตระกูล ได้รับการอบรมมาดี จะทำชั่วเช่นนั้นได้อย่างไร ช่างเป็นสุภาพบุรุษแท้ๆ”
“กระผมก็ขอขอบพระคุณเช่นกันขอรับ ขอให้เธอไปสู่สุคติด้วยเถิด”
“ขอโทษพ่อภักดีทั้งตัวชั้นเอง และแทนเขาด้วย ขอให้พ่อภักดีอย่าเอาความหูเบาของชั้นเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าฟังความข้างเดียว หนักแน่นเข้าไว้ บางสิ่งที่พ่อเห็น อาจมิได้เป็นอย่างที่ภาพมันบอก มันอาจมีอะไรที่มากมายลึกซึ้งแอบแฝงอยู่เสมอ”

ขุนภักดีก้มลงกราบเจ้าพระยา โดยไม่รู้ว่า ตนกำลังจะเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยเฉกเช่นเดียวกัน ในอีกไม่นานนี้ ต่างกันแค่คนโชคร้ายถูกเข้าใจผิดคือเนียน!

ขุนภักดีกลับถึงเรือนก็รีบแวะมาหาเนียนก่อนใครอื่นด้วยความคิดถึง

“เนียนจ๋าพี่กลับมาจากบางกอกแล้ว พี่มีของมาฝากด้วยจ้ะ”
“ไม่ต้องฝากเนียนดอกค่ะ พี่ขุนกรุณาเนียนมาตลอด พระคุณล้นเหลือแล้วค่ะ”
“พี่สบายใจมาก เพราะปัญหาบางอย่างที่ค้างคาในหัวใจพี่มาหลายสิบปี ได้คลี่คลายไปแล้ว เนียนจ๋าพี่สบายใจเหลือเกินจ้ะ”
“เนียนดีใจด้วยค่ะ”
“เนียนรู้ไหมจ๊ะ ว่าไม่มีอะไรที่ทำให้เจ็บช้ำขมขื่นมากเท่ากับ การถูกเข้าใจผิดแล้วมิอาจแก้ตัวได้”
“ค่ะ เนียนทราบ เอ้อ พี่ขุนคะ คือคุณสนฝากให้เนียนเรียนพี่ขุนว่า คุณเทิดศักดิ์คิดถึงพี่ขุนมากร้องไห้หาทุกคืน”
ขุนภักดียิ้มเบิกบานเมื่อเอ่ยถึงเทิดศักดิ์ “เด็กคนนี้ละช่างอ้อนคุณพ่อดีนัก เนียนไม่ว่านะจ๊ะ ถ้าพี่จะไปหาลูก”
“ไม่ว่าดอกค่ะ เชิญพี่ขุนค่ะ”
ขุนภักดีโอบกอดเนียน วางของขวัญไว้ให้ หอมแก้มเนียนหอมท้องเนียน แล้วเดินฮัมเพลงออกไป

ขุนภักดีถามสนท่าทีแปลกใจขณะเดินมาที่ท่าน้ำ
“ไหนสนว่าลูกร้องไห้หาพี่ ทำไมสนพาพี่มาที่ท่าน้ำเล่า”
“ลูกคอยนานจนหลับคาอกสนไปแล้วค่ะ สนไม่อยากปลุกลูก พี่ขุนขาจำที่สนเอ่ยปากขอพูดเรื่องสำคัญของบ้านเราวันที่พี่ขุนจะไปบางกอกได้ไหมคะ”
“จำได้ ขึ้นไปพูดกันบนเรือนเถิด”
“ไม่ได้ดอกค่ะ เราต้องพูดกันตรงนี้ สนไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องบัดสีเสนียดบัดซบสุดจะเอ่ย แค่สนจะเอ่ยปากพูดยังละอายกลัวเสนียดมาจับปากสน” สนจีบปากจีบคอ
“เอ่ยมาเถิดพี่ต้องการฟัง”
“สนจะเล่าเท่าที่เห็นเท่าทีได้ยิน แต่ให้คุณพี่ตัดสินใจเอาเองว่าเป็นเช่นไร”
สนทำท่าเล่า จนเห็นเป็นภาพแต่ไม่มีเสียงของเนียนกับหนักที่ท่าน้ำ วันที่สนเห็น

พอฟังจบขุนภักดีถึงกับช็อคตกตะลึงพูดไม่ออก เจ็บปวดมาก
“เนียนคบชู้ เนียนมีลูกแล้ว เอาแหวนของพี่ให้ชู้ไปเลี้ยงดูพวกมัน”
“อย่าเพิ่งตีความไปถึงเพียงนั้นสิคะ สนเล่าตามภาพที่เห็นกับที่ได้ยินลางๆ เท่านั้นค่ะ”
“นางคนทรยศพี่จะไปฆ่ามัน”
“อย่าเพิ่งสิคะ พี่ขุนรอให้เขามาพบกันตามที่สนได้ยินก่อนค่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พี่ขุนจะได้ไม่หาว่าสนมุสามดเท็จใส่ความเนียน ที่สนบอกเพราะกลัวนานไปใครมาเห็นจะฉาวโฉ่ไปเจ็ดคุ้งน้ำทั่วเมืองสุพรรณ” สนทำเป็นหวังดี
“พี่จะกระอักเลือด พี่จะอดใจรอไหวถึงวันนั้นรึ พี่ทนไม่ไหวดอกสน”
“พี่ขุนก็อยู่แต่เรือนสนสิคะ อย่าไปเห็นหน้าเขา ถ้าเขาแก้ตัวพี่ขุนใจอ่อนแน่ รอจนแน่ใจก่อนสิคะ”
สนกอดโอบเอาใจ พูดออดอ้อนขุนภักดี ทำทีเป็นร้องไห้ร้องห่ม
“พี่อยากจะฆ่ามันนักทั้งไอ้ชู้นั่นด้วย มันเป็นใครชื่ออะไร”
“สนไม่ได้ยินเรียกชื่อกันดอกค่ะ เห็นหน้ามันก็ไม่ถนัด มันมืดมาก”
สนกอดขุนภักดีเอาไว้ลอบยิ้มสมใจที่เป่าหูสำเร็จ
“ถ้าพี่ขุนทำใจไม่ได้ก็ดื่มสิคะ ดื่มให้ลืมความเจ็บ ความอาย”
ขุนภักดีตะโกนลั่น “ไปเอาเหล้ามา ไอ้เอก ไอ้เอก”

ฟากทองจันทร์กับเรียมมาที่ห้องเนียน
“เนียน ทำไมไม่รั้งพ่อเทพเอาไว้ที่ห้องของตัว”
“เอ้อ... เนียน เนียน”
“เนียนรู้ไหมว่าพี่เทพ เมาไม่ผู้เป็นคนอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ” เรียมว่า
“พี่ขุนบอกว่าจะไปเรือนคุณสน แล้วทำไมไปดื่มเหล้าได้คะ”
“นางกบนางแมวมันบอก แม่สนนั่นแหละ สั่งให้ไอ้เอกเอาหล้ามาให้พ่อเทพกิน” ทองจันทร์บอก
เรียมกับเนียนไม่เข้าใจ


ทองจันทร์ แมว และกบ อยู่ที่หน้าเรือนกับสน ซึ่ง สนตอบคำถามทองจันทร์แบบไม่ค่อยกลัวเกรงเหมือนเก่านัก
“พี่ขุนสั่งให้สนเรียกนายเอกให้เอาเหล้ามาให้กิน สนก็ตองทำตามสิคะ สนเป็นเมียที่ดีนี่คะ ถึงสนบ้าบิ่นไปบ้าง แต่สนก็ไม่เคยมีชู้นะคะคุณแม่”
ทองจันทร์ชักสีหน้า “แม่สน พูดอะไรออกมา”
“เรื่องพี่ขุนก็เช่นกันคะ ถามนายเอกดูเองเถิดค่ะ พี่ขุนไม่ต้องการไปไหน นอกจากเรือนของสน แล้วจะให้สนผลักไสพี่ขุนไปไหนคะ”
เสียงขุนภักดีเรียกมาจากบนเรือน
“สนจ๋า มาหาพี่หน่อย”
ทองจันทร์ถอนใจเฮือกๆ
“สนขอตัวก่อนนะคะ สนจะไปเช็ดตัวให้พี่ขุนสร่างเมา ค่ะ”
สนหันกลับ ทองจันทร์มองตาม แปลกใจไม่หายสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แมวกะกบซุบซิบอยู่ด้านหลัง
“บ้านี่มันเกิดอะไรขึ้น พ่อเทพร้อยวันพันปีไม่เคยแตะเหล้า มิหนำซ้ำยังรังเกียจเอาด้วย ไอ้เอกมันไปหลบหน้าอยู่ที่ไหน”

เวลาต่อมา เอกกำลังอธิบายให้ทองจันทร์ฟัง
“กระผมก็ไม่ทราบดอกขอรับ ตอนกลับมาจากบางกอกท่านฮัมเพลงมาตลอดทาง”
“พ่อเทพไปพบใครที่บางกอกมา” ทองจันทร์ถาม
“ท่านเจ้าพระยาขอรับ”
“เอ แล้วทำไมกลับถึงบ้านแล้วกลายเป็นเช่นนี้ไปได้”
“กบเห็นออกมาจากห้องคุณเนียนท่านก็ยังฮัมเพลงนะเจ้าคะ” กบแทรกขึ้น
“แต่พอไปพบคุณสนที่ท่าน้ำเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ พายุโหมกระหน่ำ” แมวเสริม
“คุณสนให้คนไปสั่งกระผมว่า ท่านจะเอาเหล้าฝรั่งที่มีคนเอามาให้เป็นของขวัญ วันเกิดวันปีใหม่ขอรับ”
“เล่นเข้าไปกี่ขวดล่ะ”
“สามขอรับ”
ทองจันทร์ตกใจ “อะไรนะ แล้วทำไมเอ็งไม่อุ้มมานี่”
“กระผมจะอุ้มมานี่ ท่านก็เตะถีบกระผมยกใหญ่ บอกไม่อยากจะเจอหน้ามัน”
เอกหน้าสลดลง
“มันน่ะใคร” ทองจันทร์ซัก
เอกส่ายหน้า แต่ในใจครุ่นคิด

วันต่อมาสนกับช้อยปรึกษากันต่อเรื่องเนียน
“เสร็จแล้วจริงๆ นางเนียนเอ๊ย กูแปลกใจมานานว่าทำไมลูกกูหน้าเหมือนมึงทำไม ไอ้หนักต้องข่มขืนกูเจ็ดวันเจ็ดคืน”
“ช้อยเลยพลอยฟ้าพลอยฝนรับกรรมไปด้วยเจ้าค่ะ”
“เพราะมันรู้กลลวงของเรา มันเลยย้อนรอยเรา เอาพี่มันมาข่มขืนกู เสียรู้มันมานานแท้ๆ” สนแค้นใจ
“ก้อต้องระวังไว้เหมือนกันนะเจ้าคะ ถ้ามันรู้ว่าเราเล่นงานน้องมันอีก มันอาจแฉโพยว่ามันเป็นพ่อของคุณหนูเทิดศักดิ์”
“เท่าที่ฟังมันพูดมันยังไม่รู้ดอกว่าข้าท้องมีลูก อีเนียนมันก็เอาแต่จะพูดเรื่องของลูกมันที่ป่วยหนัก”
“ก็ถือว่าโชคดีไป ว่าแต่คุณสนจะยึดตัวท่านขุนไว้เป็นประกันที่นี่นานเท่าใดเจ้าคะ”
“อีกสามวันเท่านั้นก็จะถึงวันที่มันนัดหมายกัน พอตอนพี่ขุนสร่างเมาข้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้สงบจิตใจ ไม่กระโตกกระตากให้ไก่ตื่น ขืนมันรู้ตัว มันจะส่งข่าวบอกพี่มันไม่ให้มา พี่ขุนจะหาว่าข้ามดเท็จ”
ช้อยกับสนวางแผนชั่วกันดิบดี

ด้านเอกพยายามสบตาเนียนเหมือนอยากจะเตือนอะไร แต่เนียนเอาแต่ก้มหน้าเหมือนไม่มีความสุข
“เอ้อ..คุณเนียนขอรับ”
“เอ็งจะพูดอะไรกับเนียน ไม่ต้องพูดใดๆ ทั้งสิ้น ข้าอยากรู้ว่าทำไมพ่อเทพ ไม่กลับมาดูแลคนบ้านนี้บ้าง” ทองจันทร์แปลกใจ
สนเดินเข้ามามีช้อยตามหลัง สองนางใจบาปยิ้มย่อง
“สนมีข่าวจากพี่ขุนมาเรียนให้คุณแม่ทราบค่ะ”
“พี่ขุนสบายดีรึ แม่สน” เรียมถาม
“ค่ะ สบายดี พี่ขุนให้เรียนว่า จะกลับมาเรือนนี้ หลังจากแรมสิบห้าค่ำ ผ่านไปก่อนค่ะ”
“ประหลาด ทำไมต้องให้ผ่านแรมสิบห้าค่ำก่อน ใครเข้าใจบ้าง” ทองจันทร์งวยงง
“เรียมไม่เข้าใจดอกค่ะ แต่ช่างเถิด พี่เทพอยู่เรือนไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงอย่าเมามาย”
“พี่ขุนไม่เมามายแล้วค่ะ แต่กำลังใช้ความคิดเรื่องงานใหญ่ค่ะ” สนพูดกำกวม เป็นนัย
“งานอะไร” ทองจันทร์สงสัย
“พี่ขุนเท่านั้นที่ทราบ สนไม่อาจทราบได้ดอกค่ะ นายเอกจ๊ะ พี่ขุนต้องการพบนายเอกจ้ะ”

เอกรับคำ แล้วออกไปกับสนและช้อย ทุกคนมองตามอย่างแปลกใจ

หลายวันมานี้ ขุนภักดีเริ่มสร่างเมาลงไปบ้าง เพราะสนให้ดื่มน้อยลง เนื่องจากใกล้จะถึงวันแรมสิบห้าค่ำที่หนักนัดเจอเนียนเแล้ว ขุนภักดียืนคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง รำพึงออกมา

“นี่เรา ไม่ได้กลับไปเรือนใหญ่มานานเท่าไหร่แล้ว บ้าจริง”
ขุนภักดีตัดสินใจเดินลงเรือนไป สนกับช้อยพรวดมาถึงพอดี สนมาเกาะแขนไว้ ส่วนช้อยเป็นลูกคู่คอยกระซิบเสริมนายอยู่ด้านหลัง
“พี่ขุนจะทำอะไรคะ”
“จะกลับไปเรือนใหญ่”
ช้อยกระซิบบอกสน “อย่าปล่อยให้กลับไปได้นะเจ้าคะ ความแตกเอาง่ายๆ”
สนส่งมือโบกให้ช้อยขึ้นเรือน และรับรู้ที่ช้อยเตือน
“ถ้ากลับไปปะหน้าคนที่ทำให้พี่ขุนอับอายขายหน้า เจ็บช้ำเพราะรักมากมายพี่ขุนจะอดใจไหวรึ”
ขุนภักดีชะงักนิดหนึ่ง “ก็เพราะสุดจะอดใจอดทนกับ ความแค้นความเจ็บ ที่มันทับถมทวีคูณขึ้นทุกวัน อกพี่กำลังจะระเบิดอยู่แล้วนะสน”
“สนเข้าใจหัวอกพี่ขุน เพราะรักเขาพี่ขุนจึงเคยทอดทิ้งสน ไม่ใยดีสน มิใยสนจะพยายามเตือนอ้อมๆ เรื่องเขา พี่ขุนก็หาฟังไม่ สนจึงจำต้องข่มใจแบกความระทมทุกข์เอาไว้ จนกระทั่งลูกเทิดศักดิ์เกิด” สนทำสำออย พูดออเซาะ
“พี่ขอโทษสนเรื่องที่ผ่านมาด้วย”
“สนตรองอยู่เป็นนานสองนานนะคะว่าจะบอกเรื่องบัดสีนี่กับพี่ขุนดีไหม ที่สุดสนก็ทนดูทนเห็นพี่ขุนโดนสวมเขา ไม่ได้”
ขุนภักดีโวยวายลั่น ปราดออกไป “ใช่ มันสวมเขาให้พี่ พี่จะฆ่ามัน”
สนฉุดดึงเอาไว้ “ฆ่าตอนนี้จะมีประโยชน์อันไดคะ ในเมื่อไม่ได้จัดการไอ้เขาที่มาสวมบนหัวพี่ขุนด้วย อีกประการ คุณแม่กับคุณเรียมไม่ยอมให้พี่ขุนฆ่าเขาดอกค่ะ สนก็ไม่ยอมเช่นกัน มันยังไม่มีหลักฐานปรากฏให้เห็นประจักษ์แก่ตานะคะ”
ขุนภักดีฮึดฮัด “แต่พี่กำลังจะกระอักเลือดแล้วนะสน”
“พี่ขุนขา คนที่ต้องกระอักเลือดไม่ใช่พี่ขุนแต่คือพวกคนที่ทำให้พี่ขุนอับอายต่างหาก สนกราบละ เชื่อสนนะคะ ทนอีกคืนเดียว”
ขุนภักดีคิดตาม “อืม..ที่สนพูดก็มีเหตุผล”
“สนเรียกนายเอกให้มาร่วมเป็นพยานในการจับชู้นั่น ให้ได้คาหนังคาเขา ด้วยค่ะ คุณนายเรียมกับคุณแม่จะได้เชื่อว่าไม่มีใครใส่ร้ายเขา”
ขุนภักดีหลงลมปากหญิงชั่ว เห็นด้วยตกลงตามสนบอก “ขอบใจสนมาก พี่เสียใจที่เคยมองสนผิดๆ”
“สนก็ขอบคุณพี่ขุนค่ะ สนกล้าสาบานถ้าสนพูดเท็จ สนยอมให้พี่ขุนโบยสนตายคาแส้ม้า”
“พี่จะโบยแม่ของลูกชายสุดน่ารักน่าชังของพี่ได้อย่างไร จะมีแต่นางคนโฉดนั่นต่างหากที่จะโดนโบยตายคาแส้ม้า”
สนลอบยิ้ม
“พี่ขุนอย่าบอกนายเอกให้รู้ว่าพี่ขุนจะทำอะไรนะคะ หาไม่เช่นนั้นมันจะเอาไปบอกเขา สนกำลังสงสัยว่านายเอกมันแอบหลงรักเขาค่ะ”
“ไฮ้…ไอ้เอกมันบังอาจนัก”
“แค่หลงรักไม่ได้เล่นชู้ก็ช่างเถิดค่ะ”
สนดึงแขนขุนภักดีกลับขึ้นเรือนอีกจนได้

