เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13
ยิ่งยศถูกขุนโชติขย้ำคอ พยายามดิ้น รัวหมัดใส่หน้าท้องขุนโชติก่อนจะเสยคางสุดแรง ขุนโชติลอยกระเด็น
ขุนโชติลุกขึ้น ร่ายคาถา ปรากฏเปลวไฟบนฝ่ามือ
“กสินไฟ”
สะบัดลูกไฟพุ่งเข้าใส่ยิ่งยศ ระเบิดสนั่น ไฟลุกท่วม
ศรีแพรสู้เสือไทไม่ไหว ซัดระเบิดควันลงพื้น รีบพาหาญหนี แต่ช้ากว่าอาจารย์ยอดที่ร่ายคาถา กวาดมือออกไป
ร่างหาญกับศรีแพรชะงักอยู่กับที่ ขยับเขยื้อนไม่ได้
“คาถานะจังงังของข้า คงทำให้พวกเอ็งหมดฤทธิ์ได้ ฮ่าๆๆ”
ควันจาง เสือไทโมโห อาจารย์ยอดเดินเข้าไปหาหาญกับศรีแพรที่ยืนค้างนิ่ง เป่ามนต์ลงที่ไม้ครู ปลายไม้เรืองแสงสีดำ อาจารย์ยอดจี้ไม้ครูไปที่หาญ
“ไอ้หาญ ข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ ตัดหัวเอ็งเอาไปให้ท่าน”
“ฮ่าๆๆ”
“ช้าก่อน ข้าขอบั่นหัวมันกับมือให้หายแค้น” เสือไทจะฟัน ทันใดร่างของเสือไทก็ผงะถอยหลังเพราะถูกแรงบางอย่างกระแทก “โอ๊ย” เสือไทหน้าสะบัดอีกเพราะถูกต่อย “อ๊าก ใคร ฝีมือใครวะ”
อาจารย์ยอดรู้ว่ามีคนใช้อาคมกำบังกายเล่นงาน
“มันกำบังกายเล่นงานเรา”
หาญกับศรีแพรเหลือบมองกัน สงสัยว่าใครมาช่วยหรือจะเป็นยิ่งยศ ที่พุ่มไม้สั่นไหวไล่เรียงไปรอบๆ ตัว เสือไทชักปืนยิงไม่ยั้ง ทันใดนั้นกล้าปรากฏกายขึ้นข้างหลังมีผ้าโพกปิดหน้ามิดชิด ชุดดำสนิท อัดเสือไทจนน่วม เสือไทพยายามสู้แต่ช้ากว่าถูกอัดร่างลอยละลิ่ว สลบเหมือด
อาจารย์ยอดร่ายมนต์ ตวัดไม้ครูโจมตี สายฟ้าสีดำจากปลายไม้พุ่งเข้าหากล้า กล้าหลบได้ทันแล้วกำบังกายหายไป อาจารย์ยอดมองหาไปรอบๆ หลับตาเพ่งจิต อาจารย์ยอดเห็นแต่ต้นไม้และป่า ทันใดกล้าก็โผล่มาซัดกำปั้นใส่ อาจารย์ยอดถูกกล้าที่ล่องหนอัด ไม้ครูกระเด็น กล้าปรากฏกายให้เห็นซัดอาจารย์ยอดอีกจนทรุด ก่อนจะหันไปเป่ามนต์คลายนะจังงังให้หาญกับศรีแพร
“เอ็งคือใคร ช่วยพวกข้าทำไม”
“ฉันจะเป็นใครไม่สำคัญ รีบหนีไปเถอะ”
อาจารย์ยอดลุกขึ้นมาได้ กางมือออก ไม้ครูที่หล่นอยู่พุ่งกลับมาเข้ามือ ตวัดไม้ครูจู่โจม สายฟ้าสีดำพุ่งเข้าหากล้า
“อ๊าก”
“จะไม่มีใครหนีไปไหนทั้งนั้น เมื่อกี้ข้าประมาทไปหน่อยแต่ตอนนี้รับรอง พวกเอ็งไม่รอดแน่”
กล้าเอาตัวบังหาญกับศรีแพรไว้
“ยังไม่รีบไปอีก ฉันจะจัดการมันเอง”
ศรีแพรรีบประคองหาญที่บาดเจ็บหนีหายไป อาจารย์ยอดไม่ยอมตวัดไม้ครูโจมตี เกิดระเบิดไล่หลังหาญกับศรีแพรไป กล้าทะยานเข้าไปปัดไม้ครู ทั้งสองคนยื้อแย่งกัน อาจารย์ยอดสะบัดฝ่ามือใส่กล้าเกิดคลื่นพลังกระแทกกล้ากระเด็นไป อาจารย์ยอดจะไล่ตามหาญ กล้ายังไม่ยอมแพ้กระโจนมาขวางทาง
“เดี๋ยวก่อน”
กล้าปลดผ้าโพกหัวออก อาจารย์ยอดเห็นหน้าถึงกับตะลึง
เปลวไฟค่อยๆ มอดดับจะเห็นยิ่งยศอยู่ในครอบแก้วไม่เป็นอะไร
“เอ็งมันมีฝีมือพอตัว ข้าเสียดายนัก ไม่น่าหาที่ตายแทนคนชั่วอย่างไอ้หลวงณรงค์เลย”
“อั๊วเป็นเพื่อนกับไอ้หาญมาตั้งแต่เด็ก ถ้าคนอย่างมันเรียกว่าชั่วคนอย่างลื้อก็ควรถูกธรณีสูบลงนรกไปนานแล้ว”
ขุนโชติโกรธ ร่ายมนต์ เสียงคาถาภาษาขอมดังกังวานพื้นดินแยกแตกเป็นแขนง มีเลือดสีดำไหลออกมา พุ่งเข้าไปรวมร่างขุนโชติรอยสักยันต์รูปจระเข้ที่แขนเรืองรองร่างขุนโชติกลายเป็นดำทะมึน ผิวเป็นเกล็ดจระเข้ ยิ่งยศระวังตัวเป็นพิเศษ ขุนโชติวาดมือเป็นวงกลม เกิดควันดำลอยวนแล้วกระแทกกงเล็บออกไป กลุ่มควันกลายเป็นใบหน้าจระเข้ อ้าปาก พุ่งเข้างับยิ่งยศ ยิ่งยศร่ายคาถากำแพงแก้ว ตั้งการ์ดรับ เกิดเป็นม่านใสๆ ต้านพลังขุนโชติไว้ แต่แล้วกลับต้านไม่ไหว ม่านใสแตกกระจายควันดำพุ่งเข้าเล่นงานจนยิ่งยศตัวลอย
“ถ้าเอ็งกลับใจ ยอมสวามิภักดิ์เข้าชุมโจรข้า ข้าจักเว้นโทษตายให้แก่เอ็ง”
ยิ่งยศพยุงตัวลุก ปาดเลือดที่ปาก
“อั๊วยอมตายดีกว่าร่วมมือกับลื้อทำระยำตำบอน ได้ตายเพื่อเพื่อนรักอย่างไอ้หาญ ไม่น่าเสียใจซักนิด”
ยิ่งยศพุ่งเข้าไปรัวหมัดชุดใส่ขุนโชติไม่ยั้ง เกล็ดจระเข้ของขุนโชติรับพลังหมัดเอาไว้ได้หมด ขุนโชติตวัดกงเล็บโจมตียิ่งยศคืนกลับบ้าง จนยิ่งยศเลือดอาบไปทั้งตัว ยิ่งยศถึงกับทรุด ขุนโชติเข้าไปจิกผมให้เงยหน้าขึ้น
“ข้าจักให้เอ็งได้พบกับพญามัจจุราชสมดั่งใจ”
ขุนโชติง้างกงเล็บ หมายจะตวัดคอยิ่งยศให้ขาด แต่จู่ๆ ลมพายุก็พัดกระหน่ำอย่างแรง ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ขุนโชติแปลกใจผิดสังเกต ทันใดกิ่งไม้ท่อนหนึ่งหักปลิวเข้าหาขุนโชติ ขุนโชติตวัดกงเล็บฟันกระจุย ยิ่งยศฉวยโอกาสซัดหมัดเข้าที่ท้องน้อยขุนโชติจนผงะ แล้วร่ายคาถาย่นระยะทางหนีไป ขุนโชติมองตามอย่างเจ็บใจ
ขุนโชติวางร่างเสือไทที่บาดเจ็บลงที่เตียงก่อนจะว่าคาถาแล้ววางมืออยู่เหนือรอยช้ำที่ร่างของเสือไท รอยช้ำนั้นค่อยๆ เลือนหายไป เสือไทค่อยๆ ฟื้นขึ้น ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ
“พี่โชติ นี่ข้า”
“ข้าพบเอ็งนอนสลบอยู่ เกิดกระไรขึ้น”
เสือไทคิดไปถึงตอนที่สู้กับกล้าที่โพกหน้า
“มีคนมาช่วยไอ้หาญ มันลอบทำร้ายข้า ถึงมันพรางตัวมา แต่ข้ารู้ มันต้องเป็นไอ้กล้าแน่” ขุนโชติได้ยินก็คิดเครียด เสือไทรู้ขุนโชติเชื่อใจกล้ามากขึ้นทุกวัน “ข้ารู้ว่ามันเป็นศิษย์ของพี่ แต่มันก็เป็นหลานไอ้หลวงณรงค์เช่นกัน รีบไปที่เรือนมันเถิดจะได้รู้แจ้งว่าแท้จริงแล้วมันคือมิตรรึศัตรูกันแน่!”
ขุนโชติคิด ตัดสินใจ
หน้าที่พักกล้า ขุนโชติทุบประตูห้อง
“ไอ้กล้า เอ็งอยู่ข้างในใช่รึไม่”
กล้าในร่างใสๆ ยืนกำบังกายแอบมองขุนโชติกับเสือไทอยู่แล้วรีบหลบไปทางหลังที่พัก
ภายในห้องพักคะนึงนิจนอนหลับอยู่ เสียงขุนโชติทุบพลางเรียกดังเข้ามา
“ไอ้กล้า”
คะนึงนิจสะดุ้งตื่นจากมนต์สะกด รู้สึกงงๆ เมื่อมองไปเห็นตนนอนกอดกล้าที่หลับนิ่งอยู่ก็ทั้งตกใจ ทั้งโมโห
“พี่กล้า”
คะนึงนิจผลักกล้าทันที ร่างกล้าร่วงจากเตียง ตกลงพื้นแล้วกลายเป็นหุ่นพยนต์ไปทันที คะนึงนิจเห็นก็อึ้ง งงไปหมด
ที่หน้าห้องขุนโชติหยุดเคาะเรียก สงสัย
“นั่นกระไรพี่โชติ เงียบเช่นนี้ ต้องเป็นมันแน่”
ขุนโชติได้ยินก็เครียด
“ข้าจักสะเดาะกลอนเข้าไปดูให้รู้แจ้ง”
ขุนโชติกำลังจะร่ายอาคม
“ท่านขุนโชติ”
ขุนโชติชะงัก มองตามเสียง เห็นอาจารย์ยอดในสภาพเจ็บหนัก เนื้อตัวน่วมช้ำ ประคองตัวโซเซเข้ามา
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่หน้าต่างห้องด้านหลังค่อยๆ ถูกเปิดกว้างออกเบาๆ คะนึงนิจไม่รู้ตัวมองหุ่นพยนต์ที่อยู่ในมือ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ด้านหลังคะนึงนิจ กล้าดึงใบพลูออกจากกำบังกาย
ที่หน้าห้องขุนโชติกำลังถามอาจารย์ยอด
“เหตุใดเอ็งจึงเป็นเยี่ยงนี้”
อาจารย์ยอดทำพูดโกหก อ่อนแรง
“ไอ้โม่ง มีไอ้โม่งมาช่วยไอ้พวกหาญ พอมันทำร้ายเสือไทจนสลบ มันซัดข้าแล้วพาพวกไอ้หาญหนีไป อาคมของมันเหนือชั้นกว่าข้ามากจริงๆ”
“ไอ้ยอดเป็นพยานเยี่ยงนี้ พี่โชติเชื่อข้าเถิด ต้องเป็นไอ้กล้าแน่”
ขุนโชติสงสัยเรื่องพายุ
“อาคมระดับไอ้กล้า ไม่อาจเรียกลมเรียกฝนได้ เอ็งก็รู้” ขุนโชติจ้องอาจารย์ยอด “แต่หากฝีมือเช่นเอ็งจักเสกพายุสักลูกคงเป็นเรื่องธรรมดา ไอ้ยอด แน่ใจรึว่าสิ่งที่เอ็งพูดคือเรื่องจริง”
อาจารย์ยอดรู้ว่าขุนโชติสงสัย ตัดสินใจกัดลิ้นแกล้งทำกระอักเลือด ทรุดลงกับพื้น ขุนโชติกับเสือไทจ้องดูอาจารย์ยอด เชื่อว่าเจ็บหนักจริง
“เช่นนี้ มันคงพูดจริง” ขุนโชติคล้อยตามเสือไท “พี่โชติเรารีบเข้าไปดูในห้องให้รู้ดำรู้แดงกันเถิด”
เสือไทบอกอย่างร้อนใจ ขณะนั้นภายในห้องคะนึงนิจนั่งคิดสงสัยเรื่องหุ่นพยนต์อยู่ กล้าเดินย่องเข้ามาด้านหลัง แต่แล้วเสียงขุนโชติดังเข้ามา
“ไอ้กล้า หากเอ็งไม่ออกมา ข้าจักบุกเข้าไปบัดเดี๋ยวนี้”
คะนึงนิจได้ยินก็เดินถือหุ่นพยนต์ไปที่ประตูห้องจะเปิดโดยยังไม่เห็นกล้า กล้าเครียดจัดรีบคิด ขณะที่คะนึงนิจจะเปิดประตูได้นั้นเองกล้าก็รวบตัวคะนึงนิจจากด้านหลังเอามือปิดปาก คะนึงนิจดิ้นสู้ๆ หุ่นพยนต์ตกลงไปที่พื้นข้างเตียง
“ช่วยด้วยๆ”
คะนึงนิจพยายามโวยวายเสียงดังอู้อี้ ส่วนด้านนอกอาจารย์ยอดพยายามยื้อ ถ่วงเวลา
“เดี๋ยวก่อน ท่านทั้งสอง กล้าอาจจะกำลังพักผ่อนกับเมีย ข้าว่า...”
ขุนโชติตัดบท
“ไม่ใช่ธุระของเอ็ง เอ็งจงกลับไปพักเสีย”
“แต่...”
