แรงปรารถนา ตอนที่ 13
“ผมมาเพราะเจตนาดี”
ภาสันต์มองพิทยาแล้วก็ครุ่นคิด ก่อนจะนึกอะไรออก
“ปล่อยมัน...”
“แต่พ่อ!”
“ฉันบอกให้ปล่อย! แกไม่ได้เป็นคนพาหนูรวีหนี แต่มีคนอื่นใช่มั้ย”
ภูวดลจำใจปล่อยพิทยาอย่างไม่เต็มใจ
“ผมไม่เข้าใจ”
คำตอบพิทยา ทำให้ภาสันต์รู้ทันทีว่าเค้าคิดถูก
“เราถูกมันหลอก รีบไปตามหาหนูรวี!”
ภาสันต์กับพนักงานโรงแรมรีบออกไป ภูวดลหน้าตาเอาเรื่องหันไปมองพิทยา แล้วก็รีบตามภาสันต์ออกไป พิทยาสีหน้าวิตกกังวลใจ
รวีพรรณรีบวิ่งไม่ค่อยถนัดเพราะชุดและรองเท้ามาตามทาง ภาสันต์ ภูวดล พนักงานโรงแรมพรวดพราดออกมา เห็นรวีพรรณไกลๆ
“รวี!”
รวีพรรณตกใจ หันไปเห็นพวกภูวดลก็หน้าตาตื่นรีบวิ่งหนี ภูวดลรีบวิ่งแซงภาสันต์กับพนักงานโรงแรมเพื่อตามเธอให้ทัน เธอสีหน้าแย่มาก หันไปเห็นภูวดลมาใกล้ รวีพรรณวิ่งจนรองเท้าหลุด หน้าเกือบคว่ำ แต่เธอไม่สนใจรีบวิ่งต่อไป ภูวดลวิ่งเร็วมาก ใกล้รวีพรรณขึ้นเรื่อยๆ
รวีพรรณเหมือนจะแย่ แต่ทันใดนั้นมีรถแล่นเข้ามา บีบแตรเรียกรวีพรรณ เธอหันไป รถคันนั้นแล่นมาจอดตรงหน้า รวีพรรณรีบเปิดประตูขึ้นรถ รถแล่นออกไป
ภูวดลตามไม่ทัน เจ็บใจและโมโหสุดๆ
“โธ่เว๊ย!”
รวีพรรณดีใจสุดๆที่รอดมาได้ หันไปทางคนขับ
“พิท...”
แล้วรวีพรรณก็ตกใจเพราะไม่ใช่พิท แต่เป็นบวร
“คุณใหญ่!”
“พิทขอให้ผมมาช่วยคุณ”
รวีพรรณงงมาก และพูดไม่ออก
ภูวดลสุดจะอดทนได้อีกต่อไป เข้ามาชกพิทยาเปรี้ยง!เต็มแรงจนพิทยาเซไปชนโต๊ะ ของบนโต๊ะหล่นแตกกระจาย ภาสันต์ รมณี ศรีพิไลและณรงค์ตกใจ โดยเฉพาะจันทร์จำนง
ภูวดลจะเข้าไปซ้ำ จันทร์จำนงรีบเข้ามาขวาง ทำให้ภูวดลหหยุดกึก
“หยุดนะพ่อดล!ชกพิททำไม”
ภูวดลหันไปมองพิทยาตากร้าว
“คุณย่าก็ถามมันดูสิว่ามันทำอะไร!”
พิทยาทรงตัวยืนพร้อมปาดเลือดที่มุมปาก
“มันลักพาตัวเจ้าสาวของผม”
“ไม่จริง พิทไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น เราอย่าพูดจาพล่อยๆ”
“คุณย่าก็ดีแต่เข้าข้างมัน”
“ย่าไม่ได้เข้าข้างใคร พิทยาเป็นคนดี”
“คุณย่าตาบอดเหรอไงถึงเห็นมันเป็นคนดี”
จันทร์จำนงผงะกับคำพูดของภูวดล
“ลับหลังคุณย่ามันมาเล่นชู้กับเจ้าสาวของผม”
ทุกคนตกใจ รมณีกับณรงค์สีหน้าเจื่อนสุดๆ มองหน้ากัน
“ไม่จริง ผมกับรวี...เราบริสุทธิ์ใจกัน”
“ไอ้โกหก! ฉันรู้ว่าแกอิจฉาฉัน เพราะฉันมีพ่อมีแม่ มีเงินทอง แต่แกไม่มีอะไรเลย”
“หยุดได้แล้วพ่อดล”
ภูวดลไม่ยอมหยุด
“แม้กระทั่งแม่ของแกก็ยังไม่ต้องการตัวแก ถึงได้รีบตายจากแกไป หรือแม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ก็ยังไม่ยอมรับ แกมันเกิดมาพร้อมกับปัญหา แกมันเป็นไอ้ตัวซวย!”
พิทยาโมโห ภาสันต์ผงะ
จันทร์จำนงโมโหมากเผลอตบหน้าภูวดล เพี๊ยะ!! ทุกคนตกใจ พิทยาชะงัก ภูวดลอึ้งหันมามองจันทร์จำนงน้ำตาคลอ จันทร์จำนงรู้สึกผิดที่เผลอตบหน้าหลาน
“พ่อดล”
ภูวดลน้ำตาไหล...หันไปมองพิทยาแววตาเกลียดชัง
“ฉันไม่ยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้แน่!”
ภูวดลชี้หน้าพิทยาแล้วก็เดินออกไป ภาสันต์กับศรีพิไลมองจันทร์จำนงอย่างไม่พอใจ แล้วก็ตามภูวดลออกไป รมณีกับณรงค์มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตึงเครียด
บวรเดินนำรวีพรรณเข้ามายังเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง
“ที่นี่มีทุกอย่างครบ คุณพักได้ตามสบาย จนกว่าจะหาที่ทางใหม่ได้”
บวรยื่นกระดาษโน้ตเล็กๆให้รวีพรรรณ
“นี่เป็นเบอร์ของแม่บ้าน ขาดเหลืออะไร เค้าจะช่วยจัดการให้”
รวีพรรณเอื้อมมือไปรับเบอร์มา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว”
“เดี๋ยวค่ะ … แล้วพิทล่ะคะ พิทอยู่ไหน ทำไมเค้าไม่มาช่วยฉัน แล้วทำไมถึงกลายเป็นคุณ”
บวรสุดทนบอก
“คุณเลิกยุ่งกับพิทได้แล้ว! เพราะคุณ...ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด คุณควรจะรู้ตัวได้แล้วว่า คุณทำให้พิทลำบากใจ”
“ไม่จริง”
บวรสวนกลับทันที
“จริง...! ถ้าพิทเค้าอยากช่วยคุณ เค้าต้องมาช่วยด้วยตัวเองแล้ว แต่นี่เค้ามาขอให้ผมช่วย เพราะเค้าแคร์น้องสาวผม”
รวีพรรณอึ้ง บวรพูดต่อ
“เค้าไม่อยากให้แตเข้าใจผิด คุณควรจะยอมรับความจริงได้แล้วว่า เรื่องระหว่างคุณกับพิทมันจบลงแล้ว ถ้าคุณเห็นแก่เค้าก็ควรจะตัดใจ และเลิกเอาเค้ามาข้องเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของคุณซักที ปล่อยพิทไปซะ”
บวรทิ้งท้ายไว้ก่อนจะไป ทำเอารวีพรรณพูดอะไรไม่ออก ได้แต่สะเทือนใจอยู่ลึกๆ
ภายในบ้าน เวลากลางคืน เสียงภาสันต์พูดขึ้น
“กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียวก็จัดการไม่ได้”
ภาสันต์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ! แล้วพูดต่อ
“บรรลัยป่นปี้หมด ! ไหนแกคุยนักคุยหนาว่าเอาที่ดินมาให้ฉันได้ แล้วทีนี้เป็นยังไง”
“พ่อก็เห็นอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้พิทยา เพราะมันคนเดียวที่ทำให้งานวันนี้พัง”
“ไม่ต้องไปโทษคนอื่นเพราะตัวแกเองไม่มีปัญญารั้งคู่หมั้นเอาไว้ อ่อน ! ไม่มีน้ำยา ! ฉันไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าแกเป็นลูกในไส้ของฉัน”
ภูวดลผงะกับคำพูดภาสันต์
“หยุดซะทีเถอะ แค่นี้มันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว มาหาทางแก้กันดีกว่า เราบอกแขกไปว่าหนูรวีไม่สบาย แล้วทีนี้จะทำยังไงกันต่อไป” ศรีพิไลว่า
ภาสันต์ระชากคอเสื้อภูวดล
“ทำยังไงน่ะเหรอ! ไปตามตัวเจ้าสาวแกกลับมา ฉันไม่สนว่ามันจะไปกับใคร แต่ฉันต้องได้ที่ดิน และแขกเหรื่อต้องเข้าใจว่าเจ้าสาวแกป่วย ไม่ได้หนีตามไอ้ผู้ชายหน้าไหนไป”
ศรีพิไลเข้ามาจับแขนภาสันต์ด้วยความเป็นห่วงภูวดล
“พอได้แล้ว”
“ถ้าแกทำไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
ภาสันต์ปล่อยมือจากคอเสื้อภูวดลอย่างแรงจนเซไป ภาสันต์ปึงปังออกไป ศรีพิไลรีบตามสามี
“โธ่เว๊ย” ภูวดลโวยด้วยความแค้น
ภูวดลเตะถีบข้าวของบริเวณนั้นไปทั่วเพื่อระบายอารมณ์! เพิ่มความโกรธแค้นในตัวพิทยามากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
“ไอ้พิทยา!”
