คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 13
ลัลนาขึ้นมาหาพิมภาที่คอนโด พิมภามองลัลนาอย่างแปลกใจ
“ลัล ทำอะไรเนี่ย”
“ก็ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“ตอนนี้เนี่ยนะ”
ลัลนานั่งคั่นอยู่ระหว่างพิมภากับตรีวิญ ลัลนายิ้มหันไปหาตรีวิญ
“ยัยพิมโทรบอกน่ะค่ะว่าคุณตรีวิญจะติวเข้มเรื่องการไปประจำสาขาที่ญี่ปุ่น” พิมภามองงงเพราะยังไม่ได้บอกอะไรลัลนาเลย “ลัลก็เลยอยากจะมารับการติวด้วย...นี่พิมฉันขอค้างบ้านเธอนะ พอดีช่วงนี้ที่บ้านแอร์เสีย เดี๋ยวผิวฉันขาดน้ำแล้วจะไม่เป๊ะเวอร์ นะเพื่อนนะ ฉันจะตอบแทนเธอด้วยการขับรถให้เธอนั่งไปทำงานตอนเช้า เธอจะได้ไม่ต้องขับรถไปเอง สะดวกเนอะ เราก็เม้าท์มอยกันไป แค่คิดก็เป๊ะแล้วอ่ะ”
ตรีวิญหน้าเสียเพราะลัลนาทำให้เสียความตั้งใจที่คิดไว้
ภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลาทำเป็นนั่งๆ ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ แต่ที่จริงเกาะติดสถานการณ์ สบตากันอย่างพอใจฝีมือของลัลนา พิมมาลาทำเป็นจิบชาแต่พูดกับภัทรพล
“ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ไม่ใช่แค่กดไลค์นะ แต่แม่รักเลย”
“ร้ายเป๊ะแบบนี้ พ่อกับแม่ให้ผ่าน”
สามคนยิ้มมีความสุข
ที่บ้านชุติภา มิ้นท์นั่งทำงานอยู่ ชุติภาเข้ามามองหาฤชวี
“มิ้นท์ ตาต้นไปไหน” มิ้นท์ไม่ตอบ ทำเป็นงอนไม่สนใจ “มิ้นท์ ย่าถามไม่ได้ยินเหรอ หรือว่าไม่สนใจ”
“มิ้นท์อยากจะลองทำอย่างคุณย่าบ้างค่ะ”
“ย่าทำอะไร”
“ก็ทำเป็นเฉยชาไม่สนใจความรู้สึกของใครเลยไงคะ นี่ถ้าคุณย่าไม่รู้ความจริงแล้วเกิดพลาดให้พี่ต้นแต่งงานกับยัยนั่นเข้า จะเป็นยังไง”
“แกกำลังด่าย่าใช่มั้ย”
“มิ้นท์ไม่กล้าหรอกค่ะ เพราะเวลาคุณย่าทำอะไรคุณย่าคิดแล้วนี่คะว่ามันถูกต้อง” มิ้นท์จ้องหน้าชุติภา “แต่คุณย่าแน่ใจเหรอคะว่าคุณย่าทำถูกแล้ว” ชุติภาฟังนิ่ง มิ้นท์เข้าใจว่าชุติภากลัวหลานไม่รักจึงเข้าไปกอดเข่าอ้อน “คุณย่าขา ไม่ว่าจะมีใครๆ เข้ามาในชีวิตเราสองพี่น้อง มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เรามีต่อคุณย่าลดลงหรอกนะคะ แล้วคุณย่าล่ะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณย่ายังรักพวกเราเหมือนเดิมรึเปล่า”
มิ้นท์มองชุติภาด้วยสายตาที่แสดงความรักความจริงใจ ชุติภาเริ่มอ่อนลง
“วันนี้ฉันโดนหลานคอมเม้นท์ถึงสองคนเลยเหรอเนี่ย”
ชุติภารู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องที่หลานๆ พูดเป็นเรื่องจริง
เอกพลเข้ามาที่หน้าห้องทำงานการะเกตุ จะเข้าไปในห้องแต่ชะงักที่ได้ยินเสียงการะเกตุ
“ยายจำไร่ของเราที่ปราจีนบุรีได้มั้ย เกตุว่าจะเอาอีแก่ชุติภาไปพักร้อนหน่อยดีมั้ยยาย เกตุเรียกลูกน้องมาแล้วเดี๋ยวจะให้ไปช่วยยาย” การะเกตุวางสาย เอกพลเดินเข้ามาในห้อง
“คุณเกตุครับ”
การะเกตุมองเอกพลอย่างไม่พอใจ
“แกไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วยังจะเสนอหน้ามาทำไมอีก”
“เมื่อเช้ามันหน้าสิ่วหน้าขวานผมก็เลย...”
“แกก็เลยต้องแสดงความหน้าตัวเมียออกมา ออกไปให้พ้น”
เอกพลอารมณ์ขึ้น
“แกกล้าไล่ฉันเหรอ แล้วเอามือถือที่มีคลิปขึ้นมา”
การะเกตุมองเอกพลอย่างไม่กลัว
“คิดว่าจะขู่ฉันได้ซ้ำสองเหรอ”
เอกพลแปลกใจ ทันใดนั้นมีชายฉกรรจ์ลูกน้องการะเกตุ 2 – 3 คนเข้ามา จับมือที่ถือโทรศัพท์ของเอกพลบิดเต็มแรงจนโทรศัพท์หล่นกับพื้น เอกพลจะเก็บแต่ลูกน้องการะเกตุกระทืบโทรศัพท์แตก
“คราวนี้แกมีอะไรมาแบล็คเมล์ฉันอีกมั้ย”
“พูดทำไม”
“ทำให้มันรู้สิว่าคนที่คิดจะเหยียบหัวฉันมันจะได้รับผลยังไง” ลูกน้องการะเกตุอัดเอกพลยับจนหมอบกอง “ถ้าแกไม่อยากตายก็ไปให้พ้น อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก โยนมันออกไป”
ลูกน้องการะเกตุหิ้วเอกพลออกไป การะเกตุมีสีหน้าพอใจที่เอกพลโดนอัด
พิมภาเดินออกมาจากห้องนอนเดินไปเดินมาสายตามองที่ประตูรอฤชวี
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ”
ลัลนาตามออกมามองๆ
“ยังไม่นอนอีกเหรอพิม...รอคุณต้นเหรอ”
“เปล่า” พิมภาพยายามเก็บอาการพิรุธเต็มที่
“ปากแข็ง ดูลัลนาเป๊ะเวอร์เป็นตัวอย่างนี่”
“ตัวอย่างอะไร ตัวอย่างของคนแพ้น่ะเหรอ เธอโดนพี่ชายฉันกำราบซะ สยบราบเงี๊ยะเหรอ”
ลัลนายิ้มรับไม่สะดุ้งสะเทือน
“แต่ฉันก็โอเคนะ ฉันชอบพี่ชายเธอจริงๆ นี่”
“ทำไมเธอถึงชอบล่ะ คุณสมบัติพี่ฉันเนี่ยไม่เป๊ะเวอร์อย่างที่เธออยากได้เลยนะ”
“ก็ เขาใส่ใจฉัน เข้าใจฉัน และก็รู้จักฉันดีที่สุด เขาทำให้ลัลนาคนที่ไม่เคยยอมใครก่อน คนที่ไม่เคยต้องตามจีบใครต้องคิดใหม่และไม่ว่าวิธีไหนถ้ามันจะทำให้พี่เธอรักฉันได้ ฉันจะทำ”
“ทำไม”
“Change my world จ้ะ พี่ชายเธอทำให้ฉันยอมรับความเป็นจริงมากกว่าสิ่งที่ปลอมๆ ที่ฉาบอยู่ภายนอก”
“เดี๋ยวนะเพื่อน แล้วไอ้ศัลยกรรมที่ฉาบบนหน้าเธอล่ะ”
“อะไรที่ทำไปแล้วมันแคนเซิลไม่ได้ย่ะต้องเลยตามเลย ฉันเพิ่งรู้นะว่าการได้เป็นที่รักและรักใครมันมีความสุขมาก เธอไม่อยากมีเหมือนเพื่อนเหรอ”
พิมภาเข้าใจว่าลัลนาอยากให้เธอง้อฤชวีแต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“แล้วเธอมาบอกฉันทำไม” ลัลนายิ้มอย่างรู้ทัน
“ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจ นอนล่ะ ต้องรีบนอนก่อนห้าทุ่มเดี๋ยวร่างกายไม่เบิร์นจะอ้วน นี่เธอเอาน้ำให้ฉันหน่อยสิ” พิมภามอง “ก็เธอเจ้าบ้านนี่”
พิมภาลุกไป มือถือพิมภาสั่น ลัลนามองเห็นเป็นชื่อตรีวิญโทรเข้ามา ลัลนาหยิบมือถือแล้วลุกขึ้น พิมภาเอาแก้วน้ำส่งให้
“ขอบใจนะ”
ลัลนาเดินถือมือถือพิมภาเข้าห้องไปไม่ให้รับสาย พิมภาทิ้งตัวลงนั่งนิ่งคิดตามที่ลัลนาพูด แล้วก้มหน้านิ่ง
“คุณต้นคงไม่ย้อนกลับมาให้ฉันได้แก้ตัวหรอก”
ขณะนั้นฤชวีจอดรถอยู่ด้านล่างคอนโดพิมภาด้วยความเป็นห่วง ฤชวีมองขึ้นไปบนห้องพักแล้วกลับออกไปด้วยความน้อยใจ
พิมภาเดินเข้าไปที่เตียงเห็นมือถือของตัวเองที่ลัลนาเอาเข้ามาวางอยู่ที่หัวเตียง มือถือพิมภาดัง พิมภารีบหยิบนึกว่าฤชวีโทรมาขอโทษ แต่พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าก็ตกใจ
“เอกพล”
ลัลนาหันมองพิมภาว่ามีอะไร พิมภามองโทรศัพท์เครียดๆ ว่าจะรับดีหรือไม่
พิมภาออกมาจากลิฟต์โดยมีลัลนาตามมาด้วย เอกพลยืนรออยู่ที่หน้าคอนโด
“พิม”
เอกพลมองลัลนาอย่างไม่พอใจว่ามาด้วยทำไม
“ยังกล้ามาหาพิมอีกเหรอ ไม่กลัวพ่อพิมฆ่าเอาหรือไง”
“ตอนนี้พี่ไม่มีใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว พิมต้องช่วยพี่นะ”
“หมดทางต้องซมซานมาซบกระโปรงผู้หญิง หน้าด้านจริงๆ” เอกพลไม่สนใจลัลนา
“พิม พี่ขอโอกาสได้มั้ย ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าไม่มีใครดีเท่าพิม”
“เพ้อเจ้อ พิมมันเจอเพชรอย่างคุณต้น ไม่กลับไปหาแบคทีเรียอย่างแกให้โง่หรอก” ลัลนาดึงพิมภาให้ห่างออกมา “ไป พิม ไม่ต้องสนใจ สกปรก”
“อย่างไอ้ต้นน่ะ มันจะได้หายใจอีกสักกี่วัน” เอกพลยิ้มเยาะ พิมภาสะดุดหู
“หมายความว่ายังไง”
เอกพลรู้ตัวว่าหลุดปาก
“เปล่า ไม่มีอะไร”
พิมภาเห็นเอกพลมีพิรุธ
“รู้อะไรมาใช่มั้ย”
“ไม่” เอกพลปฏิเสธอย่างมีพิรุธ พิมภามองอย่างรู้ทัน
“พี่เอก ที่พูดว่าจะหายใจได้สักกี่วัน มันฟังดูเหมือนมีคนจะทำร้ายคุณต้นนะ การะเกตุใช่มั้ย...” เอกพลเงียบไม่พูด “พี่รู้ใช่มั้ยว่าจะมีอะไร” เอกพลยังเงียบ “พี่จะไม่พูดก็ได้” พิมภาเริ่มเดินต้อนเอกพล เอกพลถอย “บอกมา...ลัลไปเรียกตำรวจมา” พิมภาจ้องหน้าเอกพลขู่ “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณต้น พี่จะติดคุกเป็นคนแรก”
เอกพลถอยจนติดกำแพง
“ได้” ลัลนาจะไป
“อย่านะ การะเกตุกับยายเขาจัดการกันเอง พี่ไม่เกี่ยว พี่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะ ไม่รู้จริงๆ” เอกพลเข้าจับไหล่พิมภาเขย่าพยายามให้เชื่อ
“ปล่อยฉันนะ”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” รปภ.วิ่งออกมา “มันจะทำร้ายเราค่ะ จัดการมันเลย”
รปภ.หยิบกระบองออกมาเข้าตีเอกพล เอกพลปัดป้องแล้วรีบหนีไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณพิม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบคุณมาก ลัล ฉันจะไปบ้านย่าคุณต้นนะ”
“พิม เชื่อมันเหรอ”
“มันก็เป็นไปได้นะ สองยายหลานนั่นมันบ้านะแก ฉันจะรีบไปบอกคุณต้น ลัลเธอไปบอกพี่ภัทรกับพ่อให้รีบตามไปนะ”
พิมภารีบร้อนออกไป
“พิม”
ลัลนารีบกลับเข้าลิฟต์ไปอย่างร้อนใจ
อีกด้านหนึ่งฤชวีนั่งเครียดอยู่ที่ออฟฟิศกิ่งแก้ว กิ่งแก้วนั่งอ่านงานไปด้วยมองฤชวีไปด้วย
“นี่ต้น เดี๋ยวนี้ต้นดูจะไม่ค่อยมีสติเลยนะ เครียดอย่างนี้จะแก้ปัญหาได้ยังไงล่ะ”
“เขาเย็นชา ประชดใส่ ต้นเห็นแล้วหงุดหงิด”
“หายใจเข้าลึกๆ ต้น แล้วไปคุยกับเขาซะ คุยด้วยเหตุผลน่ะ”
“ไม่ล่ะ คนไม่มีเหตุผลจะพูดอะไรก็ไม่ฟังทั้งนั้น”
เสียงมือถือฤชวีดัง กิ่งแก้วขยับมองแล้วหยิบมือถือส่งให้ฤชวี
“คุณพิมโทรมา”
ฤชวีรับมาแล้วกดทิ้ง พร้อมกับปิดเครื่อง
“คนงี่เง่าไม่อยากคุยด้วยตอนนี้”
“ใครกันแน่ที่งี่เง่า”
ฤชวีไม่ฟังมองไปทางอื่น กิ่งแก้วมองอย่างระอา
พิมภาลงจากรถหน้าบ้านชุติภาและพยายามกดโทรศัพท์หาฤชวีอีกแต่ไม่มีสัญญาณ
“รถก็ไม่อยู่” พิมภาจึงกดส่งข้อความ “คุณกับย่ากำลังอยู่ในอันตราย” รอแป๊บเห็นว่ามีรายงานการส่ง “ไม่มีรายงานการส่งข้อความ นี่ปิดเครื่องหรือว่าอับสัญญาณเนี่ย โธ่เอ๊ย” พิมภามองเข้าไปเห็นประตูรั้วบ้านชุติภาเปิดอยู่
“ทำไมเปิดประตูไว้ล่ะ”
พิมภาสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบเข้าไปด้านใน
พิมภารีบเข้ามาภายในบ้าน แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักที่เห็นชุติภากับมิ้นท์ถูกมัดมือมัดปากไว้
“มิ้นท์ คุณย่า” มิ้นท์กับชุติภาเห็นพิมภาพยายามจะเตือนให้หนีไปแต่ไม่เป็นผล พิมภารีบเข้ามาจะช่วยแก้มัด “มิ้นท์ เกิดอะไรขึ้น”
มิ้นท์ยังไม่ทันตอบ ทันใดนั้นมีถุงผ้าเข้ามาครอบหน้าพิมภา พิมภาพยายามดิ้นสุดชีวิต มิ้นท์กับชุติภาตกใจพยายามจะส่งเสียงห้ามแต่ก็ไม่เป็นผล ถุงผ้าอีกสองใบถูกครอบลงมาที่หัวมิ้นท์กับชุติภา
ประตูรถตู้ด้านหลังถูกเปิดออกมีแสงสปอร์ตไลท์จากด้านนอกสาดเข้าไปภายในรถเห็นร่างพิมภา ชุติภา มิ้นท์ถูกมัดแล้วครอบหัวด้วยถุงผ้านอนอยู่ด้านหลัง ทั้งสามรู้สึกว่ารถหยุดแล้วขยับตัวอย่างระแวดระวัง ลูกน้องการะเกตุเข้ามาดึงถุงผ้าออกจากหัวของทั้งสาม ชุติภา พิมภา มิ้นท์ลืมตาเห็นสปอร์ตไลท์ที่ยิงเข้ามา ทั้งสามพยายามปรับสายตาจึงเห็นร่างๆ หนึ่งเดินเข้ามาภายในแสงสปอร์ตไลท์ซึ่งก็คือสินีนาฏ
“สินีนาฎ”
“เป็นเกียรติจริงๆ ที่ยังจำกันได้นะ ชุติภา”
“แกจับพวกฉันมาต้องการอะไร”
“ฉันเห็นเธอเป็นคนรักธรรมชาติ ห่วงนักไอ้ป่าอนุรักษ์อะไรเนี่ย ฉันก็เลยจะหาที่ให้เธอนอนคุยกับต้นไม้” พิมภาโผเข้ามาแล้วกัดเข้าที่มือสินีนาฎที่จิกหัวชุติภาอยู่ “โอ้ย” สินีนาฎปล่อยมือจากชุติภา หันขวับไปมองพิมภา “นังนี่”
“ถ้าแกแตะคุณย่า แกตายแน่”
“อ้าว นี่ญาติดีกันแล้วเหรอ ลืมไปแล้วเหรอว่ามันเกลียดแกขนาดไหน”
“มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน คนเลวอย่างคุณไม่เกี่ยว”
“ปากดีนักนะ”
สินีนาฎจะตบหน้าพิมภาแต่เสียงมือถือสินีนาฎดังขึ้น สินีนาฎรับโทรศัพท์
“ยัยเกตุ แกโทรมาก็ดีแล้ว”
การะเกตุยิ้มพอใจกับสิ่งที่สินีนาฎบอก
“ได้ตัวนังพิมภามาด้วยเหรอยาย...ดี เก็บไว้ก่อนนะยาย อย่างมันไม่ควรได้ตายสบาย มันไม่สะใจ เกตุจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
การะเกตุวางสาย รีบลุกออกไปทันที
ฤชวีกลับเข้ามาในบ้านเห็นบ้านปิดไฟเงียบ
“ทำไมเงียบขนาดนี้”
ฤชวีจะเดินเข้าบ้านแต่ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากมุมหนึ่ง ฤชวีชะงัก ยืนฟังจนแน่ใจว่าได้ยินเสียงจริงๆ ฤชวีเดินไปตามเสียงจนไปหยุดที่ห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ประตูตู้สั่นเหมือนโดนกระแทก ฤชวีมองแล้วตัดสินใจเปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูออกคนรับใช้ที่ถูกมัดมือมัดปากก็ถลาออกมากองอยู่หน้าห้อง
“นี่เกิดอะไรขึ้น” ฤชวีถามอย่างตกใจรีบแก้มัดปากคนรับใช้
“โจรค่ะ มันมากันหลายคน มันจับพวกเราขังไว้”
“แล้วคุณย่ากับมิ้นท์ล่ะ”
“ไม่รู้เลยค่ะ”
ฤชวีรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างร้อนใจ
“คุณย่าครับ มิ้นท์” ฤชวียิ่งร้อนใจเมื่อไม่พบชุติภากับมิ้นท์ ฤชวีหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง ทันทีที่เปิดเครื่องเสียงข้อความเข้า
“คุณพิม” ฤชวีกดเปิดอ่าน “คุณกับคุณย่ามีอันตราย” ฤชวีจะกดโทรออกแต่มือถือฤชวีดังขึ้นซะก่อน ฤชวีกดรับ “คุณภัทร”