เอกอยู่บนเรือนใหญ่ ยังไม่ยอมไปหาขุนภักดี พยายามจะหาโอกาสพูดเตือนเนียน
“เอ้อ คุณเนียนขอรับ กุหลาบที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน ทำท่าจะตายจะไม่ไปดูสักหน่อยหรือขอรับ”
“ขอบใจมากที่บอกจ้ะ พี่เอก แต่ว่า...” เนียนไม่อยากไปไหน
“นายเอก ไม่เห็นรึว่าคุณเนียนกำลังแพ้ท้อง” เรียมว่า
“แดดเปรี้ยงอย่างนี้ จะมาชวนให้ไปเป็นลมแดดตายรึ ไอ้เอก เอ็งนี่ห่ามแท้ๆ” ทองจันทร์ก็ห้ามอีก
เอกคิดหาทางใหม่ “เอ้อ...ยายอ่อนแกมาถามหา ว่าจะรับยาหม้อบำรุงเลือดลมอีกไหม ไปคุยกับแกหน่อยไหมขอรับคุณเนียน”
“ยายอ่อนแกเป็นง่อยรึ จึงเดินมาไถ่ถามเองไม่เป็น เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง ไอ้เอก ดูว่า เอ็งพยายามจะชวนแม่เนียนเขาไปดูอะไรที่ไม่เข้าท่าอยู่ได้” จันทร์จันทร์ชักฉุน
“นายเอกมีอะไรจะบอกเนียนก็บอกมาตรงนี้ไม่ต้องอ้อมค้อม ชักแม่น้ำทั้งห้า”
เอกชั่งใจนิดหนึ่ง “ขอรับ...คือว่าท่านพระครู ท่านให้มาเตือนว่า...”
เอกพูดยังไม่จบคำ ช้อยก้าวพรวดมานั่งแปะค้อนเอกพลางบอก
“นายเอก ท่านขุนเคืองใหญ่แล้วนะท่านว่า เรียกหาไม่รีบ มัวไปร่ำไรอะไรอยู่รึ”
“มัวร่ำไรพูดกับข้าอยู่ เอ็งอยากมีปัญหากับข้าไหมนางช้อย” จันทร์จันทร์ว่า
“เปล่านะเจ้าเจ้าคะ ช้อยแค่กลัวท่านขุนโกรธนายเอกเป็นฟืนเป็นไฟเจ้าค่ะ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวนี้”
เอกจำใจรีบตามไป ช้อยแอบปรายตามองเนียนยิ้มเป็นนัย เนียนรู้สึกได้ว่าช้อยปรายตาเย้ย แต่ก็นิ่ง
“นางช้อยมันแอบส่งสายตาเย้ยเนียน มันคงภูมิใจที่พ่อเทพไม่กลับมาเรือนนี้หลายวันแล้ว พ่อเทพก็ประหลาดคน จู่ๆ ก็กลายเป็นนักเลงเหล้า” ทองจันทร์บ่น
เนียนก้มหน้างุด
“เรียมก็สังเกตเห็นค่ะ คุณแม่ ว่าพักนี้สองคนนายบ่าวนั่นยิ้มเย้ยอะไรกันอยู่ อย่าไปสนใจเลยนะเนียน”
“ค่ะ ไม่รู้สึกว่าโดนยิ้มเย้ยดอกค่ะ”
“ย่ะ ใครทำอะไรใส่ก็ไม่รู้สึกทั้งนั้น อดทนยังกะพระเตมีย์ยัง สมัครใจโง่แท้ๆ”
กบกะแมวหัวเราะคิก
“ใช่เจ้าค่ะ”
ทองจันทร์กับเรียมตาเขียวใส่สองบ่าว เรียมเอ็ด
“ใครถามพวกหล่อน”
“เนียนเอ๊ย!.. ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ มีใครเคยเห็นเนียนหัวเราะสักครั้งบ้างไหม” ทองจันทร์เอ่ยขึ้น
“ไม่เค๊ยไม่เคยเจ้าค่ะ” สองบ่าวประสานเสียง
“นางกบนางแมว นางม้าดีดกะโหลก นางปลากระดี่ได้น้ำ”
เนียนยิ้มบางๆ พลางบอก “เนียนขอตัวก่อนนะคะ”
เนียนไหว้สองคนแล้วถอยตัวหลบออกไป

ฝ่ายขุนภักดีกำลังหยอกเอินเทิดศักดิ์ มีสนนั่งภูมิใจข้างๆ เอกมาถึงในจังหวะนั้น
“ท่านขุนเรียกหากระผมรึขอรับ”
“เอ็งสนิทกับคุณเนียนมากนักรึไอ้เอก”
เอกตกใจ
“หามิได้ขอรับ กระผมก็แค่ทำตามที่อาน้อมแกฝากฝังไว้เท่านั้นเองขอรับ”
เอกมองสนรู้ทันว่าพูดอะไร สนเสเมินไปทางอื่น
“พี่ขุนมีธุระสำคัญต้องทำ คืนวันแรมสิบห้าค่ำ ท่านต้องการให้นายเอกไปด้วย”
เอกมองหน้าขุนภักดีเป็นเชิงน้อยใจว่าทำไมไม่บอกเอง
“เดือนมืดนะขอรับ มันฤกษ์โจรนะขอรับ”
“เพราะว่าข้าจะไปจับโจรน่ะสิ” ขุนภักดีโพล่งขึ้นมา
สนกระซิบอะไรเบาๆ
“เอ็งห้ามเอาความข้าสั่งไปบอกใคร หาไม่เช่นนั้นโจรมันรู้ตัวมันจะหนี”
“โจรอะไรหรือขอรับ”
“ท่านบอกแล้วว่าความลับ ยังจะมาถาม จับได้ก็รู้เองนั่นแหละน่าว่าโจรชั่วชาตินั่นมันโจรอะไร”
สนด่าเอา เอกจึงนิ่งไป ขุนภักดีโบกมือให้เอกไปได้ เอกถอยออกมา สนรีบเอาใจผัวหยอกล้อลูกชาย

ส่วนที่บ้านแพน ถึงวันนัดหมาย หนักบอกกับแพรและโพล้ง
“คืนนี้ข้าจะไปส่งข่าวเนียนเรื่องอาการแดงน้อย”
“ให้ชั้นไปด้วยไหมพี่หนัก” โพล้งบอก
“ไม่ต้อง เอ็งอยู่เป็นเพื่อนยายแพร ช่วยกันดูแลแดงน้อย ที่สำคัญ เตรียมการย้ายบ้านซะ”
“ย้ายบ้าน” สองคนตกใจ
“ไปอยู่บางกอก ไปตั้งรกรากทำมาหากินที่นั่น” หนักบอก
“พูดยังกะมีเงินสักร้อยชั่ง” แพรเยาะ
“อย่าหยันกันสิยายแพร ที่ข้าให้ย้ายบ้าน เพราะไม่ต้องการให้พวกเอ็งมีปัญหา พวกเอ็งต้องไปกันเงียบๆ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด” หนักกำชับ
“แล้วที่นาของเนียน” โพล้งถามขึ้น
“ให้มันว่างเปล่าไปอย่างนั้นแหละ ข้าจะไปหาเงินจากที่ใหม่ ข้าต้องการให้แดงน้อยเติบโตที่นั่นเรียนหนังสือที่นั่น ให้เขารู้จักญาติของเขาเพียงสองคน คือเอ็งกับไอ้โพล้ง ส่วนคนที่ชื่อไอ้เสือหนักก็คือไอ้เสือหนัก ที่ทางการต้องการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา”
หนักเดินมาอุ้มมากอดแดงน้อยด้วยความรักใคร่
“แดงน้อยเอ๋ย หลานต้องเติบโตเป็นคนดี คนบริสุทธิ์ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องพวกโจรใจบาปสันดานหยาบช้าอย่างลุง”
“เมื่อคืนข้าฝันถึงลุงน้อมยืนร้องไห้ เหมือนจะบอกอะไร ข้าว่าพี่อย่าไปเลย” โพล้งบอก
“ข้านัดเนียนไว้แล้ว หาไม่เช่นนั้นเนียนจะเฝ้ารอข้า ข้าจะไปส่งข่าวให้เนียนดีใจว่าแดงน้อยสบายดี และข้าจะไม่ไปให้เนียนเห็นหน้าอีกเลย เพื่อปกป้องไม่ให้ใครระแคะระคายว่าเนียนมีลูกแถมมีพี่เป็นโจรชื่อไอ้เสือหนัก จะไปเป็นครั้งสุดท้าย”

หนักทอดถอนใจ ส่งหลานคืนให้แพร สองคนมองตามหนักที่เดินออกไปจนลับตา

เวลาเดียวกันเนียนมองตัวเองในกระจกบานเล็กๆ เห็นว่าเนียนใส่สร้อยเส้นหนึ่ง เนียนแกะสร้อยที่ขุนภักดีให้ออกมาจากคอ น้ำตาซึม

“แดงน้อยของแม่ แม่ขอโทษ ที่แม่ไม่ได้อุ้มชูดูแลลูก เหมือนแม่ทั้งหลาย ชีวิตเราสองแม่ลูกช่างอาภัพเหลือทน แม่ละอายแก่ใจเป็นที่สุด มีลูกแต่ทำเพื่อลูกได้เพียงน้อยนิด”
เหมือนมีใครสักคน มาผิวปากแถวหน้าต่างห้อง เนียนเดินไปหยุดมองลงไป

เป็นเอกนั่นเองที่ผิวปากอยู่หน้าต่างด้านล่าง เอกหยุดผิวปากเป็นเพลงหันไปมองซ้ายมองขวาแล้วหันมามองเนียน
“คุณเนียน”
เนียนมองเอกอย่างแปลกใจ
“พี่เอกมีธุระอะไรกับเนียนรึ”
“พี่จะมาเตือนให้ระวังเนื้อระวังตัวให้ดีเพราะ คืนนี้พี่กับท่านขุนจะไปธุระ”
เนียนให้นึกสบายใจที่เอกกับขุนภักดีจะไปธุระ
“เอ้อ จะไปธุระที่ไหนหรือจ้ะพี่เอก”
“ฟังแล้วเหยียบไว้ ท่านจะไปจับโจร”
เนียนสะดุ้งโหยง ใจหล่นวูบ “จับโจร”
“ได้ยินคุณสนว่าแถวศรีประจันต์นั่นแหละมั้ง”
เนียนโล่งอก
“จะไปตอนไหนจ้ะพี่เอก”
“ท่านว่าจะไปตอนโพล้เพล้น่ะ”
เนียนถอนใจ โล่งอกมากขึ้น
“ดูแลตัวเองนะเนียน พี่เป็นห่วง ไม่ไว้ใจสองนายบ่าวนั่น ดูมันยิ้มย่องยิ้มยั่วยิ้มเย้ยกันตลอดเวลาพิกลแท้ๆ”
“เนียนชินแล้วจ้ะ ขอบใจพี่เอกมาก”
ระหว่างนั้นแทนเดินผ่านมาเห็น สองคนจึงหยุดพูด

ช้อยรีบมารายงานสน
“ไอ้แทนมันมารายงานว่า เห็นไอ้เอกมันไปลับๆล่ออยู่แถวหน้าต่างห้องอีเนียนเจ้าค่ะ คุณสน”
สนตบเข่าฉาด “กูว่าแล้ว ว่าไอ้เอกไว้ใจไม่ได้ ดีนะที่ไหวทันบอกพี่ขุนไม่ให้บอกความจริงกับมัน ไม่ได้การละ นางช้อย เอ็งรีบไปตามไอ้เอกมา”
“ตามมาด่าหรือเจ้าคะ ฝากช้อยไปด่าก็ได้เจ้าค่ะ ช้อยกำลังเปรี้ยวปากอยากด่าคนเจ้าค่ะ” ช้อยเสนอหน้า
“ไม่ต้องแจ๋ ไปเรียกมันมา เดี๋ยวนี้”
ช้อยรับคำ
“เดี๋ยว เอ็งไปบอกไอ้แทนให้ไปบอกนางกบนางแมวให้พวกมันไปบอกอีทองจันทร์ ว่าท่านพระครู ให้ไปจำศีลค่ำนี้กับพวกอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย”
“ท่านพระครู ท่านฝากใครมาบอกคุณสนล่ะเจ้าค่ะ” ช้อยยิ้มยั่วรู้ทันว่าสนจะหลอกทองจันทร์ออกจากเรือน
สนเขกหัวช้อยดังโป๊ก
“บอกแม่เอ็งไง นางช้อย เอ็งไม่ต้องมายอกย้อนกับข้า นางสาระแน”
สองคนนายบ่าวหัวเราะให้กัน

พลบค่ำอาหารตั้งสำรับรอท่า ทองจันทร์เอ่ยปากถามเรียมกับเนียน
“แม่ว่าพ่อเทพทำอย่างนี้มันเกินไป หายต๋อมไปเมามายไม่มาเหลียวแลลูกเมียกำลังแพ้ท้อง ตั้งสองท้อง”
“เรียมก็ว่ามากไปนิดหนึ่งค่ะ แต่ก็ช่างเถิด พี่ขุนบทจะดื้อขึ้นมา ช้างม้าก็ฉุดไม่อยู่” เรียมว่า
“ให้มันรู้ไปว่าแม่คนนี้จะฉุดพ่อเทพไม่อยู่ นางกบนางแมว ไปเชิญท่านขุนมาเรือนนี้ บอกว่าคุณนายทองจันทร์แม่ของเขา ต้องการพบ ก่อนไปวัด”
กบแมวยิ้มให้กัน
“เจ้าค่ะ”
สองคนยังไม่ทันได้ออกไป สนกับช้อย เดินลอยหน้าอุ้มเทิดศักดิ์เข้ามานั่งแปะ
“สาธุคุณย่าสิลูกเทิดศักดิ์”
ทองจันทร์จึงหันมาสนใจอุ้มเทิดศักดิ์มาหยอกล้อดีใจ
“น่ารักน่าชังขึ้นทุกวัน หลานเอ๊ย นางช้อยเอ็งไปตามท่านขุนมาหาข้า”
“เอ้อ ไปตามได้เจ้าค่ะ แต่เกรงว่า…”
“เกรงว่าอะไร หรือว่าตอนนี้ เอ็งริอ่านกำแหงกับข้า”
“หามิได้ค่ะ คุณแม่ แต่ช้อยมันพูดไม่เป็นค่ะ มันกำลังจะบอกว่า พี่ขุนไม่อยู่ค่ะ”
“ไปไหน นี่มันเย็นย่ำค่ำมืดแล้วแท้ๆ” ทองจันทร์แปลกใจ
สนปรายตามองช้อย สองคนสบตากันยิ้มๆ
“ไปจับโจรค่ะ สนไม่อยากให้ไปดอกค่ะ เดือนแรมมืดตึ๊ดตื๋อมองหน้ากันยังแทบไม่เห็น แต่พี่ขุนไม่ยอมค่ะ สนบอกให้มารับประทานอาหารกับคุณแม่บ้างก็ไม่ฟังค่ะ กลับไล่ให้สนมาแทนค่ะ”
“งั้นก็เชิญจ้ะแม่สน กบแมวจัดสำรับเพิ่ม” เรียมบอก
“ก็ดีแม่สนมากินเป็นเพื่อนสองคนนี่ ข้าจะรีบไปจำศีลที่วัดเดี๋ยวจะมืด ไป นางกบนางแมว ไปช้า ท่านพระครูท่านจะว่าแก่กะโหลกกะลา”
ทองจันทร์ลุกมีแมวและกบ เดินตามหลัง สนระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ ช้อยหัวเราะตาม เรียมมองไม่พอใจ
“ผีบ้าจี้สิงเอารึ สน นางช้อย”
สองคนไม่ตอบหัวเราะหึๆ กันต่อ ตลอดเวลาเนียนเงียบเชียบใจคอไม่ดี