เช้าวันถัดมา สุอาภาตื่น ลืมตาขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกเหงามาก ไม่นานเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอหันไปมองด้วยความแปลกใจ ประตูถูกเปิดออก พิทยาที่เดินถือถาดวางชามอาหารเข้ามา สุอาภาตกใจมาก
“พิท!”
พิทยายิ้มอย่างอารมณ์ดี เขามานั่งข้างเตียงสุอาภาพร้อมกับวางถาดอาหาร
“อาหารเช้าครับคุณแต”
พิทยายกชามอาหารขึ้นมาตักอาหารขึ้นมาเป่า สุอาภามองพิทยาด้วยแววตาตื้นตันดีใจ พิทยาเงยหน้ามองสุอาภา พร้อมยื่นช้อนไปตรงหน้าแล้วยิ้มให้
“ทานสิครับ กำลังร้อนๆเลย”
สุอาภารู้สึกดีสุดๆ กำลังจะกินอาหารที่พิทยาป้อน แล้วภาพของพิทยาก็เลือนหายไป...
สุอาภาสะดุ้งตื่น..และรู้ว่าเป็นแค่ภาพฝัน สุอาภาถอนหายใจเฮือกใหญ่...ลุกขึ้นนั่ง คิดถึงคำพูดของนพ
“ป๋าอยากให้แตเปิดโอกาสให้พิทอีกครั้ง คนเราถ้าไม่พูดกัน มันจะเข้าใจกันได้ยังไง บางครั้งสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราเข้าใจ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ป๋าไม่อยากเห็นลูกของป๋าจมอยู่กับความทุกข์ไปจนชั่วชีวิต ลองเอาที่ป๋าพูดไปคิดดูนะ”
สุอาภาหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดูรูปที่เธอกับพิทยาไปเที่ยวกัน แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างตัดสินใจได้
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนกำลังทานอาหารเช้า วรรณวดีนึกขึ้นมาได้
“เมื่อคืนใช่วันที่นายภูวดลกับรวีแต่งงานกันรึเปล่าคะ”
บวรฟังแล้วก็สำลักน้ำทันที ทำเอานพกับวรรณวดีแปลกใจ บวรรีบเช็ดปาก แล้วยิ้มแหย
“ระวังหน่อยสิเจ้าใหญ่”
บวรรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมว่าเราอย่าคุยเรื่องครอบครัวนี้กันแต่เช้าเลยนะครับ ฟังแล้ว กินอะไรไม่ลง”
บวรหงุดหงิดเวอร์จนนพกับวรรณวดีแปลกใจ ไม่นานสุอาภาเดินออกมา ทุกคนหันไปมอง สุอาภาเดินมาตรงหน้านพ
“ป๋าคะ เรื่องที่ป๋าบอกให้แตลองคิด แตตัดสินใจได้แล้วค่ะ”
พิทยาคุยโทรศัพท์สีหน้าประหลาดใจ
“คุณแตอยากคุยกับผม”
บวรยิ้ม
“ใช่”
แต่พิทยากลับสีหน้าไม่สู้ดี บวรเห็นพิทยาเงียบ เลยรีบพูดต่อ
“สิ่งที่แตพูดไปวันนั้น พูดไปเพราะกำลังโกรธ พิทอย่าใส่ใจ ถ้ายังไงวันนี้พิทมาคุยกับแตอีกซักครั้งเถอะ ฉันเชื่อว่าคำตอบของแตวันนั้น กับวันนี้ มันเป็นคนละคำตอบกัน”
พิทยาฟังแล้วก็คิดหนัก เครียดและกังวลใจ
1.บวรเดินกลับมาที่ห้องรับแขกหานพกับวรรณวดีที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“พิทว่ายังไง”
“พิทบอกว่าจะมาครับป๋า”
นพยิ้มพอใจ ทั้งบวร วรรณวดีพลอยสบายใจไปด้วย
ภูวดลสีหน้าเครียดอยู่ตรงหน้า รมณีที่ดวงตาช้ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ณรงค์ยืนอยู่ด้วย
“ยังติดต่อไม่ได้เลยเหรอครับ”
“พวกน้าพยายามหาเบาะแสทุกอย่าง ทั้งจากเพื่อน และคนรู้จักทุกคนของยัยรวี แต่ไม่มีวี่แวว”
ภูวดลบ่นกับตัวเอง
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว”
“พ่อดลว่าอะไรนะ” รมณีถาม
“เปล่าครับ คุณน้าไม่ต้องห่วง ต่อให้ต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหา ผมก็ต้องตามคุณรวีกลับมาให้ได้”
ภูวดลพูดจบก็จ้ำเดินออกไปทันที
ภูวดลเดินแววตากร้าวออกมา พลางคิดถึงที่คุยกับภาสันต์
“พ่อก็เห็นอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้พิทยา เพราะมันคนเดียวที่ทำให้งานวันนี้พัง”
“ไม่ต้องไปโทษคนอื่น เพราะตัวแกเองไม่มีปัญญารั้งคู่หมั้นเอาไว้ อ่อน ! ไม่มีน้ำยา ! ฉันไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าแกเป็นลูกในไส้ของฉัน ! / ถ้าแกทำไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
ภูวดลแค้นสุดๆ คิดหนักว่าจะทำยังไงดี? ฉับพลันก็มีแววสว่างวาบขึ้นในแววตาอย่างนึกอะไรออก แล้วก็รีบเดินทันที
ภายในห้องนอน สุอาภานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองแหวนแต่งงานในมือ แล้วก็ตัดสินใจใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายอีกครั้ง
แรงปรารถนา ตอนที่ 13 (ต่อ)
นพคุยกับณีที่กำลังตั้งสำรับอาหาร
“มีแต่ของที่พิทชอบทั้งนั้น”
“ณีจัดหนักจัดแน่น เอาใจคุณพิทสุดฤทธิ์เลยล่ะค่ะ”
นพสีหน้ามีความสุข หันมายิ้มให้วรรณวดีกับบวร ระหว่างนั้นคนใช้เดินเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“พิทมาแล้วใช่มั้ย”
นพถามอย่างกระตือรือร้น คนอื่นๆยิ้มรับทันที
มุมหนึ่งในบ้าน ภูวดลสีหน้าเอาเรื่องหันมา บวรเดินเครียดออกมารับหน้า พอเห็นท่าทางภูวดลก็รู้ว่าต้องมาเพราะเรื่องรวีพรรณแน่ๆ บวรถึงกับกังวลใจ
“มีธุระอะไรที่นี่ไม่ทราบ”
“ฉันมาหาไอ้พิทยา ขอโทษ... มันเคยปาก พอดีไปที่บ้านมาแล้วไม่เจอตัวพิทยาอยู่นี่ใช่มั้ย”
บวรคิดและตัดสินใจ
“ไม่อยู่ และมันไม่เหมาะสมด้วยที่คุณจะมาตามหาเค้าที่นี่ มันเป็นเวลาของครอบครัว ถ้าคุณมีธุระอะไร เอาไว้วันหลังจะดีกว่า เชิญคุณกลับได้แล้ว”
“ฉันไม่เชื่อ!”