ภัทรพลอยู่ที่คอนโดคุยมือถือกับฤชวีอย่างร้อนใจ มีลัลนายืนอยู่ข้างๆ รอฟังอย่างร้อนใจ
“คุณต้น ยัยพิมอยู่ที่บ้านคุณหรือเปล่า”
“คุณพิมมาที่นี่เหรอครับ”
ที่ไร่ของสินีนาฏ พิมภา ชุติภา มิ้นท์ ถูกมัดไว้ในห้องสภาพค่อนข้างสกปรก ชุติภามองสภาพรอบๆ รู้สึกวิงเวียน เหงื่อแตกเหมือนจะเป็นลม พิมภามองอาการชุติภาอย่างเป็นห่วง
“คุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ”
“ฉันเวียนหัว”
พิมภาพยายามจะเอาแขนเสื้อที่ไม่เลอะซับเหงื่อที่หน้าผากชุติภา
“ในนี้มันไม่อับ ซับเหงื่อหน่อยนะคะ เหงื่อจะได้ไม่เข้าตา” ชุติภามองการดูแลของพิมภาอย่างอึ้งๆ กับความเป็นห่วงเป็นใย “คุณย่าไม่ต้องกลัวนะคะ พิมต้องพาคุณย่าหนีไปให้ได้”
สินีนาฏเดินเข้ามามองชุติภาเย้ยๆ
“ไง หมดมาดผู้ดีเลยเหรอ” ชุติภามองสินีนาฎอย่างโกรธๆ
“จะฆ่าก็ฆ่าไม่ต้องมาพูดมาก”
“ฉันก็อยากจะฆ่านะ แต่หลานฉันบอกว่ามีอะไรที่สนุกๆ กว่าฆ่าแกให้ตาย”
“แกมันเลวจริงๆ”
สินีนาฏจะตบชุติภาแต่พิมภาโผเข้ากระแทกสินีนาฎจนเซไป
“อย่ามาแตะคุณย่านะ”
“แต่แตะแกได้ใช่ไหม” สินีนาฎตบพิมภาสุดแรง พิมภาถลาไปทางมิ้นท์กับชุติภา “ทำตัวเป็นนางเอก คิดว่านังชุมันจะซึ้งน้ำใจแกหรือไง คนอย่างมันก็ดีแต่เหยียบหัวคนอื่น มันคิดจะเขี่ยแกทิ้งให้หลานมันมาแต่งกับหลานฉันเพราะแกมันไม่มีสกุลรุนชาติ ผู้ดีหน้าโง่แบบนี้แกยังจะปกป้องมันอีกเหรอ”
ชุติภากับมิ้นท์มองพิมภาว่าจะมีอาการยังไง
“ฉันไม่แปลกใจเลยที่คุณย่ารู้ไม่ทันคุณ คนดีๆ เขาจะคิดทันคนเลวอย่างคุณกับหลานได้ยังไง ถ้าแค้นฉันก็ฆ่าฉันแล้วปล่อยคุณย่าไป” ชุติภายิ่งอึ้ง
“ทำไมแกถึงคิดว่าแกมีสิทธิ์เลือก ฉันคือคนที่จะชี้เป็นชี้ตายพวกแกปากเก่งได้อีกไม่นานหรอก”
สินีนาฎออกไป พิมภาขยับเข้าไปใกล้ชุติภาเพื่อให้กำลังใจ
“เราจะต้องรอดนะคะคุณย่า”
พิมภามองไปเห็นตู้ที่กระจกแตกอยู่ พิมภาเห็นทางรอด
ภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ลัลนาตกใจกับสิ่งที่ฤชวีบอก
“คุณย่ากับมิ้นท์โดนโจรจับไป”
“ผมแจ้งความแล้วครับ ตอนนี้ตำรวจกำลังช่วยกันตามหา”
“แล้วพิมล่ะคะ เขาบอกจะรีบไปเตือนคุณกับคุณย่า”
“พวกเด็กรับใช้ไม่มีใครเห็นคุณพิมเลยครับ”
“คงไม่ได้หายไปด้วยกันหรอกนะ”
“แล้วถ้าหายไปด้วยกันล่ะคะ”
“ยัยพิมก็โดนจับไปด้วยน่ะสิ”
ภาณุวัฒน์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ไอ้ก้อง หลานหายตัวไป ช่วยฉันที”
นันทิกานต์วิ่งเข้ามา
“ได้ข่าวไอ้พิมหรือยังคะ แนนโทรไปเช็คตามบ้านเพื่อนแล้วไม่เจอเลยค่ะ”
ทุกคนร้อนใจเป็นห่วงพิมภา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นพิมภาหันหลังยื่นข้อมือให้เชือกที่มัดมืออยู่สีกับขอบกระจกตู้ที่แตก แต่ยิ่งทำมือก็ยิ่งโดนบาดเพราะพลาดไปโดนอยู่หลายครั้งจนเลือดอาบจนชุติภากับมิ้นท์ทนไม่ไหว
“พอเถอะค่ะพี่พิม”
“พี่ไม่เป็นไร” พิมภาบอกแล้วพยายามถูเชือกให้ขาด “เดี๋ยวพี่จะแก้เชือกให้คุณย่ากับมิ้นท์แล้วถ้าได้โอกาสมิ้นท์กับคุณย่าต้องหาทางหนีไปให้ได้นะ”
“แต่เลือดเธอออกใหญ่แล้ว พอเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ป่านนี้คุณต้นคงเป็นห่วงคุณย่ากับมิ้นท์มาก ขอให้คุณย่ากับมิ้นท์ปลอดภัยก็พอ”
“ขอบใจนะ”
พิมภาดีใจที่ชุติภาพูดดีกับเธอเป็นครั้งแรก
เสียงคนเดินใกล้เข้ามา พิมภายิ่งเร่งมือ เสียงฝีเท้าเร่งเข้ามา พิมภายิ่งเร่งมือจนมือโดนกระจกบาดหนักกว่าเดิม ประตูเปิดออกจึงเห็นว่าการะเกตุเข้ามากับสินีนาฎ พิมภานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างชุติภากับมิ้นท์บังด้านหลังตัวเองไว้
“พิมภาคนเก่ง พร้อมจะตายรึยัง”
“ยัง เพราะฉันต้องรอให้เธอตายก่อน ฉันถึงจะยอมตาย”
“ปากดีนักนะ ฉันอยากจะดูว่าตอนที่ฉันเอารถตักดินค่อยๆ ฝังแกให้จมดินแกจะปากดีแบบนี้มั๊ย”
ชุติภาตกใจไม่ยอม
“พวกแกแค้นฉัน แล้วไปทำหนูพิมทำไม”
“รักกันก็ดีแล้ว จะได้ไปสามัคคีกันต่อในนรก” การะเกตุหันไปสั่งลูกน้อง “พอแดดออกให้เอาพวกมันไปตากแดดทรมาน ดูเราขุดหลุมเตรียมฝังมัน”
“แกนี่มันเลวทั้งยายทั้งหลาน”
“ถือเป็นคำชมก็แล้วกัน”
พวกการะเกตุออกไป พิมภาแก้มัดให้กับชุติภาและมิ้นท์ทันที
พิมภา ชุติภา มิ้นท์ถูกลูกน้องของการะเกตุ พาเดินไปตามทางเดินในไร่ แต่ทั้ง 3 ยังทำเป็นถูกมัดอยู่
“สัญญานะคะถ้าหนีไปได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าย้อนกลับมา” พิมภากระซิบบอกชุติภากับมิ้นท์
“แล้วพี่พิมล่ะ”
“พี่เอาตัวรอดได้ สัญญานะว่าจะพาคุณย่าหนีไปให้ได้”
“แต่พี่พิม”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เตรียมตัวนะ” มิ้นท์กับชุติภาพยักหน้ารับรู้ พิมภาตัดสินใจวิ่งเข้าชนลูกน้องของการะเกตุ “หนีไป”
มิ้นท์รีบพาชุติภาหนีไปในดงไม้
“เฮ้ย”
ลูกน้องจะตาม พิมภารีบคว้าท่อนไม้ที่หล่นอยู่ข้างทางฟาดลูกน้องการะเกตุอย่างบ้าคลั่งดับเครื่องชน ปึ้กๆๆ พิมภาจะหนี เสียงปืนปัง ชุติภากับมิ้นท์ชะงักมองหน้ากันว่าเกิดอะไรขึ้น
พิมภาโดนยิงที่ขาล้มลงกับพื้น
“โอ้ย”
พิมภาหันไปมองแล้วชะงัก การะเกตุเดินถือปืนเข้ามาหาด้วยแววตาโหดเหี้ยม สินีนาฏตามเข้ามา
“ไหนว่าจะไม่ให้มันตายสบายไง”
“นังนี่มันช่วยอีแก่ให้หนีไป”
“ไปตามหาพวกมันให้เจอ” สินีนาฎหันไปสั่งลูกน้อง
“ไม่ต้อง” การะเกตุบอกเสียงดัง สินีนาฎชะงักมองการะเกตุ “พวกมันต้องซ่อนอยู่แถวนี้แน่ ถ้ามันไม่ออกมาเราก็จะฝังนังพิมภาให้พวกมันดู”
พิมภามองการะเกตุเห็นความโหดเหี้ยมแต่พิมภาก็ยังจ้องอย่างใจดีสู้เสือ
ปราสินีเดินถือถุงยาออกมาจากโรงพยาบาล มือปราสินีแตะที่ท้องสีหน้ามีความสุข
“แม่จะดูแลหนูให้ดีนะลูก”
ปราสินียิ้มพร้อมจะก้าวต่อไป แต่ยังไม่ทันก้าวลงบันไดก็ต้องชะงักที่เห็นเอกพลเข้ามาหา
“ปลา... พี่ไปหาปลาที่บ้าน แต่แม่ปลาบอกว่าปลามาหาหมอ พี่ก็เลยตามมา”
“ตามมาทำไม”
“ปลา เรากลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย ตอนนี้พี่ไม่มีอะไรกับการะเกตุอีกแล้ว”
“พี่ไม่มีอะไรกับเขาแล้วหรือเขาเขี่ยพี่ทิ้งแล้ว”
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะปลา ถ้าไม่เห็นแก่พี่ ปลาก็เห็นแก่ลูกบ้างสิ”
“พี่ให้ฉันทำลายเขา แล้วยังกล้าเรียกเขาว่าลูกอีกเหรอ”
เอกพลจับมือปราสินีพยายามอ้อนวอน
“ปลา พี่ผิดไปแล้ว”
“ฉันไม่มีทางกลับไปหาคนเลวๆ อย่างพี่อีก ฉันจะไม่ยอมทรยศคนที่ดีกับฉันเพื่อพี่อีก ไปจากชีวิตฉันซะที” ปราสินีแกะมือเอกพลออก
“พี่ไม่ไป”
“งั้นฉันไปเอง”
ปราสินีเดินหนี เอกพลอึ้งที่ปราสินีไม่ใยดี
“ปลา เดี๋ยวสิปลา” ปราสินีโบกแท็กซี่แล้วขึ้นไปโดยไม่สนใจเอกพลสักนิด “ปลา ปลา”
ภายในรถ ปราสินีพยายามห้ามใจ
“ฉันจะไม่ทำผิดอีก ไม่มีวัน”
ฤชวีพยายามกดโทรศัพท์ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ ฤชวีหันกลับมาเครียดจัด
“ติดต่อการะเกตุไม่ได้เลยครับ”
“หายตัวไปเฉยๆ ปิดการสื่อสาร มั่นใจได้ว่าเป็นยัยนี่”
“ร้ายกาจอย่างการะเกตุ พิมจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
พิมมาลาร้อนใจห่วงพิมภาแทบจะเป็นลม
“พิมจะต้องไม่เป็นอะไรนะคะคุณแม่”
เสียงมือถือนันทิกานต์ดัง
“ว่าไงปลา ฮะ อยากมากราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่เหรอ ตอนนี้ไม่มีใครทีอารมณ์รับคำขอโทษหรอก ยัยพิมหายตัวไปน่ะสิ สงสัยฝีมือยัยการะเกตุแต่ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอเลย หะ แกมีวิธีเหรอ”
ทุกคนหันมองนันทิกานต์
เอกพลเดินอยู่หน้าโรงพยาบาลอย่างกระวนกระวายจนกระทั่งปราสินีเดินเข้ามา
“ปลา พี่คิดแล้วว่าปลาต้องกลับมาหาพี่” เอกพลบอกอย่างดีใจ
“ไม่ใช่ปลาหรอกที่อยากมา”
เอกพลมองว่าหมายความว่ายังไง ฤชวี ภัทรพล ภาณุวัฒน์เดินเข้ามา
“นี่มันอะไรกัน”
“ตอนนี้คุณพิม มิ้นท์กับคุณย่าของฉันหายตัวไป”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ไม่เกี่ยวกับแกแต่เกี่ยวกับการะเกตุ แกต้องช่วยเราตามหาตัวการะเกตุ”
“ทำไมฉันต้องทำด้วย”
“เพราะถ้าแกไม่ทำ ฉันจะรื้อคดีเก่าที่แกทำร้ายลูกสาวฉันขึ้นมา แล้วฉันจะทำให้แกติดคุกให้ได้”
เอกพลมองทุกคนที่ดูจะพูดจริง ทำจริง เอกพลรู้แล้วว่าไม่มีทางเลี่ยง
การะเกตุกับสินีนาฎยืนอยู่ข้างหลุมที่ถูกขุดดินขึ้นมา ชุติภากับมิ้นท์ขยับเข้ามาแอบดูอยู่ห่างๆ ลูกน้องการะเกตุจับตัวพิมภาเข้ามาให้อยู่แทบเท้าการะเกตุ พิมภาเจ็บแผลจนขัดขืนไม่ไหว
“มัดมือมัน” ลูกน้องจับพิมภามัดมือไขว้หลังไว้ พิมภายังหน้าเชิดไม่หงอสักนิด “จะตายแล้วยังเชิดได้อีกนะ”
การะเกตุเข้าไปดูแผลที่ขาของพิมภา “เจ็บมั้ย” พิมภานิ่งไม่ตอบ “ฉันถามว่าเจ็บมากมั้ยทำไมไม่ตอบ”
การะเกตุตวาดแล้วใช้มือบีบแผลพิมภาจนเลือดโชก พิมภากัดฟันแน่นไม่ยอมร้อง แต่สีหน้าเจ็บมาก มิ้นท์กับชุติภาที่แอบดูอยู่สงสารพิมภาแทบทนไม่ไหว
“เธอนี่มันโรคจิต”
“แล้วดีมั้ยล่ะที่แกกำลังจะตายเพราะคนโรคจิต แผลมันเล็กไปใช่มั้ย”
การะเกตุจะบีบแผลพิมภาซ้ำ เสียงมือถือการะเกตุดัง การะเกตุรับสาย
เอกพลคุยมือถืออยู่ที่โรงพัก
“คุณเกตุ นี่คุณอยู่ที่ไหน”
“แกมีอะไร”
“ตอนนี้ตำรวจมาตามสืบหาเบาะแสจากผมอยู่ ตอนนี้ชีวิตผมไม่เป็นสุขเลย ต้องมีตำรวจคอยตามอยู่ตลอดเวลา เซฟเฮ้าส์คุณอยู่ที่ไหน ผมต้องการที่หลบ”
“ไอ้เอกพล อย่ามาตอแยกับฉันอีกถ้าแกไม่อยากตาย” การะเกตุบอกอย่างรำคาญ และเมื่อหันไปเห็นลูกน้อง
ยืนรอนิ่ง จึงโมโหสั่งลูกน้อง “เอาตัวนังพิมภาลงไปในหลุมสิ ยืนโง่อยู่ได้” การะเกตุกดวางสาย
สัญญาณโทรศัพท์ตัดไป เอกพลหัวเราะ ฤชวี ภัทรพล ภาณุวัฒน์ ปราสินีมองเอกพลที่หัวเราะอย่างโรคจิต
“มีอะไร”
“ก็แค่ขำ ว่าพวกแกตามหาพิมไปก็คงไม่เจอ เพราะการะเกตุกำลังเอาพิมลงหลุม” เอกพลหัวเราะสะใจ “ดี ฉันไม่ได้ ก็ไม่มีใครได้เหมือนกัน”
ฤชวีอึ้ง ภัทรพลทนไม่ไหวต่อยเอกพล ผัวะๆ ภาณุวัฒน์เห็นภัทรพลโกรธจัด เข้าห้าม
“ภัทร พอแล้ว ต่อยไปก็เสียมือ”
“มันคงชั่วถึงดีเอ็นเอแล้วล่ะพ่อ ถ้าจะกลับตัวได้คงต้องตายแล้วเกิดใหม่อย่างเดียว”
ตำรวจเข้ามา
“ท่านครับ เราจับสัญญาณโทรศัพท์ได้และเจอพิกัดของผู้ต้องสงสัยแล้วครับ”
ฤชวีมีความหวัง
ร่างของพิมภานั่งอยู่ในหลุม การะเกตุยืนมองอย่างสะใจ พิมภามองถึงหวั่นแค่ไหนก็ไม่ยอมแสดงออกมา
สินีนาฎเข้ามาอย่างหัวเสีย
“จะทำอะไรก็ทำซะทีสิยัยเกตุ”
“อีแก่!ฉันรู้ว่าแกอยู่แถวนี้ แกจะไม่ออกมาก็ได้ แต่ฉันจะเอาดินค่อยๆ กลบหน้าหลานสะใภ้แกให้มันตายช้าๆ แกมันใจจืดใจดำอยู่แล้วนี่ คนตายตรงหน้าแกคงไม่รู้สึกอะไรหรอกจริงมั้ย”
การะเกตุตะโกนไปรอบๆ ชุติภาทนไม่ไหวจะออกไป
“ย่าทนไม่ไหวแล้ว”
มิ้นท์รั้งไว้ไม่ยอมให้ออกไป
“อย่าค่ะคุณย่า”
“คุณย่าคะ อย่าออกมา หนีไปค่ะแล้วเอาตำรวจมาลากคอสองคนนี้เข้าคุกให้ได้”
พิมภาตะโกนบอก การะเกตุหันมามองพิมภาอย่างอาฆาต
“ปากดีนักนะ งั้นก็เอาดินอุดปากมัน” ลูกน้องสตาร์ทรถตักดิน พิมภากลัวแต่พยายามเข้มแข็ง “แกจะออกมามั้ยอีแก่” ชุติภารู้สึกผิดอยากจะออกไปช่วยพิมภาแต่มิ้นท์รั้งไว้สุดตัว “ฝังมัน”
ลูกน้องเริ่มตักดินใส่ลงไปในหลุม ชุติภากับมิ้นท์มองอย่างเจ็บปวด มิ้นท์กอดชุติภาไว้แน่นไม่ยอมให้ออกไป
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
รถของฤชวีขับไปบนถนนด้วยความเร็ว ภายในรถภาณุวัฒน์คุยโทรศัพท์กับเพื่อนตำรวจ
“ฉันกำลังขับไปตามที่แกบอก แต่แกแน่ใจนะว่าพิกัดถูกต้อง” ภาณุวัฒน์ฟังแล้วหันมาหาฤชวี “ใกล้ถึงแล้ว”
ฤชวีเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น
“รอผมนะครับคุณพิม”
พิมภาโดนดินกลบจนถึงอก สีหน้าพิมภาอ่อนเพลียเต็มที การะเกตุยืนมองอย่างสะใจ ในขณะที่สินีนาฎเหมือนจะเหี้ยมแต่ไม่เคยฝังใครจะๆ ขนาดนี้ ชุติภากับมิ้นท์กอดกันร้องไห้สงสารพิมภา การะเกตุมองพิมภาอย่างสมเพช
“เสียสละดีนี่ แต่แกมันโง่ พวกมันหนีไปได้แต่แกกำลังจะตาย”
“ฉันรู้ว่าเรื่องแบบนี้เธอไม่เข้าใจหรอก เพราะคนอย่างเธอมันเห็นแก่ตัว พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็คิดทำลาย”
“รู้ก็ดีแล้ว ดินมันน้อยไปเอาดินปิดปากมันอีก”
การะเกตุหันไปสั่งลูกน้อง สินีนาฏชักทนไม่ไหว
“ยัยเกตุ ยายว่าแบบนี้มันโหดไปแล้วนะ”
“เหรอยาย งั้นหยุด งั้นก็ฆ่ามันให้จบๆ มันจะได้ตายๆ ไปซะ” การะเกตุหันมามองพิมภาแบบขู่ๆ พิมภามองสบตากระเกตุอย่างไม่ยอมแพ้
“คนจริงเขาไม่ดีแต่พูดหรอก”
การะเกตุหันปืนมาหาพิมภา ชุติภาพยายามจะสะบัดให้หลุดแต่มิ้นท์กอดไว้แน่น พิมภาหลับตายอมรับชะตากรรม
“รู้มั้ยว่าแกพูดถูกอยู่เรื่องนึง อะไรที่ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ และฉันก็จะทำลายมันให้หมด”
การะเกตุเหนี่ยวไก ปัง ชุติภากับมิ้นท์ตกใจสุดขีดปิดปากตัวเองไม่ให้ร้อง
“โอ๊ย!”