ขุนโชติจ้องอาจารย์ยอด โมโหมาก
“เอ็งอยากลองดีกับข้ากระนั้นรึ”
อาจารย์ยอดชะงัก
ในห้อง กล้าอุ้มตัวคะนึงนิจไปที่เตียงอย่างเร็ว คะนึงนิจสู้สุดแรงเกิด
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย” คะนึงนิจตบกล้าฉาดใหญ่ กล้าชะงักอึ้ง คะนึงนิจมองกล้าน้ำตานอง
ขุนโชติร่ายมนต์สะเดาะกลอนเสร็จก็ยกมือสะบัดมนต์ไปที่ประตูทันที กล้าเหลือบมองประตูเห็นกลอนกำลังเลื่อนออกจึงตัดสินใจถอดเสื้อทันที ขณะที่ประตูห้องถูกขุนโชติเปิดกล้าก็กดคะนึงนิจลงกับเตียงก่อนจะโน้มตัวลงจูบทันทีคะนึงนิจอึ้ง
ขุนโชติ เสือไท อาจารย์ยอด ที่เห็นก็พากันมองอึ้งกับภาพกล้าที่กำลังจูบคะนึงนิจอย่างหนักหน่วง คะนึงนิจขืนตัว พลางตบตัวกล้าใหญ่ กล้าทำเป็นผละออกแล้วแกล้งทำเป็นมองพวกขุนโชติ เขินๆ
“เอ่อ...อาจารย์ ฉันขอโทษ นังนี่มันเด็ดจริงๆ เล่นเอาฉันหยุดแทบไม่ได้ อาจารย์กลับกันมาเร็วจริงๆ เอ่อ จะรังเกียจไหม ถ้าฉันจะ(ต่อ)...”
อาจารย์ยอดแม้เจ็บก็พูดเพื่อช่วยกล้า
“ข้าว่าเราอย่าไปขวางความสุขมันเลยนะท่าน”
ขุนโชติเข้าใจว่ากล้าพลอดรักอยู่จริง เดินกลับออกไป เสือไทตาม อาจารย์ยอดรีบปิดประตูห้อง คะนึงนิจที่รออยู่ ก็ตบหน้ากล้าฉาดใหญ่แล้วจ้องมองด้วยความสะเทือนใจกับสิ่งที่กล้าทำอย่างมาก กล้าจับแก้มที่โดนตบกวนๆ
“ทำไม อยากโดนอีกรึไง” กล้าจับปากตัวเอง “รึว่าติดใจ”
คะนึงนิจน้ำตาร่วง
“เลว แกมันเลว”
กล้าทำหัวเราะเยาะชอบใจ
“เค้าว่าผู้หญิงด่า คือผู้หญิงรัก อย่าริบอกใครเรื่องฉันออกไปข้างนอกเป็นอันขาด แม้แต่กับพี่ชายเธอ ไม่งั้นคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
กล้าหยิบเสื้อก่อนจะทำเดินโมโหออกจากห้อง ปิดประตูปัง! คะนึงนิจนั่งร้องไห้ เสียใจที่โดนกล้าทำกับตนขนาดนี้
เสือไทกลับที่พักด้วยความรู้สึกหมั่นไส้กล้าสุด
“เฮอะ คนของตัวเองกำลังถูกไล่ฆ่า แต่ยังมีแก่ใจเล่นบทรัก มันทำได้เยี่ยงไรกัน คนเช่นนี้สันดานมันต้องเลวระยำยิ่งนัก”
ขุนโชติดุเสือไท
“หยุดได้แล้วไอ้ไท” ขุนโชตินึกถึงตอนที่ประมือกับกล้าแล้วเลือดกล้าซึมหายเข้าไปในดาบประจุพราย ขุนโชติพูดด้วยความพึงพอใจในกล้า “ข้าบอกแล้วว่ามันเกิดในฤกษ์ดาวโจร จิตใจมันเหี้ยมเยี่ยงนี้ ไม่เห็นจะแปลกกระไร หึ ศิษย์ข้าผู้นี้มันต้องได้เป็นขุนโจรที่เกรียงไกรไม่ต่างจากข้าแน่!”
เสือไทได้ยินก็ยิ่งริษยากล้าขณะนั้นกล้าเดินสะพายดาบประจุพรายมาจากอีกมุมหนึ่ง เสือไทเห็นก็พูดแดกดันทันที
“กระไรวะ นังนั่นมันหอมมันหวานจนลืมปู่เอ็งเสียสิ้นแล้วกระนั้นรึ”
กล้าแดกดันกลับ
“มันทั้งหวาน ทั้งหอมทีเดียวล่ะ ต้องขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้ฉันขึ้นสวรรค์ได้ขนาดนี้ ใครบางคนก็เลยต้อง“อด”
เสือไทมีน้ำโห ชักขวานจะเอาเรื่อง
“ไอ้กล้า”
“หยุดบัดเดี๋ยวนี้ ไอ้ไท” ขุนโชติตวาด
“แต่พี่โชติ ไอ้กล้ามัน”
“ก็ใยเอ็งต้องไปเหน็บแนมมัน อาการประหนึ่งสตรีเยี่ยงนี้ข้าไม่ชอบ”
เสือไทฮึดฮัด มองกล้าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ กล้ารู้ว่าขุนโชติถือหางตน ยิ่งอยากทำให้แตกกันเข้าไปอีก
“ไม่เป็นไรครู” กล้าเหลือบไปทางเสือไท “ฉันคือเสือกล้า ไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่ถ้าครูจะเปลี่ยนใจ ยกนังนั่นเป็นเมียเสือไทฉันก็ไม่ว่า”
“คนอย่างข้าไม่กลืนน้ำลายตัวเอง รึเอ็งไม่พอใจข้า” ขุนโชติถามเสือไท
“เปล่าพี่ ข้าก็แล้วแต่พี่”
เสือไทมองกล้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ กล้ายิ้มเย้ย แล้วทำเป็นพูด
“แล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหมอาจารย์”
ขุนโชติหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“พวกไอ้หลวงณรงค์มันไม่ครนามือข้าหรอก เสียดาย หากไม่มีคนเสกพายุช่วยมันไว้ ข้าต้องได้บั่นคอพวกมันทั้งหมดแน่”
กล้าทำเป็นคิดเครียดร่วมด้วย
“มันเป็นใครกันแน่นะ”
เสือไทมองกล้า สองคนจ้องตากันพอดี
“ข้าจักต้องรู้ให้ได้ ว่าไอ้โม่งนั่นคือผู้ใด” กล้าทำนิ่ง เสือไทเอาใจขุนโชติต่อ “พี่โชติ หากเราจัดไพร่พลทั้งหมดตามไล่ล่ามัน ข้าว่าเราต้องได้ฆ่าพวกมันไม่วันนี้ก็วันพรุ่งแน่”
ขุนโชติครุ่นคิด รู้สึกคล้อยตาม กล้าสังเกตได้และรู้ว่าพวกหาญอาจยังหนีได้ไม่ไกลจึงหาทางถ่วงเวลาโดยชมขุนโชติ แล้วเบี่ยงเบนความสนใจ
“ก็แค่พวกหมาจนตรอก ถึงจะมีคนมาช่วย แต่ถ้าเจอกับอาจารย์เข้ายังไงมันก็สู้ไม่ได้จะสนทำไม อย่าลืมสิว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการประกาศศักดาของ ขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬ”
ขุนโชติได้ยินก็สนใจขึ้นมา
“เอ็งมีแผนกระไร”
“ฉันว่าเราไปกินเหล้าแล้วค่อยๆ คุยเรื่องนี้กันดีกว่า”
กล้าเดินออกไป เสือไทมองตามหมั่นไส้กับมาดของกล้า ส่วนขุนโชติมองอย่างชื่นชอบ
ในป่าหาญนอนซมเพราะอาการบาดเจ็บอยู่ข้างกองไฟ ศรีแพรใช้เศษผ้าชุบน้ำซับเหงื่อและเช็ดหน้าให้หาญ
หาญเพ้อ
“ศรีแพร ศรีแพร ข้าขอโทษ ขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ เจ้าทำเพื่อข้า ข้าไม่โทษเจ้า”
ทันใดได้ยินเสียงฝีเท้าคนอยู่ไม่ห่างนัก ศรีแพรรีบดับกองไฟคว้าคชกุศป้องกันตัว เท้าชายลึกลับเดินเข้ามาศรีแพรอ้อมไปด้านหลังฟันด้วยคชกุศกลายเป็นยิ่งยศเบี่ยงหลบ
“เจ้า”
“ฉันเอง ไอ้หาญ”
“เค้าบาดเจ็บ”
ยิ่งยศเข้าไปดูหาญใกล้ๆ อย่างเป็นห่วง เห็นบาดแผลเป็นจุดไหม้
“กระสุนไฟ”
หาญรู้สึกตัว ดีใจที่ยิ่งยศไม่เป็นไร
“ไอ้ยิ่ง”
“แกมันดวงแข็งนี่หว่า ขนาดไม่มีอาคมโดนหนักอย่างนี้ยังไม่ตาย”
หาญจะลุก ศรีแพรต้องช่วยพยุง
“แกปลอดภัยดี ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่”
“ก็เกือบไปเหมือนกัน แต่จู่ๆ ก็มีพายุจากไหนไม่รู้พัดกระหน่ำ ฉันถึงฉวยโอกาสหนีมาได้”
“พายุเหรอ”
“ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พายุนั่นต้องเกิดจากอาคม”
“หรือว่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ช่วยเรา” ยิ่งยศแปลกใจ “มีไอ้โม่งปรากฎตัวช่วยพวกเราไว้”
“ใครกัน มันต้องการอะไร”
“แต่น่าจะเป็นมิตรมากกว่าศัตรู”
ทันใดหาญก็ทรุด กระอักเลือด ยิ่งยศตกใจ
“หาญ หาญ เจ้าเป็นอะไร”
เส้นผมบนศีรษะของหาญค่อยๆ หงอกมากขึ้น ศรีแพรกับยิ่งยศต่างตกใจ
ส่วนที่โรงไม้ เสือไทกินเหล้าจนเมาแล้วปาไหเหล้าทิ้ง จากนั้นก็เดินเซไปกองอุปกรณ์โรงไม้ที่วางอยู่ มีพวกพร้า เลื่อย ที่วางอยู่ เสือไทคว้าพร้าเข้าไปหากล้าที่นั่งแกล้งทำเป็นจิบเหล้าอยู่
“ชักดาบออกมา ข้าจักวัดฝีมือกับเอ็ง”
ขุนโชติกับอาจารย์ยอดนั่งอยู่มุมหนึ่ง มีไหเหล้า มีกับวางอยู่ ทั้งสองต่างมองปฏิกริยาของกล้า กล้าลุกขึ้น
“เสือไท ถ้าเมาก็กลับที่พักไปนอนซะ”
“ไอ้กล้า”
เสือไทกระชากคอเสื้อกล้า กล้าพูดเบาๆ ตั้งใจยั่ว
“ครูบอกว่าให้ฉันเป็นมือขวาแทนแกแล้ว สะใจไหมล่ะ” กล้าปัดมือเสือไทออก “ครู ฉันขอตัวไปตรวจดูรอบๆปางไม้ก่อน”
ขุนโชติพยักหน้ารับ กล้าหันหลังเดินออกไป เสือไทแค้นกล้าที่ทำตัวเองหัวเน่า
“ไอ้กล้า”
เสือง้างพร้าฟันไล่หลัง กล้าเหลือบเห็น เบี่ยงตัวหลบ เสือไทเซไป แล้วไล่ฟันกล้าแบบเมาๆ อีก กล้าหลบตลอด เสือไทล้มหน้าคว่ำไป ก่อนจะหันมองกล้าด้วยความโมโหแล้วขว้างพร้าใส่เต็มแรงทันที พร้าพุ่งไปที่กล้า กล้าเบี่ยงหลบ พร้าลอยไปที่ตัวขุนโชติ ขุนโชติเอนหัวหลบ พร้าปักผนังข้างหัวขุนโชติ เสือไทมองไปเห็นขุนโชติมองอยู่ด้วยความโมโหก็หน้าซีด กลัว
“พี่โชติ”
ขุนโชติเคลื่อนตัวอย่างเร็วพุ่งไปประชิดเสือไท กระชากคอเสื้อ
“เห็นทีข้าต้องลงทัณฑ์เอ็งเสียบ้าง ไอ้ไท”
ขุนโชติง้างมือขึ้น เผยให้เห็นกงเล็บที่กำลังจะตวัดไปยังเสือไท แต่แล้วกล้ากลับเข้าขวางเสือไทไว้
“อย่า อาจารย์”
“ไอ้กล้า ถอยไป มันทำเอ็ง เหตุใดเอ็งต้องช่วยมัน”
“พวกเราเป็นเสือ เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือด้วยกัน เสือไทเมาอาจารย์อย่าถือสาเลย เรากำลังจะสร้างปางไม้นี้ให้เป็นชุมโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้ามีเรื่องกันเอง คงไม่ดีแน่”
ขุนโชติใจเย็นลง
“สมแล้วที่เอ็งเป็นลูกศิษย์ข้า เอ็งเป็นเสืออย่าริทำตัวเป็นหมาให้ข้าเห็นอีก ไม่เช่นนั้น ข้าจักไม่เอาเอ็งไว้”
ขุนโชติบอกกับเสือไท เสือไทรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ขุนโชติเชื่อแต่กล้า
“พี่โชติ”
“ไป”
ขุนโชติตวาดลั่น กล้ายิ้มเยาะเย้ยใส่เสือไท เสือไทเห็นก็มองกล้าด้วยความแค้น แล้วโซเซออกไป ขุนโชติมองตามหลังอย่างเอือมระอา
“ข้าจักเข้าฌานเพื่อเพิ่มพลังสักพัก เอ็งจงดูแลที่นี่แทนข้า” ขุนโชติหันมาสั่งกล้า
“อาจารย์ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
ขุนโชติออกไป กล้ากับอาจารย์ยอดเหลือบมองอย่างรู้กัน
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 (ต่อ)
เหตุการณ์ในป่าตอนที่อาจารย์ยอดรู้ว่าไอ้โม่งที่ช่วยหาญคือกล้า อาจารย์ยอดมองกล้าที่ปลดผ้าโพกหัวออกอย่างตะลึง
“ไอ้กล้า ที่แท้เอ็งก็แกล้งสวามิภักดิ์ต่อขุนโชตินี่เองเอ็งมีแผนอะไร”
กล้ายิ้มเยาะ
“คนฉลาดต้องรู้จักปรับตัว แค่เล่นละครนิดๆ หน่อยๆ ฉันก็ได้วิชาและดาบคู่ใจของขุนโชติ แล้วยังช่วยแม่กับปู่ไว้ได้อีก เทคนิคเอาตัวรอดแบบนี้ อาจารย์ยอดน่าจะเชี่ยวชาญดีไม่ใช่เหรอ”
