หยกเลือดมังกร ตอนที่ 13
ในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งดุจแพรเอาเสื้อที่เลือกไว้มาให้พนักงานคิดราคา แล้วแกล้งทำเป็นกระเป๋าตังค์หาย
“กระเป๋าตังค์ฉัน...หายไปไหนล่ะเนี่ย”
อู๊ดดี้ตามน้ำทันที
“กระเป๋าตังค์หายเหรอ”
“ไม่รู้ไปทำตกตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เราจ่ายให้ก็ได้”
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอกอู๊ดดี้...แต่บัตรสำคัญๆในนั้นน่ะสิ”
ดุจแพรทำเป็นหน้าเสียเพื่อให้พวกลูกน้องป๋าหันมาสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น อู๊ดดี้รีบทำตามแผนเดินเข้าไปสั่งพวกนั้น
“ได้ยินกันแล้วใช่มั้ย...คุณหนูของพวกแกทำกระเป๋าตังค์หาย จะมัวมายืนบื้ออยู่ทำไม ไปช่วยกันตามหาสิ”
พวกลูกน้องหลงเชื่อพากันเดินย้อนกลับไป อู๊ดดี้มองตามแล้วยิ้มชอบใจ
“เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วจ้ะลูกปลาน้อย”
อู๊ดดี้หันมายิ้มชอบใจแต่กลับไม่เจอดุจแพรซะแล้ว
“อ้าว...ลูกปลาน้อย...ไปไหนแล้วล่ะ”
ดุจแพรรีบเดินมาตามทางเดินในห้าง มือก็พยายามกดโทรศัพท์โทรออกหาหยกตลอดเวลา
“รับสินายหยก...รับโทรศัพท์ฉันเดี๋ยวนี้”
หยกนั่งให้กิ่งเหมยใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสใบหน้า ส่วนอีกข้างก็ใช้ดินสอร่างภาพใบของเขาหน้าหยกลงบนกระดาษ แต่เสียงโทรศัพท์ของหยกดังรบกวน
“รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้นะหยก”
“แป๊บนึงนะ”
หยกเอาโทรศัพท์มาดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์ของดุจแพรก็ส่ายหน้ากดตัดสายไม่ยอมรับ
“วาดรูปต่อเถอะกิ่งเหมย”
“แล้วใครโทรมาล่ะ ทำไมไม่รับ”
“พวกโทรผิดเบอร์น่ะ”
หยกจับมือกิ่งเหมยมาสัมผัสที่หน้าเขาอีกครั้งแล้วบอกให้เธอตั้งใจ
“ตั้งใจวาดรูปฉันให้ออกมาดีๆล่ะ อย่าให้ออกมาเหมือนลิงเด็ดขาด ไม่งั้นล่ะก็...”
“กลัวตายแล้ว...ไอ้หน้าลิงจั๊กๆ”
กิ่งเหมยแอบขำหยกมีความสุข
ดุจแพรหงุดหงิดที่หยกไม่ยอมรับสาย
“นายหยก...ตาบ้า...กล้าตัดสายฉันเหรอ”
ดุจแพรหัวเสียได้ครู่ระหว่างนั้นลูกน้องตงเดินเข้ามาเห็น ทำเอาเธอตกใจหน้าเสีย
“แย่แล้ว...ความแตก”
ดุจแพรรีบถอยหลังจะหนี แต่ก็เจออู๊ดดี้เดินหน้าตาไม่พอใจเข้ามา
“เธอหลอกใช้ฉัน...เธอเหยียบย่ำหัวใจฉัน”
ดุจแพรไม่อยู่ฟังอู๊ดดี้พร่ำรำพันรีบวิ่งหนีทันที พวกลูกน้องรีบวิ่งตาม อู๊ดดี้รีบตามอีกทาง
กิ่งเหมยลองวาดภาพจนเสร็จ แต่รู้สึกว่าภาพต้องออกมาไม่ดีแน่ๆเลยคิดจะดึงกระดาษออกจากเฟรม หยกห้ามไว้
“เดี๋ยวสิกิ่งเหมย...อย่าทำอย่างนี้สิ”
“ฉันทำไม่ได้หรอกหยก ฉันมองไม่เห็นแล้วฉันวาดรูปออกมาได้ยังไง”
“แต่ฉันบอกเธอแล้วไง ถ้าบนโลกนี้มีคนทำได้ เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน”
“แต่ว่า...”
“ให้ฉันดูนะ...ฉันจะได้ช่วยบอกได้ว่าเป็นยังไง”
กิ่งเหมยนิ่งไปก่อนจะยอมให้เขาขยับเข้ามาดูรูปที่เธอพยายามวาด
“เป็นยังไง...มันไม่ดีเลยใช่มั้ย ฉันบอกแล้วว่าฉันทำไม่ได้หรอก”
“มันไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ได้แย่นะกิ่งเหมย”
“เธอไม่ต้องพูดปลอบใจฉันหรอก”
“เธอมองไม่เห็นนะกิ่งเหมย ถ้าฉันจะโกหกเธอ ฉันก็ทำได้ แต่ที่ฉันไม่ทำเพราะมันไม่ได้ แย่อย่างที่เธอคิดจริงๆ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ...ครั้งแรกเธอทำได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว ถ้าเธอฝึกต่อไปเรื่อยๆ พอเธอวาดได้สวย แล้วฉันจะพาเธอไปออกงานวัด รับรองเรารวยอื้อซ่าแน่”
“ไอ้บ้าหยก!”
กิ่งเหมยหันไปคว้าดินสอกับถ่านวาดรูปปาใส่ หยกยื้อแย่งออกจากมือแล้วรวบเธอมากอดเอาไว้แน่น
“นี่...ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อยหรอก ขืนปล่อยเธอก็เล่นงานฉันน่ะสิ”
“ฉันมองไม่เห็นแล้วฉันจะทำอะไรเธอได้ มีแต่เธอนั่นแหละที่จะรังแกฉัน”
“ฉันรังแกเธอน่ะไม่แปลกหรอก เพราะฉันทำบ่อยๆจนเป็นนิสัยอยู่แล้ว แบบนี้ไง”
หยกรวบกิ่งเหมยมากอดแน่นแล้วขโมยหอมแก้มซ้ายทีขวาที
“ไอ้บ้าหยก...ลามก...ทะลึ่ง...หยุดนะ”
หยกไม่หยุดกลับยิ่งระดมหอมแล้วยังจุ๊บที่ปากอีกทำเอากิ่งเหมยชะงัก
“บ้า...นี่จูบเลยเหรอ”
“ไม่ได้เหรอ”
“ขโมยจูบแบบนี้ฉันไม่ชอบ”
“งั้นไม่ขโมยก็ได้...แต่ขอตรงๆเลย...ขอจูบได้มั้ย”
“นี่จะบ้าเหรอ”
“เอ้า...ขโมยก็ว่า ขอตรงๆก็ว่า เธอไม่รักฉันเหรอกิ่งเหมย”
“ฉันหัวโบราณย่ะ...อยากได้ง่ายๆก็ไปหาคนที่ให้เธอง่ายๆเถอะย่ะ...เชอะ”
กิ่งเหมยสะบัดหน้าหันหลังให้แล้วกอดอกอมยิ้มแกล้งเขา หยกทำหน้าเซ็งได้ครู่เดียวโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกเขาดู เบอร์เห็นเป็นดุจแพรก็นิ่งไปทำท่าจะไม่รับ
“รับเถอะหยก...คนที่โทรหาเธอเขาคงมีเรื่องสำคัญกับเธอจริงๆ”
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะ”
หยกถือโทรศัพท์เดินเลี่ยงออกไป กิ่งเหมยมองตามเสียงอย่างสงสัยว่าใครโทรหาหยก
ดุจแพรหนีมาหลบที่หลังรถที่จอดอยู่ในลานจอด มือก็กำโทรศัพท์คุยกับหยก
“นายหยก...นายต้องมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันโดนป๋าจับกลับไปขังลืมแน่”
“มันเป็นปัญหาของคุณกับเสี่ย อย่าเอาคนนอกอย่างผมเข้าไปยุ่งเลย”
“แต่นายไม่ใช่คนนอกแล้ว นายล่วงเกินฉันแล้ว นายต้องรับผิดชอบสิ”
หยกอึ้ง
“ห๊า !ผมเนี่ยนะล่วงเกินคุณ”
“ใช่...นายจูบฉัน ถ้าป๋ารู้เรื่อง ป๋าเอาเรื่องนายถึงตายแน่”
“คุณหนู !...ไอ้เรื่องจูบนั่นคุณเป็นคนดึงผมไปจูบเองนะ”
หยกพูดไปอย่างโมโหโดยไม่รู้ตัวว่ากิ่งเหมยเดินเข้ามาฟังเต็มๆพอดี กิ่งเหมยถึงกับอึ้งไป
“ก็ฉันรักนาย...ได้ยินมั้ย...ฉันรักนาย ถ้านายไม่ช่วยฉัน เราจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก”
“คุณหนู...คุณเป็นผู้หญิงนะ มาเที่ยวบอกรักผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ ก็ในเมื่อฉันรักนายจริงๆ”
ดุจแพรพูดไปไม่ทันขาดคำ อู๊ดดี้ก็ยื่นมือมาแย่งโทรศัพท์ของดุจแพรออกจากมือ อู๊ดดี้จิกหน้าโมโหโกรธมากๆ
“ครั้งนี้เธอทำกับฉันเกินไปแล้ว!”
หยกถือโทรศัพท์กลับมาที่เดิมเห็นกิ่งเหมยยืนหันหลังให้
“ใครโทรมาเหรอ”
“คุณแพรต้องการให้ฉันไปพบ เธอมีเรื่องอยากให้ผมช่วย”
“แล้วทำไมเธอไม่ไปล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก”
“คุณแพรโทรตามเธอหลายครั้งแล้ว...เขาต้องมีเรื่องสำคัญแน่ เธอรีบไปหาเขาเถอะ”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกหยก...คุณแพรเป็นพี่น้องของฉัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วฉันช่วยไม่ได้ ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเอง”
“กิ่งเหมย”
“ไปเถอะหยก...แล้วอย่าเพิ่งบอกคุณแพรเรื่องที่ฉันกับเธอเป็นพี่น้องกันล่ะ”
“ได้...ฉันจะรีบไปรีบมา”
หยกเดินออกไป กิ่งเหมยน้ำตาไหลออกมาแต่ไม่ยอมหันไปให้หยกเห็น
อู๊ดดี้ลากดุจแพรเข้ามาที่รถพยายามใช้กำลังกับดุจแพร
“ปล่อยฉันนะอู๊ดดี้...ฉันเจ็บนะ”
“แค่นี้มันไม่เจ็บหรอก ที่เธอทำฉันมันเจ็บมากกว่าอีก”
“ฉันทำอะไรเธอ”
“ก็ไอ้ที่เธอหลอกปั่นหัวฉันไง เธอก็รู้ว่าฉันคิดกับเธอยังไง สู้ทำดีกับเธอสารพัด ตามใจ ทุกอย่าง แต่เธอก็เห็นฉันเป็นแค่ไอ้โง่คนนึง...เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงลูกปลาน้อย”
“หุบปากเลยอู๊ดดี้...ที่ฉันรับเธอไม่ได้สุดๆก็เพราะเกลียดไอ้ชื่อลูกปลาน้อยที่เธอเรียกฉัน อยู่นี่แหละ ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก...เข้าใจมั้ย”
ดุจแพรกระทืบเท้าอู๊ดดี้ตอนที่กำลังเหวอเพราะถูกด่า แถมยังโดนดุจแพรเอาสองนิ้วจิ้มลูกตา อู๊ดดี้ร้องลั่น เซไปเซมาเพราะแสบตามองไม่เห็น ระหว่างนั้นลูกน้องตงตามเข้ามาเห็นพอดี
“คุณหนู!”
“โธ่เอ้ย...ตามไม่เลิกซะที”
ดุจแพรรีบหนีต่อทันที พวกลูกน้องรีบวิ่งตาม ทิ้งอู๊ดดี้นอนเจ็บ
ดุจแพรวิ่งหนีลูกน้องพ่อมาตามทางในห้าง พวกนั้นพยายามไล่ตามเธออย่างกระฉันชิด เธอรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนชนผู้คนล้มจนดูวุ่นวาย พวกลูกน้องพ่อก็ยังตามมาไม่หยุด ดุจแพรวิ่งมาจนไม่รู้จะหนีไปทางไหนแล้ว ระหว่างนั้นมีมือหนึ่งเข้ามาจับไหล่ เธอหันไปเห็นว่าเป็นหยก
“หยก!”
“ชู่ว์...มานี่ ถ้าพวกนั้นเห็นว่าผมมาช่วยคุณ ผมโดนเสี่ยเล่นงานแน่ๆ”
หยกรีบดึงดุจแพรพาเดินออกไปท่ามกลางผู้คน โดยที่พวกลูกน้องตงที่ตามเข้ามาไม่ทันสังเกต
อ่างกับสลึงกำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ในร้าน
“ไอ้อ่าง...สตาร์ทเครื่องหน่อยเด่ะ ข้าจะดูท่อไอเสียหน่อย” สลึงหันไปบอก
อ่างเสียบกุญแจบิดคันเร่ง...บรื้นๆๆ ควันจากท่อไอ้เสียมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าใส่หน้าสลึงเต็มๆ
“เฮ้ย...นี่เอ็งแกล้งข้าเหรอวะ”
“แกล้งที่ไหน...ก็เอ็งให้ข้าสตาร์ทเครื่องเองนี่หว่า”
“งั้นเอ็งมาดู เดี๋ยวข้าสตาร์ทเครื่องเอง”
“ก็ได้”
อ่างเข้าไปดูที่ท่อไอเสีย สลึงกะแกล้งมั่งเลยสตาร์ทเครื่องบิดคันเร่งๆแรงๆ...บรื้นๆๆ แต่ไม่มีควันดำพวยพุ่งออกมา อ่างยิ้มพอใจ
“ก็ใช้ได้แล้วนี่หว่า”
“อะไรวะ...ทำไมเมื่อกี้มันพุ่งใส่หน้าข้า ไหนเอ็งหลบไป ข้าดูเอง”
สลึงดันอ่างให้หลบไปแล้วเข้าไปดูที่ท่อไอเสียใหม่ คราวนี้เครื่องดันดัง...ปุ้ง! ควันดำพุ่งใส่หน้าสลึงเต็มๆ
“ฮ่าๆๆ...สงสัยไอ้แมงกะไซค์คันนี้มันจะชอบเอ็งเข้าให้แล้วว่ะ...ฮ่าๆๆ”
สลึงหงุดหงิดอารมณ์เสีย ระหว่างนั้นคมทวนเข้ามา
“พวกเอ็งว่างมากเหรอไงวะ ถึงได้เอาเขม่ามาทาหน้าเล่น”
“ใช่เลยพี่คมทวน ไอ้สลึงมันว่างมากมันเลยเอาเขม่ามาทาหน้าเล่น”
สลึงด่า
“ไอ้เวรอ่าง...เดี๋ยวเอ็งโดน”
คมทวนรีบห้าม
“พอๆๆ ข้าไม่ได้มานั่งดูพวกเอ็งเถียงกัน ข้าจะมายืมเครื่องมือไปซ่อมรถเว้ย”
“งั้นรอเดี๋ยวนะพี่”
อ่างเดินเข้าไปด้านใน คมทวนนั่งรอ สลึงหาผ้ามาเช็ดคราบเขม่าที่หน้าไม่ได้เลยจะคว้าหนังสือพิมพ์บนโต๊ะมา เช็ดหน้า แต่คมทวนแย่งไปก่อน
“หนังสือพิมพ์วันนี้ใช่มั้ย...ข้ายังไม่อ่านเลย ให้ข้าอ่านก่อน”
“ตามสบายเลยจ้ะพี่”
คมทวนเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูข่าวที่พาดหัวอยู่หน้าหนึ่งพบข่าวหนึ่งที่น่าสนใจเพราะเป็นข่าวเกี่ยวกับเจ้าสัวเล้งที่พาดหัวว่า...