พิมภาหลับตานิ่งพอได้ยินเสียงการะเกตุก็ตัดสินใจลืมตาจึงเห็นการะเกตุถูกยิงเข้าที่แขนข้างที่ถือปืน พิมภางงว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณพิม” พิมภาหันไปเห็นฤชวีก็ดีใจมาก ฤชวีเห็นพิมภาโดนฝังไปครึ่งตัวรีบเข้ามาดูพิมภาด้วยความเป็นห่วง
“ทำใจดีๆ ไว้นะครับคุณพิม”
พิมภาน้ำตาร่วงด้วยความกลัวที่เก็บไว้ปะทุออกมา
“คุณต้น”
สินีนาฎตกใจมาก
“นายต้น ทำไม”
ชุติภาเห็นฤชวีก็พุ่งออกมาทันทีด้วยความเป็นห่วง มิ้นท์รีบตามออกมาอีกคน
“ตาต้น”
“คุณย่า มิ้นท์”
ชุติภาเข้ากอดฤชวี ฤชวีดีใจที่ทุกคนปลอดภัย ตำรวจ ภัทรพล ภาณุวัฒน์เข้ามา
“ไอ้พิม”
ฤชวีพยายามจะใช้มือโกยดินออกเพื่อให้พิมภาเป็นอิสระ ภัทรพลช่วยอีกแรง ตำรวจเข้ารวบตัวสินีนาฎกับลูกน้องการะเกตุ
“มอบตัวซะ พวกคุณหนีไม่รอดหรอก”
การะเกตุมองฤชวี ภัทรพลที่ช่วยกันโกยดิน ชุติภากับมิ้นท์ก็เข้าช่วยด้วย การะเกตุมองอย่างไม่ยอมแพ้ ใช้มือซ้ายจับปืน มือขวาเข้าล็อกคอมิ้นท์
“ถ้าเข้ามานังนี่ตาย” ทุกคนตกใจ มิ้นท์พยายามจะขัดขืนแต่แรงบ้าของการะเกตุเยอะกว่ามาก “อย่าตามมานะ”
การะเกตุลากมิ้นท์ออกไป ทุกคนไม่กล้าผลีผลาม
การะเกตุล็อกคอลากมิ้นท์มาที่รถ การะเกตุเปิดประตู
“ขึ้นรถ” มิ้นท์คิดหาทางเอาตัวรอด “เร็วซี่”
การะเกตุจะดันมิ้นท์ให้ขึ้นรถ มิ้นท์ตัดสินใจทำเป็นจะขึ้นรถแล้วตีศอกใส่หน้าการะเกตุ พลั่ก การะเกตุเสียหลัก มิ้นท์กระแทกซ้ำแล้วรีบวิ่งหนี
“อีบ้า”
ฤชวี ภัทรพล ตำรวจที่ตามออกมารับมิ้นท์ไว้ทำให้การะเกตุรีบวิ่งขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถขับพุ่งไปทางกลุ่มฤชวี ทุกคนกระโดดให้พ้นทางรถ การะเกตุขับรถหนีไปได้
“วอ.สกัดจับให้ได้” ภาณุวัฒน์บอกกับตำรวจ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ฤชวีถามมิ้นท์อย่างเป็นห่วง
“มิ้นท์ไม่เป็นไรไปดูพี่พิมเถอะค่ะ”
ฤชวี มิ้นท์ ภัทรพล ภาณุวัฒน์รีบไปดูพิมภา
พิมภาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวพิมภาค่อยๆ ลืมตาแล้วก็เห็นพิมมาลานั่งจับมือตัวเองอยู่ ภาณุวัฒน์ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าเป็นห่วงมาก
“พิม ฟื้นแล้วเหรอลูก” พิมมาลาน้ำตาร่วง
“แม่จ๋า” พิมภาจะขยับแต่เจ็บข้อมือทั้งสองข้าง
“อย่าเพิ่งขยับนะลูก หมอว่าลูกต้องพักเยอะๆ”
ภัทรพลเข้ามายืนอีกด้าน ใช้มือวางบนหัวพิมภาด้วยความรัก
“แกคงเหนื่อยมากสินะต้องรับมือกับสองยายหลานโรคจิตนั่น”
“แล้วคุณย่ากับมิ้นท์ล่ะคะ ปลอดภัยหรือเปล่า คุณย่าไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ”
“คุณย่าปลอดภัยดีครับ”
ฤชวีเข้ามาในห้อง มายืนด้านภัทรพล ภัทรพลขยับให้ฤชวีเข้ามาใกล้พิมภา
“คุณต้น” พิมภาน้ำตาคลอเมื่อเห็นฤชวี
“คุณย่าร่างกายอ่อนเพลียน่ะครับ นอนพักอยู่อีกห้อง”
“แล้ว”
“มิ้นท์เฝ้าคุณย่า มีกิ่งเป็นเพื่อน คุณไม่ต้องห่วงนะครับ”
“เสียดายที่การะเกตุหนีไปได้ ส่งยายแก่เข้าซังเตได้คนเดียว”
“พิมอยากไปเยี่ยมคุณย่าน่ะค่ะ”
“อย่าเพิ่งเลยนะลูก ตอนนี้พิมควรจะพักผ่อน”
“แต่ว่า...”
“พิม” ภาณุวัฒน์ลูบหัวพิมภาเบาๆ “พ่อกับแม่ห่วงลูกนะ ลูกรู้ใช่มั้ย”
“ค่ะพ่อ พิมเชื่อนะ”
พิมมาลาหอมแก้มพิมภา
“นอนนะลูก”
พิมภายิ้มแล้วหันมองฤชวี ยิ้มให้ฤชวีด้วยความรักก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ภาณุวัฒน์กับพิมมาลานั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่าง
พิมภานอนหลับ ภาณุวัฒน์ห่มผ้าให้พิมภา พิมมาลา ภัทรพลมองด้วยความห่วงใย
เวลาผ่านไป ภาณุวัฒน์กับพิมมาลานั่งฟุบหน้าที่เตียง ภัทรพลนั่งหลับที่โซฟา ฤชวีเข้ามาเห็นทุกคนหลับ ฤชวีเข้าไปปลุกภัทรพล
“คุณภัทรครับ” ภัทรพลรู้สึกตัวตื่น “พาคุณพ่อคุณแม่กลับไปพักที่บ้านเถอะครับ เดี๋ยวผมเฝ้าคุณพิมให้”
“อืม” ภัทรพลลุกไปปลุกภาณุวัฒน์กับพิมมาลา “พ่อ แม่กลับไปพักเถอะ”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาตื่นมองพิมภาที่ยังหลับอย่างเป็นห่วง
“คุณพิมยังหลับอยู่ครับ”
“ถ้างั้น กลับไปอาบน้ำแล้วค่อยกลับมาอีกทีนะพ่อ”
“งั้นฝากด้วยนะคุณต้น เดี๋ยวจะรีบกลับมา”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลคุณพิมไม่ให้คลาดสายตาเลย”
“ฝากด้วยนะ”
“ครับ”
ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลออกไป ฤชวีขยับมานั่งเฝ้าพิมภา ฤชวีใช้นิ้วไล้แก้มพิมภาเบาๆ หวานๆ ด้วยความรัก
การะเกตุซมซานหนีเข้ามาที่เซฟเฮ้าส์แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักที่เห็นตำรวจเฝ้าอยู่ที่หน้าเซฟเฮ้าส์
“โธ่เว้ย”
การะเกตุมองด้วยความหวาดหวั่นถอยหลังแล้วตัดสินใจหนีไป
ส่วนที่โรงพยาบาล พิมภาขยับตัวเบาๆ
“อืม น้ำ น้ำ”
ฤชวีรีบขยับลุกไปเทน้ำใส่แก้ว แล้วประคองพิมภาขึ้นมาดื่มน้ำ
“น้ำครับ”
พิมภาดื่มอย่างกระหาย ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติ พิมภามองฤชวี
“คุณต้น” พิมภาซบหน้ากับอกฤชวีอย่างหาความอบอุ่น
“หิวมั้ยครับ ผมจะไปหาอะไรมาให้ทานดีมั้ย”
“ดีค่ะ แต่ฉันอยากไปที่นึงก่อน”
ฤชวีมองพิมภาว่าอยากไปไหน
ที่ห้องพักคนไข้อีกห้อง ชุติภานั่งพิงหัวเตียงอยู่ ที่ข้อมือมีสายน้ำเกลือติดอยู่และมิ้นท์กำลังนวดขาให้
“สบายมั้ยคะคุณย่า”
ชุติภายังดูเพลียๆ ฤชวีเปิดประตูโดยมีพิมภานั่งเก้าอี้รถเข็น ฤชวีเข็นเก้าอี้เข้ามา
“พี่พิม” มิ้นท์ดีใจรีบเข้ามาหาพิมภา
“คุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตาต้น พาพิมภามาใกล้ๆ ย่าสิ” ชุติภาบอกเสียง ฤชวีมองพิมภา พิมภาพยักหน้านิด ๆ ว่าโอเค ฤชวีเข็นเก้าอี้เข้ามาข้างเตียงชุติภา “เราเป็นยังไงบ้าง”
“ยังปวดเมื่อยอยู่ค่ะ”
ชุติภามองข้อมือพิมภาที่พันแผล ชุติภาจับมือพิมภาขึ้นมาแล้วมองด้วยสายตาอ่อนโยน
“เจ็บมากใช่มั้ย” พิมภายิ้มแทนคำตอบ ชุติภาวางมือทับบนมือพิมภาอย่างอ่อนโยน “ขอบใจหนูพิมมากนะที่ช่วยย่ากับยัยมิ้นท์ไว้” ชุติภายิ้มเอ็นดู จับข้อมือที่พันแผลของพิมภา “หนูพิมยอมเสี่ยงตายเพื่อย่า ทั้งที่ย่ากีดกันหนูกับตาต้น ทำให้หนูต้องเจ็บช้ำเพราะย่าหลายต่อหลายครั้ง ย่าละอายใจกับหนูจริงๆ”
พิมภายิ้มอ่อนโยน
“พิมเองก็เคยทำกิริยาไม่ดี พูดจาล่วงเกินคุณย่า” พิมภากราบที่ตักชุติภา “พิมกราบขอโทษค่ะ อภัยให้พิมนะคะคุณย่า”
ชุติภาลูบศีรษะพิมภาถอนใจนิด ๆ กับความรู้สึกผิดที่อัดอยู่เต็มอก
“ย่าคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้โง่จนโดนสองยายหลานนั่นถอนหงอกเอาได้ ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตบงการลูกหลานให้ต้องวุ่นวายจนเกือบตาย”
ฤชวีกับมิ้นท์ขยับเข้ามาหาชุติภา
“เพราะคุณย่าไว้ใจคนผิดต่างหากครับ ผมรู้ว่าคุณย่ารักหลานทุกคนและพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้”
“ถึงแม้จะเผด็จการไปหน่อยก็ตาม” มิ้นท์บอกอย่างลืมตัว
“มิ้นท์” ฤชวีปราม มิ้นท์รู้ตัวว่าหลุดปาก
“มิ้นท์ขอโทษาค่ะคุณย่า มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ”
“ยัยมิ้นท์พูดถูกแล้วล่ะ หนูพิม หนูให้โอกาสย่าได้ไหม” พิมภามองไม่เข้าใจว่าโอกาสอะไร “ให้โอกาสย่าได้อุ้มหลานของหนูพิมกับตาต้นไงจ๊ะ”
พิมภาอึ้งเขินไป มิ้นท์ดีใจแทบกรี๊ด
“ขอบคุณครับคุณย่า”
“หลานของย่ารักใคร ย่าก็ต้องรักด้วยสิ จริงไหม”
“คุณย่าของมิ้นท์น่ารักที่สุดเลย”
ฤชวียิ้มอย่างขอบคุณ ชุติภาจับมือฤชวี แล้วหันมาหาพิมภา
“ตาต้นเป็นหลานชายคนเดียวของย่า เขาเหมือนคุณปู่ทุกอย่างทั้งหน้าตา นิสัย เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมย่าถึงรักตาต้นมาก”
พิมภามองฤชวีแล้วยิ้มรับ
“ค่ะ”
“ย่าเห็นหนูพิมครั้งแรกก็รู้เลยว่าเป็นคนไม่กลัวใคร ชอบความท้าทาย นั่นหมายความว่าชีวิตหนูคืองาน ถูกไหม”
“คุณย่าทายแม่นมากครับ คุณพิมทำงานเก่ง ทุ่มเทกับงานจนผมยังทึ่งเลยครับ”
พิมภาค้อนฤชวีนิดๆ
“เพราะแบบนี้ ย่าถึงกีดกันหนูกับตาต้น” พิมภา ฤชวี มิ้นท์ไม่เข้าใจ “กว่าที่ย่าจะทำให้ทุกคนสุขสบายในวันนี้ ย่าต้องทุ่มเทกับการทำงานจนละเลยคุณปู่ที่ล้มป่วย ปู่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ตามลำพังในโรงพยาบาล ก่อนจะหมดลมหายใจ ปู่ขอให้ย่ามาหา แต่ย่าก็ติดงานจนปู่ต้องจากไปอย่างเดียวดาย ย่ารู้สึกผิดกับปู่มาก ย่าไม่อยากให้ตาต้นต้องเจ็บปวดเหมือนที่ปู่ตาต้นเป็น อยากให้ตาต้นมีคนที่ย่าวางใจที่ฝากตาต้นให้ดูแล”
พิมภาจับมือชุติภาอย่างเป็นคำมั่น
“พิมสัญญาค่ะว่าจะดูแลคุณต้นเป็นอย่างดี”
“ย่าเชื่อ เพราะดูจากที่หนูช่วยย่า ย่ารู้ว่าหนูทำเพื่อตาต้นใช่มั้ย” พิมภาเขิน
“ก็คุณย่าเป็นย่าที่คุณต้นเคารพรัก พิมก็ต้องเคารพและรักคุณย่าของ...”