ภูวดลขยับจะเข้าไป บวรรีบขวาง
“นี่เป็นบ้านของพวกเรา คุณไม่มีสิทธิ์จะมาทำตัวเป็นนักเลงที่นี่”
สุอาภาเดินลงบันไดมาได้ยิน
“มีอะไรกันเหรอคะ”
สุอาภาเดินเข้ามา นพ วรรณวดี ณีเดินออกมาสมทบ ทุกคนมองภูวดลกับสุอาภาเริ่มใจคอไม่ดี
“คุณสุอาภา เจอหน้าก็ดีแล้ว! เมื่อวานที่งานแต่งผม สามีคุณลักพาตัวเมีย เอ๊ย เจ้าสาวของผมไป! ให้เค้าปล่อยตัวรวีคืนมาเดี๋ยวนี้”
ทุกคนชะงักกันไปหมด โดยเฉพาะบวรหน้าซีดมากแทบจะไม่กล้าสบตาผู้คน สุอาภาอึ้ง และงงงวยมากที่สุดถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ไม่จริง พิทไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น”
“พวกคุณกล้ารับรองรึเปล่าว่ามันไม่ได้ทำ!”
บวรรู้แก่ใจ อึดอัด แต่จะยอมรับก็ไม่ได้ ภูวดลหันไปทางสุอาภา
“คุณช่วยกรุณาจัดการให้สามีคุณคืนภรรยาชาวบ้านมาได้แล้ว ลักพาตัวผู้หญิงของคนอื่นไปแบบนี้ มันโจรชัดๆ”
สุอาภายังนิ่งอึ้งเพราะช็อกอยู่
“หยุดว่าพิทแบบนั้น!” บวรพูด
ภูวดลตะโกนลั่นบ้าน
“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ ไอ้พิทยา โผล่หัวออกมาสิวะ! มัวแต่หดหัวอยู่ทำไม อยู่ไหนวะไอ้พิทยา”
นพทนไม่ไหว
“หยุดนะ! หยุดใส่ความพิทได้แล้ว”
ภูวดลแค่นยิ้ม
“ใส่ความ ฮึ...กำพืดต่ำๆแบบนี้มีหรือจะไม่ทำระยำ แม่ของมันก็เคยทำให้คุณเจ็บช้ำมาแล้ว นังแพศยาคนนั้น จำไม่ได้เหรอไง”
นพชะงัก โกรธเลือดขึ้นหน้า
“ถ้ายังพูดจาดูถูกพิทกับแม่ของพิทอีกคำเดียว ฉันจะเรียกตำรจมาจับคุณเดี๋ยวนี้!”
“ตำรวจมาก็ดี ผมจะได้แจ้งความจับไอ้พิทยาข้อหาลักพาตัว”
“ถ้าอยากแจ้งความ ก็เชิญ แต่ตำรวจจะเชื่อรึเปล่านั่นอีกเรื่อง เพราะว่าคุณไม่มีหลักฐาน”
ภูวดลนิ่ง หน้าถอดสี นพพูดต่อ
“คนที่จะถูกจับคือคุณต่างหาก ข้อหาบุกรุกบ้านของผม!”
ภูวดลกำมือแน่น
“จนขนาดนี้ก็ยังจะปกป้องมันอีก ทั้งๆที่มันซ่อนผู้หญิงคนอื่นไว้ลับหลังลูกสาวคุณ”
ภูวดลหันไปทางสุอาภาแล้วพูดต่อ
“ทำตัวเป็นเมียหลวงใจพระ มีเมตตา ปล่อยให้ผัวไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น พวกคุณนี่มันโง่กันทั้งครอบครัว โง่กันทั้งตระกูล”
บวรโมโหจนสุดจะทนได้อีก พุ่งเข้ามาหาไปกระชากตัวภูวดล
“ไอ้!”
“อย่าครับคุณใหญ่ !”
เสียงพิทยาดังเข้ามา บวรชะงัก ทุกคนหันไปเห็นพิทยาที่เพิ่งเดินเข้ามา สุอาภามองพิทยาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ
“ให้ผมคุยกับเค้าเอง คุณใหญ่อย่าได้ต้องเอาตัวเข้าไปแลกกับคนแบบนี้เลย”
พิทยามองหน้าภูวดลอย่างไม่กลัว สองคนมองหน้ากันอย่างท้าทาย ภูวดลตะคอกใส่พิทยา
“รวีอยู่ที่ไหน!”
“คุณท่าจะความจำไม่ดี เมื่อวานตอนที่เจ้าสาวคุณหายตัวไป ผมก็อยู่ในงานด้วย”
ทุกคนในบ้านต่างมองพิทยาด้วยอาการที่แตกต่างกันไป นพมองหยั่งใจพิทยา สุอาภามีสายตาที่เจ็บปวด วรรณวดีกับณีมีแววแค้นภูวดล ส่วนบวรอึดอัดมาก
“เมื่อวานเราก็เคลียร์เรื่องนี้ไปแล้ว เชิญคุณกลับไปดีกว่า”
“ฉันนึกอยู่แล้วว่า พวกทำอะไรลับหลังอย่างแกไม่มีทางยอมรับ”
ภูวดลหันไปพูดกับสุอาภา
“ผมมาบอกให้คุณรู้เอาไว้ ว่าผัวตัวดีของคุณมันแสบแค่ไหน ถ้าคุณไม่อยากอับอายขายหน้ามากไปกว่านี้ รีบไปเคลียร์ให้ผัวคุณปล่อยคนของผมมาซะ!”
พิทยาเข้าไปขวางภูวดล
“อย่ายุ่งกับคุณแต!”
“มึงก็อย่ามายุ่งกับรวีสิวะไอ้หน้าด้าน ! ปล่อยตัวผู้หญิงของฉันคืนมา!”
ภูวดลกระชากคอเสื้อพิทยา วรรณวดีกับณีร้องขึ้นอย่างตกใจ สุอาภาเป็นห่วงมาก กลัวพิทยาโดนทำร้าย สุอาภาฮึดแล้วบอกไป
“พิทเค้าไม่ได้ทำ !”
ภูวดลปล่อยคอเสื้อพิทยาหันไปทางสุอาภา
“โดนผัวปั่นหัวจนสมองไม่ทำงานแล้วรึไง เรื่องแบบนี้จะมีใครทำ ถ้าไม่ใช่มัน!”
“ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะ ว่าถูกเจ้าสาวทิ้งกลางงานมันน่าอาย แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาพาลคนอื่น”
“พาลเหรอ !”
สุอาภาเข้าไปยืนข้างพิทยาและควงแขนเขาไว้
“ทั้งวันก่อนหน้าวันแต่งงานของนาย เมื่อคืนนี้ และตอนนี้เค้าก็อยู่กับฉัน จะมีเวลาที่ไหนพาเจ้าสาวของนายหนี”
พิทยารวมทั้งคนอื่นหันไปมองสุอาภาด้วยความอึ้งที่เธอออกรับแทน ภูวดลถึงกับพูดไม่ออก
“พิทกับฉัน... เรารักกัน พิทให้เกียรติฉันไม่เคยนอกใจ ไม่เคยโกหก เราไว้ใจกัน และที่สำคัญ พิทจะเลือกฉันก่อนคนอื่นเสมอ เพราะฉะนั้นพิทไม่มีทางพาคุณรวีหนีออกจากงานแน่”
แววตาของสุอาภาเจือความเจ็บปวดจนพิทยารู้สึกได้ พิทยามองสุอาภาที่ออกรับแทน พร้อมทั้งคำเหน็บแนม ยิ่งบาดลึกถึงความผิดที่ทำลงไป
“รวมหัวกันดีนัก ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนหน้าโง่อย่างเธอมาก่อน”
นพสวนกลับทันที
“ฉันเตือนเธอแล้วใช่มั้ย ว่าให้หยุดก้าวร้าวคนในบ้านฉัน เจ้าใหญ่ โทรเรียกตำรวจ” นพว่า
“ครับป๋า”
บวรหยิบมือถือมากดโทรออก ทำให้ภูวดลไม่กล้า
“ถ้าอยากปกป้องมันกันนัก ดูซิว่าพอความจริงมันแดงขึ้นมาจะยังปลื้มมันอยู่อีกมั้ย ถ้าฉันเจอรวีเมื่อไหร่ แกได้เข้าไปนอนในตารางแน่ !” ภูวดลพูดพลางชี้หน้าพิทยา
ภูวดลพูดจบก็จ้ำเดินออกไปทันที ทุกคนพากันโล่งอก
พิทยาหันมามองสุอาภา พูดไม่ออก ความอัดอั้นมันจุกอกไปหมด สุอาภาหันมามองพิทยาด้วยแววตาเพิกเฉย ปล่อยมือจากแขนพิทยาแล้วเดินออกไปทันทีด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“เดี๋ยวก่อนคุณแต...”