“เจ้าสัวชื่อดังถูกลอบยิงกลางดึก อาการสาหัส คาดปมขัดแย้งทางธุรกิจ”
คมทวนพิจารณาดูภาพถ่ายของเจ้าสัวเล้งที่ถูกนำขึ้นมาประกอบข่าวก็จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่หยกช่วยชีวิตไว้ และพาไปส่งโรงพยาบาลด้วยกันพออ่านชื่อที่ประกอบอยู่ในข่าวก็ยิ่งสงสัย
“เจ้าสัวเล้ง มังกรวารี...ทำไมชื่อนี้คุ้นๆจังวะ”
คมทวนครุ่นคิดพยายามนึกก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบลุกออกไปจากร้านทันที
“อ้าว...จะรีบไปไหนน่ะพี่คมทวน...อะไรของเขาวะ”
สลึงมองตามงงๆ
คมทวนกลับเข้ามาที่บ้านแล้วเอากล่องที่เก็บหยกเลือดมังกรของหยกออกดูก่อนจะนึกไปถึงอดีต...ค่ำคืนนั้น คมทวนอยู่ในชุดดำไว้ทุกข์นั่งกระดกขวดเหล้าอยู่หน้าภาพถ่ายจากงานศพของพราวแสง กระดกไปเกินครึ่งขวด ก็เริ่มเมากึ่ม ลุกพรวดค้นข้าวของในบ้านรื้อกระจุยกระจาย อ่างกับสลึงอยู่ในชุดดำไว้ทุกข์เหมือนกันทั้งคู่เดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“พี่คมทวน...นั่นพี่ทำอะไร” สลึงถามอย่างสงสัย
“พวกเอ็งอย่ามายุ่ง...ถอยไป”
“แต่พี่รื้อข้าวของเสียงดังแบบนี้ เดี๋ยวไอ้หยกมันก็ตกใจตื่นขึ้นมาร้องไห้กระจองอแงอีก กว่าพวกฉันจะปลอบไม่ให้มันร้องไห้คิดถึงแม่ก็เล่นเอาปากเปื่อยแล้วนะพี่” อ่างบ่น
คมทวนมุ่งมั่น
“แต่ข้าอยากรู้ว่าพ่อของไอ้หยกเป็นใคร”
สลึงมองหน้าคมทวน
“ก็ไหนตอนที่พราวแสงยังไม่ตาย พี่บอกไม่สนใจอยากรู้ไง”
“นั่นเพราะข้าไม่อยากไปซ้ำเติมความเจ็บปวดของพราวแสง แต่ตอนนี้พราวแสงตายไป แล้ว มันก็ถึงเวลาที่ข้าควรจะรู้”
“รู้ไปเพื่ออะไรล่ะพี่...หรือว่าพี่ไม่คิดจะเลี้ยงไอ้หยกเลยจะเอาไปคืนพ่อที่แท้จริง”
“ข้าไม่มีวันยกไอ้หยกให้ใคร เพราะข้ารักมันเหมือนลูกข้า แต่ที่ข้าอยากรู้ว่าพ่อมันเป็น ใครเพราะข้าอยากไปดูหน้าไอ้ผู้ชายเลวๆที่ทำลายชีวิตพราวแสง ข้าอยากไปกระทืบมัน ให้ตายคาตีน”
คมทวนหันไปรื้อข้าวของตามตู้ ตามชั้นที่มีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของพราวแสงอยู่
“ข้าว่าพราวแสงต้องเก็บของอะไรที่เกี่ยวกับมันไว้แน่ๆ...ข้าต้องหาให้เจอ”
คมทวนรื้อค้นทุกอย่างจนเลอะเทอะไปหมด อ่างเข้าช่วย
“งั้นพวกฉันช่วยหาแล้วกันนะพี่”
วันต่อมา...บ้านถูกรื้อกระจายแต่ก็ยังไม่พบเจออะไร สลึงบ่นๆ
“หาจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยพี่”
อ่างหันมาบอก
“นั่นสิพี่...ของที่พราวแสงมีติดตัวมาหาพี่ฉันว่าก็คงมีแต่หยกสีแดงหักๆอันนั้นอันเดียว แล้วล่ะ”
“ข้าไม่เชื่อ...ข้าอยู่กับพราวแสงมา ข้ารู้ว่าพราวแสงยังคิดถึงไอ้หมอนั่นอยู่”
คมทวนพูดไปก็หันไปเห็นกล่องเก็บของเก่าๆใบหนึ่งวางอยู่เหนือตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเอาลงมาแล้วเปิดดูพบว่า ในกล่องมีภาพข่าวที่ตัดจากหนังสือพิมพ์ เป็นภาพของเจ้าสัวเล้งในชุดสูทที่ได้รับรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยม ระบุชื่อว่า เล้ง มังกรวารี เจ้าสัวหนุ่มนักธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรง คว้ารางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยมแห่งปี
คมทวนเข้ามาบริเวณท่าเรือโดยมีอ่างกับสลึงตามมาด้วย
“เดี๋ยวสิพี่คมทวน...กับไอ้แค่รูปจากหนังสือพิมพ์ใบเดียว ฉันว่าบางมีพราวแสงอาจจะแค่ เห็นหล่อดีเลยตัดเก็บไว้ดูก็ได้” สลึงสงสัย
อ่างเขกกะโหลกทันที
“ไอ้ฟายเอ้ย...อย่างพราวแสงเนี่ยนะจะเที่ยวตัดรูปผู้ชายจากหนังสือ พิมพ์มาเก็บไว้ดู ข้าว่ามันต้องใช่อย่างที่พี่คมทวนสงสัยแน่ๆ”
“เฮ้ย...พวกเอ็งเงียบๆก่อน”
คมทวนหันมาเอ็ดสองคนให้เงียบก่อน เพราะรถของเจ้าสัวเล้งขับเข้ามาจอดที่หน้าโกดังโดยมีนนท์ออกมารอรับ อ่างหน้าตื่น
“โห...รถคันเบ้อเริ่ม รวยเว่อร์ขนาดนี้ พราวแสงมันคิดอะไรของมันวะ ถึงอุ้มท้องหนีมา คว้านักมวยตกอับอย่างพี่”
คมทวน หันมามองหน้าอ่างอย่างไม่พอใจ
“ชะอุ๋ย...ขอโทษจ้ะพี่...ฉันก็พูดเรื่อยเปื่อย”
อ่างตบปากตัวเอง คมทวนไล่
“พวกเอ็งกลับไปได้แล้ว”
สลึงชะงัก
“อ้าว...ทำไมล่ะพี่”
“นี่เป็นเรื่องของข้ากับพราวแสง พวกเอ็งไม่เกี่ยว”
“แต่ว่า...”
อ่างจะแย้ง คมทวนเสียงแข็งใส่
“ข้าบอกให้กลับไปไง...กลับไปดูไอ้หยกให้ข้า...ไป!”
คมทวนไล่ตะเพิด อ่างกับสลึงเลยเดินคอตกออกไป คมทวนมองไปที่โกดังอย่างสงสัย
คมทวนแอบลักลอบเข้ามาภายในโกดัง จนได้เห็นเจ้าสัวเล้งที่กำลังอยู่กับชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ถูกลูกน้อง เจ้าสัวเล้งจับตัวมาได้แล้วมัดติดกับเก้าอี้ในสภาพโดนซ้อมมาอย่างสะบักสะบอม
“มันยอมสารภาพแล้วเหรอ”
“ครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวมองเขม็งแล้วเข้าไปจิกหัวขึ้น
“ที่ลื้อพยายามลอบฆ่าอั้วเพราะคำสั่งของไอ้โหงวใช่มั้ย”
มือปืนหวาดกลัว
“ชะ...ใช่...ใช่ครับเจ้าสัว ผมเจอเฮียโหงวในคุก เขาบอกว่าถ้าผมพ้นโทษมาแล้วสามารถ ฆ่าเจ้าสัวได้เขาจะมีรางวัลให้”
“ไอ้โหงว! ขนาดส่งมันไปอยู่ในคุกแล้ว มันยังไม่หมดพิษสง”
เจ้าสัวเล้งเจ็บใจชักปืนออกมาแล้วเล็งไปที่มือปืนทันที มือปืนหน้าเสีย
“ลื้อคิดผิดแล้วที่ไปเชื่อคำพูดของไอ้จิ้งจอกเฒ่าอย่างมัน”
เปรี้ยง ! เจ้าสัวลั่นไกเข้าแสกหน้ามันทันทีจนตายคาที่อย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี คมทวนที่แอบดูอยู่ถึงกับตกใจที่มาเห็นเหตุการณ์แบบนี้เข้า
“ส่งคนของเราเข้าไปในคุก ไปจัดการไอ้โหงว แต่ไม่ต้องให้ถึงตาย ฉันต้องการให้มันเจ็บ ปวดทรมานอยู่ในคุก ให้มันรู้สึกว่าอยากตายแต่ตายไม่ได้ จะได้สาสมกับที่มันฆ่าพราวแสงของฉัน”
“ครับเสี่ย”
นนท์เดินออกไป เล้งมองศพมือปืนที่เพิ่งยิงไปหน้าตายังเจ็บปวดไม่หาย
“พราวแสง...ไอ้พวกที่มันฆ่าเธอ มันจะต้องเจ็บปวดกว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
คมทวนได้ยินเจ้าสัวเล้งพูดถึงพราวแสงก็ชัดเจนแล้วว่าเจ้าสัวกับพราวแสงมีความเกี่ยวข้องกัน
คมทวนกำหยกในมือไว้แน่นหลังจากที่นึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ ภาพหยกช่วยเจ้าสัวเล้งจากการถูกไล่ยิงพยุงมาจนเจอเขาให้ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลแว่บเข้ามา คมทวนมั่นใจ
“ใช่ไอ้หมอนั่นจริงๆ...ไอ้หยก ทำไม...ทำไมฟ้าถึงลิขิตให้ชีวิตเอ็งต้องมาเจอกับมันด้วย”
คมทวนหนักใจ รีบเก็บหยกเลือดมังกรคืนที่เดิมแล้วปิดอย่างแน่นหนา
หยกผลักดุจแพรเข้ามาในที่พัก
“ฉันเจ็บนะ...เบากับฉันหน่อยไม่ได้เหรอไง”
“ทำไมถึงชอบหาเรื่องเดือดร้อนอยู่เรื่อย ผมไม่ได้ว่างต้องมาคอยตามคุณตลอดเวลา”
“นี่นายหาว่าฉันหาเรื่องเองเหรอ นายก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันต้องเสียใจมากแค่ไหน นายก็รู้”
“แต่ปัญหาของคุณหนูมันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ยังมีคนอื่นที่เขาเจอปัญหาหนักกว่าอีกตั้งเยอะ”
ดุจแพรไม่พอใจเข้าไปตบหน้าหยกทันที...เพี๊ยะ ! ส่วนตัวเองก็น้ำตาคลอเสียใจ
“หยุดว่าฉันซะทีได้มั้ยหยก...ฮือๆๆ...ใช่...ฉันไม่เถียงหรอกว่าปัญหาของฉันมันอาจจะเล็ก น้อยสำหรับคนที่ต้องเจอเรื่องร้ายแรงกว่า...ฮือๆๆ ถ้าฉันเป็นคนแข็งแกร่งแบบนั้นได้ ฉันก็อยากจะเป็น ฉันจะได้ตัดใจจากนายได้ ไม่ต้องมาหวังพึ่งคนเดียวที่ฉันเห็นว่าเขา ช่วยฉันได้หรอก”
ดุจแพรร้องไห้เสียใจจนดูน่าสงสาร หยกได้แต่ยืนอึ้งไป ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเข้ามา
“หยก”
“กิ่งเหมย...ฉันนึกว่าเธอกลับไปแล้ว”
ดุจแพรรีบเช็ดน้ำตา
“กิ่งเหมย...ฉันไม่รู้ว่าเธอกับหยกอยู่ด้วยกัน ฉันขอโทษนะ...ฉันไปเองก็ได้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแพร...ฉันอยากคุยกับคุณ”
“คุยกับฉันเหรอ”
“ค่ะ...หยก...นายไปที่อื่นก่อนได้มั้ย...ฉันขอล่ะ”
“ก็ได้”
หยกยอมปล่อยให้ดุจแพรอยู่กับกิ่งเหมยตามลำพัง กิ่งเหมยหันมาที่ดุจแพรแล้วยิ้มน้อยๆให้ ดุจแพรเริ่มสงสัยว่า ทำไมกิ่งเหมยถึงถือไม้เท้าอย่างที่คนตาบอดใช้อยู่ในมือ
“กิ่งเหมย...ทำไมเธอต้องถือไม้เท้าด้วย”
บริเวณดาดฟ้า...กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าเดินออกมา ดุจแพรได้แต่ยืนอึ้งตะลึงตกใจ
“กิ่งเหมย...นี่...นี่เธอ...เธอ…”
“ค่ะคุณแพร...ตอนนี้ฉันมองอะไรไม่เห็นแล้ว เพราะโรคกรรมพันธุ์ที่ฉันได้มาจากแม่”
“กิ่งเหมย!”
ดุจแพรสงสารกิ่งเหมยเป็นอย่างมากปรี่เข้าไปดึงเธอมากอด
“ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ทำไมถึงไม่เล่าให้ฉันฟังเลย ฉันจะได้หาทางช่วยเธอ”
“ฉันไม่อยากให้เรื่องของฉันเป็นภาระให้ใครหรอกค่ะคุณแพร”
“แต่ฉันเป็นเพื่อนเธอนะ ถ้าฉันช่วยเธอไม่ได้ ฉันก็ไม่ควรมาให้เธอเห็นหน้าอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณแพร แต่ปัญหาของฉันมันแก้ไขไม่ได้แล้ว น้ำตาของความเสียใจของฉัน มันหมดไปแล้ว ตอนนี้ฉันยินดียอมรับและอยู่กับความเป็นจริงแล้วค่ะ”
“โธ่กิ่งเหมย” ดุจแพรสงสารแล้วกุมมือแน่น “แต่เรื่องที่พ่อฉันทำร้ายเธอกับอาม่า ฉันจะไม่ปล่อย ให้มันผ่านไปเด็ดขาด บอกฉันมาเถอะนะว่าพ่อทำร้ายเธอทำไม ฉันจะได้เอาเขาเข้าคุก”
“คุณแพร!” กิ่งเหมยตกใจเมื่อดุจแพรพูดอย่างนั้น
อาม่าไหว้เจ้าอยู่พอหันกลับมาอีกทีก็ต้องตกใจที่เจอตงยืนยิ้มร้ายอยู่ข้างหลัง
“อาเสี่ย!”
“ไม่ต้องตกใจไปหรอก...อาม่า !! หึๆๆ อั้วไม่ได้มาลากคอลื้อไปแก้แค้นหรอก”
“แล้ว...แล้วลื้อมา...มาทำไม”
“ดุจแพรลูกสาวอั้วก่อเรื่องให้ต้องปวดหัวอีกแล้ว อั้วคิดว่าคงจะมาอยู่แถวๆนี้”
“อั้วไม่รู้เรื่อง...อั้วไม่เคยยุ่งกับลูกสาวลื้อ”
“อั้วรู้...ลูกสาวอั้วคนนี้อั้วรู้จักนิสัยดี ที่อั้วมาก็ไม่ได้จะว่าลื้อเรื่องดุจแพร แต่มาเพราะ อยากให้ลื้อรับปากเรื่องนึงกับอั้ว”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องในอดีตของอั้วกับเรื่องที่กิ่งเหมยเป็นลูกสาวของอั้วอีกคนไง อั้วไม่อยากให้ดุจแพร รู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“ถ้าลื้อห่วงเรื่องนั้น ลื้อสบายใจได้เลยอาเสี่ย อั้วกับอาเหมยไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้ให้ ใครรู้ เพราะอั้วไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับลื้อ”
“แน่ใจนะ” ตงเข้าไปจับคอเสื้อดึงมาจ้องหน้า “อาม่า!”