“สามี ใช่มั้ยครับ” ฤชวีพูดแทรกแบบแซวๆ พิมภายิ่งเขินทำหน้าไม่ถูก ฤชวีทนไม่ไหวขยับเข้าหอมแก้มพิมภา
พิมภาตกใจหยิกฤชวี “โอ้ยๆคุณย่าช่วยด้วยครับ คนป่วยรังแกผม”
“นี่ๆ” พิมภาเจ็บข้อมือแต่ฝืนหยิกด้วยความเขิน “ทำรุ่มร่ามต่อหน้าคุณย่าได้ยังไง”
“ก็ภรรยาผมน่ารักขนาดนี้ จะอดใจไหวยังไง จริงไหมครับคุณย่า”
“จริง หอมข้างเดียวมันก็ไม่สมดุลกันสิตาต้น”
“ได้ครับ” ฤชวีจู่โจมหอมอีกข้าง “ถูกใจไหมครับคุณย่า”
“ดีมาก”
“พิมโดนรุมอยู่คนเดียวเลย”
“พี่ต้นอาการหนักนะคะเนี่ย เมื่อก่อนไม่เคยกรุ้มกริ่มขนาดนี้เลย เพราะพี่พิมนะคะทำให้พี่ต้นเปลี๋ยนไป๋”
พิมภาสบตาฤชวีเขินๆ ทุกคนมองพิมภายิ้มๆ
พิมภากลับมาที่ห้องขยับขึ้นนั่งบนเตียงแล้วมองแผลที่ข้อมือจึงสังเกตเห็นว่าแหวนของเล่นหายไป
“แหวน แหวนหายไปไหน”
ฤชวีมองแล้วขยับเข้ามา
“หาอันนี้อยู่เหรอครับ”
พิมภามองที่มือฤชวี เห็นฤชวีถือแหวนไว้ในมือ
“ทำไม”
“มันเลอะดินน่ะครับ ผมก็เลยเอามาเก็บไว้ก่อน แต่ตอนนี้ผมคงต้องส่งคืนให้เจ้าของแล้ว”
ฤชวีสวมแหวนให้ที่นิ้วซ้ายพิมภา พิมภาจับมือฤชวีแนบแก้ม ฤชวีเห็นสายตาพิมภาอ้อนๆ ก็ขยับขึ้นมานั่งบนเตียงกอดพิมภาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันดีใจที่รอดมา ตอนที่อยู่ในหลุมนั่นฉันกลัวว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก”
ฤชวีรู้สึกใจหายกอดพิมภาอย่างทนุถนอม
“ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะไปไม่ทัน”
“ฉันคิดว่าฉันจะตายซะแล้ว ถ้าฉันตาย...”
ฤชวีจับคางพิมภาใช้นิ้วโป้งแตะที่ปากเบาๆ ไม่ให้พูด
“ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรเด็ดขาด”
“จริงเหรอ”
“จริงๆ นะครับ ไม่เชื่อผมเหรอ”
“เชื่อสิค้า คุณพูดอะไรฉันก็เชื่อทั้งนั้น” ฤชวีมองแบบพูดจริงเหรอเนี่ย พิมภาทำเสียงงอนนิดๆ “พูดจริงก็ไม่เชื่อ”
ฤชวีจับมือพิมภามาแนบแก้มง้อ ๆ
“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่แค่แปลกใจว่าทำไมคุณถึงเชื่อผมง่ายนัก”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
พิมภามองหน้าฤชวีแล้วพูดอย่างตรงความรู้สึกที่สุด
“ฉันไว้ใจคุณค่ะ” ฤชวีมองปลื้มๆ “ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณจะไม่มีวันโกหกฉันเหมือนพี่เอก” พิมภายิ้ม วางมือบนมือฤชวีมองตาอย่างขอคำสัญญา “คุณจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ ฉันมั่นใจ”
พิมภาหน้าซบกับอกฤชวี ฤชวีพูดไม่ออก พิมภาซบนิ่ง ฤชวีนึกถึงสิ่งที่พิมมาลาบังคับให้ฤชวีช่วยโกหกพิมภา ฤชวีมองพิมภาอย่างอ้ำอึ้งรู้สึกผิดกับเธอ
“คุณพิม ผม” ฤชวีเห็นพิมภาเงียบไป หันมองเห็นพิมภาหลับไปแล้ว ฤชวีหอมหน้าผากพิมภา “ผมรักคุณนะครับ คุณพิม”
ฤชวีกอดพิมภาสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลที่ต้องปิดบังเรื่องที่ทุกคนรู้ความจริงแล้ว พิมภานอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดฤชวีอย่างมีความสุข
วันต่อมาภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลา เดินมาตามทางจะไปที่ห้องของชุติภา
“คุณย่าเรียกพวกเราไปคุยด่วน ไม่รู้มีเรื่องอะไรนะพ่อ”
“เรื่องยัยพิมกับคุณต้นแน่ มิ้นท์รายงานมาว่าคุณย่ายอมรับพิมแล้วภัทรว่างานนี้ไอ้พิมอยู่ในกำมือคุณต้นแน่นอน ดีนะที่แม่กับพ่อตัดสินใจดึงคุณต้นมารวมหัวกันให้อำไอ้พิม จะได้โดนปราบพยศซะบ้าง”
“นี่ถ้ายัยพิมรู้ว่าถูกทุกคนย้อนแผน เพราะพวกเรารู้ความจริงหมดแล้วเรื่องสามีหลอกๆ ยัยพิมคง...”
“หน้ามันก็เสียทรงจนคุมตัวเองไม่ได้เพราะเสียฟอร์มน่ะสิพ่อ”
“ถึงเวลานั้นอย่าไปล้อน้องนะตาภัทร” ทุกคนนึกว่าพิมมาลาจะห้าม “แต่ต้องย้ำให้หนัก อายหน่อยแต่จำ”
“พูดไม่รู้เรื่องก็ต้องดัดนิสัยกันบ้าง”
พิมมาลายิ้ม ภาณุวัฒน์โอบพิมมาลาเลี้ยวไปทางที่ไปห้องชุติภา ภัทรพล ตามไป ที่เคาน์เตอร์พยาบาลตรีวิญที่ยืนถามห้องผู้ป่วยจากพยาบาลอยู่หันมามองทุกคนได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว
ฤชวีคุยมือถืออยู่ที่หน้าต่างขณะที่พิมภานอนหลับอยู่บนเตียง
“พี่จะรีบไปที่ห้องคุณย่านะ” ฤชวีวางสายเข้ามาหาพิมภา “คุณพิมครับ” พิมภานอนหลับนิ่ง “ผมจะรีบไปรีบมานะครับคุณพิม”
ฤชวียิ้มแล้วออกไป
ฤชวี ภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลา มิ้นท์อยู่ในห้องของชุติภา ทุกคนมองชุติภาที่นั่งอยู่บนเตียง
“ฉันอยากคุยเรื่องของหนูพิมกับหลานฉัน ตาต้น หลานหลอกย่าว่าแต่งงานกับหนูพิมแล้วใช่มั้ย”
“คุณย่า ทำไม” ฤชวีตกใจ ชุติภาจึงตัดบท
“จะยังไงก็ช่าง เอาเป็นว่าย่ารู้ความจริงก็แล้วกัน แต่อย่าโกหกย่าอีกไมงั้นตัดย่าตัดหลานแน่ๆ”
ทุกคนอึ้ง กลัวชุติภาเอาเรื่อง
“เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคุณพิมห่วงความรู้สึกของคุณพ่อกับคุณแม่น่ะครับ”
“เล่ามาอย่างละเอียดนะ”
ขณะนั้นพิมภาที่นอนหลับค่อยๆ ขยับตัวรู้สึกตัวตื่นมองหาไม่เห็นใคร พิมภาพยายามจะขยับมาหยิบน้ำ เสียงประตูห้องเปิด พิมภาหันมองที่ประตูแล้วแปลกใจที่เห็นตรีวิญ
“คุณตรีวิญ”
“ผมช่วยครับ”
ตรีวิญรินน้ำให้กับพิมภา พิมภาใช้มือซ้ายรับแก้วน้ำ ตรีวิญเห็นที่นิ้วนางซ้ายของพิมภาสวมแหวนของเล่น ตรีวิญมีสีหน้าไม่พอใจ คิดแผนร้าย
ตรีวิญเดินปิดประตูก่อนจะขยับเข้ามายืนข้างเตียงแล้วยื่นหน้าใกล้พิมภาให้รู้สึกอึดอัด
“คุณพิมเป็นยังไงบ้างครับ” พิมภาขยับหนี
“ก็ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ” พิมภารู้สึกว่าอยู่กันแค่สองคนในห้องก็มองไปรอบๆ บ่นๆ “ ไปไหนกันหมดนะ”
“มีอะไรเหรอครับ”
พิมภาไม่อยากอยู่ในห้องสองต่อสองกับตรีวิญ
“ครอบครัวพิมน่ะค่ะไม่รู้ว่า หายไปไหนกันหมด พิมต้องคุยกับท่านน่ะค่ะ”
“ท่านอยู่อีกห้องน่ะครับ เดี๋ยวผมพาไปพบท่านนะครับ”
“ดีค่ะ”
ตรีวิญขยับเก้าอี้รถเข็นมาให้ ตรีวิญช่วยประคองพิมภาแล้วแอบยิ้มร้ายๆ
ชุติภารับฟังสิ่งที่ฤชวีเล่าอย่างประมวลผล ฤชวีเกร็งรอคำตอบ
“พวกคุณเป็นพ่อแม่ประสาอะไรกัน ถึงได้ปล่อยให้ลูกหลานทำเรื่องพิเรนทร์แบบนี้”
ชุติภาต่อว่าภาณุวัฒน์กับพิมมาลา ทุกคนอึ้ง
“คุณย่าคะ”
“ผู้ใหญ่พูดอย่าสอด” มิ้นท์จ๋อย “โบราณเขาว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ วันนี้ฉันรู้เช่นเห็นชาติครอบครัวของบ้านพิมภาแล้วว่า...” ทุกคนลุ้น ชุติภายิ้ม “ร้ายถูกใจฉันจริงๆ เด็กสมัยนี้มันต้องโดนแรงๆ แบบนี้ถึงจะเข็ด ตีก็ไม่พอใจ ตำหนิก็ต่อต้าน เหมือนหลานๆ ฉันแต่ละคนดื้อด้านนัก”
“อ้าว โดนด้วยเฉย” มิ้นท์บ่น
“ถ้าพวกคุณมีวิธีเด็ดๆ ก็บอกฉันบ้างนะ จะได้ดัดนิสัยหลานๆ วงศ์บริบูรณ์ให้มันรู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ซะบ้าง ดื้อเหลือเกินทั้งตาต้น ยัยมิ้นท์”
“เจอข้อหาหนักเลย”
“แบบนี้แสดงว่าคุณย่ายกโทษให้น้องสาวผมแล้วใช่มั้ยครับ”
“ที่ฉันเรียกพวกคุณมาวันนี้ ฉันอยากจะปรึกษาเรื่องของตาต้นกับพิมภา ไหน ๆ ทุกคนก็เข้าใจว่าตาต้นกับพิมภาเป็นสามีภรรยากันแล้ว เราก็ทำให้เรื่องจัดฉากครั้งนี้กลายเป็นเรื่องจริงเลยจะดีมั้ย”
มิ้นท์ดีใจออกนอกหน้า
“คุณย่าพูดจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ฉันจะจัดงานแต่งให้เป็นงานใหญ่แห่งปีเลย หลานชายคนโตของวงศ์บริบูรณ์แต่งทั้งที แขกไม่ถึงพันฉันไม่ยอม! เรื่องสินสอดไม่อั้น รีสอร์ทสามแห่ง ที่ดิน เงินสด เครื่องเพชร ฉันจัดเต็ม”
“ขอบคุณครับคุณย่า”
“ฉันต้องขอโทษพวกคุณด้วยนะที่เคยทำไม่ดีไว้ตั้งหลายอย่าง”
ชุติภาพูดกับภาณุวัฒน์และพิมมาลา
“ทางเราเองก็ต้องขอโทษคุณหญิงเหมือนกันค่ะ”
พิมมาลามองภัทรพล ภัทรพลรู้หน้าที่รีบเข้าไปคุกเข่าไหว้ชุติภา
“อภัยให้ลูกนกลูกกาตัวดำๆ ที่เคยลามปามคุณย่าน่ะครับ”
“ไม่เป็นไร วันหลังอย่าทำก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันเอาตาย”
“คร้าบ”
“แต่ก่อนอื่น ช่วยเล่าแบบละเอียดทีสิว่าแผนดัดนิสัยลูกสาวคุณน่ะมันเป็นยังไง”
“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ละเอียดเท่าผมหรอกครับ”
ภัทรพลบอก ทุกคนหันมองภัทรพลที่เตรียมจะแจกแจงรายละเอียด
ลัลนากับนันทิกานต์กำลังรีบเดินไปที่ห้องพักชุติภา
“เร็วสิแนน เดี๋ยวฉันไม่ทันประชุมร่วมกับครอบครัว”
“ก็จ้ำอยู่นี่ไง แหม ห่วงทำคะแนนจังนะ”
“ต้องใส่ทุกรายละเอียดสิจ๊ะ ความรักจะได้เป๊ะเวอร์”
แต่แล้วลัลนากับนันทิกานต์ก็ชะงักที่เห็นตรีวิญกับพิมภายืนอยู่ที่หน้าห้องพักชุติภา
“ไอ้พิมมันมายืนทำอะไรกับคุณตรีวิญ”
ลัลนากับนันทิกานต์เดินเข้าไปกำลังจะทักพิมภา แต่ต้องชะงักที่ได้ยินเสียงมาจากในห้องซึ่งขณะนั้นภัทรพลกำลังเล่าอย่างออกรส
“พอพ่อกับแม่รู้ความจริง คุณต้นจะขอยกเลิกการเป็นสามีของยัยพิมครับ แต่พ่อกับแม่บังคับให้คุณต้นเป็นสามีของพิมต่อ ยัยพิมมันคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด ไม่ได้รู้เลยว่าโดนพวกเรากับคุณต้นหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
พิมภาช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน
“จนป่านนี้หนูพิมยังไม่รู้อีกเหรอว่าโดนพวกคุณหลอก”
“พี่พิมฉลาดออก ไม่น่าจะโดนหลอกได้เลยนะคะ”
“ก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณต้นล่ะครับ รายนี้เล่นเนียนที่สุดปั่นจนยัยพิมอยู่ในกำมือเลยทีเดียว”
ภัทรพลเอ่ยชมแต่ฤชวีไม่ได้ภูมิใจเลย รู้สึกผิดด้วยซ้ำ
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยครับ”
“ยัยพิมไว้ใจคุณต้นมากน่ะค่ะ”
“คนที่ไว้ใจร้ายที่สุดเลยนะครับเนี่ย”
ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลหัวเราะสนุกสนาน ฤชวีอึ้งไปเมื่อนึกถึงคำพูดพิมภาเมื่อคืนนี้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณจะไม่มีวันโกหกฉันเหมือนพี่เอก” พิมภายิ้ม วางมือบนมือฤชวีมองตาอย่างขอคำสัญญา “คุณจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ ฉันมั่นใจ”
ฤชวีหน้าเสีย
“แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ จะจัดงานแต่งก็ต้องให้หนูพิมสารภาพใช่มั้ย” ชุติภาถามขึ้นมา
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการให้รับรองยัยพิมต้องรีบมาสารภาพกับพ่อแม่เร็วๆ นี้แน่ แต่พวกเราต้องเนียนทุกคนนะครับ ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย น้องสาวผมมันฟอร์มเยอะ ถ้ารู้ว่าโดนดัดหลังคงหน้าเสียทรงแน่ๆ”
แก๊งค์ภาณุวัฒน์หัวเราะเป็นเรื่องสนุก ขณะที่พิมภาอึ้งด้วยความเสียใจ ลัลนากับนันทิกานต์วุ่นวายอยู่ข้างหลังพิมภา
“เอาไงดี ต้องเตือนข้างใน” นันทิกานต์ถามลัลนาอย่างไม่มีเสียง
“แต่ผมกลัวว่า...” ฤชวีห่วงความรู้สึกพิมภา
“ไม่ต้องห่วงน่าคุณต้น น้องผม ผมรู้ว่าจะปั่นมันยังไงให้พล่าน เตรียมงานแต่งได้เลยคร้าบ ฮ่าๆ”
พิมภาโกรธจนน้ำตาคลอ มือกำแน่น ลัลนาเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่จึงตัดสินใจรีบขยับออกมากดโทรศัพท์หาภัทรพล ภัทรพลรับโทรศัพท์
“อยู่ไหนครับคุณลัล”
“ยัยพิมอยู่หน้าห้องค่ะ” ลัลนาพยายามกระซิบแต่ภัทรพลไม่ได้ยิน
“อะไรนะคุณลัล พูดดังหน่อยครับ”
ลัลนาพยายามพูดชัดที่สุด
“ยัยพิมอยู่หน้าห้องค่ะ”
“ยัยพิมอยู่หน้า...”