ค่ำแล้วขุนภักดี แต่งตัวเป็นชาวบ้าน เอกก็เช่นกัน เอาขาวม้าคลุมหัวแทนหมวก เอกพายเรือไปกลางคลอง
“ท่านขุนขอรับ อย่าว่ากระผมสาระแนเลยนะขอรับ กระผมสงสัยใจตั้งกะออกจากท่าน้ำแล้ว ว่าทำไมท่านขุนต้องปลอมตัวด้วยขอรับ” เอกอดถามไม่ได้
“งั้น เอ็งก็หยุดสาระแนสักเรื่องได้ไหม โน่น โค้งหน้าที่มีท่าน้ำ เอ็งเอาเรือไปจอดแอบไว้”
“โจรมันอยู่ที่โค้งโน้นหรือขอรับ”
“บอกว่าให้ เอ็งหยุดสาระ หรือว่าอยากโดนถีบตกน้ำ”
“หยุดแล้ว ขอรับ”
เอกคัดท้าย เรื่อยไปทางโค้งฝั่งเดียวกับบ้าน ขณะเดียวกันนั้น หนักก็พายเรือสวนมาใส่หมวกหลุบหน้า
แต่งตัวปอนๆ ชาวบ้าน
แววตาหนักครุ่นคิด มองไปรอบๆแบบระแวง มองเห็นท่านขุนกับเอกแต่ก็ไม่ติดใจ
เรือทั้งสองลำ แล่นสวนกันกลางคลอง ต่างฝ่านต่างไม่ติดใจกันและกัน

เนียนนั่งรอเวลานัด ท่าทีกระสับกระส่าย ในมือกำสร้อยเอาไว้แน่น เนียนผุดลุกผุดนั่ง เดินไปมองที่หน้าต่าง ใจลอย เรียมเข้ามาหาเนียน
“เนียนจ๊ะ”
เนียนสะดุ้ง “อุ๊ย คุณเรียม”
“ชั้นไม่สบายใจ”
“เอ้อ เนียน เอ้อ ขอประทานโทษ เนียนจะช่วยทำอะไรได้บ้างคะ สั่งเนียนมาเถิดค่ะ”
“ชั้นรู้สึกว่าบ้านเราเหมือนกำลังมีหมอกเมฆร้ายมาบดบัง ชั้นว่าเนียนก็คิดเช่นเดียวกับชั้น แต่เนียนเป็นคนไม่พูด”
“เนียน เอ้อ เนียน…”
“ไม่ต้องพูดก็ได้ ชั้นแค่มาระบายกับเนียนเท่านั้นเอง”
“ขอบพระคุณค่ะ ที่ไว้ใจเนียน”
“ชั้นไว้ใจเนียน รักเนียนเหมือนน้อง ชั้นเป็นลูกคนเดียว ชั้นอยากมีน้อง แต่ก็ไม่มี ดังนั้นเมื่อพบเนียน ชั้นจึงดีใจมาก คุณแม่กับพี่เทพยังบอกเสมอว่าเราสองคนนิสัยใจคอเหมือนกัน”
“เนียนไม่บังอาจตีเสมอคุณเรียมดอกค่ะ”
เรียมเชยคางเนียนมามองดูหน้ายิ้มให้
“คนเราเสมอกันในความเป็นคนจ้ะเนียน แม้อาจไม่เสมอกันในความดีงาม หรือความเลวทราม เนียนรักชั้นไว้ใจชั้นไหม”
“ที่สุดจนหามิได้ คุณเรียมเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเนียนค่ะ” เนียนบอกจากใจจริง
เรียมอ้าแขนมาโอบเนียนไว้
“ถ้าเช่นนั้น เนียนบอกบ้างได้ไหมว่าเนียนซ่อนความทุกข์ความขมขื่นอันใดเอาไว้”
เนียนยิ้ม แต่หน้าเศร้าหมอง
“ทุกวันนี้เนียนมีความสุขแบบที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้ชีวิตนี้จะมีได้ค่ะ”
“มีความสุขมาก แต่เนียนหัวเราะไม่เป็น มีเพียงรอยยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อย ดวงตาของเนียนมันบ่งบอกจ้ะ”
เนียนน้ำตาพาลจะไหลพยายามกล้ำกลืนเอาไว้
“เนียนขอบพระคุณมากค่ะ คุณเรียมช่างเมตตาเนียนเหลือเกิน รอวันที่ลูกของเราสองคนคลอดมา เนียนรับอาสาจะดูแลทั้งลูกของเนียนเองและลูกของคุณเรียมให้ดีที่สุดค่ะ”
“เนียนไม่ยอมตอบคำถามของชั้น แต่ก็ขอบใจมากที่จะช่วยเลี้ยงลูกให้ชั้น ลูกของเนียนก็เหมือนลูกชั้น เราจะเลี้ยงลูกของเราด้วยกันให้ดีที่สุด”

เรียมกอดเนียน สองคนกอดกันน้ำตาซึม

อาญารัก ตอนที่ 5 (ต่อ)

ส่วนที่วัด ทองจันทร์มาถึงก้มลงกราบท่านพระครูซึ่งมีสีหน้าฉงน

“โยมทองจันทร์ มาทำอะไรรึ”
ทองจันทร์งง มองหน้ากบแมว เป็นเชิงตั้งคำถามเพราะสองคนมาบอก
“เอ้อ..คือว่า...”
ท่านพระครูตัดบท “มาก็ดีแล้ว มาทำจิตใจให้สงบในวันพระ ก็ย่อมดีทั้งนั้น”
ทองจันทร์มองพระครูงงๆ แล้วหันมามองแมวกับกบตาเขียวปั้ด ท่านพระครูหันตัวจะเดินไป
“เอ็งสองคนไปเอาที่ไหนมาบอกข้าว่าท่านพระครูสั่งให้ข้ามาที่วัด”
“เอามาจากเจ้าแทนเจ้าค่ะ” กบบอก
“เจ้าแทนมันไปเอามาจากไหน” ทองจันทร์แปลกใจระคนสงสัย
“นั่นสิเจ้าค่ะ” แมวว่า
ทองจันทร์ทำท่าจะหยิกสองคน
“วันพระนะเจ้าคะ” กบอ้าง แมวรีบเสริม
“ทุบตีบ่าวแล้วบุญหดนะเจ้าคะ”
ทองจันทร์หดมือ พระครูหันมา
“ตามมาสิโยมทองจันทร์”
ทองจันทร์จึงรีบตามไป มีสองบ่าวตามติด ทองจันทร์ยังไม่วายบ่นเอากับสองคนที่หัวเราะคิกคัก
“นางสัมภเวสีสองคน ถ้าไม่หยุดหัวเราะ เอ็งจะตกนรก ตัวเป็นหมาหน้าเป็นคน”
สองคนร้อง “ว๊าย” พร้อมกัน แล้วรีบหุบปาก

คุยกันต่ออีกสักครู่ เรียมพยักหน้าให้เนียน
“ชั้นรู้สึกเพลียๆ ชั้นกลับไปห้องก่อนนะเนียน”
“เชิญค่ะ เนียนไปส่งที่ห้องนะคะ”
เรียมส่ายหน้า
“แค่หน้าห้องก็พอจ้ะ”
เนียนจึงไปส่งเรียมตรงหน้าห้อง แล้วกลับมายืนมองกลางหน้าต่างเพื่อรอการมาของหนักอย่างจดจ่อ เสียงหนักที่พูดนัดดังก้องขึ้นมาในหู
“เนียนกะเวลาให้ได้ประมาณยามหนึ่ง พี่จะฉายไฟสามครั้งดังเช่นเคย”
เนียนเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยมาเกือบเป็นยามหนึ่งแล้ว

ด้านขุนภักดีกับเอกยังทำตัวเป็นชาวบ้าน เดินลัดลัดเลาะไปยังหลังบ้านตัวเอง เอกงงมาก
“ท่านขุนขอรับ นี่มันทางเดินกลับบ้านเราทางด้านหลังบ้านนี่ขอรับ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ไหนว่าจะไปจับโจรขอรับ”
“ก็จับโจรน่ะสิ”
“โจรมันจะมาขึ้นบ้านเรารึขอรับ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ท่านขุนจะไม่แจ้งตำรวจให้มาล้อมจับมันรึขอรับ”
“ไม่” น้ำเสียงขุนภักดีเด็ดเดี่ยวนัก
“แปลว่าท่านจะสู้กับมันตามลำพังรึขอรับ”
“ใช่”
“ทำไมท่านจึงทราบว่ามันจะมาปล้นบ้านเราขอรับ”
ขุนภักดีชักปืนออกมา “ถ้าไม่อยากตายรีบหุบปาก”
เอกรีบหุบปากงงไม่หาย แต่ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องร้ายของเนียน แอบดีใจว่าท่านขุนกลับไป
เนียนจะได้ปลอดภัยจึงเดินตามหลังท่านขุนไปต้อยๆ แต่ไม่วายพึมพำ
“กลับบ้านก็ดี เผื่อใครลอบคิดมิดีมิร้ายกับคุณเนียน ยิ่งเดือนมืดๆ อยู่” แล้วนึกได้ “แล้วใครจะกลับมาเอาเรือที่จอดซุ่มอยู่ขอรับ”
“เอ็งไงล่ะ รอให้ข้าจับโจรให้แล้วเสร็จก่อนเถิด เอ็งก็ว่ายน้ำไปพายเรือ กลับบ้าน”

ฝ่ายหนักลอบซ่อนอยู่ในเรือริมท่าน้ำจุดที่รกๆ คอยจังหวะ
เนียนเหลียวมองดวงจันทร์บนฟ้า ยินเสียงระฆังจากโบสถ์บอกเวลา ยามหนึ่ง
“ยามหนึ่ง”
เนียน กระวีกระวาดหันกลับจากหน้าต่าง

ด้านสนกับช้อยซุบซิบกันอยู่ที่เรือน
“นางตัวเสนียดมันลงจากเรือนแล้วรึ”
“เจ้าค่ะ ไปลอบจับผิดมันกันเถิดเจ้าค่ะ”
สนกับช้อยยิ้มดีใจที่สุด พากันไป

ส่วนที่ท่าน้ำ เห็นแสงไฟแว้บๆ สามทีบอกสัญญาณ เนียนก้าวออกมาจากเงามืดมาชะเง้อหา แล้วเห็นหนักไต่ขึ้นมาจากใต้ท่าน้ำตัวเปียกปอน
“พี่หนัก”
“เนียน”
สองพี่น้องโผกอดกัน

ขุนภักดีกับเอกตะลึงงัน นิ่งกันไป
“เมียกูคบชู้” ขุนภักดีคำราม แค้นแทบคลั่ง “อีเนียนสวมเขาให้กู”
“อะไรกันนี่ ไม่จริง”
ขุนภักดีผวาออกไป เอกรั้งไว้
“กูจะไปฆ่ามัน ให้ตายตกไปตามกัน”
“อย่าวู่วามขอรับ อาจไม่ใช่อย่างที่เห็น ลองฟังเขาพูดกันก่อนสิขอรับ”
“มันกอดกันจนตัวกลม ไม่ใช่ชู้แล้วหมาที่ไหนมากอดกัน”
“รึว่าเขาอาจเป็นญาติกันขอรับ” เอกบอก
“นี่มึงเข้าข้างมัน รึว่ามึงอยากเป็นชู้กับมันอีกคน”
เอกยกมือท่วมหัว ขุนภักดีชักปืนออกมา สนปราดมายกมือไหว้ก้มลงกราบ
“อย่าค่ะพี่ขุน อย่าฆ่าคนพี่ขุนจะติดคุก แล้วลูกสนกับลูกคุณเรียมจะกำพร้าพ่อ ถ้าพี่ขุนอยากลงโทษ ฆ่าไอ้ชู้คนเดียวไม่ผิดดอกเพราะมันเป็นโจร ส่วนเนียนพี่ขุนบอกว่าจะโบยด้วยแส้ม้าไงคะ”
เอกตกใจ “คุณสน”
ขุนภักดีชะงักมือ
“สนไปเอาแส้ม้ามา พี่จะจัดการไอ้ชู้โจรนั่นให้ตายคามือพี่ ส่วนอีผู้หญิง พี่จะโบยมันให้สาสม”
“ท่านขุน” เอกยิ่งตกใจ

สนยิ้มในสีหน้า วิ่งตื๊อออกไปทันที เอกสงสารเนียน ระแวงสนมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ท่านขุนเล็งปืนไปที่หนัก

ฟากเนียนกับหนักพูดคุยกันเบาๆ จับความได้ไม่ถนัดนัก หน้าตาก็เห็นกันมัวๆ เพราะอยู่ในที่มืด

“พี่มาหาเนียนเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพี่ไม่ต้องการให้เนียนเดือดร้อน ยิ่งตอนนี้เนียนกำลังท้องไส้ ยิ่งต้องระวังตัวให้ดี จากคนที่มันจ้องปองร้าย” หนักบอกน้อง
“ถ้าพี่หนักหมายถึงคุณสน ตอนนี้เธอไม่ยุ่งกับเนียนดอก เธอกำลังมีความสุขมากเพราะเธอมีลูกชายให้พี่ขุน” เนียนยังมองโลกในแง่ดีเช่นเคย
“นางคนเลวมันมีลูก ก็ไหนไอ้..เหิม” หนักพูดเบามาก เหมือนบอกกับตัวเอง “บอกว่า...”
เสียงเหิมดังก้องขึ้นมาในหัวหู
“แม่สนเธอแค้นใจที่ท่านขุนหลงเมียใหม่ไม่มาหาสองเดือนกว่า จึงต้องจ้างคนไปข่มขืนมันซะ”
เนียนรีบส่งสร้อยยัดใส่กระเป๋าเสื้อให้หนัก
“พี่หนักรีบไปเถิดเอาสร้อยนี่ไปด้วย เผื่อแดงน้อยเจ็บไข้อีก”
หนักส่ายหน้า
“พอแล้ว เนียนจ๊ะพี่มีอะไรจะบอก พี่จะพาแดงน้อยไปอยู่...”
แต่ยังไม่ทันไร เสียงปืนนัดหนึ่งก็ดังขึ้น เฉียดหนักไปเฉียดฉิว พร้อมกับการปรากฏตัวของขุนภักดี
หนักกับเนียนสะดุ้ง เพราะหนักโดนปืนถากหัวไหล่ไป
“ไอ้เสือหนักไอ้โจรห้าร้อย มึงเป็นชู้กับเมียกูมึงตายเสียเถิด”
เนียนตกใจ “ไม่นะ พี่หนัก โธ่ พี่หนัก”
หนักใจหาย “เนียน เนียนพี่ขอโทษ พี่ไม่ควรมา”
“ไม่ต้องห่วงเนียน รีบหนีไปพี่หนัก”
เนียนผลักหนักลงน้ำไป พลางชะโงกตามไปดูอย่างห่วงใยพี่ชาย
ขุนภักดีปราดมาจิกหัวเนียนกระชากไว้ อีกมือลั่นไกใส่หนักที่หายเงียบไปใต้น้ำแล้ว
“อีเนียนอีนางเสนียด มึงกลัวชู้จะตายมากกว่ากลัวกูจะฆ่ามึงใช่ไหม”
ขุนภักดีแค้นจัด กระหน่ำยิงจนกระสุนหมด เอกตามมาติดๆ มองเนียนไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“ไม่จริง ไม่จริง”
“ไอ้เอก ระดมคนของเราไปควานเอาตัวมันมา มันโดนปืนกูไปแล้ว”
“เอ้อ...”
“กูบอกให้มึงไป”
เอกจำใจรับคำแล้วออกไป ท่านขุนเหวี่ยงเนียนลงไปกองที่พื้นแล้วดึงมาตบตีไม่ยั้ง
สนพรวดมาพร้อมแส้ม้าส่งให้ ทำทีเป็นสงสารเนียน
“พี่ขุนขา อย่าลงมือลงไม้กับเนียน เนียนจะช้ำในตาย ลูกเสือหนักในท้องก็บอบช้ำแย่ นี่ค่ะแส้ม้า โบยระวังระวังนะคะหน้าสวยๆ จะเสียโฉม”
ขุนภักดีกระชากแส้ม้ามาแล้วฟาดเนียนไม่ยั้ง เนียนล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นท่าน้ำ เอามือกุมกั้นท้องไว้

เรียมตกใจเสียงปืนจนสะดุ้งตื่นมาแล้ว
“เสียงปืน อะไรกันนี่ ใครยิงปืน”
เรียมลุกวิ่งเซซังแทบละล้มออกมาจากห้อง