“เอ็งมันร้ายกว่าที่ข้าคิด ข้าจะจับเอ็งกลับไปกระชากหน้ากากอสรพิษให้ขุนโชติได้เห็น”
อาจารย์ยอดเป่ามนต์ลงบนไม้ครู เตรียมจะสู้กับกล้า แต่กล้าไม่กลัว
“ถ้าขุนโชติรู้ความจริง แล้วอาจารย์จะได้อะไร อย่างมากฉันก็ถูกฆ่าตาย อาจารย์ก็แค่ได้เป็นขี้ข้าที่ถูกกดขี่”กล้าจ้องอาจารย์ยอด อย่างเย้ยหยัน “คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ยอดผู้เกรียงไกรจะพอใจกับการเป็นสุนัขรับใช้โจรหลงยุคอย่างนั้น”
อาจารย์ยอดสะอึกที่กล้าพูดแทงใจดำ
“ไอ้กล้า เอ็งด่าข้า”
“ฉันแค่พูดความจริง ลองคิดให้ดี ฝีมือระดับขุนโชติตอนนี้จะฆ่าอาจารย์ทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ พ่อเลี้ยงภูมินทร์ก็เป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ไปแล้วจะมีก็แต่พวกปู่หาญที่พอจะคานอำนาจของขุนโชติเอาไว้ได้” กล้าสบตาอาจารย์ยอด จริงจัง “ถ้าเราร่วมมือกัน การโค่นขุนโชติคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“หึหึ อย่างนี้นี่เอง เอ็งถึงยอมเปิดเผยความลับให้ข้ารู้”
อาจารย์ยอดคิดหนักก่อนตัดสินใจร่ายมนต์เรียกพายุ แล้วเป่าใส่มือ พายุหมุนเล็กๆ ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือ
“จะทำอะไร”
กล้าถามอย่างสงสัย อาจารย์ยอดสะบัดฝ่ามือออกไปพายุหมุนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าขยายวงกว้างขึ้น
“ในเมื่อเราเป็นพวกเดียวกัน ข้าก็ต้องช่วยปู่เอ็งก่อนนะสิ” กล้ายิ้มพอใจที่อาจารย์ยอดยอมร่วมมือด้วย ทันใดอาจารย์ยอดก็ใช้ฝ่ามือซัดพลังทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บกล้าตกใจ “ถ้าข้าไม่บาดเจ็บกลับไป ขุนโชติอาจระแวงได้”
กล้าอึ้ง รู้ว่าอาจารย์ยอดน่ากลัว ไว้ใจไม่ได้
“เอ็งนี่เก่งไม่เบาเล่นซะไอ้ไทตกกระป๋อง”
อาจารย์ยอดหลังจากขุนโชติไปแล้ว
“ช่วยไม่ได้ มันอยากโง่เอง ฉันรับรอง ถ้าเรื่องทั้งหมดสำเร็จเมื่อไหร่ สมบัติทั้งหมด แบ่งกันครึ่งครึ่ง”
“ดี! ข้าหมั่นไส้ไอ้ขุนโชติมันจริงๆ ทำเป็นจะแก้แค้น สุดท้ายก็ไม่พ้นสันดานโจร หลงแต่อำนาจเงินทอง อุตส่าห์กุเรื่องหลวงณรงค์บ้านั่นมาหลอกใช้มันแท้ๆ”
“หมายความว่าไง” กล้าหลอกถาม
“ก็มันคิดว่าปู่เอ็งคือหลวงณรงค์ ข้าก็เลยยุมันส่งไป ไอ้หาญปู่เอ็งมันโชคร้ายเองที่เกิดมาหน้าเหมือนศัตรูขุนโชติ ข้าแค่เพิ่มแค่เติมให้เชื้อแค้นมันปะทุกลายเป็นไฟอาฆาต เชอะ สุดท้ายก็เสียเวลาเปล่า” กล้าได้ยินความจริงก็นิ่งคิด รับรู้ว่าขุนโชติถูกหลอกจากเรื่องที่แต่งเพิ่มขึ้น อาจารย์ยอดคิดว่ากล้าหนักใจ “เอ็งไม่ต้องหนักใจ ถ้าเราร่วมมือกัน ไอ้ขุนโชติมันต้องถึงคราวสิ้นชื่อ”
“แล้วไอ้ตัวส่วนเกินล่ะ อาจารย์จะเอายังไง”
อาจารย์ยอดยิ้มนิดๆ ไม่ตอบ
ขณะนั้นภูมินทร์กำลังไขประตูห้องพักอาจารย์ยอดด้วยกุญแจสำรอง ภายใต้ห้องมีแต่แสงสลัวภูมินทร์ย่องเข้ามาในห้องแล้วเดินตรงไปที่เตียง
ภูมินทร์ออกมาจากห้องพัก มองซ้ายขวาระวังตัวแล้วรีบย่องออกไป
วันต่อมาขุนโชตินั่งสมาธิอยู่ที่โขดหินท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เท้าของภูมินทร์เดินปรี่ตรงเข้าหาขุนโชติ
มือภูมินทร์ถือขวานเข้าฟันขุนโชติจากด้านหลัง ขุนโชตินั่งสมาธิอยู่รู้ตัว กระโดดกลิ้งตัวไปข้างหน้า ดีดตัวขึ้นยืน หันมองภูมินทร์ ภูมินทร์ยืนจังก้าจ้องเขม็งอยู่ ตาเป็นสีเลือดเพราะเส้นเลือดฝอยในตาแตก เนื้อตัวมีรังสีแดงระเรื่อๆ เหมือนออร่าแผ่กระจาย
“ฉันจะสอนให้แกรู้จักฤทธิ์ของว่านเทวาเอง ย๊าก”
ภูมินทร์วิ่งถือขวานปรี่เข้าฟันขุนโชติ ขุนโชติตวัดกงเล็บทีเดียวขวานกระจุยไป ขุนโชติตวัดกงเล็บไปที่ภูมินทร์
ภูมินทร์หลบด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว แล้วซัดหมัดใส่ที่ท้องขุนโชติด้วยพละกำลังของว่าน ขุนโชติเกิดเกล็ดจระเข้ขึ้นกำบัง แต่พลังของหมัดกลับดันจนเกล็ดยุบลงไป
ขุนโชติถอยผงะจุก ภูมินทร์ตามซัด ขุนโชติเคลื่อนตัวหลบ หมัดเลยไปซัดที่ต้นไม้ ต้นไม้กระจุย ภูมินทร์ฮึกเหิมกับพละกำลังมหาศาล
“ฮ่าๆ วันนี้คือวันตายของแก”
ขุนโชติโมโห ร่ายมนต์กสินไฟ เกิดลูกไฟขึ้นที่มือแล้วสะบัดไป ภูมินทร์ไม่กลัว ต่อยลูกไฟกระจายก่อนจะวิ่งไปที่ขุนโชติประชิดตัว ขุนโชติตวัดกงเล็บ ภูมินทร์หลบแล้วซัดรัวเข้าที่ตัวขุนโชติอย่างสะใจจนเกล็ดจระเข้ที่เกิดขึ้นกำบังแตกกระจาย ขุนโชติทรุดกระอักเลือด ภูมินทร์มองขุนโชติทั้งสะใจทั้งแค้น
“ตาย”
ภูมินทร์กำหมัดจะซัด แต่แล้วกล้าเคลื่อนตัวอย่างเร็วเข้ามาขวาง พร้อมดาบประจุพรายหนึ่งเล่มในมือ
“หยุดนะ ไอ้ภูมินทร์”
“แกมาก็ดีแล้ว ตายไปพร้อมกันซะเลย”
“แกแน่ใจ”
ภูมินทร์พุ่งเข้าซัดกล้า กล้าเบี่ยงหลบเอามือรับหมัด ยิ้มเย้ย ก่อนจะแทงเข่า ภูมินทร์ผงะถอย งง มองเนื้อตัวตัวเอง มีผดสีแดงขึ้นเต็ม ภูมินทร์ตกใจ ก่อนจะเริ่มมึน ภูมินทร์เห็นภาพกล้าพร่ามัว เอียงไปมา กล้าปักดาบลงพื้นเดินเข้าซัดภูมินทร์ ภูมินทร์หน้าหัน เลือดกลบปาก
“นี่ยังน้อยไป สำหรับแก” กล้ากระชากคอเสื้อจะซัดอีก แต่ชะงักไว้ผลักภูมินทร์ออก “ไปซะ ถ้าไม่อยากตาย ไป”
ภูมินทร์ได้ยินก็รีบหันหลังวิ่งหนี แต่ก็ชะงักอึ้งเมื่อเกล็ดจระเข้นับร้อยปักหลังภูมินทร์อยู่ ภูมินทร์หันหลังกลับมามองเห็นขุนโชติเคลื่อนตัวเข้าหา ตวัดกงเล็บรัวใส่อย่างไร้ความปราณี ร่างภูมินทร์เต็มไปด้วยรอยกงเล็บทั้งร่าง เนื้อถูกเฉือนหั่นไปถึงกระดูก เลือดไหลอาบ ภูมินทร์ทรุดร่วง สลบไปเพราะความสาหัสของบาดแผล กล้าอึ้ง ขุนโชติบอกกล้า
“ในการศึกเอ็งจะใจอ่อนไม่ได้ อย่างไรก็ขอบใจเอ็งมาก” กล้ามองสภาพภูมินทร์ ทั้งสลดและเวทนา “ข้าจักให้คนลากเอาศพมันไปทิ้งเสีย”
“ข้าคือไอ้ไทแห่งทุ่งพระกาฬๆ”
ขุนโชติหันมองไปตามเสียง เห็นเสือไทเดินกอดไหเหล้าเมาผ่านเข้ามา ขุนโชติโมโห ตวาดเรียก
“ไอ้ไท”
เสือไทสะดุ้ง หันมองตาปรือเห็นขุนโชติก็เดินเซเข้ามาหา
“พี่โชติ มีกระไรให้ไอ้ไทรับใช้เหรอจ๊ะ” ขุนโชติโมโหถีบเสือไทหน้าหงาย “โอ๊ย ข้าเจ็บนะพี่โชติ”
“แต่ข้าเจ็บกว่า เอ็งเป็นมือขวาของข้าแท้ๆ แต่กลับหายไปยามคับขับ หากไม่ได้ไอ้กล้าช่วยไว้ รู้รึไม่ว่าข้าจะเป็นเยี่ยงไร”
เสือไทได้ยิน อารามเมาและน้อยใจจึงเถียง
“ข้าเสือไทอยู่ข้างพี่ คอยรับใช้พี่มาข้ามภพข้ามชาติ แต่พี่กลับเห็นมันดีกว่าข้า ก็ให้มันมาแทนข้าเลยสิ ต่อไปพี่จะเป็นจะตายข้าก็ไม่ต้องรับรู้”
ขุนโชติได้ยินก็โมโหมาก
“ไอ้ไท”
ขุนโชติตวัดกงเล็บข่วนไปที่หน้าเสือไท จนเป็นรอยเล็บ เลือดไหลซิบ เสือไทอึ้ง จับเลือดที่หน้าตัวเอง
“พี่โชติ”
ขุนโชติเองก็เจ็บไม่น้อย แต่ต้องสั่งสอน
“หากมิใช่เอ็ง มันผู้นั้นต้องตายไปแล้ว ไป ไปคิดทบทวนให้ดี ว่าสิ่งที่เอ็งทำมันสมควรรึไม่ ไป”
เสือไทมองกล้าด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะเมาโซซัดโซเซออกไป ขุนโชติมองตามเครียด กล้าสะใจที่ทั้งสองแตกแยก เหลือบไปมองสบตากับอาจารย์ยอดที่ซุ่มอยู่ ทั้งสองพยักหน้าให้กัน
ยิ่งยศกับศรีแพรพยุงหาญเข้ามาในถ้ำ ประคองให้นั่ง สภาพหาญตอนนี้มีผมขาวหลายปอย ปากซีดเซียว ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น
“เรามาที่นี่กันทำไม ทำไมไม่พาหาญไปหาหมอ”
“หมอเทวดาที่ไหนก็รักษาไม่ได้หรอก ไอ้หาญกำลังจะตายเพราะพลังชีพใกล้หมดเต็มทีแล้ว”
ศรีแพรถึงกับช็อค
“ไม่ ไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย”
“ที่ไอ้ยิ่งพูดเป็นความจริง ข้าละเมิดกฎเหล็กของอมฤตเทวาพลังชีพของข้าจะถดถอยลงเรื่อยๆ”
“ยิ่งบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ เท่ากับเร่งวันเวลาของไอ้หาญ ให้หมดลงเร็วขึ้น”
“เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย เจ้าถึงไม่ยอมออกเรือนไปกับข้า” หาญหลบตา พยักหน้า “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรก”
ศรีแพรน้ำตาไหล รู้สึกผิด “เพราะข้า ข้าทำให้เจ้าต้องตาย”
“เอ็งไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าทำบุญมาเพียงแค่นี้ ไม่มีใครฝืนชะตาได้หรอก เสียดายก็แต่ข้ายังช่วยกล้าไม่สำเร็จ”
“ต้องได้สิ ขุนโชติกับผู้การยิ่งยศยังกลับฟื้นคืนชีพมาได้ เจ้าก็ต้องรักษาได้”
ยิ่งยศนึกถึงคำสอนของพ่อปู่บุญทา
“ยังมีอีกวิธี แกจำคำที่พ่อปู่เคยบอกเราได้มั้ย” ยิ่งยศถามหาญ “อานุภาพของเหล็กไหล พญาสมิงเหล็ก สามารถต่อชีวิตได้”
“ฉันคืนพญาสมิงเหล็กสู่ป่าอาถรรพ์ไปแล้ว สภาพฉันตอนนี้คงเดินทางไปไม่ถึงป่าอาถรรพ์แน่”
“ข้าจะไปเอง ยังไงข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าตาย” ศรีแพรบอก หาญสบตาศรีแพร ซาบซึ้ง
“ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันกับไอ้หาญจะทำพิธีอัญเชิญพญาสมิงเหล็กมาผสานร่างกับไอ้หาญที่นี่ แต่เธอต้องเฝ้าปากถ้ำไว้ให้ดี นับจากนี้ไปอีกเจ็ดวัน ห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นฉันกับไอ้หาญอาจมีอันตรายถึงชีวิต”
ยิ่งยศบอก ศรีแพรกุมมือหาญ
“เจ้ามอบชีวิตตัวเองให้ข้า ถึงเวลาที่ข้าต้องตอบแทน ข้าให้คำมั่น จะไม่ให้ใครกล้ำกรายเข้ามาในถ้ำนี้เด็ดขาด”
ศรีแพรเดินออกมาจากในถ้ำสีหน้าเครียด หันกลับไปมองข้างในเป็นห่วงหาญ ระหว่างนั้นมีสัตว์ร้ายมองมาจากหลังแนวป่า ศรีแพรดึงคชกุศที่เหน็บหลังไว้ออกมาท่าทางมุ่งมั่น ยืนระแวดระวังอยู่หน้าถ้ำตามลำพัง