อาม่าตกใจหน้าเสียกลัวความร้ายกาจของตง
“แน่...แน่ใจสิอาเสี่ย...พวกอั้วแค่อยากอยู่ กันตามลำพัง ไม่อยากต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีก”
“งั้นก็ดี...จำที่ลื้อพูดไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
ตงผลักอาม่าจนเซก่อนจะพากันออกไปจากศาลเจ้า อาม่าขาสั่นมือสั่นจนแทบจะเป็นลม
ดุจแพรตกใจ เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
“จริงเหรอกิ่งเหมย...เธอไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ย”
“ฉันพูดความจริง อาม่าของฉันทำให้แม่ของเธอตาย พ่อของเธอก็เลยอยากแก้แค้น”
“ทำไม...ฉันไม่เข้าใจ”
“มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คุณแพร...” กิ่งเหมยคุกเข่าลง “ฉันขอโทษแทนอาม่า ของฉันด้วย ยกโทษให้อาม่าเถอะนะ”
“ไม่นะกิ่งเหมย อย่าทำอย่างนี้ ลุกขึ้นเถอะ”
ดุจแพรช่วยพยุงกิ่งเหมยให้ลุกขึ้น เวลานี้เธอเต็มไปด้วยความสับสน
“คุณควรจะเลิกโกรธพ่อคุณได้แล้ว พวกฉันต่างหากที่ผิด ที่พรากแม่ของคุณไป เวลานี้ ถ้าฉันทดแทนอะไรให้คุณได้ ก็ขอให้ฉันทำเถอะ”
“ไม่...ฉันไม่ขอให้เธอทำอะไรให้ฉันทั้งนั้น ลำพังที่เธอต้องมาเป็นแบบนี้ ฉันควรจะต้อง สงสารเธอมากกว่า มิน่าล่ะหยกถึงได้พยายามบอกฉันว่ามีคนอื่นที่กำลังเจอปัญหาหนัก หนาสาหัสกว่าฉัน คนนั้นก็คือเธอ”
“คุณแพรคะ...หยกเป็นเพื่อนฉันมาตั้งแต่เล็กๆ พอเห็นฉันเป็นแบบนี้ เขาก็ต้องห่วงเพื่อน เป็นธรรมดา ทั้งๆที่จริงแล้วเขาอยากปลอบใจคุณ อยากอยู่ข้างๆคุณ”
ดุจแพรชะงัก
“จริงเหรอกิ่งเหมย”
“จริงสิคะ...ฉันจะบอกความลับที่รู้กันแค่เราสองคนนะคะ”
กิ่งเหมยจับมือดุจแพรมาบีบเบาๆแต่หัวใจนั้นกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้สุดๆ
“หยกเขาบอกฉันว่า...เขารักคุณค่ะ...คุณแพร”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 13 (ต่อ)
หยกนั่งกินบะหมี่อยู่กับอ่างและสลึง ในร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ สองน้ามีท่าทีเอร็ดอร่อยคีบเส้นเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“อร่อยมั้ยน้า”
“ของฟรีมีไม่อร่อยด้วยเหรอวะ ขอบใจเอ็งมากนะ...” อ่างเงยหน้ามองหยก “ว่าแต่เอ็งปล่อยให้กิ่งเหมยอยู่กับ คุณหนูเอาแต่ใจนั่นตามลำพัง จะดีเหรอวะ”
“ทำไมล่ะน้า”
สลึงเหล่มอง
“นี่เอ็งอย่ามาทำซื่อหน่อยเลย”
หยกงงๆ
“ซื่ออะไรล่ะน้าก็กิ่งเหมยบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกันตามลำพัง”
อ่างตบเข่าฉาด
“บ๊ะ...นั่นประไร ข้าว่ากิ่งเหมยของเราคงแผลงฤทธิ์แน่ๆ”
หยกไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวๆ...แผลงฤทธิ์อะไรของน้า”
สลึงถอนใจ
“โธ่เอ้ย...ไอ้พระเอก เอ็งปล่อยให้ผู้หญิงสองคนที่รักผู้ชายคนเดียวกันอยู่ด้วยกันน่ะ เอ็งไม่ รู้เหรอไงว่ามันก็เหมือนกับเอ็งเอาปลากัดสองตัวไปไว้ในโหลเดียวกัน”
“ช่าย...ป่านนี้คงกัดกันถลอกปอกเปิดไปแล้ว ฮ่าๆ”
อ่างหัวเราะ หยกฟังไปแล้วนิ่งคิด รู้สึกเป็นห่วงกิ่งเหมยขึ้นมา
กิ่งเหมยหันหลังให้ดุจแพร น้ำตาคลอกลั้นใจพูดไม่ให้ดุจแพรจับอาการได้
“ฉันรู้จักหยกมาตลอดชีวิตของฉัน เขาเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ ท่าทีที่เขาแสดงออกมา มักตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดเสมอ”
“มิน่า ถึงได้ดูเป็นคนชอบกวนประสาทอยู่ตลอดเวลา”
“ค่ะ...บางทีก็ปากร้ายแต่จิตใจของเขาอ่อนโยนมาก”
“แล้วทำไมเขาถึงบอกเธอว่าเขา...เอ่อ...”
“ชอบคุณน่ะเหรอคะ”
ดุจแพรพยักหน้าแล้วอายหน้าแดง กิ่งเหมยยิ่งเจ็บแต่กลั้นไว้สุดๆ
“ผู้หญิงอย่างคุณใครอยู่ใกล้ก็ต้องหลงรักทั้งนั้น ขนาดฉันเองถ้า เป็นผู้ชายฉันก็คงไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือหรอก”
“ฉันน่ะเหรอ...ฉันมันงี่เง่าจะตาย เอาแต่ใจตัวเอง จุกจิกจู้จี้ขี้บ่น ผู้ชายที่ไหนจะทนฉันได้”
“หยกไงคะที่ชอบแบบนั้น แต่เขาจะไม่พูดกับคุณตรงๆ ยิ่งเขาทำให้คุณหัวเสียมากเท่า ไหร่ นั่นก็แสดงว่าเขาใส่ใจคุณมากเท่านั้น”
กิ่งเหมยพูดไปก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วพยายามยิ้มกลบเกลื่อนหันมาที่ดุจแพร
“คุณแพรคะ...ฉันบอกความลับของหยกให้คุณรู้แล้ว คุณรับปากกับฉันได้มั้ยว่าจะไม่ บอกให้เขารู้ตัว”
“จ้ะ กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยยิ้มให้
“และถ้าต่อไปเกิดมีอะไรที่ทำให้คุณสงสัยในความสัมพันธ์ของฉันกับหยก ก็ขอให้คุณรู้ไว้ว่า...ทุกอย่างเกิดจากความสงสารที่หยกมีให้เพื่อนคนนึงเท่านั้น”
ดุจแพรฟังแล้วสงสารกิ่งเหมยเลยเข้าไปดึงมากอดเอาไว้
“ขอบใจนะกิ่งเหมยที่บอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้...เธอช่างเป็นคนดีเหลือเกิน”
หยกกลับมาที่ดาดฟ้าอีกครั้งเรียกหากิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
ดุจแพรเดินเข้ามา
“กิ่งเหมยหลับไปแล้วล่ะหยก”
“กลับไปแล้ว คุณปล่อยให้กิ่งเหมยกลับไปคนเดียวได้ยังไงคุณหนู”
“ฉันไม่ได้ปล่อยให้กิ่งเหมยกลับไปเองนะ แต่อาม่ามาที่นี่กิ่งเหมยก็เลยกลับไปด้วยกัน”
หยกฟังแล้วจะเดินออกไปแต่ดุจแพรเรียกไว้
“เดี๋ยวสิหยก...กิ่งเหมยกลับไปพักผ่อนแล้ว เธอช่วยพาฉันไปส่งบ้านได้มั้ย”
“ส่งบ้าน...อะไรของคุณเนี่ยคุณหนู เดี๋ยวหนีออกมาเดี๋ยวอยากกลับไป ผมไม่ใช่แท็กซี่ ส่วนตัวของคุณนะ”
“นายไม่ใช่แท็กซี่ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง”
“คุณหนู!”
“ฉันล้อเล้นน่า...ไม่เห็นต้องทำหน้าโกรธขนาดนั้นเลย ที่ฉันอยากกลับบ้านเพราะจะไปคุย กับป๋าให้มันจบๆไป นายจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันอีกไง”
“งั้นผมจะเรียกแท็กซี่ให้แล้วกัน”
“ไม่เอา...ฉันอยากให้นายไปส่ง...นะหยก ไปส่งฉันหน่อยนะ”
ดุจแพรเข้ามาจับมือเขาแล้วทำหน้าตาอ้อนวอนมอง หยกมองแล้วถอนใจเล็กๆ
ค่ำคืนนั้น...หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนมุ่งหน้าไปส่ง ดุจแพรที่สวมหมวกกันน็อคซ้อนท้าย สายตาเธอเอาแต่มองเขาด้วยแววตาเต็มเปี่ยมด้วยความรักที่ มีให้เขา มือของเธอโอบเอวกอดจนแน่นคิดถึงคำพูดของกิ่งเหมย
“หยกเขาบอกฉันว่า...เขารักคุณค่ะ...คุณแพร”
หยกแปลกใจที่อยู่ๆดุจแพรก็กอดเขาแน่น
“กอดผมแน่นแบบนี้...เดี๋ยวผมก็หายใจไม่ออกหรอกคุณหนู”
ดุจแพรชะงัก
“ก็...ก็นายขับเร็ว...ฉันกลัว”
“ขับแค่นี้เนี่ยนะเร็ว”
“ก็ฉันไม่ใช่สาวสก๊อยนี่ไอ้เด็กแว้นท์”
หยกหมั่นไส้เลยแกล้งบิดคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วให้เร็วขึ้น มอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานไปอย่างเร็วกระชากจนดุจแพรร้องตกใจเสียงหลง
กิ่งเหมยนั่งน้ำตาไหลเสียใจ ระหว่างนั้นอาม่าเข้ามา
“อาเหมย”
“ค่ะอาม่า”
กิ่งเหมยรีบเช็ดคราบน้ำตาไม่อยากให้อาม่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่พ้นสายตาอาม่า
“ร้องไห้อีกแล้วเหรออาเหมย”
“เปล่าค่ะอาม่า”
อาม่าถอนใจ
“อาเหมย...อาม่าเคยดูแลแม่ลื้อมาก่อน ทำไมอาม่าจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลื้อรู้สึกยังไง”
กิ่งเหมยชะงัก
“อาม่า...”
กิ่งเหมยทนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยร้องไห้ออกมาแล้วหันมากอดอาม่าเอาไว้...สะอึกสะอื้น
“เหมยไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น ไม่อยากทำให้ทุกคนต้องเสียใจเพราะเหมย”
“ใคร...ใครมันกล้าว่าลื้อว่าเป็นภาระให้ อาม่าจะไปด่ามันเอง”
“ไม่มีใครว่าเหมยหรอกค่ะอาม่า แต่เหมยรู้ตัวดีว่าคนพิการอย่างเหมยอยู่กับใครก็มีแต่ จะทำให้เขาต้องเดือดร้อน”
“ไม่จริงหรอกอาเหมย คนที่รักลื้อจริงๆเขาจะไม่รู้สึกอย่างนั้นกับลื้อเด็ดขาด”
“เหมยรู้ค่ะอาม่า แต่เหมยก็ยังอยากเห็นคนที่รักเหมยมีความสุข ไม่ใช่ต้องมาทิ้งอนาคต ของตัวเองเพื่อดูแลเหมย เหมยอยากให้สิ่งดีๆตอบแทนในสิ่งที่เหมยให้ไม่ได้”
อาม่าเริ่มสงสัย
“นี่ลื้อหมายถึงใครน่ะอาเหมย”
กิ่งเหมยไม่ยอมบอก เอาแต่ร้องห่มร้องไห้กอดอาม่าไว้อย่างน่าเวทนาสงสาร
ดุจแพรวิ่งไปอาเจียนที่ริมน้ำเสียงโอ้กอ้ากดังไม่หยุด
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณหนู เดี๋ยวไส้ก็ทะลักออกมาด้วยหรอก”
ดุจแพรหันมาโกรธ
“นายหยก!...นายตั้งใจแกล้งฉันใช่มั้ย”
“ก็คุณหาว่าผมเป็นพวกแว้นท์ จะบอกให้นะชอบขี่มอเตอร์ไซค์กับแว้นท์ก่อกวนชาวบ้าน มันคนละสปีชี่ส์กัน”
“ฉันก็แค่เปรียบเทียบเฉยๆ แต่นาย”
ดุจแพรพูดไปก็อยากจะอาเจียนอีกรีบหันไปโอ้กอ้ากต่อ คราวนี้หยกเป็นห่วงลูบหลังดูแล
“ท่าทางคุณคงจะเมาจริงๆ ผมขอโทษนะ”
ดุจแพรชะงักหันมา หยกเอาผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดปากให้ ดุจแพรถึงกับเผลอมองหน้าเขาไม่วางตา
“ผมลูกผู้ชายพอ ถ้าทำผิดก็ยอมรับผิด แต่ที่คุณจ้องผมแบบนี้แสดงว่ายังโกรธผมอยู่”
“ถ้านายดีกับฉันแบบนี้ ฉันก็ไม่โกรธนายหรอก”
ดุจแพรรับผ้าเช็ดหน้าจากเขาแล้วเดินออกไปอย่างอายๆแอบยิ้มชอบใจที่เขาแอบดีกับเธอ คำพูดของกิ่งเหมย ทำให้เธอแอบปลื้มหยก
‘หยกเขาชอบแบบนั้นแหละค่ะ แต่เขาจะไม่พูดกับคุณตรงๆ ยิ่งเขาทำให้คุณหัวเสียมาก เท่าไหร่ นั่นก็แสดงว่าเขาใส่ใจคุณมากเท่านั้น’
หยกมองตามดุจแพรแล้วแปลกใจ กับท่าทีของเธอที่ดูแปลกๆชอบกลเลยถาม
“คุณหนู...ผมถามจริงๆเถอะ วันนี้กิ่งเหมยคุยอะไรกับคุณ”
ดุจแพรชะงัก
“เอ่อ...ปละ...เปล่า ไม่มีอะไร”
“แต่ผมว่าดูคุณแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
หยกนิ่งไป
“ไม่มีอะไรหรอก...หายเมารึยัง ผมจะได้พาคุณไปส่ง”
“ก็ดีขึ้นแล้ว”
หยกเดินไปหยิบหมวกกันน็อคที่รถแล้วยื่นให้ดุจแพร แล้วเอาของตัวเองมาสวมสตาร์ทเครื่องรอ ดุจแพรแอบมองหยกแล้วยิ้มมีความสุข
ดุจแพรกลับเข้ามาในห้องโถง ตงนั่งรออยู่
“สนุกจนพอใจแล้วใช่มั้ย ถึงกลับมาบ้านได้”
ดุจแพรชะงัก
“ป๋า”
ป้าจั่นเข้ามาหา
“คุณหนูคะ...เอ่อ...ป้าว่า คุณหนูขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะคะ”
“ไม่ต้องหรอกป้า...แพรว่าแพรคุยธุระกับป๋าให้เรียบร้อยไปเลยดีกว่า”
“เอ่อ...แต่ว่า...”
“คุยให้รู้เรื่องกันไปนี่แหละค่ะ ต่อไปเราสองคนพ่อลูกจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก”
“ยัยแพร !”
ดุจแพรกับตงมองหน้ากัน ป้าจั่นดูแล้วใจคอไม่ดี
ดุจแพรเดินเข้ามาอีกบริเวณของบ้าน ตงตามเข้ามาต่อว่า
“ป๋าไม่เคยคิดเลยว่าเดี๋ยวนี้แกจะกล้าหัวแข็ง ไม่รู้จักเคารพบุพการี”
“ไม่ใช่ค่ะป๋า แพรยังเคารพรักบุพการีในฐานะที่เป็นผู้เลี้ยงดูแพรมา แต่เรื่องของคุณธรรม แพรก็ต้องรักษาเอาไว้ เพราะคงไม่มีบุพการีที่ไหนที่อยากเห็นลูกเป็นคนเลว”
ตงอึ้ง
“นี่แก...แกหลอกด่าฉัน”
“แพรพูดความจริงต่างหากค่ะป๋า ในเมื่อป๋าเลิกเป็นมาเฟียไม่ได้และไม่ยอมให้เราตัดพ่อ ตัดลูกกัน มันก็ถึงเวลาที่แพรต้องเลือก”
“เลือก...เลือกอะไร”
“เลือกว่าแพรควรจะเป็นนกน้อยในกรงของป๋าต่อไปหรือจะเป็นนกที่มีอิสระบินได้ตามใจ ชอบของตัวเอง”
“นี่แก!”
“ใช่ค่ะป๋า...แพรเลือกแล้วว่าจะไม่เป็นนกในกรงของป๋าอีกต่อไป ต่อไปนี้ไม่ว่าแพรจะทำ อะไรป๋าไม่มีสิทธิ์มาลิขิตชีวิตแพรอีก”
“ฉันไม่ฟัง...ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ชีวิตแกต้องเป็นไปตามที่ฉันต้องการ”
“งั้นป๋าก็เตรียมตัวจัดงานศพแพรได้เลย เพราะถ้าแพรเลือกมีชีวิตของตัวเองไม่ได้ แพรก็ ไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป ป๋าดูแพรไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรอก”
ตงอึ้ง
“ยัยแพร !!”
หยกมาเคาะประตูเรียกกิ่งเหมยที่หน้าบ้าน
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
ครู่หนึ่งอาม่ามาเปิดประตูให้
“ไอ้หยก...มาส่งเสียงอะไรโครมคราม นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
“ผมขอโทษครับอาม่า ผมแวะมาหากิ่งเหมย”
“หาอาเหมยเหรอ...อาเหมยหลับไปแล้ว”
“แต่ยังไม่สามทุ่มเลยนี่ครับอาม่า...หรือว่าเหมยไม่สบาย งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปดูหน่อย”
หยกจะเข้าไปแต่อาม่าดันไว้ไม่ให้เข้าไป
“ลื้อไม่ต้องเข้าไปหรอก อาเหมยอีไม่ได้เป็นอะไร บ่นว่าเหนื่อยทั้งวันก็เลยเข้านอนเร็ว”
“แต่ว่า...”