แส้ม้าฟาดลงมากลางหลังเนียนและตามลำตัวไม่ยั้ง เนียนสะอื้นไห้ เจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายแต่ไม่ร้องขอให้หยุด
ขุนภักดีแค้นมากทั้งด่าทั้งฟาดแส้กระหน่ำลงไป
สองหญิงชั่วใจบาปช้า สนกับช้อยยืนมองยิ้มระรื่นสบตากัน
พวกบ่าวไพร่ในบ้านยืนตะลึงมองแอบซุบซิบตื่นเต้น
“อีนางคนชั่ว เสียแรงกูเชิดชูยกย่องมึง มึงกลับเนรคุณทรยศกู มึงเอาแหวนเอาสร้อยที่กูให้ไปเลี้ยงชู้กับลูกชู้ มึงมีอะไรจะแก้ตัวกับกูไหม”
เนียนส่ายหน้าร้องไห้สถานเดียว
“กูจะตีมึงให้ตาย มึงจะว่ายังไง”
“แล้วแต่ท่านเถิดเจ้าค่ะ เนียนไม่มีคำแก้ตัว เนียนยอมรับผิดที่มีลูกมีผัวมาก่อน”
“นางคนถ่อย นี่มึงจะป้ายสีว่าที่แท้กูต่างหากที่เป็นชู้ไม่ใช่ไอ้เสือหนัก ตายซะเถิดมึง”
สนกับช้อยสบตากัน
“ได้เวลาแสดงลิเกบทนางเอกแล้วเจ้าค่ะ คุณสน”
สนผวาไปกอดขาท่านขุนร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่ขุนขาอย่าตีเนียนอีกเลย ตีเนียนก็เท่ากับตีลูกเสือหนักในท้องด้วย เด็กมันๆ ไม่รู้เรื่องนะคะพี่ขุน”
“ถอยไปนะสน พี่จะตีมันให้ตาย หาไม่สนจะพลอยโดนไปด้วย”
สนทำทีผวาไปกันเนียนไว้
“เนียนจ๋า โถ เจ็บมากไหม โถ ช่างน่าสงสาร”
ขุนภักเงื้อแส้ค้าง ดึงแขนสนออกมาเหวี่ยงไปที่ช้อย
“นางช้อยเอานายของเอ็งไป อย่าให้มาขวางทางแส้ของข้า เฮ้ยพวกเอ็งช่วยกันมัดนางคนถ่อยนี่อย่าให้มันหนี..มันดิ้นหลุดแส้ม้าของข้าไปได้”
ทุกคนไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ จากนั้นท่านขุนก็โบยแส้ใส่เนียนอีก
ช้อยกระซิบบอกบทราวกับผู้กำกับมือทอง “เล่นต่อเจ้าค่ะ คุณสน”
สนร้องโวยวายขึ้นมา “คุณเรียม ต้องไปบอกคุณเรียมให้มาช่วยเนียน”
สนวิ่งอ้าวออกไป ทางนี้ยังตีกันนัวอยู่

ด้านหนักว่ายน้ำหนีมามีเลือดเปรอะที่แขน น้ำรอบตัวเป็นสีแดง เห็นแสงฉายกราดมาจากเรือ ผ่านเฉียดมาใกล้หนักซึ่งรีบดำน้ำมุดลงไป
เอกกับพวกในเรือ กวาดตามองเข้าที่น้ำสีแดงเป็นวง เอกนิ่งอึ้ง หนักรีบแอบใต้ท่าน้ำ
“ปล่อยข้าลงโค้งนี้แหละ พวกเราพายเรือไปหามันด้านโน้น” เอกเอ่ยขึ้น
“แล้วไอ้เสือหนักเล่า”
“เมื่อกี้ข้าฉายไฟ ไปข้าเห็นเป็นสีแดงอยู่ทางโน้น พวกเอ็งรีบไปเอาตัวมันใส่เรือไปส่งตำรวจ” เอกบอกอีก
“แล้วพี่เล่า”
“ก็เจอมันแล้วนี่ หมดหน้าที่ข้า ข้าจะพายเรือที่ท่านขุนมาแอบไว้กลับไปรายงานท่านขุน”
ลูกน้องคนอื่นพายเรือพายออกไป เอกขึ้นท่าน้ำ ยกไฟฉายส่องไปที่ใต้ท่าน้ำ เห็นน้ำเป็นสีแดง
“อาน้อมขอรับ กระผมทำหน้าที่ที่อาฝากฝังไว้อย่างเต็มความสามารถ แต่กระผมไม่อาจช่วยคุณเนียนได้ ขอให้กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นจงตามทันในชาตินี้ด้วยเถิด ยังไงกระผมก็ไม่เชื่อว่าคุณเนียนคบชู้”
มีเสียงถอนใจเฮือกมาจากใต้ท่าน้ำ
“ใครก็ตามที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นชู้ของคุณเนียน ขอจงรับรู้ไว้ด้วย นับแต่นี้ต่อไปชีวิตคุณเนียนเหมือนตกนรกทั้งเป็นแน่”
มีเสียงเหมือนสะอื้นออกมาจากใต้ท่าน้ำแต่เบามาก เอกถอนใจ ปลดเชือกพายเรือออกจากท่าไป
ครู่ต่อมาหนักโผล่หัว ลอยคอขึ้นมาหายใจเต็มที่ข้างท่าน้ำพึมพำเบาไ
“อย่างน้อยในโลกนี้ก็ยังมีคนมีน้ำใจหลงเหลืออยู่ ขอบคุณเหลือเกิน มีโอกาสจะตอบแทนให้สาสม เนียนจ๋าพี่ขอโทษ พี่ทำลายชีวิตน้องพังยับเยินเสียแล้ว”
หนักน้ำตาไหลพราก สงสารน้องสาวจับจิต

เรียมออกจากห้องมา ยืนละล้าละลัง หาใครไม่เจอสักคน
“หายไปไหนกันหมด เนียน เนียน”
สนกับช้อยวิ่งอ้าวมา สองคนที่ยิ้มย่อง รีบเปลี่ยนเป็นตีหน้าเศร้า
“คุณเรียมขา ช่วยเนียนด้วยค่ะ”
“เนียนเป็นอะไร” เรียมตกใจ
“มีชู้เจ้าค่ะ” ช้อยบอกน้ำเสียงสะใจนัก
เรียมตกใจมากขึ้น “อะไรนะ”
“เนียนนัดชู้มาเอาสร้อยไปเลี้ยงลูกเนียนกับชู้ค่ะ”
“เหลวไหลแล้วสน”
ช้อยรีบเสริม “คุณสนไม่ได้เหลวไหลนะเจ้าคะ ท่านขุนเห็นกับตาเจ้าค่ะ”
“ได้ยินกับหูว่าชู้นั่นคือไอ้เสือหนัก”
เรียมทำท่าจะเป็นลม
“นี่มันอะไรกัน เป็นไปไม่ได้ เนียนไม่ใช่คนเช่นนั้น และไม่มีวันประพฤติอย่างนั้น”
สนกะช้อยสบตากัน
“เอาเถิดค่ะ เนียนจะเป็นหรือไม่เป็น ตอนนี้คุณเรียมไปช่วยชีวิตเนียนก่อนเถิดค่ะ พี่ขุนกำลังโบยเนียนด้วยแส้ม้า
เลือดอาบไปทั้งตัว” สนสะใจมรสีหน้าเศร้านั้น
“เนียน” เรียมแทบทรุด
“สนพยายามห้ามแล้วนะคะ พลอยโดนหางเข้าไปด้วย จะมีก็แต่คุณเรียมคนเดียวที่พอจะห้ามพี่ขุนได้ สนสงสารเนียนจนน้ำตาร่วงดูสิคะ”
เรียมมองไปสนน้ำตาร่วงจริงดังว่า
“พี่ขุนถ้าลองโมโหร้ายขึ้นมา ช้างม้าที่ไหนก็เอาไม่อยู่ ช้อยรีบไปตามคุณแม่ที่วัดมาด่วน”
สนมองหน้าช้อยพยักหน้ากระซิบเบาๆ
“ช้าๆ ไปถ่วงๆ”
ช้อยกระซิบตอบ “พานางเรียมไปไวๆ ให้มันแท้งลูกเจ้าค่ะ”
ช้อยวิ่งออกไป สนดึงแขนเรียม
“เดี๋ยวสน พี่เทพสั่งชั้นห้ามลงจากเรือน เขากลัวชั้นแท้งลูก”
“แต่ถ้าคุณเรียมไปไม่ทัน เนียนกับลูกตายคาแส้พี่ขุนแน่ ค่ะ แล้วพี่ขุนก็จะกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าเมียตาย แค่เมียมีชู้ก็อับอายมากพอแล้ว ยังต้องกลายเป็นฆาตกรอีก”
เรียมจำใจพยักหน้าตามสน
“อย่าฉุดสิสน เดี๋ยวชั้นหกล้ม”

สนนำหน้า เรียมเดินอุ้ยอ้ายตามหลังพยายามก้วให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

โปรดติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 5 (ต่อ) เวลา 17.00 น.

ด้านช้อยบ่าวใจอำมหิต เดินเอ้อระเหย ถือไฟฉายร่ายรำ ร้องลิเกไปฉายไฟกราดไปมาตามมือ ท่าทีมีความสุขมาก

ขุนภักดียังคงฟาดเนียนต่อจนบัดนี้แทบจะแน่นิ่งไป บ่าวไพร่ต่างพากันเบือนหน้าหนี เริ่มสงสารเนียน
สีหน้าท่านขุนเองก็เริ่มใจอ่อนมาวูบหนึ่ง จิกหัวเนียนขึ้นมา
“สบตากู แล้วสารภาพมาว่าไอ้เสือหนักมันคือชู้ของมึงใช่ไหม”
เนียนส่ายหน้า
“แล้วมันเป็นอะไรกับมึง”
เนียนส่ายหน้าอีก ขุนภักดีโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีก เหวี่ยงร่างเนียนลงไปฟุบเงื้อแส้เตรียมฟาด เรียมผวามากอดแขนไว้
“พี่เทพขาพอที ค่ะ”
“เรียม ออกมาทำไม”
“ออกมาห้ามพี่ขุนสิคะ” สนว่า
“ค่ะ เรียมออกมาห้ามพี่เทพ ได้โปรดเถิดค่ะ พอที ค่ะ เนียนเลือดซิบบอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว ห่วงเด็กในท้องของเนียนบ้างสิคะ”
“มันเป็นลูกชู้ ลูกเสือลูกตะเข้ เกิดออกมาก็เลวเหมือนพ่อเหมือนแม่มัน อย่ามาห้าม อย่ามาขอร้องพี่ ระวังตัวเรียมให้ดีเถิด ขัดคำสั่งพี่แบบนี้ ถ้าลูกพี่มีอันเป็นไป ต้องเป็นเพราะเรียมไม่ดูแลลูกพี่ให้ดี พี่จะถือเป็นความผิดของเรียม และเราคงต้องขาดกัน” ขุนภักดีตวาดลั่น “ถอยไป สนเอาเรียมออกไป”
สนทำทีเป็นดึงเรียมออกไป เรียมร้องไห้โฮ
“เนียน ไม่จริงใช่ไหม บอกพี่เทพไปว่าไม่จริง”
เนียนส่ายหน้าร้องไห้ไม่พูด
“มันไม่กล้าปฎิเสธ เห็นรึยัง นางตัวดี เอ็งมันเลวชนิดที่เกิดมาไม่เคยเห็นใครเลวเท่าเอ็ง”
“เนียน ไม่ควรเล๊ย น่าจะบอกท่านขุนแต่แรกว่าเนียนถูกจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมา” สนใส่ไฟต่อ
“พอแล้วสน ทำไมช้อยยังไม่ไปตามคุณแม่มาสักที”
ขุนภักดีหันมาตีเนียนต่อไป มีเรียมยืนร้องไห้มองดูอย่างเวทนา

คนจะฆ่ากันตายแล้ว ช้อย ยังคงนั่งร้องลิเกทำท่าทำทางไปมา สลับหัวเราะไม่มีทีท่าว่าจะถึงวัด
“อีเนียนตายแน่ อีเนียนตายแน่”

ด้านเอกกำลังพาทองจันทร์ แมว และกบกลับมาบ้าน
“สรุปที่เอ็งเล่ามาตั้งแต่ไปตามข้ามาจากวัดจนสมาธิข้าขาดกระจุยกระจายนั่นมันจริงรึ”
“กระผมไม่เชื่อว่าจริง แต่ท่านขุนกับคุณสนเชื่อว่าจริงขอรับ”
“ข้าก็ไม่เชื่อว่าจริง ดีแล้วที่คุณเรียมให้เอ็งมาตามข้า”
“กระผมมาตามเองขอรับ กระผมกลัวจะไม่ทันการ ตอนที่กระผมมานั่นท่านขุนเริ่มโบยคุณเนียนแล้วนะขอรับ”
เสียงร้องลิเกดังใกล้มา ทุกคนมองมาหน้ากัน
“ลิเกหลงโรงที่ไหน” กบมองไป
“นั่นไงนางอิจฉากำลังมาโน่น” แมวบุ้ยใบ้
ช้อยกำลังเดินวนเวียนร่ายรำร้องลิเกมาอย่างเบิกบาน
ทองจันทร์สุดจะหมั่นไส้ “นางช้อย”
ช้อยสะดุ้ง คาดไม่ถึง “ว๊าย คุณท่าน”
“เอ็งมาทำบ้าทำบอคอโป่งอะไรแถวนี้”
“ใครให้มาตามคุณท่านใช่ไหม”
“เอ้อ...”
“ทำไมเอ็งไม่รีบไปตาม เอ็งเจตนาหน่วงเวลาใช่ไหม เอ็งตกนรก ตัวเป็นคนหน้าเป็นหมา” ทองจันทร์ด่า
“ว๊าย”
ทองรีบเดินจ้ำอ้าว แมวกับกบรีบตาม เอกเดินมากระซิบด่า
“เคยได้ยินเรื่องธนูไฟของค่ายบางระจันไหม นั่นแหละเวรกรรมมันจะมาไว ทั้งไฟทั้งกรรมติดปลายธนูมาทีเดียว คนอะไรไม่สวยแถมใจดำชาตินี้หาผัวไม่ได้นอกจากผัวจำเป็นผัวจำใจ ผัวยัดเยียด”
“ว๊าย”

ฝ่ายขุนภักดี โบยเนียนแต่ชะงักค้างมีเสียงทองจันทร์ดังลั่นขึ้นมา
“หยุดนะ”
บ่าวทุกคนหันไปมอง ท่าทีตื่นเต้น
“คุณท่าน”
“คุณแม่” เรียมพูดขึ้นมาไล่ๆ กันกับสน
“คุณแม่”
“คุณแม่ มาดูผมลงโทษนางเสนียดกาลกิณีใช่ไหมครับ มันทำให้วงศ์ตระกูลภักดีภูบาลของเราเสื่อมเสีย”
“แต่พ่อเทพกำลังจะทำตัวเป็นฆาตกร แม่บอกให้หยุด จะมาเฆี่ยนตีกันถึงเพียงนี้ไม่ได้นะ” ทองจันทร์เสียงเขียว
“ก็ทีมันทำผมเสียหายป่นปี้ พวกเราทั้งบ้านต้องเอาปิ๊บคลุมหัวเดินกันนั่นเล่าครับ คุณแม่ นางผู้หญิงถ่อยแพศยาคบชู้ ผมเอาไว้ไม่ได้ มันเป็นนางแพศยา”
สนสอดขึ้น “เนียนก็ไม่น่าเล๊ย เอาแหวนกับสร้อยของพี่ขุนไปให้มันทำไมก็ไม่รู้ มันเป็นเสือเป็นสาง มันไปปล้นที่ไหนกินได้ถมไป”
ทองจันทร์เหลียวขวับมา “เดี๋ยวแม่สนเสือสางอะไรกันเล่า”
“ก็ ชู้ของเนียนคือไอ้เสือหนักไงคะ คุณแม่”
“ว่ากระไรนะ แม่อยากจะเป็นลม” ทองจันทร์ใจสั่น
“ครับ ผมเป็นชู้เมียไอ้เสือหนักมีลูกด้วยกันแล้วมาหลอกผมว่าบริสุทธิ์ผุดผาด มันมายืนกอดกันให้ของกันตรงนี้ผมเห็นกับตา”
ทองจันทร์ไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วได้ยินมันเอ่ยว่าเป็นผัวเมียกันมีลูกด้วยกันรึ รึว่าฟังใครเหมาเอาเอง” ทองจันทร์หันมามองหน้าสนกับช้อย “ว่าอย่างไรเนียน เอ่ยปากออกมาสิว่าไอ้เสือหนักหรือเปล่า ที่เข้ามาหาเนียน แล้วมันเป็นผัวเนียนมีลูกด้วยกันรึ”
เนียนน้ำตาร่วงพรูส่ายหน้า
“เนียนบอกไม่ได้เจ้าค่ะ เนียนพูดไม่ได้ ฆ่าเนียนให้ตายก็พูดไม่ได้เจ้าค่ะ”
ขุนภักดีนึกว่าเนียนปกป้องหนัก ปรี๊ดแตกเงื้อแส้ในมือ
“ถ้าเช่นนั้นมึงจงตายเสียเถิด”
“หยุดนะ พ่อเทพ นี่แม่สั่ง พ่อเทพลืมแล้วรึ ว่าไอ้ประวัติแส้ม้านี่มันมีมาเช่นไร ถ้าไม่ไตร่ตรองให้ดี จะมีคนไม่ผิดโดนลงอาญา กว่าจะรู้ความจริงก็เนิ่นนานจนเสียการไปหมดสิ้นแล้ว”
ขุนภักดีชะงักกึก ท่านเหตุการณ์ตอนตัวเองโดนเจ้าพระยาหวดด้วยแส้ พร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นชู้กับเมียน้อย ภาพนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง

ขุนภักดีค้างมือไม่ได้ฟาดแส้ลงไป
“ไอ้เอกมันเป็นพยานได้ เกิดมาไม่เคยต้องอับอายขนาดนี้มาก่อนพรุ่งนี้ที่ตลาดต้องลือให้แซด ว่าเมียขุนภักดีมีชู้เป็นโจรหนีตะราง คุณแม่ก็เห็นว่ามันแข็งแค่ไหน ถามเท่าไหร่ไม่ยอมบอกว่าใช่ไอ้เสือหนักไหม ว่าชู้มันไหม ถ้ามันไม่ตายผมนี่แหละต้องอกแตกตายเพราะใจมันแค้นจนอกระเบิด”
“พ่อเทพ น่ะ วูบวาบโมโหร้าย จนลืมยั้งคิด พ่อเทพฆ่าเนียนก็เท่ากับฆ่าสองชีวิต ไม่ว่าชีวิตอีกหนึ่งจะลูกใคร เขาก็คือชีวิต พ่อเทพไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินลงอาญาเขา วันนี้วันพระ แม่เพิ่งไปสวดมนต์รักษาศีลห้ามา พ่อเทพยกให้แม่สักข้อเถิด อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตวันนี้ ส่งแส้ม้ามาให้แม่สิ พ่อเทพส่งมา”
สองแม่ลูกสบตากัน ที่สุดขุนภักดีเป็นฝ่ายแพ้ ส่งแส้ม้าให้มารดา แต่สั่งเสียงเข้ม
“เห็นแก่คุณแม่ นางแพศยาจึงรอดตาย จำไว้ ห้ามใครเอามันขึ้นไปบนเรือนข้าเด็ดขาด”
“แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนกันเล่าคะ พี่เทพ” เรียมใจหาย
“มันมาจากไหนมันก็อยู่อย่างที่มันเคยอยู่ ในคอกหมูคอกหมาเล้าไก่ทำไมคนอย่างมันจะอยู่ไม่ได้”
ขุนภักดีเดินไปจิกหัวเนียนหงายขึ้น
“อีเนียน กูปลดมึงจากเมียไปเป็นขี้ข้า เลี้ยงหมู ทำงานเยี่ยงทาสที่หลังบ้านถ้ากูไม่ได้สั่งมึงอย่ามาสะเออะผ่านเรือนกูเด็ดขาด จำไว้”
แล้วท่านขุนก็กดหัวเนียนลงกับพื้นเดินหนีไปทันที
“แม่เรียมไอ้เอกมาช่วยกันแก้มัดเนียนไวไวเข้า”
“อย่านะเรียม ขาดกันวันนี้ทีเดียว” ขุนภักดีหันมา
เรียมชะงักยืนน้ำตาซึม
“นางกบนางแมว อย่าเซ่อ รีบมาแก้มัดคุณเนียน”
ท่านขุนยังไม่วายหันมา
“อีเนียน อย่าให้กูได้ยินว่าใครยกย่องเรียกมันว่าคุณอีก กูจะตัดลิ้นซะ”

เนียนฟังแล้วหัวใจสลาย สะอื้นไห้ใจแทบขาด สนกับช้อยแอบบีบมือกันแน่นดีอกดีใจ

ร่างบอบช้ำของเนียนถูกพามาอยู่ห้องพักเป็นกระท่อมเล็กๆ หลังเรือนใหญ่ ติดเล้าหมู ห่างไกลจากผู้คน เนียนเอาแต่น้ำตาไหลพรากเป็นห่วงหนักที่โดนยิงไม่รู้เป็นอย่างไร
 
ภาพหนักโดนยิงจนทรุด แล้วเนียนผลักให้กระโจนลงน้ำเลือดสาด ผุดขึ้นมาหลอกหลอน

เนียนครวญคราง
“โธ่…”
เรียมช่วยทายาให้
“โธ่เอ๊ยเนียน แตกลายไปทั้งตัว พี่เห็นแล้วใจแป้วไปหมด”
“อย่าเอาแต่ร้องไห้สิมีอะไรปิดบังไว้ในใจเอ่ยออกมา จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา” เอกปลอบ
แต่เนียนก็ยังส่ายหน้าแถมร้องไห้ดังมากขึ้น
“เนียนเป็นคนมีกรรม เนียนพูดออกไป ก็ได้ข้างหนึ่งแต่เสียอีกข้างหนึ่ง เนียนยอมทนรับกรรมเพียงลำพังดีที่สุด เนียนขอบพระคุณที่ทุกคนเห็นใจเนียน สงสารเนียน เพียงแค่นี้เนียนก็ซาบซึ้งว่ายังมีคนเมตตาคนชั่วช้าเช่นเนียน”
“มันจะยากเย็นอะไรหนักหนา ถ้าเนียนจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ใช่เสือหนักไหม”
“คุณนายเรียมขอรับ กระผมขอบอกตามตรง ว่าหน้าตาของเขากระผมกับท่านขุนก็แทบไม่เห็นมันมืดมาก คำพูดที่พูดกันก็แทบไม่ได้ยินเพราะมันเบามาก กระผมมั่นใจว่ามีอะไรบางอย่างแอบแฝง จนเนียนไม่ยอมบอกความจริง กระผมไม่เชื่อว่าเนียนมีชู้” เอกมั่นใจนัก
“พี่ก็ไม่เชื่อว่าเนียนมีชู้ ใครกันนะมาบังคับไม่ให้เนียนเอ่ยปากบอกความจริง”
“บอกมาว่าหมาตัวไหน พี่จะไปสาวไส้มันให้กากิน” เอกแค้นแทน
“พอที ยุติเรื่องนี้ทีเถิดพี่เอก คุณรียมขา ใครมาดีกับเนียนมากๆ คนนั้นจะมีอันตรายค่ะ”
สองคนอึ้งไป

ทองจันทร์นั่งใช้ความคิดอยู่บนเรือน ไม่อยากจะเชื่อเรื่องเนียน
“มันเป็นไปได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ดอก”
จู่ๆ สนกับช้อยพากันออกมาจากห้องของเนียน
“นั่นแม่สนกับนางช้อยเข้าไปทำอะไรในห้องของเนียน”
“สนสงสารเนียนกลัวจะไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ สนก็เลยให้ช้อยมันมาเอาไปให้เนียนค่ะคุณแม่” สนทำทีเป็นซับน้ำตา
ขุนภักดีออกมาจากห้องพอดี
“เอาไปสับทิ้งให้หมด เงินข้าทั้งนั้นที่ซื้อให้มัน”
“โถ! พี่ขุนขา”
ขุนภักดีกระชากเสื้อมาจากมือช้อย โยนลงเรือนไป
“แม่สนจ้ะ นางช้อยด้วย ข้าว่า อย่าเพิ่งมาเมตตาปราณีอะไรกันตอนนี้จะดีกว่าเพราะมันดูจะคล้ายประสงค์ร้ายยังไงชอบกล นะยะ” ทองจันทร์เหมือนจะรู้ทัน
สนยกมือไหว้ “สนขอโทษค่ะ คุณแม่ สนก็แค่เห็นอกเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน”
ขุนภักดีอารมณ์ขุ่น เดินหายไปในห้อง ปิดประตูกระแทกดังปัง

เนียนนอนซบหน้าแนบหมอนเก่าๆ น้ำตาไหลซึม นึกถึงภาพอดีต ในวันที่มาพบสบตาขุนภักดีวันแรก
เนียนปาดน้ำตา ปวดร้าวในใจ

ขุนภักดีนั่งนิ่งเสียใจเจ็บใจไม่หายทั้งรักทั้งแค้นแน่นอกไปหมด จึงเอาแส้ฟาดๆ ๆ ระบายลงไปใส่ข้าวของในห้องตกแตกกระจาย ภาพที่ตนแสดงความรักใคร่เนียน โอบประคองเนียน ก็ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ขุนภักดีคิดแล้วก็ยิ่งแค้น เหวี่ยงแส้ลงกับพื้น มายืนหอบ
“ทำไม ทำไม จะให้รักมากมายแค่ ไหนกัน ถึงจะจงรักภักดีไม่ไปมีชู้ ช่างไม่รู้บ้างหรืออย่างไรว่ารักกว่าใครๆ ในบ้านนี้ทั้งสิ้น ทำไมต้องทำให้พี่เจ็บพี่อาย พี่เสียหายถึงเพียงนี้ ทำไม ทำไมๆๆๆ”
ขุนภักดีตะโกนดังลั่นบ้าน แถมเตะเอาแจกันแก้วที่ตกพื้นจนเท้าเลือดสาด
ทองจันทร์กับเรียมเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“พี่เทพ ตายแล้ว เท้าพี่เทพ”
“พ่อเทพ ระงับอกระงับใจเรื่องแค้นนั่นไว้บ้าง ดูสิห้องหับพังพินาศหมดแล้ว”
“เรียมจะไปเอายามาทำแผลให้นะคะ”
“ไม่ต้องแผลที่นี่มันนิดเดียว แต่แผลที่นี่สิ มันยิ่งใหญ่สุดประมาณ ผู้หญิง หนอผู้หญิง ช่างปลิ้นปล้อนสิ้นดี”
“พี่เทพขา เรียมเอ้อ...”
เรียมจะเอ่ยเรื่องเนียน แต่พูดไม่ทันจบคำ ขุนภักดีก็สวนออกมา “ออกไปเลยเรียม อย่าได้มาเอ่ยถึงนางกากีนั่นอีก คุณแม่ก็ด้วย ผมให้ชีวิต มันแก่คุณแม่แล้ว ขอเถิดอย่ามาทำให้ผมคลั่งมากกว่านี้อีกได้โปรดเถิดครับ”
ทองจันทร์พยักหน้ากับเรียม สองคนประคองกันถอยออกไป ขุนภักดีนั่งแปะอยู่บนเตียง เอามือกุมขมับ ปวดร้าวชอกช้ำหนัก
“กูจะต้องไม่อกหักเพราะนางทรยศนั่นเด็ดขาด”
แต่ท่าทีขุนภักดีกลับเสียใจมากมาย ไม่เป็นดังคำพูดตน

ขณะที่เนียนกำลังนั่งหั่นหยวกกล้วย แต่งตัวทรุดโทรมหมาราศี หน้าตาอิดโรย ยายอ่อนเลียบเคียงเข้ามาหา
“คุณเนียนจ๊ะ”
“ยายอ่อน เอ้อ อย่าเรียกเนียนว่าคุณ ยายอ่อนจะมีอันตรายจ้ะ”
“เมื่อวันก่อนที่เกิดเรื่อง ยายไม่อยู่ กลับไปหาลูกชาย กลับมาตกใจหมดเลยจ้ะ คุณเอ้อ...แม่เนียน ยายเชื่อว่ามีคนป้ายสีแม่เนียนนะจ๊ะ”
“ไม่มีใครป้ายสีเนียนดอกจ้ะยาย เนียนทำตัวเนียนเองทั้งนั้น”
“คนบางคนนั่นสิคะพยายามทำคนอื่นเสมอ พูดก็พูดเถิด” ยายอ่อนกระซิบ “ฟังแล้วเหยียบนะ คือว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะท้องสิบสองเดือนดอก”
เนียนร้องห้าม “ยาย พอเถิด”
“ยายเองก็ต้องระวังตัวแจ ก็ไอ้เรื่อง ยาหม้อบำรุงเลือดลมวันก่อนน่ะ ใคร้ดันเอายาพิษไปใส่ ยายบอกก็ได้ว่าใครกันแน่”
ช้อยมาถึงพอดี
“ยายอ่อน มาช่วยคนตกทุกข์ได้ยากรึ โถเนียนคนเคยสวยจ้ะ คุณสนฝากขนมมาให้กินจ้ะ เธอว่าเนียนคงจะอดอยากปากแห้ง เธอก็เลยเวทนา”
ช้อยส่งขนมมาให้ เนียนอึ้ง ยายอ่อนส่ายหน้า แล้วแกล้งทำเหมือนปัดมือเนียนให้ของตก ช้อยตาเขียวใส่

ฝ่ายเรียมทุกข์ใจเรื่องเนียนกับขุนภักดี หารืออยู่กับทองจันทร์
“พ่อเทพไม่ยอมออกมาจากห้อง สามวันสามคืนอาหารก็ไม่ยอมแตะ แม่เรียมไม่ไปเคาะเรียกสักหน่อยรึ”
“เรียมไม่กล้าดอกค่ะ คุณแม่ ลูกชายคุณแม่ รักแรงเกลียดแรง เรียมทราบค่ะว่าพี่เทพเสียใจมาก พี่เทพน่ะรักเนียนมากกว่าเรียมกับสนซะอีก”
สนเข้ามาทันได้ยินพอดี แอบไม่พอใจ
“สนทราบค่ะ สนยังแปลกใจ ว่าทำไมพี่ขุนถึงคิดเช่นนั้น เพราะคนที่พี่ขุนสมควรรักมากที่สุดคือคุณเรียม แท้ๆ”
“แล้วอย่างไรจ้ะ จะมีอะไรพิสดารพันลึกมาเล่าสู่กันฟังอีกรึ”
สนยิ้มย่องควักรากไม้นารีพิฆาตออกมาจากชายพก
“สนเจอนี่ค่ะ ในห้องเนียน ตอนที่สนไปหยิบเสื้อผ้ากะว่าจะเอาไปให้เนียนเข้าใส่”
เรียมกับทองจันทร์มองอย่างแปลกใจ
“แล้วมันคืออะไรเล่าแม่สน”
“นั่นสิ เป็นแค่รากไม้รูปร่างคล้ายคน”
“นั่นสิคะ แต่มันซุกอยู่ใต้หมอนของเนียนนะคะ” สนย้ำ
“อ้าว ไหนว่าไปเอาเสื้อผ้า แล้วทำไมไปค้นหมอนเขาได้” ทองจันทร์ซักไซ้
“เอ้อ ก็สน สน จะ หยิบหมอนไปให้เนียนเขาด้วย มันหล่นลงมาสนก็ต๊กกะใจ”
“เลยหยิบกลับเรือนไปงั้นรึ” เรียมย้อนถาม
“ค่ะ สนจะเอาให้ดูวันนั้นแล้ว แต่พี่ขุนกำลังอาละวาด สนกลัวพี่ขุนไปฆ่าเนียนสนจึงเฉยเสีย”
“อนุโมทนาด้วยนะย่ะ ที่ไว้ชีวิตเนียนเอาไว้หลายครั้งหลายคราย่ะ” ทองจันทร์เหน็บ
ขุนภักดีเหมือนได้ยิน เปิดประตูพรวดออกมา
“สนจะมาบอกว่านางเสนียดแพศยานั่น มันทำเสน่ห์ให้พี่หลงใหลได้ปลื้มมันใช่ไหม”
“หัวปักหัวปำเลยแหละค่ะ สนไม่ได้จะมาฟ้องนะคะ สนแค่จะเล่าสู่กันฟัง”
ขุนภักดีโกรธจนตัวสั่นไปหมด
“มันเลวจนผมนึกไม่ถึงจริงๆ คุณแม่ ผมจะไปเฉดหัวมันไปจากบ้านนี้”
“โถพี่ขุนขาอย่าวู่วาม” สนทำเป็นแสนดี
“มันจนตรอกขนาดนั้นยังจะเอากันให้ถึงตาย ดีรึพ่อเทพ”
“พี่เทพต้องการให้เนียนไปจากที่นี่จริงๆ รึ” เรียมจ้องหน้าสามีถาม
“สู้เอาไว้ในสายตาไม่ดีกว่าหรือคะพี่เทพ เฉดหัวไปแล้วไปมีชู้ใหม่อีก พี่เทพจะยิ่งอับอาย ว่าเลี้ยงเมียคนเดียวให้ดีไม่ได้ ปล่อยไปมีชู้ถึงสองถึงสาม” สนว่า
“ไม่ยักรู้ว่าแม่สนเป็นหมอดู รู้อนาคตว่าเนียนจะมีชู้ถึงสามคน” ทองจันทร์ประชด
ขุนภักดีหันกลับไป ปิดประตูดังปัง
“คนก็ล้มจนยืนไม่ขึ้นแล้ว อย่าเหยียบซ้ำเลยนะจ๊ะสน” เรียมบอก
“สนขอโทษค่ะ จะไม่พูดอีกแล้ว ไม่ว่าจะเห็นอะไรไม่ดีตำหูตำตาอีก” สนรับปาก
“ดีแล้วจ้ะ”
สนยกมือไหว้ พอหันหลังกลับ ก็พึมพำกับตัวเองอย่างชิงชังแม่ผัว

“อีแก่ สักวันเถิด”

อาญารัก ตอนที่ 5 (ต่อ)

เวลาผ่านไปอีก วันนี้ที่บ้านหลังหนึ่งในบางกอก ซึ่งอยู่ติดถนน ด้านหน้าทำเป็นร้านค้า ด้านหลังเป็นบ้านพักอาศัยขนาดเล็กๆ ด้านในบ้านหลังนั้น หนักส่งแดงน้อยให้แพร พลางบอกกำชับแพรกับโพล้ง