สมุนชายเอาข้าวมาวางให้คะนึงนิจที่โต๊ะแล้วรีบเดินออกไป คะนึงนิจเห็นท่าทีก็ไม่พอใจนัก
“เดี๋ยวก่อน” สมุนหันกลับ มองคะนึงนิจอย่างไม่ยำเกรง “พี่ภูล่ะ อยู่ไหน”
คะนึงนิจรอฟังคำตอบ
อีกด้านหนึ่งของปางไม้ อาจารย์ยอดกำลังหัวเราะอย่างสะใจ
“ไอ้ขุนโชติมันให้คนเอาร่างไอ้พ่อเลี้ยงไปทิ้งที่เหวฮะๆ สะใจข้าจริงๆ ในที่สุดแผนเราก็สำเร็จไปหนึ่ง”
“แผนของอาจารย์เยี่ยมมากจริงๆ”
กล้าบอกอาจารย์ยอดยิ้มเหี้ยม
“หึ คนโลภอย่างมันวางแผนกำจัดได้ไม่ยาก แค่เปิดโอกาสให้มันมาขโมยว่านไปเท่านั้นเอง”
“แล้วว่านนั่น” กล้าทำหน้าสงสัย
“มันคือว่านอสูร คนที่กินจะมีพลังและฮึกเหิมในตอนต้นแต่เมื่อพลังในร่างทั้งหมดถูกใช้ พิษของมันก็จะสำแดง
เรี่ยวแรงอ่อนล้า มึนงง ถึงมันไม่ตายเพราะไอ้ขุนโชติ มันก็ตายเพราะพิษเข้าสู่หัวใจอยู่ดี”
กล้ารู้สึกถึงความเหี้ยมของอาจารย์ยอด แต่ทำพูดดี
“ถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วย เราคงกำจัดไอ้ภูมินทร์ไม่ได้เร็วขนาดนี้ตอนนี้ก็เหลือแค่ขุนโชติเท่านั้น แต่นาทีนี้ ใครจะไปสู้มันได้ล่ะ จริงไหม”
“แล้วถ้าข้ามีของที่ทำให้เอ็งสู้มันได้ เอ็งจะกล้าใช้มันไหม” กล้าพยักหน้ารับจริงจัง “แล้วไม่กลัวจะโดนข้าหลอกเหมือนไอ้พ่อเลี้ยงรึไง”
“อาจารย์อย่าลืมสิ ว่าฉันชื่ออะไร”
สองคนมองกันอย่างวัดใจ อาจารย์ยอดหัวเราะชอบใจ
“มันต้องแบบนี้สิวะ”
กล้ายิ้มทำเหมือนชอบใจไปด้วย
อาจารย์ยอดพากล้ามาที่ห้องพัก พอเข้ามาในห้องอาจารย์ยอดดึงลิ้นชักโต๊ะออกแต่เห็นเป็นลิ้นชักเปล่า อาจารย์ยอดว่าคาถาแล้วสะบัดมนต์ คลื่นมนต์ปะทะลิ้นชักจึงห่อผ้าโบราณวางอยู่ อาจารย์ยอดหยิบออกมา
“สิ่งที่ข้าจะมอบให้เอ็ง เป็นสิ่งที่ทำให้เอ็งคว่ำไอ้ขุนโชติได้แน่” อาจารย์ยอดเปิดห่อผ้าเผยให้เห็นคัมภีร์ใบลานเก่าแก่อยู่ภายใน “นี่คือคัมภีร์นาคราช หากเอ็งฝึกมันจนถึงขั้นสุดท้ายแล้วล่ะก็กุมภีร์พิฆาตจะเป็นเพียงแค่วิชกระจอกๆ สำหรับเอ็ง”
อาจารย์ยอดยิ้มเหี้ยมกล้ามองคัมภีร์ในมือยอด พอใจที่ตนจะได้วิชาจัดการกับขุนโชติ
กล้ากลับมายังห้องพักแล้วต้องอึ้งเครียดเมื่อเห็นจานข้าวหล่นแตกอยู่ ข้าวร่วงเต็มพื้น กล้าเครียดรีบเดินเข้าที่พักมา มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นคะนึงนิจ ทันใดประตูก็ปิดปึ้ง!คะนึงนิจที่ซ่อนอยู่หลังประตูพุ่งเข้าเอาขวดปากฉลามจะแทงกล้าด้วยความคลั่งแค้น หน้าคะนึงนิจเต็มไปด้วยคราบน้ำตา กล้าหลบได้อย่างฉิวเฉียด คะนึงนิจพุ่งเข้าแทงอีก
กล้าหลบถอยออก พยายามไม่ทำร้ายคะนึงนิจ
“นิจ นี่มันอะไรกัน วางมีดซะ”
คะนึงนิจจ้องกล้า น้ำตาร่วงด้วยความแค้น
“แกฆ่าพี่ภู อย่าอยู่เลย”
คะนึงนิจพุ่งเข้าจะแทงกล้า กล้าหลบๆ แล้วสับมือคะนึงนิจ มีดร่วง กล้าจะคว้าตัวคะนึงนิจ คะนึงนิจหลบได้ ถอยไปคว้าของที่ใกล้มือในห้องขว้างใส่กล้าอย่างบ้าคลั่ง ข้าวของแตกกระจายเต็มห้อง
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกมันเลวๆๆ”
กล้าพยายามไม่สู้ทั้งหลบทั้งปัดของออก พลางปรี่เข้าไปหาคะนึงนิจ พอใกล้ตัวก็พุ่งเข้ากอดคะนึงนิจไว้
“หยุดได้แล้วนิจ พี่บอกให้หยุด มีดนั่นทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก”
คะนึงนิจดิ้นสุดแรงเกิด คะนึงนิจเอาศอกกระทุ้งท้องกล้าสุดแรง กล้าจุกกุมท้อง คะนึงนิจได้ทีหยิบมีดจะแทงซ้ำ ทันใดประตูถูกเปิด สมุนถือปืนเล็งเดินเข้ามา
“หยุดนะ”
คะนึงนิจชะงัก
“มันอาละวาด ผมก็เลยออกไปตามนายครับ นายกล้า” สมุนบอกกล้า
คะนึงนิจลดมือที่ถือมีดลง น้ำตาร่วงเผาะ มองกล้าเจ็บปวด
“ที่นี่คงไม่ใช่บ้านของฉันอีกต่อไปแล้วสินะ ขอบคุณที่สอนให้ฉันได้รู้ว่าธาตุแท้ของคนมันเป็นยังไง” กล้ามองสมุนที่เล็งปืนอยู่ จะอธิบายก็ไม่ได้ “ในเมื่อฉันไม่เหลือใคร มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อไป”
คะนึงนิจจะจ้วงแทงตัวเอง กล้ารีบวิ่งเข้าไปดึงไว้ มีการยื้อแย่ง กล้าแรงมากกว่าได้ขวดไปอยู่ในมือ แต่คะนึงนิจรีบคว้าแย่งกลับ มือคะนึงนิจกำมือกล้าที่ถือขวดและไปโดนคมส่วนหนึ่งด้วยจนเลือดออก กล้าเห็นเข้าก็ตกใจ
“นิจ ปล่อย”
คะนึงนิจแม้เจ็บมือแต่ก็ไม่ปล่อย จ้องกล้า
“ไม่ ฉันอยากตาย”
กล้าเครียดจัดเอาอีกมือออกแรงดึงมือคะนึงนิจที่กำมีดออก สมุนเก็บปืนแล้วรีบมาช่วยรวบตัวคะนึงนิจ จับล็อคแขนกดตัวลงนั่ง กล้าโยนมีดทิ้ง พลางมองคะนึงนิจ เห็นเลือดที่มือไหลซึมออกมาก็เป็นห่วงแต่ต้องทำเหี้ยม
“สิ้นฤทธิ์ซักที นังตัวดี”
คะนึงนิจนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ถูกมัดขาติดกับเก้าอี้ แขนทั้งสองถูกมัดกับพนักพิงส่วนมือถูกทำแผลเรียบร้อยแล้ว
คะนึงนิจน้ำตาร่วงมองกล้า
“ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย”
สมุนอยู่ด้วย กล้าจึงทำยิ้มเยาะ
“เพิ่งเป็นเมียฉันได้ไม่นาน จะรีบตายไปไหนล่ะ ฮะ”
“แก แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย จำได้ไหมว่าแกพูดอะไรไว้ ไหนแกบอกจะไม่ฆ่าพี่ภู แกผิดสัญญาด้วย”
กล้าอึ้งๆ จำได้ว่าให้สัญญาไว้ แต่สมุนอยู่จำต้องทำให้ตายใจ กล้ายิ้มเหี้ยม
“ฮะๆๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะโง่ขนาดนี้ สัจจะน่ะมันไม่มีในหมู่โจรหรอก รู้ไว้ซะด้วย”
คะนึงนิจได้ยินก็อึ้ง
“เลว แกมันไอ้สารเลว คนอย่างแกมันไม่ตายดีแน่”
กล้าบีบหน้าคะนึงนิจ
“ถ้างั้นเธอก็จะรีบตายไปทำไม ถ้าอยากเห็นกรรมสนองฉันนักก็อยู่รอดูก่อนสิ” กล้ายิ้ม เอามือตบหน้าคะนึงนิจเบาๆ แล้วสั่งสมุนเสียงเข้ม “มัดมันไว้”
“ครับนายกล้า”
กล้าทำเดินหัวเราะสะใจ ออกไปจากห้อง
กล้าปิดประตู แล้วยืนเครียดอยู่หน้าห้อง
“พี่ขอโทษ...นิจ”
กล้ายืนน้ำตาคลอ รู้สึกแย่มากที่ต้องทำกับคะนึงนิจแบบนี้
ภายในห้องแคบๆ อับๆ มีแสงสลัวๆ จากหลอดไฟสีชมพูคมถอดเสื้อ กำลังกอดซุกไซร้สาวบาร์ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขัดจังหวะ
“พี่คม พี่คม แย่แล้ว”
คมหงุดหงิดลุกไปเปิดประตู
“อะไรวะไอ้บัติ”
“มีคนอาละวาดในบาร์เราพี่”
ทันใดเสียงปืนก็ดังขึ้น เปรี้ยง คมหน้าเครียด รีบใส่เสื้อ คว้าปืนแล้วเดินออกไป
คมเดินออกมาเสียงปืนดังอีกเปรี้ยง สาวบาร์อีกคนถูกยิงกระเด็นเข้ามานอนตายแทบเท้า เสือไทถือปืนในมือ อยู่ในอาการเมามายกวาดของบนโต๊ะร่วง
“มีไอ้อีหน้าไหน กล้าหยามว่าข้าโง่อีก”
เสือไทแกว่งปืนไปรอบๆ สาวบาร์กับบ๋อยมุดใต้โต๊ะตัวสั่นงันงก
“ไม่รู้มันเป็นบ้าหรือเปล่า พูดจาเหมือนลิเก เงินก็ไม่ยอมจ่าย”
เสือไทจ้องปืนมาที่กัปตัน
“อยากได้อัฐก็มาเอา มา”
คมจับข้อมือเสือไท
“ไอ้ไทหยุดได้แล้ว”
“ไอ้คม”
เสือไทหันขวับมามองคม จำได้
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เสือไทสร่างเมาขึ้นบ้าง
“ข้านึกว่าเอ็งหายหัวไปทำงานให้ไอ้พ่อเลี้ยง ที่แท้ก็มากบดานอยู่กับพวกนังผู้หญิงโคมเขียวนี่เอง”
“หึ แล้วแกล่ะมาทำอะไรที่นี่ ปกติแกเป็นเงาติดตัวขุนโชติไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าขุนโชติมาปล้นแถวนี้”
เสือไททั้งเจ็บใจทั้งน้อยใจ
“เป็นไอ้กล้าต่างหากที่กำลังขึ้นหม้อ ข้ามันเขลาเอง หลงซื่อสัตย์มาเนิ่นนาน เพลานี้พี่โชติเขาไม่เห็นหัวข้าแล้ว”
คมหัวเราะเยาะ
“แกก็เลยกลายเป็นหมาหัวเน่า”
เสือไทตบโต๊ะ อย่างโมโห
“อุ๊บ๊ะ เอ็งอยากเป็นผีเฝ้าซ่องรึกระไร” เสือไทนึกได้เยาะกลับ “เอ็งก็ไม่ต่างจากข้านักดอก แต่ก่อนเห็นเป็นหมาคอยเฝ้าเจ้านาย เพลานี้เอ็งจักตามเลียแข้งขาผู้ใดในเมื่อไอ้พ่อเลี้ยงนายเอ็งมันตายไปแล้ว” คมตกใจ
“หา แกพูดจริงเหรอ”
“นายของเอ็งถูกพี่โชติกับไอ้กล้าฆ่าตาย เอ็งมัวแต่มุดหัวอยู่ในนี้ ไม่รู้เรื่องเลยกระนั้นรึ”
จู่ๆ คมหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆๆ มันสมควรตายตั้งนานแล้ว”
“เอ็งว่ากระไรวะ”
“ฉันแช่งให้มันตายทุกวัน ต่อจากนี้ฉันจะได้เป็นใหญ่แทนมันซะที” คมสบตาเสือไท “ถ้าเอ็งอยากเป็นอิสระ มีอำนาจ เงินทอง ก็ไม่ต้องกลับไปหาขุนโชติอีก”
เสือไทเข้าใจความหมายของคมดีจึงลังเล
วันต่อมาขุนโชติเตรียมออกปล้น นั่งรอเสือไทอยู่กับสมุนที่อาวุธครบมือ กล้าดูไม่สบายใจ
“วันนี้เราอย่าเพิ่งออกปล้นเลยนะอาจารย์ เสือไทหายไปแบบนี้น่าเป็นห่วง ฉันจะไปตามหาก่อน”
“ไม่ต้อง มันคงไปเมาหัวราน้ำตามเคย เมื่อมันกล้ากระด้างกระเดื่องกับข้า ข้าก็ไม่เลี้ยง” ขุนโชติเดินออกไปหาพวกสมุน “ไอ้เสือทั้งหลาย จงฟัง วันนี้เราจะออกไปประกาศให้ไอ้พวกโปลิศมันรู้ว่า ชุมเสือทุ่งพระกาฬยิ่งใหญ่แกร่งกล้าเพียงใด หากไอ้โปลิศคนใดกล้ามาต่อกรก็กุดหัวมันเสีย ข้าจักมีรางวัลให้อย่างงาม”
สมุนเฮกัน ขุนโชติหันมาหา กล้าต้องทำเป็นขึงขัง
“ขอผมแสดงฝีมือเองนะครับอาจารย์”
“ข้าจักคอยดูฝีมือเอง ศิษย์รัก”
กล้ากระโดดขึ้นรถ
“ไอ้เสือบุก”
กล้านำพวกสมุนขึ้นรถ ขุนโชติขึ้นนั่งคู่คนขับ
“พ่อครับ พ่อสอนผมเสมอให้ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าพ่อมองอยู่บนฟ้า ผมอยากให้พ่อรู้ว่า นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าถูกต้องที่สุด”
รถขุนโชติแล่นเข้ามาในตลาด พวกสมุนยิงปืนขึ้นฟ้า สนั่นหวั่นไหว คนในตลาดตกใจพากันหลบ กล้าถือปืนสั้น สะพายดาบ กระโดดลงจากรถ
“ห้ามฆ่าใครก่อนที่ฉันจะสั่ง”
กล้าสั่งสมุน
ประตูโกดังเปิดออก กล้าต้อนชาวบ้านเข้าไป เด็กร้องไห้จ้า แม่กอดเด็กตัวสั่น