พิทยารีบเดินตามสุอาภาไปติดๆ ทุกคนมองตาม เป็นห่วง..และกังวลใจ โดยเฉพาะบวร
สุอาภารีบเร่งเดิน อยากจะหนีไปจากพิทยา
“คุณแต...”
พิทยามาดักหน้าสุอาภา ยังไม่ทันพูด สุอาภาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“นายพาคุณรวีหนีจริงๆใช่มั้ย”
พิทยาเงียบยังไม่ได้ตอบ บวรก็รีบเดินเข้ามาหา
“พิทไม่ได้พารวีหนีอย่างที่นายนั่นกล่าวหา พี่ต่างหากที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้”
สุอาภานิ่วหน้า
“แล้วทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องจัดการเรื่องนี้”
บวรเงียบ สีหน้าลำบากใจ สุอาภาพูดต่อ
“เพราะพิทขอร้องให้ทำใช่มั้ย”
พิทยายืดอกรับ
“ใช่...ผมเป็นขอให้คุณใหญ่ช่วย แต่ที่ผมทำ ไม่ใช่เป็นเพราะผมยังมีเยื่อใยกับรวีนะครับ”
สุอาภาหันไปมองพิทยาแววตาเจ็บปวดเสียใจ
“พี่ใหญ่ออกไปก่อน แตอยากคุยกับพิทสองคน”
“เออ...แต”
สุอาภาหันไปมองหน้าเอาจริงจนบวรไม่กล้า บวรได้แต่ถอนหายใจ หันไปตบบ่าพิทยาให้กำลังใจแล้วก็เดินออกไป พิทยาหันมามองสุอาภา
“ที่ฉันเรียกนายมาวันนี้ เพราะป๋าบอกฉัน...ว่าบางครั้งสิ่งที่ฉันเห็น ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันเข้าใจ ฉันถึงอยากให้โอกาสนายได้พูด แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่นายต้องพูดอะไรอีก”
สุอาภาน้ำตารื้น พิทยาตกใจ
“ไม่นะครับคุณแต”
สุอาภาพูดต่อทันที
“สิ่งที่นายทำ มันทำให้ฉันรู้ว่านายทนเห็นผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับนายภูวดลไม่ได้ ทั้งๆที่นายก็รู้ว่านายภูวดลเป็นตัวอันตรายมากแค่ไหน แต่นายก็ยังเลือกที่จะช่วยเค้า น่าอิจฉาคุณรวีที่มีคนที่รักมาก ถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเอง”
พิทยาจะปฏิเสธ
“คุณแต...”
พิทยาคว้ามือซ้ายสุอาภาจับไว้ ทำให้รู้สึกได้ว่าสุอาภาใส่แหวนแต่งงานอีกครั้ง
พิทยาก้มมอง สุอาภาอึ้ง พิทยาเงยหน้าขึ้นมา
“คุณใส่แหวน.”
พิทยาเงยหน้ามองสุอาภามีความหวัง เธอดึงมือออกแล้วถอดแหวนยัดใส่มือ พิทยาใจหาย
“นายกับฉัน...จบลงแล้ว ถ้านายยังอยากได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ดีอยู่บ้าง รู้มั้ยว่าต้องทำยังไง ฉันจะให้โอกาสนายทำหน้าที่สามีเป็นครั้งสุดท้าย...หย่ากับฉันให้เร็วที่สุด !”
พิทยาอึ้งสุดๆ สุอาภาหันหลัง น้ำตาร่วงแล้วรีบเดินไปทันที
พิทยาทนที่จะเห็นสุอาภาจากไปไม่ได้ วิ่งเข้าไปกอดสุอาภาจากข้างหลัง เธอชะงักไปด้วยความตกใจ
“ไม่..ผมไม่หย่า ผม่ไม่ยอมหย่ากับคุณ”
สุอาภาพยายามแกะมือพิทยา
“ปล่อย! ปล่อยฉัน!”
“ผมไม่ปล่อย ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเดินจากผมไปแบบนี้ คุณแต...ผม..รั(รัก)”
สุอาภาโพล่งออกไปทันที
“ฉันเกลียดนาย!”
พิทยาผงะ อึ้ง สุอาภาแกะมือพิทยาแล้วหันมาพยายามจะไม่ร้องไห้
“ฉันเกลียดนายได้ยินมั้ย ฉันอยากไปจากนาย ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก เลิกยุ่งกับฉันซักที!”
สุอาภาพูดจบ รีบหันหลังเดินออกไปทั้งน้ำตา พิทยาแทบทรุดลงไปกองตรงนั้น
บริเวณโถงของบ้าน ต่ายกับณีมองบวรด้วยความไม่พอใจมาก ผิดกับนพที่นั่งเครียด
“พี่ใหญ่เป็นบ้าไปแล้วเหรอถึงพารวีหนีงานแต่ง นี่ถ้าเกิดนายภูวดล หรือคุณนายรมณีรู้เข้า มีหวังได้มาแหกอกป๋าแน่”
บวรหน้าเสีย รู้สึกผิด
“แกจะให้ทำไง ยัยรวีบอกว่าถ้าพิทไม่มาช่วย เค้าจะฆ่าตัวตาย ชีวิตคนทั้งคนเลยนะ”
“ก็ช่างปะไรสิคะ ขนาดชีวิตตัวยังไม่รัก แล้วพวกเราจะไปช่วยทำไม คุณใหญ่นะคุณใหญ่ มันน่าโมโหนักเชียว คุณพิทก็ด้วยอีกคน” ณีว่า
พูดไม่ทันขาดคำ พิทยาเดินกลับเข้ามา ทุกคนหันไปมอง ณีรีบปิดปาก
“แตว่าไงบ้างพิท” บวรถาม
พิทยาเดินมาตรงหน้าทุกคนด้วยสีหน้าเครียดสุดๆ
“คุณแตต้องการหย่ากับผมโดยเร็วที่สุดครับ”
ทุกคนตกใจกันสุดๆ พิทยาหันไปมองนพด้วยสีหน้ารู้สึกผิดมาก
ภายในห้องทำงานของนพ พิทยาก้มกราบนพ เขาทั้งเสียใจและละอายใจต่อนพมาก
“ผมขอโทษที่ทำลายความไว้วางใจที่คุณอามีให้กับผม และผมก็ต้องขอโทษที่ผมดูแลคุณแตต่อไปอีกไม่ได้ ผมทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณอา”
นพจับไหล่พิทยาให้ลุกขึ้นยืน
“เธอไม่ได้ทำผิด และไม่ต้องขอโทษ ฉันเข้าใจดีทุกอย่าง ทั้งเรื่องหนูรวีและเรื่องยัยแต จะว่าไปไอ้เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็เกิดจากฉันเพราะว่าฉันอยากให้เธอดูแลยัยแต ทั้งที่เธอก็เคยบอกฉันแล้ว ว่าเธอไม่ต้องการแต่งงาน เธอต้องแยกจากคนรักเพื่อทดแทนบุญคุณฉัน ส่วนยัยแตต้องแต่งงานกับเธอก็เพราะเห็นแก่ฉัน ฉันพยายามที่จะช่วยประสานรอยร้าวของพวกเธอ แต่มาตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้น ไม่มีทางที่จะประสานได้อีก”
พิทยาชะงัก ได้แต่ยืนเงียบด้วยความสะเทือนใจ เขายังคงไม่กล้าพูดความรู้สึกที่มีต่อสุอาภาออกไป
“ฉันไม่ควรเอาความต้องการของฉันไปโน้มน้าวพวกเธอสองคนตั้งแต่แรก บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ฉันต้องปล่อยให้เธอกับยัยแตได้ไปตามทางที่พวกเธอตัดสินใจเอง”
พิทยาใจหาย
“คุณอา...”
“ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอะไรในเรื่องของลูกสาวฉัน ขอให้เธอทำเพื่อตัวเอง อย่าทำเพื่อฉันหรือเพื่อใครอีก”
แรงปรารถนา ตอนที่ 13 (ต่อ)
นพบีบไหล่พิทยาทั้งสองข้างแน่น
“เธอเสียสละมากพอแล้วพิท สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ การเห็นเธอกับยัยแตมีความสุข ไม่ว่าเธอสองคนจะได้ลงเอยกันหรือไม่ ฉันขอแค่นั้นก็พอใจแล้ว”
นพยิ้มให้พิทยาแล้วก็เดินออกไป พิทยาหันไปมองตามนพด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
สุอาภานั่งน้ำตาไหลอยู่ในห้อง...ไม่นานเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอรีบเช็ดน้ำตา หันไปเห็นนพ บวร วรรณวดีเดินเข้ามาในห้อง
สุอาภานิ่งไป นพเดินเข้ามานั่งข้างสุอาภา ส่วนพี่ชายและพี่สาวยืนอยู่
“แน่ใจแล้วนะว่าจะหย่ากับพิท”
“ค่ะ”
“แตอย่าโกรธพิทมันเลย มันไม่ได้ตั้งใจ” บวรบอก
“พี่ใหญ่ไม่ต้องแก้ตัวแทนเค้าอีกแล้ว ความจริงการที่แตกับพิทจะหย่ากัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตั้งแต่แรก เราก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก”
“แต่แตรักพิทไม่ใช่เหรอ” วรรณวดีว่า
สุอาภานิ่งไปซักพัก แล้วก็เงยหน้าฝืนยิ้ม
“ทุกคนไม่ต้องห่วงแตนะ เดี๋ยวนี้แตเข้มแข็งขึ้นมาก แรกๆมันคงจะทรมานซักหน่อย แต่แตจะอดทนและผ่านมันไปให้ได้”
ทุกคนมองสุอาภาอย่างรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ในใจ นพขยับเข้ามานั่งติดกับสุอาภา
“เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่ต้องอดทนหรอกนะลูก ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ เพราะป๋า เจ้าใหญ่ เจ้าต่ายจะช่วยซับน้ำตาให้ลูกเอง”
สุอาภาหันไปมองพี่ชายกับพี่สาวที่พยักหน้าให้ แล้วเธอก็ปล่อยน้ำตาเจ้ากรรมให้ไหลลงมาทันที นพดึงลูกสาวเข้ามากอดพร้อมกับซับน้ำตา วรรณวดีเข้ามากอดสุอาภาจากอีกข้าง
บวรก็เข้ามาร่วมกอดด้วยอีกคน สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ในเวลากลางคืน พิทยากวาดสายตามองมุมต่างๆในบ้าน ทุกอย่างว่างเปล่าเมื่อไร้เงาของสุอาภา เขาเดินเข้าไปในครัว เห็นภาพเขากับสุอาภากำลังทำข้าวต้มสูตรคุณกระแต สองคนหันมายิ้มและหัวเราะกัน
สุอาภาเดินเล่นอยู่ในสวน คิดถึงตอนที่รดน้ำต้นไม้กับพิทยา แล้วพิทยาแกล้งเอาน้ำฉีดใส่สุอาภา
พิทยาเดินมาที่โซฟา เขาคิดถึงภาพเขากับสุอาภาพูดคุยต่อล้อต่อเถียงกัน
สุอาภากลับเข้ามาในห้องนอน นึกถึงตอนที่เค้ากับพิทยานอนเตียงเดียวกัน
แล้วภาพความสุข ความหวานชื่นของคนทั้งคู่ก็ผุดขึ้นมาไม่หยุด
สุอาภานั่งลงที่เตียง ด้วยความเหงา เศร้า และโดดเดี่ยว ส่วนพิทยาเองก็เช่นกัน เขาได้แต่ดูคลิปที่เขากับสุอาภาถ่ายด้วยกัน พิทยากดภาพให้หยุดที่ภาพสุอาภา แล้วเอามือลูบหน้าสุอาภา น้ำตาจะไหลออกมา
เช้าวันถัดมา พิทยาในชุดพร้อมไปทำงาน เปิดประตูรั้วบ้าน แล้วชะงักเพราะไม่ไกลจากรั้ว มีชายสองคนท่าทางไม่น่าไว้ใจยืนคุยกันอยู่
เขารู้สึกแปลกๆ แต่เห็นชายสองคนนั้นมองมานิดเดียว แล้วก็หันไปคุยกันเอง พิทยาหันหลังจะไปที่รถ ชายคนแรกถามขึ้น
“เดี๋ยวพี่ ถามทางหน่อยสิ”
พิทยาหันมา ไม่ทันพูดอะไร ชายคนนั้นก็ฮุคหมัดเข้ามาที่ท้อง พิทยาจับยั้งเอาไว้ได้ สวนหมัดกลับ แต่ที่ด้านหลังชายที่สองมาล็อกตัวเอาไว้
“พวกแกต้องการอะไร !”
พิทยาสะบัดชายคนที่สองจะหลุดอยู่แล้ว แต่ชายคนแรกก็พุ่งเข้ามาพร้อมผ้าขาวโปะมาที่ใบหน้าพิทยา
ทั้งสองคนช่วยกันล็อกตัวพิทยาไว้แน่น ร่างของพิทยาค่อยๆทรุดลงไป
ชายทั้งสองรีบหิ้วพิทยาไปขึ้นรถที่มีอีกคนจอดรอไว้หน้าบ้าน รถของคนร้ายแล่นออกไป
ภายในนพ อาร์คิเทค เวลากลางวัน ปวีณาบอกบวรด้วยความไม่สบายใจ
“ปกติถ้าจะลา หรือจะมาเลท คุณพิทต้องแจ้งแป๋วทุกครั้ง แล้วทำไมวันนี้ถึงเงียบไปเฉยๆ โทรไปก็ไม่รับสายเลยค่ะ”
บวรคิดอย่างเป็นห่วง
“หรือเพราะเรื่องเมื่อวานนี้ว๊า”
“มีอะไรเหรอคะ”
บวรตอบไม่ถูก แต่รู้สึกไม่สบายใจ
ภายในเซฟเฮ้าส์ รวีพรรณนั่งดูทีวีแต่เบื่อมาก เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆจนสุดทน ปารีโมทลงบนโซฟา แล้วก็นึกถึงคำพูดของบวร
“ถ้าพิทเค้าอยากช่วยคุณ เค้าต้องมาช่วยด้วยตัวเองแล้ว แต่นี่เค้ามาขอให้ผมช่วย เพราะเค้าแคร์น้องสาวผม เค้าไม่อยากให้แตเข้าใจผิด คุณควรจะยอมรับความจริงได้แล้วว่าเรื่องระหว่างคุณกับพิทมันจบลงแล้ว ถ้าคุณเห็นแก่เค้าก็ควรจะตัดใจ และเลิกเอาเค้ามาข้องเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของคุณซักที ปล่อยพิทไปซะ”
รวีพรรณสีหน้าเศร้ามาก
“ใจคอพิทจะไม่มาหาเราบ้างจริงๆเหรอ”
รวีพรรณรู้สึกน้อยใจ เลยตัดสินใจเอามือถือมากดเปิดเครื่อง ที่หน้าจอโชว์ให้เห็นเบอร์มิสคอลมากมาย..มีทั้งรมณี ภูวดล และเบอร์อื่นๆ รวีพรรณไม่สนใจ แต่แล้วกลับมีเสียงเมสเสจดังขึ้น รวีพรรณชะงัก กดเปิด..เป็นคลิป! รวีพรรณแปลกใจแต่ก็กดเปิดดู รวีพรรณถึงกับชะงักไปอย่างแรง
“พิท!”