“ลื้อกลับไปเถอะ...ไปพักผ่อนได้แล้ว...ไปสิ”
“ก็ได้ครับอาม่า...พรุ่งนี้ผมจะแวะมาใหม่”
หยกถอยออกมามองไปที่บ้านกิ่งเหมยอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินจากไป อาม่ามองตามแล้วถอนใจ
อาม่าเดินเข้ามาหากิ่งเหมยที่นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ น้ำตาเธอคลอเบ้าอย่างเสียใจ
“อาหยกมันไปแล้ว”
“ขอบคุณค่ะอาม่า”
“ที่ลื้อไม่ยอมบอกอาม่า ลื้อหมายถึงไอ้หยกใช่มั้ย”
กิ่งเหมยเช็ดน้ำตาแล้วหยิบไม้เท้ามาช่วยเดิน
“อาม่าคะ เหมยไปนอนนะคะ”
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าคลำทางแล้วเดินเข้าไป อาม่ามองตามหลานสาวอย่างเวทนาสงสาร
ตงจับไหล่ลูกสาวมาบีบอย่างไม่พอใจ
“แกกล้าขู่ป๋า กล้าต่อรองกับป๋าเหรอ...รู้ไว้นะไม่มีใครมาต่อรองกับป๋าได้หรอกยัยแพร”
ดุจแพรแกะมือสะบัดตัวออกมา
“ความเป็นมาเฟียที่โหดร้ายของป๋าอาจจะทำให้ใครๆกลัว แต่ไม่ใช่แพร”
“ยัยแพร!”
“ป๋าปฏิเสธแพรไม่ได้และต้องยอมรับข้อตกลงของแพร 2 ข้อ”
ตงจิกหน้ามอง
“ข้อแรก...แพรรู้เรื่องที่แม่ต้องตายเพราะน้ำมือของอาม่ากิ่งเหมยแล้ว แพรยอมให้อภัย พวกเขาเพราะมันคืออุบัติเหตุที่อาม่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แพรอยากให้ป๋ายกโทษให้พวก เขาและเลิกตามแก้แค้นเขาอีก”
ตงนิ่งคิดอยู่ครู่
“แล้วอีกข้อคืออะไร”
“ป๋าต้องเลิกให้อู๊ดดี้มาวุ่นวายกับชีวิตแพร เพราะแพรมีคนที่แพรรักอยู่แล้ว”
“ใคร”
“หยกค่ะ”
ตงตกใจ
“ไอ้หยก...ไอ้หยกลูกน้องป๋าเนี่ยนะ เรื่องนี้ป๋ายอมให้ไม่ได้ มันไม่คู่ควรกับแก”
“แพรบอกแล้วไงคะ...ถ้าป๋าเลิกเป็นมาเฟียไม่ได้ ป๋าก็ไม่มีสิทธิ์มาลิขิตชีวิตแพร”
“แกมันไม่รักดี”
“ไม่ใช่ค่ะ...แพรรักดีต่างหาก เพราะคนที่แพรรักเขาเป็นคนดี...มีแต่ป๋านั่นแหละที่ยังเป็น คนไม่ดีอยู่”
ตงโกรธตบหน้าลูกสาวทันที...ดุจแพรหน้าหัน ป้าจั่นรีบเข้ามาประคอง
“คุณหนู...เสี่ย...ป้าขอร้อง อย่าทำร้ายคุณหนูเลยนะคะ”
ดุจแพรแววตามุ่งมั่นเอาจริง
“สำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายได้ตลอดเวลา แค่นี้ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรอกค่ะป้า”
ป้าจั่นตกใจ
“คุณแพร!”
“แพรไม่ได้ขู่ป๋านะคะ ถ้าป๋ารับข้อเสนอทั้ง 2 ข้อของแพรไม่ได้ แพรทำจริงๆแน่”
ดุจแพรยืนยันคำพูดด้วยสายตาจริงจังทำเอาตงพูดไม่ออก เธอแกะมือป้าจั่นแล้วย้ำอีกครั้ง
“และสำหรับหยก ป๋าห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาดด้วย”
ดุจแพรขู่จริงจังแล้วเชิดหน้าเดินออกไป ตงถึงกับกำหมัดแน่นด้วยอารมณ์โกรธจัดหันไปปัดข้าวของกระจาย
วันใหม่...ดวงแขเข้ามาที่หน้าห้องพักพิเศษ พบนนท์เฝ้าอยู่หน้าห้อง ดวงแขแสดงอาการไม่พอใจใส่ทันที
“เจ้าสัวย้ายออกจาก ICU มาอยู่ห้องพิเศษตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อคืนครับ”
“เมื่อคืน...แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
“อาการตอนนี้ของเจ้าสัวยังไม่รู้สึกตัว ผมต้องรักษาความปลอดภัยให้ท่าน”
“แต่ฉันเป็นเมียเจ้าสัว ฉันควรจะต้องรู้เป็นคนแรก”
“ผมขอโทษครับ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมรับคำสั่งจากเจ้าสัวไว้นานแล้วว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น กับท่าน หน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ท่านมีแต่ผมเท่านั้นที่ตัดสินใจ”
ดวงแขชะงักอึ้ง
“นี่...นี่เขาสั่งแกอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“ครับ”
“แล้วในฐานะที่ฉันเป็นเมีย ฉันขอเข้าไปเยี่ยมผัวได้มั้ย หรือว่าต้องให้แกค้นตัวก่อน”
“ไม่ต้องหรอกครับ...เชิญคุณนาย”
นนท์เปิดประตูให้ ดวงแขหมั่นไส้หางตามองแล้วเชอะใส่หน้าก่อนจะเดินเข้าไป
ดวงแขเข้ามาในห้องเห็นเจ้าสัวเล้งยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเลยลองเรียกดู
“เล้ง...เล้งคะ”
ดวงแขลองเรียกดูแต่เจ้าสัวก็ยังไม่ได้สติ นอนให้น้ำเกลืออยู่นิ่งๆบนเตียง ดวงแขได้ทีขยับเข้าไปใกล้มองด้วยสายตา ชิงชังหมั่นไส้
“ฉันเป็นเมียแกนะไอ้เล้ง...ฉันไม่ใช่นางบำเรอของแก แกได้ยินมั้ย...ไอ้เล้ง!”
ดวงแขตะคอกใส่หน้าแต่เจ้าสัวก็ไม่รู้สึกตัว ดวงแขเลยได้ใจ
“นี่น่ะเหรอเจ้าสัวเล้ง มังกรวารี ผู้ยิ่งใหญ่ที่ใครก็ฆ่าไม่ตาย แกมันก็แค่โชคดีตอนนี้ เท่านั้นแหละ ถ้ามานพยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ฉันจะให้เขาขยี้แกเหมือนจิ้งจกตัวนึง”
ดวงแขมองเจ้าสัวอย่างจงเกลียดจงชัง แล้วลองใช้มือเขย่าตัวเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่รู้สึกตัวจริงๆ เมื่อแน่ใจแล้วจึงหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาล้วงมือลงไปหยิบบางอย่างช้าๆ สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมาเป็นก้านสำลีในหลอดพลาสติคที่ใช้สำหรับเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อนำไปตรวจ DNA
คมทวนมาขอเยี่ยมเจ้าสัวเล้ง ที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล
“คุณจะมาเยี่ยมเจ้าสัวเล้ง มังกรวารีน่ะเหรอคะ”
“ครับ”
“เป็นญาติกับเจ้าสัวรึเปล่าคะ”
“เปล่าครับ”
เจ้าหน้าที่ นิ่งไปครู่อย่างครุ่นคิดก่อนจะหันไปทางลูกน้องเจ้าสัวเล้งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากแถวนั้น เจ้าหน้าที่พยักหน้าส่งสัญญาณ บางอย่างให้ลูกน้องเจ้าสัวทราบ คมทวนเห็นลูกน้องเจ้าสัวเดินเข้ามาหาท่าทางดูไม่น่าไว้ใจเลยถอยออกมาอย่างระวัง
ลูกน้องเดินเข้ามากระซิบบางอย่างกับนนท์ นนท์พยักหน้ารับแล้วหันไปเคาะ ประตูเรียกดวงแข
“คุณนายครับ...คุณนาย”
ครู่หนึ่งดวงแขเดินออกมา
“มีอะไร”
“มีคนแปลกหน้ามาถามหาเจ้าสัวที่นี่ ผมไม่ไว้ใจว่ามันจะเป็นพวกมือปืนรึเปล่า คุณนาย ควรจะรีบกลับไปบ้านก่อน”
“ก็ได้...เฝ้าเล้งให้ดีล่ะอย่าให้ใครมาทำอะไรเขาได้”
“ครับ” นนท์หันไปสั่งลูกน้อง “แกตามไปส่งคุณนาย ส่วนแกเฝ้าที่นี่ไว้”
ลูกน้องรับคำ คนหนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตู ส่วนอีกคนพาดวงแขออกไป
คมทวนวิ่งหนีลูกน้องเจ้าสัวเล้งสองคนที่ไล่ตามมา
“เฮ้ย...หยุดนะเว้ย”
คมทวนวิ่งมาหลบที่หลังเสา รอจังหวะลูกน้องเข้ามาใกล้ พอได้จังหวะก็ปรี่ออกมาใช้เชิงมวยเล่นงานพวกมัน คนแรกโดนคมทวนซัดจนสลบเหมือด อีกคนคิดจะใช้ปืนเล่นงานแต่คมทวนฉวยจังหวะใช้มือเปล่าแย่งปืนมาแล้ว จัดการปลดแม๊กกาซีนทิ้งอย่างคล่องแคล่ว มันเลยชักมีดพกออกมาเป็นอาวุธเล่นงาน คมทวนฉากถอยหลบแต่ก็ พลาดท่าถูกมันใช้มีดพกตวัดเข้าที่ท้อง
คมทวนชะงักได้เลือด เลยชกหน้ามันจังๆทีเดียวสลบเหมือด คมทวนถอยมาเอามือจับท้องที่มีเลือดโชก เลยไม่ทันระวังเมื่อนนท์เข้ามาข้างหลังแล้วเอาปืนจ่อหัว
“ฝีมือดีไม่ใช่เล่น...ใครจ้างแกให้มาเล่นงานเจ้าสัว”
“ฉันไม่ได้มาเล่นงานเจ้าสัวของแก”
“แกซัดคนของฉันไปสองคนแบบนี้ แล้วจะให้เชื่อได้เหรอ”
“ฉันแค่ต้องการพบเจ้าสัวเล้ง แต่พวกมันเข้าใจผิด”
“ต้องการพบเจ้าสัว...เรื่องอะไร”
“มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องคุยกับเขาตามลำพังเท่านั้น”
“ตามลำพังเหรอ...ตอนนี้เจ้าสัวไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว โอกาสที่แกจะเข้าใกล้เจ้าสัวได้ มากที่สุดก็มีได้เท่านี้แหละ”
คมทวนเจ็บใจเลยหันขวับแล้วแย่งปืนออกจากมือนนท์มา แล้วปลดแมกกาซีนทิ้งและใช้เชิงมวยเล่นงานนนท์ที่ไม่ทันตั้งตัวจนทรุดฮวบแน่นนิ่งไป จากนั้นถอยออกมาเอามือกุมท้องที่มีเลือดซึมจากแผลโดนมีดแทงแล้วมองนนท์
“ไอ้หยก...ถ้าพ่อที่แท้จริงของเอ็งยังใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ ความลับ เรื่องพ่อเอ็งข้าคงต้องเก็บไว้ให้มันตายไปพร้อมกับข้า”
คมทวนพูดแล้วก็เดินกุมท้องที่มีเลือดโชกออกไป
ดวงแขเอาหลอดเก็บตัวอย่างที่ได้จากเนื้อเยื่อบุผนังแก้มของเล้งมาให้โหงว
“ฉันได้ตัวอย่างเซลล์ของเล้งที่จะใช้ตรวจพิสูจน์ DNA มาแล้ว”
โหงวยิ้มพอใจ
“เธอทำได้ดีมากดวงแข”
“แล้วไหนล่ะของไอ้เด็กหนุ่มที่ชื่อหยก”
“มานพมาบอกฉันว่าอยากเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”
“ตานพเนี่ยนะ”
“ใช่...มานพบอกฉันว่า อยากเห็นหน้าไอ้คนที่เราสงสัยว่าเป็นสายเลือดของเล้ง คนที่มี สิทธิ์ในสมบัติของเล้งทุกอย่าง” โหงวยิ้มเหี้ยม
หยกเดินเข้ามาถามหาพ่อที่บ้าน
“พ่อ...พ่อ...ฉันเห็นแท็กซี่พ่อจอดอยู่หน้าปากซอย วันนี้ไม่ออกไปขับรถเหรอ”
หยกถามไปขณะเดินเข้าไป เห็นคมทวนทำแผลตัวเองที่โดนแทงมาอยู่พอดีเลยตกใจ
“พ่อ !นี่เกิดอะไรขึ้น พ่อไปโดนอะไรมา”
คมทวน รีบเอาเสื้อมาสวมทับ
“ไม่มีอะไรหรอก ผู้โดยสารมันจะปล้นข้า ข้าก็เลยต้องป้องกันตัว”
“แต่แบบนี้มันไม่ใช่น้อยๆนะพ่อ ฉันว่าไปหาหมอเถอะ”
“เฮ้ย...ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว แผลมันแค่นิดเดียว เอ็งอย่าทำเป็นตื่นตูมไปหน่อยเลย”
“แต่พ่อเป็นความดันอยู่นะ ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกขับแท็กซี่พ่อก็ไม่ฟังฉันเลย”
“งั้นถ้าข้าจะเลิกขับแท็กซี่แล้วขอให้เอ็งทำอะไรให้ข้าสักอย่าง เอ็งจะทำให้ได้มั้ย”
“พ่อจะให้ฉันทำอะไร”
“ถอนตัวออกจากงานสายสืบ”
หยกตกใจ
มานพเดินเข้ามาตามทางในตรอกศาลเจ้า พร้อมกับชาญ
“ทั้งสกปรก ทั้งร้อนอบอ้าว เก่าก็เก่า ไอ้คนแถวนี้มันอยู่กันไปได้ยังไงวะ” มานพแสดงท่าทางรังเกียจ
“สลัมก็อย่างนี้แหละครับนาย”
“น่าเสียดาย...ที่แบบนี้มันน่าจะเอาไปทำอย่างอื่นมากกว่า”
มานพบ่น ระหว่างนั้นกิ่งเหมยใช้ไม้เท้าช่วยเดินผ่านเข้ามาพอดีและไม่เห็นมานพเลยชนกับเขาจนเธอล้ม
“เฮ้ย...ตาบอดเหรอไงวะ เดินไม่รู้จักดู”
ชาญเข้ามากระซิบ
“นายครับ...”ชาญชี้ให้ดูไม้เท้า “สงสัยจะตาบอดจริงๆครับ”
กิ่งเหมยลุกขึ้นมือพยายามควาญหาไม้เท้า มานพพิจารณาดูหน้าแล้วรู้สึกชอบใจ
“หน้าตาสวยใช้ได้เลยนี่ บ้านอยู่แถวนี้เหรอจ๊ะน้องสาว”
มานพเข้าไปจับคางกิ่งเหมยเชยหน้าดูอย่างสนใจ กิ่งเหมยไม่พอใจรีบปัดทันที
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
มานพหัวเราะชอบใจ
“เล่นตัวซะด้วย ไม่เอาน่า...จะไปไหนเหรอ เดี๋ยวฉันจูงไปส่ง”
“ฉันมีมือมีเท้าเดินไปได้เอง”
กิ่งเหมยไม่สนใจพยายามใช้มือควานหาไม้เท้า แต่มานพหยิบขึ้นมาหมุนเล่น
“อยากได้ไม้เท้าเหรอ...อยู่ที่ฉันนี่ ถ้าอยากได้ก็พูดจาดีๆกับฉันก่อน”
“เอามานะ”
“อย่าดุนักสิน้องสาว หน้าตาหวานๆแบบนี้ต้องพูดจาเพราะๆเข้าไว้ จะได้มีแต่คนสงสาร”
“กับคนดีๆฉันพูดดีด้วย แต่กับพวกสันดานทรามๆ ฉันจะด่าให้ถึงบุพการีเลย”
มานพอึ้ง
“นังบอด ! ปากเสียอย่างแกหลงทางกลับบ้านนั่นแหละดีแล้ว”
มานพโยนไม้เท้าของกิ่งเหมยทิ้งไปไกลๆก่อนจะพากันออกไปทิ้งให้กิ่งเหมยควานหาไม้เท้าอย่างน่าสงสาร
อ่างกับสลึงเดินถือถุงลูกชิ้นแย่งกันกินมาตามทางเดินในตรอก
“เฮ้ย...ข้าซื้อมาด้วยนะเว้ย แบ่งกันกินมั่งสิวะ”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 13 (ต่อ)
“เอ็งไม่ชอบลูกชิ้นเอ็น ข้าก็จะกินให้หมดก่อนไง”
สลึงรีบจิ้มลูกชิ้นยัดใส่ปากหลายๆลูก ระหว่างนั้นพวกนักเลงวินมอเตอร์ไซค์ 3-4 คนเดินเข้ามาปิดทางในตรอก
“ไอ้สลึง...เคี้ยวตุ้ยๆเลยนะมึง คิดจะหลบหน้าพวกข้า มันไม่ง่ายหรอกนะเว้ย”
สลึงตกใจหน้าเสียที่เจอโจทก์ยกโขยงมาเอาเรื่องส่วนอ่างยืนงงๆ
“อะไรวะไอ้สลึง...พวกมันเป็นใคร”
“จะ...จะโจทก์ข้าเองว่ะ”
สลึงรีบทิ้งถุงลูกชิ้นแล้ววิ่งหน้าตั้งหนีทันที พวกวินมอเตอร์ไซค์รีบไล่ตาม
หยกกับคมทวนคุยกันอยู่ในบ้าน
“ผมทิ้งหน้าที่ไปตอนนี้ไม่ได้หรอกครับพ่อ”
“แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกมาเฟีย”
“ตอนนี้มีตำรวจดีๆที่ต้องถูกพวกมันฆ่าตาย ถ้าผมถอยออกมาก็เท่ากับว่าผมไม่สำควร ยึดอาชีพนี้อีกต่อไป”
“มันก็ใช่...แต่ว่า...”