“วิธีของผมอาจจะไม่ขาวสะอาด แต่มันก็เป็นทางที่ผมเลือกแล้ว ผมเลือกที่จะอยู่ใกล้ศัตรูเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์”
กล้าเดินเข้าไปยื่นมือ แม่นึกว่าจะฆ่าเด็กเพราะรำคาญจึงหลับตาปี๋กอดเด็กแน่น กล้าเหน็บปืนที่เอวยื่นมือไปลูบหัวเด็ก
“ไม่ต้องตกใจ ฉันไม่ทำอะไรหนูหรอก”
เด็กหยุดร้อง ชาวบ้านมองงงๆ
สมุนเอาทรัพย์สิน ของมีค่ามากองรวมต่อหน้าขุนโชติ ขุนโชติมองอย่างพอใจ ตำรวจ 3 นายวิ่งเข้ามา
“หยุดนะ”
กล้าออกมาพอดีเห็นขุนโชติเดินเข้าหา ตำรวจยิงใส่ไม่ระคายผิว ขุนโชติสะบัดกรงเล็บใส่ ตำรวจโดนจังๆ ล้มไป 1 คน อีกสองคนบาดเจ็บ ตกใจวิ่งหนี กล้ารีบวิ่งไปบอกขุนโชติ
“ฉันจัดการพวกมันเอง”
กล้าวิ่งตามไป ขุนโชติมองตามอย่างไม่วางใจ
ตำรวจวิ่งหนีมาถึงทางตัน กล้าตามมา ตำรวจหันมายิงใส่ กล้าหยุดกระสุนตกลง ตำรวจเข้าสู้กับกล้าด้วยมือเปล่า กล้าอัดตำรวจลงไปนอนทั้งคู่แล้วชักดาบประจุพรายออกมาทั้งสองเล่ม แววตากล้าเริ่มแข็งกร้าว แสงจากดาบวาบขึ้น
ขุนโชติเดินเข้ามามองหา ได้ยินเสียงจึงเลี้ยวตามไป แล้วขุนโชติก็เห็นกล้าเงื้อดาบฟันตำรวจล้มตายทั้งคู่ ขุนโชติยิ้มถอยออก กล้าเหลือบตาเห็นขุนโชติไปแล้วจึงเอาดาบใส่ฝัก มองไปที่ตำรวจที่นอนตายแล้วเดินออก ตำรวจทั้งคู่กลายเป็นหุ่นพยนต์ ตำรวจตัวจริงสลบอยู่มีกระสอบคลุมใกล้ๆ แถวนั้น ตำรวจฟื้นเปิดกระสอบออกมางงๆ
“ถ้าพ่อไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ ผมจะไม่ขอให้พ่อคุ้มครองผมแต่ผมขอให้พ่อช่วยคุ้มครองคนดีทุกคนให้รอดจากเงื้อมมือของขุนโจรชั่วช้าอย่างขุนโชติด้วย”
เมื่อกลับมาที่ปางไม้ ขุนโชติชนแก้วกับกล้าหัวเราะร่า สมุนเมากันเละ ขุนโชติกอดคอกล้าแบบรักใคร่มาก
“จนกว่าผมจะฆ่ามันด้วยมือ ของผมเอง”
ขุนโชติชื่นชมของมีค่า ทองแท่งและสร้อยทองที่กองตรงหน้า
“ไอ้กล้า เห็นรึยัง เอ็งเห็นรึยังว่าไม่มีผู้ใดต้านทานข้าได้ ฮ่าๆ”
กล้าอยู่ข้างๆ แกล้งทำเป็นเมารินเหล้าใส่แก้วให้ขุนโชติ
“โห เห็นซะยิ่งกว่าเห็นอีกอาจารย์ ฉันสารภาพตามตรง ว่านับถือ นับถืออาจารย์จริงๆ เพราะอาจารย์แท้ๆ ไอ้เสือกล้าถึงได้โด่งได้ดัง มีเงิน มีทอง แถมยังได้มีเมียสวยๆ เด็ดๆ อีก”
ขุนโชติได้ยินพอใจ
“ข้าดีใจ ที่เอ็งเลือกติดตามข้า ไอ้กล้า” แต่แล้วขุนโชติก็ชะงัก คิดถึงลูกเมียตนเอง “นังสร้อย แลทุกคน ทุกคนที่เคยติดตามข้าจากข้าไปหมด ไม่เหลือแม้แต่ไอ้ดำ ไอ้ไท”
กล้าสัมผัสถึงความว้าเหว่ในใจขุนโชติก็อึ้ง สงสาร
“แต่อาจารย์ก็ยังมีฉัน”
ขุนโชติมองกล้า ซึ้งใจ จับไหล่กล้า
“ข้าซึ้งน้ำใจเอ็งยิ่งนักไอ้กล้า”
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 (ต่อ)
สองคนรู้สึกถึงความผูกพันกัน ขุนโชติตบไหล่กล้าแบบแมนๆ แล้วซดเหล้าอีก กล้ารู้ตัวว่าเผลอเห็นใจขุนโชติ กลับมาเอาใจต่อ
“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหม ตอนนี้ชุมเรายิ่งใหญ่ที่สุด อยากได้อะไรเราก็ได้ สุดยอด คิดดูสิ มัน ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว จริงไหม”
ขุนโชติได้ยินก็ชอบใจมาก
“เออสิวะ ต่อไปข้าจักทำให้ทุกคนได้รู้ รู้ว่าไอ้ขุนโชติมันคือใครแลมันยิ่งใหญ่เพียงใด ฮ่าๆๆ” แต่กล้าทำเป็นเครียด ขุนโชติสังเกตเห็น “เอ็งมีกระไร”
“ก็ฉันมันงั้นๆ ไม่ได้เก่งกาจอะไร เดี๋ยวจะเป็นจุดอ่อนให้อาจารย์ลำบากซะเปล่าๆ น่ะสิ”
ขุนโชติจับไหล่กล้า
“เอ็งห่วงข้าเยี่ยงนี้เชียวรึ” กล้าทำเมาพยักหน้ารับหงึกๆ “ฟังข้า ไอ้หลวงณรงค์แพ้แลหนีเยี่ยงหมาก็เพราะเอ็งช่วยข้า ข้าเพลี่ยงพล้ำต่อไอ้พ่อเลี้ยง เอ็งก็ช่วยข้า ผิดกับไอ้ดำไอ้ไทที่หักหลังแลทอดทิ้งข้า”
“อาจารย์”
“ข้าทำให้เอ็งเจ็บช้ำน้ำใจมาไม่น้อย ทำไมเอ็งยังภักดีต่อข้า”
“ฉันคงเกิดมาเพื่อเป็นโจรอย่างที่อาจารย์ว่านั่นแหละ อีกอย่างชาติก่อนฉันอาจจะเคยเป็นลูกหลานอาจารย์ก็ได้”
“ไอ้กล้า ข้าก็รู้สึกเยี่ยงเอ็ง มันก็มีบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้ข้าเชื่อใจเอ็ง เอ็งไม่ต้องกังวล ข้าจักถ่ายทอดเพลงดาบและวิชาอาคมทั้งหมดให้เอ็ง ไอ้ลูกชาย”
กล้าได้ยินก็อึ้ง ไม่คิดว่าขุนโชติจะจริงใจกับตนถึงเพียงนี้
สมุนแยกย้ายกันไปหมดแล้วเหลือเพียงขุนโชติที่นอนเมาหลับอยู่ กล้าคายว่านออกมาถือในมือ เก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะมองขุนโชติแล้วชักดาบประจุพรายขึ้นมาเงื้อมมือจะฟัน แต่แล้วกล้ากลับชะงัก คิดถึงความผูกพันที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนที่กล้าเจอขุนโชติครั้งแรกแล้วช่วยเสือไทไว้ ตอนที่กล้าเจอกับขุนโชติที่ห้องขัง ตอนขุนโชติบุกโรงพัก ตอนที่ขุนโชติมาช่วยกล้าจากสมุนภูมินทร์ ตอนที่อาบน้ำช้างด้วยกัน กล้ากับขุนโชติ มองบุญช่วย บุญช่วยยื่นงวงมาหยอกล้อกล้า ทั้งสองขำ ขุนโชติมองไปรอบๆ ใจคิดถึงลูกเมีย
“ที่แบบนี้ ช่างทำให้ข้านึกถึงที่ที่เคยอยู่นัก” ขุนโชติมองสายน้ำ เศร้าใจ “สายน้ำไม่อาจไหลกลับ เฉกเช่นอดีตที่ไม่อาจหวนคืน”
ขุนโชติเห็นใบไม้เล็กๆ ลอยตามน้ำมา ขุนโชติหยิบขึ้นมาแล้วเป่าเป็นเพลง กล้ามอง ก่อนคว้าเด็ดใบไม้ที่กิ่งยื่นมาใกล้ๆ บ้าง และเป่าคลอไปกับขุนโชติ ขุนโชติกับกล้าเหลือบมองกัน รู้สึกสนิทกันมากขึ้น
“ที่ข้าทำก็เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม ไม่มีผู้ใดดอก ที่อยากจะกลายโจร เรื่องนี้เอ็งก็น่าจะแจ้งแก่ใจ”
ขุนโชติเศร้าใจนัก กล้าสะท้อนใจ
“ข้าทำให้เอ็งเจ็บช้ำน้ำใจมาไม่น้อย เอ็งก็ยังภักดีต่อข้า ไอ้กล้า ถึงเอ็งจักเป็นลูกหลานไอ้หลวงณรงค์ แต่มันก็มีบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้ข้าเชื่อใจเอ็ง เอ็งไม่ต้องกังวล ข้าจักถ่ายทอดเพลงดาบและวิชาอาคมทั้งหมดให้เอ็ง ไอ้ลูกชาย”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้กล้าเปลี่ยนใจเก็บดาบเข้าฝักแล้วเอาเสื้อมาคลุมให้ขุนโชติ ก่อนจะเดินออกจากไป
“เสียดาย เอ็งไม่น่าใจอ่อน ไอ้ขุนโชติเมาไม่มีสติแบบนั้น ไม่ทันปลุกวิชาในตัว เอ็งอาจฆ่ามัน ได้”
อาจารย์ยอดบอกอย่างเสียดายเมื่อรู้ว่ากล้าไม่จัดการกับขุนโชติทั้งที่มีโอกาส
“อาจารย์ยอด ฉันอยากจะกำจัดขุนโชติก็จริง แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการลอบกัด เราเริ่มฝึกคัมภีร์นาคราชดีกว่า”
อีกด้านหนึ่งภายในถ้ำ หาญนั่งสมาธิกับยิ่งยศ ยื่นมือแตะถ่ายพลังซึ่งกันและกัน หาญกระอักเลือดออกมาอีก
“ไอ้หาญ”
ที่หน้าถ้ำศรีแพรนั่งอยู่หน้ากองไฟ ใช้มีดพกเหลาไม้แหลมให้เป็นลูกดอก ศรีแพร สะดุ้งได้ยินเสียงวิ่งเข้าไปในถ้ำ
“เกิดอะไรขึ้น” ศรีแพรถามอย่างตกใจ
“ไม่มีอะไร ข้าสมาธิไม่ดีเอง” หาญบอก
“การถอดจิตต้องใช้พลังมาก ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน พักก่อน”
“ไม่ เราไม่มีเวลาแล้ว”
“แต่หน้าเจ้าซีดมากนะ”
“ข้าไม่เป็นไรศรีแพร ไม่ต้องห่วง เอ็งไปเฝ้าหน้าถ้ำเถอะ” ศรีแพรจำต้องเดินออกไป “เราลองอีกครั้งเถอะ”
ยิ่งยศพยักหน้า ทั้งคู่พึมพำคาถาจนเห็นดวงไฟซึ่งเป็นดวงจิตปรากฏขึ้นที่หน้าผากทั้งคู่ แล้วลอยออกมาก่อนจะกลายเป็นร่างโปร่งแสงของหาญและยิ่งยศ
“สำเร็จแล้ว”
“คาถาถอดจิตมีเวลาจำกัด เรารีบไปเชิญพญาสมิงเหล็กกันเถอะ”
ยิ่งยศเห็นด้วย กายละเอียดของทั้งคู่กลายเป็นดวงจิตลอยขึ้นสูงก่อนจะเลือนหายไปเหลือเพียงกายหยาบที่นั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ
ในป่าอาถรรพ์มีหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด จะเห็นดวงจิตของหาญกับยิ่งยศลอยออกมาจากกลุ่มหมอก
แล้วกลายเป็นร่างคนมองไปทั่วๆ บริเวณ
“ข้ามลำน้ำนี่ไปก็ถึงที่ที่พญาสมิงเหล็กสถิตอยู่แล้ว”
“งั้นก็รีบไปเลยสิวะ อย่าเสียเวลา”
ยิ่งยศนำหน้าหาญรีบข้ามลำธารไปทันที โดยเดินลอยข้ามไปเพราะเป็นกายทิพย์จะเห็นว่าน้ำในลำธารมีแสงเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ทันใดผีพรายก็ผุดขึ้นมาจากน้ำ เป็นเงาลอยไปมาล้อมทั้งสองคนไว้ รุมโจมตีพร้อมกัน ยิ่งยศกับหาญหันหลังชนกัน หลบผีพรายไปมาแล้วฟาดตอบไป
“ไหวมั้ย ไอ้หาญ” หาญพยักหน้า “น่ารำคาญจริง เจอของจริงเลยแล้วกัน” ยิ่งยศพนมมือร่ายคาถาสาดพลังออกไป ผีพรายร้องกรี๊ด กระเด็นออกไป “ไอ้ผีกระจอก”
“ขอบใจ ไอ้ยิ่ง รีบไปเถอะ”
หาญกับยิ่งยศ กลายเป็นดวงจิตลอยวืดไปทางภูเขาที่เห็นอยู่ลิบๆ
วันต่อมาที่บ้านภูมินทร์ที่กรุงเทพ เสือไทร่ายคาถาสะเดาะกลอนแล้วเป่ามนต์ ลูกบิดรหัสเซฟเคลื่อนที่ได้เอง จนกระทั่งคลิ๊ก เปิดออก คมรอลุ้นอยู่ ยิ้มเมื่อเห็นสมบัติมีค่าทั้งทองคำ เพชรพลอย เงินสด อยู่เต็มในตู้เซฟ คมหยิบขึ้นมาดูด้วยความสะใจ แต่จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแค้น
“ไอ้ภูมินทร์ ฉันทำงานเสี่ยงตายให้มันทุกอย่าง แต่มันกลับหยิบยื่นให้แค่เศษเงินกระจอกๆ แล้วดูสมบัติที่มันเก็บไว้ เป็นของตัวเองสิ”
เสือไทเข้าใจหัวอกคม
“ข้าเข้าใจหัวอกเอ็ง แต่นับจากนี้สมบัติทั้งหมดจักเป็นของเอ็งกับข้า เราจักเป็นไทแก่ตัว ไม่มีใครเป็นนายเราอีก”
ทั้งสองคนสบตาแล้วระเบิดเสียงหัวเราะอย่างฮึกเหิม
“เหลือแต่ไอ้กล้า ฉันรู้ว่าแกแค้นมันจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อมันได้”
“รึเอ็งไม่หมั่นไส้มัน ถ้าไม่ได้ฆ่ามันกับมือ ข้าคงตายตาไม่หลับ”
“หึ เราต้องกำจัดมันทิ้งแน่ แต่ตอนนี้ฉันมีวิธีเอาคืนมันให้สาแก่ใจก่อน”