“ขายอาหารดีที่สุด ไอ้โพล้งเอ็งมันมีฝีมือในการทำอาหารนี่นา”
“ก็ฝีมือแบบชาวบ้าน ใครจะมากินเล่า” โพล้งว่า
“ก็ทดลองทำไปเถิด บังหน้า ว่าไม่ทำมาหากินแต่ดันมีกิน”
“อีกสักหน่อยพอไอ้แดงน้อยโตขึ้นมันเข้าโรงเรียน ข้าจะช่วยเอ็งอีกแรง ข้าก็พอมีฝีมือเรื่องอาหารเหมือนกัน” แพรบอก
“ถามนิดนึงนะพี่หนัก” โพล้งเผลอเรียกชื่อ
“อย่าเรียกข้าชื่อนี้อีก” หนักด่า
“แล้วจะให้เรียกชื่อไร”
“ยังคิดไม่ออก ก็อย่าเอ่ยชื่อสิวะ ไอ้หนักน่ะตายไปแล้ว ท่องให้ขึ้นใจ”
“ถามจริงพี่ ไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้านหลังนี้ นี่มันบางกอก ถึงจะเล็กแต่มันต้องแพงพอสมควร”
หนักส่งหนังสือพิมพ์ให้สองคนอ่าน
แพรกะโพล้งอ่านพาดหัวข่าว “ ปล้นบ้านเศรษฐีบางปลาม้า กวาดไปห้าหมื่น”
สองคนมองหน้าหนักอย่างตื่นเต้น หนักพยักหน้า

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ขุนภักดียังคงยืนอยู่ที่หน้าต่างห้อง มองไปทางหลังบ้าน รำพึงรำพันถึงเนียนไม่เลิก
“ทำไม ทำไม ต้องทำกับพี่ถึงเพียงนี้”
เนียนยังคงทำงานหนัก ตัดกิ่งต้นไม้ ดายหญ้า ให้อาหารหมู จนเนื้อตัวมอมแมมไปหมด

วันต่อมาสนกับช้อยคุยกัน
“ช้อย ข้าทำสารพัดแล้วแต่พี่ขุนกลับไม่เป็นดังที่ข้าต้องการ”
“เป็นสิเจ้าคะ ทูนหัวของช้อย เวลานี้ หาใครใหญ่คับบ้านเท่าคุณสนเป็นไม่มีเดินไปทางไหนบ่าวไพร่หลบตาหลีกห่างกันเป็นแถว”
“แต่พี่ขุนกลับไม่ตื่นเต้นกับข้า ข้าต้องการความรัก ไม่ต้องการแค่ความยิ่งใหญ่เพียงประการเดียว”
“เพราะท่านขุน ยังอาลัยอาวรณ์อีเนียน รวมทั้งอีแก่กับอีเรียม มันก็ไม่ลงให้คุณสน”
“ข้าทนไม่ได้ ที่เห็นพี่ขุนยังแอบรักมันอยู่ นี่ขนาดว่าข้ามีลูกชายนะ”
“นี่ถ้าหากว่าวันใดรู้ว่าไม่ใช่…”
สนตบปากช้อยเต็มแรง
“อีช้อย”
ช้อยยกมือไหว้ขอโทษ
“ช้อยขอโทษเจ้าค่ะ คือช้อยไม่เข้าใจว่าความรักทำไมมันปักอกแล้วไฉนถอนไม่ขึ้น คุณสนยังอยากให้อีเนียนมันตายอยู่อีกไหมเจ้าคะ”
“เอ็งถามทำไม ก็ในเมื่อ เอ็งรู้คำตอบแล้ว”
“เมื่อก่อนเหมือนจะยาก ตอนนี้เหมือนจะง่าย แต่กลับยากกว่าเมื่อก่อนอีกเจ้าค่ะ อีเนียนมันถูกล้อมรอบด้วยมวลหมู่คนรับใช้ ที่รักใคร่มัน แม้กระทั่งไอ้แทน”
“มันจะคลอดเมื่อไหร่”
“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ ท้องมันทั้งโย้ ทั้งย้อย”
สนพยักหน้ารับรู้

วันต่อมาขณะที่ท่านขุนกำลังกินอาหารเช้ากับเรียมและทองจันทร์ กบแมวอยู่ด้วย เรียมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ขุนภักดีกลายเป็นคนเงียบขรึม
“คุณแม่ครับ เรียมจ้ะ พี่ต้องเข้าไปทำงานที่บางกอกสักสามวัน”
“จ้ะ พักนี้พ่อเทพไปทำงานที่บางกอกบ่อยจริงนะ”
“ผมขอไปทำเองแหละครับ คุณแม่ เรียมดูแลตัวเองดีๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่เทพ”
“อย่าลืมที่พี่บอกไว้ ถ้าลูกพี่เป็นอะไร เราขาดกันจริงๆ” ขุนภักดีบอกเสียงเข้ม
“พี่เทพ” เรียมตกใจ
“ไฮ้พ่อเทพ ทำไมถึงจะไปคิดเอาเองอย่างนั้น มันจะเกี่ยวอะไรกับแม่เรียม มันเป็นเรื่องอะไรจะเกิดมันต้องเกิด”
“ผมจะไม่ยอมสูญเสียอะไรอีกแล้วครับ ผมต้องปกป้องของทุกสิ่งที่เป็นของผมไม่ให้หลุดลอย”
“พ่อเทพไม่มีเหตุผล” คุณนายทองจันทร์ตัดพ้อลูกชาย
“คุณแม่ครับ เรื่องของรักของหวง หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ดอกครับ”
ทองกับเรียมมองหน้ากัน
“เอ้อ...พี่เทพคะ ตอนนี้เนียนท้องแก่มากแล้วเรียมอยากให้หยุดทำงานหนักบ้าง”
เท่านั้นเอง ขุนภักดียกสำรับทุ่มโครมลงพื้นเรือนไป

เวลาต่อมาขุนภักดีอยู่ที่ท่าน้ำ โอบ กอด หอม จูบลาเทิดศักดิ์
“ลูกรักของพ่อ ดีใจไหม จะได้น้องอีก...”
สนสอดขึ้นจงใจยั่ว “สองคนจ้ะลูก”
ขุนภักดีปรี๊ดแตก
“หยุดนะสน”
“อุ๊ย สนขอโทษค่ะ คือสนมักมองคนในแง่ดีอยู่เรื่อย”
“ไอ้เอก เอ็งไม่ต้องไป เอ็งอยู่คอยดูแล เอ้อ คุณนายเรียมให้ดี มีอะไรด่วนให้ส่งสายตะแล๊บแก๊บไปที่กระทรวงคลองหลอด”
“ขอรับท่านขุน”
ขุนภักดีก้าวจะลงเรือไป อดมองไปทางหลังบ้านไม่ได้ แล้วจังหวะนั้นขุนภักดีก็ชะงักงัน
เนียนซึ่งท้องโย้ใกล้คลอด หิ้วถังข้าวหมูจนแขนแอ่น กำลังเดินจะไปเล้าหมู เนียนรู้สึกเหมือนมีใครมาแอบมอง

เนียนหันไปแล้วสะดุ้งตกใจ ปล่อยถังข้าวหมูตกพื้น

ขุนภักดีผวาไปนิดหนึ่ง แต่ชะงักไว้ สนกับเอกมองตามไปที่หลังบ้านเห็นเนียน สนแทบจะคลั่ง แต่เอกแอบยิ้ม ขุนภักดีหันกลับโดยพลัน เพราะทิฐิแรงกล้า ก้าวลงเรือไปไม่เอ่ยปากลาใครทั้งสิ้น

“อีเนียน”
เอกลอบยิ้มสะใจ พูดลอยๆ
“ได้ตัวแต่ไม่ได้ใจ นั่นกระไรแท้ๆ นะขอรับ คุณนายสน”
“ไอ้เอก”
เอกเดินหนีไปแล้ว

เนียนกำลังก้มลงโกยข้าวหมูใส่ถัง หันหลังอยู่ สนเดินพรวดๆ มาถึงยกเท้าขึ้น จะถีบเนียนให้คว่ำ ยายอ่อนโผล่มาพอดี
“คุณนายสนจะมาช่วยแม่เนียนเก็บข้าวหมูหรือเจ้าคะ”
สนชะงักเท้า เนียนหันมามอง ตกใจ สนหดเท้าลง ยื่นมือมา พลางยิ้มให้เนียน
“ลุกไหวไหมจ้ะ เนียน จับมือข้าสิ”
“เอ้อ ขอบพระคุณค่ะ ที่กรุณา แต่มือเนียนสกปรกมากค่ะ คุณสนจะเลอะเทอะไปด้วยค่ะ”
เอกมาสมทบอีกคน จงใจแดกดันสน
“มือสกปรกดีกว่าใจสกปรกนะเนียน”
“ตามใจนะ ข้าก็เวทนาไม่อยากเห็นนางฟ้าตกกระป๋อง นายเอก เอ็งระวังเรื่องจะงามหน้าเพราะ เอ็งชอบออกนอกหน้าจนเกินงาม”
“ขอบพระคุณขอรับที่คุณนายเตือนกระผม วันก่อนท่านพระครูท่านเทศนาว่า คนเราต้องเตือนใจตัวเองก่อนไปเตือนใจคนอื่นขอรับ”
“เอ็งจะเอาอย่างไรกับข้า” สนฉุน
แมวกับกบวิ่งอ้าวตะโกนนำมาก่อนตัว
“คุณนายเรียมเจ็บท้อง”
“คุณนายเรียมจะคลอดลูก”
ยายอ่อน เนียน และเอกตกใจ สนตื่นเต้น
“ยายอ่อนอยู่นี่ รีบไปสิยายอ่อน” เอกบอก
“รีบไปสิยายจ๋า” เนียนเร่ง ห่วงเรียม
กบกับแมววิ่งมาฉุดยายอ่อนคนละข้าง สนวิ่งตามไปด้วย
ทางฝ่ายเนียนลุกขึ้นยืน แล้วกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เนียน” เอกตกใจ
“เนียนเจ็บท้อง จ้ะ”
เอกหันไปตะโกนเรียก
“ยายอ่อน เนียนก็เจ็บท้องกำลังจะคลอดลูก”
เนียนยืนเซ จุกและเจ็บปวดท้องอย่างหนักหน่วง

ที่พักของเนียนซึ่งเป็นกระท่อมซอมซ่ออยู่ห่างออกมาจากเรือนคนใช้หลังอื่นๆ อยู่ใกล้คอกหมู

สนวิ่งมาตามหาช้อยไปทางเรือนเล็ก ในขณะที่ช้อยวิ่งหน้าตั้งมารายงาน
“คุณสนเจ้าขา”
“นางช้อย นางช้อย”
สองบ่าวนายชนกันตรงจุดใกล้ถึงเรือนสนร้อง “ว๊าย” พร้อมๆ กัน
“นางบ้า เอ็งหายหน้าหายหัวไปไหนมา ข้ามีเรื่องตื่นเต้นจะบอก”
“ช้อยก็มีเรื่องตื่นเต้นมาเล่าเจ้าค่ะ คุณนายเรียมท้องแตกโป๊ะแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ว่ามันกำลังจะคลอดลูก แต่เอ็งนั่นแหละยังไม่รู้ว่า อีเนียนมันก็กำลังจะเบ่งลูกชู้ออกมา”
“นัดกันเบ่งพร้อมกันกับคุณนายเรียมเลยหรือเจ้าคะ”
“เออ เอ็งรีบไปสอดแนมเรื่องลูกอีเนียนมาไวๆ”
“แล้วคุณสนจะไปสอดแนม..เอ้อ”
“ลูกอีเรียม แหม... วันก่อนที่อีเรียมมันบ่นสงสารอีเนียน พี่ขุนไม่น่าแค่ทุ่มสำรับอาหาร น่าจะตบสักฉาด แล้วฟาดด้วยปลายตีนสักเปรี้ยง” สนบ่น
“แล้วตามมาใส่สันมืออีเนียนฉาด แล้วฟาดด้วยส้นตีนอีกเปรี้ยง”
“แต่ดันมานอนเอาตีนก่ายหน้าผากที่เรือนข้า ตัดใจไม่ขาดจากอีเนียน เจ้าประคู้น ขอให้มีเหตุเภทภัยมาตกใส่ลูกพวกมัน”

สองนายบ่าวใจบาป แยกย้ายกันคนละทาง

เอกประคองพาเนียนมาถึงหน้าห้องพัก เนียนมีสีหน้าอดทนต่อความเจ็บปวด ไม่แม้แต่จะปริปากร้อง

“ขอบใจพี่เอกมาก เนียนดูแลตัวเองได้จ้ะ พี่เอกมาดูแลเนียนอย่างนี้เดี๋ยวเราสองคนจะโดนคำครหาเอาได้”
“ไม่ได้ทำ มันก็ครหา จะไปกลัวอะไรอีก ถ้าพี่ไม่ดูแลเนียนแล้วใครจะมาช่วยเนียน ยายอ่อนก็ต้องไปซะทางโน้น” เอกว่า
“เนียนเคยคลอดลูกมาแล้ว เนียนพอจะรู้ว่าดูแลตัวเองอย่างไรจ้ะ”
เอกจึงนิ่งไปพยักหน้า
“เอาเป็นว่า พี่จะไปรอทางโน้นให้ยายอ่อนแกทำคลอดลูกคุณนายเรียมก่อนเนียนกลั้นเอาไว้นะ แล้วพี่จะพายายอ่อนมาทำคลอดลูกเนียน”
เนียนทั้งเจ็บทั้งอดขำไม่ได้
“ถ้าถึงเวลาจะคลอดคงกลั้นไม่ไหวหรอกจ้ะ” เอกว่า
ช้อยโผล่หน้ามาสาระแนทันที
“โง่แท้ๆ นายเอก คนจะคลอดลูกมันกลั้นเอาไว้ได้ที่ไหนกัน มานะ เนียนจ๋า คุณสนสั่งให้ชั้นมาช่วยเนียนจ้ะ
“อย่านะ เนียน อย่าให้เขามาดูแล มาระรานน่ะไม่เอา”
“เอ๊ะ นี่เอ็งกล้าขัดคำสั่งคุณนายสน จนป่านนี้ยังไม่รู้ซึ้งถึงก้นบึ้งหัวอกอีกรึ ว่าบ้านนี้ใครใหญ่” ช้อยเบ่ง
“รู้ซึ้งถึงก้นกบก้นหอยเลยแหละว่า ใครมันคิดร้ายวางแผนร้ายมานานนมถมกัลป์ไม่เลิกรา อาฆาตแรงขนาดนี้ กรรมก็จะแรงเสมอกันหรือยิ่งกว่า”
ช้อยทำท่าวางอำนาจใส่เอก
“ยังไม่จบคำสั่งคุณสน คุณสนสั่งให้เอ็งไปตามท่านขุนที่บางกอก บอกข่าวเรื่องคุณนายเรียมคลอดลูก ท่านขุนคงดีใจมากและรีบกลับมา”
“พี่เอกรีบไปทำตามที่คุณสนสั่งเถิดจ้ะ ช้อยเขาไม่มีปัญหากับเนียนดอกจ้ะ เขามาช่วยเนียนหั่นหยวกกล้วยเลี้ยงหมูบ่อยๆ ไปจ้ะ”
“ได้ยินเจ้าตัวเขายืนยันถนัดถนี่สองหูแล้วใช่ไหมนายเอก”
เอกมองเนียนห่วงๆ แล้วรีบหันไปทางเรือนใหญ่
“ขอบใจมากจ้ะช้อย แต่ไม่ต้องช่วยชั้นดอก”
“อย่าขัดศรัทธาคุณสนสิจ้ะ มาจ้ะชั้นจะช่วยผูกเชือกกับขื่อห้องให้ อย่าห้ามทีเดียว”
เนียนพยักหน้า เพราะตัวเองก็แย่เต็มทนแล้ว