ภัทรพลชะงักหันมองทางประตู คนอื่นเลยพลอยมองตามต่างตะลึงที่เห็นพิมภาอยู่หน้าห้องกับตรีวิญ สีหน้าพิมภาอัดแน่นด้วยความโกรธ น้ำตาร่วง
“คุณพิม” ทุกคนมองรอว่าพิมภาจะพูดอะไร แต่พิมภาไม่พูด เดินหนีไป “คุณพิมครับ”
ฤชวีวิ่งตามไป ตรีวิญรีบตามไป
“พี่ภัทร”
“ไม่พูดแสดงว่าโกรธถึงจุดระเบิด”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์ตามไป คนอื่นๆ รีบตาม
พิมภาวิ่งออกมาด้านนอก ฤชวีวิ่งตามมาคว้าแขนพิมภาไว้
“ฟังผมก่อนนะครับคุณพิม ผมไม่ได้...”
“ฉันไม่ฟัง พอที ฉันคิดว่าคุณช่วยฉันเพราะคุณเข้าใจ แต่มันไม่ใช่ คุณอยู่กับฉันเพราะแผนของพ่อกับแม่ คิดจะดัดสันดานฉันเหรอ คุณทำสำเร็จแล้ว คุณทำให้ฉันเป็นคนโง่ ตลกมากใช่มั้ย ที่ฉันต้องวิ่งพล่านหัวหมุนไปตามแผนของคุณ”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทำทุกอย่างเพราะผมรักคุณนะคุณพิม”
“ปล่อยฉัน”
ฤชวีไม่ยอมปล่อย ทันใดนั้นตรีวิญก็เข้ามากระชากฤชวีแล้วต่อยฤชวี ผัวะ! ฤชวีไม่ทันตั้งตัวเซไป คนอื่นๆ ที่ตามออกมาอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรีวิญเข้าไปยืนเคียงข้างพิมภา
“คุณพิม ผมรักคุณนะ”
พิมภาเจ็บปวด
“ฟังนะคุณฤชวี คนที่รักกันเขาไม่ทำร้ายกันแบบนี้” ฤชวีอึ้ง พิมภาถอดแหวนของเล่นออกจากนิ้วแล้วเขวี้ยงใส่หน้าฤชวี “เอาความรักของคุณคืนไป ฉันเกลียดคุณ ฉันจะไม่มีวันอภัยให้คุณ ไม่มีวัน”
ฤชวีหยิบแหวนขึ้นมามองพิมภาอย่างเจ็บปวด
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของผมมันไม่สามารถชดเชยกับความผิดพลาดของผมได้เลยใช่มั้ย” พิมภานิ่ง เห็นแต่ความเจ็บปวดของตัวเอง ทิฐิจนไม่ยอมอภัย ไม่รู้ใจตัวเองอย่างแท้จริง ฤชวีมองแหวนในมือ “แหวนของเล่น ไม่ใช่ของจริง ไม่มีราคาเก็บไว้มันก็เปลืองพื้นที่ในชีวิตคุณ”
พิมภาเห็นความเสียใจของฤชวี แต่ความโกรธมีมากกว่า พิมภาโมโหจนอยากใช้ถ้อยคำทำร้ายอีกฝ่าย
“ใช่ นับตั้งแต่นี้ไปเราจบกันแค่นี้ คุณตรีวิญพาฉันไปจากที่นี่ค่ะ”
ตรีวิญยื่นมือให้พิมภา พิมภามองฤชวีแล้วตัดสินใจวางมือลงบนมือตรีวิญ ตรีวิญจับมือพิมภาจะพาเดินไป ฤชวีเจ็บ มองพิมภาด้วยความเสียใจ
“สิ่งที่ผมมีไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่ในสายตาคุณผมมีค่าด้อยกว่าเขาเสมอ...”
พิมภาชะงักหันกลับมา แต่ฤชวีหันหลังในมือกำแหวนของเล่นไว้แน่นด้วยความเสียใจ ฤชวีเดินจากไป พิมภารู้สึกเหมือนใจหายแต่สายตาเห็นกลุ่มของชุติภา พิมมาลา ภัทรพล นันทิกานต์ มิ้นท์ ลัลนา ด้วยแรงทิฐิทำให้พิมภากระชับมือตรีวิญแล้วเดินไปกับตรีวิญ ชุติภา มิ้นท์รีบตามฤชวีเข้าไป
“ภัทร แม่รีบตามไอ้พิมไปเร็ว”
ลัลนากับนันทิกานต์รีบตามไปด้วย
ฤชวีกลับมาที่ห้องพักชุติภาแล้วนั่งมองแหวนของเล่นด้วยความเสียใจ น้ำตาฤชวีคลอในดวงตา มิ้นท์กับชุติภามองด้วยความสงสาร
“ย่าไม่คิดเลยนะว่าตาต้นจะรักหนูพิมมากขนาดนี้”
“มิ้นท์สงสารพี่ต้นจังเลยค่ะคุณย่า”
ชุติภาเข้าไปหาฤชวี
“ต้น ถ้ารักเขาก็ไปปรับความเข้าใจกับเขาสิลูก”
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกครับ ผมควรจะยอมรับความจริงตั้งนานแล้ว แต่ผมก็หวัง หวังว่าผมจะทำให้คุณพิมรักผมได้ แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าเขาไม่ได้รักผมเลย”
ชุติภากอดฤชวีด้วยความสงสาร มิ้นท์ยืนร้องไห้เงียบๆ เจ็บปวดไปกับฤชวี
ตรีวิญพาพิมภามาส่งที่คอนโด ตรีวิญเปิดประตู พิมภาเดินเข้ามา
“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะครับ”
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ตรีวิญจำต้องเดินกลับออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง พิมภาเดินผ่านโซฟา โต๊ะทานข้าว ภาพความทรง
จำดีๆ ภายในห้องก็ย้อนกลับมากระแทกใจพิมภา ภาพพิมภากับฤชวีในคืนที่มอเตอร์โฮม คำที่ฤชวีบอกรัก พิมภาน้ำตาร่วง
“ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี้ ทำไม”
พิมภาร้องไห้เจ็บปวดเสียใจที่สุด
พิมภานั่งนิ่งทิ้งคราบน้ำตาที่ยังค้างบนใบหน้า พิมภานั่งอยู่ที่พื้นพิงศีรษะกับโซฟา ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหนหรือทำอะไรต่อไป ประตูห้องเปิดเข้ามา ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์ ลัลนา นันทิกานต์เข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน
“ไอ้พิม แกเป็นบ้าอะไรของแก ทำไมต้องอาละวาดบ้าบอขนาดนั้น ฮะ”
ภัทรพลต่อว่าพิมภา ลัลนาพยายามจะปราม
“คุณภัทรคะ”
“แล้วแกปล่อยให้ไอ้ตรีวิญชกสามีตัวเองแบบนั้นได้ยังไง ทำแบบนี้เท่ากับแกให้ไอ้ตรีวิญมันหยามหน้าสามีแก”พิมภานิ่ง “ไอ้พิม ฉันพูดกับแกอยู่นะ” พิมภาลุกขึ้นไม่หันมาไม่โต้ตอบเดินเข้าไปในห้อง
“ไอ้พิม” ภัทรพลจะตาม
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
“พอได้แล้วตาภัทร”
ภัทรพลชะงัก
“น้องกำลังเสียใจอยู่นะ”
“แม่ มันไม่ควรทำแบบนี้”
“ภัทร เรื่องวันนี้มันมากเกินน้องจะรับไหวนะ”
“อาการพิม แนนว่ามันเสียใจมาก มากกว่าตอนพี่เอกนะคะ เพราะครั้งนี้มันรัก”
“ความเห็นลัลนะคะ พิมคงเสียใจที่ถูกทุกคนหลอกน่ะค่ะ ยิ่งเป็นคนรักหน้ายิ่งชีพอย่างพิมด้วย ฆ่ากันยังดีกว่าเสียหน้านะคะ”
ภัทรพลโกรธ ตบปากตัวเอง
“ไม่น่ามันส์ปากเลย”
“ใจเย็น ๆ นะคะเดี๋ยวแนนกับลัลจะไปคุยให้เองค่ะ”
นันทิกานต์จูงมือลัลนาพากันเข้าไปในห้องพิมภา ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์นั่งลงอย่างกลุ้มใจ
พิมภาออกมาจากห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จแล้วแต่สีหน้าไม่ได้สดชื่นขึ้นเลย พิมภาชะงักที่เห็นลัลนากับนันทิกานต์นั่งรออยู่
“จะมาหัวเราะอะไรฉันอีกล่ะ” พิมภาหน้าตึง
“พิม ฉันเคยหัวเราะใส่แก เวลาที่แกทุกข์งั้นเหรอ” นันทิกานต์ย้อนถาม
“แกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าทุกคนรู้แล้วว่าฉันโกหก”
“หลังกลับจากเพชรบูรณ์”
พิมภาอึ้
ไปนิด
“มันนานมากเลยนะ แล้วเธอล่ะ เมื่อไหร่” พิมภาหันไปถามลัลนา เมื่อโดนยิงคำถามเข้ามาลัลนาทำหน้าไม่ถูก
“ก็ วันที่เธอจะพิสูจน์คุณต้นน่ะ”
“จากใคร ที่จริงฉันไม่น่าถามโง่ๆ นะ ก็ต้องรู้จากพี่ภัทรอยู่แล้ว ฉันนี่มันน่าสมเพชจริงๆ หึ ทุกคนรู้กันหมดเลย มีแต่ฉันคนเดียวที่โง่ พล่านเป็นคนบ้าเพื่อพยายามปกปิดในสิ่งที่ทุกคนรู้กันหมดแล้ว”
“ก่อนที่แกจะโกรธคุณต้นแกคิดให้ดีๆ นะพิม ว่าคนอย่างคุณต้นเขาจะคิดทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นกับแกได้เหรอ ที่ความมันแตกเพราะพี่ภัทรเขาจับพิรุธแกกับคุณต้นได้ แล้วพ่อกับแม่แกน่ะธรรมดาที่ไหน ถ้าว่าที่พ่อตาแม่ยายเขาสั่งให้ทำอะไร คุณต้นก็ต้องทำตามอยู่แล้ว ถ้าแกยุติธรรมกับทุกคนอีกนิด มองย้อนกลับไป ที่คุณต้นต้องมาเดือดร้อนวุ่นวายเพราะคนที่เริ่มเรื่องนี้ทั้งหมดคือแกนะพิม”
พิมภาอึ้งไปนาน
“พิม ฉันว่าคุณต้นคงรอปรับความเข้าใจกับเธออยู่นะ คิดดีๆ”
นันทิกานต์กับลัลนาทิ้งพิมภาให้มีเวลาคิด สองคนออกไปจากห้อง พิมภาคิดหนัก
พิมภานั่งอยู่บนเตียงพลางมองรูปตัวเองกับฤชวีในมือถือที่ถ่ายคู่กัน มองอย่างใช้ความคิดแล้วนึกถึงคำพูดนันทิกานต์
“ถ้าแกยุติธรรมกับทุกคนอีกนิด มองย้อนกลับไป ที่คุณต้นต้องมาเดือดร้อนวุ่นวายเพราะคนที่เริ่มเรื่องนี้ทั้งหมดคือแกนะพิม”
พิมภาลุกขึ้นอย่างตัดสินใจ
“ใช่ ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ฉันต้องเป็นคนจบมันเอง”
ฤชวีกลับมาอยู่บ้านชุติภา และคืนนั้นก็นั่งอยู่ในสวน พลางสไลด์ภาพในโทรศัพท์เป็นภาพที่ฤชวีโหลดลงมาไว้เป็นพิมภาหลายอิริยาบถ
“ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับคุณพิม” ฤชวีกลุ้ม เสียงมือถือฤชวีดัง ฤชวีมองโทรศัพท์แล้วดีใจที่เห็นเป็นพิมภาโทรมา “คุณพิม”
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมมาลากับภาณุวัฒน์ขยับมานั่งตรงหน้าลัลนากับนันทิกานต์
“ทำไมยัยพิมเงียบไปทั้งคืนเลย เคลียร์ได้แล้วแน่นะลูก”
“แต่เมื่อวานก็นั่งฟังเงียบนะคะแม่ น่าจะได้ผลนะ ยังไม่ออกมาเลยเหรอคะ”
“ขังตัวเองในห้องตั้งแต่เมื่อคืน”
“แต่ลัลว่าต่างคนต่างรักกันขนาดนี้ เดี๋ยวพิมจะต้องโทรไปง้อคุณต้นแน่ๆ ค่ะ”
ภัทรพลเข้ามาโอบลัลนาอย่างภูมิใจ
“แฟนผมครับ แฟนผม”
ลัลนาเขิน
“แม่ว่านะ จัดงานแต่งสองคู่เลยมั้ย คู่ยัยพิมกับคุณต้น แล้วก็ตาภัทรกับลูกลัล” ลัลนาตาโต
“แม่ครับ ผมยังไม่ได้ขอเขาเลย แม่เปิดแบบนี้ก็ไม่หวานไม่เซอร์ไพรส์สิแม่”
“ก็แม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ นี่ กลัวตระกูลแม่จะด้วนเพราะแกจริง ๆ”
ฤชวีเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับกระเป๋าลากใบใหญ่
“คุณต้นมาค่ะ เห็นมั้ยคะว่าแนนกับลัลทำงานได้ผล” นันทิกานต์บอกอย่างดีใจ
“ไอ้พิมโทรไปเรียกมาใช่มั้ย”
“ครับ” ฤชวีตอบรับหน้าเศร้า
“แล้วนี่ลากกระเป๋ามาทำไม” ภาณุวัฒน์ถามอย่างแปลกใจ ฤชวียิ้มเศร้าๆ
“พิมโทรเรียกเขามาเก็บของน่ะค่ะ” พิมภาบอกขณะเดินออกมาจากห้อง “ฉันรวบรวมของไว้ให้คุณแล้ว”
ทุกคนเหวอ ฤชวีลากกระเป๋าเข้าไป ทุกคนตามไป
ฤชวีเปิดกระเป๋าแล้วหยิบข้าวของของตัวเองที่พิมภากองไว้บนเตียงเก็บใส่กระเป๋า พิมภายืนนิ่งอยู่อีกมุมยืนมองฤชวีเก็บของอย่างเสียใจแต่ต้องเก็บอาการ
“เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ไหนว่าเคลียร์แล้วไง”
ภัทรพลถาม นันทิกานต์กับลัลนาหน้าเสีย
“ก็มันน่าจะเป็นอย่างนั้นนี่”
“นิสัยผู้หญิงขี้ประชดอยู่แล้ว สงสัยจะยัยพิมจะเข้าข่ายนี้นะคะ”
“พ่อจะเข้าไปคุย”
“อย่านะพ่อ ลงพิมทำรุนแรงไม่แคร์พวกเราที่อยู่เต็มห้อง แสดงว่าโกรธถึงขีดสุดแล้ว ถ้าไปพูดอะไรตอนนี้มีแต่พังแน่นอน”
ทุกคนได้แต่ยืนมองอย่างร้อนใจ
ฤชวีเก็บของไป สายตาก็เหลือบมองพิมภาที่ยืนนิ่งใจแข็ง ฤชวีเก็บของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋าแล้วปิดกระเป๋า
“เรียบร้อยแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”
พิมภานิ่ง ฤชวีจะออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ฤชวีสีหน้ามีความหวังหันกลับมา แต่พิมภายื่นแปรงสีฟันของฤชวีให้ “อย่าเหลืออะไรไว้ที่นี่แม้แต่ชิ้นเดียว”
ฤชวีรับแปรงสีฟันมาอย่างสะเทือนใจ
“ครับ ผมคงไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ในชีวิตคุณแม้แต่ความรู้สึก”
สายตาทั้งคู่มองกันอย่างเจ็บปวด
“ขอบคุณสำหรับความเป็นสามีกำมะลอของคุณ วันนี้มันจบแล้วยินดีด้วยต่อไปนี้คุณไม่ต้องหลอกใครอีกแล้ว”
ฤชวีเจ็บมากจนต้องเย็นชาใส่
“ครับ”
ฤชวีเดินออกไป พิมภาปิดประตูน้ำตาร่วง ทั้งคู่จากกันอย่างปวดร้าวแต่ไม่ยอมรับใจตัวเอง
หน้าห้อง แก๊งคภาณุวัฒน์ตามฤชวีไปที่หน้าประตูห้องรับแขก
“คุณต้น พ่อว่าใจเย็นๆ แล้วคุยกันก่อนมั้ย”
“มันจบแล้วครับ ผมไม่อยากให้คุณพิมต้องอึดอัดใจเพราะความรักของผมอีก” ฤชวียกมือไหว้ “ขอบคุณนะครับสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมดีใจที่ได้รู้จักทุกคน ลาก่อนครับ”
ฤชวีออกไป ทุกคนเครียดที่ช่วยอะไรไม่ได้
“ทำไมมันผิดแผนไปหมดเลยเว้ย มันพลาดตั้งแต่ตอนไหนนะ”
“ก็ตั้งแต่ที่ตรีวิญมาบอกคุณต้นเรื่องสามีหลอกๆ น่ะสิคะ” ลัลนาบอก พิมมาลานึกได้
“แล้วสรุปว่ารู้หรือยังว่าตรีวิญรู้เรื่องนี้มาจากใคร”
“จริงด้วย ลืมไปเลย ลัล ฉันว่าเราต้องจัดการ”
ลัลนาพยักหน้าโอเค
นันทิกานต์กับลัลนาช่วยกันลากพิมภาออกมาจากคอนโด พิมภาโวย
“พวกเธอลากฉันออกมาทำไมเนี่ย”