เสือไทกระเหี้ยนกระหือรือทันที
อีกด้านหนึ่งที่กระท่อมกระถิน ราชาวดีเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเช็ดหน้าให้กระเต็นที่ยังหลับ กระถินเดินถือแหเข้ามา มีเปี๊ยกถือถังใส่ปลาตามเข้ามา
“โอย เหนื่อยๆ ทำไมกว่าจะได้น้ำซักถังมันยากเย็นขนาดนี้”
“ตักน้ำแค่นี้ทำมาบ่น หนูทำของหนูมาตั้งแต่เด็กไม่เห็นตายเลย ผู้ใหญ่อะไร ไม่อดทนซะเลย”
“มาแล้วเหรอ ได้ปลาเยอะมั้ย”
“เยอะจ้ะ วันนี้ว่าคาถาเที่ยวเดียว ปลาก็มากันเต็มเลย”
“โม้ คาถงคาถาอะไร นึกว่าเล่นเรื่องสังข์ทองอยู่เหรอไง”
“โอ๊ย ไม่อยากจะคุย นี่ถ้าลุงโชติยังอยู่นะ หนูจะให้เสกหนังควายเข้าท้องพี่จริงๆ ด้วย”
“กระถิน” ราชาวดีปรามกระถิน
“ขอโทษจ้ะ ก็พี่เปี๊ยกชอบมาว่าหนูอยู่เรื่อย”
“ใคร ใครว่าใครกันแน่ เราน่ะแหละ ใช้พี่อยู่คนเดียว ทีน้าจุกไม่เห็นไปใช้เค้ามั่ง”
“อ้าว น้าจุกไม่ได้ไปกับเปี๊ยกเหรอ”
“เปล่านี่”
“แล้วเค้าหายไปไหนของเค้า”
เปี๊ยกแบกน้ำไปเทใส่ตุ่ม กระถินคุกเข่าข้างกระเต็น
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มนต์นิทราจะคลายซักที หลับนิ่งๆ นานๆ แบบนี้ มันเหมือน... เหมือนตอนที่แม่หนูตายไป ไม่มีผิด”
ราชาวดีเห็นก็รีบปลอบ
“เหมือนที่ไหนกัน ดูสิคุณน้ายังหายใจอยู่เลย เดี๋ยวพอพวกปู่หาญกลับมา คุณน้าก็ตื่นแล้ว เชื่อพี่นะจ๊ะ”
“แล้วถ้าปู่หาญไม่กลับมาล่ะจ๊ะ เราจะทำยังไง”
“พี่ก็จะปกป้องกระถินกับน้ากระเต็นเอง พี่สัญญา”
กระถินกอดราชาวดี
เปี๊ยกออกมาหน้ากระท่อมเทน้ำใส่ตุ่ม ทันใดน้ำกระเพื่อมแผ่นดินสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว เปี๊ยกเซไปมา กระป๋องหลุดจากมือ ปากทางที่ยิ่งยศพรางเอาไว้กำลังถูกแยกออก เสียงดัง พื้นสั่นไหว
เปี๊ยกมองไปข้างหน้าเห็นว่ากำแพงมนต์ที่ยิ่งยศพรางไว้แยกออก เสือไทกับคมปรากฏตัวขึ้น
“แย่แล้ว พวกไอ้พ่อเลี้ยง”
ราชาวดีวิ่งออกมา
“เกิดอะไรขึ้น”
ราชาวดีชะงักเมื่อเห็นเสือไทกับคม
“พวกเอ็งคิดว่ามนต์พรางตาจักช่วยให้รอดพ้นได้กระนั้นรึ”
“ฉันคิดไม่ผิด พวกแกมารวมตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
“หนีเร็ว”
เปี๊ยกกระโดดเข้ากระท่อม ฉุดราชาวดีเข้าไปแล้วปิดประตู
“ถ้านังราชาวดีอยู่นี่ แม่ไอ้กล้าก็ต้องอยู่เหมือนกัน”
“ดี! ข้าจะฆ่าแม่มัน แล้วเอาเมียมันเป็นเมียข้า ฮ่าๆ”
“มีอะไรจ๊ะ พวกผู้ร้ายมันมาเหรอ”
กระถิมถามราชาวดีกับเปี๊ยก
“ใช่”
“ทำยังไงดี น้ากระเต็นก็ยังไม่ฟื้น”
“เปี๊ยกพากระถินกับน้ากระเต็นหนีไป วดีจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง” ราชาวดีรีบถอดตะกรุดคล้องคอกระเต็น
“เร็วซิ”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
คมกับเสือไทหยุดยืนอยู่ข้างหน้ากระท่อมอย่างใจเย็น
“ราชาวดี เธอจะหนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก ออกมาเถอะอย่าให้ฉันต้องใช้กำลังเลย”
ขณะนั้นเปี๊ยกกำลังรีบแบกกระเต็นปีนหน้าต่าง กระถินปีนไปรออยู่ข้างล่างพร้อมรถเข็นราชาวดีช่วยดันก้นให้พ้นอย่างทุลักทุเล
“จะพูดไปใยให้มากความ เสียเวลา”
เสือไทถีบประตูเปิดออก เห็นราชาวดียืนอยู่คนเดียว
“พวกแกต้องการอะไร”
“ข้าก็ต้องการตัวเอ็งน่ะซิ นังคนสวย”
“แม่ไอ้กล้าล่ะ”
“ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว”
“โกหก”
คมมองฟูกที่กระเต็นนอนกับชุดเครื่องนอนหมอนอีกสองสามใบ ของใช้อื่นๆ แล้วมองไปที่หน้าต่าง ราชาวดีซ่อนมีดไว้ข้างหลัง เงื้อแทงคมข้างหลังแต่ถูกไหล่เฉียดไปเพราะคมไหวตัว คมหันมาตบราชาวดีกระเด็น มีดหลุดมือ
เปี๊ยกกับกระถินช่วยกันเข็นกระเต็นไปตามทางในสวน
“หนูเป็นห่วงพี่วดี หนูจะกลับไปช่วยพี่เค้า พี่พาน้ากระเต็นหนีไปเถอะ”
“จะบ้าเหรอ ตัวเท่าเมี่ยงจะไปทำอะไรได้”
“แล้วเราจะปล่อยให้พี่เค้าสู้กับผู้ร้ายอยู่คนเดียวเหรอ ถ้าพี่กล้ารู้จะว่ายังไง พี่เค้าฝากพี่วดีไว้กับเรานะ”
เปี๊ยกลังเล กระถินคว้าพร้าที่อยู่ในรถเข็นจะไป เปี๊ยกดึงไว้ แย่งมีดไป
“เธอพาน้ากระเต็นไปหลบอยู่ที่ท้ายสวน พี่จะไปช่วยวดีเอง”
“แล้วพี่จะไหวเหรอ”
“พี่น่ะ เปี๊ยก ศิษย์กล้านะ ธรรมดาที่ไหน” เปี๊ยกวิ่งไป
“พี่เปี๊ยก หนูรอพี่ที่ท้ายสวนนะ”
เปี๊ยกทำมือว่าโอเค กระถินมองตามใจหาย
ราชาวดีกระเถิบหนี คมหยิบมีดเข้าไปกระชากผมราชาวดีจะแทง เสือไทจับไว้
“ปล่อย อีนี่มันจะฆ่าฉันไม่เห็นเหรอ”
“แต่นังคนนี้มันเป็นผู้หญิงของข้า เอ็งมันประมาทไม่ปลุกตะกรุดเอง”
ราชาวดีหยิบของใกล้มือได้ก็ขว้างใส่แล้วทำท่าจะวิ่งหนีออกประตู เสือไทคว้าตัวได้ ราชาวดีดิ้นสุดชีวิต เสือไทต่อยท้องตัวงอแบกขึ้นบ่าจะออกไป แต่เปี๊ยกถือมีดพร้าเข้ามา
“หยุดนะโว้ย ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
“แก เพื่อนไอ้กล้า ฉันจำได้”
“จำได้ก็ดีแล้ว วางวดีลง ไม่งั้น เห็นดีกันแน่”
“ไอ้กระจอกนี่ ข้ายกให้เอ็ง”
คมแค้นอยู่แล้ว เดินเข้าหาเปี๊ยก เปี๊ยกฟันใส่ คมหลบไปมา แล้วถีบเปี๊ยกเซ
“ฝีมือไม่เลวนี่”
เปี๊ยกร้องสุดเสียง วิ่งเข้าใส่ สู้สุดชีวิต คราวนี้ถูกอัดจนพร้าหลุดจากมือ คมอัดแหลก เสือไทยิ้มสะใจแบกราชาวดีเดินไปจากกระท่อม ราชาวดีเห็นคมกระทืบเปี๊ยกจนหมอบแล้วชักปืนจะยิง
“บอกมาแม่ไอ้กล้าอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
“อย่า อย่าทำเค้า ฉันขอร้อง” ราชาวดีขอร้องทั้งที่ยังจุก
“ได้”
คมเตะเปี๊ยกสลบแล้วปิดประตูกระท่อมเดินออกไป เอาระเบิดที่พกมาถอดสลักโยนไปที่หลังคากระท่อม กระท่อมระเบิดเป็นจุลทันที ราชาวดีกรีดร้องก่อนจะสลบไป เสือไทกับคมหัวเราะสะใจ ก่อนจะหันหลังเดินออกมา ขณะที่กระท่อมกำลังถูกไฟลุกโชน
กล้าสะดุ้งตื่นกลางดึก เหงื่อแตกเพราะฝันร้าย กล้าลูบหน้าเรียกสติ มองข้างๆ เห็นคะนึงนิจหลับ กล้ามองไปที่นาฬิกาเห็นเป็นเวลาตีสองก็รีบค่อยๆ ลุกจากที่นอน คว้าดาบที่แขวนไว้เดินออกไป หลังจากหันมาเช็คว่าคะนึงนิจหลับแน่ แต่พอกล้าออกไปแล้ว คะนึงนิจก็ลืมตาขึ้น
หลังปางไม้กล้าและอาจารย์ยอดนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีคัมภีร์นาคราชอยู่ระหว่างคนทั้งสอง
“คัมภีร์นาคราชเป็นคัมภีร์โบราณเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกมันได้ เอ็งจงทำสมาธิให้มั่น ตั้งใจให้ดี นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะปิสะโตฯ ข้าขออัญเชิญท่านพญานาคราชมา ณ ที่นี้ ด้วยเถิด”
เกิดลมแรงขึ้น คัมภีร์ใบลานแผ่ออก พร้อมแสงเรืองรอง เหล่าอักขระโบราณลอยขึ้น ก่อนจะกลายเป็นผงสีทองปลิวเข้าไปที่ตัวอาจารย์ยอด อาจารย์ยอดผงะ ลุกขึ้น จ้องกล้าด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนขึงขังแววตาดูน่าเกรงขาม
อาจารย์ยอดถูกพญานาคราชสิง พูดด้วยอีกเสียงที่ต่างออกไป และก้องกังวาน
“เราพญานาคราช เจ้าเชิญเรามาด้วยเหตุใด”
กล้าอึ้งๆ พยายามอธิบาย
“ผมขออโหสิหากล่วงเกินท่าน ผมเชิญท่านมาเพื่อหยุดโจรชั่วอย่างขุนโชติ ไม่งั้นจะต้องมีคนตายอีกมาก”
“เรารู้ เจ้าจิตใจดีมีคุณธรรม ต่างกับเจ้าของร่างนี้ที่ช่างโลภโมโทสันนัก หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นก็ลองดู แต่จะผ่านวิชานาคราชทั้ง 3 ขั้นรึได้ไม่ ก็ขึ้นกับตัวเจ้าเอง”
นาคราชภาวนาคาถา เคลื่อนตัวอย่างเร็วเข้าหากล้า กระหน่ำซัดหมัด กล้าตั้งรับแทบไม่ทัน กล้าเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด กล้าหอบเหนื่อย ทรุดกองกับพื้น เนื้อตัวน่วม นาคราชเคลื่อนกายอาศัยความว่องไวของจิตเป็นหลัก กล้าลุกขึ้น ตั้งการ์ด หลับตานิ่ง นาคราชเคลื่อนตัวเร็วรอบกล้าแล้วหายวับไป
กล้าหลับตาแต่ลูกตาเคลื่อนไปมา นาคราชพุ่งเข้าหากล้าทางด้านหลัง กล้าเคลื่อนกายอย่างเร็ว หันกลับ โต้ด้วยหมัด หมัดกับหมัดชนกันพอดี เกิดพลัง ผลักให้ร่างทั้งสองถอยออกจากกัน กล้าลืมตาขึ้น แปลกใจที่ตัวเองทำได้ นาคราชพยักหน้าให้
กล้าหลบหมัดนาคราชที่พุ่งซัดเข้ามา โดยเคลื่อนตัวขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ อย่างว่องไว กล้าตีลังกาลงมายืนมาดมั่น นาคราชยิ้มให้อย่างพอใจ
กล้าค่อยๆ เปิดประตูห้องเข้ามา เดินไปที่เตียงแต่ชะงัก เพราะที่เตียงไม่มีคน
“นิจ”
กล้าหันไปที่ประตู คะนึงนิจก้าวออกมาจากหลังประตู
“ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เมื่อตอนที่พี่กล้าออกไปข้างนอกนั่นแหละ พี่กล้ากำลังจะทำอะไร”
“ทำไมกลัวพี่ออกไปหาผู้หญิงคนอื่นเหรอจ๊ะ”
“อย่ามานอกเรื่อง พี่ต้องมีแผนชั่วอะไรแน่ๆ”
“คนชั่วอย่างฉันมันคงไม่มีแผนดีดีหรอก เธอนอนได้แล้ว”
“ไม่”
“บอกให้นอน” กล้ากระชากคะนึงนิจ
“บอกว่าไม่ไง ปล่อย นิจไม่อยากนอนร่วมเตียงกับฆาตกร” คะนึงนิจดิ้นๆๆ “ปล่อย” คะนึงนิจสะบัด แล้วเซเสียหลักหัวชนขอบเตียง “โอ๊ย”
“นิจ เป็นอะไรรึเปล่า” กล้าเข้าไปประคอง ดูแผลอย่างห่วงใย “ทำไมดื้อแบบนี้”
กล้าฉุดคะนึงนิจมานั่งแล้ว เอาผ้าขนหนูมาม้วนๆ เอาปากเป่าให้ร้อนๆ ประคบ คะนึงนิจมองอึ้งๆ
“พี่ฆ่าพี่ภูจริงๆ เหรอ” กล้าชะงัก “นิจรู้ว่าพี่กล้าไม่ใช่คนจิตใจเหี้ยมโหด นิจขอร้อง พี่กล้าบอกความจริงนิจมาเถอะนะ พี่กล้าไม่ใช่โจรแต่ที่ทำไปก็เพราะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ใช่ไหม”