บนหน้าจอ พิทยามีผ้าปิดตามือโดนมัดเอาไว้ ชายฉกรรจ์ 3 คน รุมกันเตะ เข่า ศอก อัดใส่พิทยา
รวีพรรณช็อก ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“พ..พิท ไม่ อย่า ไม่ !”
มือถือร่วงหลุดจากมือ รวีพรรณตัวสั่นระริก ทั้งแค้น ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจมากที่สุด !!
ที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ภูวดลคุยมือถือด้วยท่าทางเหนือกว่า อยู่ข้างหลังพิทยาที่สลบไสล ในสภาพแย่มาก มีคนร้าย 2 คนเฝ้าอยู่
“ผมบอกแล้ว ว่าคุณหนีผมไม่ได้ ที่ไอ้พิทยามันต้องโดนแบบนี้ก็เป็นเพราะคุณ เพราะความโง่ของคุณที่สะเออะอยากจะเอาชนะผม!”
ภายในเซฟเฮ้าส์ รวีพรรณด่าอย่างโกรธเกรี้ยว
“นรกส่งให้คุณมาแช่งชักทำลายคนอื่นเค้าใช่มั้ย ไม่นึกเลยว่าคุณจะเลวได้ขนาดนี้ คนอย่างคุณต้องไม่ได้ตายดี !”
รวีพรรณร้องไห้ รู้ว่าต่อไปจะต้องเจอกับอะไร
“จะเอายังไงก็บอกมา แต่คุณต้องหยุดทำร้ายพิท !”
ภูวดลยิ้ม เป็นไปอย่างที่คาด
“ถ้าคุณยอมกลับมาแต่งงานกับผม ผมจะปล่อยไอ้พิทยาทันที”
รวีพรรณแค้นมากที่สุด น้ำตาไหลอย่างบีบคั้น แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว !
ภูวดลวางสาย สีหน้าพอใจมาก หันหน้ากลับมามองพิทยาที่นั่งหันหลังให้ คนร้ายสองคนที่ยืนด้านหน้าภูวดลถาม
“จะเอาไงกับมันต่อครับ”
ภูวดลยังไม่ทันพูด พิทยารู้สึกตัว ชะงัก นิ่งมองแล้วพูดถาม
“ภูวดล ผมรู้ว่าเป็นคุณ คุณทำแบบนี้ทำไม”
ภูวดลมองพิทยากำมือแน่น แล้วก็เดินอ้อมมาตรงหน้า พิทยามองภูวดลที่ไม่ตอบ แต่เข้ามาอัดเข้าที่ตัวพิทยาเต็มแรง ทำเอาพิทยาจุกจนพูดไม่ออก
“ทิ้งมันไว้ในนี้”
ภูวดลพูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับคนร้าย 2 คน คนร้ายหันมาปิดประตูโกดัง
รถแท็กซี่แล่นมาจอด รวีพรรณลงจากรถ ยืนมองภูวดลที่ยืนรออยู่ที่รถ มีลูกน้องสองคนยืนอยู่ด้วย รวีพรรณมองด้วยแววตามีความหวาดกลัวนิดนึง แต่ทำใจดีสู้เสือ เดินมาหา
“พิทอยู่ไหน”
“ผมปล่อยไปแล้ว”
“ฉันต้องเห็นพิทก่อน ฉันถึงจะเชื่อ”
“คุณไม่มีสิทธิ์เลือก ขึ้นรถ!”
รวีพรรณใจเสีย
“คุณไม่ได้ปล่อยพิทไปจริงๆใช่มั้ย ไอ้คนชั่ว ไอ้คนไม่มีสัจจะ”
รวีพรรณเข้าไปทุบตีภูวดล เขาจับแขนเธอแน่น
“หยุด!”
ภูวดลบอกกับลูกน้อง
“เอาตัวไปขึ้นรถ”
ลูกน้องเข้ามาจับตัวรวีพรรณพาไปที่รถ รวีพรรณดิ้นไม่หยุด
“ปล่อยฉัน..ปล่อย! ปล่อยสิ...”
ภูวดลไม่สนใจขึ้นไปนั่งตรงที่คนขับ ลูกน้องพารวีพรรณเข้าไปนั่งในรถทางเบาะข้างหลัง ก่อนจะตามขึ้นไปด้วย ภูวดลขับรถออกไปทันที
ภูวดลจับแขนรวีพรรณพาเดินเข้ามาในบ้าน ทันทีที่รมณีกับณรงค์เห็นรวีพรรณกลับมาก็ดีใจกันมาก รีบลุกเดินมาหาทันที รมณีโผกอดลูกแน่น
“ยัยรวี..ลูกหายไปไหนมา”
รวีพรรณไม่ตอบ รมณีผละออกมา
“ดูสิ...โทรมลงไปถนัดตาไอ้พิทยามันลักพาตัวลูกไปใช่มั้ย เมื่อไหร่ไอ้บ้านั่นจะเลิกจองเวรจองกรรมพวกเราซักที”
“อย่าว่าพิทอีกเลยค่ะ รวีเป็นคนขอให้พิทพาหนีเอง”
รมณี ณรงค์ตกใจ ภูวดลนิ่งมาก
“จนขนาดนี้ยังจะออกรับแทนมันอีก”
“รวีไม่ได้ออกรับแทน รวีบอกคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่แรกแล้วว่ารวีไม่อยากแต่งงาน”
รวีพรรณหันไปมองภูวดลด้วยสายตากร้าวก่อนพูดต่อ
“แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังบังคับ รวีถึงต้องทำแบบนี้”
“คุณน้าอย่าไปฟังคุณรวีนะครับ คุณรวีคงจะถูกไอ้พิทยามันเสี้ยมให้พูดแบบนี้” ภูวดลบอก
รวีพรรณหันขวับไปมองภูวดล สายตาอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
“ผมโทษฝ่ายชายมากกว่าที่มีเมียแล้ว แต่ก็ยังหน้ามืดตามัวทำเรื่องสิ้นคิด”
ภูวดลจ้องหน้ารวีพรรณแอบหลอกด่า รมณีหน้าเสีย
“น้าขอโทษแทนลูกสาวน้าด้วยนะพ่อดล น้าอบรมยัยรวีมาดีทุกอย่าง แต่เพราะไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้น มันทำให้รวีเปลี่ยนไปมาก”
“คุณน้าไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณน้า ส่วนรวี..ที่เค้าผิดพลาดไป ผมก็พร้อมจะให้อภัย”
ภูวดลจับมือ รวีพรรณจะชักออก ภูวดลดึงไว้แน่น
“พรุ่งนี้ ผมจะให้นายทะเบียนมาจัดการจดทะเบียนสมรสให้เราสองคนที่นี่ รวีจะได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมซักที ส่วนเรื่องงานแต่งงานค่อยจัดขึ้นหลังจากที่เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ดีมั้ยจ๊ะ”
รวีพรรณตาแข็งกร้าวมองภูวดล ณรงค์กับรมณีโล่งใจ นึกไม่ถึงว่าภูวดลจะยอมรับรวีพรรณเหมือนเดิม
“ขอบใจพ่อดลมากที่ไม่ถือสาลูกสาวน้า ไม่นึกเลยว่าคนดีๆอย่างนี้ก็ยังมีอยู่” ณรงค์บอก
รมณีดุรวีพรรณ
“เห็นแล้วนะลูกว่าพ่อดลเค้าดีกับเราแค่ไหน ลูกควรจะภูมิใจที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษอย่างพ่อดล”
ภูวดลยิ้มอย่างสะใจ กับฉากละครที่เล่นเป็นพระเอกอย่างเต็มที่
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเห็นความดี ผมลาคุณน้าทั้งสองก่อนดีกว่า... พบกันพรุ่งนี้นะครับว่าที่ภรรยาของผม” ภูวดลฉายแววตาเยาะรวีพรรณ
ภูวดลเข้ามากอดรวีพรรณแล้วกระซิบข้างหู
“ยังไงคุณก็ไม่มีทางเอาชนะผมได้”
ภูวดลยิ้มร้ายแล้วหอมแก้มรวีพรรณ ก่อนจะผละออกมา
รมณีกับณรงค์มองด้วยความปลื้มปิติ ผิดกับรวีพรรณที่ทั้งโกรธทั้งแค้นและขยะแขยง
ภูวดลกำลังจะเดินออกไป สีหน้ามีความสุขอย่างผู้ชนะ รวีพรรณตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
“อย่าเพิ่งไป ฉันก็มีอะไรอยากพูดกับว่าที่สามีเหมือนกัน”
รมณี ณรงค์ต่างชะงักและแปลกใจ ภูวดลก็สงสัยว่ารวีพรรณจะมาไม้ไหน
ที่โกดังร้าง พิทยาในสภาพทุลักทุเลมากๆ พยายามจะแก้เชือกที่มัดข้อมือตัวเองออก เขาเห็นข้อมือเริ่มมีเลือดออก ถึงเจ็บแต่เขาก็อดทน จนในที่สุดก็แก้เชือกที่มัดข้อมือได้สำเร็จ
พิทยาจะลุกขึ้นแต่เพราะเจ็บไปทั้งตัว ทำให้ล้มไปบนพื้น เขาพยายามลุกขึ้นเดินไปที่ประตูโกดัง ใช้แรงทั้งหมด ดันประตูออกไป
ทันทีที่ออกไปได้ พิทยาก็ล้มหน้าคว่ำหมดสติไปทันที
ระหว่างนั้นมีคนงานเดินมาเห็นพิทยาก็ตกใจรีบเข้ามาดู
ภูวดลมองรวีพรรณใจคอชักไม่ค่อยดี
“ลูกยังจะพูดอะไรอีก พ่อดลเค้ายกโทษให้เราก็ดีแค่ไหนแล้ว” รมณีว่า
“ยกโทษเหรอ ให้พ่อแม่และคนอื่นคิดว่าพิทล่อลวงรวีไปแบบนี้ สู้ให้รู้ความจริงกันไปเลยดีกว่าว่าคนที่เลวคือใครกันแน่”
ภูวดลเงียบ รวีพรรณหันไปชี้หน้าภูวดล แววตาไม่มีความกลัวใดใด
“ผู้ชายคนนี้ข่มขืนรวี !”