“วันนี้ฉันจะต้องได้ความจริง”
“ความจริงอะไร”
ตรีวิญเข้ามา
“มาช้านะคะคุณตรีวิญ”
“นี่พวกแกคิดจะทำอะไรเนี่ย”
“คุณตรีวิญ คุณรู้เรื่องที่คุณต้นกับพิมเป็นสามีภรรยาหลอกๆ กันจากใคร”
ตรีวิญนิ่งมาก
“คุณการะเกตุบอกผม”
“แต่คุณบอกคุณต้นว่าคุณรู้เรื่องนี้จากยัยพิม”
ลัลนากับนันทิกานต์คิดว่าจะเห็นตรีวิญตกใจแต่ตรีวิญกลับยิ้ม
“ครับ ผมพูดแบบนั้น”
“นี่ไง คุณต้นถึงเข้าใจผิดคิดว่าแกมีใจกับคุณตรีวิญ จนต้องทะเลาะกันลุกลามไปใหญ่โตแบบนี้ไง”
“คุณทำแบบนั้นทำไมคุณตรีวิญ” พิมภาถามขึ้นมา สีหน้าตรีวิญดูสำนึกผิดมาก
“ถ้าคุณยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณฤชวี ผมคงไม่สามารถจะใกล้ชิดคุณได้ เพราะผมไม่อยากให้ชื่อเสียงของคุณพิมเสียหาย ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผมนะครับคุณพิม ผมรักคุณและจะไม่มีวันหยุดรัก”
ตรีวิญพูดจบก็เดินออกไป พิมภามองตามรู้สึกโกรธไม่ลง
“ดราม่าตัวพ่อเลยนะเนี่ย”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะรักฉันขนาดนี้”
“พิม แค่ลมปากมันก็หวานหู แต่คนที่รักและคอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดคือ คุณต้นนะพิม”
พิมภาคิด แล้วตัดสินใจระบาย
“ตั้งแต่เกิดเรื่องปลากับพี่เอก บอกตรงๆ นะ ฉันไม่คิดจะเปิดใจกับใครอีก จนมาเจอคุณต้น เขาดีกับฉันมาก ช่วยฉันทุกอย่าง จนเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ฉันเชื่อใจเขาจนฉันรัก แต่เขากลับทรยศฉัน”
“แกก็รู้ว่าเขาโดนพ่อกับแม่แกบังคับ”
“ฉันถึงได้เข้าใจไง ว่าที่เขายอมเป็นสามีให้ฉันไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากอยู่กับฉันแต่เป็นเพราะถูกพ่อกับแม่บังคับ”
“พิม ถึงยังไงเธอกับคุณต้นก็ฟีดเจอริ่งกันไปแล้วนี่ จะไม่รักได้ยังไง”
“ก็แค่มักง่ายเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น นิสัยผู้ชาย”
“พิม แกอย่าเยอะ ยอมรับเถอะว่าแกรักเขา แล้วคุณต้นก็รักแกมากด้วย”
คำพูดนันทิกานต์ โดนจุดที่เจ็บ จึงยิ่งเสียใจ
“ถ้าเขารักฉัน เขาต้องบอกฉัน ไม่ใช่ให้ทุกคนปั่นหัวฉันเป็นคนโง่แบบนี้” พิมภาน้ำตาร่วง
“พิม”
พิมภาปาดน้ำตา ยังทิฐิ
“ที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้มันอาจจะถูกกำหนดมาแล้ว ก็ได้ว่าฉันไม่ควรมีความรัก” พูดราวกับสะกดจิตตัวเอง “ฉันไร้สาระมามากแล้ว ต่อไปถึงเวลาที่จะกลับมาทุ่มเทกับงานซะที”
“พิม”
“ถ้าพวกแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อน อย่าพูดเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นเราขาดกัน”
นันทิกานต์กับลัลนาอึ้งจำต้องเงียบ พิมภาพยายามฝืนเข้มแข็งสุดชีวิต
ที่สำนักพิมพ์กิ่งแก้ว มิ้นท์อ่านต้นฉบับของฤชวีน้ำตาคลอ ฤชวีกับกิ่งแก้วนั่งอยู่ในห้องรอการคอมเม้นท์จากมิ้นท์
“ทำมิ้นท์จอมห้าวให้น้ำตาคลอได้นี่ แสดงว่าผ่านนะต้น”
“ตอนจบของเรื่องนี่ซึ้งมากเลยพี่ นางเอกได้เข้าใจว่าพระเอกรักจนยอมตายแทนได้มันเจ๋งมาก ความรู้สึกคนเขียนล้วนๆ เลยนะเนี่ย” มิ้นท์พูดแล้วนึกได้ว่าแทงใจดำฤชวีที่นั่งนิ่งเงียบไป มิ้นท์จึงเปลี่ยนเรื่อง “นี่ถ้าพี่พิมได้มาอ่านตอนท้ายของเรื่องต้องอยากกลับมาคืนดีกับพี่ต้นแน่ๆ”
“ไม่มีการคืนดีแล้วเรื่องมันจบแล้วต่อไปจะมีแต่งาน งาน งาน”
ฤชวีบอก มิ้นท์ถึงกับเซ็ง
“ต่างคนต่างทิฐิมันจะดีกันได้ยังไงเนี่ย”
“มิ้นท์”
“ไปทำงานดีกว่า พูดจนเหนื่อยแล้ว”
มิ้นท์ออกไป
“กิ่ง”
“หืม”
“กิ่งช่วยเอาต้นฉบับตอนท้ายที่มิ้นท์พูดเมื่อกี้ออกด้วยนะ”
“ทำไมล่ะต้น กิ่งว่ามันดีมากเลยนะ”
“ต้นไม่อยากทำให้คุณพิมคิดว่าต้นพยายามตื๊อเขา เอาออกให้ด้วยนะ”
“แต่”
“ถ้าไม่เอาออก ต้นไม่ให้ตีพิมพ์”
“โอเค จะจัดการให้นะ”
กิ่งแก้วมองฤชวีที่หน้าเครียดจัดอย่างเห็นใจแต่ไม่รู้จะทำยังไง
ทางด้านพิมภาเมื่อกลับมาทำงาน เธอก็ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานทั้งหมด ภายในห้องประชุมบริษัทนารี
เห็นบนจอเป็นภาพกราฟเปอร์เซ็นต์ยอดการขายของแป้งวิ้
ค์ที่สูงขึ้น พิมภายืนอธิบาย ลูกค้าชาวจีน,ฝรั่ง,ญี่ปุ่นจับมือกับพิมภา พิมภามอบแพ็คเกจสินค้าให้ดูทุกคน ทุกคนพอใจกับสินค้า สุกัญญากับตรีวิญมองการทำงานของพิมภาอย่างพอใจ
หลายวันต่อมากิ่งแก้วกับฤชวีกำลังช่วยกันดูการจัดงานเปิดตัวหนังสือของฤชวี มิ้นท์มาช่วยเรื่องการจัดสถานที่เวที
ที่บริษัทนารี พิมภากับตรีวิญทำงานใกล้ชิดกัน พิมภากำลังคุยกับตรีวิญเรื่องสินค้าตัวใหม่ มีตลับอายแชโดว์ตัวอย่างวางอยู่ ตรีวิญมองดู พิมภาจะเอื้อมหยิบให้ มีหันมาแล้วหน้าใกล้กัน ต่างคนต่างชะงัก พิมภาขยับออก ตรีวิญมองหลงคิดไปว่าตัวเองน่าจะมีโอกาสกับพิมภา
ที่สำนักพิมพ์กิ่งแก้ว ฤชวีตรวจทานต้นฉบับคุณสามีกำมะลอ กิ่งแก้วเปิดประตูยื่นหน้าเข้ามา
“ต้น ตรวจเนื้อเพลงที่เป็นมาร์คของพระนางหน่อยสิว่าถูกมั้ย เสร็จแล้วรีบเอาไปให้กิ่งนะ กิ่งจะทวนอีกทีจะได้ส่งตีพิมพ์แล้วเดี๋ยวไม่ทันงานเปิดตัวหนังสือ”
“อืม”
ฤชวีเปิดต้นฉบับอ่านๆ ไล่ดูแล้วชะงัก
“เนื้อเพลงมันขาดไปบางคำน้า” ฤชวีหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหา ฤชวีเห็นว่าในเครื่องมีไฟล์หนึ่งถูกอัดไว้ “ไฟล์อะไร?”
ฤชวีกดเปิดฟังเป็นเสียงพิมภาที่อัดไว้ในคืนมอเตอร์โฮม ซึ่งพิมภาร้องเพลงอัดใส่ไว้ในมือถือของฤชวี
“อาจจะเคย ผิดหวังในรักมากมาย เกือบจะตายให้คำว่ารัก
เจอะกับเธอ ในวันนี้มันทำให้คิดหนัก อยากจะรักแต่ใจก็กลัว
*ทำยังไงดี มันไม่แน่ใจ จะยังไงกับคนๆนี้
* *จะรักหรือว่าจะปล่อย จะคบหรือว่าจะคอย
อาจเป็นตัวจริง อาจจะเลื่อนลอย ไม่รู้เลยจริงๆ
ต้องรักดูใช่รึเปล่า จึงรู้ในทุกๆ สิ่ง
อาจเป็นคนนี้ คนเดียวที่เป็น....ที่รัก”
จากเนื้อเพลงทำให้ฤชวีนึกถึงตอนที่จับมือพิมภาเบาๆ มาสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้
“คุณพิมครับ ผมขอลาออกจากการเป็นสามีกำมะลอของคุณ ให้ผมเป็นสามีจริงๆ ของคุณได้มั้ยครับ”
ฤชวีรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“คุณพิม”
ฤชวีตัดสินใจไปหาพิมภา
ฤชวีขับรถเข้ามาที่ลานจอดรถบริษัทนารี ฤชวีมาอย่างมีความหวังมาก ขณะนั้นพิมภาเดินเข้ามาที่รถ ตรีวิญเดินมาส่งที่รถ
“พิมจะรีบแจงรายละเอียดการเปิดตัวส่งให้คุณพรุ่งนี้นะคะ”
“ครับ”
พิมภาเปิดประตูรถจะก้าวขึ้น แต่ตรีวิญจับประตูรถของพิมภาไว้ พิมภาชะงักมองตรีวิญว่ามีอะไร ฤชวีเห็นพิมภาจะเข้าไปแต่ชะงักที่เห็นตรีวิญด้วย ฤชวีตัดสินใจไม่เข้าไปยืนรอจังหวะ
“คุณพิมครับ คุณรู้อยู่แล้วว่าผมคิดยังไงกับคุณ เมื่อก่อนเพราะมีคุณต้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด แต่วันนี้คุณไม่มีพันธะแล้ว ผมอยากจะขอโอกาส ได้ไหมครับ”
ฤชวีมองพิมภาลุ้นว่าพิมภาจะตอบว่าอะไร พิมภานิ่งคิดแล้วตัดสินใจ
“ค่ะ ฉันจะให้โอกาสคุณ”
ตรีวิญดีใจจับมือพิมภา
“ขอบคุณครับคุณพิม”
ฤชวีอึ้งแล้วเดินจากไปอย่างคนแพ้ พิมภามองตรีวิญแล้วดึงมือจากการกุมของตรีวิญ ตรีวิญชะงัก
“ในฐานะเพื่อนเท่านั้นค่ะที่พิมให้ได้ ขอโทษนะคะ”
พิมภาขึ้นรถแล้วขับออกไปทิ้งให้ตรีวิญยืนอยู่เพียงลำพัง เจ็บปวดแต่ไม่ยอมแพ้
คืนนั้นมิ้นท์แวะมาที่คอนโดพิมภา ภาณุวัฒน์ ภัทรพล ลัลนา พิมมาลามองมิ้นท์อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“แน่ใจเหรอมิ้นท์ว่ามันจะได้ผล”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยพี่ภัทร ขนาดมิ้นท์อ่านยังน้ำตาร่วงเลย พี่พิมต้องใจอ่อนแน่ๆ”
“เอายังไงดีล่ะพ่อแม่”
“มันก็ต้องเสี่ยงน่ะนะ”
“แม่ไม่อยากเห็นพิมเศร้าซึม ทำงานลืมตายขนาดนี้”
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง ลัลยังไม่เคยเห็นพิมยิ้มเลยนะคะ เครียดตลอดเวลา”
“ถ้าอย่างนั้น มิ้นท์มีแผนยังไงก็ว่ามา”
“เราก็ต้องหาทางพาพี่พิมไปงานเปิดตัวหนังสือของพี่ต้น แล้วให้พี่พิมได้อ่านหนังสือของพี่ต้นเท่านั้นเองค่ะ”
“ง่ายมาก”
ภัทรพลวางมือกลางวง ทุกคนวางทับอย่างพร้อมใจ
“สู้”
ทางด้านปราสินี ตอนนี้เธอท้องเริ่มโตขึ้นมากสักห้าเดือน ปราสินีกำลังจะเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตแต่ชะงักที่เห็นเอกพลกำลังจะเข้าไปเหมือนกัน
“ปลา”
“พี่เอก” ปราสินีอึดอัดไม่ได้อยากเจอ
“ไม่เจอกันนาน ปลาดูโทรมไปเยอะนะ”
“ก็ตามอัตภาพน่ะค่ะ พี่เอกล่ะคะ”
“พี่สบายดี ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาใช้เบนซ์” เอกพลขยับข้อมือว่าใส่โรเล็กซ์ “ถ้าปลาลำบากบอกได้นะ พี่ช่วยได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปลาไม่ได้ขัดสนอะไร ปลามีเพื่อนมีลูก มีความสุขดีค่ะ” เอกพลหน้าเสียไปนิด เพราะตัวเองไม่มีใครที่รักจริงใจแบบนั้น “ปลาจะรีบเข้าไปซื้อของ ไปก่อนนะคะ”
ปราสินีเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต
ปราสินีเดินถือถุงข้าวของออกมาจะออกไปที่ถนนเพื่อเรียกแท็กซี่แต่ชะงักที่ได้ยินเสียงโวยวายมาจากอีก
ด้าน
“เดินให้มันเร็วๆ หน่อยสิอาเอก” ปราสินีหันไปเห็นเอกพลกำลังเข็นรถเข็นที่มีของอยู่เต็มมาที่รถเบนซ์แบบรุ่นเก่า มีอาซ้อแก่ อ้วน ดูเจ๊มากๆ ยืนอยู่ที่หน้ารถท้าวเอวอย่างหงุดหงิด “ทำอะไรให้มันไวๆ หน่อยได้มั้ย อั๊วเมื่อยอยากกลับไปนวดเต็มที”
เอกพลลนลานรีบเอาของเก็บใส่รถ
“ครับคุณพี่”
“คืนนี้ลื้อต้องนวดให้มันถึงใจหน่อยนะ” อาซ้อทำปูไต่ หน้ากรุ้มกริ่ม เอกพลขยะแขยงแต่ต้องทน “ถ้าลื้ออยากได้รถสปอร์ตเปิดหลังคาคันใหม่มั้ย”
เอกพลเปลี่ยนท่าทีเป็นกระตือรือร้นทันที
“คุณพี่ขึ้นรถเถอะครับ คืนนี้ผมจะบริการสุดฝีมือเลย”
ปราสินีมองอย่างสังเวชใจ
วันต่อมาพิมภา ลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่ฟังปราสินีเล่าอย่างไม่อยากเชื่อ
“นี่พี่เอกตกต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ไม่แปลกหรอกค่ะน้องพิม มีแต่เรื่องฉาวๆ แถมยังทำคลิปที่นัวกับยัยการะเกตุหลุดอีก จะเอาเครดิตในการทำงานมาจากไหนล่ะคะ ดังอยู่เรื่องเดียวก็ลีลาเด็ดนี่ล่ะค่ะ พี่ดูแล้วยังสยิวกิ้ว”
“พี่ซูซี่” ลัลนาปราม ซูซี่มองปราสินีนึกได้
“พี่ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปลาโชคดีแล้วที่หลุดมาจากเขาซะได้ ถ้าลูกของปลาต้องมีพ่อที่รักสบาย ขายตัวกิน ก็ให้เขามีแม่คนเดียวยังดีกว่า”
“แต่เด็กจะมีปมด้อยนะปลา”
“ปลาจะไม่ปิดว่าพ่อเขาเป็นใคร แต่จะให้เขาเข้าใจว่าเราไปกันไม่ได้จริงๆ ลูกปลาต้องเข้มแข็งเหมือนพวก...” ปราสินีมองหน้าเพื่อนๆ “คุณ...(ป้า)”
“อ๊ะๆๆ เลือกสรรพนามให้ดีนะ” ลัลนารีบแย้ง
“คุณอาอย่างพวกเธอไงจ๊ะ” ทุกคนโล่งใจทำมือว่าโอเครับได้ “ฉันโชคร้ายที่เจอผู้ชายไม่ดี แต่ถ้าเป็นผู้ชายดีๆ ที่รักเราจริงๆ เจอแล้วก็ไม่ควรปล่อยไปนะ”
ปราสินีบอกแต่สายตามองพิมภา พิมภาทำนิ่งหูทวนลม นันทิกานต์กับลัลนามองหน้ากัน
“นี่ เมื่อวานน้องมิ้นท์เอาการ์ดเชิญงานเปิดตัวหนังสือของคุณต้นมาให้ฉัน” ลัลนารีบรับมุก
“เหรอๆ เมื่อไหร่ล่ะ”
“มะรืนนี้” นันทิกานต์วางการ์ดเชิญตรงหน้าพิมภา “อันนี้ของแก น้องมิ้นท์ฝากมาบอกว่าคุณต้นอยากให้แกไปมาก แกจะไปไหม”
พิมภามองแต่ไม่ยอมรับปาก
ฤชวีมองกิ่งแก้วอย่างไม่อยากเชื่อ
“คุณพิมน่ะเหรอมาขอการ์ดงานเปิดตัวหนังสือจากมิ้นท์ เป็นไปไม่ได้”
“ใจผู้หญิงยากแท้หยั่งถึงนะ คุณพิมอาจจะอยากคืนดีกับต้นก็ได้มั้ง”
ฤชวีหน้านิ่งแต่แอบดีใจ
“มันไม่มีผลหรอกมั้ง”
ฤชวีลุกขึ้นจะไป
“ต้นจะไปไหน”
“ผมมันยาวๆ ว่าจะไปตัดให้มันเป็นทรงหน่อย รำคาญน่ะ ไปก่อนนะ”