กล้าอึ้งที่คะนึงนิจอ่านตัวเองออก แม้อยากจะบอก แต่ก็จำต้องเก็บความจริงไว้ กล้าเสียงแข็งทำหงุดหงิดขึ้นมาทันที ขว้างผ้าทิ้ง
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น”
“พี่กล้า”
คะนึงนิจดึงกล้าไว้
“ฉันจะไปอาบน้ำ แล้วถ้าฉันเห็นเธอสะกดรอยตามฉันอีกละก็ เธอได้เป็นเมียพวกคนงานขนไม้แน่”
กล้าถอดเสื้อโยนแล้วออกไป คะนึงนิจแค้น
ที่ป่าอาถรรพ์ ดวงจิตของยิ่งยศกับหาญลอยมาถึงเชิงเขา แต่เปลวไฟลอยออกมาปะทะ ดวงจิตลอยผงะไปกลายเป็นร่างกลิ้งหลบลูกไฟ พญานาค(งูยักษ์มีหงอน) ชูหัวอยู่หน้าถ้ำ พ่นไฟออกมาเป็นระยะ
“เราจะมาอัญเชิญพญาสมิงเหล็กไปช่วยคน อย่าขวางเราดีกว่า”
เสียงพญานาคพูดออกมา
“ผู้มีบุญบารมีเท่านั้นที่จะเข้าไปอัญเชิญ พญาสมิงเหล็กได้จงกลับไปเสีย”
“แม้ข้าทั้งสองไม่คู่ควร แต่ความตั้งใจที่จะช่วยให้ เพื่อนมนุษย์รอดพ้นจากอันตรายมีอยู่เต็มเปี่ยม ขอให้ท่านโปรดเห็นใจ เปิดทางให้ข้า”
“อย่าเสียเวลาเจรจาเลยไอ้หาญ จัดการเลยเถอะ”
ยิ่งยศชักมีดหมอที่พกมากระโดดเข้าไป จะจ้วงแทง หาญเข้าไปจับไว้
“อย่ายิ่ง อย่าทำร้ายท่าน”
“ทำไมวะ ปล่อย”
ยิ่งยศสะบัดโดดเข้าไป พญานาคพ่นไฟอีก หาญเข้าขวาง ถูกเปลวไฟ
“อ้าก”
“ไอ้หาญ ทำอะไรวะ กายทิพย์อาจจะสลายได้นะโว้ย”
“เรามาดี ไม่ได้มาเพื่อมุ่งร้ายหมายชีวิตใคร”
ร่างพญานาค กลายเป็นพ่อปู่ลอยอยู่ หาญกับยิ่งตะลึง
“พ่อปู่”
หาญ ยิ่งยศ ก้มลงกราบพ่อปู่ซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่างเรืองแสง
“ขอบพระคุณครับ พ่อปู่ที่ช่วย”
“เจ้าผิดแล้ว จิตที่มีเมตตาธรรมของเจ้าต่างหากที่ทำให้พญาสมิงเหล็กเปิดทางให้”
“แบบนี้เราก็ต้องปราบไอ้ขุนโชติได้แน่ ใช่มั้ยครับพ่อปู่”
“เจ้าคิดว่า ทุกอย่างจบสิ้นแค่ได้สังหารขุนโชติเท่านั้นหรือเจ้าหาญ เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เราควรจะฆ่าคืออะไร”
“ผมทราบครับ”
“รู้แล้วไม่ปฏิบัติก็เท่ากับไม่รู้อะไรเลย”
“ผมขอพยายามครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายครับ”
“หาญ พ่อปู่หมายความว่ายังไงวะ เราควรจะฆ่าใคร” ยิ่งยศกระซิบถามหาญ
“สิ่งที่เราต้องฆ่าไม่ใช่คน แต่เป็นกิเลส กิเลสในใจเราเอง” หาญบอก
“โห ขืนมัวมานั่งฆ่ากิเลส เราก็คงโดนไอ้วายร้ายพวกนั้นมันฆ่าตายก่อนแหละครับพ่อปู่”
“เจ้าตายมาแล้วเจ้ายิ่ง และอาจจะต้องตายอีกหลายภพหลายชาติ หากไม่หยุดเสียแต่ตอนนี้ เราเตือนเจ้าได้แค่นี้”
ยิ่งยศอึ้งไป ขณะที่หาญเข้าใจทุกอย่าง ไม่สามารถแก้ตัวได้ พ่อปู่เลือนหายไป
“พ่อปู่ๆๆ หาญนี่ตกลงพ่อปู่จะเปิดทางให้เราไปอัญเชิญพญาสมิงเหล็กหรือเปล่านี่” หาญลุกขึ้น
“ท่านให้เราตัดสินใจเลือกทางเดินของเราเอง ไอ้ยิ่ง”
หาญคิดหนักว่าจะเดินหน้าหรือหยุดดี
“งั้นจะรออะไร ก็ไปเลยซิวะ”
ยิ่งยศไม่ฟัง รีบเดินไปทางภูเขา หาญสูดลมหายใจจำต้องลุยต่อ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 (ต่อ)
หาญกับยิ่งยศปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอกควัน มองไม่เห็นทาง
“อะไรวะ ทำไมถึงหลงวนเวียนอยู่แถวนี้ หาทางขึ้นเขาไม่ได้”
“ใจเย็นๆ ยิ่ง ถ้าเราตามหาพญาสมิงเหล็กด้วยความโลภ เราจะไม่มีทางหาพบ ลองช่วยกันทำจิตเป็นสมาธิ อัญเชิญท่านเถอะ” ทั้งคู่พนมมือ “ข้าแต่เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกปักรักษาพญาสมิงเหล็ก ข้ามาอัญเชิญพญาสมิงเหล็กด้วยใจบริสุทธิ์ หากบุญบารมีของข้ายังพอมี ขอเปิดทางให้ข้าได้พบพญาสมิงเหล็กด้วย”
แสงจากพญาสมิงเหล็กเรืองรอง ยิ่งยศมองไป ควันจางลงจึงเห็นเหล็กไหลลอยอยู่
“พญาสมิงเหล็ก อยู่นั่น”
“สะกะพะจะ ปูชาจะ อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา”
แสงจากเหล็กไหลเรืองรอง ลอยมาอยู่หน้าหาญกับยิ่งยศ
ที่ชายป่าหน้าถ้ำ ศรีแพรกำลังตัดฟืนเตรียมไว้สำหรับก่อไฟตอนกลางคืน ทันใดมีลมพัดวูบผ่านไป ศรีแพรหนาว รู้สึกเสียวสันหลัง หันมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ศรีแพรหอบฟืนกลับถ้ำ ผีทับปรากฏตัวขึ้น
“นังชาวป่า พวกไอ้หาญ ไอ้กล้า”
ศรีแพรหอบฟืนมาที่หน้าถ้ำ แล้วก็รู้สึกอีกว่ามีคนสะกดรอย เลยชักคชกุศ
“ใคร ออกมานะ” เงียบ “หรือเราหูแว่วไป”
ผีทับปรากฏตัวขึ้น แววตาแค้น ศรีแพรหันขวับ
“แก แกเป็นใคร”
“เสือทับ สหายร่วมชุมโจรของเสือหาญ ไอ้หาญอยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
“ข้าไม่มีวันให้เจ้าทำร้ายหาญ”
ศรีแพรขวางปากถ้ำ
“แสดงว่าไอ้หาญอยู่ในนั้นจริงๆ”
ศรีแพรพุ่งเข้าเล่นงานผีทับ ผีทับรับมืออย่างไม่ยากเย็นอัดศรีแพรกระเด็น ศรีแพรเป่าลูกดอกซัดใส่ แต่ลูกดอกทะลุร่างผีทับไป ผีทับหายตัว
“เอ็งจะทำอะไรข้าได้ ฮ่าๆๆ”
ศรีแพรตกใจ เสียงกระพรวนเตือนภัยดังขึ้น ศรีแพรหันขวับไป เป่าลูกดอก พบแต่ความว่างเปล่า ทันใดร่างศรีแพรก็ถูกแรงลึกลับรัดคอไว้ ศรีแพรดิ้นรน หายใจไม่ออก ผีทับรัดคอศรีแพร ศรีแพรดิ้นจนหมดแรงล้มลง ผีทับพุ่งเข้าสิงศรีแพร
ศรีแพรเดินมาอยู่ตรงหน้าหาญกับยิ่งยศที่นั่งสมาธิอยู่
“ไอ้ยิ่งยศ! นี่เอ็งก็คืนชีพมาอีกคนเหรอดี จะได้ไม่เสียเวลาตามหา ข้าจะส่งเอ็งกลับลงนรกพร้อมไอ้หาญเดี๋ยวนี้เลย”
ศรีแพรซึ่งถูกผีทับสิงจะใช้คชกุศแทง แต่ยิ่งยศลืมตาขึ้น ใช้มือรับไว้ได้ทันแล้วผลักศรีแพรออกไป
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกไอ้ทับ” ศรีแพรไม่สน พุ่งเข้ามาแทงอีก และสู้ไม่ยั้ง “ไอ้ขี้ขลาด อาศัยร่างผู้หญิง คิดว่าอั๊วจะไม่กล้าลงมือรึไงวะ”
“ถ้าไม่กลัวว่านังคนสวยนี่จะตายไปด้วยก็เอาสิวะ”
ยิ่งยศชะงัก ทำให้ศรีแพรเป็นต่อไล่ฟันยิ่งยศ แล้วถีบยิ่งยศกระเด็น ศรีแพรโดดเข้ามา ตรงหน้าหาญ ใช้คชกุชฟันลงที่ไหล่ แต่คชกุศเด้งกลับเหมือนฟันเหล็กเสียงดัง
“อะไรกันวะ”
หาญลืมตา ร่างเรืองแสง สีเป็นทองแดง ลูกสะกดที่อกก็เรืองแสงวูบวาบ ศรีแพรฟันอีก หาญเอาแขนรับ ดังเคล้ง เหมือนถูกเหล็ก แล้วหาญก็จับคชกุศบิดออกจากมือศรีแพรก่อนจะเอามือจับกระหม่อม แสงที่สว่างเจิดจ้าค่อยๆ ดับลง หาญยืนตระหง่านอยู่ผมกลับเป็นสีดำเหมือนเดิม
“ไอ้ทับ เอ็งหยุดพยาบาทจองเวรซะที ความอาฆาตไม่เคยให้คุณกับผู้ใด ปล่อยวางซะบ้างเถอะ”
“นี่เอ็งผสานร่างเข้ากับพญาสมิงเหล็กได้แล้วเหรอ”
“ใช่ เพราะฉะนั้น สัมภเวสีอย่างเอ็งอย่าหวังมาต่อกร”
หาญร่ายคาถา
“อิสะวาสุ”
ที่ปลายนิ้วของหาญเรืองแสงขึ้น หาญใช้นิ้วเขียนยันต์บนหน้าผากศรีแพร
“อ๊าก”
ควันดำลอยออกจากหน้าผากศรีแพรไป กลายเป็นผีทับกลิ้งออกมา ศรีแพรสลบ
“ไอ้หาญ เราสะกดวิญญาณไอ้ทับเถอะ ไม่งั้น มันคงก่อเวรไม่จบสิ้น” ยิ่งยศบอก
“ไม่ อย่าสะกดวิญญาณข้า”
“ได้งั้นเอ็งบอกข้ามา กล้าหลานข้าเป็นยังไงบ้าง”
“ข้าไม่รู้ ไอ้ยอดมันหลอกใช้ข้า มันบอกว่าจะชุบชีวิตข้า แต่มันก็ไม่ทำ ข้าก็เลยไม่อยู่กับมันอีก”
“คนชั่วอย่างเอ็ง จะฟื้นคืนขึ้นมาให้หนักแผ่นดินทำไม”
“แล้วเอ็งมันดีนักหรือไง ไอ้ยิ่งยศ เมื่อมีชีวิตอยู่เอ็งก็เคยหลอกใช้ข้า ข้าตายแล้ว เอ็งก็ยังสะกดวิญญาณข้าไว้ เอ็งมันก็ชั่วพอกัน”
ยิ่งยศโมโห ว่าคาถาสะบัดใส่ผีทับ
“อ๊ากก”
“ยิ่ง อย่า” ผีทับร่างเลือนไป หาญกลุ้ม ศรีแพรค่อยฟื้นขึ้น “ศรีแพร” ศรีแพรรู้สึกตัว“เอ็งเป็นยังไงบ้าง”
“ข้า ข้าสู้กับผีร้าย”
“วิญญาณไอ้ทับ มันไปแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”
ศรีแพรเห็นสีผมของหาญกลับเป็นปกติ
“สีผมของเจ้า นี่เจ้าหายแล้ว” หาญพยักหน้ารับ ศรีแพรดีใจกอดหาญแน่น “ข้าดีใจที่สุดเลย เจ้าไม่ตายแล้ว”
“ตอนนี้ข้ากลับมาแข็งแรงดั่งเดิมแล้ว ขอบใจมากศรีแพรที่ช่วยป้องกันร่างของเราสองคน”
“งั้นเราก็ไปแก้แค้นให้พ่อข้าได้แล้วสิ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เราต้องหาวิธีรับมือกุมภีร์พิฆาตของขุนโชติให้ได้ซะก่อน”
“ฉันว่าเราควรกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน”
“ดีเหมือนกัน อีกไม่นานกระเต็นก็จะฟื้น คงต้องตามไปที่ปางไม้นั้นแน่ จะเสียงานกันใหญ่”
หาญพาศรีแพรออกไป ยิ่งยศมองตามเป็นห่วงเพื่อน กลัวจะผูกพันกับศรีแพรเกินไป
กระเต็นในสภาพมอมแมมนอนอยู่บนเนินดิน ค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้น ยังมึนงง แล้วเธอก็แว่วเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจึงหันมองเห็นกระถินนั่งร้องไห้อยู่ ในสภาพมอมไม่ต่างกัน
“กระถิน กระถินฎ
กระถินหันมามอง ดีใจ
“น้ากระเต็นฟื้นแล้ว”
กระถินวิ่งเข้ามากอด กระเต็นยิ่งสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม” กระเต็นงงไปหมด พยายามนึกทบทวน ภาพวาบเข้ามาเป็นยิ่งยศสะบัดมนต์ใส่แล้วกระเต็นก็หมดสติ “น้าถูกมนต์นิทราสะกดไว้งั้นเหรอ” กระถินน้ำตารื้น พยักหน้ารับ กระเต็นมองรอบๆ “แล้วเรามาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง คนอื่นหายไปไหนหมด จุก เปี๊ยก วดีล่ะ”
กระถินกลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยโฮออกมา
“พวกผู้ร้ายบุกมาที่กระท่อม”
กระถินเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กระเต็นฟัง
“บ้านหนูพังหมดเลย พี่เปี๊ยกก็ไม่กลับมา”
“โธ่” กระเต็นสงสารกระถินจับใจ ดึงมากอดปลอบ “แล้วไอ้จุกล่ะ”
วันต่อมาที่กระท่อมของกระถินเหลือเพียงซากเพราะแรงระเบิด จุกกลับมาเห็นถึงกับตกใจ
“อะไรกันวะเนี่ย ไอ้เปี๊ยก พี่เต็น กระถิน วดี หรือว่า...”