ทองจันทร์หันมาบอกเอกเป็นเชิงหารือ อยู่บนเรือน
“ตอนพ่อเทพยังไม่ขึ้นเรือไปบางกอก ก็ไม่ยอมเจ็บท้องนะแม่เรียม”
“แหมของพรรค์นี้มันกำหนดไม่ได้ดอกขอรับคุณท่าน”
“เอาละ ก็รีบส่งข่าวพ่อเทพให้ไวที่สุด คงดีใจมาก ถ้าเหาะได้คงเหาะมาแน่”
เอกออกไปสวนกับสน ที่วิ่งพรวดมาทำเป็นรายงานเรื่องเนียน
“คุณแม่ขา สนมาส่งข่าวเรื่องลูกชู้เอ๊ย ลูกของเนียนกำลังจะคลอดค่ะ”
“ว่ากระไรนะแม่สน”
“เนียนค่ะ กำลังเจ็บท้องจะคลอดลูกค่ะ สนล่ะก้อสงส้านสงสาร นี่สนก็ส่งนางช้อย ไปคอยประคบประหงบไปพลางๆรอยายอ่อนจัดการทางด้านคุณเรียมเสร็จก่อนค่ะ” สนตีหน้าเศร้า
“แต่ข้าละให้หมั่นไส้ว่า ทำไมเราต้องมารับผิดชอบดูแลเรื่องคลอดลูกที่เกิดจากไอ้เสือหนักด้วย”
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรค่ะ สนน่ะโกรธง่ายหายเร็วค่ะ ที่แล้วมาให้อภัยเนียนเถิดนะคะ คุณแม่” สนทำเป็นแม่พระแสนดี
ทองจันทร์เคลิ้ม แต่แล้วได้สติ นึกออก “ไฮ้ แม่สนไม่ชอบเนียนมันนี่นา คิดอย่างไรจ้ะ จะมาทำเจ้าหน้าเจ้าตาขออภัยให้มัน”
“โถ คุณแม่เจ้าขา พระท่านว่าการจองเวรจองกรรมมันเป็นบาป ที่สนไม่เคยชอบมันก็เพราะมันอิจฉาสน แกล้งเอามีดมากรีดมือสน มาทำเสน่ห์ใส่พี่ขุน โบราณว่าไม้ล้มข้ามได้ แต่คนล้มอย่าข้าม สนข้ามเนียนมันไม่ลงดอกค่ะคุณแม่ สนน้ำตาตกจะเป็นจะตายตอนที่พี่ขุนโบยมัน สนสั่งนางช้อยไปตามคุณแม่นะคะ”
“แล้วมันไปตามที่ไหนกันเล่า มันยืนร่ายรำร้องลิเกให้ลั่นทุ่ง คนที่ไปตามข้านั่นมันไอ้เอก”
“พอสนทราบว่านางช้อยมันเหลวไหลอย่างนั้น สนตบหน้ามันลูกตาแทบพลัดนะคะ คุณแม่”
“เออ..ข้านี่คงแก่หูตาฟ้าฟาง ดูแม่สนผิดไปจริงๆ ชะรอยแม่สนจะเป็นคนปากร้ายใจดีตะเภาเดียวกับข้า”
“แต่อย่างว่านะคะคุณแม่ คนมันเคยเบ่งลูกมาแล้ว มันคลอดง่ายจะตายไป”
“อืม แม่สนอาจพูดถูก”
“ยิ่งลูกเสือลูกจะเข้ มันถ้าจะยิ่งอึดนะคุณแม่”
“ถึงว่าละสิ”
สองคนได้ยินเสียงเรียมหวีดร้องดังแว่วมาจากเรือนของท่านขุน สองคนมองหน้ากัน
“เสียงแม่เรียมหวีดแล้วเงียบ ถ้าจะคลอดแล้วกระมัง” ทองจันทร์ตื่นเต้น
“ทำไมไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องสักแอะ คะคุณแม่”
“คงจะร้องเบาๆ น่ะสิ อยากรู้นักว่าลูกสาวรึลูกชาย” ทองจันทร์หน้าตื่นอยู่อย่างนั้น
สนทำท่าจะไป กบกับแมวผวาแข่งกันขึ้นเรือนมา
“ลูกสาวเจ้าค่ะ คุณท่าน”

ด้านยายอ่อน ห่อเด็กส่งให้เรียมวางไว้บนอก
“ทำไมยายหนูของชั้นไม่ร้องบ้างจ้ะยายอ่อน”
ยายอ่อนลอบถอนใจหันหน้าหลบขณะบอก “เอ้อ คุณหนูตัวเล็กมาก แถมโดนรกพันคอตั้งแต่อยู่ในท้องน่ะเจ้าค่ะ”
“แต่ยายหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ้ะยาย” เรียมถาม
“เจ้าค่ะ...ตอนนี้ขอยายอ่อนเช็ดตัวให้คุณหนูก่อนนะเจ้าค่ะ”
ยายอ่อนอุ้มเด็กไป เรียมมองตามยิ้มมีความสุขน้ำตาซึม

เนียนนั่งพิงผนังห้อง เจ็บท้องมาก ส่วนช้อยปีนอยู่บนขื่อ มือช้อยพันผ้าสำหรับคนท้องยึดเวลาคลอดลูก ช้อยยิ้มพันแบบเงื่อนกระตุกที่หลุดได้ง่าย ไม่ใช่เงื่อนตายที่ไม่หลุด
“ขอให้เอ็งหัวฟาดพื้นกะโหลกร้าวนะอีเนียน” ช้อยแช่งอยู่ในใจ
เนียนเรียกมาจากด้านล่าง
“ช้อยจ๋า ขอบใจแท้ๆ ที่สู้อุตส่าห์ไต่ขึ้นไปทำให้ชั้น”
“ไม่เป็นไรดอก ไม่ต้องขอบใจ คุณสนเธอมีน้ำใจสงสารเนียนมาก แถมคอยสั่งสอนให้ชั้นสงสารเนียนไปด้วย” นางคนใจบาปหยาบช้าสอพลอ
“ไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณสนอย่างไรดี ช่างมีน้ำใจเหลือเกินจ้ะ จะไม่ลืมพระคุณจริงๆ จ้ะ”

ช้อยยิ้มเยาะ เนียนไม่ทันเห็น

ด้านทองจันทร์ยังปลื้มไม่หายกับคำหวานของสน

“ฟังดูดีแท้ๆ คุณย่าทองจันทร์ มีทั้งหลานสาวหลานชาย”
“สนก็ดีใจจังเลยค่ะ” ที่จริงโล่ง เพราะกลัวเรียมได้ลูกชาย “เอ้อ คุณแม่ไม่อยากได้หลานชายสืบสกุล ภักดีภูบาลเพิ่มอีกหรือคะ”
“ต่อให้สกุลสูงส่งเพียงใด ถ้าใครที่สืบสกุลมันไม่ดีก็มีค่าเท่ากันจ้ะ แม่สน ชั้นน่ะรักเด็กผู้หญิงจ้ะ คอยดูสิคนที่เป็นพ่อรายไหนรายนั้น หลงเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชายทั้งนั้น เพราะมันช่างฉอเลาะจ้ะ”
สนฟังแล้วยิ้มค้าง แมวกับกบแอบยิ้มให้กัน
“สนจะไปดูหลานนะคะคุณแม่ จะไปช่วยคุณเรียมเลี้ยง”
“ช้าก่อนเจ้าคะ คุณเรียมอ่อนเพลียมาก เจ้าค่ะ” กบบอก
“ยายอ่อนต้องการให้คุณเรียมกับคุณหนูพักผ่อนนอนเอาแรงเจ้าคะ” แมวเสริม
สนชะงักมองหน้าทองจันทร์ เห็นทองจันทร์พยักหน้าเห็นตาม
“ยายอ่อนเขาว่ายังไงก็ต้องว่าตามเขา เขาเป็นหมอ ขอบใจแม่สนมาก รอให้เรียบร้อยก่อนค่อยมาดูหลานเถิดจ้ะ” หันไปมาทางกบกะแมว “แต่ใครก็ห้ามข้าไม่ได้ดอกย่ะ นางกบนางแมว รีบพาข้าไปหาหลานย่ะ”
สนไม่พอใจอยากไปดูเรียมกับลูกกับตา
“แล้วคุณเอ้อ..แม่เนียนเล่าเจ้าคะ ใครจะทำคลอดให้เจ้าคะ” สนนึกได้
“ก็ใครจะไปรู้.. ลูกมันไม่ใช่หลานข้า”
“ค่ะ มันคือลูกชู้ แต่สนก็สงสารมันนะคะ” สนยิ้มสาแก่ใจ
ระหว่างนั้นเอกหวนย้อนกลับมาอีกที
“คุณท่านขอรับ นางหมาแดง นางแมวด่างออกลูกเรายังช่วยมันทำคลอดนะขอรับ นี่ลูกคนแท้ๆ จะไม่แลดูสักนิดหรือขอรับ อย่างน้อยก็เคยเป็นสะใภ้คนโปรดคุณท่านน่ะขอรับ”
“นายเอกนี่เอ็งกล้าสอนคุณแม่ ที่คุณแม่พูดหมายความว่าปล่อยให้อีเนียนมันคลอดเองตามมีตามเกิดเหมือนหมาเหมือนแมว” สนโมโห
“เอ็งสงสารมันมาก เอ็งก็ไปดูมันสิ แต่ยายอ่อนยังไงซะก็ไปไม่ได้” ทองจันทร์บอก
“คุณแม่พูดถูกได้ยินไหม”
“ขอรับคุณท่าน แต่ถ้าเกิดเนียนคลอดลูกแล้วมีอันเป็นไปในบ้านภักดีภูบาล จะมิโดนนินทาไปเจ็ดคุ้งน้ำหรือขอรับ ว่าบัวแล้งน้ำ” เอกไม่ยอมเลิกรา
“ไอ้เอก” สนกริ้ว
ทองจันทร์มองหน้าเอกตาเขียว เอกยกมือพนมขอโทษ
“เอ็งหยุดพูดทีไอ้เอก เอาเป็นว่าถ้าแม่เรียมเสร็จเรื่องก็ปล่อยยายอ่อนแกไปดู กันคนเจ็ดคุ้งน้ำนินทา” หญิงชราประชด “นี่เอ็งกลายเป็นนายข้าแล้ว ข้ากลายเป็นบ่าวต้องฟังเอ็งแต่ครั้งไหนหาไอ้เอก”
“ไอ้เอก ไหนบอกให้ไปส่งข่าวพี่ขุน” สนนึกออก
“แล้วเอ็งเสนอหน้าฉอดๆ ใส่ข้าทำไม” ทองจันทร์ก็นึกได้
“คือ ไอ้แทนมันไปแล้วขอรับ มันอยากไปบางกอก”
“ไอ้เอก ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก”
เอกลอบยิ้มดีใจ แต่สนหน้างอ

ขณะเดียวกัน เนียนกำลังทำคลอดตัวเองตามมีตามเกิด เพราะช้อยแกล้งโยงเชือกเอาไว้ให้หลวมๆ ให้เนียนหัวฟาดกระแทกตอนยึดเชือกแรงๆ
“เนียน ยึดเชือกนี่ไว้ก่อนนะจ้ะ ทำใจดีๆ ชั้นจะไปตามยายอ่อนดีไหม”
“อย่าไปรบกวนตามยายอ่อนนะจ้ะช้อย ยายแกกำลังทำคลอดคุณนายเรียม”
“ก็ได้ ขอให้คลอดลูกง่ายๆ นะเนียน”
ช้อยหันกลับหน้าระรื่น จะรีบไปรายงานสนเรื่องแกล้งเนียน
เนียนเอามือยึดเชือกที่ช้อยโยงไว้ให้สีหน้าเจ็บปวดมาก แต่เนียนไม่ร้องสักแอะ
“ลูกจ๋า จะมาก็รีบมาไวๆ เถิดจ้ะ หนูเกิดมาตอนแม่ตกอับ หนูจงเป็นเด็กคลอดง่ายๆ นะลูกนะ”

เนียนบอกลูก

อาญารัก ตอนที่ 5 (ต่อ)

ในอ้อมกอดของเรียมมีเด็กน้อยห่อผ้าอยู่ เรียมน้ำตาไหลยิ้มไปด้วย มีความสุขเปี่ยมล้น

“หนูจ๋า ในที่สุดหนูก็มาหาแม่จนได้ หนูคือชีวิตคือลมหายใจ ของแม่ไม่มีใดๆ อื่นในโลกที่แม่ปรารถนาไปกว่าหนูอีกแล้วจ้ะ ขอบใจ ขอบใจหนูที่สุดที่มาอยู่กับแม่ มาเป็นลูกแม่”
ยายอ่อนน้ำตาย้อย สีหน้าไม่ค่อยจะดีนักพึมพำเบาๆ
“ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดี อีอ่อนเอ๋ย”
เสียงทองจันทร์กับกบและแมว มาเคาะประตูห้องกบร้องเรียก
“ยายอ่อนจ๋า...ยายอ่อน”
“คุณท่านมาเยี่ยมหลานจ้ะ” แมวบอก
“ยายรีบไปเชิญคุณแม่มาดูหลานสิจ้ะยาย” เรียมเอ่ยขึ้น
ยายอ่อนเดินออกไป เรียมยังคงเอนกายอุ้มลูกแนบอกยิ้มทั้งน้ำตา ยายอ่อนเดินกลับเข้ามามีทองจันทร์ กบกับแมวเดินตามหลัง
“ไหนขอดูหน้าหลานย่าสิ”
“นี่คะ...แต่ตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ เลี้ยงง่ายมากค่ะ คุณแม่”
ทองจันทร์อุ้มหลานมาพิจารณามองยิ้มๆ
“ไฮ้..หน้าตาน่ารักน่าชังจิ้มลิ้มพริ้มพรายเหมือนแม่เรียมจริงๆ นะ”
เรียมทั้งภูมิใจ และดีใจ “ค่ะ คุณแม่ เหมือนพี่เทพด้วยนะคะ ดูปากสิคะ ที่เทพยังไงยังงั้น”
“ถ้าเช่นนั้นมันก็ปากแม่ดีๆ นี่เอง พ่อเทพกับแม่ปากเดียวกันจ้ะ เอ่เอ๊ะ คนดีของย่าหลับง่ายหลับดายนะลูกนะ”
กบกับแมวพยายามหาจังหวะสะกิดยายอ่อน
“สะกิดทำไม” ยายอ่อนสงสัย
กบกระซิบ “แม่เนียนก็เจ็บท้องกำลังจะคลอดลูก”
“ว่ากระไรนะ”
แมวเสียงดังขึ้นอีก “แม่เนียนกำลังเจ็บท้องจะคลอดลูก”
“ไฮ้..อะไรจะมาประจวบเหมาะกันถึงเพียงนี้”
เรียมได้ยินไม่ถนัด “มีอะไรรึ ยายอ่อน”
“เนียนกำลังเจ็บท้องจะคลอดลูกเหมือนกันแล้วเจ้าค่ะ”
“ช่างหัวมันมันปะไร” ทองจันทร์ว่า
“ตายจริง ยายอ่อนรีบไปทำคลอดเนียน เถิดจ้ะ” เรียมรีบบอก
“แต่คุณนายเรียมยังอ่อนเพลียมาก แล้วคุณหนูก็....”
“ยายหนูแกหลับแล้วจ้ะ แกรู้อยู่จ้ะยาย เดี๋ยวชั้นก็จะหลับเอาแรงเหมือนกันลูกตื่นมาจะป้อนนมลูก อย่างที่ยายอ่อนสอนไว้จ้ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อนดอกยายอ่อน ดูแลคุณนายเรียมให้เรียบร้อยก่อน นั่นมันลูกเสือลูกตะเข้ มันทนได้” ทองจันทร์ขัดขึ้น
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณแม่ขา เรียมขอร้องนะคะ เรียมกับยายหนูเรียบร้อยดีแล้ว ไม่มีอะไรต้องทำแล้วใช่ไหมจ้ะยาย”
“เจ้าค่ะ แต่ถ้ามีอะไรให้คนไปตามอิชั้นด่วน ได้ทันทีนะเจ้าคะ”
“จ้ะยาย”
“ทำคลอดเนียนเสร็จแล้ว อิชั้นจะกลับมาหาคุณเรียมนะเจ้าคะ”
ยายอ่อนละล้าละลัง หันมามองถอนใจแล้ว ถอนใจอีก
“จ้ะ..รีบไปสิจ้ะยาย ชั้นห่วงเนียนมากนะยาย”
ยายอ่อนพยักหน้าตัดใจออกมา
เรียม สำทับก่อนออก “ถ้าใครมาทักท้วงบอกว่าไม่ให้ดูเนียน บอกเขาไปว่านี่คือคำสั่งคุณนายเรียม ใครไม่ชอบใจให้มาหาชั้น”
“ตอนกำลังจะตีสามนี่หรือเจ้าคะ” กบเสนอหน้า
“นางกบเงียบนะ” ทองจันทร์ดุ
“ดูแลเนียนดีๆ แล้วตอนกลับมาหาชั้นบอกด้วยว่าลูกเนียนน่ารักแค่ไหน”
ทองจันทร์มองหน้าเรียม
“แม่เรียม..ก่อนหน้านี้หลงรับเมียโจรเข้าบ้านเอามาเป็นน้องเป็นนุ่งตอนนี้ยังจัดการดูแลลูกโจรอีก พ่อเทพรู้เข้าจะเคืองเอานะจ้ะ” ทองจันทร์ตำหนิ
“คุณแม่ขา นี่ไม่เกี่ยวกับลูกใครทั้งนั้น แต่มันคือเมตตาธรรมนะคะ”
“ความจริงแม่ก็ไม่ได้จะขุ่นเคืองอะไรเนียนมันมากมาย บางครั้งยังนึกไม่อยากจะเชื่อ แต่ถ้าไม่จริง เหตุไฉนมันไม่ปฏิเสธสักคำ แม่ต้องจำใจเชื่อละสิ เอาเถิดเลี้ยงลูกมัน ให้ข้าวให้น้ำมันกิน ถ้าลูกมันเป็นผู้หญิงก็เอามันไว้เป็นบ่าวของยายหนู ถ้าเป็นลูกชายก็เอาไว้รองมือรองตีนตาหนูเทิดศักดิ์ก็ดีเหมือนกัน”
“แล้วแต่คุณแม่เถิดค่ะ”
ทองจันทร์ส่งลูกคืนให้เรียม
“แม่ดีใจที่แม่เรียมสมหวังเรื่องลูก แม่ดีใจที่ได้หลานจากแม่เรียม พ่อเทพก็คงเช่นกัน ยายหนูคือความสุขความสมหวังของคนสามคนและทุกคนในบ้านภักดีภูบาล”