คมทวนหนักใจเดินออกมาหน้าเครียดๆจนหยกอดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรที่พ่ออยากจะบอกผมรึเปล่า”
คมทวน ตัดสินใจ
“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่เป็นห่วงเอ็ง อยากให้เอ็งระวังตัว”
“เรื่องนั้นฉันระวังอยู่แล้ว พ่อไม่ต้องห่วงนะ ที่แถวบ้านเก่าแม่ที่พ่อไปดูไว้ ฉันลองติดต่อ ไปแล้ว ตอนนี้เงินเราอาจจะไม่พอ แต่ถ้าฉันสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อเรา สองคนพ่อลูกจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นด้วยกัน”
คมทวน พยักหน้ารับ
“ขอบใจนะหยก...พ่อจะรอวันนั้น”
คมทวนดึงหยกมากอดเอาไว้แววตารักและเป็นห่วงลูกชายคนนี้มาก ระหว่างนั้นอ่างวิ่งเข้ามา
“ไอ้หยก...ไอ้หยก”
“น้าอ่าง...มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ...” อ่างเห็นคมทวนอยู่ด้วยเลยไม่กล้าพูด “ข้าซ..ข้าขอคุยกับเอ็งหน่อยสิวะไอ้หยก”
คมทวนมองหน้าอ่าง
“เอ็งมีอะไรกับมัน...ทำไมต้องทำเป็นลับๆล่อๆด้วย”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพี่ เรื่องที่ฉันยืมเงินไอ้หยกไปน่ะ พอดีฉันจะใช้มันคืนน่ะ”
หยกรู้ว่าทันทีว่าอ่างกำลังโกหก และต้องการความช่วยเหลือแน่
“อ๋อ...ได้สิน้า เดี๋ยวออกไปคุยกัน”
หยกตกใจเมื่อรู้เรื่องจากอ่าง
“ว่าไงนะ...น้าสลึงน่ะเหรอไปอมเงินค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์พวกวิน”
“ชู่ววว์ เบาๆสิวะ เดี๋ยวพ่อเอ็งมาได้ยินเข้า ไอ้สลึงมันจะซวยซ้ำซวยซ้อน”
“แล้วทำไมไปทำอย่างนั้นล่ะน้า”
“ไอ้สลึงมันไม่ตั้งใจ มันก็แค่หมั่นไส้ที่อยู่ๆพวกมันก็ขึ้นค่าจ้างมอเตอร์ไซค์ทำเอาชาวบ้าน เขาเดือดร้อน พอมันเอามอเตอร์ไซค์มาซ่อม มันก็เลยยัดอะไหล่เก่าใส่แทนอะไหล่ใหม่”
“น้า...ไอ้พวกนั้นมันอันธพาลนะ”
“ก็รู้...แต่เอ็งมาด่าข้าอยู่แบบนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก เอ็งต้องรีบไปช่วยมัน เพราะตอน นี้มันโดนลากคอไปแล้ว”
หยกพยักหน้ารับทันที
ในตึกร้าง...สลึงโดนพวกนักเลงวินรุมอัดจนงอมแต่สลึงยังใจสู้
“คะ...คะ...แค่นี้ มันไม่...ไม่เท่าไหร่หรอกเว้ย”
สลึงง้างหมัดจะชกแต่พวกมันเตะตัดขาทีเดียวสลึงล้มกลิ้ง พวกมันล็อคแขนขึ้นมา
“เก่งนักเหรอไอ้สลึง...เก่งนักใช่มั้ย”
นักเลงอัดเข้าที่ลิ้นปี่สลึงอีกทีหนักๆทำเอาจุกตัวงอ ที่ชั้นสองของตึกร้างมานพยืนดูอยู่กับชาญ มานพเริ่มหงุดหงิด
“ไอ้หมอนั่นมันจะมารึเปล่า ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานๆนะ”
“มันมาแน่ๆครับนาย เท่าที่ผมสืบมาถ้าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้ปัญญาอ่อนนั่น ไอ้หยกมันต้อง มาช่วยแน่นอน”
“ว่าแต่แกกำชับไอ้พวกนั้นแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร”
“ครับ...ไอ้พวกนี้มันรู้งาน ขอให้เงินถึงมันทำได้หมดทุกอย่าง”
มานพพยักหน้ารับรู้ ระหว่างนั้นหยกก็เข้ามาพร้อมกับอ่าง
“เฮ้ย...ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
ชาญหันไปเห็น
“มันมาแล้วครับนาย...นั่นไงครับ”
มานพมองอย่างสนใจ
“นี่น่ะเหรอไอ้หยก...!”
กิ่งเหมยคลำหาไม้เท้าไม่เจอ ระหว่างนั้นธงรบเข้ามาหยิบไม้เท้าขึ้นจากพื้น
“หานี่อยู่เหรอครับคุณกิ่งเหมย”
“ผู้หมวด”
ธงรบช่วยจับมือกิ่งเหมยให้รับไม้เท้า แต่เห็นมือกิ่งเหมยเลอะเลยช่วยปัดให้อย่างเป็นห่วง
“มือคุณเลอะหมดเลย ผมเช็ดให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ”
“คุณจะไปไหนครับ เดี๋ยวผมช่วยพาไปส่ง”
“ศาลเจ้าค่ะ”
“งั้นเกาะแขนผมไว้นะครับ”
ธงรบจับมือกิ่งเหมยให้มาเกาะที่แขนแล้วช่วยพาเดินไป
พวกนักเลงวินกระชากตัวสลึงขึ้นมาแล้วซ้อมให้หยกเห็น
“บอกให้ปล่อยเขาไง”
“ถ้าข้าไม่ปล่อยมันแล้วเอ็งจะทำไมวะไอ้หยก จะกระทืบพวกข้างั้นเหรอ”
“ถ้าพวกแกอยากได้เงินคืน ก็เอานี่ไป”
หยกโยนเงินให้พวกมันไปมัดนึง
“เฮ้ย...ตอนนี้เงินมันไม่ใช่ประเด็นแล้วเว้ย ไอ้สลึงมันยัดอะไหล่เก่าๆใส่รถพวกข้า ข้าเกือบ จะไปคว่ำตายก็เพราะมัน งานนี้ถ้ามันไม่พิการกลับไป ก็อย่าหวังเลย”
สลึงหน้าตื่นกลัว
“หยก...น้า...น้ายังไม่อยากพิการ”
“ไม่ต้องห่วงน้า ฉันจะพาน้าออกไปเอง”
อ่างขู่
“ไอ้หยกของพวกข้ามันเอาจริงแล้วนะเว้ย ถ้าพวกเอ็งไม่ฟังมัน พวกเอ็งนั่นแหละเตรียม ตัวพิการได้เลย”
พวกนักเลงวินหัวเราะชอบใจ พวกมันเริ่มเอาอาวุธทั้งไม้หน้าสามและโซ่ออกมาพร้อม อ่างเห็นเข้าก็เหวอไป
“ซะ..ซวยแล้วว่ะไอ้หยก ข้า...ข้าว่า เรา...เราถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”
อ่างจะชวนหยกให้ถอย แต่พวกมันตีวงเข้ามาล้อมปิดทางไม่ให้ออกไปไหนได้นอกจากต้องสู้อย่างเดียว หยกหันมาบอกอ่าง
“เราไปไหนไม่ได้แล้วน้า มีทางเดียวคือต้องสู้”
“เอาวะ...สู้แค่ตาย...ย๊ากก”
อ่างตั้งท่าเชิงมวยแล้วปรี่เข้าเล่นงานพวกมัน ส่วนหยกก็เปิดฉากตะลุมบอนสู้ไม่ถอย มานพยืนดูอยู่ข้างบนสนใจฝีมือของหยกเป็นอย่างมาก
“แกบอกพวกมันด้วยรึเปล่า ว่าฉันอยากเห็นฝีมือของมัน”
“บอกครับนาย ถ้ามันไม่หมอบ มันก็จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่”
“...ดี”
มานพยิ้มร้ายชอบใจดูหยกสู้สุดฤทธิ์กับพวกนักเลงวินที่มีจำนวนมากกว่าอย่างสุดกำลัง แต่หยกก็เริ่มรับมือพวกมันไม่ได้เพราะมันมีเครื่องทุ่นแรง และพวกน้าๆก็เริ่มสู้พวกมันไม่ไหวโดนเล่นงาน
ธงรบช่วยพากิ่งเหมยเข้ามาในศาลเจ้า
“ถึงแล้วครับคุณกิ่งเหมย”
“ขอบคุณมากนะคะหมวด”
“ผมว่าคุณเลิกเรียกผมว่าหมวดได้แล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว”
กิ่งเหมยสงสัย
“ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องมันยาวน่ะครับ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมตกงานอยู่ ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยทำงานอะไร ที่นี่ล่ะก็ ผมยินดีช่วยเต็มที่เลย”
“ฉันจะไปใช้งานคุณได้ยังไงคะหมวด...เอ่อ…คุณธงรบ”
“ได้สิครับ เพราะลำพังคุณตอนนี้คงทำอะไรไม่ถนัด ให้ผมช่วยนะ ผมอยากช่วยคุณ”
“อย่าเลยค่ะ...ฉันไม่อยากรบกวนคนอื่น”
กิ่งเหมยบอกธงรบแล้วหันหลังจะไปทำงาน มือคลำไปที่กระถางธูปที่ธุปยังติดไฟแดงๆ ธงรบรีบบอก
“ระวังครับ!”
กิ่งเหมยไม่ทันระวังมือเลยไปโดนธูปเจ็บ ธงรบรีบเข้าไปจับมือเธอมาเป่า
“เห็นมั้ยครับ...ผมพูดไม่ทันขาดคำ ถ้ามือพองขึ้นมาตอนนี้คุณแย่แน่ๆ จะใช้ไม้เท้ายังไง”
ธงรบเป็นห่วงไปก็เป่ามือให้กิ่งเหมยไป ระหว่างนั้นดุจแพรเข้ามาหากิ่งเหมย มองหาเธอในศาลเจ้าจนมาเห็น กิ่งเหมยกำลังอยู่กับธงรบ
หยกต่อสู้กับพวกนักเลงวินอย่างสุดกำลัง หยกถีบมันจนกระเด็นและเกือบเอาชนะได้ แต่น้าอ่างกับน้า สลึงดันพลาดท่าถูกพวกมันเล่นงานด้วยไม้หน้าสาม ฟาดเข้ากลางหลังสลบเหมือดไปทีละคน
“น้า!”
หยกรีบเข้าไปช่วย แต่ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องรุมเล่นงานรับทั้งมือทั้งไม้จนทรุดตาม
“ไงไอ้หยก...ฝีมือเอ็งมันก็แค่นี้แหละเว้ย”
มันเข้ามาเตะเสยปลายคาง หยกกระเด็นหน้าหงายพร้อมกับเลือดที่กบปาก โงนเงนฟุบแน่นิ่งหมดสติ มานพที่ยืนดูเห็นหยกโดนเล่นงานก็พอใจ
“นึกว่ามันจะแน่ก็แค่ไอ้กุ๊ยธรรมดา แต่ก็ดี เพราะถ้ามันเกิดเป็นสายเลือดของพ่อฉัน ขึ้นมาจริงๆ ฉันจะลากมันไปยิงทิ้งให้เหมือนยิงหมาข้างถนนตัวนึง บอกพวกมันให้ทำ ตามที่ฉันสั่งได้แล้ว”
“ครับนาย”
ชาญหันไปเป่าปากให้สัญญาณ พวกนักเลงหันไปมองแล้วพยักหน้ารับรู้คำสั่ง มันเข้าไปจับหยกพยุงตัวขึ้นแล้ว เอาหลอดเก็บตัวอย่างเลือดมาเก็บเลือดของหยกที่เปรอะอยู่บริเวณหน้า หลังจากพวกมันได้ตัวอย่างเลือดของหยกแล้วก็พากันออกไปทิ้งให้หยกนอนหมดสติอยู่กับอ่างและสลึง
ธงรบช่วยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันมือให้กิ่งเหมย ดุจแพรที่ดูอยู่เลยแกล้งกระแอม กิ่งเหมยตกใจรีบดึงมือกลับ
“คุณแพร...นั่นคุณเหรอคะ”
“จ้ะ...ฉันเอง”
“คุณแพร...มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“สักพักแล้วล่ะจ้ะ”
“คุณธงรบคะ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
ดุจแพรเข้าไปจับมือกิ่งเหมยช่วยพาเดินเข้าไปด้านในศาลเจ้า...สองสาวออกมาคุยกันอีกมุมหนึ่งของศาลเจ้า
“ไม่เห็นเธอเล่าให้ฉันฟังเลยว่า เธอกับผู้หมวดคนนั้นสนิทกันขนาดนี้”
“เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรนี่คะคุณแพร คุณธงรบไปเจอฉันระหว่างทางก็เลยช่วยพามาส่ง”
“แต่ดูเขาดีกับเธอมากเลยนะ”
“เหรอคะ...ฉันไม่เคยสังเกต ว่าแต่ว่า...คุณแพรมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
“ฉันแวะไปหาหยกที่บ้านเขา แต่ไม่เจอนึกว่าจะอยู่ที่นี่”
“คุณแพรลองไปดูที่ร้านมอเตอร์ไซค์สิคะ หยกน่าจะอยู่ที่นั่น”
“กิ่งเหมย...เธอไปหาหยกกับฉันหน่อยสิ ฉันไปคนเดียวแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”
กิ่งเหมย ชะงักไปครู่
“คุณแพรไปเถอะค่ะ ฉันคงไปด้วยไม่ได้”
“ทำไมล่ะ...หรือว่างานที่ศาลเจ้ายังไม่เสร็จ เดี๋ยวฉันช่วย”
“เอ่อ...ไม่ใช่หรอกค่ะ คือ...คุณธงรบจะพาฉันไปทานข้าวน่ะค่ะ”
“อ๋อ...นัดกับคุณธงรบนี่เอง”
น้ำเสียงดุจแพรเหมือนจะแซวกิ่งเหมยซึ่งเธอก็แกล้งทำเป็นยิ้มรับกับดุจแพร
ดุจแพรช่วยพากิ่งเหมยเดินออกมาส่งให้กับธงรบ
“ไม่ต้องกลัวนะคะคุณแพร...สู้ๆค่ะ”
กิ่งเหมยทำมือสู้ๆให้กำลังใจ ดุจแพรยิ้มรับ
“ขอบใจนะกิ่งเหมย คุณธงรบคะ...ฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะ”
ธงรบงงแต่ก็รับคำไป
“ครับ”
ดุจแพรยิ้มให้แล้วรีบเดินออกไป ธงรบแปลกใจสงสัย
“พวกคุณคุยอะไรกันเหรอครับ ดูท่าทางมีลับลมคมนัย”
“ไม่มีอะไรค่ะ ก็เรื่องผู้หญิงคุยกันปกติ คุณธงรบคะ...วันนี้คุณว่างรึเปล่า”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าตอนนี้ผมตกงานอยู่”
“งั้นให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณได้มั้ยคะ ตอบแทนที่คุณช่วยฉันไว้”
ธงรบแปลกใจ
“คุณกิ่งเหมย”
กิ่งเหมย พยายามยิ้มให้กลบเกลื่อนความเจ็บปวดที่กัดกินอยู่ข้างในสุดฤทธิ์
“คุณอยากทาน อะไรบอกมาได้เลยนะคะ...ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะกระเป๋าแบน”
กิ่งเหมยบอกไปก็ยื่นมือไปควงแขนธงรบ ให้พาเธอออกไปด้วยกัน เล่นเอาธงรบตั้งตัวไม่ติดมองงงๆ
ดุจแพรมาที่หน้าร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ซึ่งปิดเงียบเชียบเรียกหาหยก
“หยก...หยก...อยู่ที่นี่รึเปล่าน่ะ...หยก”
เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
“หายไปไหนของเขานะ”
ดุจแพรเกือบจะถอดใจเดินกลับ ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นหยกกับอ่างช่วยกันประคองสลึงเข้ามา สภาพทุกคนเลือดอาบบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกัน
“หยก ! นี่เกิดอะไรขึ้น ไปมีเรื่องอะไรกันมา” ดุจแพรตกใจ
หยกไม่สนใจดุจแพรช่วยน้าอ่างประคองน้าสลึงผ่านเลยเข้าไปในร้าน ดุจแพรยังตามไปอย่างเป็นห่วง
หยกกับอ่างช่วยกันวางสลึงให้นั่งลงที่เก้าอี้ ดุจแพรตามเข้ามายืนดูอย่างเป็นห่วง
“ขะ...ขอบใจนะไอ้...ไอ้หยก เพราะ...เพราะข้า...เอ็งเลยต้องมาเจ็บตัวไปด้วย” สลึงที่เจ็บมากพูดอย่างยากลำบาก
อ่างต่อว่า
“อ้าว...ข้าก็ระบมด้วยนะเว้ย ทำไมเอ็งไม่ขอบใจข้ามั่ง”
“ขะ..ขอบใจก็...ก็ได้เว้ย”
หยกถอนใจ
“ช่างมันเถอะน้า เจ็บแค่นี้ยังถือว่าโชคดี ว่าแต่น้าไหวแน่นะ”
“ไม่...ไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้...จะ...จิ๊บ...จิ๊บ”
สลึงพยายามยกมือชูนิ้วโป้งว่าไหวแต่ยกแขนขึ้นมาก็เจ็บแปล๊บร้อง...อู้ย ดุจแพรรีบถาม
“เจ็บกันขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ รถแพรจอดอยู่หน้าตรอก”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณแพร เราไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้เป็นเรื่องปกติ...สบายๆครับ”
“แล้วพวกน้าไปทำอะไรกันมา ไปมีเรื่องกับใครเหรอคะ หรือว่าคนของพ่อฉัน”
“นี่คุณหนู หยุดถามวุ่นวายมากมายได้มั้ยครับ มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องรู้เลย”
ดุจแพรจ๋อย
“แต่ว่า...”