มีเสียงฝีเท้าเข้ามาจุกตกใจหาที่แอบ แต่ไม่มีจึงเด็ดใบไม้มาทัดหู ว่าคาถา ทำตัวลีบหลับตาแต่แล้วก็มีมือมาจับบ่าจุก
“ไอ้จุก” จุกหันไป
“ผู้การยิ่งยศ” หาญกับศรีแพรยืนอยู่ ”น้าหาญ”
หาญหน้าเครียดกับสิ่งที่จุกบอก
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกลับมา ฉันก็เห็นบ้านมันเหลือแต่ซากแล้ว”
ยิ่งยศขยุ้มคอจุก
“ไอ้หาญบอกให้แกดูแลพวกผู้หญิงกับเด็ก แล้วแกหายหัวไปไหน”
“ฉัน ฉันไปซื้อของกินน่ะ”
ศรีแพรเก็บโพยม้าที่หล่นจากกระเป๋าจุกได้ที่พื้นเอาขึ้นมาดู หาญดึงไป แล้วชูขึ้น
“เนี่ยเหรอ ของที่เอ็งซื้อ”
“น้าหาญ ฉันผิดไปแล้ว ฉันแค่อยากช่วยไปหาเงินมาซื้อข้าวเท่านั้น”
“แล้วได้เงินมั้ย”
“เสียหมดตูดจ้ะ”
“มันคืออะไรเหรอ” ศรีแพรถามอย่างสงสัย
“ไอ้เวรนี่มันติดม้า”
“ติดม้า อ๋อ ชอบขี่ม้าเหรอ ข้าก็ชอบ แล้วมันไม่ดียังไง”
“ฉันขี่ไม่เป็นหรอก แค่ชอบดูน่ะ แหะๆ”
“ที่กรุงเทพเนี่ย เค้ามีสนามไว้ให้ขี่ม้าแข่งแล้วก็เล่นพนันกัน เล่นสนุกเฉยๆ ไม่ว่า แต่บางคนมันกลายเป็นทาสการพนันไปเหมือนไอ้นี่” ยิ่งยศบอก ศรีแพรก็ยังงงๆ
“เอาละ ในเมื่อเรื่องมันมาถึงตอนนี้ เราต้องตามหาคนที่รอดให้ได้”
“แล้วถ้าไม่มีใครรอดล่ะ”
ยิ่งยศถลึงตาใส่จุก หาญมองๆ แล้วพยายามเอามือแตะวัสดุที่เหลือ แล้วหาญก็เห็นภาพเสือไทกับคม เดินเข้ากระท่อมแล้วอุ้มราชาวดีออกไป
“ไอ้ไท ไอ้คม”
ราชาวดีถูกจับมาขังที่บ้านภูมินทร์ในกรุงเทพ ราชาวดีนั่งกอดเข่าด้วยความหวาดกลัวสภาพดูทรุดโทรม
เสียงประตูถูกไขแม่กุญแจล็อค ราชาวดีรีบหนีไปอยู่ที่มุมห้อง สมุนเปิดประตูเข้ามา พร้อมโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พื้น
“นายให้เปลี่ยนเสื้อซะ”
สมุนจะกลับ ราชาวดีตัดสินใจเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน” สมุนหันกลับ “คือ...น้ำในห้องน้ำไม่ไหล แล้วฉันอาบน้ำยังไงล่ะ”
สมุนหงุดหงิดเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ราชาวดีจดๆ จ้องๆ พอสมุนออกมาก็รีบคว้าแจกันเซรามิคฟาดเข้าให้อย่างแรง สมุนฟุบลงไปนอนกุมหัว
“โอ๊ย”
ราชาวดีรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องทันที
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ราชาวดีวิ่งลงบันไดมาที่ห้องโถง มองซ้ายขวา แล้วรีบวิ่งไปทางหลังบ้าน แต่แล้วก็มีมีดพร้าพุ่งผ่านหลังราชาวดีไปปักที่ประตูหลัง ราชาวดีชะงัก หันกลับไปมองเห็นเสือไทยืนอยู่
“แก”
ไทยิ้มเหี้ยมเดินเข้าไปหา ราชาวดีกลัวถอยไปถึงประตู เห็นพร้าก็รีบดึงออกมาเล็งเสือไท เสือไทแสยะยิ้ม
“เอ็งคิดว่าแทงข้าได้กระนั้นรึ” เสือไทเดินเข้าหา ตบอก “เอาเลย ยังไงคืนนี้เอ็งก็ต้องเป็นของข้า ฮ่าๆๆๆ”
ราชาวดีกลัว หันมีดพร้าเข้าหาตัว
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะตายให้ดู”
เสือไทหัวเราะเยาะ
“เอาสิ ถึงเอ็งตายไปแล้ว ข้าก็จะจัดการเอ็ง แลส่งศพเอ็งให้ไอ้กล้ามันดู ดูซิว่ามันจะรู้สึกเยี่ยงไร”
ราชาวดีจนมุม ตัดสินใจ เอาพร้าง้างขึ้นจะแทงท้องตัวเอง เสือไทว่าคาถาปัดอาวุธ ทันใดก็เกิดคลื่นมนต์ปะทะเข้าที่มือราชาวดี พร้าเหมือนถูกดึงออกจากมือไปปักที่ผนัง เสือไทปรี่เข้าหา ราชาวดีร้องกรี๊ดพลางวิ่งหนีไปอีกมุม แต่แล้วกลับเจอคมกับสมุนเข้ามาขวาง
“ถึงคืนส่งตัวก็เลยตื่นเต้นรึไงเจ้าสาว”
ราชาวดีจะหนี คมรวบกอดเอาตัวราชาวดีไว้
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
คมชกเข้าที่ท้อง ราชาวดีจุกตัวงอ ร่วงกองกับพื้น คมกับเสือไทมองเหี้ยม
เสือไทแบกราชาวดีกลับเข้ามาในห้องแล้วโยนลงเตียง ก่อนจะตามเข้าไปคร่อม ราชาวดีพยายามปัดป้องสุดชีวิต
“ไม่ ไม่ ไม่”
เสือไทเอาหลังมือตบหน้าราชาวดี ก่อนจะจับมือทั้งสองกดยึดกับเตียงเอาไว้
“เอ็งต้องชดเชยสิ่งที่ไอ้กล้าทำกับข้า”
“ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง ฮือๆ” ราชาวดีร้องไห้ออกมา เสือไทยิ้มเยาะ
“ดี ร้องออกมา ร้องออกมา ข้าชอบ ฮ่าๆ”
ราชาวดีรู้ว่าตัวเองหมดสิ้นหนทาง ตัดสินใจหลับตาภาวนา
“หากลูกยังพอมีบุญอยู่บ้าง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณงามความดีที่ลูกเคยทำมาช่วยให้ลูกพ้นภัยครั้งนี้ด้วยเถิด ลูกขอร้อง”
น้ำตาของราชาวดีร่วง เสือไทเห็นก็สะใจ โน้มตัวลงหวังจะซุกไซร้ แต่แล้วจังหวะที่เสือไทถูกตัวราชาวดี ตัวของราชาวดีก็เรืองแสงสีแดงขึ้นเสือไทตกใจ ผงะเด้งออกมา
“อ๊าก” เสือไทจับเนื้อตัว ปวดแสบปวดร้อน “ร้อนๆ” ราชาวดีดันตัวเองขึ้นมอง รู้สึกงงเหมือนกัน เสือไทมองราชาวดีโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ “ทำไม ทำไมตัวของเอ็งจึงร้อนเยี่ยงนี้ นี่เอ็งเล่นอาคมกระนั้นรึ”
ราชาวดีลุกขึ้นยืน ถอยไปที่มุมห้อง
“ฉันไม่ได้มีอาคมอะไรทั้งนั้น ความดี ความดีต่างหากที่ช่วยคุ้มครองฉันจากคนอย่างชั่วอย่างแก” เสือไทโมโห “ความดีอะไร เอ็งอย่ามาปดข้า ข้าไม่เชื่อ พวกไอ้หาญคงให้เครื่องรางเอ็งไว้ เอาออกมา”
เสือไทพุ่งเข้าจะตะครุบตัวราชาวดีอีก จะค้นดูของ ราชาวดีพยายามดิ้น แต่แล้วก็เกิดแสงสีแดงวาบขึ้น
“โอ๊ย” เสือไทผงะถอย จ้องเครียด “เอ็งมันก็แค่โชคดีชั่วคราวเท่านั้น ข้าจะเอาเอ็งเป็นเมียให้ได้”
เสือไทโมโหออกจากห้องปิดประตูปัง ราชาวดีรีบตามไปกดล็อค เอาแผ่นหลังพิงประตู โล่งอก ก่อนจะพนมมือขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้หนูรอดจากเงื้อมมือได้คนชั่ว ฮือๆ”
ราชาวดีทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาไหลรินแม้รอดเงื้อมมือเสือไทมาได้ก็สะเทือนใจไม่น้อย
ที่ห้องภูมินทร์ งามตานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงมีผ้าห่มคลุมท่อนล่าง สีหน้ายังเจ็บระบม ผมเผ้าหลุดลุ่ย
ที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยเข็มขัดฟาด คมเดินเข้ามา รูดซิบกางเกงแล้วลงนั่งข้างๆ ช่วยแก้มัดเชือกที่ผูกข้อมืองามตาไขว้หลังเอาไว้แล้วระดมจูบไปตามรอยแผลอย่างสะใจ
“เธอมันเป็นนางบำเรอชั้นยอดจริงๆ”
งามตานึกรังเกียจ แต่เก็บอาการ
“จ่ายเงินมาเถอะ ฉันต้องรีบไป”
“ทำไม ฉันวีไอพี ไม่พอรึไง เงินฉันก็มีจ่ายหรือเธอเห็นว่าฉันเคยเป็นลูกน้องไอ้ภูมินทร์มาก่อน” น้ำเสียงคมบอกถีงความไม่พอใจ
“อย่าพูดชื่อนี้ให้ได้ยินอีก เพราะมันนั่นแหละฉันถึงโดนไล่ออกจากโรงเรียน”
“หึหึ เธอเลยต้องกลายมาเป็นเด็กในสังกัดเจ๊ลัดดาก็ไม่เลวนะ เป็นงานที่เหมาะกับเธอดี”
งามตาหงุดหงิด ไม่อยากคุย
“ตกลงจะจ่ายหรือไม่จ่าย”
คมหยิบเงินส่งให้เป็นฟ่อน งามตายื่นมือไปรับ ทึ่งเล็กน้อย
“ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ตอนนี้ทุกอย่างของไอ้ภูมินทร์ตกเป็นของฉันหมดแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง แล้วพ่อเลี้ยงไปไหน”
“มันแส่หาที่ตายเอง ช่วยไม่ได้ ถ้าเธอฉลาดก็ควรทำดีกับฉัน ให้เยอะๆ ฉันอาจถูกใจ ผูกปิ่นโตกับเธอแบบถาวรเลยก็ได้”
ทันใดประตูห้องก็ถูกเปิดผัวะ เสือไทเดินหงุดหงิดเข้ามา
“โธ่เว้ย! เฮ้ย”
“หัวเสียอะไรนักหนา น้องราชาวดีบำเรอความสุขให้ไม่ถูกใจรึไง”
งามตาหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อราชาวดี
“บำรงบำเรอกระไรกัน แค่แตะตัวมันยังไม่ได้เลย นังหญิงคนนั้นมันเล่นของ”
“เป็นไปไม่ได้ ผู้หญิงบอบบางอย่างนั้น ไม่มีทางมีคาถาอาคมได้”
“ข้าไม่ได้ปด พอข้ากอดรัดมัน ตัวมันก็ร้อนดั่งไฟมันต้องมีของดีติดตัวเป็นแน่”
งามตารีบสอด
“ราชาวดี นี่นังวดีอยู่ที่นี่เหรอ”
“จะอยู่หรือไม่อยู่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”
แววตางามตาฉายความแค้นขึ้นมาทันที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไร้เดียงสา
“แหม ก็วดีน่ะเค้าเป็นเพื่อนรักของฉันเอง ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ที่นี่”
คมรู้ว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน
“เธอแน่ใจเหรอว่าเป็นเพื่อนรักกัน”
งามตารีบแก้ตัว
“ยังไงซะฉันกับวดีก็เคยเรียนหนังสือด้วยกันมาลองให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ”
เสือไทกับคมสบตากัน เอาไงดี
อีกด้านหนึ่งกระเต็นกับกระถินนั่งรถสองแถวมากับผู้โดยสารสองสามคน
“เราจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ” กระถินถามกระเต็น
“น้าจะพากระถินไปฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์”
“ไม่ หนูไม่ไป”
“ฟังนะ ตอนนี้พวกน้ากลายเป็นคนร้ายที่ตำรวจต้องการตัวแถมยังมีศัตรูคอยจ้องทำร้าย กระถินอยู่กับน้าจะเป็นอันตราย”
“แต่หนูไม่กลัว ลุงขุนโชติ เป่ากระหม่อมเอาไว้ให้หนู ไม่มีใครทำอะไรหนูได้”
“คาถาอาคมของคนชั่ว คุ้มครองใครไม่ได้หรอก” รถสองแถวจอด มีด่านตำรวจขวางถนนอยู่ กระเต็นชะโงกเห็น “ตำรวจ” ตำรวจถือรูปประกาศจับ หาญ ยิ่งยศ กระเต็น ให้คนขับดู “กระถิน น้าต้องไปแล้ว บอกตำรวจให้พาไปที่สถานสงเคราะห์ จำไว้”
กระเต็นวิ่งลงจากรถ ขณะที่ตำรวจกำลังอ้อมมา
“เฮ้ย หยุด”
ตำรวจวิ่งกรูตามกระเต็นที่วิ่งย้อนไปตามถนน แล้วเลี้ยวเข้าป่าหญ้าข้างทาง
กระเต็นวิ่งหนีเข้าป่าหญ้า
“บอกให้หยุด ไม่งั้นยิง”
กระเต็นไม่หยุด ตำรวจยิง กระเต็นผงะฟุบคว่ำไป ตำรวจวิ่งเข้าไปใกล้ จ่อปืน กระเต็นพลิกตัวเตะปืนตำรวจกระเด็น แล้วสู้กัน ตำรวจวิ่งตามเข้ามาจ่อปืน ตำรวจที่กำลังเพลี่ยงพล้ำเลยถือโอกาสตอนกระเต็นชะงักจับกระเต็นล็อค
“บอกมา ไอ้เสือหาญกับผู้การยิ่งยศอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
“งั้นก็ไปกองปราบ”
“เดี๋ยวซิ รออั๊วก่อน” ทั้งหมดหันไปเจอยิ่งยศยืนอยู่ ตำรวจระดมยิงใส่ แต่ไม่ระคายผิว “ทำอย่างงี้ได้ไงวะ ผู้ต้องหายังไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน ไม่มีสิทธิวิสามัญโว้ย”
ตำรวจทิ้งปืนเข้าสู้กับยิ่งยศ แต่ถูกยิ่งยศอัด ตำรวจอีกคนพยายามจะยิงยิ่งยศแต่มือหาญเข้ามาจับไว้ บิดจนปืนร่วงจากมือ ตำรวจชกใส่อีกมือแต่เหมือนชกเหล็ก
“โอ๊ย”
หาญชกตำรวจกระเด็นไปไกล ตำรวจเห็นท่าไม่ดีจะหนีเจอศรีแพรฟาดเข้าต้นคอร่วง หาญเข้าประคองกระเต็น “เป็นไงบ้าง”
กระเต็นส่ายหน้าจับตะกรุดที่คอ
“โชคดีที่ราชาวดีถอดตะกรุดให้หนูไว้ แล้วพ่อรู้ได้ยังไงคะว่าหนูอยู่ที่นี่”
“พลังทั้งหมดของไอ้หาญกลับมาแล้ว และยังผสานร่างกับพญาสมิงเหล็กจนสำเร็จอีกด้วย” กระเต็นตื่นเต้น
“เราจะทำยังไงกับตำรวจนี่ดี”
ศรีแพรถามขึ้นมา ทั้งหมดมองตำรวจที่นอนกองกัน
ตำรวจโดนมัดรวมกันอยู่ที่ด่าน มีกระดาษเสียบในกระเป๋าตำรวจนายหนึ่ง ผู้บังคับการเดินเข้ามา ดึงจดหมายมาอ่าน
“เสือหาญ”
ผู้บังคับการหน้าเครียด
จบตอนที่ 13
อ่านต่อตอนที่ 14 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.