ฤชวีรีบออกไป กิ่งแก้วมองตามรู้ทัน
“ไม่มีผลกับเขา มีผลกับต้นเต็มๆ” กิ่งแก้วหยิบหนังสือนิยายมาเปิดๆ ดู “อ่านแล้วจะได้คืนดี”
กิ่งแก้วยิ้ม ลืมไปเลยว่าเอาส่วนหลังที่ซึ้งออกไป
วันต่อมาที่บริษัทนารี สุกัญญานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ทุกคนพร้อมกันในห้องประชุม
“พี่ได้ผลสรุปยอดการขายของทั้งสองทีมแล้ว วันนี้พี่จะประกาศชื่อคนที่ได้รับตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่ประเทศญี่ปุ่น” ทุกคนลุ้น “คนที่ได้รับเลือกคือ พิมภา” ทุกคนปรบมือให้ ฝั่งทางซูซี่ผิดหวังบ้างแต่ก็ร่วมยินดี “พี่ยังมีอีกสองเรื่องที่ทุกคนต้องทราบ คุณตรีวิญตัดสินใจจะเดินทางไปประจำที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยเจาะตลาดและสร้างฐานที่ญี่ปุ่นให้ไวขึ้น”
คนอื่นๆ พากันอึ้ง
“ตื้อไม่เลิกจริงๆ นะ” ลัลนาพูดกับซูซี่
“ตามแกเป็นเงาเลย พิมเอ๊ย”
ตรีวิญยิ้มมองพิมภา พิมภานิ่งไม่สบตา ตรีวิญอึ้งกับท่าทีของพิมภา
“เมื่อตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งแมนเนเจอร์ว่างลง พี่ต้องหาคนมารับตำแหน่งนี้และคนที่เหมาะที่สุดคือ ลัลนา” ลัลนาอึ้งไม่อยากจะเชื่อ พวกซูซี่ดีใจมาก “และพี่แต่งตั้งให้นันทิกานต์กับซูซี่ เป็นแบรนด์เมเนเจอร์คนใหม่ที่จะรับช่วงงานต่อจากพิมและลัล”
ซูซี่กับนันทิกานต์ช็อก
“น้องลัลคะ พี่ฝันไปหรือเปล่า” ลัลนาหยิกแก้มซูซี่ ซูซี่ร้องลั่น “เจ็บ...ไม่ฝัน..เรื่องจริง ไชโย” ซูซี่นึกได้เก็บอาการ “ขอโทษค่ะ”
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ทุกคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น พี่ขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ ปิดการประชุม”
สุกัญญาเดินออกไป ตรีวิญมองพิมภาที่นิ่ง ตรีวิญต้องเดินตามออกไป นันทิกานต์กับซูซี่ตีมือกันอย่างดีใจ
“ไชโย”
“ยินดีด้วยนะพิม เธอแน่จริงๆ” ลัลนายิ้มมีความสุขมาก
“ไม่เสียใจเลยเหรอลัล เธอหวังไว้มากนะ”
“นั่นมันเมื่อก่อน ถ้าฉันได้ไปญี่ปุ่นก็ต้องอยู่ห่างคุณภัทร ฉันทนไม่ไหวหรอก ขออยู่ที่นี่ดีกว่า”
“หวานนะจ๊ะ”
“อยากหักคานเต็มทีแล้วล่ะสิน้องลัล แอ๊ะ”
สาวๆ แซวกันกิ๊วก๊าว พิมภาแอบนึกถึงตัวเอง
“พิมมันเฉยมากเลยจะยอมไปงานคุณต้นมั้ยเนี่ย”
ลัลนามองๆ แล้วยิ้ม
“เราต้องขอความช่วยเหลือแล้วล่ะ”
สาว ๆ มองลัลนาว่าหมายถึงใคร
พิมภาเข้ามาหาสุกัญญา
“นั่งสิ”
“คุณสุเรียกพิมมาพบมีเรื่องด่วนเหรอคะ”
“พี่แค่อยากแสดงความยินดีด้วยที่พิมทำงานสำเร็จอย่างที่หวัง”
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ คุณสุคะ ทำไมถึงยอมให้คุณตรีวิญไปญี่ปุ่นล่ะคะ พิมเข้าใจว่าคุณสุอยากให้คุณตรีวิญอยู่ที่สำนักงานใหญ่เพื่อพัฒนาบุคลากรที่นี่”
สุกัญญานิ่งไปเมื่อนึกถึงตอนที่ตรีวิญเข้ามาพบเพื่อขอย้ายไปญี่ปุ่น สุกัญญามองตรีวิญอย่างไม่พอใจนัก
“ย้ายไปที่ญี่ปุ่น ตรีวิญนั่นไม่ใช่ข้อตกลงที่เราซื้อตัวคุณให้มาทำงานกับนารี”
“ผมต้องการให้เป็นไปตามนี้”
“พิมภาไม่ได้สนใจคุณ แล้วจะยังดื้อต่อไปอีกทำไม”
“กว่าที่ผมจะได้ทุกอย่างมาถึงวันนี้ มันยากแค่ไหนผมก็ไม่เคยยอมแพ้ สุดท้ายผมจะเป็นผู้ชนะเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
“ไม่มีใครชนะไปตลอดหรอกนะ”
ตรีวิญไม่สนใจคำพูดสุกัญญา
“ถ้าคุณสุไม่ตกลง ผมจะคืนเงินทั้งหมดให้กับทางนารี” ตรีวิญยิ้มมั่นใจมาก “มีบริษัทอีกมากที่รอให้ผมติดต่อไป รวมถึงคู่แข่งของนารี”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สุกัญญาจึงเปลี่ยนเรื่องไม่บอกความจริงกับพิมภาเรื่องตรีวิญ
“มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมน่ะ แล้วเรื่องของพิมกับคุณต้นเป็นยังไงบ้าง”
“คุณสุคงทราบความจริงแล้ว พิมขอโทษนะคะที่โกหกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่พิมไม่ได้ตั้งใจ”
“คุณต้นเป็นคนดีนะ พี่ไม่รู้ว่าพิมกับคุณต้นมีเรื่องอะไรกัน แต่พี่อยากให้พิมคิดให้ดีๆ นะว่าอะไรคือสิ่งที่พิมต้องการจริงๆ เพราะคนอย่างพิมภาเดินหน้าแล้วไม่มีวันถอยหลัง ใช่มั้ย” พิมภาอึ้งที่สุกัญญาแซวสโลแกนส่วนตัว
“พี่ไม่คิดจะเชียร์ใครไม่ว่าตรีวิญหรือคุณต้น แต่พี่อยากให้พิมคิดให้ดี ค้นความรู้สึกตัวเองว่าพิมเดินทางที่ถูกหรือเปล่า เพราะถ้าไปญี่ปุ่นแล้วพิมอาจจะไม่ได้เจอคุณต้นอีกเลยนะ พี่ไม่อยากให้พิมต้องรู้เมื่อสายว่าตัดสินใจพลาดไป โอกาสอาจไม่ได้มีมาบ่อยๆ ถ้าได้มาแล้วรักษามันไว้ดีมั้ย”
พิมภามองการ์ดงานเปิดตัวในมือคิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้เจอฤชวี
งานเปิดตัวหนังสือฤชวีมีคนมาร่วมงานค่อนข้างหนาตา มีการจัดเวทีเป็นแบ็คดร็อปและเก้าอี้สำหรับคุณ
ระหว่างพิธีกร ฤชวีและแขกอีกหนึ่งคน พิมภาเดินเข้ามาและถูกล้อมหน้าล้อมหลังเป็นไข่แดงท่ามกลางภัทรพล ลัลนา นันทิกานต์ที่ประกบติดตลอด
“ทำไมต้องประกบพิมขนาดนี้ กลัวพิมหนีกลับหรือไง”
“ใช่” ทุกคนตอบออกมาพร้อมกัน
“คนอย่างพิมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลังหรอกน่า”
ชุติภากับมิ้นท์ออกมาเห็นพิมภาก็ดีใจ
“พี่พิม”
แก๊งของพิมภาทั้งหมดเข้าไปสวัสดีชุติภา
“สวัสดีค่ะคุณย่า สบายดีมั้ยคะ”
“ดีมากเลย ย่าน่ะคิดถึงหนูนะ แผลหายแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ตาต้นเขียนหนังสือสนุกมากเลยนะ มิ้นท์เอาหนังสือมาสิ” มิ้นท์รีบเอาหนังสือให้พิมภา “อีกสักพักถึงจะเริ่มงาน หนูพิมเอาหนังสือไปอ่านฆ่าเวลาก่อนนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ” พิมภารับหนังสือมาดูเห็นชื่อ คุณสามีกำมะลอ พิมภาสะดุดนิดๆ “คุณสามีกำมะลอ”
พิมภารีบเดินไปหามุมสงบนั่งอ่าน คนอื่นๆ มองกันยิ้มๆ หวังว่าแผนจะได้ผล
พิมภานั่งอ่านหนังสืออย่างสนใจ
“ลูกเตะผ่าหมากของคุณซากุระ หนักแน่นและแม่นยำ...เฮ้ย..นี่มันเรื่องตอนเราเข้าใจผิดที่เชียงใหม่นี่”
พิมภารีบพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว พิมภาอ่านอย่างจับผิด
ทุกคนมองพิมภาที่ตั้งใจอ่านมาก ทุกคนกำลังรอลุ้นอย่างตื่นเต้น
“อ่านเคร่งเครียดจังนะ”
“คงซาบซึ้งอยู่ค่ะคุณย่า”
“แล้วคุณต้นเป็นยังไงบ้างครับ”
“รายนั้นตื่นมาตั้งแต่หกโมงแต่งตัวเสร็จก็เดินไปเดินมา”
“ให้มิ้นท์ไปช่วยเลือกเสื้อผ้าด้วยนะคะ คงตื่นเต้นจะได้เจอพี่พิม”
“ขอให้ลงตัวสักทีเถิด”
ลัลนากับนันทิกานต์เปิดหนังสืออ่าน พลิกๆ หาแต่ไม่เจอเข้ามาหามิ้นท์
“น้องมิ้นท์คะ ตรงไหนที่น้องมิ้นท์บอกว่าซาบซึ้ง พี่เปิดหาตั้งนานไม่เห็นเจอเลย”
“นั่นสิคะ มีแต่เวอร์ชั่นบรรยายความร้ายกาจนางเอก แล้วก็โดนพระเอกสั่งสอน แต่ละวิธี เจ็บอ่ะ นี่พิมมันโดนคุณต้นเล่นงานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“มีสิคะ ก็ตรงนี้ไงคะ” มิ้นท์เปิดๆๆ แต่ไม่เจอ “เฮ้ย หายไปไหนล่ะ” กิ่งแก้วเข้ามาสวัสดีทุกคน “พี่กิ่ง ตอนท้ายทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่เหมือนต้นฉบับที่มิ้นท์อ่านเลย”
“ก็ต้นให้พี่เอาออกน่ะจ้ะ ไม่งั้นไม่ให้ตีพิมพ์พี่ก็เลยต้องทำตาม” มิ้นท์หน้าเสีย
“แย่แล้ว”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ภัทรพลมองข้อความในหนังสือ
“คุณต้นพังแน่”
เสียงจากตรงมุมแบ็คดร็อป
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ขอต้อนรับสู่งานเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ของคุณฤชวี”
ฤชวีขึ้นบนเวที พิมภาลุกขึ้นเดินผ่านหน้าทุกคนไป พวกภัทรพลพยายามจะจับพิมภาแต่ไม่ทัน พิมภาตรงไปที่หน้าแบ็คดร็อปอย่างเอาเรื่อง
ฤชวีนั่งอยู่หน้าแบ็คดร็อปกับพิธีกร
“นิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากอะไรคะ”
“มันเป็นงาน base on true story ครับ”
พิมภาเข้ามาตรงด้านหน้า
“แล้วทุกคนอยากรู้มั้ยคะว่าเรื่องจริงเป็นไง”
ฤชวีและทุกคนหันมองพิมภา ฤชวีอึ้งกับท่าทีของพิมภา
พิมภาเดินตรงขึ้นไปบนเวที คนในงานมองหน้าพิมภาแบบงงๆ ว่าเป็นใคร
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ยินดีเหลือเกินค่ะ ที่ดิฉันคือแรงบันดาลใจของคุณฤชวีในการเขียนหนังสือเล่มนี้ คิดไม่ถึงเลยค่ะว่า...” พิมภามองหน้าฤชวีเหมือนถูกหักหลัง ก่อนจะพูดต่อ “คุณฤชวีจะเก็บรายละเอียดทุกเม็ด มาเขียนเป็นนิยายให้ทุกคนอ่าน”
ฤชวีอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภัทรพล มิ้นท์ ชุติภา กิ่งแก้ว หน้าเสียไปตามๆ กัน
“แผนแก แกจัดการสิ ยัยมิ้นท์” ชุติภาบอก
“อย่ากดดันมิ้นท์ อย่ากดดันมิ้นท์”
มิ้นท์สติจะแตกทำอะไรไม่ถูกเพราะเป็นตัวต้นคิด
ทีมงานเข้ามาหากิ่งแก้ว
“พี่กิ่งครับ นี่ไม่มีในคิวนี่ครับ”
กิ่งแก้วสติจะแตกอีกคน คุมเกมไม่ได้
“ใช่ไง คิวงอกรู้จักมั้ย”
กิ่งแก้วเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
พิมภา เดินขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเสวนาที่จัดไว้ข้างๆ ฤชวี ก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้านิ่งและกล้ำกลืน
“คุณเขียนหนังสือเล่มนี้เขียนได้สนุกมากค่ะ” พิมภาถามฤชวีแล้วหันไปพูดกับคนในงาน “แล้วอยากรู้มั้ยคะว่าเจ้าของเรื่องชอบตรงไหนบ้าง เดี๋ยวฉันจะอ่านให้ฟังค่ะ”
“บ๊ะแล้วคุณลัล ไอ้พิมมันเอาจริงแล้วงานนี้ ทำไงดีล่ะ”
“ตอนนี้ลัลมึนตึ้บเลยค่ะ”
“ไอ้แนน”
“แนนก็เดาใจยัยพิมไม่ออกเหมือนกันตอนนี้”
นันทิกานต์บอกอย่างหนักใจ ทุกคนทำอะไรไม่ถูก พิมภาจ้องหน้าฤชวีนิ่ง อย่างที่ไม่มีใครเดาใจพิมภาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ตรีวิญเข้ามาหาพิมภาที่ห้องทำงาน แต่เห็นว่าฤทธิ์กับเดียร์กำลังช่วยกันเรียงเอกสารให้พิมภา แต่ไม่เห็นพิมภา
“คุณพิมล่ะครับ”
“พี่พิมไปงานเปิดตัวหนังสือของคุณฤชวีค่ะ”
“เมื่อเช้าก็ออกเรื่องเล่าเช้านี้ ต๊ายคุณตรีวิญไม่ใช่แฟนรายการพี่สรยุทธ์เหรอครับ”
ตรีวิญหน้าตึงที่โดนพูดเล่นด้วย
“แล้วเค้าจัดกันที่ไหนครับ”
ฤทธิ์หน้าเสีย พูดอะไรผิดวะ
“ที่ศูนย์การค้าใกล้ๆ นี่เองค่ะ”
สีหน้าตรีวิญมีเป้าว่าจะตามพิมภาไปให้ได้
ที่งานเปิดตัวหนังสือ พิมภากำลังเปิดหนังสือค่อยๆ ดูไปทีละหน้า แล้วฝืนยิ้ม ลัลนากับนันทิกานต์ที่ยืนใกล้ชุติภาซุบซิบกันอย่างหวั่นๆ
“ในฐานะที่เคยห้ำหั่นกับยัยพิมมานาน ขอบอกว่ารอยยิ้มนี้อันตรายมาก”
“มาก ถึงมากที่สุดเลยทีเดียว”
ชุติภาได้ยินร้อนใจ หันไปหามิ้นท์ทันที
“ยัยมิ้นท์”
มิ้น ลัลนา นันทิกานต์หน้าเสีย รู้แน่ว่าพิมภากำลังโกรธ เสียใจ แต่ข่มไว้ พิมภาเลือกช่วงหนึ่งในหนังสือมาอ่าน
“ช่วงนี้สนุกมากค่ะ นางเอกเป็นคนกุเรื่องหลอกลวงทั้งหมดขึ้นมา แล้วก็ไล่พระเอกไปให้พ้น เพราะหลงคิดว่าตัวเองเป็นตัวคุมเกม แล้วสุดท้ายก็ต้องขับรถจาก กรุงเทพไปจันทบุรี เพื่อง้อพระเอกให้กลับมาช่วยกันโกหกพ่อแม่”
พิมภาพูดด้วยเสียงเครือๆ แต่พยายามประคองทุกอย่างไว้ “พระเอกก็ร้ายนะคะ แกล้งให้นางเอกต้องง้อ ต้องขอร้องสารพัด” พิมภาหันไปมองหน้าฤชวี “แต่ผู้หญิงดื้อด้านก็ต้องโดนดัดนิสัยแบบนี้จริงมั้ยคะคุณฤชวี” พิมภาพูดแล้วถามคนในงานหน้ายิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เจื่อนมาก “ช่วงนี้ก็สนุกค่ะ พระเอกหลอกให้นางเอกทำงานบ้านสารพัด เพราะรู้ดีว่านางเอกไม่เอาถ่านเรื่องงานบ้านเลย”
“พระเอก อยากจะสอนให้นางเอกทำงานบ้านเป็นต่างหากครับ” ฤชวีพยายามจะแก้ความเข้าใจของพิมภา