อ่างปรามหยก
“ไม่เอาน่าไอ้หยก...คุณแพรเขาถามก็เพราะเป็นห่วง”
“เออหยก...เอ็งกลับไป...ทำ...ทำแผลที่บ้านเถอะ พวกน้าดูแลกันเองได้...ไม่ต้องห่วง”
สลึงกับอ่างพยักหน้าให้หยกกลับไป
หยกเดินเจ็บระบมมาตามทางเดินในตรอก ดุจแพรเดินตามและพยายามเร่งฝีเท้าให้ทัน
“หยก...เดี๋ยวสิ...รอฉันก่อน”
“นี่คุณจะตามผมมาอีกทำไม”
“ก็ฉัน...”
“หยุดเลยครับ...หยุดอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองซะที”
“ฉันไม่ได้อยากรู้อยากเห็นแล้ว แต่นายกำลังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก คุณนั่นแหละกลับไปเถอะครับ วันนี้ผมไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อ คำด้วย ผมต้องไปดูแลกิ่งเหมย”
หยกจะเดินไปดุจแพรเลยตัดสินใจบอก
“กิ่งเหมยไม่อยู่หรอก หมวดธงรบมารับไปกินข้าวด้วยกัน”
หยกสงสัย
“หมวดธงรบน่ะเหรอไปกับกิ่งเหมย”
“ใช่”
หยกเข้ามาดึงแขนดุจแพรถาม
“ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
“กิ่งเหมยไม่ได้บอกคุณเหรอ”
“เปล่า”
หยกเป็นห่วงกิ่งเหมยและสงสัยเลยรีบผละจากดุจแพรจะไป แต่อาการเจ็บฟกช้ำจากที่โดนเล่นงานไปทำให้ เขาชะงักเจ็บแปล๊บไปทั้งตัวจนเกือบจะล้ม ดุจแพรรีบเข้าไปประครองเอาไว้ทัน
“หยก! สภาพเธอตอนนี้ไปไหนไม่ได้หรอก ให้ฉันพาเธอกลับบ้านเถอะ...นะหยก”
ดุจแพรไม่รอฟังคำตอบจากเขาเข้าไปจับแขนมาโอบพักไหล่ตัวเอง แล้วช่วยพยุงพาเดินออกไป
มานพเอาหลอดเลือดตัวอย่างของหยกมายื่นให้โหงว
“แค่นี้คงพอสำหรับเอาไปตรวจ DNA ได้แล้วใช่มั้ย”
โหงวพยักหน้ารับ
“ทำได้ดีมากมานพ”
โหงวตบบ่ามานพอย่างสนิทสนม แต่กลับถูกมานพปัดมือออกไปอย่างรังเกียจ
“หน้าที่ของแกคือทำงานเป็นกุนซือให้ฉันแค่นั้น ถ้าคิดอยากทำหน้าที่อื่นที่มากกว่านั้น ไปทำกับแม่ฉันก็พอ”
“แต่แกเป็นสายเลือดของฉัน แกไม่มีวันปฏิเสธความจริงข้อนี้พ้น”
“ใช่...ไอ้เรื่องสายเลือดในตัวเนี่ย ฉันคงเอามันออกจากตัวไม่ได้ แต่ถามหน่อยเถอะ แกตั้งใจให้ฉันมาเกิดหรือเพราะฉันทะลุถุงยางมาเกิดเอง”
โหงวอึ้งไป
“มานพ”
มานพจ้องหน้าเขม็งแล้วยิ้มร้าย
“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องนับถือใครเป็นพ่อ ไม่จำเป็นต้องมีแบบอย่าง เพราะฉันจะ ยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวของฉันเอง”
“นี่แก...”
“แกไปทำงานได้แล้ว เร่งจัดการทุกอย่างที่แกควรจะต้องทำ ตอนนี้ฉันอยากเป็น พยัคฆ์ที่พร้อมบุกขยี้มังกรแล้ว...ฮ่าๆ!”
มานพหัวเราะดังออกไปพร้อมกับชาญ โหงวมองตามด้วยสายตาที่ไม่คิดว่าลูกตัวเองจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้
“มานพ...แกคือพยัคฆ์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอแล้ว”
ดุจแพรช่วยประคองพาหยกมาที่ห้องพักบนดาดฟ้า เธอให้เขานั่งที่โซฟาอย่างเป็นห่วง
“นั่งอยู่เฉยๆก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะทำความสะอาดแผลให้จะได้ไม่เป็นบาดทะยัก”
ดุจแพรลุกจะไปแต่หยกจับข้อมือเธอไว้
“คุณหนูไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่กับผมหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
“แต่ว่า”
“กลับไปเถอะ”
ดุจแพรนิ่ง หยกขึ้นเสียงดัง
“ผมบอกว่าให้กลับไปไง!”
ดุจแพรตกใจสะดุ้งแล้วน้ำตาก็เอ่อออกมาอย่างเสียใจทันที ทำเอาหยกชะงักไม่คิดว่าจะทำ ให้เธอร้องไห้ ดุจแพรน้อยใจหันหลังให้แล้ววิ่งออกไปทันที
ธงรบพากิ่งเหมยมาเดินเล่น หลังกินข้าวเสร็จที่ริมน้ำ
“ผมชอบบรรยากาศที่นี่มากเลยครับ เวลาผมเหนื่อยๆเครียดๆจากงานผมมักจะมานั่ง มองเรือที่แล่นผ่านไปช้าๆ มันช่วยทำให้ผมรู้สึกสงบนิ่งขึ้น”
“ถ้าฉันยังมองเห็นได้ก็คงจะดีสิคะ จะได้ช่วยทำให้ฉันสงบนิ่งขึ้นบ้าง”
ธงรบชะงัก
“เอ่อ...ผมขอโทษครับ ผมลืมไปว่า...”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ยังไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง ฉันเองก็ยังเผลอทำตัว เหมือนปกติอยู่ ฉันอาจจะเผลอเหยียบเท้าคุณ หรือเคาะไม้เท้าโดนคุณเมื่อไหร่ก็ได้”
ธงรบยิ้มรับ
“คุณเก่งมากเลยนะครับคุณกิ่งเหมย เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนี้ แต่กลับรับมือกับเรื่องหนักๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ”
กิ่งเหมยนิ่งไปพยายามฝืนความรู้สึกเสียใจแต่ก็กลั้นไม่อยู่ น้ำตาไหลเอ่อออกมาทำเอาธงรบตกใจ
“คุณกิ่งเหมย!”
กิ่งเหมย ร้องไห้
“ฉันรับมือกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกค่ะคุณธงรบ...ฉันเคยมีความฝัน มีความสุข กับสิ่งที่เป็นของฉัน แต่วันนี้...ฉันต้องสูญเสียมันไป ฉันต้องยอมตัดใจ...ทั้งๆที่ฉันไม่อยาก เสียไป...”
กิ่งเหมยร้องไห้หนักจนน่าเวทนาสงสาร ธงรบไม่รู้ว่าที่กิ่งเหมยพูดมาหมายถึงหยก เขาเข้าไปโอบไหล่หญิงสาว
“ไม่เป็นไรนะครับ...ผมอยู่นี่แล้ว...ผมจะคอยดูแลคุณเอง”
“คุณธงรบ”
ธงรบยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วโน้มศีรษะของเธอให้ซบลงบนบ่าเขา
“ถ้าวันนี้คุณอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาให้พอเลย บ่าของผมพร้อมจะซับน้ำตาให้คุณแล้ว”
ดุจแพรวิ่งเสียใจออกมาแล้วนั่งร้องไห้...อย่างเจ็บปวด หยกเดินตามออกมาเห็นก็เสียใจรู้สึกผิดขยับเข้าไปใกล้แต่เธอรีบห้าม
“ไม่ต้องมาใกล้ฉัน...ถ้านายไม่อยากเห็นหน้าฉัน เดี๋ยวฉันก็จะไปเอง”
“คุณจะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ ที่ทำให้ฉันสบายใจ”
“แต่คุณเคยบอกว่าเวลาอยู่ที่นี่คุณสบายใจที่สุดไม่ใช่เหรอ”
ดุจแพรชะงัก
“ฉันเคยพูดเหรอ”
“เคยสิ...คุณพูดแล้วคงจำไม่ได้ มิน่าล่ะ...นายอู๊ดดี้อะไรนั่นถึงเรียกคุณว่าลูกปลาน้อย พันธุ์ปลาทองความจำสั้นนี่เอง”
หยกกัดนิดๆพอให้เธอลืมความน้อยใจแล้วเดินกลับเข้าไปซึ่งก็ได้ผล
“นายหยก!”
ดุจแพรฉุนรีบเดินตามหยกกลับไป
ดุจแพรตามหยกกลับ พลางโวยวายไปด้วย
“ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะนายหยก...ฉันเกลียดชื่อลูกปลาน้อย และฉันก็ไม่ใช่ปลาทอง ความจำสั้น”
“คุณหนู ไหนคุณบอกว่าเป็นห่วงผมไง รู้มั้ยว่าเสียงเสียงแหลมๆที่คุณวีนใส่ผมอยู่เนี่ย อาจจะทำให้ผมหูอื้อ ตาลาย น้ำลายฟูมปาก ซ้ำเติมที่ผมต้องระบมอยู่ตอนนี้ก็ได้”
“ก็นายว่าฉัน”
“คนอะไรว่าไม่ได้ เป็นนางฟ้าหรือไง”
ดุจแพรเชิด
“ใช่...นายต้องเห็นฉันเป็นนางฟ้า พูดจากับฉันดีๆ”
“ถ้านั่นเป็นคำสั่งของลูกสาวเจ้านาย ผมก็จะทำตาม แต่บอกไว้ก่อนนะ สำหรับผมแล้ว ผมอยู่กับความเป็นจริง ไม่ชอบเพ้อฝัน นางฟ้านางสวรรค์ถ้ามาเดินไปเดินมาเกะกะน่า รำคาญ ผมก็จะเตะตูดไล่ตะเพิดออกไปเลย”
หยกพูดไปก็หันไปหยิบสำลีกับยาทาแผลออกจากกล่องแล้วเดินไปนั่งทำแผลตัวเอง ดุจแพรกอดอกมองอย่างโกรธๆ
“นายหยก...ปากนายนี่มัน...ฮึ่ย !!”
กิ่งเหมยร้องไห้ซบไหล่ ธงรบช่วยเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนจนเธอรู้สึกผิดกับเขา
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะคุณธงรบ ฉัน...ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ผมพร้อมที่จะช่วยคนดีๆอย่างคุณเสมอ”
ธงรบยิ้มให้อย่างจริงใจ แต่ระหว่างนั้นเสียงบิดมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามารบกวน ธงรบหันไปเห็นแก๊งค์ มอเตอร์ไซค์ของพวกกิจชัยขับเข้ามา
“มีอะไรเหรอคะคุณธงรบ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับก็แค่ไอ้พวกกุ๊ยข้างถนน”
กิจชัยไม่พอใจ
“อ้าว...คุณตำรวจมาเรียกประชาชนผู้เสียภาษีให้คุณแบบนี้ได้ยังไง...โอ๊ะ ไม่ใช่แล้วสิ ตอนนี้คุณไม่ใช่ตำรวจแล้ว แต่เป็นพวกตัวเงินตัวทองชอบไปลักขโมยของคนอื่นกิน”
ธงรบโกรธ
“ไอ้กุ๊ย!”
ธงรบจะเอาเรื่องกิ่งเหมยดึงแขนไว้
“อย่าค่ะหมวด อย่าไปยุ่งกับพวกมัน” กิ่งเหมยหันไปด่า “ไปให้พ้นๆเลยนะไอ้กิจชัย”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 13 (จบตอน)
“อ๊ะๆ!...ทำมาดุใส่ไล่ตะเพิด...โธ่เอ้ยนังกิ่งเหมย นี่ถ้าพวกฉันไม่ผ่านมาแถวนี้คงไม่รู้หรอก ว่ากำลังมีการสวมเขาให้ไอ้หยกกันอยู่ที่นี่ ฮ่าๆ นังร่าน!”