รมณี กับณรงค์อึ้ง ภูวดลผงะ ไม่นึกว่ารวีพรรณจะกล้าพูด
“ที่ผ่านมา มันบังคับขู่เข็ญรวีได้ทุกอย่าง ก็เพราะรวีอายที่จะต้องบอกเรื่องนี้กับใครๆ”
รมณี กับณรงค์ยิ่งอึ้งหนักแทบทรุด ภูวดลทำยิ้ม
“พูดอะไรแบบนั้น นี่คงโกรธผมมากใช่มั้ยที่ไปพาตัวคุณกลับมา”
“หยุดปั้นหน้าหลอกลวงคนอื่นเค้าได้แล้ว !”
“ไม่..ไม่จริง” รมณียังไม่อยากเชื่อ
“คุณแม่จะไม่เชื่อรวีก็ได้ เพราะรวีเองก็อยากให้ความลับนี้มันตายไปกับตัวรวีเหมือนกัน แต่ตอนนี้รวีรู้แล้วว่าคนอย่างมันไม่มีวันหยุด พอกันที ! ฉันจะไม่ทนให้แกทำอะไรฉันอีกแล้ว”
รวีพรรณเอามือถือออกมาแล้วส่งให้รมณีกับณรงค์ดู ภูวดลนิ่วหน้าแปลกใจว่ารวีพรรณทำอะไร
“มันให้คนซ้อมพิท เพื่อให้รวียอมกลับมาแต่งงานกับมัน”
ภูวดลตกใจ รมณีกับณรงค์เห็นคลิปที่พิทยาถูกซ้อมก็ตกใจมาก
ภูวดลกำมือแน่น โกรธมาก
“นังบ้า!”
แรงปรารถนา ตอนที่ 13 (ต่อ)
รมณีกับณรงค์ตกใจกับท่าทางของภูวดลที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ รวีพรรณเดินมาประจันหน้า
“จะบอกอะไรให้ ถ้าพิทเค้าชั่วได้แค่เสี้ยวนึงของแก ฉันคงได้เป็นเมียเค้าไปแล้ว”
ภูวดลกระชากตัวรวีพรรณ
“นังร่าน ! อยากจะไปเป็นเมียมันมากนักใช่มั้ย!”
“ใช่ ฉันอยากเป็นเมียเค้ามากกว่าคนอย่างแก เปรียบกับพิทแล้ว แกก็เป็นได้แค่สัตว์เลื้อยคลานที่ชอบลอบกัด”
“หยุดพล่ามเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่หยุด... แกอิจฉาพิท อิจฉาเค้ามาตลอด แกก็เลยต้องมาแกล้งผู้หญิงไม่มีทางสู้อย่างฉัน เพื่อล้างแค้นเค้า เพราะแกมันไม่เอาไหน ไม่มีอะไรสู้พิทได้สักอย่าง แกมันก็เหมือนหมาหางด้วน วางแผนหลายซับหลายซ้อนแล้วเป็นไง สุดท้ายฉันจะทำให้แกไม่เหลืออะไรเลยซักอย่าง ฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับแก แกจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครรัก เพราะขนาดพ่อของแกเค้าก็ยังไม่รักแกจริง”
เพี๊ยะ ! ภูวดลตบรวีพรรณด้วยโทสะ รมณีกับณรงค์ตกใจอย่างที่สุด รวีพรรณเลือดซึมที่มุมปาก ภูวดลจะเข้าไปตบรวีพรรณอีก ณรงค์รีบเข้ามาบังรวีพรรณ
“อย่าแตะต้องลูกสาวฉันอีก !”
ภูวดลผงะ...รวีพรรณหันไปมองณรงค์ด้วยความซาบซึ้ง
“คุณพ่อ...”
ณรงค์เสียใจมาก
“รวี ทำไม...ทำไมลูกไม่เคยบอกพ่อกับแม่”
รวีพรรณเห็นสายตาที่เจ็บปวดของพ่อก็ร้องไห้ออกมาอย่างเก็บกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป รมณี ณรงค์เห็นอาการลูกสาวก็รับรู้ได้จากหัวใจว่ามันคือความจริง
“จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น ทุกอย่างยกเลิก ออกไปจากบ้านฉัน” รมณีบอก
ภูวดลแม้จะรู้ว่าแพ้ แต่ยังไม่ยอม
“ผมไปก็ได้... แต่อย่าคิดว่าตัวเองชนะ จะบอกอะไรให้ว่าลูกสาวคุณมันก็เลวไม่ต่างจากผม”
รวีพรรณชะงัก รมณีกับณรงค์นิ่วหน้า
“ที่เธอไปแก้แค้นนังสุอาภา จริงๆแล้วทุกอย่างมันเป็นแผนของฉัน นังนั่นมันไม่ได้อยากแย่งไอ้พิทยาไปจากเธอ แต่ฉันหลอกให้เธอล้างแค้นมัน แล้วเธอก็เชื่อ เธอมันก็แทงข้างหลังคนอื่นเหมือนกัน”
ภูวดลเย้ยหยันอย่างสะใจ รวีพรรณอึ้ง
“ไง..ถึงกับช็อกไปเลยเหรอ”
“แกทำแบบนี้ทำไม แกทำทำไม”
“เพื่อความสะใจยังไงล่ะ”
รวีพรรณโมโหมาก เข้าไปทุบตีภูวดลไม่หยุด รมณีกับณรงค์ห้ามไม่ทัน
“คนชั่ว! แกทำลายชีวิตฉัน แกทำให้ฉันเข้าใจพิทผิดเพราะแก แกคนเดียว แกทำให้ฉันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งคนที่ฉันรัก”
ภูวดลสุดทน จับแขนรวีพรรณแล้วผลักรวีพรรณเต็มแรงจนไปชนกับโต๊ะที่มีมีดปอกผลไม้วางอยู่ในตะกร้าผลไม้ รวีพรรณเจ็บ
“โอ๊ย!”