ทองจันทร์ยิ้มทั้งน้ำตา เรียมก็เช่นกัน

ส่วนเนียนกำลังเจ็บท้องมาก ใกล้คลอดเต็มแก่ สองมือยึดโยงกับเชือก บิดตัวเร่าๆ

“ลูกจ๋า อย่าทรมานแม่ ช่วยแม่ด้วยลูกจ๋า” น้ำตาเนียนไหลพราก “มามะลูกรัก มาหาแม่ มาได้แล้วทูนหัวของแม่”
เนียนพยายามช่วยตัวเอง ให้คลอดลูกเอง

ช้อยแอบมองเนียนอยู่ด้านนอกอย่างลิงโลด ดีใจ และสมน้ำหน้าเนียน
“อีเนียนคนโง่ ดึงเชือกเข้า ดึงเข้า ดึงแรงๆ ดึงให้เชือกที่ข้าผูกไว้หลวมๆ ขาดลงมาเล๊ย อยากจะเห็นหน้าแกตอนคลอดลูกไม่ได้นัก”
ช้อยแอบหัวเราะสนุกคนเดียว

เนียนโหนดึงเชือกหรือผ้าเพราะเจ็บใกล้คลอดเต็มทน ที่สุดเนียนร้องออกมาพร้อมเบ่งเต็มที่เนียนหวีดร้องออกมา
สุดเสียง เชือกที่โยงขื่อไว้ขาดผึง เนียนหัวกับหลังกระแทกพื้นอย่างแรง
เนียนร้องสุดเสียง “โอ๊ย”
หัวและหลังเนียนฟาดที่พื้นเต็มแรง
“โอ๊ย ... ลูกแม่ ลูกแม่ ลูกแม่ แย่แล้ว”
เนียนร้องไห้โฮ และกำลังจะหมดแรงเพราะทั้งหัวฟาดหลังกระแทก
“ไม่นะ ไม่นะลูก โอย ลูกแม่ แย่แล้ว ช่วยด้วย ช่วยลูกชั้นที”

ช้อยกำลังหัวเราะชอบใจ เสียงเนียนร้องเรียกลูกจากในห้องผสมร้องไห้
ช้อยปรบมือดีใจใหญ่ “กูว่าแล้ว สาแก่ใจจริงๆ ทีนี้ละหัวก็ฟาดหลังก็เดาะลูกก็คลอดไม่ออก ประดักประเดิดดีแท้ๆ”
เอกปราดมาถึง มีกบ แมว มาพร้อมกับยายอ่อน
“หัวเราะเยาะอะไรน่ะช้อย”
ช้อยรีบปฏิเสธ “เปล๊า”
“หลีก หลีก นางกบนางแมว ตามข้าเข้าไปในห้องเสียงเนียนกำลังแย่มากแล้ว”
ช้อยทำท่าเหมือนจะกันท่า
“ทำไมไม่ดูแลคุณนายเรียม ประเดี๋ยวเถิดยายอ่อน ท่านขุนกลับมาละก็เจอดีแน่ๆ”
ยายอ่อนย้อนเอา “เอ็งนั่นแหละประเดี๋ยวเถิดเอ็งจะโดนหวายแน่ๆ คุณนายเรียมท่านบอกว่านี่คือคำสั่ง ของคุณนายให้มาทำคลอดแม่เนียน หลีก”
“หลีกได้แล้วช้อย” เอกเตรียมเรื่อง
“ยังไม่หลีกเร๊อะเห็นไหมอะไรในมือข้าหลาวทิวไผ่ไว้ตัดสายสะดือเด็กพร้อมตัดสะดือเอ็งด้วย” กบเอาจริง
“หัวเราะมากนัก อยากกินน้ำร้อนสักหม้อไหมล่ะ ในมือข้านี่ไง” แมวจ้องหน้า
ช้อยหันไปหันมาท่าไม่ดี สะบัดหน้าหนี ยายอ่อนนำพวกกบแมวพากันเข้าไปในห้อง ส่วนเอกยืนกอดอกท้าทายมองช้อยอยู่ ช้อยชี้หน้าเอก
“คุณท่านสั่งข้าให้มาช่วยเนียน หรือว่าเอ็งมีปัญหา หรือว่าเอ็งหาฟังไม่”
ช้อยสะบัดพรืด หันตัวกลับ
“พวกหมาหมู่พวกมากลากไป กูจะไปฟ้องคุณสน”
“จงรักภักดีกันให้ดีๆตลอดไปเถิด เคยได้ยินไหมเสร็จนาฆ่าโคน่ะไอ้หวานเอย ไอ้เหิมเอย พิ้ววว โดนฆ่าปิดปากทั้งนั้น รวมทั้งไอ้หมอเสน่ห์ ดีที่มันหนีตายไปได้ ระวังมันจะกลับมาแว้งกัดเอา” เอกตะโกนตามหลัง

ช้อยชะงัก หนาวยะเยือกมาวูบหนึ่ง แต่สะบัดหน้าไม่สนใจเดินออกไป
“ข้าจะไปฟ้องคุณสนว่าเอ็งใส่ร้ายคุณสนว่าจะฆ่าปิดปากข้า”
“เชิญ ขี่ม้าสามศอกไปบอกนายเอ็งเลย ไอ้เอกไม่เคยกลัวคนใจร้าย คนแกล้งปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ”
ช้อยขยับจะโวยต่อ มีเสียงเด็กร้องจ้าขึ้นมา ช้อยหันกลับ จะเข้าไปดู เอกกันไว้
“คลอดได้ยังไง” แล้วแกล้งตะโกนถามข้างใน “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
เสียงยายอ่อนตะโกนมา “ผู้หญิง”
“เร็วรีบขี่ม้าสามศอกไปบอกนายเอ็งไวๆ สิ”

คราวนี้ช้อยไปจริงๆ จะไปรายงานสน

กบกับแมวออกมาจากห้องยิ้มย่องให้เอก

“ยายอ่อนแกให้ออกมาได้ เพราะเสร็จธุระแล้ว”
“เผื่อคุณนายเรียมจะเรียกหา”
สองคนเดินออกไป เอกยืนชะเง้อระวังภัยให้เนียนอยู่หน้าห้อง

ยายอ่อนห่อลูกซึ่งเป็นหญิงมาวางใส่อ้อมกอดเนียน
“นางช้อยมันจงใจแกล้งผูกเงื่อนให้ไม่มั่นคงแน่ๆ ดูสิหัวฟาดจนปูดโนไปทั้งหัวแล้ว หลังไหล่ล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“เนียนทนได้จ้ะยาย เนียนพยายามฝืนส่วนท้องเอาไว้ไม่ให้กระแทกแรง”
“แม่คูณเอ๊ย โชคดีนะที่เด็กเขารักแม่ เขารีบกลับหัวไว้ก่อน หาไม่ละก็ เนียนเอ๊ย ถ้าเด็กเอาเท้าออกมามันไม่น่าจะรอด คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้”
เนียนยิ้ม
“ขอบใจมากจ้ะยายอ่อน อุ๊ย ยาย ยาย เนียน เนียนโอ๊ย เนียนเจ็บท้องอีกแล้ว”
“ไฮ้ ว่ากระไรนะ ไหนมาดูสิ”
ยายอ่อนก้มลงไปดูเนียนคลำท้อง ตื่นเต้นสุดขีด
“อะไรกันนี่ นี่ ยังมีอีกคนกลับหัวรออยู่ที่ปากมดลูก”
“ยายอ่อน นี่ นี่”
“เนียนมีลูกแฝด”
“ลูกแฝด”
“เบ่ง เบ่งแรงๆ”
ยายอ่อนรีบดึงเอาเด็กคนแรกจากอกเนียนมานอนไว้บนเบาะ แล้วหันมาวุ่นวายทำคลอดเด็กคนใหม่

สนนั่งชะเง้อ ท่าทีกระวนกระวาย ช้อยวิ่งกระหืดกระหอบมา
“นางเนียนหัวฟาดพื้น อาการปางตายคลอดลูกไม่ไหวแล้วใช่ไหมนางช้อย”
“หามิได้เจ้าค่ะ มันทนเหมือนวัวเหมือนควาย หัวกะโหลกมันคงหนา เหมือนถนนใหญ่ในบางกอกกระมังเจ้าคะ เผลอๆ พื้นที่หัวมันฟาดลงมาอาจจะแตกซะเอง”
“พอแล้ว ข้าอยากรู้ว่าลูกมันคลอดหรือยัง หรือว่ามีอันเป็นไปแล้ว”
“ลูกมันคลอดง่ายดายเหมือนลูกหมาลูกแมวเจ้าค่ะ”
“หญิงหรือชาย”
“ผู้หญิงเจ้าค่ะ”
สนพยักหน้า
“อีเนียน อีเรียม กูจะราวีมันทั้งแม่ไปจนถึงลูกของมัน” สนแค้นหนัก
ช้อยนึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณสนขา”
“อะไรรึ”
“คุณสนว่าช้อยสมควรจะโดนฆ่าปิดปากบ้างไหมเจ้าคะ” ช้อยลองหยั่งเชิง
“เอ็งเอาอะไรมาถามข้า รึว่าเอ็งหักหลังอะไรข้า” สนตกใจเขย่าตัวช้อยไปมา “หานางช้อย เอ็งหักหลังข้าเรื่องอะไร”
“ช้อยไม่ได้หักหลังอะไรคุณสนดอกเจ้าค่ะ แต่ช้อยนึกสงสัย ก็เลยลองหยั่งเชิง ดูว่าคุณสนจะกล้าฆ่าช้อยไหม”
สนปล่อยช้อย
“เอ็งสาบานไว้แล้วว่าจะไม่หักหลังข้า เอ็งสาบานว่าเอ็งจะซื่อสัตย์กับข้า เอ็งก็จงทำตามที่เอ็งสาบานไว้เถิด หาไม่แล้ว...”
สนจ้องหน้าช้อยนัยน์ตาวาววับ แลดูโหดเหี้ยม

“คุณสน” ช้อยเสียววาบ

ยายอ่อนอุ้มเอาเด็กใส่ไว้ในอ้อมกอดของเนียนซ้ายขวา ยิ้มเยื้อนอย่างพอใจ เนียนน้ำตาไหล

“ไม่นึกไม่ฝันว่าเนียนจะมีลูกแฝด ลูกเอ๊ย แม่ดีใจเหลือเกินที่พวกหนูมาหาแม่ มาเป็นลูกแม่ทีเดียวสองคน ลูกจะได้เล่นกันเองเป็นเพื่อนกันเองสองคนพี่น้องนะลูก”
“มาทีเดียวสองคน เลี้ยงกันมือหักเลยแหละ ยิ่งจนยิ่งแห่กันมาเป็นลูก เฮ้อ...เห็นแล้วนึกถึงลูกคุณนายเรียม”
“ลูกสาวคุณนายเรียม คงน่ารักน่าชังมาก ใช่ไหมจ้ะยาย”
“จ้ะ มากที่สุด พอๆ กับลูกของเนียนนี่แหละ เนียนเอ๊ย แต่เฮ้อ...” ยายอ่อนถอนใจหนักหน่วง
“มีอะไรรึยาย”
ยายอ่อนส่ายหน้า
“ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรดอก”
เสียงเอกตะโกนถามเข้ามา
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”
ทันใดเด็กสองคนก็ส่งเสียงร้องแข่งกัน
“ให้พี่เอกเข้ามา ได้ไหมจ๊ะยาย”
ยายอ่อนเดินออกไป แล้วพาเอกเข้ามา
เอกยืนตะลึง เห็นเนียนอุ้มเด็กสองคนในอ้อมกอดซ้ายขวา
“เนียน”
“จ้ะ” เนียนพยักหน้า
เอกเบิกตาโพลง “เนียนมีลูกฝาแฝด”
เนียนยิ้มให้เอก

ทางฝั่งเรียมนอนกอดลูกไว้แนบอก ลืมตาโพลง ยังคงมีแต่ความสุข
“ลูกจ๋า ยายหนูจ๋า ตื่นมากินนมแม่ได้แล้วจ้ะ ทูนหัวของแม่”
เรียมพยายามเอามือเขี่ยแก้มเขี่ยปากลูกน้อย พยายามเอาปากมาใกล้ๆหน้าอก แต่เด็กน้อยก็ดูแน่นิ่ง
เงียบเชียบ
“ยายหนู ยายหนูของแม่ ตื่นสิจ๊ะ”
เรียมหน้าเสีย ตกใจ เอามือไปอังที่จมูกลูก
“ยายหนูลูกแม่ ไม่นะ”
เรียมใจหล่นวูบ รีบเอาหูไปแนบอกลูกฟังเสียงหัวใจ
เรียมใจหายมากขึ้น “ยายหนู ของแม่”
เรียมร้องไห้ ทำท่าจะตะโกนเรียกใคร แล้วเรียมก็ถอยกลับมานั่ง นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ขุนภักดีสำทับ เรื่องที่เรียมชอบขัดคำสั่ง มาวุ่นวายกับเนียน และหลายครั้งที่เฝ้าสั่งเรียมเรื่องว่าถ้าลูกเป็นอะไรไป จะตัดขาดกันกับเรียม
เรียมเอาหน้าซบลูก เอาลูกมาแนบอกร้องไห้ สะอื้นกอดเฝ้าจูบลูก ร้องเพลงกล่อมลูก
เรียมหัวใจสลายแทบจะบ้าไปแล้ว

ผิดกับที่ห้องพักของเนียน เอกยิ้มยินดีกับเนียน
“หน้าไม่เหมือนกันทีเดียว แต่ก็คล้ายกัน คล้ายเนียนน่ะจ้ะ”
“คล้ายคุณหนูเทิดศักดิ์ด้วยแหละ แปลกดีแท้ๆ”
เนียนท้วง ไม่รู้ว่าพี่ชายไปปล้ำสน “อย่าเอาลูกเนียนไปเปรียบเปรยกับ พวกคุณสิจ้ะยาย”
“มันจริงนี่นา” ยายอ่อนแหงนหน้าไปทางหน้าต่างดูท้องฟ้า “หนูแฝดสองคนตกฝากเวลาประมาณตีสามฤกษ์ดีทีเดียว”
“ยายจ๋าขอบใจยายมาก ยายรีบกลับไปดูแลคุณนายเรียมกับคุณหนูนะจ้ะ”
“จ้ะ ข้าไปก่อนนะ นึกห่วงคุณหนูทางโน้นไม่น้อย”
“รีบไปเลยยาย บอกคุณเรียมด้วยว่า ลูกของเนียมเป็นฝาแฝด”
“เฮ้อ...คุณหนูทางโน้นไม่ค่อยจะแข็งแรงดอก ข้าถึงได้ห่วง ดูเนียนให้ดีนะนายเอก”
“ทางนี้ชั้นจะเฝ้าหน้าห้องเนียนเอาไว้ ไม่ให้นางคนใจร้ายผ่านมาได้ดอก”
ยายอ่อนรีบพรวดออกไปทันที ใจคอไม่ดีเอามากๆ

ยายอ่อนรีบรุดมาถึงหน้าห้องเรียม หยุดยืนฟังได้ยินเสียงเรียมร้องเพลงสะอื้นไห้กล่อมเด็กลอดออกมา
“คุณนายเรียมเจ้าคะ คุณนายเรียมเจ้าคะ อิชั้นมาแล้วเจ้าค่ะ”
ยายอ่อนเคาะประตูด้วย
เรียมน้ำตาไหลพึมพำงึมงำร้องเพลง เสียงยายอ่อนเรียกและเคาะห้อง
“คุณนายเรียมเจ้าขา อิชั้นมาแล้วเจ้าค่ะ”
เรียมได้ยินชะงักกึก “ยายอ่อน”
เรียมอุ้มเด็กไว้แนบอกไม่ยอมปล่อย เดินไปเปิดกลอนประตูรับยายอ่อน พอยายอ่อนเข้ามาแล้วเรียมปิด
ประตูร้องไห้สะอื้นฮั่กๆ
“คุณนายเรียม ร้องไห้ทำไมเจ้าคะ”
“ลูกชั้น ยายหนูของชั้น ทำไมเป็นอย่างนี้”
ยายอ่อนเสียววาบเป็นดังคาด “คุณหนู คุณหนู...”
“ไม่จริงใช่ไหมยาย ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมยาย ยายช่วยปลุกยายหนูมากินนมชั้นนะยาย ยายจ๋าช่วยชั้นด้วย ช่วยลูกชั้นที ยายจ๋า”
ยายอ่อน ตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“อิชั้น อิชั้นเสียใจด้วย อิชั้นเสียใจเหลือเกิน อิชั้น...” ยื่นมือมาขอลูก “คุณหนูเธอหมดลมแล้วเจ้าค่ะ ส่งเธอให้อิชั้นนะเจ้าคะ”
“ไม่จริงอย่านะยาย ยายจะเอาลูกชั้นไปไหนไม่ได้ ลูกชั้นต้องอยู่กับชั้น”

เรียมใจจะขาดรอนๆ

อาญารัก ตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น