ธงรบทนไม่ไหวแกะแขนกิ่งเหมยแล้วเข้าไปกระชากคอเสื้อกิจชัย
“หุบปากหมาๆของแกได้แล้ว ถ้ายังไม่หยุดเห่า ฉันจะเลาะฟันแกออกมาให้หมดปาก”
“แน่ใจเหรอหมวดว่าจะลุยกับพวกผม...นับเท้าดูแล้วกันว่าพวกผมมากันกี่คู่”
“จะกี่คู่ฉันก็ไม่ยั่น เพราะแค่หมัดฉันหมัดเดียวก็เลาะฟันแกออกมาได้แล้ว”
ขาดคำธงรบซัดหมัดเข้าที่ปากของกิจชัยทีเดียวมันกระเด็นเลือดกบปาก กิจชัยร้องเจ็บแล้วถ่มน้ำลายที่มี เลือดและฟันกรามซี่นึงออกมาด้วย
“ฟันฉัน...นี่แกเอาจริงเหรอวะเนี่ย”
“เออ...นั่นซี่แรกนะ ยังเหลืออีก 31 ซี่ที่ฉันยังไม่ได้เลาะออกมา”
กิจชัยแค้นมาก
“ไอ้ธงรบ...เฮ้ย...เล่นมันสิเว้ย”
พวกลูกน้องรับคำสั่งดาหน้าเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ธงรบเห็นท่าไม่ดีเพราะมีกิ่งเหมยอยู่ด้วย
“คุณกิ่งเหมย ไม่ต้องห่วงนะครับ” เขาคว้ามือเธอมาจับไว้แน่น “ผมจะไม่ให้พวกมันทำอะไร คุณเด็ดขาด”
พวกลูกน้องกิจชัยปรี่เข้าเล่นงาน ธงรบตั้งท่าเชิงมวยพร้อมตั้งรับและตอบโต้เล่นงานพวกมันอย่างถึงพริกถึงขิง
ตงนั่งอยู่ในรถที่มีลูกน้องถือปืนคุ้มครองอย่างแน่นหนา หน้าโรงงานแห่งหนึ่งอย่างรอเวลา สักพักเก่งเข้ามารายงานความคืบหน้า
“ของเข้ามาแล้วครับเสี่ย”
ตงพยักหน้ารับ
“เอาเข้าโกดังเลย เดี๋ยวฉันจะเข้าไปตรวจเอง”
“ครับ”
“เออ...แล้วเรื่องลูกสาวฉันล่ะ”
เก่งนิ่งไปไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่ ตงพอจะเดาออกเลยกระชากคอเสื้อเก่งมาตะคอกใส่หน้า
“อยู่กับไอ้หยกใช่มั้ย”
“ครับเสี่ย...พวกผมกลัวเรื่องที่คุณหนูขู่เสี่ยเอาไว้ เลยไม่กล้าตามไปยุ่ง”
“โธ่เว้ย...ไม่ได้อย่างใจสักคน”
ตงผลักเก่งออกไปแล้วเดินหัวเสียฉุนเฉียวเข้าไปในโกดัง
ดุจแพรยืนกอดอกหน้างอๆยังไม่หายเคืองหยก
“คนบ้า...ผู้ชายอะไรปากร้าย กวนประสาท ทำดีด้วยขนาดนี้ยังมาว่าเราอีก คอยดูนะ หลงเราเข้าเมื่อไหร่ จะแก้เผ็ดงอนเช้ากลางวันเย็นให้ตามง้อซะให้เข็ด...ชิ”
ดุจแพรบ่นไปได้ครู่ ได้ยินเสียงหยกร้องเจ็บดังออกมาจากในบ้านก็ตกใจเป็นห่วง รีบวิ่งกลับเข้าไปดู
“หยก...เป็นอะไรน่ะ”
ดุจแพรเข้ามา เห็นหยกกำลังเอาทิงเจอร์หยอดแผลที่โดนเล่นงานมาเลยร้องเจ็บ
“อะไรกันครับคุณหนู...วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาซะผมตกอกตกใจหมด”
“ก็นายร้องซะดังลั่น ฉันก็นึกว่ากระดูกนายหัก หรือไม่ก็ปอดฉีก ม้ามทรุด”
“เว่อร์แล้วครับคุณหนู ถ้าผมเป็นอย่างที่คุณว่า ป่านนี้ผมนอนชักน้ำลายฟูมปากไปแล้ว”
“ว่าฉันเว่อร์เหรอ...นายนั่นแหละที่เว่อร์ กับไอ้แค่ทิงเจอร์ราดแผลสดแค่นี้ทำร้องลั่น โธ่เอ้ย...ใจเสาะ ปลาซิว”
“นี่ถ้าคุณว่างมาต่อปากต่อคำกับผมแบบนี้นะ ผมว่าคุณไปทำงานเถอะ ทิ้งงานที่บริษัท มานานแล้วไม่ใช่เหรอ หัดรับผิดชอบงานตัวเองให้ได้ก่อนจะมารับผิดชอบคนอื่นเถอะ”
ดุจแพรนิ่งไปอย่างเสียใจจนหยกสงสัย
“คุณหนู”
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้วนะหยก ที่ป๋าเปิดบริษัทให้ฉันเพราะต้องการใช้เป็นที่ฟอกเงิน สกปรกของป๋า ฉันจะไม่ยอมถูกเขาหลอกใช้อีกแล้ว ตั้งแต่นี้ไปฉันไม่ใช่นกในกรงของป๋า ฉันจะยืนด้วยตัวเอง”
“เสี่ยยอมด้วยเหรอครับ”
“ยอมสิ ฉันถึงได้มาหานายที่ได้อีกไง”
หยกสงสัย
“งั้นผมถามจริงๆเถอะ คุณคุยอะไรกับเสี่ย เขาถึงยอมปล่อยให้คุณมาอยู่กับผม”
ดุจแพรชะงัก
“ว่าไงล่ะคุณหนู”
“ฉัน...ฉันบอกป๋าเรื่องของเรา”
“เรื่องของเรา” หยกนึกขึ้นได้แล้วอึ้ง “นี่อย่าบอกนะว่าคุณ...”
“ก็ฉันรักนายจริงๆนี่หยก นายเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉัน แล้วก็เป็นคนเดียวที่ฉันอยู่ด้วยแล้ว มีความสุขที่สุด”
ดุจแพรโพล่งออกมาแล้วเข้าไปสวมกอดซบหน้ากับแผ่นอกของเขาเหมือนนกตัวน้อยๆที่ต้องการรังอันอบอุ่น
“ถึงนายจะชอบว่าฉัน ใจร้ายกับฉัน แต่อย่างน้อยนายก็ยังห่วงใยฉันจริงๆไม่โกหกหลอก ลวงฉันเหมือนกับที่ป๋าหลอกฉันมาตลอด”
ดุจแพรกอดหยกแน่นเหมือนจะไม่ยอมปล่อยเขาออกไปจากชีวิต จนหยกอดรู้สึกสงสารเธอไม่ได้
ธงรบถีบลูกน้องกิจชัยแล้วซัดด้วยหมัดทีเดียวมันฟุบหมดสติ จากนั้นก็หันมาหากิ่งเหมยแต่พบว่าหายไป
กิ่งเหมยนั้น ถูกกิจชัยฉุดแขนกระชากเข้าไปที่ตึกร้าง
“ปล่อยฉันนะไอ้กิจชัย...ปล่อย!”
กิ่งเหมยเอาไม้เท้าตีกิจชัยไม่หยุดจนไม้ฟาดเข้าหน้าจังๆทำให้มันโมโห
“เว้ยย...เจ็บนะเว้ยนังกิ่งเหมย”
กิจชัยแย่งไม้เท้าออกจากมือกิ่งเหมยแล้วโยนทิ้งก่อนจะตบหน้า...เพี๊ยะ !! กิ่งเหมยล้มลง
“ตาบอดแล้วยังฤทธิ์เยอะนะนังตัวแสบ”
“ถ้าแกเข้ามาใกล้ฉัน ฉันจะสู้ให้ขาดใจเลย”
“สู้เหรอ...ฮ่าๆๆ โธ่เอ้ยนังร่าน เห็นหงิมๆติ๋มๆแต่เอาเข้าจริง แกมันก็มั่วผู้ชายไปหมด วันนึงมั่วกับกุ๊ย อีกวันก็มามั่วกับตำรวจ”
กิ่งเหมย โกรธ
“ไอ้กิจชัย!”
กิ่งเหมยลุกแล้วปรี่เข้าไปตบแต่มองไม่เห็นเลยตบวืด แถมยังถูกกิจชัยเข้าโอบจากข้างหลังแล้วพยายามลวนลาม
“ถ้าแกมั่วกับพวกมันได้ ก็ลองมามั่วกับฉันดูหน่อยเป็นไร ฉันจะทำให้แกดูว่าตาบอดมอง ไม่เห็นแบบนี้แล้วมันน่าตื่นเต้นขนาดไหน”
กิจชัยชกเข้าที่ท้องน้อยทีเดียวกิ่งเหมยหมดสติคามือ มันจะพาเธอออกไปแต่ธงรบตามเข้ามากระชากคอมันมาเล่นงาน...โครม !! หมัดทิ่มหน้าทีเดียวกิจชัยกระเด็น
“ไอ้กุ๊ยโสโครกอย่างพวกแก อย่าหวังว่าจะได้แตะต้องกิ่งเหมย”
กิจชัยถุยฟันที่หลุดอีกซี่ออกมา
“ฟันฉัน !”
“ทีนี้ก็เหลืออีกแค่ 30 ซี่ อยากใส่ฟันปลอมก่อนแก่ก็เข้ามา”
ธงรบง้างหมัดตั้งท่าเอาจริง กิจชัยเห็นท่าไม่ดีรีบหนีออกไปหางจุกตูด ธงรบไล่มันไปแล้วก็หันมาดูแลกิ่งเหมยที่หมดสติประครองเธอขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
ค่ำคืนนั้น...ดุจแพรถือจานกับข้าวเขามาในห้องหลังจากไปปรุงมาเรียบร้อย
“หยก...ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้วนะ...ไม่อยากจะโม้ว่าอร่อยเว่อร์เลยล่ะ”
ดุจแพรเอาจานกับข้าวมาวางแล้วแปลกใจที่ไม่เห็นหยก
“หยก...หยก...มากินข้าวสิ...หิวแล้วไม่ใช่เหรอ...หยก”
ดุจแพรเรียกไปแต่ก็ไม่มีเสียงตอบก่อนจะหันไปเห็นกระดาษโน้ตแปะอยู่ที่ผนังเลยหยิบมาดู
“ผมมีงานต้องไปทำ ไว้จะกลับมากินกับข้าวฝีมือคุณหนู”
ดุจแพรอ่านแล้วรู้สึกผิดหวังแอบน้อยใจเล็กๆที่ตั้งใจทำให้กินแล้วเขาไม่อยู่กิน
อาม่าเดินออกมาส่งธงรบหน้าบ้าน
“ขอบคุณคุณธงรบมากเลยนะคะ อาเหมยเป็นหนี้บุญคุณคุณจริงๆ”
“ผมเป็นคนพากิ่งเหมยออกไป ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอาม่า”
อาม่ารีบปฏิเสธ
“ไม่ต้องค่ะ...ไม่ต้องขอโทษ อาม่าเองก็ไม่อยากให้อาเหมยอยู่แต่ในบ้าน เพราะจะทำให้อาเหมยรู้สึกว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา”
“กิ่งเหมยเป็นคนที่ใจสู้มากนะครับอาม่า ผมเชื่อว่าเธอจะต้องผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้แน่ ไว้ผมจะแวะมาหากิ่งเหมยอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณธงรบ”
ธงรบยกมือไหว้อาม่าแล้วเดินแยกออกมาได้ครู่ก่อนจะหยุดชะงักที่เห็นหยกยืนมองเขาจากทางเดินในตรอก หน้าตาหยกดูไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่นัก
หยกกับธงรบเดินออกมามุมหนึ่งของตรอก หยกตั้งคำถามทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับกิ่งเหมย”
“ก็ไอ้พรรคพวกกุ๊ยของแกนั่นแหละที่มันพยายามหาเรื่องกิ่งเหมย”
“ไอ้กิจชัย !!”
หยกเจ็บใจจะออกไปจัดการแต่ธงรบเข้าไปดึงไหล่รั้งไว้
“ถ้าแกจะไปอัดพวกมันล่ะก็ ไม่ต้องเสียเวลาหรอก ฉันเล่นงานมันไปแล้ว แต่ถ้าแกจะ ไปหาพวกมันแล้วบอกเลิกเป็นกุ๊ย ฉันจะไม่ห้ามแต่จะยุให้แกรีบๆไป”
“หมวด”
“ฉันสงสารกิ่งเหมยที่ไปรักคนอย่างแก กิ่งเหมยต้องการคนดีๆที่พร้อมจะอยู่กับเธอ ไม่ใช่ อันธพาลที่ดีแต่หาเรื่องมาให้เธอ”
หยกไม่พอใจผลักอกธงรบ
“คุณไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“แล้วมีอะไรที่ฉันต้องรู้รึเปล่าล่ะ”
หยกชะงักไปจ้องหน้าไม่ยอมบอก
“การที่แกอยู่ท่ามกลางคนเลวๆ นั่นก็หมายความว่าแกจะไม่มีวันดูแลกิ่งเหมยได้”
“เพราะอย่างนี้คุณถึงฉวยโอกาสมายุ่งกับกิ่งเหมยของผม”
“ก็ถ้าแกดูแลกิ่งเหมยได้ดี ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นมือที่สามหรอกเว้ย!”
ธงรบเริ่มฉุนผลักอกหยกคืนแรงๆบ้าง หยกไม่พอใจเลยปรี่เข้าไปชกหน้า ธงรับหน้าหันเลือดซิบๆมุมปากแต่กลับนิ่งหันมาไม่ตอบโต้
“หมัดที่แกชกไปเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าเจ๊ากันไปสำหรับที่แกเคยช่วยชีวิตฉัน เราจะได้ไม่มี หนี้บุญคุณกัน และถ้าแกยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับพวกไอ้เสี่ยตงอีก ฉันนี่แหละจะแย่ง กิ่งเหมยมาจากแกให้ได้...คอยดูไอ้หยก”
ธงรบชี้หน้าพร้อมขู่อย่างจริงจัง ก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้หยกยืนเจ็บใจ
ภายในโกดัง ลูกน้องของตงกำลังทยอยขนเอายาไอซ์ที่อยู่ในถุงสีขาวขุ่นใส่ลังไม้เตรียม ขนย้าย ตงยืนดูความเรียบร้อยอยู่ได้ครู่เก่งก็พาตัวกิจชัยเข้ามา
“เสี่ยตามผมมามีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
ตงหันมาเห็นหน้ามันฟกช้ำ
“นั่นแกไปมีเรื่องอะไรมาอีก”
กิจชัยจับหน้าเจ็บ
“ก็ไอ้หมวดธงรบนั่นแหละครับ”
“มีเรื่องคราวที่แล้วมันยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
“ไม่แม้แต่นิดเดียวครับเสี่ย ผมอยากจะยิงมันทิ้งจริงๆ”
“อย่าเพิ่ง...ฉันขี้เกียจแก้ปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกัน ตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่ฉันต้องใช้แก”
“เสี่ยจะให้ผมไปทำอะไรสั่งมาได้เลยครับ”
ตงยิ้มร้ายแล้วเดินไปหยิบถุงยาไอซ์ขึ้นมามอง
“ฉันอยากสั่งสอนไอ้หยกมันสักหน่อย โทษฐานที่มันทำให้นกน้อยในกรงทองของฉัน เปิดกรงบินอย่างอิสระโดยที่ฉัน...ไม่เต็มใจ!”
ตงจิกหน้าร้ายกาจดูน่ากลัวโดยในมือยังกำถุงยาไอซ์เอาไว้แน่น
ในตึกร้าง พวกแกงค์เด็กแว้นท์ของกิจชัยตั้งกลุ่มบิดมอเตอร์ไซค์แข่งกันส่งเสียงดังสนั่น หยกขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าตาเอาเรื่องทำเอาพวกมันหยุดชะงัก...เงียบกริบไปทันที หยกลงจากมอเตอร์ไซค์เดินแหวกกลุ่มพวกมันเข้าไปที่กลางวงจ้องเขม็งไปที่กิจชัยที่กำลังนั่งเต๊ะกวนๆ
“มาแล้วเหรอวะ...ให้รออยู่ได้ตั้งนาน”
“ฉันเตือนแกแล้วนะไอ้กิจชัย แกแตะต้องกิ่งเหมยอีกเมื่อไหร่ ฉันกระทืบแกตายแน่”
“เฮ้ย...ใจเย็นๆดิวะ เราพวกกันนะเว้ย ถ้าแกทำอะไรฉัน เรื่องได้ถึงเสี่ยแน่”
หยกไม่สนใจกระชากคอมันขึ้นมา
“ถึงจะเอาเสี่ยมาขู่ แต่แกก็ไม่พ้นโดนกระทืบหรอก”
“ก็เอาสิวะ...เสี่ยกำลังหมายหัวแกเรื่องคุณหนูดุจแพรอยู่ ถ้าแกมีเรื่องทำให้เสี่ยไม่พอใจ อีก วันดีคืนดีเสี่ยอาจจะส่งมือปืนไปยิงหัวแกถึงที่นอนก็ได้”
หยกชะงัก กิจชัย ยิ้มร้าย
“อยากลองดูป่ะล่ะว่าเสี่ยจะทำจริงมั้ย”
หยกนิ่งไปครู่แล้วผลักกิจชัยไปแรงๆ กิจชัยเห็นท่าทางของหยกแล้วก็ยิ้มชอบใจ
“หยก...เราต่างก็ลำบากมาจากในคุกด้วยกัน เห็นแกมีเรื่องกับเสี่ยแบบนี้ ฉันก็เลยไปขอ ร้องเสี่ยไว้ อยากให้เขาให้โอกาสแก เพราะแกมันก็เป็นคนมีฝีมือ”
“แกไปพูดอะไรกับเสี่ย”
กิจชัยยิ้มร้ายแล้วหันไปหยิบถุงยาไอซ์ออกมาโยนให้ หยกเห็นแล้วก็รู้ว่าคืออะไร
“ยาไอซ์ หมายความว่าไง”
วันใหม่...หยกมาพบกับผู้การสมิงที่จุดนัดพบ
“เสี่ยต้องการให้ผมกับไอ้กิจชัยเป็นคนคุมการส่งยาไอซ์ล็อตใหญ่”
“พอจะรู้มั้ยว่าจำนวนเท่าไหร่”
“เห็นไอ้กิจชัยมันว่า...ไม่ต่ำกว่า 50 กิโล”
ณรงค์หน้าตื่น
“มากมายขนาดนั้น ถ้าหลุดเข้าตลาดไปได้ ไอ้เสียตงกำไรพุงปลิ้นแน่”
“เรื่องกำไรของพวกมันยังไม่เท่าไหร่ คนดีๆที่ต้องกลายเป็นทาสยานรกของพวกนั้น ต่างหาก ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อ”
ผู้การสมิงครุ่นคิด
“หยก...เรื่องเครือข่ายค้ายาของไอ้เสี่ยตง สายสืบคนก่อนๆของฉันยังไม่เคยมีใครเข้าใกล้ หลักฐานของมันได้เลยสักคนเพราะมันระวังเรื่องนี้มาก ถ้ามันไว้ใจให้เธอเป็นคนจัด การก็แสดงว่าเราอาจจะได้หลักฐานสำคัญที่ใช้ลากคอมันเข้าคุกได้”
ณรงค์ยิ้มพอใจ
“และไม่ใช่แค่เข้าคุกอย่างเดียวหรอกนะหยก ยาเสพติดจำนวนขนาดนั้นมันโดนโทษ ประหารด้วยแน่ๆ”
“ครับ...แต่ว่าตอนนี้มันให้ผมเตรียมพร้อมไว้ก่อน จนกว่ามันจะกำหนดเวลากับสถานที่ ที่แน่นอนมาให้”
“งานนี้สำคัญกับมัน มันเลยต้องระวัวตัวมาก ยังไงฉันก็อยากให้เธอระวังตัวด้วย ได้เรื่อง เวลากับสถานที่แน่ชัดเมื่อไหร่ แจ้งฉันทันที”
“ครับผู้การ”
หยกยกมือตะเบ๊ะทำความเคารพแล้วเดินออกไป ผู้การสมิงมองตามรู้สึกว่าใกล้จะได้เวลาจัดการกับตงแล้ว
ในผับส่วนตัว...เสียงเพลงจังหวะหนักๆดังกระแทกกระทั้น มานพเจ็บแต่สะใจ เขากำลังนั่งถอดเสื้อให้ช่างสักลายบางอย่างให้ที่แผ่นหลัง มีหญิงสาวนุ่งน้อย ห่มน้อยมาคอยป้อนเหล้าให้เพื่อระงับความเจ็บ
“อีกนิดเดียวครับคุณมานพ...ใกล้จะเสร็จแล้ว”
ช่างสักลงเข็มที่แผ่นหลังอย่างประณีตและบรรจง มานพสะดุ้งเจ็บแต่กัดฟันทน นึกถึงภาพในอดีตที่เขาถูกเจ้าสัวเล้งดุด่าและถูกบังคับให้ขอโทษวิญญาณบรรพบุรุษจนเขาเอาหัวโขกกับพื้นจนหัวแตก...