ณรงค์กับรมณีรีบเข้ามาดูรวีพรรณ
“ยัยรวี...”
ณรงค์กับรมณีเห็นลูกเจ็บ ก็ใจจะขาด
“ยังไงคนอย่างเธอ ก็ไม่มีทางทำอะไรฉันได้!”
รวีพรรณเจ็บแสบจนเกินทน เห็นมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ก็หยิบมา แล้วหันไปแทงภูวดลทันที
“แก! อย่าอยู่เลย”
ภูวดลไม่ทันตั้งตัว ก้มมองเห็นมีดปักเข้าที่ท้อง เขามองรวีพรรณอย่างไม่อยากเชื่อสายตา รมณีกับณรงค์ตกใจ
รวีพรรณเริ่มรู้สึกตัว ปล่อยมือจากมีด เห็นเลือดค่อยๆซึมออกมาจากบาดแผล
ภูวดลเริ่มเจ็บปวดจากบาดแผลก่อนจะค่อยๆเซ ทรุดลงไปบนพื้น.... รวีพรรณเซไปด้านหลังอย่างหมดแรง ณรงค์ และรมณีต่างอึ้ง หน้าซีดเป็นกระดาษ
บวรเดินมาตามทางภายในออฟฟิศ พลันเสียงมือถือดังขึ้น บวรรับสาย “ครับ” เมื่อฟังรายละเอียดก็ตกใจ
“อยู่โรงพยาบาลอะไรครับ ครับครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
บวรหน้าตาตื่น แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบโทรหาสุอาภาทันที
“แต! เกิดเรื่องกับพิทแล้ว”
บริเวณทางเดินไปห้องใรงพยาบาล สุอาภาสีหน้าแย่มากเพราะความเป็นห่วงพิทยา นพ บวร และวรรณวดีก็มาด้วยกัน
“พิทอยู่ห้องไหน พี่ใหญ่”
บวรสีหน้าอัดอัด ก่อนจะพาทุกคนมาหยุดที่หน้าห้องฉุกเฉิน … ทุกคนอึ้งๆ
“อาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
บวรพยักหน้า สุอาภากลัวมาก
“มันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ทุกคนสีหน้าเป็นกังวลใจ
ภายในโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง รวีพรรณ ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์อยู่ในภาวะวิกฤตเช่นกัน
ศรีพิไลโกรธมากบอก
“ถ้าพ่อดลเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยพวกเธอแน่ ! ทั้งที่ฉันอุตส่าห์ไว้ใจ เลือกเธอมาเป็นลูกสะใภ้ แต่เธอทำกับลูกชายฉันแบบนี้น่ะเหรอ”
ศรีพิไลแค้นจนทนไม่ไหว จะเข้าไปจิกตบรวีพรรณ รมณีผลักศรีพิไล
“หยุดนะศรีพิไล! เรื่องนี้ลูกฉันทำถูกแล้ว ลูกชายเธอต่างหากที่ทำผิด สมควรจะโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
ศรีพิไลตกใจกับท่าทางของรมณีจนไม่กล้าพูดออกมา
ภาสันต์ไม่พอใจ
“ใครผิดใครถูก ก็เห็น...ลูกคุณแทงลูกชายผม ยังไงก็ผิด”
“แต่ลูกคุณทำร้ายลูกผมก่อน ลูกผมทำเพื่อป้องกันตัวเอง” ณรงค์ว่า
ไม่นานพยาบาลเดินออกมา ทุกคนหันไป
“ขอโทษนะคะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล กรุณาอย่าเสียงดังค่ะ”
ทุกคนเงียบจ๋อย พยาบาลเข้าไปในห้อง ศรีพิไลกับรมณีสบตากัน
“ถ้าลูกฉันเป็นอะไร ฉันจะเอาเรื่องพวกเธอให้ถึงที่สุด” ศรีพิไลว่า
“ฉันก็เหมือนกัน แล้วคอยดูว่าใครที่จะเป็นฝ่ายผิด”
รมณีพารวีพรรณมานั่งตรงมุมหนึ่ง ณรงค์ตามมาด้วย ภาสันต์กับศรีพิไลเดินมายืนหน้าห้องฉุกเฉิน
“พ่อดล ลูกแม่ อย่าเป็นอะไรนะลูก ฮือ...”
ศรีพิไลห่วงภูวดลใจจะขาด และแล้วก็มีเสียงฝีเท้า จันทร์จำนงเดินมา
“หลานฉันอยู่ที่ไหน พ่อดลเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนหันไปมอง จันทร์จำนงสีหน้าเป็นกังวลใจสุดๆ พูดอะไรกันไม่ออก
พิทยานอนหมดสติ หมอกับพยาบาลกำลังช่วย ส่วนภูวดลหน้าซีด หมอกับพยาบาลกำลังช่วยเหมือนกัน
หน้าห้องฉุกเฉิน แพทย์กำลังบอกอาการภูวดลให้ทุกคนรู้
“คุณภูวดลปลอดภัยแล้วครับ แต่เสียเลือดมาก และยังต้องระวังการติดเชื้อ หมอของดยังไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยมนะครับ”
“ลูกชายฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆนะคะ” ศรีพิไลว่า
ภาสันต์ปรามศรีพิไล
“ก็หมอบอกแล้วไงว่าปลอดภัยแล้ว...ขอบคุณมากครับ”
หมอเดินออกไป … รวีพรรณ รมณี ณรงค์ต่างโล่งอกที่ภูวดลไม่ถึงตาย
“ทีนี้จะบอกฉันได้รึยัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
รวีพรรณชะงักไปเมื่อได้ยินคำถามของจันทร์จำนง ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ
ศรีพิไลน้ำตาไหล ไม่ยอมรับ
“ไม่จริง พ่อดลไม่ได้ทำ เค้าไม่มีทางทำแบบนั้น”
จันทร์จำนงเพลียใจ แทบจะล้มพับ... ภาสันต์มองหน้าใครไม่ติด
“รวีไม่ได้โกหก ทั้งเรื่องที่เค้าทำกับรวีและที่ทำกับพิท”
“เธอกล่าวหาลูกฉัน! ฉันจะแจ้งความให้ตำรวจมาลากคอเธอเข้าคุก” ศรีพิไลว่า
“คุณอยากทำอย่างนั้นก็เชิญ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เอานี่ให้ตำรวจดู”
รวีพรรณหยิบมือถือขึ้นมา ภาสันต์ ศรีพิไลผงะ ภาสันต์รับมือถือมาดูแล้วก็อึ้ง
“โธ่เอ๊ย !ไอ้ลูกโง่”
จันทร์จำนงเห็นท่าทีของภาสันต์ก็ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีก เศร้าสลดเหลือเกินกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พิทยายังนอนไม่ได้สติบนเตียง สุอาภามองด้วยความเป็นห่วงมาก มีนพ วรรณวดียืนอยู่ด้วย
สุอาภาจับแขนพิทยาด้วยสีหน้ากังวลใจ ไม่นานบวรเดินเข้ามา ทุกคนหันไป
“ผมคุยกับคนที่พาพิทมาโรงพยาบาล เค้าบอกว่าเจอพิทหมดสติ สภาพเหมือนถูกซ้อมอยู่ที่โกดังแถวคลองเตย”
ทุกคนตกใจมาก
“ใครทำกับพิท!” วรรณวดีถาม
สุอาภาคิดแล้วพูดขึ้น
“มีอยู่คนเดียวที่ทำเรื่องชั่วแบบนี้ได้”
ทุกคนหันไปมองสุอาภาอย่างรู้ว่าเป็นฝีมือใคร นพโกรธมาก
“ป๋าจะไม่มีวันปล่อยมันไปอีกแล้ว!”
ทุกคนเดินออกมาที่หน้าห้องด้วยกัน
“คืนนี้แตจะดูแลพิทเองค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะเอาเสื้อผ้ามาให้นะ”
สุอาภาพยักหน้าแล้วเข้าไปกอดนพ ก่อนที่นพ บวร วรรณวดีจะเดินออกไป