“เหรอคะ แต่พระเอกก็อดขำความบื้อของนางเอกไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ นางเอกนี่ หลอกง๊าย ง่ายนะคะ” ฤชวีและทุกคนเริ่มหน้าเสียหนักกว่าเก่า “นอกจากบื้อ ดื้อด้าน นางเอกเรื่องนี้ยังงี่เง่าด้วยค่ะ นางเอกหลอกให้พระเอกช่วยจัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้จัดการบริษัทของตัวเอง เพราะหวังจะทำคะแนน พอพระเอกรู้เข้าก็ด่านางเอกสารพัด แต่ที่แสบกว่านั้น” ตอนนี้พิมภาหันไปถามคนในงานแทน “มีใครอ่านถึงตรงนี้แล้วบ้างค่ะ”
“พระเอกหลอกให้นางเอกตะโกนด่าพระเอกว่างี่เง่าค่ะ”
ผู้ร่วมงานคนหนึ่งบอกอย่างกระตือรือร้น พิมภายิ้มขำในความโง่ของตัวเอง
“ใช่ค่ะ แต่น่าสมเพชนะคะ ไอ้คำว่างี่เง่านั่นน่ะมันกลายเป็นเสียงสะท้อนกลับมากระแทกเข้าหน้านางเอกเต็มๆ ขำดีนะ”
คนฟังที่ร่วมเสวนากับพิมภายังไม่เลิก
“แต่นางเอกเค้าก็กลับตัวนี่ค่ะ ตอนที่พระเอกถามว่ารักมั้ยไงค่ะ”
“ใช่ค่ะ นางเอกคิดอยากจะกลับตัว แต่มันอาจจะสายเกินไป”
“เอาไงดีพี่กิ่ง ปล่อยไปเหรอครับ”
ทีมงานที่อยู่ข้างเวทีถามกิ่งแก้ว
“เดี๋ยวสิ พี่คิดไม่ออกเห็นมั้ยเนี่ย”
กิ่งแก้วร้อนใจแต่ทำอะไรไม่ถูก
ตรีวิญเดินเข้ามาในงานเปิดตัวหนังสือ สวนกับทีมงานกลุ่มหนึ่ง
“มีสคริปต์งอกด้วยว่ะ ตอนซ้อมไม่เห็นมีแบบนี้”
“เจ้าของเรื่องเค้าคงขอเพิ่มมามั๊ง”
ตรีวิญฟังทั้งคู่อย่างสนใจ
“เจ้าของเรื่อง”
ตรีวิญรีบเดินเข้าไปในงาน
ภายในงานขณะนั้นพิมภากำลังเล่าเหตุการณ์ในหนังสือต่อ
“พระเอกถามนางเอกว่า...” พิมภาหันไปหาฤชวี “ว่าอะไรนะคะคุณฤชวี”
ฤชวีอึ้งไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ตอบไป
“คุณรักผมบ้างรึเปล่า”
“แล้วไงต่อคะ”
ฤชวีตัดพ้ออารมณ์จริง
“นางเอกไม่ตอบครับ”
“ก็นางเอกเป็นคนปากแข็งนี่คะ มีเหรอคะที่คนปากแข็งจะยอมพูดว่ารักออกไป”
“พิม” นันทิกานต์เห็นใจพิมภา
“แต่นางเอกก็อุตส่าห์อัดเสียงตัวเองที่ร้องเพลงบอกรักใส่ไว้ในมือถือพระเอกหวังว่าวันนึงถ้าพระเอกมาเปิดเจอ คงจะได้รู้ว่านางเอกรู้สึกยังไง” พูดจบพิมภาจ้องหน้าฤชวี คนฟังที่เป็นแฟนหนังสือของฤชวีเคลิ้มปลื้ม ตรีวิญเข้ามาได้ยินที่พิมภาพูดพอดี “คุณฤชวีนี่ร้ายจังนะคะเรื่องที่เป็นส่วนตัวของพระเอกนางเอกแบบนี้ ก็เอามาเขียนด้วย”
พูดมาถึงตอนนี้พิมภาน้ำตาคลอ
“ไอ้พิมมันโกรธมากนะพี่ภัทร” นันทิกานต์บอกภัทรพล
“รู้ ดูออก”
ฤชวีรู้สึกผิด
“คุณพิม”
“ฉันชอบหนังสือของคุณนะคะ ขอลายเซ็นหน่อยสิคะ”
พิมภาเปิดหนังสือให้ฤชวีเซ็น ฤชวีทำอะไรไม่ได้จำเป็นต้องเซ็นชื่อในหนังสือ
“เจ็บว่ะ ฉันฟังยังรู้สึกเจ็บเลย”
“ยัยพิมก็คงเจ็บมาก”
“หนูพิม” ชุติภาสงสารพิมภาหันไปหามิ้นท์ “ยัยมิ้นท์ เพราะแกเลย”
“รู้ค้า รู้สึกผิดมากอยู่เนี่ยค่ะคุณย่า”
มิ้นท์พูดไป อยากจะร้องไห้ไป
บนเวทีพิมภาเก็บหนังสือแล้วก็ลุกเดินออกไป ทุกคนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ฤชวีตามพิมภาไป
พิมภาเดินน้ำตาไหลพรากออกมาจากงานถึงจะห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้แต่พิมภาก็เดินจ้ำอ้าวเหมือนกับไม่อยากให้อะไรมาหยุดพิมภาได้ ฤชวีตามมาเรียกพิมภา
“คุณพิม”
พิมภาปาดน้ำตาแล้วหันมาหาฤชวี ทำตัวเข้มแข็ง
“หนังสือคุณสนุกดีนะคะ คงจะขายดี” ฤชวีพูดอะไรไม่ถูก “ขอบคุณมากนะคะสำหรับลายเซ็น ฉันจะเก็บไว้เตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวงี่เง่าให้ถูกเอามาประจานแบบนี้อีก”
“คุณพิมมันเป็นแค่นิยายนะ”
“แต่มันก็มาจากเรื่องจริงนี่ค่ะ เรื่องจริงทุกอย่าง จริงซะจนฉันอายหน้าชาไปหมดแล้ว” พิมภาจ้องหน้าฤชวีแล้วพูดต่อ “เรื่องความงี่เง่าของฉันคุณจะประจานฉันยังไง ฉันก็แค่อาย แต่เรื่อง เรื่องความรู้สึกของฉัน ฉันไม่นึกว่าคุณจะเอามันมาเป็นเครื่องมือในการหาเงินแบบนี้” ฤชวีรู้สึกได้ว่าพิมภาน่าจะเสียใจมาก “ไงค่ะความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณมันมีคุณค่ามากพอที่จะทำให้หนังสือคุณครองตำแหน่งเบสเซลเล่อร์ได้มั๊ยคะ”
“ผมไม่ได้คิดจะใช้เรื่องของเราหาเงิน ผมแค่...” ฤชวีอยากจะบอกว่าอยากเล่าเรื่องราวที่ดีของเรา เป็นความทรงจำที่น่ารักสำหรับผม แต่พิมภาขัดขึ้นมาซะก่อน
“ฉันนึกว่าคุณอยากได้ยินฉันบอกรัก เพราะคุณ...รักฉัน ฉันไม่นึกว่าคุณอยากได้ยินเพราะจะเอาเรื่องฉันมาป่าวประกาศแบบนี้”
ฤชวีเดินเข้าหาพิมภา
“คุณพิม”
พิมภาเบี่ยงตัวหนีไม่ให้ฤชวีจับตัว
“ไม่คิดว่าคุณจะแก้แค้นฉันด้วยการประจานให้คนอ่านรู้ว่าฉันมันงี่เง่า เอาแต่ใจแค่ไหน คนอย่างฉันมันต้องโดนแบบนี้สินะถึงจะสาสม”
“คุณคิดว่าผมตั้งใจทำแบบนั้นกับคุณจริงๆ เหรอ” ฤชวีถามอย่างเสียใจ
“ที่คุณทำมันชัดเจนโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ ขอบคุณมากนะคุณต้น ที่สอนให้ฉันรู้ว่าความรักบ้าบออะไรมันไม่มีอยู่จริงหรอก และที่สำคัญ...โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้หญิงโง่ๆ แต่ฉันจะไม่ยอมโง่ซ้ำซากกับคุณอีก”
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก”
ฤชวีบอกอย่างน้อยใจ แฟนคลับหนังสือตามหาฤชวีจนเจอแล้วกรูเข้ามา กลุ่มแฟนคลับแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาคุณฤชวีที่ลงข่าวใช่ไหมคะ” แฟนคลับถาม
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ” พิมภาจ้องหน้าฤชวี “ดิฉันกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
ฤชวีนิ่งไม่ตอบแก้ใดๆ พิมภายิ่งเสียใจเดินออกไป ตรีวิญยิ้มอย่างสะใจที่ไม่ต้องทำอะไรเลยแต่พิมภากับฤชวีก็แตกกัน
อีกมุมหนึ่งของงาน ชุติภาต่อว่ามิ้นท์ที่เป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมา
“เพราะแกเลยยัยมิ้นท์คิดแผนนี้ขึ้นมาได้ยังไง”
“ก็มิ้นท์ไม่รู้นี่คะ ว่าจะมีการตัดต้นฉบับตอนท้ายเรื่องออก พี่กิ่งนั่นแหล่ะรู้แล้วทำไมไม่บอก”
กิ่งแก้วเจื่อนแล้วตอบง่ายๆ ซะงั้น
“ถือเป็นคราวเคราะห์แล้วกันเนอะ”
ทุกคนเอือม ภัทรพลเดินคุยโทรศัพท์กับพิมภาเข้ามา แล้ววางสายหันมาพูดกับทุกคน
“ไอ้พิมกลับไปที่บ้านแล้ว บอกว่ารู้สึกไม่สบาย แนน ไอ้พิมฝากให้แนนลางานให้ด้วย”
“งั้นเราก็ตามยัยพิมกลับบ้านแล้วกัน”
ทุกคนเดินออกมาแล้วชะงักที่เห็นตรีวิญ ทุกคนเห็นตรีวิญก็ทำหน้าเหม็นเบื่อทันที ตรีวิญทำเป็นตีหน้าซื่อเหมือนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“ผมรู้ว่ามีงานเปิดตัวหนังสือคุณฤชวีจากทีวีเมื่อเช้า ก็เลยจะมาแสดงความยินดีครับ”
“เจ๋อ”
ตรีวิญทำเป็นไม่ได้ยิน
“อะไรนะครับ”
“งานเลิกแล้วจะมาทำไม”
“มาช่วยเค้าเก็บงานมั้ง”
ภัทรพลมองตรีวิญอย่างไม่สบอารมณ์แล้วออกไป
“ไม่ชอบเลยว่ะ บอกตรงๆ”
ภัทรพลพูดขึ้นลอยๆ ชุติภาเดินเข้ามามองหน้าตรีวิญ
“เธอเหรอที่คิดจะแย่งหนูพิมไปจากตาต้น” ตรีวิญอึ้งแต่ก็พอจะเดาออกว่าต้องเป็นคุณย่าของฤชวี “ไม่มีทางหรอก หลานชายฉันเลิศกว่าเธอเยอะ มิ้นท์กับกิ่งพาย่ากลับบ้าน คนแถวนี้ทำย่าอารมณ์เสีย”
ทุกคนออกไปจากงาน ตรีวิญมองตามไปอย่างไม่พอใจ
ส่วนพิมภา เมื่อกลับถึงคอนโดเธอนั่งนิ่งซึมนึกถึงตอนที่ฤชวีถามว่ารักบ้างมั้ยและตอนที่พิมภาร้องเพลงอัดไว้ในมือถือ
“ฉันไม่น่าหลงกลคุณเลยคุณต้น ฉันไม่น่า...รักคุณเข้าจริงๆ ไม่น่าเลย”
คราวนี้พิมภาน้ำตาไหลพราก เก็บกลั้นไว้ไม่อยู่ ภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลา เดินมาที่ห้องพิมภา
“พ่อกับแม่รีบมาแทบแย่ ทำไมกลายเป็นแบบนี้นะไอ้ภัทร”
“พลิกล็อกน่ะสิพ่อ ถล่มทลายกลางงานเลย”
ทุกคนชะงักที่เห็นพิมภานั่งนิ่งเหมือนไม่มีหัวใจ
“เป็นไงบ้างยัยพิม”
พิมภาหันมามองหน้าแต่ไม่ตอบ
“ถามไม่คิด น้องกำลังเครียดอยู่ เป็นไงบ้างยัยพิม”
พิมมาลากับภัทรพลมองภาณุวัฒน์แบบนึกว่าจะได้เรื่องกว่า
“พอเลยทั้งคู่ พิม”
แค่ได้ยินพิมมาลาเรียกชื่อ พิมภาก็โผกอดแม่แน่น
“แม่จ๋า”
“พิมเป็นอะไรลูก”
“เขาประจานพิมลงหนังสือ พิมมันโง่เอง ต่อไปขอให้พ่อแม่จำไว้ว่าลูกสาวโง่ๆ คนนี้ตายไปแล้ว ต่อไปจะมีแต่พิมภาที่สนใจแต่การทำงานสร้างความเจริญให้กับตัวเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงพิมนะจ๊ะ”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาฟังอย่างหนักใจ
“ขออย่างเดียว ทุกคนอย่าร่วมมือกับใครมาหลอกพิมอีก” พิมภามองภาณุวัฒน์และพิมมาลาอย่างเจ็บปวด แต่แล้วก็ฝืนยิ้มให้ “พิมขอเวลาส่วนตัวนั่งทบทวนงานหน่อยได้มั้ยจ๊ะ มีหลายอย่างที่พิมยังทำค้างไว้แล้วต้องส่งมอบให้ยัยแนน ตอนที่....พิมไม่อยู่”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลามองหน้ากันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็จำใจออกไป พิมภายิ้มให้เหมือนแข็งแรงเปิดประตูให้ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาออกไป แต่พอภาณุวัฒน์กับพิมมาลาออกไป พิมภาก็ทรุดตัวลงไปกองนั่งพิงประตูอย่างหมดแรง
กิ่งแก้วเข้ามาหาฤชวีที่เอาแต่นั่งนิ่ง
“ให้กิ่งโทรไปอธิบายกับคุณพิมมั้ย ว่าต้นเขียนเรื่องนี้เพราะอยากบันทึกความทรงจำดีๆ ของต้นกับคุณพิม”
กิ่งแก้วจะหยิบโทรศัพท์
“ไม่ต้องกิ่ง คุณพิมเชื่อว่าต้นแก้แค้นเขาด้วยการประจาน แค่นี้มันก็บอกได้แล้วว่าระหว่างต้นกับคุณพิมมันไม่เหลือความไว้ใจ เชื่อใจ อะไรต่อกันอีกแล้ว” ฤชวีเจ็บปวดกับคำพูดตัวเอง “คุณพิมก็คงใจจดจ่ออยู่กับการทำงาน แล้วก็ไปประจำที่ญี่ปุ่น ในเมื่อเค้าไม่สนใจเราแล้วเราจะไปคอยสนใจเค้าทำไม ต้นเองก็มีงานทำ ต้นฉบับอื่นๆ ที่ต้นค้างอยู่ ต้นจะเคลียร์ให้กิ่งให้จบภายในสิ้นปี” กิ่งแก้วฟังแล้วนิ่ง “ไม่ดีใจเหรอ ปกติเห็นชอบทวงต้นฉบับ”
“นิยายรัก แต่คนเขียนไม่ศรัทธาในรักแล้ว คนอ่านเค้าก็คงไม่ชอบหรอกแต่ถ้าต้นอยากจะทำตัวงี่เง่า ปากไม่ตรงกับใจ ง้อมืองอเท้าไม่คิดแก้ปัญหาปรับความเข้าใจก็ตามใจนะ กิ่งไม่ว่าอะไรหรอก” ฤชวีอึ้งที่โดนเป็นชุด “ก็ถือซะว่าอย่างต้นก็ทำได้แค่นี้แหล่ะ” กิ่งแก้วมองหน้าฤชวีแล้วพูดต่อ “จะตั้งใจทำงานแล้วใช่มั๊ย เอาสิ ให้ยืมห้อง กิ่งจะออกไปหาแฟน นึกขึ้นมาได้ว่าละเลยคนรักมาพักนึงแล้ว ไปนะ”
กิ่งแก้วออกไป ฤชวีเมาหมัดของกิ่งแก้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งลงทำงาน แต่สมาธิก็ไม่อยู่กับงาน
ฤชวีพยายามพิมพ์งานแต่ใจไม่อยู่กับงาน มองไปที่หนังสือที่มีรูปพิมภา อีกด้านหนึ่งที่คอนโดพิมภา พิมภาพยายามตรวจรายงานและเอกสารต่างๆ แต่ใจก็ไม่อยู่กับงานเช่นกัน
พิมภาก้มหน้าเอามือปิดหน้าตัวเอง ฤชวีถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทั้งคู่หันหลังให้โต๊ะทำงานเพราะใจไม่อยู่กับงาน
ภัทรพลตามภาณุวัฒน์ออกมาเห็นพิมมาลานั่งรออยู่
“เป็นยังไงบ้าง”
“ทำงานเอาเป็นเอาตาย แล้วก็เอาแต่ซึม มีร้องไห้เป็นระยะด้วยนะ พ่อไม่สบายใจเลยแม่”
“ครั้งนี้ยัยพิมคงคิดจะเลิกกับคุณต้นจริงๆ นะแม่”
“ก็ปล่อยไป ยัยพิมมันหลอกตัวเองได้ไม่นานหรอก”
“แม่พูดแบบนี้ หมายความว่า”
“ถ้าได้อยู่ใกล้คุณต้น ยัยพิมก็ต้องยอมทิ้งฟอร์มแน่”
“อยู่ใกล้ ยังไงแม่”
พิมมาลายิ้ม ถึงภัทรพลจะไม่รู้ว่าพิมมาลาหมายความว่าไง แต่ก็รู้ว่าพิมมาลามีแผนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ชุติภาคุยมือถือสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้สิ ฉันจะจัดการให้”
มิ้นท์เข้ามา
“คุณย่า ให้คนไปตามมิ้นท์มา มีเรื่องอะไรคะ”
“ย่าอยากให้พี่ชายแกเลิกทำตัวเซื่องซึมสักที อยากให้แกช่วยตาต้นให้เป็นฝั่งเป็นฝา”
“คุณย่าจะให้ทำยังไงบัญชามาเลยค่า”
อ่านต่อตอนที่ 14 ตอนอวสาน พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.