มานพกัดฟันทนเจ็บ หญิงสาวป้อนเหล้าให้ มานพปัดมือจนแก้วเหล้าแตกกระจายก่อนจะดึงหญิง สาวมาจูบปากแรงๆแล้วปล่อยให้ช่างสักลายไป
ดวงแขรีบเดินเข้ามาหาโหงวที่ยืนรออยู่ในโรงสี
“ได้ผลการตรวจ DNA ของเล้งกับไอ้หยกมาแล้วเหรอ”
“ใช่...เพิ่งมาถึงมือฉันวันนี้เอง”
“แล้วเป็นยังไง ตกลงมันใช่สายเลือดที่แท้จริงของไอ้เล้งรึเปล่า”
โหงวไม่ตอบยื่นแผ่นกระดาษที่รายงานผลการตรวจให้ดวงแขไปดูเอง ดวงแขรับมาดูแล้วชะงักมองโหงว
เจ้าสัวเล้งรู้สึกตัว เมื่อมีหมอกับพยาบาลเข้ามาช่วยดูอาการ
“ฉัน...ฉันหิวน้ำ”
หมอให้พยาบาลเอาน้ำให้จิบช้าๆ เจ้าสัวเล้งมีอากาสำลัก
“ช้าๆนะครับเจ้าสัว ตอนนี้คุณเพิ่งจะรู้สึกตัว ยังต้องพักฟื้นอีกสักระยะ”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้ารับ แล้วหันไปหานนท์
“นนท์...ฉันมีเรื่องอยากให้แกจัดการให้หน่อย”
“ครับเจ้าสัว” นนท์เข้าไปใกล้เพื่อฟังคำสั่ง
ภายในศาลเจ้า...กิ่งเหมยกำลังพยายามพับกระดาษเงินกระดาษทองแม้ตาจะบอดแต่เธอก็ใช้ความเคยชิน หยกเข้ามายืนดูเธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้เธอรู้ตัว เขาเดินเงียบๆเข้ามาหยิบกระดาษเงิน กระดาษทองมาช่วยพับ กิ่งเหมยได้ยินเสียงพับกระดาษ
“เหมยทำได้นะคะอาม่า อาม่าไม่ต้องมาช่วยเหมยหรอก”
หยกไม่ตอบยังช่วยกิ่งเหมยพับต่อไปเงียบๆจนเธอเริ่มแปลกใจ
“นี่ใคร...บอกมานะ!”
“ฉันเองกิ่งเหมย”
“หยก!”
“ฉันขอโทษ ถ้าฉันบอกว่าฉันจะมาช่วยเธอทำงาน เธอก็คงต้องไล่ฉัน ฉันเลยคิดว่ามา ช่วยเธอเงียบๆแบบนี้ดีกว่า”
“ถ้าเธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะไม่โกรธ เธอคิดผิดแล้วล่ะหยก”
กิ่งเหมยหันไปคว้าไม้เท้าแล้วรีบเดินออกไป
หยกตามกิ่งเหมยออกมาหน้าศาลเจ้า เขาคว้าตัวเธอไว้
“เดี๋ยวสิกิ่งเหมย...ฉันหวังดีคอยช่วยเธอ แล้วทำไมต้องมาโกรธฉันด้วยล่ะ”
“ขอบใจที่เธอหวังดี แต่การทำเหมือนฉันช่วยตัวเองไม่ได้แบบนี้ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ”
“แล้วทีกับหมวดธงรบล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ไล่เขาไป”
“หยก!”
หยกเข้าไปบีบไหล่ถาม
“บอกฉันมานะกิ่งเหมย เธอคิดทำอะไรอยู่ เธอพยายามหลบหน้าฉัน แล้วไปกับหมอนั่น”
“ฉันไม่ได้หลบหน้าเธอ ก็ในเมื่อฉันอยากไปไหน ฉันก็ไป ทำไมต้องรอเธอด้วย”
“ก็หน้าที่ของฉันคือดูแลเธอไง”
“ถ้าเธอจะต้องมาคอยดูแลคนพิการตลอด 24 ชั่วโมง ชีวิตเธอจะพลาดโอกาสดีๆนะหยก”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าฉันไม่ต้องการให้เธอมาตามฉันอีกแล้วไง”
หยกอึ้ง
“กิ่งเหมย...ทำไม...ทำไม!”
กิ่งเหมยปัดมือหยกออกจากไหล่
“เพราะเราทุกคนต่างก็ต้องการสิ่งดีๆให้กับตัวเองกันทั้งนั้น คุณแพรเป็นพี่สาวฉันและมีพร้อมทุกอย่างที่จะเติมเต็มชีวิตเธอ ส่วนฉันคือคนพิการ ที่ไร้ประโยชน์”
“ไม่จริง...เธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ เพราะเธอมีค่าสำหรับฉันที่สุด”
“ไม่...ฉันไม่ใช่สิ่งที่มีค่าสำหรับเธออีกแล้ว”
กิ่งเหมยบอกปัดไปทั้งน้ำตาคลอเบ้าแล้วรีบเดินหนีแต่เพราะมองไม่เห็นทางเลยสะดุดล้ม หยกตกใจ
“กิ่งเหมย!”
หยกจะเข้าไปช่วยแต่กิ่งเหมยเสียงดังห้ามทั้งน้ำตานองหน้า
“อย่าเข้ามานะ...ไม่ต้องมาช่วยฉัน”
“กิ่งเหมย...ฉันขอร้อง...อย่าทำอย่างนี้”
หยกเริ่มเสียใจน้ำตาเอ่ออย่างเจ็บปวด เธอพยายามลุกขึ้นด้วยเอง
“เธอเห็นมั้ยหยก...แค่ฉันล้มเธอก็ต้องรีบวิ่งมาดึงฉัน แล้วต่อไปอีกสิบปียี่สิบปีฉันจะไม่ เป็นภาระหนักให้เธอมากกว่านี้อีกเหรอ”
“ไม่...ฉันจะไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นกับเธอเด็ดขาด”
“หยก...ต่อให้เธอสาบานว่าเธอจะไม่รู้สึกแบบนั้น แต่สำหรับฉัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยน ความรู้สึกนี้ไปได้...ได้โปรดเถอะนะ อย่าเอาความรักของเรามาทำร้ายกันและกันเลย”
กิ่งเหมยร้องไห้เสียใจ หยกยังไม่ยอมฟังยื่นมือไปจับ แต่ก็ถูกเธอแกะมือออกแล้วเดินจากเขาไปช้าๆ
หยกมาเอารถมอเตอร์ไซค์ตัวเองที่จอดอยู่ที่ร้าน หน้าตาของเขาเงียบขรึมเหมือนลูกระเบิดที่ กำลังรอเวลาปะทุได้ทุกเวลา อ่างออกมาเห็น
“อ้าวไอ้หยก...จะไปไหนวะ”
หยกไม่ตอบหยิบหมวกกันน็อคมาสวมแล้วบิดคันเร่งเสียงดังจนอ่างตกใจรีบไปขวางทางไม่ให้ออกไป
“เฮ้ยๆ! นี่เอ็งเป็นอะไรของอะไรเอ็งวะ ท่าทางจะไปเอาเรื่องกับใครเลย”
“น้าหลบไป”
“เอ็งบอกมาก่อนว่าเอ็งไปมีเรื่องอะไรมา”
“ฉันบอกให้น้าหลบไป...หลบ!”
หยกบิดคันเร่งคำรามเสียงดังลั่น ล้อมอเตอร์ไซค์หมุนฟรีจนอ่างตกใจรีบกระโจนหลบเฉียดฉิวที่หยกพุ่งทะยานไป
“ไอ้หยกมันเป็นบ้าอะไรของมันวะเนี่ย เกือบไปแล้วกู”
อ่างถอนหายใจ สักครู่ดุจแพรก็เดินเข้ามา
“น้าอ่างจ้ะ”
“อ้าว...คุณแพร มีอะไรเหรอครับ”
“ฉันมาหาหยกจ้ะน้า ซื้อรังนกมาให้เขา”
“ไอ้หยกมันเพิ่งไปเมื่อกี้เองครับ ก่อนคุณมาได้แป้บเดียวนี่เอง”
“เพิ่งไปเหรอ...แล้วเขาไปไหน”
“ไม่รู้สิครับ...แต่ท่าทางมันเหมือนหมาบ้าพร้อมจะไปฟัดกัดไม่เลือกยังไงก็ไม่รู้ ถามว่าไป มีเรื่องอะไรมามันก็ไม่ยอมบอก”
ดุจแพรนิ่งไปแล้วสงสัย
“งั้นน้าเอารังนกไปกินแล้วกันนะจ๊ะ”
ดุจแพรยัดรังนกใส่มืออ่างแล้วรีบเดินออกไป
“รังนก...จู๊กกรู้...ลาภปากเลย” อ่างหัวเราะชอบใจ
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าช่วยเดินมาตามทางเดินในตรอก น้ำตานองหน้าอย่างเจ็บปวด คำพูดที่ขับไสไล่ส่งหยก ยังดังอยู่ในหัวกัดกินหัวใจเธออยู่
‘เธอเห็นมั้ยหยก...แค่ฉันล้มเธอก็ต้องรีบวิ่งมาดึงฉัน แล้วต่อไปอีกสิบปียี่สิบปีฉันจะไม่ เป็นภาระหนักให้เธอมากกว่านี้อีกเหรอ’
‘ไม่...ฉันจะไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นกับเธอเด็ดขาด’
“หยก...ต่อให้เธอสาบานว่าเธอจะไม่รู้สึกแบบนั้น แต่สำหรับฉัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยน ความรู้สึกนี้ไปได้..ได้โปรดเถอะนะ อย่าเอาความรักของเรามาทำร้ายกันและกันเลย”
กิ่งเหมยเจ็บปวดจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันทะลักออกมาอย่างเจ็บปวดและเสียใจ
“หยก...ฉัน...ฉันขอโทษ...หยก...ฉันขอโทษ”
กิ่งเหมยรู้สึกผิดตัดสินใจไปหาหยกทันที
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าคลำทางเข้ามาหาหยก เมื่อถึงที่พักและร้องเรียก
“หยก...หยก...เธออยู่ไหน ฉันขอโทษ...ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดกับเธอแบบนั้น...หยก เธออยู่ไหน...หยก...ฮือๆ”
กิ่งเหมยเรียกหา เมื่อไม่พบก็นั่งร้องไห้เสียใจ
ในผับ...เสียงเชียร์ “หมดเลยๆ” ของพวกคอเหล้าส่งเสียงดัง เพราะหยกกำลังกระดกเหยือกเบียร์ แข่ง หยกดื่มแล้วดื่มอีกเหมือนคนต้องการประชดชีวิต คู่แข่งของหยกดื่มได้เพียงแค่ค่อนเหยือกก็ทนไม่ไหวยอมแพ้หงายหลังตึง...แต่หยกไม่หยุดยังดื่มจนหมด
“เอามาอีก!”
พนักงานเข้ามาบอก
“น้อง...ชนะแล้วก็พอเถอะ”
หยกหันไปกระชากคอเสื้อ
“ฉันยังไม่เมา…ไปเอามาอีก”
หยกผลักพนักงานให้ไปเอาเบียร์มาอีก แล้วหันมาตะโกนเสียงดัง
“ใครอยากดวลกับฉัน...เข้ามาเลย”
หยกเริ่มเมาจนเซ ระหว่างนั้นนนท์กับลูกน้องเข้ามา
“นายหยก”
หยกมอง
“ใคร...แกเรียกใคร”
“เรียกนายนั่นแหละ เจ้าสัวเล้งส่งฉันมาคุยกับนาย”
“เจ้าสัวเล้ง...อ๋อ...ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย หลบไป”
หยกผลักไหล่นนท์แล้วจะเดินออกไป นนท์เห็นท่าทางหยกดูจะพูดไม่รู้เรื่องเลยหยักหน้ากับลูกน้อง
ลูกน้องเจ้าสัวเล้งช่วยกันล็อคตัวหยก จับมานั่งลงที่โซฟามุมหนึ่งในร้าน หยกพยายามขัดขืน
“ปล่อยนะเว้ย...บอกให้ปล่อย”
“อยู่เฉยๆแล้วฟัง! เจ้าสัวส่งฉันมาเพราะเรื่องที่นายช่วยชีวิตท่านไว้”
“ตกลงเจ้าสัวของพวกแกยังไม่ตายใช่มั้ย...ยินดีด้วย มา...มาดื่มฉลองกัน”
หยกจะลุกไปสั่งเหล้า แต่โดนนนท์จับไหล่กดลงให้นั่งแล้วฟัง
“เจ้าสัวต้องการให้ฉันพานายไปพบเพื่อคุยเรื่องที่ท่านจะตอบแทน แต่นายต้องหยุดเมา ก่อน ฉันถึงจะพาไป”
“หยุดเมา...ฮ่าๆ ฉันไม่ได้เมาสักหน่อย...ถ้าอยากตอบแทนอะไรฉันล่ะก็ เลี้ยงเหล้า ตอนนี้เลยดีกว่า”
ลูกน้องส่ายหน้า
“สภาพมันแบบนี้ขืนพาไปคงคุยกับเจ้าสัวไม่รู้เรื่องแน่ครับ”
นนท์นิ่งมองหยกอยู่ครู่ ก่อนจะหันไปหยิบถังน้ำแข็งจากโต๊ะใกล้ๆมาสาดใส่หน้าหยกทันที
“แค่นี้มันคงทำให้แกมีสติขึ้นมาบ้างนะนายหยก”
หยกนิ่งไปหน้าเปียกโชก นนท์พยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปช่วยกันดึงหยกขึ้นมา
“พาตัวไปเลย”
ลูกน้องเข้าไปล็อคแขน แต่หยกหันไปคว้าขวดเหล้าใกล้มือฟาดใส่กลางกบาลพวกมันทันที...เพล้ง !! นนท์ตกใจ หยกฉวยโอกาสนั้นถีบพวกมันแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“ตามไป !!”